เพื่ออิเจ้ และทู๊กคน

เอามาต่อแล้วจ้า แล้วทีนี้คนที่เคยอ่านไปจะรู้ได้ไงหว่า แฮะๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความเดิมตอนที่แล้ววว
"ไอ้เต้มันหนีไอ้กรมา" ฉันรีบขัดคอ
ไอ้เต้เริ่มบิดซ้ายบิดขวา มันดูนาฬิกาและก็เดินลุกออกไปจากห้อง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดีเหมือนกัน กำลังจะกินข้าวเที่ยงพอดี จะได้ไม่มีส่วนเกิน
ฉันหันหน้ากลับมาอีกครั้ง และชวนอีต๋องกินข้าว
แต่
อีต๋องมันไม่เชื่อที่ฉันพูด และไม่ว่าฉันจะอธิบายให้มันฟังเท่าไร มันก็ยังคงพูดว่า
"พวกเมิงต้องมีอะไรกันแล้วแน่ๆ" (พร้อมสีหน้ากระเทยลามก)
อีโกลเด้นฟลาวเวอร์
..........
ดูหนังกันจบ ไปนั่งกินเคเอฟซีกัน จนฉันจะกินของมันหมดอยู่แระ อิต๋องก็ยังคงไม่หลุดประเด็น เรื่องเมื่อเช้านี้ กลางเป็นอะไรที่เขย่าขวัญมันไม่น้อย แต่ถึงจะถามฉันอีกกี่ครั้งกี่หน ฉันก็คงต้องตอบทุกอย่างเหมือนเดิม ว่า "ไม่มีทาง"
พฤติกรรมอีต๋องเปลี่ยนไปทันที จากเดิมเคยเห็นฉันเป็นพี่เป็นน้องกะไอ้เต้ ตอนนี้มันเดินหน้า เป็นแม่สื่อแม่ชัก เต็มกำลัง วันๆ มันพร่ำแต่ยุให้ฉันเอาไอ้เต้ทำผัว จนฉันเริ่มสะอิดสะเอียน ข้อดีของไอ้เต้ข้อเดียวที่ฉันเห็นก็คือ "รวย" ซึ่งได้ถูกข้อเสียอีกล้านแปดของมันกลบจนมิด
"ถ้าเมิง ได้ กะ ไอ้เต้ นะ จะเกิดอะไรขึ้น เมิงลองคิดสิ" อีต๋องพูดกับฉัน ทำตาถลึงโต
"ไอ้กร ก็จะมาถีบหน้ากรูน่ะสิ อีเวนนน" ฉันพูดปลดปล่อยมันจากภวังค์ อีต๋องทำท่าอารมณ์เสีย
"เออ ตามใจเมิง กรูก็หวังดี" มันหันหลังให้ฉัน และล้มตัวปิดไฟนอน บรรยากาศในห้องกลายเป็นมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย อาจจะเพราะสายตายังปรับไม่ทัน และฉันได้ยินเสียงอีต๋องพูดอีก 1 ประโยค ลอยมากับความมืด
"พ่อแม่เมิงจะได้สบาย แล้วเมิงก็จะได้ตัดใจจากไอ้เวนนั่นซะที แต่ถ้าเมิงไม่ไขว่คว้าเอา กรูก็ช่วยไม่ได้"
- -* (อีส...ด พูดเหมือนมันชอบกรู ยังงั้น)
////////////
จากวันนั้น อีต๋องเรียกไอ้เต้ มากินข้าวเย็นด้วยเกือบจะทุกวัน นั่งก็ต้องให้นั่งติดกับฉัน พูดจาอะไรก็ออกแนวรักๆ ใคร่ จนฉันแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ไอ้เต้มันก็เอาแต่ขำกันปานพวกฉันเหมือนตัวตลก
"เนี่ย ไอ้เอกก็ตามรังควานอีแบะทุกวันเลย บางทีกลางคืนดึกๆ ก็โทรมา พวกพี่ไม่ได้หลับได้นอน" อีต๋องแต่งเรื่องโม้ให้ไอ้เต้ฟังอย่างตั้งใจ แต่ฟังไปฟังมา แมร่งก็เวอร์ได้ใจจริงๆ ฉันว่าเงินเดือนออกงวดนี้จะเจียดไปทำโล่ห์ ตอหลดแห่งชาติมอบให้
"ก็ถ้าเจ๊แกบอกไปว่า เป็นแฟนผมแต่วันนั้นนะ ก็จบแระ" แต่กระนั้น ไอ้เต้ก็เชื่อ เออดี พวกเมิงคุยกันไป กรูแดรกอย่างเดียว ไม่สนใจใครละ
"นั่นหล่ะ อีแบะมัน โง่ มันฉลาดแค่ตอนเรียนเท่านั้นแหล่ะ พี่ก็เคยบอกไอ้เอกมันไปนะ ว่ามีแบะมันมีแฟนแล้ว ให้เลิกจองล้างอีแบะซักที" อีต๋องมั่วไปใหญ่ ไอ้ฉันว่าจะไม่สนใจ ก็อดจะฟังไม่ได้ ขำ ชิบ..
"แล้วไงอ่ะ" ไอ้เต้ละจานข้าว และรออีต๋องตอบอย่างใจจดจ่อ
"แล้วไงน่ะหรอ.... หึ มันขู่จะฆ่าอีแบะน่ะสิ พี่กลุ้มใจมากเลย" อีต๋องเวอร์มากมาย ฉันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เม็ดข้าวกระเด็นไปกลางวง ไอ้เต้สบตาฉันและด่าทางสายตา ว่า อีซก มก
"ได้ไง ก็แจ้งตำรวจเรยสิ" ป๊าดดดดด ไอ้เต้ เชื่อ -*- "หรือไม่ก็มาบอกผม จะพาเพื่อนไปยำให้ก็ได้" มันอวดเบ่งความเป็นนักเลงออกมา สงสัยจะเป็นพันธุกรรมของคนรวย
ฉันเก็บเม็ดข้าวที่ตกเอามากินจนเกลี้ยง เสร็จแล้วรีบเก็บสำรับแยกวงออกไปอย่างทนไม่ไหวแระ ไอ้สองคนนั้นมันก็ยังคงคุยกันต่อไปอย่างออกรส
...........
ช่วงนั้นฉันฮาอีสองตัวนี้มาก สนิทกับไอ้เต้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลืมเรื่องวุ่นๆ ของตัวเองได้ซะทีเดียว บางครั้งเราคิดว่าปัญหาของเราใหญ่แล้ว หารู้ไม่ มีคนอื่นเค้าทนทุกข์มากกว่าเราซะอีก
"เฮ้ยย เป็นไร" ฉันเพิ่งกลับจากทำงาน เข้ามาในห้องเห็นเพื่อนสาวนอนสบักสะบอม รอยเลือดยังหยดกรังบนที่นอน ข้าวของในห้องหักพังระเนระนาดไปหย่อมนึง
"ฮือๆๆ อีแบะะะ" อีต๋องแหงนหน้ามา สีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บช้ำทางใจมากกว่ากายหลายเท่านัก ในนาทีนั้น คนแรกที่แว๊บเข้ามาในหัวฉันก็คือ "ไอ้โชค"
"ไอ้โชคซ้อมเมิงอีกใช่ไหม มันบ้าอะไรอีกเนี่ย แล้วเมิงยอมให้มันทำขนาดนี้ได้ไง" ฉันวีนแตก เดินเข้าไปหาเพื่อนแล้วนั่งข้างๆ มันโผเข้ากอดฉันแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
"มันหลอกกรู มันแอบไปมีเมียเป็นชะนี ฮือๆๆ อีแบะ กรู..." อีต๋องระบายความในใจออกมาอย่างอัดอั้น มันพูดสะอึกสะอื้นปากคอสั่น ฉันกอดตอบเพื่อนฉันด้วยความสงสาร ต๋องเอ้ย.. กรูเข้าใจเมิงว่ะ ทำใจบ้างเหอะเว่ย
"มันอยากมีก็ให้มันมีไปเด่ะ" ฉันร้องไห้ และพูดอย่างชิงชัง อีต๋องยิ่งร้องโฮอย่างทำใจไม่ได้
"แต่จะมาซ้อมเมิงอย่างนี้ กรูไม่ยอมอีกแล้ว" ฉันละจากอีต๋อง แล้วโทรหามัน โดยอีต๋องยังนั่งร้องไห้ กระซิกๆๆ อยู่ข้างๆ
"ไอ้เฮี้... เมิงมาตีเพื่อนกรูทำไม ควาย รังแกคนไม่มีทางสู้หรอ :-) เมิงอยู่ไหน กรูจะเอาตำรวจไปลากคอเมิง บลา ๆๆๆๆ" ฉันพูดแบบไม่หยุดหายใจ ไอ้โชค สบถใส่ฉันเพียงแค่สองคำ "ชิส์ อีตุ๊ด" แล้วมันก็วางสายไป
ฉันจูงมืออีต๋องไปตรวจร่างกายที่ รพ. แล้วเราไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภอ.เมืองพัทยา อีต๋องไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับตำรวจเท่าที่ควร ฉันสังเกตุและนึกเคืองเพื่อนอยู่ในใจ แต่ไม่อยากซ้ำเติม
กลับมาฉันซื้อก๋วยเตี๋ยวเข้ามากินด้วยกัน แต่มันก็ไม่ค่อยกิน อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จก็เข้านอนกันแต่หัววัน ต่างคนต่างร้องไห้ ฉันหลับไปจริงๆ ตอนตี 1 ส่วนอีต๋อง ไม่รู้เหมือนกัน...
วันรุ่งขึ้น เที่ยงวัน
ฉันโทรหาอีต๋อง มันก็ไม่รับสาย อยากจะบอกมันให้เลิกร้องไห้ได้แล้ว แล้วเย็นนี้จะพาไปเดินห้าง จับฝรั่งหล่อๆ กันอย่างที่มันชอบ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรอยู่ของมัน บางทีมันอาจจะโทรไปหา ไอ้โชค อีกก็ได้ ถ้ามันจะทำ
เลิกงานปุ๊ป ฉันตรงดิ่งกลับบ้านทันที อีต๋องเหมือนยังไม่ตื่นทำอะไรเลยซักอย่าง ประตูบ้านที่ฉันเอาเศษกระดาษเหน็บปิดเอาไว้ มันยังอยู่เหมือนเดิม ถ้ามันหลับพักผ่อนไปจริงๆ ก็ดี แต่ฉันคิดว่ามันคงจะเอาแต่นอนร้องไห้อยู่เสียมากกว่า
ฉันเปิดประตูเข้าไป และก็เจอเหตุการณ์ที่มันยิ่งกว่านั้น กระเป๋าถือ ของกินที่อุตส่าห์ซื้อมาจากปากทาง มือถือ ตกไปกองอยู่ที่เท้าฉันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ฉันเดินถอยกลับออกมาจากตัวห้อง น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาอย่างอัตโนมัติ สติฉันกระจัดกระจายจนไม่สามารถนึกได้แม้แต่คำว่า "ช่วยด้วย"
ตัวต๋องผูกติดด้วยเชื่อกไนล่อนที่ลำคอ มันผูกติดกับช่องระบายอากาศในห้อง ฉันเห็นเพียงร่างนิ่งๆ ที่เท้าลอยจากพื้นเพียงฝ่ามือเศษๆ ฉันไม่ได้หวังว่ามันยังจะรอด ฉันรู้ว่ามันตายแล้วแน่ๆ แต่ฉันรับไม่ได้ ฉันร้องโฮออกมาอย่างบ้าคลั่ง และเพื่อนข้างห้องถึงออกมาช่วยเหลือกัน เพื่อนฉันตาย ตายเพราะผุ้ชายเฮี้.. ๆๆ อย่างไอ้โชค
ทำไมเมิงทำยังงี้ แล้วกรูจะอยู่กับใคร
.....