ฟังเสียงเจมพิมพ์อะไรป๊อกแป๊กไม่นานผมก็หลับ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่มีอีก 2 คนเข้ามาในห้อง ตอนแรกก็งงนิดหน่อยเพราะคนพวกนี้เปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้ว นี่เขาเตรียมเสื้อผ้ากันมากี่ชุดวะเนี่ย
“จนได้นะเจม พี่ให้มาพักไง”
“ก็พี่หนึ่งให้เจมพักตอนที่งานเร่งนี่ ใครจะพักได้ ถามตารางเจมบ้างดิ”
“รอบนี้เจมรับปากธามเองไม่ใช่หรอ? อย่าโยน”
“เออๆๆ พอ”
“ขอแฟนผมพูดบ้าง นอนบูดไปแล้วนั่นน่ะ” นายมือโปรขัดการโต้เถียงคำเล็กคำน้อยของเพื่อนเขาและแฟนของเพื่อน ตัวหนาๆ แหวกเจมมาหาผม ดันเจมจนแทบตกเตียงแล้วก็มานอนคว่ำหน้า ตีขาไปมาอยู่ใกล้ๆ ผม
“ไม่เข้ากับคุณเลยโป๊ะ”
“เจมไปห้องกัน”
“ทำงานอ่า”
“เอาไปทำที่ห้อง เร็วครับ”
“สิ”
ลุกเลยแฮะ คนโดนเรียกหน้างุ้มปากงอหันมองผมเหมือนฟ้อง ผมก็ได้แต่ยิ้มให้เบลอๆ เพราะผมเพิ่งตื่น พอเจมโดนจูงจนเกือบอุ้มออกไปแล้ว นายมือโปรก็รี่ไปล็อกห้อง แล้วกระโดดมาจับกบบนเตียงใหม่ อ้อ!ไม่ต้องส่องหากบหรอกครับ ผมเอง โดนตระครุบอยู่นี่แหละ
“อะไรครับ”
“ไม่นอนสิ มาทะเลทั้งทีต้องรื่นเริง สดชื่น”
“ก็ไม่มีอะไรให้ทำ ออกไปเล่นน้ำตอนนี้ก็แดดร้อน”
“พี่โจ้เขาเหงาเหรอ ถึงได้อยากให้วินพาเขาเล่น”
“เอ้ย คิดไรเนี่ย”
“โจ้เหงาก็เรื่องของโจ้สิ อีกอย่าง พีชกับบัวก็มาแล้ว ผู้หญิงคุยกันรู้เรื่องกว่า”
“หรอ”
“จริง”
“ก็ไม่ได้ว่าไม่จริง แค่ไม่รู้ว่าพี่โป๊ะคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ไม่ได้คิดเลย พี่ปล่อยตามสัญชาตญาณ รอวินเข้าใจได้ด้วยสัญชาตญาณอยู่เนี่ย”
“เข้าใจว่า?”
“ว่าอยากกอด อยากฟัด”
“ทีนะ” ทีนะแปลว่าห่าอะไรไม่รู้หรอกครับ แต่โดนไปแล้ว สิ้นไอ้ทีนะ ผมก็โดนกดกอด อุ่นไม่อุ่นไม่ได้สนใจครับ คนเพิ่งตื่น มาทับแบบนี้หายใจไม่ออกเว้ย!!
“อื้อออ ปล่อย วินหายใจไม่ออก”
“งี้ต้องผายปอด”
พ่องงงงงงงงเถอะ ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ หยุดจูบกูเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!!!
