สานฝันนิรันดร : ขอบคุณทุกคน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

๑.   สนใจสั่งจอง
5 (55.6%)
๒.   ขอคิดดูก่อน
4 (44.4%)
๓.   ไม่สนใจ
0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 5

ปิดการโหวต: 31-05-2012 00:47:21

ผู้เขียน หัวข้อ: สานฝันนิรันดร : ขอบคุณทุกคน  (อ่าน 240146 ครั้ง)

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ว่าแต่ภู หยิบอะไรออกมา แล้วจะเป็นผลเสียต่อการติดต่อกันหรือไม่

ส่วนที่ปูเห็น มันคืออะไร รีบมาเฉลยด่วนด้วยนะครับ ตั้ม +1 ให้ก่อน

แล เป็นกำลังใจให้นะครับ  :กอด1:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
มารอเฉลยด้วยคนค่ะ  :3123:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ตามอ่านตลอดเลยค่ะ  เพราะยิ่งอ่านยิ่งสนุก  :m4:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
จะใช่สานฝันจริงๆรึเปล่าอ่ะ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
โจชัวร์ถูกหลอกให้ไปถึงอังกฤษ
แล้วตอนนี้สเตฟานอยู่ที่ไหน
กรีนอายส์เป็นตัวเชื่อมโยงให้สเตฟานสามารถพาภูริทัตหายตัวไปยังที่อื่นๆได้หรือเปล่า

กรกฎกำลังหัวเสียหนัก ยิ่งน่าจะเพิ่มความไม่พอใจสเตฟานขึ้นไปอีก

บวก 1 จ้า ลุ้นได้ลุ้นดี

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
จริงๆ ภูริทัตถูกสานฝันพาไปต่างประเทศแบบไม่รู้ตัว (หรือจะรู้แล้ว)

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
บทที่ ๒๘

ภูริทัตหมุนกล่องใส่คอตตอนบัทในมือเล่น คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมด้านหนึ่งของกล่อง จึงได้พิมพ์ตัวอักษรเป็นชื่อของโรงแรมชื่อดัง บนเกาะเล็กๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศบนแผ่นดินใหญ่ ที่มีอาณาเขตกว้างขวาง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของประเทศไทย เกาะแห่งนั้นนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ที่คนไทยนิยมเดินทางไป เพื่อการจับจ่ายซื้อของ มากกว่าจะไปชื่นชมธรรมชาติของเกาะแห่งนั้น บางคนก็เดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ เพื่อไปซื้อสินค้า นำกลับมาขายเอากำไรในร้านของตน เกาะซึ่งมีกฏหมายบังคับใช้เฉพาะพื้นที่ กฏหมายบางข้อของแผ่นดินแม่ ไม่มีการบังคับใช้บนเกาะแห่งนี้ มันจึงเป็นเหมือนสวรรค์ของคนหลายๆคน ที่จะใช้สถานที่นี้ทำการหลายๆอย่าง โดยไม่ถูกขัดขวางโดยเงื้อมือของกฏหมาย บางคนเปรียบเกาะแห่งนี้เป็นดั่งเกาะสววรค์ ... ฮ่องกง

“คุณทำพลาด เขาเริ่มสงสัยแล้ว” เสียงพูดช้าๆอย่างคนใจเย็น ดังออกจากปากของชายหนุ่ม ที่นั่งอยู่บนโซฟาของชุดรับแขกภายในห้องพัก
“ผมขอโทษครับ ผมดูแลไม่ละเอียดพอ” ทรงศักดิ์พูดด้วยสีหน้ากังวล
“ผมไม่ได้คิดตำหนิคุณหรอกนะ เรื่องราวบางอย่าง บางครั้งมันก็ย่อมเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ สิ่งที่เกิดขึ้น เราก็ควรจะนำมาเป็นจุดที่ต้องระวัง หากจะทำอะไรในครั้งต่อไป ว่าไม่ควรให้ข้อผิดพลาดแบบเดียวกันเกิดขึ้นอีก” ชายหนุ่มพูดช้าๆพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“ผมไม่คิดว่า คุณภูริทัตจะเอาเรื่องนี้มาตั้งเป็นข้อสงสัยอะไรมากมาย”
“ภูริทัตเขาสงสัยอะไรรอบตัวอยู่เสมอ เพียงแต่เขาจะปล่อยให้มันผ่านไป หรือจะเก็บไว้ขบคิดหากเขามีเวลา ความคิดในจิตใจมนุษย์เป็นสิ่งซับซ้อน จนบางครั้งกลายเป็นสิ่งน่ากลัว การแสดงออกภายนอก ไม่ได้บอกทุกสิ่งที่เขาคิดหรอกนะ” สเตฟานหยุดพูด เพราะสายตาที่จ้องมองด้วยความสงสัย ของทรงศักดิ์ “ผมบอกเพื่อให้คุณกับทรงเดช เตรียมคำตอบไว้ให้ตรงกัน ว่าควรจะอธิบายหรือบอกปัดกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะถ้าคุณสองคนตอบอะไรที่ไม่ตรงกัน จะทำให้เขาสงสัยมากขึ้น”
“ผมถามอะไรคุณท่านซักอย่างได้มั๊ยครับ” ทรงศักดิ์ถามอย่างเกรงใจ
สเตฟานไม่ตอบ แต่จากสีหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ทำให้ทรงศักดิ์รู้ว่าเขาไม่ขัดข้อง
“ทำไมคุณท่านถึงได้รู้ว่าคุณภูริทัตทำอะไร คิดอะไร หรือว่าคุณท่านให้เค้ากิน ...”
“เปล่า ผมยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” สเตฟานจ้องมองทรงศักดิ์ที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ทรงศักดิ์ คุณทำงานให้ผมมานานเท่าไหร่แล้ว”
“สี่สิบปีกว่าแล้วครับ” ทรงศักดิ์ยิ้มกว้าง เหมือนกับภาคภูมิใจในหน้าที่ของเขา
“วันแรกที่ผมพบกับคุณ คุณยังเป็นหนุ่มน้อย คงจะอายุคงน้อยกว่าทรงเดชในตอนนี้” สายตาของสเตฟานจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของทรงศักดิ์ “ตอนนี้รูปลักษณ์ของคุณเปลี่ยนไปมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นคงอยู่เสมอ”
ทรงศักดิ์ขมวดคิ้วน้อยๆ สงสัยว่าสเตฟานกำลังจะพูดอะไร
“ความจงรักภักดีที่คุณมีต่อผม นับตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง” สเตฟานยิ้มกว้าง “ผมจะบอกความลับอีกอย่างหนึ่งให้คุณได้รู้” พูดแล้วก็ล้วงสร้อยคอที่สวมใส่ออกมาภายนอกเสื้อเชิต อัญมณีสีเขียวในกรอบแพลทตินั่ม ส่องประกายแวววาวล้อกับแสงไฟ “นี่คือกรีนอายส์”
“กรีนอายส์” ทรงศักดิ์ทวนคำพลางจ้องมองดูอัญมณีเม็ดนั้นอย่างครุ่นคิด “นี่มันเหมือนกับที่คุณท่านให้คุณภูริทัตไปนี่ครับ”
“ใช่ กรีนอายส์ ... ดวงตาสีเขียวมรกต ดวงตาแห่งกรีนอายส์ ดวงตาทั้งคู่สื่อถึงกันได้ ทำให้ผมรู้ได้ถึงการกระทำของภูริทัต ตราบที่เขายังสวมมันอยู่ และถ้าภูริทัตสามารถฝึกฝนจิตจนถึงระดับหนึ่ง เขาก็จะสามารถรับรู้ถึงการระทำของผม ที่สวมใส่กรีนอายส์ชิ้นนี้ไว้ได้เช่นกัน”
“ฝึกจิตเหรอครับ” ทรงศักดิ์หัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขบขัน “อย่างคุณภูริทัตคงไม่ไหว”
“อย่าดูถูกความพยายามของมนุษย์ หากเขาตั้งใจ ผมเชื่อว่าสักวันเขาจะทำได้ แม้แต่คุณเองหรือทรงเดชก็เช่นกัน” สเตฟานพูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่ไหวล่ะครับ ผมอายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้จะฝึกไปทำไม” ทรงศักดิ์ส่ายหน้าเบาๆ
สเตฟานยิ้มน้อยๆ จับสายสร้อยให้เข้าไปอยู่ด้านในของเสื้อเชิตเช่นเดิม
“ดวงตาของแวมไพร์ เป็นชาร์มอายส์ ที่มีอำนาจสะกดให้มนุษย์ลุ่มหลง และสามารถบังคับมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากใส่กรีนอายส์ติดตัวไว้ อำนาจของชาร์มอายส์ก็ทำอะไรมนุษย์คนนั้นไม่ได้” สเตฟานอธิบายต่อ
“อ้อ ... คุณท่านถึงได้ให้คุณภูริทัตติดตัวไว้ แต่มันจะไม่กลายเป็นจุดให้สังเกตได้หรอกเหรอครับ”
“ไม่หรอก” สเตฟานยิ้มขัน “หากมนุษย์ไม่ได้มีความสนใจในแวมไพร์ตนนั้นก่อน ชาร์มอายส์ก็ไม่มีผลเช่นกัน ชาร์มอายส์เพียงแค่กระตุ้นความต้องการที่มีอยู่แล้ว ให้แสดงออกมารุนแรงขึ้นเท่านั้นเอง”
“มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆนะครับ เหมือนกับยาพิษที่มียาแก้ไว้ข่มกัน ว่าแต่กรีนอายส์นี่มันเป็นอะไรกันแน่”
สเตฟานค่อยๆเล่าถึงที่มาของอัญมณีนั้นให้ทรงศักดิ์ได้รับรู้
“ถ้าอย่างนั้นคุณท่าน ...” ทรงศักดิ์ถึงกับอุทานออกมาเมื่อฟังจบ
“ไม่หรอก ยังไม่ถึงเวลาของผม มันคงอีกนานนัก เพราะช่วงเวลาของแวมไพร์ยาวนานกว่ามนุษย์หลายร้อยเท่า ช่วงเวลานั้นที่ว่านานแล้ว แต่ช่วงเวลาของผมยิ่งนานกว่านั้น” แววตาของสเตฟานหม่นลง เพราะความเศร้า “สำหรับพวกคุณเหล่ามนุษย์ ผมอาจจะเป็นตัวแทนของนิรันดรที่แท้จริง” ใบหน้าของสเตฟานก้มต่ำลง เหมือนจะเหลือบมองไปที่พื้น แต่แววตากลับเหม่อลอย เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตาของเขาเลย

ทรงศักดิ์มองดูทีท่าที่หม่นหมองของสเตฟานแล้วก็ต้องถอนหายใจ ชีวิตเช่นนั้นต้องผ่านอะไรมามากมายขนาดไหน เพียงแค่ ๖๐ กว่าปีของชีวิต เขาต้องพบกับความสุขความเศร้ามามากมาย แล้วชีวิตของคนตรงหน้าเขา ที่ผ่านมายาวนานกว่าไม่รู้กี่เท่า และยังต้องคงอยู่ไปอีกจนไม่สามารถประมาณได้ ทรงศักดิ์แทบไม่อยากคิดเลยจริงๆ

“อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ เกี่ยวกับพวกของโจชัวร์” ใบหน้าที่ก้มลงเล็กน้อย เงยขึ้นมาพูดขึ้นอีกครั้ง
“คนที่กำลังตามหาคุณท่านอยู่น่ะเหรอครับ” สเตฟานพยักหน้ารับ
“การเดินทางย้อนดวงอาทิตย์มาที่ฮ่องกงนี้ คงต้องใช้เวลามากกว่าตอนที่พวกนั้นเดินทางไปอังกฤษ นับว่าเป็นโชคดี ที่เขาทำแบบผมไม่ได้ อย่างเร็วก็คงจะเป็นคืนวันพรุ่งนี้ ทางที่ดีคุณย้ายออกจากโรงแรมนี้ซะตั้งแต่พรุ่งนี้เช้า หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น คุณควรกลับเมืองไทย”
......................................................................................
..........................................
“สวัสดีครับ”
“คุณทัตครับ ผมให้เวลาคุณยี่สิบ ... ไม่สิ ... สิบห้านาทีพอ สำหรับการแต่งตัว แล้วรีบลงมาขึ้นรถนะครับ ผมรออยู่หน้าบ้าน” เสียงคุ้นหูดังมาจากหูฟังบลูธูท
“ใครน่ะ”
“ผมทรงเดชเองครับ”
“ทรงเดช ... คุณอยู่หน้าบ้านผมเหรอ” ภูริทัตเดินไปที่หน้าต่างของห้องรับแขก ภายในบ้านชั้นเดียวของตนเอง มองเห็นรถสปอร์ตคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูรั้ว “คุณมาทำไม แล้วจะให้ผมไปไหนกับคุณ”
“ถ้าให้ผมตอบทีละคำถาม สงสัยเวลาคงต้องลดลงนะครับ ผมตอบสั้นๆประโยคเดียวแล้วกัน คุณสเตฟานรออยู่ จะไปมั๊ยครับ”
“สเตฟาน ... สานฝัน” ชายหนุ่มหันหน้าไปมองนาฬิกา ที่แขวนอยู่บนผนังบ้าน “นี่มันสิบโมงเช้า คุณจะมาล้ออะไรผมเล่น ตามมาแกล้งผมถึงบ้านแบบนี้ คุณคิดอะไรกันแน่” ภูริทัตพูดด้วยความโมโห
“คุณภูริทัตคร๊าบ ...” ทรงเดชลากเสียงยาว “ถ้าผมล้อคุณเล่นแบบนี้ แล้วคุณปู่ หรือคุณท่านรู้เข้า คงไม่ปล่อยผมไว้หรอก เอางี้ ถ้าคุณไปแล้วไม่เจอคุณสเตฟาน คุณค่อยเล่นงานผม แต่ถ้าคุณไม่ไป หึ หึ หึ”
“ทำไม ถ้าไม่ไปแล้วจะเป็นยังไง”
“ถ้าคุณไม่ไป ผมก็จะเที่ยวกับคุณสเตฟานแทนดีมั๊ยครับ หรือไม่งั้น ผมไปรับคุณรังสรรค์กับพรรคพวกให้ไปพร้อมๆกัน ท่าทางจะดีเหมือนกัน”
“นาย...”
“เอาเวลาที่จะโมโหรีบไปแต่งตัวดีกว่าครับ ยิ่งช้า ยิ่งมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยลงนะครับผม” พูดจบทรงเดชก็วางสายไป

