Part 25
ผมมองหาทั่วบริเวณคาเฟ่ก็ไม่เจอไอ้ลูกลิง… เผลอแป๊บเดียว หายไปไหนอีกแล้ววะ!?
“อ่าว น้องกี้ล่ะ?” ความรู้สึกช้าได้อีกไอ้เชี้ยไมล์ ผมลองโทรเข้ามือถือ… ไม่รับ
“มรึงไปดูทางนู้นเลย เดี๋ยวกรูไปดูทางนี้เอง” ผมตบหัวเพื่อนรักเรียกสติ ก่อนที่จะโยนแฟ้มทุกอย่างใส่มือมัน แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ตาสอดส่องไปทั่วเพื่อมองหาไอ้ตัวดี …เผลอหน่อยเดียวหายไปอีกแล้ว
แต่ก่อนอื่น… มาดูที่โต๊ะ อ่าว… กระเป๋าและข้าวของส่วนตัวยังวางอยู่ครบ บนโต๊ะมีกระดาษวาดรูปที่เหมือนวาดค้างไว้ ไปไหนเนี่ย ทำไมประมาทแบบนี้ ดีนะของไม่ได้หายไป สักพักผมก็ได้ยินเสียงจาม ฮัดเช้ย ไม่ไกลไม่ใกล้มาก เลยมองออกไปตรงระเบียงกว้างที่เป็นสวนด้านนอกตัวตึกเอาไว้สำหรับชมวิว… โธ่ อยู่นี่เอง เล่นซะกรูตกใจ
ผมโทรบอกไอ้ไมล์ว่าเจอแล้ว มันเลยบอกว่าเดี๋ยวมันกลับเอง… เพราะมีธุระแถวนี้ต่อ เชิญพลอดรักกันตามสบาย เออ ขอบใจมาก… เฮ้ยยย ไม่ใช่ละ = = ผมมองไอ้ตัวยุ่งที่ยืนเกาะขอบระเบียงสูงเทียมอก เหม่อมองออกไปข้างนอก ลมพัดแรงจนผมเผิมยุ่งไปหมด

“มาทำอะไรตรงนี้” ผมพาดแขนเข้ากับราวระเบียงข้างๆ อีกฝ่าย… ไอ้มิกกี้เงยหน้าขึ้นมามองนิดนึง ก่อนที่จะหันไปมองวิวตามเดิม
“…เสร็จแล้วเหรอ”
“อืม” ผมยื่นมือไปลูบหัวมันจนตัวเจ้าหนูส่ายตามแรงไปมา
“อื้อออ ไม่ใช่หมานะ” เจ้าตัวว่าอย่างงั้น พร้อมกับยกมือขึ้นมาจับมือผมเพื่อให้หยุดเขย่าเสียที
“อ่าวเหรอ หึหึ”
มันทำหน้ายู่ทีหนึ่ง จนผมปล่อยมือจากหัวเปลี่ยนมาเป็นที่บ่าน้อยนั่นแทน และตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเจ้าหนูมันยื่นสั่นน้อยๆ คงเพราะลมแรงแถมยังเย็นอีกต่างหาก… ใกล้หน้าหนาวแล้วนี่นะ ว่าแล้วเลยดึงอีกฝ่ายเข้ามาแนบตัว… หัวมันกระทบอกผมเบาๆ
“เข้าไปข้างในเถอะ อากาศเย็นแล้ว” มิกกี้พยักหน้า ทำตัวสะท้านเล็กน้อยก่อนจะยอมเดินตามแรงดึงของผมเข้ามาข้างใน จนมาที่โต๊ะ
“อ่าว พี่ไมล์ล่ะ?”
“ไปธุระต่อ…”
ผมตอบ รีบช่วยเจ้าหนูเก็บของใส่กระเป๋าลวกๆ… มันยังคงยืนงงอยู่แบบนั้นจนผมสะกิดสองสามทีให้เดินตาม
“เย็นนี้อยากกินหมูกรอบผัดพริกเผา” ผมพูดลอยๆ แบบไม่ได้เจาะจง แต่แอบเห็นไอ้มิกกี้เชยตาขึ้นมามอง แล้วยิ้ม…
“ร้านไหนล่ะ?” แน่ะ..ถามแบบนั้นแล้วอมยิ้มทำไม
“…เดี๋ยวไปซื้อผักกับหมูที่ซูเปอร์” ผมแกล้งทำเป็นไม่สน เดินนำหน้าลิ่วๆ ไปเลย จะตามไม่ตามล่ะ…กระเป๋ามันอยู่กับผมนี่
“ใครบอกจะทำ!” ไอ้มิกกี้วิ่งตามหลังผมมา โวยวายดึงกระเป๋าตัวเองไปด้วย
“มันต้องใช้อะไรบ้างนะ… เดี๋ยวซื้อหมูกรอบไปเยอะๆ ชอบ”
“ซื้อทำไม มีอยู่ในตู้เย็นอยู่แล้ว… เอ้ยย! ผมไม่ทำนะ!” เจ้าหนูยังคงโวยวายไม่เลิก มันเดินล้อมหน้าล้อมหลังผม โบกไม้โบกมือ ทำหน้ามู่ทู่เมื่อเห็นว่าไอ้คนตัวใหญ่ตรงหน้าไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ทำก็ไม่ทำ เดี๋ยวไปหาคนมาทำให้กินเอง”
เพียงแค่นั้นแหล่ะครับ… ไอ้หนูยืนนิ่ง หน้างอ ไร้แววดี๊ด๊าโวยวายแบบเมื่อกี้ลงไปถนัดตา… ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ไงล่ะ ถึงน่าแกล้งเป็นที่สุด
“ล้อเล่นน่ะ หึหึ” ผมถอยหลังไปนิดนึง หมายจะคว้ามือเจ้ามิกกี้มาไว้ในมือ แต่มันดันรีบซ่อนมือตัวเองไปข้างหลัง ไม่ยอมให้ผมจับ
“มาเร็ว…จะทำไม่ทำ หืม?” ผมสอดมือไปด้านหลังมัน แล้วคว้ามืออีกฝ่ายมาจับได้สำเร็จ
“…ก็ได้ ฮึ่ย” ไอ้มิกกี้ตอบอย่างอารมณ์เสีย แต่ก็ยอมให้ผมจูงไปไหนมาไหน รู้นะ…แอบชอบล่ะสิ ก็กำมือผมไม่ยอมปล่อยเลยนี่
……………………..
ในที่สุดเราก็มาถึงคอนโดครับ… แต่ยังไม่ได้ขึ้นห้อง เพราะจะมาซื้อของที่ซูเปอร์ข้างล่างก่อน ที่นี่ดีก็ตรงที่มีร้านรวงต่างๆ คอยอำนวยความสะดวกสบายมากมาย อย่างร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านเสริมสวย ร้านข้าวแกงยันร้านอาหารอิตาลี และที่สำคัญ…ซูปเปอร์มาเก็ต
ผมสั่งให้ไอ้หนูเดินไปหยิบรถเข็น… มีเด็กมาด้วยก็ดีแบบนี้แหล่ะ ใช้งานมันมากๆ ไอ้นี่มันก็ซื่อ… เดินดุ่ยๆ ไปลากรถเข็นมาโน่นแล้ว ทำหน้าแบ๊วได้อีก (หรือหน้าเอ๋อก็ไม่รู้ ผมชักแยกไม่ค่อยออก)
“อยากกินอะไรก็หยิบเลย” ผมบอก แล้วเดินตามมันไป
เรื่องซื้อของกินเนี่ยต้องยกให้มันล่ะครับ ก็ผมทำอะไรเป็นที่ไหน อย่างที่บอกว่าของสดในตู้เย็นห้องผมเนี่ยแทบล้นก็เพราะไอ้มิกกี้นี่แหล่ะ มันขยันลงมาซื้อยัดๆ ใส่ไว้ ไม่รู้ทำไมไม่เอาไปไว้ห้องมัน… อ๋อ คงเพราะต้องมาใช้ครัวห้องผม ครัวห้องมันกลายเป็นห้องวาดรูปและลองสีไปแล้ว -*-
คาดว่านี่คือถิ่นมัน… แพราะจ้าหนูเดินนำลิ่วๆ ไปแล้ว มันเลาะนู่นเลาะนี่ หยิบของใช้ใส่ลงก่อน เช่น พวกผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ครีมล้างหน้าใส่รถเข็น… ลืมบอกว่าหมอนี่น่ะทำงานบ้านเองหมดนะ ถึงจะไม่ค่อยทำก็เถอะ มันบอกไม่ยอมส่งซักรีดเพราะคนซักใช้น้ำยาไม่โดนใจ (มันมีน้ำย่สูตรพิเศษมาจากบ้านที่ยายเป็นคนทำเอง) แถมยังซักไม่สะอาด มันต้องซักมือเท่านั้น! เพราะฉะนั้นบางวันก็จะได้ยินเสียง ฟืด ฟืด มาจากระเบียงข้างห้อง นั่นคือเสียงไอ้มิกกี้กำลังซักผ้าในกะลามังครับ
พระเจ้า…ถ้าให้ตรูมานั่งซักมือแบบนี้ทุกวันล่ะก็ ขอตายดีกว่า… เอวเคล็ดแน่ๆ
“เฮีย…เฮีย”
“ห..ห๊ะ?” เสียงเจ้าหนูทำให้ผมตื่นจากภวังค์ มองไอ้ตัวเล็กที่ยืนถือผักชนิดหนึ่งอยู่ในมือ
“เฮียกินผักชีรึเปล่า?” อ๋อ ใช่ครับ…มันคือ ผักชี
“จะเอาไปทำอะไร?” ผมขมวดคิ้ว ยืนพิงรถเข็นถาม
“แกงจืดผักกาด แต่จะใส่ผักชีเยอะๆ จะได้หอม…ตกลงกินได้เปล่า?”
“กินหมดทุกอย่างแหล่ะ…ขอคนทำคนเดียวกันก็พอ” ผมยิ้มเมื่อจบประโยคสุดท้าย ท้าวค้างมองดูไอ้มิกกี้วางผักชีหนึ่งมัดใส่รถเข็นอย่างลวกๆ
“เออ ดี ตายแล้วอย่ามาตามมาหลอกมาหลอนกันนะ ผมกลัว” มันว่างั้น แต่ก็ก้มหน้างุดๆ ไม่ยอมมองผม รีบเดินเข้ามาเบียดแย่งรถไปเข็นเอง นู่นนน…วิ่งเกาะรถไปไกลแล้ว ไม่ใช่ลานสเก็ตนะเว้ยเฮ้ย เฮ้อออ
ว่าแล้วผมก็เดินชิวๆ ไปหามัน หลังจากได้ของครบแล้ว ก็มาถึงโซนเด็กน้อยครับ… ไอ้มิกกี้กำลังยืนไล่สายตาดูชั้นวางขนมข้างหน้า หมอนี่น่ะชอบขนมคบเคี้ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะป๊อกกี้กับเลย์ (หึหึ) ต้องมีติดห้องไว้ไม่ต่ำกว่าครึ่งโหล… กินแต่อะไรแบบนี้ไหงตัวยังแห้งอยู่วะ อ้อ ลืมไป…มันเป็นนักบาสนี่หว่า
“อย่ากินให้มันมากนัก ไม่มีประโยชน์หรอกขนมพวกนี้” ผมว่า เดินไปดึงรถเข็นที่มันพิงอยู่ออกมาเพื่อขยับเข้าชิดริม เพราะคนเดินไปเดินมาเยอะครับ เดี๋ยวการจราจรติดขัด
“ไม่ได้กินบ่อยซักหน่อย…” มันเถียง มือหยิบเลย์รสหัวหอมมาแล้วสองถุง…
“แหน่ะ เถียงไม่ทันขาดคำ” ผมหยิบเลย์ในรถเข็นไปไว้ที่เดิม
“อ๊า~~เก็บทำไม!” ไอ้มิกกี้ร้องโวยวาย มันรีบปรี่เข้ามาหยิบถุงนั้นมาใส่รถเข็น แถมยังมีเพิ่มมาอีก 2 ถุง
“พอแล้ว! เอาไปอะไรเยอะแยะ!”
“มันไม่เน่าซักหน่อย เอาไปเก็บไว้ในตู้ไม่เห็นเป็นไรเลย!” เจ้าหนูเถียงคอเป็นเอ็น มีการปีนรถเข็นทำท่าเอามือบังกองขนมตัวเองไม่ให้ผมหยิบได้
“เก็บเกิบอะไร เห็นเอาไปทีไรไม่เคยเหลือถึง 2 วัน” ก็จริงนี่ครับ คราวก่อนมันซื้อเลย์ไปสี่ถุง… วันรุ่งขึ้นหายไปสอง เช้าวันต่อมาหายไปอีกสอง นี่มันกินหรือมันอะไรเนี่ย!?
“….แล้วไงเล่า” มันยืนทำหน้ายู่ ไม่พอใจที่ผมคัดค้าน
“มิกกี้”
“เออๆ ก็ดะ! สามก็ดะ!” มันหยิบเลย์ในรถเข็นออกไปห่อนึง
“สอง” ผมว่า ยืนจ้องอีกฝ่ายนิ่ง
“…เฮียยยย” ไอ้มิกกี้ทำเสียงอ้อน ตัวบิดตัวงอเลื้อยจะเข้ามาในวงแขนผม เอาหัวนิ่มๆ มาถูคางไปมา ดูมันสิครับ…ทำอะไรไม่อายชาวบ้านชาวช่อง เค้ายืนมองแล้วหัวเราะคิกคักแล้วเห็นมั้ย!? ขอจูบเลยดีกว่า เจ้ยย
“สอง… หมดแล้วค่อยมาซื้อ” ผมยังคงยืนกรานคำเดิม ขยี้หัวอีกฝ่ายเล่นแล้วผลักออกเบาๆ
“ชิ แก่แล้วก็เงี้ย ไม่เข้าใจวัยรุ่น” มันบ่น แต่ก็ยอมผละออกไปหยิบเลย์คืนชั้น หันมาค้อนใส่ผมทีนึง ทำปากพองลมเหมือนปลาบอลลูน นึกออกมั้ยครับ… ใช่ เหมือนปลาบอลลูนเลย ตกลงแกเป็นหนู หมาหรือปลาเนี่ยกันแน่เนี่ย? (ทำไมไม่มีคนวะ)
“พูดอะไร เดี๋ยวเถอะ”
“ป๊าวววว” มันหัวเราะ แล้วกระโดดขึ้นนั่งหน้ารถเข็น ลำบากผมต้องเข็นทั้งของในรถและไอ้ตัวยุ่งนี่ไปด้วย
“เฮีย กินติม” ไอ้มิกกี้กระโดดลงไปเกาะขอบตู้แช่แข็งเมื่อเราผ่านโซนของหวาน
“เอาขนมไปตั้งเยอะแยะแล้วยังจะกินไอติมอีกทำไม เอาทีละอย่างสิ” ผมบ่นกระปอดกระแปดเพราะแค่นี้ก็ต้องหิ้วขึ้นห้องหลังอานแล้ว
“อันนี้เฮียไม่ต้องห้ามเลย ทำผมอดกิน จะเอาใหญ่กว่าเดิมห้าเท่าเลยคอยดู” เจ้าหนูยังคงเจ้าคิดเจ้าแค้นเรื่องที่จูบมันจนทำไอติมหล่น อดแดรกไปเมื่อเช้าไม่หาย นึกแล้วก็…หวาน
“หึหึ ถ้างั้นก็ตามสบาย”
“ไม่ต้องมาหัวเราะอย่างงั้นเลย… สบายไม่สบายก็จะกินเว้ย” มันหันมาว่าผม แล้วหยิบถังไอติมรสช็อกโกแลตชิพขึ้นมา เอ่อ….ถ้ามันธรรมดาก็ว่าไปอย่างครับ นี่มันล่อของฮาเก้นดาซเลย แสรดดด อย่างมรึงกินวอลล์ก็พอแล้ว เสือกล่อยี่ห้อแพง
“เฮ้ยๆ เอาเล็กกว่านั้นก็ได้ จะกินหมดรึไง” ไม่บอกว่าแพง กลัวเสียฟอร์ม กร๊าก
“ไม่หมดก็เก็บในช่องฟรีซได้” เออ..เด็กมันฉลาดว่ะ หรือกรูโง่วะ??
“จ่ายให้ด้วย” มันหันมามองผมหลังจากวางถังไอติมลงในรถเข็น
“คร้าบๆ คุณชาย เอาอะไรอีกมั้ยครับ จะได้ลากตรูดกลับขึ้นห้องซักที บ่าวคนนี้หิวชิบหายแล้ว”
“ดีมาก” มันเดินมาตบบ่าผมปุๆ อีกมือไขว้ไว้ข้างหลัง ท่าทำอย่างกับคุณหลวงนะมรึง
“ลามปามละๆ ปั๊ดเหนี่ยวให้เยี่ยวแตก”
ผมไม่ได้พูดเปล่า แต่ยกมือขึ้นทำท่าจะตบกะโหลกไอ้ตัวเล็กด้วย… เจ้าหนูรีบวิ่งหลบ หัวเราะร่าไปช่องจ่ายเงินทันที มีการหันมาแลบลิ้นยิงตาให้อีก น่ารักตรงไหนเนี่ย… ใครบอกว่ามันน่ารักห๊ะ?? พูดอะไรก็ไม่เชื่อฟัง แถมยังซนเป็นลูกลิงอีกต่างหาก มันน่าจับตีซะให้เข็ด
………………………..
“เร็วๆ ให้ว่องไอ้ลิง” ผมเดินถือของเต็มสองมือเดินมารอหน้าห้อง มองไปที่เจ้าหนูที่เดินหอบ สองมือถุงขนมกับข้าวของของมัน เหยื่อแตกซ่ก
“…เดินเช้าๆ หน่อยเด่ะ แก่แล้วไมยังอึดอีกวะ” มันมายืนพิงหน้าห้อง วางของลงกับพื้นหอบแฮ่ก รอผมไขกุญแจเปิดประตู
“หึหึ อย่างอื่นก็อึดนะ เตรียมตัวไว้ละกัน”
ผมเดินเข้ามาในห้อง โดยมีไอ้มิกกี้เดินตาม หน้ามันยังงงอยู่เลยครับว่าผมพูดเรื่องอะไร… จนกระทั่งผมอดหัวเราะในลำคอออกมาไม่ได้ แล้วก้มลงหอมแก้มไอ้ตัวเล็กเบาๆ มันหน้าแดงแล้วโวยวายเสียงดัง เดินกระทืบเท้าเข้าห้องครัวไปนู่นแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
น่าร้ากกก แต่สั้นโว้ยยย 