ตอนที่4
“นั่งอ่านอะไร”จีเดินออกมาจากห้องน้ำใบหน้าหล่อก้มลงไกลจนสัมผัสได้ถูกลมหายใจเย็นๆที่รดข้างใบหู
“เอ่อ”จู่ๆก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวทันทีที่ปลายจมูกโด่งก้มลงมาคลอเคลียที่ข้างแก้ม
“หอม”ริมฝีปากอิ่มพึมพำราวกับอยู่ในมนต์สะกดก่อนที่ปลายจมูกโด่งๆจะกดลงมาที่ผิวแก้ม
“อืม”ผมก็ทำแต่แค่รับคำอย่างอายๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีทำแบบนี้ จีทำแบบนี้มาตลอดนับ10ปี เขามักจะบอกว่าตัวผมหอมได้กลิ่นทีไรก็เหมือนกับกำลังเสพติด กว่ารู้ตัวอีกทีผมก็ถูกอุ้มมานั่งตักเขาที่ปลายเตียงแล้ว
“เช็ดผมให้หน่อย”น้ำเสียงออดอ้อนมาพร้อมกับสายตาเว้าวอนที่ช้อนขึ้นมองผมลำแขนแกร่งกอดรัดรอบเอวไว้ราวกับผมกำลังจะหนีหาย ผมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องอยู่ที่คอของจีขึ้นมาเช็ดผมให้ ไม่ถึงนาทีหัวหนักๆก็เอนมาซบลงที่อกผม จีชอบให้คนเล่นผมเพราะเขาจะหลับแทบจะทันที ผมก็ได้แต่เช็ดผมต่อด้วยท่าทางทุกลักทุเลพอเห็นว่าเริ่มแห้งดีก็ปลุกคนที่นั่งหลับขึ้น
“เสร็จแล้ว”ผมบอกยิ้มๆปัดผมที่ตกลงมาที่หน้าผากขึ้นให้ ดวงตาคมปรือขึ้นอย่างคนขี้เซาทำเอาผมหลุดขำแทบทุกครั้ง
“อืม”ลืมตาขึ้นมามองผมอย่างลำดับเหตุการณ์
“ปล่อยก่อนจะเอาผ้าไปตาก”ผมบอกเพราะแขนทั้งสองข้างยังรัดเข้าที่เอวผมแน่นไม่ยอมปล่อย
“อืม”วงแขนอุ่นคายออกผมเดินเอาผ้าไปตากที่ระเบียงห้องอย่างเคยชิน ก่อนจะกลับมาหาจีที่มองผมตาไม่กระพริบ
“มีอะไรหรอ”ผมเดินเอายางรัดผมมามัดผมหน้าม้าของจีขึ้นให้ ดูเหมือนผมจะเริ่มยาวอีกแล้ว
“ทำไมวันนี้ไม่มากินข้าวกลางวันด้วยกัน”จีเกี่ยวเอวผมที่ยืนอยู่อีกครั้งเมื่อรัดผมให้เสร็จก็กลับมามองหน้าของคนถามอีกครั้ง
“เลี้ยงข้าวพี่รหัสน่ะ เขาอุตส่าห์เอาชีสมาให้”ผมบอกพร้อมชี้ไปที่กองชีสที่ว่างอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของจี
“มากินด้วยกันก็ได้”จีชอบทำปากยื่นเหมือนตอนเด็กทุกครั้งเวลาไม่พอใจ
“เกรงใจไง”ผมว่าขำๆ
“ที่หลังห้ามไปกินกันแค่2คนอีก ไม่ชอบ”จีออกแรงรัดผมแน่นขึ้นอีกจนผมขยับไม่ได้
“อืม”ผมรับคำเสร็จจีก็จับผมนอนลงเตียงพร้อมกับที่เจ้าตัวขึ้นคร่อมผมแทน
“ห้ามเข้าใกล้ไอ้ตุลย์ด้วย”จีตึงข้อมือผมทั้งสองข้างพูดอย่างบังคับ
“ทำไมอ่ะ”ผมถามกลับ ใบหน้าคมก้มลงมากัดที่ซอกคออย่างหมั่นไส้”เจ็บ”ผมนิ่วหน้าใส่แต่คนข้างบนก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเท่าไหร่
“ไม่ชอบ ห้ามเข้าใกล้เข้าใจไหม”
“อืม”ผมรับคำได้แค่นั้นเพราะจีก้มลงมาจนปลายจมูกเราชนกัน สายตาคมจ้องมองเข้ามาในดวงตาของผมเหมือนกำลังหายอะไรบ้างอย่างถึงจะอยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิต แต่ผมก็ไม่ชินกับการใกล้ชิดของจีแบบนี้สักที
