บทที่ 51
ชนินทร์ตื่นขึ้นมากลางดึก พบว่าฝนตกหนัก คงเพราะกำลังเปลี่ยนฤดู ท้องฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว…
ทว่ามีเส้นเสียงหนึ่งที่ดังแว่วมาเหมือนอยู่ห่างไกล ชนินทร์ตัดสินใจลุกออกไปดู
ฟ้าแลบปลาบ พลันเกิดแสงสว่าง…ส่องให้เห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนกอดอกทนความหนาวจับขั้วกระดูกอยู่คนเดียวข้างนอก ท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำ…
เรียวปากซีดนั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ชนินทร์…ผมขอโทษ…ยกโทษให้ผม…”
ชนินทร์ใจหายวูบ ตกใจ
“เฮ้ย! นี่…นี่คุณไปทำอะไรตรงนั้น!?”
“ผมไม่รู้…ว่าจะทำยังไงให้คุณพอใจ ให้คุณยกโทษให้ผม ได้โปรด…บอกผมมา ผมยอมทำทุกอย่าง”
“ว่าไงนะ? แล้วคุณไปทำบ้าอะไรตรงนั้น คุณทำอะไรของคุณเนี้ย?!”
“ผมจะยืนอยู่ตรงนี้…จนกว่าคุณจะบอกว่า…ยกโทษให้ผมแล้ว”
เมฆินรู้สึกเหมือนกรามมันสั่นจนจะพูดต่อไม่ไหว ชนินทร์กลับยืนนิ่ง…มองอยู่อย่างนั้น
“ได้! ตามใจซิ อยากยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวก็เชิญ!”
เสียงฟ้าร้องลั่นดังตามมาโครมใหญ่…เสียงสายฝน กลบความเงียบงันรอบกาย...
จากนั้นไม่นานนัก
ร่างบางเดินพรวดลงไปกลางลาน ยืนตรงหน้า ตะโกนแข่งกับเสียงพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
“คุณ!...นับแต่คุณก้าวเข้ามาทำลายชีวิตผม ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว! ถ้าคุณคิดว่าจะทรมานผมอีกได้ อย่าฝัน! ผมไม่มีอะไรเหลือให้คุณอีกต่อไปแล้ว!” ตาแดงก่ำภายใต้หยาดน้ำคลอหน่วย แสงไฟสว่างวาบ…เมฆินใจหาย
“กลับไปซะ! คุณทำสำเร็จแล้วนี่…ทำลายชีวิตผม นอกจากคุณจะทำลายชีวิตของผมแล้ว คุณยังทำลายความเป็นคนของผมไปด้วย”
“ชนินทร์ ผม-“
เพียะ!
“หุบปาก!”
ร่างบางตรงเข้าทุบตีร่างสูง ซึ่งไม่คิดจะตอบโต้ใดๆ
“ทีนี้รู้หรือยังว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง คุณร้องออกมาซิ! ตะโกนออกมาว่าคุณทรมาน…ผมจะไม่รับฟังอะไรคุณอีกต่อไปแล้ว คุณมันก็แค่เสี้ยวแห่งความผิดพลาดเสี้ยวหนึ่งในชีวิตของผมเท่านั้น!”
ท่อนแขนแกร่งอยากรับร่างบางที่กำลังสั่นเทาเข้ามากอดไว้…อยากบอกว่า เขาเสียใจ…
“คุณทำแบบนี้กับผมทำไม…ฮือ…ทำแบบนี้ทำไม…”
เมื่อเขาลุกขึ้น ร่างบางตัดสินใจหันขวับกลับเข้าบ้าน ไม่หันกลับมามองอีก…
เมฆินก้มหน้า ยังคงยืนกอดอกอยู่ ใจแตกสลาย…
ดวงใจที่ค่อยๆร้าวลงป่นสลายกลายเป็นเถ้าธุลี ส่งผลให้ร่างกายต่อต้านความเจ็บปวแทบไม่ไหว
กระนั้นเมฆินก็ยังคงฝืนยืนทนตามฝน ด้วยความขมขื่นรวดร้าวในใจ
เจ็บจิ๊ดไปทั่วร่างกาย เจ็บ…ที่หัวใจอย่างบรรยายไม่ถูก
ห้วงเวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้…เมฆินยืนตากลมตามฝน อากาศหนาวมาก
ใจที่ท้อแท้ เจ็บปวด สิ้นหวัง ร้าวราน…จู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนว่าฝนหยุดตกแล้ว
เจ้าของร่างสูงเงยหน้า เจอร่างบางยืนค้ำเอาร่มคันเก่าๆกางอยู่เหนือศีรษะ
“คุณมันบ้า! บ้าไปแล้ว!”
พอแตะตัว เมฆินถึงกับทรุดตัวลงหนักไปอีก จนกลายเป็นนั่งหมดท่าอยู่บนพื้น
“หนาว…ผมหนาว”
หนาวกาย…แต่หัวใจ เหมือนความหนาวมันทิ่มแทงทุกห้องหัวใจ ความหนาวเย็นนี้จะกัดกินลึกถึงทุกชิ้นกระดูกในร่างของเขา
ชนินทร์พยุงเมฆินกลับเข้ามาในบ้านอย่างทุลักทุเล ก่อนจะให้เขานั่งลงบนพื้น รีบวิ่งพล่านไปมาเพื่อหยิบผ้าและเครื่องนุ่งห่มบรรเทาความหนาว
“นี่คุณตั้งใจจะยืนอยู่ข้างๆนอกอย่างนั้นจริงๆหรือ?”
ชนินทร์เช็ดตัว ลูบเนื้อลูบตัวให้เขาอย่างเร่งรีบ ไม่มีการตอบรับจากเมฆินนอกจากเสียงฟันกระทบกัน
แววตาพร่ามัว เมฆินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนอนแผ่อยู่บนเตียง…
“หนาว…หนาว…”
ชนินทร์ไม่มีทางเลือก…รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกๆของเขาออกให้หมด เอาผ้าคลุมห่มและกองสุมกันจนคิดว่าชายหนุ่มจะหายหนาวแล้ว
“ดูซิ…หน้าซีดแบบนี้ แถมยังตัวร้อนจัดแบบนี้ด้วย ต้องให้ทำยังไงดี?”
ชนินทร์ถามทั้งๆที่ไม่มีใครตอบ กลางดึกแบบนี้ ชนินทร์ทั้งตกใจระคนกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คุณ…คุณอย่าเป็นอะไรนะ ถ้าคุณเป็นอะไร ผมเอาเรื่องคุณแน่ๆ! อดทนไว้ก่อนนะ”
ตาเริ่มพร่ามัว เหนื่อย...เขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน
เมฆินฟุบหมดสติไปในอ้อมแขนของชนินทร์...
แสงแดดอ่อนยามเช้าทอแสงอบอุ่นลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กระทบยังแพงขนตางอนหนาบนเปลือกตาเรียวของเมฆิน…ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตัว ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น รู้สึกมึนๆพร้อมกับต้อนรับความเจ็บจิ๊ดในหัว ตามเนื้อตัวปวดเมื่อยไปหมด แถมยังไร้เรี่ยวแรงจะขยับกายไปไหน…
ชายหนุ่มมองแสงแดดแรกเช้าอย่างเงียบเชียบ พลางนึกทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
เขาเสียใจมากที่ชนินทร์ตอบรับเขาด้วยการเมินเฉย เวลาที่เขาทำดีกลับโดนดุ เมฆินรู้สึกท้อแท้หมดหนทาง เขาจึงอยากให้ชนินทร์รู้ว่าเขารักและตั้งใจมากแค่ไหน ชายหนุ่มจึงยอมทำทุกวิถีทางแม้จะต้องยืนตากลมฝนหนาวจัดเป็นเวลานานก็ตาม
และไม่รู้ผลจะออกมาเป็นเช่นไร…ตอนนี้เขานอนหมดสภาพ ป่วยเป็นไข้สูงอยู่บนเตียงของชนินทร์
ที่แขนข้างหนึ่งเขาสัมผัสได้ถึงใครบางคนนอนฟุบอยู่ สายตาเหลือบไปเห็น…ร่างบาง ใบหน้าคุ้นตานอนหลับสนิทแน่นิ่งอยู่ข้างกายเขา
เรียวตาปิดสนิท…ภาพซีกหน้าสงบที่เคยถวินหา อยู่ใกล้เขาแค่นี้ เมฆินยิ้ม…สูดกลิ่นกายหอมๆจากชนินทร์จนเต็มปอด
ชนินทร์รู้สึกตัว ผุดตัวขึ้น
“คุณ!”
ร่างบางรีบเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผาก พบว่ายังคงร้อนจัดอยู่เหมือนเดิม
“คุณเป็นยังไงบ้างล่ะ โธ่…นี่ไข้ยังไม่ลดเลย ขนาดเมื่อคืนผมเช็ดตัวให้บ้างแล้ว แล้วก็บังคับให้คุณกินยา…”
“…”
“ทำไมคุณต้องออกไปยืนข้างนอกแบบนั้น ในเมื่อ-“
“ชนินทร์…”
เมฆินจับมือชนินทร์แน่น…ทั้งสองฝ่ายสบตากัน ชนินทร์หยุดชะงัก
“ขอบคุณนะครับ…”
“เอ่อ…ผม ผม…”
“คุณนอนเฝ้าผมทั้งคืนเลยหรือ?”
ชนินทร์ไม่ตอบ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เมฆินยิ้ม
“นี่คุณเป็นห่วงผมเหรอ?...”
ชนินทร์ผลันจะชักมือออก แต่ถูกจับไว้ เขาจึงหลบหน้าหนี
หัวใจของเมฆินเต้นรัวแรง ลิงโลด ดีใจเหมือนกับทะเลทรายที่แห้งแล้ง ได้รับปาฏิหาริย์ทำให้ทุกห้องหัวใจกลับมามีชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
น้ำหล่อเลี้ยงใจราวกับจะหลั่งไหลออกมามากมาย จนเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
“บอกผมมาเถอะ ว่าคุณเป็นห่วงผม…”
ชนินทร์ขมวดคิ้ว ปั้นสีหน้าลำบากใจ
“คุณปล่อยมือผม…ไม่งั้นผมจะไม่ดูแลคุณอีก…”
ชนินทร์เอ่ยเรียบๆ…กระนั้นเมฆินก็ยอมรับ กล่าวดีใจ
“ครับ…แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว ที่แค่คุณแลตามองผมบ้าง…แค่มองผมก็มีความสุขแล้วครับ”
ราวกับโลกทั้งใบสดใส เมฆินกลับมาพร้อมโอกาส ความหวัง…และความสุข
โปรดติดตามตอนต่อไป