#41 "...คุณแม่..." -คฤหาสน์อัศวเหมมินทร์-ร่างเล็กบอบบางผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานในทันที ใบหน้าของเธอเครียดขึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สองมือกำแน่นเข้าหากัน คุณแม่ตัวสั่นนิดๆ
“เอย์พูดอะไรออกมา รู้ตัวไหมว่าลูกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่”
เย็นวันนั้น คุณแม่กลับมาถึงบ้านช่วงค่ำๆขณะที่คุณพ่อกับผมและซีซ่าร์รออยู่ก่อนแล้วที่ห้องทานอาหาร เราทานข้าวพร้อมกันกันสี่คนพ่อแม่ลูกเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาก ซีซ่าร์ตั้งใจทำตัวให้ว่างในขณะที่คุณพ่อคิดว่าน่าจะพอรู้แล้วว่าวันนี้ผมต้องการจะคุยธุระกับคุณแม่เรื่องที่เคยบอกกับท่านไว้ก่อนหน้านั้น
ที่ห้องทำงานของท่าน หลังจากทานข้าวเสร็จเราจะมานั่งคุยพร้อมหน้ากันที่นี่เสมอ แต่วันนี้ซีซ่าร์เลี่ยงออกไปคงเหลืออยู่แค่คุณแม่คุณพ่อและผมเท่านั้น
“คุณแม่ครับ” ผมก้าวเข้าไปหาท่าน ผมรู้ว่าประโยคเมื่อสักครู่ทำให้ท่านโกรธมาก แต่ผมตัดสินใจแล้ววันนี้อย่างไรเสียผมก็ต้องพูด
“ผมตัดสินใจตามที่พูดไปทุกอย่าง คิดมานานแล้วครับ คิดแล้วคิดอีก คิดจนความคิดผมตกผลึกในหัวใจไปแล้ว ว่าคนที่ผมรักจริง ๆ คือใคร”
“ลูกพูดแบบนั้นหมายความว่าลูกกำลังจะบอกแม่ว่ารักเด็กคนนั้นมากกว่ารักพ่อกับแม่อย่างงั้นหรือ คุณพ่อก็นั่งอยู่ที่นี่นะให้เกียรติพ่อกับแม่บ้าง”
“แม่ครับ”
“จะพูดอะไรเอาให้มันพอดี พูดจาเหมือนกับจะขอแยกตัวออกไปแบบนี้คิดบ้างไหมว่าพ่อกับแม่จะรู้สึกยังไง”
“ผมเคารพรักคุณพ่อกับคุณแม่มากที่สุด ไม่เคยมีใครมาแทนที่ได้ แต่สำหรับปิง เขาเป็นคนที่ผมเลือกที่จะใช้ชีวิตจากนี้ต่อไปด้วยกันจนถึงวันสุดท้าย อย่างที่ผมบอกไป นับตั้งแต่วันนี้ผมจะออกไปทำงานด้วยตัวเอง ในเมื่อคุณแม่ยอมรับเรื่องของผมกับน้องเขาไม่ได้ผมจะไม่ขออยู่ในอัศวอีก ความรักของผมไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อน ๆ ครับ ถ้าผมรักใครผมจะให้เกียรติคนๆนั้น เดินจับมือไปด้วยกันอย่างเปิดเผย คุณพ่อคุณแม่สองฝ่ายรับรู้ ครอบครัวเราสองคนรู้จักกัน เดินเคียงข้างไปพร้อม ๆ กันไม่ว่าจะเกิดเรื่องดีร้ายแค่ไหนเราก็จะไม่ทิ้งกันและกัน แบบนั้นครับคือความรักที่ผมต้องการ”
“แล้วแม่ห้ามเหรอ” เสียงเธอเย็นเฉียบ ดวงตากร้าวขึ้นมาจ้องผมนิ่ง
“แม่ห้ามเอย์เหรอลูก ลูกอยากจะคบเด็กนั่นก็คบไปแม่ไม่ห้าม ทำตามใจลูกเลย คบไปเลยแม่ไม่ห้าม เพียงแต่ท้ายที่สุดขอให้ลูกเลือกผู้หญิงดีๆสักคนมาเป็นคู่ชีวิตแค่นั้นพอ”
“คุณแม่ครับ” ผมเรียกชื่อท่านขึ้นมาอย่างอ่อนใจ คุณแม่ทำไมไม่ยอมเข้าใจอะไรบ้างเลย เธอส่ายหน้าถอนหายใจยาวมาก ราวกับว่าเหนื่อยหน่ายสิ่งที่ผมกำลังพยายามจะพูดจะบอก
“น้องเอย์ แม่ว่าเอย์ฟุ้งซ่านมากไปแล้วนะ ถึงขนาดกล้ามาพูดกับแม่เรื่องจะขอออกจากบ้าน ออกจากอัศว ลูกกำลังจะบีบให้แม่ต้องเลือกใช่ไหม ถ้าแม่ไม่อยากให้ลูกออกไปนั่นคือแม่ต้องยอมรับคนของลูกงั้นรึ”
“ผมเพียงแต่อยากให้คุณแม่ยอมรับปิง ยอมรับครอบครัวของเขา ผมกับปิงรักกันด้วยใจจริงผมรักเขาไปแล้วไม่เคยคิดจะรักใครคนไหนอีก การที่คุณแม่มาพูดว่าให้ผมคบๆไปท้ายที่สุดค่อยให้ผมเลิกกับเขาแล้วหาผู้หญิงสักคนมาแต่งงานด้วยแบบนั้นผมถือว่าคุณแม่ดูถูกผมมาก ดูถูกหัวใจของผม”
“เอย์ตั้น!” เธอขึ้นเสียงพร้อมก้าวเข้ามา
“แม่เพียงอยากให้ลูกโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อยลูกจะคิดได้ เรื่องความรักระหว่างชายกับชายน่ะ...โถ่เอ๊ยมันจะไปกันได้สักกี่น้ำ”
“แม่ครับ ผมกับน้องรักกันจริง ๆ มันไม่ใช่แค่ความหลงใหลชั่วครั้งคราว ไม่ใช่แค่ความชอบความใคร่หรือเพ้อฝันไปกับรูปลักษณ์ภายนอก เราสองคนรักกันครับแม่”
“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ? ลูกเชื่อใจเขาหรือ เชื่อใจได้มากแค่ไหน เชื่อว่าเขาจะรักลูกซื่อสัตย์กับลูกคนเดียวไปจนวันตายน่ะลูกเชื่อเขาได้เหรอ เชื่อได้ไหม”
คุณแม่เสียงสั่น สายตาเธอยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่ทว่าคำตอบที่ผมจะให้เธอได้คงทำให้เธอมีแต่ผิดหวังยิ่งขึ้นไปอีก
“ครับ ผมเชื่อ เพราะต่อให้เป็นชายกับหญิงถ้าหากจะไม่ซื่อสัตย์ก็นอกใจกันได้อยู่ดี มันไม่ใช่แค่ชายกับชายหรอกนะครับแม่ ขอร้องว่าอย่ามาดูถูกความรักของพวกเรา”
“เอย์ตั้น!” เธอแผดเสียงลั่นอย่างที่ไม่เคยทำ จ้องผมแน่นิ่ง คุณแม่กำลังโมโหมาก แต่เธอยังพยายามที่จะข่มใจ
“โทษทีนะเอย์ แต่แม่ยอมรับความสัมพันธ์ของพวกลูกไม่ได้จริง ๆ ถ้ายังยืนยันว่าจะคบกันต่อไปก็ทำแบบที่แม่บอก คบไปได้เลยแต่ท้ายที่สุดแล้วลูกต้องแต่งงานกับผู้หญิง มีลูกมีครอบครัว ถึงเวลานั้นพอลูกมองย้อนกลับไปลูกจะเห็นเลยว่าความรักของเด็กๆน่ะมันเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี คำว่าครอบครัวสิถึงจะอยู่กับเราได้ตลอดไป คู่ชีวิต ครอบครัว คำพวกนี้ต่างหากที่สำคัญกว่าความรักจอมปลอมระหว่างชายกับชายแบบนั้น”
“คุณแม่ครับ สี่ปีที่ผ่านมานี้คุณแม่ยังไม่เชื่อความรู้สึกของพวกผมสองคนอีกเหรอ เรารักกันครับแม่”
“แม่เหนื่อยนะเอย์ตั้น สงสัยว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้คงต้องให้ลูกเดินทางไปดูงานต่างประเทศแทนแม่แล้ว ไปประจำอยู่ที่สิงคโปร์ดีไหมแถบเอเชียใต้แม่จะให้ลูกเป็นเป็นคนคุมทั้งหมดเลย”
ผมส่ายหน้าอย่างคนท้อ พูดไม่ออก รู้สึกถึงความดื้อรั้นของเธออย่างถึงที่สุด คุณแม่ไม่สามารถยอมรับตัวตนของผมได้เลยจริง ๆ นี่คิดถึงขนาดว่าจะส่งผมไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีกแล้ว
คุณแม่จะเคยรู้ไหมว่าถึงตัวผมจะอยู่ไกลจากเมืองไทยแค่ไหนแต่หัวใจของผมยังคงอยู่ที่นี่เสมอ
“อย่าดื้อกับแม่ อย่าให้ต้องใช้อะไรแย่ ๆ มาบังคับกันอีก แม่ไม่อยากจะพูดนะว่ายูเซย์เป็นคู่สัญญาของบริษัทเรา นับจากนี้อีกหลายเดือน สัญญารายปีที่หากแม่จะใช้เทคนิคเล็กๆน้อย ๆ เด็กคนนั้นกับชื่อเสียงที่สั่งสมมาหลายปีของยูเซย์จะล้มครืนลงไม่เป็นท่า ลูกอย่าให้แม่ต้องทำแบบนั้น”
ผมแค่นยิ้มอย่างขมขื่น สิ่งที่ท่านพูดมาไม่ได้อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่ผมคิดไว้เลย คุณแม่เปิดไพ่ใบสุดท้ายขึ้นมาแล้ว ท่านใช้มันเพื่อข่มขู่ผมจริง ๆ แต่ผมไม่กลัวหรอกนะเพราะว่าผมเตรียมรับมือไว้หมดทุกทางแล้ว อะไรมันจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด ผมเพียงแต่ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นเพราะกลัวว่าเธอต้องเจ็บปวดหากรู้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่โดนเล่นงานไม่ใช่ยูเซย์ ไม่ใช่ปิง หากแต่เป็นผมคนนี้ ลูกชายของเธอ
“แม่รักลูกนะเอย์ ตอนนี้โฟกัสที่เรื่องงานก่อนเถอะ ถ้าคิดว่าจะคบต่อก็ทำไปแบบที่แม่ว่า คบเล่น ๆ พอเบื่อก็เลิก ถึงเวลาที่เหมาะสมแม่จะหาคนดีๆที่คู่ควรและเหมาะสมกับลูกให้เอง รับรองได้ว่าลูกต้องพอใจ แม่สัญญา”
ผมส่ายหน้าอย่างเหน็ดเหนื่อยหัวใจ ก้าวถอยหลังออกมาในขณะที่คุณแม่กำลังจะเอื้อมมือมาหาผม
“น้องเอย์?”
“คุณแม่ครับ ผมไม่เคยเสียศรัทธาในความรักของคุณพ่อกับคุณแม่เลยสักครั้งและนับจากวันนี้ก็ยังคงจะเชื่อว่าความรักของพ่อกับแม่คือรักที่บริสุทธิ์มาจากใจจริง ๆความรักที่มีมาถึงผม”
ผมคุกเข่าลงต่อหน้าท่าน ก้มลงกราบหมอบลงไป น้ำตาลูกผู้ชายหนึ่งหยดไหลตกลงมา ปลายเท้าเล็กๆของคุณแม่กดแน่น สองขาเล็กๆสั่นเทา
“ผมขอโทษที่เป็นลูกอกตัญญู ไม่สามารถทำตามความหวังของคุณแม่ได้ นับจากวันนี้ไปผมจะไม่ใช่คนของอัศวอีกต่อไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยังคงเป็นพ่อกับแม่เพียงหนึ่งเดียวของผม”
“เอย์ตั้น!” คุณแม่ร้องไห้ตะคอกชื่อผมลั่น ขาเธอสั่นมากเสียงเรียกชื่อผมเองก็สั่นเทิ้มไปหมด ไหล่เล็กๆนั่นห่อลงอย่างน่าสงสาร ผมเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตาคุณแม่ไหลตกลงมาที่พื้นพรหมต่อหน้าต่อตาผม
“ผมเพียงแค่เข้ามาลาคุณพ่อกับคุณแม่เท่านั้น ขอโทษจริงๆครับที่อกตัญญูไปแล้ว”
ในที่สุดผมตัดสินใจลุกขึ้น ตาดวงเล็กที่จ้องผมอยู่สั่นไหว
“คุณแม่รักษาสุขภาพด้วยนะครับ”
“ทำไมเราต้องมาทะเลาะกันเพราะเด็กคนนี้ด้วย ลูกรักเด็กนั่นถึงขนาดเลือกที่จะไปโดยไม่ใยดีพ่อกับแม่เลยอย่างนั้นหรือ ลูกเลือกเด็กนั่นมากกว่าแม่กับพ่องั้นเหรอเอย์ตั้น”
“......” ขอโทษครับแม่ ผมพูดไม่ออกจริงๆ
“ครอบครัวของเรามีกันและกันมายี่สิบกว่าปี แม่ดูแลลูกประคบประหงมน้องเอย์มาตลอดไม่เคยบกพร่องตรงไหน ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ทำทั้งงานหลักงานดูแลทั้งเรื่องภายในบ้าน
น้องเอย์ยังเห็นแม่เป็นแม่ของลูกอยู่อีกไหม!?”เธอตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด ร้องไห้ ดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยรอยน้ำตา ขณะที่ผมเองก็มีหยดน้ำจากนัยน์ตาไหลตกลงมาอีกอย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ นึกถึงเมื่อครั้งยังเด็ก คุณแม่โอบอุ้มผมอย่างอ่อนโยน จับมือเขียนหนังสือ สอนทำการบ้าน ไปรอรับที่เรียนพิเศษ พาไปสมัครเข้าเรียน เฝ้าไข้เมื่อยามเจ็บป่วย และสั่งสอนผมเสมอทุกครั้งที่มีเรื่องมีราวซนๆตามประสาเด็กผู้ชาย
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วคุณแม่เคยบอกเสมอลูกผู้ชายต้องไม่ทำให้ผู้หญิงต้องร้องไห้
“คุณแม่ครับน้องเอย์เจ็บ เพลงแกล้งมาหยิกแก้ม เอย์โกรธเผลอตีเพลงไป เพลงร้องไห้เสียงดัง”
“น้องเอย์ครับ เป็นผู้ชายไม่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้นะลูก เด็กดีไม่ใช้กำลัง ลูกผู้ชายไม่รังแกผู้หญิง ถ้าไม่ชอบใจน้องเอย์เดินเลี่ยงออกมานะลูกนะ น้องเพลงตัวเล็กน่าสงสาร”
แต่ทว่าวันนี้ ผมทำให้คุณแม่ร้องไห้และเจ็บปวด ผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นั้นกำลังยืนร้องไห้เพราะผิดหวังในตัวลูกชายอย่างผม
“คุณพ่อกับคุณแม่รักษาสุขภาพด้วยนะครับ” ผมตัดสินใจหันหลังออกมา คุณแม่วิ่งเข้ามาขวางไว้ เธอคว้าจับมือผมที่กำลูกบิดประตูไว้แน่น
“แม่ไม่ให้เอย์ไป!”“.......” เราสองคนสบสายตากัน แววตาคุณแม่สั่นไหวช้ำและหม่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเว้าวอน
“ธีร์คะ คุณช่วยพูดกับลูกทีสิ ฉันคนเดียวไม่ไหวแล้วลูกไม่ยอมฟังฉันเลย ธีร์ช่วยบอกเอย์ทีว่าอย่าไป บอกกับลูกให้ที”
ในที่สุดเธอร้องบอกกับคุณพ่อ ท่านนั่งอยู่กับพวกเรามาตั้งแต่แรก แต่คุณพ่อเป็นแบบนี้เสมอ ท่านจะปล่อยให้คุณแม่คุยกับผมจนถึงที่สุดแล้วจริง ๆ การที่คุณแม่เอ่ยปากเรียกท่านให้เข้ามาคุยกับผมทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นเรื่องที่คุณแม่หมดหนทางแล้ว
ท่านลุกขึ้นมาแล้ว มือแข็งแกร่งลูบลงที่เส้นผมคุณแม่อย่างอ่อนโยน
“ปล่อยให้ลูกไปเถอะรัน”
“คุณธีร์!”
“ในเมื่อลูกอยากจะออกไป ก็ปล่อยให้เขาได้ไป”
“คุณธีร์คุณพูดอะไรคะ! คุณพูดอะไรอยู่? ลูกเรากำลังจะขอออกจากตระกูลนะ ออกจากอัศว ลูกกำลังจะไปจากเราแล้ว”
“รัน ปล่อยให้ลูกไปนะ”
“ฉันไม่ยอมหรอก ฉันไม่มีวันยอม ถ้าลูกยังจะดึงดัน ฉันจะทำทุกอย่างให้รู้ไปเลยว่าเด็กคนนั้นจะไม่มีที่ยืนอยู่อีกต่อไป”
“แต่ถ้าคุณทำร้ายคนที่ลูกรัก ลูกจะเกลียดคุณนะรันผมบอกคุณได้แค่นี้ คุณยอมรับได้เหรอ?? และผมคนนี้จะไม่มีวันยอมให้คุณทำแบบนั้นอีกแล้ว ผมตามใจคุณมามากแล้วรัน คุณรักลูกในทางที่คุณคิดว่ามันถูกต้องโดยที่ไม่เคยดูความสมัครใจของลูกเลย”
“คุณธีร์!”
“ไหนคุณเคยบอกว่าความสุขของลูกคือรอยยิ้มของคุณยังไงล่ะ นั่นคุณโกหกผมเหรอ”
“คุณพ่อ” ผมพึมพำชื่อท่านออกมา ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาพ่อกับแม่ผมไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว คุณพ่อยอมลงให้คุณแม่ทุกอย่าง แบ่งหน้าที่กันชัดเจน แต่วันนี้แน่นอนว่าคุณพ่อกำลังช่วยผม ถึงขนาดช่วยแสร้งทำเป็นไล่ ความจริงคือท่านรู้อยู่ก่อนแล้วทุกอย่าง ยอมขัดใจคุณแม่คนที่ท่านรัก
“ผมจะพูดแค่ครั้งเดียวและเป็นครั้งสุดท้าย ปล่อยให้เขาได้ไป ในเมื่อคุณยอมรับลูกกับคนรักของลูกไม่ได้คุณต้องปล่อยให้เขาไปรัน ปล่อยลูกไป”
“ทำไม? ฮ.อึกก...ทำไมคุณถึงยอมให้ลูกไป คุณไม่รักลูกเหรอคะธีร์ คุณยอมปล่อยลูกไปได้ยังไง”
“เพราะว่าผมรักลูกน่ะสิ ผมถึงยอมให้ลูกได้ไป ความสุขของลูกคือรอยยิ้มของพ่อกับแม่ คำๆนี้ผมไม่เคยลืมหรอกนะ”
“คุณธีร์คะ”
“ปล่อยให้มันออกไปเลย ปล่อยให้มันไป แต่บอกให้รู้อย่างนึงถ้าคิดจะไปจงไปแต่ตัว ห้ามหยิบฉวยเอาอะไรของอัศวไปแม้แต่อย่างเดียว ลูกจะทำได้ไหมเอย์ตั้น!”ท่านขึ้นเสียงดังใส่อย่างที่ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้เห็นและได้ยินมาก่อน สายตาคุณพ่อเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่มาก ท่านแสร้งทำทีเป็นไล่ผมทั้งที่ฝืนตัวเองอยู่ เพื่อให้คุณแม่ไม่ยื้อผมไว้อีก ผมไม่รู้จะขอบคุณท่านอย่างไรดี ได้แต่เงยหน้ามองท่านอย่างตื้นตันและเสียใจพร้อมๆกันที่ทำให้ท่านต้องลำบากใจแบบนี้ แค่งานที่รับผิดชอบอยู่ก็มากพอแล้วยังต้องมาวุ่นวายกับเรื่องของผม
“คุณพ่อ ผมขอบคุณครับ” ผมก้มหน้าตอบพนมมือขึ้นไหว้ น้ำตาคลอขึ้นมาจนเต็มหน่วย
“..ฮ.อึกก....ฮึ่กก..น้อง...เอย์....ฮึก...อย่าไป...” เสียงคุณแม่สะอื้นไห้ ท่านจะโผเข้ามาหาผมแต่ถูกคุณพ่อดึงเอาไว้ ผมคุกเข่าลงอีกครั้งก่อนก้มลงกราบที่ปลายเท้าของท่านทั้งสองคนพร้อมกัน
“คุณพ่อคุณแม่รักษาสุขภาพด้วยนะครับ”
ผมค่อยถอยหลังออกมาก่อนยันตัวลุกขึ้น ลูกชายที่อกตัญญูอย่างผมจำเป็นต้องออกไปแล้ว เงยหน้ามองท่านสองคนช้า ๆ คุณแม่ร่ำไห้แทบขาดใจในขณะที่คุณพ่อพยักหน้าให้ช้า ๆ ในที่สุดผมตัดสินใจหันหลังแล้วเดินออกมา ได้ยินเสียงของเล็กๆเธอเรียกชื่อผมขาดๆหาย ๆ แว่วตามมาด้วย เสียงร่ำไห้ด้วยความเสียใจดังกึกก้องอยู่ในหัว ห้องทำงาน ห้องที่ผมเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่เสมอตั้งแต่ผมยังเด็ก ความทรงจำระหว่างผมกับคุณแม่ ตั้งแต่บันได ห้องนั่งเล่นห้องครัว แม้แต่เปียในใหญ่หลังนั้น ไม่มีจุดไหนที่ไม่มีความทรงจำของเธอกับผมอยู่ร่วมกัน
ผมรู้...คุณแม่รักผมที่สุด
“น้องเอย์ ทำการบ้านรึยังลูก ไหนแม่ดูซิ สองบวกหนึ่งได้เท่าไหร่เอ่ย โอ้โห..เลขสามตัวเบ้อเริ่มเลย”
“คุณแม่ครับ น้องเอย์เก่งใช่ไหม”
“ไหนเอย์ลองเขียนชื่อตัวเองให้แม่ดูอีกครั้งซิครับ เอย์ตั้นต้องมีไม้โทด้วยนะ คำว่าเอย์ทำไมไม่ใส่ยอยักษ์การันต์ล่ะหื้ม ลายมือเหรอเนี่ย ลูกชายตัวจิ๋วของแม่”
"ตัวการันต์เขียนยาก น้องจะเอย์พยายาม"
“น้องเอย์ครับแม่กลับมาแล้ว ซื้อเลโก้ชุดใหญ่มาให้ลูกด้วยนะ เอย์จะต่อเป็นหุ่นยนต์ใช่ไหมลูก”
“คุณแม่ไปนานน้องเอย์คิดถึง ฮ่องกงอยู่ไกลเหรอครับ ไกลเท่าโรงเรียนอนุบาลของน้องเอย์หรือเปล่า”
“เอย์มากินข้าวก่อนลูก กุ้งผัดเปรี้ยวหวานที่หนูชอบ วันนี้แม่ลงมือเองเลยนะ เอย์ทานเยอะๆนะครับ”
“เอย์จะให้คุณแม่ป้อน เอย์ไม่อยากให้คุณแม่ไปไกลๆอีก น้องเอย์คิดถึง”
“น้องเอย์อยากไปสิงคโปร์กับคุณแม่ น้องเอย์อยากไปดูสิงโตทะเลตัวใหญ่ ๆ”
“เดี๋ยวน้องเอย์โตขึ้นแม่จะให้ไปจนเบื่อเลย ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนนะ อนุบาลกอไก่ผ่านไปให้ได้ ฮึบๆๆ น้องเอย์สู้ๆ”
“ครับคุณแม่ เอย์จะตั้งใจเรียน”
“คุณแม่ครับ วันแม่ปีนี้คุณครูให้น้องเอย์เป็นตัวแทนร้องเพลงอิ่มอุ่น คุณแม่จะไปฟังเอย์ร้องใช่ไหมครับ”
“ไปสิลูก ไหนลองซ้อมให้แม่ฟังซิ น้องเอย์ร้องเพราะแค่ไหนน๊า”
♫ ♫ “อุ่นใดๆโลกนี้ไม่มีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง......”
“เรามาร้องท่อนนี้พร้อมกันนะ น้องเอย์กับแม่”
♫ ♫ “ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป”
“เก่งมากลูก แม่รักน้องเอย์สุด”
“คุณแม่ เอย์กลับมาแล้วครับ”
“เหนื่อยไหมลูก แม่เตรียมขนมไว้ให้แล้วเปลี่ยนเสื้อแล้วลงมากินกันนะ เรียนพิเศษเหนื่อยไหมเดี๋ยวจะต้องสอบเข้ามัธยมแล้ว ตั้งใจเรียนนะลูกนะ”
“แม่ครับ เอย์ติดวิศวจุฬานะ แม่ดีใจไหมครับ เอย์ทำได้แล้ว”
“เก่งมากลูกแม่ เห็นไหมว่าถ้าเราตั้งใจจริงซะอย่าง ไม่ว่าอะไรเราก็จะทำได้”
“เอย์ตั้น ผลการเรียนแจ้งมาที่บ้านลูกได้เกียรตินิยมอันดับสองเหรอลูก ทำไมไม่เคยบอกให้แม่รู้เลย”
“ผมอยากให้คุณแม่ดีใจครับ”
“ทำดีมาก แม่ภูมิใจในตัวลูก เอย์ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลยจริง ๆ”
‘ขอโทษครับแม่ เอย์ขอโทษ’ผมก้มหน้าน้ำตาตกในอยู่ตรงนั้น ก้าวเดินลงบันไดมาจนสุด หันมองไปรอบๆบ้านอีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อไหร่ความทรงจำของผมภายในบ้านหลังนี้เปี่ยมล้นเสมอ ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อประคองน้ำตาไม่ให้ไหลตกลงมาเห็นซีซ่าร์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ในมือถืออะไรบางอย่างยื่นส่งให้ผม
“อะไร” ผมถามมันพร้อมสูดจมูกกลั้นน้ำมูกยกหลังมือขึ้นปาดเช็ดน้ำในตา ซ่าร์ยกมือขึ้นมายีหัวผม มันดึงผมเข้าไปกอดแล้วตบลงที่หลังเบา ๆ
“มึงเป็นน้องชายกูตลอดไป”
“ซ่าร์ ฝากพ่อกับแม่ด้วย ดูแลท่านให้ดี แวะไปหากูบ้าง”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เราพูดกันแค่นั้นก่อนที่ผมจะผละออกมา คุณเชื่อไหม...ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่าระยะทางจากบันไดหินอ่อนหน้าบ้านไปจนถึงประตูรั้วมันช่างไกลแสนไกล ผมเดินเท้าออกมาโดยที่ไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย ความทรงจำที่เกิดขึ้นกับผมตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้ผมจะไม่ลบมันออกไปจากหัวใจ ทั้งดีใจเสียใจผมจะขอเก็บมันไว้ทุกอย่าง อย่างน้อยยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาผมโชคดีที่มีครอบครัวที่ดีเสมอมา นับจากนี้ไปผมขอเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ด้วยขาและมือของตัวเอง ถึงจะต้องผ่านความยากลำบากแค่ไหนผมก็เชื่อว่าผมจะต้องก้าวข้ามมันไปได้ เพียงเพราะ
ข้างหลังรั้วนั่น....
ท่ามกลางแสงจันทร์สีนวลที่สาดส่อง ปรากฏร่างคุ้นเคยยืนทอดกายรออยู่แล้วที่ข้างรถมอเตอร์ไซด์นั่น สายลมโชยอ่อนพัดผ่าน ชายเสื้อเชิ้ตสีอ่อนบางเบาปลิวไสวเล็กน้อย ปิงยืนมองผมแน่นิ่งก่อนที่เราสองคนต่างก้าวเข้าหากันและกันช้า ๆ
“พี่เอย์ครับ”
มือเล็กยื่นเข้ามาหา สอดมือประสานกับผมไว้ก่อนดึงเข้าไปบีบกระชับแน่น น้องคงเห็นว่าผมร้องไห้แน่ ๆ เพราะแววตาของมันดูหมองลงมาก
“กลับบ้านเรากันนะ บ้านของเรา”