ไม่ได้ผลหรอกครับ คนห่ามเบอร์นี้ ห้ามกระบวนท่าไหนเขาก็ไม่หยุด ผมหยุดดิ้นแล้วโอนอ่อนไปตามจูบเขาแทน ครู่หนึ่งก็พักรบแล้วยกตัวขึ้น แต่ก็ยังคร่อมตัวผมไว้อยู่ดี
“ชอบป่ะ”
“ไม่”
“เอ้ย! คิดนิดนึงนะ”
“อืมมมมม” ผมคิดนิดนึง
“ไม่”
“วินนี่น้า”
“ก็วินไม่ชอบจริงๆ นี่”
“ไม่ชอบจูบพี่หรอ? แย่ดิงั้น”
“ไม่ใช่ไม่ชอบจูบพี่โป๊ะ วินไม่ชอบให้มาขัดใจ วินบอกว่าไม่อยากกอดก็คือไม่ไง”
“ฟังมั่งดิ”
“ก็อยากก็ต้องทำเลย”
“หน้าด้านนะแบบนี้” ผมลอยหน้าลอยตาด่า นายมือโปรกระตุกยิ้มแล้วก็นอนทับผมอีกรอบ หอมแก้มฟอดใหญ่ หนำใจแล้วก็ฉุดให้ผมลุกขึ้นนั่ง เพื่อมาตื่นตะลึงกับการมาทะเลครั้งนี้เสียที
“ไอ้โอมมาแล้ว เครื่องครบ”
“เครื่องครบ? เครื่องอะไรหรอพี่โป๊ะ”
“เดี๋ยวเซ็ทเสร็จก็รู้”
#### @ D A W N #####
เซทเสร็จแล้วครับ รู้แล้วด้วยครับ
คนที่มาพร้อมกับไอ้โอม คือพิ่จิวและต้อม ผมไม่รู้ว่ามันไปสนิทกับพวกเขาเร็วขนาดนี้ได้ไง แต่เหตุผลเรื่องรุ่นๆ เดียวกันทำให้ผมยอมรับในความช่างตีสนิทของไอ้โอมได้
ส่วนที่ว่าเซทเสร็จแล้วเนี่ย ก็คือเครื่องดนตรีวงเล็ก และวงเหล้าใหญ่มากครับ
สารพัดประเภทเครื่องดื่มมึนเมา สารพัดยี่ห้อมารวมตัวกันแบบต้องมีคนนัดหมาย นี่ถ้านับได้ครบ 1,250 ขวดขึ้นมา มันจะต้องเป็นการพบปะกันที่สะเทือนปัจเจกวันมาฆะบูชาแน่ๆ
“เฮ้ย โอม” ผมทักเพื่อน ยิ้มให้ด้วย มันหันมาเห็นผมก็ยิ้มแฉ่งอวดผลงาน พักหลังเราเจอกันบ่อยทางโทรศัพท์ครับ แผนชีวิตมันยังไม่เปลี่ยน มันยังคงยืนยันว่าจะไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพราะอยากดูแลป้า อยากมีน้ำหน้ากตัญญูนั่นแหละครับ แต่ที่ยังไปมาหาสู่กับผมได้บ้าง ก็เพราะว่ามันกำลังหาเงินไปตั้งตัวที่นู่น มันบอกจะเก็บเงินจากที่ไทยให้ได้ห้าแสน ยืมพี่โป๊ะไปแล้วสี่แสนห้า เหลืออีก 5 หมื่น มันบอกว่าน่าจะหาได้ภายใน 2 ปี
“ไงครับ คุณชาย”
“เอ้ยๆ ไม่ดิ รองเอ็มดี”
“เอ้ยๆ ไม่ดี ทายาทเจ้าสัว”
“เอ้ยๆ ไม่ดิ”
“เหี้ยโอม”
“หิวจนต้องหาตีนแดกเลยหรอ”
“มาเลียตีนกูแก้ปากดีมั้ย”
“โหดกับกูได้ไง”
“กูเลี้ยงของกูมากับมือ ขอกูปู้ยี้ปู้ยำทางฝีปากหน่อยไม่ได้หรอครับ คุณชาย”
“เหี้ยโอม”
“เลวนะมึง”
“โอ่ๆๆ ก็ย้อเย่น”
“เย่นพ่อเย่นแม่มึง”
“แล้วนี่อะไรนักวะ แค่มาพักผ่อนกันมันต้องจัดเต็มขนาดนี้เลยหรอ”
“เอ้า!”
“ไม่เวอร์ก็ไม่ใช่ยี่ห้อเฮียกูหรอก”
“แล้วนี่อยู่ไหนวะ? หรือมึงแดกไปแล้ว คายเฮียโป๊ะของกูออกมาเดียวนี้นะ!”
บางที ของที่มันเอามามัดจำกับพี่โป๊ะเป็นหลักประกันเงินกู้หกหลัก อาจจะเป็นก้อนสมองเน่าๆ ของมันก็ได้ ผมถอนหายใจใส่แล้วก็เดินหนีไปอีกทาง นี่ก็บ่ายหนักแล้ว ท้องหิวมากแล้วครับ อยากรู้ว่านอกจากลังเหล้าทั้งหลายแล้วนี่มีอะไรให้กินบ้างมั้ย
“พี่โป๊ะไปไหนวะ?”
“กูก็ไม่รู้ ผลักกูออกจากห้องให้มาหามึงแล้วก็หายไปไหนไม่รู้”
“อาจไปทำมื้อกลางวัน”
“เอ้า มึงไม่ทำให้เขากินล่ะ?”
“นี่เฮียกูเป็นลิ่วล้อมึงหรอ ทำไมเฮียกูต้องตรากตรำทำงานผู้หญิงวะ? หรือเขาเป็นเมีย”
“อือออออออ เขาเป็นเมียกูเอง”
เพี๊ยะ!!! เสียงดังไปคุ้มทางเหนือเชียวครับ แฮะๆ ผมล้อเล่น
ผมถูกตบหัวครับ ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าฝ่ามือใคร ฝ่ามือที่ตบหัวผมได้ ก็คือฝ่ามือที่กรอมแก้มล้อมหน้าผมไปหอมเช้าจูบเย็นนั่นแหละ
“พี่โป๊ะ วินเจ็บนะ”
“เอาให้พอเจ็บนิดๆ จะได้ไม่เอ่ยอ้างกับใครว่าได้เป็นผัวพี่อีก”
“พี่รักวินนะครับ แต่เรื่องนี้พี่โคตรถือ”
“รักห่าอะไร ตบเมื่อกี้อย่างเจ็บ”
“รักเด็กห่ามันก็ต้องทำตัวเหี้ยๆ แบบนี้แหละ”
“พวกเฮียเหมาะสมกับมากมั้ยโอม”
“มากกกกกกกกกก” ไอ้เหี้ยโอม ไอ้ห้าแสนก็ซื้อได้ เห็นมันลอยหน้าลอยตายิ้มประจบเฮียมันแล้วผมของขึ้น
ผมขมวดคิ้วกลั้นน้ำตา ก็มันเจ็บจริงๆ นี่ครับ แม่งเล่นทีเผลอด้วย รักของเหี้ยมันแสบสันต์แบบนี้นี่เอง ผมล่ะซึ้ง
“เจ็บจริงหรอ”
“จริงดิวะ”
“โอเค ขึ้นวะด้วย”
“พี่ขอโทษ”
“ตบคืนดีมั้ย”
“ดี! ไปเรียกไอ้โอมมายืนฟังเสียงด้วย จะต้องให้เดซิเบลเท่ากัน” ที่ต้องเรียกร้องแบบนี้เพราะไอ้ตัวดีวิ่งรี่ไปแล้วครับ ได้ยินแว่วๆ เข้าหูมาว่าทะเลลลลลลลลลล
“ฮ่าๆๆๆ วินนนนนน”
“วินเอ้ยยยยยยย”
“พี่ขอโทษนะ อยู่กับพวกห่าโอมเหี้ยจิวแล้วมันฟีลมา”
“เลยลืม”
“ลืมอะไร? ลืมว่าเพิ่งบอกรักวิน อยากกอดอยากฟัดอะไรนั่นป่ะ?”
“แม่ง คนเรา ซึ้งเลย”
“มิน่า น้ำตาเอ่อ”
“กูเจ็บหรอก” ขอใช้ภาษาพ่อขุนหน่อยเถอะ
“ตบต่อหน้าไอ้โอมด้วย เดี๋ยวมันได้หาว่าวินแหย วินไม่ได้แหย วินไม่เคยกลัวพี่โป๊ะด้วย วินถือไพ่เหนือกว่า ถ้าวินเอาจริงขึ้นมาพี่โป๊ะนั่นแหละจะน้ำตาท่วมเข่า”
“เช็ดหัวเข่าก็พอป่ะ?”
“มันต้องท่วมหัวเข่าเลยแหละ เพราะพี่จะต้องเสียใจหนักมาก” ผมเถียงอย่างอารมณ์เสีย แม่งเสือกตบต่อหน้าไอ้เหี้ยโอม
“พี่โป๊ะขอโทษน้า”
“นะครับน้า”
“นะ”
แม่งงงงงงงง ทำไมผมต้องแพ้ทางไอ้เหี้ยนี่ด้วยวะ
“เออออออออ" ผมลากเสียงส่งๆ แล้วก็จะเดินหนี แต่เอวนี่ก็ถูกรั้งไปจนติดหน้าท้องเขาอีกนั่นแหละ
“หายโกรธรึยัง”
“แล้ว”
“ไม่จริงหรอก วินโกรธง่ายหายยาก”
“ต้องง้ออีกเนอะ”
“ง้อไงดี จูบทีดีมั้ย?”
“กอดทีดีรึเปล่า?”
“หอมทีคงดีขึ้นเนอะ”
“เยอะแล้วพี่โป๊ะ”
“ทำไงถึงหายโกรธ บอกพี่สิ”
“คิดเอง”
“คิดไม่ได้หรอก ไม่มีปัญญาเอาใจเจ้าสัวน้อย”
“สัวพ่ออองงงงงง”
“ฮ่าๆๆๆๆ เออว่ะ กวนตีนวินนี่มันสนุกดีจริงๆ ต้องตบรางวัลไอ้โอม”
“ทำไมมันต้องได้รางวัลด้วย” ผมหมุนตัวไปถาม เขายังไม่เลิกยึดเอวผมไว้ ซ้ำยังรั้งเข้าหาตัวจนผมตัวแอ่นชนะนกนางแอ่นแล้ว
“ก็พี่เห็นวินเครียด ไม่ค่อยยิ้ม แหย่ก็ไม่เล่นด้วย กินก็น้อย เหม่อบ่อย เลยลากมันมานี่ด้วย เผื่อวินอารมณ์ดีขึ้นตอนมีเพื่อนเล่น”
“วินเป็นงั้นด้วยหรอ เปล่านะครับ วินปกติ”
“วินไม่ได้ส่องกระจกทั้งวัน วินไม่รู้สภาพตัวเองหรอก พี่สิรู้ พี่มองวินทั้งวัน มองทุกวัน”
“ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าแฟนพี่กำลังคิดมากอยู่”
“............”
“ใช่มั้ย?”
“..........”
“เรื่องอะไร?”
“ฉลาดนักไม่ใช่หรอครับ คิดสิ”
“หึงโจ้หรอ”
แม่งเสือกฉลาดจริงๆ ด้วย ผมผลักอกเขา ดันตัวเองออกแล้วก้าวล้ำหน้าเขาไปก้าวหนึ่ง หันมองทะเลที่ลมและคลื่นหยอกล้อกันอยู่อย่างเพลิดเพลิน
“วินไม่ได้หึง” ผมโกหกน่ะ ผมหึง แต่พยายามไม่คิดอะไรมาก เพราะพวกเขาต่างก็บอกตรงกันว่าไม่ได้คิดอะไรต่อกัน
แต่สันดานมผม นิสัยผม ผมปล่อยวางไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาเหมาะสมกัน ผมต่างหากที่ทำให้ตอนจบของเรื่องราวเปลี่ยนไป ทำให้นิยามคำว่ารักผิดเพี้ยน
“ไม่หึงก็ดี อย่าทุกข์เพราะความคิดตัวเอง”
“อย่าสร้างเงื่อนไขขึ้นเอง อย่าฟุ้งซ่านไปเองแล้วก็งอนพี่โกรธพี่”
“ด้วยความสัตย์จริงเลย พี่ไม่ได้คิดอะไรกับโจ้เลย ไม่เคยคิด แล้วก็จะไม่คิด”
“เพราะเจอวินหรอ”
“พี่อาจเจอใครคนอื่นถ้าซักวินาทีในอดีตมันถูพลิกแพลงไป แต่ไม่ว่าจะเจอวิน ไม่เจอวิน พี่กับโจ้ก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน”
“เขาเป็นเพื่อนที่ดี ดีเกินจะไปดึงเขามาเปื้อนกับคนอย่างพี่”
“คนอย่างวินก็เลยเปื้อนเพราะพี่โป๊ะได้ หรอครับ” ผมยังมองตรงไปยังทะเลอยู่ ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องทำให้เรื่องนี้มันซีเรียสขึ้นมา บางอย่างบอกผมว่า เพราะความพร้อมของผม เพราะความเป็นวิณณ์ วัฒนนุกูล ที่ทำให้ผมได้เขามายืนเอาอกเอาใจผมอยู่แบบนี้
ถ้าสักวินาทีในอดีตผิดเพี้ยนไป ผมกับเขาคงไม่ได้รักกันแบบตอนนี้
แม้เพียงนิดเดียวของเงื่อนไขต่างๆ ที่ขยับผิดร่องเวลา ผมกับนายมือโปร คงไม่รักกัน
“บางทีนะพี่โป๊ะ”
“หือ?” เขาก้าวมายืนเสมอผม หันหน้ามาทางผม ค้อมหลงเพื่อฟังผมให้ชัดหู
ดวงตาเราสบมองกัน
ท่ามกลางน้ำทะเลที่หยอกล้อกับสายลม
หากบางอย่างถูกทำให้แปรเปลี่ยนไป ผมกับเขา คงเป็นเพียงคนที่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในอก .... เท่านั้น
“บางที อาจเพราะอะไรสักอย่างในอดีตมันถูกพลิกไป วินกับพี่โป๊ะถึงได้มาเจอกัน”
“เราอาจไม่ควรมาเจอกันตั้งแต่ต้น”
“ถ้านะ....ถ้าวินไม่สนใจคนที่บังเอิญเจอที่วัดนั้น ถ้าวันนั้นฟ้าไม่สวยจนเศร้า ถ้าผู้หญิงของพี่ ของวิน ไม่ตาย”
“เราคง.....”
“พี่คงไม่ได้เจอกับคนที่แข็งขืนตอนมองตา แต่ความรู้สึกนึกคิดอ่อนละเอียดยิ่งกว่าทราย...แบบวิน”
“ทรายจับแทบไม่ทัน”
“แต่ติดมือตลอดเลย”
“นำทะเลกอดทรายไม่เคยได้ แต่ทรายก็ลู่ตัวลงหาทุกครั้งที่คลื่นต้องห่างจากฝั่งไป”
“..............”
“ในความสัมพันธ์ ถ้าจะให้มันยาวนานก็ต้องช่วยกันประคอง ถ้าคนนึงเป็นทรายที่วิ่งหนี อีกคนก็ต้องเป็นคลื่นที่วิ่งเข้าใส่ และถ้าคนนึงเหนื่อยจะไล่จับไล่คว้า อีกคนก็ต้องยื่นมือออกมา....” เขาแบมือมาตรงหน้าผม ส่งสายตาอ่อนโยนขอให้ผมยื่นมือออกไป
ทันทีที่ผมวางมือผมบนมือเขา เขาก็พูตต่อ
“เพื่อเป็นสัญญาต่อกันว่า ผมอยากให้คุณกอดผมไว้ตลอดไป”
“พี่ไม่หมดแรงทำอะไรง่ายๆ หรอก กี่แผลๆ พี่ก็ไม่สนใจ เดี่ยวมันก็หายเจ็บ หายเศร้า”
“ถ้าไม่ต้องการความรักของพี่แล้ว แค่บอกว่าไม่ต้องการก็พอ”
“แค่ไม่ยื่นมารับความรู้สึก พี่ก็เข้าใจแล้ว”
“วินขอโทษ”
“แค่...วินรู้สึกบ่อยขึ้นทุกครั้งว่าวินได้รับความรู้สึกที่ดีมากไปถ้าเทียบกับความน่ารักที่วินไม่ค่อยมี”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็พี่มันคนเยอะ”
“เหมาะกันออก เนอะ”
เขาเป็นคนที่ครบเครื่อง รูปร่าง หน้าตา ฐานะ ทัศนคติ การศึกษา อาชีพการงาน นิสัย
ส่วนผม...มันก็แค่คนที่บังเอิญเกิดในตระกูลที่ดี และอยู่ในเส้นทางที่บังเอิญมาสะดุดเห็นกันตรงจุดตัด
ตอนนี้เราจับมือกันไว้ มันอุ่นดี อุ่นจนหวงแหนอย่างมาก
หากว่าวันนึง เราทั้งคู่ต้องก้าวเดินต่อไป ผมกลัวเหลือเกินว่าจุดหมายอาจจะไม่ใช่เส้นทางเดียวกัน
ผมไม่ตอบอะไร แค่สิ่งยิ้มให้ มองรอยยิ้มเขา มองหน้ากวนส้นตีน แต่สายจาจริงชิบหาย ผมรูดมืออกจากมือเขา และเขาก็เกือบจะรั้งปลายนิ้วของผมเอาไว้ได้ แต่คงเป็นเพราะบางอย่างจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพื่อวัดใจน้ำทะเลและเม็ดทรายว่าจะยื้อยุดกันได้แค่ไหนล่ะมั้งครับ
“โปร” เสียงใสเรียกหานายมือโปร ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าเสียงใคร ผมดึงมือกลับมาสำเร็จแล้วก็ตะโกนเรียกไอ้โอมลั่น จากนั้นก็วิ่งไปหามันที่กวักมือเรียกผมยิกๆ
ผมปล่อยนายมือโปรไว้ข้างหลัง โดยไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำว่าเขามองตามผม หรือหันไปหาคนที่สั่งสัญญาณมานานว่าต้องการเขาเหลือเกิน
#### @ D A W N #####
Tbc...
