สวัสดีครับ
ห่างหายกันไปนานเหมือนกันเนอะ ช่วงนี้ผมกับมิกกี้ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลียนแปลงเป็นพิเศษ ชีวิตเรื่อยๆ สุขสบายไม่มีใครเจ็บป่วย แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วล่ะครับ เช้าก็ไปส่งเจ้าหนูบ้างเป็นบางวัน ส่วนใหญ่มันจะไปเองเพราะผมก็ไม่ได้เข้าทำงานเป็นเวลาแบบมัน กลางวันก็ปล่อยให้อยู่กับเพื่อนๆ ไป ใช้ชีวิตส่วนตัว ตกเย็นนี่ไม่ได้ครับ…จะต้องมากินข้าวด้วยกันแทบทุกวัน ไม่ในบ้านก็นอกบ้าน (ยกเว้นติดภารกิจจริงๆ)
อย่างวันนี้ผมว่างๆ ก็จะเข้าไปรับไอ้หนูโดยที่ไม่บอกล่วงหน้า ไม่รู้ว่ามันจะคิดว่าผมจุ้นจ้านเกินไปรึเปล่านะ แต่เจ้าตัวก็ไม่เห็นว่าอะไร ทำเปิ่นได้ตลอดเวลาเหมือนเดิม เฮ้อออ เด็กน้อยเอ้ย…
กลับมาถึงบ้านก็เลยสั่งอาหารญี่ปุ่นมากินกันตามที่ไอ้หนูมันอยาก ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมเองก็หิว…ขี้เกียจรอให้มันทำอาหาร นานๆ ทีเปลี่ยนบรรยากาศจะเป็นไรไป
“เฮียรู้ป่ะ สองคนนี้เค้าคบกันจริงๆ นอกจอ” มิกกี้อ้าปากคุยเจื้อยแจ๊วในขณะที่ในมือก็คีบตะเกียบ ตามองดูจอหนังตรงหน้า ส่วนตัวก็เอนมาพิงผมซะเต็มที่
“…ใคร?” ผมถามกลับ พร้อมกับคีบแซลมอนในจานตัวเองไปให้คนข้างๆ
“แฮ่ ขอบคุณครับ ก็ไอ้นี่ไงพระเอกกะนางเอกอ่ะ”
“เปล่า ใครถาม?” -*-
“เฮียยยยยยยยยยยยยยอ่ะ”
ว่าแล้วมันก็ลงโทษด้วยการเอาหัวมาโขกไหล่ผมสองสามป๊าบ ก่อนจะแย่งแซลมอนชิ้นใหญ่สุดไปอีกชิ้น สรุปจะให้กรูกินข้าวเปล่าใช่มั้ยเนี่ยไอ้ตัวแสบ!
ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด…
เสียงข้อความจากมือถือใครสักคนดังขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ของผมเพราะผมจะตั้งเป็นระบบสั่นเสมอ ไอ้มิกกี้ยังคงนั่งนิ่งตาตาดูหนังไม่กระพริบจนผมต้องขยับตัวเอื้อมไปควานหาบนโต๊ะข้างๆ โซฟาแทน
ก่อนที่จะได้หยิบขึ้นมาปลดล็อกมือถือและดูข้อความนั้น จู่ๆ ไอ้หนูก็กระเด้งตัวขึ้นมาร้องเสียงดัง
“เอ้ยยย เดี๋ยวผมดูเองงงงง”
แล้วมันก็แย่งมือถือไปจากมือผมอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบกดดูด้วยความเร็วแสงและกดล็อกมือถือเอาไปวางไว้ซะไกลถึงหน้าห้องนอนนู่น
“แหะๆ พวกชอบส่งให้สมัครเพลงรายเดือนอ่ะนะ… เฮ้อออ น่ารำคาญจริงๆ พวกนี้” มันว่างั้นก่อนจะลงมานั่งหยิบซูชิกินต่อและไม่หันมามองหน้าผมเลยสักนิด คิดไปเองป่ะวะว่าเหงื่อมันแตกซ่กพิกล
หลังจากทานอาหารทำความสะอาดจานชามกันเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเวลาพักผ่อนครับ ไอ้มิกกี้เตรียมทำท่าจะกระโดดขึ้นเตียงแต่โดนผมดึงเสื้อไว้ก่อน มันเองก็ทำเป็นเล่นไป ดิ้นโวยวายงอแงจนเสื้อจะยานหมดแล้วมั่งนั่น อายุเท่าไหร่แล้ววะ -*-
“ง่วงงงงงงงงงง เตียงจ๋าพี่มาแว้ววว” มันยังคงทำท่าตะกายหาเตียงโดนเสื้อยังติดพุงเพราะโดนรั้งไว้โดยผมนี่แหล่ะ
“อย่าทำเนียน….ไปอาบน้ำก่อนเลย สกปรก!” ผมว่า มือนึงดึงมันไว้ อีกมือก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองไปด้วย
“ขอนิดเดียวนะ นิดเดียว น้า”
“ไม่ได้ อย่าเล่นน่ามิกกี้ ไปอาบน้ำดีๆ”
พูดกับมันก็เหมือนพูดกับลิงแหล่ะครับ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา พอไม่ได้ดั่งใจก็ทำเป็นยืนนิ่ง ก่อนจะทิ้งน้ำน้ำหนักตัวเองลงจนผมต้องยิ่งออกแรงดึงเสื้อมันไว้ไม่ให้ล้ม กลายเป็นตอนนี้นึกว่ากำลังทำท่าเต้นของพวกฮิปฮอปที่อีกคนเอนตัวไปข้างหน้า ส่วนอีกคนรั้งเสื้อไว้ข้างหลังไม่ให้หน้าคว่ำลงไปกับพื้น
“มิกกี้ ไม่ยืนดีๆ จะปล่อยมือละนะ -*-“ ผมเอาอีกมือขึ้นท้าวสะเอวแบบหน่ายๆ
“…ก็ปล่อยดิ” แหน่ะ มีท้าๆ
“เอ้ยยยยยยยยยยยยยยย” ก็บอกให้ปล่อยเอง ผมก็(แกล้ง)ทำเป็นปล่อย ก่อนจะคว้าตัวมันไว้อีกครั้งไม่ให้หน้าฟาดพื้น ไอ้มิกกี้รีบดิ้นพรวดพราดแบบไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“เฮียยยยยยโว้ยยย ใจร้ายที่สุดเลยว่ะ ฮืออออ เกือบหมดหล่อออออ” มันว่า พร้อมกับดิ้นดุ๊กดิ๊กหน้ามุ่ยในอ้อมกอดผม เล่นเอาหัวเราะออกมาได้นิดหน่อย
“ก็บอกว่าอย่าเล่นๆ….ตัวโตเป็นควายแล้วยังเล่นอะไรปัญญาอ่อนนะเราน่ะ” ผมพูดแล้วก้มลงหอมหัวเน่ามันอีกครั้งด้วยความเอ็นดู
“เฮ้อ แฟนแก่ก็งี้”
“…ว่าไรนะ” ได้ยินเต็มสองรูหูเลยล่ะครับ แต่ทำเป็นถามไปงั้น
“เปล๊าาาา”
ตากระตุกเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้ปากกล้าขึ้นนะไอ้แสบของผม อะไรนิดอะไรหน่อยมีกัดมีเหน็บแนม แต่พอเอาจริงๆ ก็ไม่กล้าซะเท่าไหร่หรอก ครางหงิงๆ เป็นลูกตกน้ำ เผลอๆ เหมือนจะตาฝาดเห็นหางจุกตูดด้วย -*-
“เฮีย…อาบน้ำให้หน่อยสิ” เอาแล้วไงล่ะครับ นอกจากจะนิสัยเสียขึ้น ยังขี้อ้อนขี้ยั่วมากขึ้นซะด้วย ไม่เชื่อลองดู
“เป็นอะไร หืม? อาบน้ำเองไม่เป็นแล้วรึไง?” ผมเองก็แกล้งถามไปงั้น ก่อนจะก้มลงกัดแก้มนิ่มนั่นเบาเป็นเชิงหยอกล้อ
“ขี้เกียจอ่ะ…ที่สำคัญ ในซอกลึกๆ มันทำความสะอาดไม่ถึงด้วย” ไม่พูดเปล่า เจ้าหนูมันเอาขาขึ้นมาเกี่ยวกับเอวผมทันที ก่อนจะกระเด้งตัวเองขึ้นมาเกาะคอกลายเป็นลูกลิงของจริงไปซะแล้ว ไม่วายเลยจำต้องเอื้อมมือไปยกก้นมันขึ้นเลยด้วย
“หึหึ ลึกแค่ไหนล่ะ?”
“ไม่รู้ดิ…ลึกๆ อ่ะ…ลึ๊กกกลึกอ่ะ อาบน้ำให้เค้าหน่อยน้า”
ผมได้แต่ยิ้มกับอาการขี้อ้อนของคนตรงหน้า ก่อนจะลงมือประกบปากแง๊วๆ นั่นเสีย เราจูบกันไม่นานนักผมก็ปล่อยให้มิกกี้มันลงจากตัว (หนักใช่ย่อยที่ไหน) ก่อนจะตีก้นดังป๊าบด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ไปนอนรอในอ่างเลยไป”
“ค้าบบบบบ”
แหน่ะ ยังมีการยื่นก้นมาล้อเลียนอีก ผมทำท่าจะยื่นมือไปตีอีกทีให้เข็ด แต่เจ้าตัวก็หัวเราะร่าถดก้นหนีวิ่งคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที
ติ๊ด…ติ๊ด….ติ๊ด…ติ๊ด
อีกแล้ว เสียงข้อความเข้ามือถือจากไอ้หนูดังออกมาจากนอกห้อง ผมถอดเสื้อเชิ้ตออกจากตัวและเดินไปหยิบขึ้นมาดู ไม่ได้อยากละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวหรอกนะครับ แต่ไอ้อาการของมิกกี้เมื่อเย็นมันแอบผิดปกติจริงๆ ถ้ามันไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไรใช่มั้ยล่ะ…จะกลัวไปทำไม
ว่าแล้วก็ปลดล็อกและเปิดข้อความที่ไม่บอกชื่อผู้ส่งนั่นมาดู…
‘ไม่ตอบข้อความพี่มั่งเลยน้า น้อยใจจังเลย แต่พี่ก็รู้ว่ากี้อ่านอยู่ คิดถึงนะครับ คืนนี้นอนหลับฝันดีฝันถึงพี่ด้วยนะ จุ๊บๆ’ถ้าไม่ติดว่าในมือนี่เป็นของมีราคาหลายตังค์และที่สำคัญเป็นของคนที่ผมรัก มันคงแหลกยับเละเป็นผุยผงไปแล้ว…ผมรู้ตัวเลยว่าเส้นประสาทในสมองมันเต้นตุ๊บๆ แรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมกดเลื่อนไปมาดูข้อความนั้นอยู่หลายครั้ง ดูเบอร์คนส่งจนสามารถจำหมายเลขนั้นได้อย่างแม่นยำ
ก่อนจะตัดสินใจกดออกโดยที่ไม่ลบทิ้งข้อความนั้น….
ในใจมันร้อนกรุ่นจนต้องเดินมานั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่นเพื่อสงบจิตสงบใจ… ไอ้นั่นมันเป็นใครมาจากไหน ดูแล้วน่าจะเป็นคนจากที่ทำงาน กล้าดียังไงมาจีบไอ้หนูมัน และที่สำคัญ…ทำไมมิกกี้ถึงไม่บอกอะไรเลย ข้อความเมื่อเย็นนี้ต้องมาจากไอ้หมอนี่แน่ๆ
ทำไม…อะไร…
ในใจผมก็เชื่อว่าอย่างไอ้หนูมันไม่มีทางที่จะคิดนอกใจอยู่แล้ว เพราะดูจากทุกอย่างที่มันทำ ทุกอย่างที่เราสร้างด้วยกันมา บวกกับประสบการณ์จากอดีตแล้ว… มัน… มันไม่น่าจะทำอย่างนี้ได้
หรือเปล่านะ?
“…เฮีย?” เสียงเบาเอ่ยเรียกผมโดยที่ตัวค่อยๆ โผล่ออกมาจากห้องนอนโดยยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวอยู่
“ทำไมมานั่งอยู่นี่อ่ะ ไหนบอกจะอาบน้ำ” ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายช้าๆ รู้ตัวเลยว่ายังมีอารมณ์ร้อนกรุ่นอยู่ไม่น้อย และหน้าผมก็ต้องแสดงออกไปค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว
“…ไปอาบก่อนเถอะ”
“แต่…”
“บอกให้อาบก่อนไง!”
ผมรู้ว่าตัวเองทำนิสัยแย่ขนาดไหน มิกกี้สะดุ้งหน้าซีด สีหน้ามันแย่ลงมากจริงๆ จนผมอยากจะเอ่ยปากขอโทษ แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน…. อีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับเข้าไปในห้องนอน
เฮ้ออออ ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้วะกรู…
ทำไมถึงหงุดหงิดได้มากมายขนาดนี้ โมโหเสียจนอยากจะเอาปืนออกมายิงใครสักคนเล่นให้มันหายหงุดหงิดในหัวใจ
โกรธ…
โมโหชะมัด…
อย่าให้กรูรู้นะว่ามึงเป็นใคร พ่อไม่เลี้ยงไว้แน่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เฮียมาแบบโหด