Part 57
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า…ก็แค่ไปด้วยกันเอง พอถึงนู่นก็แยก ตัวใครตัวมัน”
ผมบอกอีกฝ่ายพลางลูบผมนิ่มตรงหน้าไปด้วย ดูท่าไอ้หนูมันจะคิดน้อยอย่างที่ผมอยากให้มันทำไม่ได้ เพราะไอ้คิ้วทั้งสองข้างมันเทจนจะรวมกันเป็นเส้นเดียวอยู่แล้ว…ไหนจะไอ้หน้ามู่ๆ ทู่ๆ นั่นอีก
“ยังไงก็ไม่อยู่ด้วยกันหรอก เรื่องอะไรจะต้องไปคอยดูแล ไม่ใช่เด็กกันแล้ว ให้ตายเถอะ”
ว่าแล้วก็เปิดประตูห้องเข้าไป พร้อมกับลากไอ้คนที่ยืนก้มหน้าก้มตาไม่พูดกับผมมาตั้งแต่ออกจากบ้านใหญ่ บนรถ จนถึงห้องแล้วนี่แหล่ะ เฮ้อออ…พูดถึงไอ้เหตุการณ์ชวนปวดสมองที่เพิ่งผ่านมาก็ยิ่งเครียด ทำไมอะไรหลายอย่างที่ได้ชอบประเดประดังเข้ามาในช่วงเวลาเดียวด้วยนะ
กรูล่ะหน่าย….
เมื่อ 3 ชั่วโมงก่อน…
“แม่ไม่ได้พูดเล่นนะแดน เรื่องนี้เหมือนจะเป็นเรื่องเล็ก แต่ในเมื่อแม่ของน้องไผ่เค้ายืนยันอย่างนั้นและมันส่งผลกับ ‘ธุรกิจ’ ชองแม่ แม่ก็จำต้องทำ ไม่ว่าเราจะยอมหรือไม่ยอมก็ตาม”
ผู้หญิงตรงหน้าผมพูดด้วยหน้าตาจริงจังซึ่งมักเห็นเป็นประจำทั้งเวลาทำงานและเวลาปกติ แต่ไอ้คำพูดที่เรียกเด็กเปรตว่า ‘น้องไผ่’ นี่ทำเอาขนแขนลุกเกรียว…ไอ้หมอนี่มันท่าจะใหญ่จริงถึงขนาดทำให้สรรพนามเปลี่ยนไปขนาดนี้
“ผมก็ไม่ได้อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่หรอกนะแม่…แต่…”
“แม่เข้าใจ แต่มันไม่มีทางเลือก”
“ทำไม!?”
“ทางเลือกน่ะมี….แต่ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือ ลูก เข้าใจมั้ยแดน”
“โธ่เว้ย!” ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ออกแรงเตะโซฟาใกล้ๆ ด้วยความโมโหจนมันกระดอนออกไปไม่ไกลมากนัก
![](http://i466.photobucket.com/albums/rr30/n661/dennis2-1.jpg)
“แดน…อย่าใช้กำลัง มันไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรหรอกนะ” ยิ่งเสียงเตือนนั่นเย็นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ไฟในตัวมันเดือดมากเท่านั้น! ให้ตายเถอะวะ!
“เอาล่ะ ไหนลองบอกเหตุผลที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่อยากให้น้องไผ่เค้าไปด้วยขนาดนั้นมาหน่อยซิ” ยิ่งตอนนี้ผมล่ะยิ่งกัดฟันกรอดๆ ตัวเองก็รู้อยู่แล้วแท้ๆ ยังจะมาถามอีก
“มันก็แค่ไอ้เด็กน่ารำคาญ ไม่ได้เป็นญาติโกโหติกาซักกะฝ่าย จะให้ผมไปกินไปอยู่กับมันได้ยังไง!” ผมพยายามลดเสียงลงเพื่ออธิบาย แต่ยังไงก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“…”
ความเงียบจากอีกฝ่ายยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่มากขึ้น… ไหนจะไอ้หน้ามุ่ยที่นั่งตัวทื่อยู่นั่นอีก มันก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองที่ประสานเข้าด้วยกันเหมือนคนไม่มีปากไม่มีเสียง
เหตุผลงั้นเหรอ…นี่ไงล่ะเหตุผล เจ้าคนที่กำลังนั่งอยู่นี่ไงล่ะ…
“มิกกี้…” ผมเอ่ยเรียกไอ้ตัวยุ่งเบาๆ จนมันเผลอปรือตาเงยหน้าขึ้นมามองแบบมึนๆ
“…ครับ?”
“ผมไม่อยากให้ไผ่ไปด้วยเพราะมิกกี้” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจบอกแม่ไปตามตรง โดยที่สายตาทั้งคู่ยังคงจับจ้องไปที่เจ้า ‘เหตุผล’ ข้อเดียว…และคนเดียวคนนี้
“อ่ะ..เอ่อ คือผม….” ไอ้หนูมันทำท่าตกใจ พูดตะกุกตะกักไม่เป็นภาษาขึ้นมาทันที สงสัยจะนั่งบื้อนานไปหน่อยเลยลืมไปแล้วว่าภาษาคนมันพูดยังไง -*-
“แม่…ขอร้องล่ะ อย่าให้ไอ้ไผ่มันมาระรานเลยจะได้มั้ย?”
เราทั้งสามคนเงียบไปพักใหญ่….จ้องหน้ากันไปมานิ่ง ยกเว้นก็แต่ไอ้มิกกี้ที่หันซ้ายที หันขวาที ว่อกแว่กล่อกแล่กเพราะไม่รู้จะทำตัวยังไง ยิ่งมีชื่อตัวเองโดนพาดพิงอยู่ในบทสนทนาด้วยแล้วมันก็ยิ่งกระวนกระวายใหญ่ จนผมต้องยื่นมือออกไปลูบแก้มเนียนเบาๆ มันถึงได้สะดุ้งและหยุดยุกยิกเสียที
“ถ้านั่นคือเหตุผลของแดน….แม่ก็มีเหตุผลของแม่เหมือนกัน” สุดท้ายเสียงเย็นนั่นก็เป็นฝ่ายทำลายกำแพงความเงียบขึ้นมา สายตาดุดันจ้องมองราวกับพยายามจะท้าทายและชั่งใจคู่สนทนาไปด้วยในตัว
“เหตุผลของผมสำคัญ…”
“แล้วลูกคิดว่าของแม่ไม่สำคัญงั้นเหรอ?”
“….ไม่ใช่อย่างนั้น แต่แม่… ผมทำไม่ได้จริงๆ มิกกี้สำคัญสำหรับผม” ยิ่งยืนยันเสียงแน่นไปเท่าไหร่ ไอ้คนที่ถูกพาดพิงก็นั่งเกร็งมากขึ้นเท่านั้น เจ้าหนูมันเริ่มเกามือตัวเองไปมา เหงื่อแตกพลั่กเหมือนเด็กน้อยทำผิดแล้วโดนผู้ใหญ่สอบสวน แต่มีคนแก้ตัวให้ทั้งๆ ที่ป้ายแสดงว่าตนเองเป็น ‘สาเหตุ’ ของเรื่องทั้งหมดยังปักเป็นชนักอยู่กลางหลัง
“มิกกี้สำคัญสำหรับแกคนเดียว….แต่บริษัทชั้น สำคัญสำหรับคนอีกหลายพัน หลายหมื่นชีวิต”
“…..”
คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาผมชะงัก ตลอดมา…ผมเอาแต่คิดจากมุมมองตัวเองฝ่ายเดียว และคิดเพียงว่าแม่ต้องการชื่อเสียง เงินทอง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ไม่เคยคิดเลยว่า ยิ่งมีมากเท่าไหร่….ความรับผิดชอบยิ่งตามมามากเท่านั้น เหมือนกับการที่เราเริ่มสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปแล้ว และมันเจริญเติบโตงอกงามจนออกลูกออกผล เราคงไม่สามารถที่จะปล่อยให้มันร่วงตกลงมาบนพื้นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรอย่างแน่นอน
“แดน…ธุรกิจคือความไว้เนื้อเชื่อใจ แม่ไม่สามารถเสียลูกค้าอย่างคุณพลอยไปได้ แม้ว่าหลังจากนี้แม่จะปฏิเสธเค้าไป และเค้ายังยอมเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ของบริษัทเราอยู่… แต่อะไรๆ มันก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เข้าใจใช่มั้ย…แดน?”
คำพูดนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวผมจนถึงตอนนี้….
‘แม่ไม่อยากทำ แต่แม่จำเป็นต้องทำ ทำให้แม่ได้มั้ย?’
อยากจะบอกว่าผมยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรไปเลยด้วยซ้ำ… ไอ้คนข้างๆ นี่สิกลับก้มหน้าก้มตาตอบกลับไปทันที
“ได้ครับ” ผมได้แต่ยืนตาโตจนจะถลนออกมานอกเบ้าอยู่แล้ว เจ้าคนที่นั่งอยู่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองอยู่ดี
หลังจากนั้นแม่ก็เดินออกมาส่งเราทั้งสองขึ้นรถ…พร้อมกับอยู่ๆ ก็เรียกไอ้หนูให้วิ่งกลับเข้ามาหา มันเงยหันมามองขอความเห็นจากผมหน่อยนึง จนกระทั่งผมพยักหน้านั่นแหล่ะมันถึงได้ค่อยๆ เดินเข้าไป
![](http://i466.photobucket.com/albums/rr30/n661/M02.jpg)
![](http://i466.photobucket.com/albums/rr30/n661/M00.jpg)
ทั้งสองกระซิบกระซาบกันนิดหน่อย… ตอนแรกไอ้มิกกี้มันทำหน้างงปนอมยิ้มแบบแปลกๆ แต่ไหงตอนท้ายก่อนที่มันจะเดินมาหาผมดันเปลี่ยรเป็นทำหน้าหยิกซะงั้น ไม่ว่าระหว่างจะถามว่ามีอะไรมันก็ไม่ยอมเปิดปากพูดออกมาเลยสักนิดเดียว
![](http://i466.photobucket.com/albums/rr30/n661/M01.jpg)
นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องหาคำพูดสารพัดงัดขึ้นมาเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกดีหรือยอมพูดกับผมซักที จนเรากลับมาถึงห้องมันก็ยังเงียบจนใจหาย
แต่กลับมาคิดดูอีกที….ถึงแม้ไอ้หนูจะไม่อนุญาตออกไปแบบนั้น สุดท้ายผมก็ต้องยอมทำตามคำขอของแม่อยู่ดี เพราะเหตุผลที่เอาไปสู้นั้นตกไปตั้งแรกที่ตั้งระวางไว้แล้ว ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว…ผมเคยเถียงคนนี้ชนะซะที่ไหน
“มิกกี้….” ผมหันไปถามไอ้คนข้างๆ ที่ยืนมึนทำอะไรยุกยิกกับมือถือตัวเองอยู่
“เฮียไม่ต้องถาม ไม่ต้องห่วงผมหรอกน่า ผมเข้าใจ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
โอ้โห…ผมแทบจะหงายทั้งยืน ไม่ใช่เด็กงั้นเรอะ แล้วใครล่ะวะที่เมาโวยวายไม่อยากให้ไปกับไผ่ แล้วไหนจะไอ้หน้าหงอยนี่อีก
“ไม่ให้ห่วงจริงน่ะ?” ผมแกล้งถามดูอีกครั้ง พร้อมกับปรับหน้าให้เป็นปกติไปด้วย
“ก็ใช่อ่ะดิ…สบายดี ครบ 32 อยู่คนเดียวไม่ตายซักหน่อย ดีออกจะตายไม่มีคนคอยมาจู้จี้บี้บ่นให้ฟังทุกวัน เดี๋ยวต่อไปนี้จะทำห้องให้รกๆ กินขนมบนที่นอน ปล่อยให้มดขึ้นมาทำรังในห้องนี้มันนี่แหล่ะ…สมน้ำหน้า ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว วะฮ่าๆ”
“อ๋อเหรอ…ดีจังนะ” ในใจลอบคิดว่า ‘โธ่เอ้ย เด็กน้อย’ แต่ที่แสดงออกมากลับทำเป็นหัวเราะในลำคอเบาๆ ตีสีหน้าเศร้า จนอีกฝ่ายคิ้วขมวดแน่นจนแทบจะชนกันมองมาที่ผม
“ผม….ผมจะยึดห้องนี้ด้วย ถ้าเฮียไม่กลับมาหาผมบ่อยๆ”
สิ้นประโยคหลังเท่านั้นแหล่ะ…ไอ้ตูดหมาก็เข้ามากอดผมซะแรงจนแทบจะหงายหลังล้มลง มันเอาจมูกแหลมๆ ทิ่มกับอกผมอย่างแรง จนผมต้องเอามือไปรองไว้ ไม่ใช่กลัวตัวเองจะเจ็บหรอก…กลัวไอ้คนตรงหน้านี่จะหมดหลื่อต่างหากล่ะ สุดท้ายมันเลยเปลี่ยนเอาหัวเหม่งโขกอกผมแทน
“แล้วโอเคใช่มั้ย…เรื่องไผ่” ดูเหมือนว่าไอ้ชื่ออาถรรพ์นี้จะเป็นตัวทำลายบรรยากาศได้อย่างดี เจ้าหนูชะงักกึกและยืนแน่นิ่งสองมือโอบรอบเอวผมอยู่อย่างนั้น
“…เฮียถามให้ดีๆ หน่อยดิ ถามแบบนั้นมันเหมือน…เหมือนจะทิ้งผมไปแล้วไปอยู่ด้วยกันกับไอ้ไผ่เลย”
“อ่ะ โทษๆ หมายความว่าจะยอมให้ไผ่ไปตามที่แม่บอกรึเปล่า?” ผมรีบเปลี่ยนคำพูด ถึงแม้ตอนนี้จะมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไงก็ตาม แต่ก็พอจะจินตนาการได้…ว่าแล้วเลยก้มลงจูบเบาๆ ที่หัวทุยสักครั้ง
“…ก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว”
“นี่ มิกกี้” ผมใช้มองมือจับหน้ามันขึ้นมาให้เราทั้งสองสบตากัน “ถ้าเราจะไม่ยอมก็บอกว่าไม่ยอม ชั้นจะทำทุกอย่างให้มันไม่ได้ไปด้วย…ขออย่างเดียว…บอกความจริงกับชั้นนะมิกกี้”
เพียงเท่านั้น…เท่านั้น อีกฝ่ายรีบส่ายหน้าเป็นการยกใหญ่จนแก้มนุ่มทั้งสองสัมผัสกับอุ้งมือผมไปมา
“ผมอยากให้มันไปจริงๆ…เอ่อ ก็ไม่เชิงอยากให้ไปหรอก แต่ผมก็ไม่อยากให้แม่เฮียกลุ้มอ่ะ มันดูเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องงี่เง่าของผมตั้งเยอะ”
“เรื่องงี่เง่าของนาย ก็เรื่องของชั้นทั้งนั้นน่ะแหล่ะ” ผมคลี่ยิ้มให้เจ้าหนู หวังว่ามันจะยิ้มตอบแต่ก็เปล่า…ว่าแล้วเลยต้องใช้สองมือที่กุมมันอยู่นั้นบี้ไปมาไอ้หนูมันร้องอู้อี้โวยวาย
“แต่ผมก็อยากเอาใจแม่ยายอ่ะนะ เดี๋ยวจะเสียคะแนน” แค่นั้นแหล่ะ….ผมถึงกับแทบจะหัวเราะกร๊ากออกมา โห…คิดไปได้เนอะไอ้เด็กน้อยเอ้ย
“แม่ยายอะไรกันล่ะ ‘แม่ผัว’ ต่างหาก หึหึ”
“เฮ้ยยยยย แม่ผัวบ้าอะไรเล่า! แม่ยายยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ไอ้มิกกี้เถียงเสียงดัง จนบรรยากาศในห้องดูดีขึ้นมาตามลำดับ
“อ้าว ไม่ใช่แม่ผัวหรอกเรอะ ก็เวลามีอะไรกันชั้นเป็นฝ่าย…”
“แม่ยายเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ไม่ใช่แค่เสียงนะครับที่ดังจนหูผมแทบระเบิด แต่ไอ้ปลายตรีนนี่สิ เจ้าหนูมันเหยียบลงมากระทืบใส่เต็มๆ จนน้ำตาเล็ด ต้องรีบเอื้อมมือไปโอบเอวมันไว้ให้ให้กระทืบลงมาซ้ำก่อนเท้าจะเละจมคอนกรีตเสียก่อน
“แต่เฮียไม่ต้องห่วงหรอก…ถึงผมจะไม่อยู่คอยคุม…” มันพูดไปพลาง หยิกแก้มผมไปพลาง มันทั้งน่ารักและน่านักเลยให้ตายเถอะ!
“ผมจะติดกล้องวงจรปิดทั่วห้องเฮียที่นู่น แบบในหนัง นึกออกป่ะ? ในใต้แจกัน ไม่ก็ปลายปลากกาบนโต๊ะทำงานอะไรทำนองนั้น” ผมค่อยๆ ลากอีกฝ่ายให้ถอยมานั่งบนโซฟาและพยักหน้ายิ้มๆ ฟังไปด้วย มันเองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยรู้ตัวว่านั่งแหม่ะลงบนตักผมตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะมันแต่โม้ไม่หยุด
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ…บนตัวเฮียผมก็จะติด ติดบนกระเป๋า บนเสื้อทุกตัว กางเกงทุกตัว แล้วก็…ในนี้ด้วย!”
สะดุ้งสิครับงานนี้…ก็ไอ้มิกกี้มันเล่นอยู่ๆ สอดมือลงมาจับของรักของหวงที่ห่อหุ้มด้วยกางเกงยีนส์หนาอยู่แบบนั้น จนผมถึงกับยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่เลยล่ะมั้งเนี่ย
“อย่าให้รู้ล่ะว่าเอาไปซนกับใคร…ไม่งั้น….ไม่งั้น” เจ้าหนูเงียบไปสักพัก จนไอ้คนที่รอฟังอยู่ต้องเป็นผ่ายถามเอง
“ไม่งั้นอะไรล่ะ หืม?”
“….ไม่งั้น….ไม่งั้น…ผม… ผมจะเป็นเมียน้อยให้ดู!”
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย….ช่วยทีเถอะ วันนี้วันเดียวกรูจะบ้าตายเพราะความเครียด แล้วก็ความขำนี่แหล่ะ! เมื่อเช้านี้หัวแทบจะระเบิด แต่ตอนบ่ายกลับเป็นท้องที่จะระเบิดแทน ผมหัวเราะเสียงดังลั่นจนหัวสั่นคลอนต้องลงไปซบที่บ่าอีกฝ่าย ให้ตายเถอะ มิกกี้! ชั้นจะบ้าตายอยู่แล้ว!
“เฮียอ่ะ อย่าขำดิ!” ไอ้หนูพยายามดันหัวผมให้ออกจากบ่ามัน แต่ไม่ค่อยจะสำเร็จเท่าไหร่
“หึหึหึ จะไม่ให้ขำได้ไงล่ะ….’เมียน้อย’ เฮ้อออ คิดไปได้เนอะคนเรา”
“ก็จริงมั้ยเล่า…ถ้าเฮียมีคนอื่น ผมก็ต้องเป็นเมียน้อยอ่ะ แล้วถ้าเฮียมีอีกคน ผมก็เป็นเมียโคตรจะน้อยเลย แถมอยู่ไกลอีกต่างหาก มีแต่เสียกับเสีย แบบนี้มรดกมีหวังได้น้อยแหงๆ ชิ ไม่ได้การละ”
![](http://i466.photobucket.com/albums/rr30/n661/CP341.jpg)
ป๊าดดดด หลงให้เราดีใจ…ไอ้ประโยคหลังนี่มันทะแม่งๆ อยู่นะ แถมท่าทางคิดจริงจังนั่นอีก ผมขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายทำนองจับผิด มันเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ ยิ้มแก้เก้อให้ พูดเสียงเบาว่า ‘ล้อเล่นคร้าบบบ’
“อืมม….ถ้าทำงั้นจริงมีหวังไอ้นี่มันคงเหงาอ่ะนะ สงสัยต้องรีบสะสมแต้มไว้ก่อนซะแล้ว” ไม่ได้พูดเปล่า แต่ผมยิ้มอย่างมีชัยพร้อมกับใช้สองมือจับไอ้หนูนอนลงกับโซฟาอย่างรวดเร็วจนมันร้องเหวอด้วยความตกใจ จำต้องล้มลงตามเพราะไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต่อต้านหรือโวยวายตามที่คิดเท่าไหร่นัก เลยก้มลงค่อยๆ บรรจงจูบที่ริมฝีปากสีชมพูนิ่มตรงหน้าเสีย
“เฮีย…”
“หืม?” ผมละปากออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงใกล้เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต่างจากเดิมเลย
“ผมรักเฮียจะตายแล้วนะ… อย่าไปมีคนอื่นอีกล่ะ”
“หึหึ แค่คนเดียวก็ป่วนจะตายแล้ว จะมีอีกทำไมล่ะ…ใช่มั้ย?” ผมหัวเราะในลำคอ ลอบมองไอ้หนูที่ทำหน้ายุ่ง คิ้วขมวด ปากมู่ทู่ หมายจะจูบต่อแต่ก็ต้องชะงักอีกครั้ง
“ต่อให้ที่นู่นมีสาวผมบลอนด์ นมตู้มๆ ก็ห้ามเด็ดขาดเข้าใจมั้ย”
“รู้แล้วน่า…เดี๋ยวนี้นมตู้มๆ ก็ไม่เร้าใจเท่านมแฟ่บๆ แบบนี้หรอก หึหึหึ” ว่าแล้วก็ใช้สองมือขยำหน้าอกแบนราบของเจ้าหนูประกอบคำพูดสักหน่อย จนอีกฝ่ายสะดุ้ง ส่งสายตาไม่ค่อยพอใจมาให้
“นมแฟ่บๆ ก็ห้าม นมล่ำๆ ก็ห้าม นมแบบไหนก็ห้ามหมด ให้แค่นมวัวอย่างเดียว จำไว้ด้วย”
“ครับผม…แต่ให้แค่นมวัวงั้นเหรอ… ว้า แย่จัง ไม่มีรสนิยมมีอะไรกับสัตว์ซะด้วยสิ” ผมแกล้งทำท่าคิดหนัก จนอีกฝ่ายตบเข้าที่แก้มเบาๆ หนอย…เดี๋ยวนี้ชักลามปาม
“หมายถึงให้กินต่างหาก ไม่ใช่ให้มีอะไรด้วย! ไอ้เฮียบ้า อย่ามาแกล้งทำโง่น่ะ!”
เราสองคนมองหน้ากันสักพัก…แล้วจึงค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา แม้จะไม่ต้องอาศัยคำพูดเพื่อแสดงข้อตกลงอะไรมากมาย แต่เพียงแค่นี้…ผมว่าเจ้าหนูก็คงได้คำตอบอย่างที่มันคาดเค้นตามที่ต้องการแล้ว มือนิ่มนั่นจึงค่อยๆ ลูบแก้มผมเบาๆ
ช่วยไม่ได้นี่นะ….ยังไงผมก็ต้องฟัดมันสักรอบสองรอบให้ได้ล่ะวันนี้
“เออ…ว่าแต่แม่เรียกไปคุยอะไรด้วย?” ผมเงยหน้าขึ้นมาจากแก้มหอมของอีกฝ่าย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนออกมาสองคนนั้นแยกออกไปคุยกันตามลำพัง
“อ่ะ…เอ่อ…ก็ไม่มีอะไรหรอกน่า” ไอ้หนูพูดตะกุกตะกัก รีบดึงเสื้อที่ถูกเปิดเลิ่กขึ้นสูงลงมาให้พ้นหน้าอกตัวเอง
“…มิกกี้”
“หง่ะ…บอกก็ได้น่า ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย แม่เฮียบอกว่า เฮียอ่ะรักใครแล้วรักจริง เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว” ผมถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงง ทำไมอยู่ๆ แม่ถึงมาพูดอะไรแบบนี้…
“แล้ว…?”
“ก็บอกอีกว่า…เอ่อ เหมือนตอน….” มันหยุดพูดไปพักหนึ่งและเหมือนหยุดคิดอะไรบางอย่างไปด้วย
“เหมือนตอนอะไร?”
“ก็…เหมือนตอนพี่มาร์ช แม่เฮียบอกว่า เฮียทั้งรักทั้งหลงพี่มาร์ชหัวปักหัวปำ”
ผมเงียบไปอีกครั้ง และระเบิดหัวเราะออกมา ให้ตายเถอะ! ไม่นึกเลยว่าแม่จะงัดเอาไม้นี้ออกมาใช้กับไอ้หนู! ไม่รู้เลยว่ามันจะช่วยหรือจะยิ่งทำให้ล่ม ถึงว่า…ไอ้ตอนหลังทำไมมันถึงได้หน้าบึ้งขนาดนั้น
“หึหึ แม่นี่รู้ดีจริงๆ” ผมก้มลงจูบปากคนข้างล่างอีกครั้งเบาๆ พร้อมกับยิ้มแก้มปริไปด้วย
“เฮีย…กับพี่มาร์ช… อืมมมมม”
“เงียบเถอะน่ะ…ไม่ต้องถามอีก ตอนนี้ก็รู้ทุกอย่างหมดแล้วนี่” ผมเว้นจังหวะการพูด ไม่ลืมที่จะกดริมฝีปากลงประกบอีกครั้ง…รุนแรงขึ้นเรื่อยตามลำดับจนได้ยินเสียงครางดังมาจากอีกฝ่าย
“อือ…ก็มันไม่ชอบนี่นา…ไม่ชอบ”
ผมเลื้อยมือเข้าไปสัมผัสเนื้อเนียนเรียบลื่นมือใต้เนื้อผ้านั่น….และแทรกตัวเองเข้าไปกลางหว่างขาของเจ้าหนู มันเองก็อ้าออกด้วยความเผลอไผลไร้ซึ่งแรงต่อต้าน
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้จะทั้งรักทั้งหลงไอ้เด็กบ้าคนนี้หัวปักหัวปำเลย โอเครึยัง หืม?” ผมละจากปากไอ้มิกกี้ และมองจ้องลงไปในดวงตาปรือสองดวงนั่น มันเองพอได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มให้ผมจนตาหยี พยักหน้าขึ้นลงจนผมเผลอหัวเราะออกมา
![](http://i466.photobucket.com/albums/rr30/n661/D01.jpg)
![](http://i466.photobucket.com/albums/rr30/n661/2133459245a6289302550l.jpg)
มันน่ารักจริงๆ ให้ตายเถอะ…ลิงน้อยเอ้ย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สมกับรอคอย 2 เดือนพอดี ![โอ้ ม้าย :sad4:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/sad4.gif)