เรื่องแจ้งที่หนึ่ง
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษ เพราะรวม 2 เรื่องเข้าด้วยกัน
เส้นเรื่องของพี่หมอนำ-น้องหมาธาม ก็จะมาเดินเรื่องอยู่ในตอนพิเศษด้วยเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์เกิดขึ้นนี้ ก็เพื่อให้ใครคนหนึ่งได้ทบทวนความคิด ใครคนหนึ่งได้ไตร่ตรอง ใครคนหนึ่งได้ค้นหา และใครอีกคนหนึ่งได้ลองเผชิญกับความจริง
เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกันนี้คลี่คลาย เส้นเรื่องหลักก็กลับไปอยู่ในเรื่องตัวเองเหมือนเดิมค่ะ
อาจจะเป็นการเผยแพร่นิยายที่ชวนงงหน่อย บางคนที่ไม่อ่านเรื่อง the extension ก็อาจจะงงความธามได้
งั้นเราจะให้ข้อมูลเบื้องต้นไว้ว่า น้องธามเป็นเด็กพูดแล้วชวนงง เท่านี้แหละค่ะ
และเพราะว่าการกระทำของพี่นำกับน้องธาม ไม่มีผลอะไรกับพี่โป๊ะน้องวินอยู่แล้ว ฉะนั้น การไม่รู้จักตัวละครเรื่องนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาของคนที่อ่านแค่ at Dawn แต่ที่มาโผล่ด้วยกันเพราะ 2 เรื่องนี้เค้าดองกันอยู่เท่านั้นเอง
เราก็เลยเขียนขึ้นมาเป็นวาระพิเศษ ก็เพื่อผลักดันให้แต่ละเรื่องดำเนินไปตามวิถีที่ควร
อีกเหตุผลที่รวม 2 เรื่องมาเป็น 1-3 ตอนนี้ ก็เพราะเราไม่อยากตัวเอกของทั้ง 2 เรื่องเหงา (จริงๆ คือเราเหงา) เพราะตัวหลักของทั้ง 2 เรื่อง (พี่นำ น้องวิน) เป็นคนค่อนข้างเงียบ เรื่องเลยเดินไปแบบเงียบ เราก็เลยเหงาๆ
ฮ่าๆๆ สรุปๆ เลยก็คืออยากเขียนค่ะ
ยืนยันอีกทีว่า ไม่รู้จักอีกเรื่อง ก็ไม่งงกับเส้นเรื่องที่มารวมกันเฉพาะกิจแน่นอนค่ะ
เรื่องแจ้งที่สอง
ลักษณะการเผยแพร่
3 ตอนพิเศษนี้ จะลงในพื้นที่เรื่อง At Dawn เป็นหลักนะคะ ส่วนเรื่องน้องธาม จะไปแปะลิงไว้เท่านั้นค่ะ
จนกว่าจะจบตอนพิเศษ ทางกระทู้น้องธามจะไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เพราะน้องและพี่หมอมาวิ่งเล่นอยู่ในนี้ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ >,<