Part 26
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ผมกับไอ้มิกกี้ก็มานั่งกินไอติมบนโซฟาหน้าทีวีครับ… หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าหนู ไลฟ์สไลต์และกฎต่างๆ ในชีวิตประจำวันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างตอนนี้… ผมก็เพิ่งมารู้ตัวว่ายอมให้มานั่งทานอาหารบนโซฟาตัวโปรดได้แล้ว ปกติต่อให้เป็นเพื่อนสนิทอย่างไอ้ไมล์หรือแม่แต่พ่อแม่ตัวเอง ผมยังไม่ยอมให้มาทานอะไรแถวหน้าทีวีเลย เพราะผมเกลียดมดมาก… ผมค่อนข้างแพ้ง่าย โดนมดกัดนิดเดียวสามารถเป็นผื่นได้ทั้งตัว เคยโดนมดตะนอยกัดแล้วถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล… เลยเข็ดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่ถึงยังไงผมก็ยังไม่ค่อยไว้ใจนะ… เลยต้องให้ไอ้มิกกี้ตักไอติมใส่ถ้วยเล็ก แล้วรองด้วยทิชชู่หลายๆ ชั้นอยู่ดี…
“ไม่หกหรอกน่า ไม่ใช่เด็กนะที่จะกินเลอะเทอะ” นั่นไงครับ… มันบ่นกระปอดกระแปด เพราะในมือต้องถือหลายอย่าง ทำให้กินไม่ถนัด
“ไม่เกี่ยว เด็กผู้ใหญ่ก็ทำเลอะเหมือนกันนั่นแหล่ะ ถ้าไม่ทำตามก็ไปกินในครัว” ผมยืนกรานเสียงแข็ง สองมือก็ดึงทิชชู่กำใหญ่มาห่อๆ ถ้วย ส่วนอีกกำให้ไอ้มิกกี้ถือไว้ในมืออีกข้างคอยเช็ดไม้เช็ดมือเช็ดปากตัวเอง
“แหง่ะ….”
ไอ้ตัวยุ่งรีบรับทิชชู่ในมือผมไปทันที ไม่ใช่อะไร…ก็มันอยากดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อมาไงครับ ‘Equilibrium’ สนุกสุดๆ เรื่องนี้ ว่าแล้วมันก็รีบจับจองที่นั่ง ส่วนผมใส่แผ่นหนังลงในเครื่องเล่น และหยิบรีโมทมานั่งข้างๆ เจ้าหนูทันที
“โห คริสเตียนเบลล์ยังหนุ่มอยู่เลยอ่ะ!” ไอ้หนูมันพูดทั้งๆ ที่ไอติมคาปากอยู่ แหงล่ะครับ…หนังตั้งแต่เบลล์ยังไม่ดังเท่าไหร่ ถ้ามาดู The Dark Knight ตอนนี้ก็ต้องหง่อมกว่าเป็นธรรมดา
“ตอนกินอย่าพูด เดี๋ยวไอติมกระฉอก” เหอๆ ยังกลัวอยู่ครับ ยังกลัว…
แล้วพวกเราก็นั่งดูหนังตาไม่กระพริบ… มันเป็นหนังแอคชั่นที่มันส์จริงๆ เหมือนเอากำลังภายในมาผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมประทับใจเบลล์มากๆ ถ้าไม่นับรวมเนื้อเรื่องอย่างแบทแมนที่ค่อนข้างกินขาดกว่าเพราะมีโจ๊กเกอร์เป็นตัวผสม
ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ที่เราสองคนนั่งชิดกันซะจนขาเจ้าหนูมาเกยบนตักผม ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไร สองแขนอ้าซ่าพาดกับพนักพิงโซฟาโดยมีไอ้มิกกี้นอนพิงอยู่ข้างหน้า
“กินป่ะ?” กินไปได้สักพักเพิ่งรู้ตัวว่าควรแบ่งให้คนออกเงินบ้าง… ไอ้ตูดหมาเอ้ย


ผมไม่ได้ตอบเพราะตาจ้องหน้าจออยู่ ได้แต่อ้าปากเป็นเชิงว่ากิน ป้อนด้วย… ไอ้หนูเลยตักไอติมขึ้นมาช้อนนึง แล้วเอาใส่ปากผม อืมมมม อร่อย…สมราคา แล้วเราสองคนก็นั่งดูหนังและก่ายกันไปเรื่อย โดยปากผมจะมีมือดีคอยป้อนไอติมเป็นระยะๆ บางครั้งก็มีการหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ด้วย… ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็ตาไอ้คนป้อนมันเอาแต่ดูทีวี ยื่นมาผิดๆ ถูกๆ จิ้มป๊าบบบบเข้าให้ที่ข้างแก้ม
“ป้อนดีๆ หน่อยสิ เปื้อนหมดแล้วเห็นมั้ย” ผมบอก ยื่นแก้มไปให้อีกฝ่ายดู
“เฮียก็กินเองมั่งดิ มันกำลังถึงตอนสำคัญนี่นา” ไอ้มิกกี้ว่า แล้วดึงทิชชู่ชิ้นใหม่มาเช็ดให้ที่แก้มผม
“…ตรงนี้ด้วย” ผมยื่นอีกข้างให้เช็ด มันเปื้อนมานานละ แต่นิดเดียวเลยยังไม่ได้ทำความสะอาด
แต่ดูแล้วชาตินี้ก็คงเช็ดไม่เสร็จ ไอ้หนูมือเช็ดแต่ตามองหน้าจอไม่กระพริบ… บางครั้งมันยังทำท่าเช็ดอากาศเลยครับ ดูสิ สนใจกันบ้างมั้ยเนี่ยยยย ว่าแล้วเลยคว้าหมับเข้าที่มือข้างที่ถือทิชชู่ของมัน แล้วเช็ดเองซะเลยทั้งๆ ที่มือมันก็ยังอยู่ในมือผม ตอนนี้เลยเหมือนกับว่า…ผมกำลังหอมมือมันอยู่
“…หายเปื้อนแล้ว” มันว่า แล้วดึงมือตัวเองกลับ
“หึหึ” ที่ผมหัวเราะก็เพราะว่า พอหันหน้ากลับไป ไอ้คนที่ปากเปื้อนกลับเป็นมันเองน่ะสิครับ
“อารายยยย” แน่ะ ทำคิ้วขมวดอีก แต่หน้ายังหันตรงอยู่นะครับ ไม่ยอมหันมามองผม
“กินดีๆ เลอะแล้วเห็นมั้ย” ผมเอื้อมมืออีกข้างที่พิงพนักอ้อมหลังเจ้าหนูมาเช็ดแก้มมัน เลยทำให้หัวอีกฝ่ายเอนมาทางอกผมมากขึ้นจนแทบจะซบกันแล้ว
“อือ..” เจ้าหนูหลับตาปี๋เพราะตกใจ เอียงคอซะย่นจนผมหัวเราะออกมา
พวกเราดูหนังกันเรื่อยๆ โดยที่ผมเองก็ยังไม่ได้ละมือออกมาจากแก้มนิ่มๆ ของไอ้มิกกี้ …ลูบไปมาอยู่แบบนั้นจนหนังใกล้จะจบ มันเองก็ลืมตานิ่ง ไม่ได้สนใจมือที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มตัวเองเลยสักนิด ถ้วยไอติมที่หมดไปแล้วถูกวางไว้บนโต๊ะข้างๆ ผมเองก็ลืมไปแล้วเหมือนกันเรื่องกลัวมดมา… ตอนนี้ได้แต่อยากให้มันอยู่แบบนี้ไปนานๆ เพราะสบายเหลือเกิน…จนกระทั่งเจ้ามิกกี้มันยกมือขึ้นมาจับมือผมเพื่อให้หยุดลูบ แต่เปลี่ยนมาให้โอบบ่าแทน โดยที่มือมันก็ยังจับและเกาหลังมือผมเบาๆ …จั๊กจี้ดีครับ เพลินดีด้วย
จนกระทั่งหนังจบ… ผมหันไปมองไอ้คนข้างๆ อีกที…
“อ่าว หลับซะงั้น”
ใช่ครับ.. ไอ้มิกกี้เอนหัวพิงผม แล้วหลับไปเรียบร้อยแล้ว… มือข้างนึงยังกำทิชชู่ไว้อยู่เลย ผมเลยเอื้อมมือไปแงะเอาทิชชู่ออกจากมือมัน ไปใส่ไว้ในถ้วยไอติมเปล่า
“ให้ตายเถอะ หลับง่ายจริง เด็กน้อยเอ้ย” ผมหัวเราะในลำคอ มองดูอีกฝ่ายที่หลับตาพริ้ม เสียงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะดังฟี้ๆ บ่งบอกว่ากำลังจมอยู่ในภวังค์ส่วนตัวอย่างแน่นอนที่สุด
ผมก้มหน้าลงไปใกล้หน้าขาวนั่นตอนไหนไม่รู้… มันเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง หรือไม่ก็ต้องเป็นมนต์สะกดแน่ๆ ปกติผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ… กลิ่นหอมข้าวโพดกับความหวานของไอติมจางๆ ลอยมากระทบโสตประสาท
“มิกกี้….” ผมลองเรียกเพื่อทดสอบว่ามันหลับจริงรึเปล่า ไม่ใช่อยู่ๆ ลืมตาโพลงขึ้นมาแล้วโวยวายอีกรอบนะ
แล้วก็ปรากฏว่าหลับจริงๆ ครับ ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก…. งั้นขอล่ะนะ ผมก้มหน้าลงไปใกล้จนกระทั่งริมฝีปากตัวเองจ่ออยู่กับริมฝีปากแดงๆ ของอีกฝ่าย ลองเป่าลมไปนิดหน่อย… ฟู่ว… หึหึ ไอ้มิกกี้ทำหน้าตาหยุกหยิกเล็กน้อย คิ้วขมวด จมูกดุ๊กดิ๊ก ผมรอสักพัก…แล้วมันก็นิ่งไปเหมือนเดิม เลยตัดสินใจค่อยๆ แนบปากตัวเองลงไป
นิ่ม… คือสัมผัสแรกที่รู้สึก ผมจูบย้ำเบาๆ แบบนั้นไปหลายรอบจนนับครั้งไม่ได้ เสร็จแล้วก็ไล้ปากตัวเองขึ้นมาบนจมูกโด่งได้รูป ไล่ไปตามสันดั้งนั่น… มาจรดที่ระหว่างคิ้ว ย้ำริมฝีปากลงไปหนักๆ อีกทีหนึ่ง แล้วจึงขยับไปที่หน้าผากแคบ ใช้มือปัดเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากเจ้าหนูเบาๆ มองหน้าเป็นสุขของอีกฝ่าย แล้วรู้สึกใจสงบพิลึก… ทำไมถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ
“….รู้ตัวบ้างมั้ย ว่าทำให้หวั่นไหวขนาดไหน” ผมกระซิบบอกที่เปลือกตาเจ้าหนู… เมื่อก่อน เคยคิดจะปิดตายหัวใจตัวเองด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะมีใครในโลกนี้อีกแล้วที่สามารถมาทำให้หัวใจมั่นคงดวงนี้หลอมละลายได้ จนตอนนี้…บางครั้งก็ไม่อยากจะยอมรับเลยว่า รัก…หลง และหวงได้เด็กน้อยคนนี้มากมากเหลือเกิน
“อือ…” มิกกี้ขยับตัวเล็กน้อยเหมือนนั่งๆ นอนๆ ไม่ถนัด เลยเปลี่ยนท่ามาเป็นเบียดผมมากขึ้น หัวเล็กๆ นั่นเอนมาจนพิงกับอกผมเต็มๆ
“หืม? แกล้งหลับรึเปล่าเนี่ย” ถามไปงั้นแหล่ะครับ…ดูเปลือกตาก็รู้แล้วว่าแกล้งหลับรึเปล่า เพราะถ้าคนที่ไม่หลับจริง ตาจะดูหลุกหลิกๆ แม้เปลือกตาจะปิดก็ตาม
ผมหัวเราะอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า… แต่เบาๆ นะ เพราะกลัวไอ้ตัวยุ่งมันจะตื่นน่ะสิ มาหลับยั่วกันซะแบบนี้…ก็ขอหน่อยเถอะนะ ว่าแล้วผมก็จัดการจูบที่แก้มขาวนั่นอีกครั้ง คราวนี้ไล่งับไปเรื่อยตั้งแต่ขมับ แก้ม มุมปาก และคาง… มันต่ำลงมาจนถึงซอกคอขาวเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ก็กลิ่นหอมหวานๆ นั่นมันชักชวนให้ผมไล้ต่ำลงมาเรื่อย มืออีกข้างเริ่มอยู่ไม่สุข ผมค่อยๆ วางลงที่เอวของเจ้าหนู แล้วลูบวนไปมาผ่านเนื้อผ้าสาก
“…อือ คัน” ไอ้มิกกี้ครางออกมาเล็กน้อย สงสัยตอหนวดผมคงไปโดนมันเข้า…มันยกมือขึ้นจะเกาคอตัวเอง แต่มาโดนหน้าผมที่ซุกคอมันเสียก่อน
“อ่ะ เฮีย…” ลืมตาขึ้นมาแล้วสิ…เจ้าหนูมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม มันยังสลึมสลืออยู่เล็กน้อย
จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ มาถึงขั้นนี้แล้ว… ขออีกหน่อยเถอะ ไม่อยากหยุดเลยจริงๆ ผมละจากต้นคอเงยหน้าขึ้นไปมองตาเจ้าหนูอีกครั้ง… ตาเราสองคนประสานกัน มิกกี้เองก็ดูเหมือนจะเรียกสติคืนกลับมาได้หมดแล้ว เพราะมันเองก็จ้องผมตาโต แต่ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาทั้งสิ้น
มันเหมือนเราได้สานต่อช่วงเวลาและจังหวะเดียวกับเมื่อตอนกลางวัน… ตอนที่เรามองตากัน… ณ ที่นี้ เวลานี้ ไม่มีก้างขวางคอมาขัดให้อารมณ์เสียอีกแล้ว ผมคล้องแขนเข้าที่คออีกฝ่ายให้ขยับเข้ามาใกล้ นิ้วมือก็เกลี่ยแก้มขาวนิ่มนั่นเล่น ท่าทางมันคงไม่ค่อยชอบให้ผมทำอย่างงั้น เพราะนิ้วเรียวนั่นถูกยกขึ้นมากุมมือผมไว้ ….จนกระทั่งใบหน้าเราเลื่อนเข้าใกล้กัน มากขึ้น…มากขึ้น
สัมผัสแรกที่แนบลงไปทำให้อีกฝ่ายหดตัวลีบลงและถดไปข้างหลังนิดหนึ่ง แต่ไม่นานนักก็ค่อยๆ คลายตัวลง ปากเล็กนั่นตอบสนองช้าๆ ในตอนแรกผมได้แต่จูบย้ำๆ ภายนอกปากแดงสดเร็วบ้างช้าบ้าง เนิ่นนานสลับกันไป… จนเจ้าหนูยอมเผลออ้าปากอย่างลืมตัว ผมจึงสอดลิ้นเย็นแทรกเข้าไป แขนรวบท้ายทอยแน่นกระชับไม่ใช้ดิ้นหนี
“อื้ออ..อืมมม” เสียงหอบหายใจหนัก พร้อมกับเสียงครางยิ่งเร่งให้ผมจูบรุนแรงและหนักหน่วงมากขึ้น
เสียงหายใจของเราสองคนดังลั่นห้องที่มีแต่ความเงียบ… ผมดื่มด่ำความหวานจากริมฝีปากน้อยจนพึงพอใจ แล้วค่อยผละออกมาช้าๆ มองดูหน้าแดงก่ำของมิกกี้ และหน้าอกที่กระเพื่อมเพราะแรงหอบกระเส่า …
“…เกือบตายแล้ว” มันว่าเสียงแหบ จนอดผมหัวเราะออกมากับความเดียงสาไม่ได้
“แค่นี้ก็จะตายซะแล้วเหรอ แย่แล้วแหะ” ผมแนบจมูกตัวเองลงแก้มขาวนั่นแทน เพราะสงสารปากที่บวมเจ่อจากการจูบ อยากให้มันได้พักผ่อนบ้าง…แค่ชั่วครู่ก็ยังดี
“ก็..ผมไม่เคย…จูบ…แบบนี้มาก่อน” มันยกมือขึ้นเช็ดปากตัวเองลวกๆ หน้าที่แดงแล้วยิ่งแดงอีกไปใหญ่เมื่อตัวเองพูดคำว่า ‘จูบ’ ออกมา
“เหมือนกัน”
“ไม่จริงอ่ะ… เฮียอย่ามาโกหก” ไอ้มิกกี้มองหน้าผมแบบไม่เชื่อ คิ้วนี่แทบจะชนกันอยู่แล้ว จนผมต้องเอานิ้วตัวเองไปแยกให้มันห่างออกจากกัน
“ไม่เคยจริงๆ…จูบกับเด็กน้อยแบบนี้” ผมพูดไม่ผิดนี่ ใช่มั้ย?
“ใช่สิ เคยจูบแต่กับผู้ใหญ่เชี่ยวๆ รู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ” แน่ะ น้อยใจได้อีก ถามให้ตอบเองนะ
“อืม…” ทันที่ผมตอบ เจ้าหนูทำหน้ามู่ทู่ หันไปนั่งกอดเข่าบนโซฟาหันหน้ามามองผมแบบน้อยใจ
“งั้นไม่ต้องมาจูบผมอีกเลยนะ” มันซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง จนผมต้องส่ายหัวด้วยความเอ็นดู งอนได้งอนดี…งอนอีกแล้ว ไอ้เด็กน้อย
“มิกกี้”
…เงียบ….
“มิกกี้”
…ยังคงเงียบ…
ผมไม่เรียกมันอีกแล้ว แต่จัดการดึงข้อเท้าทั้งสองข้างของมันที่วางอยู่บนโซฟาเข้ามาหาตัว ไอ้มิกกี้ร้องเหวอหงายหลัง ก้นลากพื้นลงไปนอนตัวราบกับเบาะ ผมรีบถือโอกาสคร่อมตัวเองลงไปทับอีกฝ่ายทันที
“ไอ้เฮียบ้า! ทำบ้าอะไรเนี่ย!” มันดิ้น ร้องโวยวายใหญ่ สองมือดันไหล่ ดันหน้าผมให้ออกห่าง แต่ขาถีบไม่ได้แล้วเพราะตัวผมไปอยู่ตรงหว่างกลางขามันแทนแล้ว เลยได้แต่ถีบอากาศไปเรื่อย
“ชู่ๆ” ผมห่อปาก ส่งเสียงให้อีกฝ่ายเงียบเสียงลงซะ
“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลย! ปล่อยผมนะ!”
“ใจเย็นๆ… ก็เรียกแล้วไม่สนใจนี่นา จะบอกว่าไม่ปฏิเสธที่เคยจูบคนอื่นมามาก” ไอ้มิกกี้เริ่มเงียบ…ทำหน้างอฟังผม
“แต่… ตอนนี้ เวลานี้ ชอบปากนี้มากที่สุด…รู้ตัวมั้ย” ผมไม่ได้พูดเปล่า แต่จุ๊บลงไปที่ปากเจ้าหนูเพื่อเป็นหลักฐานมัดตัว ว่าชอบ…จริงๆ นะ
พวกเราเงียบกันอยู่นาน ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างไม่เสียดาย… ผมคลายแขนที่กดตัวอีกฝ่ายไว้ออก มิกกี้เองก็เลิกดิ้นแล้วเหมือนกัน มันมองหน้าผมแบบยังไม่หายสงสัยเท่าไหร่นัก…
“เฮีย…ชอบผมรึเปล่า?” อยู่ๆ มันก็พูดขึ้น โดยที่หน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ
“ชอบสิ” ผมตอบไปตามที่ใจคิด
“ชอบแบบน้องเหรอ?”
“…แล้วเราชอบพี่แบบพี่รึเปล่าล่ะ?”
ทันที่ที่ผมถามกลับ ไอ้มิกกี้ก็ขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแน่น ผมสังเกตว่ามันหายใจแรงและเร็วขึ้นเหมือนคนตื่นเต้นและพะว้าพะวง… มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้ร้องออกมา ผมรออยู่นาน…จนกระทั่งร่างข้างใต้ค่อยๆ ส่ายหน้าเบาๆ ผมใจชื้นขึ้นมาทันที ไอ้เด็กน้อยเอ้ยยยย
แต่อยู่ๆ ตามันเริ่มแดง…และมีน้ำใสๆ คลออยู่เตรียมร่วงหล่นลงมาเต็มที่
“เป็นอะไร…” ผมถาม มือก็ลูบแก้มน้อยนั่นเบาๆ
“ไม่รู้ ผมกลัว ผมขอโทษ…” มันทำท่าจะลุกหนีพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาคลอแก้มเรียบร้อยแล้ว ผมรีบดึงร่างอีกฝ่ายลงมาให้นอนตามเดิม แล้วลูบหัวปลอบโยน
“กลัวอะไรล่ะ หืม? ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย”
“ไม่รู้…ผม ผม…” เจ้าหนูพยายามกลั้นน้ำตาและน้ำเสียงให้เป็นปกติ จนผมสงสาร…
“เหมือนกันนะ” อยู่ๆ ผมก็พูดแทรกขึ้นมาระหว่างที่มันกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พูดไม่ได้สักทีมัวแต่กระอึกๆ อยู่นั่น
“…” มิกกี้มองผม ขมวดคิ้วอย่างสงสัย… ผมแนบตัวลงไปจนอกเราชิดกัน เสียงหัวใจอีกฝ่ายเต้นรัวจนแทบจะกระดอนออกมานอกหน้าอก แล้วก้มลง…ใบหน้าชิดกัน ห่างเพียงปลายนิ้วก้อย
“รักเหมือนกัน…มากกว่าน้อง เข้าใจรึยังครับ ไอ้เด็กโง่”
ว่าแล้วก็จูบลงไปที่ปากนิ่มนั่น…มันสั่นและเย็นชืด ผมค่อยๆ เล็มเลียปากอิ่มไปเรื่อย เจ้าหนูพยายามหาโอกาสพูดอะไรบางอย่าง ผมจับใจความได้ว่า.. จริงเหรอ …ไม่ก็ เฮีย อะไรซักอย่างนี่แหล่ะ ไม่ได้สนใจ เพราะสมาธิตอนนี้มันไปจดจ่ออยู่กับปากน้อย และ…ร่างกายนิ่มๆ ตรงหน้านี่แล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีรูปและคำบรรยาย ใดๆให้ลึกซึ้ง ตอนหน้าม้ายยย ใช่ม้ายยย 
