ระยะที่ 1
“จู กูว่านะ…”
“ว่า?”
“มึงวางแก้วลงบ้างเถอะ นี่เริ่มเมายัง?” ผมเลิกคิ้วมองไอ้ไนท์ที่จ้องหน้าผมสลับกับแก้วในมือก่อนกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด อย่ากลัวว่าผมจะเมาเลย ถ้าชงเหล้าให้จางขนาดนี้นึกว่ากำลังดื่มน้ำเปล่าล้างแก้วเหล้า
“ไหนๆ อันนี้กี่นิ้ว?”
“ยังไม่เมาเว้ย นั่งมาเป็นชั่วโมงให้กูแค่สี่ห้าแก้ว รสชาติเหมือนน้ำเปล่าเอาอะไรมาเมา”
ผมแทบจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะหมูกระทะ ปัดนิ้วไอ้สนเท่ที่ยื่นมาอย่างกวนตีน ถึงพวกมันจะบอกว่าผมยังอยู่ในช่วงคุมความประพฤติหลังก่อเรื่องเอาไว้ต้องงดเหล้าเข้ากลุ่ม แต่อีกนิดจะคิดว่ามันชวนผมมานั่งมองพวกมันดื่มเฉยๆ แล้ว
หลังเรียนตอนเย็นเสร็จ พวกผมนัดเจอกันก่อนจะพากันมาที่ร้านหมูกระทะไม่ไกลจากมอมากนัก ร้านประจำร้านเดิม ที่นั่งก็โต๊ะตัวเดิม แถวๆ ที่ตักอาหารเพราะความขี้เกียจเดิน คุยกันเสียงดังแค่ไหนก็โดนเสียงดนตรีสดกลบจนแทบไม่ได้ยิน เวลาไม่รู้จะไปกินอะไรก็มาที่นี่ตลอด
“มึงดื่มเยอะดื่มน้อยก็เหมือนเมาทุกที”
“ไม่ขนาดนั้นปะ” ผมดื่มไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับสายคอเหล้ากินอย่างพวกมัน นานๆ ทีจะดื่มทีแค่ตอนโดนลากให้ออกมาเจอเพื่อน
“อย่าไปแกล้งมันมาก วันนี้แค่เกือบตกบันไดก็ขวัญเสียแย่แล้ว เนอะ” ไอ้ไนท์ทำมาเป็นเข้าข้าง ไอ้ตัวดี มันนั่นแหละที่เล่นวิ่งหายหัวไม่รอผม
“อะ ถือว่ายังโชคดีบุญรักษา เอาไปอีกแก้ว” ไอ้สนเท่กวนตีน เอื้อมมือมารินเหล้าให้ผมเพิ่มเหมือนใจดีแต่มันรินเหมือนทำน้ำหกแบบนี้ ไม่ต้องรินให้ยังดีกว่า
“ว่าไปพี่ชัดเจนเขาไม่ได้ต่อยมึงจริงๆ เหรอ” ผมหันไปมองหน้ามีนแล้วขมวดคิ้วเป็นรอบที่ร้อยของวัน
“เหมือนพวกมึงอยากให้กูโดนต่อยอะ ถามสิบรอบละ”
“55555555555 ก็สงสัย ชนจนเกือบตกบันไดนึกว่าจะมีประเด็น”
“แค่เดินชนกัน ใครมันจะบ้าต่อยคนอื่นด้วยเหตุผลนี้วะ แล้วกูไม่ได้ตั้งใจวิ่งไปชนเพื่อหาเรื่องเขาสักหน่อย ถ้ากูวิ่งไปถีบเขาก็ว่าไปอย่าง”
“ก็เดินชนแบบนี้มาหลายรายแล้ว เจ็บตัวกลับมาทุกราย”
“กวนตีนละ” ผมพ่นลมหายใจด่าพวกมัน ไอ้ไนท์เล่าเรื่องที่ผมชนพี่ชัดเจนให้สนกับมีนฟัง พวกมันสองคนก็เอาแต่ถามเรื่องโดนต่อยทุกที ถามเหมือนแช่งกัน ผมมองแล้วก็ไม่เห็นว่าพี่ชัดเจนดูเป็นคนอย่างนั้น แค่ทำหน้าโหดๆ พร้อมมีเรื่องแต่ไม่ได้ดูเหมือนเป็นอันธพาลเอะอะต่อยคนสักหน่อย
“แล้วยังไงอะ เขามีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นบ่อยเหรอ ไหนไอ้ไนท์บอกว่าแค่ลือกัน”
“ก็ลือกันไปเรื่อยนั่นแหละ ไม่จริงหรอก ไอ้ไนท์แกล้งมึงอย่าไปเชื่อมันมาก”
“กูคิดอยู่แล้วเชียว” ผมฮึดฮัดมองหน้าไอ้ไนท์ที่ยืนขำมีพิรุธ ไอ้เหี้ยนี่พูดทีไรก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเล่น
“อะไรๆ มึงจะเชื่อไอ้มีนหรือจะเชื่อกูที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี”
“เชื่อมีน” ผมตอบแทบทันทีก่อนหัวเราะขำกันสามคน ถ้าเล่นเกมหาฆาตกรอย่าง among us ไอ้ไนท์โดนกดโหวตออกคนแรกแน่นอน ชอบปั่นหัวคนอื่นดีนัก “พูดเลยถ้าต่อยกูทีนึง กูสวนกลับสองแน่ๆ ทำมาทำกลับนะเว้ย”
“โห เอาว่ะ อย่าให้น้องจูโหด” ไอ้มีนหัวเราะ
“เออ ต่อยให้จริง เดี๋ยวจะคอยดู555555 ถ้าไปต่อยเขาแล้วแขนหักมาอย่าทำหน้าเหมือนจะตายเหมือนตอนมือซ้นอีกนะ”
“เออว่ะ ให้กูโทรติดต่อเตียงโรงบาลมอไว้ก่อนเลยไหม”
“เดี๋ยวไอ้มีน เมื่อกี้กูกับมึงยังเป็นพวกเดียวอยู่เลยนะ” ปวดหัวกับไอ้พวกนี้ไว้ใจไม่ได้สักคน
“ไหนดูแขนที่เอาไว้ต่อยชาวบ้านของน้องจูหน่อย”
“ไม่ต้องเลย แขนจะหักเพราะมึงนี่แหละ” ผมรีบเอาแขนหนี เพราะไอ้สนแรงเยอะอย่างกับควาย ขนาดมันไม่ได้ออกแรงมาก
“กินนี่หมดแล้วกลับกันเลยปะ ใกล้จะหมดเวลาแล้ว” มีนยกข้อมือมองดูนาฬิกา ติดลมนั่งคุยกันจนเกือบลืมดูเวลาทุกที พอดีกับที่หมูบนเตาและในจานเริ่มเหลืออยู่ไม่กี่ชิ้น
“เออ เดี๋ยวกูต้องขับรถกลับห้องอีก”
“งั้นกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระดกแก้วดื่มจนหมด ผมกับไนท์พักหอแถวมอเดินกลับห้องแป๊บเดียวก็ถึงแล้วมีแค่ไอ้สนกับมีนมันต้องขับรถกลับบ้าน
“กูไปเป็นเพื่อนเปล่า”
“ไม่ต้อง จะไปช่วยกูถือหรือไง” ไอ้ไนท์ทำท่าจะลุกขึ้นตาม ผมรีบส่ายหน้า ทำเหมือนเด็กอนุบาลต้องเอาเพื่อนไปเข้าห้องน้ำด้วย
“เมาเปล่า เดี๋ยวเดินไปชนทะเลาะกับใครอีก”
“ระดับพี่แล้วไอ้น้อง”
“เดินเซชนคนอื่นแน่นอน”
ไอ้สนต่อคำให้อย่างกวนตีนไม่เลิก ผมที่กำลังตบอกมั่นใจถึงกับเจ็บ สาเหตุที่ผมโดนให้กินเหล้าน้อยลงก็เพราะเมื่อเดือนก่อนเพิ่งเมาเดินขาพันกันจนไปชนคนอื่นล้ม หวิดจะโดนต่อยมาแล้วรอบนึง วันนั้นแค่กินหนักไปหน่อยยังโชคดีที่อีกฝ่ายเป็นเด็กในมอเลยขอโทษและเคลียร์จบกันไปไม่ได้มีปัญหา
“วันนี้ให้กูกินนิดเดียวจะเมาได้ไง” ผมย่นจมูกเถียง ปล่อยให้พวกมันหัวเราะแซวเรื่องเก่า ลุกเดินออกจากโต๊ะไปห้องน้ำที่อยู่แถวที่จอดรถด้านหลังร้าน
ยิ่งดึกคนยิ่งเริ่มทยอยมาร้านเยอะขึ้น ผมก็บ้าจี้เดินระวังกลัวตัวเองไปชนใครอย่างที่พวกเพื่อนแซว ถึงจะไม่ได้เมาแต่ก็มึนๆ หัวกลัวตัวเองจะเสียหลักเดินเซเหมือนกัน สมัยนี้คนยิ่งเลือดร้อนอยู่ ไม่ถูกใจโดนต่อยขึ้นมาเจ็บตาย
“โอ๊ย!”
ไม่รู้วันซวยซ้ำซวยซ้อนของผมหรือไงวะ คิดในหัวยังไม่ทันไรกำลังจะเดินเลี้ยวเข้าซอกทางเดินแคบๆ ของห้องน้ำก็เดินกระแทกไหล่กับคนที่สวนมาจนผมเสียหลักเกือบกระแทกกำแพงดีที่เอามือยันไว้ทัน
ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เดินเซหรือขาพลิกไปชนก่อนแน่ๆ เพราะเห็นอีกฝ่ายเดินเลี้ยวมาเอาแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ในมือไม่ดูทาง หันกลับไปตั้งใจจะมองหน้าคนชนสักหน่อยว่าคนหรือเสาปูนกันแน่วะ แต่พอเห็นว่าเป็นใคร ผมถึงกับปิดปากสนิท
“…”
“…”
พี่ชัดเจน…อีกแล้ว
คนที่พวกผมเพิ่งจะพูดถึงไม่กี่นาทีก่อน ผมมองคนตรงหน้าแล้วนิ่งไปเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก อยู่ดีๆ ก็บังเอิญได้เจอหน้าเป็นรอบที่สองของวัน ส่วนพี่ชัดเจนยังอยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนเดิม ก้มหน้าผมนิ่งๆ เหมือนคนไม่มีสีหน้าอื่นแล้วจิ๊จ๊ะปากไม่พอใจ
“สองรอบแล้วนะ”
‘เดี๋ยว แต่รอบนี้พี่ชนก่อนปะวะ เดินเล่นโทรศัพท์ด้วย’
ในใจก็ตะโกนตอบแบบนั้นแหละแต่พอเห็นสายตาพี่ชัดเจนแล้ว หัวผมดันคิดถึงที่พวกไอ้ไนท์พูดไม่หยุด ‘อย่าไปยุ่งพี่เขามาก’ ‘ดีไม่โดนต่อย’ เพราะประโยคพวกนั้นทำเอาผมหลุดปากพูดอย่างอื่นออกมาแทน
“ขอโทษ..ครับ”
กูจะบ้าตาย แทบยกมือขึ้นมากุมขมับตัวเอง
ผมเม้มปาก ก้มหน้างุดๆ มองพื้น พูดจบก็รีบเดินตัวลีบผ่านพี่ชัดเจนเดินต่อไปเข้าห้องน้ำอย่างเร็วไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร ก็ต่อให้เพื่อนบอกว่าเป็นข่าวลือก็ไม่ควรเสี่ยงปะวะ เดินมาห้องน้ำมืดๆ คนเดียวด้วย
แต่ผมไม่นึกว่าพี่ชัดเจนจะจำได้ว่าเราเคยชนกันตรงบันไดมาแล้วรอบนึง
กูว่าแน่ๆ
โดนหมายหัวเอาไว้แล้วแน่นอน
ผมกระโจนเข้ามาในห้องน้ำปิดล็อกประตูลงกลอนแน่น เสียวสันหลังกลัวมีพวกตามมาตีหัวคิดบัญชีย้อนหลัง พอเข้าห้องน้ำเสร็จก็อ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำสักพักถึงเปิดประตูโผล่หน้าออกมา
อะโด่ ไอ้ไนท์ชอบพูดเกินจริงว่าพี่ชัดเจนเป็นพวกนักเลงอะไรแบบนั้น จริงๆ ก็ไม่ได้เห็นมีอะไรเลย
ผมยืนล้างมืออย่างสบายใจ ไม่มีใครมายืนรอจ้องหน้าที่หน้าประตูให้ต้องมีเรื่องชกหนึ่งทีสวนกลับสองก่อนจะได้ยินเสียงดังตุ้บเบาๆ ตามมาด้วยเสียงเหมือนคนทะเลาะกันอยู่ไม่ไกล ทำเอาผมตาตั้งหันมองตามต้นเสียง
ตั้งใจว่าจะไม่เดินไปดูแต่ก็กลัวจะมีคนล้มหรือเป็นอะไร
ผมค่อยๆ เดินเลี้ยวออกจากห้องน้ำไปทางด้านหลัง มองไปที่ลานจอดรถมืดๆ เพราะไฟค่อนข้างน้อยกว่าตรงจุดอื่นจนต้องเพ่งตามองหาเสียงก่อนจะเห็นผู้ชายสองคนยืนอยู่ตรงใต้เสาไฟแสงสลัวๆ ไม่ไกลนัก ผมรีบขยับตัวหลบหลังพุ่มไม้เพื่อแอบดูทันที
ก็เหมือนจะเป็นแค่การยืนคุยกันธรรมดา
ถ้าไม่เห็นว่าคนที่ยืนหันข้างอยู่กำลังกำคอเสื้ออีกคนที่ถูกผลักติดกับรถด้วยท่าทางหงุดหงิดและเอาเรื่อง คุยอะไรกันสักอย่างที่ผมจับประโยคไม่ได้จนคนที่โดนกำคอเสื้อลนลานรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดแล้วพูดอะไรต่อสักอย่าง
พี่ชัดเจน..?
ผมพยายามมองให้แน่ใจ นักศึกษามากินหมูที่ร้านเป็นสิบกว่าคนแต่ผมว่าผมจำเชือกถักสีดำที่ข้อมือขวาพี่ชัดเจนได้ เพราะมือเป็นข้างเดียวกับที่คว้าแขนผมเมื่อเช้าและตอนนี้มือข้างที่ว่านั่นก็กำลังกระชากคอเสื้อจะต่อยคนอยู่
‘ขอสองวันจริงๆ’
‘เอาให้แน่ กูให้แค่-’
เชี่ย รีดไถเงินเหรอวะ?
ผมหูผึ่ง พอเริ่มจับประโยคได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าฟังถูกหรือฟังผิด พยายามยื่นหน้ายื่นหูออกไปให้ใกล้เท่าที่จะทำได้ คิดไปคิดมาก็ขี้เสือกอย่างไอ้ไนท์ว่า ผมมองอีกฝ่ายที่กำลังกลัวจนเกือบจะยกมือไหว้แล้วด้วยซ้ำ หรือว่าพี่ชัดเจนจะเป็นเจ้าหนี้ทวงโหด
“ไอ้จู!”
“เชี่ย” ผมสะดุ้งโหยง หันไปมองไอ้มีนที่อยู่ดีๆ โผล่มาจับไหล่เรียกเสียงดังจนตกใจ ผมรีบเอามือแตะปากบอกให้มันลดเสียงลงก่อนดึงแขนให้เดินออกมาจากตรงนั้นเพราะกลัวว่าจะโดนเห็น
“ยืนทำไรลับๆ ล่อๆ หายไปนานกูนึกว่ามึงเป็นอะไร”
“เออ ก็ห้องน้ำคนเยอะเลยรอนาน”
“ห้องน้ำชายเนี่ยนะคนเยอะ?” ไอ้มีนขมวดคิ้วงง หันไปมองห้องน้ำชายที่จะแทบไม่มีคน
“อ้อ ปวดท้องเลยเข้านานหน่อย” ผมรีบทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง จะบอกว่ามายืนขี้เสือกก็ดูจะเป็นคนนิสัยยังไงอยู่ “จะกลับแล้วเหรอ”
“รอมึงจนต้องมาตาม เดี๋ยวพ่อมึงด่าหรอก”
“พ่อมึงน่ะสิ ไปดิ เสร็จแล้ว” ผมรุนหลังให้มันเดินเพื่อกลับไปที่โต๊ะ อดไม่ได้ที่จะหันหลังมองเช็กดูอีกทีว่าไม่มีใครตามหลังมาหรือเห็นพวกผม ใจก็เต้นตุ้บๆ หรือข่าวลือที่ว่ามันจะจริงวะ
“นึกว่าโดยคนรุมตีไปแล้ว” มาถึงโต๊ะไอ้ไนท์ก็ทักเลย ผมเดินไปนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ มัน หัวก็ยังคิดเรื่องที่เห็นจนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาชอบกล
“เปล่าสักหน่อย”
“แล้วเป็นไรวะ ทำหน้าเหมือนเห็นผี”
ผมมองหน้าไอ้สนที่ถามก่อนหันมามองหน้าไอ้ไนท์อีกที ไม่รู้จะบอกมันดีหรือเปล่าว่าเมื่อกี้เหมือนเห็นพี่ชัดเจนยืนไถเงินเด็กในมอ หรือผมอาจเข้าใจผิดไปเองแต่คือคนที่ยืนกระชากคอเสื้อคนอื่นคือพี่ชัดเจนแน่นอน
“เอ้า มองหน้ากูแล้วค้างเลย เจอผี?”
“เปล่า กูเจอ…”
“เจออะไร?”
“ตุ๊กแก แบบตัวใหญ่เท่าท่อนแขนอะ ไปดูกับกูปะ กำลังดักกินแมลงเม่าเลย”
“โอ๊ย ไอ้เหี้ยไม่ต้องพูด” ไอ้ไนท์ได้ยินแล้วโวยวายเสียงดังทันที ผมหัวเราะดังก๊ากเพราะรู้ว่ามันกลัวตุ๊กแกมาก กลัวจนไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยินชื่อ ระหว่างให้เจอผีกับตุ๊กแก มันคงเลือกเจอผี
“ไอ้ไนท์กลัวตุ๊กแกเหรอ55555”
“ขึ้นสมองอะ”
“ไม่ให้กูกลัวได้ไง ตอนเด็กๆ กูเคยนอนทับมัน อี๋ พูดแล้วขนลุก” ไอ้ไนท์ทำหน้าตาเหมือนจะเป็นจะตาย
ผมหัวเราะขำมันก่อนจะชวนกันเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ตัดสินใจไม่พูดเรื่องที่ตัวเองเพิ่งเดินชนพี่ชัดเจนหรือเรื่องที่เห็นพี่เขากำลังไถเงินคนอื่นเพราะผมเองก็ไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะกลายเป็นไปกล่าวหาลอยๆ แถมพูดไปเดี๋ยวพวกนี้แม่งแกล้งปั่นผมกว่าเดิม
ความจริงพวกมันรู้กันอยู่แล้วว่าผมไม่ใช่พวกชอบมีเรื่องกับคนอื่น เรื่องเตะต่อยกับชาวบ้านแทบไม่เคยมี ถ้าไม่ถึงที่สุดแบบเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อะไรก็ยอมได้ก็ยอม รักสงบจะแย่ ทำไมเราต้องหาเรื่องให้เจ็บตัวด้วย แค่คิดว่าโดนต่อยก็เจ็บตาย
ผมกำลังหัวเราะสนุกกับเพื่อน นั่งรอจ่ายเงินก่อนจะกลับเกือบลืมเรื่องที่ลานจอดรถ แต่สายตาเจ้ากรรมดันหันไปสบตากับพี่ชัดเจนที่กำลังเดินกลับจากทางไปห้องน้ำพอดี ผมรีบแกล้งทำเป็นว่ามองอย่างอื่น หันกลับมามองอีกทีก็เห็นพี่เขาเดินไปโซนโต๊ะของสวนอีกฟากนึงแล้ว
เรียนมาเป็นปีไม่เคยเจอพี่ชัดเจนสักครั้ง พอบังเอิญเจอก็เจอกันบ่อยจนผมชักไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังจะดวงตกหรือเปล่าวะ เจอทีไรก็มีเรื่องเจ็บตัวตลอด
♡
เช้าวันถัดมาผมตื่นนอนตอนสิบโมงด้วยอาการสะลึมสะลือและมึนหัว โชคดีวันนี้มีเรียนตอนบ่ายเลยยังพอมีเวลานั่งเมาค้างจากที่กินเหล้าไปเมื่อวานได้อีกหน่อย ถึงกินไม่เยอะก็เล่นเอาปวดหัวตุ้บๆ เหมือนกัน
ผมนอนลืมตาสักพักก่อนผุดตัวลุกขึ้นจากที่นอน พับผ้าห่มเก็บพวกเสื้อผ้ากับข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง ยืนมึนๆ งงๆ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำสระผม จากนั้นค่อยโทรหาไอ้ไนท์เพื่อถามมันว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่ไหนก่อนไปเรียน
“เออว่าไงวะ กำลังจะโทรหาเลย” ผมเดินออกจากห้องน้ำเห็นสายเรียกเข้าจากไอ้ไนท์พอดี มืออีกข้างก็หยิบเสื้อเอามาสวมก่อนหยิบผ้าขนหนูเช็ดหัวเปียกๆ ของตัวเอง
[ไอ้จูทำไรอยู่ โทรหาตั้งหลายสายไม่รับ]
“โทรมาตอนไหนอะ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ” ผมลดโทรศัพท์ในมือลง เห็นสายที่ไม่ได้รับกับไลน์ของไอ้ไนท์เมื่อห้านาทีก่อน
[แสดงว่ายังไม่ได้อ่านไลน์?]
“ไลน์อะไรอะ ไลน์มึงอะเหรอ”
[งั้นลงมาเปิดประตูคีย์การ์ดให้กูก่อนเลย อยู่หน้าตึกแล้ว]
“อะไรวะ” ผมขมวดคิ้วงงกับความปุ๊บปั๊บของมัน มือก็ขยับไปคว้าคีย์การ์ดออกจากห้องลงไปข้างล่างหอ เห็นมันยืนใส่ชุดนักศึกษาพร้อมไปเรียนจนผมต้องทักเพราะตัวเองยังหัวเปียก ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นใส่เล่นแบบคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ทำไมแต่งตัวไวจังวะ กูนึกว่ามึงยังไม่ตื่น”
“ก็เพิ่งตื่น พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จกะจะมานั่งรอเวลาที่ห้องมึงเลย เห็นในไลน์ยัง”
“ยัง ก็มึงบอกให้กูลงมาก่อน” ผมส่ายหน้า เดินไปกดลิฟต์กลับขึ้นไปยังชั้นห้องตัวเอง ผมกับไอ้ไนท์อยู่คนละหอกัน มันเลือกอยู่คอนโดห้องชุดตามความคุณชายของมัน ผมเลือกห้องแค่พอกลับมานอนไม่ได้ใหญ่มาก จริงๆ มันก็ชวนไปอยู่ด้วยแต่ผมว่าแค่ของมันคนเดียว ห้องก็แทบไม่พอจะวางของแล้ว
“เปิดดูดิ มึงยังจำแหวนเมื่อวานได้ไหม”
“แหวน?” ผมทำหน้างงไปแวบนึง “อ้อ เออว่ะ เมื่อวานเรายังไม่ได้เอาแหวนไปฝากตามหาเจ้าของเลย”
“เออออออออ มึงเปิดเลย เปิดเดี๋ยวนี้” ไอ้ไนท์รบเร้า ท่าทางตื่นๆ ของมันทำผมงง มันคว้ากุญแจห้องผมไปไขเหมือนเป็นเจ้าของห้อง ผมได้แต่เกาหัวแต่ก็เปิดแอปไลน์เข้าไปในแชทที่ถูกส่งมาจากไอ้ไนท์ มันพิมพ์มาประโยคเดียวว่าใช่วงเดียวกันไหมพร้อมกับลิ้งก์แอปไอจี
“วงเดียวอะไรเหรอ แบรด์?” ผมถามงงๆ ไม่เข้าใจ กดเปิดเข้าไปตามลิ้งก์ นึกว่าไอ้ไนท์เจอแบรนด์แหวนหรือเห็นราคาแพงเป็นหมื่นเป็นแสนจนแตกตื่นว่าผมเก็บแหวนราคาแพงได้
แต่มันกลับเป็นไอจีของใครสักคนที่โพสต์รูปมือสวมแหวนเอาไว้ที่นิ้ว
แหวน..เหมือนวงที่ผมเก็บได้
chudjane.19 ตามหาของหายครับ หากใครเจอหรือเก็บแหวนเงินเกลี้ยง ลักษณะฝังเพชรตรงกลางแบบในรูปได้ รบกวนทักเฟส/ไอจี หรือติดต่อเบอร์ 097-77062098 ทีนะครับ (รบกวนไม่โทรเล่นนะครับ) มีค่าตอบแทนส่งคืนให้ 10,000 บาท *แหวนไม่มีมูลค่า เป็นแหวนสำคัญ* ขอบคุณครับ
(พิกัดหาย : บริเวณมหาลัยxxx, ตึกB, โรงอาหาร3, ร้านxxx หายเมื่อวานวันที่ 3 กันยา)
“เชี่ย…. มึง ไอ้ไนท์” ผมอ้าปากเหวอสนิทเงยหน้ามองเพื่อนหลังจากที่อ่านแคปชั่นใต้โพสต์รูปจบ “วงเดียวกันเหรอ? หรือไง?”
“ไม่รู้ แต่เหมือนที่มึงเก็บได้ไหม กูเลื่อนไอจีแล้วเจอพอดี”
ไนท์ตอบ ส่วนผมยังอ้าปากแล้วนิ่งค้างไปอย่างนั้น เอานิ้วซูมดูรูปแหวนเป็นสิบรอบแทบจะมุดหัวเข้าไปในโทรศัพท์ แหวนเงินเหมือนวงที่ผมเก็บได้ยังไม่เท่าไหร่
แต่พอกดเข้าไปหน้าโปรไฟล์ไอจีแล้วเห็นว่าเจ้าของแหวนที่ประกาศตามหาเป็นใคร ผมถึงกับมึนไปหมด
พี่ชัดเจน…
“ไอ้ไนท์ ไอ้เหี้ยจริงเหรอ” ผมหันไปมองไอ้ไนท์เหมือนคนช็อก ทำไมวะ ทำไมถึงเป็นพี่ชัดเจนอีกแล้ว
“กูว่าโลกแม่งกลม” ไอ้ไนท์หัวเราะ “มึงยังเก็บแหวนอยู่เปล่า เอามาเทียบดูดิ๊”
“เก็บๆๆ” ผมร้องหน้าตื่น รีบกระโดดไปหยิบเสื้อนักศึกษาตัวที่เพิ่งใส่ไปเมื่อวาน จำได้ว่าตัวเองหย่อนแหวนใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เลิกเรียนเสร็จนัดเจอพวกสนกับมีน ติดลมยืนคุยกันยาวจนไปต่อร้านหมูกระทะเลยไม่ได้แวะเอาของไปฝากมหาลัย
อาจไม่ใช่วงเดียวกันก็ได้… แค่เป็นวงคล้ายๆ กัน คนทำของหายกันตั้งเยอะแยะ
ผมรีบล้วงเข้าในกระเป๋าเสื้อเพื่อจะเอามาเทียบดูกับในรูป
ตบกระเป๋าเสื้อ…
แหวกดูในกระเป๋า…
เขย่าเสื้อ สะบัดอีกที…
ไม่มี…
ผมหันกลับมองหน้าไอ้ไนท์ช้าๆ อย่างคนใจเสีย ใจเต้นแรงพาลปวดมวนท้องไปหมด แหวนที่ควรจะอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ตอนนี้มันกลับไม่ได้อยู่ในนั้นแล้ว
“มึง…ไม่มีว่ะ”
“หาดีๆ มึงหลงเอาไปเก็บไว้ที่อื่นเปล่าจู”
“ไม่นะ เมื่อวานกูจับขึ้นมาก็เอาใส่กระเป๋าเสื้อแล้วกูก็ตบเช็กด้วยว่าใส่แล้ว พอกลับถึงหอกูก็ถอดเสื้อ…” ผมทำท่าทางให้มันดูก่อนจะหันไปมองกองเสื้อผ้าตัวอื่นๆ ที่อยู่ในตะกร้าแล้วรีบคว้าเอามาค้นดูอีกที เผื่อว่ามันตกอยู่ในนั้น
“หรือมึงลืมว่าตัวเองเอาไปเก็บที่อื่น ในกระเป๋าตังอะ”
“ไม่น่านะ…” เสียงผมเกือบจะสั่น พยายามคิดให้ออกแต่หัวก็มีแต่จำได้ว่าตัวเองเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก้าวเท้าข้ามกองเสื้อผ้าที่ตัวเองรื้อไว้ หยิบกระเป๋าเงินกับกระเป๋าที่ตัวเองเอาไปเรียนค้นดูให้แน่ใจ มีไอ้ไนท์ที่เดินมาช่วยค้นในกองเสื้อผ้าอีกรอบ
ผมรื้อแทบจะเททุกอย่างในกระเป๋าออกมา เปิดลิ้นชักที่ตัวเองชอบใส่ของเป็นประจำก็ยังไม่เจอแหวนวงที่เก็บมา ผมยืนหน้าซีด ใจเสีย ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนขี้หลงขี้ลืมถึงขนาดวางแหวนทิ้งไว้เรื่อยเปื่อย
“ไอ้เหี้ยไนท์ ทำไงดีวะ…”
“จูมึงใจเย็นก่อนๆ มึงอาจทำตกในห้องก็ได้หรือไปเก็บไว้ที่อื่น ค่อยๆ คิด”
“มันก็ไม่มีอะ กูว่ากูไม่ได้เอาออกจากกระเป๋าเสื้อเลยด้วยซ้ำ” ผมเม้มปากเครียด รู้สึกแย่ขึ้นมาที่ตัวเองสะเพร่าทำของที่เก็บได้หายทั้งที่ผมเองก็คิดว่าอาจเป็นของสำคัญของใครสักคนแล้วก็จริงอย่างที่คิด
“ไม่แน่ มันอาจเป็นคนละวงกันก็ได้”
“แล้วถ้ามันวงเดียวกันอะ?”
ผมมองไอ้ไนท์ ตอนนี้หน้าผมแทบไม่มีสี มือตัวเองเย็นเฉียบขึ้นมา แค่รู้ว่าตัวเองทำแหวนที่เก็บได้หายก็รู้สึกแย่จะตายแล้ว ถ้าเกิดว่าแหวนวงที่เก็บได้เป็นของพี่ชัดเจนจริงๆ
ถ้าเขารู้ว่าผมเป็นคนเก็บได้แล้วทำหายซ้ำสอง…
“ไอ้จู มึงยังหายใจอยู่ปะเนี่ย”
“กูตายแน่ๆ” ผมแทบอยู่ไม่สุขจนไอ้ไนท์ต้องจับแขนให้ผมนั่งลงบนเตียง หัวผมก็เอาแต่นึกว่าตัวเองเอาแหวนไปเก็บไหน หรือตัวเองเห็นว่าเก็บในเสื้อไม่ปลอดภัยเลยเอาไปยัดใส่อย่างอื่น พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ยังไม่ตายแต่ถ้ามึงไม่หายใจ มึงตายนะ”
ผมทึ้งหัวตัวเองจนยุ่งก่อนจะเงยหน้ามองไอ้ไนท์
“หรือว่าไม่ใช่วงเดียวกันวะ หรือเราคิดไปเอง”
“เอาความจริงหรือเอาแบบปลอบใจมึง”
“โอ๊ย เหี้ยไรวะเนี่ยกู” ผมกุมขมับล้มตัวลงกับที่นอน ต่อให้มันไม่ตอบตรงๆ ก็รู้อยู่แล้ว ถึงผมอยากจะหลอกตัวเองว่าเป็นคนละวงแต่ใจก็รู้ว่ามันวงเดียวกันแน่นอน และผมคงจะไม่เครียดและรู้สึกผิดมาก หากไม่รู้ว่าเจ้าของกำลังตามหาแถมมันยังเป็นแหวนสำคัญอีก
“ทักไปบอกพี่ชัดเจนก่อนไหมว่ามึงเก็บได้”
“แล้วบอกว่ากูทำหายไปแล้วอะเหรอ” ผมดีดตัวขึ้นมามองไอ้ไนท์ที่ยังสะบัดเสื้อ รื้อของช่วยหาอยู่ “ถ้าเขาโมโห กูไม่โดนต่อยเข้าโรงบาลเลยเหรอวะ”
“เขาไม่ทำมึงหรอกน่า มึงก็ต้องบอกเขาอยู่ดี”
“ไหนแค่เดินชน มึงยังบอกว่าเขาจะต่อยกูเลย กูทำของสำคัญเขาหายไม่ฆ่ากูเลยเหรอไง”
“ไอ้เหี้ย กูก็แค่แหย่เล่น เขาไม่ทำอะไรมึงหรอก” ไอ้ไนท์ขำดูไม่ซีเรียสผิดกับผมที่จะเป็นจะตาย ผมไม่รู้มันจริงหรือพูดปลอบ ใจตีรวนแพนิกกลัวไปหมด ถ้าแกล้งๆ ทำเป็นเหมือนไม่เคยเก็บได้ สามัญสำนึกก็ด่าผมเป็นคนเหี้ยแล้ว
“มึงแน่ใจนะว่าพี่เขาจะไม่ทำ?” ผมมองหน้าไอ้ไนท์แบบจริงจัง “เมื่อวานกูเห็นพี่ชัดเจนต่อยคนด้วย”
“เห็นตอนไหน ตาฝาดเปล่า”
“ตาฝาดก็แย่แล้ว เมื่อวานที่ไปกินหมูกัน กูไปเข้าห้องน้ำก็ชนพี่ชัดเจน เขาทักกูด้วยว่าชนสองรอบแล้วนะ”
“เขาจำมึงได้?”
“ใช่ปะ กูโดนหมายหัวแล้วไอ้ไนท์” ผมแทบจะทิ้งตัวเองนอนลงกับเตียงอีกรอบ ชนรอบแรกก็โดนด่าทางสายตา รอบสองก็เหมือนโดนหมายหัวเอาไว้ ถ้ารู้ว่าผมเป็นคนเก็บแหวนได้แล้วทำหายอีก ไม่ดวงตกแล้วเรียกว่าชะตาขาดดีกว่า
“ถ้ามีคนชนกูจนเกือบตกบันได กูก็จำได้ มึงแพนิกไปเองเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมึง”
“กูยังเล่าไม่จบ พอออกมาจากห้องน้ำใช่ปะ กูได้ยินเสียงคนทะเลาะกันหลังห้องน้ำ กูเลยเดินออกไปดูรู้ปะกูเห็นอะไร?”
“ไม่ต้องเล่าเรื่องตุ๊กแกนะ” ไอ้ไนท์ทำหน้าเหมือนจะตาย ส่วนผมจะบ้าตายกับมัน
“กูเห็นพี่ชัดเจนกำลังไถเงินเด็กในมอต่างหากเว้ย กระชากเสื้อกำลังจะต่อยกันแบบนี้เลย พูดประมาณว่ากูให้เวลามึงเอาเงินมาคืนอีกไม่กี่วันนะ ส่วนคนนั้นก็รีบยกมือไหว้เลย” ผมพูดพลางทำท่าให้มันดู “แล้วนี่กูทำแหวนหาย แหวนสำคัญด้วย เขาจะไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ทำกับกูแบบนั้นเหรอวะ”
“มึงแค่ทำแหวนหายเอง มึงก็ต้องบอกเขาแล้วพูดสำนึกผิดอย่างจริงจัง”
“พูดสำนึกว่ายังไง” ผมทำหน้างง
“ผมไม่ได้ตั้งใจทำแหวนหาย ถ้าจะต่อย รบกวนพี่ชัดเจนช่วยต่อยเบาๆ ด้วยนะครับ”
อืม ฟังแล้วรู้สึกช่วยให้สบายได้เยอะเลย =_=
- - - - - -
#ระยะชัดเจน - ฝากน้องจูกับพี่ชัดเจนด้วยนะคะ ♡