Would You Help Me? ประกันรักนายท่านทั้ง 7
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Would You Help Me? ประกันรักนายท่านทั้ง 7  (อ่าน 668 ครั้ง)

ออฟไลน์ Reality in BL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************************************







Would you help me? ประกันรักนายท่านทั้ง 7

ผมเป็นคนขายประกัน ที่กำลังจะตกอับ!

แต่จู่ๆ ผมก็ได้ยอดเพราะกลุ่มคนทั้ง 7 ที่สุดแสนจะใจดี ยอมไว้วางใจและซื้อประกันชีวิตกับผม

แต่มันดันเกิดปัญหาขึ้นจนได้ ก็เพราะไอ้คนที่ผมขายประกันชีวิตให้

ดันเป็นพวกอสูรกายน่ะสิ!

ไม่เจ็บ ไม่ตาย แถมไม่ใช่มนุษย์แบบนี้

แล้วจะมาซื้อประกันชีวิตกับผมเพื่อ!?

 

คำเตือน : นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาแนวฮาเร็ม Yaoi และมีฉาก nc 20+ เกือบทุกตอน

การบรรยายไม่เน้น Story แต่จะเน้นฉาก nc ที่ไต่ระดับตั้งแต่ 18+ ขึ้นไป

หากไม่ใช่แนวหรือตรงกับความชอบ รบกวนเสพเรื่องอื่นๆ แทนน้า

-----------------------------------------------------------------------------------
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ Reality in BL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บทนำ

         ผมนั่งสงบสติอารมณ์ มองดูเอกสารที่อยู่ในมือของคนตรงหน้า อย่างอดลอบกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ หลายความรู้สึกมันอัดอั้นเต็มใจ จนผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะระเบิดออก ขณะที่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็แล่นเข้าออกหัวเป็นว่าเล่น
จนมือของคนข้างๆ ยื่นกระดาษทิชชูมาให้ แบบที่ผมก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเหงื่อของผมกำลังไหลจนจะเข้าตาอยู่แล้ว ผมจึงหันไปพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณเล็กน้อย และรับกระดาษทิชชูมาซับเหงื่อที่หน้า ที่ไม่น่าจะไหลลงมา ท่ามกลางอากาศภายในห้องที่เย็นเฉียบเพราะแอร์แบบนี้

         ก่อนที่ผมจะสะดุ้ง เมื่อคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม วางเอกสารในมือลงและมองมาทางผม

         “ผลงานของนายมันดิ่งลงเรื่อยๆ จนจะลงไปอยู่ก้นเหวอยู่แล้วนะ”

         น้ำเสียงที่แสนจะเยือกเย็น ชวนให้อาการชาแล่นปราดไปทั้งร่างของคนฟังอย่างผม ที่รู้ดีถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้นและสาเหตุที่ผมต้องมานั่งประจันหน้ากับประธานบริษัทแบบนี้

         “ผะ…ผมทราบครับท่านประธาน”

         “ทราบ? นายทราบมาโดยตลอด แต่นายก็ยังไม่คิดจะพัฒนาอะไรเลยหรือ”

         จุกเลยสิครับ แต่ที่ทำให้ผมเจ็บจี๊ดไปถึงทรวงในเพราะเขาพูดเหมือนที่ผ่านมา ผมไม่เคยพยายามทำอะไรเพื่อพัฒนาตัวเองและพัฒนาผลงานให้บริษัทเลยต่างหาก แค่…แบบว่า….ความพยายามมันไม่ได้ผลแค่นั้นเองครับ โถ่ว

         “ท่านประธานครับ ที่ผ่านมา ฮิวเขาพยายามมาโดยตลอดนะครับ แต่ตอนนี้ บริษัทประกันชีวิตผุดขึ้นมาเยอะมาก มันอาจจะทำให้ช่วงนี้ยอดของเราลดลงครับ”

         คงมีแต่หัวหน้าฝ่ายขายอย่างคุณกาวินเท่านั้นแหละครับ ที่เข้าใจและมองเห็นความพยายามของผม ที่ผ่านมาเขาเองก็ทั้งช่วยเหลือและให้กำลังใจผมมาตลอด จนผมอดซาบซึ้งใจไม่ได้จริงๆ ครับ

         “กาวิน คุณเป็นหัวหน้างาน ที่อยู่กับผมมานานนะ ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจความต้องการของผมดีกว่าใคร”

         “ส่วนคุณฮิว คุณต้องยอมรับว่าคุณพลาดในหลายๆ เรื่อง ถึงบริษัทของเราจะดำเนินต่อได้ด้วยยอดขาย แต่การทำประกันชีวิต เราไม่ได้สักแต่จะขายให้ได้ยอดลูกค้าจำนวนมาก จนผมต้องมาเร่งให้คุณเพิ่มยอดอย่างนั้น เพราะการที่ยอดลูกค้าตกลง มันชี้ให้เห็นถึงความไว้วางใจ ความเชื่อมั่นของลูกค้า ที่มีต่อข้อเสนอของเรา ดังนั้น คุณควรจะทำตัวให้มันน่าเชื่อถือกว่านี้”

         “ถ้าอย่างนั้น…”

         “คุณไม่ต้องออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น ในฐานะหัวหน้างาน คุณควรจะเต็มที่แบบมีขอบเขต การปกป้องลูกน้องจนเกินงาม มันจะเป็นการทำร้ายเขาทางอ้อม ไม่ให้เขาพัฒนา”

         ผมแอบสะดุ้งกับคำเตือนนั้น คนข้างๆ ผมหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย แบบที่ผมคิดว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะตัวผมเอง และคุณกาวินก็ช่วยผมมามากพอแล้ว

         “ผมขอโอกาสอีกสักครั้งได้ไหมครับ”

         “ผมให้โอกาสคุณไปหลายรอบแล้วนะ ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว จนตอนนี้จะสิ้นปีนี้อยู่แล้ว”

         สายตาของท่านประธานทั้งดูผิดหวังและเหมือนจะเริ่มหมดความอดทนลงไปเต็มทีแบบนั้น ยิ่งทำให้ผมเหมือนใจหล่นวูบ แต่ไม่ได้ เพื่อหน้าที่การงานของตัวเอง ผมต้องสู้! เพราะถ้าผมไม่สู้ ผมก็ไม่มีงานทำ คราวนี้ ไม่มีจะกินกันพอดีสิครับ งานยิ่งหายากๆ อยู่

         “แต่ผมอยากขอต่อเวลาโอกาสนั้นครับ…”

ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันไปสบตากับประธานบริษัท แล้วโพล่งความตั้งใจทั้งหมดออกมาทีเดียว

         “คำพูดของท่านทำให้ผมคิดได้ ว่าที่ผ่านมาผมทนงตัวในความเก่งของตัวเองมากจนเกินไป โดยไม่ได้สนใจถึงความสำคัญของการเสนอขายประกันชีวิตให้กับลูกค้าเลย ผมอยากขอบคุณเจ้านายที่บอกข้อผิดพลาดกับผมและผมอยากจะขอต่อเวลาให้ผมได้แก้ไขข้อผิดพลาดของผมได้หรือเปล่าครับ”

         ประธานบริษัทถอนหายใจออกมายาวเหยียด สายตาที่มองมาทางผม เต็มไปด้วยโมหะ ที่ใกล้จะถูกบันดาลออกมาเป็นโทสะเต็มที

         “คุณฮิว…”

         ผมลอบกลืนน้ำลายกับน้ำเสียงที่ใช้เรียกชื่อผม บอกเลยว่าชวนให้ขนลุกลามไปถึงร่องก้นแบบสุดๆ เลยครับ

         “อีกสามเดือน ก่อนบริษัทจะปิดบัญชีประจำปี คุณมีสองทางเลือก คือหาลูกค้ารายใหม่หรือตามลูกค้าเก่ากลับมาทำประกันกับเราให้ได้อย่างน้อย 10 คน ถ้าคุณทำไม่ได้ ผมคงต้องเชิญคุณออก”

         สิบคน…อ่า ลำพังสามคนผมยังแทบจะวิ่งเสนอขายประกันแบบหัวขวิดก้นทิ่มเลยครับ แล้วนี่สิบคนผมจะไปหามาจากไหนกัน ยิ่งกับลูกค้ารายเก่า พักหลังผมก็ทำพลาดจนพวกเขาหนีไปทำประกันกับบริษัทอื่นหมดแล้ว

         “ได้ครับ ผมจะพยายามทำให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่าผมเหมาะสมกับการทำงานนี้ต่อจริงๆ ครับ”

         อยากจะตบปากตัวเองเหลือเกินที่โพล่งออกไปแบบนั้น แต่ไอ้ฮิวคนนี้ก็ต้องสู้ครับ ถึงผมจะตกงานหลังจากนี้ ก็ให้ได้รู้กันว่าผมพยายามแล้วจริงๆ

         “ผมหวังว่าการอยู่ต่อจะช่วยให้คุณปรับปรุงการทำงานได้จริงๆ ไปได้แล้ว”

         “ขอบคุณครับ”

         ผมพูดออกไปเท่านั้น แล้วค่อยขยับตัวลุกขึ้น ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องนั้นเอง มือของคุณกาวินก็วางลงบนบ่า ให้ผมหันไปมองแล้วส่งยิ้มกลับไปให้ กับคนที่กำลังยิ้มให้ผม

         18.00 น.
         หลังเลิกงาน ผมก็มาเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ถนนคนเดินวันเสาร์ เพื่อหาของกินและเดินระบายอารมณ์ไปพลาง ยอมรับว่าเรื่องเมื่อเช้ามันทำให้ผมเครียดแบบสุดๆ ถึงใจหนึ่งผมอยากจะลองสู้ แต่อีกใจหนึ่งผมก็ท้อ

         “ไอ้ฮิว! ทางนี้เว้ยเพื่อน”

         ผมเงยหน้าไปมอง เห็นกลุ่มเพื่อนสนิททั้งสามคนของผม กำลังโบกมือไม้โบกมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา จริงๆ วันนี้พวกมันนัดกันไปดื่มครับ มันชวนผมแล้ว ผมปฏิเสธมันไปเพราะผมไม่มีกะจิตกะใจจะไปกับพวกมัน

         “หน้าเครียดเชียวนะมึง โดนเจ้านายดุมาเหรอวะ”

         ไอ้นิคมันพาดแขนยาวๆ มาบนไหล่ผม

         “อืม กูแม่ง ไม่มีใจจะทำงานเลยว่ะ”

         “มึงยังไม่หางานใหม่อีกเหรอวะ งานขายประกัน ดูแลลูกค้ามันไม่ได้ง่ายๆ นะเว้ย”

         เทมป์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนเคย มันเองก็เตือนผมมาหลายครั้งหลายคราแล้ว แต่ทำยังไงได้ล่ะครับ ผมมันพวกไม่กล้าออกจากเซฟโซน ถ้าได้งานใหม่จริงๆ ผมก็ต้องเริ่มต้นชีวิตในสังคมใหม่ด้วย พอคิดแบบนั้น มันก็ทำให้ผมกังวล
         “เอาน่า ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว มึงเปลี่ยนใจไปดื่มกับพวกกูไหม”

         ผมหันไปมองหน้าไอ้ภีมอย่างช่างใจ ถึงตอนแรกผมจะอยากอยู่คนเดียว แต่ยอมรับเลยว่าพอเจอหน้าและได้คุยกับพวกมันไม่กี่ประโยคแล้ว ผมก็อยากอยู่กับพวกมันต่อ

         “เฮ้อ ไปก็ไปวะ”

         “มันต้องอย่างงี้ดิวะเพื่อนกู มาๆ เดี๋ยวส่วนของมึงกูเลี้ยงเอง”

         ไอ้นิคว่าพร้อมตบบ่าผม



   23.50 น.
   ในที่สุดผมก็มาดื่มกับพวกมันจนได้ แถมยังลากยาวจนร้านจะเลิก พวกผมจึงตัดสินใจพาร่างเมาๆ แบบไม่น่าจะสร่างได้ในรุ่งเช้า ออกมาโบกรถกลับบ้านกันอย่างทุลักทุเล บอกตามตรงแค่เดินผมก็ยังเซ สายตาผมนี่พร่าเลือนเข้าไปทุกที

   “ใจเย็นเพื่อนนน”

         ไอ้นิคมันปรี่เข้ามารับร่างของผมที่โงนเงนไปข้างหน้า ยังดีที่มันไม่ปล่อยให้ผมหัวโขกประตูรถ ผมรับรู้หมดนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม่งควบคุมอะไรไม่ได้เลยครับ

         “ขึ้นรถๆ”

         เสียงใครสักคนร้องบอก ก่อนร่างของผมจะถูกเพื่อนจับยัดเข้าไปข้างในรถ

         “เอาถุงกันไว้หน่อยนะครับ”

         เจ้าของรถหันมาบอก รู้ตัวอีกทีหูหิ้วถุงพลาสติกก็ถูกคล้องไว้ที่หูทั้งสองข้างของผมเรียบร้อย แบบว่า…คือผมไม่ได้จะอ้วกนะเว้ย แล้วผมก็ไม่มีทางอ้วกให้เสียของหรอกน่า

         นั่งรถกันมาไม่นาน ผมก็มาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แม้ผมจะถามพวกเพื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำให้มันนอนที่บ้านของผมซะก็สิ้นเรื่อง แต่พวกแม่งไม่ฟังกันเลย หนีผมกลับหมดเฉย โถ่วววว

         ผมตะเกียกตะกายเข้าห้องนอนอย่างยากลำบาก ขอบคุณที่บ้านตัวเองมีแค่ชั้นเดียว ไม่งั้นผมคงได้ตกบันไดหัวทิ่ม ก้นจ้ำเบ้าแน่ แต่ก็…ครับ ผมอยู่คนเดียวนี่นา แถมบ้านหลังนี้ยังสร้างตั้งแต่พ่อแม่และพี่ชายผมยังมีชีวิตอยู่แล้ว เมื่อก่อนบ้านหลังเล็กๆ นี่อบอุ่นจนร้อน พวกเราเคยมีแผนการว่าจะสร้างชั้นสองและขยายห้องหับต่างๆ ไปทางด้านหลังบ้าน

         แต่คงไม่มีวันนั้นแล้วล่ะครับ เพราะคนที่ผมรักทั้งสามคน ได้จากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อเกือบสิบปีก่อนแล้ว ผมจึงใช้เงินมรดกอันน้อยนิด ที่พ่อแม่เก็บไว้ให้ ไปลงทุนเรียนต่อจนจบและหางานทำ ยิ่งคิดก็ยิ่ง…เหมือนจะเจ็บปวดอยู่ลึกๆ เพราะผมคิดมาตลอดว่าถ้าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ผมคงจะมีความสุขมากกว่านี้ ในเวลาที่ผมทั้งเหนื่อยและท้อเรื่องงานแบบนี้ พวกเขาจะต้องช่วยปลอบประโลมจิตใจผมได้มากแน่ๆ แม่งงงง การใช้ชีวิตคนเดียว ทำไมมันยากเย็นขนาดนี้วะ มันทรมานใจมากเลยครับ แบบว่ามันไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร แค่หายใจทิ้งไปในแต่ละวัน ผมยังรู้สึกเหนื่อยเลย

         ผมเอามือปาดน้ำตา…ที่แม่งไหลลงมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีผมก็ขึ้นมานอนเหยียดยาวบนเตียง แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจพรืดๆ สุดท้ายก็ได้แต่หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าเต็มที

ออฟไลน์ Reality in BL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 1 ครอบครัวที่แสนดี
   เมื่อคืนผมเมามาก พอลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ก็ต้องนอนแผ่อยู่บนเตียงเกือบชั่วโมง เพราะอาการปวดเนื้อปวดตัว แต่ยังดีที่ไม่ถึงกับแฮงค์ จนมาถึงตอนนี้ ที่ผมคิดว่าตัวเองนอนมองเพดานห้องมานานพอสมควรแล้ว ควรค่าแก่เวลาที่ต้องแงะต้องเเซะตัวเองออกจากที่นอนเสียที ให้ผมค่อยผงกตัวลุกขึ้นมาและคิดว่าจะไปอาบน้ำให้ตัวเองกลับมาสดชื่นเสียหน่อย ทว่า…กลิ่นอาหารกลับทำให้ความคิดนั้นสะดุดลง

   ตอนแรกผมก็คิดไปว่าอาจจะเป็นกลิ่นจากข้างบ้าน แต่มันดันมีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ แถมเสียงมันยังดังเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในบ้านของผม

   หรือจะเป็นพวกไอ้นิค

   ผมสัณนิษฐานแบบนั้น แต่ว่าจะใช่ได้ยังไง ความทรงจำครั้งสุดท้าย คือพวกแม่งไม่ยอมลงจากรถด้วยซ้ำและผมก็จำได้แม่นว่าผมล็อคประตูบ้านแล้ว

   “ขโมยหรือเปล่าวะ”

   เชี้ยละ…ผมอยู่ตัวคนเดียวด้วย เสียงพวกแม่งนั่นเหมือนอยู่กันหลายคนด้วยอะ

   ผมพยายามมองหาอาวุธในห้อง แต่แม่งอยากจะทุบหัวตัวเองมาก ที่ไม่มีอะไรให้ใช้ป้องกันตัวเลยครับ มีแค่เก้าอี้ไม้ตัวเล็กๆ ที่พอจะใช้ได้เท่านั้น

   เอาวะ อย่างน้อยก็มีอะไรติดมือไปบ้าง

   ผมสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสงบจิตใจที่เต้นระส่ายระส่ำ เพราะตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีโจรเข้ามาเยือนถึงในบ้านแบบนี้ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู พร้อมกับตั้งสติเป็นครั้งสุดท้ายและเปิดประตูพรวดออกไป

   “พวกมึงเป็นใครวะ!!”

   ผมตะโกนลั่น ง้างมือที่ถือเก้าอี้ขึ้น กะเอาไว้ว่าจะทุบหัวใครคนใดคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาทำร้ายผม ทว่าพวกมันกลับทำเพียงแค่หันมามองหน้าและส่งยิ้มมาให้ และมันกลับกลายเป็นผมที่อึ้งไปกับภาพตรงหน้าแทน เมื่อกลุ่มคนที่ผมคิดว่าเป็นโจร คือคนที่ผมรักและโหยหามากที่สุด

   “ฮิว มานี่สิลูก”

   ร่างกายผมมันชาไปทั้งร่าง หัวใจของผมมันกำลังไหววูบกับภาพตรงหน้า สมองของผมมันขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาที มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
 
รู้ตัวอีกที เก้าอี้ในมือก็ถูกทิ้งอยู่บนพื้น ดวงตาของผมเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา ยามที่มีใครสักคนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
   
   “ไงวะฮิว คิดถึงกูไหม”

   “ไอ้พี่ดิว”

   ผมเรียกมันเสียงสั่นและโผเข้ากอดมันหลังจากนั้นทันที ผมพูดอะไรไม่ออกแล้ว ผมทั้งดีใจ ทั้งสับสนและรู้สึกอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ที่ผมไม่สามารถสาธยายมันออกมาได้ในเวลานี้  ถึงแม้ผมจะรู้ดีว่ามันคงเป็นแค่ความฝัน แต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก จนผมไม่อยากจะตื่น

“ร้องไห้เป็นเด็กๆ ไปได้วะ”

เสียงของพ่อ ทำให้ผมผละออกมาจากพี่ชาย ผมหันไปมองทั้งน้ำตา เขาส่งยิ้มให้ผม รอยยิ้มที่สดใสเหมือนตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด นั่นมันยิ่งทำให้ผมคิดถึงวันที่เราเคยอยู่ด้วยกัน

“อยู่คนเดียวเหนื่อยไหม”

เขาว่าแบบนั้นและขยับเข้ามาใกล้ผม ขณะที่พี่ดิวขยับถอยห่างออกไป ก่อนพ่อจะเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

“พ่อขอโทษที่ไม่สามารถอยู่ดูแลลูกได้ แถมยังไม่ได้สร้างอะไรเพื่อเป็นต้นทุนชีวิตให้กับลูกเลย”

ไม่เพียงแค่คำพูด แต่ความรู้สึกทั้งหมดของพ่อ ถูกส่งผ่านแววตาที่ไหววูบ ให้ผมมองตาของพ่อ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แบบที่ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ ว่าการที่พ่อมาเข้าฝันผมแบบนี้ จะเป็นเพราะพ่อรู้สึกผิดกับเรื่องที่เขาไม่ได้อยู่เลี้ยงดูจนผมเรียนจบและดูแลในยามที่ผมอยู่ในวัยทำงานแบบนี้

“มันไม่ใช่ความผิดของพ่อนะครับ”

ผมจับมือของพ่อที่กำลังลูกหัวผม ดึงเข้ามากุมไว้และมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าของพ่อ ดวงตาที่ผมอยากจะให้มันกลับมาสดใสเหมือนแต่ก่อน

“ที่ผมมีบ้านให้อยู่ เรียนจนจบ จนเริ่มทำงานหาเงินใช้เองได้เหมือนตอนนี้ เพราะพ่อกับแม่ แล้วก็พี่ดิว…”

ผมหยุดหันไปมองทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังของพ่อพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะกลับมาพูดกับพ่อต่อ

“ทุกอย่างที่มีอยู่ มันคือต้นทุนที่มีค่ามากสำหรับผมแล้วครับ พ่ออย่าโทษตัวเองเลยนะครับ”

พอคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของผมยังมีห่วง จนยังวนเวียนไม่ไปไหน ผมเองก็เริ่มจะเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ว่าที่พวกเขาไปไหนไม่ได้ เพราะความไม่เอาไหนของผมเอง

“มันยังไม่พอหรอกฮิว ทั้งพ่อกับแม่ ทั้งกูยังมีอะไรที่อยากจะให้มึงอีกอย่าง”

ผมหันไปมองหน้าพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ

“มึงหมายถึงอะไร”

“ความสุขไง”

ผมชะงักไปกับคำตอบนั้น ที่มันสร้างความรู้สึกมากมายขึ้นมาในใจ จนผมเผลอเม้มปากแน่น

“แม่รู้ว่าฮิวไม่เคยกินอิ่ม นอนสบาย ไม่เคยมีความสุขกับชีวิตของตัวเองเลย”

ไม่เคยมีความสุข…ประโยคสั้นๆ ที่มันทำให้ผมยิ้มเยาะในใจ เพราะมันเป็นความจริงที่ผมแบกรับมาตลอด ความจริงที่ทำให้ผมทั้ง

เหนื่อยและท้อ จนหลายครั้งที่ผมสัมผัสได้ว่ามันใกล้ถึงจุดที่ผมหมดแรงที่จะใช้ชีวิตต่อ

“แต่หลังจากนี้ พวกเราจะช่วยลูกเองนะ”

“พ่อจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อให้ลูกมีความสุข”

“กูจะดูแลมึงเอง ขอแค่มึงนึกถึงกู กูจะไปอยู่ข้างมึง”

ความเหนื่อยล้าที่ผมมี เหมือนมันกำลังถูกทำลายลงไปช้าๆ ด้วยความอบอุ่นจากครอบครัวตรงหน้า ผมขยับเข้าไปกอดพวกเขาเอาไว้ ขณะที่อีกฝ่ายก็เข้ามาโอบกอดผมไว้เช่นกัน

แต่แวบหนึ่งเท่านั้น ที่ความจริงวิ่งเข้าใส่ ว่าทั้งหมดมันเป็นเพียงความฝันและทุกคนในครอบครัว ไม่ได้อยู่กับผมในโลกความจริงแล้ว ความเจ็บปวดมันยิ่งลุกลามไปทั่วทั้งจิตใจ จนผมเผลอกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การโหยหา แต่มันคือความรู้สึกของการไม่อยากจะสูญเสียอีกเป็นซ้ำสอง

หากตอนนี้ ผมกำลังนอนหลับ ผมต้องกำลังร้องไห้หรือละเมออยู่ บางทีผมอาจจะกำลังสะอึกสะอื้นและนอนกอดตัวเอง เหมือนที่ผมกำลังแสดงออกในความฝัน

“อย่าร้องไห้สิวะ ทุกคนอยู่กับมึงตรงนี้แล้วไง มึงไม่ต้องกลัวนะฮิว”

“จะไม่ให้กูกลัวได้ยังไง ฮึก ถะ…ถ้ากูตื่น พ่อกับแม่ แล้วก็มึงก็จะหายไป”

ผมระล่ำระลักออกมา น้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างไม่เคยคิดมาก่อน ว่าผมจะอ่อนแอได้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาผมพยายามใช้ชีวิตอยู่คนเดียว จนคิดไปว่าอาจจะชินกับมันและเข้มเเข็งจนสามารถไปต่อไปแล้ว แต่เปล่าเลย แม้จะผ่านมาสิบปีแล้ว ระยะเวลาที่เนิ่นมา มันไม่ได้ทำให้ผมเข้มเเข็งขึ้น มีแต่จะทำให้ความอ่อนแอมันมากขึ้นทุกวันและผมเพียงแค่เก็บมันเอาไว้ ซ่อนมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ จนมันกลายเป็นความเจ็บปวดได้มากมายขนาดนี้

“ฮิว ฟังกูนะ ถึงสิ่งที่มึงรับรู้อยู่ตอนนี้ มันจะเป็นความฝัน แต่หลังจากมึงตื่นขึ้นมา ถึงมึงจะไม่มองไม่เห็นใครแล้ว แต่ขอให้มึงเชื่อว่าพวกเรายังอยู่กับมึง”
   
สมองของผมมันจับใจความสิ่งที่พี่ดิวพูดได้เพียงแค่น้อยนิด ผมรู้ว่ามันกำลังปลอบใจผม หรือบางที…มันอาจจะเป็นแค่ภาพที่จิตใต้สำนึกของผม พยายามสร้างขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น
   
“เชื่อเหมือนอย่างที่พี่เขาบอกนะฮิว พวกเราอยู่กับลูกเสมอนะ”
   
ทั้งภาพและน้ำเสียงของแม่ ยิ่งทำให้ความคิดผมเตลิดไปไกล หัวใจของผม มันเริ่มปั่นป่วน ตั้งแต่ที่สมองประมวลผลจนรับรู้ว่า ทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่ความฝัน ที่จิตใต้สำนึกของผมสร้างขึ้นมา ให้ผมได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังอ่อนแอแค่ไหน ผมกำลังอยู่ในจุดที่ทั้งเหนื่อยและท้อ แต่เพราะผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจึงต้องใช้ชีวิตต่อไปให้ได้ แค่ผมต้องการกำลังใจและการปลอบประโลมจิตใจที่ย่ำแย่

เพราะแบบนี้ยังไงล่ะครับ จิตใต้สำนึกของผมจึงสร้างภาพทุกอย่างขึ้นมา เพื่อที่ว่า…มันอาจจะเป็นภาพความฝันที่ช่วยปลอบใจให้ผมมีกำลังใจจะใช้ชีวิตต่อไป

“พ่อรู้ว่ามันยากจะเชื่อ พ่อจะไม่ว่าอะไรแกเลย ถ้าแกจะไม่เชื่อพวกเราตอนนี้ แต่ฮิวฟังพ่อดีๆ นะ ชีวิตลูกมันอาจจะไม่ได้อับจนหนทางจริงๆ แต่เพราะลูกกำลังเหนื่อยมากๆ ดวงตาของลูกมันอาจจะล้าจนมองเห็นอะไรไม่ชัด และพ่อก็ไม่อยากให้ลูกฝืนมองอะไรตอนที่ดวงตาพร่ามัวแบบนี้ ลูกควรพักผ่อน ลองหาอะไรทำเล็กๆ น้อยๆ ดูนะ อะไรก็ได้ที่นอกเหนือจากการทำงานและปล่อยให้ตัวเองอยู่กับสิ่งใหม่ๆ บ้าง แม้ชีวิตของลูกจะไม่ได้ดีขึ้นทันตา แต่ลูกก็จะได้เรียนรู้จากอะไรก็ตาม นอกเหนือจากงานประจำที่ลูกทำ”

ผมได้แต่เงียบ สบสายตากับพ่อที่พยายามสอนผมอยู่แบบนั้น ผมพยายามจะจดจำคำพูดของพ่อทั้งหมดให้ได้ ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ ผมไตร่ตรองอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยหลังจากนี้ หากผมได้นำคำพูดของพ่อ หรือกระทั่งของแม่กับพี่ชายมาลองคิดทบทวนดูอีกที ผมอาจจะค้นพบอะไรที่ผมไม่คาดคิดก็ได้ 

“เฮ้อ ตามที่พ่อบอกนั่นแหละ บังคับให้ตายตอนนี้ มึงก็คงไม่เชื่อ พวกเราไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เพิ่งจะมาเข้าฝันมึงด้วยซ้ำ…”

ผมมองคนที่พยายามพูดติดตลก ให้คนฟังอย่างผม เริ่มผ่อนคลายลงไป

“...เอาเป็นว่า ให้เวลาเป็นตัวจัดการกับความรู้สึกและความเชื่อของมึงก็แล้วกันเนอะ น้องชาย”

มันยิ้มให้ผม รอยยิ้มเหมือนในตอนเด็กๆ ไม่มีผิดเพี้ยน

“มากินข้าวกันดีกว่าลูก แม่เตรียมอาหารไว้นานแล้ว จะเย็นชืด หมดอร่อยเสียก่อนนะ”

แม่พูดตัดบทขึ้นมาแบบนั้น พร้อมทั้งพยายามเปลี่ยนบรรยากาศ ด้วยการพาทุกคนไปนั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหาร ซึ่งผมก็ถูกดึงตัวไปนั่งร่วมกินอาหารในมื้อนี้ด้วย แบบที่ผมได้แต่หันไปมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนในครอบครัว แล้วได้แต่ลอบถอนหายใจ พยายามคิดปลอบใจตัวเองไปว่าอย่างน้อย ณ เวลานี้ ผมก็ได้มีความสุขกับคนที่ผมรัก แม้มันจะเป็นช่วงเวลาอันน้อยนิดและถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝันก็ตาม

ผมควรจะพอใจในความฝันของตนเองและเสพสุขกับมันให้เต็มที่ ไม่ว่ามันจะมาจากจินตนาการหรือจิตใต้สำนึกก็ตาม



และอีกไม่นานผมก็คงจะตื่นจากความฝันนี้




(มีต่อ...)


ออฟไลน์ Reality in BL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 1 พี่ชายที่แสนดี (ต่อ...)

ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน แต่พอรู้สึกตัวและมีสติจนพอจะเดาได้ว่าตัวเองกำลังตื่นจากความฝัน แม้จะไม่อยากตื่นแค่ไหน ผมก็จำเป็นต้องลืมตาขึ้นมา เพื่อยอมรับว่าภาพครอบครัวที่เห็นและความอบอุ่นที่เพิ่งจะได้รับ มันเป็นแค่ความฝัน และผมก็ต้องลุกขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับความจริง



“กูจะดูแลมึงเอง ขอแค่มึงนึกถึงกู กูจะไปอยู่ข้างมึง”


“เชื่อเหมือนอย่างที่พี่เขาบอกนะฮิว พวกเราอยู่กับลูกเสมอนะ”


“พ่อรู้ว่ามันยากจะเชื่อ พ่อจะไม่ว่าอะไรแกเลย ถ้าแกจะไม่เชื่อพวกเราตอนนี้ แต่ฮิวฟังพ่อดีๆ นะ ชีวิตลูกมันอาจจะไม่ได้อับจนหนทางจริงๆ แต่เพราะลูกกำลังเหนื่อยมากๆ ดวงตาของลูกมันอาจจะล้าจนมองเห็นอะไรไม่ชัด และพ่อก็ไม่อยากให้ลูกฝืนมองอะไรตอนที่ดวงตาพร่ามัวแบบนี้ ลูกควรพักผ่อน ลองหาอะไรทำเล็กๆ น้อยๆ ดูนะ อะไรก็ได้ที่นอกเหนือจากการทำงานและปล่อยให้ตัวเองอยู่กับสิ่งใหม่ๆ บ้าง แม้ชีวิตของลูกจะไม่ได้ดีขึ้นทันตา แต่ลูกก็จะได้เรียนรู้จากอะไรก็ตาม นอกเหนือจากงานประจำที่ลูกทำ”



อย่างน้อย ผมก็ขอบคุณที่ตัวเองยังจำความฝันและทุกคำพูดของคนในครอบครัวได้แม่น บางที ผมน่าจะลองทำตามที่พวกเขาบอก เชื่อว่าพวกเขายังคอยเป็นกำลังใจให้ผมและลองหาอย่างอื่นทำ นอกเหนือจากงานประจำ มันอาจจะทำให้ผมพอจะมีใจใช้ชีวิตต่อจากนี้ ผมคิดแล้วก็ได้ถอนหายใจให้กับความอ่อนแอของตนเอง

เอาวะ ชีวิตมันก็มีแค่นี้แหละ ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก

และผมก็สูดลมหายใจเข้าปอดสุดแรง และรวบรวมกำลังที่มีอยู่ในตอนนี้ ดึงตัวเองออกมาจากเตียงนอน

“เชี้ย…”

ผมร้องพร้อมยกมือขึ้นกุมขมับ เพราะรีบลุกไปหน่อย เลยพาลให้หน้ามืด

“สัสเอ๊ยยย แค่จะลุกจากเตียงเองนะเว้ย”

ผมอดบ่นไม่ได้ ก็ดูสิครับ แม่งงง แค่จะพาตัวเองไปเข้าห้องน้ำ ถึงกับเซเกือบล้ม ผมเลยต้องยืนหลับตา ตั้งสติและปล่อยให้ร่างกายปรับตัวสักพัก ถึงได้พาตัวเองเข้าไปอาบน้ำและขจัดคราบความเมาออกจากร่างได้

ผมแต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เพราะวันนี้เป็นวันหยุด ผมจึงมีเวลาอยู่กับตัวเองทั้งวัน แต่ก่อนอื่น ผมควรไปหาอะไรกินก่อน ตอนนี้ท้องว่างมากจนมีเสียงเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ ตลอดทางที่ผมเดินออกมาจากห้อง

แต่ว่า…ทำไมเหมือนได้กลิ่นอาหารแถวนี้วะ

ผมทำจมูกฟุดฟิด สอดสายตามองหาที่มาของกลิ่น จนกระทั่งผมเดินไปที่ห้องครัว ก็พบกับที่มาของกลิ่น…

“กูฝัน…ฝันแน่ๆ”

ผมทั้งสบัดหน้า ขยี้ตาซ้ำๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เล่าแล้วเล่าอีก อีกแล้ว…แล้วก็อีก จนสุดท้าย

“โอ๊ย”

ผมก็ตบหน้าตัวเอง ผลที่ได้ก็คือ อาหารบนโต๊ะตรงหน้ายังอยู่ แต่ที่เพิ่มมาน่าจะเป็นรอยฝ่ามือบนแก้ม ที่ผมรู้สึกว่ามันเจ็บจนเริ่มชาๆ แล้ว

หรือผมจะฝันซ้อนฝันครับ

ผมกระพริบตาปริบๆ ค่อยก้าวเข้าไปในห้องครัว โดยไม่ละสายตาไปจากอาหาร จนผมไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะ แล้วเผลอกัดปากล่างอย่างชั่งใจ

แกร๊กๆๆ

“ของจริงว่ะ”

ผมอ้าปากค้าง หลังจากเอาช้อนลองตักกับข้าวในจาน อย่างไม่รู้จะวิเคราะห์สถานการณ์ยังไง ได้แต่เงยหน้าขึ้นมามองซ้ายทีขวาที ประตูกับหน้าต่างห้องครัวก็ปิดสนิท

“มาได้ไงวะ”

ผมพึมพำกับตัวเองอยู่อย่างนั้น แล้วก็สาวเท้าออกจากห้องครัว เดินสำรวจจนทั่วบ้าน ขณะที่ใจของผมก็เริ่มระส่ำระส่าย คล้ายจะจับลางสังหรณ์ไม่ดีได้ เพราะไม่ใช่แค่อาหารบนโต๊ะ แต่ทั้งข้าวของในบ้านที่รก ยังถูกเก็บเข้าที่จนเป็นระเบียบเรียบร้อย เท่านั้น เท้าของผมก็มุ่งตรงไปยังประตูบ้านและผมก็ได้พบกับกระดาษเล็กๆ แปะเอาไว้ พร้อมข้อความบนกระดาษที่ว่า


กูให้คนมาช่วยเก็บกวาดบ้านให้แล้วนะ
มึงกินข้าวเสร็จ ก็ไปอาบน้ำเเต่งตัวแล้วออกไปเที่ยวข้างนอก
ไปในที่ๆ มึงอยากไปนะ
กูเตรียมเงินให้มึงแล้ว
ไปหยิบในลิ้นชักที่ชั้นวางโทรทัศน์ได้เลย
มีความสุขกับชีวิตใหม่นะ น้องชาย
จากพี่ดิวคนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือกูรู้สึกตัวเองสวยมากเลยว่ะ

   พลันคำพูดของไอ้พี่ดิวในความฝันก็วิ่งกลับมาเข้าหัวผมอย่างไว จนผมถึงกับมึนไปชั่วขณะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมกำลังใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน

“ฮิว ฟังกูนะ ถึงสิ่งที่มึงรับรู้อยู่ตอนนี้ มันจะเป็นความฝัน แต่หลังจากมึงตื่นขึ้นมา ถึงมึงจะไม่มองไม่เห็นใครแล้ว แต่ขอให้มึงเชื่อว่าพวกเรายังอยู่กับมึง”

ถ้าวิเคราะห์จากคำพูดของมันแล้ว แปลว่าทั้งพ่อกับแม่ และพี่ดิวยังอยู่ พวกเขาอยู่กับผมจริงๆ แบบนั้นเหรอ ทั้งที่พวกเขาเสียชีวิตไปได้สิบปีแล้ว

ยิ่งคิด ภาพเหตุการณ์ในความฝันก็พรั่งพรูเข้ามาจนผมรู้สึกแน่นหน้าอก เริ่มปวดตัวขึ้นมาแล้วครับ จนสุดท้าย ผมก็ได้แต่ไล่ความคิดและความฝันทั้งหมดออกจากหัว ไหนๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ ผมก็ขอใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน ให้มันสบายใจก่อนตื่นก็แล้วกันครับ เดี๋ยวใกล้ตื่นเมื่อไหร่ผมก็หลุดจากความฝันบ้าๆ นี่เองล่ะวะ

ผมตัดสินใจจะกลับไว้ในห้องครัว โดยไม่ลืมที่จะเเวะไปที่ชั้นวางโทรทัศน์ตามคำบอกในกระดาษ พอเปิดลิ้นชักออก ผมก็เผลอเบิกตากว้าง เพราะเงินที่ไอ้พี่ดิวมันบอก ล้วนแต่เป็นแบงค์พันที่มัดรวมกันมาเป็นปึกๆ หลายปึกเสียด้วย ไม่พอครับ ผมแอบเปิดกระเป๋าเงินดู ก็ปรากฏบัตรเดบิต พร้อมกระดาษโน๊ตเล็กๆ ที่เขียนเอาไว้ว่า

ในนี้มีเงินอีกจำนวนหนึ่ง มึงเช็คจากแอพในมือถือได้เลย
ส่วนรหัสมือถือกับแอพ คือวันเดือนปีเกิดของกู
ถ้ามึงจำได้ก็ถือว่าทั้งหมดนี้เป็นของขวัญสำหรับมึง
แต่ถ้ามึงจำไม่ได้ก็ไม่ต้องเอา! ถือว่า กูลงโทษที่มึงไม่รักกู
และลืมเรื่องทุกอย่างของพี่ชายที่แสนดีอย่างกูไป 

ผมอ้าปากค้าง ก็ดูไอ้พี่ดิวมันทำสิครับ จะให้ของขวัญหรือแกล้งผมกันแน่ นี่ขนาดในความฝันนะครับ

“โทษทีว่ะ เผอิญว่ากูเป็นน้องชายที่แสนดีมากพอ กูเลยจำทุกอย่างของมึงได้”

ผมยิ้มกว้าง หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์รหัสลงไปและลองเข้าแอพธนาคารตามที่มันบอก คราวนี้ล่ะครับ ผมตาแทบจะถลนออกจากเบ้า เพราะจำนวนเงินในบัญชีกว่าเจ็ดหลัก

“มึงไปเอามาจากไหนเยอะแยะวะ”

ผมว่าอย่างอดไม่ได้ แต่ก็อึ้งกับจำนวนเงินได้เพียงเดี๋ยวเดียว ความคิดอันแสนประเสิรฐก็ผุดขึ้นในหัว

“ดี! กูจะใช้เงินซื้อความสุขให้เต็มที่ก็แล้วกัน ขอบคุณนะเว้ยพี่ดิว”
และผมก็เดินกลับเข้าครัวไปอย่างอารมณ์ดี พาตัวเองไปนั่งที่โต๊ะอาหาร จัดการกับทุกเมนูตรงหน้าจนอิ่มแปล้ หลังจากนั้น ก็กระดกน้ำพรวดๆ เข้าปาก

“ฮ้าาา อิ่มฉิบหายยย”

เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่ผมกินอิ่มจนพุงกางเเบบนี้ หลังจากที่ใช้ชีวิตตามใจความขี้เกียจมากไปหน่อย แบบกินข้าวไม่ตรงเวลา อาศัยความหิวเป็นตัวนำทาง หรือแม้บางทีหิวนิดหน่อย ผมก็ปล่อยให้กระเพาะทนหิวจนลืมหิว
ในเมื่อกินอิ่มแล้ว ผมก็รีบตรงไปที่ห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปข้างนอกก็ขอดูดีหน่อยครับ และผมก็จะใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงไปเลย

“เชี้ยยยย”

ผมชักเท้ากลับมาแทบไม่ทัน หลังจากเปิดประตูห้องนอนแล้วเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด จนต้องขยี้ตา กวาดสายตามองไปรอบห้องซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแน่ใจว่าที่อยู่ตรงหน้าและกำลังกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องผม มันคือสารพัดสัตว์จริงๆ

“พวกมึงเข้ามาได้ยังไงวะ!”

แวบหนึ่งที่ผมเห็นพวกมันหันไปมองหน้ากัน? เอ๊ะ หรือผมคิดไปเองวะ มันจะสื่อสารกันรู้เรื่องได้ไง ในเมื่อพวกมันแม่งต่างสายพันธุ์กันอะครับ ที่เห็นอยู่ตอนนี้ มันมีทั้งหมา แมว กระต่าย กระรอก นกแก้ว เม่นแคระ เต่า ที่แม่งมาเข้ามาจากรูไหนกันก็ไม่รู้ แถมมันยังหันมามองหน้าผมอย่างพร้อมเพรียง

จะรุมกัดกูหรือเปล่าวะ

“ฮะ…เฮ้ยๆๆ อย่าเข้ามานะเว้ย”

ผมถอยหลังทันที ที่จู่ๆ พวกมันก็ตรงดิ่งเข้ามาหาผมกันราวกับพวกมันมีเป้าหมายหนึ่งเดียวก็คือผม

“อะ…ออกไปนะเว้ย”

ผมสอดสายตามองหาอาวุธที่ใกล้มือที่สุด แต่เคราะห์ร้ายที่มีแค่หมอน มือไม้ผมรีบคว้าหมอนมาไว้ในมืออย่างหมดที่พึ่ง กระทั่งไอ้หมาไซต์บิ๊กมันเข้ามาประชิดตัวผมพร้อมกับแยกเขี้ยว เสียงคำรามของมันทำเอาผมสะดุ้ง กระโดดผลุงขึ้นไปนั่งยองๆ บนโซฟา

“จ๊ากกกกกกกกก”

ผมร้องลั่น ยกหมอนขึ้นมาบังหน้า เพราะจู่ๆ ไอ้หมาบ้ามันก็กระโจนเข้าใส่ จนผมได้แต่หลับตารอรับความเจ็บปวดเต็มที่ ในใจได้แต่ภาวนาให้ผมสะดุ้งตื่นจากฝันบ้านี่สักที

ทว่า…มันกลับหลงเหลือเพียงแค่ความเงียบ

จนผมชั่งใจและลดหมอนที่บังหน้าลง เห็นสารพัดสัตว์ทั้งเจ็ดตัว มันพากันมานั่งอยู่หน้าโซฟา มองผมตาแป๋วเลยครับ แต่ก่อนที่ผมจะทันได้ทำอะไรต่อ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น แบบที่ผมเหล่ตามองพวกสัตว์สักพัก แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ค่อยขยับตัวออกจาโซฟา สลับกับสังเกตุอาการของกลุ่มสัตว์ตรงหน้าไปด้วย และพอเห็นว่ามันไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบรับ นอกจากมองตาม
ผมก็วิ่งสิครับ!

ผมพาร่างตัวเองออกมานอกบ้านและรีบปิดประตูด้วยความไวแสง จนหอบแหกๆ ปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผากแบบลวกๆ ก็สมกับเป็นความฝันล่ะครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ

“ไอ้ฮิวโว้ย เปิดประตูให้กูก่อน กูร้อน!”

ผมหันไปมองหน้าประตู เห็นไอ้นิคโบกมือหยอยๆ อยู่หน้ารั้วบ้าน พร้อมกับไอ้เทมป์ ไอ้ภีม สงสัยเมื่อคืนอยู่ด้วยกัน พวกมันถึงได้มาเข้าฝันผมด้วย เพราะแบบนั้น ผมก็เลยเดินไปเปิดประตูให้พวกมันแบบไม่คิดอะไร แต่ที่น่าสงสัยคือ…

“แต่งตัวดูดีจังวะ จะพากันไปเที่ยวที่ไหน”

ผมมองสำรวจพวกมันแต่ละคน ที่แม่งเหมือนมีแสงออร่าเป็นประกายวิ้งค์ๆ อยู่รอบตัว ไอ้นิคแต่งตัวไสตล์คูลๆ แต่งดูมีเสน่ห์แบบที่ไม่เคยเห็น ไอ้เทมป์ถึงจะแต่งตัวแบบชิลๆ แต่ก็หล่อฉิบหาย ขณะที่ไอ้ภีม มันมาสไตล์คุณชายมาดเนี้ยบ ดูดีแบบลูกคุณหนู
ทั้งหมดทั้งมวลที่ไอ้ฮิวคนนี้ ตั้งแต่รู้จักมันมาสิบกว่าปี ไม่เคยแม้แต่จะเห็นมุมนี้ของพวกมันแม้แต่แวบเดียวเลยครับ และคิดว่าคงไม่มีทางได้เห็นในชีวิตจริงแน่นอน

แบบว่าจะเข้าฝันกูทั้งที ต้องดูดีขนาดนี้เลย

“มองอะไรพวกกูขนาดนั้นวะเพื่อน” ไอ้นิคหลุดขำกับท่าทางของผม

“แล้วมึงแต่งตัวอะไรวะ จะออกไปสภาพนี้จริงดิ” ไอ้เทมป์มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“หรือว่ามึงลืมนัดของพวกเรา” ภีมมันหรี่ตามองผมอย่างจับพิรุธ

อยากบอกเหลือเกิน ว่าผมไม่ได้ลืม แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยต่างหาก

“อะ…เออ พอดีวันนี้กูตื่นสาย ก็เลยไม่ทันได้เปลี่ยนชุดว่ะ”

“เออๆ จะอะไรก็ช่าง มึงเปิดประตูให้พวกกูก่อนได้ไหมวะ ยืนตากแดดจนเปียกไปหมดแล้วกูเนี่ย”

ไอ้นิคเริ่มโวยวายให้ผมรีบเปิดประตูให้พวกมันเข้ามาข้างในบ้าน แต่เหมือนผมจะลืม…

“พวกมึงระวังนะเว้ย!”

ผมเข้าไปขวางหน้าพวกมันที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในหน้า จนพวกมันหันมามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ

“อะไรของมึงวะ”

“คือข้างในมันมีไอ้พวกสัตว์อยู่เว้ย แม่งไม่รู้ว่าเข้ามาบ้านกูได้ไง เมื่อเช้ากูเพิ่งเกือบจะโดนมันกัดเนี่ย”

คราวนี้พวกมันหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะกลับมามองหน้าผมด้วยสายตาที่กำลังด่าว่าผมโคตรไร้สาระ

“ตลกอะไรมึงครับ สัตว์พวกนั้น มึงก็เลี้ยงมาเป็นปีๆ แล้วไม่ใช่หรือไง”

“ห้ะ!?”

งงเลยสิครับ กับคำพูดของไอ้เทมป์

“เออ อย่าบอกนะ ว่าเลี้ยงสัตว์เยอะเกินจนหลอนอะมึง ไหนมึงบอกว่ามันเชื่องนักเชื่องหนาไง”

ไอ้นิคสมทบจนผมหน้าเหวอยิ่งกว่าเดิม แบบที่เกือบจะโวยวายใส่หน้าพวกมันไปแล้ว หากผมไม่นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองฝันอยู่

“อ่อ กูแค่หยอกเล่น ฮ่าๆ”

หัวเราะแก้เก้อไปเลยสิครับ สุดท้ายผมก็ยอมให้พวกมันเข้าไปในบ้าน ที่มีสารพัดสัตว์อยู่กันจนครบ แถมพวกแม่งยังเข้าไปเล่นกับสัตว์พวกนั้นแบบสนิทสนม สมกับคำพูดของมันที่บอกว่าผมเลี้ยงมาเป็นปีๆ แล้ว

“กูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะพวกมึง”
   
พวกมันพยักหน้าให้ผมอย่างพร้อมเพรียง ผมเลยไม่ได้สนใจอะไรต่อ เดินเข้าห้องนอนของตัวเองและจัดการถอดเสื้อผ้า นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไปที่หน้าห้องนน้ำ หมายจะเข้าไปอาบน้ำเสียหน่อย หลังจากทำตัวขี้เกียจไม่ยอมอาบน้ำเมื่อเช้า ด้วยข้ออ้างที่ว่าไม่ได้ออกไปไหน จนตอนนี้เริ่มเหนียวตัวหมดแล้วครับ

แกร๊กๆ

ผมชะงัก เมื่อลูกบิดประตูมันล็อคอยู่ ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะผมอยู่คนเดียว

แกร๊กๆๆ

ผมลองบิดลูกบิดอีกหลายสิบรอบ แต่ก็พบว่ามันเปิดไม่ได้สักที จนคิดไปว่าหรือประตูห้องน้ำจะเสีย กระทั่ง…

“เฮ้ย!”

ผมอ้าปากค้าง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็เปิดออกเอง ก่อนจะปรากฏร่างผู้ชายคนหนึ่ง ที่โคตรจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย แถมมันยังนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เนื้อตัวก็ยังมีหยดน้ำเกาะประปราย แถมผมยังไม่แห้งสนิท เหมือนคนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ

“มึงเป็นใครวะ มึงเข้ามาในนี้ได้ยังไง!”

มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วหันมาสบตากับผม แล้วมันก็ยิ้มมุมปาก พร้อมสีหน้าและท่าทางที่โคตรจะกวนประสาตเลยเหอะ

“ตื่นแล้วเหรอครับ”

“ครับพ่อมึงสิ มึงเป็นใคร! เข้ามาอยู่ในห้องกูได้ยังไงห้ะ!”

ผมเริ่มกลัวๆ ขึ้นมาแล้วนะครับ สายตามันโครตรไม่น่าไว้ใจอะ แล้วดูมัน ผมตะคอกใส่ไปขนาดนั้น ยังมีหน้ามายืนยิ้มอยู่ได้ มันบ้าป่ะวะ

“จะเอาคำถามไหนก่อนดีล่ะครับ ผมเป็นใครหรือว่าผมเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง”

มันว่าแบบไม่สะทกสะท้าน ให้ผมเม้มปากแน่น เริ่มจะหมดความอดทนกับไอ้นี่ขึ้นมาแล้วนะ

“โอเคๆ ผมไม่กวนแล้วก็ได้ครับ”

มันยกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ 

“จริงๆ ไม่ว่าจะคำถามไหน ก็ใช้คำตอบเดียวกัน”

มันสบตาผมอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่ผมได้แต่มองมันอย่างหงุดงหงิด แม่ง จะตอบก็รีบตอบมาสิโว้ย

“ผมเป็นสามีของคุณไงครับ ถึงได้เข้ามาอยู่ที่นี่ได้…”

“ห้ะ!”

เหวอแดกครับ ณ จุดนี้ ผมมองเท้าสะเอวจ้องหน้ามันกลับ

“มึงพูดเชี้ยอะไรของมึง! แฟนกูยังไม่มีเลยเว้ย ไม่มีแม้แต่คนคุยด้วยซ้ำ! แล้วมึงจะมาเป็นสามีกูได้ยังไง!!”

คราวนี้มันหัวเราะออกมา จนผมเผลอชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ ให้มันเห็นว่าความอดทนผมขาดหมดแล้วนะเว้ย!

“อะไรกันครับ ผมอุตส่าห์เข้ามาถึงในบ้านคุณได้ แถมเมื่อคืนยังเร่าร้อนขนาดนั้น หรือคุณจะบอกว่าที่ทำไปเมื่อคืน คุณเห็นผมเป็นคู่นอนเองหรือครับ”

เชี้ยๆๆๆๆ ในหัวของผมแม่งมีแต่ตัวเหี้ยวิ่งเต็มไปหมดแล้วครับ มันพูดบ้าพูดบออะไรวะ ยิ่งกว่าสามี แม่ง คู่นอนเลยเหรอวะ

“เมื่อคืนกูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นโว้ยยย”

ผมร้องใส่หน้ามันไปที จนมันหุบยิ้มและมองสำรวจผมอยู่สักพัก แล้วดวงตาที่แข็งกร้าวขึ้นมาของมันก็จ้องเข้ามาในตาจนผมสะดุ้ง

“อะไร! มึงไม่ต้องมองแบบนั้น ออกไปจากบ้านกูเลยนะโว้ยยย”

“คิดเหรอว่าผมจะปล่อยให้คุณลืมเรื่องระหว่างเราได้ง่ายๆ”

คราวนี้ผมถึงกับผงะ ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดของมัน แต่เพราะการกระทำ ที่จู่ๆ มันก็ดึงผ้าเช็ดตัวของมันออก เหลือร่างกายเปล่าเปลือยของมัน แต่เรื่องอะไรผมจะยอมล่ะครับ ร่างกายมันมียังไง ผมก็มีเหมือนกันล่ะวะ ก็แค่ร่างกายของมนุษย์ทั่วไป ถ้าคิดว่าแค่นี้จะทำให้คนอย่างไอ้ฮิวกลัวได้ มันคิดผิดล่ะครับ

“ออกไป!!”

ผมชี้ไปทางประตูห้องนอน ถลึงตามองหน้ามัน อย่างต้องการให้มันรู้ว่าผมไม่ได้กลัว

“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น”

มันปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ คงคิดว่าผมจะกลัวจนต้องถอยให้มันเหรอครับ ฝันไปเหอะ!

“งั้นมึงก็เลือกเอาว่าจะหัวแตกออกไปหรือจะให้ตำรวจพาตัวมึงออกไป”

ผมมองมันอย่างคนที่อยู่เหนือกว่า ทว่า…สักพักมันก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทั้งเจ้าเล่ห์และโคตรจะโรคจิตเลยครับ

“ขอบคุณนะครับ ที่ให้ทางเลือกกับผม แต่ว่ากับคุณ…ผมคงไม่มีทางเลือกให้”

“เชี้ยยยย”

ผมร้องเสียงหลง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ผมรู้สึกตัวอีกที มันก็ดึงผมเข้ามาในห้องน้ำ พร้อมจับแขนผมทั้งสองข้างแนบไปกับผนังห้องน้ำแล้ว

“ปล่อยกูนะเว้ย!”

“คุณพยศกับผมเองนะครับ”

ผมเบี่ยงหน้าหลบ ใบหน้าของมันที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ จนลมหายใจของมันรดลงที่แก้ม กระทั่งริมฝีปากร้อนของมันแนบลงกับแก้มของผมช้าๆ จนความรู้สึกข้างในของผมมันเริ่มจะพุ่งพล่าน พยายามคิดว่าผมจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ยังไงดี

“ปล่อย…ปล่อยกู”

ผมรับรู้ได้แค่ว่าเสียงผมมันเริ่มสั่น ด้วยความกลัวที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาเกาะกุมจิตใจ ขณะที่อีกฝ่ายมันยังใช้ริมฝีปากหยอกล้อกับใบหน้าของผมไม่เลิก กระทั่งปากของมันค่อยงับเข้าที่หูของผม ทำเอาผมสะดุ้ง สติที่พยายามประคับประคองอยู่ตอนนี้เริ่มเลือนหายไปช้าๆ

“ปล่อย…”

ผมว่าแบบนั้นซ้ำๆ จนไม่แน่ใจว่าพูดกับมันไปกี่ครั้งแล้ว แต่ทุกสัมผัสที่มันกำลังมอบให้ มันทำให้ร่างกายของผมอ่อนลงไปทุกที อย่างไม่รู้และไม่แน่ใจถึงสาเหตุที่ร่างกายของผมเป็นแบบนี้ รู้แต่ว่าตอนนี้ ผมเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ข้างใน อาการเหมือนไข้จะจับยังไงก็ไม่รู้

“เป็นเด็กดี แล้วจะสบายเองนะครับ”

มันกระซิบบอก ก่อนที่แขนของผมจะถูกจับไปคล้องคอ อย่างที่ไม่รู้ว่าผ้าเช็ดตัวของผมมันหลุดไปตั้งแต่ตอนไหน ให้เนื้อหนังของผมสัมผัสเข้ากับทุกสัดส่วนของมันอย่างแนบชิด…จนผมรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา

ก่อนที่มันจะประกบจูบผมด้วยความเร็ว มือข้างหนึ่งพยายามดันปากของผมให้เปิดออก ขณะที่ลิ้นร้อนโลมเลียไปทั่วริมฝีปากราวกับบังคับให้มันอ่อนลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายผมก็อดทนไม่ไหว เผลออ้าปากให้มันไป เท่านั้น ลิ้นร้อนก็แทรกเข้ามาเล่นกับลิ้นของผมทันที มันค่อยดูดดุนลิ้นของผมเป็นระยะๆ เพื่อเว้นให้ผมมีจังหวะได้ตอบกลับ

มือใหญ่ขยับเค้นคลึงสะโพกของผมไปเรื่อยๆ อยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะขยับมาด้านหน้า ไล้มือไปตามสัดส่วนที่กำลังสงบนิ่ง จนผมเริ่มสั่นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ มันทำแบบนั้น จนความร้อนมันเริ่มลามไปทั่วร่างกายของผม ผมเหมือนจะหายใจไม่ออกไปทุกที ยิ่งมันเน้นย้ำที่ส่วนนั้นเท่าไหร่ ผมยิ่งเกร็งตัวอย่างอดไม่ได้ และก่อนที่ผมจะหมดความอดทนลงจริงๆ

…ผมขอภาวนาให้ตัวเองรีบตื่นจากความฝันบ้าๆ นี่ ก่อนที่มันจะมีอะไรถลำลึกมากไปกว่านี้

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
 :katai4: :katai5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด