ขอบคุณสำหรับทุกเม้น

เม้นของคุณ HeVeN, ~Kalianeko~ อ่านแล้วมีหลักการสอนใจมากเลย
...........
ตอนที่ 20 : พีรักบุ้งนะ ผมมองดูดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวรายล้อม ช่างเด่นช่างสวยกว่าดาวดวงใดในท้องฟ้า
แต่ดูเหมือนจะเหงาและเศร้ากว่าดาวดวงใดเช่นกัน เมื่อมองไปทางไหนก็พบแต่จันทร์เพียงดวงเดียว
คืนนี้เป็นคืนที่สิบห้าแล้วที่ผมไม่มีไอ้บุ้งอยู่ในอ้อมกอด
คืนที่สิบห้าที่ผมเฝ้ามองฟ้าอย่างเดียวดาย
คืนที่สิบห้าที่ภาพของไอ้บุ้งยังวนเวียนอยู่รอบตัว เหมือนมันยังยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น ยิ้มให้คนโง่อย่างผมสินะ
คนโง่ที่ยังคงคิดถึงมันแม้จะโดนมันทิ้งไปไม่บอกไม่ลาถึงสามครั้ง ค่าของผมน้อยกว่าสัตว์เลี้ยงมันอีก
"คุณพีคะ ดึกมากแล้วพักผ่อนเถอะค่ะ เห็นคุณมาอยู่บนนี้ทุกคืนจนดึกหลายวันแล้วนะคะ"
ยายไอ้บุ้งมาตอนไหนไม่รู้เอ่ยขึ้นเบาๆ อยู่ด้านหลังผม
"ไม่เป็นไรหรอกยาย ผมไม่ได้ดื่มเหล้าจนขาดสติให้หลานยายต้องมาช่วยอีกแล้วนะ"
ไอ้บุ้งไปคราวนี้ผมทำตัวปกติทุกอย่าง ผมไม่อยากได้ความสงสารจากมันอีกแล้ว
"อ๋อ ค่ะก็ดีแล้วนี่คะ" ยายตอบ
"ยายล่ะ ไอ้บุ้งทิ้งไปบ่อยๆ แบบนี้ไม่ว่าอะไรมั่งเหรอ" ผมถาม
"มะ ไม่หรอกค่ะ เขาโทรมาบอกค่ะ แล้วเขาก็โทรมาถามข่าวคราวของพวกเราทุกวันด้วยค่ะ" ยายไอ้บุ้งเล่า
มันก็คงสนใจแต่ยายมันสินะ สำหรับผมมันไม่เคยโทรหาแม้แต่ครั้งเดียว
"แม้แต่ที่มันดรอปเรียนยายก็ไม่ว่าเหรอ" ผมถามต่อ
"คุณพีคะ บุ้งน่ะกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก เขาจะเป็นเด็กคิดมาก และคอยระมัดระวังตัวไม่ให้คนอื่นเดือดร้อนเสมอ"
"ผมก็กำพร้าพ่อตั้งแต่สองขวบเหมือนกัน" ผมกล่าว
"ค่ะ เหมือนกับคุณที่มีแต่แม่ บุ้งก็มีแต่ดิฉัน แกจะแคร์ดิฉันเป็นที่สุด
เชื่อไหมคะ แต่เล็กจนโต แกไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าให้ดิฉันเห็น
แกจะถูกรังแกบ่อยเพราะเป็นเด็กที่ชอบอยู่เงียบๆ ได้แผลมาให้เห็นบ่อยตอนเด็กๆ
แต่ก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ดิฉันฟังเลย แกไม่เคยขออะไรจากดิฉันสักครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือเงินทอง แม้วันไหนไม่ได้ตังค์ไปโรงเรียน แกก็ไม่เคยปริปากบ่น
ดังนั้นเมื่อแกอยากดรอปเรียน ดิฉันก็ไม่ขัดหรอกคะ ดิฉันเชื่อในตัวเขา"
"เหรอครับ" ผมเอ่ยออกมาเบาๆ ภาพของไอ้บุ้งที่ซื้อของให้คนอื่นจนล้นแต่ไม่มีของตัวเองสักชิ้นแว่บเข้ามา
"ค่ะ ตาบุ้งแกจะไม่มีความคิดที่จะร้องขอเพื่อตัวเองหรอกค่ะ แกจะทำโดยไม่ค่อยคาดหวังว่าจะได้อะไร"
"แล้วทำไมไอ้บุ้งต้องไปอยู่เชียงใหม่ล่ะครับ" ผมถาม
"ยายคิดว่า แกอกหักค่ะ แกเคยอกหักตอนมอหก ครั้งนั้นเห็นนั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านจนค่อนคืน
แต่ตอนเช้าก็ทำตัวปกตินะคะ เรียกว่าแกจะไม่ให้ยายได้ห่วงอะไรแกสักอย่างเลย"
ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่อกอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้นมันร้องไห้เพราะเขาสินะ
"ตอนนี้ไม่รู้อกหักอย่างไรนะคะ ดิฉันก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนแกจะไปตั้งหลัก แกต้องการเวลาที่จะยืนขึ้นอีก
แกจะเป็นแบบนี้เสมอ ชอบไปเจ็บอยู่คนเดียวเงียบๆ หายเจ็บแกจะมาหาเราเอง เพียงแค่เราให้เวลา"
คนที่ทำให้ไอ้บุ้งเจ็บคือเขาใช่ไหมนะ มันบอกรักเขาถึงสองครั้ง มันอยู่ในอ้อมกอดเขาทุกคืน
แต่ทำไมมันไม่บอกเขานะว่ามันต้องการอะไร ทำไมมันไม่คุยกับเขาสักคำ ทำไมนะบุ้ง
ผมสะท้อนหัวใจจนอึดอัด
"ดึกแล้วเดี๋ยวไม่สบายนะคะ เราไปนอนเถอะ ตาบุ้งยิ่งฝากดิฉันดูแลคุณอยู่ แกกลัวคุณไม่สบาย" ยายไอ้บุ้งบอก
"เหรอครับ" ผมเหมือนได้ไฟกองโตมาอุ่นหัวใจที่หนาวๆ เมื่อกี้นี้
"เขาคุยอะไรถึงผมบ้าง" ผมถามต่อ
"ไม่มีไรหรอกค่ะ ก็บอกฝากดิฉันแค่นั้น" ยายตอบ
"แกฝากดิฉันดูแลทุกคนแหละค่ะ ห่วงไปหมด ฝากดูแลคุณหญิง หรือแม้แต่ตาพง" ยายเล่าต่อ
นั่นสินะ ผมจะมีค่ามีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่นเล่า แม้จะได้ร่างกายมันมากอดแต่หัวใจของมันอยู่กับใครผมไม่อยากเดา
.................
"คุณพีคะท่านประธานเชิญประชุมตอนบ่ายสามนะคะ" เลขาเข้ามาเตือนผมให้เข้าประชุม
ผมเข้ามาทำงานช่วยแม่ก็เพราะไอ้บุ้ง ห้องทำงานของผมยังไม่ให้ใครมาเปลี่ยนแปลง
โต๊ะทำงาน ดินสอ ปากกาของมันยังวางอยู่ที่เดิม มันเป็นของที่ผมได้มองเมื่อต้องการเรี่ยวแรงให้ทำงานได้
ผมพยายามอย่างมากที่จะคุมสติให้มันปกติ
พยายามตื่น พยายามกิน พยายามนอน ทำงาน หรือแม้แต่ยิ้ม หัวเราะ ล้วนแต่ต้องใช้สติใช้พลัง
"เป็นอะไรหรือเปล่าลูก" แม่ผมกระซิบถามขณะกำลังประชุม
"ไม่มีอะไรครับ" ผมพยายามยิ้ม
"งั้นดีแล้ว ตอนเย็นอย่าลืมพาดวงตาไปเอาชุดนะ พรุ่งนี้จะหมั้นแล้วสดชื่นหน่อยสิ"
"ครับ" ผมพยายามยิ้มอีก
ผมไม่มีเรื่องหมั้นหรือเรื่องดวงตาในหัวเลย
ผมทำไปเพื่อประชดไอ้บุ้ง ผมอยากให้มันร้องไห้ ให้มันอ้อนวอนผม
แต่ดูเหมือนมันจะยินดี ยินดีที่ผลักใสผมไปให้คนอื่นให้ได้ มันคงเกลียดผมเข้าไส้จริงๆ
.................
"พีคะ ช่วยแวะร้านนี้หน่อยได้ไหมคะตาอยากดูของชำร่วย" ดวงตาบอกผมให้หยุดรถดูของร้านนั้นร้านนี้
ระหว่างทางจากร้านตัดชุดหมั้นจนถึงบ้านเธอ เหมือนเธอจะพยายามประวิงเวลาจะอยู่กับผมให้นานที่สุด
ผมต้องพยายามฝืนจนสุดความสามารถเหมือนกัน ที่จะทำตัวให้ปกติและไปตามที่ต่างๆ กับเธอ
จนเมื่อผมกลับมาถึงบ้านตัวเอง พลังงานที่จะฝืนก็หมดลง
"คุณพีจะทานอะไรก่อนไหมคะ" ยายไอ้บุ้งถามขณะที่ผมนั่งทรุดลงที่โซฟาห้องรับแขก
"ยายกดเบอร์ไอ้บุ้งให้ผมหน่อย" ผมบอกยายไอ้บุ้งอย่างคนหมดแรง
ยายไอ้บุ้งกดมือถือตัวเองหามัน ก่อนส่งให้ผมแล้วออกจากห้องไปอย่างงงๆ
"สวัสดีครับยาย ยายมีไรเหรอครับถึงโทรหาบุ้ง บุ้งว่าอีกชั่วโมงจะโทรหายายอยู่พอดี" ไอ้บุ้งส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
มันคงไม่รู้ว่าผมเป็นคนใช้มือถือยายมันโทรหามัน และมันคงไม่รู้ว่าเสียงมันทำเอาผมแทบร้องให้
"กูเอง" ผมเอ่ยเบาๆ เหมือนคนไร้สติ
"อืมส์ มีไรเหรอ" มันนิ่งไปนานกว่าจะตอบ
"ไอ้ปูเน่าสบายดีไหม" ผมเอ่ยอะไรไม่รู้ออกไป
"สบายดี กำลังกินแครอทอยู่" ไอ้บุ้งเล่า
"เหรอ ทานแปลกนะ" ผมอยากให้มันมากินอยู่ข้างๆ ผมจัง ผมคิดถึงไอ้ปูเน่า
"อืมส์ นายล่ะ สบายดีไหม" ไอ้บุ้งถามผม มันทำให้ผมเหมือนได้ดื่มน้ำหยดหนึ่งหลังจากกระหายมาหลายวัน
"สบายดี พรุ่งนี้กูก็จะหมั้นแล้ว" ผมบอกมัน
"ดีแล้ว นายจะได้มีครอบครัวอย่างที่หวัง" ไอ้บุ้งตอบผมเสียงแผ่วๆ
"มึงอยากให้กูมีคนอื่นจริงๆเหรอ" ผมยอมละทิ้งศักดิ์ศรีถามคนที่ทิ้งตัวเองไปอย่างน่าสมเพช
"ก็... ก็มึงอยากมีลูก มีเมียไม่ใช่เหรอ" ไอ้บุ้งมันตอบผมเสียงเครือๆ เหมือนคนจะร้องไห้
"มึงอยากให้กูมีไหมล่ะ" ผมถามไปด้วยหัวใจที่เจ็บจนรู้สึกจุกบริเวณอก
"อยากสิ กูอยากให้มึงได้ของขวัญพิเศษของชีวิต ยายกูบอกว่าลูกคือของขวัญของชีวิตคู่ กูก็อยากมี แต่กูทำไม่ได้ มึงทำเผื่อกูด้วยนะ"
ผมรู้สึกเสียงไอ้บุ้งจะขาดเป็นห้วงๆ เหมือนคนกำลังร้องไห้
"มึงร้องไห้เหรอ" ผมถามด้วยความรู้สึกอยากกอดมันไว้ในอก
"เปล่า กูดีใจไปกับมึง ไว้กูตั้งหลักได้ กูจะลงไปเยี่ยมมึงและหลานๆนะ"
ไอ้บุ้งพูดพร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆ เหมือนพยายามปกปิดไม่ไห้ผมได้ยิน แต่เสียงนั้นมันดังก้องอยู่ในหัวผมเรียบร้อย
"บุ้ง รอพีอยู่ตรงนั้นนะ พีจะไปหา" ผมบอกมันเสียงดัง ก่อนจะกดวางสาย แล้ววิ่งไปที่โรงรถ กระชากรถออกจาก
บ้านด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เสียงไอ้บุ้งสะอื้นดังกึกก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา ผมทำให้มันร้องไห้อีกแล้วสินะ
คนที่วนเวียนอยู่รอบกายผมตลอด ผมทำมันร้องไห้ไปกี่ครั้งนะ
คนที่ไม่เคยเอ่ยขอสิ่งใดจากผมนอกจากความรักที่ผมบอกว่าให้มันไม่ได้ แต่มันยังอยากให้ของขวัญพิเศษของชีวิตแก่ผมเหรอ แล้วผมให้อะไรมันได้บ้างนอกจากเสียงสะอื้นนั่น
เอี๊ยดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โครม
เสียงที่ดังไม่แพ้เสียงสะอื้นของไอ้บุ้งดังเข้ามาในหัวผม ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง
ผมเห็นภาพไอ้บุ้งนั่งร้องให้อยู่ข้างๆไอ้ปูนิ่ม ร่างกายมันสะท้านด้วยความเหน็บหนาว
แววตามันตัดพ้อต่อว่าผมที่ไม่เคยรักมัน
ผมพยายามตะโกนอย่างสุดเสียงบอกมันว่าไม่จริง ไม่จริง ผมรักมันมากไม่น้อยกว่ามันรักผม
"พีรักบุ้งนะ"
ผมเอ่ยออกมาจากเรี่ยวแรงสุดท้ายของชีวิต
จบตอนที่ 20