ริมฝีปากที่สัมผัสเบาๆ เมื่อครู่เทียบไม่ได้กับเมื่อคืนนี้เลย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ จูบของพี่โก้ทำให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ผมเดินตัวลอยๆ ออกมาโบกไม้โบกมือลาพี่โก้เหมือนเด็กปัญญาอ่อน จนรถลับจากสายตาไปแล้วก็ยังคงยกมือค้างไว้ ในหัวเหมือนมีเสียงพลุดังปุ้งๆๆ ความจริงมันเริ่มดังมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ มันทำให้ผมหูอื้อจนแทบไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง จนกระทั่งได้รับสัมผัสหนักๆ จนตัวผมสั่นสะเทือนนี่ล่ะ
“เนม!!”
“ห๊ะ!! โอย...คีย์เองเหรอ แล้วมาเขย่าตัวเนมทำไมเนี่ย ตกใจหมดเลย”ผมยกมือลูบอกตัวเองเบาๆ อยู่ดีๆ คีย์ก็ดึงแขนผมแล้วเขย่าจนเกือบเซ เอ๊ะ....คีย์.....เมื่อกี้.....แย่แน่ๆ เลย เมื่อกี้คีย์เห็นรึเปล่านะ หวังว่าคงไม่เห็น ขอให้ไม่เห็นๆๆ
“ในรถเมื่อกี้มันอะไรกันเนม”สงสัยคำขอของผมคงไม่ได้ผล
“ก็...ไม่มีอะไรนี่”
“อย่าโกหก!”
“โธ่...คีย์จะเสียงดังใส่เนมทำไมล่ะ”
“เนมอย่ามาเล่นลิ้นกับคีย์นะ ตอบมาดีๆ”คีย์จับแขนผมไว้ให้ไม่ผมเดินหนีไปไหนได้ อย่าว่าแต่เดินหนี ตอนนี้แค่หันหน้าหนียังลำบากเลย
“ก็...คีย์เห็นอะไรล่ะ”ผมก้มหน้าหลบสายตาอีกคู่ที่มั่นใจว่าจ้องจับผิดผมอยู่แน่ๆ
“เนมกับเขาจูบกัน....ใช่ไหม”
“.....อืม”
“ทำไม”
“ก็....ยังไงดีล่ะ แบบว่า....”
“เนมคบกับเขาแล้วใช่ไหม”
“ก็....นั่นแหละ”ผมหลับตาปี๋กลั้นหายใจรอฟังเสียงว้ากของคีย์ กลั้นหายใจจนเกือบขาดใจก็ยังไม่มีเสียงอะไรเล็ดรอดออกมาให้ได้ยิน ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคีย์ที่ค่อยๆ ปล่อยมือจากแขนผม ตาคมคู่สวยที่ฉายแววขี้เล่นหยอกล้อผมเสมอหม่นหมองลงจนใจกระตุก คีย์ไม่พูดอะไร แต่สีหน้าและแววตาบ่งบอกให้ผมรู้ว่าคีย์ผิดหวังและเสียใจ
“คีย์! จะไปไหน!!”ผมรีบดึงแขนคีย์ที่หันหลังแล้วเดินหนีผมเอาไว้ แต่คีย์ไม่ตอบอะไร สะบัดมือผมออกแล้วเดินต่อไปจนผมต้องรีบวิ่งตามให้ทัน
“คีย์ ไปไหนน่ะ เนมขอโทษนะ อย่าโกรธเนมเลยนะ นะคีย์นะ ขอโทษจริงๆ”ผมเดินง้อคีย์มาตลอดทางจนถึงรถคู่ใจ คีย์ตรงไปสตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์โดยมีผมกระโดดขึ้นซ้อนท้ายพร้อมเกาะเอวคีย์แน่น เวลาคีย์อารมณ์ไม่ดีคีย์จะขี่รถเร็วกว่าปกติ แต่ถ้ามีผมซ้อนอยู่ด้วยคีย์ก็จะลดความเร็วลงนิดหน่อย
“ลงไป”คีย์พยายามแกะมือผมที่เกาะเสื้อคีย์ออก ผมเลยรีบกอดเอวคีย์ไว้จนเกือบรอบเพื่อไม่ให้คีย์ทำสำเร็จ
“ไม่!!”ผมยังคงพยายามกอดเอวคีย์ให้แน่น จนสุดท้ายคีย์ก็เป็นฝ่ายยอมแพ้แล้วขี่รถออกมา
จุดหมายปลายทางไม่ใช่ที่ไหนไกล แต่คือห้องพักของคีย์เอง ผมก้าวเท้าตามคีย์จนขาแบบขวิด พอถึงหน้าห้องก็รีบวิ่งไปดักรอก่อนคีย์จะไขกุญแจห้องเสร็จ แล้วก็รีบวิ่งเข้ามายืนกลางห้องเพราะเจ้าของห้องทำท่าจะไล่ผมกลับท่าเดียว
“คีย์ๆๆ เนมขอโทษษษษ อย่าโกรธเนมเลยนะ”ผมรีบเดินตามง้อคีย์ไปรอบๆ ห้อง ไม่ว่าคีย์จะถอดชุดนักศึกษาออกเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้าม เข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ จนกระทั่งนั่งเปิดโทรทัศน์พร้อมกดรีโมทเปลี่ยนช่องไม่ยั้ง
“คีย์จ๋า....ดีกันน้าาาา อย่าเงียบสิ เนมใจไม่ดีแล้วนะ”ผมเป็นฝ่ายพูดคนเดียวมาเกือบชั่วโมง แต่คีย์ก็ไม่สนใจ ไม่มอง ไม่พูด จนผมใจเสียจริงๆ แล้วนะ ถ้าให้ผมนั่งง้ออย่างนี้ต่อไปอีกสักนิดมีหวังน้ำตาแตกแน่ๆ
“คีย์........พูดกับเนมหน่อยสิ ด่าเนมก็ได้ ตีเนมก็ได้ อย่าเงียบใส่เนมนะ หันมามองเนมหน่อยสิ”ผมเขย่าแขนคีย์เท่าไรคีย์ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ไม่มีการกระชากแขนคืน ไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย สุดท้ายผมก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ
“ฮึก.....คีย์....พูดกับเนมหน่อยสิ......ฮืออ.....”ผมกอดแขนคีย์แน่นพลางเขย่าไปมาไม่หยุด น้ำตาผมเปื้อนตามแขนคีย์ที่ผมกอดไว้ คีย์ต้องรู้สิว่าผมไม่ได้แกล้งทำเสียงร้องไห้เหมือนหลายๆ ครั้งที่เคยทำ แต่ผมร้องไห้จริงๆ อยู่นะ
“ทำไมเนมไม่บอกคีย์ก่อน”คีย์ถามเสียงเบา แต่มันดังสำหรับผมที่นั่งเบียดจนแทบจะขึ้นไปอยู่บนตักอยู่แล้ว
“.....เนมขอโทษนะ”ผมไม่กล้าเงยหน้ามองคีย์ ไม่กล้าสบตา ไม่กล้า...บอกความจริง
“ทำไมต้องให้คีย์เห็นเอง ทำไม....เนมทำอย่างนี้กับคีย์ทำไม”เสียงคีย์แหบพร่าแทบสั่น ผมรีบเงยหน้าขึ้นพลางจับหน้าคีย์ให้หันมา ผมไม่ได้คิดไปเองว่าเสียงคีย์สั่น แต่เพราะตาคู่นี้กำลังแดงก่ำ น้ำตาคลอหน่วยจนแทบหยดลงทุกเมื่อ ผมรีบประคองหน้าคีย์ไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ลูบเปลือกตาเบาๆ เช็ดน้ำตาที่ซึมออกจากตาคู่คมไม่ให้ต้องหลั่งไหลหยดลงมา
“คีย์อย่าร้องนะ เนมเสียใจ เนมไม่ดีเอง อย่าร้องไห้นะ เนมขอโทษ ฮืออออ คีย์อย่าร้อง....อย่าร้องนะ....นะ ฮืออ....”ยิ่งผมลูบเปลือกตาคีย์นานมากเท่าไร ก็ดูเหมือนยิ่งทำให้น้ำตาไหลซึมออกมาเรื่อยๆ จนเหมือนจะหยุดเอาไว้ไม่อยู่ คีย์ลืมตามองผมที่ร้องไห้เป็นเพื่อนคีย์ และดูเหมือนจะทำหน้าที่เพื่อนร้องได้ดี เพราะตอนนี้ผมไม่สามารถควบคู่น้ำตาตัวเองได้ คีย์มองหน้าผมนิ่ง สบตาผม มองน้ำตาที่ยังคงรินไหลไม่ขาดสาย แต่ไม่ยกมือเช็ดให้เหมือนเคย ผมจับมือคีย์ขึ้นมาแนบไว้ที่แก้มและพยายามให้มือที่ใหญ่กว่าเช็ดน้ำตาของผมเหมือนที่เคยทำมาตลอด
“.....เนมยังต้องการคีย์อีกเหรอ”คีย์สบตาผม แต่สายตาคีย์วูบไหวด้วยความไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ พอๆ กับคำถามที่เอ่ยออกมา
“ต้องการสิ...เนมต้องการคีย์เสมอ สัญญากันแล้วไง ไหน...คีย์บอกว่าเรามีเราเสมอไง....เรามีเรา...นะ”ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นแล้วพูดออกมา ต่อให้ผมกับคีย์ไม่ได้คบกันในสถานะของแฟน ต่อให้คีย์เป็นฝ่ายบอกเลิกผมถึงสองครั้ง แต่ผมไม่เคยโกรธ ไม่เคยต่อว่าคีย์ เราไม่เคยเลิกกันเพราะเราไม่รักกัน แต่เป็นเพราะคีย์รักผมมาก เราอาจจะมีปัญหา ทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่เราไม่ได้เลิกรักกัน คีย์บอกเลิกกับผมเพราะคีย์รักผมมากเกินไป มันมากไปจนคบกันต่อไม่ได้ คีย์ทนไม่ได้ที่จะคบผมนานไปกว่านี้ ทนไม่ได้หากวันหนึ่งต้องเลิกกับผม วันนั้นต้องมาถึงแน่ๆ เพราะครอบครัวคีย์ไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่คีย์เป็นได้ สักวันหนึ่งคีย์ต้องแต่งงาน ต้องมีครอบครัว คีย์ไม่อยากรั้งผมเอาไว้ในสถานะของแฟนนานไปจนตัดใจไม่ได้อีก และคีย์เองก็ไม่สามารถทำให้ครอบครัวผิดหวังได้
ในวันนี้ คีย์ทำตามใจตัวเองแค่ช่วงนี้ แค่วัยนี้ วันนี้ แต่วันหนึ่งคีย์ก็ต้องหยุด คีย์ยอมตัดใจบอกเลิกผมเพื่อไม่ให้ผมต้องอยู่กับคีย์แบบไม่มีอนาคตร่วมกัน คีย์ยอมเจ็บคนเดียว คีย์ปล่อยมือจากผม ยอมให้ผมไปคบคนอื่นโดยที่คีย์ก็จะทำเหมือนกัน คีย์ไปยุ่งกับคนอื่น มีคนไว้ดับอารมณ์ตัวเอง แต่ถึงจะไปคบคนอื่น คีย์ไม่เคยรักใครอีกเลย
และเราสัญญากัน...ไม่ว่าต่อจากนี้จะมีใครคนไหนเข้ามาในชีวิต เราจะบอกกันและกันก่อน เราจะช่วยกันดูแล ช่วยกันพิจารณาคนของอีกฝ่าย คีย์บอกว่าผมไม่ต้องรักคีย์เหมือนเมื่อก่อนก็ได้ไม่เป็นไร แต่อย่าลืม...ว่าคีย์รักผมเสมอ อย่าลืมว่าคีย์มีผมในใจตลอดเวลา อย่าลืมคีย์ อย่าเกลียดคีย์ อย่าโกหกคีย์ อย่าทิ้งให้คีย์ต้องเฝ้ามองผมลำพัง จะห่างหายไม่เป็นไร แต่อย่าทิ้งกัน อย่าลืมกัน สำหรับผมไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คีย์คือคนสำคัญของผม เราคือคนสำคัญของกันและกัน เราจะมีกันและกันตลอดไป ต่อให้อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะเหมือนเดิม คีย์กับผม เรา...มีเรา
คีย์ค่อยๆ ขยับปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ผมที่ยังคงไหลไม่หยุด ก่อนจะดึงตัวผมมากอดแน่นจนอึดอัด แต่ผมก็วาดแขนโอบกอดคีย์ไว้แน่นเช่นเดียวกัน ผมเสียใจที่ทำให้คีย์ร้องไห้ เสียใจที่ปิดบังเรื่องคบกับพี่โก้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ยังมีคีย์ และ....คีย์หยุดร้องแล้ว
เรานั่งกอดกันนิ่งๆ บนโซฟาจนเผลอหลับไปด้วยกัน ผมตื่นอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงการขยับตัวเบาๆ จากคีย์
“คีย์ทำเนมตื่นเหรอ โทษทีนะ แต่คีย์ปวดเยี่ยว อั้นไม่ไหวแล้ว”พอคีย์เห็นว่าผมตี่นแล้วก็ดันผมออกอย่างเร็วจะแทบจะเรียกว่าผลัก ถ้าผมคว้าพนักโซฟาเอาไว้ไม่ทันมีหวังหงายหลังตกลงไปแน่ๆ ผมลุกขึ้นนั่งมองนาฬิกา ตอนนี้บ่ายโมงแล้ว และเท่ากับว่าผมกับคีย์โดดเรียนทั้งวัน คีย์เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วตรงไปเปิดตู้เย็น นั่นเท่ากับเป็นการกระตุ้นผมทันที
“คีย์....หิวข้าวแล้วว่ะ”ผมนั่งลูบท้องตัวเองที่เริ่มจะส่งเสียงประท้วง คีย์ส่ายหัวนิดๆ แล้วหยิบกระดาษจดเบอร์โทรร้านอาหารมายื่นให้ผม
“สั่งเอง เอาเยอะๆ กูก็หิวเหมือนกัน”
“กินไรดีวะ เอาพิซซ่าดีเปล่า แต่ก็อยากกินไก่ด้วยว่ะ เอาสองอย่างเลยนะ”ผมพูดเองเออเองเสร็จสรรพ เงยหน้ามองคีย์ที่พยักหน้าเอือมๆ ให้หนึ่งครั้งก็ลงมือกดหมายเลขแล้วร่ายเมนูที่ต้องการทันที เพียงไม่นานอาหารทั้งหมดก็มากองอยู่ตรงหน้า และเลยกองอาหารไปคือเจ้าของห้องที่ส่งสายตาข่มขู่ปนอาฆาต เพราะ...เป็นเจ้าของตังค์โดยที่ผมโมเมเอาเอง
“โธ่คีย์ก็ เนี่ยสั่งพิซซ่าหน้าโปรดให้เลยนะ แถมลาซานญ่าของโปรคีย์ด้วย นี่ๆ นี่อะไรเอ่ย....แท่นแท๊นนนน ไก่ป๊อบของโปรดคีย์ไง อึ้งเลยล่ะสิ มีแต่ของโปรดคีย์ทั้งนั้น”ผมพยายามนำเสนอรายการอาหารที่คีย์ชอบเพื่อเอาใจเจ้าของเงิน แต่เหมือนจะไม่มีขึ้นเลย เฮ้อ...วันนี้ดวงตกนิดๆ แฮะ ทำอะไรก็ผิดไปหมด
“พิซซ่าหน้าโปรน่ะใช่ หนึ่งถาดนี้ของคีย์ แต่อีกถาดของเนม แล้วนี่อีก สปาเก็ตตี้สไปซี่ ไก่นิวออร์ลีน ไก่ 4 ชิ้น เบอร์เกอร์อีก 2 วิงซ์แซ่บ ทูน่าคอร์น มันบด พวกนี้มีแต่ของเนมทั้งนั้น”
“ก็มันเป็นเซ็ทนี่น่า ชุดสุดคุ้มไง”ผมพยายามยกเหตุผลขึ้นมาพูดแล้วนะ แต่เหมือนจะฟังไม่ขึ้นเท่าไร โธ่เอ้ย ไม่เคยเป็นรึไง เวลาร้องไห้มากๆ แล้วมันจะหิวน่ะ ยิ่งร้องมากยิ่งหิวมาก พอหิวมากๆ มันก็เลยสั่งเพลิน รู้ตัวอีกที...ก็มากองเต็มพื้นห้องแบบนี้แหละ
“พิซซ่าสองถาดก็อยากจะตบกะโหลกให้คว่ำแล้วนะ ดันสั่งไก่มาอีก มีปัญหากินหมดรึไงมึง”
“ก็เก็บไว้กินมื้ออื่นก็ได้นี่นา”
“เดี๋ยวๆ พูดปัญญาอ่อนอีกแล้ว เดี๋ยวจับกรอกปากแม่งเลยนี่ โทรไปหาไอ้พวกนั้นเลย บอกให้มันมาช่วยกิน สั่งอย่างกับอยู่กันเป็นสิบ ร้องมากจนสมองกระเทือนรึไง”คีย์แม่งขี้บ่นครับ พอเห็นผมง้อหน่อยแม่งเรื่องมาก เดี๋ยวปั๊ดแกล้งให้ร้องไห้อีกเลย
“พูดมากว่ะมึง เดี๋ยวเอานิ้วจิ้มตาเลย โทรไม่ได้อ่ะ ตังค์หมดแล้ว มึงโทรดิ....เอาโทรศัพท์มาก็ได้ เดี๋ยวโทรเอง”ผมรีบเปลี่ยนคำพูดพร้อมแบมือขอโทรศัพท์มัน ก็มันเล่นเงื้อมือแล้วนี่นา มันชอบเขกหัวผมเวลามันโมโห ถ้าตบน่ะไม่ค่อยเจ็บนะครับ แต่ถ้าเขกทีไรล่ะเจ็บจี๊ดๆ เลยล่ะ
ผมโทรหาเพื่อนๆ ในกลุ่มลากให้พวกมันมาที่ห้องคีย์ ความจริงก็คิดว่าพวกนั้นไม่น่าจะมาหรอกนะ เพราะตอนนี้อาจารย์น่าจะกำลังสอน แต่ผิดคาด พวกมันแอบอาจารย์ออกมาได้ไงไม่รู้ แถมยังมีตัวแถมมาช่วยกินอีกหนึ่ง พร้อมอาหารเพิ่มด้วย เล่นเอาผมยิ้มรับแขกไม่ได้รับเชิญทันที
“พี่บอมเป็นจิตใจดีผิดกับหน้าตาเลยนะเนี่ย อุตส่าห์ซื้อของมาเลี้ยงน้อง อย่างนี้น่าคบหาสมาคม นัดไปหาอะไรอร่อยๆ กินด้วยกันบ่อยๆ เนอะหม่อนเนอะ”ผมเอื้อมมือไปแกะกล่องช็อคบอลลูกกลมที่ยั่วสายตา ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะแกะเสร็จคีย์ที่เพิ่งเดินไปกลับมาพร้อมถุงน้ำแข็งก็ตีมือผมดังเพี๊ยะจนเป็นรอยแดงนิดๆ
“เจ็บนะเว้ย!!”ผมซัดกลับไปที่ต้นขาแน่นๆ ของมัน แน่นจะจนผมตีเองเจ็บเอง ซวยกว่าเดิมอีก
“กินขนมอะไรตอนนี้เล่า พิซซ่ามึงน่ะแดกให้หมดก่อน”คีย์กวาดถุงขนมที่พี่บอมซื้อมาฝากไปวางไว้ไกลเกินกว่าผมจะเอื้อมถึง
“โอ้ย! ไอ้คีย์ ตีอีกทำไมเนี่ย”ผมสะบัดมือหนีมันไม่ทันเลยโดนไปอีกเพี๊ยะ แต่ผมไม่ได้จะทานขนมสักหน่อย ผมกำลังจะทานลูกชิ้นทอดเจ้าโปรดต่างหาก แล้วนั่นยังมีแซลมอนโรลสีสันสดใสยั่วตาอีกสองแถว ไม่นับซูชิหน้าต่างๆ ที่เป็นของบรรณาการจากพี่บอมสุดหล่อ
“แดกพิซซ่าของมึงไป ไก่ทอดไง แฮมเบอร์เกอร์ก็มี ห้ามแตะอย่างอื่น”
“เออๆ เดี๋ยวจะกินให้หมดทุกอย่างเลย แม่ง...แค่นี้ก็ต้องใช้กำลัง มือแดงเลยด้วย จะบวมรึเปล่าก็ไม่รู้”ผมก้มหน้าก้มตาพูดพลางนวดมือตัวเองเรียกร้องความสงสาร เผื่อคีย์จะใจอ่อนให้ผมหม่ำลูกชิ้นก่อนสักคำสองคำ
“อย่ามาสร้างภาพ กูตีเบาๆ”
“เบาตรงไหน ตีสองครั้งซ้ำที่เดิมเลย แดงด้วยเนี่ย”หลังมือผมแดงจริงๆนะ พอยื่นมือให้คีย์ดูก็เหมือนมันจะตกใจนิดๆ เมื่อเห็นว่าแดงจริง
“แค่นิดเดียวเอง อย่ามาสำออย กินไปเลยพิซซ่าเนี่ย กินให้หมดหนึ่งชิ้นก่อนค่อยกินอย่างอื่น”คีย์นั่งลงข้างๆ ผมแล้วเลือกชิ้นที่มีเครื่องเยอะที่สุดมาวางตรงหน้าผม พร้อมเครื่องปรุงต่างๆ
“กินหมดแล้วกินลูกชิ้นนะ อยากกิน”ผมก้มหน้าฉีกซองซอสมะเขือเทศบีบลงบนหน้าพิซซ่า คีย์ตอบกลับในลำคอเบาๆ แต่ผม
ก็ได้ยิน เป็นอันว่าคีย์ก็ยังยอมตามใจผมเหมือนเดิม
“เถียงกันเสร็จแล้วเหรอผัวเมียคู่นี้ แม่งง๊องแง๊งว่ะมึง”ป้องกระแนะกระแหนใส่พวกผม ผมก็เลยแย่งกุ้งบนหน้าพิซซ่าของมันมาเลย
“อ้าวไอ้เนม กวนตีนแล้วนะ เดี๋ยวโดนๆ”
“ไม่กลัวหรอก เอ๊ะ! ไอ้ป้อง ออกไป อย่าดิ๊ กุ้งของกูนะ”ผมเอนตัวเอาพิซซ่าในมือหนีมือไอ้ป้องที่พยายามแย่งกุ้งคืน เอนจนไปพิงตัวคีย์ มันคงรำคาญเลยผลักหัวผมกลับมา ไอ้ป้องเลยฉวยโอกาสแย่งกุ้งผมไปจนได้
“แม่งนิสัยเสีย แย่งของคนอื่น”ผมบ่นป้องเพราะมันหยิบกุ้งโยนเข้าปากตัวเอง ผมเลยอดแย่งกลับมาคืน
“ได้ข่าวว่ากุ้งของกูนะ มึงน่ะสินิสัยเสีย”ป้องจะผลักหัวผมแต่ผมหลบ แม่งเดี๋ยวนี้สนิทหน่อยเริ่มลามปาม ผมกัดพิซซ่าเข้าปากด้วยความอร่อย มองดูใบหม่อนกับพี่บอมนั่งคุยกันงุ๊งงิ๊งเบาๆ สองคน แต่ห้องก็เล็กแค่นี้ เบาแค่ไหนก็ได้ยิน
“คุยไรกันเหรออออ จะไปเที่ยวไหนกันเอ่ย”ผมพูดแทรกคู่รักต่างวัยตรงหน้า ทำให้พี่บอมเงยหน้าถลึงตาใส่ผม จะอะไรซะอีก ก็พี่บอมน่ะสิพยายามชวนใบหม่อนไปเที่ยววันหยุดด้วยกัน แต่หม่อนไม่อยากไปหรือไม่กล้าไปก็ไม่รู้ เลยคุยกันไม่ลงตัวสักที
“พี่บอมชวนไปเดินจตุจักรเสาร์นี้ ไปด้วยกันมั้ย”หม่อนส่งยิ้มชวนผม ผิดกับคนข้างๆ ที่ถลึงตาพลางส่ายหน้าสะกดจิตให้ผมตอบปฏิเสธ ถึงคู่นี้เขาจะควงกันและตกลงคบกันจนคนอื่นรับรู้หมดแล้ว แต่บ้านใบหม่อนค่อนข้างหวงลูกสาวนะครับ ใบหม่อนค่อนข้างจะกลับบ้าตรงเวลา ไม่นอกลู่นอกทาง และบ่อยครั้งที่จะเห็นคนที่บ้านมารับมาส่งใบหม่อนบ่อยๆ ด้วยความเป็นลูกสาวคนเดียว แถมเป็นลูกคนเล็ก ทุกคนเลยเป็นห่วง พี่บอมกว่าจะฝ่าด่านที่บ้านได้ก็แทบแย่ แต่ถึงจะบอกว่าตกลงคบกัน แต่นี่คือสองคนนี้ตกลงกันเองนะครับ ที่บ้านยังไม่อนุมัติ ในสายตาคนที่บ้านสถานะของพี่บอมก็แค่คนที่กำลังตามจีบใบหม่อนเท่านั้น เพราะงั้นการจะไปไหนมาไหนสองต่อสองจึงน้อยครั้งมากๆ
“ไปสิ”เปล่านะครับ คนตอบไม่ใช่ผม เพราะผมกำลังงงงวยกับการสะกดจิตของพี่บอม แต่ไอ้ป้องไม่ได้โดนสะกดจิตด้วยมันเลยพูดได้
“ไปทำไมมึง รายงานเยอะแยะไม่อ่านหนังสือทำงานกันบ้าง เดี๋ยวเกรดออกมาไม่ดีนะเว้ย”พี่บอมปรามป้องนิดๆ แต่มันยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่
“รายงานกลุ่มก็กลุ่มเดียวกับหม่อน ส่วนรายงานเดี่ยวผมทำเสร็จแล้ว ถ้าจะให้ผมทำรายงาน สงสัยหม่อนคงไม่ได้ไปเที่ยวกับพี่แล้วล่ะ”ป้องเอ่ยอย่างเป็นต่อทำให้พี่บอมพูดอะไรออกมาอีกไม่ได้ สรุปเสาร์นี้เราเลยนัดกันไปเดินเล่นจตุจักรด้วยกัน
พวกเรานั่งเล่นนอนเล่นที่ห้องคีย์จนเย็นถึงแยกย้ายกันกลับ คีย์ชวนผมค้างด้วยแต่ผมปฏิเสธโดยอ้างว่าค่อยมาค้างด้วยวันศุกร์หรือเสาร์ดีกว่า ผมนั่งรถไปหาที่โก้ที่ทำงานเหมือนเดิม เมื่อไปถึงพี่นิ้งพาผมไปนั่งในห้องพักด้านใน ซึ่งรอไม่นานพี่โก้ก็สอนเสร็จ โชคดีที่วันนี้ผมกะเวลาได้ดีเลยไม่ต้องนั่งแกร่วนานๆ โดยไม่มีอะไรทำ ตอนแรกพี่โก้จะพาผมไปหาอาหารทานตามร้านอีก แต่ผมชวนให้กลับห้องไปทำอะไรง่ายๆ ทานกันเองดีกว่า ไม่ได้อยากสวีทอะไรหรอกนะครับ แต่เมื่อตอนบ่ายเล่นเอาผมจุกจนแทบอ้วก แต่ทุกอย่างที่สั่งมาก็หมดจนไม่มีเหลือ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ทานเยอะ แต่ทั้งป้องทั้งใบหม่อนก็ทานเก่งใช่ย่อย พี่บอมแซวใบหม่อนจนงอนไปเลย
“พี่โก้...วันศุกร์เนมไปค้างห้องเพื่อนนะ”ผมพูดใส่แผ่นหลังพี่โก้ที่กำลังผัดกระเพราส่งกลิ่นหอมฉุยน่าทานอยู่
“......มีรายงานเหรอ”
“เปล่าหรอก แต่วันเสาร์กลุ่มเนมนัดกันไปเดินเจเจกัน ก็เลยกะว่านอนนั่นแล้วจะได้ตื่นไปพร้อมเพื่อนเลยน่ะ แต่ค้างคืนเดียว ซื้อของเสร็จก็กลับ คงเย็นๆ หน่อย”ผมพูดคำว่า ‘ค้างคืน’ แล้วรู้สึกหน้าตัวเองร้อนๆ ยังไงไม่รู้ ทั้งๆ ที่มันไม่มีตรงไหนให้นึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ผมก็นึกไปได้ ผมพยายามทำตัวปกติต่อหน้าพี่โก้ ทั้งที่ใจเต้นตึกๆ มือไม้สั่นทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้ๆ แต่พี่โก้ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติบ้างเลย ยังคงนิ่ง....นิ่งเกินไป ความจริงหลังจากคืน...หวานๆ ของเรา ก็น่าจะมีอารมณ์โรแมนติก หวานๆ ซึ้งๆ กุมมือสบตาอะไรแบบนี้ใส่กันบ้างนะ
“....เดี๋ยวพี่ไปด้วย”
“ห๊ะ พี่โก้ว่าไงนะ”ผมมัวแต่คิดเพลินๆ พี่โก้พูดอะไรเลยไม่ทันฟัง
“เดี๋ยววันเสาร์พี่ไปด้วย เนมก็นัดเวลากับเพื่อนแล้วกัน แล้วเราก็ค่อยออกไปพร้อมกัน แวะรับเพื่อนเนมแล้วไปคันเดียวกัน นัดรับที่หอคีย์ก็ได้”
“เอ่อ....เนมไปกับเพื่อนเองก็ได้มั้ง พี่โก้ไม่ต้องลำบากหรอก”ไม่ใช่ไม่อยากให้ไปนะครับ แต่...คีย์จะว่ายังไงก็ไม่รู้ ไม่แน่ใจเลยว่าถ้าคีย์เจอพี่โก้ในสถานะใหม่ คีย์ยังจะคุยดีๆ กับพี่โก้อยู่หรือเปล่า อยากรอให้ผ่านไปสักพักมากกว่า
“พี่ไปส่งแล้วแยกกันเดินก็ได้ ไม่มีปัญหา”พี่โก้พูดโดยไม่ได้หันหน้ามา ผมเลยไม่แน่ใจว่าน้ำเสียงนิ่งๆ แบบนี้กำลังโกรธผมอยู่หรือเปล่า
“ไม่ใช่ว่าเนมไม่อยากเดินกับพี่โก้สักหน่อย เนมแค่เกรงใจ แต่ถ้าพี่โก้อยากไปก็ได้ ดีเหมือนกัน ซื้อของเสร็จจะได้ไม่ต้องหิ้วขึ้นรถเมล์เอง แล้วคืนวันศุกร์ล่ะ เนม...”พอตกลงใจว่าจะไปเดินจตุจักรด้วยกัน ผมเลยไม่แน่ใจว่าคืนวันศุกร์จะได้ไปค้างหรือเปล่า แล้วก็ไม่ค่อยกล้าถามย้ำด้วยสิ
“พี่นัดเพื่อนที่ร้านพี่ฟ้า เห็นพี่ปั้นบ่นถึงเนมอยู่ จะไม่ไปด้วยกันเหรอ”
“อ้าวเหรอฮะ นัดเมากันอีกแล้วววว เนมไปก็ได้ พี่ปั้นถ่ายรูปที่ทะเลตั้งเยอะ ยังไม่ส่งรูปให้เนมสักทีเลย สงสัยต้องไปทวงเอง”วันที่ไปเที่ยวกันทั้งผมและพี่โก้ไม่มีใครเตรียมกล้องถ่ายรูปไปเลย แต่พี่ฟ้าเตรียมไป แล้วก็พี่หมอกก็เอากล้องไปเหมือนกัน ก่อนกลับก็ตกลงกันแล้วว่าพี่หมอกจะฝากรูปกับพี่เจมส์ ไม่ก็ไปฝากไว้ที่พี่ปั้น ความจริงผมบอกพี่หมอกแล้วนะว่าให้ส่งไฟล์มาทางเมลล์ก็ได้ แต่พอจะจดอีเมลล์ให้พี่หมอกดันรีบปฏิเสธจนผมตกใจ พี่ๆ คนอื่นก็หัวเราะกันใหญ่ แถมพี่โก้ยังพูดลอยๆ อีกว่า ‘นึกว่ากล้า’ ผมเลยงงจนทุกวันนี้
หลังจากผมและพี่โก้ทานข้าวมื้อค่ำเสร็จ ผมอาสาล้างจานทันทีที่พี่โก้ส่งสายตาข่มขู่ให้ผมเอ่ยปากอาสาตัวเอง ส่วนพี่โก้ก็เข้าห้องไปอาบน้ำแล้วทำงาน หลังจากล้างจานเสร็จผมก็จัดการธุระส่วนตัวของตัวเองบ้าง อาบน้ำ เล่นอินเตอร์เน็ตพร้อมทำการบ้านควบคู่กัน วันนี้คีย์ยังไม่ออนไลน์เอ็มเอสเอ็น ผมเดาว่าคีย์น่าจะกำลังเล่นเกมส์อยู่ ผมบอกป้องกับใบหม่อนทางเอ็มเอสเอ็นว่าวันเสาร์พี่โก้อาสาขับรถไปรับ แต่ใบหม่อนบอกมาว่าพี่บอมจะไปรับใบหม่อนที่บ้าน ผมเลยให้พี่บอมกับใบหม่อนไปเจอผมคีย์และป้องที่จตุจักรเลย ป้องก็ยังคงพูดมากปากเสีย มันโพล่งถามขึ้นมาว่าตกลงผมกับพี่โก้เป็นอะไรกัน ทำไมต้องตามรับตามส่งกัน ผมก็เลยตอบแบบแมนๆ ไปว่า ‘เป็นแฟน’ แต่ด้วยความที่เราคุยพร้อมกันสามคนอยู่ พอมีหัวข้อฮอตๆ แบบนี้ให้ถามต่อ ป้องและใบหม่อนก็เลยพิมพ์รัวมาซักผมไม่หยุด จนผมไม่รู้จะตอบคำถามใครก่อน
โชคดีที่ผมบอกคีย์แล้วว่าเริ่มคบกับพี่โก้ เพราะงั้นผมเลยไม่ค่อยรู้สึกผิดเมื่อต้องบอกสองคนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากบอกเพราะต้องบอกเหมือนที่ต้องพูดกับคีย์ แต่ที่บอกสองคนนี้ก็แค่...อยากอวด ก็...พี่โก้น่ารักมากๆ เลยนี่นาช่วงนี้ ผมรู้สึกเกือบเหมือนตอนเป็นเด็กที่มีพี่โก้คอยดูแลเอาใจใส่ แต่ว่าตอนนี้ไม่เด็ก แล้วพี่โก้ก็ไม่ได้ทะนุถนอมผม...เอ่อ...ความหมายถึงเรื่องรวมๆ ทั่วๆ ไปนะ ไม่ได้เจาะจง พี่โก้ยังคงมีมุมอ่อนโยนนิดๆ แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบเด็กกับผู้ใหญ่ หรือแบบพี่น้องเหมือนเมื่อก่อน มันเป็นความรู้สึกของคนเป็นแฟนกันจริงๆ แต่เป็นแฟนที่อายุมากกว่า ที่คอยดูแลผม...แต่ก็เป็นการดูแลแบบพี่โก้ล่ะนะ ดูแบบห่างๆ แลแบบ...กวนๆ และน่าหมั่นไส้ในบางครั้ง เฮ้อ....พอคิดถึงพี่โก้มากๆ ผมเลยเลิกคุยกับทั้งสองคน แล้วปิดคอมพิวเตอร์ ปิดห้อง หอบการบ้านเข้าไปทำบนเตียงพี่โก้เพื่อขอกำลังใจใกล้ๆ ดีกว่า
“การบ้านยากหรือไง”พี่โก้เดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ผมที่นอนคว่ำหน้ามองโจทย์วิชาสถิติแบบมึนๆ
“มึนกับตัวเลข งง”
“ทำไมงง วันนี้ไม่ตั้งใจเรียนล่ะสิ”พี่โก้พูดผิดนะเนี่ย ความจริงวันนี้ไม่ได้เรียนเลยต่างหาก
“ไม่ใช่ อันนี้การบ้านอาทิตย์ก่อน ต้องส่งพรุ่งนี้แล้วอ่ะ แต่เนมลืมที่อาจารย์สอนไปแล้ว”ผมวางคางตัวเองลงบนหน้ากระดาษที่ยังว่างเปล่า พี่โก้ขยับไปนั่งพิงหัวเตียงพลางเปิดหนังสือในมืออ่านเหมือนไม่ได้ยินที่ผมพูด
“พี่โก้.....เนี่ยๆๆ มันย๊ากยาก พี่สอนเนมหน่อยสิ”ผมเอียงคอมองพี่โก้ เอามือตบกระดาษที่วางกองๆตรงหน้าให้เกิดเสียงดัง จะว่าเรียกร้องความสนใจก็ได้ ก็อยากให้สนใจนี่นา
“สอนทำไม เนมเก่งแล้ว”
“เก่งที่ไหนเล่า เนมไม่รู้เรื่องเลย ยังทำได้นิดเดียวอยู่เลยเนี่ย”
“นิดเดียวที่ไหน ทำแทบทั้งคืนต่างหาก ออกจะเก่ง พลิ้วเลย”พี่โก้พูดอะไรเนี่ย แถมยังมองผมแบบยิ้มๆ อีก อะไรเก่ง...อะไรพลิ้ว....หรือว่า....!!
“พี่โก้!! บ้า! ทะลึ่ง!! เนมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นซะหน่อย พลิ้วไรเล่า”จากมือที่ตบกระดาษมือครู่ก็เลื่อนไปตบลงบนท่อนขาแน่นๆ หลายๆ ครั้งแทน
“พี่จะไปรู้เหรอ เห็นตบเตียงก็นึกว่าจะให้สอนเรื่องบนเตียง พี่ก็ว่าเนมเก่งพอแล้วนะ จะให้สอนอะไรอีก หรืออยากเรียนท่ายากๆ”พี่โก้ถามผมด้วยใบหน้านิ่งๆ เสียงนิ่งๆ แต่ที่ปิดไม่คิดคือแววตาที่ส่อแววสนุกที่ได้แกล้งผมนี่แหละ
“พี่โก้!!”++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีปีใหม่ทุกๆ คนนะคะ
ขอให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพจิตสุขภาพใจสุขภาพกายสดชื่นแข็งแรง ใครที่เรียนอะไรอยู่ก็ขอให้เรียนประสบผลสำเร็จอย่างที่ต้องการ ใครที่่ทำงานแล้วก็ขอให้งานการทุกอย่างราบรื่น กิจการรุ่งเรือง ขอให้มีแต่มิตรแท้ รักแท้ มีแต่เรื่องดีๆ คนดีๆ เข้ามาสู่ชีวิต มีความสุขสดชื่นตลอดปีตลอดไปนะคะ
ปล.ขอบคุณสำหรับคำอวยพรทุกๆ คนเลยนะคะ