ตอนที่10: ความหึง“พร้อมกันไหม”
“ค่ะ ” พี่สองเป็นคนตอบรับชลนที พวกเขากำลังเตรียมตัวเดินทางไปประชุมที่บริษัทลูกค้า
“งั้นก็ไปกันเลย อินกับคูนไปรถผม ที่เหลือไปรถคุณสอง”
“ค่ะ” “ครับ” พวกเขาตอบรับพร้อมกัน ต่างคนต่างถือข้าวของของตัวเองเดินไปขึ้นรถ อินมีเพียงสมุดบันทึกในขณะที่คนอื่นๆ พกพาโน้ตบุ๊คไปด้วย เขาชอบจดลงในสมุดมากกว่า เพราะอย่างนั้นถึงให้สมุดออแกไนเซอร์เป็นของขวัญให้กับศิระ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะถูกเปิดหรือยัง
• • • • • • • •
“มาแล้วเหรอคะ ตรีรออยู่เลย”
อินลอบสบตากับคูนเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งพุ่งเข้ามากอดแขนชลนทีแบบแนบชิดตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้ามาในบริษัท โดยไม่สนสายตาของพนักงานที่มองมา เขาเดาได้ทันทีว่านี่คือคุณตรีลักษณ์น้องสาวเจ้าของบริษัท
“ครับ” ชลนทียิ้มสุภาพ ขยับตัวออกห่างแต่แขนของหญิงสาวยังกอดแน่น
“ตรีบอกพี่ไตรแล้วนะคะ ว่าต้องดูแลคุณชลของตรีให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นตรีไม่ยอมจริงๆ”
คูนหันไปยิ้มให้อินแต่โดนเพื่อนใช้สายตาปราม เขาต้องก้มหน้าลงเพื่อซ่อนยิ้ม
“ขอบคุณครับคุณตรี แต่เรื่องงานทางบริษัทผมพร้อมทำงานเต็มที่ครับ มีอะไรคุณไตรแจ้งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“พูดอย่างนี้ห่างเหินจังเลยค่ะ” น้ำเสียงของหญิงสาวกระเง้ากระงอด
“ไม่พูดเรื่องงานดีกว่า เดี๋ยววันนี้คุณชลอยู่ทานข้าวกลางวันด้วยกันนะคะ ตรีจะพาไปทานร้านอร่อยแถวนี้รับรองคุณชลต้องชอบ”
“ขอบคุณครับแต่ผมมากับทีมงานหลายคน ต้องพาน้องๆ ไปทานข้าวด้วย”
“ให้ไปกันเองไม่ได้เหรอคะ คุณชลก็อยู่คุยกับพี่ไตรก่อน”
“ทีมงานมารถผมครับต้องกลับพร้อมกัน”
คูนไม่ได้ตั้งตัวเมื่อสายตาไม่พอใจหันมามอง เขาส่งยิ้มไปให้แต่ดูเหมือนหญิงสาวไม่อยากรับ เขาก็เพิ่งเคยเจอผู้หญิงเอาแต่ใจขนาดนี้ ต้องยอมยกนิ้วให้ชลนทีที่ใจเย็นและหลีกเลี่ยงได้ทุกเรื่อง แต่กว่าจะจบโปรเจ็คก็อีกหลายเดือน เขาชักสงสัยว่าเจ้านายจะเอาตัวรอดได้ไหม เพราะดูเหมือนหญิงสาวรุกหนักเหลือเกิน
“คูน”
“ครับ?” คูนสะดุ้ง เขากำลังนินทาในใจเพลินๆ ดันถูกเรียกชื่อขึ้นมา
“เรฟเฟอเรนซ์ที่นำมาเสนอให้คุณไตรรัตน์เรียบร้อยดีใช่ไหม” ร่างสูงของชลนทีก้าวช้าลง บังคับให้คูนต้องเดินเข้าไปหา เขาเดินตีคู่อีกด้านของชลนที
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“เดี๋ยวผมจะให้คุณเป็นคนนำเสนอโดยตรงแทนฝ่ายการตลาด”
“ครับ”
เรื่องพวกนี้พวกเขาประชุมวางแผนกันมาเรียบร้อยแล้ว ใครทำอะไรต่างรู้หน้าที่ของตัวเองดี คูนจึงรู้ว่าชลนทีกำลังดึงเขาขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้คุณตรีลักษณ์ดึงไปเรื่องอื่นอีก
“สวัสดีครับคุณไตรรัตน์” ชลนทียกมือขึ้นไหว้ ทำให้แขนของหญิงสาวตกลง ชายหนุ่มทักทายเจ้าของบริษัทโดยการก้าวเข้าไปหา คูนจึงเป็นคนเดียวที่ยืนคู่กับหญิงสาว สายตาที่ตวัดมามองทำเอาขนลุกซู่ ยังไม่ทันเริ่มงานเขาก็โดนเกลียดเข้าให้แล้ว
“เชิญด้านในเลยครับ”
“ครับ”
คูนโล่งอก เขารีบเดินตามชลนทีเข้าไปในห้องประชุม ตามมาด้วยอินและทีมงานที่เหลือที่เพิ่งมาถึง
“งานนี้หนักแน่ๆ” พี่สองส่ายศีรษะเมื่อมองออกไปนอกห้องประชุม เห็นคุณไตรรัตน์กำลังยืนคุยกับน้องสาวด้วยสีหน้าจริงจัง ในขณะที่อีกคนสีหน้าดื้อดึงและโวยวายในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ยิน
“พยายามกันหน่อย ถ้าเราทำงานนี้สำเร็จจะเป็นผลงานชิ้นใหญ่ให้กับบริษัท” ชลนทีบอกลูกน้องทุกคน ก่อนที่ทีมงานของไตรรัตน์จะทยอยกันเข้ามา
การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อหญิงสาวไม่ได้เข้ามาร่วมด้วย ต้องขอบคุณเจ้าของบริษัทที่ไม่ยอมน้องสาว แต่ก็ไม่รู้ว่าหน้างานจริงๆ จะเข้ามาวุ่นวายไหม
ชลนทียืนคุยกับไตรรัตน์และตรีหลังประชุมเสร็จ อินกับคูนจึงนั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ขณะที่รถอีกคันกลับไปก่อนแล้ว
“หิวว่ะ” คูนกระซิบบอกเพื่อน เมื่อเลยเที่ยงมาหลายนาที
“ทนหน่อย”
“ไม่จบง่ายๆ แน่ ดูสิ” คูนพยักพเยิดไปทางทั้งสามคน เห็นอาการเกาะหนึบของตรีลักษณ์แล้วเขาคิดว่าชลนทีคงสลัดไม่ได้ง่ายๆ
“เราว่าคุณชลก็คงดูเวลาอยู่ ทนอีกนิด”
“อืม” คูนพยักหน้า เขามองอย่างไร้ความหวัง แต่ดูเหมือนโชคจะช่วยเมื่อโทรศัพท์ของชลนทีดังขึ้น ชายหนุ่มรับสายและขอตัวเดินแยกออกมา
“รอดไป” คูนพูดกับอินเบาๆ พวกเขาลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อม เมื่อชลนทีเดินมาถึงก็รีบเดินตามอีกฝ่ายออกมาด้วยความรวดเร็ว
“เดี๋ยวเราแวะทานข้าวกลางวันก่อน”
“ได้ครับ” อินตอบรับ เขานั่งหน้าคู่กับชลนทีเหมือนขามา
ใช้เวลาสิบกว่านาทีก็ถึงร้านอาหารที่ชลนทีเลือก พวกเขาลงจากรถเดินตามเจ้านายเข้าไปด้านใน
อินเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใครนั่งรออยู่ เขาตัดสินใจเสียมารยาทนั่งลงก่อนชลนทีโดยเลือกนั่งฝั่งตรงข้ามศิระ ทำให้ชลนทีต้องนั่งฝั่งเดียวกับเพื่อนและคูนนั่งลงข้างเขา
“โทรมาได้ทันเวลามาก”
“ก็ตามเวลานัด”
อินกับคูนสบตากัน แน่ใจว่าพวกเขาคิดเหมือนกันเมื่อได้ยินประโยคที่ชลนทีกับศิระพูดกัน
“โหนับถือเลยครับ แบบนี้นี่เอง” คูนอดพูดไม่ได้ เขานึกทึ่งกับวิธีของชลนที
“เปล่า ผมไม่ได้นัดกันแบบนั้น ศิระอยากตามมากินข้าวด้วยก็เลยนัดเวลากันว่ากี่โมง”
“อ๋อ แต่คุณศิระมาทานไกลเหมือนกันนะครับ”
“ไกลหน่อยแต่ทานแล้วมีความสุขกว่า ก็น่ามาไม่ใช่เหรอ”
“แปลว่าที่นี่อาหารต้องอร่อยมากแน่ๆ ใช่ไหมครับ”
คูนสะดุ้งเมื่อโดนอินหยิกแขนอย่างแรงใต้โต๊ะ เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังเปิดโอกาสให้ศิระ
“ไม่เกี่ยวกับอาหาร เกี่ยวกับคน”
ศิระสบตากับอิน ดวงตาคู่นั้นบอกความหมายชัดเจนจนอินต้องหลบสายตาลง
“สั่งอาหารเถอะ หิวแล้ว” ชลนทีพูดขึ้นเมื่อทั้งโต๊ะเงียบสนิท
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ หัวข้อการสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องงาน อินจึงรู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นมาบ้าง
“นายคิดว่าไหวไหม”
“เรื่องไหน” ชลนทียกยิ้มมุมปาก “ถ้าเรื่องงานดูแล้วสบายมาก ฉันเชื่อฝีมือของอินกับคูนว่าเอาลูกค้าอยู่แน่ ตอนพรีเซ้นต์เรฟเฟอเร้นซ์ก็ดูถูกใจเกือบทุกงาน”
“แปลว่าอีกเรื่องน่าปวดหัวมากกว่า”
“ก็อย่างที่นายรู้”
“ฉันถามแล้วว่าจะรับงานนี้จริงไหม ไม่อยากให้มีปัญหากันทีหลัง”
“งานใหญ่งานสร้างชื่อแบบนี้ไม่รับได้ไงวะ ปัญหาอย่างอื่นก็ค่อยๆ แก้ไป”
“เรื่องคุณตรีเหรอครับ โอ๊ย! จะหยิกอะไรหนักหนาอิน” คูนลืมตัวหันไปบ่นเพื่อน อินหน้าแดงเรื่ออายที่ถูกจับได้ เมื่อสายตาอีกสองคู่มองมา
“โดนหยิกบ่อยเหรอ”
“ครับ” คูนพยักหน้า จะปฏิเสธศิระก็ไม่ได้ในเมื่อเขาหลุดปากออกไปแล้ว
“งั้นก็ย้ายมานั่งฝั่งนี้จะได้ไม่โดน” ภีระลุกขึ้นยืนเดินอ้อมโต๊ะไปหา
ซวยแล้วกู! นั่นคือสิ่งที่คูนคิดในใจ เขาหันไปสบตาเพื่อน ยิ้มแหยๆ เป็นการขอโทษ จำใจต้องเปลี่ยนที่นั่งกับอีกฝ่าย
สายตาขำๆ ของชลนทีทำให้คูนเผลอทำหน้ายุ่งใส่ ขำเขาเข้าไป ไม่พลาดโดนคุณตรีลักษณ์จับกินบ้างให้มันรู้ไป
แต่การย้ายที่นั่งครั้งนี้ไม่ทำให้อินอึดอัดอย่างที่คิด ศิระไม่ได้รุกเขามากจนเกินไป นอกจากตักอาหารใส่จานให้โดยไม่พูดอะไร การสนทนาบนโต๊ะอาหารจึงเกี่ยวกับเรื่องงานเป็นหลัก การได้ฟังทั้งสองคนคุยกันทำให้เห็นมุมมองการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น
“ใครไปนั่งเป็นเพื่อนศิระคนหนึ่งสิ” อินกับคูนชะงักเมื่อชลนทีเอ่ยปากขึ้นมาระหว่างเดินตรงไปที่รถ พวกเขาลอบสบตากันก่อนคูนจะส่งสัญญาณว่าเขาจะเสียสละเอง
“ผมเองครับ”
ทันทีที่พูดจบศิระก็มองเขานิ่ง นิ่งจนคูนเย็นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เขาหันไปมองเพื่อน ยกมือขึ้นลูบต้นคอ ชักไม่แน่ใจในความคิดของตัวเอง
“มาสิ”
“ครับ?” คูนตาเบิกกว้างเมื่อศิระเรียกเขา
“จะไปรถผมไม่ใช่เหรอ”
“ครับ” คูนรับคำเสียงจ๋อย เริ่มคำนวณว่าจากตรงนี้ไปถึงบริษัทจะใช้เวลาประมาณกี่นาที แล้วเขาจะตายในรถก่อนไหม
“ไม่ต้องเดี๋ยวเราไปคันโน้นเอง คูนกลับกับคุณชลเถอะ”
เหมือนเสียงสวรรค์มาโปรด เมื่ออินแตะมือลงบนไหล่เขา ตัดสินใจเปลี่ยนคันกัน
“เฮ้ยกูไปได้” คูนพูดเบาๆ แสดงสปีริตให้เพื่อนเห็น
“แน่ใจ?” คิ้วของอินเลิกขึ้นน้อยๆ มองมาอย่างรู้ทัน
“งั้นมึงไปเถอะ” คูนรีบเสียสละให้เพื่อนทันที
อินได้แต่ส่ายศีรษะไปมา เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรให้คูนต้องลำบากใจ แม้ว่าเพื่อนเอ่ยปากว่าจะช่วยเขาก็ตาม
• • • • • • • •
“ทำไมถึงชอบแกล้งคูนครับ” อินหันไปมองคนขับด้วยสายตาเอาเรื่อง คิดว่าควรพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นสายตาที่ศิระมองเพื่อน
“ผมจะแกล้งคูนทำไม” คนตอบพูดกลั้วหัวเราะ ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณศิระทำหน้าตึงขนาดนั้น ให้ผมเรียกว่าอะไรครับ”
“ผมไม่ได้แกล้ง”
อินถอนใจเบาๆ เมื่อคนทำไม่ยอมรับ ศิระละสายตาจากถนนมามองคนทำหน้าดุที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ผมไม่ได้แกล้งจริงๆ ผมแค่หึง”
“หึง! หึงคูนเหรอครับ” อินเบิกตากว้าง
“ใช่ ผมหึงผู้ชายที่ได้ใกล้ชิดกับอิน ไม่ใช่สิ ผู้หญิงหรือผู้ชายผมก็หึงทั้งนั้น”
“คูนเป็นเพื่อนสนิทผม คิดอย่างนั้นได้ยังไงครับ”
“เพื่อนสนิทที่แตะเนื้อต้องตัวอินได้ผมอิจฉา”
“อย่างวันนี้เขาเรียกว่าหยิกครับ ไม่ได้เรียกว่าแตะเนื้อต้องตัว”
“ก็นั่นแหละ”
“หยิกก็ยังอิจฉาเหรอครับ”
“ใช่” คนตอบรับอย่างหน้าชื่นตาบาน “โอ๊ย!” ศิระสะดุ้งโหยง รถปัดเล็กน้อยก่อนที่เขาจะควบคุมเอาไว้ได้
“อินทำอะไร”
“หยิกไงครับ อยากโดนไม่ใช่เหรอ”
“โอ๊ย!”
อินหยิกเนื้อที่แขนของศิระจนขึ้นสีแดงเป็นป้าน
“อิน” ศิระหัวเราะแห้ง หน้าแหย เขารีบยกมือขึ้นห้าม เมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาใกล้อีกครั้ง
"พอแล้ว”
“ไหนบอกว่าอยากถูกเนื้อต้องตัวผมบ้างไงครับ”
“ผมเจ็บ” ศิระหน้าจ๋อย จนอินต้องซ่อนยิ้ม ไม่คิดว่าคนตัวโตจะขี้อ้อนขนาดนี้
“ทีหลังจะได้ไม่ไปขู่คูนอีกครับ”
“ก็ผมอิจฉาจริงๆ เจ้าเด็กนั่นก็จับอยู่ได้” น้ำเสียงคนพูดหงุดหงิด ท่าทางจะไม่ชอบใจเอามากๆ
“ผมเป็นผู้ชายครับผู้ชายจับผู้ชายจะเป็นอะไรไป แล้วคุณศิระก็ไม่มีสิทธิ์หึงผมด้วย”
“ผิดแล้ว”
“ผิดยังไงครับ”
“ผมหึงได้ หึงเองคนเดียว หึงมันอยู่ในใจนี่แหละ”
อินหลุดเสียงหัวเราะออกมาก่อนรีบเม้มปาก เขาไม่อยากให้ศิระได้ใจ ไม่อยากเชื่อเลยว่าศิระจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้
“อิน”
“ครับ”
อินหันไปมองหน้าศิระเมื่อสีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ถ้างานใหม่มีปัญหาอะไรให้บอกผม เข้าใจไหม”
“ไม่มีมั้งครับ”
“ไม่มีก็ดี ผมแค่ไม่อยากให้คุณเจอเรื่องไม่สบายใจ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ หรือถึงมี..” อินหัวเราะออกมาเบาๆ
“อะไร”
“หรือถึงมีก็คงไม่ใช่กับผมครับ” อินยิ้มกว้างเมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้ คูนหนอคูนพักนี้ต้องไปทำบุญที่วัดบ้างแล้วมั้ง ไปทางไหนก็มีแต่คนไม่ชอบหน้า
“คุณศิระครับ”
“ครับผม”
“สัญญากับผมก่อนครับว่าจะไม่เขม่นคูนอีก”
“สัญญาแล้วผมได้อะไร”
“ไม่ได้ครับ แต่ถ้าไม่สัญญาผมจะเลือกคูน”
“สัญญา ผมสัญญาให้เดี๋ยวนี้เลย”
อินต้องซ่อนยิ้มเอาไว้ แปลกไหมที่เขาชอบศิระที่เป็นแบบนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เคยอยู่ในสายตาของอีกฝ่าย การได้รู้ว่าศิระแคร์เขามากและมองเขาตลอดเวลา มันทำให้อินรู้สึกมั่นใจขึ้นมา พยายามหน่อยนะครับคุณศิระ พยายามให้มากกว่านี้
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin