เมา I“ที่รักค้าบบบบบบ… มารับหน่อยเด่ะ” เสียงยานคางขานตอบกลับมาทันที่ที่ผมกดรับโทรศัพท์ ว่าแล้วก็ก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือ ให้ตายเถอะ นี่มันตี 2 แล้วนะเว้ย
“ไหนบอกจะกลับ…”
“ก็มันติดพันอ่า เลยมาต่ออีกร้าน แต่ตอนนี้ม่ายหวายแล้วววว มารับเค้าโหน่ยยยย” อีกฝ่ายชิงตัดบทสนทนาหรือที่มันชอบเรียกว่าบทสวดมากกว่า เสียงเพลงไม่อึกทึกครึกโครมเหมือนเมื่อตอนที่ผมโทรไปก่อนเที่ยงคืนแล้ว กลับกลายเป็นเสียง soft music เครือแทรกเข้ามาบวกกับเสียงพูดคุยเบาๆ เท่านั้น
“เออๆ อยู่ไหนล่ะ” จำใจต้องตอบกลับไปแบบช่วยไม่ได้
“อยู่….อ่ะ มาเร็วๆ นะ”
เมื่อรู้จุดหมายแล้วก็ลอบถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดอย่างลวกๆ และหยิบกุญแจรถออกมานอกบ้าน…
สองขาเดินฉับๆ เข้าไปในร้านที่เป็นเชิงนั่งชิวมากกว่า ไม่ต้องตามหานานก็เจอตัวเพราะตอนนี้ร้านเค้าคงอยากจะปิดเต็มแหล่แล้ว เหลืออยู่ไม่กี่โต๊ะที่ยังคงนั่งกึ่มกันอยู่ ไอ้ตัวดีเห็นผมก็รีบส่งเสียงใหญ่
“มาแว้ววว คนขับรถมาแว้ววว”
…ป๊าบ…
“ใครคนขับรถ พูดดีๆ”
“อ๋อย แค่นี้ก็ต้องทำร้ายกัน เดี๋ยวอ้วกพุ่งไม่รู้ตัว” ไอ้มิกกี้หน้าทิ่มลงกับโต๊ะจากเงื้อมฝ่ามือของผม ค่อยๆ เงยขึ้นมามองผมทำปากยื่นปากยาว หน้านี่แดงเถือกซะจนจะม่วงอยู่แล้ว
“เสร็จรึยัง”
“อือ เสร็จๆ กลับๆ”
ไอ้ตัวยุ่งมันดันเก้าอี้ออก แต่ก็มึนจนเซถลาแทบหงายหลัง ไม่รู้มันตั้งใจรึเปล่า ก็รู้แน่นอนอยู่แล้วว่าผมยืนอยู่ข้างหลัง แล้วก็ต้องเข้ามารับมันชัวร์ๆ
“เอ้า ยืนดีๆ สิ” ผมบอกอีกฝ่าย มือก็คว้าเอาต้นแขนมันให้ทรงตัวไปด้วย
มิกกี้ยิ้มหัวเราะแหะๆ แล้วหันไปโบกมือบ๊ายบายเพื่อน สั่งเสียส่งลากัน ไอ้พวกเพื่อนก็ดีครับ แค่บางคนรู้จักผมก็ยกมือไหว้บ้าง บางคนไม่รู้จักก็ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ มองตามทำหน้าทำตายิ้มกรุ่มกริ่มกระลิ้มกระเหลี่ยกันทั้งโต๊ะ เป็นบ้าไรวะ
“คิดถึงจางงงง” ไอ้คนที่นั่งแผละกับเบาะรถข้างๆ หันมายิ้มให้ หัวก็ไหลลงมาซบผมเรื่อย ถ้าไม่ติดที่เกียร์ครั่นกลางมันคงไถลลงมานอนเลื้อยแล้ว
“คิดถึงทำไมไม่รีบกลับ หืม?” ผมทำเสียงดุใส่ แต่ท่าทางมันจะไม่รู้สึกอะไรเลย
“คิดถึง….คิดถึงหมอนกะผ้าห่มสุดๆ ไปเลย”
อ้าว เวรกรรม นึกว่าคิดถึงกรู ดันคิดถึงที่นอนซะงั้น -*- ไอ้เด็กเวรนี่ อายุก็ปาไป 25 แล้วยังทำตัวงอแงวุ่นวะวุ่นวายเป็นวัยรุ่นไปได้ นี่เพราะเห็นว่าเป็นศุกร์ เลยปล่อยให้ออกมาสังสรรค์กับเพื่อนในที่ทำงาน เห็นว่าเป็นวันเกิดของใครซักคนเนี่ยแหล่ะ ผมเองก็ไม่อยากปิดกั้นมัน ที่จริงไม่ต้องขอก็ได้ มาบอกว่าจะไปไหนเฉยๆ ก็พอ แต่ดูมันจะเกรงใจผมไม่น้อย… นี่เกรงใจแล้วนะ แดรกซะยังกับไม่เคยกินมาก่อน เมาเยี่ยงหมาแบบนี้
“มิกกี้ นั่งดีๆ สิ” ที่บอกแบบนี้เพราะมันเริ่มเอาหัวมาพิงกับไหล่ผม ตัวก็เก้ๆ กังๆ ดูไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เอนหน้าเอนหลัง แถมยังถูไถไปมาอีกต่างหาก
“…ผมรักเฮียนะ” มันเงยหน้าตาหงานเชื่อมขึ้นมายิ้มให้ผม
“อืม รู้แล้ว แต่นั่งดีๆ ก่อน” ผมใช่อีกมือจับพวงมาลัย และอีกมือดันหัวมันไปให้กลับไปพิงที่เบาะเดิม แต่ก็ไม่ได้ผล คอไอ้หนูราวกับไร้เรี่ยวแรงเอนลงมาซบลงกับไหล่ผมอีกครั้ง
“ขอพิงหน่อยนะ…”
“ไม่เอามิกกี้ นั่งดีๆ ขับรถอยู่”
ไอ้ตัวยุ่งไม่ฟังเลยครับ แถมยังหันหน้ามากัดที่บ่าผมอีกต่างหาก ถึงไม่แรงมากแต่ก็ทำเอาซี้ดปากเลยทีเดียว พอได้ทีเมื่อจอดรถหยุดไฟแดงผมเลยจับหน้ามันหันขึ้นแล้วประกบปาก มืออีกข้างก็คว้าหมับเข้าที่ต้นคออีกฝ่าย กดย้ำอยู่อย่างนั้นจนร่างตรงหน้าหยุดดิ้นและอ่อนระทวย ว่าแล้วเลยผลักไปให้พิงกับเบาะแล้วรวบรัดรีบคาดเข็มขัดนิรภัย (เพิ่งเห็นว่ามันไม่ได้คาด) และผละออกมา เหยียบคันเร่งออกรถต่อเมื่อไฟเขียวสว่างจ้าขึ้นมากลางแยก
คนที่นั่งหน้ามึนอยู่เปลี่ยนเป็นหน้ายู่ทันที แต่ก็ไม่ได้ทัดทานอะไร นั่งเรียบร้อยหัวโขกกับกระจกอยู่อย่างนั้นจนถึงบ้าน
“เอ้า ลงมาได้แล้ว”
พูดไปงั้นแหล่ะครับ สุดท้ายก็ต้องเป็นคนลากมันมายืนอยู่กลางห้องนอนได้สำเร็จ
“ไปอาบน้ำด้วย เหม็น”
มันยังยืนงงอยู่อย่างนั้น ก็นับว่ายังมีสติพอสมควรแหล่ะครับ เพราะมันรู้ว่าผมจะไม่ยอมให้ขึ้นเตียงเด็ดขาดถ้าตัวยังสกปรกหรือยังไม่ได้อาบน้ำล้างเท้าให้เรียบร้อย
ผมกำลังหันหลังทำธุระ อยู่ๆ ก็ต้องหันหน้ากลับมาเมื่อได้ยินเสียงเพลงบรรเลงขึ้นมา เป็นแค่บทเพลงที่มีแต่ดนตรีจังหวะช้าๆ แต่เซ็กซี่… บอกได้ยังไงน่ะเหรอ อาจจะเพราะว่าไอ้ตัวแสบที่ยืนอยู่ตอนนี้มันเริ่มโยกเบาๆ ตามจังหวะ และแล้วผมก็เจอต้นตอของเสียเพลง…. มาจากมือถือไอ้หนูที่ตอนนี้ถูกวางลงบนเตียงนั่นเอง
ว่าจะถามมันซักหน่อยว่าเปิดเพลงทำไม ไปอาบน้ำอาบท่าไป… แต่ก็ต้องกลืนคำพูดพร้อมน้ำลายตัวเองลงคอแทบไม่ทัน เมื่ออีกฝ่ายปลดกระดุมเสื้อออกช้าๆ และถอดมันออกมาจากตัวจนเห็นผิวหนังขาวเนียน หน้าอกแน่น และหน้าท้องเป็นลอนเรียงบางๆ ไหนจะสะโพกกับเอวที่โยกเข้าจังหวะเบาๆ ทำเอาผมหายใจติดขัดพิกล
ไอ้มิกกี้ยิ้มได้ใจเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้เอ่ยปากว่าอะไร แถมยังจ้องจนตาถลนอีกต่างหาก มือข้างนึงของมันปล่อยปัดป่ายตามจังหวะ ส่วนอีกข้างที่ว่างก็ลูบตั้งแต่หน้าอก… เลื่อนไล้ลงมาที่หน้าท้องจนถึงปลายสะดือ เลื้อยเข้าไปในขอบกางเกงในที่โผล่พ้นยีนส์ขึ้นมา ก่อนจะเปลี่ยนมาปลดกระดุมยีนส์ออกช้าๆ
เสียงซิบที่รูดลงจนสุดทำเอาใจผมตกแทบจะหล่นถึงตาตุ่ม… คราวนี้จะมาไม้ไหนอีกล่ะไอ้หนู พอเห็นอย่างนั้นผมก็เลยยืนกอดอกมองอีกฝ่ายว่าจะทำอะไรต่อไป แต่ปากนี่ไม่รู้เผลอยิ้มตั้งแต่ตอนไหน
….ฟุ่บ…
กางเกงยีนส์หนาร่วงลงกองกับพื้น เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น มันเหมือนหนังเกินไป ไอ้มิกกี้มันเดินเข้ามาใกล้ผมทั้งๆที่กางเกงเปิดอ้าเห็นกางเกงในตัวจิ๋วสีขาวชัดเจน
“เฮีย…ถอดกางเกงให้หน่อยสิ ผมมึนหัว”
ผมคิ้วขมวดที่โดนใช้ แต่ตอนนี้ไอ้มือเจ้ากรรมมันคว้าหมับเข้าบั้นเอวอีกฝ่ายไม่รู้ตัว… ก่อนที่จะค่อยๆ รูดขอบกางเกงลง ส่วนปากผมก็วนเวียนอยู่กับปากและแก้มเจ้าหนู กลิ่นเหล้าจางลงเยอะแล้วอาจจะเพราะเหงื่อที่ไหลโชกออกมาตามตัวด้วยความตื่นเต้นก็เป็นได้ ผมว่าตอนนี้ไอ้มิกกี้มันสร่างเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่แค่อยากแกล้งยั่วผมไปงั้น อารมณ์ไหนของมันนะเนี่ย
เมื่อกางเกงพ้นเอวลงมา ผมก็ต้องย่อตัวลงนั่งชันเข่าเพื่อดึงมันออกจากขาไอ้หนู ก็เล่นใส่กางเกงเดฟนี่ครับ เวลาถอดมันจะไปพรึ่บพรั่บได้ไง บอกกี่ครั้งแล้วอย่าใส่ให้มันลีบมาก อารมณ์เสียเวลาจะถอดที แต่คราวนี้ผมกลับใจเย็น… ค่อยๆ ดึงขามันออกทีละข้างจนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่ากับกางเกงในตัวเล็กปกปิดน้องน้อยขนาดพอกึ่มอยู่
“ตัวนี้ล่ะ… ให้ถอดด้วยรึเปล่า?” ผมไล้ริมฝีปากแถวต้นขาอีกฝ่ายทั้งๆ ที่นั่งอยู่ สองมือลูบไล่ขึ้นไปจนถึงสะโพก ก่อนจะลงมือขยำเล่นเบาๆ ไอ้มิกกี้ร้องอือตัวงอหลบปากผมที่กำลังขึ้นมาถึงจุดสำคัญใหญ่… แต่ใครจะไปทำให้สมใจล่ะ แกล้งกันดีนักนะ
“ถ…ถอดด้วยก็ดี จะได้อาบน้ำไง”
ไอ้ผมก็ว่าง่าย… ลุกขึ้นยืนเพื่อไปจูบปากแดงเถือกนั่น ก่อนจะใช้นิ้วเกี่ยวกางเกงในตัวเดียวลงช้าๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ช้าๆ..............ช้าๆ..................
ฆ่าคนแต่งทีละช้าๆ............. 