Part 12 (มาลงก่อนไปเรียน)
ผมบรรจงเอาจมูกแนบกับผมนิ่มๆ ของอีกฝ่าย…
“ทะ…ทำอะไรน่ะเฮีย” เจ้าหนูหันหน้ามองผม หน้าแดงก่ำ ยกไม้ยกมือขึ้นลูบผมตัวเองบริเวณที่ผมหอมแล้วหลบตาหนี
“ก็…แค่อยากรู้ว่ามันต่างกับเมื่อก่อนยังไง” ไม่รู้ผมตอบอะไรหน้าด้านๆ แบบนั้นไปได้ยังไง แถมยังยิ้มอีกต่างหาก โรคจิตแล้วว่ะกรู
“จะบ้ารึไง มะ..มันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ” ไอ้มิกกี้ตอบ แล้วรีบมุดเข้าผ้าห่มเฉย ม้วนตัวเองเข้าเป็นข้างใน
“เหรอ ไม่เห็นเหมือนเลย แบบนี้นิ่มกว่าตั้งเยอะ…หอมด้วย” ผมว่า ดึงไอ้หนูที่ถูกม้วนหนอนชาเขียวนอนเป็นดักแด้เข้ามากอด ปิดทางออกให้หมดให้หายใจไม่ออก มันดิ้นพราดๆ โวยวายเสียงอู้อี้ สนุกดีเว้ย แกล้งเด็กเนี่ย
“อ่อยโอ้ย ไอ้เอียอ้า อายใอไอ่ออกอะ!” จับใจความได้ว่า ‘ปล่อยโว้ย ไอ้เฮียบ้า หายใจไม่ออกนะ’
ผมหัวเราะที่เห็นเจ้าหนูชักดิ้นชักงอ แต่กลัวจะโดนข้อหาฆาตกรรมเยาวชนโดยเจตนาเลยปล่อยมืออกซะก่อน พอมันหลุดออกมาได้ ก็จัดการเตะต่อยผมใหญ่เลยครับ หน้าแดงๆ ของมันตอนนี้เลยยิ่งแดงเถือก สงสัยมันจะหมั่นไส้ที่ผมยังหัวเราะไม่หยุด เลยกะจะผลักผมตกเตียงซะงั้น ทั้งยันทั้งถีบ โห นี่มึงเห็นกรูเป็นตัวอะไรวะ…
ไอ้ผมก็ค่อนข้างถึกบึกบึน เลยไม่ระแคะระคายหมัดกับเท้ามันเท่าไหร่ เหมือนมีคนมานวดให้ อืมมมม สบายดี หึหึ แต่พอมันเห็นผมไม่สะทกสะท้านมันเลยยิ่งออกแรงมากขึ้น คราวนี้ชักเริ่มจะเจ็บแล้วล่ะครับ
“เฮ้ยๆ พอ…ยอมหน่อยเดียวเอาใหญ่เชียวนะ” ผมว่า แล้วพลิกตัวไปคว้าขาเจ้าหนูล็อกไม่ให้ขยับ ส่วนอีกมือก็ล็อกแขนทั้งสองข้างมันซะ
“ฮึ่ยยยยย ไอ้เฮียบ้า ปล่อยโว้ยยย” ไอ้มิกกี้โวยวายเสียงดังจนน่ารำคาญ ไม่รู้ผมทนมันไปได้ไง รู้แต่ว่าสำหรับตอนนี้มันดูตลกมากกว่าหงุดหงิดน่ะครับ
“หึหึ น่าจะทำผมแบบนี้ตั้งนานแล้วนะเรา น่ารักดีออก หนุ่มน้อย”
ผมปล่อยแขนที่ล็อกตัวอีกฝ่าย แล้วดึงมันเข้ามากอดเบาๆ ไม่แปลกหรอกครับ ผมกับมันเล่นกันแบบนี้บ่อยๆ แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกแตกต่างออกไป… แต่ผมไม่รู้ว่าไอ้หนูมันรู้สึกแบบเดียวกันหรือเปล่า
ร่างในมือกลับนิ่งไปพัก แล้วจึงผลักผมออกมา ลุกขึ้นจากเตียงไม่พูดไม่จา ทำท่าเหมือนจะเดินออกจากห้อง…
“เฮ้… มิกกี้ เฮ้!” ผมนอนตะโกนเรียกอีกฝ่ายที่เดินออกจากห้องไปแล้วด้วยความงง เกิดอะไรขึ้นวะ!? อยู่กับมันนี่มีเรื่องให้งงเป็นประจำเลยวุ้ย
ผมเรียกตามหลังมันอีกสองสามที แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา ยกเว้นขาสองข้างที่ก้าวฉับๆ ไปที่หน้าประตู ผมรีบเข้าไปดึงแขนมัน พร้อมกับเค้นหาสาเหตุว่าเป็นอะไร
“จะไปไหน?” ผมถาม พยายามกระชับมือให้รัดแขนอีกฝ่ายแน่นขึ้น เพราะมันสะบัดจนแทบหลุด
“กลับห้อง” มันพูดโดยที่ไม่ได้หันหน้ามามองผม
“กลับทำไม? เป็นอะไรหืม?”
“…..”
“ไม่เอาน่า เป็นอะไร? โกรธรึไง?” ผมดึงร่างเจ้าหนูให้หันหน้ามาเผชิญหน้ากัน มันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เอ่อ… หน้านี่ยังกับไปกินรังแตนมายังไงยังงั้นเลยครับ เอาแล้วสิวะไอ้แดน….ซวยแล้ว
“ก็เพราะเป็นแบบนี้ตลอดน่ะสิ…”
“หะ?” งงสิครับงง ตอนนี้กรูงงกับเจ้าหนูนี่มาก แล้วก็งงกับชีวิตด้วย = =’’
“ก็เพราะทำผมแบบนี้แล้วชอบมีแต่คนบอกว่าน่ารักอ่ะสิ เลยไม่ทำไงเล่า!” มันยังคงหันหน้าหนี แต่ผมแอบเห็นว่าหน้ามุ่ยๆ นั่นกลับดูอมชมพูพิกล เลยค่อนข้างแน่ใจว่ามันทั้งโกรธทั้งอาย
“อ่อ..ก็มันน่ารักจริงๆ นี่นา…”
“ไอ้เฮีย!”
“เออๆ โอเค ไม่พูดแล้วก็ได้” ผมยอมปล่อยมือแล้วยกขึ้นแบบยอมจำนน ไอ้มิกกี้มองผมแบบดุๆ ซึ่งนานนานที๊มันจะเป็นครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ…ไม่กล้าน่ะสิ ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย กระตุกนิดหน่อยเป็นเชิงเร่ง
“ป่ะ ไปนอนกันได้ละ ง่วงชิบ”
ผมเดินนำกลับเข้าไปในห้องนอน เจ้าหนูเองก็ยอมเดินตามผมมาแต่โดยดี มือก็กุมมือผมกลับ เมื่อมาถึงเตียงนอน เจ้ามิกกี้รีบผละจากผม แล้วมุดเข้าผ้าห่มทันที ผมเห็นท่าทีเขินๆ ของมันแล้วไม่รู้เป็นไง ต่อมอยากแกล้งมันยิ่งเต้นตึกตัก เลยรีบคว้าเอาหมอนข้างที่มันจะต้องนอนกอดประจำมาไว้ในมือ แล้วมากอดซะเอง
“เฮ้ย! เฮียทำไรอ่ะ เอามา!” ไอ้หนูทำตาโต กระโดดขึ้นคร่อมผมทันที
“ก็เห็นกอดมันจัง อยากรู้ว่าดียังไง ขอยืมคืนนึงนะ” ผมว่า แล้วกอดหมอนข้างแน่น ทำเป็นหลับตาจะนอนทันที
“ไม่เอาาาา ไม่ให้ยืมโว้ยย คืนมาๆๆๆ”
“น่านะ นิดเดียว” ผมหลับตายิ้มเมื่อรู้สึกถึงแรงตะกายจากอีกฝ่าย
“ไม่ได้!” แอบหรี่ตามองนิดนึง นั่น...ตาเขียวเชียว ไอ้เด็กน้อยเอ้ย
“งั้นขอนอนกอดเจ้าของมันแทนละกัน”
ว่าแล้วก็รีบพลิกตัวดึงเอาไอ้ตัวยุ่งที่นอนทับด้านบนลงมาในอ้อมแขน อ้าขาทับร่างเล็กตรงหน้า แล้วโอบรัดไว้ทั้งหมอนข้างทันที ไอ้มิกกี้มันตกใจร้องเสียงหลง พอมาหล่นปุกับเบาะนุ่มแล้วโดนทับด้วยแขนและขาผมเท่านั้นแหล่ะ โวยวายเป็นเจ้าเข้าทีเดียว
“ชู่วว เงียบซะ นอนได้แล้ว” ผมกระซิบเบาข้างหู แอบเห็นเจ้าหนูขนลุกซู่ซะ หึหึ
“หะ…ให้คืนนี้คืนเดียวนะ เพราะง่วงแล้ว…” อีกฝ่ายว่าอย่างงั้น และนอนให้ผมกอดตามอำเภอใจ ส่วนผมก็แอบขำเล็กน้อยแต่ต้องพยายามกลั้นไว้ ไม่งั้นไอ้ตัวดีลุกขึ้นมาด่าอีกแน่ๆ ….ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะ หัวใจดวงเล็กนั่นทำไมถึงได้เต้นแรงและเร็วเหลือเกิน
……………………………
“ผมไปเรียนนะเฮีย อย่าลืมกินเบคอนกับไข่ดาวด้วย” เจ้าหนูตะโกนเสียงใสบอกผมผ่านทางระเบียงห้อง ส่วนผมก็ยืนอัดบุหรี่แต่เช้า นั่งกินลมเล่น มองดูไอ้หนูเก็บข้าวเก็บของอุปกรณ์วาดรูปที่ตากไว้ตรงห้องมันให้เข้าที่ มันวิ่งเข้าๆ ออกๆ ห้องอยู่แบบนั้นจนผมแอบขำ ก็เมื่อเช้าน่ะสิ ตื่นสายกันทั้งคู่ครับ… ผมดันไปเผลอเตะมือถือของเจ้าหนูที่ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ตกเตียงพังไม่เป็นท่า โดยมันด่าสองสามที พอบอกว่าเดี๋ยวซื้อใหม่ให้ถึงเลิกบ่น
“ให้ไปส่งมั้ย?” ผมถามอย่างไม่ได้สนใจอะไรมาก
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวเพื่อนมารับ” ไอ้หนูตะโกนตอบมาจากข้างใน
“ใคร? ไอ้นัท?”
“เปล่า…เพื่อนอีกกลุ่มนึง เฮียไม่เคยเจอหรอก”
“อืม….”
