Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง
“รัก...ติดดิน”Special Chapter – Christmas in Love...ของขวัญ....ลูกกวาด......เถามิสเซิลโท“อาทิตย์ เย็นนี้ว่างไหม”
...ต้นคริสต์มาส......แสงไฟ........เรนเดียร์จมูกแดง.........“อาทิตย์...นี่ ได้ฟังฉันหรือเปล่า”
.......การเฉลิมฉลอง............ซานตาคลอส........ลูกค้า.......ค่าจ้าง.....“อาทิตย์!?”
“ฟัง”
โกหกคำโต
“คืนนี้ไปฉลองกัน” ขวัญส่งยิ้มหวานแม้เธอคงรู้สึกขัดใจนิดหน่อยกับท่าทีซึ่งเธอให้คำจำกัดความว่า
‘ไม่ใส่ใจโลก’ ของผม ซึ่งผมก็ยอมรับว่าอาจเป็นอะไรคล้าย ๆ อย่างนั้นจริง “เจนจองโต๊ะไว้แล้ว พวกแต๋ม นิว โก้ก็มาด้วย” ประโยคสุดท้ายของเธอฟังดูเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ไปกันนะ?”
“ไม่ว่างครับ”
ผมมองหน้าเธอ ปราศจากความรู้สึกลำบากใจแม้แต่น้อยที่จะปฏิเสธ ความจริงผมไม่ได้รู้สึกอะไรสักอย่างกับบทสนทนานี้
....คริสต์มาสอีฟ....“ทำไมล่ะ?” น้ำเสียงเธอผิดหวัง แต่นั่นก็ไม่ได้ดึงดูดอะไรผมอยู่ดี
“ทำงาน” ผมตอบเธอตามความจริง
...กับเขา....
.
.
.
“ปิ่นหยก”
ผมชอบเรียกชื่อเขาบ่อย ๆ ชอบมองเวลาเขาหันกลับมาทำหน้าคล้ายจะขมวดคิ้วแต่ยังมีรอยยิ้มน้อย ๆ ซึ่งพยายามซ่อนไว้อยู่บนริมฝีปาก จะเรียกว่าไงดี..ต่อไปนี้จะขอเรียกสีหน้าอย่างนั้นว่า
‘ทำหน้าแม่ไก่’ ละกัน
“เออ!” ปิ่นหยกเอ่ยรับห้วน ๆ...ตามประสาเขานั่นแหละ
“รอนานไหมครับ”
เขาส่ายหน้า ผมมาสายไปห้านาที แต่คิดว่าเขามานั่งรออยู่นานกว่านั้นเพราะเขามักมาก่อนเวลาเสมอแต่กลับไม่เคยปริปากอะไรออกมาจนผมแอบเห็นเองหลายครั้งแล้ว “พอดีคาบสุดท้ายอาจารย์ปล่อยช้า”
ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ถูกโยนใส่มือ ข้างในคงเป็นชุดที่ต้องสวมวันนี้ และคำบอกเล่าของเขาช่วยยืนยันว่าผมเข้าใจถูกแล้ว
“นั่นของแก”
ผมเปิดออกดู ตามที่คิด เสื้อผ้าสีน้ำตาล ที่คาดศีรษะรูปเขากวางและจมูกปลอมทรงกลมสีแดงขนาดใหญ่ จนถึงตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขาลากมาทำผมก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าทั้งชีวิตจะมีสักครั้งไหมที่ต้องแต่งตัวเป็นกวางเรนเดียร์
แต่ช่างเถอะ ได้อยู่กับเขาก็พอ“คิดถึงนายจัง” อยากก้มลงไปกอดแน่น ๆ สักที ไม่ได้เจอเขาตั้งหลายวันเพราะช่วงนี้ต่างคนต่างยุ่งทั้งที่อุตส่าห์เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ติดตรงแถวนี้ผู้คนเดินผ่านไปมาเยอะแยะเลยได้แต่ลูบผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่มของเขาเบา ๆ ผมไม่ได้แคร์สายตาคนอื่นแต่แคร์เขา ทำอะไรมากกว่านี้คงโดนโวยวายใส่น่าดู
ถึงอย่างนั้นก็..หยอดนิดคงไม่เป็นไร?
“ อยากฟัด”
“เลว! ไอ้ทะลึ่ง” ปิ่นหยกจ้องผมเขม็ง ทว่าทำได้เพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนที่หน้าเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มแล้วก้มลงหลบตา ซึ่งเห็นแล้วชวนให้ลากกลับไปกกอยู่ที่ห้องมากกว่าจะไปทำงาน “ไปได้แล้ว” เขาสั่งเสียงแข็ง ลุกขึ้นจากม้านั่งปุบปับ ศีรษะกระแทกมือที่กำลังลูบผมเขาเพลิดเพลินแล้วเดินนำออกไป
คำสั่งแม่ไก่ถือเป็นที่สิ้นสุด...ลูกเจี๊ยบอย่างผมจะกล้าหือได้อย่างไร?.......................................................
...............................
.
.
.
.
ย่านการค้าช่วงเทศกาลคนยิ่งเยอะกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว ต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับและกล่องของขวัญหลากสีสัน อากาศช่วงใกล้สิ้นปีกำลังเย็นสบาย สีเขียวแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลแซมอยู่ตรงนั้นตรงนี้ เถามิสเซิลโทและหิมะปลอมตกแต่งอยู่ตามร้านรวง คลอไปด้วยเสียงเพลงคริสต์มาสซึ่งดังแว่วไปทั่วบริเวณ ผู้คนที่เดินผ่านไปมามีบ้างที่มาเดี่ยวแต่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเพื่อนและคู่รัก ซึ่งผมและเขาก็อาจจะนับรวมว่าเป็นหนึ่งในนั้น
ปิ่นหยกคงไม่ชวนผมมาเดินร่อนอะไรอยู่แถวนี้แน่หากว่ามันไม่ได้เงินตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าร้านเบเกอร์รี่ (คิดถึงพี่เอมขึ้นมาทันที)หลังกระจกใสบานใหญ่หน้าร้านเป็นขนมนมเนยหน้าตาน่ากินในธีมคริสต์มาส ปิ่นหยกอยู่ในชุดซานตาคลอสสีแดงสด ซึ่งผมคิดว่าเจ้าของร้านควรหาคนอ้วน ๆ สักคนมาใส่มากกว่าเด็กหนุ่มรูปร่างโปร่งอย่างเขา แต่ใครจะรู้ว่าปิ่นหยกมาอ้อนวอนขอรับงานนี้เองหรือเปล่า และให้ตายเถอะ ความคิดว่าเขา
‘อ้อนวอน’ คนอื่นนั้นทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย จะถือว่าอย่างน้อยเขาก็ลากผมมาทำด้วย แม้จุดประสงค์หลักอาจไม่ใช่ว่าอยากตัวติดกับผมแต่คงเป็นเพราะมันได้เงินมากกว่า
“เชิญคร้าบบบบ” เขาเอ่ยต้อนรับแข็งขัน ส่งเสียงหัวเราะ “โฮ่ะ ๆ ๆ” ไม่สมตัวแทรกคำโฆษณาเป็นระยะ
ปิ่นหยกยิ่งเป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งดูน่ามอง ไม่รู้ผมคิดมากหรือหวงจนหน้ามืดเกินไปหรือเปล่าจึงมักรู้สึกว่าหน้าตา รูปร่าง และบุคลิกภาพของเขาดึงดูดทั้งผู้ชายผู้หญิง ทั้งที่จะว่ากันตามจริงเขาก็น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มคนที่หน้าตาค่อนข้างดีแต่ไม่ได้ดีมากขนาดนั้นในสายตาคนอื่น เราจะไม่พูดถึงความเห็นส่วนตัวของผม เพราะแน่นอนว่าถ้าใช้สายตาผมมองแล้วเขาน่ารักที่สุด
ผมพยายามช่วยโฆษณาไปด้วย แต่นึกคำพูดไม่ค่อยออกแม้เคยทำงานร้านเค้กกับพี่เอมมาเป็นปี ทว่าไม่ต้องพูดอะไรเยอะก็ดูจะมีกลุ่มลูกค้าผู้หญิงสนใจเข้าร้านตั้งแต่ยังไม่ทันได้เสนอโปรโมชั่นเด็ดของเทศกาลนี้แค่เพียงผมออกมาเดินวนไปวนมาเล่นบทเป็นเรนเดียร์จมูกแดงของซานต้า ซึ่งจุดนี้ผมคิดว่าตัวเองทำได้สมบทบาทที่สุดแล้ว
เพราะผมเป็นของเขาจริง ๆ นี่นาหลายคนขอถ่ายรูปคู่กับเรนเดียร์บ้าง ซานต้าบ้าง แต่น่าแปลกที่ผู้หญิงบางกลุ่มกลับดูชอบอกชอบใจจะเห็นซานตาคลอสยืนเบียดกับกวางเรนเดียร์อยู่ในเฟรมมากกว่า
“ขอโทษค่ะ” เด็กสาวอายุน่าจะอยู่ในช่วงมัธยมต้นเอ่ยขึ้นกล้า ๆ กลัว ๆ ผมสังเกตว่าใบหน้าเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและเชื่อว่าปิ่นหยกก็คงเห็นเช่นกัน “พี่ขยับไปชิดกันอีกนิดได้ไหมคะ?”
จิตสำนึกคนทำงานบริการของผมพุ่งทะลุสเกลด้วยวาระซ่อนเร้นบางอย่างทันที ลูกค้าขอมาก็จัดให้ไม่มีอิดออด แล้วยังแถมด้วยการเอาแขนไปโอบรอบคอซานต้าซึ่งหน้าแทบจะกลายเป็นสีเดียวกับชุดของเขาอยู่แล้วให้ขยับเข้ามาชิดกันอีก ได้ยินเสียงฮึดฮัดเบา ๆ จากเจ้าตัวแทรกกับเสียงหวีดของกลุ่มเด็กสาวตรงหน้าแล้วยิ่งรู้สึกชอบใจ จัดการดึงข้อมือซ้ายของเขาขึ้นมาจงใจให้พวกเธอเห็นสร้อยข้อมือแบบเดียวกันที่สวมอยู่ทั้งคู่ชัด ๆ พร้อมกับเอียงศีรษะตัวเองไปพิงเขาซึ่งทำคอย่นหนีเชียว
“แบบนี้ได้ไหมครับ” ผมถามพร้อมรอยยิ้ม และมันตลกดีที่เห็นเด็กสาวคนหนึ่งยกมือปิดปากทำท่าเหมือนอยากกรีดร้องอะไรบางอย่างออกมาก่อนจะเซไปพิงเพื่อนของเธอ ขณะที่บางคนซึ่งถือกล้องทั้งมือถือและคอมแพคกำลังรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่จนสมใจสาว ๆ (จะเรียกสมใจก็อาจไม่ถูกนัก พวกเธอดูเหมือนอยากได้มากกว่านั้นแต่เกรงใจคนอื่นที่ต้องการเข้าร้าน) ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าเด็กกลุ่มนี้อาจเป็นอะไรที่เคยได้ยินเขาเรียกกันว่า
‘สาววาย’ก่อนจะเดินเข้าร้านไป คนหนึ่งในกลุ่มรวบรวมความกล้า ผมเห็นเธอสูดลมหายใจเข้าออกทุลักทุเลอยู่สองสามครั้งก่อนจะถามออกมาในที่สุด
“พี่สองคนเป็นแฟนกันหรือคะ?”
ผมยิ้ม หันไปมองหน้าปิ่นหยก เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่สีหน้าตอนนี้น่ารักไม่ไหวแล้วจริง ๆ จากหางตาผมเห็นเด็กสาวคนหนึ่งยกกล้องขึ้นมาหันเลนส์ไปทางเขาแล้วกดชัตเตอร์อีกครั้งซึ่งผมอยากไปกระซิบมากว่าช่วยส่งรูปที่เพิ่งถ่ายเข้าอีเมล์ผมที
“ขอโทษที่ถามเรื่องส่วนตัวค่ะ” ท่าทางเธอคงเห็นเราสองคนเงียบไปนานจนเริ่มหน้าเจื่อน เอ่ยคำขอโทษออกมาละล่ำละลัก “พี่ไม่ต้องตอบก็ได้ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ หนูเห็นพวกพี่อยู่ด้วยกันน่ารักดี เดินวนตรงนี้มาสามรอบแล้ว”
ถึงจุดนี้ผมกลั้นยิ้มแทบไม่ไหว รู้สึกว่าควรให้รางวัลเด็ก ๆ สักหน่อยในคืนคริสต์มาสอีฟ ถึงแม้ว่ามันควรเป็นหน้าที่ของซานตาคลอสมากกว่ากวางเรนเดียร์ก็เถอะ
ปิ่นหยกหน้าเหวอ เผลอร้อง
“เฮ่ย! ไอ้เวร!!” ซึ่งเขาหลุดสบถออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มงานมา (เพราะตั้งแต่เย็นเขาเอาแต่พูดโฆษณากับหัวเราะโฮ่ะ ๆ ๆ) ตอนที่ผมรวบเอวเขาไว้มั่น ก่อนจะก้มหน้าลงไปฝังจมูก(ปลอม)ลงบนแก้มใสซึ่งถูกบังด้วยหนวดขาวฟูฟ่องไปเสียครึ่งหนึ่งฟอดใหญ่ต่อหน้าธารกำนัล
“คนนี้แฟนพี่ครับ”“ไอ้ลูกเจี๊ยบ! ไอ้เลว!!!”“โฮ่ะ ๆ ๆ ๆ” ผมช่วยส่งเสียงหัวเราะแทนซานต้าซึ่งดูจะจำบทพูดตัวเองไม่ได้เสียแล้ว กระซิบบอกเขาว่าตอนนี้ผมเป็นกวางเรนเดียร์ไม่ใช่ลูกเจี๊ยบ กลุ่มเด็กสาวตรงหน้ากรีดร้องโดยพร้อมเพรียงอีกครั้งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเดินเข้าร้านด้วยท่าทางแสนเสียดายขณะที่ผมโบกมือให้พวกเธอ
“สุขสันต์วันคริสต์มาสครับผม” ผมเอ่ยเสียงเริงร่า ยอมรับชะตากรรมตัวเองทุกอย่างหลังจากนี้
กลับไปต้องโดนปิ่นหยกฆ่าทิ้งแน่เลย.......................................................
..................................
.
.
.
.
เที่ยงคืนกว่า เข้าวันคริสต์มาสแล้ว ผู้คนเริ่มบางตาลงบ้างแต่ยังมีแสงไฟประดับประดาอยู่ตรงนั้นตรงนี้ไปตลอดทางที่เราเดินผ่าน และนอกจากเพลงคริสต์มาส อย่างอื่นที่ได้ยินก็คือเสียงเขาซึ่งกล่าวสรรเสริญวีรกรรมของผมที่หน้าร้านเบเกอร์รี่ไปตลอดทางจนถึงช่วงที่ไม่มีผู้คน
“บัดซบ! ทำอะไรลงไปวะ!”
“ปิ่นหยก”
“ไอ้เลววววว!!”
“ปิ่นหยกครับ”
“นิสัยเสีย!” พร้อมหมัดรัวที่แผ่นหลังผม แต่ผมรู้ว่าเขายั้งมือไว้เยอะไม่อย่างนั้นผมคงหลังหักไปแล้ว
“ขอโทษ”
แรงทุบที่หลังหยุดลง และผมหยุดเดิน รอดูว่าจะมีตีเข่าเขย่าศอกอะไรตามมาอีกก็เปล่า ปิ่นหยกขี้ใจอ่อนอย่างนี้เสมอและผมเชื่อว่าไม่ได้คิดไปเองเรื่องที่เขายิ่งใจอ่อนง่ายเมื่ออีกฝ่ายเป็นผม ได้ยินเสียงเขาพึมพำจากด้านหลังว่า “หน้าด้าน...อยู่กับแกแล้วเหนื่อยจริง ๆ” จากนั้นก็ไม่ได้โวยวายอะไรอีก
“เหนื่อยหรือ?” ผมหันไปถาม
“เหนื่อยสิ!" เขาสวนทันควัน จะลังเลสักนิดนี่ไม่มีเลย "แกแม่งปล่อยฉันพูดน้ำท่วมทุ่งอยู่คนเดียว เต้นระบำบ้าบออยู่หน้าร้านตั้งห้าหกชั่วโมง”
ผมหัวเราะ “ก็ฉันไม่ถนัดเรื่องโฆษณาชวนเชื่อ”
ปิ่นหยกจ้องกลับมาตาเขียว “แต่ถนัดเรื่องทำตัวหื่นกลางแจ้งสินะ!”
“ในร่มก็หื่นได้ครับ" ผมช่วยแก้ให้ "ทำได้ดีด้วย” แล้วก็โดนทุบอีกหนึ่งตุ้บ คราวนี้หนักกว่าหมัดรัวเมื่อครู่เสียอีก ส่วนคนทุบหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุกไปแล้วเรียบร้อย น่ารักเป็นบ้าเลย
“ฉันเหนื่อยกับแกจริง ๆ นะเนี่ยไอ้เวร!”
ผมมองรอบตัวไม่มีใครจึงเอื้อมมือไปโอบเขาที่เอว ก้มหน้าลงจูบเบา ๆ บนปลายจมูก “นายตกลงว่าจะเหนื่อยกับฉันตลอดไปไง”
เขาถอนหายใจเฮือก ใบหน้าแดงซ่านยิ่งกว่าเก่า
“ขี่หลังไหม?”
ปิ่นหยกเลิกคิ้ว อ้าปากหวอดูแล้วตลกดีผมเลยเอานิ้วชี้ปาดฉับผ่านลิ้นเขาให้เจ้าตัวตกใจเล่น ได้รับคำสบถฟังไม่ได้ศัพท์กลับมาอีกหนึ่งชุดเป็นของขวัญคริสต์มาสจากคุณซานต้า
“แบบขี่หลังกวางไงครับ แถวนี้ไม่มีคนแล้ว” ผมพยายามโฆษณาแม้จนบัดนี้ก็ยังไม่เชี่ยวชาญนัก...อย่างที่รู้ว่าถนัดภาคปฏิบัติมากกว่า “เดี๋ยวถึงหอเจอคนค่อยลง”
ถ้าพูดจบแล้วกระโจนพรวดขึ้นหลังผมมาเลยคงไม่ใช่ปิ่นหยก เขายืน
‘ทำหน้าแม่ไก่’ อยู่ครู่ใหญ่จนผมขี้เกียจรอแล้ว (ย้ำอีกทีว่าถนัดภาคปฏิบัติมากกว่า) ผมหันหลังย่อตัวลงตรงหน้าเขาแล้วเอามือคว้าต้นขาทั้งสองข้างของเจ้าตัวก่อนจะถอยหลังไปเล็กน้อยให้ตัวเขาซ้อนขึ้นมาอยู่บนหลัง ได้รับเสียงโวยวายลั่นออกมาอีกสามสี่ประโยคก่อนทุกอย่างจะสงบลง เราสองคนอยู่ในอ้อมกอดของความเงียบงัน ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงคริสต์มาสลอยมาถึง
“อยู่ด้วยกันแบบนี้มีความสุขสุด ๆ เลย”
ผมไม่ได้มีตาข้างหลัง ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังก้มหน้างุดขณะที่ยกแขนสองข้างโอบรอบคอผมแต่ไม่ได้พูดอะไร อากาศยามดึกเริ่มเย็นทว่าพอร่างกายแนบชิดกันอยู่อย่างนี้ก็อุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ
ผมแบกเขาเดินไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ซึ่งเขาตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ส่วนใหญ่ถ้าตอบก็เป็นคำสบถคุ้นหู บางทีเขาอาจเหนื่อยมากจริง ๆ ซึ่งน่าอยู่หรอก ช่วงก่อนหน้านี้ก็คงเหนื่อยทั้งเรียนทั้งทำงานไม่น้อย วันนี้ผมเลยไม่ได้คาดคั้นหรือแกล้งให้เขินมากนัก ปล่อยให้เขาพักบ้างก็ดี แถมวันรุ่งขึ้นจะครบรอบวันที่แม่เพชรจากพวกเราไป นอกจากเหนื่อยกายแล้วคงมีเรื่องของความรู้สึกปนอยู่ด้วย ซึ่งผมตั้งใจว่าจะอยู่กับเขาไปทั้งวันให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เป็นอะไร
“พรุ่งนี้วันหยุด เรากลับร้านเค้กกันไหม”
“.......”
ไม่มีเสียงตอบรับ เหลียวกลับไปมองก็พบว่าเขาหลับเสียแล้ว ใบหน้าซบลงกับบ่าผมนั่นเอง เห็นแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ จรดริมฝีปากแผ่วเบาลงไปที่หน้าผากเขาซึ่งเกยอยู่ข้างต้นคอและหวังว่าคงไม่ทำเขาตื่น
“รักนายจัง”
“....อือ....รัก...” เขากระซิบ น้ำเสียงสะลืมสะลือ
แย่เลย...ทำตื่นจนได้Merry Christmas!
===========================
ตอนพิเศษแก้คิดถึงค่ะ (คนเขียนนี่แหละที่คิดถึง ฮาา)
ไม่มีอะไรนอกจากความรักลอยฟุ้ง อรั๊ง สุขสันต์วันคริสต์มาสนะคะ ^o^
เรื่องรวมเล่ม ตั้งใจว่าจะมีค่ะ แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย ถ้ามีอย่างไรจะแจ้งให้ทราบนะคะ ขอบคุณงาม ๆ ที่ถามไถ่ค่ะ

พบกันตอนพิเศษหน้า(มั้ง)
เกิดอารมณ์ชั่ววูบกระทั่งว่าอยากเขียนภาคสองเป็นภาคมหา'ลัยเลยทีเดียว 555
มีของแถมรีพลายถัดไปค่ะ พอดีเมื่อตอนที่แล้วเห็นว่าใช้ไปหลายรีพลายเลยไม่ได้แปะของแถม แอบรู้สึกว่าขาดอะไรไป 555