“จูบนะ”ไม่รอคำตอบก็ก้มลงมาประทับริมฝีปากลงบนกลีบมาผม ริมฝีปากร้อนเริ่มนวดคลึงดูดกลืนกลีบปากผมอย่างหิวกระหายผมพยายามจะผละออกจากจีเพราะมันเริ่มนานกว่าทุกทีจนผมเริ่มหายใจไม่ออก แต่เพราะข้อมูลที่ถูกตึงทั้งสองข้างทำให้ผมขยับตัวไม่ได้ พอจะเริ่มอ้าปากประท้วงลิ้นร้อนก็สอดเข้ามา ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกนี่เป็นครั้งแรกที่จีสอดลิ้นเข้ามา ลิ้นร้อน
พยายามเกี่ยวตวัดกับลิ้นของผมส่วนผมก็ทำได้แค่หนีอย่างไม่เป็นงาน
“หึหึ”ถอนจูบออกก่อนจะจ้องมองผมที่หอบเหนื่อยเหมือนกลั่นแกล้ง
“นอนไปเลย”ผมผลักอกคนข้างบนจนจีเอนไปอีกฝั่ง ส่วนผมก็เดินเข้าห้องน้ำหัวใจเต้นรัวจนอดคิดไม่ได้ว่าจีจะได้ยิน พอเงยหน้ามองตัวเองในประจกก็อายหนักเข้าไปอีก ริมฝีปากของผมแดงและบวมฉึ่ง ทำให้นึกถึงสาเหตุขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพื่อนกันต์เขาจูบกันต์ขนาดนี้หรอครับ
บอกผมทีซิครับว่าเพื่อนคุณก็จูบคุณแบบนี้
หลังจากจบศึกผมก็เจ้านอนเห็นจีนอนเล่นมือถือยู่ที่เตียงพอผมขึ้นเตียงเข้าก็เก็บมือถือและปิดไฟ ก่อนจะดึงผมให้มานอนซบอกโดยมีลำแขนกอดผมตลอดทั้งคืน
นับวันผมยิ่งคิดว่าผมคงเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเขายังทำแบบนี้กับผมทุกวัน
“เฮ้ย”ผมคิดไม่ตกจริงๆว่าคำว่าเพื่อนสำหรับจีคืออะไร เราไม่ใช่เด็กๆจะได้ทำแบบเมื่อคืนได้ แต่ทำไมเขายังทำทั้งๆที่มองผมเป็นแค่เพื่อน เฮ้อ~~~
“เป็นไรอีก นั่งทำหน้าแรดแต่เช้า”ฟางเดินเข้ามาหาผมที่ม้าหินหน้าคณะ รอเรียนรอบเช้า ผมเลยมานั่งอ่านหนังสือใต้ร่มไม้เย็นๆ แต่อ่านมาตั้งนานก็ไม่เข้าหัวสักนิด จะมีแต่เรื่องเมื่อคืนนี้แหละที่เข้ามาไม่หยุดหย่อน
“ป่าว”ผมนอนซบลงกับกองชีสหนาๆอย่างหมดแรง
“เรื่องเมื่อวานอ่ะว่าไงพอรู้อะไรบ้างยัง”ฟางยกแก้วน้ำแดงที่ถือมาขึ้นดูด
“จูบ”ผมก้มหน้าติดชีสแล้วตอบ
“อะไรนะ”
“จูบ เพื่อนกันเขาจูบกันด้วยหรอ”ผมเงยหน้าขึ้นถามอย่างไม่เข้าใจ
“มันก็มีนะสมัยนี้”ฟางตอบแบบปัดๆ
“แต่เอาลิ้นเข้ามาด้วยนะ แล้วๆๆนานเป็นาทีเลย”ผมลุกขึ้นมาพูดอย่างล้นลาน ไม่ชอบเลยเวลาที่จีทำอะไรกับผมแล้วคนอื่นชอบมองว่าเพื่อนกันเขาก็ทำกันแบบนี้
“เชี่ย ถึงขั้นแล้วหรอ”ฟางร้องเสียงดังจนคนที่นั่งอยู่ในละแวกเดียวกันหันมามองผมรีบเอามือปิดปากฟางแทบทันที
“อย่าเสียงดังดิ”ผมว่าฟางพยักหน้าผมเลยยอมปล่อยมือ
“ควายมาก ถ้าทำแบบนี้แล้วยังเรียกว่าเพื่อน”ฟางพูดอย่างจริงจัง
“ใช่ไหมล่ะ”ผมเครียดจริงๆ มันอึดอัดเพราะบ้างเวลาเราก็คิดว่าเราสำคัญและสามารถมีสิทธิในตัวเขาเต็มที่ แต่บ้างทีอยู่ๆก็มีกำแพงโผล่ขึ้นมากั้นเราให้ห่างกัน ผมทำตัวไม่ถูกเพราะผมไม่รู้ว่าตอนไหนที่ผมจะสำคัญและเวลาไหนที่ผมหมดความสำคัญ
“ทำไงดีอ่ะ”ผมเงยหน้ามองฟางอย่างขอความช่วยเหลือ
“ก็ไม่ยาก ไปบอกรักมันดิ แค่นั้นแหละ”ฟางตอบแบบเรียบๆแล้วหยิบแป้งพัฟขึ้นมาแต่งหน้า
“ไม่ได้หรอก จีมีแฟนแล้ว ไปพูดแบบนั้นได้ไง”จีคบกับน้องเอสอยู่ถ้าผมไปบอกรักทั้งๆที่รู้อยู่แกใจว่าไม่มีทางสมหวัง เป็นคุณคุณจะทำหรอครับ
“กูมีให้มึง2ทางเลือก”ฟางเก็บแป้งพัฟลงกระเป๋าแล้วหยิบลิปสติกสีแดงสดขึ้นมา”1ตัดใจ”ฟางว่าเสร็จก็ลงมือทาลิปสติกสีแดงสดทับสีพีชอ่อนก่อนหน้าทันที
“และอีกทางอ่ะ”เพราะว่าฟางอาแต่ทาลิปสติกอยู่นาน2นานจนผมเริ่มทนไม่ไหว
“แย่งมันมา”ไม่หน้าเชื่อแค่สีลิปสติกสีเดียวก็เปลี่ยนลุคของหญิงสาววัยรุ่นสวยหวานให้เป็นเป็นผู้หญิงโตเต็มวัยและดูร้ายกาจ
“บ้าหรอ”จะไปแย่งมาได้ไง ผมเป็นเพื่อนกับจีมาตั้งแต่เด็กถ้าผมทำแบบนั้นผมอาจจะโดนเกียดไปตลอดชีวิต แล้ว น้องเอสก็น่าสงสาร ผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก
“งั้นก็ตัดใจ”พอได้ยินคำนี้ผมก็ยิ่งเจ็บเลยครับ มันเป็นหนทางที่ผมคิดไว้ตั้งแต่แรก ถึงจะคิดว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุด แต่ผมกลับไม่อยากจะทำมัน
“เห็นไหมมึงทำไม่ได้หรอกเพราะฉะนั้นก็ทางที่สอง แย่งมันมา เอาล่ะมาเริ่มเลย”ฟางยืนขึ้นเก็บของลงกระเป๋าแล้วดึงแขนผมให้ลุกขึ้นตาม
“ไปไหน”อีกไม่กี่นาทีจะเข้าเรียนแล้ว
“เตรียมตัวไง”ว่าจบก็ลากผมไปที่ลานจอดรถ
“เตรียมอะไร จะเข้าเรียนแล้วนะ”ผมมองไปที่คณะเห็นกลุ่มนักศึกษาปีกำลังเดินขึ้นตึก
“โดด”ว่าจบก็จัดการหยัดผมเข้ารถ บ้างทีผมก็สงสัยนะครับว่าตัวเองขาดพละกำลังของผู้ชายหรือฟางที่มีมันเกินกว่าผู้หญิงปกติ
ฟางพาผมขับรถมาที่ห้างดังใจกลางมือที่ค่อนข้างไกลจากมหาลัยพอสมควร ผมคงกลับไปเรียนไม่ทันแล้วแน่นเลย ผมเดินตามหญิงสาวรูปร่างดีที่เดินเชิดหน้าตามแบบฉบับของสาวมั่นเรียกสายตาให้คนผ่านไปผ่านมาต้องหยุดมอง
ฟางเป็นคนสวยที่ไม่เคยโอ้อวด เธอพอใจในหน้าตาเธอ แต่เธอก็ไม่คิดว่าดีกว่าผู้หญิงคนอื่น เธอจึงแต่งตัวให้ดูดีที่สุดเท่าที่เธอคิด แต่บางคนกลับมองว่าเธอสวยมากอยู่แล้วการที่เธอพยายามแต่หน้าแต่งตัวให้ดูดีขึ้นไปอีกทำให้ใครหลายคนมองว่าเธอ
อยากอวดและขี้โกงซึ่งมันไร้เหตุผล
“น้องฟาง คิดถึงจัง”ฟางเดินเข้ามาในร้านตัดผม ร้านหรูหราตกแต่งด้วยโทนสีดำทองมีกระจกอยู่รอบด้านและมีเกาอี้ตัดผมนับ10ตัว
“ค่ะ เหมือนกัน อ๋อ วันนี้ฟางมีนี่มา”ฟางพูดจบก็หันมาจับผมให้มาอยู่อยู่ข้างหน้าของช่างตัดผมเอ่อ ซึ่งผมไม่แน่นใจเพศเท่าไหร่
“ต๊าย น่ารักเชียว”พี่ช่างตัดผมว่าพร้อมจับผมหมุนไปมาแล้วร้องบอกอย่างชอบใจ แต่ผมงงจนทำอะไรถูก
“ให้เต็มที่เลยเคย อยากได้แบบลุกเช็กซี่ แต่น่ารัก”
“โอเค๊คร่า”แล้วผมก็ถูกลากขึ้นเตียงสระผม มีช่างสามสี่คนเข้ามาพูดคุยเหมือนกำลังวิเคราะห์อะไรบ้างอย่างจากนั้นผมก็ถูกทำเหมือนตุ๊กตานอนตรงนั้นนั่งตรงนี้เปลี่ยนที่นับ10รอบในเวลา6ชั่วโมง ผมหลับแล้วหลับอีกแต่ตื่นขึ้นมาทีไรก็เห็นแค่ผ้าขนหนูสีขาดที่กำลังพันรอบหัวผมอยู่ และในที่สุดมันก็จบ
“นี่ไงน้องฟาง โอเคไหมค่ะ”ผมได้ยินเสียงร้องเรียกฟางเสียงดังจนผมต้องตื่นขึ้นมา ภาพตรงหน้าคือเด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลทองที่ถูกตัดให้สั้นและเซ็ทเป็นทรง ผมมองตัวเองในกระจกอย่างงงๆ หันซ้ายหันขวาอยู่นานสองนาน เอาตรงๆผมเพิ่งรู้วันนี้จริงๆว่าผมก็หล่อได้เหมือนกัน
“แจ๋วเลยค่ะ”ฟางว่าจากนั้นเราก็เดินไปซื้อของอีกหลายอย่างมก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่เพราะการถูกลากไปลากมาที่กินเวลาเกือบ8ชั่วโมงมันทำเอาผมหัวหมุนจนผมไม่มีเวลาเรียบเรียงหรือคิดอะไรเท่าไหร่ มารู้ตัวอีกทีผมก็ถูกฟางทิ้งที่ใต้คณะวิศวะ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ6โมงเย็นนักศึกษามากมายนั่งอยู่ใต้ตึก พอผมลงจากรถพร้อมถุงกระดาษแบรนดัง เต็มสองมือ ทุกคนก็หันมามองที่ผมอย่างสนใจ ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกพยายามมองหาที่หลบแต่มันก็ไม่มี
“กันต์”ผมสะดุ้งทันทีที่ถูกใครบ้างคนสะกิดจากข้างหลัง
“เลิฟ”ผมรู้สึกโล่งอกเพราะคนที่เข้ามาทักผมนั้นคือเลิฟที่ในมือมีแก้วน้ำอดลมอยู่ในมือทั้งสองข้าง
“ไอ้เลิฟเร็วดิ”และดาลิ่งที่เดินมาตามหลังดันหลังพี่ชายให้เดินไปข้างหน้าแต่พอเห็นผมเลิฟก็ค้างพร้อมกับทำแก้วน้ำในมือตก และน้ำก็กระจายไปทั่วพื้นทั้งผมและมายเลิฟต่างกระโดดหนีตามสัญชาติญาณ แต่ดาลิ่งกลับยืนเฉยๆ
“กันต์”ผมได้ยินเสียงจีที่ดังมากจากด้านหลังจนผมต้องหันไปมอง
“กันต์ ไปทำอะไรมาอ่ะ เมื่อเช้ายังดำอยู่เลย”วาที่เดินตามมาสมทบพร้อมกับตุลย์วิ่งเข้ามาหาผมอย่างตกใจ
“เราดำหรอ”ผมว่าผมก็ไม่ดำนะถึงจะไม่ขาวเท่าน้องทีก็เถอะ
“เปล่าเราหมายถึงสีผมอ่ะ ดูดีมากเลย”วาว่ายิ้มๆ เกาคออย่างทำตัวไม่ถูกและหลบสายตาผมอย่างอายๆ
“ขอบคุณ”ผมว่ายิ้มๆกลับ
“ไปทำอะไรมา”แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่พอใจ
“อ่อพอดีวันนี้ฟางพาไปทำผมใหม่มาอ่ะ ดูดีป่ะ”ผมว่าพร้อมหมุนตัวให้จีดู
“กลับบ้าน”แต่แทนที่จะกล่าวคำชมเชยสักคำแบบที่ใครๆทำจีกับลากผมขึ้นรถ ดูจากแรงที่บีบต้นแขนผมก็พอรู้ว่าจีไม่คิดจะชื่นชมทรงผมใหม่ของผมแน่
TBC.
ติดสอบซัมเมอร์อ่ะ
น้องจีไม่น่ารักเลยเฮ้อ
ส่วนนิยายเรื่องอื่นที่แต่งๆค้างไว้บอกเลบอารมณ์ไม่มีความคิดไม่มามาเมื่อไหร่จะเอาลงเน้ออย่าด่าเราเลย