จบแล้ว...[Omegaverse] Relationship || ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จบแล้ว...[Omegaverse] Relationship || ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร  (อ่าน 6710 ครั้ง)

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

22




สิงห์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาทั้งหมดให้ผมฟัง พอได้รับรู้ที่เกิดขึ้นแล้ว ผมล่ะอยากนั่งเรือออกจากเกาะไปชกทิกเกอร์ให้หน้ายุบติดฝาบ้าน หน้าตาใสซื่อหลอกผมได้ตั้งนาน หลงคิดว่าเป็นคนดี อวยไปตั้งหลายตอน ที่แท้ก็ดีแตก

แต่เรื่องนั้นก็ยังไม่ทำให้ผมแปลกใจเท่าตอนนี้...

“มึงจะแดกอีกนานไหมสิงห์” ผมว่า

“เดี๋ยวไปอยู่โน่นก็คิดถึงอาหารไทย”

“เออก็พอเข้าใจ แต่แดกกุ้งเป็นโล ๆ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ”

ผมนั่งมองซากกุ้งที่สิงห์กินเข้าไป ไม่รู้ว่ากระเพาะมันครากแล้วหรือไงกัน ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นเบต้าผมคงคิดว่าเขาท้อง

จะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก ก็ตอนที่ผมท้อง ผมกินอย่างกับคนตายอดตายอยาก กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่ม มันจะต่างกันก็ตรงที่ผมเป็นโอเมก้าเท่านั้น

“มึงไม่กินเหรอ” สิงห์ว่า

“ไม่ล่ะ เห็นมึงกินขนาดนี้กูก็อิ่มแล้ว” ผมปล่อยให้เขานั่งกินต่ออยู่ครู่ใหญ่ ต้นกล้าก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านตามเวลานัดหมาย เขาตั้งใจจะไปส่งสิงห์ขึ้นเครื่องด้วยเช่นกัน

ผมตัดสินใจจะไปอยู่แอลเอกับสิงห์ เรื่องมันค่อนข้างกะทันหันไปหน่อย ผมจึงให้เขาเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ส่วนผมขอไปหาพี่ชายแล้วจะตามไป

ผมมาส่งสิงห์ขึ้นเครื่องกับต้นกล้าที่สนามบิน เราไม่ได้บอกลากันอะไรมากมาย เพราะยังไงพรุ่งนี้ผมก็ต้องออกเดินทางตามเขาไป

ต้นกล้ามาส่งผมที่บ้าน ผมจึงชวนเขาทานอาหารด้วยเป็นการขอบคุณและเลี้ยงส่ง ถึงจะเป็นเวลาไม่นาน แต่เขาก็ดูแลผมดีมากมาโดยตลอด เขาทำให้ผมหยุดคิดเรื่องอัคนีได้พักหนึ่งเลยล่ะ

แต่หลังจากนี้เราคงไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้ว...





หลังจากได้รับที่อยู่ของกชกรจากทิกเกอร์ ผมก็เตรียมของใช้สำหรับตาหนู “ไปอยู่กับลุงกรรณก่อนนะครับ” ผมอุ้มตาหนูใส่คาร์ซีทไว้ ก่อนจะสะพายกระเป๋าของใช้ จัดระเบียบในรถเรียบร้อย ก็พร้อมออกเดินทางไปยังร้านเฮียกรรณ

หลังจากที่กชกรหายไป เขาก็ไม่ยอมคุยกับผมอีก ผมสัญญาว่าจะตามหาน้องสาวเขาให้เจอ แต่หลานตัวน้อยไม่สะดวกเดินทางไกล ผมจึงจำเป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากเขา

ในร้านเงียบสนิทเพราะยังเป็นเวลากลางวัน เฮียกรรณนั่งอยู่คนเดียวที่บาร์ ในมือมีเครื่องดื่มสีอำพันหนึ่งแก้ว เพียงแค่เขาเห็นหน้าผมเขาก็กระแทกแก้วลงพื้นเสียงดัง

“มึงมาทำไม!” เขาโพล่งใส่ทันที

“เบา ๆ ก่อนครับ ตาหนูหลับอยู่”

“มึงออกไปเลยนะ น้องกูหายไปทั้งคน แต่มึงกลับมีข่าวแต่งงานแล้วยังมีหน้ามาเหยียบที่นี่อีกเหรอ”

“เรื่องนั้นผมอธิบายได้ แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญกว่านั้น”

“...” เขายอมหยุดฟัง ผมจึงเริ่มพูดต่อ

“ผมรู้แล้วว่ากชอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับเขา ผมอยากฝากตาหนูไว้สักวันสองวันได้ไหมครับ”

“กชอยู่ไหน กูจะไปรับน้องเอง มึงเอาลูกกลับไปซะ” เขาคงโกรธผมมากจริง ๆ ไหนจะข่าวลือเรื่องงานแต่งที่พ่อต้องการกดดันผมอีก ที่เขาไม่เอาปืนมายิงไล่ผมก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ผมรักกช ผมรักน้องพี่ อาจไม่เท่าที่พี่รักแต่ก็ไม่น้อยไปกว่าพี่แน่นอนครับ”

“...”

“ผมขอโอกาสได้ไหม ให้ผมไปรับเขา ถึงตอนนั้นถ้ากชยังเลือกที่จะไป ผมจะไม่มาวุ่นวายอีก”

“มึงพูดแล้วนะ ถ้าน้องกูไม่เลือกมึง มึงต้องไปอย่ากลับมาให้พวกกูเห็นหน้ามึงอีก”

“ผมสัญญา...”

เฮียกรรณยอมรับข้อเสนอก่อนซ้อเป่ยจะออกรับตาหนูทั้งสองไว้ อัคนีทิ้งตัวลงนั่งระนาบเดียวกับคาร์ซีท เขาใช้ปลายนิ้วลูบพวงแก้มใสอย่างเบามือ

“อยู่กับลุงอย่างอแงนะครับ เดี๋ยวป๊าจะไปตามหม่าม้ากลับมา” กรรณเสหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ว่ายังไงเขาจะไม่ยอมรับว่าอัคนีรักกชกรเด็ดขาด “ผมไปก่อนนะครับแล้วจะรีบกลับมา”

“...” กรรณไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น

อัคนีเดินออกมาจากร้านแล้วขับรถตรงไปยังสนามบินทันที เขาสั่งให้เลขาเตรียมไพรเวทเจ็ทรอไว้เรียบร้อย จึงทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลากับการเดินทาง เขามาถึงที่เกาะในช่วงเย็นของวันนั้น

เพียงแค่เท้าเหยียบบนเกาะเขาก็ได้กลิ่นหอมของดอกโบตั๋นจาง ๆ ลอยมาแตะจมูก

ไม่ผิดแน่เขาอยู่ที่นี่...

ผมนั่งรถต่อมาอีกหน่อยตามที่ทิกเกอร์ให้ที่อยู่เอาไว้ ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านไม้เล็ก ๆ หลังหนึ่ง ยังไม่ทันลงจากรถ คนข้างในบ้านก็ออกมาเสียก่อน

แต่ทว่าเขาไม่ได้ออกมาเพียงคนเดียว มีใครอีกคนเดินตามมาด้วย แล้วไอ้ตี๋นี่เป็นใครกัน คงไม่ได้มาจีบใช่ไหม

ถ้าเป็นอย่างนั้นเตรียมอายุสั้นได้เลย!

.

.

.

“กชเอาต้นเดซี่ไปสิกล้าให้”

ผมรับต้นไม้เอาไว้ในมือ “งั้นกชขอเอาไปให้พี่ชายได้ไหม พี่ชายคงโกรธมากที่กชมาอยู่ที่นี่แล้วไม่ได้บอก”

“เอาสิ”

“ขอบคุณนะครับ”

“งั้นเรากลับกันเลยเถอะ เดี๋ยวกล้าไปส่ง”

ผมเดินตามต้นกล้ามาที่รถ ที่จริงผมตั้งใจจะมาซื้อต้นไม้ไปง้อพี่กรรณ แต่กล้าไม่ยอมรับเงิน บอกเพียงแค่เป็นของขวัญ

“กลับดี ๆ นะครับ” ผมว่า

“เข้าบ้านเถอะมืดแล้ว”

“ครับ”

ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านในเวลาต่อมา 

คืนนี้ผมต้องเก็บของ เพราะพรุ่งนี้ผมต้องออกจากเกาะแต่เช้าเพื่อเดินทางไปหาพี่กรรณ ปานนี้คงโกรธผมเป็นฟืนเป็นไฟแล้วแน่ ๆ

ฝ่ามือสัมผัสลูกบิดเย็นเฉียบ ผมก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง เหมือนผมได้กลิ่นคุ้นจมูก

จะเป็นได้เหรอ?

ผมเปิดประตูเข้าไป ในบ้านมืดสนิท กชกรเอื้อมมือไปเปิดไฟห้องทั้งห้องก็พลันสว่าง ผมกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

คงจะคิดมากไปล่ะมั้ง...

ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไปเพื่อเก็บของที่จำเป็นสำหรับพรุ่งนี้ แต่เพียงไฟในห้องนอนสว่างขึ้น ผมก็ได้เห็นใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่ง

ตุบ!

ดอกไม้ในมือร่วงลงพื้น ดินในกระถางหกกระจายทั่วห้อง ผมเริ่มก้าวเท้าถอยหลังทันที

“ไง ดอกไม้สวยดีนะ”

“มะ...มาได้ไง”

“เซอร์ไพรส์ ไม่ชอบเหรอ” ผมไม่ตอบคำถามอัคนี ณ ตอนนั้นผมรู้แค่ว่าผมต้องหนี “จะไปไหน!”

แรงข่มที่เขาปล่อยออกมาทำให้ขาทั้งสองสั่นจนแทบก้าวไม่ออก ร่างกายเขารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก จะฮีทเหรอ กชกรนึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนที่ออกไปส่งสิงห์ เขาแวะร้านขายยาเพื่อซื้อยาระงับฮีทเอาไว้ เพราะช่วงนี้เขารู้สึกอาการไม่ค่อยดี ตั้งใจว่าคืนนี้จะกินก่อนออกเดินทาง

กชกรวิ่งไปที่หัวเตียง แล้วเปิดลิ้นชักออกเพื่อหายา ผมจำได้ว่าเก็บเอาไว้ในนี้นี่มันจะหายไปได้ไง

“หานี่เหรอ” กชกรหันกลับไปมองยังปลายเสียง อัคนีถือกล่องยาสีขาวเอาไว้ในมือ

“ขอผมเถอะ ผ...ม” ผมเกลียดร่างกายของโอเมก้า ผมเกลียดปฏิกิริยาที่ควบคุมไม่ได้ กลิ่นหอมเข้มข้นจากตัวเขากำลังกระตุ้นร่างกายผมให้เกิดความต้องการ ช่องทางหลังเปียกชื้นไปหมด

“เธอไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอก ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง”

“อื้มม คุณเพลิง!” กชกรถูกช้อนตัวขึ้นจากพื้น ก่อนแผ่นหลังจะสัมผัสที่นอนนุ่ม

“ฉันใจดีกับเธอเกินไปใช่ไหม เธอถึงได้ทิ้งฉันกับลูก”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” กชกรปฏิเสธเสียงแข็ง

“แล้วเธอจะให้ฉันคิดยังไง เธอหายไปไม่มีแม้แต่คำอธิบาย”

“คุณช่วยหยุดส่งกลิ่นสักที ผมจะไม่ไหวแล้ว”

“เธอก็ตอบฉันสิ” ว่าจบอัคนีก็โน้มตัวลงที่ซอกคอขาวก่อนจะแลบลิ้นเลียผิวเนื้อ เขาสูดดมเอากลิ่นหอมเข้าไปจนเต็มปอด

“...อื้อ”

“ตอบฉันว่าเธอคิดอะไรอยู่”

“อึก! ถ้าผมตอบ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า”

อัคนีงับซอกคอขาวเบา ๆ ก่อนจะใช้ฝันครูดกับผิวจนขึ้นสีแดงเชอร์รี่

“ตอบฉัน ฉันจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” กชกรรู้ดีว่าเขากำลังมีอารมณ์ เพราะของแข็งที่กำลังดุดันเบียดเสียดท่อนขาของเขาอยู่

“ผะ...ผม อ๊า! อย่า...”

ยอดอกแข็งชันถูกคมกันกัดเบา ๆ ผ่านเสื้อตัวบาง ลิ้นร้อนโลมเลียจนเสื้อชื้นเห็นเป็นสีชมพูระเรื่อผ่านเสื้อสีขาว

“ทำไมไม่พูดละ”

“มัน...อื้อออ มันรู้สึกดี”

อัคนีถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองเหวี่ยงลงบนพื้น ก่อนจะหันมาถอดเสื้อของคนตัวเล็กออก ตามด้วยกางเกงขาสั้น

ดวงตาโอเมก้าตัวเล็กปรือตามองอย่างเว้าวอน ก่อนอัลฟ่าแข็งแรงจะกดริมฝีปากแนบลงมา กลิ่นฝีโรโมนของทั้งสองลอยฟุ้งกระจายไปทั้งห้อง

อัคนีขยับปากอย่างเชื่องช้าขบเม้มทุกสัมผัสอย่างอ่อนโยน กชกรขยับตอบเป็นผู้ตามอย่างว่าง่าย

ริมฝีปากขยับลากลงมาจูบสัมผัสเรือนร่างขาวจนทั่ว รอยช้ำจากแรงดูดขึ้นเห็นสีชัดทุกที่ที่ริมฝีปากอัคนีลากผ่าน แก่นกายร้อนระอุปริ่มน้ำออกมาเหนียวข้น แต่ก็ไม่เท่ากับช่องทางหลัง สะโพกบางถูกโอบยกหวืดจากเตียงจนแก่นกายเล็กลอยเด่นขึ้นมา อัคนีขบขาด้านในจนขึ้นรอยฟัน กลิ่นหอมเย้ายวนกำลังทำให้ทั้งสองขาดสติ

ลิ้นร้อนสอดเข้ามาที่ช่องทางหลังอย่างอุกอาจเพื่อลิ้มรสชาติหวาน ใบหน้าขาวบิดเบ้สะกดอารมณ์ก่อนจะส่งเสียงครางหวานออกมาไม่เป็นภาษา

เมื่อเขาชิมจนพอใจ เขาจึงปล่อยให้คนตัวเล็กนอนกับเตียงอีกครั้ง

อัคนีหยิบถุงยางอนามัยที่ใช้สำหรับพกติดตัวเอาไว้ออกมา แก่นกายขนาดใหญ่ตื่นตัวเต็มที่สวมปราการป้องกันพร้อมสอดใส่

“รู้สึกดีหรือเปล่า” อัคนีถามขณะที่ค่อย ๆ ดันแก่นกายเขาไปทีละนิด

“...ครับ”

เขาดันเข้าไปจนสุดความยาวแล้วแช่ค้างเอาไว้อย่างนั้นครู่หนึ่ง เขาสอดแขนเข้าไปใต้ข้อพับขาคนตัวเล็ก ฝ่ามือหนาจับล็อกเอวบางให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุดก่อนจะขยับสะโพกออก

“อื้มม” กชกรกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ช่องท้องถูกเติมเต็มจนนูนขึ้นเห็นเป็นรูปร่าง

สะโพกสอบเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะค่อย ๆ เร่งจังหวะขยับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางบิดเร่าอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกมากมาย เขาจิกฝ่ามือลงมาที่ต้นขาของอัคนีเพื่อระบายอารมณ์

เสียงคลื่นกระทบชายฝั่งดังประสานกับเสียงครางหวานระงมไปทั้งห้อง

“อะ อะ คุณเพลิง...”

อัคนีปล่อยขาคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ แล้วโน้มตัวลงมากดจูบริมฝีปากหยัก ขยับสอดแก่นกายเข้ามาลึกกว่าเดิม จังหวะที่ผละออกสายตาเราประสานกันครู่หนึ่ง

ความปรารถนาที่เก็บไว้มานานฉายแววออกมาอย่างชัดเจน

“กชกร...ฉันรักเธอ เป็นของฉันนะ”

“ผมก็รักคุณ”

สิ้นสุดประโยค กชกรก็ถูกคมฟันขาวฝังลงที่หลังคอจนจมเขี้ยว

“อ๊ะ!” แขนเล็กเหวี่ยงขึ้นโอบกอดร่างใหญ่เอาไว้แน่น เขารู้สึกเจ็บจนเขาต้องจิกเล็บลงที่หลังอัคนี ลากข่วนไปเป็นทางยาว ก่อนที่เขาจะหมดสติไป

พันธะเกิดขึ้นแล้ว ต่อจากนี้ไปกชกรจะไม่มีวันหนีเขาไปได้อีก เขาเป็นของอัคนีโดยสมบูรณ์...














เขางั่มกันแล้ว อ่าาาาาาาา~~~

(⊙‿⊙)

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |23|
«ตอบ #32 เมื่อ14-01-2022 01:51:00 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

23





‘ข่าวเรื่องคุณเพลิงยังไม่มีความคืบหน้าเลยนะคุณผู้ชม ทางฝั่งคุณหนูซินเองเงียบมาก ไม่รู้ว่าอะไรยังไง’

‘หล่อน หรือว่าเขาจะแอบแต่งกันเงียบ ๆ ไม่บอกเราหรือเปล่า’

‘อันนี้ฉันก็ไม่รู้นะแม่ แต่วงในกระซิบมาเมื่อเดือนก่อนเห็นคุณเพลิงที่โรงพยาบาลด้วยล่ะ’

‘เขาไปหาหมอหรือเปล่า~’

‘ฉันพูดไม่ได้นะสิแม่ แต่เหมือนจะเห็นอยู่แถวแผนกเด็ก ๆ อะไรนี่แหละ ฉันก็พูดมากไม่ได้’



แต่งงาน...

ทุกครั้งวันที่ผมนั่งฟัง หูผมจะอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงในรายการข่าวบันเทิง ตลอดสามวันที่ผมกลับมา ไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่เห็นหน้าเขาออกสื่อรายการบันเทิง เขาจะแต่งงาน แน่นอนว่าคนนั้นไม่ใช่ผม เพราะคนในข่าวคือทายาทมหาเศรษฐีพันล้าน

แกร๊ก!

เสียงกลอนประตูถูกปลดล็อก ลูกบิดถูกหมุนเปิดเข้ามา กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอัลฟ่าแข็งแกร่งลอยมาแตะจมูกก่อนที่จะเห็นตัวเขาเสียอีก แต่ที่ผมรู้ว่าเป็นเขาไม่ใช่เพราะกลิ่นหรอก แต่เป็นเพราะบอนด์ที่หลังคอร้อนผ่าวบอกว่าคู่ของตัวเองอยู่ใกล้ ๆ

“กช...” อัคนีอุ้มเด็กสองคนเข้ามาพร้อมกับเลขาที่ถือตะกร้าของใช้ “เดี๋ยวสิคุยกันก่อน”

ปัง!

ผมไม่ได้หยุดรอฟังอะไรจากเขา เพียงแค่เดินเข้าห้องมาเงียบ ๆ ผมถูกอัคนีพาตัวกลับมาอยู่ที่คอนโดฯ แต่ที่ผมไม่เข้าใจเลยคือเขาพาผมกลับมาทำไม ในเมื่อตัวเองก็กำลังจะแต่งงาน หรือเป็นเพราะเขาทำพันธะกับผมงั้นเหรอ

“เฮ้อ” กชกรถอนหายใจเสียงดัง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ปล่อยให้เวลาผ่านไปพร้อมกับคำถามที่อยู่ในใจ



อุแว้ แง้ ~ ~

ผมถูกปลุกด้วยเสียงเด็กร้องตั้งแต่เช้า พอคนแรกเริ่มร้องเสียงคนที่สองก็ดังประสานกันทันที แต่หนนี้ทำไมดังนานกว่าทุกวันละ ผมลองแง้มประตูออก กวาดสายตามองไปจนทั่วห้องแต่ทว่าไร้เงาของเห็นอัคนี

ไปไหนของเขา...

เท้าสาวไปยังแปลเด็กที่ตั้งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ทุกเช้าอัคนีจะเอามาตั้งเอาไว้แบบนี้ ส่วนตัวเขาจะยืนทำอาหารอยู่ไม่ไกล เมื่อผมเดินเข้าใกล้เปล เสียงลูกก็เงียบลงทันทีเมื่อเห็นหน้ากชกร

“ไง...” เด็กน้อยตัวเล็กฉีกยิ้ม ยกมือคว้าอากาศอย่างน่าเอ็นดู “พ่อพวกเธอไปไหนซะล่ะ” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้าง ก่อนจะยื่นมือเข้าไปสัมผัสพวงแก้มใส พวกเขาน่ารักจัง ไม่เจอกันแค่เดือนเดียว โตกว่าตอนเห็นครั้งแรกอีก อุ้มมือเล็กคว้านิ้วของกชกรเอาไว้แน่น จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา

นี่ผมร้องไห้แข่งกับลูกเหรอ ให้ตายเถอะน่าอายชะมัดเลย

“ชื่ออะไรเนี่ยเรา”

“สายลม กับสายฝน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเข้ามาตอนไหน

“ลูกคุณร้องน่ะ ผมก็แค่มาดู” ว่าจบกชกรก็ลุกขึ้นตั้งท่าเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง

นั้นเป็นบทสนทนาแรกที่เราคุยกันตั้งแต่ที่ผมกลับมา อัคนีอุ้มลูกขึ้นมาก่อนจะคว้าข้อมือคนตัวเล็กไว้

“เธอไม่ลองอุ้มพวกเขาหน่อยเหรอ”

กชกรหันกลับไปมองเด็กผมสีน้ำตาลอ่อน หน้าตาเหมือนอัคนีอย่างกับแกะเลย ถ้าไม่ได้สีผมกับสีตาผมไป ผมคงคิดว่าอัคนีท้องกับตัวเองแล้วคลอดเด็กออกมาอีกที

ผมตั้งใจจะปฏิเสธแต่ทว่าเด็กตัวน้อยส่งเสียงอ้อแอ้ ก่อนจะร้องงอแงออกมา ผมจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ มันเหมือนเป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายเป็นไปตามธรรมชาติ ผมรับเด็กตัวน้อยมาไว้ในอ้อมกอดเสียงร้องงอแงก็เบาลง

“ผมบอกแล้วไงอย่าลูกใส่เสื้อที่คุณเย็บ” ผมว่าพลางกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ

“สายฝนดูจะชอบคุณนะ” อัคนีว่าพลางอุ้มเด็กอีกคนขึ้นมา เขาสวมเสื้อที่กชกรเป็นคนทำให้

“คุณแยกพวกเขาออกได้ยังไง”

“สายฝนมีไฝเล็ก ๆ ที่หางคิ้ว” ผมก้มมองหน้าเด็กในอ้อมกอด เขามีไฝอย่างที่อัคนีว่าจริง ๆ

จะเหมือนพ่อเกินไปไหมเนี่ย อัคนีเองก็มีไฝเม็ดเล็ก ๆ ใต้ตา

“วันนี้ผมฝากลูกไว้กับคุณได้หรือเปล่า ผมเอาเขาไปทำงานด้วยไม่ได้”

“...”

“...วันนี้มีธุระสำคัญ”

คงจะเรื่องงานแต่งสินะ...

“อืม” ผมตอบเพียงสั้น ๆ อุ้มเด็กตัวน้อยไปทั่วบ้านเพื่อกล่อมให้หลับก่อนจะวางเขานอนข้างกันตามเดิม “คุณไปเถอะเดี๋ยวผมดูพวกเขาเอง”

“ขอบคุณนะ” กชกรพยักหน้ารับ ปล่อยให้อัคนีเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ไม่นานเขาก็เดินออกมา

“ผมอาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกแล้ว นมอยู่ในตู้ แต่ถ้าคุณพอมีน้ำนมก็ให้เขาลองดื่มดูก็ได้นะ”

กชกรหน้าร้อนผ่าว ดื่มบ้าอะไรกัน เขาเป็นโอเมก้าชาย น้ำนมมันน้อยอยู่แล้ว

“ไปเถอะเดียวสาย”

อัคนีเดินหายออกจากห้องไป ผมก็เปิดทีวีทิ้งไว้เหมือนทุกวัน เพื่อไม่ให้ห้องเงียบเกินไป

ผมนั่งมองเด็กตัวน้อยหลับปุ๋ยอยู่ในเปล ไม่ต้องมองพวกเขาผ่านมือถืออีกแล้ว แต่ความสุขก็มักจะสั้นเสมออย่างที่ใครหลายคนว่าไว้ เพราะอีกไม่นานอัคนีก็ต้องแต่งงาน ส่วนพวกเขาก็ต้องไปอยู่กับครอบครัวใหม่

“ขอให้แม่ใหม่รักพวกหนูนะ” กชกรว่าออกเสียงก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนกับโซฟาตัวยาว

ผมเผลอหลับไปตอนไหน นานเท่าไหร่ก็รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงประตูถูกเคาะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

“ครับบบบ” ผมขานรับลากเสียงยานก่อนจะเดินไปเปิดประตู “อ้าวคุณคิม”

“ขออนุญาตครับคุณกช” ว่าจบผู้หญิงอีกสามคนก็เดินเข้ามา

“อะไรกันครับ เหวอ!” ผมถูกดึงกลับเข้าห้อง นั่งลงกับเก้าอี้หน้ากระจกในห้องนอน ผู้หญิงคนแรกหยิบคาดผมขึ้นมาสวมให้ที่หัว “เดี๋ยวนี่มันอะไร”

“เวลามีน้อยครับผมยังอธิบายตอนนี้ไม่ได้ คุณกชนั่งเฉย ๆ ก่อน ผมจะไปเปลี่ยนชุดให้คุณหนู” ว่าจบเลขาของอัคนีก็เดินออกไป นี่คิมเขาได้เงินเดือนเท่าไหร่นะ ผมเริ่มอยากรู้แฮะ ถ้าอัคนีไม่มีคิมอยู่ เขาจะใช้ชีวิตยังไง เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วของจริงเสียงจริง

ผมถูกจับแต่งหน้าทำผมก่อนจะถูกสั่งให้เปลี่ยนชุดที่เตรียมมาด้วย เสื้อผ้าไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเป็นเพียงเสื้อคอเต่าสีขาว สวมทับด้วยสูทสีแดงเข้มดูเป็นทางการ

“เรียบร้อยนะครับ” เลขาหันไปถามผู้หญิงทั้งสามคนก่อนพวกเธอจะเดินออกไป “คุณกชอุ้มคุณหนูไหวนะครับ”

“ครับ” ว่าจบผมก็สวมเป้อุ้มเด็ก แล้วอุ้มตาหนูทั้งสองใส่ไว้ “เรากำลังจะไปไหนเหรอครับ” ผมถามเลขาอีกรอบ

“คุณเพลิงให้ผมมารับน่ะครับ”

เขาบอกว่าวันนี้มีธุระสำคัญนี่...

ผมไม่ได้ถามต่อนอกจากนั่งรถไปเงียบ ๆ ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย เลขาพาผมมาที่บริษัทที่อัคนีทำงานอยู่

ให้ตายใหญ่โตเหมือนกันนะเนี่ย ถึงว่าทำไมเลขาเขาถึงเรียกเขาว่าคุณชาย

“ทางนี้ครับ” ระยะทางค่อนข้างไกล โชคดีที่ตาหนูทั้งสองคนไม่งอแงผมเลยไม่เหนื่อยมาก ข้างในตึกคนเยอะผมจึงเดินตามหลังเลขาไปอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวว่าตัวเองอาจจะหลงได้

เลขาพาผมมาในห้องประชุมขนาดใหญ่ ด้านในมีอัคนีนั่งอยู่หัวโต๊ะพร้อมกับไมค์จ่ออยู่หลายอัน นี่มันนักข่าวนี่ ผมยืนงงอยู่ครู่ก่อนจะถูกเลขาเชิญให้ไปนั่งข้าง ๆ อัคนี

“มาครบแล้ว ผมจะเปิดให้นักข่าวแต่ละสำนักข่าวถามได้แค่คนล่ะคำถามเท่านั้นนะครับ และงดใช้แฟลชในการถ่ายภาพ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเชิญพวกคุณออกทันที” เลขาพูดจบ นักข่าวแต่ล่ะสำนักก็เริ่มถาม

“คนที่นั่งข้างคุณเพลิงคือใคร?”

“เธอเป็นภรรยาผม” เสียงนักข่าวเซ็งแซ่ด้วยความตกใจ ผมหันขวับไปมองหน้าอัคนีนิ่ง ฝ่ามือหนากอบกุมมือผมเอาไว้แน่น “เราผูกพันธะกันแล้ว และเราก็มีลูกที่น่ารักสองคน” ผมกะพริบตาถี่ มึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า

“อ้าวแล้วทายาทของบริษัทเอสที่เป็นข่าวล่ะครับ?”

“ผมไม่รู้ว่าพวกคุณไปเอาข่าวมาจากไหน แต่เราไม่เคยมีความสัมพันธ์เกินกว่าคู่ค้า”

“คุณเพลิงพูดออกมาแบบนี้จะไม่มีผลกระทบอะไรกับบริษัทใช่ไหมคะ?”

“ผมไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ อีกอย่างผมต้องเซฟความรู้สึกของครอบครัวผม”

ฝ่ามือที่ประสานกันอยู่กระชับแน่นขึ้น หัวใจผมเริ่มเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ มันรู้สึกอุ่นวาบในช่องอก ไออุ่นไร้รูปร่างไม่อาจบรรยายได้เอ่อล้นออกมาเต็มหัวใจ ทุกครั้งที่อัคนีตอบคำถามไม่มีคำตอบไหนที่เขารู้สึกลังเล

หลังจากให้สัมภาษณ์จบลงอัคนีก็พาผมออกมาหน้าบริษัท ข้างหน้ามีรถตู้คันสีดำจอดรออยู่ก่อนแล้ว

“กลับบ้าน” อัคนีว่า

“ผมอยากไปหาพี่ชาย”

“คิม ไป Yes Bar”

“ครับคุณชาย”

ตลอดทางเราไม่คุยอะไรกันอีก จนกระทั่งเรามาถึงที่ร้าน เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปในร้านบรรยากาศ และความรู้สึกเก่า ๆ ไหลเข้ามาในม่านความทรงจำ

“เฮีย” ผมตะโกนเรียกพี่ชาย “เฮียกรรณ!”

เสียงฝ่าเท้าเดินลงมาจากชั้นสอง ผมหันกลับไปมองพี่ชายที่กำลังเดินอุ้มลูกลงมา นี่ซ้อคงคลอดแล้วสินะ

“กช!” กรรณเบิกตาโพลงก่อนจะรีบเดินลงมา เท้าสาวจ้ำอ้าวไม่นานก็ถึงตัวผม

ผมส่งลูกให้อัคนีอุ้มไว้ ก่อนจะเดินอ้าแขนเข้าไปกอดพี่ชาย ด้วยความรู้สึกผิด และคิดถึงผสมปนกันมั่วไปหมด

“โอ๊ย!” แต่แล้วความรู้สึกของผมก็พังลง เพราะถูกพี่กรรณดีดนิ้วที่หน้าผากอย่างแรง “เจ็บนะเฮีย!”

“มึงหายไปไหน คนเขาเป็นห่วงกันให้วุ่น ถ้ากูไม่เห็นมึงจากทีวีกูคงคิดว่ามึงตาย”

“เฮียอย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเด็ก ๆ นะ”

“โชคดีไปนะมึง ว่าแต่มึงอะมาทำไม” กรรณส่งลูกให้กชกรอุ้มก่อนจะหันไปฉะกับอัคนี

“ผมมากับกช”

“ส่งน้องกูแล้วก็พาลูกมึงกลับไปดิ”

“เฮียบอกว่าอย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเด็ก ๆ ไง” ผมหันไปแหวกใส่พี่ชาย อัคนีอุ้มตาหนูอยู่ และผมก็ไม่อยากให้ลูกต้องมาได้ยินเรื่องที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน

พี่กรรณเรียกซ้อเป่ยลงมาอุ้มเด็ก ๆ ออกไปก่อน เราขึ้นมายังชั้นสองเพื่อพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้น

“เฮีย กชขอโทษ” นั้นเป็นสิ่งแรกที่ผมอยากพูดที่สุด

“เรื่อง?”

“ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องที่โกหกว่าไปเรียนต่อ แล้วก็เรื่องที่หนีไปโดยไม่บอก”

“ก็รู้นี่ แต่ทำไมยังทำ แต่เรื่องนั่นเอาไว้ก่อนกูมีเรื่องจะเคลียร์กับมึง” ว่าจบกรรณก็ชำเลืองมองอัคนีตาเขียวปัด

“ผมขอโทษ”

“มึงจะพูดแค่นี้เหรอ มึงทำน้องกูท้องนะ แถมยังให้น้องกูโกหกอีก”

“เฮียกชโกหกเอง”

“นั่งเงียบ ๆ ไม่ต้องพูด!”

กชกรชะงักทันที เพราะไม่เคยเห็นพี่ชายโกรธขนาดนี้ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคืออัคนีที่กำลังนั่งคุกเข่าลงกับพื้น

“เฮียครับ เรื่องนี้ผมขอรับผิดคนเดียว”

“ถ้างั้นก็ออกไปซะ อย่ามายุ่งกับครอบครัวเราอีก”

“แต่ที่เราตกลงกันไว้ ไม่ใช่แบบนี้นี่ครับ ผมยังไม่คุยกับกชเลยนะครับ”

“กช!” ผมสะดุ้งโหยงตอนที่ถูกเรียกชื่อ “จะเอายังไง มาทำให้มันจบ”

“ผมไม่เข้าใจ”

“เรื่องของมึงสองคนจะเอายังไง”

ที่ผ่านมาผมก็คิดเรื่องนี้อยู่บ้าง ตอนแรกที่รู้ว่าอัคนีจะแต่งงานผมก็เตรียมใจไว้ แต่ตอนนี้เรื่องมันเปลี่ยนไปแล้ว

“ผมขอเวลา ผมต้องการคุยกับเขา”

"..." กรรณถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าน้องชายตัวเองมีคำตอบอะไรในใจ

หลังจากบรรยากาศตึงเครียดจบลงเราก็ขอตัวกลับ พี่กรรณบอกกับกชกรไว้ในตอนที่เขากำลังจะขึ้นรถ ห้องนอนเก่าของเขาถูกทำเป็นห้องของน้องหลินลูกชายของเฮียไปแล้ว ผมว่าจริง ๆ เฮียรู้อยู่แก่ใจว่ากชกรคิดยังไงเรื่องของเรา ถึงได้พูดอย่างนั้น

ก่อนกลับพี่กรรณขอคุยกับผมเป็นการส่วนตัว มันก็ไม่เชิงคุยหรอกเรียกข่มขู่น่าจะถูกกว่า ถ้าทำน้องผมเสียใจเมื่อไหร่จะสั่งคนไปกระทืบถึงบริษัท สมแล้วที่เป็นลูกเขยของมาเฟีย

ผมพาลูกกับกชกรกลับมาที่ห้องในเวลาต่อมา



กลับมาถึงห้องผมก็เดินเข้ามาอาบน้ำเป็นอย่างแรก เหนียวหัวชะมัด ไม่รู้ว่าเยลใส่ผมหมดโรงงานหรือยัง โบกมาซะแข็งแรงกว่าทางเท้าในกรุงเทพฯ ซะอีก

หลังออกมาจากห้องน้ำผมก็ตรงเข้าไปหาอัคนีที่ห้อง เขากำลังนอนอยู่บนเตียงสวมเพียงกางเกงวอร์มนอนถอดเสื้อกับลูก ฝ่ามือใหญ่ตบก้นลูกเบา ๆ เพื่อกล่อมให้เขาหลับ

“คุณดูลูกเสร็จแล้วออกมาคุยกับผมหน่อยนะ” ผมว่าเสียงเบาก่อนจะเดินออกมานั่งรออัคนีที่ด้านนอก รออยู่ไม่นานนักเขาก็เดินออกมา

“ลูกหลับแล้วเหรอครับ”

“อืม”

“...” เราทั้งคู่ต่างเงียบใส่กัน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แต่ความรู้สึกอึดอัดทำให้ผมตัดสินใจเริ่มพูดก่อน “เรื่องวันนี้ทำไมคุณทำลงไปโดยไม่ถามผม” ผมว่า

“ตั้งแต่เธอกลับมา เธอก็ไม่ยอมคุยกับฉันเลยนี่”

กชกรกะพริบตาปริบ ๆ เพราะที่อัคนีว่ามันคือความจริง ซวยล่ะความผิดมันตกมาที่ผมได้ยังไง

“ตะ...แต่คุณก็ควรบอกผมก่อน ไม่ใช่ดึงผมไปนั่งทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไร ถ้านักข่าวถามผม ผมจะตอบยังไง” ก่อนจะรู้สึกผิดมากกว่านี้ บทนางวีนต้องเข้าแล้วหนึ่ง

“งั้นฉันไม่อ้อมเลยแล้วกัน”

“ให้ตายทำไมทำตามใจตัวเองอยู่เรื่อย” กชกรกอดอกตัวเองก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักโซฟา แล้วบ่นพึมพำคนเดียว

“แต่งงานกันเถอะนะ”

“ก็แค่นั้น... -..-” เดียวนะ เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไร แต่งงานใช่ไหมหรือว่าผมหูฟาด “คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย!!!” 0 [///] 0”

“แต่งงานไง”

“ใครเขาอยากแต่งกับคุณ หา!!! ไม่ไปแต่งกับคุณหนูที่เป็นข่าวล่ะ”

“เธอหึงสินะ ฉันกับซินไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ ...” อัคนีขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าเอวบางเข้ามากอดเอาไว้ เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูกชกรทำให้รู้สึกหน้าร้อนผ่าว “อีกอย่างคืนนั้นที่เกาะ เธอบอกรักฉันนี่ ฉันก็รักเธอ แล้วทำไมฉันต้องไปแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รักด้วยล่ะ”

กชกรลุกขึ้นยื่นพรวด ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นซับสีเลือดแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!

เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นเร็วขึ้นไม่เป็นจังหวะ มันดังก้องในโสตประสาทจนกลัวว่าอัคนีจะได้ยินหรือเปล่า เขารู้สึกเขินที่คืนนั้นพลั้งปากบอกความในว่าเขารู้สึกอย่างไรออกไป

“ร้อนชะมัด แอร์เสียหรือไง ผมง่วงแล้ว จะไปอาบน้ำ คุณห้ามตามผมมานะ!!!” กชกรพ่นคำพูดออกมาอย่างหมดทางหนี

อัคนีนั่งมองคนตัวเล็กเดินหายกลับเข้าไปในห้องของตัวเองอย่างรีบร้อน "แล้วเขาจะอาบน้ำอีกรอบทำไม" มุมปากกระตุกยิ้มพรายออกมา ท่าทีไม่ต้องบอกพอจะดูออกว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่

ผมคงต้องให้เวลาเขาอีกสักพัก เพราะยังไงเขาก็หนีผมไปไหนไม่รอดแล้ว

เสียงประตูห้องปิดลงผมก็หยิบไอเพดขึ้นมาเช็กข่าวของวัน การค้นหาอันดับหนึ่งเป็นเรื่องที่ผมแถลงเรื่องข่าวลือบ้า ๆ ที่พ่อผมเป็นคนสร้างขึ้น

ตอนนี้ผมคงต้องเตรียมรับมือกับพายุลูกใหม่...

.

.

.
“ไปสืบเรื่องของเด็กคนนั้นมาให้ฉัน ทุกเรื่องที่ฉันควรรู้”

“ได้ครับท่านประธาน”

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |24|
«ตอบ #33 เมื่อ14-01-2022 01:52:18 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

24




“โกงดังเก็บของมีปัญหาทำไมถึงไม่มีใครแจ้งฉัน!”

ถึงแม้ภาพอัลฟ่าหนุ่มจะฉายผ่านหน้าจอโปรเจคเตอร์ พนักงานก็ยังสัมผัสได้ถึงไอดำเขาที่ปล่อยออกมา

“ถ้าฉันไม่เข้าไปดูเอง ฉันจะรู้เรื่องตอนไหน ใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้”

“ผะ...ผมครับ”

“ไปเขีย---” อัคนียังไม่ทันได้พูดต่อ เสียงใสก็ตะโกนเรียกเสียก่อน

“คุณเพลิง~ ลูกอึ”

“...ฉันขอเวลาสิบนาที”

ภาพคุณพ่อลูกอ่อนฉายชัดปรากฏสู่สายตาพนักงาน ความดุดันถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยน พักหลังเขาทำงานจากที่บ้านมากขึ้นเพื่อใช้เวลากับครอบครัว

“คุณทำอะไรอยู่เนี่ยไม่ออกมาดูลูก” กชกรว่า

“ฉันติดประชุมน่ะ”

“อ้าว ทำไมไม่บอกผมล่ะ งั้นเดี๋ยวผมทำเองคุณไปทำงานต่อเถอะ”

“ไม่เป็นไร เธอนั่นแหละไปนั่ง”

กชกรพยักหน้ารับขยับตัวถอยห่างเพียงนิดเดียว เพื่อไม่ให้เกะกะ แล้วยืนมองอัคนีเงียบ ๆ

ผมปฏิเสธเรื่องแต่งงานกับเขาไปแล้ว ใช่ว่าผมไม่รู้สึกดีหรอกนะ แต่ผมต้องการเวลามากกว่านี้ ที่ผ่านมาเราอยู่ด้วยกันเพราะหน้าที่ หลังจากนี้เราจะลองอยู่ด้วยกันเพราะความรู้สึก เรายังแยกห้องนอนกันเหมือนเดิม ตกลงกันว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยมากกว่าจูบ

“คุณ...”

“หืม?”

“ลูกเราจะสามเดือนแล้วนะ” กชกรว่าเสียงเรียบ

“...” อัคนีหันหน้ากลับไปมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาของเขานิ่งเรียบยากจะอธิบาย

“ผมยังไม่ได้เงินห้าสิบล้านที่คุณตกลงไว้เลยนะ” ผมไม่มีทางลืมเรื่องเงินแน่ ตั้งแต่กลับมาเขาไม่ยอมพูดถึงเงินผมเลย

อัคนีฉีกยิ้มกว้างอุ้มตาหนูกลับไปนอนตามเดิม แล้วจึงสาวเท้าเข้าหาภรรยาของเขา โอบกอดจากด้านหลังก่อนจะกระซิบบอกประโยคที่ทำให้กชกรช็อกตาค้าง

“ในสัญญาระบุว่าใน*งานวันเกิดจะต้องไม่มีโอเมก้า ตามสัญญาแล้วเนี่ย ค่าปรับมันเท่าไหร่นะ... เจ็ดสิบ หรือแปดสิบล้านนะ”

“...” กชกรเบิกตาโพลง เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ

“ฉันว่าเธอเป็นหนี้ฉันแล้วล่ะ”

“นี่! คุณรู้เรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหม คุณมันเลวจริง ๆ” กชกรหันกลับไปทุบไหล่แกร่ง “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ ผมไม่ให้คุณกอดแล้ว” คนตัวเล็กพยายามแกะมืออัคนีออก เขารู้สึกหัวร้อนขึ้นมาตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังโดนหลอก

ให้ตายเถอะถ้าสมมุติว่าผมต้องการเงินแล้วจากไปอย่างที่ตกลงกันไว้ เท่ากับว่าผมต้องไปตัวเปล่าด้วยซ้ำ

อัคนีช้อนปลายคางกชกรขึ้นเพื่อประกบปากเข้าด้วยกัน เขาเผยอปากเพียบเล็กน้อยเพื่อขบเม้มกลีบปากล่างอย่างอ่อนโยนก่อนจะผละออก

“เพราะรู้ต่างหากว่าสุดท้ายเธอจะอยู่กับฉัน เงินน่ะฉันให้เธอกับลูกได้ทั้งหมดที่มีอยู่แล้ว”

กชกรยกมือขึ้นถูจมูกแก้เขิน

“แอ้~” เสียงตาหนูร้องอ้อแอมองผมกับกชกรตาแป๋ว

“ชอบให้ป่าป๋ากับหม่าม้ารักกันใช่ไหม” ว่าจบเขาก็กดจมูกลงบนพวงแก้มใสของคนตัวเล็กโชว์เด็ก ๆ ที่นอนอยู่ในเปล

“คุณทำอะไรเนี่ย...”

“ลูกชอบจะตาย ยิ้มใหญ่เลยเห็นไหม”

“หึ้ย! พอเลยคุณ ไม่ทำงานแล้วหรือไง”

“จริงสิลืมไปเลย” อัคนีนึกขึ้นได้ว่าตัวเองประชุมค้างเอาไว้ จึงรีบสาวเท้ากลับไปที่ห้องอีกครั้ง ทิ้งให้กชกรนั่งอยู่ข้างนอกกับลูกที่ห้องนั่งเล่น





ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นกชกรก็รีบลุกขึ้นสาวเท้าไปทันที

ปัง ปัง ปัง!

หนนี้ประตูถูกทุบเสียงดังกว่าเดิม “มาแล้วครับ” ลูกบิดประตูถูกหมุนเปิดออก ชายดูมีอายุยืนอยู่หน้าประตู กับผู้ชายอีกหลายคน

“ข่าวนั่นจริงสินะ หลบไป” กชกรถูกดันให้หลบออกจากทางเดิน ผมมองตามหลังผู้ชายปริศนาคนนั้นก่อนจะปิดประตู

อัคนีที่นั่งทำงานอยู่ด้านในได้ยินเสียงประตูปิดดังเขาจึงออกมาด้านนอกเพื่อถามภรรยาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทว่าในห้องเขาตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่กชกร

“พ่อ!” 

“เออ ก็พ่อแกน่ะสิไอ้ลูกเฮงซวย”

“จะมาทำไมไม่โทรมาบอก”

“ทำไมฉันต้องโทร แก่น่ะคิดจะบอกฉันเรื่องลูกเมียตอนไหน ทั้งที่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับมีหน้าแกกับเมียขนาดนั้น”

นี่แหละพายุอีกลูกที่อัคนีเตรียมรับมือไว้ แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อจะมาหาเขาถึงที่นี่

“พ่อก็เห็นแล้วนี่ ผมยังต้องบอกอะไรอีก”

“ครอบครัวหนูซินโกรธมากที่แกหักหน้าเขา ทีนี้แกเข้าใจหรือยัง”

“เรื่องนั้นผมจะเข้าไปขอโทษครอบครัวเขาเอง”

“แกคิดว่ามันง่ายแบบนั้นเชียว” พ่ออัคนีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหมดความอดทนกับลูกคนนี้จริง ๆ หัวรั้นเหมือนแม่ไม่มีผิด “เลิกกับเมียแกซะ แล้วไปแต่งงานกับหนูซิน ส่วนหลานฉันเลี้ยงเอง”

อะ! ได้เหรอวะ ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะเว้ย

“ขอโทษนะครับ เผื่อคุณพ่อไม่รู้ คือผมยังยืนอยู่ตรงนี้” กชกรว่า

“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ ฉันคุยกับลูกฉัน”

“งั้นพ่อก็กลับไปซะเถอะ เพราะยังไงผมก็ไม่เลิก”

“ตาเพลิง!”

สิ้นสุดเสียงตะโกนดัง ตาหนูทั้งสองก็ร้องเสียงดังด้วยความตกใจ กชกรกับผมสาวเท้าเข้าไปอุ้มตาหนูเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทันที

“พ่อกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปหาที่บ้าน”

“ฉันจะกลับไป แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอม” จากสถานการณ์ตรงหน้าทำให้พ่อของอัคนียอมกลับไปแต่โดยดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ใจร้ายกับเด็กที่ไม่รู้ประสา

ผมกับกชกรปลอบตาหนูกันอยู่นานกว่าจะสงบลง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของกชกร

“กช...”

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค”

“ขอกอดหน่อย”

“อะไรของคุณเนี่ย”

“เร็ว ๆ ขอกอดหน่อย” กชกรยกแขนขึ้นกอดรอบเอวผมไว้ ก่อนผมจะกอดตอบกลับไป “ไม่ต้องคิดมากนะ ยังไงฉันก็ไม่ทิ้งเธอกับลูก”

“ก็ลองทิ้งดูสิ”

“...?”

“ผมจะหนีไปในที่ที่คุณไม่มีวันหาผมกับลูกเจอ”

“ไม่มีทาง ยังไงฉันก็หาเธอกับลูกเจอ” พูดจบความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือเจ็บ คมฟันฝังเขี้ยวลงที่แผ่นอกอย่างรุนแรง “โอ๊ย! กัดผมทำไม่เนี่ย”

“ก็ดูคุณพูดสิ หมายความว่าจะทิ้งผมหรือไง”

“แสบนักน่ะ เธอกัดฉันได้คนเดียวหรือไง”

มุมปากคนพูดกระตุกยิ้มพราย ตาคู่คมจ้องมองราวกับคนตรงหน้าคือเหยื่อ กชกรรู้ดีว่าอัคนีคิดอะไรอยู่

“อะ! ตาหนูยืนแล้ว” ผมชี้นิ้วไปที่เปลของลูก จังหวะที่อัคนีหันมองตามมือ ผมก็รีบสาวเท้ากลับมายังห้องของตัวเอง

ลูกจะยืนได้ยังไงเล่า เขาเพิ่งจะนอนกันไปเอง...

“คุณไม่มีทางจับผมได้หรอก แฮ่~” กชกรแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนตัวโตอย่างล้อเลียนก่อนจะรีบปิดประตูห้องของตัวเอง

“ยัยกชเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ” อัคนีเคาะประตูเรียกคนด้านใน

“เปิดก็โง่สิ”

“เอางั้นก็ได้”

กชกรเอาหูแนบกับประตูเพื่อฟังเสียงดูว่าเขายอมถอยไปแล้วหรือยัง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เสียงฝ่าเท้าหนักกำลังเดินห่างออกไป

แกร๊ก!

แต่ไม่นานลูกบิดประตูก็ถูกปลดล็อกจากด้านนอก

“แต่ฉันมีกุญแจ” (ʃƪ¬‿¬)

(꒪ȏ꒪;)

.

.

.

“หม่ำ หม่ำ หม่ำ” ไม่รู้ทำไมเวลาป้อนกล้วยบดลูกถึงต้องทำปากตามทุกครั้ง หน้าตาบู้บี้น่าเกลียด แต่เหมือนลูกจะชอบใจ

“ผมไปแล้วนะ” อัคนีว่า

“อืม ก็ไปสิครับ” เมื่อวานอัคนีสัญญากับพ่อเอาไว้ว่าจะเข้าไปหาที่บ้าน “งั่ม งั่ม อีกคำนะครับคนเก่ง” การล่อหลอกให้เด็กกินข้าวนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ

“ผมจะไปแล้วเนี่ย...”

กชกรวางช้อนหันกลับไปหาสามีที่ยืนมองเขาป้อนข้าวลูก

“เอา'ไรไหนพูด” ผมนั่งกอดอกมอง

“คุณยังไม่จุ๊บผมเลย”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ งอแงทั้งพ่อทั้งลูกเลยให้มันได้อย่างนี้สิ กชกรกวักมือเรียกคนตัวโตให้โน้มตัวลงมาก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงไปอย่างแผ่วเบา

“ไปได้แล้ว ผมต้องป้อนข้าวให้ตาฝนต่อ”

“เดี๋ยวป่าป๊ามานะครับ อยู่กับม้าอย่าดื้อล่ะ” ว่าจบเขาก็หอมหัวสายลมกับสายฝนคนละฟอดแล้วออกไป

หลังจากนั่งป้อนข้าวเช้าเสร็จ ผมก็หันไปชงนมให้ตาหนูต่อ พอได้เลี้ยงลูกเองผมก็เกิดอยากให้หนึ่งวันมีสักสี่สิบแปดชั่วโมง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

อัคนีเหรอ... แต่เขาเพิ่งออกไปนี่ หรือเขาจะลืมของ

“ครับ”

ผมสาวเท้าไปเปิดประตูทันที แต่ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่อัคนี

“เอ่อ ผิดห้องหรือเปล่าครับ”

“คุณกชกรใช่ไหม”

“อื้ม” ผมพยักหน้ารับก่อนจะถูกผ้าสีขาวโป๊ะมาที่จมูก “อื้อ!”

ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้คือ ผู้ชายสามคนกำลังเดินเข้ามาในบ้านก่อนทุกอย่างจะตัดดับไป...





ผมตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่หน้าประตูห้อง แค่ขยับตัวขึ้นนั่งบ้านก็หมุนไปหมด ตั้งสติได้ผมก็นึกถึงตาหนูทันที ไวกว่าความคิดผมรีบพาตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง จำได้ว่าผมให้ตาหนูนอนกินนมอยู่ที่เปล แต่ทว่าตอนนี้มันว่างเปล่า เหลือเพียงขวดนมทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า กับกระดาษสีเหลือง หัวใจผมตกลงไปที่ตาตุ่ม มือสั่นเทาหลังอ่านกระดาษโน้ตที่แปะอยู่



‘มาตามที่อยู่นี้ แล้วลูกเธอจะปลอดภัย (ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด) '



โอ๊ย!!!

ประสาทเหรอ ลูกหายไปทั้งคนแต่บอกผมว่าห้ามบอกใคร ใครเชื่อก็โง่แล้ว ผมหยิบมือถือโทรหาอัคนีทันที ถือสายไม่นานคนปลายสายก็กดรับ

“คุณ ตาหนูหายไป”

[เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้น]

“ผมไม่มีเวลาอธิบาย ผมเปิดเครื่องติดตามแล้ว คุณตามมาเองก็แล้วกัน”

[กช...]

ผมไม่ได้รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ กดตัดสายแล้วเปิดแอปฯ ติดตามตัวในมือถือเพื่อให้อัคนีรู้ตำแหน่ง แล้วรีบลงจากคอนโดฯ เพื่อไปเรียกรถทันที

นาทีนี้เรียกแท็กซี่ก็คงไม่ทันกาล ประเทศไทยเรารวยรถไม่ได้รวยถนนนี่นะ

“พี่วินครับไปตามจีพีเอสนี้ครับ”

“อ๋อ...ขึ้นเลยน้อง” พี่วินว่าหลังดูแผนที่เพียงแป๊บเดียว เขาส่งหมวกกันน็อกให้ ผมก็รีบสวมแล้วก้าวขึ้นคร่อมรถทันที

พี่วินเสียงตายพาผมมาถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่โกดัง หรือบ้านร้างแบบในหนัง แต่เป็นบริษัทใหญ่โตมีป้ายขนาดใหญ่แปะอยู่บนยอดตึกว่า บริษัทเอส

เดี๋ยวนี้โจรมันเช่าตึกหรูขนาดนี้เลยเหรอวะ หรือว่าคนที่ลักพาตัวตาหนูมาจะเป็นพ่อของอัคนี...

ใช่แน่ ๆ นี่อาจเป็นแผนให้อัคนีกลับไปที่บ้าน แล้วเข้ามาจัดการผมกับลูกงั้นเหรอ ว่าแล้วเชียวทำไมเมื่อวานเขาถึงยอมกลับไปง่าย ๆ ผมสาวเท้าเข้าไปยังตัวอาคารมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่าจะเอายังไงต่อ ในกระดาษโน้ตไม่ได้บอกเอาไว้ด้วยสิ

“คุณกชกรทางนี้ครับ” ชายชุดดำเดินเข้ามาประกบขนาบข้างก่อนจะดันให้ผมเดินตามไปขึ้นลิฟต์

ลิฟต์พาเราขึ้นมายังชั้นสามสิบเก้า พวกเขาพาผมเดินมายังห้องมุมสุด ประตูไม้หนาทึบขนาดใหญ่ถูกเปิดออกให้ผมเข้าไป

“คุณกชมาแล้วครับ” สิ้นสุดประโยคเก้าสีดำก็หันกลับมา

เขาไม่ใช่พอของอัคนี แต่เป็นคนที่ผมเคยเห็นในทีวี ถ้าจำไม่ผิดเขาคือคนทีเป็นข่าว 

“ออกไปผมจะคุยกับเขาสองคน”

"ครับท่านประธาน" บอดี้การ์ดโค้งตัวลงเล็กน้อย แล้วพากันเดินออกจากห้องไปอย่างว่าง่าย

“เชิญนั่งสิ”

ผมสาวเท้าเดินเข้าไปหยุดยืนประจันหน้าคนตัวเล็กกว่า เวลานี้ผมจะใจเย็นนั่งสบายใจไม่ได้

“ลูกผมอยู่ไหน”

“ไม่ต้องห่วงพวกแกปลอดภัย”

“คุณต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไมกัน เด็ก ๆ ไม่รู้เรื่อง”

“ได้ข่าวว่าที่คุณอุ้มท้องให้พี่เพลิง เพราะต้องการเงินนี่ ผมเลยมีข้อเสนอ” หลังจากวันที่อัคนีแถลงเรื่องของยัยเด็กกชกร ซินก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ผมบอกเพื่อน ๆ ไปแล้วเรื่องงานแต่ง แต่ทว่าผมกลับอัคนีถูกหักหน้า จึงสั่งให้ลูกน้องตามสืบเรื่องของกชกร จนกระทั่งเจอสัญญาที่เขาและกชกรเคยเซ็นตกลงกันเรื่องลูก ในคอมพิวเตอร์ของเลขาคิม

ถ้าเขาต้องการเงิน ผมให้เขาได้มากกว่านั้น

“...?”

“รับเช็คนี่ไป แล้วพาลูกหนีไปซะ ไปให้ห่างจากพี่เพลิงของผม...”

















*อ้างอิงจากบทที่ 1




น้องซินนี่เอง~~~

ლ (ಠ益ಠლ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

เดี๋ยวจะรีบกลับมาแก้คำผิดนะครับ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |25|
«ตอบ #34 เมื่อ14-01-2022 01:54:02 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

25




หลังจากกชกรวางสายไป เขาก็ไม่ยอมรับสายผมอีกเลย ผมกดเข้าแอปฯ ติดตามตัวจากมือถือ ไม่นานสัญญาณก็แจ้งเตือนการเคลื่อนไหว เขากำลังเดินทางออกเดินทางจากคอนโดฯ

“ตาเพลิง แกฟังพ่อพูดอยู่หรือเปล่าฮะ!” พ่อว่าเสียงดัง เพราะผมเอาแต่สนใจมือถือ

“ตึกเอส…” สัญญาณจีพีเอสของกชกรหยุดที่บริษัทเอส

นั่นมันบริษัทของบ้านซินนี่...

“ทำไม แกจะไปหาน้องซินใช่ไหม ดีเลยฉันจะไปด้วย ไปขอโทษน้องแล้วก็แต่งงานกลับน้องซะ”

“ครับ เรารีบไปกันเถอะ” ว่าจบผมก็เดินนำหน้าพ่อออกมา ถ้าผมเดาไม่ผิด ซินคงโกรธมากที่ผมหักหน้าเขาด้วยการเปิดตัวกชกร เขาเลยเอาตัวลูกผมไป

ใครจะไปคิดว่าพายุลูกที่สองจะเป็นซิน ดูภายนอกเขาดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลย ผมมองกลับไปที่พ่อ แล้วหวนคิดว่าเขาจะมีส่วนรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า 

"พ่อ..."

"อะไรอีกล่ะ ไม่ไปหรือไง ฉันส่งข้อความหาพ่อหนูซินแล้วเดี๋ยวไปเจอกันที่นั่น"

"ดีเลยครับ" ผมว่า ถ้าพูดได้หน้าตาเฉยแบบนี้คงยังไม่รู้เรื่องสินะ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเริ่มออกรถไปยังตึกเอสทันที ใช้เวลาบนถนนไม่นานเราก็มาถึงบริษัทเอสพร้อมกับพ่อที่ขอตามมาด้วย พ่อของซินรอต้อนรับอยู่หน้าบริษัทอย่างเป็นกันเอง

ระหว่างรอให้พวกท่านคุยกัน ผมก็ลองเช็กสัญญาณจีพีเอสอีกครั้ง หน้าจอปักหมุดบอกว่ากชกรยังอยู่ที่นี่ ผมจึงชวนทุกคนขึ้นไปหาซินที่ห้องทันที

ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ ก็ขอให้มันจบที่วันนี้เลยแล้วกัน...



หน้าห้องทำงานของซินไม่มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ ผมจึงเปิดประตูเข้าไปอย่าถือวิสาสะ แต่ทว่าภาพตรงหน้าก็ทำผมตกใจ กชกรกำลังจิกผมซินเต็มไม้เต็มมือ เขากำลังถูกดึงกระชากจนหัวโยกไปมา...

“ปล่อยฉันนะ!”

“ตาหนูเพิ่งจะกินนม ฉันยังไม่ทันได้ลูบหลังเขาเลย แกกล้าดียังไงมาพาตัวเขาไปฮะนังบ้า!!!”

“บอกให้ปล่อยไงโวย!”

“ไม่!!! ถ้าตาหนูท้องอืดฉันเอาแกตายแน่!!!”

โอโฮ้...

ทุกคนยืนตาค้างกันไปเลย ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ นี่มันยอดมนุษย์เมียชัด ๆ กชกรน่ากลัวกว่าที่คิด

“กช..พอแล้ว” ผมเรียกคนตัวเล็กก่อนจะรีบเข้าไปอุ้มกชกรออกมา ไม่อย่างนั้นซินผมอาจจะร่วงหมดหัว

“พี่เพลิง ซินเจ็บ อยู่ดี ๆ มันก็เข้ามา” ซินเดินเข้ามาเกาะแขนอัคนี

“หน็อย แกยังกล้าพูดอีกเหรอ เอาลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้ แล้วก็ปล่อยมือออกจากสามีฉันด้วย!!!” กชกรพุ่งเข้าใส่ซินอีกหนจนผมต้องกอดเขาไว้ให้แน่นกว่าเดิม

“หยุด!” พ่ออัคนีที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่พูดขึ้นเสียงดัง ความวุ่นวายหยุดนิ่งทันที “นี่มันอะไรกัน”

“คุณพ่อ” ซินปล่อยแขนอัคนีแล้วปรี่เข้าไปหาพ่อผมทันที “ผมไม่รู้เรื่องนะ” ซินว่าตาใส

“ซินแกทำอะไร” หนนี้พ่อของซินพูดขึ้น

“คือผม...ปะ...เปล่านะครับ”

“คุณนิรุจน์ ผมผิดหวังนะไม่คิดเลยว่าหนูซินจะทำแบบนี้ เรื่องงานแต่งผมคงต้องกลับไปคิดดูอีกที” ว่าจบพ่ออัคนีก็เดินออกไปจากห้องทำงานทันที โดยไม่พูดอะไรอีก

“ซิน แกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พ่ออายจริง ๆ ที่มีลูกแบบแก ไม่ได้เรื่อง!!!” 

"เดี๋ยวสิพ่อ..." ซินตะโกนไล่หลังคนเป็นพ่อ แต่ทว่าเขาก็ไม่มีท่าที่ที่จะหันกลับมาสนใจ เมื่อคนเป็นพ่อไม่สนใจเขาจึงหันมาพูดกับอัคนีแทน “ซินเปล่านะพี่เพลิง”

“อย่าให้พี่ต้องพูดซ้ำ!”



ผมได้ตาหนูคืน และน้องซินก็ยอมสารภาพทุกอย่าง โกรธน้องมากแต่พอเห็นกชกรโกรธแล้ว ผมเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาดีกว่า ภาพที่เขาจิกหัวซินยังติดตาผมอยู่เลย ไม่อยากนึกถึงวันที่เราต้องทะเลาะกัน ผมคงตายคามือเขาแน่

"ตาหนูของผมหลับปุ๋ยไม่ร้องสักนิดเลยเก่งจัง" ผมว่า

ไม่รู้ว่าตอนถูกอุ้มมาอ้าแขนให้เขาเอามาง่าย ๆ หรือเปล่า งอแงให้รู้ว่ากลัวหน่อยก็ยังดี มันเก่งได้ใครเนี่ย

“คุณ ผมอยากไปหาพ่อคุณ” กชกรว่า

“ไว้วันหลังเถอะ เธอกับลูกกลับไปพักก่อน”

“นะครับ ผมขอ”

สุดท้ายผมก็ยอมพาเขากลับมายังบ้านตามที่เขาต้องการ ระหว่างทางตาหนูตื่นขึ้นมาตาใสแป๋ว ร้องอ้อแอเล่นกับกชกรตลอดทาง ใช้เวลาบนถนนไม่นานเราก็มาถึงบ้าน

“อ้อนคุณปู่หน่อยนะ คุณตาจะได้รักพวกหนู” กชกรคุยจบผมก็หิ้วคาร์ซีทออกมาจากรถ ผมไม่รู้หรอกว่ากชกรต้องการจะทำอะไรกันแน่

ผมพากชกรและลูกเข้ามาในบ้าน แล้วขึ้นไปตามพ่อที่ห้องด้วยตัวเอง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

“ผมเข้าไปนะครับ”

ไม่มีการตอบรับจากภายในห้อง ผมจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง พ่อกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิมที่ผมเคยเห็นตั้งแต่เด็ก เวลาผ่านไปนานมากแล้วจากวันนั้น แต่ท่านก็ยังคงเหมือนเดิม หรืออาจจะแก่ลงนิดหน่อย เพราะรอยเหี่ยวย่นที่ปรากฏบนใบหน้าที่เคยเรียบตึง

“พ่อครับ...กชกรอยากคุยกับพ่อนะ เขาให้ผมพามาเองเลย ช่วยลงไปคุยกับเธอหน่อยได้ไหม”

“พาเมียกับลูกแกกลับไปซะ ฉันจะไม่วุ่นวายเรื่องของพวกแกอีกแล้ว”

“ผมขอร้อง ผมไม่เคยขออะไรพ่อเลย แต่ครั้งนี้ผมขอได้ไหม”

พ่อพรูดลมหายใจออกทางปาก ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอีกตัวใหญ่แล้วเดินนำผมออกมา

เมื่อพ่อผมเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น กชกรที่นั่งอุ้มลูกอยู่ก็ลุกขึ้นทักทายทันที

"สวัสดีครับ"

“นั่งลงเถอะ”

“ขอบคุณครับ” กชกรตอบ

“เธอมีอะไรกับฉัน”

“ผมอยากมาขอโทษครับ” มุมปากของคนตัวเล็กกระตุกยิ้มบาง “ทั้งเรื่องที่เราทั้งสองไม่ยอมบอกเรื่องลูก แล้วก็เรื่องอื่น ๆ”

“...” สายตาของพ่อเหลือบมองเด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตัก

“คุณอยากลองอุ้มพวกเขาไหม” ว่าจบกชกรก็ให้ผมอุ้มตาสายลมส่งให้พ่ออุ้ม เขาชั่งใจเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะรับตาหนูไปนั่งบนตัก

กชกรอุ้มตาสายฝนไปนั่งข้าง ๆ อีกฝั่ง นี่คงเป็นที่มาของคำว่าอ้อนคุณตาสินะ ผมเข้าใจที่กชกรบอกลูกในรถแล้ว ผมเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของพ่อ ในตอนที่ตาหนูคว้านิ้วเขาไว้แน่น แล้วเริ่มบ่นอ้อแอ้ไม่เป็นประสา

“แอ้ แอะ แอ~”

“ว่าไง... ทำไมถึงได้เหมือนตาเพลิงขนาดนี้เนี่ย”

“แต่ตากับผมเขาเหมือนแม่” อัคนีว่า

พ่อเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ชื่ออะไรล่ะ”

“ตาหนูที่มีไฝที่หางคิ้วชื่อสายฝนครับ ส่วนคนนี้ชื่อสายลม” กชกรตอบอย่างยิ้ม ๆ

ไม่ว่าจะใครก็หลงใจอ่อนกับเด็กหมดสินะ เหมือนที่กชกรเองก็เป็น ถ้าไม่ได้ตาหนูช่วยไว้ เราก็อาจไม่ได้อยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้

“คุณอย่าบอกให้พวกเราเลิกกันเลยนะครับ” กชกรหาจังหวะพูดเรื่องของเรา “ผมรักคุณเพลิงจากใจจริง อย่าให้พวกเราต้องเลิกกันเลยนะ”

พ่อเงียบไปก่อนจะก้มหน้าเล่นกับตาหนูต่อ เสียงทุ้มพูดขึ้นเพียงสั้น ๆ

“เรียกพ่อเถอะ” กชกรฉีกยิ้มกว้างทันที เพราะนั้นถือว่าพ่อยอมรับในตัวกชกรแล้ว

เราอยู่ที่บ้านกันจนถึงช่วงค่ำ ตาหนูเล่นกับพ่อกันจนเหนื่อยและผล็อยหลับไป หลังจากทานอาหารเย็นเรียบร้อย ผมก็เตรียมตัวกลับมายังคอนโด พ่อออกมาส่งพวกเราขึ้นรถก่อนจะล่ำลาตาหนูที่หลับไปแล้ว

“นี่แล้วเจ้าทิกเกอร์เป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่พ่อเขาเสียไปก็ไม่เห็นมาที่บ้านเลย” พ่อถาม

ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ คงจะยุ่ง ๆ เพราะใกล้ววันงานแล้ว

“เห็นว่าจะเข้ามาหาพ่ออยู่นะครับ อาจจะเป็นพรุ่งนี้”

“อื้ม ๆ” พ่อตอบ ก่อนจะหันไปคุยกับกชกรต่อ “พาหลานมาหาพ่อบ่อย ๆ นะ”

“ได้ครับคุณพ่อ”

“หรือจะย้ายมาอยู่นี่ดีล่ะ เดี๋ยวพ่อให้คนมาออกแบบบ้านให้ ที่ใกล้ ๆ บ้านพ่อมีว่างอยู่ ตั้งใจจะเก็บไว้ให้ตาเพลิงทำเป็นเรือนห่อนั่นแหละ อยู่คอนโดฯ แคบจะตาย เด็กสมัยนี้โตเร็ว”

“ผมขอคุยกับเมียผมก่อน” หนนี้ผมตอบแทน ไม่อยากให้กชกรอึดอัด

“ตามใจยังไงก็บอกแล้วกัน ส่วนเรื่องหนูซินเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

“ครับ”

“ขับรถกลับดี ๆ ดูแลหลานกับลูกสะใภ้ฉันหน่อย ผอมหมดแล้วแบบนี้จะมีหลานให้พ่ออีกไหวไหมเนี่ย” กชกรกะพริบตาปริบ ๆ ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงจัดจนผมนึกอยากแกล้ง

ตั้งแต่ที่กลับมาจากเกาะเราก็ยังไม่ได้นอนด้วยกันอีกเลย

“พูดแบบนี้เอาแฝดอีกสักคู่ดีไหมครับพ่อ”

กชกรหันขวับก่อนจะเอาศอกกระทุ้งแขนผมเบา ๆ แล้วฉีกยิ้มกว้าง “ดึกแล้วพวกเรากลับก่อนนะครับ” กชกรว่าพลางยกมือขึ้นไหว้

“ขับรถกลับกันดี ๆ ล่ะ” อัคนีพยักหน้ารับ แล้วออกเดินทางกลับทันที



วันนี้ผมเป็นคนส่งตาหนูเข้านอนที่ห้องอัคนี ก่อนกลับออกมาอัคนีก็รั้งมือผมไว้เพื่อขอคุยต่ออีกหน่อย 

"อย่าทำเหมือนวันนี้อีกนะ ฉันใจหายหมด" 

"...?"

"ถ้าเธอกับตาหนูเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด" แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

"ผมขอโทษครับ ผมเป็นห่วงลูก" 

"อย่าทำอีกนะ..." สิ้นสุดประโยคผมก็กอดอัคนีเอาไว้ ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่ตอนนั้นผมเองก็ผิดที่บุกไปโดยไม่รอเขา “เธออยากย้ายไปอยู่กับพ่อไหม” อัคนีถาม

“ผมอยากให้ตาหนูโตกว่านี้ก่อน ตอนนั้นเขาคงอยากได้พื้นที่วิ่งเล่น”

“งั้นรอพวกเขาโตกว่านี้ก็ได้”

“ครับ” ผมว่างพลางฉีกยิ้ม ก่อนจะถูกดึงให้ทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียงพร้อมกัน “นี่ ๆ ไม่มีเรื่องจะคุยแล้วก็ปล่อยผมเถอะ ง่วงจะตายแล้ว”

“มีอีกเรื่อง”

“...”

“พ่ออยากได้หลานเพิ่มนี่นะ เราจะไม่ทำเพิ่มเอาใจพ่อผมหน่อยเหรอ”

“ไหนคุณบอกว่าจะไม่ทำมากกว่าจูบไง”

“ให้ตายเถอะ เธอเก่งเกินไปแล้ว จูบกันขนาดนั้นทนได้ยังไง” อัคนีบ่นอุบ

“เพราะคุณมันหื่นยังไงล่ะ ถึงเอาแต่คิดเรื่องอย่างว่า” ผมพูดจบอัคนีก็กลั้วหัวเราะในลำคอออกมา

“มาถึงขนาดนี้แล้วนะ เธอไม่สงสารฉันเหรอ”

“ไม่นะคุณสมควรโดนแล้ว”

“โอเค ๆ ฉันยอมเธอแล้ว แต่ว่าวันนี้นอนด้วยกันเถอะนะ ฉันนอนกับลูกทุกวัน อยากกอดเธอจะแย่” 

เป็นแบบนี้แล้วผมจะปฏิเสธเขาได้ยังไงล่ะ

“ครับ”



ปกติผมจะถูกปลุกด้วยเสียงของลูก แต่ทว่าวันนี้ผมถูกปลุกด้วยเสียงเหมือนมีคนกำลังเจาะอะไรอยู่ด้านนอก คนที่นอนด้วยกันตลอดทั้งคืนก็ไม่อยู่แล้ว มีเพียงกองผ้าของผมที่กองอยู่ในห้องอัคนี

ผมเดินออกมาก่อนจะพบว่ามีช่างเดินเข้าออกในห้องนอนของผมอยู่เป็นจำนวนมาก และมีอัคนียืนคุม

“คุณทำอะไรห้องผม”

“มันไม่ใช่ห้องคุณแล้ว เพราะต่อจากนี้เธอต้องมานอนห้องฉัน”

“...”

“ฉันทำห้องนี้ให้ลูก” ผมพยักหน้ารับ ถ้าจะบอกว่าไม่ยอมเห็นทีคงจะไม่ได้ ก็เล่นรื้อทั้งห้องขนาดนั้นแล้วนี่นะ

“แล้วลูกล่ะ” ผมว่า

“อยู่กับทิกเกอร์”

“ที่หลังบอกผมก็ได้ เดี๋ยวผมกับลูกไปอยู่บ้านเฮียไม่ก็บ้านพ่อคุณก่อน” ผมว่าไปตามจริง

“ไม่เป็นไร ถือว่าซ้อม”

“...?” ซ้อมอะไรของเขาวะ ผมไม่ได้ถามต่อปล่อยให้เขาคุ้มงาน ส่วนผมก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่

ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ถูกเปิดออกกว้าง ในนั้นมีเสื้อผ้าของอัคนีแขวนอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นเปลือกไม้หอมอ่อน ๆ ลอยขึ้นมาแตะจมูก จะว่าไปเมื่อคืนผมหลับสนิทมากเลย

แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกหยิบขึ้นออกมาจากตู้ กชกรมองมันก่อนจะฉีกยิ้มแล้วดมเอากลิ่นหอมจากเสื้อเข้าไปเต็มปอด

“นี่ถ้าคุณยังไม่หยุดเอาเสื้อของผมมาทำแบบนี้ ผมคงห้ามใจไม่ให้ทำอะไรคุณไม่ได้แน่”

“เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” ผมตกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็ถูกเขายืนมองจากหน้าประตูห้อง เสียงจากด้านนอกดังจนผมไม่ได้ยินเลยว่าอัคนีเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

“ก็ตั้งแต่ที่คุณยืนดมเสื้อผมนั่นแหละ”

“...ผมก็แค่ดมดูว่าสะอาดหรือเปล่า”

อัคนีสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะสวมกอดกชกรจากด้านหลัง เขารู้ว่านั้นเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ปลายจมูกกดลงที่หัวคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา เขาชอบกลิ่นของกชกรที่สุด บางครั้งมันก็ทำให้เขามีอารมณ์ บางครั้งเขาก็รู้สึกสงบ

“ดอกโบตั๋น”

“หืม?”

“กลิ่นฟีโรโมนเธอน่ะ”

“จริงเหรอครับ...” กชกรก้มหน้างุดต่ำลง พ่อเคยเล่าว่าเขาตกหลุมรักแม่เพราะได้กลิ่นดอกบัว ผมจึงได้ชื่อกชกร “แม่ผมชื่อโบตั๋น... ท่านเสียไปนานแล้ว ผมเลยสักรูปดอกโบตั๋นไว้กลางหลัง”

“จริงสิ ฉันเคยสงสัยอยู่เหมือนกัน”

“แล้วทำไมหน้าอกคุณถึงสักรูปดอกโบตั๋นล่ะ แฟนเหรอ”

“อืม...ก็ไม่เชิง” อัคนีพาตัวเองย้อนกลับไปวันแรกอีกครั้ง “มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กลิ่นของโอเมก้า กลิ่นหอมหวาน แต่บางเบา”

“เชอะ จะบอกว่ากลิ่นเดียวกับผมว่างั้น”

“ก็อาจจะใช่ แต่กลิ่นของเธอเข้มข้นกว่า ตั้งแต่วันนั้นฉันก็เกลียดโอเมก้า เพราะมันกลายเป็นว่ากลิ่นของคนอื่นทำให้ฉันปวดหัว”

ผมไม่รู้ว่าจะดีใจดีไหมที่ผมไปกลิ่นเหมือนกับคนคนนั้น หรือเพราะแบบนี้เขาถึงรักผมหรือเปล่า ทำไมรู้สึกหึงแฮะ

“นี่...ตอนผมฮีทครั้งแรก ผมก็ได้กลิ่นเปลือกไม้ กลิ่นคล้ายกับคุณเหมือนกัน” ผมพูดขึ้น เพราะต้องการให้เขาหึงบ้าง

“พูดแบบนี้ฉันหึงนะ”

“หึงอะไรกันเล่า แค่บังเอิญน่ะ ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ แค่เดินผ่านกันก็เท่านั้น”

“จริงสิ ฉันเองก็ไม่เคยเจอหน้าเจ้าของกลิ่นเหมือนกัน”

“...”

“...”

จู่ ๆ ความเงียบก็เข้าปกคลุมเราทั้งสองคน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ช่างทำห้องหยุดทำเช่นกัน

ผมหันหน้ากลับไปมองอัคนีก่อนจะเกิดความคิดประหลาดขึ้นในหัว จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะเคยเจอกันมาก่อน ที่เขาได้กลิ่นมันคือผม ส่วนที่ผมได้กลิ่นคือเขา

“คุณว่ามันจะเป็นไปได้ไหม...”

“ฉันไม่แน่ใจ ตอนนั้นเธอได้กลิ่นที่ไหน”

“โรงเรียนxxx วันนั้นผมมีเรื่องกับเพื่อนในห้อง สิงห์เป็นคนเข้ามาช่วยผมเอาไว้แล้วพาผมกลับบ้าน ระหว่างทางเดินผมก็ได้กลิ่น...” อัคนีฉีกยิ้มกว้างตอนที่ผมกำลังเล่าเรื่องราวในอดีต “ตอนนั้นจู่ ๆ ผมก็เกิดครั่นเนื้อครั่นตัวแปลก ๆ เลยให้สิงห์พาเข้าไปนั่งพักที่ห้องเก็บของใกล้ ๆ...”

“...” เขาเอาแต่ยืนจ้องหน้าผมนิ่งไม่ยอมพูด

“คุณอย่าเงียบแบบนี้สิ” อัคนีดึงกชกรเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “คุณเป็นอะไรเนี่ย” ผมกอดตอบก่อนจะลูบแผ่นหลังเขาอย่างแผ่วเบา

“เธอปล่อยให้ฉันวิ่งตามหาอยู่นานเลยนะ วันนี้ฉันจับเธอได้แล้ว...”

“...”

มันคือเรื่องจริงใช่ไหม คนคนนั้นคืออัคนีใช่หรือเปล่า

“วันนี้ฉันจับเธอได้แล้ว อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกนะ”

“เป็นคุณจริง ๆ เหรอ”

“ฉัน...” อัคนีเริ่มต้อนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง โรงเรียนที่ผมกับสิงห์เรียนอยู่เป็นโรงเรียนในการดูแลของครอบครัวทิกเกอร์ ช่วงที่มหา’ลัยไม่มีเรียนเขามักจะชวนอัคนีออกมาที่โรงเรียนบ่อย ๆ เพื่อมาหาแฟน

ครั้งแรกที่เขาได้กลิ่นคือวันที่ทิกเกอร์เดินสวนผมกับสิงห์อยู่ แต่ทว่าอัคนีเองไม่ได้สนใจมองอะไรนอกจากทางเดินกับสนามของโรงเรียน ในจังหวะที่เขาได้กลิ่นฟีโรโมนลอยมาแตะจมูก เขารีบหันกลับไปมอง แต่ผมก็หายไปจากม่านสายตาของเขาเสียแล้ว

อัคนีออกตามหาอยู่พักใหญ่ เพราะร่างกายถูกกระตุ้น แต่ก็หาไม่เจอ ถ้ามันถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนั้น ผมจะบอกว่าอัคนีเป็นคู่แห่งโชคชะตาได้หรือเปล่านะ...



ช่วงเย็นห้องตาหนูก็เสร็จเรียบร้อย ไม่นานสิงห์กับทิกเกอร์ก็พาเด็ก ๆ กลับมา อัคนีจึงอาสาพาพวกเขาเข้านอนเองโดยให้ผมอยู่คุยกับทั้งสอง

“ไม่ได้เจอกันนานเลยคิดถึงจัง” ผมว่า

“คิดถึงเหมือนกัน ที่มาเนี่ยไม่ได้แค่เอาหลานไปเลี้ยงนะ”

“...” ผมมองทั้งคู่จ้องหน้ากันแล้วฉีกยิ้ม ทำอย่างกับพวกที่กำลังจะแต่งงานอย่างนั้นแหละ

ทิกเกอร์ยื่นซองสีครีมส่งมา ผมก็รับเอาไว้

ซองผ้าป่าเปล่าเนี่ย...

ผมคลี่เปิดอ่านอย่างช้า ๆ ก่อนจะเห็นว่าเดือนหน้าเขาทั้งสองจะแต่งงานกัน เซ้นต์ผมดีเกินไปไหมอะ

“ยินดีด้วยมึง ทำไมแต่งงานเพิ่งมาบอกอะเสียใจนะเนี่ย”

“ยุ่ง ๆ เรื่องเตรียมงาน ช่วงนี้แพ้ท้องหนักด้วย”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” ผมพยักหน้ารับก่อนจะทวนประโยคเดิมซ้ำ ๆ “ฮะ!!! เดี๋ยว ๆ มึงจะท้องได้ไง มึงเป็น...”

“เบต้า...”

“ก็ใช่ไง มึงเป็นเบต้านี่”

“กูเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน แม่เห็นว่ากูเป็นผู้ชาย ยังไงก็เป็นเบต้าแน่ ๆ เลยไม่ได้บอกว่าตัวเองมี*ชนชั้นแฝง”

“...” พูดไม่ออก ความรู้สึกมันมั่วไปหมด ดีใจที่มันกำลังจะแต่งงาน แต่ก็ตกใจที่มันท้อง นี่คงเป็นสาเหตุที่เราสองคนเข้าใจความรู้สึกของกันและกันดีสินะ น่าตลกจัง คนบกพร่องทั้งสองคนบังเอิญมาเจอกัน แล้วก็เป็นเพื่อนกัน

“กี่เดือนแล้ว”

“สองแล้ว”

“จับได้ไหม” ผมขออนุญาตก่อนมันจะพยักหน้ารับ ผมจึงเอามือทาบลงที่หน้าท้องของสิงห์ “หลานน้าเป็นเด็กดีนะ”

“ดองกันไว้สักคนไหม” ทิกเกอร์ว่า

“ฮ่า ๆ ยุคนี่เขาไม่คลุมถุงชนกันแล้วนะคุณทิกเกอร์” ยกเว้นพ่อของอัคนี “เอาไว้ถึงตอนนั้นเขาจะชอบกันผมก็ไม่ห้าม”

สิงห์ฉีกยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ผมเองไม่ได้เห็นบ่อยนัก

“คุณทิกเกอร์...” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเขารักเพื่อนผม แต่ผมก็อยากย้ำเขาอีกครั้ง เรื่องของทิกเกอร์ที่ผมได้ฟังจากสิงห์มันก็ไม่ได้น่ารักเท่าไหร่นักหรอก “รักเพื่อนผมมาก ๆ นะ สิงห์ควรเป็นคนที่มีความสุขที่สุด”

“อืม ด้วยชีวิต...”

ตั้งแต่ที่ชีวิตผมรู้จักคนชื่ออัคนี ไม่มีวันไหนเลยที่มันจะธรรมดา ผมเจอเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต ทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ทั้งหมด และมันมักจะปิดท้ายด้วยความสุขเสมอ...





*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |26|
«ตอบ #35 เมื่อ14-01-2022 01:55:13 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

26



ผมกับสิงห์ช่วยกันทำซุ้มดอกกุหลาบสีขาว เสียบวางสลับกับดอกยิปโซสีชมพูอ่อน ผ้าตาข่ายบางถูกมัดลงมาห้อยระโยงสวยงามกับเสาทั้งสี่ต้น ริบบิ้นสีฟ้าอ่อนพันพลิ้วกับสายลมริมทะเล

ทิกเกอร์กับเพลิงก็กำลังง่วนอยู่กับการจัดวางเก้าอี้ไม้ เพื่อใช้สำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้

“สิงห์ ถามจริงไม่จ้างพวกออแกไนซ์วะ ทำไมต้องทำเอง” ผมว่า

“งานเล็กแค่นี้ ทำเองก็ได้ อีกอย่างโรแมนติกออก” สิงห์ว่ายิ้ม ๆ “แล้วมึงไม่อยากแต่งงานบ้างเหรอ”

จะว่าไปผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยแฮะ อัคนีเองก็เคยพูดเรื่องแต่งงานอยู่หนหนึ่งแต่ผมก็เลือกปฏิเสธไป

“ไม่รู้สิ คงรอเด็ก ๆ โตกว่านี้”

“...?” สิงห์เอียงคอมองด้วยความสงสัย

“กูอยากให้ในงานแต่งมีลูกยืนอยู่ด้วยข้าง ๆ อยากให้รูปถ่ายวันนั้นมีพวกเขายืนอยู่ด้วย” ผมว่าออกไปตามที่ตัวเองคิด

“พูดซะกูอยากยกเลิกงานแต่งเลย”

“ฮ่า ๆ กูนั่งทำซุ้มดอกไม้ให้มึงเป็นชั่วโมง ก็ลองยกเลิกสิ!”

“มึงจะรังแกคนท้องเหรอ”

ผมเบะปากมองบนก่อนเราสองคนจะหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี มาถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ชินกับเรื่องที่สิงห์ท้องเลย ชีวิตมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ได้ตลอดเสมอ ไม่ว่าจะทั้งดีและร้าย เราเองก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์...



ตอนเด็ก ๆ เราเคยนอนคุยกันว่าสักวันหนึ่งถ้าได้แต่งงานสิงห์อยากให้ทุกอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องตกแต่งด้วยหลอดไฟสีสันสวยงาม มีเพียงแค่แสงสีส้มจากด้วยอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาเป็นฉากหลัง

ซุ้มดอกไม้สีขาว กับลมทะเลที่พัดมาเอื่อย ๆ แขกที่มาร่วมงานมีเพียงคนในครอบครัว และเพื่อนสนิทเท่านั้น วันนี้ผมได้เห็นสิ่งที่สิงห์คิดเอาไว้ทั้งหมดด้วยตาของตัวเอง มันสวยกว่าในจินตนาการเสียอีก

“รับครับ...” สิ้นสุดประโยคเขาทั้งคู่ก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะประกบริมฝีปากเข้าด้วยกัน ทุกคนที่ร่วมงานต่างก็ปรบมือร่วมยินดีไปกับทั้งสอง

“เธอไม่อยากมีแบบนี้บ้างเหรอ” อัคนีว่า

“เงียบ ๆ นา” กชกรกระซิบผ่านไรฟัน



ผมมองทิกเกอร์ในชุดทักซิโด้สีขาวแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ ผมเคยขอกชกรแต่งงานแล้ว แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว

คิดแล้วก็ตาร้อนผ่าว!

“ผมเอาลูกเข้านอนก่อนนะคุณ”

“ฝันดีนะตาหนู” ว่าจบผมก็โน้มตัวลงกดจูบสายฝนที่พวงแก้มใส แต่ยังไม่ทันได้หันไปหาสายลมเขาก็ผินหน้าหนีก่อนจะเอามือดันหน้าผมให้ออกห่าง

“ไม่ ไม่ ไม่”

“พูดไม่ชัดกว่าเรียกป๊าอีก” ทิกเกอร์เอ่ยแซว

“น้อยใจชะมัด...”

ผมหันมองกชกรเดินอุ้มลูกกลับไปนอน ก่อนจะหันกลับมาพูดคุยกันที่โต๊ะอาหารตามเดิม หลังเสร็จพิธีพ่อของผมก็ขอตัวกลับเลย ในงานจึงเหลือแค่พ่อแม่ของสิงห์ และเพื่อนที่สนิทจริง ๆ อีกไม่กี่คน

“คิดไว้หรือยังว่าจะไปฮันนีมูนที่ไหน” ผมถาม

“ยังไม่ได้คิดวะ ช่วงนี้เมียกูยังแพ้ท้องอยู่”

“แล้วมึงอะไอ้เพลิง ไม่อยากแต่งงานบ้างเหรอวะ มึงดูไอ้เกอร์ดิรู้ว่าเมียท้องก็แต่งเลย นี่มึงจะรอลูกบวชก่อนหรือไง” ลูคัสว่า

“เสือกนา” เปิดประเด็นมาก็จี้ใจผมเลย หัวผมเริ่มร้อนผ่าว

“เออนั้นดิทำไมไม่แต่งวะ ก่อนหน้านี้ก็พอเข้าใจ แต่ตอนนี้ก็รักกันนี่” หนนี้ทิกเกอร์ถาม

“อยากรู้อะไรขนาดนั้น” ผมว่าก่อนจะยกเครื่องดื่มในมือหมดรวดเดียว พวกมันก็จ้องเขม็งตาไม่กะพริบ ทำไมชอบกดดันกันด้วยวิธีนี้วะ “เออ ๆ เมียกูยังไม่อยากแต่งเองแหละ”

“เหยด กชแม่งเจ๋งว่ะ ทำเพื่อนกูหงอได้ขนาดนี้”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ รั้งเนกไทลงเพื่อระบายความร้อน

“แบบนี้ไงกูถึงไม่ยอมมีเมีย ทิกเกอร์มึงดูไอ้เพลิงไว้ อนาคตไม่ต่างกันนักหรอก”

“ปากดี อย่างกูไม่มีทางเว้ย ใครจะมาเหนือกว่าอัลฟ่าได้วะ” นั่นสิ ทิกเกอร์พูดถูก นี่ผมทิ้งความเป็นอัลฟ่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ “แล้วนี่มึงเป็นอะไร ร้อนเหรอวะทำไมเหงื่อออกขนาดนี้”

“เหมือนจะเวียนหัวเลยวะ” ผมรู้สึกร้อนมาสักพัก แต่ก็คิดว่าจะเป็นเพราะเครื่องดื่ม

“แค่ได้ยินชื่อเมียถึงกับหน้ามืดเลยเหรอ” ลูคัสว่าเอินหยอก

“ไอ้ลูคัสมึงเงียบก่อน” ทิกเกอร์หันไปแหวใส่ก่อนจะหันกลับมาคุยกับผมต่อ “ไอ้เพลิงมึงกินยามาหรือเปล่า”

ยา...?!

“เหี้ย...ลืมวะ” เมื่อเช้าเลขาวางยาต้านรัทเอาไว้ที่โต๊ะทำงาน ตาหนูงอแงแต่เช้าจนผมลืมเรื่องยาไปสนิทเลย

“ไอ้ลูคัส มึงเอายาต้านรัทติดมาบ้างไหม”

“ใครจะพกของแบบนี้มางานแต่งวะกูถามจริง”

“เอาไงดีว่ะ” ผมหันไปถามทิกเกอร์

“กูว่ามึงไปอยู่กับกชก่อน เดี๋ยวพวกกูออกไปซื้อยาให้” ในเกาะนี้ส่วนมากมีแต่เบต้า ถ้าจะออกไปร้านขายยาต้องนั่งเรือออกไปเป็นชั่วโมง ผมคงทนไม่ได้แน่

“เสียงดังไรกันอะ” สิงห์เดินเข้ามาในมือมีของของกินเพียบ ปากก็เคี้ยวไม่หยุด

อัคนีคว้าแขนทิกเกอร์และสิงห์ออกมาจากโต๊ะอาหาร ก่อนจะบอกให้ทั้งสองช่วยเข้าไปเอาตาหนูมาอยู่ด้วยก่อนสักพัก



กชกรส่งตาหนูเข้ากินนมเข้านอนเรียบร้อย จึงสวมหยิบชุดคลุมแล้วเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองบ้าง ขณะที่อยู่ในห้องน้ำ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ทิกเกอร์กับสิงห์เข้ามาอุ้มตาหนูของเขาออกไปแล้วเรียบร้อย เหลือเพียงอัลฟ่าตัวใหญ่ที่กำลังรออยู่

ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ไม่นานประตูก็เปิดออก แต่ทว่าเขาก็ต้องตกใจเมื่อกลิ่นฟีโรโมนของอัคนีลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ในห้องว่างเปล่าผมสาวเท้าออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ไกลนัก ผมก็ถูกอัคนีกอดเอาไว้จากทางด้านหลัง

“คุณเป็นอะไร” ผมถาม เพราะใบหน้าอัคนีขึ้นสีแดงระเรื่อ เหงื่อเม็ดโตผุดซึมออกมาตามกรอบหน้าเปียกชุ่ม

“...กช” เสียงลมหายใจหนักดังลอดออกมา ทำไมผมถึงรู้สึกแปลก จู่ ๆ แขนขามันก็ไม่มีแรง เหมือนกำลังจะลอยยังไงก็ไม่รู้

“คุณ...อื้อ..เดียวสิแล้วลูก...” ปลายจมูกซุกซนซบลงกับซอกคอขาว สูดดมเอากลิ่นหอมเย้ายวนเข้าเต็มปอด กลิ่นครีมอาบน้ำที่ว่าหอมก็ยังไม่เข้มชัดเท่ากลิ่นดอกโบตั๋นที่กชกรปล่อยออกมา

“อยู่กับสิงห์แล้ว”

“คุณ...อุ๊บ!” อัคนีประกบริมฝีปากลงมาก่อนจะอุ้มกชกรไปที่เตียง “อื้อ...อ”

สายชุดคลุมอาบน้ำถูกรูดรั้งออกอย่างช้า ๆ ดวงตาอัคนีมองคนตัวเล็กหวานฉ่ำจนคนถูกมองรู้สึกเขิน

“...คุณไม่ถอดชุดเหรอ”

“ถอดให้หน่อยสิ”

กชกรชันตัวลุกขึ้นนั่ง ฝ่ามือเล็กติดสั่นค่อย ๆ ปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า เขานั่งบิดไปบิดมา เพราะช่องทางหลังเปียกชื้นจนรู้สึกเหนอะไปหมด

เสื้อตัวใหญ่ถูกถอดออกไปกองที่พื้น อัคนีเริ่มปลดเข็มขัดแล้วถอดกางเกงออกจนเห็น...

“ด...เดี๋ยว” ผมกระถดตัวถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ “ท...ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้” 

“เพราะฉันรัทอยู่น่ะสิ” สวมถุงยางอนามัยเสร็จสรรพ ฝ่ามือหนาก็คว้าเอาข้อเท้าที่ยันหน้าอกเขาไว้ขึ้น

"คุณเดี๋ยวสิ เดี๋ยวผมออกไปหายาให้ตั้งสติก่อน" เขาไม่ฟังเสียงทัดทานใด ๆ อีกต่อไป ตอนนี้เขารู้แค่เพียงต้องการกชกรเท่านั้น 

ลิ้นร้อนโลมเลียฝ่าเท้าคนตัวเล็กก่อนจะออกแรงกระตุกให้กลับมานอนอยู่ท่าเดิม

“ถ้าคุณใส่มันเข้ามา ผมเอาคุณตายแน่!!!!” แน่นอนว่าคำขู่ของเขาไม่เป็นผล

“กช...ฉันไม่ไหวแล้ว” อัคนีกระซิบเสียงหวานแผ่วเบา ดวงตาที่เคยอ่อนโยนได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อัลฟ่าแข็งแกร่งประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาจูบคนในอ้อมกอดอีกครั้ง

“อือ...จ...เจ็บ” กชกรว่าพลางปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา เขายังไม่เคยมีอะไรกับอัคนีตอนที่รัทเลยสักครั้ง เพราะปกติเขากินยาตรงตลอดนี่ “อ๊ะ...ผ...ผม จ...” เสียงขาดห้วงไป เจ็บจนแทบไม่มีแรงจะพูดอยู่แล้ว

“ฉันขอโทษ” อัคนีพูดคำว่าขอโทษซ้ำอยู่อย่านั้น แต่ก็ยังไม่หยุดขยับมันเข้ามา เขารู้ดีว่าคนตัวเล็กจะเจ็บแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจห้ามสัญชาตญาณของตัวเองได้

แก่นกายดันเข้าไปจนสุดความยาวแล้วเขาจึงชันตัวขึ้น ค่อย ๆ ขยับออกแล้วดันกลับเข้าไปด้วยแรงเท่าเดิม กชกรครางเสียงสั่นบิดเร่าอยู่บนเตียง ช่องทางหลังอึดอัดขับแน่นไปหมด ฝ่ามือเล็กทั้งจิก ทั้งกำเพื่อระบายอารมณ์ออกมา แต่ควาเจ็บก็ไม่ลดลงแม้แต่นอย

ฝ่ามือหนาเคลื่อนตัวลูบไล้ผิวเนียนร้อนผ่าวไปด้วยแรงอารมณ์ เขาพรูดลมหายใจหนักออกมาตามจังหวะหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง

“อือ...อะ!” เสียงครางในลำคอปะปนไปด้วยความรู้สึกเจ็บ และวูบหวิวในช่องท้อง

เมื่อช่วงล่างเริ่มขยับรับปรับตัวให้เข้ากับขนาดของอัลฟ่า เขาก็เริ่มครางออกมาไม่เป็นประสา อัคนีเร่งจังหวะเร็วแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังหยาบโลนไปทั้งห้อง กลิ่นฟีโรโมนของเราผสานกันเร้าอารมณ์ให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก

อัคนีซุกหน้าลงมาที่ซอกคอขาว ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดกระทบผิวเนื้อจนขนอ่อนตามตัวกชกรลุกชัน ริมฝีปากจูบซับสำรวจสัดส่วนของร่างกายจนทั่วทุกซอกทุกมุม

“อึก! อ๊า!!!” กชกรสะดุ้งเฮือก ร่างเล็กเกร็งสั่นสะท้านเมื่อถูกอัลฟ่าฝังคมฟันลงที่หลังคอซ้ำกับรอยเก่า

แก่นกายที่ฝังตัวอยู่ด้านในขยายใหญ่จนรู้สึกชาหนึบไปทั้งตัว “เจ็บ ผมเจ็บ”

“กชกร อื่ม...” เสียงแหบพร่าเรียกชื่อคนรักซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นนับครั้งไม่ถ้วน เขารู้สึกว่ายิ่งทำนานเท่าไหร่ยังไงก็ยังรู้สึกไม่พอ

เขารอจนกระทั่งร่างกายคลายนอตออก แล้วทิ้งตัวลงนอนช้อนหลังดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้

“กชกร ฉันต้องการเธอ” อัคนีพรมจูบหลังคอขาวที่มีรอยฟันกัดย้ำซ้ำ ๆ จนเป็นร่องลึก ริมฝีปากบรรจงจูบอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นสอดประสานตวัดพันเกี่ยวกันภายในช่องปาก หากกลืนกินคนตัวเล็กเข้าไปได้เขาคงทำแล้ว

แท่งเนื้อร้อนรักยังคงแข็งชันบดเบียดกับช่องทางหลังไปมา เขายังรู้สึกต้องการ และต้องการมากกว่านี้

“แฮ่ก แฮ่ก อื่ม...ผ...ผมไม่ไหวแล้ว” สิ้นสุดประโยคอัคนีก็ขยับสะโพกต่ำลงเพื่อดันมันกลับเข้าไปในช่องทางที่เพิ่งออกมา

“อีกนิดนะคนดี”

“รอบที่แล้วคุณก็พูดแบบนี้ อ๊ะ!” แก่นกายเล็กปล่อยน้ำสีขาวพุ่งพรวดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันถูกปลดปล่อยทันทีที่ท่อนเนื้อร้อนดันเข้าไปจนสุด นั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่างกายเขาถึงปลายทาง แต่มันมากจนเขาเลิกนับไปแล้ว ร่างกายเริ่มอ่อนล้าเต็มที ไม่รู้ว่าอัคนีจะหยุดตอนไหน

เอวสอบกระแทกกระทั้นขยับเข้ามาจนลึกสุดโคน ทั้งที่เขาเพิ่งจะนอตไปแล้วหนหนึ่งแต่กลับไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนลงเสียเลย ต่างกับผมที่ได้แต่นอนครางอื้ออาในลำคอ เรามีเซ็กซ์กันนับครั้งไม่ถ้วนในคืนนี้

เป็นความสุขสมที่ยากเกินบรรยายเสียจริง มันทั้งรู้สึกดี และรู้สึกทรมานไปพร้อม ๆ กัน

“ผมไม่ไหวแล้ว หยุด...ด อึก!”

“อื่มม ซี๊ดดด อา!!!” ผมได้ยินเสียงอัคนีครางต่ำพร้อมกับดันแก่นกายเข้ามาเต็มแรง สิ้นสุดเสียงเพียงไม่นานกชกรก็จิกหมอนที่นอนหนุนอยู่แน่นขึ้น น้ำตาที่แห้งเหือดก็พลันไหลพรากลงมาอีกหน

“ฉันขอโทษ เจ็บใช่ไหม”

“...” กชกรทำได้เพียงพยักหน้าหงัก ๆ เพราะแทบไม่เหลือแรงจะโต้ตอบอีกแล้ว เขาถูกอัคนีนอตใส่เป็นหนที่สอง

ครั้งเดียวเขาก็เจ็บจนชาไปทั้งตัวแล้ว พอโดนครั้งที่สองร่างกายก็แทบกระดิกไม่ไหว

“ไม่...ไหวแล้ว” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกไปก่อนภาพทุกอย่างจะดับวูบเป็นสีดำ



อัคนีนอนกอดคนตัวเล็กไว้แน่น พระอาทิตย์ฉายแสงลอดเข้ามาจนเห็นทุกอย่างชัดเจน เกลียวคลื่นยามเช้ากระทบชายฝั่งดังกลบเสียงลมหายใจของคนตัวเล็กที่หลับสนิท

ตอนนี้ผมต้องการยา ขืนยังปล่อยไว้แบบนี้กชกรต้องแย่แน่ ๆ ดูสภาพเขาตอนนี้สิ หลับไปทั้งที่ยังติดนอตอยู่ด้วยซ้ำ “ฉันขอโทษนะ” ว่าจบอัคนีก็จูบซับน้ำตารสเค็มปร่าผ่านแพขนตาเปียกชื้น เปลือกตาทั้งสองข้าง บวมแดงไปหมด เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้

ผมรอจนนอตคลายออก แล้วจึงโทรหาทิกเกอร์เพื่อสอบถามเรื่องยาต้านรัท เขาฝากมันเอาไว้กับพนักงาน ผมจึงรีบโทรไปที่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่นานนักพนักงานก็รีบนำยามาให้ที่ห้อง เมื่อยาอยู่ในมือผมก็จัดการกลืนมันลงคอทันที

ผมใช้ผ้าชุบกับน้ำอุ่นบิดหมาดเช็ดทำความสะอาดตัวให้กชกร ผิวเนื้อเขาร้อนผ่าวราวกับคนมีไข้จนผมรู้สึกกังวล ปกติแล้วหากผมลืมกินยา หรือมีอาการรัทผมมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว เพราะกลัวว่าจะคุมตัวเองไม่อยู่ และมันก็จริงอย่างที่ผมคิด

ผมปล่อยให้กชกรนอนพักก่อนจะออกไปรับตาหนูที่ห้องทิกเกอร์ เคาะห้องไม่นานมันก็เดินออกมาพร้อมกับอุ้มตาหนูไว้

“มึงได้นอนหรือเปล่าเนี่ยทำไมสภาพเป็นแบบนี้วะ” ผมถาม เพราะสภาพทิกเกอร์แย่มาก ยิ่งมองก็ยิ่งเวทนา

“เออเอาลูกมึงไป เล่นซะกูไม่ได้นอนทั้งคืน”

อัคนีหัวเราะร่วน เพราะเขารู้ดีว่าลูกเขาจะนอนตอนไหนและตื่นตอนไหน แรก ๆ สภาพเขาก็ไม่ต่างกันนักหรอก

“หัดเอาไว้ ช่วงเดือนสองเดือนแรกหนักกว่านี้อีก” ทิกเกอร์หน้าซีดเผือดทันทีที่ได้ยินคำขู่ของอัคนี

“เออ รีบไปเลย กูขอนอนสักห้านาทีก็ยังดี ไม่รู้คืนแต่งงานกู หรือคืนแต่งงานมึงเนี่ย”

ทิกเกอร์บ่นอุบอิบเดินเกาหัวแกรก ๆ กลับเข้าห้อง ผมยังไม่ทันเอ่ยขอบคุณประตูห้องก็ถูกปิดลง

เอาไว้ผมหาที่ฮันนีมูนให้มันแทนก็แล้วกัน...

“ดา ดา แอ” สายฝนพูดเก่งบ่นไม่เป็นประสาตลอดทาง ส่วนสายลมเขาพูดน้อย แต่ชอบยิ้ม ชอบหัวเราะเสียงดัง 

“ป่าป๊า...ครับลูก เรียกใหม่ซิ”

“ดา ดา” โอเคดา ดา ก็ ดา ดา

ผมอุ้มตาหนูสองคนกลับมาที่ห้องอีกครั้ง ระหว่างทางผมก็แวะสั่งอาหารเช้าสำหรับตาหนู และภรรยาที่ยังนอนหลับอยู่ แต่ทว่าผมกลับมาถึง บนเตียงก็ไร้วี่แววของคนตัวเล็ก ผมหันซ้ายหันขวา กำลังจะเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู กชกรก็เดินออกมาพอดี

“ไปรับตาหนูมาเหรอครับ” กชกรว่า

“ทำไมเธอลุกมาแบบนี้”

“ผมปวดฉี่คุณจะให้ผมฉี่ใส่ที่นอนหรือไงล่ะ” ว่าจบกชกรก็อุ้มตาหนูวางไว้บนเตียง แล้วทิ้งตัวนั่งกับพื้นเล่นกับลูก “คิดถึงจังเลย คิดถึงหม่าม้าไหมครับ” เขาว่าพลางกดจมูกลงบนแก้มของเด็กทั้งสอง

อะไรกันทีผมขอหอมบ้างกลับดันหน้าผมหนี สองคนนี้มันแสบจริง ๆ ผมเดินเข้าหาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นข้างกชกร “เจ็บไหม... ฉันขอโทษนะ”

“ขอโทษทำไมครับ”

“ถามได้ตาเธอยังบวมอยู่นี่ไง”

“ถ้าเรื่องเมื่อคืนผมไม่โกรธคุณหรอก มันเป็นธรรมชาตินี่ เมื่อก่อนผมฮีท ผมก็ยังทำอะไรแปลก ๆ ลงไปเลย”

“แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้เจ็บตัวแบบหนนี้นี่” ผมว่าไปตามจริง

“ผมเป็นภรรยาคุณนะ สามีรัทผมก็ต้องอยู่ข้างคุณสิ”

“...” ถึงเขาจะพูดออกมาอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ที่จริงมันก็ไม่ได้แย่สักหน่อย ผมเองก็รู้สึกดี แต่คุณช่วยลดรอบลงหน่อย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” กชกรว่าพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ

ผมรู้สึกโชคดีจังที่ได้เขาเป็นภรรยา

“กชกร”

“หืม...” จังหวะที่เขาหันหน้ากลับมา ผมก็ประทับจูบลงอย่างแผ่วเบา กชกรเผยอปากนิดหนึ่งเพื่อขยับขบเม้นบรรจงจูบอย่างอ่อนโยน

“แง้~~~” สายลมร้องขึ้นเสียงดังก่อนจะคลานเข้ามาคั่นกลางแล้วกอดหน้าของกชกรเอาไว้

“ป๊ายังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ฮืออ ฮึก! ฮึก!” เขาเบ้ปากจนคว่ำ หน่วยตามีหยดน้ำตาเอ่อคลอ ผมพยายามเอาหน้าเข้าไปใกล้ แต่ทว่าสายลมกลับใช้มือยันให้ถอยห่าง

“โอ้ ๆ หม่าม้าไม่เจ็บนะครับ เหมือนที่ม้าจุ๊บพี่สายลมไง" ว่าจบกชกรก็จูบเบา ๆ ที่ปากเล็ก "พี่สายลมไม่โกรธป่าป๊านา” กชกรอุ้มสายลมไว้ เด็กตัวเล็กซบหน้าลงกับแผ่นอกของคนเป็นแม่ ก่อนจะฉีกยิ้มร้ายส่งมาให้ผมที่ยืนมองอยู่

นี้ผมกำลังถูกลูกแย่งกชกรไปแล้วเหรอ แล้วไอ้ยิ้มแบบนี้ มันไปจำมาจากใครมากันล่ะเนี่ย

แล้วผมต้องทวงคืนเมียจากลูกยังไงล่ะครับ...















สายลม Said : ไม่ได้ชื่อกชกรก็เหนื่อยหน่อยนะครับป๊า

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |27|
«ตอบ #36 เมื่อ14-01-2022 01:56:21 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

27



ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!

“กช...อย่าเงียบแบบนี้สิ” อัคนีเคาะประตูเรียกคนที่ขังตัวเองในห้องน้ำนานนับสิบนาที

กชกรนั่งสั่นขาพั่บ ๆ ที่ชักโครก มือข้างขวาถือแท่งสีขาวสำหรับใช้ตรวจการตั้งครรภ์

ช่วงนี้บอนดิ้งที่หลังคอผมทำงานผิดปกติ บางครั้งมันก็ร้อนวาบเวลาที่อัคนีเข้าใกล้ แต่บางครั้งผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย

เส้นสีแดงค่อย ๆ ชัดขึ้นที่ตัวซี ขาที่สั่นอยู่แล้วก็สั่นหนักยิ่งกว่าเดิม และสิ่งที่ผมไม่มั่นใจก็ปรากฏขึ้นที่ตัวที

สองขีด...หรือเปล่าวะ!?

แกร๊ก!

ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมาด้านนอก คนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วก็รีบปรี่เข้ามา

“ยังไง...”

“...” ผมไม่ตอบนอกจากยื่นที่ตรวจครรภ์ส่งไป

อัคนีรับเอาไว้ เขาพลิกมันขึ้นมาก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง “สองขีด...ท้อง เธอท้องใช่ไหม”

“ผมไม่แน่ใจ อีกขีดมันไม่ชัด”

“เดี๋ยวผมโทรแจ้งหมอ เธอไปแต่งตัวเถอะ” ว่าจบอัคนีเดินกลับเข้าห้องของตาหนูเพื่อเตรียมของที่จำเป็น



ระหว่างทางไปโรงพยาบาลผมสังเกตเห็นกชกรเอาแต่นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ผมไม่รู้เลยว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่หนนี้ถ้าเขาท้องจริง ๆ ผมจะตามใจหากว่าเขาต้องการเอาเด็กออก ผมจะไม่ขัด

อัคนีละมือจากพวงมาลัยข้างหนึ่งเพื่อประสานฝ่ามือกับคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง

กชกรหันกลับมามอง ก่อนผมจะดึงมือเขาขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบา ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนผมก็ยินดี

ผมนั่งรอกชกรอยู่ด้านนอกกับตาหนูก่อนหมอจะเรียกให้เข้าไป “สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักทายก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ กชกร

“ยินดีด้วยนะครับคุณเพลิง คุณกชเธอท้องได้ห้าสัปดาห์แล้ว หมอจัดยาบำรุงพร้อมกับทำนัดครั้งถัดไปไว้ให้เรียบร้อยร้อยแล้ว”

“ครับ”

“ถ้ามีอะไรก็โทรหาหมอโดยตรงได้เลยนะ ยังไงหมอก็ดูแลครอบครัวคุณเพลิงมาทุกรุ่นอยู่แล้ว”

“ได้ครับ...”

ตลอดการสนทนากับหมอ กชกรนั่งนิ่งไม่พูดหรือมีคำถามอะไรเลย นั้นยิ่งทำให้ผมกังวลใจ หรือเขาจะเสียใจที่ท้องหรือเปล่า เพราะครั้งแรกที่เขาท้องก็ไม่ง่ายเลยสำหรับเขา ตาหนูสองคนก็เพิ่งได้ขวบเดียว ต้องเลี้ยงลูกทั้งที่ตัวเองท้องด้วยเขาคงจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เขาก็ตรงไปยังห้องนอนทันที ผมจัดการตาหนูให้เรียบร้อยก่อนจะตามเข้าไป

ผ้าห่มผืนหนาม้วนกลมคนตัวเล็กอยู่บนเตียง ลมแอร์เย็นฉ่ำกระทบผิวทันทีที่เดินเข้ามา

ผมไม่คิดจะเปิดผ้าห่มออก เพียงแค่กอดไว้เฉย ๆ

“กชเธอเป็นอะไร เธอไม่พูดอะไรเลยแบบนี้ฉันเป็นห่วงนะ”

“ผมท้อง...” เสียงอู้อี้ในผ้าห่มตอบ

“ใช่เธอท้อง รอบนี้ฉันไม่บังคับเธอนะถ้าเธออยากเอาออก ฉันเข้าใจ”

“คุณไม่โกรธเหรอที่ผมท้อง?”

“ฉันจะโกรธเธอทำไม”

นั่นสิผมจะโกรธเขาทำไม หรือมันมีเหตุผลอื่น...

“ก็...” กชกรเงียบเสียงไปพัก เสียงถอนหายใจดังลอดออกมา “...ผมไม่ได้มีไม่ได้มีอะไรกับใครจริง ๆ นะ”

“...?”

“เราป้องกันตลอดแต่ผมท้องได้ไง แต่สาบานได้ผมไม่เคยนอกใจคุณ”

อา...มันมีอะไรผิดพลาดแล้วแหละ

“เธอเครียดเรื่องนี้เองเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ จู่ ๆ ผมก็ท้องมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ แต่ผมไม่ได้มีคนอื่นจริง ๆ นะ คุณเชื่อผมใช่ไหม”

“ขอโทษ ฉันดีใจไปหน่อยเลยไม่ได้บอก”

“...” กชกรมุดออกมาจากผ้าห่มทันที เขาเครียดมากกลัวว่าอัคนีจะรู้สึกไม่ดี แต่เหมือนเรื่องจะไม่เป็นอย่างนั้น

“ก็วันนั้นที่ฉันรัท คือว่ารอบสุดท้ายถุงยางมันหมด ฉันเลยเอาแบบธรรมดาใส่ แล้วมัน...”

“...?”

“...มันแตก”

“อ๊ากกกกกกกก” สิ้นสุดประโยค สองมือเล็กยกสอดเข้ากับกลุ่มเส้นผมทันที “ผมเครียดแทบตาย แต่ดันมาพลาดเพราะคุณเนี่ยนะ บ้าเอ๊ย!!!”

“โอ๊ย กชฉันขอโทษ แต่ตอนคลายน็อตฉันก็รีบเอาออกให้เลยนะ”

“หึ้ย! ช่างมัน แค่นี้ผมก็สบายใจแล้ว”

“หมายความว่า...”

“ครับ ผมไม่เอาออกหรอก ลูกผมนะ” กชกรว่าพลางฉีกยิ้มแล้วโผกอดสามี “คนนี้ผมขอตั้งชื่อเองนะ”

“ได้สิฉันตามใจเธอทุกอย่างเลย” อัคนีคลายอ้อมกอดออกก่อนจะพลิกตัวขึ้น “พรุ่งนี้ไปหาคุณพ่อกันไหม ท่านคงดีใจ”

“เอาสิครับ ผมว่าเราต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ”

“นั่นสินะ ตาหนูก็เดินเก่งขึ้นแล้วด้วย”

“อืม ๆ” กชกรพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

“รักเธอจัง” ว่าจบเขาก็โน้มตัวลง ใช้ริมฝีปากแตะที่ปลายจมูกคนตัวเล็ก

“ผมก็รักคุณ” หนนี้กชกรเป็นคนขยับหน้าเข้ามาใกล้เพื่อประกบริมฝีปากเข้าด้วยกันแล้วผละออก

อัคนีกวาดสายตามองใบหน้าขาวทุกกระเบียดนิ้ว ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนภาพตัวเองอยู่ในนั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยออกมาเป็นความสบายใจที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กัน

รัก...

เขารักและหวงแหนคนตรงหน้าเหลือเกิน อารมณ์ของเขากระเพื่อมไหวเพราะคนตรงหน้า

“ได้หรือเปล่า” มันเป็นคำถามที่มีเพียงเราสองคนที่เข้าใจ

“...” กชกรกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ยกขาทั้งสองขึ้นโอบรัดรอบเอวของอัคนีก่อนจะพยักหน้า

มุมปากคนมองกระตุกยิ้มพราย เขาปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกก่อนจะเหวี่ยงมันลงไปกองที่พื้นแล้วโน้มตัวลงมาประกบจูบอย่างดูดดื่ม

สองแขนเล็กกระชับกอด ลากฝ่ามือลูบแผ่นหลังออกแรงจิกเบา ๆ เพื่อปลุกปั่นเร้าอารมณ์

ร่างกายถูกกระตุ้นเพียงนิดเสียงลมหายใจก็เริ่มติดขัด ใบหน้าขาวซุกไซ้ซอกคอจนขนอ่อนตามตัวลุกชัน

“...อือ คุณเพลิง”

สิ้นสุดประโยคเสียงร้องจากหัวเตียงก็ดังขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังคลุ้งไปด้วยแรงอารมณ์

“แง้~ ปา ปา แง้~” จอขนาดเล็กบนหัวนอนปรากฏภาพในห้องของตาหนูกำลังยืนเกาะเปลร้องงอแง

อัคนีทิ้งตัวซบลงกับลาดไหล่กชกรก่อนเราทั้งสองจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ลูกเรียกคุณ”

“ปกติไม่ตื่นเวลานี้นี่ แสบจริง ๆ เลย” เขาว่าพลางชันตัวลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อยืดสีพื้นขึ้นสวมอย่างลวก ๆ

ช่วงก่อนตาหนูติดกชกรมาก แต่พอเริ่มพูดได้เขากลับติดอัคนีมากกว่า อาจจะเป็นเพราะนิสัยชอบสปอยล์ลูกของเขา

ผมอุ้มตาหนูเดินเข้าไปในครัวเพื่อชงนมให้ตาสายฝน ส่วนกชกรเองก็อุ้มตาสายลมออกมาด้วยเช่นกัน

ชีวิตที่เคยเงียบสงบของผมได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บางครั้งอาจสะดุดบ้าง โดนขัดจังหวะบ้าง แต่ก็ถูกรายล้อมไปด้วยความสุข

ถ้าย้อนกลับไปได้ สาบานเลยว่าผมจะไม่แก้ไขอะไร เพราะตอนนี้มันดีที่สุดจริง ๆ

“เรารีบกล่อมตาหนูเถอะ ผมอยากสานต่อ” อัคนีว่า

“พูดไปเรื่อยนะคุณ” กชกรใช้ศอกกระทุ้งแขนเขาเบา ๆ ก่อนจะจิปากใส่ ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่เขาก็ยังเขินอายกับคำพูดของผม

ครอบครัวผมประกอบไปด้วย เมียที่น่ารักหนึ่งคน กับลูกอีกสอง...ไม่สิตอนนี้เป็นสาม

.

.

.

ผมและกชกรมาที่บ้านกันในตอนเช้าพร้อมกับกล่องเล็ก ๆ หนึ่งใบในมือ ตาหนูโตเร็วมากเราจึงต้องแบ่งกันอุ้ม เมื่อเช้าผมโทรบอกพ่อเรียบร้อยว่าจะเข้ามา แม่บ้านจึงออกมารอรับ

เมื่อเข้ามาในบ้านเราตาหนูก็ดิ้นงอแงจะลงเดินท่าเดียว เราจึงปล่อยให้เขาเดินในห้องนั่งเล่นระหว่างรอไปพลาง ๆ

“พ่อล่ะ”

“คุณท่านกำลังลงมาค่ะ” ว่าจบเธอก็เดินออกไป

ไม่นานนักชายดูมีอายุก็เดินเข้ามา เขาสาวเท้าตรงไปยังเด็กทั้งสองก่อนจะจับหอมแก้มฟอดใหญ่

เป็นคนแก่ที่หลงหลานขั้นสุด เมื่อไม่นานมานี้ผมเพิ่งได้โฉนดที่ดินแถวเขาใหญ่มาห้าสิบไร่ พ่อกำชับเอาไว้อย่างดีว่ามอบให้หลานเมื่อถึงเวลาที่เขาสามารถครอบครองได้ ดูเอาแล้วกันว่าหลงหลานขนาดไหน

หลังจากฟัดหลานจนพอใจเขาจึงสาวเท้าเข้ามาคุยกับพวกเราที่นั่งรออยู่ที่โซฟาตัวยาว

“ยังไงซิเนี่ยมากันแต่เช้า” พ่อว่า

“คือแบบนี้ครับ ผมกับกชว่าจะย้ายกลับมาอยู่บ้านน่ะ”

“เออ เอาสิ เดี๋ยวฉันให้ช่างมาดูให้ หนูกชอยากได้แบบไหนบอกพ่อได้เลย”

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมให้คุณเพลิงจัดการดีกว่า ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่”

“มาอยู่ด้วยกันก็ดี พ่อจะได้แวะไปหาหลานบ่อย ๆ ดูสิเนี่ยไม่เจอแป๊บเดียวหลานโตขึ้นเยอะเลย” สายตาคนแก่มองไปยังเด็ก ๆ ทั้งสองก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

บางครั้งความสุขก็มาในรูปแบบอย่างอื่นที่ไม่ใช่แค่เงินทอง แต่เราเรียกมันว่าครอบครัว

“ผมมีของขวัญมาให้พ่อด้วยนะ” ว่าจบอัคนีก็ยื่นกล่องของขวัญสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือส่งไป

“มาแค่นี้ต้องเอาของขวัญมาให้เชียว” พ่อว่าพลางรับกล่องไว้ แล้วค่อย ๆ ดึงมันออกอย่าเชื่องช้า ในกล่องมีแผ่นอัลตร้าซาวด์ที่เพิ่งได้มาเมื่อวาน “ของใครล่ะเนี่ย”

“ของกชสิพ่อ จะเป็นของผมหรือไง”

“หนูกช...นี่มัน...” กชกรฉีกยิ้มส่งไป “หนูเป็นเนื้องอกเหรอ พ่อรู้จักหมอเก่ง ๆ หนูไม่ต้องกลัวนะ”

“เดี๋ยว ๆ พ่อใจเย็นนะ กชไม่ได้เป็นเนื้องอก กชท้อง”

ถ้าพ่อจะเข้าใจแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก เพิ่งจะห้าสัปดาห์มองยังไงก็เนื้องอก

“ตายจริง หนูกชอย่าถือสาคนแก่เลยนะ หูตามันไม่ค่อยดี”

“ไม่เป็นไรครับ” กชกรว่าพลางกลั้วหัวเราะ

“ข่าวดีแบบนี้สงสัยคงต้องฉลอง” พ่อว่า

ผมยืนมองพ่อเดินคุยโทรศัพท์ เสียงโม้กับเพื่อนไม่หยุดเรื่องหลานคนใหม่ ทั้งยังสั่งให้แม่บ้านเตรียมจัดโต๊ะอาหารเอาไว้อีกด้วย

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พ่อสั่งให้พวกเราย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านระหว่างบ้านหลังใหม่ยังสร้างไม่เสร็จ เรื่องนี้เราเห็นพ้องตรงกัน เพราะอย่างน้อยตอนที่ผมออกไปทำงาน พ่อยังช่วยดูตาหนูอีกแรง

เพล้ง!

เสียงคล้ายแก้วตกลงพื้นเสียงดังไปทั้งบ้าน หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตาหนู สัญชาตญาณพาผมไปถึงตัวลูกในเวลาอันสั้น ก่อนจะเห็นว่าแจกันจีนโบราณราคาห้าสิบล้านตกกระจายอยู่ที่พื้น

สายฝนเป็นคนทำหล่น โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ “โอ๋ ไม่ร้องนะคนเก่ง” ผมว่าพลางกอดปลอบ

กชกรรีบคว้าตาสายลมเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาเดินเข้าไปเหยียบ ขณะเดียวกันพ่อได้ยินเสียงดังจึงรีบเดินเข้ามาดู ตายแน่ ๆ แจกันใบนี้พ่อผมรักมาก กว่าท่านจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว

“เอ่อ พ่อคือ...”

“ไม่เป็นไร หลานฉันไม่เป็นอะไรก็พอ”

“ผมขอโทษแทนตาหนูด้วยนะครับ” กชกรว่า

“โอ๊ย แค่นี่เองพ่อซื้อให้ตาหนูขวางเล่นยังได้ ฮ่า ๆ”

อำนาจของเบบี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ ลองคิดว่าเป็นผมที่ทำหล่นสิ ชะตาผมขาดแน่

หลังจากทุกอย่างสงบลง เราก็พากันกลับมาที่ห้อง ส่งตาหนูอาบน้ำเข้านอนเรียบร้อยผมจึงเดินเข้ามาในห้องน้ำ อ่างน้ำสีนมมีคนตัวเล็กนั่งอยู่ ในมือเขาถือแก้วแชมเปญทรงสูงมีนมบรรจุเกือบเต็ม

“สักหน่อยไหม”

“ไม่ดีกว่าผมไม่อยากแย่งคุณแม่” ว่าจบอัคนีก็ถอดชุดของตัวเองออกบ้างก่อนจะลงไปนั่งซ้อนหลังแช่น้ำกับกชกร

“ลูกหลับแล้วเหรอครับ”

ผมหยิบมือที่วางอยู่ไม่ไกลกดเข้าแอปพลิเคชันกล้องวงจรปิดที่ห้องลูก

“เรียบร้อย วันนี้ซนทั้งวันอุ้มแป๊บเดียวหลับปุ๋ยเลย”

“คุณว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“อืม...ฉันว่าผู้หญิง”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ผมอยากได้ลูกสาว”

“แต่ผมว่าลูกชาย”

“...?” อัคนีเอียงคอมองด้วยความสงสัย ท่าทีของกชกรดูมั่นใจมาก

“สัญชาตญาณของคนเป็นแม่ไง”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะสอดแขนกอดคนตัวเล็กไว้ “เผลอแป๊บเดียวตาหนูก็มีน้องสาวซะแล้ว”

“น้องชาย...” กชกรแย้ง

“สัญชาตญาณคนเป็นพ่อไง” อัคนีว่าพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ ฝ่ามือลูบวนหน้าท้องอย่างอ่อนโยน “กชกร เธอคิดเรื่องแต่งงานบ้างไหม”

“ผมยังไม่คิด”

“ทำไมล่ะ เธอไม่อยากแต่งงานกับฉันเหรอ”

“เปล่าครับมันยังไม่ใช่ตอนนี้ต่างหากล่ะ”

“งั้นจดทะเบียนไว้ก่อนได้ไหม ฉันอยากให้เธอเป็นของฉันโดยสมบูรณ์”

“งอแงกว่าลูกอีกนะคุณนี่ หลังคอผมชัดขนาดนี่”

“...” อัคนีซบหน้าลงกับลาดไหล่ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเสียงดัง ก็งอแงจริง ๆ นั่นแหละ

“พรุ่งนี้แต่งตัวหล่อ ๆ เลยนะครับ”

“จะไปไหน”

“ก็ไปจดทะเบียนไง หรือว่าคุณไม่อยากไปแล้ว”

“ไปสิไป ห้ามคืนคำนะ”

“ครับ ๆ”

ผมจะบรรยายความสุขออกมายังไงให้พวกคุณได้เข้าใจดีล่ะ อืม...

ลองนึกภาพอ่างอาบน้ำสีขาว ในนั้นมีน้ำนมโรยด้วยกลีบดอกไม้สีแดง คนในอ่างสองคนกำลังกอดกันพร้อมกับพูดคุยถึงอนาคตข้างหน้า กลิ่นหอมจากดอกโบตั๋นทำให้ใจสั่นทุกครั้งที่ได้กลิ่น มีเสียงหัวเราะระหว่างพูดคุย และท่าทีสบาย ๆ รอยยิ้มตรึงใจที่ไม่ว่าจะมองอีกครั้งก็ไม่มีวันเบื่อ สายตาประกายระยิบระยับในขณะที่น้ำเสียงอ่อนโยนเปล่งออกมา ก่อนจะปิดท้ายด้วยจูบหวาน ๆ ที่ยากจะถอดถอน

ทั้งหมดที่ว่ามายังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้เลยด้วยซ้ำ

“ฉันรักเธอที่สุด โอเมก้าของฉัน”

“ผมก็รักคุณ อัลฟ่าของผม...”

นี่แหละครับ หน้าตาความสุขของผม :’)









สวัสดีปีใหม่ครับทุกคนนนน

เดี๋ยวตื่นแล้วจะมาลงตอนสุดท้ายพร้อมกับแก้คำผิดนะครับ



หาน้องให้ตาหนูเพิ่มอีกสักคน

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |TOGETHERS|
«ตอบ #37 เมื่อ14-01-2022 01:57:49 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

28





10 ปีต่อมา

“ทำไมคุณกชถึงตัดสินใจแต่งงานกับคุณเพลิงล่ะครับ ได้ข่าวมาว่าคุณเพลิงขอคุณแต่งงานตลอดแต่คุณก็ปฏิเสธ” วันนี้ทิกเกอร์รับบทเป็นพิธีกรในงาน

“หึ หึ เขาขอผมแต่งงานวันละสามรอบเห็นจะได้ จนผมเองก็เกิดคำถามว่าทำไมล่ะ ทำไมต้องแต่งงานกัน ทั้งที่เราก็มีลูกด้วยกันถึงสามคน ทะเบียนสมรสก็จดถูกต้องตามกฎหมาย แต่เหตุผลที่เขาให้มามันทำให้ผมตกลง”

“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณเพลิงที่ดูนิ่ง ๆ จะมีมุมน่ารักกับเขา”

“คุณอย่างคาดหวังว่ามันจะโรแมนติกนะครับ เพราะเหตุผลของเขาก็แค่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าผมเป็นของเขา”

“แบบนี้เรียนเชิญนะฮะ นักข่าวทุกสำนักเข้ามาถ่ายภาพกันไว้เยอะ ช่วยทำให้เพื่อนสมหวังที” ทิกเกอร์ว่าเอินหยอก “แล้วไม่ทราบว่าคุณเพลิงล่ะครับ ทั้งที่คุณกชปฏิเสธขนาดนั้น ทำไมยังหน้าด้านขอเขาแต่งงานไม่เลิก”

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมรักเขา และอย่างที่กชบอก ผมแค่ต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าคนนี้เมียผม”

จริง ๆ เหตุการณ์ที่เขาขอผมแต่งงานวันละสามรอบ มันเกิดจากที่ผมไปให้สัมภาษณ์หนังสือนิตยาสารฉบับหนึ่ง จนมีหลายอัลฟ่าหลายคนที่อ่านแล้วรู้สึกชอบแนวคิด และสไตล์การใช้ชีวิตของผม คอมเมนต์พวกนั้นทำให้อัคนีหงุดหงิดไปหลายวัน ถึงแม้ว่าผมจะบอกชัดว่าตัวเองมีลูก และสามีอยู่แล้วก็ตาม

“โอเคนัมเบอร์วัน”

ทิกเกอร์ยังคงทำหน้าที่พิธีกรต่อจนกระทั่งเราทั้งคู่หมดหน้าที่บนเวที แล้วลงไปตัดเค้กเท่าตึกสิบแปดชั้น

จะบ้าตาย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเราจะจัดงานใหญ่โตอะไรขนาดนั้น แต่ก็ว่าไม่ได้ แค่คนรู้จักทางฝั่งพ่อของอัคนีก็เกือบสามร้อยคนแล้ว ไหนจะคู่ค้าที่ทำธุรกิจด้วยกันอีก 

จอภาพที่ถ่ายรอบ ๆ งานปรากฏเด็กสองคนวิ่งพรวดออกมาจากใต้โต๊ะ ผมถึงกับเอามือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ

ทำไมถึงดื้อขนาดนี้นะ อยู่ในช่วงวัยกำลังซนสุด ๆ งานทั้งงานป่วนไปหมด พี่เลี้ยงต้องคอยวิ่งตามอยู่ตลอด

“ม้าครับ ๆ ฝนอยากกินเค้ก” สายฝนเขย่าแขนกชกรไปมา

“เอาไปให้คุณตาก่อน เดี๋ยวม้าตัดให้” ว่าจบตาฝนก็ถือเค้กไปให้พ่อของอัคนีก่อนจะรีบวิ่งกลับมา

“แบ่งลมกินด้วยเข้าใจไหมครับ”

“ลมไม่กินหรอก ลมไม่กินขนม” สายลมว่า

ผมอุ้มสายลมขึ้นก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ทำไมไม่ชอบกินล่ะครับ”

“คุณครูบอกว่าในขนมมีปีศาจ มันจะมากินฟันตอนลมหลับ”

“ไม่จริง ๆ ป๊าบอกฝนว่าปีศาจไม่มีจริง” สายฝนว่า อัคนีอุ้มสายฝนขึ้นก่อนจะหอมพวงแก้มใสไปหนึ่งที

“เก่งมากครับ แต่หลังทานอาหารต้องแปรงฟันเข้าใจไหม” อัคนีว่า

“ฝนรู้แล้วนา” ว่าจบเขาก็โผเข้ากอดรอบคออัคนีไว้แน่น

แต่ไหนแต่ไรสายลมจะติดผม ส่วนสายฝนจะติดอัคนีมาก ส่วนคนสุดท้องชื่อ ‘บัว’ เป็นผู้ชายอีกเช่นกัน ผมบอกแล้วว่ายังไงก็ผู้ชาย แต่ไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณความเป็นแม่อะไรหรอก เดาล้วน ๆ

“ขอถ่ายรูปหน่อยนะครับ” ช่างภาพว่าก่อนจะยกกล้องขึ้นมารัวชัตเตอร์ใส่

“ป๊าเราไปถ่ายรูปหน้างานกันไหม ม้าอยากได้รูปรวมกับตาหนู” 

“ตามใจม้าเลยครับ” ว่าจบผมก็เดินไปที่โต๊ะของพ่ออัคนี เพื่อไปอุ้มหนูบัวไปถ่ายรูปที่หน้างาน

สายลมกับสายฝนยืนอยู่ข้างหน้า ส่วนผมอุ้มหนูบัวให้หันหน้าเข้าหาตากล้อง อัคนีโอบเอวเล็กของกชกรไว้หลวม ๆ ฉากหลังมีชื่อกชกร อัคนีตัวใหญ่ติดอยู่ รอบตัวมีซุ้มดอกไม้ระโยงระยางสีขาวประดับอย่างสวยงาม

มันเป็นภาพที่ผมอยากเห็นมาตลอด ความรักของผมไม่ได้มีแค่อัคนี ยังมีตาหนูตัวแสบอีกสามคน ทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่จินตนาการ ถึงแม้ว่างานจะใหญ่กว่าที่คิดก็เถอะ แต่ผมกลับไม่รู้สึกอึดอัดหรือขัดเขิน เพราะมวลบรรยากาศอบอุ่นโอบล้อมรอบตัวเอาไว้

“ยิ้มนะครับ 1 2 3”

แชะ!



ภาพในงานถูกตัดจบด้วยรอยยิ้มของเราห้าคน ก่อนหน้าจอจะขึ้นสีดำ มันผ่านมาสิบปีแล้วสินะ เหมือนเรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเลยแฮะ

ทุก ๆ ปีในวันครบรอบแต่งงาน ผมกับอัคนีมักจะเปิดวิดีโอในงานแต่งเพื่อนั่งดูด้วยกัน มันเป็นแบบนี้มาตลอดสิบปี

“ทำอะไรกันต่อดีล่ะ มันจบแล้ว” อัคนีว่า

“ป๊าหิวหรือเปล่าครับ เดี๋ยวม้าไปทำอะไรให้กิน”

“หิวครับ... แต่อยากกินอย่างอื่นมากกว่า” เขาว่าพลางใช้ปลายนิ้วเขี่ยพวงแก้มภรรยาตัวเอง

“ป๊า...จะได้เวลาเด็ก ๆ เลิกเรียนแล้ว”

“วันนี้ตาหนูไปนอนบ้านทิกเกอร์”

“วางแผนเอาไว้หมดแล้วสินะ” ผมว่า

“ก็ครบรอบแต่งงานทั้งที อยากจู๋จี๋กับม้าสองคนนี่ครับ ใกล้ช่วงฮีทแล้วด้วยนี่ รอบนี้ไม่ต้องกินยานะ”

สิ้นสุดประโยคยาวตัวกชกรก็ถูกย้ายจากนั่งด้านข้างเปลี่ยนไปเป็นนั่งคร่อมบนตักของอัคนีแทน

ริมฝีปากบดจูบอย่างดูดดื่มเกินบรรยาย อัคนีค่อย ๆ ปล่อยฟีโรโมนออกมาเพื่อกระตุ้นให้กชกรฮีท และผมเองก็ปล่อยกลิ่นเย้ายวนเข้มข้นออกมาเพื่อให้อัคนีรัท

ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณดิบ เมื่อปฏิกิริยาร่างกายเริ่มทำงาน สติที่มีอยู่ก็เริ่มเลือนราง บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นฟีโรโมนของเราทั้งสอง

“ฉันขาดเธอไม่ได้แล้วนะกชกร”

“ไม่จริงหรอก ผมต่างหากที่ขาดคุณไม่ได้ ผมถูกคุณทำพันธะแล้วนี่ ถ้าคุณทิ้งผมไป ผมแย่แน่”

“ฉันให้ทำคืน” อัคนีเอียงคอ

กชกรฝังคมเขียวลงหลังคอของอัลฟ่าไม่แรงไม่เบานัก ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีผลอะไรหรอก แต่เราก็ชอบแสดงออกด้วยวิธีนี้ เราสองคนเรียกมันว่า พันธสัญญาทางใจ

มีเพียงแค่ผมกับอัคนีเท่านั้นที่รู้กัน

มันแปลกนะ บนโลกนี้มีคนเป็นล้านคน แต่มีหนึ่งเดียวที่เป็นคู่แห่งโชคชะตา มันยากที่จะตามหาเจอ

แต่อยู่ ๆ โลกก็เหวี่ยงให้เรามาพบกัน ถึงจะทิ้งห่างไปนานหลายปี แต่วันนั้นสัญญาได้ผูกให้ทั้งคู่ปิดกั้นคนอื่น เพื่อให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้งในเวลาที่ใช่

ที่ผมเชื่อว่าอัคนีคือคู่แห่งโชคชะตาของผมก็เพราะเราเชื่ออย่างนั้นมาตลอดสิบปี และจะยังคงเชื่อแบบนี้ตลอดไป...

.

.

.

THE END






มันบแล้วครับทุกคน ฮืออออออออ ༼ ༎ຶ ෴ ༎ຶ༽

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เป็นเรื่องที่น่ารักมาก
อ่านเรื่อยๆ feel good

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สนุกมาก คือดี  o13  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ samsung009

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักมากเลย  สนุกและชอบโมเมนต์คลั่งรักของพระเอก
 :mew1: :mew1: :mew1:
 :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด