13 เที่ยงนี้กินข้าวด้วยกันปะวันนี้เป็นวันศุกร์ที่อาจารย์ยกเลิกคาบเพราะติดไปทำธุระ แต่ผม ปก โบ๊ท นุ้ย ที่ไม่มีเรียน ก็ยังต้องนัดรวมตัวกันเพื่อที่จะมานั่งทำโปรเจคที่จะต้องส่งอาจารย์กันในสัปดาห์หน้า เช้านี้เลยนั่งกินข้าวกันที่โรงอาหารกัน ก่อนที่จะไปทำงานกันที่หอสมุด ระหว่างผมที่กำลังดื่มน้ำฝรั่งของโปรดของผมอยู่นั้น นุ้ยมันก็หันมาเรียกทุกคนให้หันไปคุยกับมัน
“พวกแกเคยมีความรู้สึกแอบชอบใครกันปะ”
ผมหันเงยหน้าขึ้นมามองหน้านุ้ยที่หันมาทางพวกผมที่เคยหน้าแทบจะพร้อมๆ กัน ก่อนที่ผมจะหันไปมองหน้าปกที่กำลังอมยิ้ม ส่วนโบ๊ทที่ตอนนี้กำลังมองหน้านุ้ยพร้อมกับหูที่แดงขึ้นมาอย่างผิดสังเกต เอ๊ะหรือว่าโบ๊ทมันกำลังแอบชอบใครอยู่หรือเปล่า
“ใครบ้างไม่เคยแอบชอบละ”
ปกเป็นคนตอบคำถามแทนผมและโบ๊ท ที่ตอนนี้พยักหน้าเป็นการร่วมเห็นด้วย
“นั้นนะซิเนอะ คืออย่างนี้ ตอนนี้กูกำลังแอบชอบรุ่นพี่ปี 4 อยู่วะ พวกมึงช่วยคิดหน่อยซิ ว่ากูควรจะทำอย่างไร”
งานหยาบแล้วปะครับ เรื่องตัวเองยังไม่รอด แล้วจะไปให้คำแนะนำใครได้ แต่ด้วยเพื่อนมาปรึกษา มันก็ต้องช่วยคิดหาคำตอบนะซิ
“ไหนแกเล่าเรื่องรุ่นพี่คนนั้นมาหน่อย เพื่อกูจะช่วยได้” โบ๊ทหันไปถามบ้าง
“เป็นรุ่นพี่ปี 4 คณะเรานี้แหละ กูเห็นครั้งแรก ตอนที่พวกปี 3 มาหาเรา แล้วพี่เขายืนอยู่ข้างหลังไง ตอนนั้นก็ว๊าวมาก คนไรวะ เท่จัง แล้วพอหลังจากนั้นก็ไปสืบมาว่า เค้าเป็นประธานชมรมโฟโต้ด้วย เงียบๆ เนิร์ดๆ ดีกูชอบ”
“มึงก็เข้าไปที่ชมรมโฟโต้ซิ ก็จะได้ใกล้ชิดเขาไง” ผมเสนอไอเดียบ้าง
“ไม่เอา จริงๆ เคยเข้าไปแล้วเมื่อตอนปี 1 แต่ตอนนั้นแรดออกมาซะก่อน อีกอย่างตอนนี้กูทำงานกับพวกสโมสรด้วย คือถ้าเข้าไปจริงๆ ก็ต้องจริงจังใช่ปะ แต่กูจริงจังไม่ได้ เพราะจะทิ้งฝั่งนี้ก็ไม่ได้อีก ปกทำไงดี” มันหันไปหาปก ที่ดูน่าจะฉลาดที่สุดในกลุ่ม
“แล้วแกได้เคยทัก หรือทำความรู้จักกับพี่เขาหรือยังละ”
“จริงๆ ก็แอดเฟสบุ๊คไปแล้วนะ แต่ก็ไม่กล้าทัก ขนาดกดไลค์กูยังไม่กล้าเลย”
“เขาก็รับแอดแกแล้ว แสดงว่าจริงๆ เขาก็คงจำแกได้”
“มันเด่นซะทุกกิจกรรมขนาดนี้ เราว่าถ้าคนจำไม่ได้ซิแปลก”
โบ๊ทบอก ก็ทำให้พวกเราทุกคนในโต๊ะหัวเราะ เพราะนุ้ยมันเหมือนตัวโจ๊กฝั่งผู้หญิงครับ แล้วก็ชอบโดนรุ่นพี่แกล้ง หรือบางทีจะเรียกว่ามันไปแกล้งรุ่นพี่ซะมากกว่า ถ้าให้ทำอะไร นุ้ยไม่เคยอาย ทำได้หมด
“งั้นแกก็ทักไปแนะนำตัว แล้วบอกว่า ถ้าทางชมรมมีกิจกรรม ถ่ายรูป หานางแบบ แกบอกเลยว่าแกอาสาช่วยได้”
แต่เห็นบ้าๆ แบบนี้ นุ้ยมันมีงานเสริมคือนางแบบนะครับ ด้วยความสูงยาวเข่าดี แฟขั่นวีคที่ผ่านมาก็มีเดินแบบให้กับแบรนด์ดังๆ ด้วย เวลาเดินแบบหรือถ่ายงาน เวลาพวกเราเห็นงานมันนะ คือคนละเรื่องกับตัวจริงที่พวกเราเห็น แถมมีงานที่ทำให้ช่วงหนึ่งมีคนทักตลอดคือ งานโฆษณา กาแฟลดน้ำหนัก ที่ให้ผู้หญิงหน้าเก๋ หุ่นดี มาเดินสวยๆ ในชุดธรรมดา
“เออ ความคิดอันนี้ดีคะปก แต่กูเขินอะพวกมึง”
ผมก็ไม่เคยเห็นมันเขินแบบนี้สักครั้ง คนนี้สงสัยมันคงจะชอบจริง แต่ไม่ทันอะไรมันก็กรี๊ด เบาๆ ก้มหน้าก้มตาบอกว่า พี่เขากำลังเดินมา พวกเราเลยหันหลังไปมองพร้อมกันทั้ง สามคน
“อีพวกเหี้ย มึงก็มองแบบนั้นไม่ทักพี่เขาเลยละ”
มันด่าพวกเราที่หันไปพร้อมกันครับ พี่คนที่นุ้ยหมายถึงคือ รุ่นพี่ปี 4 สูงน่าจะประมาณ 180 รูปร่างดีเลยทีเดียว ส่วนหน้าตาเขาจะออกนิ่งๆ ดูไม่ได้สนใจอะไรรอบข้าง ก็แปลกนะครับ ที่คนอย่างนุ้ย สาวเปรี้ยวซ่า จะมาตกหลุมรักผู้ชายนิ่งๆ แบบนี้
“พี่เขาชื่ออะไรวะ” โบ๊ทหันไปถามนุ้ยที่ตอนนี้ก้มหน้าไปกับโต๊ะไม่กล้าจ้องหน้าตรงๆ
“พี่เอก ทำไมวะ” นุ้ยตอบพอดีกับที่จังหวะของพี่เอก เดินมาตรงกับพวกเราพอดี
“พี่เอก สวัสดีครับ” โบ๊ทมันตะโกนลั่นเลย พวกเราทั้งโต๊ะ เลยต้องยกมือไหว้รุ่นพี่ไปตามระเบียบ
“ออ สวัสดีครับ กินข้าวเช้ากันหรือ เดียวพี่ไปเรียนก่อนนะ” พี่เอกตอบพร้อมกับยิ้มให้ทุกคนในโต๊ะ แต่เมื่อพี่เอกเดินไป นุ้ยที่ตอนนี้ลุกขึ้นจากการก้มหน้าก้มตาไปที่ใต้โต๊ะ หันมาหยิกแขนโบ๊ท แล้วด่าอีกเป็นชุด
“มึงรู้จักพี่เอกหรือ”
“ไม่ กูเพิ่งรู้ชื่อพี่จากมึงไง แต่กูจำพี่ได้แล้ว พี่เขาเป็นตากล้องประจำคณะเราไง แกจะมาประชุมแล้วก็ถ่ายภาพเบื้องหลังบ้าง”
“แล้วมึงไปทักพี่เขาแบบนั้นทำไม แล้วทำไมพี่เขาทักมึงกลับละ”
“มารยาท รู้จักเปล่าครับ พวกเราอุตส่าห์ยกมือไหว้ซะขนาดนั้น ถ้าจะเดินผ่านไปโดยไม่ได้พูดอะไรไป มันก็เหี้ยไปปะ อย่างแรกที่ข้อมูลมึงถูกต้องคือ พี่เค้าชื่อเอก”
ทั้งโต๊ะตอนนี้หัวเราะ ทั้งวิธีการของโบ๊ท และหัวเราะท่าทางของนุ้ย ที่ผิดหูผิดตาพวกเรา จากสาวที่ก๋ากั่น กลายเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาขึ้นมาทันที พวกเราเลยตกลงว่า ให้นุ้ยทักไปหาพี่เอกก่อน เป็นการแนะนำตัว จะได้ทำความรู้จักกันได้ คือถ้าเค้าไม่สนใจพี่เค้าก็จะไม่สนใจอะไร แต่ถ้าพี่สนใจเค้าก็จะชวนคุยต่อเอง นุ้ยมันก็เลยตกลงที่จะลองไปทำดู
หลังจากนั้นพวกเราก็ขึ้นมาทำงาน ที่ห้องสมุด นั่งทำไปงานไปสักพัก มือถือผมที่ปิดเสียงไว้ ก็สั่นเป็นความหมายของข้อความเข้า เลยหยิบขึ้นมาดู
นัทหัวกรวย วันนี้มีเรียนเปล่า
Water_naam ไม่มีอะ แต่ตอนนี้อยู่หอสมุด มานั่งทำงานกับเพื่อนๆ
นัทหัวกรวย เออ ดี งั้นตอนเที่ยงมากินข้าวที่โรงอาหารคณะกูเปล่า
Water_naam งั้นเดี๋ยวกูถามปก โบ๊ท นุ้ย ก่อนนะ ว่าพวกมันจะไปไหนกันเปล่า
นัทหัวกรวย เออ ได้ๆ บอกมาแล้วกัน
“พวกมึง นัทมันชวนไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะมันเที่ยงนี้ พวกมึงจะไปกันปะ”
ผมหันไปถามเพื่อนๆ เพราะไม่อยากตัดสินใจด้วยตัวเอง เกิดเพื่อนๆ ไม่อยากไป หรืออยากไปที่ไหนกันต่อ เดี๋ยวจะเป็นการบังคับเกินไป
“ได้ซิ ไม่ได้ไปกินที่โรงอาหารนั้นนานแล้วเหมือนกัน”
ปกหันไปหานุ้ย และโบ๊ท ไม่มีการคัดค้านอะไร ก็เลยตอบมาทันที
Water_naam เดี๋ยวพวกเราไปกินที่โรงอาหารแก เที่ยงเจอกันที่นั่นเลยก็ได้
นัทหัวกรวย งั้นถ้าแกไปถึงก่อนก็ไปนั่งรอแถวซุ่มประจำเรานะ แกจำได้ใช่ปะ
Water_naam จำได้ เดี๋ยวเจอกัน
นัทหัวกรวย จุ๊บๆ
อยากจะด่ามันว่าให้เลิกทำแบบนี้คิดถึงหัวใจคนอ่านด้วย แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับ ผมกับมันไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำบาปร่วมกันมามาก ตัดยังไงก็ตัดไม่ขาด อีกอย่างคือคนที่รู้สึกก็คือผมอยู่ฝ่ายเดียวนั้นเอง เหมือนที่นุ้ยถามว่า เคยแอบชอบคนเปล่า อยากจะพูดดังๆ ‘กูนี้แหละมนุษย์แอบรักตัวพ่อ’
ถึงเวลาเที่ยงพวกเราก็เลยขนขบวนกันไปยังโรงอาหารตึกวิศวะกัน ไปถึงนัทและเพื่อนๆ ที่นั่งรออยู่แล้วก็โบกมือทักทาย พวกเราเลยเลือกที่จะนั่งโต๊ะข้างๆ ชื่อว่าโรงอาหารวิศวะก็จริงครับ แต่ว่าจริงๆ มันคือโรงอาหารของ คณะวิศวะ และคณะศิลปกรรมศาสตร์ เพราะโรงอาหารนี้ตั้งอยู่ตรงกลางพอดี ส่วนใหญ่คนที่กินข้าวที่นี่เลยจะเห็นผู้ชายซะส่วนใหญ่ และแน่นอน คนที่ดูมีความสุขที่สุดก็น่าจะเป็นนุ้ยที่ตอนนี้กลับมาเป็นนุ้ยคนเดิม ไม่ใช่นุ้ยคนที่เขินอายบิดม้วนเหมือนเมื่อเช้าที่พวกเราเห็น
“คิดถึงเค้าละซิที่รัก เลยนัดมากินข้าวเที่ยงแบบนี้”
นุ้ยคนเดิมกลับมาแล้ว เจอนัทปุ๊บก็เข้าไปกอด ลูบแก้มลูบหน้าอกนัทมันเลยทันที ซึ่งฝั่งนั้นเองก็ไม่ได้หนี หรือมีท่าทีกลัวแต่อย่างไร กลับกัน จับนุ้ยมันไปหอมแก้มฟอดใหญ่ซะด้วยซ้ำ นุ้ยมันก็กรี๊ดออกมาพอประมาณ แต่เพื่อนๆ รอบตัว ก็คือต่างหัวเราะและก็ส่ายหัว ให้ความทะลึ่งของทั้งคู่ ถ้าผู้ใหญ่เดินผ่านไปผ่านมา ก็คงต้องปวดหัวของเด็ก 2 คนนี้แน่นอน
“นัท บอกเพื่อนๆ หน่อยซิ ว่าอย่ามองเราแบบนี้ เราเขินนะ”
“ต้องขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะ เพื่อนเราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้”
“แบบนี้นะแบบไหนหรือ นางฟ้าแบบเค้าหรือเปล่า”
“เอาที่นุ้ยสบายใจเลยจ้า นุ้ยมีความสุขแบบไหน ผัวคนนี้ก็มีความสุขด้วยเสมอ”
สองคนนั้นก็เล่นกันไปเรื่อยแบบนี้เสมอทุกครั้งที่เจอกันแหละครับ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ผมคิดภาพวันที่นัทมันเดินมาบอกว่า นัทกับนุ้ยตัดสินใจที่จะตกลงคบกันนะ นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ
หลังจากตั้งของอะไรกันแล้ว ผมก็สังเกตว่าเพื่อนๆ ของนัททุกคนมีจานข้าวของตัวเองแล้วหมดทุกคน เว้นแต่ของนัทเพียงคนเดียวที่ยังไม่มี พวกผมและนัทก็แยกย้ายกันไปหาซื้อข้าวกิน
“แล้วแกยังไม่ได้ซื้อข้าวอีกหรือ เพิ่งมาถึงหรือ”
“เปล่า ก็รอซื้อพร้อมแก แกจะกินอะไรละ”
พูดเสร็จมันก็ยักคิ้วใส่ผม ผมก็ได้แต่ยิ้มให้มัน แล้วก็เดินไปซื้อข้าว เสร็จแล้วก็มาวางจานที่โต๊ะ นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ซื้อน้ำเลยทำท่าจะลึกไปซื้อน้ำ แต่นัทที่เดินถือจานข้าว พร้อมน้ำแดงของมัน แล้วน้ำอีกแก้วยื่นมาให้ผม
“น้ำฝรั่งของมึง” นัทยื่นมาให้แล้วก็ลงไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างๆ
“ขอบใจ เลี้ยงกูใช่ปะ”
“เออ แค่นี้เอง เลี้ยงมากกว่านี้ยังได้” นัทมันหันมาพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
“แหมๆ อะไรกันคะ ซื้อน้ำกันให้ด้วย อะไรยังไงคะเนี้ย” เสียงนุ้ยแซวมาจากอีกฝั่งโต๊ะ ก็ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ผมและนัทไม่ได้อยู่กันแค่ 2 คน
“ไม่ได้ดิ เมียหลวงต้องดูแลให้ดีหน่อย ต้องดูแลให้ดีจนตายใจ เราก็จะได้ไปมีเมียน้อยต่อไง”
มันพูดเสร็จก็นั่งลง พวกเราตอนนั้นก็หัวเราะกับมุขที่มันพูด ระหว่างนั้นผมก็หันไปเจอปกที่กำลังส่งสายตาเป็นความหมายว่า ‘โอเคหรือเปล่า’ ผมได้เพียงพยักหน้าไปเป็นคำตอบว่าไม่ได้คิดมากอะไร ผมดีใจนะที่มีเพื่อนสนิทขนาดที่มองหน้าแล้วรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ถามตอบในใจ ก็แปลกดีนะ พวกเรานั่งกินข้าวกัน เล่นกันสักพัก นุ้ยมันก็สะกิดชี้ให้มองผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนซื้อข้าวอยู่ร้านข้างหน้าโต๊ะที่พวกเรานั่ง
“พวกมึง นั้นมันพี่ที่เล่นกีตาร์วงที่เล่นที่ร้านที่เราไปมาปะ”
“อืม” โบ๊ทเป็นคนตอบ
“อ้าว เรียนที่นี่ด้วยหรือวะ นึกว่าเรียนที่อื่นซะอีก ตอนกลางวันเขาก็หล่อไปอีกแบบหนึ่งเนอะ ใส่เสื้อช็อปศิลกรรมด้วย พี่เขาชื่อไรวะ”
“ชื่อไมค์ เรียนศิลกรรม” โบ๊ทมันตอบพร้อมกับสายตาที่ยังไม่ละสายตาจากผู้ชายคนนั้นเลย
“มึงรู้จักพี่เขาหรือ” นุ้ยถามด้วยความสงสัย จริงๆ ผมเองก็สงสัย เพราะท่าทางผมว่าโบ๊ทน่าจะรู้จักเขาด้วย แต่โบ๊ทก็เหมือนเพิ่งจะรู้ตัวที่ถูกถามแบบนั้นเลยหันมาหาพวกผมที่รอคำตอบ
“เขาเป็นรุ่นพี่สมัยมัธยมนะ แล้วก็อยู่หอเดียวกับกูด้วย แต่ไม่น่าจะจำกูได้”
“ออ” นุ้ยตอบกลับไป แล้วก็หันไปสนใจอย่างอื่นต่อ ส่วนผม ที่ตอนนี้เห็นว่าโบ๊ทยังแอบมองพี่เขาไปนั่งกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนๆ อีกฟากหนึ่งของโรงอาหาร ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตอนนี้โบ๊ทกำลังรู้สึกอย่างไร
กินข้าวกันเสร็จแล้วฝั่งผมก็กำลังจะไปทำงานต่อที่ห้องสมุด ส่วนฝั่งนัทก็ต้องขึ้นไปเรียนในคาบบ่ายต่อ ก่อนจะลุกออกไปได้คุยกันว่าเย็นนี้น่าจะทำหมูกระทะกินกัน นุ้ยเลยบอกให้ผมชวนนัทที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ไปกินด้วยกันเย็นนี้
“เย็นนี้พวกเราจะกินหมูกระทะกันอะ ไปกินด้วยกันเปล่า”
“ไปดิ เย็นนี้ไม่ได้ไปไหน” นัทตอบแทบจะทันทีที่ผมถาม ส่วนเพื่อนๆ ของนัทก็ขอตัวไม่ไปกินกับพวกเรา เพราะพวกเขามีธุระกัน ตอนนั้นยอมรับเลยครับว่าดีใจมาก
4 โมงเย็น พวกเรากำลังเก็บข้าวของเพื่อออกจากห้องสมุด ผมเลยหยิบโทรศัพท์เพื่อส่งข้อความหานัท เป็นการนัดแนะเวลาที่จะต้องมาเจอกันเพื่อกินหมูกระทะกัน
Water_naam พวกเราเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะไปซื้อของ แล้วเอาของไปทำกินกันที่ห้องปก แกจะมากี่โมงหรือ
ตอนนี้ข้อความในมือถือ ขึ้นว่า Read แต่ก็เงียบไป ประมาณ เกือบ 5 นาที นัทมันก็ส่งข้อความตอบกลับมา
นัทหัวกรวย มึง กูไปไม่ได้แล้วอะ มิ้นชวนกูไปกินข้าวเย็นนี้ กูไม่อยากปฏิเสธวะ ฝากบอกเพื่อนๆ ด้วยนะ ว่ากูขอโทษ ไว้เดี๋ยวคราวหน้าไม่เบี้ยวแน่นอน
Water_naam โอเค ไม่เป็นไร งั้นไว้คราวหน้า