ภูริทัตยืนงงอยู่สักพัก ก็รีบเปลี่ยนชุด จากเสื้อยืดกางเกงขาสั้นซึ่งเป็นชุดลำลองสบายๆ ในยามที่เขาอยู่บ้านเป็นปรกติ มาเป็นกางเกงยีนส์เสื้อยืดโปโลแขนสั้นสีฟ้าสดใส ปิดประตูหน้าต่าง แล้วออกจากบ้าน ทรงเดชที่ยืนอยู่ข้างรถก็ทำท่าชี้ชวนให้เขาขึ้นรถ ภูริทัตนั่งรถไปด้วยความสงสัย และรู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มที่เหมือนกับขบขันของทรงเดช
“คุณหัวเราะอะไร” ภูริทัตถามโพล่งออกไป เมื่อทนไม่ไหว
“หัวเราะคุณนั่นแหละ” ทรงเดชตอบ แล้วหัวเราะมากขึ้น “ไปหาคนรักทั้งที ทำหน้าตาแบบนี้ น่าขันจะตาย”
“คุณกำลังหัวเราะเยาะผม ... ผมมีอะไรให้คุณขบขันนัก”
“จะไม่ให้ผมขำได้ยังไง จู่ๆคุณมาหึงผมกับคุณสเตฟาน ... มันน่าขำจะตาย แล้วผมคิดว่าไม่ใช่มีแต่ผมที่โดนแบบนี้ คุณรังสรรค์ก็คงโดนบ้างเหมือกัน แต่พวกคุณเป็นเพื่อนกัน คงจะเคลียร์กันง่ายกว่าผม ซึ่งเป็นคนที่คุณเพิ่งจะรู้จัก”
“แล้วทำไมคุณต้องทำตัวสนิทสนมกับสานฝันนัก”
“คุณภูริทัตคร๊าบบบบบ” ทรงเดชลากเสียงยาวแบบที่ชอบทำบ่อยๆ “ต่อไปผมต้องทำงานดับคุณสเตฟานนะครับ มันก็ต้องมีการพบปะกันบ้าง แล้วคุณต้องยอมรับนะว่า อัธยาศัยของคุณสเตฟานน่ะ อ่อนโยน เป็นมิตร ดูอบอุ่น ใครได้รู้จักก็อดนึกชอบไม่ได้”
ทรงศักดิ์เหลือบสายตามองดูภูริทัติ เห็นว่ากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็อดขำขึ้นมาอีกไม่ได้
“แต่คุณวางใจผมได้ ถึงผมจะยังไม่มีคนรัก ผมก็ชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วยกัน แล้วถึงแม้ว่าต่อไปผมจะเกิดเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายด้วยกัน ผมคงไม่คิดชอบคุณสเตฟานหรอก”
“ทำไม เค้าไม่ดีตรงไหน” ภูริทัตถามโพล่งออกไป ทำให้ทรงเดชหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“ตรงที่คุณสเตฟานเค้าชอบคุณมั๊ง คุณรู้มั๊ย คุณปู่ผมบอกว่ายังไม่เคยเห็นคุณสเตฟานมีความรักเลย คุณปู่ยังบอกอีกว่า คุณสเตฟานน่ะรักคุณมานานแล้วด้วย” ทรงเดชหยุดพูด เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป
“คุณหมายความว่ายังไง ที่ว่ารักมานานแล้ว พวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อธันวาคมปีที่แล้วเองนะ” ภูริทัตขมวดคิ้วสงสัย
“นั่นแหละครับ ผมหมายถึงตอนนั้นแหละ” ทรงเดชอ้อมแอ้มตอบไป แล้วไม่พูดอะไรต่ออีกเลย

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
สงสัยความลับจะแตกกับทรงเดชนี่แหละ...พูดเล่นพูดจริงผสมปนเปมากเกินไป

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
คราวนี้สเตฟานจะพาภูริทัต ไปไหนอีกน๊า อิ อิ

รอตอนต่อไปคะ   :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ความลับของกรีนอาย ค่อย ๆ เปิดเผยขึ้น

อีกทั้งทรงเดชก็เล่นกับภูซะหยั่งงั้น

เป็นกำลังใจให้นะ ตั้ม ขอให้ขยัน ๆ +1 ให้อีกเช่นเคย  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






namtaan

  • บุคคลทั่วไป
^
^
ว้าวววว ได้ต่อท้ายน้องวันอีกแล้วววว หุหุ

คราวนี้ความจริงในชีวิตสเตฟานค่อยๆเปิดออกมามากขึ้น
กรีนอายส์คือสื่อเชื่อมโยงจิตใจและความคิดถึงกันจริงๆ
แต่ทรงเดชนี่นะ พูดเยอะเหลือเกิน หรืออาจจะเป็นข้อดี ที่ทำให้ภูริทัตได้สงสัย และค้นหาความจริงเร็วขึ้น

จะบวก 1 ให้เช่นเคย แต่ยังทำมิได้  :กอด1: แทนละกัน ขอบคุณจ้า

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
หลุดบ่อยจริงๆนะทรงเดช :laugh:

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
เอ .... ถ้าวันไหนภูรู้ว่า จริงๆแล้วสานฝันเป็น....
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น  จะกลัวจนไม่กล้ามาเจอสานฝันอีกรึป่าวเนี่ย  :serius2:
ยิ่งได้นายปูจอมป่วน  คอยยุแยงตลอด  ฮึ่ม  :m16:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ยังติดตามอยู่จ้า  :กอด1:  ทรงเดชนี่จะว่ารั่วหรือหลุด  :laugh:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ความท่าจะแตกเร็ว ๆ นี้  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :angry2: :angry2: :angry2:
ทรงเดช พูดมากไปไหมนั่นเกือบความแตกละเนี่ย

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
แล้วคราวนี้จะพากันไปที่ไหนอีกละคะเนี่ย

รออ่านอยู่ค่ะ  :3123:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ทรงเดช อีกแล้ว  :z10:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
บทที่ ๒๙

ภูริทัตนั่งอยู่ในรถที่ขับเข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ เหมือนเป็นทางลัด จนมาถึงรั้วบ้านที่ค่อนข้างเก่า แต่ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย หลังคาบ้านโผล่พ้นยอดไม้ขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ทำให้พอจะเดาออกว่า ภายในจะมีต้นไม้แน่นขนัดขนาดไหน แล้วก็เป็นดังคิด เมื่อรถแล่นเข้าไปในประตูบ้านที่เปิดกว้าง ราวกับเตรียมการต้อนรับไว้แล้ว ตัวบ้านไม้ขนาดใหญ่ ดูร่มเย็นภายใต้เงาไม้ใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่สองฟากข้าง ท้องฟ้าที่มีเมฆมาก จนเหลือเพียงแสงแดดอ่อนๆ ทำให้บริเวณภายในรั้วบ้านแห่งนี้ ดูร่มรื่นยิ่งนัก แล้วรถสปอร์ตคันงามก็ค่อยๆจอดลงหน้าบ้านไม้ทรงยุโรปสองชั้นขนาดย่อม ยกพื้นเล็กน้อยเหมือนบ้านสมัยเก่า

“บ้านใครน่ะ” ภูริทัตภามเมื่อลงมาจากรถ พลางมองดูอย่างชื่นชม มุขหน้าของบ้านโค้งเป็นครึ่งวงกลม แล้วแยกออกเป็นปีกซ้ายขวาอย่างลงตัว
“เดิมเป็นบ้านของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง แต่ตอนหลังนำออกมาขาย คุณสเตฟานเลยซื้อเอาไว้” ทรงเดชตอบพลางเดินอ้อมไปทางด้านซ้ายของบ้าน “มาทางนี้ครับ”
ภูริทัตเดินตามทรงเดชไป ก็พบกับซุ้มทางเดิน เป็นทางปูด้วยอิฐสารพัดสี ดูลานตา ด้านบนเป็นโครงไม้สานกันคล้ายตาข่าย ให้เถาวัลย์เกาะเกี่ยวจนเป็นเหมือนหลังคาของทางเดิน
“อย่าส่งเสียงดังนะครับ เดี๋ยวจะตกใจ” ทรงเดชหันมาพูดเบาๆ แล้วเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง ทำให้ภูริทัตพลอยระวังไปด้วย ระหว่างที่เดินเหมือนจะได้ยินเสียงเหมือนนกร้องอยู่เป็นระยะๆ

เมื่อเดินพ้นซุ้มเถาวัลย์ออกมา ก็มองเห็นลานกว้าง แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ กิ่งก้านของต้นไม้ที่สูงลิ่ว ซ้อนทับกันจนคล้ายหลังคามหึมา จนทำให้แสงแดดแทบไม่อาจลอดผ่านเข้ามาได้ แต่ก็ยังสว่างมาพอที่จะเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน กลางลานกว้างมีขาตั้งสำหรับวาดภาพวางอยู่ เฟรมที่มีกระดาษขนาดใหญ่ มีคนกำลังระบายสีลงไปอย่างตั้งใจ ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่มีพนัก ใส่เสื้อสีเขียวใบไม้ กางเกงสีน้ำตาลเปลือกไม้ ดูกลมกลืนไปกับหมู่ไม้รอบข้าง ผมสีทองสะท้อนเป็นเงา เพียงมองจากด้านหลัง ภูริทัตก็รู้ว่าเป็นใคร ความเงียบสงบท่ามกลางหมู่ไม้ มีเสียงลมพัดใบไม้เสียดสีกันแผ่วๆ เสียงนกร้องอยู่แว่วๆ ทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างประหลาด ภูริทัตมองหาทรงเดชอีกครั้ง ก็พบว่าไม่อยู่เสียแล้ว ก่อนที่เขาจะส่งเสียงอะไรออกไป คนบนเก้าอี้ก็หันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้าง แล้วเดินเข้าไปหา

“วันนี้อากาศดีนะครับ” สเตฟานพูดทักทาย พร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ครับ” ภูริทัตตอบสั้นๆ วางมือลงไปบนไหล่ของอีกฝ่าย แนบจมูกลงไปบนเรือนผมนุ่มราวกับเส้นไหม สูดได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับกลิ่นของทุ่งหญ้าหลังฝนตก “หอมจัง คุณใช้แชมพูอะไรเนี่ย”
“คุณก็หอมเหมือนกัน ใช้สบู่อะไรครับ” เสียงถามปนด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อสเตฟานจุมพิศไปบนคางมนของภูริทัต

ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ส่งประกายแวววับ จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกต ไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางความรู้สึกที่ส่งถึงกันของคนทั้งสอง นอกจากเสียงของธรรมชาติรอบๆตัว
“มาเห็นคุณตอนกลางวันแบบนี้ คุณดูงามราวกับรูปสลัก ทำไมผมถึงได้โชคดีแบบนี้ ที่ได้เป็นเจ้าของคุณ”
ภูริทัตเอ่ยเบาๆราวเสียงกระซิบ ยกมือขึ้นใช้ปลายนิ้วไล้แผ่วๆไปบนแก้มเนียนนุ่ม ผิวสีขาวอมชมพูที่เขาเคยเห็นแต่เพียงในแสงไฟยามค่ำคืน ตอนนี้กลับเป็นผิวที่ขาวใส เกลี้ยงเกลาราวเนื้อหินอ่อน สีชมพูของเลือดฝาดราวกับจะเปล่งประกายอยู่ภายใน ริมฝีปากสีชมพูดูเต่งตึงราวผิวของกลีบกุหลาบแรกแย้ม จนภูริทัตอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมไอดังขึ้นราวกับตั้งใจจะขัดจังหวะ ภูริทัตหันไปมองก็เห็นรอยยิ้มที่เหมือนจะล้อเลียนของทรงเดช
“จวนเที่ยงแล้ว ผมว่าเราทานอะไรกันเลยดีมั๊ยครับ ผมให้คนเตรียมไว้แล้ว กำลังยกมา”
ไม่ทันขาดคำ ก็มีคนเดินออกมาจากประตูบ้าน ที่มีฉากกั้นเป็นแผงไม้ไผ่ เกาะเกี่ยวไปด้วยไม้เลื้อย ชายหญิงวัยกลางคนหอบข้าวของเดินตรงเข้ามายังลานกว้าง ชายกลางคนปูเสื่อผืนใหญ่ลงบนพื้นหญ้า แล้วเดินกลับเข้าไป หญิงกลางคนจัดวางกล่องอาหารหลายใบลงบนเสื่อ แล้วจัดจาน ช้อน ช้อนส้อม แก้วไวน์ แก้วน้ำ ๓ชุด แยกเป็นสามมุม เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน สักพักทั้งสองคนก็ออกมา พร้อมกับช่วยกันยกลังโฟมขนาดใหญ่พอสมควรออกมาด้วย ทั้งสองวางลังโฟมนั้นลงบนพื้นหญ้าใกล้ๆเสื้อ เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งยิ้มให้สเตฟานและภูริทัต ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง

“ทำยังกับมาปิคนิคแน่ะครับ” ภูริทัตพูดอย่างอารมณ์ดี
“ถูกใจมั๊ยครับ” ทรงเดชตอบ แล้วถอดรองเท้านั่งลงไปที่มุมหนึ่งของเสื่อใกล้ๆกับลังโฟม
สเตฟานชักชวนให้ภูริทัตนั่งลงบ้าง แล้วช่วยกันเปิดกล่องอาหาร กลิ่นของข้าวผัด หมูและปลาชุบแป้งทอด ไก่ย่าง ไส้กรอกและเบคอนทอด ส่งกลิ่นหอมออกมาทันที ทั้งสามคนต่างชวนกันกินอาหารกลางวันกันอย่างเอร็ดอร่อย ถึงแม้ทรงเดชจะพูดจาหยอกล้ออะไรออกมาบ้าง ตอนนี้ภูริทัตก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า คนคนนี้ไม่มีเจตนาลึกล้ำอันใดแอบแฝงเลย นอกจากความรักสนุกตามภาษาคนอารมณ์ดีเท่านั้นเอง อาหารกลางวันมื้อนั้น ทั้งภูริทัตและทรงศักดิ์เอง ต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่สเตฟานกินข้าวผัดไปเพียงไม่กี่คำ และของอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“คุณกินน้อยจังนะ” ภูริทัตถามอย่างห่วงใย
“ธรรมดาคุณสเตฟานก็ไม่ค่อยกินอาหารอะไรอยู่แล้ว ปรกติเวลากลางวันแบบนี้ เป็นเวลาพักผ่อนด้วย ก็เลยไม่หิวไงครับ” ทรงเดชตอบแทน
“แล้วนี่คุณหายแพ้แดดแล้วเหรอครับ ถึงออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้ได้” ภูริทัตขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปถามสเตฟานอีก
“ยังหรอกครับ แต่วันนี้อากาศดี แดดไม่ค่อยมี ก็เลยออกมาข้างนอกบ้าง” ทรงเดชตอบอีก ทั้งๆที่กำลังใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกทอดเข้าปาก
ความเงียบทำให้ทรงเดชเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมามอง เห็นสเตฟานกำลังอมยิ้ม และภูริทัตกำลังมองเขาอยู่อย่างโกรธๆ
“อ้าว คุณภูริทัตเป็นอะไรไปน่ะครับ อาหารไม่อร่อยเหรอครับ” ทรงเดชถามเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“เมื่อกี้น่ะผมถามสานฝัน” ภูริทัตพูดห้วนๆ
“ผมก็ช่วยตอบไงครับ” ทรงเดชทำหน้าเหรอหรา แล้วก็ยิ้มเหมือนนึกขึ้นได้ “อ๋อ คุณไม่พอใจเรื่องนี้นี่เอง คุณภูริทัตถือซะว่า ผมเป็นเลขาฝึกหัด กำลังตอบแทนเจ้านายแล้วกันนะครับ อย่าถือเป็นอารมณ์เลย”
“นั่นสิ คุณทัตอย่าถือเลยนะครับ ทรงเดชเค้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ชอบแกล้งคนเล่นจนเป็นนิสัย ยิ่งถ้ารู้ว่าคุณใส่ใจ เค้าก็จะยิ่งแกล้ง” สเตฟานยิ้มขันกับท่าทางของคนทั้งสอง
“ที่เค้าเรียกนิสัยไม่ดีใช่มั๊ยครับ” ภูริทัตพูดแล้วยักคิ้ว ทำหน้ากวนๆใส่ทรงเดช
“แหมคนเราน่ะ ก็ต้องมีบ้างล่ะครับไอ้นิสัยส่วนที่ไม่ดีน่ะ ฝรั่งเค้ายังว่าไว้เลยว่า โน บอดี้ อีส เปอเฟค ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ อย่างคุณภูริทัตเองน่ะ พูดอะไรเกรงใจใครเค้าซะที่ไหน เอาแต่ใจก็พอตัว ใช่มั๊ยครับ คุณสเตฟาน”
ภูริทัตหันไปมองสเตฟานที่หัวเราะเบาๆ เหมือนจะรอคำตอบเช่นเดียวกับทรงเดช
“จริงครับ” แล้วก็ก้มหน้าหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของภูริทัต “ผมหมายความว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างน่ะครับ เพียงแต่ว่าข้อเสียของเราไปทำร้ายคนอื่นให้เดือดร้อนรึเปล่า ข้อเสียบางเรื่องน่ะ มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับข้อเสียของคนบางคน หรือถ้าคิดอีกแง่มุมหนึ่ง ข้อเสียอาจจะกลายเป็นข้อเด่นก็ได้ อย่างคุณทรงเดช ก็มักจะกลายเป็นคนที่ทำให้เพื่อนๆสนุกสนานได้เสมอ หรือคุณภูริทัตเองก็เป็นคนที่เพื่อนๆมักจะขอความเห็นบ่อยๆ เพราะมักตอบอะไรตามความจริงโดยไม่ปิดบัง”
“ก็คุณสเตฟานเป็นแบบนี้น่ะสิครับ พูดอะไรให้คนอื่นดีใจอยู่เรื่อย ถึงได้เป็นที่รักของทุกคน” ทรงเดชพูดพลางยิ้มกว้าง ส่งสายตาทั้งเคารพ ทั้งเทิดทูน จนภูริทัตสังเกตได้
“คุณล่ะ สานฝัน มีข้อเสียอะไรบ้างน๊า ... ผมอยากรู้จริงๆ” ภูริทัตยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“คนเราน่ะ ไม่ชอบหรอกครับที่จะพูดถึงข้อเสียของตนเอง” สเตฟานพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ “ข้อเสียของผมถ้าคุณได้รู้ คุณอาจจะเลิกเกี่ยวข้องกับผมไปเลยก็ได้”
“ไม่จริงหรอก” ภูริทัตโพล่งออกไปทันที “ไม่ว่ายังไงผมจะไม่จากคุณไปไหนเด็ดขาด”

ทรงเดชมองดูสีหน้าและท่าทางของภูริทัต ที่ยื่นมือไปจับมือของสเตฟานมากุมไว้ แล้วอดถอนหายใจเบาๆไม่ได้ นึกภาวนาว่า หากวันนั้นมาถึง ขอให้ภูริทัตกระทำได้ตามที่พูดออกมาในวันนี้ แต่ถึงชายหนุ่มจะทำได้จริง คนทั้งสองก็ต้องพรากจากกันอยู่ดี เมื่อถึงวันที่ชายหนุ่มสิ้นอายุขัย แล้วเมื่อถึงวันนั้น สเตฟานจะเป็นอย่างไรต่อไป ทรงเดชแทบจะไม่อยากคิดต่อไปเลย

