รักพอเพียง :ตอนที่ 4
ร่างสูงคว้ากระเป๋าเป้กระโดดลงจากรถโดยสารประจำทางแล้วยืดเส้นยืดสาย อากาศยามเช้าตรู่เย็นจับใจจนต้องกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น เขาเหลียวมองรอบบ้านที่เงียบสงบก่อนถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเดินเข้าไปข้างใน เจ้าของบ้านคงจะได้ยินเสียงรถ ครู่เดียวก็โผล่หน้ามาจากทางด้านข้างของตัวบ้าน
“ไง?” ชายหนุ่มโบกมือทักทาย อีกฝ่ายได้แต่อ้าปากค้าง จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ จอบในมือหล่นลงพื้นทำให้ด้ามจอบฟาดใส่เข่าเจ้าของ ร่างสูงโปร่งสะดุ้งโหยงร้องโอยได้สติ
“คะ คุณ! มาได้ไง?”
“ก็นั่งรถมาน่ะซิ”
“อ้อ”
“…..”
“…..”
“นี่ไม่คิดจะชวนผมเข้าบ้านรึไง?” โกเมนขมวดคิ้วหลังยืนจ้องหน้ากันไป-มาอยู่พักใหญ่
“เอ่อ คือ… ถ้างั้นเข้าบ้านก่อน” เจ้าของบ้านหันซ้ายหันขวา บ้านเขาไม่มีห้องรับแขก ไม่มีโต๊ะหรูไว้ต้อนรับเลยไม่รู้ว่าจะให้ร่างสูงไปนั่งรอตรงไหนดี
“เดี๋ยวผมไปนั่งรอที่แคร่ใต้ต้นกาสะลองก็ได้” โกเมนหัวเราะในคอเดินไปนั่งลงตรงแคร่หน้าบ้าน
“งั้นรอแปบ ผมจะชงกาแฟมาให้” เจ้าของบ้านเช็ดมือกับชายเสื้อแล้ววิ่งเข้าบ้าน
โกเมนสูดลมเข้าปอด อากาศเย็นชื้นกลับทำให้เขารู้สึกสดชื่น แสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้า เสียงเหล่านกกาเจื้อยแจ้วดังใกล้ๆเพราะต้นไม้รายล้อม กลิ่นดอกไม้บางอย่างลอยมาตามลมส่งกลิ่นอ่อนๆทั่วบริเวณ ครู่ใหญ่กลิ่นกาแฟก็แทรกเข้ามาในมวลอากาศ โกเมนขยับตัวเพื่อให้เจ้าของบ้านนั่งลงข้างกัน
“เดี๋ยวนี้มีกาแฟแล้วหรือ?” เขาเลิกคิ้วถาม จ้องมองแก้วกาแฟใบเล็กสีขาวตรงหน้ากับขวดที่บรรจุบางอย่างสีน้ำตาลไหม้ขวดเล็กในมืออีกฝ่าย “แล้วเป็นกาแฟสดหรือเปล่า?” ชายหนุ่มแกล้งเย้าก่อนจะรับแก้วมาถือไว้เอง
“ก็ไม่สดนะครับ เพราะผมเด็ดมาตาก คั่วแล้วก็บดเก็บไว้”
“พรืด!” โกเมนแทบสำลักกับคำตอบของอีกฝ่าย “คุณคั่วแล้วก็บดกาแฟเอง?”
“ครับ พอดีปลูกไว้หลังบ้านสองสามต้นเพราะเจ้าแฟงชอบดอกของมัน แล้วคราวก่อนคุณบอกว่าอยากดื่มกาแฟสดผมเลยลองเอาเมล็ดที่สุกแล้วมาล้าง ตากแดด คั่วแล้วบดเก็บไว้เผื่อ… เอ่อ บดเก็บเอาไว้ลองชงดื่ม”
“……” โกเมนจ้องใบหน้าเจ้าของบ้านนิ่งนาน กาแฟแก้วนี้กลิ่นไม่หอมอย่างที่เขาเคยดื่ม รสชาติก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่เพราะคนชงคงไม่รู้วิธีทำที่ถูกต้องมากนัก แต่มันกลับทำให้เขายิ้ม “ขอบคุณมาก” ความรู้สึกอุ่นในอกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนทำให้โกเมนยกยิ้ม ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้รับการเอาใจ เมื่อก่อนอยากได้อะไรก็มีคนหาให้ ทุกวันก็ยังมี เพียงแต่คนที่เก็บสิ่งที่เขาเคยพูดเมื่อนานมาแล้วมาใส่ใจแบบนี้นั้น…ยังไม่เคยเจอ
“นี่น้ำผึ้ง ถ้าคุณอยากจะเติมหวาน” เจ้าของบ้านเลื่อนขวดสีน้ำตาลไหม้มาตรงหน้าโกเมน ชายหนุ่มยกยิ้มมองปลายนิ้วสั่นๆของคนตรงหน้า
“ขอบคุณ แล้วก็ทีนี้คุณบอกชื่อผมได้แล้วนะ”
“หืม?”
“ตอนนั้นคุณบอกว่า จะไม่บอกชื่อเพราะผมคงไม่กลับมา” โกเมนเทน้ำผึ้งใส่ช้อนกาแฟแล้วค่อยๆคน กลิ่นน้ำผึ้งกับกลิ่นกาแฟผสมกันหอมหวลชวนให้ลิ้มลอง
“พล รัชพล ว่าแต่คุณจะมาอยู่ที่นี่จริงๆใช่ไหม?” รัชพลยิ้มกว้างเงยหน้าถามพร้อมสายตาวิบวับ
“ใครบอก?”
“อ้าว ก็คุณกลับมา…”
“ผมมาพักผ่อนต่างหาก” คำตอบของโกเมนทำให้อีกคนอ้าปากค้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่น
“คุณโกหกให้ผมบอกชื่อนี่!”
“ผมไม่ได้โกหกนะ อีกอย่างผมกลับมา แล้วคุณบอกชื่อก็เป็นไปตามเงื่อนไขของคุณนะ เพียงแต่ผมกลับมาเพื่อพักผ่อนและรอข่าวซาเท่านั้นเอง”
“….” รัชพลขบริมฝีปากไม่ตอบโต้ก่อนจะลุกออกไปคว้าจอบที่ถูกทิ้งขว้างไปยังหลังบ้าน
จนสายเด็กแฝดก็ออกจากห้องนอน ทั้งสองคนวิ่งเข้าไปหาโกเมนอย่างตื่นเต้น จนเมื่อผู้เป็นพ่อเรียกไปกินข้าวจึงละจากร่างสูงออกไป
“พ่อๆ อาโกเมนจะมาอยู่กับเราหรือ?” เด็กหญิงถาม
“เปล่า”
“แต่อาโกเมนบอกว่าอย่างนั้นนี่” เด็กชายค้าน เอียงคอมองผู้ใหญ่สองคนที่ตอบไม่ตรงกัน
“ผมนอนห้องเก่าที่เคยนอนละกันนะ”
“ถ้าคุณอยากมาพักผ่อนละก็ เชิญในตัวเมืองที่นี่ไม่ใช่โรงแรม” รัชพลตักข้าวใส่จานให้สองแฝดพลางตอบโดยไม่มองหน้าร่างสูง
“แต่ผมอยากนอนที่นี่”
“ผมไม่ให้นอน!” เจ้าของบ้านเชิดหน้าจ้องมองคนขอเป็นแขกเขม็ง
“ผมจะนอน”
“ผมไม่...”
“พ่อ ให้อาโกเมนนอนที่นี่เถอะ ฟักอยากให้อาโกเมนสอนว่าทำยังไงตัวถึงจะโตแบบอาโกเมน” เด็กชายหันมาเขย่าแขนพ่อออดอ้อน
“กินข้าวเยอะๆเดี๋ยวก็ตัวโตเองแหละ” รัชพลเอ่ยขัด
“แฟงก็อยากให้อาโกเมนนอนที่บ้านเราเหมือนกันค่ะพ่อ” เด็กหญิงคว้าแขนข้างที่ว่างมาเขย่าอีกแรง
“ฮื่อ!” คนเป็นพ่อก้มลงมองหน้าลูกสาวพลางขมวดคิ้ว
“ก็อาโกเมนหล่อ แฟงอยากมองหน้าอาโกเมนนานๆ”
“อยากดูคนหล่อก็มองหน้าพ่อนี่ไง!”
“แต่อาโกเมนหล่อกว่าพ่อนี่นา”
“โว๊ะ ยัยเด็กแก่แดด!” รัชพลฮึดฮัดใส่ลูกสาวพลางสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม โกเมนกลั้นขำจนไหล่สั่นเมื่อได้ฟังบทสนทนาของสามพ่อลูก
“เจ้าแฝดอนุญาตแล้ว งั้นผมเอากระเป๋าไปเก็บในห้องนะ”
“แต่ผมไม่อนุญาต…”
“เออ สรุปที่ดินแปลงนั้นคุณขายไปหรือยัง?” โกเมนที่กำลังก้าวข้ามประตูบ้านหันมาถาม
“เอ่อ…คือว่า…เรื่องนั้น” รัชพลชะงัก ไอ้ท่าทางโมโหเมื่อครู่หายไปเกือบหมด ดวงตาคมเข้มเหลือบมองร่างสูงแล้วเสหลบ
“เอาเถอะ คุณกินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน” โกเมนหลุบหายเข้าไปในห้องนอนที่้เขาเคยมาพักครั้งก่อนอย่างถือวิสาสะ
รัชพลถอนหายใจด้วยความหนักใจ มองประตูห้องที่้ปิดสนิทแล้วนั่งลงข้างลูกสาวลูกชาย เขาคิดว่าโกเมนคงไม่กลับมาที่นี่อีกแต่จู่ๆก็โผล่มาเสียอย่างนั้น แล้วทีนี้เขาจะทำอย่างไรดีเล่าในเมื่อเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย
จนสายรัชพลจึงไปส่งสองแฝดที่บ้านตา-ยายเพื่อที่เขาจะได้คุยธุระกับโกเมนให้เสร็จ แต่เอาเข้าจริงๆเขากลับรู้สึกอยากให้สองแฝดมาชวนอีกฝ่ายคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจอยู่เหมือนกัน
“คุณพล?”
“!” เจ้าของบ้านสะดุ้งโหยง ไอ้ที่เตรียมใจและหาข้ออ้างต่างๆมากมายกระเด็นหายไปตั้งแต่เสียงทุ้มทักแบบไม่ทันให้ตั้งตัว
“คะ ครับ!”
“?”
“เอ่อ คุณจะกินข้าวก่อนไหม?” รัชพลชะเง้อมองนาฬิกาแขวนผนังในบ้านแล้วเอ่ยถามร่างสูงที่โงนเงนออกมาจากห้อง
“ไม่ล่ะ ผมยังไม่หิว”
“งั้น เอากาแฟอีกสักแก้วไหมครับ?”
“นี่ คุณดูมีพิรุธนะ” โกเมนขมวดคิ้วกับท่าทางผิดปกติของอีกฝ่าย ตอนเขามาถึงยังทำท่าดีใจ พอบอกว่าไม่คิดจะทำไร่ทำสวนก็โมโห แต่ตอนถามถึงเรื่องขายที่ดินกลับทำท่าเหมือนกลัวเขาจะเอาเรื่อง
“ก็…”
“เกี่ยวกับที่ดินแห้งแล้งผืนนั้นหรือเปล่า?”
“!” รัชพลสะดุ้งคำรบสอง โกเมนเลิกคิ้วกับท่าทางนั้นแล้วยกยิ้มมุมปาก
“คุณไม่ได้ขายที่ตามที่ผมบอกซินะ?”
“เอ่อ คือว่า…ที่ดินผืนนั้นลุงปั้นแกอยากยกให้คุณ แกอยากให้คุณกลับมาอยู่ที่นี่ มาสร้างชีวิตบนผืนดินผืนนั้นผมเลย…ผมขายที่ดินผืนนั้นไม่ได้จริงๆ” ในที่สุดรัชพลก็เงยหน้าขึ้นสบตากับโกเมน แม้จะดูหวาดหวั่นแต่ความจริงจังในดวงตาคู่นั้นก็ทำให้โกเมนยืนนิ่ง
“ทำไม ทำไมคุณถึงต้องทำตามที่ลุงปั้นแกบอกด้วย”
“ตา”
“หือ?”
“คุณต้องเรียกลุงปั้นว่าตา”
“…..ผมจะเรียกว่าอะไรก็เรื่องของผมน่า” โกเมนนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะโต้กลับ
“ลุงปั้นแกมีบุญคุณกับผม ผมเลยอยากทำคำขอสุดท้ายของแกให้เป็นจริง”
“คือการให้ผมกลับมาอยู่ที่นี่ มาทำไร่ทำสวนเนี่ยนะ?” รัชพลพยักหน้ารับ
“คุณไม่ต้องห่วงนะ ถ้าคุณจะกลับมาอยู่ที่นี่แล้วทำไร่ทำสวนจริงๆผมจะช่วยคุณเอง!”
“ผมยังไม่ได้พูดว่าจะมาอยู่ที่นี่สักหน่อย!” โกเมนกอดอกถลึงตามองอีกฝ่าย รัชพลเบ้หน้ากับคำพูดนั้นแล้วถอนหายใจ ก่อนจะคว้าจอบที่วางทิ้งไว้ขึ้นมาถือ “คุณจะไปไหนน่ะ?”
“ปลูกผัก” เจ้าของบ้านตอบโดยไม่หันมามอง โกเมนเลิกคิ้วก่อนจะสวมรองเท้าแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปทางหลังบ้าน
พื้นที่ด้านหลังของบ้านหลังน้อยเป็นแปลงผักหลากหลายชนิด ท้ายสวนมีไม้ยืนต้นที่โกเมนไม่รู้จักชื่อมากมายแต่ที่แน่ๆมีต้นมะพร้าวอย่างน้อยสามสี่ต้นแหละที่ชายหนุ่มรู้จัก ด้านข้างเป็นเล้าไก่ น่ากลัวว่าไข่เจียวเมื่อคราวก่อนคงจะมาจากแม่ไก่ในเล้านี้ อีกด้านเป็นบ่อปลามีกังหันวิดน้ำเล็กๆอยู่ด้วย
“ในบ่อนั่นเลี้ยงปลาอะไรหรือ?”
“ปลานิล”
“แล้วนี่คุณจะปลูกอะไรน่ะ?”
“กะเพรา” ไม่พูดพล่ามทำเพลงรัชพลก็ลงมือใช้จอบขุดดินในแปลงโดยไม่สนใจคนที่เดินตามมา โกเมนหยุดเท้ายืนมองอีกฝ่ายก่อนจะถอยมานั่งใต้ต้นมะละกอ ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบด้าน จากสายตาคะเนคร่าวๆพื้นที่นี้น่าจะประมาณสองไร่กว่าๆ และทุกตารางนิ้วไม่ว่างเว้นจากพืชผักสวนครัวเลยสักนิด
“คุณปลูกพวกนี้ขายหรือ?”
“ปลูกกิน เหลือก็ขาย”
“แล้วถ้าไม่เหลือล่ะ?”
“?” รัชพลหยุดมือ หันมามองคนที่นั่งใต้ต้นมะละกอเหมือนมองดูคนโง่ก่อนจะเหลียวมองรอบด้าน “บ้านเรามีแค่สามคนพ่อลูก เรากินผักหมดนี่ไม่ไหวหรอก”
“กินไม่หมดแล้วปลูกทำไมเยอะแยะ”
“ก็ถ้าไม่ปลูกแล้วจะปล่อยไว้ทำอะไรล่ะ?”
“….” โกเมนยักไหล่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร
“เจ้าฟักชอบกินผักบุ้ง ผมก็ปลูกผักบุ้ง เจ้าแฟงชอบกินแตงกวาผมก็ปลูกแตงกวา”
“แล้วคุณชอบกินอะไร?”
“….ผมกินได้ทุกอย่างนั่นแหละ”
“คุณก็เลยปลูกทุกอย่างงั้นซิ?”
“ใช่”
“ผมชอบกินชาโยเต้”
“ชาโยเต้?”
“อืม ที่ลูกมันคล้ายๆมะระอ่ะ แต่สั้นกว่า ไม่ขมเหมือนมะระ มันหวานๆ เวลาผัดใส่ไข่อร่อยดี”
“อ๋อ ฟักแม้ว”
“ฟักแม้ว?”
“ใช่ ภาษาบ้านเราเรียกฟักแม้ว มะระแม้ว”
“อื้อ นั่นแหละๆ คุณปลูกไว้บ้างหรือเปล่า?”
“….เปล่า” รัชพลเหลือบมองสายตาวิบวับมีความหวังของคนตัวโตหม่นแสงแล้วให้ใจหาย “แต่มีที่ว่างเหลืออยู่อีกแปลงผมว่าจะลงอยู่เหมือนกัน”
โกเมนยิ้มกว้างเมื่อได้ฟัง เขานั่งดูรัชพลขุดดินถางหญ้าจนถึงเที่ยง เจ้าของบ้านจึงเดินเข้าเล้าไก่หยิบไข่มาสาสี่ฟอง เดินไปเด็ดยอดชะอมริมรั้ว หยิบปลานิลในกระจาดที่ตากแดดบนซุ้มแตงกวามาสองตัว ผักนู่นนี่อีกตามรายทางก่อนจะหายลับเข้าไปในครัว
กลิ่นปลาแดดเดียวทอดหอมฉุย กลิ่นไข่ทอดชะอมลอยตามมา เสียงตำน้ำพริกดังอยู่เดี๋ยวเดียวก็เงียบเสียง ก่อนเจ้าของดวงตาคมเข้มจะโผล่หน้าออกมา
“นี่คุณ!”
“หืม?”
“ไปเด็ดมะนาวมาให้หน่อย”
“มะนาว?”
“ใช่ เดินตรงไปใกล้ๆบ่อปลาน่ะ เอามาสองสามลูก” โกเมนพยักหน้ารับแล้วเดินไปทางบ่อปลา ต้นมะนาวต้นเตี้ยแต่มีลูกดกเต็มต้น เขามองหาลูกโตๆแล้วยื่นมือคว้าเด็ดมาสองสามลูกตามคำสั่งเจ้าของบ้าน ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงแขน มดแดงตัวโข่งฝังปากแหลมของมันอยู่ในเนื้อ
“เอ้า” โกเมนยื่นมะนาวให้อีกคน ส่วนมือข้างที่ว่างก็เการอยมดกัดจนแดงไปทั้งแถบ
“เป็นอะไรน่ะ?”
“มดกัด” ตอบทั้งๆที่มือไม่หยุดเกา รัชพลมองตุ่มที่ขยายใหญ่ขึ้นบนผิวขาวจัดก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าอีกฝ่าย
“อย่าเกา!”
“ก็มันคันนี่”
“รอแปบนึง” รัชพลดันร่างสูงให้พ้นทางแล้วเดินออกไปหยุดยืนริมรั้ว เด็ดใบตำลึงมาหนึ่งกำมือก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วเอาตำลึงที่เด็ดมาใส่ในครกบดยาใบเล็ก จัดการบดจนละเอียดแล้วควักออกมาใส่ถ้วยใบกะทัดรัดตามด้วยเหล้าขาว “มานี่” เจ้าของบ้านกวักมือเรียกให้คนที่โดนมดกัดเดินมาหา
“อะไรน่ะ กลิ่นเหมือนเหล้า”
“ก็เหล้าน่ะซิ ยื่นแขนมา” ไม่รอให้คนตัวโตยกแขนรัชพลก็คว้าแขนขาวมาพาดตักแล้วแต้มน้ำที่ได้จากการตำตำลึงผสมเหล้าขาวลงบนตุ่มมดกัดให้ร่างสูง “โดนกัดไม่เยอะ ทาสักสองสามครั้งก็น่าจะหาย”
โกเมนหรุบสายตาจ้องมองใบหน้าอีกฝ่าย พลันในอกรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นี่เป็นรอบที่สองในหนึ่งวันนี้ที่อีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกอบอุ่นเหมือนที่เขาเคยได้รับจากมารดาเมื่อครั้งยังเด็ก…
ที่เขารู้สึกแบบนี้อาจจะเป็นเพราะเขาอยู่คนเดียวมานานเกินไป
“ขอบคุณ” โกเมนเอ่ยขอบคุณเสียงเบา แล้วเดินไปนั่งรอที่แคร่หน้าบ้านตามคำสั่งอีกฝาย
รัชพลกลับออกมาอีกครั้งพร้อมถาดสำรับกับข้าว มีน้ำพริกกะปิ ชะอมชุบไข่ทอด ปลาแดดเดียวทอดและข้าวสวยร้อนๆหอมฉุย
“กินได้ไหม? ได้ไม่ได้ก็ต้องกินแหละ ถ้าอยากกินดีกว่านี้ก็ต้องไปนอนโรงแรมในเมือง” ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ โกเมนขมวดคิ้ว
“ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ อีกอย่างนี่อุตส่าห์เดินไปเด็ดมะนาวให้มดกัดเรื่องอะไรจะไปกินข้าวที่อื่น ฮึ!” รัชพลเบ้หน้าหากไม่ต่อปากต่อคำอีก
“นี่ เรื่องที่ดินผืนนั้นน่ะ” โกเมนเอ่ยขึ้นหลังจัดการอาหารตรงหน้าหมด เขาโดนเจ้าของบ้านใช้ให้มาล้างจานเพราะถือว่านั่งรอกินอย่างเดียว
“ผมจะพยายามขายให้เร็วที่สุดถ้าคุณต้องการ” รัชพลเอ่ยขัด
“ไม่ต้อง”
“หืม?”
“ไม่ต้องขายแล้ว”
“…ทำไมล่ะ?”
“ไม่รู้ซิ บางที…สักวันผมอาจจะมาเป็นชาวไร่ชาวสวนแบบคุณมั้ง”
“ไม่หรอก คุณเป็นไม่ได้”
“ทำไมถึงคิดว่าผมเป็นไม่ได้?”
“คราวนี้คุณมาที่นี่ทำไม?”
“….”
“คุณแค่หนีอะไรบางอย่างมา คุณไม่ได้กลับมาหาที่ดินผืนนั้น” รัชพลเงยหน้ามองอีกฝ่าย คำพูดแทงใจทำให้โกเมนมองอีกฝ่ายกลับ
“ใช่ คุณพูดถูก ผมแค่หนีบางอย่างมา แต่เรื่องขายที่น่ะผมพูดจริง คุณไม่ต้องหาคนมาซื้อที่ดินผืนนั้นแล้ว”
“….”
“ผมจะเก็บที่ดินของตาเอาไว้ เผื่อสักวัน…ผมจะสามารถทำอะไรบางอย่างกับมันได้”
“อะไรบางอย่างน่ะคืออะไร?”
“ก็อย่างเช่นปลูกผักปลูกหญ้าเหมือนที่คุณปลูก”
“แล้วอะไรอีก?”
“ปลูกชาโยเต้ที่ผมชอบกิน!” ท่าทางตื่นเต้นของร่างสูงเรียกรอยยิ้มให้รัชพล เขาหัวเราะท่าทางนั้นของโกเมนก่อนจะพยักหน้า
“ถ้าคุณอยากปลูกเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ผมจะช่วย”
โกเมนนิ่งมองรอยยิ้มเจิดจ้าของคนตรงหน้า รัชพลมีใบหน้าได้รูป คิ้วเรียวยาว ดวงตาคมเข้มสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากหยักบาง ผิวสีน้ำผึ้งขับให้เจ้าตัวดูเคร่งขรึมมากขึ้นยามเมื่อไม่ยิ้มแย้ม หากแต่ตอนนี้เจ้าของใบหน้านิ่งเฉยกลับเผยรอยยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก
“ขอบคุณ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
เช่นเคย แนะนำติชมกันได้เสมอนะคะ
ขอบคุณค่ะ^^