ไม่นานนักไอ้มิกกี้ก็วิ่งออกมาที่ระเบียงพร้อมชุดนักศึกษาที่ดูเป็นระเบียบกว่าปกติ (เสื้อเชิ้ตออกนอกกางเกงยีนส์สีเทาซีด รองเท้าผ้าใบสีขาวทรงสูงแต่เชือกคนละสี) สงสัยมันคงไม่อยากแต่งแนวมาก กลัวไม่เข้ากับทรงผมใหม่ สไตล์เกาหลีของมัน ถึงจะยังดูแปลกสำหรับชาวบ้านทั่วไปก็เถอะ มันโบกมือบ๊ายบายผมพร้อมกับยิ้มกวนๆ ตามประสา ผมเองก็ยกมือโบกเป็นทำนองไล่มากกว่า
เสียงวิ่งตามระเบียงดังไกลออกไป แสดงว่ามันคงไปถึงลิฟท์แล้ว ผมเดินเข้ามาในห้อง มองดูนาฬิกา… แล้วจึงตัดสินใจเดินออกไปนอกห้อง ผมเดินอย่างใจเย็นไปตามทางเดิน ลมเย็นตีโชยมาจากข้างนอกเพราะตรงนี้เป็นเหมือนช่องลมพอดี ทำให้อากาศเย็นสบายจนคิดอยากจะออกไปขับรถกินลมเล่นสักหน่อย
ผมเดินไปเกาะริมระเบียงตัวยูที่ทำให้มองเห็นล็อบบี้ด้านล่าง… อืมมม วันนี้จัดสวนแนวอะเมซอนเหรอวะ รกทึบเชียว แต่ก็แนวดี… เริ่มคิดว่าตัวเองชอบอะไรแนวๆ แล้วสิ คงเพราะขลุกอยู่กับเจ้าหนูมากไปแน่ๆ ไม่ไหวละ เอารสนิยมไฮโซกรูกลับคืนมานะเว้ย!
ผมคิดอะไรไปเพลินๆ ประจวบเหมาะกับจังหวะที่มองลงไปข้างล่าง เจ้าหนูผมสีโกโก้พลิ้ววิ่งหอบแฮ่ก ในมือถือกระดานวาดรูปและกล่องสีดูระเกะระกะ ผมเคยบอกมันแล้วแท้ๆ ทำไมไม่หาซื้อกระเป๋าใส่ดี ราคาก็ไม่แพงมาก ถ้ามียี่ห้อหน่อยก็แค่ไม่กี่พัน…มันบอกว่าไม่เอา ถือไปแบบนี้ดีอยู่แล้ว สีไม่หกเลอะเทอะด้วย
คิดแล้วก็ขำดี… มันชอบทำอะไรแปลกไม่เหมือนชาวบ้าน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เป็นเด็กดีคนนึงเลยล่ะครับ …
ว่าแต่…นั่นใครวะ??
ผมมองไอ้หน้าตี๋ที่ยืนโบกมือให้เจ้ามิกกี้… มันแต่งตัวเหมือนนักศึกษาปกติท่าทางไม่น่าจะเรียนคณะเดียวกะไอ้หนูมัน เพราะเพื่อนมันทุกคนนี่แต่งตัวได้แนวชนิดที่ว่าไม่ยอมแพ้ใครเลยทีเดียว แต่นี่…แค่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็ค รองเท้าหนังสีดำ และผมที่ถูกระเบียบมหาลัย… ไม่ใช่กลุ่มไอ้นัทแน่ๆ
ไอ้เห่ยนั่นยกมือขึ้นทำท่าจะช่วยเจ้าหนูถือของในมือ แต่มันส่ายหน้า คงกำลังพูดว่า ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายก็โดนแย่งช่วยถือจนได้… ทำไมเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดชอบกลวะ
ผมยืนสูบบุหรี่ มองสองคนนั้นเดินไปด้วยกันจนสุดขอบที่จะมองเห็นได้ เพื่อนคนละกลุ่มงั้นเหรอ… ตะหงิดๆ ชอบกล แต่ก็เอาเถอะ ไม่ใช่เรื่องของเรา… ว่าแล้วก็กดปลายบุหรี่ลงกับกระบะทรายบนถังขยะหน้าลิฟท์ เดินกลับเข้าห้องไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอาแล้วสิ ไอ้หนูที่ไหนโผล่ออกมาอีก อีดิทเอารูปมาประกอบค่า อิอิ
โฮฮฮ มองหนูมิคกี้กับเพื่อนด้วยสายตาเคลือบแคลง หุหุหุหุหุ
หล่อไปม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย