ตอนที่ 9
[[ไม่อยากให้ค้างงาน ^^ รีบมาต่อให้เลยครับ อิอิ]]
หลังจากที่มิวส์เสียชีวิต อาการเครียดก็ทำให้พ่อทรุดหนักจนต้องเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในช่วงแรก ๆ นั้นอาการยังไม่ไม่น่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่ แต่พอเริ่มมีเพื่อนฝูงและวงศาคณาญาติมาเยี่ยมแล้วเอาแต่พูดเรื่องลูกชายคนโตในทางเสีย ๆ หาย ๆ แทนที่จะให้กำลังใจ อาการของพ่อก็ยิ่งทรุดหนักลงไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดพ่อก็จากไปด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก และคำพูดสุดท้ายที่พ่อได้พูดกับฟิวส์ก็คือ
...ถ้าพ่อไม่ได้เจอมิวส์ ไม่ได้สอบถามความเป็นจริงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมิวส์ เพราะคงนอนตายตาไม่หลับ ส่วนฟิวส์... ดูแลแม่ด้วยนะลูก...
คำพูดของพ่อในวันนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของฟิวส์เสมอ
ในขณะที่ฟิวส์กับไม้กำลังคุยกัน ทางด้านของมิวส์กับพ่อก็กำลังอยู่พูดคุยกันเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าทางฝั่งของวิญญาณทั้งสองต้นจะเครียดมากกว่า
“พ่อ... พ่อเป็นยังไงบ้าง" มิวส์เอ่ยถามด้วยความห่วงใยหลังจากที่เห็นร่างอันซีดเผือดไม่ต่างจากเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“พ่อเครียด...” ผู้เป็นพ่อตอบออกมาตรง ๆ ใบหน้าในตอนแรกนั้นแสดงออกถึงความเครียดชัดเจนแต่พอเขาได้พบกับลูกชายเท่านั้นแหละ ความเศร้าที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าก็หายไปและกลายเป็นความสุขที่เข้ามาแทนที "พ่อเครียดมาตลอดที่ได้ยินคำดูถูกเรื่องของลูก พ่อไม่เชื่อว่าลูกจะตัดสินใจคิดสั้นแล้วทิ้งพ่อแม่แล้วก็น้องไปง่าย ๆ แบบนี้"
“เรื่องไหน" ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามีอยู่เรื่องเดียว แต่ความสับสนงุนงงที่เกิดขึ้นทำให้สมองของมิวส์ด้านชาไปหมด ...ไม่แปลกหรอกที่เขาจะเป็นแบบนี้ เพราะเขาคิดมาเสมอว่าพ่อกับแม่และน้องชายจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสามคนและเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่หลังจากที่ได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าสิ่งที่คิดมันผิดเพี้ยนไปหมด
“ก็เรื่องที่ลูกตัดสินใจกกระโดดตึก... เพราะ...” ผู้เป็นพ่อชะงักไปเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงก่อนที่จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "เพราะผู้ชาย..."
“พ่อ..." น้ำเสียงของมิวส์สั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้ว่าพ่อรู้เรื่องที่เขาคบกับผู้ชายได้อย่างไร มันเป็นความลับที่เขาพยายามปกปิดมาตลอดตั้งแต่ที่ตัดสินใจคบกับก้อง แต่ก็นั่นแหละความลับไม่มีในโลก หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง วันหนึ่งความลับก็ต้องรั่วไหลอยู่ดี เมื่อตั้งสติได้ มิวส์จึงอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ผู้เป็นพ่อฟังทั้งหมด
“ผมขอโทษ แต่ผมไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายนะพ่อ คืนที่เกิดเรื่องน่ะ... ผมโดนบอกเลิกจริง ๆ แต่ว่าที่ผมตกระเบียงห้องพักก็เพราะผมโดนไอ้วิญญาณร้ายมันครอบงำจิตใจ พอผมรู้ตัวอีกทีก็พบกับสภาพตัวเองที่เป็นวิญญาณแล้วพ่อ พ่อต้องเชื่อผมนะ ผมไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายจริง ๆ ต่อให้เสียใจแค่ไหน ผมก็คิดถึงพ่อแม่และน้องเสมอ ผมไม่มีวันเอาชีวิตไปทิ้งให้กับคนที่มันไม่รักผมหรอก"
น้ำเสียงของมิวส์สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด เขากลัวว่าพ่อจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“มิวส์ว่ายังไงนะ...” ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาใกล้ ๆ น่าแปลกที่พ่อของเขาร้องไห้ออกมาได้ด้วย สังเกตได้จากหยดน้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น "มิวส์บอกว่ามิวส์ไม่เคยคิดจะเอาชีวิตไปทิ้งกับคนที่มันไม่ได้รักใช่ไหม ช่วยย้ำให้พ่อฟังอีกทีได้ไหม...”
ยิ่งพูดน้ำตาของผู้เป็นพ่อก็ยิ่งไหลทะลักออกมาอย่างหนัก
“ครับ... ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยจริง ๆ" ทันทีที่พูดจบ มิวส์ก็คุกเข่าต่อหน้าร่างวิญญาณของพ่อ แล้งเขาก็ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาตลอดระยะเวลา 31 ปี สองมือพนมก้มกราบเท้าของผู้ที่ให้กำเนิด ...แม้ว่าจะไม่ได้ทำในตอนที่ทั้งตัวเองและพ่อยังมีลมหายใจ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขารอคอยที่จะทำมาเสมอ
ย้อนกลับไปก่อนที่มิวส์จะสิ้นลมหายใจ มิวส์เคยให้คำสัญญากับตัวเองไว้ว่าหลังจากที่เรียนจบ เขาจะหาโอกาสบวชทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่ แต่ความคิดนั้นก็ต้องมีอันต้องดับสลาย เพราะเขาดันต้องมาโดนมัจจุราชกระชากลมหายใจไปเสียก่อน และพอวันนี้มีโอกาสอีกครั้ง อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้ทำหน้าที่ลูกที่สำนึกในบุญคุณของผู้ให้กำเนิดหน่อยเถอะ
“ผมขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมรักพ่อนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งพ่อแม่แล้วก็น้องไป แต่ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ ให้อภัยผมด้วยนะครับ" พูดไปทั้งที่ยังก้มกราบ ส่วนผู้เป็นพ่อที่ยืนมาตลอดก็ค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลงก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะของลูกชายเบา ๆ โดยที่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย
มิวส์ที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่บริเวณศีรษะเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นดวงตาของผู้เป็นพ่อแดงก่ำเขาก็โผเข้ากอดพ่อด้วยความแนบแน่นทันที
ในตอนนี้วิญญาณสองร่างพ่อกับลูกกำลังกอดกันอย่างแนบแน่น วิญญาณผู้เป็นพ่อนั้นได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากปากของลูกชายทั้งหมดแล้ว นั่นจึงทำให้เขาไม่มีอะไรติดค้างคาใจอีกต่อไป ก่อนที่น้ำตาหยาดสุดท้ายจะล่วงลงสู่พื้น ร่างของชายวัยกลางคนก็ค่อย ๆ จางลง เกิดแสงสีทองประหลาดรอบกายและในที่สุดดวงวิญญาณในร่างคนก็กลายเป็นควันกลม ๆ สีขาวก่อนที่จะลอยขึ้นสู่เบื้องบน
มิวส์มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ และเสียงสุดท้ายที่ดังขึ้นก็ทำให้เขาเข้าใจทุกอย่าง
“พ่อไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ถึงเวลาของพ่อที่จะต้องไปชดใช้กรรมแล้วล่ะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะมิวส์ พ่อรักมิวส์นะ" สิ้นเสียงนั้น มิวส์ก็อยากจะร้องไห้ แต่ทำยังไงน้ำตาของเขาก็ไม่มีทางไหลได้เหมือนพ่อ
สาเหตุที่น้ำตาของดวงวิญญาณวัยกลางคนไหลได้เพราะเขาได้รับรู้ในเรื่องที่เป็นปัญหาติดค้างคาใจมานานหลายปี คำก่นด่าของวงศาคณาญาติต่าง ๆ นานาที่ด่าลูกชายไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด และในเมื่อไม่มีอะไรให้กงวลใจอีกต่อไป ความอัดอั้นตันใจที่ถูกเก็บเอาไว้มานานก็เลยถูกระบายออกมาอย่างที่เห็น นั่นทำให้ดวงวิญญาณของชายวัยกลางคนแตกสลายและพร้อมที่จะไปชดใช้กรรมในนรกหรือสวรรค์เป็นลำดับต่อไป
ทางด้านของไม้ที่กำลังนั่งคุยกับฟิวส์ก็มีอันต้องหยุดชะงัก เพราะไม้ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของมิวส์ดังขึ้นไม่ขาดสาย ไม้ตัดสินใจเดินไปที่ห้อง ๆ หนึ่งซึ่งอยู่ติดกับห้องรับแขก มันเป็นห้องที่มิวส์กับพ่อของเขาเพิ่งคุยกันจบ
“ไอ้มิวส์...” ไม้เอ่ยขึ้นเพราะแปลงใจกับภาพของวิญญาณตรงหน้าที่กำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าแล้วก็สะอื้นไห้ออกมา "เป็นอะไรวะ"
เพราะไม้ไม่สามารถมองเห็นดวงวิญญาณดวงอื่นได้ จึงทำให้ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ยังมีดวงวิญญาณอีกดวงอยู่ในบ้านหลังนี้
“เจ้านาย...” มิวส์ที่พอได้ยินเสียงของไม้ก็เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาของเขาในยามนี้แสดงออกถึงความซาบซึ้งตรึงใจในอะไรบางอย่างอย่างเห็นได้ชัด
“มึงเป็นอะไรของมึง" พอเห็นดวงตาที่แดงก่ำก็รู้สึกตกใจขึ้นมา ถ้ามิวส์สามารถร้องไห้ออกมาป่านนี้ก็ไม่แน่ว่าน้ำอาจจะท่วมบ้านแล้วก็เป็นได้
แต่ทว่าไม่มีคำพูดใด ๆ ตอบกลับออกมาจากปากของวิญญาณตนนั้น
มิวส์ตัดสินใจลุกขึ้นก่อนที่จะวิ่งมากอดกับเจ้านายอย่างไม่คิดหวาดกลัวอะไรสักนิด ไม่กลัวว่าจะโดนถีบ โดนโบก หรือโดนด่าหาว่าหื่น เพราะตอนนี้เขากำลังเศร้าและก็สุขในเรื่องที่เกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
มิวส์เป็นเพียงดวงวิญญาณดวงหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจ มีเพียงเจ้านายของเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นทุกการกระทำและเจ้านายคนนี้แหละที่เป็นที่พึ่งเดียวในยามนี้ของมิวส์
อ้อมกอดของมิวส์ในครั้งนี้ทำให้ไม้รู้สึกราวกับว่ากำลังมีร่างของคนที่โอบกอดจริง ๆ ไม่ใช่เพียงความรู้สึกที่เหมือนมวลอากาศกำลังโอบรัด และพอเขาลองยกมือขึ้นมากอดตอบก็ปรากฏว่าสามารถสัมผัสกับร่างของดวงวิญญาณนั้นได้เหมือนกัน
“มึงเป็นอะไร" ไม้เอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่บางเบา ไม่รู้ทำไม... พอเขาเห็นหมอนี่อยู่ในอารมณ์เสียใจทีไรเขาถึงรู้สึกประหลาด ๆ ในจิตใจจนอยากปลอบให้หายจากอาการแบบนี้ทุกที
แต่ไม่ว่าจะถามสักกี่ครั้ง มิวส์ก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมตอบอะไร มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้นที่ดังเป็นคำตอบ
“ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร" ไม้เอ่ยเบา ๆ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบศีรษะของมิวส์
การกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ฟิวส์ที่มองดูเหตุการณ์จากทางด้านหลังมาตลอดรู้สึกงุนงง
“คุณทำอะไรของคุณ" น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นทำให้คนกับวิญญาณอีกตนต้องชะงักและต้องรีบผละอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นออกจากกันทันที "คุณกำลังกอดกับพี่มิวส์งั้นเหรอ"
“เอ่อ... เปล่า...” ไม้ตอบตะกุกตะกัก เขาอยากจะพูดความจริงทั้งหมด แต่ถ้าบอกออกไปว่ากำลังกอดกับมิวส์ที่เป็นวิญญาณ ภาพลักษณ์ก็ต้องเสียหายแน่ ๆ "กลับไปคุยที่ห้องเดิมกันเถอะ"
พูดจบก็เดินนำไปยังห้องรับแขกราวกับเป็นเจ้าของบ้าน โชคดีที่ฟิวส์ไม่ใช่คนขี้สงสัยพยายามจะคาดคั้นเอาคำตอบอะไร เขาเพียงเดินตามมาเงียบ ๆ เท่านั้น และทันทีที่กลับมายังห้องรับแขก การสนทนาที่ค้างไว้ก็เริ่มขึ้น
“เมื่อกี้คุณบอกว่าผู้ชายที่ชื่อก้องมาที่งานศพของมิวส์” ไม้เปิดประเด็นทันที เมื่อกี้กำลังจะได้รู้ในสิ่งที่สงสัยอยู่แล้วเชียวแต่ดันได้ยินเสียงสะอื้นของไอ้วิญญาณหน่อมแน้มก่อนก็เลยอดเป็นห่วงวิ่งไปดูไม่ได้
“ใช่... มันสารภาพทุกอย่างกับผม" น้ำเสียงของฟิวส์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยเรียบเย็นเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ราวกับข่มกลั้นความโกรธเอาไว้สุดฤทธิ์
“สารภาพ?” ไม้ทวนคำอย่างไม่เข้าใจ ส่วนมิวส์ที่แม้จะยังเสียใจกับเรื่องของพ่อพอได้ยินเรื่องของก้องก็หันมาให้ความสนใจทันที ในตอนนี้มิวส์กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ กับร่างของน้อยชาย
“มันบอกว่ามันทำอะไรกับพี่มิวส์เอาไว้" ฟิวส์เอ่ยขึ้น ทุกครั้งที่เอ่ยชื่อก้องจะต้องกัดริมฝีปากตนเองเสมอ "และมันก็ไถ่โทษความผิดทั้งหมดโดยการบวชหน้าไฟให้พี่มิวส์"
“บวช?” ไม้ทวนคำอีกแล้ว
“ใช่... มันบวชเพราะต้องการจะชดใช้ความผิด แต่ผมไม่ให้อภัยมันหรอก ไม่ว่ามันจะทำยังไงก็ไม่มีวันที่พี่มิวส์จะกลับมาได้เหมือนเดิม พ่อก็ด้วย... ที่พ่อต้องตายไปก็เพราะมัน" ฟิวส์เริ่มใส่อารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มตรึงเครียด ไม้จึงเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วตอนนี้แม่ของนายอยู่ไหน" ไม้ไม่รู้เลยสักนิดว่าคำถามนี้ยิ่งทำให้ฟิวส์ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่
“แม่...” น้ำเสียงของฟิวส์สั่นคลอมากยิ่งขึ้น ราวกับว่ามีความกดดันอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "คุณกลับไปก่อนดีกว่า ผมยังไม่พร้อมจะอธิบายอะไรให้คุณฟังทั้งนั้น แค่นี้ครอบครัวของผมก็แย่มากพอแล้ว"
สิ้นเสียงของฟิวส์ ไม้ก็พยักหน้ารับ อย่างน้อยการมาบ้านของมิวส์ในวันนี้ก็ให้เขาได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง
“งั้นเดี๋ยววันหลัง ผมจะมาใหม่นะ" ไม้เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินกลับออกไปที่ประตูหน้าบ้านทันที ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาออกจากรั้ว เสียงสั่น ๆ ของฟิวส์ก็ทำให้ไม้ต้องชะงัก
“เดี๋ยว...” ฟิวส์เดินตามออกมา ก่อนที่จะพยายมสะกดกั้นอารมณ์อ่อนแอเอาไว้ภายใต้เบื้องลึกของจิตใจแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุดว่า "ฝากบอกพี่มิวส์ด้วยนะว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้"
“อืม" ไม้รับคำก่อนจะกระตุกยิ้มนิด ๆ ทว่าก่อนที่เขาจะเดินออกจากประตูรั้ว เสียงที่ดังขึ้นก็ทำให้ไม้ต้องชะงักอีกรอบ
“เดี๋ยวครับเจ้านาย" มิวส์วิ่งมาตัดหน้า "ผมอยากรู้ว่าแม่เป็นอะไรแล้วตอนนี้แม่อยู่ไหน ฟังไอ้ฟิวส์พูดแล้วรู้สึกแปลก ๆ ผมอยากเจอแม่"
สิ้นเสียงของมิวส์ ไม้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น เขาเดินทะลุร่างที่ยืนบังออกไปนอกรั้วอย่างไม่สนใจใยดีสักนิด
“ก็ได้ยินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ว่าเขายังไม่พร้อมจะพูด"
“โถ่... เจ้านาย" มิวส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดายก่อนจะเดินคอตกตามหลังเจ้านายออกไป
จบตอนที่ 9
------------------------------------
คุยกับคนอ่านครับ ^^
คุณ
sang som :: เชื่อว่ามีหลายคนอยากให้มิวส์เป็นนายเอก แต่ยังไงทั้งมิวส์ ไม้ แม็กกี้ ก็เป็นตัวหลักของเรื่องครับ ^^ อิอิ
คณ
iamnan :: ใช่แล้วครับ พ่อหน่อมแหน้มเสียแล้ว เหตุผลก็อย่างในบทที่ 9 เลย T^T ส่วนแม่ เก็บไว้เป็นปมต่อไปก่อนดีกว่า ^^" แฮ่ๆ
คุณ
hello_lovestory :: ^^ ลงตอนที่ 9 แล้วนะครับ (กว่าจะมาอ่านเห็นตรงนี้ก็คงจะอ่านบทที่ 9 จบแล้ว) ไม่ปล่อยให้รอนาน ^^
คุณ
nunnan :: ถามว่าแม่ไปไหน ถ้าจะบอกว่ายังไม่อยากบอกจะเป็นไรไหมครับ T^T (ยกการ์ดป้องกันกลัวโดนต่อย ฮ่าๆ)
คุณ
Chichi Yuki :: เม้นท์ดราม่าแบบนี้ผมชอบเลยครับ มีการแสดงความคิดเห็นความรู้สึกต่อตัวละครด้วย ถ้าคนอ่านอ่านนิยายแล้วเพลิน คนเขียนพอได้อ่านคอมเม้นท์ก็เพลินและดีใจเหมือนกันครับ ^^
คุณ
เทมปุระกุ้ง :: ก้องคือตัวปัญหางั้นเหรอ ??? ไม่บอกก ติดตามตอนต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไปจนจบ แล้วจะรู้เรื่องราวทั้งหมดครับ อิอิ ขอบคุณที่แวะมาอ่านและเม้นท์นะครับ ^^
คุณ
มยอนฮวา :: ยินดีต้อนรับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ อ่านจนตอน 9 คงหายคาใจเรื่องพ่อแล้ว แต่เรื่องก้องกับแม่ยังเก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า ^^
คุณ
aloney :: TT___TT ง่าาา เห็นคนอ่านอินแล้วรู้สึกดีใจยังไงไม่รู้ T^T ขอบคุณนะครับ ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ มาอ่านบ่อยๆ นะ
คุณ
ชะรอยน้อย :: ช่วงนี้มิวส์น่าสงสารจริง ๆ ครับ T^T ขอบคุณที่เม้นท์นะงับ
คุณ
pockypocky :: มาต่อแล้วคร้าบ (ตอน9อ่ะนะ) สำหรับตอนหน้า... ขอเอาใจคนที่คิดถึงแม็กกี้แล้วครับ (รอก่อนนะครับ) ^^