A 53
“เออ อีกไม่นานก็จะถึงงานแข่งโฟล์คซองแล้วนี่หว่า” ตี๋เล็กพูดขึ้นในเช้าวันถัดมาที่โรงอาหาร “พวกมึงพร้อมยังวะ ไอ้เคน ไอ้ยุ”
“เอาจริงๆคือพวกกูก็ยังไม่ได้เริ่มซ้อมกันแบบจริงๆจังๆเลยว่ะ แม่งงงงง” วายุส่ายหน้าเบาๆ “ก็ได้แค่เล่นๆร้องๆซ้อมกันไปเรื่อยๆที่ชมรมเนี่ยแหละ”
“แต่พวกกูคุยกันว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปพวกกูจะเริ่มจริงๆจังๆสักทีแล้วว่ะ ไม่งั้นมีหวังไม่ทันแหงๆ” เคนพูดเสริม
“แต่มันก็โชคดีอย่างไง ที่พวกกูอยู่ชมรมดนตรีกันอ่ะ ก็เลยได้ตารางดีกว่าเด็กคนอื่นๆหน่อย ไม่ต้องไปเช่าห้องซ้อมกันข้างนอกเองด้วย.........” วายุพูดต่อจากเคน แต่แล้วเขาก็เงียบลงไปครู่หนึ่งเมื่อเขาหันมาเห็นสีหน้าของผม “อะไรมึง ไอ้นนท์ ดูทำหน้าเข้า”
“คือกูไม่รู้เรื่องเลยว่ะ นี่คือพวกมึงกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่อ่ะวะ” ผมตอบ และนั่นก็ทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมๆกันทันที
“คือทุกๆปีเวลาราวๆประมาณปลายเดือนหน้าอ่ะ โรงเรียนเราเค้าจะจัดการแข่งขันโฟล์คซองขึ้น” นัทอธิบายให้ผมฟัง “ส่วนไอ้สองคนนี้มันก็อยู่ชมรมดนตรีด้วยไง แล้วมันก็จะลงแข่งด้วย”
“ไอ้ยุมันเล่นกีตาร์ ส่วนไอ้เคนแม่งเล่นได้หมดอ่ะ ทั้งกีตาร์ เบส แล้วก็เปียโน” ป๊อปพูดต่อ จากนั้นเขาก็หันไปหาเคน “แต่คราวนี้มึงเล่นเบสใช่ป่าววะ ไอ้เคน”
“อืออ” เคนพยักหน้าเบาๆ
“แล้วจากนั้นวงที่ชนะของฝั่งมอต้นกับมอปลายอ่ะ ก็จะได้ไปเล่นในงานกีฬาสีของโรงเรียนด้วย” วายุหันมาพูดกับผม “ส่วนงานกีฬาสีของโรงเรียนเราอ่ะ จะมีตอนช่วงก่อนสอบไฟนอลสักพักนึงอ่ะ เนี่ย เดี๋ยวอีกไม่นานมึงก็จะเห็นเด็กเริ่มวุ่นวายๆกันแล้ว”
“อืมมม จะว่าไปรู้สึกว่าอาทิตย์หน้าเค้าก็จะเปิดฝั่งแล้วนี่หว่า ใช่มะ”
“หืออ เปิดฝั่งอะไรวะ ตี๋เล็ก” ผมหันไปถามเขา
“มันคือการอนุญาตให้เด็กมอปลายข้ามมาฝั่งเราในตอนเย็นได้ไง สำหรับฝึกซ้อมนักกีฬาแล้วก็เตรียมงานกีฬาสีน่ะ” เขาอธิบาย
“ตอนอยู่โรงเรียนเก่า นนท์ได้ทำอะไรมั่งป่ะ กีฬาสีอ่ะ” นัทถามผม
“ก็ตอนมอหนึ่งเคยโดนรุ่นพี่จับลงแข่งวิ่งอ่ะ และพอปีที่แล้วก็ว่าจะลงแข่งบาส แต่ปรากฎว่าโดนรุ่นพี่มอสามเป็นตัวจริงกันไปหมด ก็เลยไม่ได้ทำอะไรเลย”
“งั้นปีนี้ก็ลงแข่งซะเลยสิวะ เดี๋ยวแต่ละชมรมแต่ละสีเค้าก็จะเริ่มคัดตัวนักกีฬาอะไรพวกนี้กันแล้วล่ะ” ป๊อปพูด
“อืมมม ก็ไม่แน่นะ......... แต่จะว่าไปกูก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องกีฬาสีหรือแม้แต่เรื่องประกวดวงดนตรีอะไรของที่นี่เท่าไหร่เลยว่ะ กูว่าเอาไว้เดี๋ยวพวกมึงคงต้องช่วยๆกันอธิบายให้กูฟังแล้วล่ะ”
หลังจากนั้นพวกเราก็คุยกันถึงเรื่องวงดนตรีของวายุกับเคนแล้วก็เรื่องงานกีฬาสีอยู่อีกพักใหญ่ๆ จนกระทั่งถึงเวลาไปเข้าแถวแล้วนั่นแหละ เราถึงจะหยุดคุยเรื่องนี้กันลงได้
จากนั้นชีวิตในรั้วโรงเรียนใหม่ของผมนี้ก็ดำเนินไปอย่างเป็นปกติตลอดสัปดาห์จนกระทั่งถึงวันศุกร์ ซึ่งตลอดสี่ห้าวันที่ผ่านมานั้นผมก็แทบจะไม่ได้นึกถึงเรื่องของเอกอีกเลย และผมก็ยังแทบไม่ได้เจอกับโจเลยด้วยเช่นกัน แต่ทว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่ายังไงผมก็สามารถรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน ซึ่งนั่นก็คือความวุ่นวายจากเพื่อนๆรอบข้างและเด็กคนอื่นๆเกี่ยวกับทั้งเรื่องแข่งประกวดดนตรีและเรื่องกีฬาสีที่เราเคยคุยกันเมื่อวันจันทร์นั่นเอง
“เออนี่ ตกลงว่าวันนี้นนท์จะเข้าชมรมบาสหรือชมรมเทควันโดอ่ะ” นัทถามผมขณะที่เรากำลังเดินไปเรียนพละด้วยกันอยู่
“อืมมมม ก็คงชมรมบาสอ่ะ เพราะว่านนท์ก็คงจะลงคัดตัวทีมบาสเหมือนกันอ่ะแหละ ไอ้ยุแม่งก็ชวนยิกๆเลย”
“เฮ้ย ใครเรียกชื่อกูป่าววะ” วายุที่เดินอยู่ข้างหน้ารีบหันขวับมาทางด้านหลังทันที
ผมกับนัทหัวเราะเบาๆ ก่อนที่นัทจะพูดต่อ “แบบนั้นก็ดีอ่ะ แต่ว่าไอ้เรื่องเข้าชมรมมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกีฬาสีเท่าไหร่อยู่แล้วนะ เพราะในชมรมมันก็มีเด็กปนอยู่สารพัดสีนั่นแหละ ตัวแทนสีในแต่ละชมรมก็จะต้องคัดเด็กอีกทีนึงก็เท่านั้นเอง”
“อืมม อันนั้นก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก” ผมพยักหน้า “ว่าแต่นัทอ่ะ จะลงแข่งอะไรรึเปล่า เห็นไอ้ยุบอกว่าคนชมรมอื่นก็ลงแข่งกีฬาอะไรก็ได้เหมือนกันใช่ป่ะล่ะ”
“ช่ายย แต่นัทคงไม่ลงอ่ะว่ะ ช่วงงานเทศกาลทีไร พวกคณะกรรมการนักเรียนแม่งยุ่งหัวปั่นทุกทีอ่ะ” เขาทำหน้าเซ็งๆ
“แล้วถ้ายุ่งขนาดนั้นเนี่ย จะมีเวลาไปเชียร์นนท์แข่งบาสเร้ออ”
“เอาไว้คัดตัวให้ผ่านก่อนเหอะ แล้วค่อยพูด” เขาหัวเราะแล้วโอบคอผมเบาๆ “แต่ถ้านนท์แข่งจริงๆล่ะก็ ยังไงนัทก็ต้องไปเชียร์แหงๆอยู่แล้วล่ะน่า”
ผมหน้าแดงแล้วหัวเราะเบาๆ “ก็ลองไม่ไปดูเด่ะ มีเรื่องแน่”
เมื่อเราเดินไปถึงโรงยิม เราก็เห็นว่าพวกห้องสี่มารอเราอยู่ก่อนแล้ว และหลังจากนั้นก็เป็นการสอบเลี้ยงลูก เลย์อัพ และชู๊ตลูกโทษเพื่อเก็บคะแนน นักเรียนของทั้งสองห้องต่างก็แบ่งสนามและแป้นบาสเพื่อสอบและฝึกซ้อมกันไปตามเรื่องตามราว เพียงแต่ว่าเนื่องจากเด็กนักเรียนนั้นมีถึงสองห้อง แต่คนสอนนั้นกลับมีแค่คนเดียว ทำให้พวกเราหลายคนก็เลยเอาแต่เดินเล่น พูดคุย วิ่งเล่น และทำตัววุ่นวายกันซะมากกว่า และหลังจากที่เริ่มคาบเรียนไปได้ราวๆสิบห้านาทีแล้วนั้น ขณะที่อาจารย์ต้องคอยคุมสอบและคอยให้คะแนนกับนักเรียนคนอื่นๆอยู่ ผมก็หันไปเห็นว่าโจกำลังยืนมองผมอยู่พอดี และเมื่อเขาเห็นว่าผมหันไปหาเขาแล้ว เขาก็พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไปหาเขา และพอผมกำลังจะเดินเข้าไปหาเขานั้น เขาก็หันหลังเดินออกจากตรงนั้นไปทันที ผมจึงรีบเดินตามหลังเขาไปอย่างห่างๆ จนกระทั่งเขาไปหยุดรอผมอยู่ที่นอกประตูหลังของโรงยิม
“วันนี้เย็นมึงไปไหนรึเปล่า” เขาถามผมทันทีที่ผมเดินไปถึงตัวเขา
“มึงหมายถึงตอนไหนอ่ะ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนรึว่า......”
“ในชั่วโมงชมรมและหลังจากนั้นน่ะ” เขาพูดขัดขึ้น
“กูก็เข้าชมรมกูไง ชมรมบาสอ่ะ”
เขาเงียบไปพักหนึ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด “กูอยากให้มึงไปที่สระแป๊บนึงว่ะ ถ้าไม่อยากไปคนเดียวก็ชวนไอ้นัทรึใครไปด้วยก็ได้”
“เหออ ทำไมวะ” ผมสงสัย
“เอาเหอะ ยังไงก็ลองไปดูหน่อยก็แล้วกัน แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละน่ะ.........” เขาตอบ “หึ แต่จะว่าไป ถ้ากูคิดจะคุยกับมึงสักทีเนี่ย มันลำบากขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“เฮ้ยย มึงก็เข้าไปคุยกับกูเลยก็ได้นี่หว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“แต่กูไม่อยากให้เพื่อนๆมึงมันมองกูแบบนั้น กูไม่ชอบ” เขาชักสีหน้าเล็กน้อย
“แบบนั้นน่ะแบบไหนวะ” ผมถาม เพราะผมนึกไม่ออกจริงๆว่ามันเป็นยังไง
“มึงคิดว่าพวกมันจะไม่สงสัยหรือมองกูด้วยสายตาแปลกๆเหมือนเมื่อตอนที่กูเข้าไปคุยกับมึงเรื่องไอ้ปั๊กตอนนั้นเหรอวะ ก็ตอนนั้นพวกไอ้ยุก็อยู่ตรงนั้นด้วยน่ะ มึงจำไม่ได้รึไง”
“อ๋ออ เออออ...........” ผมพยักหน้า “แต่มึงเองก็คิดมากไปม๊างง พวกมันเองก็คงไม่ได้คิดไรหรอกอ่า”
“หึ ก็คงงั้นล่ะมั๊ง” เขายิ้มเหยียดๆ “ช่างมันเหอะ แต่ที่แน่ๆคือกูก็ไม่ค่อยชอบนักหรอกว่ะ”
“เออๆ ก็ได้ๆ ว่าแต่ว่าเรื่องไอ้แม็กซ์เป็นยังไงบ้างวะ มึงยังมีปัญหาอะไรกันอีกรึเปล่า” ผมถาม
“ไม่มี..........”เขาตอบ แต่สายตาของเขานั้นกลับเหม่อมองไปทางด้านหลังของผมอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเขาก็หันกลับมามองที่หน้าของผมเหมือนเดิม “เอาเหอะ มึงเดินกลับไปก่อนเหอะไป เดี๋ยวกูค่อยตามไปอีกที ขอไปเยี่ยวแป๊บ” เมื่อพูดจบ เขาก็เดินแยกออกไปเลยทันที
“ไปไหนมาวะ นนท์” นัทถามผมขึ้นทันทีที่ผมเดินกลับเข้าไปหาเขาแล้ว “ไปขี้เหรอ”
“จะบ้าเรอะ!” ผมหัวเราะ “เมื่อกี๊ไปคุยกับไอ้โจมาแป๊บนึงอ่ะ........” ผมตอบเขาไปตามตรง จากนั้นก็เล่าให้เขาฟังว่าโจอยากให้ผมกับเขาไปที่สระว่ายน้ำในตอนเย็นแป๊บนึง แต่นัทบอกว่าเขาคงไปกับผมไม่ได้เพราะว่าเขาต้องรีบไปประชุม ดังนั้นผมจึงชวนวายุให้ไปเป็นเพื่อนผมแทน
“แล้วทำไมมันมาคุยกับมึงดีๆไม่ได้วะ ทำไมต้องมาตามมึงไปคุยไกลๆคนอื่นด้วย” วายุถาม
“มันบอกว่ามัน........ มันอะไรวะ กูก็ลืม” ผมเกาหัวตัวเองเบาๆพลางพยายามทบทวนความทรงจำของตัวเองไปด้วย “เออใช่ๆ มันบอกว่ามันไม่ค่อยอยากเห็นสายตาของพวกมึงเวลามองมันแบบนั้นน่ะ”
“แบบนั้นน่ะแบบไหนวะ” คริสถาม
“กูก็ม่ายรู้อ่า แต่พวกมึงลองคิดดูดีๆดิ๊ว่าถ้าไอ้โจมันเดินเข้ามาคุยกับกูจริงๆอ่ะ พวกมึงว่าไอ้เจย์มันจะมีท่าทางสีหน้ายังไง แล้วพวกมึงเองก็จะไม่มองหรือไม่รู้สึกสงสัยอะไรเลยเหรอ”
“เรื่องนั้นมันก็จริง........” วายุพยักหน้าเบาๆ “อ้าวนั่นไง มันเดินกลับเข้ามาแล้วนั่นน่ะ”
พวกเราทุกคนหันไปมองที่โจพร้อมๆกันทันที และตอนนั้นเองที่ป๊อปตะโกนขึ้นบอกพวกเราว่าถึงตาของเราต้องไปสอบกันบ้างแล้ว ดังนั้นเราจึงแยกย้ายกันไปและไปเข้าคิวรอสอบกับอาจารย์ โดยที่เราสี่คนต่างก็ไม่มีใครได้พูดถึงเรื่องของโจออกมาอีกเลยจนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงตอนเย็น.........
ในชั่วโมงชมรมเราทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปที่ชมรมของตัวเอง ยกเว้นก็แต่คริสเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขายังไม่จำเป็นต้องเข้าชมรมวันนี้ ดังนั้นเขาจึงจะไปที่ชมรมบาสของผมกับวายุด้วย แต่ก็แน่นอนว่าก่อนที่เราจะไปกันที่นั่น เราก็ต้องแวะไปที่แห่งหนึ่งก่อน ซึ่งที่นั่นก็คือที่สระว่ายน้ำนั่นเอง
เมื่อเราไปถึงที่สระว่ายน้ำแล้ว เราก็เห็นว่ามีเด็กหลายคนกำลังมุงกันอยู่ที่รอบสระเหมือนเคย และเมื่อเราเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วเราถึงได้พบว่าที่ชมรมก็กำลังจะมีการแข่งขันขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าดูๆไปแล้วมันก็คงจะคล้ายๆกับเมื่อตอนครั้งแรกที่ผมมาที่นี่นั่นเอง เพียงแต่ว่าในคราวนี้ความรู้สึกของผมมันบอกว่าทุกอย่างดูเหมือนจะจริงจังกว่าเมื่อตอนนั้นมากยังไงก็ไม่รู้สิ
“อ้าว พี่นนท์ พี่ยุ พี่คริส!” ค็อปที่หันมาเห็นพวกเรารีบร้องทักและเดินตรงเข้ามาหาพวกเราทันที “มาทำไรกันอ่ะครับ”
“ก็นิดหน่อยน่ะ.......” ผมตอบแบบเลี่ยงๆ “ว่าแต่เค้าทำไรกันเหรอวะ ค็อป จะมีแข่งกันเหรอ”
“อือ ใช่พี่ แต่ก็เฉพาะพวกนักกีฬาตัวจริงน่ะนะ เค้าจะจัดลำดับเพื่อดูสถิติของแต่ละคนน่ะครับ”
“อ้าวว นนท์ มาทำอะไรกันเนี่ย” เสียงของไทด์ดังขึ้นจากทางขวามือของพวกเรา “วายุกับคริสตี้ก็มาด้วย มาทำไรกันคะเนี่ย มาส่องผู้ชายเหรอ”
“อีบ้า ใครเค้าจะเหมือนมึง อีกะเทยว่างงาน” วายุหัวเราะ
“ปากเสีย! กูไม่ว่างสักหน่อย เดี๋ยวกูต้องคอยมาเชียร์โจของกูให้ชนะอีแม็กซ์สักทีเนี่ยไง แม่งงง เกลียดอีห่านั่นชะมัดเลยว่ะ แม่งได้ที่หนึ่งตลอด กูเบื่ออออ กูอยากให้โจชนะๆๆๆๆ!”
“เออ ผัวมึงมันก็ได้แค่ที่สองตลอดอ่ะ ไอ้แม็กซ์ที่หนึ่ง ไอ้โจที่สอง ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่”
“แต่วันนี้กูพกหัวใจมาเชียร์เต็มร้อยนะเว้ย เพราะงั้นอีแม็กซ์แพ้แน่นอน มึงเชื่อกูมะล่ะ”
“เออๆ กูจะคอยดูก็แล้วกัน” วายุยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ
ผมฟังทั้งสองคนคุยกันแล้วก็อดคิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาไม่ได้ จนเมื่อผมรู้สึกตัวอีกที ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อนักกีฬาให้มาเตรียมตัวที่ขอบสระแล้ว
โจยืนหันหน้ามาทางพวกเราทุกคน และผมก็เห็นว่าเขากำลังมองมาที่ผมอยู่ด้วย แต่จากนั้นเขาก็ดึงแว่นกันน้ำลงมาสวมเอาไว้ ทำให้ผมไม่รู้แล้วว่าเขายังคงกำลังมองมาที่ผมอยู่รึเปล่า แต่ว่าก่อนที่เขาจะเดินไปประจำที่นั้น ผมก็สังเกตเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขานิดหน่อยด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงให้สัญญาณเริ่มการแข่งขันก็ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงกระโดดน้ำและเสียงเชียร์จากผู้คนที่อยู่รอบสระ แน่นอนว่าสองคนแรกที่นำคนอื่นๆเลยก็คือโจและแม็กซ์โดยที่แม็กซ์กำลังนำโจอยู่กว่าหนึ่งช่วงตัว แต่เมื่อหลังจากกลับตัวรอบที่สองแล้ว โจก็ค่อยๆตีตื้นขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงเชียร์ที่ค่อยๆดังมากขึ้นด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ สิ่งที่เราจะได้เห็นกันก็คงเป็นโจที่แรงค่อยๆตกลงเล็กน้อยหรือไม่ก็แม็กซ์ที่ค่อยๆเร่งความเร็วมากขึ้น แต่ทว่าในวันนี้ โจกลับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนกระทั่งเขาตามแม็กซ์ทัน และสุดท้าย โจก็เป็นฝ่ายที่แตะขอบสระก่อนแม็กซ์ด้วยระยะห่างเกือบครึ่งช่วงตัว ซึ่งนั่นก็ทำให้คนหลายคนส่งเสียงเฮดังขึ้นด้วยความดีใจและประหลาดใจ ไม่ว่าจะบรรดาเด็กในชมรม คนอื่นๆที่แค่เดินแวะมาดูเฉยๆ และรวมไปถึงคนที่มาเพื่อตั้งใจจะเชียร์โจโดยเฉพาะอย่างเช่นไทด์เพื่อนของเราก็ด้วยเช่นกัน
“เห็นมั๊ย! อียุ กูบอกมึงแล้วว่าวันนี้ยังไงโจก็ต้องชนะ! กูบอกแล้วว่าเพราะกูมาเชียร์แท้ๆเลยนะเนี่ยยยยย”
“เออๆ อีไทด์ มึงเก่ง เพราะมึงมาเชียร์ไง เงามึงมันคงสะท้อนบนผิวน้ำจนไอ้เชี่ยแม็กซ์ตกใจนึกว่าเจอพรายน้ำอ่ะ มันก็เลยช็อคจนโดนไอ้โจแซงไปได้ไง”
“ค่ะ! สรุปมึงสวยสุด อีหน้าอุ้งตีนหมี อีมดคันไฟ อีปลาไหลญี่ปุ่น!”
วายุหัวเราะก่อนจะหันมามองหน้าผมและพยักหน้าเบาๆเป็นสัญญาณว่าเราคงต้องรีบกลับไปเข้าชมรมกันได้แล้ว เพราะนี่มันก็สายมาเกือบจะยี่สิบนาทีแล้วด้วย ดังนั้นเราสามคนจึงบอกลาไทด์และค็อป จากนั้นก็เดินออกจากสระว่ายน้ำไป
“สรุปคือไอ้โจมันให้เรามาที่สระนี่เพื่ออะไรวะ เพื่อดูมันแข่งว่ายน้ำอ่ะเหรอ” คริสพูดขึ้น
“กูว่ามึงพูดผิดไปอย่างว่ะ ไอ้คริส.........” วายุยักคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
“ยังไงวะ” คริสถาม
วายุยักไหล่เบาๆ “แต่ก็นะ มันอาจจะอยากโชว์ให้เห็นก็ได้ล่ะมั๊ง ว่าถ้ามันจะเอาชนะไอ้แม็กซ์ล่ะก็ มันก็ทำได้เหมือนกัน มันอาจจะอยากแสดงให้เห็นว่ามันทำได้มานานแล้วแต่มันไม่เคยทำมาก่อน หรือไม่วันนี้มันก็พยายามอย่างมากเพื่อที่จะอาชนะไอ้แม็กซ์ให้ได้เพราะมันอยากแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของมัน รึไม่มันก็คงจะแสดงออกกลายๆว่ามันไม่ได้แคร์ไอ้แม็กซ์อีกแล้วก็ได้ล่ะมั๊ง หรือไม่งั้นมันก็...........”
“เฮ้ยยย พอๆๆก่อนเหอะว่ะ ไอ้ยุ มึงพูดอะไรของมึงวะ กูงงอ่ะ นี่มึงพูดกับกูสองคนหรือมึงกำลังบ่นคนเดียวกันแน่วะเนี่ย” คริสขัดขึ้น “สรุปว่ามันให้เราไปดูมันแข่งว่ายน้ำอย่างนั้นจริงๆสินะ มันอยากให้เราเห็นอะไรกันแน่วะ ให้เห็นที่มันเอาชนะไอ้แม็กซ์ได้อย่างนั้นอ่ะเหรอ”
“ก็บอกแล้วไง ว่ามึงเข้าใจผิด ไอ้คริส.........” วายุหันไปพูดกับคริสก่อนจะหันมาหาผม “มันอยากจะให้ ‘ไอ้นนท์’ มาเห็นชัยชนะของมันต่างหาก ไม่ใช่พวกเรา.........”
ผมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที “เฮ้ยย ไม่ใช่ม๊างง มึงคิดไปเองป่าว”
“คิดไปเองครวยไร ก็มันเป็นคนตามมึงออกไปคุยและบอกให้มึงมาหามันที่สระวันนี้นี่หว่า และกูก็เห็นนะเว้ย ที่พอมึงสองคนมองหน้ากันแล้วมันก็ยิ้มให้มึงด้วยอ่ะ”
เฮ้ยยย นี่เขาเห็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ยยยย สรุปว่าวายุนี่นอกจากจะเซ็นส์ดีแล้วยังตาดีขนาดนี้อีกด้วยเหรอเนี่ย
“กูถามจริงๆเลยนะ ไอ้นนท์ นี่มึงสองคนมีอะไรกันรึเปล่าวะเนี่ย เพราะถ้ามึงไม่บอกกูรึไม่รีบแก้ตัวล่ะก็ ตอนนี้กูก็คงจะเริ่มคิดจริงๆแล้วนะเว้ยว่าไอ้โจมันน่าจะชอบมึงอยู่อ่ะ มึงรู้ตัวบ้างรึเปล่าวะเนี่ย”
ผมอ้าปากค้างออกมาเพื่อจะตอบคำถามของเขา แต่แล้วมันก็ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของผมเลย ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงออกไปดีจริงๆ นอกจากนัทแล้วผมก็ไม่เคยคิดอยากจะให้ใครรู้เรื่องของโจกับผมในตอนนี้เลย แต่ถ้าพูดจริงๆ ผมเองก็รู้สึกอึดอัดและอยากจะระบายเรื่องพวกนี้ออกไปให้ใครบางคนได้รับฟังอยู่บ้างมาสักพักแล้วเหมือนกัน เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้เลยว่าควรจะพูดกับใคร และที่สำคัญคือผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมควรจะพูดออกไปยังไงดี ผมยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่แม้แต่ผมเองก็ยังไม่แน่นอนกับมันเลยแบบเรื่องนี้ และผมก็ไม่รู้ด้วยว่านัทหรือโจจะว่ายังไงถ้าหากผมบอกเรื่องของพวกเขาออกไปให้ใครคนอื่นฟัง ดังนั้นผมก็เลยไม่สามารถสรรหาคำพูดใดๆเพื่อที่จะตอบคำถามนี้ของวายุได้เลยจริงๆ
จนกระทั่งสุดท้าย ผมจึงได้แต่พยักหน้าออกไปเบาๆ และสิ่งที่ผมเห็นก็คือสีหน้าตกใจและประหลาดใจแบบสุดๆของทั้งวายุและของคริสนั่นเอง..........
เอ๊ะ นี่เมื่อกี๊ผมเพิ่งจะพยักหน้าออกไปไม่ใช่ส่ายหน้าใช่มั๊ยเนี่ย