“เสร็จแล้วครับ” สเตฟานพูดดังๆ ทำให้ภูริทัตที่นั่งสับปะหงกอยู่บนพื้นหญ้ากลางลานกว้าง สะดุ้งขึ้นทันที
“ไหน ... ขอผมดูหน่อย ถ้าไม่ถูกใจคุณต้องวาดใหม่นะ” ภูริทัตพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาสเตฟาน
สเตฟานเบี่ยงตัวเล็กน้อย เพื่อให้ภูริทัตมองได้ถนัด ภาพวาดสีไม้บนกระดาษปอนด์ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนขาตั้งดูงดงาม ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ขัดสมาธิอยู่กลางพี้นหญ้า แวดล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจี เก็บรายละเอียดได้แทบจะสมบูรณ์พร้อม จนน่าจะเชื่อว่าเป็นภาพวาดจากฝีมือจิตรกรระดับสูง มากกว่าที่จะมาจากนักวาดภาพมืออาชีพ อย่างที่ผู้วาดออกตัวไว้ตั้งแต่ทีแรก
“ถูกใจมั๊ยครับ” สเตฟานถามเบาๆ
“สวยมากเลย” ภูริทัตหันไปยิ้มให้อย่างชื่นชม แล้วหันไปดูรูปนั้นอีก
“ผมให้คุณนะครับ”
“สานฝัน” ภูริทัตหันไปพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ “คุณให้ผมมากเหลือเกินนะ จนผมเกรงใจไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้ว”
“อย่าคิดมากสิครับ” สเตฟานหัวเราะเบาๆ “แค่ภาพวาด”
“ผมรู้ คุณเป็นถึงประธานกรรมการบริหารของโรงแรมชื่อดัง ที่คุณพาผมไปโน่นไปนี่ เลี้ยงอาหารผม มันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณ แต่สำหรับผม มันเป็นเรื่องใหญ่นะ” ภูริทัตติง
“คุณคงรู้มาจากคุณรังสรรค์” สเตฟานระบายยิ้มน้อยๆในหน้า “ถ้าเราสองคนสลับตำแหน่งการงานกัน คุณจะทำเหมือนผมหรือเปล่า”
“ก็คงจะทำ” ภูริทัตยกมือขึ้นเกาท้าทอย แล้วพยักหน้าช้าๆ
“แบบนี้คุณก็อย่าเกรงใจมากนักเลยครับ เพราะผมเองก็คอยระวังไม่ให้ถูกมองว่าให้อะไรกับคุณมากเกินไปเหมือนกัน อย่างเวลาคุณเดินทาง ผมก็ให้ทรงศักดิ์เป็นคนพาคุณไป อาหารผมก็เลี้ยงคุณในโอกาสสำคัญ วันนี้ก็มีทรงเดชมาด้วย เหมือนกับเรามาเที่ยวกันภายในครอบครัว”
“ครอบครัว” ภูริทัตทวนคำด้วยสีหน้าฉงน
“ใช่ครับ ... ครอบครัว” สเตฟานยิ้มกว้าง “ทรงศักดิ์ อยู่กับผมมานานมาก ครอบครัวของเขา เปรียบเสมือนครอบครัวของผม คุณเองก็เหมือนกัน ถือซะว่าพวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน คนในครอบครัวทำอะไรให้กัน ถือว่าสมควรแล้ว”

ภูริทัตยังคงงุนงงในคำพูดของสเตฟาน ถึงแม้จะฟังดูสมเหตุสมผล แต่มันยังมีอะไรขัดแย้งกันอยู่ในความรู้สึกของเขา แต่เขาก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่ามันเป็นอะไรกันแน่
 

christmas

  • บุคคลทั่วไป
เป็นครอบครัวกันแล้ว ดีจังค้าบ

ขอบคุณนะคับ 

รออ่านต่อน้า...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ว้าว สานฝันออกมาตอนกลางวันได้ด้วยแฮะ  :impress2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
สุขก่อนเศร้ารึเปล่าคะ น้องตั้ม (แอบระแวง)  :z3: :z3:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z2: :z2: :z2: :z2:
ชายหนุ่มภูริทัต เริ่มเอะใจกับคำพูด และการกระทำบางอย่างแล้วสินะ

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ทำไมอยู่ดีๆ ออกมาตอนกลางวันได้ละ? หรือเหมือนแวมไพร์ใน twilight ????

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
สเตฟานเริ่มใช้พลังอำนาจพิเศษอะไรหรือเปล่านะ ถึงมาปรากฏตัวตอนกลางวันได้ด้วย
ภูริทัตก้อคงเิริ่มสังเกตอะไรบางอย่างได้แล้ว คงสะกิดใจแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร
บวก 1 ให้เช่นเคยจ้า

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
 :mc4:ดีใจจังวันนี้ได้จิ้ม ^^ พี่น้ำตาล เมื่อวันก่อนเสียให้ 1 จิ้ม วันนี้มาเอาคืนแล้ว  :z2:

ครอบครัวเดียวกัน มันคงมีความหมายแอบแฝงไว้ให้ ภู ได้คิดอีกแล้ว เก็บเอาทีละเล็ก ละน้อย

เดี๋ยวก็แจ๊กพอต พอดี

มาลุ้นกันต่อไป ดีกว่า ใช่เปล่าตั้ม ขยันจริง  o13 ยินดีนะที่ขยัน ๆ +1 ให้เป็นกำลังใจน้า


imageriz

  • บุคคลทั่วไป
ความสงสัยมากมายของภูริฑัตในตัวสเตฟาน
จะทำยังไงหากวันหนึ่งภูริทัตต้องการรู้ความจริง  :เฮ้อ:

รอตอนต่อไป  :L2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คนในครอบครัว คำนี้อ่านแล้วรู้สึกดีเนอะ  :-[

nartch

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงอนาคตแล้วก็แปลบ ๆ ในใจ
เหมือนอย่างทรงเดชคิดจริง ๆ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
หวังว่าถ้าภูริทัตรู้ว่าสานฝันเป็นอะไรจะไม่ทิ้งกันไปนะ  :call:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด