EP06.มันเกิดอะไรขึ้นครับ บอกผมที?
หลังจากเจอคำนั้นเข้าไปจากพี่วิน เอาจริง ความรู้สึกเหมือนอกหักเลยครับ ทำไมมันเจ็บๆเหมือนโดนบอกเลิก (ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ)
อันนี้เรียกว่าผม....ตกหลุมรัก พี่วินเข้าแล้วหรือเปล่าครับ...เด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ยังไร้เดียงสากับเรื่องนี้มาก....
....เสียงโทรศัพท์เข้า....
พี่วิน สายโทรเข้า…. (ผมมองหน้าจอและยังไม่แน่ใจว่าจะรับดีไหม)
“....................” ผมกดรับสายและไม่ได้พูดอะไร
“...................” ทางพี่วินก็ไม่ได้พูดอะไร
เสียงเพลง ขอโทษ...หัวใจ ของพี่พี่วง Instinct
“ขอโทษที่ทำให้บอบช้ำ ขอโทษที่ยังให้เจ็บซ้ำ ปล่อยให้โดนตอกย้ำ มานานแค่ไหน รู้ดีว่าเขาจากไปไม่กลับมา ก็ยังคงคิดถึงทั้งน้ำตาไม่รู้ทำไม ขอโทษนะหัวใจ อยากจะบอกขอโทษที่ไม่ให้หยุดพัก ขอโทษที่ทำ ให้เหนื่อยนัก ต้องเผชิญความทรมานนานแค่ไหน เจ็บเท่าไรก็ให้ฝืนทน หลอกตัวเองให้หลงเวียนวน ว่าใจยังคง ไม่เป็นไร”
จบท่อนแรกแล้วเพลงก็หหยุดไป....แป๊บเดี๋ยวก็มีเสียงเพลงอีกเพลงขึ้น....
เสียงเพลง ขอโทษ ของพี่โดม จารุวัฒน์
ขอโทษที่ฉันคงทำได้เพียงเท่านี้ ขอโทษจริงๆ ที่ทั้งหมดใจที่มี มันยังไม่ดีพอให้เธอรัก
ถึงแม้ว่าฉันจะมีแค่เธอเสมอ แต่ฉันก็ทำให้เธอได้เพียงเท่านี้ และกี่ครั้งที่ทำให้เธอมีน้ำตา
รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ควรรักใคร แต่ฉันไม่รู้ต้องทำอย่างไร จะหยุดความรักยังไง
รู้ดีว่าไม่ดีพอจะอยู่ในหัวใจ รู้ว่าหัวใจฉันไม่มีค่าเท่าเขา อภัยให้ได้หรือเปล่า กับคนๆ นี้ที่มันมีเธอทั้งใจ
แม้ไม่ได้มีโอกาสจะอยู่เพื่อรักเธอ รู้ไว้ว่าเธอจะเป็นคนเดียวในหัวใจ โปรดเถอะ โปรดเข้าใจ ยกโทษให้ฉันได้ไหม….
มายันท่องฮุกเลย....มาไม้ไหนเนี่ย แปลกนะ.....จนเสียงเพลงเงียบไป และยังไม่มีใครพูดอะไร ผมเลยตัดสินใจเรียกชื่อ
“พี่วิน” ผมเรียก
“ครับ” ตอบเพราะเชียว
“เป็นอะไรครับ เปิดเพลงให้ฟังทำไม” ผมถาม
“ตามเพลงเลย” พี่วินพูดเสียงอ่อยๆ
“ขอโทษอะไรครับ” ผมถาม
“ขอโทษที่พูดไม่ดีด้วยเมื่อกลางวัน” พี่วินพูดอีก
“ตอนไหน ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ” ผมบอก
“ขอโทษษษษษ” เสียงพี่วินทำเสียงขอโทษแบบอ้อนๆ
“ไม่เป็นไรครับ ปัณณ์ไม่ได้โกรธอะไร ปัณณ์เข้าใจดีครับ” ผมตอบ
“พรุ่งนี้เย็นไปกินไอติมกัน พี่เลี้ยงเป็นการขอโทษ” พี่วินบอก
“เอาของกินมาล่อปัณณ์หรอครับ” ผมถาม
“จะไม่ไป” พี่วินถามกลับ
“ไปครับ” ผมรีบตอบ....กลัวพี่เขาเปลี่ยนใจ 555
เราก็คุยกันสักพัก แล้วก้เริ่มดึกก็วางสายไป เพื่อเตรียมตัวนอน.....
เช้าต่อมาที่โรงเรียน.....ผมความหากระดาษใต้โต๊ะก่อนเลย ดูว่ามีอะไรมาขู่อีกไหม
ไม่มี....โล่งอกไปที คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหล่ะครับ เรียนตามปกติ....
ระหว่างพักกลางวันที่โรงอาหารของโรงเรียน ผมนั่งกินข้าวกับเพื่อนๆอยู่ ก็มีน้อง ม.ต้นสองคนเดินเข้ามา
“พี่ปัณณ์คะ หนูซื้อขนมมาให้ค่ะ” เสียงน้องคนนั้นพูดพร้อมยื่นขนมมาให้ผม
“ขอบคุณครับ” ผมตอบขอบคุณและรับขนมมา
“พี่ปัณณ์กับพี่วินเป็นแฟนกันหรอคะ” น้องเขาถาม
“เฮ้ย ไม่ใช่ครับ ทำไมถึงถามอะ” ผมปฎิเสธและถามกลับ
“ก็หนูเห็นในเพจ พี่ทั้งคู่น่ารักมากเลย หนูคิดว่าพี่สองคนเป็นแฟนกัน” น้องเขายังบอกอีก
“อ๋อ เพจคู่รักนักตบหรอ” ผมถามอีก
“ใช่ค่ะ หนูว่าน่ารักมากเลย ถ้าพี่เป็นแฟนกันคงจะดี” น้องเขาพูดบอก
“...................” ผมได้แต่ยิ้มเขินๆให้ไป 1 ที
“หนูไปก่อนนะคะ กินให้อร่อยนะคะ พี่ปัณณ์” น้องเขาพูดพร้อมเดินกลับไป
นั่นไง....เพราะเพจนี้แหละทำให้คนจิ้นผมกับพี่วิน จนมีคนคิดจริงเข้าแล้ว....แต่เอาเข้าจริงพี่วินก็ไม่ได้ดูจะเดือนร้อนอะไรกับเรื่องนี้นะ หรือว่ายังไม่เห็นเพจหรือเปล่านะ
สักพักพี่วินกับพี่ปอนด์และเพื่อนพี่เขาอีก 2 คนก็เดินมาที่โต๊ะผม...
“นั่งด้วย” พี่วินบอกและขอนั่งด้วยกันกับพวกผม
“ขยับไปดิ ไอ้พู่”ผมบอกไอ่พู่ให้ขยับเข้าไปขางใน
“ซื้อขนมมาทำไมเยอะแยะขนาดนี้ กินหมดหรอ” พี่วินถาม
“กูว่าแฟนคลับให้มา ใช่ไหมปัณณ์” พี่ปอนด์ถามแทรกเข้ามา
“ใช่พี่ น้องๆเอามาให้” ผมตอบ
“...............” ผมหยิบช็อคโกแลตออกมาแกะ แล้วส่งให้พี่วิน
“กินดิพี่ ของพี่ด้วย” ผมบอกและส่งให้พี่วิน
“.................” พี่วิน แทนที่จะรับไปกิน ดันก้มลงมางับจากมือผมเลย....แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร
“พี่ปอนด์กินเปล่า” ผมถามพี่ปอนด์บ้าง
“................” พี่ปอนด์ไม่ได้ตอบ....แต่ดูสีหน้านิ่งๆไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
สักพัก...พี่ปอนด์พูดขึ้น
“ไอ้วิน ไปคุยกับกูหน่อย” เสียงพี่ปอนด์เรียกพี่วินออกไปคุย
แล้วทั้งคู่ก็ลุกออกไปคุยกันสองคนด้านหลังโรงอาหาร....
หลังจากนั้นก็กลับเข้ามาแล้วไม่มีใครพูดอะไรเลย ถึงเวลาก็แยกย้ายกันกลับไปเรียนในช่วงบ่าย พอตกเย็นผมก็มารอพี่วินที่หน้าโรงเรียน และพยายามโทรหาแต่ก็ไม่รับสาย หายไปไหนของเขาหว่า แล้วเมื่อกลางวันคุยอะไรกันดูเหมือนจะซีเรียสเลย....
“เอ้า....ไหนนัดกินไอติมกันแล้วหายไปไหนหว่า” ผมบ่นขึ้น
....ข้อความเข้า....
“พี่ติดธุระด่วน ขอโทษนะ ไว้วันหลังพี่ไปเลี้ยงชดเชยให้”
พี่วินส่งข้อความมาหาผม.....อ่อ ติดธุระด่วนถึงว่าไม่มาตามที่นัดไว้ ไม่เป็นไร ไว้กินวันอื่นก็ได้ ผมเลยกลับหอพักทันที.....
ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าพี่วินพยายามหลบหน้าผม ไม่เข้ามาคุยด้วยเหมือนเดิม (แต่เวลาผมโทรไปคุยก็รับสายนะครับ แต่ก็รีบวางไปทุกครั้ง) อาการแปลกๆหลังจากที่ออกไปคุยกับพี่ปอนด์วันนั้น 2 คน แต่ผมไม่รู้ว่าเขาคุยเรื่องอะไรกัน ถ้าเป็นเรื่องที่มีคนขู่ทำร้ายผม จะบอกว่าไม่เป็นไรนะครับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วครับ....
