คุณน่ะเมียผมครับ ตอนที่ 20“ขอโทษนะครับ ผมขอพูดอะไรนิดนึง
คือถึงแม้ว่าตินณ์จะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงแต่มันก็ยังเป็นลูกชายของคุณลุง
เป็นคนที่ดีไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ถึงตอนนี้คุณลุงอาจจะยังไม่ยอมรับ
แต่ผมอยากจะขอโอกาสให้เราได้ลองคบกัน
ผมก็ไม่รู้ว่าจะคบกันไปได้นานซักเท่าไหร่
อาจจะอีก 1 เดือน 1 ปี 10 ปี หรือตลอดไปผมก็บอกล่วงหน้าไม่ได้
แต่ตอนนี้แค่เรารักกัน ผมเลยอยากให้คุณลุงได้ลองให้โอกาสเราได้พิสูจน์ว่าความรักของเราก็มั่นคง”
ไอ้พรตมันบอกพ่อผมได้น้ำเสียงมั่นคงครับ ทุกคำพูดของมันผมซึมซับเอาไว้ด้วยใจครับ
ผมได้ยินมันบอกรักผมแล้ว ผมดีใจนะแต่ก็ไม่อยากให้เป็นในสถานการณ์แบบนี้
แต่ผมรู้สึกดีมากๆเลยที่เวลาผมมีปัญหามีมือของมันคอยจับไว้และมันยังร่วมผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน
“เรามั่นใจแค่ไหน ถึงบอกว่ารักมันทั้งที่รู้จักกันไม่นาน” พ่อผมยังคงถามมันต่อครับ
“ผมก็บอกไม่ได้ว่ารักแค่ไหน แต่รู้ว่ารักก็คือรัก
รักที่ไม่อยากแยกจากกัน และมั่นใจว่าผมก็รักมันไม่แพ้ที่มันรักผม
แม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้บอกมันก็ตาม”
ไอ้พรตยังคงตอบพ่อผมอย่างมั่นคง
สายตามันที่มองพ่อผมเด็ดเดี่ยวมาก ผมเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
“เจ้าตินณ์ ถ้าพ่อจะให้แกเลิกตอนนี้
แล้วเดินในทางที่เหมือนคนอื่นแกจะทำได้ไหม” พ่อหันมาถามผมบ้างครับ
ผมจ้องหน้าพ่อนิ่งๆ ก่อนหันไปมองแม่ที่นั่ง เก้าอี้ใกล้ๆพ่อ
แม่มองผมเฉยแต่ไม่ได้ส่งสายผิดหวังที่ผมนึกกลัวออกมาเลย
ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะตอบพ่อออกไป
“ผมเลิกไม่ได้ครับพ่อ แม้ว่าผมจะคบมันมาไม่นาน
แต่ผมรู้ว่ามันเป็นคนที่ใช่สำหรับผม
มันเป็นเรื่องที่ยากในการตามหาคนที่ใช่สำหรับเรา
แต่เมื่อเราเจอแล้วก็ไม่ควรปล่อยไปไม่ใช่เหรอครับพ่อ”
ผมบอกพ่อพร้อมจ้องตาไปด้วย
“อืม ชัดเจนว่าเลิกไม่ได้แน่นอนนะ” พ่อถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ” คำตอบผมหนักแน่น และมั่นคงครับ
“งั้นเตรียมเก็บเสื้อผ้า อาทิตย์หน้าฉันจะส่งแกไปเมืองนอก”
เปรี้ยง!!! ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ กลางกะบาลผมสองรอบของวันนี้เลยครับ
พ่อบอกว่าจะส่งผมไปเมืองนอกเหรอ
พ่อจะเป็นพ่อที่ใจร้ายแยกผมกับคนที่ผมรักออกจากกันได้ลงคอเหรอ
พ่อผมคนที่เข้าใจลูกหายไปไหนแล้ว
“พ่อว่าไงนะครับ” ผมถามพ่ออีกครั้งเสียงสั่นเลยครับ
“ เก็บเสื้อผ้า อาทิตย์หน้าฉันจะส่งแกไปต่างประเทศ”
พ่อพูดอีกครั้ง แต่ทำไมเหมือนประโยคเดิมเลย แปลว่าผมไม่ได้หูฝาดใช่ไหม
“พ่อ!!!! พ่อจะทำกับผมอย่างนี้ได้ยังไง ผมไม่ไปนะ”
ผมโวยวายทันทีครับหลังจากรู้ว่าที่ตัวเองได้ยินไม่ผิดแน่ๆ
“แกต้องไป นี่เป็นคำสั่ง” พ่อผมเริ่มเสียงดังแล้วครับ เมื่อเห็นผมโวยวาย
“แต่พ่อจะมาบังคับผมเหรอ พ่อไม่เคยบังคับผมเลยนะ”
ผมถามพ่อด้วยน้ำเสียงที่เบาลงครับ
“...” พ่อผมเงียบครับไม่ยอมพูดอะไรเลย
“พ่อไม่อยากเห็นผมมีความสุขเหรอครับ” ผมถามพ่ออีกครั้ง
ไม้แข็งไม่ได้ก็เอาไม้อ่อนไปแล้วกัน
“พ่อที่ไหนไม่อยากเห็นลูกมีความสุข”
พ่อผมพูดขึ้นมาแล้วครับ น้ำเสียงเบาลงแต่ยังนิ่งอยู่
“แล้วพ่อจะให้ผมแยกกับมันทำไมครับ
ยังไงผมก็ไม่เลิกกัน ถึงจะจับผมแยกกันก็ตาม”
ผมถามพ่ออย่างข้องใจครับเพราะรู้ว่ายังไงพ่อก็ต้องรู้ว่าถึงให้ผมแยกกับไอ้พรต
ถ้าเรายังรักกันมันก็ไม่มีทางเลิกกันง่ายๆ หรือจะเหมือนที่เขาว่ากันว่า
ระยะทางพิสูจน์ม้าการเวลาพิสูจน์คน พ่อต้องการพิสูจน์อะไรรึป่าว
“ผมต้องพิสูจน์ตัวเองยังไงครับ คุณลุงถึงจะยอมรับ”
ไอ้พรตมันถามพ่อผมครับ มันคิดเหมือนผมเลย
“ไม่ต้องพิสูจน์อะไรทั้งนั้น” พ่อผมบอกมันครับ
“แต่...” มันกำลังจะพูดต่อ
“เตรียมเก็บของด้วยเจ้าตินณ์ คำไหนคำนั้น” พ่อผมพูดขึ้นมาก่อน
“พ่อ เรื่องจริงเหรอนี่” ผมเผลอหลุดพูดสิ่งที่คิดออกไปเบาๆครับ
“จริง” พ่อผมยังได้ยินอีกนะ พูดเสร็จทำท่าจะลุกเดินออกไปครับ
“เลิกแกล้งลูกได้แล้วคุณ” เสียงสวรรค์ดังจากแม่ของผมเองครับ
มาช่วยฉุดผมขึ้นจากหลุมลึกได้ทันเวลาพอดี
“ว่าไงนะแม่” ผมหันเป้าหมายไปถามแม่ทันที
“ว่าไงคุณ” แม่ยังไม่ยอมตอบ แต่หันไปหาพ่อให้พ่อพูดครับ
ผมเริ่มสับสนแล้วว่าที่แม่พูดจริงรึเปล่า
“แกล้งที่ไหน ก็มันต้องไปจริงๆ” พ่อผมตอบแม่ครับ
แต่น้ำเสียงไม่นิ่งแล้ว ฟังดูอบอุ่นเหมือนเดิน
“ตกลงว่าอันไหนเรื่องจริงกันแน่ครับ ผมสับสน”
ผมถามออกไปลอยๆไม่ได้เจาะจงว่าถามพ่อ หรือแม่ๆ
“ไม่รู้ แค่เตรียมเก็บเสื้อผ้าก็พอ”
พ่อผมยังคงยืนยันให้ผมเก็บเสื้อผ้าอยู่นั่นแหละครับ
“พ่อจะแกล้งลูกอีกนานไหม ลูกพรตนั่งหน้าซีดแล้ว มานี่ซิลูกพรต”
แม่ผมว่าพร้อมเรียกมันให้ไปนั่งข้างๆครับ
มันก็ยอมลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ตอนแรกไปนั่งที่พื้นใกล้ๆแม่
“นั่งข้างบนสิลูก” แม่ผมบอกมันครับ
“ไม่เป็นไรครับนั่งข้างล่างก็ได้” มันบอกแม่ผมครับ
“พรตรักพี่ตินณ์ไหมลูก” แม่ผมถามมันอีกครั้ง
แล้วเรียกผมว่าพี่ตินณ์เพราะตอนกินข้าวแม่รู้แล้วว่ามันเป็นรุ่นน้องที่ม.
“รักครับ” มันตอบแม่อย่างมั่นใจครับ
“งั้นดูแลกันดีๆนะครับ”
“ครับ ขอบคุณครับ” ผมตอบแม่ผมก่อนจะหันกลับมามองผม
“พ่อเขาอำพวกเราน่ะ เขาจะให้ตินณ์ไปดูรถรุ่นใหม่ที่จะเอาเข้าโชว์รูมเดือนหน้า
พอดีเขามีงานเปิดตัวเลยจะให้ตินณ์ไปดูแทนเพราะพ่อเขาไม่ว่าง”
“พ่ออออ......ทำงี้กับผมได้ไงหัวใจจะวาย”
ผมเรียกพ่อยาวเลยครับ
“หึหึ” ยังจะมาหัวเราะแล้วยักคิ้วอีกนะครับ
“ทำไมมีแต่คนทำแบบนี้กับผมล่ะ เพื่อนก็หลอก พ่อก็อำ”ผมบ่นเบาๆครับ
“หรือแกจะให้เป็นเรื่องจริงก็ได้นะ”
“ไม่เอานะพ่อ ผมยอมให้พ่ออำก็ได้ครับ”
ผมรีบตอบพ่อทันที กลัวพ่อเปลี่ยนใจ
“พ่อเค้ารู้มาตั้งนานแล้วว่าเราสองคนน่าจะคบกัน
เพราะตั้งแต่แม่ไปหาตินณ์ที่คอนโด
แต่ไม่เจอกำลังจะกลับก็เห็นตินณ์ขับรถเข้ามาพร้อมพรต
แล้วตินณ์ก็หอมลูกพรตก่อนเดินขึ้นคอนโด
พ่อกับแม่ก็ช็อคไปเหมือนกัน
แต่เราก็ปรึกษากันแล้วว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริงพ่อกับแม่ก็ยอมรับได้”
แม่อธิบายให้ผมกับไอ้พรตฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แม่ไม่เสียใจเหรอครับที่ผมไม่ได้เป็นแบบที่แม่หวังไว้
และอาจจะไม่มีหลานให้แม่” ผมถามแม่ในสิ่งที่สงสัย
“ แม่ขอแค่ลูกแม่เป็นคนดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
และลูกแม่มีความสุขก็พอแล้ว” ผมได้ยินแม่ตอบแล้วน้ำตาซึมเลยครับ
“แต่พ่อกับแม่มีหน้ามีตาทางสังคม แม่ไม่อายเหรอครับ” ผมยังคงถามแม่ต่อไป
“ที่พ่อกับแม่ทำทุกอย่างทุกวันนี้ก็เพื่อตินณ์คนที่พ่อกับแม่รักเพียงคนเดียว
สังคมถึงเขาจะนินทาหรือว่าร้าย แต่ถ้าคนที่พ่อกับแม่รักมีความสุข
พ่อกับแม่ก็มีความสุขไปด้วยเข้าใจไหมครับ”
“ครับ ขอบคุณครับแม่” ผมตอบแม่
“มานี่สิ มาใกล้ๆพ่อกับแม่” แม่เรียกผมเข้าไปหา
ผมก็ลุกจากที่นั่งอยู่แล้วเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆที่ไอ้พรตนั่งอยู่
ตอนนี้ก็เหมือนผมกับไอ้พรตนั่งข้างล่างบนพรมหน้าโซฟาที่พ่อกับแม่นั่งคู่กันอยู่กับ
“รู้ใช่ไหมว่าการคบกันของเราสองคน สังคมยังไม่ยอมรับเท่าไหร่” แม่ผมถามขึ้นมาครับ
“ครับ” ผมกับไอ้พรตตอบพร้อมกัน
“หลังจากนี้ต้องผ่านอะไรอีกเยอะ ถ้ารักกันก็ต้องเชื่อใจกัน
และช่วยกันประคับประคองกันเพื่อให้ผ่านได้ให้ได้นะ”
แม่ผมพูดพร้อมยกมือขึ้นมาลูบหัวไอ้พรตครับ
“พรต ลูกยังเด็กยังต้องเจออะไรอีกเยอะ
ถ้าคิดว่ามันหนักเกินไป หรือเกิดท้อขอให้ลูกคิดถึงวันนี้ไว้
วันที่บอกกับพ่อและแม่ว่ารักกันและจะไม่เลิกกัน”
“ครับ ขอบคุณครับ” ไอ้พรตรับคำแม่ผมพร้อมยกไหว้ลงที่ตัก
“ตินณ์ เราเป็นพี่ ต้องหนักแน่น เมื่อน้องทำผิดต้องคอยเตือนด้วยสติ
เป็นแบบอย่างที่ดีให้น้อง และการที่จะอยู่ด้วยกันได้นานคือต้องรู้จักคำว่าให้อภัยนะครับ”
แม่หันมาพูดกับผมพร้อมลูบหัวไปด้วย ตอนนี้น้ำตาของผมไหลออกมาแล้วครับ
ตั้งแต่แม่เอามือลูบหัวครั้งแรก เพราะนานมากแล้วที่ผมไม่ค่อยได้สัมผัสความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้
ไม่ใช่ว่าผมเป็นเด็กขาดความอบอุ่นนะครับ
เพียงแต่นานๆถึงจะได้เจอพ่อกับแม่ซะทีแล้วแม่ก็พูดแบบนี้อีก
เรียกน้ำตาจากผมได้เลยครับ ผมยกมือขึ้นไหว้แม่ช้าๆ
“ดูแลกันให้ดีๆ โอกาสที่ขอพ่อให้เราแล้วนะ”
พ่อผมพูดกับไอ้พรตครับ พ่อผมแทนตัวเองว่าพ่อด้วยอ่ะ
“ขอบคุณครับคุณลุง” ไอ้พรตมันไหว้ขอบคุณพ่อผม
“อะไร ขนาดนี้แล้วยังเรียกลุงอยู่อีก จะไม่เอาใช่ไหมโอกาสน่ะ” พ่อผมถามมันล้อๆครับ
“เอาครับ คุณพ่อ” มันตอบพ่อผมอีกครั้งแต่ตอนนี้หน้ามันแดงมากๆเลยครับ
“แล้วเลิกเรียกว่าคุณน้าด้วยนะจ๊ะ” แม่ผมพูดบ้างครับ
“ครับคุณแม่” มันหันไปตอบแม่ผมครับ
“เราก็เหมือนกันเจ้าตินณ์ดูแลน้องมันดีๆ เอาลูกเค้ามาแล้วก็ดูแลให้ดีๆ” พ่อบอกกับผมบ้างครับ
“ครับพ่อ ทุกวันนี้ก็ไม่กล้าขัดใจแล้วครับ ขอบคุณนะครับพ่อ”
ผมบอกพ่อก่อนจะไหว้ขอบคุณพ่อบ้าง
“อืม เห็นแกมีความสุขพ่อก็ดีใจ”
พ่อผมบอกก่อนเอามือว่าโยกหัวผมครับ
“แต่ที่พ่อเคยสอนน่ะ จำไว้ให้ดีนะ แล้วเอาไปใช้อย่าลืม”
“เรื่องอะไรครับ” ผมถามพ่อ เพราะนึกไม่ออกจริงๆ
“ให้รักและเคารพเมีย อย่าเถียงจะได้เจริญไง หึหึ”
พ่อผมบอกแล้วหัวเราะกวนๆครับ
เรียกรอยยิ้มและสีแดงจางๆบนใบหน้าแม่ผมได้เลยครับ
“พ่อก็สอนอะไรลูกก็ไม่รู้” แม่ผมว่าเขินๆครับ
“ครับพ่อ ผมจะจำไว้แล้วเอาไปใช้ครับ” ผมรับปากพ่อทันที
หลังจากเรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดี
ผมก็คุยเรื่องงานที่จะต้องไปดูรถที่ต่างประเทศกับพ่อต่อ
ไอ้พรตก็คุยกับแม่ผมเพลินเลยครับ
อยู่กันจนดึกแม่เลยให้ค้างที่บ้านหนึ่งคืนก่อนกลับคอนโดพรุ่งนี้ครับ
---- To be Con.----
จบไปอีกตอนแล้วจร้า ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ
อาจจะมีเยอะหน่อย เพราะตาลายมากเลย
มาต่อให้แล้ว ใครยังไม่นอนก็อ่านก่อนนอน
แล้วนอนหลับฝันดีนะจ๊ะ เจอกันตอนหน้าจร้า
ขอบคุณทุกกำลังใจจ๊ะ