Chapter 19 : โฉมใหม่ของท่านรองฯภายในห้องครัวขนาดย่อมในคอนโดมิเนียมของนภเกตน์“มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้างครับ” ร่างสูงถามขึ้น
ร่างโปร่งเดินไปเปิดประตูตู้เย็นออก แล้วก้มหยิบอาหารสดกับเครื่องปรุงออกมาวางกองรวมกันไว้ทางด้านนอก เขาหันไปตอบคำถาม “ผมจะทำแค่อาหารง่ายๆ ซุปเห็ดข้นกับสปาเกตตีคาร์โบนารา ไม่ต้องช่วยหรอก คอยล้างอย่างเดียวก็พอ”
“แต่ผู้จัดการมีเครื่องล้างจานนี่ครับ”
“ก็คุณตฤณบอกว่าจะล้างไม่ใช่เหรอ”
...จิ๊... พลาด... แต่ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้ ตฤณทำได้! “...สบายมากครับ ผู้จัดการอุตส่าห์ทำอาหารให้ผมทั้งที ดีจังน้อ ได้ชิมฝีมือแฟ... อุ๊บ!”
มือขาวคว้าฟองน้ำล้างจานยัดปากอีกฝ่าย... ปากดีนักใช่มั้ย! “อ้าว ขอโทษที พลาดเป้าไปหน่อย ผมแค่จะส่งฟองน้ำไว้ให้คุณตฤณใช้ล้างจานน่ะ”
“...แม่นยังกะจับวางล่ะสิไม่ว่า” ร่างสูงคายฟองน้ำออกแล้วบ่นพึมพำ
“ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารได้มั้ย เกะกะ” ผู้เป็นนายผลักร่างสูงเบาๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่
“ครับ” ขายาวก้าวฉับๆ พาเจ้าของไปยังโต๊ะทานอาหารที่จัดไว้ริมหน้าต่างอีกฟากของห้อง ตฤณเลือกนั่งหันหน้าเข้าหาเจ้านาย เพื่อที่เขาจะได้ดูอีกฝ่ายทำอาหารไปเพลินๆ เขาเท้าแขนทั้งสองข้างลงกับโต๊ะ แล้วยิ้มโชว์ลักยิ้มบุ๋มบนแก้มทุกครั้งที่อีกฝ่ายหันมาสบตาด้วย
...เจ้านายใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วน่ารัก ทำอาหารเก่งเป็นพ่อศรีเรือนซะด้วย ยิ่งมองก็ยิ่งเพลิน จนละสายตาไปไม่ได้เลย เฮ้อ~~ แย่แน่ๆ แล้วไอ้ตฤณเอ๊ยยย กู่ไม่กลับซะแล้วล่ะมึง~
นภเกตน์ทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว เขาสับเห็ดแชมปิญองเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะเอาลงไปผัดกับหอมใหญ่ ใส่ครีมสดลงไปแล้วปรุงรส ในเวลาเดียวกันก็ต้มเส้นสปาเกตตีแล้วเอาขึ้นพักไว้ต่างหาก ระหว่างที่ปล่อยให้ซุปเห็ดเดือดก็หันไปเตรียมชีสกับไข่และเบคอนแล้วเอาลงไปคลุกกับเส้นสปาเกตตีในกระทะ สุดท้ายก็หยิบเอาขนมปังจากในตู้มาหั่นเป็นชิ้นๆ แป๊บเดียวเท่านั้น อาหารมื้อกลางวันในยามบ่ายของวันก็เสร็จสิ้นลง
“คุณตฤณมายกอาหารของคุณไปที” มือขาวชี้ไปยังชามซุปกับจานใส่สปาเกตตีคาร์โบนาราซึ่งโรยหน้าด้วยพาสลีย์สับละเอียดสีเขียวสด กลิ่นของชีสพาร์เมซานลอยกรุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ
“โอ้โห... น่ากินมากเลยครับ แต่ถ้าขืนกินแบบนี้ทุกวัน ผมได้พุงหลามแน่ๆ” ร่างสูงยกจานอาหารของตนเดินตามเจ้านายไปยังโต๊ะอาหาร
“ก็ไม่ต้องกินสิ ไม่ได้ขอให้คุณมากินอาหารที่ผมทำทุกวันซะหน่อย”
“แหม... ถ้าผู้จัดการจะทำให้ผมกินทุกวันละก็ ผมกินอะไรก็ได้ครับ ยอมไขมันจุกอกตาย... ไปพร้อมกับความรักของผู้จัดการเลย” ผู้ช่วยตัวแสบตอบพร้อมขยิบตาส่งให้
นภเกตน์ตีหน้านิ่ง ทำเป็นไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายของอีกฝ่าย “ไม่ล่ะ เปลืองค่าอาหาร”
“ผมไปจ่ายตลาดให้ก็ได้”
“ทำอาหารไม่เป็นจะซื้อกับข้าวได้รึไง”
“เราก็ไปเลือกซื้อด้วยกันสิครับ สวีตๆ กันแบบข้าวใหม่ปลามันไง”
...เขากะไว้แล้วเชียวว่าเจ้าผู้ช่วยหน้าแมวต้องตอบแบบนี้ ผู้เป็นนายเอ่ยตัดบท “กินอาหารกันเถอะ เดี๋ยวจะเย็นชืดซะหมด”
ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกัน โต๊ะอาหารของนภเกตน์มีขนาดเล็ก มีเก้าอี้สำหรับสองที่นั่ง ปกติแล้วเขามักจะไม่ใช้เวลาบนโต๊ะอาหารนาน เพราะการทานอาหารตามลำพังนั้นน่าเบื่อสำหรับเขามาก แต่เวลาที่มีใครสักคนนั่งอยู่ด้วย ก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เลว การที่ตฤณคอยตามตื๊อ ตามกวนประสาทเขาแบบนี้ บางทีก็สนุกดี ทำให้เขาไม่รู้สึกเหงา
“ผมเพิ่งเคยกินไอ้นี่ครั้งแรก แปลกจังนะครับ กินอาหารแบบนี้ แต่ผู้จัดการกลับผอมได้ขนาดนี้เนี่ย”
“ผมทำอาหารแบบนี้ไม่บ่อยนักหรอก”
ตฤณทำหน้ากรุ้มกริ่ม แถมด้วยอาการกระดี๊กระด๊าแบบห้ามไม่อยู่ “เลือกทำให้ผมเป็นพิเศษใช่มั้ยล่า...”
ผู้เป็นนายปรายตามองอย่างปลงๆ “เพราะมันทำง่ายต่างหาก...”
“กลัวผมไม่มีแรงไปทำงาน โดยเฉพาะโพรเจกต์ใหญ่ของไอ้แหลมนี่ใช่มั้ยล่ะครับ แหม ผู้จัดการเป็นห่วงผมก็บอกกันตรงๆ ก็ได้นะคร้าบ”
ชื่อเรียกของธนากรทำให้นภเกตน์ชะงัก มือขาวใช้ส้อมหมุนวนเส้นสปาเกตตีในจานพลางขมวดคิ้ว “คุณตฤณ... วันนั้น ที่คุณธนากร... เอ่อ... เห็น...”
“หืม... อ้ออออ! ที่ไอ้แหลมมันเห็นตอนเราแก้ผ้าอยู่บนเตียงด้วยกันน่ะเหรอครับ” ผู้ช่วยตัวดีทำหน้าทะเล้น
“มันไม่ตลกเลยนะคุณ” ร่างโปร่งส่งสายตาดุๆ ใส่
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไอ้แหลมมันซี้ผม เดี๋ยวผมคุยกับมันให้ แต่ว่าจริงๆ แล้ว ผู้จัดการไม่จำเป็นต้องคิดมากเลย เพราะไอ้แหลมมันปลาทองจะตาย”
“ปลาทอง?” ...พอนึกถึงปลาทอง นภเกตน์ก็ดันนึกออกแค่ปลาตัวสีส้มๆ อ้วนๆ ที่มีของเสียติดก้นยาวเป็นสาย “เอ่อ...”
“ความจำครับ ความจำมันเหมือนปลาทอง คุณนึกไปถึงไหนเนี่ย... ไอ้แหลมน่ะ มันงานยุ่งมากจนสมองมันรับไม่ไหว พอพระอาทิตย์ตกดินมันก็รีเซตความจำใหม่แล้วครับ”
“...แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิครับ อีกอย่าง ผู้จัดการเป็นถึงหลานท่านประธาน แค่นี้ไอ้แหลมมันก็กลัวจนหูตูบแล้วครับ”
นภเกตน์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “...แต่มีบางคนที่ไม่กลัวเลยนะ”
คนที่นั่งตรงข้ามกันยิ้มแก้มบุ๋ม พร้อมกับยักคิ้วให้อีกฝ่าย “ไม่กลัว แต่ผมก็เป็นคนเกรงใจเมียนะคร้าบ”
ร่างโปร่งหุบยิ้มทันควัน เขานึกอยากจะเอาจานสปาเกตตีคว่ำลงบนศีรษะอีกฝ่าย หากก็ได้แต่ถลึงตาใส่คนที่กำลังลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงหน้าตนเท่านั้น เพราะคิดว่าเถียงไปยังไงก็คงไม่ชนะหรอก นภเกตน์จึงคิดว่าเขาควรจะพักการต่อปากต่อคำแล้วจัดการกับอาหารต่อดีกว่า
หลังจากพูดคุยสลับจ้วงอาหารใส่ปากกันไปสักพักใหญ่ ซุปและอาหารในจานก็หมดลง มือขาวยกจานชามวางซ้อนกัน แล้วเลื่อนไปให้คนที่นั่งตรงข้ามกัน “ถึงตาคุณตฤณแล้ว ผมจะออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะ”
“คร้าบ เดี๋ยวผมจะรีบตามออกไป”
“อ้อ... ผ้าเช็ดแห้งอยู่ตรงนั้น อย่าลืมเช็ดให้แห้งแล้วเก็บเข้าที่ด้วยนะ เสร็จแล้วก็ถูพื้นในครัวด้วยเลยแล้วกัน”
...แหม ได้ทีใช้เป็นชุดเลยนะเจ้านาย!... แต่ถึงแม้ในใจจะบ่น ผู้ช่วยตัวแสบก็ตอบรับกลับไป “ได้คร้าบบบบ”
นภเกตน์ลุกเดินออกจากห้องครัวไป ตรงไปนั่งลงบนโซฟาตัวเขื่อง โซฟาที่พวกเขาใช้ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อคืนไปหมาดๆ แต่เพราะความเหนื่อยล้าบวกกับท้องอิ่มๆ ทำให้เขาไม่ทันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ร่างโปร่งเอนหลังพิงพนักโซฟา แล้วปิดตาลงเพื่อผ่อนคลาย
เสียงดังก๊องแก๊งภายในครัวดังอยู่สักพักใหญ่ หลังจากตฤณใช้ผ้าแห้งเช็ดหม้อใบสุดท้ายแล้ว เขาก็รีบจัดเก็บใส่ตู้ให้เรียบร้อย จากนั้นก็หันไปคว้าไม้ถูพื้นมาถูพื้นอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็แจ้นออกจากห้องครัวไปหาเจ้านายทันที “ผู้จัดการ เสร็จแว้วคร้าบบบ อ้าว...” เขาหยุดหอบแฮกๆ เป็นแมวหอบแดดตรงหน้าเจ้านาย
ร่างสูงก้าวเข้าไปยังโซฟา แล้วย่อเข่าลงเล็กน้อยเพื่อจ้องมองคนที่กำลังหลับปุ๋ย... ดูท่าที่เจ้านายบอกว่าเหนื่อย คงจะเหนื่อยจริงๆ ...แต่ไม่รู้ว่าทำงานเหนื่อย หรือเหนื่อยเพราะถูกเขากวนประสาทกันแน่
มือหยาบเอื้อมไปลูบเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆ เคลื่อนมาสัมผัสไฝเม็ดเล็กที่ตรงใต้หางตาอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะทำให้เจ้านายตื่น ชายหนุ่มยิ้มบาง เนื่องจากเวลาที่เจ้านายนอนหลับปุ๋ยแบบนี้ดูสีหน้าผ่อนคลายเหมือนกับเด็กๆ น่ารักน่าเอ็นดูซะไม่มีล่ะ
