ตอน 39
ผมโยนกุญแจรถลงบนโซฟาอย่างไม่สนใจใยดีเท่าไรนัก… .ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงด้วยความรวดเร็วทันทีที่เห็นโน้ตแปะไว้หน้าทีวี
‘ผมไปเที่ยวฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนนะ… อีก 4-5 วันกลับ’
ฮึ่ม….มันน่านัก!!
เศษกระดาษสีส้มใบเล็กในมือถูกขยี้จนเละตุ้มเปะ… ทันทีที่สมองสั่งการ ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดโทรออก ยิ่งใจร้อนทุกอย่างยิ่งดูช้าอย่างน่าหงุดหงิด แม้แต่เสียงรอสายยังดูน่ารำคาญสำหรับผม
((คร้าบบบ)) เสียงอีกฝ่ายตอบรับผ่านทางโทรศัพท์มาใสแจ๋ว บวกกับเสียงลมที่ทวนเข้ามาจนแทบอื้อหู
“อยู่ไหน?”
((อะไรนะ??))
“มิกกี้! ถามว่าอยู่ไหน!” ผมเริ่มฉุนขาดแล้วสิครับ ดูเหมือนมันไม่สนใจผมเลยสักกะนิด…แถมยังได้ยินเสียงเพื่อนเจื้อยแจ้วรอบข้างเต็มไปหมด
((เอ๋ อ้าว เฮียเองเหรอ….อยู่บนรถ))
“ไปไหน!?”
((หัวหิน)) พระเจ้า….มันกำลังจะไปหัวหิน ผมอยากจะบีบโทรศัพท์ให้แหลกคามือ
“แล้วนี่ไปกับใคร ฮัลโหล….ฮัลโหล เฮ้”
((….กับเพื่อน เฮ้ย ไอ้เชี้ย มรึงอย่ากินของกรู ฮัลโหลๆ))
“เพื่อนไหน?...ใครขับรถไป ปลอดภัยรึเปล่าเนี่ย”
((เฮีย เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ))
ไม่ทันผมจะได้ถามอะไรอีก เจ้าหนูก็กดตัดสายไปทันที…ยิ่งเพิ่มความโมโหมากกว่าเดิมสามสิบหน่วย ผมถอนหายใจดังพรืด ล้มตัวลงนอนบนเตียง… โทรกลับไปหาอีกทีก็ไม่รับ นี่มันอะไรกันวะเนี่ย
อย่าหาว่าผมอะไรกับมันเลย แต่เมื่อก่อนล่ะ เฮียอย่างงู้น เฮียอย่างงี้…เหอะ พอเจอเพื่อนล่ะสะบัดตูดหนีกันไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ ไอ้วัยรุ่นน่ะก็เคยเป็นอยู่ ทำไมจะไม่รู้ว่าอยู่กับเพื่อนมันสนุกขนาดไหน… แต่ตอนนั้นเราทำอะไรวะ รู้สึกว่าก็ไม่ได้อยู่กับเพื่อนมากมาย….อ้อ มัวแต่ใช้เวลาดูแลไอ้เจ้ามาร์ชนี่เอง จะว่าไปกรูก็ติดน้องนี่หว่า ต่อไปจะติดเมียก็ไม่เห็นแปลก ชิ
ผมควานมือออกไปข้างๆ แล้วก็สะดุดกับเจ้าห่อกระดาษสีน้ำตาลที่เอามาวางไว้ก่อนที่จะหยิบโน้ตนั่นดู…. หยิบมันขึ้นมามองแล้วก็ต้องวางลงด้วยเสียงถอนหายใจอีกครั้ง เฮ้ออออ…เหนื่อยใจว่ะ ทำไมอะไรอะไรชอบไม่เป็นอย่างที่คิดวะ ตลอดเลย ให้ตายสิ นี่ก็กะว่าจะหาอะไรอร่อยๆ กินซักหน่อย…แล้วก็พาไอ้หนูไปกินของหวานที่มันชอบ แพลนทุกอย่างเป็นอันต้องพับเก็บไว้
4-5 วันเลยเหรอ…. นานไปรึเปล่าหะไอ้ตัวยุ่ง นี่กะจะทิ้งกันไปเลยใช่มั้ย ปกติเคยห่างกันที่ไหน ไปโดยไม่ยอมบอกกล่าว…หรือมันกลัวเราไม่ให้ไป? ถ้ามาขอตัวต่อตัวก็จะไปให้ไปอยู่แล้วแท้ๆ ก็แค่อาจจะถามมากหน่อยเท่านั้นว่าไปยังไง กับใคร พักที่ไหน นานเท่าไหร่…. แล้วก็จะจับมันฟัดซักทีสองทีก่อนให้หายคิดถึง แต่นี่….มันมากไปหน่อยมั้ย? เฮ้ออออ
เอาวะไอ้แดน….จะมาอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนา กะอีแค่แฟนไปเที่ยว ทำจะเป็นจะตาย… เลิกๆ เลิกคิดเว้ย
หลังจากวันนั้นผมก็พยายามที่จะหาอะไรทำเพื่อให้เลิกคิดเรื่องไอ้หนู…. ความจริงมันก็ไม่ได้มานอนคอนโดหลายวันแล้วตั้งแต่ช่วงสอบ จะทนต่ออีกหน่อยเป็นไรไป แค่ 4-5 วันเอง…
ถ้ามันไม่….
“ฮัลโหล…วันนี้เป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนมา?”
((ไม่ได้ทำไรมากเลย แค่เล่นน้ำก็เหนื่อยจะตายแล้ว))
“เหรอ…แล้วนี่ไปกันหลายคนอย่ากินเหล้าอะไรให้มันมากนักล่ะ”
((โห ไรกันเฮีย มาเที่ยวห้ามกินเหล้าจะไปมันส์อะไรล่ะ….)) แล้วสักพักก็มีเสียงแทรกเข้ามาตามสายเหมือนเคย ผมล่ะไม่เข้าใจเลยว่าไอ้พวกนี้จะปล่อยให้เพื่อนมันคุยโทรศัพท์อย่างสบายใจไม่ได้เหรอวะ
“ไม่ได้ห้าม แต่บอกว่าอย่ากินเยอะ”
((เฮีย…แค่นี้ก่อนนะครับ เพื่อนมันเรียกแล้ว))
แล้วมันก็ตัดสายผมไปตามระเบียบ…. หรือจะเป็นวันก่อน ที่ผมโทรไปแล้วถามไถ่อะไรไม่ได้มากเหมือนเคย ก็มีเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามากลางสาย
“อะไรเนี่ย….มีผู้หญิงไปด้วยงั้นเหรอ?”
((อ่ะ….เอ่อ อืม ก็เพื่อนในคณะนี่แหล่ะ ไปกันหลายคน))
“ไม่เห็นบอกตั้งแต่แรก”
((ก็ไม่รู้จะบอกทำไมนี่…))
เสียงของอีกฝ่ายในสายดูอึดอัดพิกลจนผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ….เมื่อก่อนมันไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยจริงๆ ทุกครั้งที่ผมโทรหาจะทำน้ำเสียงร่าเริงจนแอบอมยิ้มไม่ได้ แต่คราวนี้ทุกครั้งที่ผมโทรหามันจะคุยเสียงเบา และพยายามตัดสายหนีทุกครั้งที่มีโอกาส คุยกันที่ไม่เคยเกิน 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ
แต่ผมก็พยายามคิดอย่างเข้าข้างตัวเองอยู่นะ…. ไปกันหลายคนแบบนั้นคงยุ่งวุ่นวายน่าดู ใครจะมีเวลามาคุยโทรศัพท์นานๆ ฟะ เอาน่า…อย่าคิดอะไรให้มันมากนักเลย ถ้าไม่ได้เห็นกับตา…
ใช่…ถ้าไม่ได้เห็นกับตา
ผมขับรถจากกรุงเทพไปหัวหินสองวันถัดมา….ด้วยเหตุผลที่ว่า ในเมื่ออยากเซอร์ไพรส์แล้วก็ไปเซอไพรส์ให้ถึงที่เลยซะสิ ในหัวใจยังคงพองโตเมื่อคิดว่าจะได้เจอหน้าเจ้าหนูตัวยุ่งของผม มันคงจะแปลกใจน่าดู…. ผมจัดการเช็คอินโรงแรมที่จองไว้ แล้วขับรถออกมาแกล้งโทรหาอีกฝ่าย….มันบอกอยู่ตลาดริมทะเล…
“แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่?” ผมชะลอรถขับไปเรื่อยๆ เพื่อมองหาเซเว่นที่เจ้าตัวบอกว่ากำลังซื้อของอยู่กับเพื่อนๆ
((ก็รอไอ้นัทน่ะสิ….หายไปเข้าตั้งนาน กะจะเหมาร้านเค้าแล้วมั้ง ยิ่งเมาค้างกันอยู่ด้วย ไอ้นี่ทำหน้ามึนทั้งวัน ฮ่าๆๆ))
“หึหึ ปกติหน้ามันก็มึนอยู่แล้วนะ” ผมหัวเราะไปตามสาย…อ๊ะ นั่นไงเจอแล้ว กลุ่มใหญ่ทีเดียวครับ และที่สำคัญกลุ่มมันสังเกตยากซะที่ไหน เด่นขนาดนั้น…แต่ละคนก็ไม่ค่อยจะปกติ-*-
((เฮียใจร้ายว่ะ เดี๋ยวฟ้องไอ้นัท คึคึคึ))
ผมยิ้ม…จอดรถเข้าข้างทางอีกฝั่งถนนของเซเว่น มองเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังยืนส่งเสียงดังเฮฮาอยู่หน้าร้าน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายปะปนกันไป แต่ละคนแต่งตัวกันสุดฤทธิ์….คนเยอะเสียจนผมยังมองไม่เห็นไอ้ตัวยุ่ง หลังจากที่ชะเง้อคออยู่ได้พักใหญ่ผมก็ได้เห็นมันเต็มๆ ตา….
อีกฝ่ายอยู่ท่ามกลางเพื่อนรอบล้อมมากมาย ใบหน้าขาวที่คุ้นตาใส่เสื้อยืดสีขาวสะอาดสะอ้านตัดกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าใสเข้ากับบรรยากาศ รอยยิ้มบนใบหน้าที่ทำให้ผมอยากกระโจนไปกัดทุกครั้งที่เห็น…มือข้างหนึ่งยังคงจับโทรศัพท์ไว้แนบหู ปากสีชมพูนั่นเจื้อยแจ้วขยับตอบผมมาตามสายบ้าง พูดคุยกับเพื่อนข้างๆ บ้าง
แต่ที่ทำเอาผมขมวดคิ้วจนแทบจะไหลรวมมาเป็นข้างเดียวกันคือ….คนที่อยู่ข้างๆ มัน หญิงสาวดูจากภายนอกน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ใส่เสื้อกล้ามสีชมพูปรี๊ด กับกางเกงยีนส์ขาสั้นกุ้ดจนแทบจะเห็นก้น เธอยืนเกาะแขนไอ้หนูของผมซะสนิทสนม … พูดง่ายๆ ถ้าคนที่ไม่รู้จักกันเดินผ่านมาเห็นคงไม่แปลกเท่าไรนักที่จะคิดว่าสองคนนี้ต้องเป็นแฟนกันอย่างแน่นอน
สักพักไอ้มิกกี้ก็ก้มลงตามแรงดึงแขนเพื่อยื่นหูไปฟังอะไรบางอย่างที่สาวน้อยคนนั้นตั้งใจกระซิบ… เสียงหัวเราะดังขึ้นมาตามปลายสายในมือถือผม… เสียงหัวเราะของไอ้หนู….
“อยู่กับเพื่อนๆ เหรอ” ไม่รู้ว่าจะถามอีกทำไม…ในเมื่อเห็นอยู่กับตา ผมรู้สึกตัวเองโง่ไปถนัด
((อื้ม…เฮียๆ ทะเลที่นี่สวยมากอ่ะ คราวหน้ามาด้วยกันนะ)) ผมยิ้มให้กับเสียงร่าเริงของคนปลายสาย…แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่สองคนนั้น… มือเค้าจับกัน
“….จะดีเหรอ”
((ดีสิ ทำไมล่ะ))
“ก็ตอนนี้มาแล้วน่ะสิ….”
ผมเปิดประตูรถลงไป…เสียงเงียบไปจากปลายสาย สายตาผมจับจ้องอยู่ที่ร่างนั้นตรงข้ามฝั่งถนน รถที่สวนไปมายังทำให้ผมข้ามไปไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไม…. รู้สึกอยากจะพุ่งเข้าไปให้รถชนซะ จะได้เรียกร้องความสนใจคนตรงหน้าให้หันมาเจอผมเสียที
เจ้าหนูยังคงถือโทรศัพท์ค้างอยู่ในมือ… เริ่มมองเลิกลั่กซ้ายขวาเพื่อมองหาบางอย่าง หรือ บางคน?

ขายาวสองข้างเริ่มก้าวไปข้างหน้าทันทีที่ถนนว่าง… ทำไมมันเหมือนหนังใบ้แบบนี้วะ ผมรู้สึกราวกับว่ารอบข้างถูกหยุดเวลาเอาไว้ ประจวบเหมาะกับที่คนตรงหน้าหันหน้ามาเผชิญกันพอดี มันอ้าปากค้าง มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ลดลง แต่คงยังไม่รู้ตัวว่ามืออีกฝ่ายถูกฝ่ายหญิงกอบกุมไว้แน่นอยู่….
อยากจะยิ้มนะ…. อยากจะบอกว่า คิดถึง อยากจะเข้าไปกอด… แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงทำอย่างที่คิดไม่ได้สักอย่าง ในหัวมันปวดตุ๊บๆ ราวกับสมองจะระเบิดออกมา ทำไม…. ทำไม….
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจยิ้มออกไป… แต่มันคงฝืนน่าดู สักพักเพื่อนกลุ่มมันก็เริ่มเห็นผม ส่งเสียงทักกันระนาว หลายคนเข้ามาไหว้ หลายคนที่สนิทหน่อยก็เข้ามากอด… ส่วนเป้าหมายของผมยังคงยืนนิ่ง ครู่หนึ่งมันถึงครี่ยิ้มออก
“เฮีย…มาตอนไหน” อีกฝ่ายจะเข้ามาหาผม แตติดที่โดนคนข้างๆ รั้งเอาไว้แบบไม่ได้ตั้งใจ
“เมื่อกี้…ไม่นาน” ผมตอบเสียงในคอแห้งผาก สายตายังคงจับจ้องมือที่ทั้งสองจับกัน
“อ๊ะ…กวาง ปล่อยก่อน” มิกกี้หันไปกระซิบเสียงเบาบอกสาวน้อยคนข้างๆ จนเธอร้อง โอ๊ะ อย่างลืมตัว แล้วปล่อยมือเรียวออกจากแขนขาวของไอ้หนู
ผมเห็นแบบนั้นยิ่งรู้สึกปวดหัวจนอยากจะเอาไปโขกกับอะไรแข็งๆ ให้มันหายซะที…แมร่งเอ้ย กรูเป็นบ้าอะไรวะ มันไม่น่าแปลกไม่ใช่เหรอ จะมาอึ้ง มาตกใจทำห่าไรวะ ยิ้มสิวะ ยิ้ม มันเป็นเรื่องปกติเว้ย…
“หึ…แล้วนี่จะไปไหนกัน?” ผมเอ่ยถามเด็กๆ ทั้งหลายอย่างเป็นกันเอง ถอยหลังมาก้าวหนึ่งเพื่อให้พ้นจากตัวเจ้าหนูที่ตอนนี้เดินเข้ามาเพื่อเกาะแขนผม หน้ามันเจื่อนลงถนัดตา ….
“เดี๋ยวจะเดินฟากนู้นน่ะเฮีย เห็นเค้ามีตลาดนัด สาวๆ อยากไปช็อปปิ้ง” ไอ้เป้ตะโกนตอบกลับมาพร้อมกับเสียงเพื่อนมันสำทับ สาวๆ รอบกายทำหน้าตื่นเต้นตาเป็นประกาย บ้างก็ยืนเป็นกลุ่มกันเอง บ้างก็กอบกุมมือแฟนตัวเอง
“เหรอ…ดีจังนะ มากับสาวๆ แบบนี้” ผมยังคงยิ้ม ละเลยสายตาอีกฝ่ายข้างหน้า…
“เฮียมาด้วยกันดิ ไอ้กี้จะได้หายคิดถึง ใช่มั้ยวะ” ไอ้นัทเดินเข้ามากอดคอคนที่ตัวเองเอ่ยชื่อ มันหันหน้าไปมองเพื่อนทีนึงแล้วยักคิ้วให้ แต่ดูท่าทางอีกฝ่ายจะไม่มีอารมณ์เล่นด้วย ก็คิ้วขมวดซะขนาดนั้น…
“เที่ยวกันเฮฮาขนาดนี้ คงไม่มีใครเค้ามีเวลามาคิดถึงหรอก” ผมอดไม่ได้ที่จะประชดออกมา ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ…ในเมื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันชัดเจนออกจะขนาดนี้
“โอ๋ๆๆๆๆๆ เฮียงอลลลลลลลลลลลลว่ะ”
สักพักเสียงฮาก็ดังครืนอยู่หน้าเซเว่นแบบนั้น พวกเพื่อนทั้งชายและหญิงต่างหัวเราะกันเสียงดัง….ยกเว้นแต่สองคนที่ยืนมองหน้ากันนิ่ง เหมือนเจ้าหนูจะพยายามพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็โดนขัดจังหวะโดยเพื่อนตัวดีทั้งหลาย อีกทั้งผมไม่ปล่อยโอกาสให้ได้พูดด้วย ทำเป็นหัวเราะเฮฮาไปกับพวกมันแทน

“เอาล่ะ…ไปสนุกกันเถอะ คนแก่ไม่อยู่ให้กวนใจแล้ว” ผมว่าอย่างนั้น มือกำกุญแจรถแน่น…สาวน้อยที่ชื่อกวางเดินเข้ามาเกาะแขนเจ้ามิกกี้อีกครั้ง และดูเหมือนพยายามชวนคุยอะไรบางอย่าง ไอ้หนูหันไปเออออตาม แต่ก็หันมามองเป็นระยะ…ด้วยสายตาตัดพ้อ
“อ้าว แล้วสรุปนี่เฮียมาหัวหินทำไมอ่ะ นึกว่าจะไปเที่ยวด้วยกันซะอีก” ไอ้เป้ยังคงพูดขึ้นด้วยความกังขา
“อ้อ…ก็ตอนแรกกะจะมาเที่ยวกับแฟน แต่ดูเหมือนจะโดนทิ้งซะแล้ว”
ผมหัวเราะ….แต่ดวงตาไม่ได้หัวเราะด้วย พูดเองก็เจ็บเอง เออ บ้าเปล่าวะไอ้แดนเอ้ย…ไอ้โง่ โดนสวมเขาแบบจังๆ แถมยังโดนเด็กหลอกอีกต่างหาก ฮาน่าดูว่ะ…ชีวิต
“เฮ้ย อย่างเฮียเนี่ยนะถูกทิ้ง…ไม่จริงม้างงง” ตอนนี้ไอ้หนูมันไม่สนใจกวางแล้วครับ ทำท่าจะเดินเข้ามาหาผมลูกเดียว แต่ผมก็ถอยหลังไปอีกครั้ง… ไม่มองอีกฝ่าย
“งั้นแยกกันเลยละกัน…โชคดีล่ะ เที่ยวให้สนุก”
ผมเน้นประโยคสุดท้ายและหันไปมองเจ้าหนูเป็นครั้งแรก…สายตาเราสบกัน ลอบได้ยินเสียงเรียก ‘เฮีย…’ เบาๆ แต่ผมก็ไม่ได้หันไปมองอีกครั้ง เจ้าพวกเพื่อนมันคงกำลังมันส์มากจนไม่ได้สังเกตความสัมพันธ์ที่แปลกไปของเราทั้งคู่…
ผมหันหลัง สองขาก้าวฉับๆ กลับไปที่รถอย่างเร่งด่วน
“เฮีย…เฮีย! เดี๋ยว รอด้วย!”
ถ้าผมคาดไม่ผิดไอ้หนูคงกำลังวิ่งตามผมมา แต่ผมก็ไม่ได้รออย่างที่มันอยาก…หยิบกุญแจขึ้นมากดปลดล็อกรถ และก้าวขึ้นฝั่งคนขับทันที
…ปัง…
เสียงเปิดประตูอีกฝั่งและปิดลงดังขึ้น…ไอ้ตัวยุ่งของผม ไม่สิ… ไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว มันเข้ามานั่งฝั่งข้างๆ สายตาน้อยใจแสดงออกมาเห็นอย่างชัดเจน
“ทำไมไม่รอผม…”
“ลงไป” ผมตอบเสียงเข้ม หยิบแว่นกันแดดสีเข้มขึ้นมาใส่ และสตาร์ทรถ
“ไม่ลง! เฮีย…ทำไมไม่รอผม ทำไมไม่คุยกับผม” อีกฝ่ายยื่นมือมาแตะข้อมือผมที่วางไว้บนพวงมาลัยรถ…
“มิกกี้…”
“….” คนข้างๆ เงียบเสียงลงเพื่อรอฟังว่าผมจะพูดอะไร
“ทำไมไม่บอก… แค่บอกมาทุกอย่างก็เรียบร้อยเอง ไม่เห็นต้องทำลับหลังกันแบบนี้” ผมรู้ว่าเสียงตัวเองแข็งมาก…แข็งจนน่าใจหาย ช่างแตกต่างกับหัวใจตอนนี้ที่มองมันด้วยหางตาแล้วแทบจะอ่อนยวบ สายตาน้อยๆ นั่นมองผมอย่างสับสนและไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้…. ณ วินาทีนี้ ผมไม่ทนที่จะฟังอะไรแล้ว
“ผม….ผมขอโทษ แต่…”
“ช่างมันเถอะ ลงไป”
“ไม่เอา ไม่ลง ผมขอโทษ เฮีย ผมขอโทษ…” เสียงเจ้าหนูเครือเหมือนพยายามกลั้นอะรบางอย่างเอาไว้ มันเกาะแขนผมแน่น
“มิกกี้…” ผมกัดฟันแน่น…ปัดโธ่เว้ย อย่ามาทำหน้าแบบนี้ให้เห็นได้มั้ย!
“เฮีย…ผมกับกวาง…”
“ลงไป!”
เสียงของผมคงตวาดดังมากจนอีกฝ่ายข้างๆ สะดุ้ง มือเล็กนั่นสั่นเทา…ก่อนจะเอื้อมไปเปิดบานประตู และหย่อนขาลงออกไปยืนข้างนอก ร่างกายนั่นดูผ่านๆ เหมือนคนที่แทบจะล้มทั้งยืน
ผมมารู้ตัวอีกทีก็กดคันเร่งจนแทบมิด เสียงล้อเสียดสีกับถนนดังเอี๊ยดจนคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว
เบื้องหลังทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง….

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฆ่าไอ่เฮียแดน....เอ้ย ไอ่เฮียคนแต่งดีกว่ามั้ง
