b43
ตี๋เล็ก
“รอเดี๋ยว ยิ่ว เดี๋ยวม๊ามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยนะ” แม่พูดพร้อมกับยื่นผ้าขนหนูมาให้ผม
“เรื่องอะไรเหรอครับ.....” ผมถามทั้งๆที่ก็พอจะรู้อยู่แล้วว่ามันน่าจะเป็นเรื่องอะไร และที่สำคัญ ผมเองก็รู้สึกลัวอยู่แล้วด้วยเหมือนกันว่าวันนี้มันจะต้องมาถึง
“อืมมมม” แม่ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เอางี้ รอให้ป๊อปมันออกจากห้องน้ำและยิ่วเองก็อาบน้ำแต่งตัวอะไรให้เรียบร้อยก่อนเถอะ แล้วเราค่อยว่ากัน เอ้าไปๆๆ ไปเช็ดตัวให้แห้งๆ แล้วขึ้นไปอาบน้ำข้างบนซะ เดี๋ยวหวัดจะกินเอาซะเปล่าๆ”
เป็นเวลาหลายวัน เกือบเดือน ที่ไอ้ป๊อปกับผมไม่ได้คุยกันเลยนับตั้งแต่วันที่มันรู้ความจริงว่าผมคิดยังไงกับมันในวันนั้น แต่สำหรับผมแล้ว วันแต่ละวันนั้นมันยาวนานนับเดือนหรือแรมปีเลยทีเดียว ความทรมานที่ได้อยู่ใกล้ๆกับมัน แต่ที่จริงแล้วเรากลับห่างไกลกันยิ่งกว่าสิ่งไหนนั้นคอยเฝ้าแต่ทำร้ายและทำลายความหวังที่จะได้กลับมาเป็นเพื่อนกับมันอีกครั้งลงทุกๆวันทุกๆวินาที
ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับมัน ทำไมมันถึงได้ไปเดินตากฝนอยู่แบบนั้นได้ นี่ถ้าผมกับป๊าและม๊าไม่ได้ออกไปกินข้าวข้างนอกบ้านกันและกลับมาเวลานั้นพอดี ผมก็คงจะไม่ได้เจอมัน และมันก็คงจะอยู่ในสภาพไหนไปแล้วก็ไม่รู้
หลังจากที่ผมวิ่งตามมันไปจนทัน เราสองคนก็นั่งกอดกันและร้องไห้อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเดินกลับมาที่รถ ป๊ากับม๊าก็ถามคำถามเดียวกันว่าทำไมมันถึงมาเดินตากฝนอยู่อย่างนั้นได้ แต่เมื่อไอ้ป๊อปยังไม่ยอมตอบและทั้งสองคนเห็นสภาพของมันแล้ว พวกเขาก็หยุดถามและขับรถพาเรากลับเข้าบ้านอย่างเงียบๆ
ทั้งผมและพ่อกับแม่ต่างก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันและก็เป็นห่วงมันมาก แต่ก็เทียบกับอาม่าเมื่ออาม่าเห็นสภาพของผมกับไอ้ป๊อปไม่ได้เลย เพราะไอ้ป๊อปมันเป็นหลานรักคนโปรดของอาม่าเค้าอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงโดนไล่ให้รีบไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรก ส่วนผมก็โดนแม่เรียกให้อยู่คุยด้วยแป๊บนึงก่อนเมื่อครู่นี้ แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าผมจะมีเวลาได้หายใจและเตรียมตัวเตรียมคำตอบเหมาะๆเพิ่มอีกสักหน่อยแล้วล่ะนะ
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ผมก็เดินกลับเข้าไปในห้องและเห็นว่าไอ้ป๊อปมันนั่งรอผมอยู่ที่เตียงอยู่แล้ว ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนและทำตัวไม่ถูกนิดหน่อยกับสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะผมก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร และพอผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี๊ที่ผมเพิ่งบอกรักมันไปอีกครั้ง ผมก็รู้สึกเขินขึ้นทันที
“คืนนี้กูนอนกับมึงนะ ยิ่ว” จู่ๆไอ้ป๊อปก็พูดขึ้น
“ห.... หา อะ เอออ มันก็ต้องอย่างนั้นแหงอยู่แล้วอะว่ะ เอ๊ยย ไม่ กูหมายถึง นอนกะกูก็ดีแล้ว เอ๊ยยย คือแบบ.... เออ มึงนอนที่นี่ได้เสมอแหละ ไอ้ป๊อป จนกว่ามึงจะสบายใจอะ คืออ.....” ผมชักเริ่มรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่เลือกหาคำพูดมาใช้ไม่ถูกสักที
ไอ้ป๊อปยิ้มน้อยๆให้กับผม แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มที่ดูเหนื่อยๆซะมากกว่า “มึงมาหากูนี่ดิ๊ มา”
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆมันบนเตียง
“เข้ามาใกล้ๆหน่อยดิว่ะ เป็นเหี้ยอะไร นั่งซะห่างเลย มานี่” มันตบลงบนเตียงตรงหน้ามัน ผมจึงเขยิบเข้าไปนั่งตรงที่มันบอก และแล้วจู่ๆ มันก็รวบแขนทั้งสองข้างโอบรอบตัวผมเอาไว้ “.......กูขอโทษนะ ไอ้ยิ่ว ที่กูทำตัวงี่เง่ากับมึงมาตั้งนานอะ”
ผมตัวเกร็งขึ้นทันที “อะ.... เอออๆ ช่างมันเหอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วว่ะ..... แต่ตอนนี้กูเป็นห่วงมึงมากกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับมึงนะ ไอ้ป๊อป” ผมจับมือของมันแล้วคลายวงแขนของมันออกช้าๆ จากนั้นก็หันไปมองหน้าของมันแบบชัดๆ “มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมึงถึงมีแผลที่หน้าแบบนั้น แล้วยังรอยช้ำที่ข้อมือมึงนั่นอีก”
“กู........”
“ยิ่ว ป๊อป อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ยลูก” เสียงของแม่ดังขึ้นที่หน้าห้องของผม
“ครับ เสร็จแล้วครับ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวลงไปข้างล่างด้วยนะ ม๊ากะป๊ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยน่ะ”
“ครับ” ผมรับคำ จากนั้นก็หันกลับไปหาไอ้ป๊อปอีกครั้ง “.....มึงโอเคนะ”
มันนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าออกมาเบาๆ “ไปกันเหอะ”
ที่ห้องนั่งเล่น พ่อกับแม่ต่างก็นั่งรอเราอยู่ก่อนแล้ว ส่วนอาม่านั้นเข้านอนไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งผมว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าหากว่าเรื่องที่พ่อกับแม่อยากจะคุยกับเราสองคนนั้นเป็นเรื่องที่ผมคิดเอาไว้จริงๆแล้วล่ะก็ ผมก็อยากจะคุยกับแค่พ่อและแม่สองคนเท่านี้จะดีกว่า
“มานี่ ป๊อป แม่จะทายาให้” แม่กวักมือเรียกไอ้ป๊อปให้เดินเข้าไปหา ผมก็เพิ่งจะสังเกตเหมือนกันว่าแม่หยิบกล่องยาออกมาวางรอเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว
“พอกับแม่จะไม่บังคับหรอกนะ ป๊อป แต่ถ้าเป็นไปได้ พ่อก็อยากให้ลูกเล่าให้เราสองคนฟังนะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่เรามีปัญหากับเพื่อน กับนักเลงในซอย หรือว่า.......”
“เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น......” ไอ้ป๊อปตอบ ก่อนจะซี๊ดปากเบาๆและเผลอทำหน้าเหยเกออกมาเมื่อแม่เอานิ้วแตะลงบนมุมปากของมัน
“เจ็บใช่มั๊ยล่ะ ทนเอาหน่อยแล้วกัน” แม่พูด
“ยิ่วรู้เรื่องนี้อยู่แล้วด้วยรึเปล่า” พ่อหันมาถามผม
“ไม่ครับ ยิ่วก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ยิ่วยังไม่ได้คุยกับมันเรื่องนี้เลย”
“เอ้า เสร็จแล้ว”
“ขอบคุณฮะ แม่”
“คราวนี้ก็เล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้แล้วว่าตกลงเราไปทำอะไรอีท่าไหน ถึงได้ได้แผลนี้มาได้ ฮึ”
“คือ.......” ไอ้ป๊อปดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “ผมทะเลาะกับไอ้.... เอ่ออ ผมทะเลาะกับพี่วุฒิมาน่ะครับ”
“แล้วถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนี้เลยเหรอ” แม่ตกใจ
ผมเห็นไอ้ป๊อปกำหมัดแน่น จากนั้นมันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกเราทั้งสามคนฟัง ถึงไม่ได้เล่าอย่างละเอียดมากนัก แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมทั้งรู้สึกโกรธและขยะแขยงญาติผู้พี่ของมันคนนี้แบบสุดๆ และแน่นอนว่าทั้งแม่กับพ่อของผมต่างก็ตกใจและรู้สึกโกรธมากไม่แพ้กันเลยด้วย
“แล้วบอกลุงชาญรึยัง” แม่ถาม “ตายแล้วๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย ไม่ได้แล้วนะ ป๊อปต้องบอกพ่อแม่แล้วก็ลุงชาญด้วยนะลูก”
“ไม่ครับ ป๊อปยังไม่ได้บอกใคร แล้วป๊อปก็ไม่อยากบอกด้วย......”
“ทำไมล่ะ! เรื่องนี้เราจะปล่อยผ่านไปเฉยๆไม่ได้นะ ป๊อป” แม่ผมท้วง “ขืนปล่อยไว้แบบนี้ แล้วคราวหลังมันมาทำอะไรเราอีกล่ะ จะทำยังไง แล้วพ่อแม่เราล่ะ เค้าจะเป็นห่วงเราขนาดไหน”
“เรื่องนั้น......” ไอ้ป๊อปก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจ
“ยิ่วว่าถ้าเราบอกพ่อกะแม่ไอ้ป๊อปมัน พวกเค้าจะยิ่งเป็นห่วงมันมากกว่าเดิมอีกรึเปล่าครับ ม๊า” ผมพูดขึ้น
“แต่พ่อว่าพ่อคงต้องคุยกับลุงชาญสักหน่อยแล้วล่ะ คงต้องบอกเค้าให้รู้แล้วว่าลูกชายของตัวเองมีพฤติกรรมมีนิสัยแบบนี้”
“ไม่เอาอะครับ พ่อ ไม่ต้องหรอกครับ ป๊อปไม่เป็นไรจริงๆ” ไอ้ป๊อปห้าม “บอกไปเดี๋ยวก็มีแต่เรื่องมากขึ้นอีก แล้วถ้าเกิดลุงชาญเค้าไม่เชื่อ ป๊อปจะทำยังไง และถ้าเกิดว่าไอ้วุ..... ถ้าเกิดพี่วุฒิมันรู้ว่าป๊อปเอาเรื่องนี้ไปบอกใครล่ะก็......” เสียงของไอ้ป๊อปค่อยๆจางหายไปพร้อมกับน้ำหยดใสๆหยดเล็กๆที่ไหลออกมาจากหางตา
ผมรู้สึกหัวใจของผมมันบิดตัวจนรู้สึกเจ็บหน้าอกไปหมดทีเดียว น้อยครั้งนักจริงๆที่ผมจะเห็นไอ้ป๊อปเป็นแบบนี้ และยิ่งน้อยครั้งมากไปใหญ่ที่ผมจะได้เห็นมันร้องไห้ ผมรู้สึกทนไม่ได้จริงๆ
“เอาเถอะๆ พ่อว่าป๊อปไปนอนพักผ่อนก่อนเถอะ ไป เรื่องนี้เดี๋ยวพ่อกับแม่จะขอคุยกันดูอีกที ยังไงช่วงนี้ก็อยู่ที่นี่ อยู่ที่หอ นอนกับยิ่วไปก่อน ยังไม่ต้องกลับบ้าน เข้าใจรึเปล่า”
“ครับ แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน......”
“งั้นไปนอนพักผ่อนได้แล้วไป แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยว่ากันว่าจะเอายังไง” แม่บอกพวกเราสองคนพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เราไปได้ “แล้วคราวนี้ก็ดูแลป๊อปให้ดีๆด้วยล่ะ ยิ่ว”
ผมพยักหน้าให้กับแม่เบาๆ รู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่เรื่องที่พ่อกับแม่คุยกับผมมีแค่เรื่องของไอ้ป๊อปเพียงอย่างเดียว จากนั้นก็เดินกลับขึ้นห้องไปพร้อมกับไอ้ป๊อป และเมื่อเราอยู่กันสองคนตามลำพังในห้องแล้ว ความเงียบที่น่าอึดอัดก็เข้ามาปกคลุมเราทั้งคู่ทันที
“เอ่ออ นี่ ไอ้ป๊อป เรื่องไอ้วุฒิอะ คือ......” ผมเริ่ม
“มันเข้าใจว่ากูกะมึงเป็นแฟนกัน” จู่ๆมันก็พูดขึ้น
“หะ ห๊าาา”
“มันคิดว่ากูกะมึงเป็นแฟนกัน มันถึงได้จะทำแบบนั้นกับกูไง แต่กูบอกพ่อกับแม่มึงเรื่องนี้ไม่ได้หรอก......”
พอได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นทันที นี่ผมเป็นต้นเหตุให้มันต้องเกิดปัญหาอีกแล้วเหรอเนี่ย นี่ถ้าผมไม่สนิทกับมันมากถึงขนาดนั้น พี่วุฒิก็คงจะไม่เข้าใจผิด และไม่คิดที่จะทำแบบนั้นกับไอ้ป๊อปอย่างนั้นสินะ
“กู..... กูขอโทษว่ะ ไอ้ป๊อป”
มันหันมามองหน้าผมแล้วทำหน้างงๆ “ขอโทษเรื่องอะไรของมึง”
“ก็ที่กูเป็นต้นเหตุให้มึงต้องโดนมันทำแบบนั้น.......”
“เฮ้อออ ไอ้ยิ่ว.......” มันถอนหายใจเบาๆก่อนจะเงียบลงไปครู่หนึ่ง “นอนเหอะว่ะ กูรู้สึกเหมือนไม่ค่อยจะสบายแล้วด้วยอะ รู้สึเพลียๆชอบกล เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคุยแล้วกัน”
“แต่มึงยังไม่ได้กินข้าวเลยนะเว้ย”
“ไม่อะ กูไม่หิว ช่างเหอะ มึงปิดไฟที กูอยากนอนแล้ว” เมื่อพูดจบมันก็ล้มตัวลงนอนเลยทันที
ผมทำตามที่มันบอกแล้วเดินไปนอนลงบนเตียงข้างๆมัน มันเป็นความรู้สึกแปลกๆนะ ที่เมื่อวานนี้ผมยังนอนคนเดียวและรู้สึกเหงาเพราะความคิดถึงมันแทบตายอยู่เลย แต่พอมาในคืนนี้ จู่ๆผมก็ได้มานอนอยู่กับมัน แต่บอกตรงๆว่าผมก็ยังกังวลอยู่เหมือนเดิมแหละว่าผมควรจะทำตัวยังไง ไม่ให้มันไม่สบายใจและรังเกียจผมอีก ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะใกล้ชิดมันได้ถึงแค่ไหนผมถึงจะไม่สูญเสียมันไปอีกครั้ง.....
ผมนอนลืมตาและคิดถึงแต่เรื่องของผมกับมันอยู่แบบนั้นอีกนาน นานจนผมคิดว่ามันก็คงจะหลับไปเรียบร้อยแล้ว ผมพลิกตัวไปหยิบมือถือมาดูเวลาก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าของวันใหม่แล้ว นี่ผมนอนคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวแบบนี้ถึงสองชั่วโมงเชียวเหรอเนี่ย
“นี่ตกลงมึงจะนอนห่างกะกูแบบนี้ไปทั้งคืนเลยเหรอวะ” จู่ๆไอ้ป๊อปก็พูดขึ้น ทำเอาผมเผลอสะดุ้งออกมาเบาๆ
“มึง...... มึงยังไม่หลับอีกเหรอวะ”
“กูจะหลับลงไปได้ยังไงวะ......”
“มึงยังคิดมากเรื่องไอ้พี่วุฒิอยู่อีกเหรอ”
มันเงียบไปพักหนึ่ง “.......ก็นิดหน่อยอะว่ะ พอกูหลับตาลง กูก็ยังเห็นภาพที่มันมาทำแบบนั้นกับกู แล้วกูก็คิดด้วยว่าหลังจากนี้เวลากูเจอหน้ามัน มันจะทำเหี้ยอะไรกับกูอีก แต่เอาจริงๆกูก็ไม่ได้คิดเรื่องแม่งมากเท่าไหร่แล้วอะว่ะ กูรู้สึกปล่อยๆแม่งไปและ อะไรจะเกิดก็ให้แม่งเกิดเหอะ เพราะพอกูมาอยู่กับมึงตรงนี้ กูก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะแล้ว แต่ว่าแม่งงง........”
“อะไรวะ”
“มึงเสือกทำเหมือนไม่สนใจกูเลยนี่ดิ กูงอนนะเว้ย”
“เฮ้ยย ไม่สนใจเหี้ยอะไร ทำไมมึงพูดงั้นเล่า”
“ก็ดูดิ มึงนอนห่างกะกูขนาดไหน ปกติมึงเคยทำตัวห่างเหินกูขนาดนี้เหรอวะ”
“กูไม่ได้คิดอย่างนั้นนะเว้ย กูแค่..... กู......” ผมพูดไม่ออก นี่มันไม่รู้เลยหรือไงนะว่าผมจะรู้สึกยังไง
“กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอะ ไอ้ยิ่ว” มันพูดขึ้น “กูบอกแล้วไงว่ากูขอโทษที่ทำแบบนั้นกับมึง กูไม่อยากจะเป็นแบบนั้นอีกแล้ว มึงกับกู....... เรากลับมาเหมือนเดิมกันเหอะว่ะ กู.... กูคิดถึงมึงอะ”
ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังจะร้องไห้ทันที “แต่กู..... กูชอบมึงนะเว้ย ไอ้ป๊อป กูรู้มึงไม่ได้คิดอะไรกับกู แต่ถ้ากูกลับไปสนิทสนมกับมึงอีก กูก็กลัวว่ากูจะตัดใจไม่ได้ แล้วก็ทำให้มึงคิดมากอีก.......”
“มึงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ยิ่ว........” มันพูดแล้วก็เว้นช่วงไปพักหนึ่ง “กูจะไม่มีทางทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว เชื่อกูดิ”
“ไม่ มึงไม่เข้าใจ ไอ้ป๊อป” ผมชันตัวลุกขึ้นนั่ง “กูไม่ได้หมายถึงมึง แต่กูหมายถึงกูเอง กูบอกไปแล้วไงว่ากูชอบมึง กูรักมึง และไม่ได้รักแบบเพื่อนด้วย มึงอาจจะไม่ได้คิดกับกูแบบนั้น แต่กูคงไม่มีทางที่จะเลิกคิดแบบนั้นกับมึงได้ ยิ่งกูอยู่ใกล้มึง ยิ่งมึงทำดีกับกู กูก็ยิ่งรักมึง แล้วแบบนี้มึงจะให้กูทำยังไง!” ผมจบประโยคด้วยเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาหยดเล็กๆที่ไหลลงมาบนแก้ม
ไอ้ป๊อปลุกขึ้นนั่งตามผม จากนั้นมันก็วางมือลงบนแขนของผม “กูบอกแล้วไง ว่ามึงไม่ต้องคิดกังวลเรื่องนั้นแล้วอะ มึงจะเลิกรักกูทำไมวะ กูไม่ได้อยากได้แบบนั้นสักหน่อย.......” ผมหันไปมองหน้ามันอย่างงงๆ และตอนนั้นเอง ที่มันชะโงกหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเบาๆอย่างรวดเร็ว “กูรักมึงอะ ไอ้ยิ่ว ตอนนี้กูคิดว่ากูรู้แล้วว่ากูขาดมึงไปไม่ได้”
ผมรู้สึกเขินจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด นี่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะพูดแบบนั้นกับผม และผมก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าเมื่อกี๊มันจะหอมแก้มผมจริงๆ อย่าบอกนะว่ามัน.......
“นอนเหอะว่ะ ไว้ค่อยคุยกันตอนเช้าแล้วกัน กูรู้สึกเพลียๆชอบกล” มันล้มตัวลงนอนอีกครั้ง “แล้วก็มากอดกูด้วย กูหนาว”
ผมอดยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ นี่ผมฝันไปรึเปล่า นี่มันเป็นความจริงจริงๆน่ะเหรอ ที่ผมจะสามารถมีความสุขได้ถึงขนาดนี้
“มึงตัวร้อนๆนะ.....” ผมพูดขึ้นหลังจากที่โอบแขนรอบตัวมันไว้แล้ว
“ก็หนุ่มฮ็อทอะนะ ช่วยไม่ได้จริงๆว่ะ”
ผมยิ้มน้อยๆแล้วกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นอีก หลังจากนั้นไม่นาน ผมถึงได้หลับลงไปพร้อมกับความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้าไปถึงหัวใจ.....