แขนแกร่งประคองร่างโปร่งบางให้นอนราบลง ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าห่มที่กองอยู่ใกล้ๆ มาคลุมทับให้... ช่างน่าเสียดาย ทั้งที่ใจเขาอยากจะมีโอกาสใกล้ชิดกับนภเกตน์เหมือนเมื่อคืนอีกสักครั้งแท้ๆ เขาโน้มใบหน้าเข้าไปจูบแก้มนิ่มสีชมพูระเรื่อ แล้วเคลื่อนไปกระซิบชิดใบหูสีขาว
“คุณคงจะเหนื่อยมาหลายวันแล้ว นอนพักให้สบายนะครับ แล้วพบกันพรุ่งนี้” ตฤณยันตัวลุกขึ้น แม้ใจอยากจะดื้อรั้นอยู่ต่อ แต่พอเห็นนภเกตน์หลับลึกถึงขนาดนี้ เขาก็นึกเห็นใจ...
...ยอมถอยทัพ กลับไปนอนบ้านสักวันก็ได้วะ
..
......
..
“อืมมม...” แขนเรียวขาวยืดออกมาจากใต้ผ้าห่มหนา ตามมาด้วยขาทั้งสองข้าง นภเกตน์บิดตัวน้อยๆ ก่อนจะปรือตาขึ้นมองเพดานซึ่งแตกต่างออกไปจากที่เคยเห็นทุกครั้งเมื่อยามตื่นนอน “หือ ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนนี่?” มือขาวยันตัวลุกขึ้นทีละน้อย แล้วหันหน้ามองไปรอบๆ “...หืม... ผ้าห่ม แล้ว...” ...แขกหน้าแมวจอมตื๊อที่ไม่ได้รับเชิญเมื่อวานหายไปไหนซะแล้วล่ะ
ร่างโปร่งยันตัวขึ้นบิดขี้เกียจ เขาเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้เข้างานแล้ว จึงค่อยๆ ลุกเดินไปยังห้องอาบน้ำ
รถโตโยต้าสุดโทรมจอดอยู่ที่ลานจอดรถของบริษัทพักใหญ่แล้ว แต่เจ้าของรถยังคงนั่งบิดไปบิดมาอยู่ด้านหลังพวงมาลัย... เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เขาแต่งตัวตามที่เจ้านายแนะนำ ทรงผมใหม่กับชุดสูท แต่ไม่ได้ผูกไทเพราะผูกไม่เป็น แต่แค่นี้ ตอนที่ส่องกระจกมองตัวเองก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ก็มันไม่ชินอ้ะ! ยิ่งเมื่อนึกถึงว่าพวกลูกน้องจะหัวเราะตนจนตกเก้าอี้กันไปทั้งแผง ขีดความมั่นใจของตนก็ลดลงต่ำกว่าศูนย์
มือหยาบพับเนกไทใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตภายใต้เสื้อสูทไว้ พลางนึกเจ็บใจที่ไม่ได้ถามเจ้านายถึงวิธีผูกเอาไว้ก่อน “เฮ้อ... เอาไงดีวะกู ใกล้เข้างานแล้ว ใจแมวๆ ก็ยิ่งแป้วเป็นใจปลาซิว”
ในขณะที่ตฤณกำลังรำพึงรำพันถึงชะตากรรมของตน รถยนต์ประจำตำแหน่งคันหรูของนภเกตน์ก็เคลื่อนเข้ามาเทียบจอดในที่จอดรถพิเศษสำหรับผู้บริหารซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับทางเดินเชื่อมเข้าไปในตัวบริษัท ร่างโปร่งก้าวออกมาจากในรถด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยเฉกเช่นทุกครา หากระหว่างที่เดินตรงไปยังทางเข้าบริษัท เขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นผู้ช่วยของตนนั่งยุกยิกอยู่ในรถบุโรทั่งที่ดูโดดเด่นที่สุดในลานจอดรถนั้น
นภเกตน์ขมวดคิ้ว พร้อมกับก้าวไปทางที่รถสุดโทรมจอดอยู่ “คุณตฤณ อู้อะไรอยู่ จะเข้างานแล้วนะ”
“หวา! ผู้จัดการ!”
“ลงมาได้แล้ว!” เจ้านายพูดเสียงขรึม จากนั้นก็หันหลังเดินนำออกไป “ผมสั่งให้คุณหลินดูแลห้องที่จะใช้เทรนนิ่งวันนี้แล้ว เดี๋ยวคุณตฤณ... คุณตฤณ!!” ร่างโปร่งพูดไปเรื่อย แต่พอจะหันไปสั่งงานกับผู้ช่วย ก็เห็นว่ามีแต่ลมเท่านั้นที่พัดวูบอยู่ข้างๆ สุดท้าย เขาก็ต้องเดินกลับไปที่รถโตโยต้าคันเดิมอีกครั้ง “คุณเล่นอะไรอยู่เนี่ย ออกมาเร็ว!”
“...หงิง...” เจ้านายใจฮ้าย ไม่เห็นใจกันบ้างเลย
ตฤณก้าวลงมาจากรถช้าๆ ด้วยใบหน้าตูมที่สุด “อรุณสวัสดิ์ครับผู้จัดการ”
วันนี้ร่างสูงอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทที่เจ้านายได้เลือกไว้ให้ สีดำยิ่งทำให้เขาดูสง่าและน่าเกรงขามมากกว่าทุกที เสื้อเชิ้ตสีอ่อนตัวในใหม่เอี่ยมและรีดไว้เรี่ยมเร้ รองเท้าหนังสีดำมันวับเข้ากับเสื้อสูทที่สวมใส่ เส้นผมสีนกกาน้ำถูกหวีเป็นทรงเรียบๆ แต่โดยรวมแล้ว ผู้ช่วยผู้จัดการในวันนี้ ดูหล่อเหลาและมีราศีขึ้นเป็นกอง
ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้มทีละน้อย ก็วันนี้ผู้ช่วยค่อยดูเป็น ผู้ช่วยผู้จัดการ กับเขาขึ้นมาสักหน่อย “ทำไมทำหน้าเป็นตูดแมวอย่างนั้นล่ะ” ผู้เป็นนายเอ่ยกลั้วหัวเราะ
...มายพระ คุณนภเกตน์ยิ้มอย่างสุดน่ารักแต่เช้า วันนี้กูถูกหวยแน่ๆ ...ร่างสูงบ่นอยู่ในใจ
“เข้าไปข้างในได้แล้ว” ผู้เป็นนายเดินนำไปอีกครั้ง โดยมีผู้ช่วยของตนเดินตามก้นไปติดๆ
ขายาวก้าวไปเรื่อยๆ กระทั่งชายหนุ่มเดินไปถึงตัวยามรักษาความปลอดภัยของบริษัทที่เขาทักทายเป็นประจำทุกครั้งที่เข้าออกบริษัท จนยามทุกคนรู้จักและทักตอบเป็นประจำ
“สวัสดีครับท่าน” ยามคนเดิมที่ทำหน้าที่ทุกเช้าค้อมศีรษะทำความเคารพนภเกตน์ “สวัสดีครับท่าน” ตามด้วยตฤณ
“แหมๆ กินอะไรผิดสำแดงมา วันนี้เรียกท่านเลยนะครับพี่” ร่างสูงหยุดทักตอบ
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย ยามคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นพรวด ผงะแล้วถอยหลังออกไปสามก้าว “เหยยยย เกิดอะไรขึ้นกับคุณตฤณครับนี่! อะไรไปเข้าฝัน!!!”
ชายหนุ่มผิวสีแทนถึงกับชะงักกับคำทักทายนั้น เขาปิดปากเก็บรอยยิ้มกลับเข้าไปทันควัน... โธ่ พี่ยาม! ทำหน้ายังกับเห็นผี แล้วดูทักเข้าเซ่ คนยิ่งใจแป้วๆ อยู่นะ!
“คุณตฤณ! โอ้เอ้อะไรอยู่!”
“คร้าบๆๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” ร่างสูงรีบหันไปตอบ “ไปก่อนนะพี่”
“อ้า! เอ้อ! วันนี้คุณตฤณหล่อยังกะพระเอกหนังเลยคร้าบบบ!” ยามคนเดิมตะโกนตามหลัง
ตฤณครางอือ... เขาเข้าใจคำว่าตบหัวแล้วลูบหลังก็วันนี้แหละ!
นภเกตน์ยิ้มกริ่มระหว่างที่กำลังกดลิฟต์รออีกฝ่าย “ไม่มั่นใจอะไรนัก เมื่อก่อนแต่งตัวโทรมๆ ส่งกลิ่นหืนๆ ยังไม่อายเลย”
“โธ่ ก็คนมันไม่ชินนี่ครับ นี่ขนาดพี่ยามนะ เดี๋ยวขึ้นไปเจอไอ้พวกปากมอมข้างบนนั่น พวกมันคงจะเห่าหอนกันสนุก ดีไม่ดีจะกัดให้เป็นแผลเหวอะหวะซะด้วย ผมคงจะต้องชิงวิ่งหนีเข้าห้องซะก่อน” ผู้ช่วยสุดหล่อบ่นพึมพำ แต่แล้วก็เหลือบมองเจ้านาย... ก็ขนาดพี่ยามยังบอกว่าเขาหล่อ แล้วเจ้านายล่ะ จะคิดยังไงบ้างน้า “...ว่าแต่... ผู้จัดการคิดว่าผมหล่อเหมือนอย่างที่พี่ยามว่ารึเปล่า”
“หึหึ... อืม...”
เสียงอื้ออึงภายในชั้นสิบสามเงียบกริบลงทันทีที่บานประตูลิฟต์เปิดออกและผู้จัดการประจำแผนกก้าวออกมา ร่างโปร่งบางจ้ำอ้าวๆ ไปหยุดอยู่ตรงกลางห้องที่บรรจุวิศวกรไว้หลายสิบนาย เขายืนนิ่งสักพัก เพื่อรอให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจกับตน
“สวัสดีครับผู้จัดการ”
เมื่อได้ยินคำทักทายจากพวกลูกน้อง นภเกตน์ก็พยักหน้ารับ พร้อมกับส่งยิ้มไปให้กับทุกๆ คนในห้อง “สวัสดีทุกคน ผมขอแนะนำผู้ช่วยคนใหม่ของผม ช่วยเอ็นดูเขากันสักนิดนะ” จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ เป็นการเกริ่นนำ แล้วสาวเท้ายาวๆ เข้าห้องทำงานของตนไป
เป็นครั้งแรกที่ผู้เป็นนายพูดคุยอย่างเป็นกันเอง แล้วยังยิ้มอย่างน่ารักซะด้วย ราวกับว่าเขาเปิดโอกาสให้ลูกน้องในคอนโทรลทั้งหลาย รุมยำคนที่เดินมาด้วยให้เต็มที่ได้ยังไงยังงั้น
ตฤณอ้าปากค้าง ทำไมเจ้านายทำกับเขาแบบนี้ นี่มันไม่ต่างกับเอาไม้ตีหัวแล้วทิ้งให้ยืนมึนๆ เบลอๆ ท่ามกลางกลุ่มสุนัขไฮยีนาแล้วโยนประทัดใส่ซ้ำเลยนะ!
แวบแรกวิศวกรทุกคนต่างนิ่งค้าง สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำดูสง่างาม จากลำคอลงมาจรดปลายรองเท้าหนัง ดูน่าเกรงขามเหลือเกิน แต่ทำไม... ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาที่ตั้งอยู่บนลำคอนั่นช่างคุ้นตา
“ไม่จริงน่า” บวรวิทย์ยกมือขึ้นขยี้ตา ก่อนจะหันไปปรึกษาเพื่อนหน้าหมี พร้อมกับตบหลังแรงๆ “กูฝันไปใช้มั้ย”
“โอ๊ยๆ” หมีน้อยตื่นจากภวังค์ “ตีแรงขนาดนี้ ถ้ามือมึงเจ็บแปลว่าไม่ได้ฝันแล้วโว้ย นี่พี่ตฤณตัวจริงเสียงจริง!”
และแล้ว เสียงหวีดร้องของใครบางคนก็เปิดประเด็นขึ้น “วี้ดดดดด จำไม่ได้เร้ยยยยย พระเอกที่ไหนกันหว่า!!!”
“โอ้โห... คุณผู้ช่วยผู้จัดการคร้าบ หล่อจุงเบย ใจผมสั่นไปหมดแว้ว~”
“พี่ตฤณตัวจริงรึเปล่าเนี่ย ไหนกระดิกหู เอ๊ย โชว์ลักยิ้มซิ”
“เฮ้ย! พวกเอ็งนี่! ปากดีจริง เว้ยยย! ไม่ต้องถู! ข้าไม่ให้เลข!” ตฤณหันไปดุ เมื่อถูกทุกคนเข้ามารุมล้อมแล้วยื่นมือมาขัดถู “เฮ้ยๆ อย่าจับก้น!”
“งั้นจับข้างหน้าได้มั้ยพี่!”
“เดี๋ยวพวกเอ็งต๊ายยย!”
เสียงฮือฮาดังลั่นไปทั้งชั้นสิบสาม จนเจ้านายต้องเปิดประตูออกมานั่งหัวเราะกับเลขาสาว ซึ่งวันนี้เธอดูกระดี๊กระด๊ามากกว่าเคย
“คุณนภเกตน์ คุณตฤณหล่อระเบิดระเบ้อไปเลยนะคะวันนี้” หลินถามลองเชิงเพื่อหาวัตถุดิบในการจิ้นประจำวัน
“อื้ม” ร่างโปร่งตอบพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก ดวงตากลมใสยังคงจับจ้องอยู่ที่ผู้ช่วยสุดหล่อของตน
...คุณพระ!... หลินยกมือขึ้นทาบอกรัวๆ เจ้านายคงไม่รู้ตัวว่าสายตาของเขาที่จ้องมองผู้ช่วยนั้นดูหวานเยิ้มขนาดไหน หรือว่านี่ฝันของหลินจะเป็นจริงแน่แล้ว เจ้านายสวย ผู้ช่วยหล่อ ยิ่งดูก็ยิ่งเหมาะสมกัน
“คุณหลิน... เอ่อ...” นภเกตน์ลุกพรวดแล้วถอยห่างจากโต๊ะของเลขาสาว เพราะเขารู้สึกว่ารังสีเหนือม่วงรอบๆ ตัวเธอมันช่างเข้มข้น แถมยังแผ่วงกว้างขึ้นอีกยังไงชอบกล
ทว่าในขณะเดียวกันนั้นเอง มีโทรศัพท์เข้ามาจากฝ่ายขายแต่เช้า
นภเกตน์จึงต้องกลับเข้าห้องทำงานไปก่อน แต่สักพัก ขจร ผู้จัดการอาวุโสที่ได้ยินเสียงดังอื้ออึงก็เข้ามาร่วมแจม
“เฮ้ย! ตฤณ เอ๊ย คุณผู้ช่วยผู้จัดการ กินยาอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าเนี่ย” ขจรหัวเราะ
...โธ่ ขนาดพี่ขจรยังไม่วาย... ร่างสูงใหญ่เริ่มหดเหลือเล็กลงไปทุกที
“ไอ้ตฤณอย่าทำหน้าเป็นตูดยังงั้นเซ่ แหม แซวคนหล่อเล่นแค่นี้เอร๊งงง”
“พวกเอ็งนี่ เดี๋ยวจะได้เวลาเริ่มทำงานกันแล้ว เลิกเล่นซะที” ร่างสูงตีหน้าขรึมแล้วพูดเสียงกึ่งดุ “เดี๋ยวคุณหลินจะมาแจกเอกสาร อีกชั่วโมงไปเจอกันที่ห้องเทรน”
“อรั๊ยยย! พี่ตฤณดุเข้ม”
“แหม ยังเหลืออีกตั้งห้านาทีก่อนเข้างานนะสุดหล่อ ฮิ้ววว...”
“นู๋กลัวตัวสั่นไปหมดแว้วววว~”
ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจฟังเขานัก เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะยังคงดังอื้ออึง เพราะตฤณเป็นคนใจดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอ แถมยังไม่ถึงเวลาเริ่มงานจริงจังซะด้วย ก็เลยทำให้พวกลูกน้องไม่ค่อยให้ความเกรงใจกันสักเท่าไหร่
แต่จู่ๆ นภเกตน์ก็เดินเข้ามาสมทบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ความเย็นเยือกแผ่ซ่านออกมาจากร่างโปร่งบาง จนพวกลูกน้องหนาวสั่นกันไปเป็นแถบ ทุกคนเงียบกริบและสงบนิ่งทุกการเคลื่อนไหว “คุณกิตติ คุณภูริณัฐ คุณบวรวิทย์ เดี๋ยวเข้ามาพบผมด้วย แล้วก็... คุณตฤณ เดี๋ยวเช็กตารางการออกไซต์งานของวิศวกรอาทิตย์นี้กับคุณหลินหน่อยนะ” เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเดินนำเข้าห้องทำงานไป
“ครับ!” ลูกน้องทั้งสามขานรับ จากนั้นก็กระโจนไปเกาะแขนเกาะขารุ่นพี่ที่พวกเขาเคารพเหลือแสน “พี่ตฤณ... เกิดอะไรขึ้นอะ!”
“ข้าจะรู้มั้ยล่ะ ก็ยืนให้พวกเอ็งแทะกันอยู่ตรงนี้... ไปเหอะ เดี๋ยวก็รู้เอง” ตฤณดันหลังลูกน้องทั้งสามไปทีละคนเบาๆ “ไปๆ อย่าให้เขารอนาน เดี๋ยวจะพิโรธ พวกมึงจะโดนหนักเป็นสามเท่า”
“ฮือ... กูกลัววว” กิตติครางหงิงใส่ทุกคนที่เขาเดินผ่าน ไม่ต่างกับภูริณัฐและบวรวิทย์ที่เดินหน้าซีดปากสั่นเข้าไปหาเจ้านายในห้อง
TBC~*ท่านรองผจกมาใหม่ นิวลุคแล้วววว หล่อจนพื้นบริษัทสะเทือน 55555
แถมผู้จัดการก็เริ่มใจอ่อน สวีตกันไปเองโดยไม่รู้ตัวเลยนะค้า น่ารักชิมิล่าาาา
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า จุ๊บๆ