A 30
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบนเตียงที่เหมือนมีใครเพิ่งนั่งลงข้างๆตัวผมทำให้เตียงมันยุบลงไป และเมื่อผมลืมตาขึ้นมามองดู ผมก็เห็นว่านัทกำลังนั่งอยู่ข้างๆเตียง และเขาก็กำลังนั่งมองและยิ้มให้ผมอยู่อย่างที่เคยด้วย
“ตื่นแล้วเหรอ.........” เขาทักผมเบาๆ
“อืมมมม” ผมบิดขี้เกียจ “กี่โมงแล้วอ่า”
“แปดโมงกว่าแล้ว เมื่อกี๊แม่นนท์มาบอกว่าแม่เค้าจะออกไปข้างนอกแล้วนะ” เขากัดฟันแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
“อ้าวว เมื่อกี๊แม่มาเหรอ แล้วนี่แม่ไปนานยังอ่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยง่าาาาา” ผมค่อยๆชันตัวขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาเบาๆ
“สักพักนึงแล้วล่ะ น่าจะเกือบๆครึ่งชั่วโมงมั๊ง........ ก็นะ พอนัทได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนัทก็ตื่นแล้วนี่หว่า ไม่เหมือนใครบางคนหรอก” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ
“โหห ไรว้าาา กัดกันแต่เช้าเลยนะ” ผมหลับตาลงและบิดขี้เกียจอีกครั้ง แต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกที ก็พบว่านัทกำลังนั่งจ้องตาผมอยู่แล้ว “หืออ..... อะ อะไร”
ดวงตากลมโตดำขลับเป็นประกายของเขามันทำให้ผมต้องหน้าแดงออกมาเพราะความอายในทันที ความใกล้ชิดระหว่างเราสองคนที่จู่ๆก็เพิ่มมากขึ้นอย่างกะทันหันนี้มันทำให้ผมรู้สึกตั้งตัวไม่ค่อยจะติดอยู่เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงจะยังคงรู้สึกสับสนว่าผมควรจะเลือกที่จะหยุดอยู่ที่เดิมตรงนี้หรือเลือกที่จะเดินไปยังเส้นทางไหนในทันทีเลยดีรึเปล่า ผมก็ยังอดที่จะรู้สึกดีๆปลื้มๆกับความน่าสับสนเล็กๆนี้ไม่ได้จริงๆ
“มองอะไรนักเนี่ย” สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาของเขาไปจนได้
“เปล่า ไม่มีอะไรนี่...... ก็แค่อยากมองหน้าคนหน้าตาเหมือนจะดีที่เพิ่งตื่นนอน”
“ทุเรศมาก” ผมหัวเราะแล้วดันหัวเขาออก ทำให้เขาต้องร้องโอ๊ยออกมาอีกครั้ง
“โอ๊ยยยๆๆๆ!! เจ็บๆๆๆ!” เขาร้อง “นนท์อ่าาา นัทเจ็บนะเนี่ยยย”
“สมน้ำหน้า” ผมลุกขึ้นจากเตียง “งั้นไปอาบน้ำกันเลยมั๊ย จะได้ลงไปกินข้าวกัน ไหนๆก็ตื่นแล้วนี่”
“โอเคคร๊าบ ไปเลยก็ได้ ป่ะ.....” เขายิ้ม “ว่าแต่เมื่อคืนนอนหลับรึเปล่า นัททำนนท์ตื่นมั่งมั๊ยเนี่ย”
“หืออ หลับดิ่ ทำไมเหรอ”
“เปล่า ก็นัทยังเจ็บอยู่ไง เวลาจะนอนพลิกตัวทีหรืออะไรทีมันก็จะเจ็บตลอด แล้วนัทก็หลับๆตื่นๆขึ้นมาร้องโอ๊ยแทบทั้งคืน ก็เลยไม่รู้จะทำนนท์รำคาญรึเปล่าน่ะ”
ผมส่ายหน้า “ไม่เลยย นนท์ได้ยินเสียงนัทร้องแค่ครั้งสองครั้งเอง ก็ที่ตื่นขึ้นมาถามว่าไหวมั๊ยนั่นแหละ นอกนั้นก็หลับสนิท”
“โห นัทจะดีใจรึเสียใจดีวะเนี่ย ขี้เซาชิบบเป๋งงเลย” เขาหัวเราะ
“อ่ะนะ แล้วนัทได้หลับมั่งมั๊ยล่ะ วันนี้ยังเจ็บมากอยู่ป่าว เห็นลุกขึ้นจากเตียงได้เองนี่ก็น่าจะดีขึ้นแล้วมั๊ย”
“ก็ดีขึ้นแหละ แต่กว่าจะลุกไปเปิดประตูคุยกับแม่ของนนท์ได้ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน....... นนท์นี่หลับไม่รู้เรื่องเลยจริงๆใช่มั๊ยเนี่ย”
ผมหัวเราะ “สงสัยจะอย่างนั้นแฮะ”
“เอาเถอะ งั้นเราไปอาบน้ำกันเหอะ ป่ะ นัทเริ่มจะหิวข้าวแล้วด้วยเหมือนกัน” เขายิ้ม
หลังจากนั้นเราสองคนก็ทำธุระในตอนเช้ากันจนเสร็จเรียบร้อย และถึงแม้ว่าการต้องขลุกอยู่แต่ในบ้านมันอาจจะฟังดูน่าเบื่อ แต่เวลาที่ผมอยู่กับนัทนั้น มันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำอะไรกันมากมายนอกจากนั่งๆนอนๆดูทีวี เล่นเกมส์ ฟังเพลง เล่นเน็ต แต่ว่าเวลามันก็ดูเหมือนจะผ่านไปไวมากทีเดียว เพราะเมื่อเรารู้สึกตัวกันอีกที มันก็เป็นเวลากว่าสี่โมงเย็นแล้ว
“ฝนดูเหมือนทำท่าจะตกอีกแล้วแฮะ” นัทเดินไปที่หน้าต่างแล้วพูดขึ้น “ข้างนอกลมแรงมากเลยว่ะ นนท์ ไม่รู้จะพายุเข้าเหมือนเมื่อวันก่อนรึเปล่า”
ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือการ์ตูนที่อ่านอยู่มาพยักหน้าให้กับเขา “ก็เมื่อเช้าที่เราดูทีวีกันไง...... อ๋ออ สงสัยตอนนั้นนัทไปเข้าห้องน้ำมั๊ง ข่าวเค้าบอกว่าเย็นนี้ฝนจะตกน่ะ แล้วก็จะตกไปถึงพรุ่งนี้เลยด้วยมั๊ง”
เขาพยักหน้าเบาๆ “อืมมม นัทไม่ค่อยชอบฝนเลยว่ะ มันเปียกอ่ะ แฉะด้วย”
“อ้าวว ฝนตกมันก็ต้องแฉะเด่ะ บ้าป่าววว” ผมหัวเราะ “แต่นนท์ชอบฝนนะ นนท์ว่ามันเย็นดี รู้สึกสดชื่นดีออก ยิ่งถ้าตอนเช้าๆตื่นมาแล้วฝนกำลังตกนะ โหห ม่ายอยากตื่นเลยยยย”
นัทหันมามองผมแล้วก็หัวเราะ “นัทว่าฝนจะตกรึไม่ตกนนท์ก็ไม่อยากจะตื่นอยู่แล้วม๊างงง”
“ก็เว่อร์เกิ๊นนน” ผมหัวเราะ
“นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ ดูท่าทางว่าฝนจะเริ่มลงเม็ดแล้วล่ะ” นัทหันกลับไปมองยังนอกหน้าต่างอีกครั้ง
“ก็ดีแล้วนี่ จะได้เย็นๆ”
“แล้วถ้าพรุ่งนี้ฝนตกทั้งวันเราจะได้ออกไปข้างนอกกันมั๊ยเนี่ย”
“เฮ้ยย มันคงไม่ตกทั้งวันหรอกน่า พอฝนหยุดแล้วก็ค่อยไปก็ได้ไง”
“แต่มันแฉะอ่า นัทไม่ชอบ”
“งั้นไปวันอาทิตย์ก็ได้นี่ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”
“อืมมม........” นัทเดินกลับมานั่งที่โต๊ะคอมแล้วก็เล่นเกมส์ที่เขาเล่นค้างไว้เมื่อครู่ต่ออีกครั้ง ส่วนผมก็นอนอ่านหนังสือการ์ตูนของผมต่อไปเหมือนเดิม
เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ๆ ท่ามกลางเสียงสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมา ผมก็ได้ยินเสียงแตรรถของแม่ดังแว่วขึ้นมาจากทางหน้าบ้าน ผมจึงผลุดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที
“สงสัยว่าแม่ก็จะกลับมาแล้วมั๊งเนี่ย” ผมพูดขึ้นแล้วก็ลุกออกจากเตียงไปยืนอยู่หน้าประตู “งั้นนัทรอนนท์อยู่ในห้องแป๊บนะ นนท์ของลงไปรับแม่ก่อน เดี๋ยวขึ้นมา”
“อื้มม” เขารับคำ
ผมเดินออกจากห้องแล้วก็ลงไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรอรับแม่ ผมได้ยินเสียงแม่พูดอะไรบางอย่างกับพี่โก๋ที่คงเป็นคนไปรอรับแม่ที่โรงรถสามสี่ประโยค จากนั้นแม่ก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับกระเช้าผลไม้ในมือหนึ่งกระเช้า ผมจึงเดินตรงเข้าไปรับมันมาจากแม่แล้วก็เดินเอาไปวางไว้ที่โต๊ะรับแขกก่อน
“ป้ายวนคะ แก้วรบกวนป้าไปเอาผ้าขนหนูแห้งๆสะอาดๆมาผืนนึงทีนะคะป้า” แม่ผมหันไปพูดกับป้ายวน
“ไผหื้อมาครับ แม่ซื้อมาก๋า” ผมมองดูกระเช้าผลไม้นั้นแล้วก็หันไปถามแม่ “จะว่าไปนา แม่เปียะตวยก๋านิ”
“บ่าได้ซื้อมา มีคนเปิ้นหื้อมา ละแม่ก่อบ่าได้เปียะตวย คนที่เปิ้นหื้อมาเขาเปียะ” แม่ยิ้มให้กับผม จากนั้นก็หันไปทางหน้าประตูบ้าน “เอ้า เข้ามาเถอะลูก ไม่ต้องเกรงใจ เปียกเดี๋ยวก็ค่อยเช็ดเอา ยืนอยู่ข้างนอกอย่างนั้นก็หนาวแย่”
ผมหันไปมองที่ประตูบ้านงงๆว่าแม่กำลังพูดกับใคร และเมื่อคนที่แม่พูดด้วยก้าวเดินพ้นขอบประตูบ้านมาให้ผมเห็น ผมก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงออกมาทันที
“เฮ้ยย ไอ้โจ!”
“แต่ว่าบ้านมันจะเปียกนะครับ” เขาพูดกับแม่ของผม
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เปียกเดี๋ยวก็เช็ดได้ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“นี่ค่ะ ผ้าขนหนู” ป้ายวนเดินกลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งในมือ
“เอาไปให้น้องเค้าเลยค่ะป้า” แม่ผมบอกป้ายวน จากนั้นแม่ก็หันมาหาผมอีกครั้ง “แม่เจอเพื่อนเรากำลังเดินอยู่แถวๆกลางซอยพอดีน่ะ ก็เลยรับขึ้นมาด้วยกันซะเลย ตอนแรกแม่ก็ยังคิดอยู่เลยว่าใช่รึเปล่านะ แต่พอขับรถเข้าไปใกล้ๆก็ใช่จริงๆซะด้วย”
ผมหันไปมองโจด้วยสายตาที่เป็นคำถาม แต่เขาก็กำลังยืนเช็ดหน้าเช็ดผมอยู่โดยไม่ยอมสบตากับผมเลยตั้งแต่แรกแล้ว
“โชคยังดีนะที่เปียกไม่มาก แต่แม่ว่าเราไปเอาเสื้อผ้าแห้งๆมาให้เพื่อนใส่ก่อนจะดีกว่า นนท์” แม่บอกผม จากนั้นก็หันไปหาโจแล้วยิ้ม “เดี๋ยวจะเป็นหวัดแล้วต้องพาไปฉีดยาอีกรอบ”
โจยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาถึงที่บ้านของผม และยังเป็นรอยยิ้มแบบเขินๆที่ผมไม่ค่อยจะได้เห็นเท่าไหร่นักด้วย
“งั้นมึงตามกูมานี่แล้วกัน โจ” ผมพูด จากนั้นก็เดินนำเขาไปยังห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง และเขาก็เดินตามผมมายังห้องน้ำแต่โดยดี ผมเขยิบให้เขาเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างใน และบอกเขาว่าเดี๋ยวผมจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้ามาให้เขา ซึ่งเขาก็ยังคงไม่ยอมพูดอะไรกับผมแม้สักคำเดียวอยู่ดี
แต่เมื่อผมเดินออกจากห้องน้ำและตรงไปที่บันได ผมก็เพิ่งจะรู้สึกถึงปัญหาที่กำลังจะตามมาทันที....... แล้วนี่ผมจะบอกนัทว่ายังไงดีล่ะเนี่ย
“แม่กลับมาแล้วใช่ป่าวนนท์” นัทถามผมหลังจากที่ผมเดินเข้าไปในห้อง
“อะ อืมม” ผมพยักหน้า
“งั้นนัทลงไปไหว้แม่ก่อนดีกว่ามั๊ง” เขาทำท่าจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
“เดี๋ยวๆ ไม่เป็นไรหรอกนัท” ผมรีบห้ามเขา “แม่คงกำลังยุ่งๆอยู่น่ะ เพิ่งกลับมาถึงนี่นะ เพราะงั้นนัทรอนนท์อยู่นี่ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวตอนจะกินข้าวค่อยลงไปทีเดียวก็ได้”
“อืมมม” เขารับคำเบาๆ “ว่าแต่แล้วนนท์จะเปิดตู้เสื้อผ้าทำไมอ่ะ”
“อ๋อ ก็เปล่า ไม่มีอะไรหรอก........” ผมรู้สึกแย่จริงๆเลยให้ตายเถอะ นี่ผมจะทำยังไงต่อไปดีนะ แล้วนี่โจเค้ามาทำบ้าอะไรที่บ้านของผมกันแน่ เขารู้รึเปล่านะว่านัทเองก็อยู่ที่นี่ในตอนนี้ด้วยเหมือนกัน แล้วแบบนี้ผมจะยังต้องรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับเขาที่ว่าจะไม่บอกใครเรื่องที่เขาเคยมาที่นี่อยู่รึเปล่าเนี่ย
“......นนท์ นนท์!”
“หะ หา” ผมหันไปหานัท
“เมื่อกี๊นัทเรียกนนท์ตั้งหลายหนนะ มัวเหม่ออะไรอยู่เนี่ย” เขานิ่วหน้า
“อ๋อ เปล่าหรอก โทษทีนะ” ผมหยิบเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่งจากนั้นก็ปิดประตูตู้ลง “งั้นเดี๋ยวนนท์กลับมาก็แล้วกัน รออยู่บนห้องแป๊บนึงนะ”
“อืมมม” นัทพยักหน้าเบาๆ การที่เขาเป็นคนไม่ชอบวุ่นวายและถามอะไรมากมายนี้ก็เป็นข้อดีอีกข้อหนึ่งของเขาเหมือนกัน
ผมเดินกลับลงมาที่ชั้นล่าง แต่ตอนที่ผมเดินลงบันไดมา ผมจะต้องผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นข้างนอกบ้าน และแน่นอนว่าพายุฝนที่เพิ่งจะเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อครู่นี้นั้นก็ยังคงพัดโหมกระหน่ำอยู่อย่างไม่มีวี่แววว่าจะสงบลงง่ายๆ สายฝนเม็ดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนที่ตกกระทบลงบนหน้าต่างนั้นมันทำให้ผมนึกถึงวันแรกที่ผมพาโจมายังบ้านหลังนี้ เขาก็ยังคงเป็นเขาคนเดิมที่มาพร้อมกับพายุฝน เป็นเหมือนดั่งพายุที่พัดมายังบ้านของผมอย่างกะทันหัน และไม่รู้ว่าในคราวนี้ เขาหรือพายุลูกนี้นั้น จะจากไปไวโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนเลยเหมือนกับเมื่อคราวที่แล้วอีกหรือไม่.........
“โจ กูเอาเสื้อผ้ามาให้แล้ว เปิดประตูที” ผมเคาะลงบนประตูห้องน้ำเบาๆสองสามครั้ง จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก และภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ผมต้องชะงักลงไปในทันที
“อะไร” เขาถามขึ้น
“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมละสายตาออกจากร่างกายอันเปลือยเปล่าที่เหลือเพียงกางเกงในสีขาวที่เปียกชื้นอยู่เพียงตัวเดียว จากนั้นก็ยื่นเสื้อผ้าให้แก่เขา “เอ้านี่ชุด รีบๆเปลี่ยนซะ”
เขารับเสื้อผ้าไปจากมือของผมแล้วก็ยืนมองมันอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่มีกางเกงในหรือบ็อกเซอร์เหรอวะ”
“อ้าว กูไม่รู้นี่ว่ามึงเปียกไปถึงกางเกงในด้วยแบบนี้..... แบบนั้น”
“ช่างเหอะ” เขายักไหล่ จากนั้นก็ก้มลงถอดกางเกงในของตัวเองออกต่อหน้าผมเลย “กูไม่ใส่ก็ได้”
ผมรู้สึกว่าผมหน้าแดงและร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ผมจึงทำเป็นหันไปมองทางอื่นที่ปลอดภัยกว่ามองไอ้สิ่งที่ผมเพิ่งเห็นไปแว้บๆเมื่อครู่นี้
“แล้วนี่มึงมาทำอะไรวะ โจ และที่สำคัญมึงมาบ้านกูถูกได้ไงวะเนี่ย” ผมถามเขาทั้งๆที่มองไปยังผนังห้องน้ำ
“กูเอาของมาขอบคุณแม่มึงที่ช่วยเหลือกูคราวก่อน” เขาตอบ
ผมเหลือบมองเขาด้วยหางตาก็เห็นว่าเขาใส่เสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังคงไม่ได้ใส่กางเกงที่ผมเตรียมไว้ให้อยู่ดี.......
คนบ้าอะไรวะใส่เสื้อก่อนใส่กางเกง
“แล้ว..... แล้ว........” ผมติดอ่างขึ้นมาซะเฉยๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไรยังไงต่อไปอีกดี
“อะไร” เขาถาม
“เปล่า คือ คือว่า........”
ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอเบาๆจึงเหลือบไปเห็นว่าเขากำลังสวมกางเกงขึ้นมาพอดี
“มึงหมายถึงเรื่องไอ้นัทใช่มั๊ย”
“มึงรู้เหรอว่านัทอยู่ที่นี่น่ะ” ผมหันไปหาเขา
“กูเห็นพวกมึงนั่งรอรถพี่โก๋อยู่ที่หน้าหอเมื่อวานนี้”
“แล้วถ้างั้นทำไมมึงถึง..... กูหมายถึงว่า ถ้างั้นมึงจะให้กูจะบอกนัทว่าไงล่ะทีนี้อ่ะ ไอ้โจ จู่ๆมึงมาบ้านกูแบบนี้ก็แปลว่ามึงต้องเคยมาแล้วอย่างน้อยก็รอบนึง และคราวนี้นัทก็จะต้องรู้ว่ามึงเคยมาที่นี่ แล้วที่มึงเคยบอกกว่ามึงไม่อยากให้ใครรู้ก็........”
“มึงหมายความว่าไงกันแน่วะ ไอ้นนท์”
“หาาาา ‘กู’ เนี่ยนะ ‘หมายความว่ายังไง’ อ่ะนะ นี่มึงจะบ้าเหรอออ” ผมขึ้นเสียงเล็กน้อย “มึงนั่นแหละที่หมายความว่ายังไง ไอ้โจ เพราะมึงเป็นคนไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องเมื่อครั้งก่อน มึงก็เลยขอกูไม่ให้กูบอกใครไม่ใช่เหรอ แล้วจู่ๆมึงมาที่นี่นัทก็ต้องรู้อ่ะดิ่ แล้วมึงจะไม่เป็นไรรึไงถ้าเกิดว่านัทเค้ารู้อ่ะ”
เขามองหน้าผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย “มึงนี่น้า........”
“กูทำไม” ผมสงสัย
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” เขาเดินเข้ามาวางมือลงบนหัวของผม “เดี๋ยวกูจัดการเอง”
“หะ หา” ผมมองเขาด้วยความสงสัย
“ไปเถอะ มึงพากูไปหาอะไรกินในครัวที จากนั้นมึงค่อยกลับขึ้นไปหาไอ้นัทมัน” เขาเดินตรงไปที่ประตูห้องน้ำ
“หาาา หาอะไรกินในครัวเนี่ยนะ แล้วมึงจะกินอะไร”
“นั่นน่ะสิ.......” เขาหยุดมือที่กำลังจะเปิดประตูออกลง จากนั้นก็หันกลับมาหาผมอีกครั้ง “ก่อนอื่นมึงตอบอะไรกูที กูมีเรื่องอยากถามมึงสองอย่าง และกูก็ต้องการคำตอบจริงๆจากมึงด้วย”
“อะไรวะ” ผมถามกลับ
“ข้อแรกคือ มึงคิดยังไงที่กูมาบ้านมึงวันนี้”
“ก็ตกใจอ่ะดิ่ ไอ้บ้า ถามได้ จู่ๆมึงก็โผล่มาอ่ะ ใครมันจะไม่ตกใจวะ”
“แค่นั้น” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เออ ก็แค่นั้นแหละ”
“ไม่โกรธรึไม่พอใจกูอีกแล้วเรอะไง”
“ไม่อ่ะ” ผมส่ายหัว “ถ้าเป็นแต่ก่อนกูก็อาจจะไม่ค่อยพอใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้ไม่แล้วว่ะ กูคงจะชินแล้วล่ะมั๊ง แล้วอีกอย่างกูก็บอกมึงไปแล้วไงว่ากูขอโทษ ตอนนั้นกูมันงี่เง่าเองแหละ”
“งั้นเหรอ” เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาทำสีหน้าแบบเดิมๆของเขาอีกครั้ง “งั้นกูขอถามอีกอย่าง..........”
“อะไรวะ”
เขาทำท่าเหมือนนึกอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา “ตอนที่มึงอยู่กับกู มึงเบื่อรึเปล่า”
“เฮ้ยย ไอ้บ้า ไม่หรอก ทำไมถามงั้นวะ” ผมหัวเราะเบาๆ “อยู่กะมึงก็สนุกดีออก แปลกไปอีกอย่างดี ก็เพราะว่ามึงมันออกจะแปลกคนนี่หว่า แถม........ ใครจะไปรู้ว่าคนอย่างมึงก็กลัวเข็มฉีดยากับเขาเป็นด้วย”
“ไอ้เหี้ย!” คราวนี้เขายิ้มกว้างและหัวเราะออกมาแบบที่ผมไม่ค่อยจะได้เห็นจริงๆอีกครั้ง
“นั่นไง ยิ้มแบบนั้นหัวเราะแบบนั้นมึงก็ทำได้นี่หว่า จะได้ไม่เมื่อยหน้ามากนักไง ถามจริง มึงไม่เมื่อยหน้ามั่งเหรอวะ ไอ้โจ ปกติเห็นเอาแต่ทำหน้าบึ้งอย่างนั้นอยู่ได้น่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดมากเลย” เขาหันกลับไปเปิดประตูห้องน้ำออก จากนั้นก็หันมาหาผมอีกครั้ง “ไปเร็ว กูขอไมโลหรือโอวัลตินอุ่นๆสักถ้วย จากนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที”
..........................................................
หื้อ = ให้
เปียะ = เปียก