ผ่านมาถึงช่วงที่เราต้องเริ่มกลับมาซ้อม (แต่ยังไม่ต้องเก็บตัวนะครับ จะซ้อมเย็นเสร็จกลับบ้าน แล้วก็ค่อยเก็บตัวช่วงใกล้ๆแข่งอีกที)
ระหว่างพักเบรก จากการซ้อม....
“พี่วิน ทำไมช่วงนี้หายไปไหนอะ ไม่ค่อยเจอหน้าพี่เลย” ผมถาม
“ไม่ได้ไปไหนครับ พี่ยุ่งเรื่องเรียน” พี่วินตอบ และยกน้ำขึ้นดื่ม
“อ่อ....พักผ่อนด้วยนะพี่ ดูไม่ค่อยสดใสเลยช่วงนี้” ผมบอก
“................” พี่วินหันมายิ้มอ่อนๆให้ผม 1 ครั้งแล้วลุกออกไปหาคนอื่นทันที
“ปัณณ์....” พี่ปอนด์เดินเข้ามาเรียกชื่อผม
“ครับพี่” ผมตอบรับ
“เลิกซ้อมไปหาไรกินกัน” พี่ปอนด์เอ่ยชวน
“ได้ดิพี่ เรื่องกินพร้อมเสมอครับ” ผมตอบ
“ชวนพี่วินกับคนอื่นๆไปด้วยดิ” ผมบอกต่อ
“ไอ้วินน่าจะไม่ไป ส่วนคนอื่นน่าจะรีบกลับนะ” พี่ปอนด์บอก....เดี๋ยวนะ ยังไม่ได้ลองชวนใครเลยนะ
“อ่อ...” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากเลิกซ้อม ทุกคนแยกย้ายกันกลับ ผมกับพี่ปอนด์ก็ไปหาข้าวกินก่อน ส่วนพี่วินก็กลับบ้านแล้วเหมือนกัน
“พี่ปอนด์” ผมเรียกระหว่างนั่งรอข้าว
“หืม” พี่ปอนด์ตอบรับ
“พี่วินเป็นอะไรหรือเปล่า ช่วงนี้ดูพี่เขาเงียบๆ” ผมถาม
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนะ” พี่ปอนด์ตอบ
“แต่ปัณณ์ว่าไม่เหมือนเดิม” ผมยังคงพูดอธิบายต่อ
“ช่างมันเหอะ มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก” พี่ปอนด์พูดปัดไป
ผมรู้สึกได้นะครับ ว่าช่วงนี้พี่ปอนด์กับพี่วินดูแปลกๆ ดูไม่สนิทกันเหมือนก่อน แต่ก็ยังเดินไปไหนมาไหนด้วยกันนะครับในกลุ่มเพื่อน แต่จะไม่เดินชิดกันเหมือนก่อน จะมีเพื่อนขั้นกลางตลอด จะว่าทะเลาะกันก็ไม่น่าจะใช่ ก็ยังเห็นคุยกันอยู่ปกติ....
หลังจากกินข้าวเสร็จ พี่ปอนด์มาส่งผมที่หอ แล้วก็ขอขึ้นไปบนห้องด้วย....ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะพี่เขาเคยมาแล้ว....
“ปัณณ์” พี่ปอนด์เรียกผม
“พี่ขอนอนด้วยคืนหนึ่งนะ ไม่อยากกลับบ้าน” พี่ปอนด์พูดขึ้น
“ทำไมอะพี่ มีปัญหากับที่บ้านหรอครับ” ผมถามกลับ
“...............” พี่ปอนด์ไม่ได้พูดตอบ แค่พยักหน้าตอบรับ
“ได้ซิครับ แล้วพี่จะเอาเสื้อไหนใส่ไปเรียนอะ” ผมถาม
“ยืมของปัณณ์ก่อนได้ไหม” พี่ปอนด์พูดต่ออีก
“ได้มั้งครับ ถ้าพี่ใส่ได้นะ” ผมบอก....ก็คงต้องให้ยืมแหละ ทำไงได้ พี่เขาไม่อยากกลับบ้านเองนี่หว่า
หลังจากผมทำการบ้านเสร็จ อาบน้ำเตรียมตัวนอน พี่ปอนด์ที่อาบน้ำก่อนผมแล้วนอนถอดเสื้ออยู่บนที่นอนผม ผมรู้สึกว่าเตียงมันแคบนะครับเพราะมันแค่ 3 ฟุตครึ่งผมเลยเอาผ้าปูนอนในตู้มาปูข้างล่างเตียงเพื่อนอน
พอตกดึกผมรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาโดนตัวพยายามลืมตาขึ้นมา....อ้าว เฮ้ย! พี่ปอนด์ลงมานอนเบียดกับผมข้างล่างเฉย (แล้วทำไมไม่นอนบนเตียงดีดีละนั่น)
เช้าต่อมาผมกับพี่ปอนด์มาโรงเรียนพร้อมกัน แน่นอนครับมันเป็นเรื่องที่น่าสังเกตเห็นได้ชัดว่าเราใส่เสื้อเหมือนกัน (และพี่ปอนด์ใส่เสื้อของชั้น ม.4 มาเรียน) ไม่นานเพจ “คู่รักนักตบ” ก็ลงรูปคู่ผมกับพี่ปอนด์ทันทีพร้อม #ปัณณ์ปอนด์ ความเห็นเริ่มแตกเป็นสองฝ่ายสำหรับคนจิ้นผมกับพี่วิน และจิ้นผมกับพี่ปอนด์เริ่มไม่ชอบและเม้นด่ากันบ้าง...พอตกเย็นที่เราต้องกลับมาซ้อมกีฬา วันนี้พี่วินอารมณ์เสียขั้นสุดเลยครับ ทั้งด่าเพื่อนในทีม เล่นก็ไม่ได้ตามมาตรฐานของตัวเอง และถึงขั้นเกือบจะมีเรื่องต่อยกับพี่ปอนด์ด้วย (อันนี้ผมตกใจมาก ไม่คิดว่าพี่วินจะโมโหแรงขนาดนั้น....แต่ไม่รู้ว่าพี่เขาเป็นอะไรช่วงนี้)
ทันทีที่เกิดเรื่อง โค้ชเรียกทั้งคู่เข้าไปด่าในห้องพักทันที....ไม่นานโค้ชก็เรียกผมเข้าไปด้วย
“ไอ้ปัณณ์ เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากไอ้เพจบ้าๆนี่ใช่ไหม” โค้ชถามทันทีพร้อมหันจอมือถือที่เปิดเพจคู่รักนักตบมาให้ดู
“ผมไม่รู้ครับโค้ช” ผมตอบ....ก็ผมไม่รู้จริงๆนะครับ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“กูบอกพวกมึงแล้วใช่ไหมว่า อย่าให้เกิดเรื่องทะเลาะกัน แย่งแฟนกันในชมรม” โค้ชบอกต่อ.....เดี๋ยวนะโค้ช แย่งแฟนอะไรหว่า....แย่งใคร ผมยัง งง อยู่เลยครับ
“ไอ้ปัณณ์มึงคือตัวปัญหา กูจะตัดงบค่าที่พักมึง 1 เดือน จนกว่าพวกมึงจะเคลียร์ตัวเองได้” โค้ชใส่ต่อที่ผมทันที
“โค้ชครับ ปัณณ์มันไม่เกี่ยวนะครับ มันไม่รู้เรื่อง ผมรับผิดชอบเองครับ” พี่วินพูดต่อทันที
“กูให้มึงพูดหรือยังไอ้วิน” โค้ชมาแบบนี้....ผมถึงกับหน้าซีดแทบร้องไห้เลยครับ....บอกตรงๆว่ากลัวครับ
“แต่โค้ชครับเรื่องนี้....” พี่วินพยายามพูดต่อ
“ถ้ามึงยังไม่หยุดกูจะเปลี่ยนหัวหน้าทีม แล้วพักแข่งมึงแมตช์หน้า” เสียงโค้ชตะโกนบอกพี่วินต่อทันที
สิ้นเสียงนั้นของโค้ช ผมน้ำตาไหลไปแล้วครับ....ก้มหน้าร้องให้ทันที
“พวกมึงออกไปข้างนอกได้แล้ว ไอ้ปัณณ์มึงอยู่ก่อน” โค้ชบอกให้พี่วินกับพี่ปอนด์ ออกไปข้างนอกและให้ผมอยู่ต่อ
“ไอ้ปัณณ์ กูดึงมึงมาเรียนที่นี่ กูต้องการให้มึงเป็นนักกีฬาที่เก่ง กูเห็นครอบครัวมึงไม่มีเงินส่งให้เรียน กูก็พยายามหาช่องทางให้ กูช่วยมึงขนาดนี้ มึงจะเอาอนาคตมาทิ้งกับไอ้เรื่องพวกนี้หรอ” โค้ชใส่ผมทันทีที่พี่วินกับพี่ปอนด์ออกไป
“.............” ผมได้แต่ก้มหน้าร้องไห้.....ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
“กูไม่ได้ห้ามพวกมึง ถ้ามึงจะรักจะชอบใคร แต่กูแค่ขอให้อย่ามีเรื่องมารบกวนตอนซ้อมตอนแข่งแค่นั้น” โค้ชบอกต่อ
“กูทำโทษมึงแค่เรื่องเดียว ทีเหลือมึงจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ออกไปได้แล้ว” โค้ชบอกและไล่ให้ผมออกจากห้อง
ทันทีที่เดินออกจากห้อง ผมก้มน้ำต่อเพราะถึงน้ำตามันจะหยุดแล้ว แต่มันยังคงเห็นตาที่แดงๆของผมอยู่ ผมเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ....
“ปัณณ์.....พี่ขอคุยด้วยหหน่อย” เสียงพี่อัฐเดินมาด้านหลังและเรียกผมและยืนหันหลังพิงอ่างน้ำ
“ครับพี่” ผมตอบ
“พี่ไม่รู้ว่าเรื่องมันเกิดอะไรยังไง พี่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่พี่จะบอกว่า ถ้าปัณณ์จะทำอะไร ก็ชัดเจนไปเลย ความรู้สึกถ้าไม่พูดมันออกไป มันจะอึดอัด” พี่อัฐพูดต่อ
“ผมไม่รู้อะพี่อัฐ ผมยังงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมตอบ
“พี่พอจะดูออกบ้างนะว่าไอ้วินกับไอ้ปอนด์มันคิดยังไงกับปัณณ์” พี่อัฐพูดต่อ
“มันทั้งคู่เป็นนักกีฬาที่ฝีมือดีทั้งคู่ พี่ไม่อยากให้มันทิ้งอนาคตไว้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” พี่อัฐพยายามอธิบายต่อ
“ปัณณ์ต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ และชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองให้ได้ เลือกให้ถูกว่าเรารู้สึกดีกับคนไหน” พี่อัฐบอกต่ออีก
“พี่จะบอกว่าให้ปัณณ์เลือกใครสักคนหรอครับ” ผมถามทันที
“พี่ก็ไม่รู้นะว่าปัณณ์ คิดยังไงกับไอ้สองคนนั้น แต่ปัณณ์จะปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้ไม่ได้” พี่อัฐยังคงพูดต่อในมุมที่พี่เขาเห็นจากคนนอกมองเข้ามา
“ผมไม่รู้อะ ผมไม่.....” แค่นั้นแหละผมน้ำตาล่วงอีกแล้ว
“................” พี่อัฐดึงผมเข้าไปกอดปลอบ
“พี่รู้ว่าตอนนี้ปัณณ์อาจจะสับสน หรือยังไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง แต่ค่อยๆคิดแล้วพูดจากความรู้สึกออกไป พี่เชื่อว่าสองคนนั้นมันเข้าใจ” พี่อัฐพูดต่อ
“ปัณณ์....พี่มีอะไรจะบอก” พี่อัฐพูดแล้วเงียบไป
“พี่กับพี่บุ๊คเราเป็นแฟนกันมาตั้งแต่ ม.2 แล้วนะ เราเล่นวอลเลย์ด้วยกันตลอด เราตกลงกันว่าจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวกับเรื่องวอลเลย์เพราะเราสองคนก็รักวอลเลย์มากเหมือนกัน” พี่อัฐพูดขึ้น.....อันนี้ผมหยุดร้องไห้และ อึ้ง ไปสักพัก (ก็ไม่รู้ว่าพี่สองคนเขาเป็นแฟนกันนะ นึกว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันเฉยๆ)
“เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นะ นอกจากไอ้วิน แล้วก็ปัณณ์” พี่อัฐพูดอีก
“ล้างหน้าล้างตาแล้วออกไปรวมกับเพื่อนๆ เหอะโค้ชน่าจะเลิกซ้อมเลยวันนี้” พี่อัฐบอก
“ครับ” ผมตอบ
หลังจากได้ยินพี่อัฐพยายามบอกในสิ่งที่ผมควรทำ....แต่ผมยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี ถ้าลองมาคิดดูสิ่งที่พี่อัฐบอกคือ ทั้งพี่วิน และพี่ปอนด์ คิดกับผมเกินน้องชายหรือเพื่อนร่วมทีมหรอครับ ต่อให้ผมจะแอบคิดว่ามันอาจจะมีบางทีที่พี่เขาทำเกินกว่าพี่น้องจะทำให้กันก็เหอะ แค่ไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้
และวันนี้โค้ชยกเลิกซ้อมจริงๆครับ ทุกคนพากันแยกย้ายกลับ โดยไม่มีใครพูดอะไร เพื่อนในทีมแต่ละคนถ้าไม่รวมพี่อัฐกับพี่บุ๊คจะคิดยังไงกับผมที่เป็นตัวต้นเหตุให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ไอ้โป้งเดินเข้ามาแตะไหล่ผมและยิ้มให้ แต่ไม่ได้พูดอะไรและเดินกลับออกจากยิมไป....
ทุกคนเดินออกไปจากโรงยิมหมดแล้วเหลือแค่ผม พี่วิน พี่ปอนด์ ซึ่งนั่งห่างกัน....
ผมว่าเราต้องเคลียร์กันนะครับ....ผมปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ตัดสินใจเดินไปหาพี่วินและดึงมือพี่วินลุกขึ้นเดินไปทางพี่ปอนด์
“พี่วิน พี่ปอนด์ ปัณณ์ว่าเราต้องเคลียร์เรื่องนี้กันให้จบ” ผมเริ่มพูดทันที
“กูชอบมึงไอ้ปัณณ์” พี่ปอนด์พูดขึ้นมาทันทีและไม่มองหน้าพี่วิน
“..................” ผมก็ตกใจอยู่เหมือนกันนะครับ ไม่คิดว่าพี่ปอนด์จะคิดงี้กับผมด้วย
“เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนครับ พี่สองคนเป็นอะไร จะต่อยกันทำไม” ผมถาม
“ไม่มีอะไรปัณณ์ เดี๋ยวเรื่องค่าเช่าหอพี่ช่วยนะ” พี่วินพยายามเสนอตัวช่วยค่าเช่าห้องผม
“พี่ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง เรื่องค่าหอถ้าไม่มีจ่ายปัณณ์ไปนอนข้างถนน หรือนอนวัดก็ได้ครับ” ผมตอบแบบโมโห
“เอาเรื่องที่พี่สองคนต่อยกันนี่ก่อน” ผมถามอีก
“พี่แค่หงุดหงิด พี่ขอโทษ” พี่วินตอบ
“พี่ปอนด์ แล้วพี่หล่ะ” ผมถามกลับพี่ปอนด์
“พี่.....” พี่ปอนด์กำลังจะพูด
“ไอ้ปอนด์ กูขอโทษมึงด้วยแล้วกัน ที่กูหงุดหงิดใส่” พี่วินพูดขึ้นพร้อมกอดคอพี่ปอนด์
“มึงคือเพื่อนรักกู กูจะไม่ทำแบบนี้กับมึงอีก” พี่วินพูดขึ้น
“เออ กูไม่ได้โกรธมึง” พี่ปอนด์พูดตอบ
“กูสัญญาจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก” พี่วินพูดต่อ
“กูยินดีกับมึงด้วยนะเพื่อน กูกลับบ้านละ เจอกันพรุ่งนี้” พี่วินพูดขึ้น....ยินดีอะไรวะ ผมนึกในใจตาม
“พี่กลับนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” พี่วินหันมาบอกผมและเดินกลับไปเก็บของกลับ จากนั้นเดินออกไปจากโรงยิมทันที
“กลับกันเหอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่ปอนด์พูดขึ้น
“ไม่ต้องอะพี่ พี่กลับบ้านเหอะ” ผมตอบและเดินออกจากยิมทันที ผมตรงไปที่ป้ายรถเมย์หน้าโรงเรียนเพื่อรอรถกลับหอพัก....ในระหว่างที่กลับหอ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าโดนตัดงบค่าที่พักนี่ว่า จะทำยังไงดี เฉพาะค่ากิน ค่าอุปกรณ์การเรียนบางเดือนยังใช้หมดเกลี้ยงเลย แล้วจะเอาเงินไหนไปปจ่ายค่าที่พักที่โดนตัดไป 1 เดือน.....ปวดหัวโว้ยยยยยย...
กลับถึงห้อง....อาบน้ำ นอน...
วันนี้เป็นวันหยุด...ผมนอนคิดว่าจะหาเงินจากไหนมาเป็นค่าใช้จ่าย ค่ากินยังพอมี ค่าเช่าห้องน่ะไม่มีแน่นอนเดือนนี้ ต่อให้มันจะแค่ 2500 ต่อเดือนมันก็เยอะนะสำหรับผม ถ้าจะโทรไปขอตากับยายจะมีให้ไหมน่ะ....(แต่ไม่เอาดีกว่า ไม่อยากรบกวน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ผมสร้างขึ้นต้องแก้มันด้วยตัวเอง) ค่อยคิดอีกทีกว่าจะสิ้นเดือน ลองประหยัดเรื่องกินไปก่อนอาจจะพอมีเงินเหลือสักหน่อยค่อยขอเจ้าของหอพักผ่อนเอา...
เริ่มวันจันทร์การซ้อมกลับมาเป็นปกติได้แล้ว...แต่ที่ไม่ปกติก็คือระหว่างสัปดาห์นี้ พี่ปอนด์ดูรุกหนักมากกับการจีบผมแบบจริงจังเลยครับ ซึ่งผมตอบปฎิเสธพี่เขาไปนะครับ ดูกันไปก่อนครับ ยังไม่อยากปวดหัวกับเรื่องนี้ ขอตั้งเป้าหมายกับการเรียนและการแข่งกีฬาที่กำลังจะมาถึงก่อนครับ
พี่ปอนด์ก็บอกว่าเข้าใจนะครับ แต่ก็ยังพยายามหาเวลาใกล้ผมตลอดที่อยู่ที่โรงเรียน จน # ปัณณ์ปอนด์ เริ่มแซง #ปัณณ์วิน แล้วครับ (ช่วงนี้พี่วินจะไม่ค่อยเข้าใกล้ผมเท่าไหร่ จะเจอกันแค่ในสนามซ้อม) แต่ผมสังเกตดูแล้วผมว่าพี่วิน ฝีมือการเล่นตกลงไปจากมาตรฐานของพี่เขาเยอะเหมือนกัน แอบเป็นห่วง....
“พี่วิน ช่วงนี้เครียดอะไรหรือเปล่าครับ ดูไม่ค่อยฟิตเลย” ผมถาม
“ไม่มีอะไรครับ” พี่วินบอก
“มีอะไรไม่สบายใจบอกปัณณ์ได้นะครับ พี่ก็เหมือนพี่ชายปัณณ์นะครับ” ผมบอก
“ขอบคุณครับ ปัณณ์” พี่วินขอบคุณผม
ระหว่างเดือนที่ผ่านมาผมไม่ได้สนใจเรื่องอื่นครับ นอกจากเรียนกับเล่นกีฬาให้ดีที่สุดตามความตั้งใจเดิมของผม....จนลืมแม้กระทั่งวันเกิดตัวเอง
วันนี้เป็นวันเกิดผม(ซึ่งผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ) คนแรกที่จำมันได้คือ พี่วิน
....Line จากพี่วิน...
“สุขสันต์วันเกิดครับปัณณ์” (พร้อมส่งรูปสติ๊กเกอร์ HBD มาให้)ข้อความเพียงสั้นๆ ที่ผมได้รับในเที่ยงคืนของวันเกิดผม ที่ได้รับเป็นข้อความแรกและข้อความเดียว (นอกนั้นจะมาใน Facebook จากเพื่อนที่เชียงใหม่ซะเป็นส่วนใหญ่) เลยคิดว่าอยากจะทำบุญไปให้แม่สักหน่อย พอเช้าขึ้นมาเลยตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อไปเตรียมซื้อของใส่บาตรก็ไม่ได้มีอะไรมาก มีข้าวและกับข้าวกับดอกไม้ เพื่อใส่บาตรในวันเกิดให้แม่ ไม่รู้ว่าแม่จะยังเฝ้ามองดูอยู่หรือเปล่า แต่ผมคิดถึงแม่ทุกวันครับ....
ผมกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวแต่งตัวออกไปเรียน...และนึกขึ้นได้ผมเอากล่องของที่แม่เก็บมาด้วย มันเป็นกล่องเหล็กเล็กๆตั้งแต่แม่เสียไปผมไม่เคยเปิดมันดูเลยครับ แค่พกติดตัวมาที่กรุงเทพด้วยเพื่อให้เหมือนว่าแม่อยู่ใกล้ๆครับ
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเปิดมันดู....ข้างในมีแหวนเงิน 1 วงสลักชื่อ “ปราณ x สุรี”
(สุรีคือชื่อแม่ผม ส่วนปราณ นั้นไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะผมไม่รู้จักและไม่เคยได้ยิน)
ในกล่องยังมีรูป 1 ใบเป็นรูปแม่ผมถ่ายคู่กับผู้ชายคนหนึ่ง (หรือจะเป็นพ่อผม ที่ชื่อปราณ) ผมเลยเก็บรูปใส่กระเป่าสตางค์ไว้ ส่วนแหวนผมก็ลองเอามาใส่ดู ใส่ได้แค่นิ้วก้อย ใส่ติดตัวไว้ก็น่าจะดี แหวนของแม่
ช่วงพักเที่ยงผมตัดสินใจโทรไปหาน้า....อยากรู้เรื่องของแหวนและรูปว่าใช่พ่อผมหรือเปล่า(แต่ผมไม่คิดจะตามหานะครับ เพราะถ้าท่านทิ้งผมจนโตมา 16 ปีแล้วยังไม่เห็นคิดจะตามหาผมเลย เขาอาจจะไม่รู้ว่ามีผมเป็นลูกหรือหรืออาจจะไม่ต้องการมีผมอยู่ตั้งแต่แรกมั้งครับ)
“น้าครับ ปัณณ์มีเรื่องอยากถาม” ผมถามน้าทันที
“ว่าไงปัณณ์” น้าตอบรับ
“ปราณนี่เป็นใครหรอครับ” ผมถามทันที
“ปัณณ์รู้ชื่อนี้มาจากไหน” น้าถามผมทันที
“ปัณณ์เจอรูปแม่กับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็แหวนสลักชื่อแม่กับชื่อปราณครับ” ผมบอก
“ปัณณ์อย่าพูดเรื่องนี้ให้ตาได้ยินนะ” น้าห้ามผมทันที
“ทำไมครับน้า” ผมถามกลับ
“ปราณคือพ่อของปัณณ์นะ น่าจะคนในรูปนั่นแหละ น้าไม่ได้เห็นรูปนั้นนานแล้วตั้งแต่แม่ปัณณ์เสียไป” น้าพูดต่ออีก
“....................”ผมไม่ได้ตอบอะไรและฟังอย่างตั้งใจ
“เอาไว้กลับมาบ้านเมื่อไหร่ เดี๋ยวน้าเล่าให้ฟัง อยากรู้เรื่องพ่อหรอ” น้าถามผมกลับ
“เปล่าครับ วันนี้วันเกิดปัณณ์ แต่ปัณณ์ไม่มีใครอยู่ด้วยเลย เลยคิดถึงแม่ ก็เลยเปิดกล่องของแม่ เจอรูปกับแหวนครับ” ผมตอบ
“เอ้า....วันนี้วันเกิดปัณณ์นี่ น้าลืมเลย สุขสัตน์วันเกิดนะปัณณ์ น้าขอให้ปัณณ์ประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่องนะ” น้าอวยพรผมทันที
“ขอบคุณครับน้า” ผมตอบขอบคุณ
“ไว้วันไหนกลับมาบ้านน้าจะเลี้ยงหมูกระทะชุดใหญ่เลยโอเคมั้ย” น้าพูดต่อ
“ได้ครับน้า แล้วตากับยายเป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามต่อ
“ช่วงนี้แกป่วยบ่อยๆทั้งคู่เลย ก็คนแก่แหละ เจ็บอ่อดๆแอ่ด ๆ” น้าบอก
“คิดถึงบ้านจัง อยากกลับบ้าน แต่ไม่มีค่ารถ” ผมบอก
“เดี๋ยวน้ารับจ้างได้เงินมา จะส่งไปให้ จะกลับวันไหนบอกน้านะ” น้าบอกอีก
“ขอบคุณครับ” แล้วเราก็คุยกันสักพักถามโน้นนี้แล้วก็วางสายไป
พอตกเย็นระหว่างที่รอเพื่อนๆร่วมทีมที่จะมาซ้อมเย็นนี้ ผมมาถึงก่อนก็ได้นอนรอและหยิบรูปแม่ขึ้นมาดู
“ดูอะไรอยู่ปัณณ์” เสียงพี่วินมาจากด้านบนหัวที่ผมนอนอยู่
“พี่วิน” ผมตกใจนิดหหน่อย
“นอนดูรูปแม่อยู่ครับ” ผมบอก
“วันนี้วันเกิดนิ คิดถึงแม่ละซิ” พี่วินถามต่อ
“ครับ” ผมตอบ
“แล้วเป็นยังไงกับไอ้ปอนด์ช่วงนี้” พี่วินถามต่อ
“ก็ไม่ยังไงครับ เรื่อยๆนะครับ” ผมตอบ
“ดีแล้ว ปอนด์มันรักปัณณ์มาก มันดูแลปัณณ์ได้ดี พี่ก็สบายใจ” พี่วินบอก....จริงๆผมยังอยากให้พี่วินดูแลผมเหมือนตอนแรกๆที่เราเจอกันนะครับ....ผมคิดในใจ
“พี่ขอดูรูปแม่ของปัณณ์บ้างได้ไหม” พี่วินพูดขึ้น
“ได้ครับ” ผมตอบและยื่นไปให้ดู
“................” พี่วินทำท่าทางขมวดคิ้วและสงสัยบางอย่างในรูปและถามขึ้น
“ปัณณ์ นี่พ่อปัณณ์หรอ” พี่วินถามทันที
“น้าของปัณณ์บอกว่าใช่ครับ ชื่อปราณ แต่ปัณณ์ไม่เคยเจอ น่าจะเสียไปแล้วมั้งครับ” ผมตอบ
“ปัณณ์ มีอะไรกับไอ้ปอนด์หรือยัง ถึงขั้นไหนกันแล้ว” พี่วินดูสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นทันที
“เอ้ย....พี่ ยังไม่มี ปัณณ์ไม่ได้คิดกับพี่ปอนด์แบบนั้น ตอนนี้” ผมบอกทันที
“ทำไรกันอยู่ไอ้วิน ปัณณ์ คู่จิ้นในตำนาน” เสียงพี่ปอนด์เดินเข้ามาทัก
“เปล่า ไม่มีอะไร” พี่วินตอบและเก็บรูปลงทันที
“มึงซ่อนอะไรไอ้วิน เอามาให้กูดูด้วย” พี่ปอนด์ตาดีเห็นทันบอกเพื่อนของเขา
“ไอ้วิน มึงไม่เคยมีความลับกับกู” เสียงพี่ปอนด์บอกเพื่อนรักของเขาอีกที
“มึง.....” พี่วินเรียกพี่ปอนด์และเอารูปออกมาให้ดู
“ใครวะ” พี่ปอนด์ แต่น่าจะยังเห็นไม่ชัด
“พ่อกับแม่ปัณณ์” พี่วินบอก
ทันทีที่พี่ปอนด์ก้มมาดูใกล้ๆ และหยิบรูปในมือพี่วินไปดูสีหน้าพี่ปอนด์เปลี่ยนไปเลยครับ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว เรื่องเก่าพึ่งเคลียร์ไป ทำไมพี่ปอนด์กับพี่วินถึงดูตกใจกับหน้าพ่อแม่ผม พี่ปอนด์มองหน้าผมและเอารูปของแม่ผมไปและเดินออกไปจากโรงยิมทันที แม้จะสวนกับใครก็ไม่พูดไม่จาไม่ทักทายใคร ผมตะโกนเรียกให้เอารูปผมกลับมาก็ไม่มีเสียงตอบรับ วันนี้พี่ปอนด์โดดซ้อมครับ มันเกิดอะไรขึ้น ผมผิดอะไรอีกหรือเปล่าครับ.....
