ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] จบแล้ว...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] จบแล้ว...  (อ่าน 5360 ครั้ง)

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2021 10:21:31 โดย -Piagpun- »

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #1 เมื่อ23-06-2021 17:49:50 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื๊อ

 




 

สายศร : คนในฝันหาไม่ได้ในชีวิตจริง ผมเริ่มเชื่อแบบนั้นเพราะดูอย่างน้องชายผม แฟนทุกคนที่เขาพามาให้รู้จักล้วนแต่เป็นคนที่ตรงสเปคทุกอย่าง แต่สุดท้ายคนที่ได้แต่งงานด้วย กลับเป็นคนที่ตรงกันข้ามกับทุกสิ่งที่เขาเคยวาดฝันเอา

มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรตัวผมก็หวังว่าสักวันจะเจอแบบนั้นกับตัวเอง...

 

กุญแจ : คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม ผมไม่เชื่อ แต่ถ้าถามว่าผมเคยมีประสบการณ์แย่ ๆ มาเหรอ ก็ไม่อีกนั่นแหละ ผมเรียนรู้จากคนรอบข้างมาเยอะ มันมากพอที่จะทำให้รู้ว่า

ไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความรัก...

 

 

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

 

“เธอรู้ไหมภาพยังติดตาฉันอยู่เลย...”

“...” ผมเงียบฟังสิงที่เขาจะพูด

“ตรงนี้คือสมอง” ศรยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะผม

“...”

“ตรงนี้เป็นปอด” เขาลากมือทั้งสองลงวางบนเนินอก

“...”

“ส่วนตรงนี้คือหัวใจ” ฝ่ามือหนาหยุดกลางอก “ฉันขอได้ไหมหัวใจของเธอ... อย่ายกมันให้ใคร นอกจากฉัน”

 
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

 

เปิดเรื่อง 22/5/2564

*อัพทุกวัน

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

 

 *If it’ s 10,000 hours or the rest of my life

I’ m gonna love you



 

"ธรรมชาติของนิยาย เป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่ขึ้นเท่านั้น ตัวละครและบทบาททั้งหมดเกิดจากจินตนาการของนักเขียน"

 

 

*ภาพประกอบเป็นเพียงสื่อเชิงอรรถรสเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาใช่เพื่อเชิงพาณิชย์

 

 

ณ ขณะที่... (รัก) เป็นSpin-off จากเรื่อง บอสครับผมเป็นมิจ... #สายเปย์ [Yaoi]

 

-เปียกปนู-

 

 

 
*เพลง10,000 Hours – Dan + Shay & Justin Bieber


ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 0
«ตอบ #2 เมื่อ23-06-2021 17:53:56 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 0

Intro

 



 

คนในฝันหาไม่ได้ในชีวิตจริง ผมเริ่มเชื่อแบบนั้น เพราะดูอย่างน้องชายผม แฟนทุกคนที่เขาพามาให้รู้จัก ล้วนแต่เป็นคนที่ตรงสเปคทุกอย่าง แต่สุดท้ายคนที่ได้แต่งงานด้วย กลับเป็นคนที่ตรงกันข้ามกับทุกสิ่งที่เขาเคยวาดฝันเอา

มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรตัวผมก็หวังว่าสักวันจะเจอแบบนั้นกับตัวเอง...

“คุณศรคืนนี้เราไปต่อกันดีไหมคะ” ผมหันกลับมามองเธอในชุดรัดรูปสีดำสนิท

อีกไม่นานผมก็ต้องเข้ารับตำแหน่งต่อจากพ่อ แน่นอนว่าผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก แต่ถ้ามันทำให้น้องชายผมได้ไปต่อผมก็ยอม มันไม่ได้ทำให้เรื่องที่ผมก่อไว้ดีขึ้น แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกเบาบาง

“ก็เอาสิ ที่ห้องฉันมีไวน์รสชาติดีอยู่ด้วยล่ะ”

“จริงเหรอคะ เพ่ยเพ่ยชอบ กิน... ไวน์” มุมปากผมกระตุกยิ้ม แววตาเธอดูไม่ได้สนใจไวน์อย่างที่พูด

“ฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นเต็มความสูง สาวเท้าเข้าห้องน้ำในโซนหนึ่งของชั้นวีไอพี ผมหยิบมือถือเพื่อบอกให้คนเตรียมรถเอาไว้ ก่อนจะรับรู้ถึงแรงกระแทกเข้าอย่างจัง

พลั่ก!

“ขอโทษครับ” ผมรีบปรี่เข้าไปประคองคนตัวเล็กที่ล้มอยู่กับพื้น

“ผมไม่เป็นไร แต่ช่วยมองทางหน่อยก็ดีครับ...” เขาว่าช้อนหน้าขึ้นมอง

ใบหน้าขาวจ้องมองผมอย่างไม่ลดละ กลิ่นเครื่องดื่มฟุ้งกระจายออกมาจากตัว ลอยมาแตะจมูก ดวงตาคมกริบทำให้ผมรู้สึกถูกใจเขาเป็นอย่างมาก

ผมมีรสนิยมชอบคนที่ดูเฟียซ ๆ ผมรู้สึกว่าพวกเขาเหล่านั้นเอาผมอยู่ ทั้งเรื่องบนเตียง และเรื่องความเจ้าชู้ของผม

“คุณเดินไหวหรือเปล่า” ผมว่า

“ทำไมเหรอครับ ถ้าไม่ไหว คุณจะไปส่งผมงั้นเหรอ”

“ถ้าคุณอนุญาต” ผมยกยิ้ม จ้องมองดวงตาคู่คมเป็นประกายระยิบระยับ

“คิดว่าผมตามไม่ทัน ผู้ชายอย่างคุณเหรอครับ”

“ก็ไม่รู้สิ ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดา”

“ผมชื่อที”

“ผมศรครับ”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืนนั้นจบกันที่ไหน ส่วนเพ่ยเพ่ยที่ผมคุยเอาไว้ก่อนหน้า ก็ขอเลื่อนไปเจอกันวันอื่น เธอแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่สำหรับนักเที่ยวแบบเรา ๆ ก็รู้ดีว่ามันไม่สำคัญอะไร

 

เสียงนาฬิกาปลุกทำให้ผมลุกขึ้นจากเตียง ภายในห้องนอนแสงแดดเข้าไม่ถึง เพราะม่านหนาปิดจนมืดสนิท ผู้ชายที่ผมคุยด้วยเมื่อคืนตอนนี้จากไปแล้ว เหลือเพียงโน้ตแผ่นเล็กทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า

‘เมื่อคืนสนุกมากครับ’

ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเบื่ออะไรแบบนี้ บอกตามตรงว่าผมถูกใจเขามาก ทั้งรูปร่าง หน้าตา เรื่องบนเตียงก็จัดว่าเด็ด มันก็รู้สึกแย่อยู่หน่อย ๆ นะ ที่เมื่อคืนเราทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ตื่นขึ้นมาเหลือเพียงแค่โน้ตทิ้งเอาไว้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้

แต่มันจะดีกว่าไหม หากว่าตื่นขึ้นมาแล้วมีใครสักคนอยู่ในอ้อมกอด...

 

ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ

“เข้ามา” ผมว่า

“คุณศรต้องไปดูงานที่พัทยาช่วงบ่าย จะให้ผมเตรียมรถไว้เลยไหมครับ”

“ไม่ต้องงานนี้ฉันจะไปเอง” ว่าจบผมก็ปล่อยปลายเท้าสัมผัสพื้นเย็นเหยียบ ร่างกายไร้เสื้อผ้าปลกคุม ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างกาย

อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าผมต้องเข้ารับตำแหน่ง ผมคงไม่ได้มีเวลามากที่จะเที่ยวเตร่ได้ทุกคืนเหมือนตอนนี้ เวลาต่อจากนี้ไปอีกเจ็ดวัน ผมจะใช้ให้คุ้มค่าที่สุด...

 

 

[เดี่ยวกุญแจ]


 

คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม ผมไม่เชื่อ แต่ถ้าถามว่าผมเคยมีประสบการณ์แย่ ๆ มาเหรอ ก็ไม่อีกนั่นแหละ ผมเรียนรู้จากคนรอบข้างมาเยอะ มันมากพอที่จะทำให้รู้ว่า ไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความรัก

เรื่องมันเริ่มจากที่พ่อกับแม่ ครอบครัวที่ผมคิดว่ามันอบอุ่นจนคนนอกไม่มีทางเข้ามาทำลายมันได้ แต่มันก็พังลง เมื่อพ่อเดินมาบอกว่ามีโลกอีกใบ พ่วงมาด้วยเด็กตัวน้อยตาใส

บาดแผลนี้ทำให้แม่ผมหย่ากับพ่อ แต่หลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็มีใครอีกคนและกำลังอุ้มท้องน้องสาว แม่ตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ที่เมืองนอก แต่พี่ชายผมยืนกรานว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น

พ่อกับแม่ปรึกษากันว่าจะซื้อบ้านให้หนึ่งหลังใกล้มหาลัย พวกผมโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หน้าที่ของพวกเขาทั้งสองคือส่งเงินให้ผมกับพี่ชายทุกเดือน หลังเรียนจบเงินที่ส่งให้จะลดลง

ผมยังจำภาพวันที่แม่อาละวาดทำลายข้าวของได้ติดตา เรื่องรักสมัยวัยละอ่อนที่แม่เล่า บอกได้ชัดว่า มาถึงจุดหนึ่ง เราก็ต่างเป็นคนอื่น นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมเริ่มสร้างกำแพง ผมไม่อยากผิดหวัง ไม่อยากเสียใจ การอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่

หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้เห็นคนใกล้ตัวอีกมากมายที่ต้องเสียน้ำตา ร้องไห้ฟูมฟายให้กับความรักที่เต็มไปด้วยความไม่สมหวัง ในนั้นก็มีพี่ชายผมแล้วหนึ่ง เมาไม่ต่างจากหมา พอเหมือนจะดีเข้าหน่อย ก็โดนหักหลัง พอมองแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่า

สู้อยู่คนเดียวดีกว่า ถ้าต้องเจ็บปวดขนาดนั้น...

“กลับวันไหน”

“ไปแค่อาทิตย์เดียว” ผมว่า

วันนี้พี่ชายผมมาเก็บของบางส่วน หลังจากที่แต่งงานได้ไม่นาน มีช่วงหนึ่งที่สามีพี่ชายผมมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน ผมก็ได้เห็นหลายมุมของเขา เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คิด

ถ้าคุณคิดว่าอ่านผิด ไม่ผิดหรอกนะครับ พี่ชาย... สามี... พี่ชายผมแต่งงานกับผู้ชาย ผมไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก มันไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคนี้ เพศสภาพเป็นเรื่องที่ธรรมชาติสร้างขึ้น เราควรยินดีกับสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้ไม่ใช่เหรอ...

“มึงออกจากบ้านก็ปิดไฟ ปิดประตูดี ๆ” ผมยังทำเหมือนอย่างเคยทุกครั้งทีออกจากบ้าน ก็เพราะพี่ชายผมมันเป็นคนลืมหน้า ลืมหลังเป็นประจำ แต่ก็สบายใจขึ้นมาหน่อยเพราะพี่ธนูอยู่ด้วย

“กูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ”

“เออ ก็มีผัวเป็นตัวเป็นตนขนาดนี้แล้วก็ต้องโตได้แล้วนะ”

“นี่กูพี่มึงนะเฮ้ยยยยย!”

โตแต่ตัว... นั่นคือสิ่งที่ผมรู้มาตลอด

“พี่ธนู ผมไปแล้วนะครับ”

“ไม่ให้พี่ไปส่งจริง ๆ เหรอ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้ สวัสดีครับ” ว่าจบผมก็ยกมือไหว้พี่ธนู และพี่ชาย

 

หลังสอบผมมักจะนัดกับเพื่อนเที่ยวทะเล ยิ่งช่วง Low Season ผมยิ่งชอบ ไม่ได้ทำตามหนังแต่ที่ชอบเพราะช่วงนี้คนจะน้อยมาก การเที่ยวพักผ่อน คือการได้พักเต็มร้อย

พอถึงจุดหมายปลายทางเพื่อนผมก็จะขอแยกตัวพักในเมือง ส่วนผมเข้าเกาะล้านคนเดียว ที่เป็นอย่างนั้นใช่ว่าผมอยากไปคนเดียวที่ไหนล่ะ ก็ที่เพื่อนผมมาด้วยก็เพราะมันมาหาแฟน คนที่มาเพื่อพักผ่อนจริง ๆ มีเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้นแหละ

“วันกลับเรามาเจอกันที่เดิมนะมึง” โปเต้ว่า

“โอเค” ผมตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะซื้อตั๋วขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะล้าน

ผมจองบังกะโลไว้แล้วก่อนมา มันเป็นบ้านไม้ติดริมทะเล เหมาะแก่การพักผ่อน ถึงแม้ว่าตัวบ้านจะเป็นสองหลังติดกันเป็นคู่ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนเข้าพักอยู่แล้ว

หลังจากเข้าห้องพัก ผมก็เอาของทั้งหมดเข้าไปเก็บ ใกล้ ๆ นี้มีหาดทองหลางที่เชื่อมกับหาดตาแหวน มันค่อนข้างชันกว่าหาดตาแหวน จึงไม่ค่อยมีคนไปเท่าไหร่นัก แดดยามเย็นไม่ร้อนมาก จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการเดินเล่น

หูฟังถูหยิบติดมือไปด้วย ผมน่ะเสพติดการฟังเพลง มันทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้น ผมมีแชแนลแปลเพลงในยูทูปของตัวเอง เป็นงานอดิเรกเอาไว้แปลเพลงที่ตัวเองชอบ แต่ผมก็ปิดเอาไว้ฟังคนเดียวไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะ มันช่วยให้ผมเก่งเรื่องภาษา

ผมเช่ารถของบังกะโลเอาไว้ ขับมาไม่ไกลมากก็ถึงจุดหมาย

แสงสีส้มสาดกระทบกับผิวน้ำสีใส หูฟังถูกเสียบที่ตัวโทรศัพท์ก่อนจะแกะสายที่พันกันยุ่งเหยิง จริง ๆ ผมก็มีแอร์พอร์ตแต่มันไม่คลาสสิกเท่าไหร่ ผมเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น

เสียงดนตรีดังขึ้นในท่วงทำนองของเสียงเพลงที่คลอเบา ๆ กับบรรยากาศที่กำลังดื่มด่ำ มันคือการพักผ่อนโดยสมบูรณ์ในแบบฉบับผม

 

*I can’ t wait for you To come my way (ฉันรอให้เธอเรียกหาฉันไม่ไหวแล้ว)

I’ ve been far away (ถึงฉันจะอยู่ไกลจากเธอ)

But I’ ll keep runnin’ (แต่ฉันจะรีบไป)

Just to find a way to you ‘til then (เพื่อจะได้พบเธอ)

I've been running from it (ฉันวิ่งหนีความรู้สึกตัวเองตลอดมา)

Tired of running from it (และก็เหนื่อยที่จะวิ่งหนีมันแล้ว)

Scared of feeling something (ฉันกลัวที่จะรู้สึกบางอย่าง)

Now I'm stuck here tryna get up outta this hole (ตอนนี้ฉันติดอยู่ที่นี่ พยายามออกจากหลุมรักนี้ให้ได้)

I tried to be strong (ฉันพยายามเข้มแข็ง)

I tried to make it work but I've been feeling too numb (ฉันพยายามจะทำให้ได้ แต่ก็ตัวชา ใจชาไปหมด)
**เพลงPeach Tree Rascals - Mariposa

เสียงคลื่นทะเลซัดกระทบชายฝั่งจนขึ้นฟองสีขาว น้ำใสที่ฝ่าเท้าได้สัมผัสทำให้ผมรู้สึกเย็นสบาย ลมเย็นพัดกระทบผิบกาย ได้กลิ่นเค็มที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเล ผมชอบทั้งหมดที่ว่ามา มันเข้ากันดีกับเสียงเพลงที่ผมกำลังฟังอยู่

บริเวณนี้มีคนอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็จะนั่งพักกันมากกว่าเล่นน้ำ สายตาผมเหลือบมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนโขดหิน ซึ่งคนปกติที่ไหนกัน จะขึ้นไปเล่นบนนั้น นอกเสียจากว่ามีอีกคนไปด้วยเพื่อถ่ายรูปเก๋ ๆ เพื่ออัพโซเชียล

โขดหินน้อยใหญ่ทำให้การทรงตัวของเขาไม่สมดุล เดาได้เลยว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมาเขาต้องล้มอย่างแน่นอน

และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด เมื่อสายตาเห็นว่าเขาล้มลงเข่ากระแทกกับโขดหินอย่างจัง มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณที่ทำให้ผมพุ่งตัวเข้าไปตรงนั้นทันที

“คุณ...” เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากหัวเข่าเป็นทางยาว “เป็นอะไรมากไหมครับ”

“ไม่---”

“คุณอยู่ตรงนี้นะ” ว่าจบผมก็พุ่งตัวไปร้านขายเครื่องดื่มที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อซื้อน้ำเปล่า แล้ววิ่งกลับมาที่เดิม เขายังคงอยู่ตรงนั้น ตรงที่ผมบอกให้รอ

“คุณอยู่นิ่ง ๆ ก่อนนะครับ” ขวดน้ำถูกเปิดออกลาดรดให้น้ำไหลผ่านแผลเพื่อล้างเลือด และสิ่งสกปรก “คุณไปหาหมอไหม ตรงนี้ใกล้ ๆ มีคลินิก ผมจำได้ว่าผมเห็นนะ”

“ผมไม่เป็น’ไร ขอบคุณมาก”

“ไม่ได้นะครับ เราไม่รู้ว่าตรงนี้สะอาดหรือเปล่าถ้าแผลติดเชื้อจะยุ่ง”

“นี่...คุณเป็นหมอหรือไง!” เขาว่าก่อนจะขึงตาใส่ มองผมทำนองว่า 'เสือก' นี่คนเขามาช่วยอยู่นะเว้ย!

“ตอนนี้ผมยังไม่ใช่หมอ แต่ก็เป็นนักศึกษา” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นเดินผละออกไปอย่างไม่ไยดี

“เดี๋ยวครับ” ผมหยุดเท้าที่กำลังสาวออกห่าง หันกลับมามอง “ถ้าคนไข้ดื้อ คุณก็จะเดินหนีแบบนี้เหรอ ถามจริง?” โธ่เว้ย พอช่วยก็ทำหน้าเหมือนด่าผมว่าเสือก พอเดินหนีก็หาว่าทิ้ง

“คุณจะเอาไง ถ้าไม่ไปหาหมอผมก็จะกลับ”

“งั้นช่วยพาผมไปล้างแผลที่คลินิกทีครับ”

“ก็แค่นั้น...”

ผมเดินกลับไปช่วยประคองร่างของคนแปลกหน้า ที่เพิ่งจะมองเหมือนด่าผมว่าเสือก ไปยังคลินิกที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ

“นี่คุณฟังเพลงอยู่เหรอ ดังมาก” ผมเหลือบมองหูฟังที่พาดอยู่บนบ่า ตอนวิ่งมาคงจะหลุดออกจากหูไม่รู้ตัว “คุณเป็นหมอได้ยังไง ไม่รู้เหรอว่าฟังเพลงดังขนาดนี้มันอันตราย”

“คุณช่วยเดินเงียบ ๆ แล้วก็อย่างทิ้งน้ำหนักมาทางผม เพราะตัวคุณโคตรหนัก” ผมว่า

เขาดูไม่สนใจคำพูดผมเท่าไหร่นัก เดินฮัมเพลงที่กำลังดังอยู่อย่างสบายใจ...

* “My shoulder's right” (ไหล่ของฉันว่างเสมอ)

“...”

“My baby's all in the one” (เพื่อเธอที่รักคนเดียวเท่านั้น)

“...”

“And I play them, all of my favourite songs” (และฉันจะเล่นเพลงโปรดของฉันทุกเพลง)

“...”

“That gentleman is my favourite one” (เพื่อบอกว่าเธอคือผู้ชายที่ฉันรักเพียงคนเดียว)

**เพลงPeach Tree Rascals - Mariposa

“ผมบอกให้คุณเดินเงียบ ๆ ไง” ผมรู้ว่าเขาจงใจเปลี่ยนเนื้อเพลงจาก lady เป็น gentleman ก่อนจะก้มมองหน้าผม

ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ชอบการกระทำแบบนี้เท่าไหร่นัก นี้ขนาดเราเป็นผู้ชายด้วยกันยังขนาดนี้ ดูจากเนื้อตัวที่มีรอยช้ำจ้ำสีแดง บริเวณหน้าอกก็พอเดาได้ว่าผ่านศึกสงคารมมาหนักแค่ไหน ดูแล้วเป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้ใจ

“ฉันก็ชอบเพลงนี้”

“ก็เรื่องของคุณ”

หลังจากจบประโยคผมก็ต้องทนฟังเขาร้องเพลงจนถึงคลินิก ความใหญ่โตของร่างกายเล่นเอาเหงื่อผมท่วมตัว จะว่าไปมองดี ๆ ก็คล้ายหมีขาวอยู่เหมือนกัน

“อย่าไปไหนจนกว่าฉันจะออกมา” คำสั่งสุดท้ายที่เขาว่าทำให้ผมไม่กล้าขยับตัวไปไหน นั่งรอจนเขาออกมาจากห้องล้างแผล

ช่องจ่ายยากวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปพร้อมกับชายแปลกหน้าที่นั่งรถเข็นออกมา

“ครับ?”

“หลังจากนี้ หมอจะให้ชุดล้างแผลเอาไว้นะคะ นี่ยาฆ่าเชื้อ---” ผมมองพยาบาลตาปริบ ๆ

“เดี๋ยวครับ ทำไมไม่บอกเขาเอง คือผมไม่รู้จักกัน ผมแค่พาเขามาหาหมอเฉย ๆ” ผมว่า

“อะไร! จะทิ้งกันไปง่าย ๆ แบบนี้เหรอ ถ้าเกิดผมเดินไม่ไหวแล้วล้มอีกจะทำยังไง”

“ก็เรื่องของคุณ เกี่ยวอะไรกับผม” ผมเดินออกมาโดยไม่หันกลับไป จะบ้าตา นี่มันวันพักผ่อนของผมนะ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่วันแรกด้วย

“เดี๋ยวสิครับ” เสียงเขาตะโกนไล่หลัง ผมไม่คิดจะหันกลับไป หยิบหูฟังใส่หูตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเปิดเพลงเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงรอบนอก

“คุณ...” ไหล่ของผมถูกฝ่ามือใหญ่โตคว้าเอาจนหยุดชะงัก

“ก็เดินไหวนี่ครับ แถมยังเดินทันผมอีก” ผมว่า

“คุณใจร้ายมาก”

“เราไม่ได้รู้จักกันนี่”

“งั้นเอาใหม่ ผมอยากรู้จักคุณ ผมชื่อศร แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”

“สวัสดีครับคุณศร แต่ผมไม่อยากรู้จักคุณ” ผมตั้งท่าเดินออกมา แต่ก็ถูกเขาคว้าไว้อีกครั้ง

“ผมจะไม่ปล่อย อย่างน้อยบอกชื่อคุณกับผมก็ยังดี”

“...” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา นามคานจริงโวย!!!

“ว่าไงครับคุณหมอ...”

“ผมชื่อคีย์ แล้วก็เลิกเรียกผมว่าหมอด้วย” คีย์ ที่แปลว่า 'กุญแจ' นั่นแหละ เป็นชื่อที่ผมเพิ่งคิดได้เมื่อกี้

“อ๋อ หมอคีย์ ชื่อน่ารักดีนะครับ” ผมหันไปจิปากเมื่อเขายังไม่เลิกเรียกผมว่าหมอ

“ผมไปล่ะ หวังว่าเราจะไม่พบกันอีก”

“ครับ หวังว่าเราจะได้พบกันอีก”

ผมเดินผละออกมาอย่างหัวเสีย นอกจากพี่ชายก็ไม่เคยเจอใครกวนประสาทผมได้ขนาดนี้ ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าที่มองมาที่ผม เหมือนกำลังสนุกกับการได้แกล้งผมอย่างนั้น

หวังว่าการพักผ่อนของผมจะไม่ถูกเขาคุกคามอีก ไม่อย่างนั้นผมคงต้องประสาทแดกก่อนแน่...

[จบเดี่ยวกุญแจ]


 

 

 

 

คุณศรต้องไม่ทำให้น้องประสาทกินก่อนนะ น้องฉันบอบบาง .///.

 

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

 

สวัสดีจ้านักอ่านทุกคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ หรือตามมาจาก บอสครับผมเป็นมิจ... #สายเปย์

หลังจากที่ตัวเองได้ประสบปัญหาเหงา ๆ คุยกับเสาไฟบ่อย ๆ ก็เลยเกิดปิ้งไอเดียลองวางพล็อตเล่น ๆ

จนกลายมาเป็น ณ ขณะที่รัก ที่ทุกคนกำลังอ่าน

ฝากเป็นกำลังใจให้คุณศร น้องแจ และนักเขียนด้วยนะฮ่าฟ~

 

ป.ล.คอมเมนต์พูดคุยกันได้น้า...อ่านทุกคอมเมนต์แหละ อาจจะไม่ได้ตอบ แต่ก็กดถูกใจทุกอันเลย

ด้วยรักจาก

-เปียกปูน-

 

 

#ณขณะที่รัก

#สายตื้อ

**กำลังทยอยแก้คำผิดฮ่าฟ**


ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 1
«ตอบ #3 เมื่อ23-06-2021 17:56:36 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

 

Chapter 1

Second day

 



 

ข้อมูลเดียวที่ผมรู้คือเด็กนั้นชื่อคีย์...

วันนี้เป็นวันที่สองที่ผมพยายามออกตามหาเด็กคีย์ที่เกาะล้าน หลังจากที่เจอเมื่อวาน ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คือผมสนใจในตัวเขา ไม่ใช่เพราะรูปร่าง หรือหน้าตา แต่เพราะความเป็นธรรมชาติ เพียงไม่กี่นาทีที่ได้อยู่ด้วย ผมกลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

หึ! สบายใจก็บ้าแล้ว ผมก็แค่พูดให้ดูดีในแบบฉบับพระเอกไปอย่างนั้น ผมน่ะตัวร้าย...

แผลที่หกล้มเมื่อวานก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บอะไรมากมาย ที่ตามน้ำไปก็เพราะเจ้าเด็กคีย์อีกนั่นแหละ เขาดูเป็นคนโลกส่วนตัวสูงดีนะ

ผมชอบ...

ตอนที่ผมยียวนกวนประสาทยอมรับเลยว่ารู้สึกสนุก แต่ยิ่งได้เห็นกลับมีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด จะมีสักกี่คนที่ใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองขนาดนี้

บ่ายวันนี้ผมตัดสินใจกลับมาที่เกาะล้านอีกครั้งหวังว่าจะได้พบคนที่ตามหา หาดทองหลางคือเป้าหมายแรกที่ผมตรงไปเมื่อมาถึง เดินจนทั่วหาดแต่ก็ยังไร้วี่แวว เดาว่าเขาอาจจะนะ! อาจจะ! พักไม่ไกลจากหาดนี้ แต่ถ้าโชคร้ายหน่อย เขาก็อาจจะออกจากเกาะไปแล้ว

แต่ผมมากับโชคผมไม่กลัวหรอก ผมเริ่มจากเดินที่พักใกล้หาดก่อน ถ้าเอาลูกน้องติดมาด้วย ผมก็คงไม่ต้องลงแรงขนาดนี้ เดินอยู่นานบอกตรง ๆ ว่าโคตรท้อ แต่โชคชะตามักจะเล่นตลกกับเราเสมอ

เฮ้ย!!!

ฝนตก...

ใครใช้ให้มาทะเลหน้าฝนกัน ให้ตายลมแรงขนาดนี้ ผมคงขับเรือกลับฝั่งพัทยาไม่ได้แน่ ผมเลือกวิ่งเข้าไปที่บังกะโลริมทะเล เพราะอยู่ใกล้ที่สุด มันเป็นบังกะโลแบบบ้านติดกัน ระเบียงหันเข้าทะเล ให้อารมณ์เหมือนบ้านพักของคนใรพื้นที่ ที่อยู่บนเกาะ มันไม่ได้หรูหราแต่ดูอบอุ่น

“ผมขอหลบฝนหน่อยนะครับคุณลุง” ผมขออนุญาตคุณลุงที่นั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์

“เชิญตามสบายพ่อหนุ่ม” คุณลุงยิ้มรับท่าทางดูใจดี

ผมยืนหลบฝนอยู่ตรงนี้อยู่นาน ฝนก็ยังก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด แถมตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วด้วย

ท่ามกลางสายฝนที่พัดกระหน่ำ ผมก็ได้รู้ว่าในนั้นมีความโชคดี ร่างของคนตัวเล็กที่วิ่งฝ่าม่านฝนกำลังตรงเข้ามายังจุดที่ผมอยู่ ภาพอาจไม่ชัดแต่แค่เห็นราง ๆ ผมก็จำได้ว่าคือเจ้าเด็กคีย์

ผมยืนหันหน้าเข้ากำแพงเพราะกลัวว่าเหยื่อจะตื่นซะก่อน

“อ้าวไอ้หนู เปียกหมดแล้ว ไปไหนมาเนี่ย”

“ผมไปกินข้าวน่ะสิลุง ดูแล้วน่าจะตกจนเช้าเลยตัดสินใจวิ่งมา”

“เอ่อ ๆ รีบกลับไปอาบน้ำอาบท่าซะเถอะ เดี๋ยวจะป่วยเอา”

“ครับ งั้นผมไปก่อนนะ” เสียงฝีเท้าวิ่งออกไป ผมก็ลอบมองตามหลัง

เจ้าเด็กคีย์พักอยู่ที่นี่?

มุมปากผมกระตุกยิ้มออกมาอัตโนมัติ เมื่อคิดว่าจะทำอะไรต่อ

“คุณลุงครับมีห้องว่างไหม” ผมหันไปถามลุงคนเดิม ที่นั่งอยู่ที่เดิม

“ว่างทุกหลังแหละ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครมาหรอก มีแต่เด็กคนเมื่อกี้นั่นแหละที่ชอบมาหน้าฝน”

“งั้นผมอยากเหมาทั้งบังกะโลจะได้ไหม”

“บ๊ะ! ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เงินทั้งนั้น” ลุงยิ้มกว้างทันที “ว่าแต่มากันเยอะเหรอ ถึงต้องเหมาทั้งบังกะโลขนาดนี้”

“เปล่าครับ ผมมาคนเดียว”

“งั้นไม่ต้องเหมาก็ได้ เดียวลุงเอาห้องที่อยู่ห่างจากห้องเด็กนั้นให้” ลุงว่า

“ไม่ได้!” ผมว่าเสียงดังอย่างตกใจ “เอ่อ... ไม่ใช่ครับ ผมไม่ชอบให้ใครรบกวน”

“งั้นก็ตามใจเอ็ง เดี๋ยวลุงจัดการให้” ว่าจบลุงก็หันไปเปิดหน้าจอคอมเพื่อทำอะไรบางอย่าง “ว่าแต่จะเอาห้องไหนล่ะ”

“ขอห้องข้าง ๆ น้องคนเมื่อกี้”

“...” ลุงเงียบ คงจะคิดว่าผมย้อนแย้ง เมื่อกี้เพิ่งบอกไปว่าไม่ชอบให้ใครรบกวน

“ผมแค่กลัวน่ะลุง อยู่ใกล้ห้องน้องเขาก็ยังได้รู้ว่ามีคนอยู่ไง ไม่วังเวงด้วย” ผมใช้ความเจ้าเล่ห์ของตัวเองเข้าสู้

“ก็ได้” ว่าจบกุญแจห้องก็ถูกส่งมาที่ผม

“ลุง ๆ ผมถามอีกอย่างสิ น้องเขามาบ่อยเหรอครับ”

“ก็มาทุกปีนั้นแหละ ส่วนมากจะมาช่วง Low Season”

“อ๋อ... ห้องทุกห้องถือว่าผมจองแล้ว ลุงห้ามให้ใครเข้ามาล่ะ”

“รู้แล้วนา...”

“ขอบคุณมากครับ งั้นผมขอตัว”

“เดี๋ยวสิ ลุงไม่รับคำขอบคุณนะ ลุงรับเป็นเงิน”

“’ โทษทีครับผมลืม”

มัวแต่ยืนคุยจนลืมจ่ายเงินค่าที่พักสนิท ผมจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วรีบวิ่งฝ่าม่านฝนมาที่ห้องอย่างเร็วรี่ สิ่งแรกที่ทำคือต้องถอดชุดออก และสวมชุดคลุมอาบน้ำแทนเพราะเสื้อเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน

ห้องพักที่นี่ธรรมดาสุด ๆ แต่กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมลองเดินออกมาที่หน้าระเบียงก็พบว่า ระเบียงถูกเชื่อมกัน มีเพียงกำแพงเตี้ย ๆ กั้นอยู่

พยายามชะเง้อมองเข้าไปในห้องข้าง ๆ ก็ไม่เห็นอะไร จึงเดินกลับเข้ามา แล้วลองเอาหูแนบกับกำแพงไม้ แต่ทว่ากลับเงียบกริบ

“หลับหรือเปล่าวะ” ผมพูดออกเสียง

ผมล้มเลิกสิ่งที่คิดทั้งหมด ล้มตัวลงนอนพักผ่อนเอาแรง พรุ่งนี้ค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อ

 

Rrrr…

“ฮัลโหล” ผมรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา รู้สึกหนักหัวอยู่หน่อย ๆ คงเพราะว่าเมื่อวานตากฝน

[ศรอยู่ไหน] เสียงคุ้น ๆ ผมจำได้ดีว่านั้นคือเสียงของธนู

“มี’ไร”

[พี่ไม่เข้าบริษัทเหรอ พอดีผมจะมาเอาของใช้ส่วนตัว]

“หยิบไปเลย พี่ไม่ได้อยู่บริษัทอีกหลายวันจะกลับ”

[ยังไม่เลิกเที่ยวอีกเหรอ จะรับตำแหน่งต่อจากพ่ออยู่แล้วนะ]

“เออ... เดียวก็กลับแล้ว”

[แล้วนี่ทำอะไรอยู่ทำไมเพิ่งตื่น อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนออกล่า] ล่ากับผีนะสิ

“เปล่า เมื่อวานตากฝนเหมือนจะไม่สบาย”

[อย่างพี่เนี่ยนะตากฝน เออเอาเถอะจะโทรมาแค่นี้แหละ พักผ่อนเถอะเดี๋ยวตาย ยิ่งเป็นคนเลว ๆ อยู่]

“คนเลวตายยากไอ้น้อง” ผมว่ากลั้วหัวเราะในลำคอ “แค่นี้แหละขอนอนอีกหน่อย”

[อืม ๆ แค่นี้แหละ ‘คุณ...’ ครับ ๆ เดี๋ยวฉันตามไป] มีเสียงลอดดังเข้ามา คงจะเป็นเสียงโซ่เมียน้องชายผม

“กับเมียละเสียงหวาน”

[แน่นอน ไปล่ะ เมียรอ]

สิ้นสุดบทสนทนา สายก็ถูกตัด หน้าจอมือถือสว่างวาบ ตัวเลขบนหน้าจอบอกเวลาเก้าโมงกว่า ผมลุกชันตัวนั่งพึงกับหัวนอน พร้อมกับจัดชุดคลุมอาบน้ำที่หลุดลุ่ย เสื้อผ้าเมื่อวานก็ยังไม่แห้งดี ผมคงออกไปไหนไม่ได้

เช้าวันนี้ผมได้รู้ว่าท้องฟ้าหลังฝนมันสดใสแค่ไหน ท้องฟ้ากว้างถูกเมฆก้อนเล็ก ๆ ล่องลอยกระจายอยู่ทั่ว คลื่นลมก็นิ่งสงบ สายตาทอดยาวมองดูน้ำทะเลสีครามไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นเช้าที่ผมรู้สึกดีกว่าที่เคยมีมา

ขณะที่ผมกำลังยืนดื่มด่ำกับบรรยากาศเสียงประตูไม้จากห้องด้านข้างก็ดังขึ้น

แก๊ก!

ผมรีบพาตัวเองกลับเข้ามาในบ้านแล้วลอบมองทุกการกระทำอย่างกับคนโรคจิต หรือผมจะเป็นโรคจิตจริง ๆ วะ

ท่าทีสบาย ๆ ของเจ้าเด็กคีย์ทำให้ผมมองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อ ผมว่าผมสามารถนั่งมองเขาได้ทั้งวัน ใบหน้าเขาเล็กมาก ปากก็เป็นกระจับทุกคราวที่เขากัดริมฝีปากชวนให้รู้สึกอยากสัมผัสทุกครั้ง

ดวงตากลมโตสีดำสนิท ขัดรับกับผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นอย่างดี ผิวก็ขาวจนเห็นเส้นเลือด ที่ว่ามาทั้งหมดไม่มีข้อไหนที่ตรงสเปคผมสักอย่าง แต่กลับดึงดูดความสนใจจากผมไปจนหมด

ตอนที่เขาแยกเขี้ยวขู่ผมเหมือนลูกแมวที่กำลังรู้สึกถึงอันตราย ยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งเข้าไปใหญ่ เพ้อมาตั้งหลายบรรทัดขนาดนี้ ไม่หลงก็รักล่ะว้า

แต่ก่อนจะมีรัก ก็ต้องมีอะไรตกถึงท้องก่อนจะดีกว่า นั่งอยู่นานท้องเริ่มร้องประท้วง ผมกดสั่งรูมเซอร์วิสเพราะไม่สามารถออกไปทั้งชุดคลุมอาบน้ำ

ไม่นานนักอาหารมาส่งถึงหน้าห้อง ส่วนเจ้าเด็กคีย์ก็ยังอยู่ที่เดิม นอนใส่หูฟัง อ่านหนังสืออยู่ที่เปลตลอด นี่เขาจะไม่ออกไปไหนหน่อยเหรอ

ผมจัดการอาหารทั้งหมดภายในไม่กี่นาทีต่อมา ไม่เคยทำตัวให้ว่างขนาดนี้มาก่อน แต่ก็กลัวจะคลาดสายตากับเจ้าเด็กคีย์ จึงต้องนั่ง ๆ นอน ๆ รอเวลาจนเผลอหลับไปอีกรอบ

 

ตื่นมาอีกทีก็ช่วงบ่ายคล้อย ผมบิดขี้เกียจสองสามทีก่อนจะเดินออกไปดูว่าห้องข้าง ๆ ทำอะไรอยู่ แต่กลายเป็นว่าเขายังนอนอยู่ที่เดิม หนังสือที่อ่านอยู่ร่วงหล่นอยู่ที่พื้นเป็นที่เรียบร้อย ดวงตาปิดสนิท แต่ทว่าหูฟังยังเสียบอยู่ที่หู

วินาทีนั้นผมตัดสินใจข้ามกำแพงเตี้ยไปยังอีกฝั่ง เดินเข้าไปจนใกล้คนที่กำลังหลับสนิท พอได้มองใกล้ ๆ ก็ยิ่งรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าตื่นเต้นที่ปีนข้ามมา หรือตื่นเต้นเพราะกลัวถูกจับได้

หูฟังถูกดึงออกหนึ่งข้างเพื่อใส่หูของตัวเองไว้ ปกติผมไม่ใช่คนฟังเพลงเท่าไหร่ แต่ก็พอฟังบ้าง เสียงเพลงดังคลออยู่เบาๆ เป็นเพลงที่ผมไม่คุ้นหูเท่าไหร่นัก แต่ผมก็เคยได้ยินคนพูดกันว่าถ้าเราอยากรู้จักใคร ให้ฟังเพลงที่เขาชอบ

เพลงแล้วเพลงเล่าที่จบไป แต่ทว่าเจ้าเด็กคีย์ก็ยังไม่มีท่าทีจะตื่น แสงแดดสาดส่องลงมากระทบผิวหน้าจนทำให้คนที่กำลังอยู่ในภวังค์ขมวดคิ้วด้วยความร้อน

หนังสือถูกหยิบขึ้นใช้กำบังแสงที่สะท้อนลงมา คิ้วที่ขมวดอยู่เป็นปมก็เริ่มคลายออก เพลงก็ยังคงเล่นต่อไม่มีหยุด จนผมรู้สึกสะดุดกับเพลงหนึ่ง ผมฟังไม่ออกหรอกว่ามันแปลว่าอะไร เป็นเพลงภาษาญี่ปุ่น ทำนองเพลงทำให้ผมรู้สึกถึงความสดใสของคนฟัง

ไม่นานนักเจ้าเด็กคีย์ก็บิดขี้เกียจ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นช้า ค่อย ๆ ปรับโฟกัสแล้วดีดตัวลุกขึ้นเมื่อเห็นหน้าผม

“คุณเข้าห้องผมได้ไงเนี่ย!” คีย์ว่าหน้าตื่น

“ฉันไม่ได้เข้าห้องเธอเลย” ผมว่า “ผมปีนมาตั้งหาก”

“นี่คุณ!!!”

“คนอุตส่าห์นั่งบังแดดให้อยู่ตั้งนานสองนาน ไม่คิดจะขอบคุณบ้างเหรอ”

“ยังมีหน้ามาพูดดีอีก ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้เลย” หนังสือที่หล่นอยู่ที่พื้น ถูกหยิบขึ้นมาเป็นอาวุธ จบประโยคของเจ้าเด็กคีย์ก็ใช้หนังสือฟาดผมอย่างไม่ยั้งมือ

“โอ๊ย ผมเจ็บ พอก่อน”

“ก็บอกให้ออกไปไง ไอ้โรคจิต” ปากก็ก่นด่า มือก็ยังไม่หยุดตีไปด้วย

“คุณเป็นหมอนะ ทำร้ายคนได้ไง โอ๊ย!”

“ก็บอกว่าไม่ใช่หมอไงฟะ ออกไป~” คีย์ลากเสียงยาวจนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ให้ตายน่ารักชะมัด

“ครับ ๆ ผมยอมคุณแล้ว” มือที่กำลังง้างจนสุดแขนชะงักทันที

ผมยอมแพ้เพราะได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว แล้วปีนกำแพงกลับมาที่ห้องของตัวเอง

“คุณแอบตามผมมาเหรอ”

“บ้า... ฉันพักอยู่นี่นานแล้ว”

“ตอแหล!”

“ปากร้ายนะเรา ก็เห็นหมอดูเหงา ผมเลยมาพักเป็นเพื่อน”

“ผมไม่ใช่หมอ เฮ้อ~ แต่เอาเถอะอย่าข้ามมาอีกก็พอ เพราะมันจะไม่ใช่แค่เอาหนังสือที่ฟาดคุณ”

“ครับ ๆ” คำขู่ยาวเหยียดทำให้เจ้าเด็กคีย์ไม่ทันระวังตัวและลืมอะไรบางอย่าง เพราะผมหยิบมือถือเขาติดมือมาด้วย

ผมลองปลดล็อกปลดล็อกหน้าจอดูว่ามีการใส่รหัสหรือไม่ และโชคก็เข้าข้าง เมื่อมือถือไม่ได้ล็อกเอาไว้ สมัยนี้แล้วมีคนไม่ล็อกมือถือด้วยเหรอวะ อย่างน้อยก็สแกนหน้าไว้ก็ยังดี

แต่ก็เอาเถอะไม่ล็อกก็ดีแล้ว ผมไม่ได้คิดจะขโมยไปขาย หรือค้นดูข้อความส่วนตัวอะไร แค่ต้องการเอามาค้นหาเพื่อนในไลน์ แต่เรื่องแปลกก็คือ เข้าล็อกรหัสเข้าแอปพลิเคชันโซเชียลทุกอย่าง แต่ไม่ล็อกหน้าจอ เอาวะแค่เบอร์ก็ยังดี ผมกดโทรออกมายังเบอร์ผม ก่อนจะลบประวัติจากเครื่องเขา แล้วออกไปนั่งเล่นที่ริมระเบียงอีกครั้ง

ไม่นานผมก็เห็นเจ้าเด็กคีย์เดินออกมา กำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ ก็คงจะกำลังหามือถืออยู่นั่นแหละ เห็นหาอยู่นานด้วยความสงสารผมเลยช่วยสมทบ

“นี่... หานี่อยู่เหรอ” ผมว่ายกมือถือขึ้นมา

“คุณเอาไปตอนไหน” คีย์ว่าแยกเขี้ยวใส่

“ผมเก็บได้”

“เก็บได้ที่ห้องผมเรียกขโมย เอาขอผมคืนมานะ”

“อ้อนฉันสิ เอาแบบยั่ว ๆ บด ๆ เลยนะ” ผมว่า พร้อมกับแหวกชุดคลุมโชว์ขาอ่อน

“บดหน้าคุณสิ ประสาท!”

“เล่นหน้าเลยเหรอ ผมชอบ”

“คุณอย่ามาเล่นลิ้นกับผม เอาคืนมา!”

“หู้ยยย อยากลองเล่นไหมล่ะครับคุณหมอ แต่ระวังติดใจนะ”

“คุณศรผมขอมือถือผมคืน” ครั้งนี้เขาว่าเสียงเรียบขึ้น

“ถ้าอยากได้คืนก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

“คุณจะเอาอะไรก็ว่ามา” คีย์ยืนกอดอก

เราทั้งคู่เริ่มต้นกันไม่ดีเท่าไหร่ ผมจึงอยากแก้ตัวใหม่ เผื่อว่าอะไรจะดีขึ้นกว่านี้

“คุณแน่ใจนะว่าจะไม่กลับคำ”

“เออ...”

“แล้วคุณก็ต้องตอบตกลงด้วย”

“เอออออออออออ” คีย์มองบนอย่างเหม็นเบื่อ

“แน่ใจนะ” ผมถามย้ำ

“โวยยย เออออออ”

“อยู่เที่ยวเป็นเพื่อนผมจนกว่าจะกลับ”

“เออ ก็บอกว่าเออไง” เขาเงียบสักพักก็เหมือนนึกขึ้นได้ “เฮ้ย! เดี๋ยวววว”

“ไม่รู้ล่ะ คุณรับปากผมแล้ว” ผมว่า

“คุณเล่นที่เผลอ”

“...” ผมไหวไหล่อย่างไม่สน

“งั้นก็คืนมือถือผมมาได้ล่ะ”

“ยังครับ ถ้าอยากได้เย็นนี้ ออกไปหาอะไรทานด้วยกันแล้วผมจะคืน”

“คุณนี่มันยังไงฮะ!”

“เอาไว้เป็นตัวประกันก่อน ถ้าเผื่อคุณหนีผมล่ะ จริงไหม”

“ไม่รู้แล้ว จะทำอะไรก็ตามใจคุณเลย” คีย์ว่าอย่างหัวเสีย เขาโกรธจนผิวขาวซีดเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

“เจอกันตอนหกโมงเย็น ห้ามเลทนะครับ คุณหมอ...” ว่าจบผมก็หมุนตัวกลับเข้ามาในห้องของตัวเองอย่างอารมณ์ดี ได้ยินเพียงเสียงบ่นดังไล่หลังอยู่เบา ๆ หลังจากนี้เราจะเริ่มกันใหม่นะเจ้าเด็กคีย์

‘ไอ้บ้าเอ๊ย’

‘อยากจะบ้าตาย’

‘ค่อยดูนะ ค่อยดูเราจะได้เห็นดีกันศร...’

 

 

 

 
**กำลังทยอยแก้ไขคำผิด**


ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 2
«ตอบ #4 เมื่อ23-06-2021 17:58:06 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 2

First impression

 



 

ผมเดินกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างหัวเสีย ความสงบสุขของผมกำลังถูกคนแปลหน้ารุกราน ด้วยความปากไว้ดันตอบตกลงเขามันซะง่าย ๆ ผมมันโง่เองที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสติ

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมแพ้ ตัดสินใจเดินออกไปหาลุงเจ้าของบังกะโลเพื่อขอย้ายห้อง ก่อนที่จะถึงเวลานัด

“ลุงงงง~” ผมเรียกคุณลุงที่นั่งเล่นเกมแคนดี้จนเสียงยาน

“ว่าไงล่ะ มีปัญหาอะไร”

“ผมอยากย้ายห้อง ลุงพอจะมีห้องว่างไหม”

“ใครทำอะไรเอ็งล่ะ”

“เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากได้ความเป็นส่วนตัว”

“เสียใจด้วยห้องเต็มแล้ว” ลุงว่าทั้งที่ยังก้มหน้าเล่นเกมต่อ

“ลุงอย่ามาโม้ เต็มอะไรไม่เห็นใครสักคน”

“ก็ไอ้หนุ่มข้างห้องเอ็งมันเหมาหมดแล้ว แล้วยังย้ำด้วยว่าอย่าให้ใครเช่าห้องที่เหลือ”

“...” ผมแดกจุดอ้าปากค้าง เหมา...

หมดนี่เลยเหรอ เขาวางแผนมาดีมากจริง ๆ

“เกมโอเวอร์” ใช่ครับลุงเกมโอเวอร์ ผมได้แต่เฮ้อ~ ในใจ ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับผมแบบนี้ สุดท้ายผมก็ต้องเดินเหี่ยวกลับมาที่ห้อง เพื่อรอเวลานัดดังเดิม

เมื่อถึงเวลานัดผมก็เป็นคนไปเคาะประตูเรียก โธ่บอกคนอื่นว่าห้ามเลท แต่ตัวเองก็ดันช้าเองซะงั้น เจอหน้าจะฉอดให้หูดับไปเลย

ไม่ปล่อยให้ต้องรอนาน ประตูก็เปิดออก ใบหน้าเขาแดงระเรื่อ ดวงตาก็ดูปรือแปลก ๆ

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมทักตามสัญชาตญาณเมื่อเห็นสิ่งผิดสังเกต

“เปล่า เราไปกันเถอะฉันจองร้านไว้แล้ว”

เขาเดินออกมาพร้อมกับจูงมือผมออกมาด้วย อุณหภูมิในตัวเขาอุ่น ๆ

“คุณไม่สบายเหรอ”

“ปวดหัวนิดหน่อย เมื่อวานตากฝน”

“ถ้าคุณไม่ไหว เราซื้ออะไรมากินที่ห้องก็ได้นะ”

“คุณเป็นห่วงผมเหรอ”

“ผมก็แค่กลัวคุณตายกลางทาง”

“หึ” ศรเพียงแค่คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกบังกะโล ผมไม่รู้ว่าเขาจะพาผมไปไหน ผมมีหน้าที่แค่เดินตามมาเงียบ ๆ หลังจากได้มือถือคืนแล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อ

ศรพาผมมายังท่าเรือ

“เวลานี้ไม่มีเรือข้ามฟากหรอกนะคุณ” ผมว่า

“ใครว่าเราจะไปเรือข้ามฟากกัน เราจะว่ายน้ำไป”

“คุณเป็นบ้า”

“ฮ่า ๆ” ศรดูภูมิใจที่ถูกผมด่า

ผมเดินออกมาไม่ไกลมาก ก็ได้เห็นเรือสปีดโบ๊ทจอดอยู่เต็มไปหมด ศรพาผมมายังเรือลำหนึ่ง ข้างเรือเขียนว่า เอสทีกรุ๊ป อาจจะเป็นเรือที่เขาเช่ามาก็ได้ ผมไม่ได้แปลกใจมากนัก หากบังกะโลทั้งหมดเขายังเช่าได้ เรือนี่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ศรพาผมข้ามมาฝังพัทยา ช่วงค่ำมันคึกคักเป็นพิเศษ

“เราจะไปไหนกันครับ” ผมสาวเท้าตามหลังศรที่เดินนำอยู่

“...” แต่เขาไม่ตอบอะไรนอกจากจับมือผมเดินมาเงียบ ๆ ปลายทางมีคนยืนรออยู่สองคน เขาสวมสูทสีดำ พร้อมกับแว่นตาสีดำสนิท คนบ้าที่ไหนเขาใส่แว่นดำตอนกลางคืนวะ

“ขอบใจมาก” กุญแจอะไรบางอย่างถูกส่งมา ก่อนศรจะเดินพาผมไปขึ้นรถลัมโบร์กินี่สีเหลืองสะดุดตา ยังไม่ทันจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ชายในชุดสูทก็ชิงเปิดประตูให้ผมก่อน

ภาพมันคุ้น ๆ เหมือนเคยถูกกระทำตอนไหนนะ ผมจำได้ราง ๆ อ๋อ เหมือนตอนที่พี่ธนูแฟนพี่ชายผมมารับที่สถานีรถไฟ

ผมสะบัดความคิดทั้งหมดแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่ง ก่อนประตูจะปิดลง และศรก็สตาร์ททันที เสียงเครื่องยนต์ดังทุ่มดุดัน ภายในมีปุ่มเยอะแยะอย่างกับเครื่องบิน ผมรู้สึกมึนงงไปหมด

“เปิดเพลงได้นะ” ศรว่าสั้น ๆ

“จะให้เปิดเพลงไหนล่ะครับมือถือผม” ผมว่าก่อนจะแบมือกวักนิ้วไปมา ศรก็ส่งมาอย่างว่าง่าย แต่มันไม่ใช่ของผม มันเป็นของศร

“ของผมสิ ในนั้นมีเพลงอยู่แล้ว”

“เธอรู้จักยูทูปไหม” ศรว่าก่อนจะยักคิ้วจนน่าหมั่นไส้ เขาไม่หลงกลผมเลยสักนิด

ผมเลื่อนปลายนิ้ว กดเข้าไปยังแอปฯ สีแดงเพื่อเลือกหาเพลงฟัง มันคงจะเป็นสิ่งที่เยียวยาสภาพจิตใจผมได้ดีในตอนนี้

“เธอชอบฟังเพลงเหรอ”

“ครับ มันทำให้ผมมีสมาธิ”

ผมเลือกเพลงที่ฟังสบาย ๆ อย่าง I'm sorry ของ Peach Tree Rascals มันเป็นอีกหนึ่งเพลงโปรดที่ผมกดฟังเป็นอันดับต้น ๆ

“เลือกเพลงได้ดีนี่” ศรว่า ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากเสหน้าออกไปมองแสงสีของเมือง “คุณอกหักเหรอ” ผมหันกลับไปมอง

“อะไรที่ทำให้คุณคิดอย่างนั้น” ผมว่า

“ก็สังเกตจากเพลงที่ฟัง แล้วก็คนปกติที่ไหนเขามาเที่ยวทะเลช่วงนี้”

“แบบนี้คุณก็อกหักงั้นสิ” เสียงหัวเราะในลำคอ

“ก็ไม่เชิง...” ศรตอบเพียงสั้น ๆ สีหน้าเขาดูหม่นลงนิด ๆ

“เสียใจกับเรื่องของคุณด้วยนะครับ แต่ผมไม่ได้อกหัก ผมแค่มาพักผ่อน แล้วก็ถูกคุณทำลายความสงบก็เท่านั้น”

“เธอจะบอกว่าเธอโสดเหรอ”

“นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องบอกคุณ” ผมว่าไปตามจริง ผมไม่ค่อยคุยเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่นัก

“โลกส่วนตัวคุณสูงมากเลยนะครับ”

“ครับ สูงมาก”

“แค่ไหนกันเชียว”

“พอ ๆ กับยอดเขา Everest เลยล่ะครับ” ผมว่าก่อนจะไหวไหล่

“เธอรู้ไหมว่าทำไมถึงมีคนอยากพิชิตยอดเขา Everest ทั้งที่มันอันตราย”

“...?” ผมมองอย่างสงสัย

“เพราะบนนั้นเป็นจุดที่สวยที่สุด และน้อยคนที่จะได้ไปเห็น มันคือรางวัล”

“...”

“แต่ฉันอาจจะไม่ต้องไปไกลถึงเนปาลก็พิชิต Everest ได้นะ”

“เพ้อเจ้อ...” ผมว่าก่อนจะผินหน้าไปทางอื่น

ผมไม่รู้ว่าที่เขาพูดแบบนี้ เพราะต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ รู้แค่ว่าหัวใจผมเต้นแรงอย่างผิดปกติ หลังจากจบบทสนทนานั้น เราก็ไม่ได้คุยอะไรอีกเลย จนถึงจุดหมายปลายทาง

ศรพาผมมาร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้าโรงแรม แถวนาจอมเทียน คนเยอะพอสมควร แต่ศรจองไว้ทำให้เราไม่ต้องรอ ร้านถูกจัดให้เป็นมุมส่วนตัว ผมเลยไม่ได้รู้สึกอึดอัด

เขาเลือกที่นั่งแบบ The Jetty มีน้ำล้อมรอบโต๊ะ มองทอดยาวออกไปเห็นวิวทะเล

“สวยไหม” ศรว่าเมื่อเห็นว่าผมสนอกสนใจบรรยากาศตรงหน้ามากกว่า

“สวยดีครับ แต่ตอนเย็นหน้าจะสวยกว่านี้”

“ไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาอีกรอบก็ได้”

“ยังจะมีพรุ่งนี้อีกเหรอครับ” ผมว่า

“ไม่รู้สิคุณรับปากผมแล้วนี่”

“...” ผมนั่งนิ่งไม่ได้ตอบกลับ ผมพลาดเองที่ตอบรับ

“คุณชอบทานอะไร” ศรว่า

“อะไรก็ได้ครับ”

“ไม่เอาแบบนี้สิ” เมนูที่ถืออยู่ถูกวางลงบนโต๊ะทันที “เอาแบบนี้ไหม เราผลัดกันสั่งคนล่ะอย่าง คุณเลือกที่คุณชอบ ผมเลือกที่ผมชอบ ผมจะได้รู้จักคุณมากขึ้นด้วย”

“แล้วทำไมคุณต้องอยากรู้จักผมด้วย”

“ผมคงอยากพิชิตเขา Everest ล่ะมั้ง”

“...” เป็นอีกครั้งที่ผมเลือกไม่ตอบ

สุดท้ายผมก็ซื้อความคิดที่ให้เราผลัดกันสั่งอาหารที่ชอบ มันแทบจะเป็นปัญหาระดับโลกเมื่อเรามาถึงร้านอาหาร แล้วต้องนั่งคิดคนเดียวว่าจะกินอะไร พอสั่งมาก็ถูกใจคนนั้น ไม่ถูกใจคนนี้

มันคงเป็นเรื่องเดียวที่ผมเห็นด้วยกับศร...

 

 

 

 

 

 

 
ฉันจะฟ้องโซ่ว่าเธอแอบมาเที่ยวกับผู้ชาย...//

#ณขณะที่รัก

#สายตื้อ

**กำลังทยอยแก้คำผิดฮ่าฟ**

 



ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 3
«ตอบ #5 เมื่อ23-06-2021 18:00:18 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 3

The secret



 

 

วันนี้ท้องฟ้าโปร่งกว่าที่เคย ผมเลยชวนเจ้าเด็กคีย์ออกไปเดินเล่นที่หาดตาแหวน เพราะอยู่ใกล้ที่พักมากที่สุด หลังจากเมื่อวานที่เราออกไปทานอาหารด้วยกัน ผมก็สัมผัสได้ว่า เขาก็เหมือนจะเปิดใจมากขึ้น สักศูนย์จุศูนย์หนึ่ง

“พร้อมหรือยัง” ผมถามคีย์ ที่กำลังเดินตามผมอย่างหมดเรี่ยวแรง

“ตอบไม่พร้อม คุณจะปล่อยให้ผมกลับไปนอนหรือเปล่าล่ะ”

“คุณก็รู้คำตอบ” คีย์เบ้ปากจนคว่ำเดินตามมาอย่างเซ็ง ๆ

“แต่นี้มันวันหยุดพักผ่อนผมนะ”

“เอาหนา ผมเองก็เหลือเวลาอีกไม่มาเหมือนกัน”

“ทำไมคุณจะตายเหรอ”

“เรียกว่าไปชดใช้กรรมจะดีกว่า” ผมว่า ก่อนจะหลุดปากยิ้ม

หลังจากได้รู้ว่ากิจกรรมของเจ้าเด็กคีย์มีแค่นอน ฟังเพลง อ่านหนังสือ ผมก็เลยอยากลองพามาเปิดประสบการณ์อย่างอื่นดูบ้าง วันนี้ก็เอาเบา ๆ อย่าง พาไปขี่เจ็ทสกี

“คุณผมไม่ขึ้นได้ไหม” คีย์ว่า ยืนขาสั่นพั่บ ๆ กอดเสื้อชูชีพที่ใหญ่กว่าตัวเอง

“ไม่ต้องกลัวมีฉันอยู่ด้วยทั้งคน”

“นั่นแหละที่น่ากลัว”

“เชื่อใจผมนะ ลองดูสักครั้ง” ผมว่า

เจ้าเด็กคีย์ส่งมือมาให้ผม ก่อนผมจะรีบยื่นมือรับแล้วดึงให้เขาขึ้นมานั่งซ้อนท้าย ไม่บอกก็พอเดาได้ว่าเขากลัวแค่ไหน สังเกตจากมีที่กำเสื้อผมเอาไว้แน่น

“ฉันจะค่อย ๆ ไปไม่ต้องกลัว” ผมค่อย ๆ บิดคันเร่ง ระดับความเร็วอยู่ในระดับกลาง เจ้าเด็กคีย์เปลี่ยนจากกำเสื้อจนแน่น เป็นกอดแทน

“คุณโอเคไหม” ผมถาม

“ไม่โอเค”

“คุณลืมตาอยู่หรือเปล่า”

“ผมไม่กล้า”

ผมผ่อนคันเร่งให้ช้าลงจนแทบหยุดนิ่ง

“คุณลืมตาสิ ลองมองดูทะเลสวยมาก” กอดที่เคยโอบรัดจนแน่นค่อย ๆ คลายออกอย่างเชื่องช้า คีย์ก็เริ่มเปิดเปลือกตา ผมพาเขาออกมาห่างจากตัวหาดไกลพอสมควร

“เป็นไงสวยไหม”

“สวยมากเลยครับ”

“อยากลองขับเองไหม สนุกนะ”

“ผมกลัว”

“มีฉันอยู่ทั้งคน เธออย่าลืมสิ”

“...” คีย์ไม่ยอมตอบผมอีกแล้ว เขาเงียบเก่งมาก

“นาลองดู ครั้งหนึ่งของชีวิตอะไรที่ไม่เคยลองดูก็ไม่เสียหายนี่”

“...ก็ได้ครับ” ผมฉีกยิ้มกว้าง ก่อนขับเข้าฝั่งเพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง ให้เจ้าเด็กคีย์นั่งอยู่ข้างหน้า ส่วนผมนั่งซ้อนท้ายแทน จะว่าไปก็ไม่ต่างกับกอดกันเลยแฮะ

หู้ย~ มือสั่น

“ค่อย ๆ บิดนะ” ผมว่า มือก็ยังประคองไปด้วย

เมื่อเริ่มชินมากขึ้น ผมก็ให้เขาเพิ่มความเร็วไปเรื่อย ๆ ท่าทีที่กลัวเมื่อคราแรกหายวับไปกับตา ความเร็วที่ใช้เร็วกว่าที่ผมพาเขานั่งซะอีก

ท้องฟ้าที่เคยโปร่งกลับมาอึมครึมอีกครั้ง ฝนตั้งเค้าอีกแล้ว ผมเพิ่งจะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าเด็กคีย์ได้ไม่นาน ก็ต้องพากันกลับ ก่อนที่ฝนจะตกหนัก

“สนุกไหม” ผมถามระหว่างที่เรากำลังเดินกลับเข้าห้อง

“สนุกครับ ขอบคุณ คุณศรมากนะครับที่ชวนผมไป”

“ด้วยความยินดี”

เราทั้งคู่ต่างแยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน ฝนที่ตั้งท่าว่าจะตก ก็ตกลงมาจริง ๆ อย่างที่คาด โชคยังดีที่เราตัดสินใจกลับก่อน

เวลาที่เหลือผมเองก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เลยลองออกมานั่งเล่นริมระเบียง เผื่อว่าจะเห็นเจ้าเด็กคีย์ นั่งอยู่พักใหญ่ก็ยังไร้วี่แวว ผมเลยเดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วลองเอาหูแนบกับผนังห้องเพื่อฟังดูว่าเขากำลังทำอะไร

ได้ยินเหมือนเสียงเขาเปิดประตูออกมา มือรีบยกขึ้นเสยผมอย่างลวก ๆ แล้วเดินออกมาเช่นกัน

“อ้าว ออกมาทำอะไรครับ” ผมเป็นคนเริ่มเอ่ยทักก่อนจะทำทีเหมือนไม่รู้จริง ๆ ว่าคีย์อยู่ด้านนอก

“นั่งเล่น แล้วคุณล่ะ” คีย์เดินออกมาพร้อมกับหนังสือเล่มเดิม และหูฟังติดมือมาด้วย

“เหมือนกันครับ” เขาพยักหน้ารับ ไม่พูดอะไรต่อ ผมจึงเป็นฝ่ายออกปากเอง “ผมขอไปนั่งด้วยได้ไหม” คีย์ทำหน้าคิดหนัก ก่อนจะยินยอมให้ผมข้ามไป

“ก็ได้ แต่คุณห้ามรบกวนผมนะ”

“โอเคครับ”

เท้าผมกำลังก้าวเข้าไปในอาณาเขตที่เขาเคยห้ามเอาไว้อย่างเด็ดขาด แต่วันนี้เขาอนุญาตแล้ว ผมเลือกนั่งข้าง ๆ เปลที่เขาทิ้งตัวลงนอน

“ผมขอฟังเพลงด้วยสิ” ผมว่า คีย์พรูดลมหายใจออกทางจมูก ก่อนจะยื่นหูฟังข้างหนึ่งให้ผม “อ่านอะไรอะ” ผมถามต่อ

“ก่อนข้ามมา ผมบอกว่าห้ามรบกวนผมไง”

ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ กลับไป และไม่ชวนคุยอีก ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ตั้งแต่จีบใคร ก็ยังไม่เคยเจอคนที่กำแพงสูงขนาดนี้ มือถือถูกหยิบขึ้นมาแล้วกดเข้า Google มันคงเป็นทางเดียวที่จะทำให้ผมหาทางลงจากตรงนี้ ‘วิธีจีบคนโลกส่วนตัวสูง’ น่าอายชะมัด ไม่คิดว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ตอนอายุสามสิบต้น ๆ

หลายเว็บขึ้นมาให้เลือกอ่าน ทุกเว็บบอกคล้าย ๆ กัน ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมมาผิดทาง อย่างเช่น อย่า! เซ้าซี้ ข้อนี้ข้อเดียวก็ทำให้ความมั่นใจผมหายไป เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เอาวะ ยังมีข้ออื่นอีก

อ่านลงมาเรื่อย ๆ รู้สึกว่าจะใช้ประโยชน์จริง ๆ ได้มีอยู่สองข้อ คือ หนึ่งทฤษฎีน้ำซึมบ่อทราย และ สองชวนคุยในเรื่องที่เขาชอบ ข้อหนึ่งผมต้องค่อย ๆ เริ่มทำ แต่ข้อสอง ผมสามารถทำได้เลย

ผมเริ่มจากการคุยเรื่องเพลงก่อนเลย เพราะเขาเคยบอกว่าชอบฟังเพลง

“คุณเพลงนี้ชื่อเพลงอะไรเหรอ ผมชอบ” เปิดประเด็นง่าย ๆ อย่างชื่อเพลงละกัน

“Hunk Beach ของ The Walters ผมก็ชอบเหมือนกัน” เข้าทาง

“ผมชอบท่อนที่มันร้องว่า If you stick around with me” (ถ้าคุณอยู่รอบตัวผม)

“...”

“I'll show you” (ผมจะทำให้คุณเห็น)

“...”

“That everything's fine” (ว่าทุกอย่างมันโอเค)

“...”

ทุกท่อนที่เปล่งออกมา สายตาเราประสานกันอย่างไม่มีใครยอมละสายตาออกไป ลึก ๆ ผมก็คิดว่าเขาจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผมที่ส่งไป เพลงส่งขนาดนี้ มันต้องได้ต้องโดนแล้วหรือเปล่าวะ

แต่ทว่านอกจากไม่ได้คำตอบ เขายังผินหน้าหนีไปทางอื่น

ฉิบหายล่ะ เดดแอร์...

“เอ่อคุณ เมื่อวานก่อนผมฟังเพลงจากในมือถือคุณ มันมีเพลงหนึ่งน่ารักมาเลย แต่ผมแปลไม่ถูก” ผมชวนเปลี่ยนเรื่องคุย

“เพลงนี้เหรอ” เขาหันกลับมาคุยกับผมอีกครั้ง แล้วกดเปิดเพลงในเครื่องของตัวเอง

“ไม่ใช่อะคุณ” ผมว่า

เจ้าเด็กคีย์ก็เปิดเลื่อนหาอยู่เรื่อย ๆ มือถือเขามีเพลงเยอะจนผมตาลาย สุดท้ายเราก็หาเพลงนั้นไม่เจอ แต่ก็ทำให้เราคุยกันได้นานกว่าที่เคย

ผมไม่เคยชอบฟังเพลงเท่านี้มาก่อน...

 

“คีย์ เราไปเดินเล่นกันไหม” ผมว่า

“ตอนนี้เนี่ยนะ”

“ทำไมอะ บรรยากาศดีออก” คีย์ทำท่าคิดอยู่พัก “หลังฝนตกอากาศกำลังเย็นสบายเลยน้า” ผมรีบพูดเพื่อเพิ่มความอยาก เจ้าเด็กคีย์ดูเป็นคนระวังตัวมาก แต่บางครั้งเขาก็ดูลังเล จึงต้องคอยกระตุ้นให้เขาตัดสินใจง่ายขึ้น

“เอางั้นก็ได้”

เยส!

“เราไปกันเลยไหม เดี๋ยวมันจะดึก” ผมว่า

“ครับ”

คีย์ลุกขึ้นเอาข้าวของไปเก็บในห้อง แต่ถึงแม้ว่าเขาจะดูเปิดใจกับผมมากขึ้น เขาก็ยังไม่ยอมให้ผมเดินผ่านเข้าห้อง ผมเลยต้องปีกกำแพงกลับมา แล้วเดินมารอที่หน้าของอีกที

ผมออกมายืนรอไม่นานนัก เจ้าเด็กคีย์ก็ออกมาพร้อมกับกุญแจอะไรบางอย่าง

“เอารถไปนะครับผมเช่ามา”

“ฉันขับไม่เป็นนะ” ผมโกหก

“เมื่อวานคุณขับให้ผมนั่งแล้ว เดี๋ยววันนี้ผมขับเอง”

“แล้วเราจะไปหาดไหนกันดี” ผมถามต่อ

“ถามอะไรเยอะแยะฮะคุณ เมื่อวานผมยังไม่ถามคุณเลย” คีย์ว่า

ผมรีบหุบปาก แล้วเดินตามเจ้าเด็กคีย์มายังโรงจอดรถมอเตอร์ไซค์ กุญแจถูกเสียบที่รถคิวบิกซ์สีแดงดำ คันนิดเดียวผมนั่งคนเดียวก็เต็มแล้วมั้ง แต่พอเขาคร่อมรถ กลายเป็นว่าเหมาะกับเขามาก ทุกอย่างดูเล็กปุ๊กปิ๊กไปหมด

ฮืออ เอ็นดูเจ้ายูกแมว~

หลงเว้ย อยากได้อยากโดน...

“ขึ้นสิรออะไร” ผมยิ้มปากฉีกกระโดดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันเล็ก ด้วยความที่รถมันเล็กมาก ผมเลยถือวิสาสะกอดเอวเจ้าเด็กคีย์โดยไม่ขออนุญาต

เขาไม่ว่าอะไร แต่เบี่ยงรถเข้าข้างทาง แล้วจอดรถทันที

“เดี๋ยวนะคุณจำเป็นต้องกอดผมด้วยเหรอ”

“ก็รถมันคันเล็ก ฉันกลัวตกนี่”

“เรื่องเยอะจริง ๆ” ว่าจบคีย์ ก็ถอนหายใจ ก่อนจะออกรถต่อ

เมื่อเจ้าเด็กคีย์ไม่ว่าอะไร ผมก็เลยฉวยโอกาสกอดต่อ บรรยากาศโดยรอบเย็นเหยียบ แต่ทว่าตรงนี้กลับอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าเขาจะพาผมไปไหน แต่ผมก็อยากให้มีรถติดเหมือนในกรุงเทพฯ หรือทางช่วยยืดไกลออกไปกว่านี้หน่อย

แต่เหมือนมันไม่ได้เป็นอย่างใจคิด เพราะตอนนี้ถนนโลงมาก นาน ๆ ครั้งจะมีรถสวนมาที แล้วตอนนี้เราก็ถึงจุดหมายแล้ว

“หาดตาแหวนเหรอ”

“ครับ แต่เราจะไปหาดสังข์วาลมันเหมาะที่จะเดินเล่น”

“อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับ เดินตามคนตัวเล็กมาเงียบ ๆ

 

ลมทะเลค่อนข้างแรง แต่ก็ไม่ทำให้บรรยากาศเสีย อากาศก็เย็นสบาย เราเดินบนสะพานไม้ที่ทอดยาว เจ้าเด็กคีย์ไม่ได้พูดอะไร ผมเองก็เช่นกัน

เราเดินตามทางมาเรื่อย ๆ มีบางจุดที่หยุดพักบ้าง คำว่าเดินเล่นสำหรับเขาคือการเดินเล่นจริง ๆ เดินแบบก้มหน้าก้มตาเดินไปเรื่อย ๆ ไม่ปริปากพูดอะไร และเป็นอีกครั้งที่ผมต้องเป็นคนเริ่มหาบทสนทนาเพื่อไม่ให้บรรยากาศโดยรอบเดดแอร์

“คุณจำตอนที่คุณถามว่าผมบนรถได้ไหม”

“ทำอย่างกับเราคุยกันเรื่องเดียวงั้นแหละ”

“เรื่องที่ผมถามคุณว่า คุณอกหักเหรอ แล้วคุณย้อนถามผมไง”

“อ๋อ ทำไมคุณจะบอกว่าคุณอกหักจริง ๆ เหรอ?”

“เปล่า... ผมมีความลับจะบอกคุณ”

“...?”

“อีกไม่กี่วันผมต้องรับช่วงต่องานจากพ่อ”

“ก็ดีแล้วนี่ คุณไม่โอเคเหรอ”

“ก็ไม่เชิง”

“ยังไง...”

“ก็ผมรู้สึกกดดันตัวเองมากไป เหมือนผมต้องแบกอีกหลายชีวิตไว้บนบ่า ถ้าผมทำพลาดเพียงนิดเดียวคนพวกนั้นอาจต้องมาลำบากกับผมด้วย”

“...”

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมเลย... ผมกลัว...”

“ผมขอพูดบ้างนะ”

“...” ผมพยักหน้ารับ

“ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะ ถ้าวันหนึ่งผมเรียนจบ แล้วกลายเป็นหมอเต็มตัว ผมเองก็อาจจะรู้สึกแบบคุณ แต่ถ้ามองอีกมุมทุกปัญหามันมีทางออก พ่อคุณที่รับงานตรงนั้นมาก่อนคุณ ก็คงจะเจอปัญหามาไม่มากก็น้อย แต่สุดท้ายเขาก็ต้องหาวิธีที่จะรับมือกับปัญหาเหล่านั้น จนสั่งสมกลายเป็นประสบการณ์ ผมว่าเอาไว้ให้คุณเจอปัญหาก่อนค่อยคิดก็ได้นี่ครับ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดประโยคยาวเหยียด มันไม่ใช่คำพูดปลอบใจ หรือบอกให้ผมสู้ ๆ แต่มันทำให้ผมเห็นภาพรวมของทุกอย่าง

“ผมเล่าความลับของผมให้คุณฟังแล้ว คุณเล่าความลับคุณบ้างสิ”

“ผมไม่ได้ขอให้คุณเล่านี่”

“แต่คุณรู้ความลับผมแล้วนะ”

“แต่ผมไม่มีความลับ”

“เหรอ... ถ้างั้นผมถามอะไรคุณต้องตอบ” คีย์เริ่มเงียบอีกครั้ง และผมก็ต้องพูดกระตุ้นให้เขาตัดสินใจ “คุณบอกเองนี่ว่าคุณไม่มีความลับ”

“คุณนี่มัน...” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ว่ามา...”

“คุณมีแฟนหรือยัง” ผมถามออกไปตรง ๆ

“ไม่”

“จริงดิ น่ารักขนาดนี้โสดได้ไง”

“เพ้อเจ้อ”

“ทำไมคุณถึงไม่มีแฟนล่ะ”

“มันเรื่องของผมไหมล่ะ!”

“ไหนคุณบอกว่าไม่มีความลับ...” ผมกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ เจ้าเด็กคีย์ดูท่าจะหัวเสียอยู่หน่อย ๆ

“ก็ได้ความลับของผมคือ ผมไม่ศรัทธาในความรัก”

“ทำไมอะ คุณโดนใครร้ายมาก่อนเหรอ”

“เปล่า”

“ถูกทิ้ง”

“เปล่า”

“โดนหักหลัง”

“ก็เปล่า”

เหตุผลที่ว่ามา มันดีพอสำหรับการที่คนคนหนึ่งจะหมดศรัทธาในความรักได้เลยนะนั้น

“งั้นผมขอเหตุผล” ผมถามต่อ

“ก็ไม่มีอะไร แค่เห็นคนรอบตัวผิดหวังซ้ำ ๆ ก็คงเหมือนคุณเห็นทางข้างหน้ามีเศษแก้ว คุณยังจะเลือกเดินเข้าไปอีกหรือไงล่ะ”

“ผมเลือกใส่รองเท้าแล้วเดินเข้าไป คุณบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าทุกปัญหามันมีทางออก”

“ก็ใช่ แต่เรื่องความรู้สึกมันยากที่จะจัดการ สู้ไม่มีเลยดีกว่า”

“งั้นแสดงว่าคุณก็ไม่เคยมีแฟนเลยสิ”

“...” คีย์ยกไหล่ขึ้นเป็นคำตอบ

“คุณเรียนปีไหน”

“สอง”

“แล้วเรียนที่ไหน”

“อันนี้ไม่ใช่ความลับ แต่ผมขอเก็บเอาไว้เป็นเรื่องส่วนตัว” เขาว่าอย่างนั้นผมก็เลือกไม่ถามเซ้าซี้ “ว่าแต่คุณเถอะ เพราะเรื่องแค่นี้เหรอ คุณถึงมาเที่ยวที่นี่”

“เปล่าหรอก ฉันแค่มาดูงาน กะว่าจะแวะพักผ่อนก่อนกลับไปทำงานเต็มตัว ก่อนจะไม่มีเวลาเที่ยวแบบนี้อีก” ผมว่า ก้มหน้าต่ำลงมองพื้น

อิสระที่เคยมีกำลังจะหายไป ผมรู้ว่าคนเราต้องโตขึ้นในทุก ๆ วัน แต่ผมแค่รู้สึกว่ายังไม่พร้อม

“คุณอยู่ที่นี่อีกกี่วันล่ะ”

“อีกสาม สี่วัน”

“งั้น...” คีย์เริ่มมีสีหน้าลังเลอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมปล่อยให้เขาพูดออกมาเอง “เรามาเที่ยวให้สนุกกันเถอะครับ”

“เป็นความคิดที่ดี แล้วเธอมีที่ที่อยากไปหรือเปล่าล่ะ ทริปนี้ฉันตามใจเธอ”

“อืมมม... ก็มีอยู่ที่หนึ่งนะครับ”

“โอเค งั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันนะ”

“ครับ”

วันนี้ผมได้รู้ความลับของเขา ความลับที่ทำให้เขาสร้างกำแพง โลกส่วนตัวคงจะสูงเท่ากับเขา Everest อย่างที่เขาว่านั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่า จะไม่มีใครเคยขึ้นไป มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายขีดจำกัดของตัวเอง

ผมรู้ว่าต้องเอาความรู้สึกของตัวเองเข้าไปเสี่ยง แต่มันก็คุ้มที่จะได้ลอง...

 

 


 

 

#ณขณะที่รัก

#สายตื้อ

**กำลังทยอยแก้คำผิดฮ่าฟ**


ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 4
«ตอบ #6 เมื่อ23-06-2021 18:02:10 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 4

It's fun

 



 

 

“คุณจะให้ผมเข้าไปในนี้จริงเหรอ”

“ก่อนออกมา ผมถามคุณแล้วว่าจะไปไหน แต่คุณบอกให้ผมลองทำสิ่งที่ยังไม่เคยทำนี่ครับ”

“มันก็ใช่ แต่แบบนี้มัน...” ผมหัวเราะชอบใจเมื่อศรเริ่มหน้าซีด

“นี่คุณกลัวผีเหรอครับ”

“เปล่า... ใครเขากลัวกัน ในนั้นก็มีแต่คนจริง ที่ฉันถามก็เพราะกลัวเสียดายเงินก็เท่านั้น”

“ทำไมผมจะไม่โอเค ก็คุณจ่ายเงินนี่ แต่ถ้าคุณไม่อยากเข้าไปเราไปที่อื่นก็ได้นะครับ”

“เข้าก็เข้า ฉันไม่ได้กลัวอยู่แล้ว” ศรว่า เดินนำผมหนึ่งก้าว

ก่อนออกมาเราคุยกันแล้วว่าจะไปไหน แต่ศรบอกว่าตามใจ อะไรที่ยังไม่เคยก็ให้ลองทำดู ผมก็เลยชวนศรมาที่โกดังผีสิงที่เขาว่าหลอนสุด ๆ ในพัทยา

เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไป คนนำทางเดินออกมา สีหน้าศรก็ซีดเผือด ตัวก็ใหญ่โตอย่างกับหมีขาว แต่กลับกลัวผีซะได้ ช่วงแรกที่เริ่มศรยังไม่ออกอาการกลัวอะไร นอกเสียจากเขาจะเดินประกบติดกับตัวผม

“คุณเดินห่าง ๆ หน่อยสิครับ” ผมว่า

“ในนี้มันมืด เผื่อเธอล้มไง”

“ไม่ใช่ว่ากลัวหรอกนะครับ”

“ฉันอายุเลขสามแล้วนะ ไม่กลัวอะไรแบบนี้หรอก”

ตึ้ง!

“อ๊ากกกกกก” เสียงอะไรบางอย่างร่วงลงพื้น ศรแหกปากดังลั่นโผเข้ากอดผมจนหายใจแทบไม่ออก

“ใครบอกว่าไม่กลัวครับ”

“ฉันตกใจหรอก”

ผมหลุดหัวเราะออกมา แล้วเดินนำทางต่อเงียบ ๆ ระหว่างทางศรเองก็แหกปากดังเป็นระยะ แขนผมถูกดึงไปกอดจนรู้สึกชาไปครึ่งซีก

“อีกนิดเดียวนะครับ ใกล้ถึงทางออกแล้ว”

“คีย์ ฉันกลัว”

ตึ้ง! ตึ้ง! ตึ้ง!

ผีถือเลื่อยไฟฟ้าพุ่งออกมาจากกรอบรูป ศรก็คว้าตัวผมขึ้นหลังแล้ววิ่งออกมาจนถึงสะพาน แต่ผีก็วิ่งตามมาไม่หยุด ผมหลุดหัวเราะตลอดทางจากการกระทำของศร

ในที่สุดเราก็มาถึงทางออก ศรถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ผ่านมาได้

“หน้าคุณตลกมาก” ผมว่า

“ผมวิ่งจนเหนื่อย ตัวคุณก็นิดเดียวทำไมถึงหนักขนาดนี้”

“ใครใช้ให้คุณแบกผมออกมาไม่ทราบ”

“ก็ขาเธอสั้น ปล่อยให้วิ่งตามก็คงไม่ทัน”

“ถ้าตัดเรื่องกวนตีนออก คุณเป็นคนหนึ่งที่น่ารักมาก”

“จริงเหรอ” ศรฉีกยิ้ม

“ไม่จริง ผมโกหก” ผมเอาคืนที่เขาว่าผมขาสั้น

เรานั่งพักกันอยู่พักใหญ่ เพราะศรยังไม่หายหน้าซีด ผมเลยตัดสินใจเดินไปซื้อน้ำเปล่ามาให้

“เธอไม่กลัวเหรอ” น้ำดื่มถูกกระดกจนเกือบหมดขวด

“เฉย ๆ คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าในนั้นเป็นคน”

“จิตใจเธอทำด้วยอะไรเนี่ย”

“คุณกลัวผีเหรอ” ผมว่า

“เธอรู้ความลับฉันสองข้อแล้วนะ” ผมไหวไหล่อย่างไม่สน ก่อนจะเดินหนีออกมา

ศรเดินตามมาติด ๆ ที่นี่ยังมีเครื่องเล่นอีกหลายอย่าง เราเลยลองเข้าไปเล่นเครื่องเล่นอื่นต่อ แต่ศรดูจะชอบโซนพิพิธภัณฑ์ Believe it or Not มันเป็นสถานที่โชว์พวกของแปลกที่เจ้าของเคยไปเจอมา อีกโซนที่ศรดูแฮปปี้คือ Louis Tussaud ในนั้นมีหุ่นขี้ผึ้งเหมือนคนดังทั่วโลก ไม่รู้ว่าใครพาใครมาเที่ยวกันแน่

“คุณอยากไปไหนอีกหรือเปล่า” ศรว่า

“ผมอยากเข้าอีกที่หนึ่ง แล้วเดี๋ยวเราไปเดินวอล์คกิ้งสตรีทกัน”

“เธอยังไม่เคยเดินเหรอ”

“ใช่ครับ ผมมาบ่อยแต่ก็ยังไม่เคยเดินสักครั้ง”

“เด็กน้อย” ศรว่าพลางเอาแขนเท้าหัวผม

ผมพาศรมาที่โซน Ripley’ s Infinity Maze เป็นเครื่องเล่นที่ผมอ่านรีวิวมาแล้วรู้สึกอยากลองเข้าเป็นอันดับที่สองต่องจากโกดังผีสิง

ถุงมือ ถุงเท้าและแว่นสามมิติถูกสวมเรียบร้อย ประตูทางเข้าก็เปิดออก เราเดินเข้าไปในความมืด แว่นสามมิติทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี แสงสีมันทั้งสวยและมึนงงในเวลาเดียวกัน แต่เราต้องเดินเพื่อหาทางออกจากห้องนี้ให้ได้

ศรคว้ามือผมเอาไว้แน่น ผมหันกลับไปมองเพราะว่าในนี้ไม่ได้มีผี หรือจริง ๆ แล้วศรจะกลัวความมืด

“ในนี้มันมืด เดี๋ยวเราจะหลงกัน”

“อ๋อ” ผมตอบสั้น ๆ ศรคลายมือออกจากการกอบกุม เปลี่ยนเป็นประสานฝ่ามือเข้าหากันแทน

หัวใจผมเต้นรัวยามที่ผมก้มมองมือที่กำลังประสานกันแน่น หรือผมกำลังจะเป็นโรคหัวใจ...

ศรเป็นคนหาวิธีออกจากห้องซึ่งเขาทำได้ดีมาก เราผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แสงไฟทำให้เรามึนงง และหลงทางในบางครั้ง ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกหล่อหลอกให้หลงระเริงไปกับมัน อาจจะเป็นเพราะสีสันของไฟที่ทำให้ผมสับสนอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดเราก็ออกมาได้

“หิวไหม” ศรว่า

“นิดหน่อยครับ”

“เราจะกินอะไร หรือจะไปหาอะไรกินที่วอล์คกิ้งฯ”

“ไปวอล์คกิ้งฯ เลยก็ได้ครับนี้ก็ทุ่มครึ่งแล้ว กว่าจะไปถึงก็คงดึกพอดี”

ศรตามใจอย่างที่บอก เราเดินมายังลานจอดรถที่มีรถจอดอยู่เต็มไปหมด แต่ทว่ารถศรก็ยังโดดเด่นสะดุดตา จะไม่ให้เด่นได้ไง สีเหลืองอร่ามขนาดนั้น

เราออกเดินทางต่อ ศรเอารถมาจอดที่โรงแรมหนึ่งใกล้ ๆ กับวอล์คกิ้งฯ เดินไปนิดเดียวเราก็มาถึงทางเข้า ผมไม่เคยมาเดินเลยสักครั้งแต่พอรู้ว่าข้างในมีอะไร

เพียงแค่เดินเข้าไปผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดออกไปอีกมิติ ผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติ เดินกันเต็มไปหมด ระหว่างทางเดินมีคนยืนจูบกันราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ

“อยากทำแบบนั้นบ้างหรือไง”

“จะบ้าเหรอ” ผมว่า ก่อนจะเดินนำศรออกมา ผมแค่มองเพราะไม่คิดว่าจะมีใครทำแบบนี้ในที่สาธารณะก็เท่านั้น

ผมเลือกร้านผัดไทย เพื่อเติมพลังงานที่เสียไปทั้งวัน

“ชอบกินผัดไทยเหรอ”

“เปล่า ผมแค่ทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวนะ” ผมว่าพร้อมตักผัดไทยคำใหญ่ใส่ปาก มันไม่ได้อร่อยว้าว แต่แค่อยากทำตัวกลมกลืนกับนักท่องเที่ยวก็เท่านั้น

เราใช้เวลาไม่นานในการกินผัดไทยจนหมด เพราะความหิว

“คุณอยากทำอะไรต่อ” ศรว่า

“อืมมม... ผมอยากลองเข้าร้านพวกนั้น มันเหมือนร้านเหล้าทั่วไปไหม”

“เดี๋ยวฉันพาเข้า แต่ต้องสัญญาว่าห้ามอยู่ห่างจากผมเด็ดขาด”

“โอเค”

ผมรับคำ ก่อนศรจะเรียกพนักงานเก็บเงินค่าอาหารบนโต๊ะ นั่งย่อยสักพักเราก็ลุกเดินเล่น เพื่อย่อยอาหารที่เพิ่งกินเข้าไป แสงสีจากป้ายไฟ และผู้คนมากมาย เสียงเพลงจากทุกร้านทำให้เราเคลิ้มไปกับบรรยากาศ

ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับแมลงเม่าที่กำลังหลงชื่นชมไฟพวกนั้น...

ศรพาผมเข้ามาในคลับหนึ่ง หน้าร้านมีผู้ชายตัวใหญ่ดูน่ากลัวยืนอยู่สามสี่คน เพียงแค่พวกเขาเห็นศรเขาก็เปิดประตูรับพร้อมกับกล่าวทักทาย ข้างในใหญ่มากถูกแบ่งโซนเป็นสองฝั่ง บรรยากาศในนี้ต่างกับข้างนอกลิบลับ เสียงเพลงก็ดังกระหึ่ม ศรพาผมมานั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่มีบาร์เทนเดอร์อยู่สามคน

“คุณจะดื่มอะไร”

“...” ผมเงียบเพราะผมไม่เคยดื่มอะไรพวกนี้มาก่อน

“อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยดื่ม”

“ครับ” ผมตอบ

ศรไม่ได้ว่าต่อ แต่หันกลับไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานแทน ไม่นานเครื่องดื่มก็ถูกวางไว้ตรงหน้า ผมชั่งใจอยู่ว่าตัวเองควรดื่มหรือเปล่า ไม่ใช่เพราะผมกลัว แต่เพราะผมไม่เคยดื่มมัน

“ผมสั่งแบบอ่อนที่สุดให้คุณเลย สำหรับคนไม่เคยดื่มมันแทบไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ” ศรว่า

ผมตัดสินใจยกขึ้นจิบก่อน รสสัมผัสแรกคือมันหวาน แอบมีรสขมปลาย ๆ ลิ้น แต่โดยรวมมันก็ไม่ได้แย่

“ดึก ๆ ที่นี่เปิดเพลงเพราะผมเห็นว่าคุณชอบฟังเพลง”

“คุณรู้ แสดงว่าคุณมาบ่อย”

“ก็ไม่บ่อย แต่ก็เป็นร้านประจำ” ศรว่า

เครื่องดื่มแก้วแรกหมดไป ศรก็สั่งแก้วที่สองต่อทันที

“คุณเอาอย่างนี้ไหม เรามาทายเพลงกัน ถ้าใครทายผิดคนนั้นต้องดื่ม” ศรชวนเล่นเกมเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

“ทำไมผมต้องเล่น” ผมว่า

“เธอชอบฟังเพลงไม่ใช่เหรอ หรือว่ากลัวทายผิด”

“ไม่มีทาง” ผมว่าก่อนจะไหวไหล่ “ก็ลองดู”

เกมเริ่มต้นที่ผมก่อน เพียงแค่เสียงดนตรีดังขึ้นผมก็รู้ได้ทันทีเพราะนักร้องคนนี้คือหนึ่งในท๊อปฟายฟ์ของลิสต์เพลงที่เปิดบ่อยที่สุด

“Uptown Funk ของ Mark Ronson ฟีเจอริ่งกับ Bruno Mars” ผมตอบอย่างมั่นใจ เพลงนี้ดังจะตาย

“เก่งนี่” ศรว่ากระดกเครื่องดื่มจนหมดแก้ว ระหว่างรอเพลงถัดไปเราก็พูดคุยกันอย่างออกรส เครื่องดื่มที่ถูกเติมเข้าร่างกายช่วยให้บทสนทนาสนุกขึ้น

เครื่องดื่มที่อ่อนสำหรับใครหลายคนมีอิทธิพลกับคนอย่างผมซึ่งไม่เคยดื่มเลย เรียกง่าย ๆ ว่าคออ่อน

ไม่นานเพลงก็จบลง และเพลงถัดมาก็เริ่มขึ้น ฟังปราดเดียวผมก็รู้ได้ทันที แต่ศรเงียบอยู่ครู่ใหญ่

“รอบนี้ผมยอมให้คุณเฉย ๆ หรอกนะ” ศรว่าพร้อมกับกระดกเครื่องดื่มทันที

“เพลงนี้ชื่อเพลงว่า Sorry Not Sorry ของ Lovato ผมรู้คำตอบแบบนี้คุณต้องดื่มอีกแก้วแล้วมั้ง” ผมยกคิ้วขึ้นอย่างผู้ชนะ ศรยอมยกอีกแก้วขึ้นดื่ม

เมื่อเพลงจบ เพลงถัดมาก็เล่นต่อ เมื่อดนตรีดังขึ้นได้ประมาณยี่สิบวิ ผมก็มองหน้าศรกะพริบตาปริบ ๆ มันเป็นเพลงแนวอีดีเอ็ม ซึ่งผมไม่ค่อยฟังแนวนี่เท่าไหร่นัก

“ไม่รู้ล่ะสิ” ศรว่ากระตุกยิ้มออกมา ผมยกเครื่องดื่มเป็นคำตอบ “เพลงนี่ชื่อเพลงว่า Work B**ch ของ Britney Spears”

“เล่นซะรู้อายุเลยนะครับ” ผมว่า

“อย่าเฉไฉ คุณต้องดื่มอีกแก้ว” ผมมองเครื่องดื่มที่ถูกดันไว้อยู่ตรงหน้า ผมกลั้นใจยกดื่มรวดเดียวหมด รสชาติมันไม่ได้แรง แต่มันก็พอทำให้คนไม่เคยดื่มรู้สึกมึน

“ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก” ผมว่า

ผมรอให้เพลงนี้จบอย่างใจจดใจจ่อ แต่เมื่อเพลงถัดมาดังขึ้น ผมก็รู้ชะตากรรมตัวเอง เพลงนี้ใคร ๆ ก็รู้จัก

“Yummy ของ Justin Bieber” ศรว่า เลิกคิ้วขึ้นอย่างผู้ชนะ

“...” ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่ยอมยกเครื่องดื่มแต่โดยดี

ผมยังไม่คิดยอมแพ้ รอเพลงถัดมา และรอบนี้ผมก็ตอบได้ เกมดำเนินไปอย่างตึงเครียดในช่วงแรก แต่เมื่อร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์เข้าไปจำนวนหนึ่ง เกมที่เคยตึง ก็เริ่มมีเสียงหัวเราะ และเริ่มสนุก

เราผลัดกันยกสลับกันไปมา ร่างกายผมเริ่มทรงตัวไม่อยู่ ทุกการกระทำผมรับรู้ แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ผมชวนศรออกจากคลับ แล้วลากศรเข้าคลับข้าง ๆ แทน ในนั้นต่างจากที่แรกที่ศรพาไป เสียงดนตรีจังหวะหนัก และสนุกกว่าเดิม ทำให้ผมยิ่งคึกคัก

ร่างกายผมขยับตามจังหวะเพลงอย่างห้ามไม่ได้

“สวัสดีครับ น่ารักจังผมอยากรู้จัก” ใครที่ไหนก็ไม่รู้เดินเข้ามาทักผม เขาตัวสูงพอ ๆ กับศร แต่หน้าตาออกไปทางตี๋ ๆ

ยังไม่ทันได้ตอบคำถามอะไร ศรก็เดินเข้ามาแทรกระหว่างกลาง มือเขาโอบรอบเอวผมเอาไว้ เขาสองคนคุยอะไรบางอย่างกัน ซึ่งผมไม่ได้ยิน รู้ตัวอีกที ผมก็ถูกศรพา ออกมาจากที่นั่น

“เราจะไปไหน” ผมถาม

“คุณเมาแล้ว ออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า” ศรว่า

ศรพาผมมาเดินเล่นที่ริมหาดใกล้ ๆ ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังเดินไม่ตรงทางอยู่ดี ศรจึงต้องคอยเดินประคอง ก่อนผมจะเริ่มเดินไม่ไหว ศรจึงหาที่นั่งพัก

“คุณโอเคหรือยัง”

“ผมไม่ได้เมาหรอกหนา”

“คุณรู้ไหม ตอนผมเมาผมก็พูดแบบคุณ” เสียงหัวเราะหลุดออกมาจากลำคอเบา ๆ หลังจบบทสนทนา ศรก็ปล่อยให้เราดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้า

ลมทะเลพัดมาเป็นระลอกเย็นสบายทุกครั้งเมื่อลมพัดกระทบกับผิวกาย

“คุณ...ไร...อ...” หูผมอื้ออึ้งรู้สึกไม่ได้ยินเสียงศร

“...”

แต่ปากตัวเองดันขยับตอบ อีกหลายประโยคไม่รู้ว่าตัวเองตอบศรไปว่าอะไรบ้าง เพราะผมไม่ได้ยินแม้แต่เสียงที่ตัวเองเปล่งออกมา รู้เพียงแค่ว่าผมหลับตาลง แล้วภาพก็ตัดดับไป

 

 

 

 


#ณขณะที่รัก

#สายตื้อ

**กำลังทยอยแก้คำผิดฮ่าฟ**


ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 5
«ตอบ #7 เมื่อ23-06-2021 18:03:26 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 5

Sky & Sea

 



 

“เธอมีอะไรที่อยากทำอีกไหม”

“ก็มีอยู่นะครับ” คีย์ว่าก่อนจะปรือตามองหวานฉ่ำ

“ว่ามา ถ้าไม่ไกลมากฉันจะพาไป”

“ผมอยากลอง... ลองจูบ...”

“...”

“เพื่อนผมบอกว่ามันรู้สึกดีมาก...”

“...”

“ผมยังไม่เคยจูบใครมาก่อนนะ ฮ่าๆ ฮ่า” เสียงคีย์หัวเราะร่วน

“...”

“เป็นความลับนะครับ” แล้วเขาก็กลับมาทำหน้านิ่ง

เป็นคนที่เมาแล้วอารมณ์สวิงสินะ...

เจ้าเด็กคีย์ยื่นหน้าเข้ามาจนจมูกเฉียดกัน กลิ่นเครื่องดื่มที่ออกมาจากลมหายใจกำลังดึงดูดให้ผมอยากลิ้มรสชาติที่ยังติดอยู่ภายในปาก ใบหน้าขยับเข้าหาใกล้กันมากขึ้น แต่ทว่าเขากลับฟุบหน้าลงหลับไปเสียก่อน ผมแอบเสียดายอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องตัดใจ แบกคนตัวเล็กใส่หลัง แล้วกลับมายังโรงแรมที่เอารถไปจอด

จริง ๆ แล้วโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ผมมาคุยเรื่องธุรกิจนั่นแหละ ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของโรงแรมนี้

ผมเปิดห้องสวีทชั้นบนสุดเพื่อให้เจ้ายูกแมวของผมได้นอนหลับอย่างสบาย ก่อนจะสั่งให้แม่บ้านนำผ้าพื้นเล็ก ๆ ขึ้นมาให้ เพื่อใช้เช็ดตัว

ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดจนหมาด ถูสัมผัสกับผิวกายขาวเนียนละเอียด ใบหน้าเจ้าเด็กคีย์ขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เสียงครางอือ อาในลำคอกำลังบอกได้ชัดว่ารำคาญเมื่อถูกสัมผัสตัว

หลังจากเช็ดตัวเสร็จ ผมก็จัดการเก็บของ แล้วปิดไฟนอนทันทีเพราะความเหนื่อยอ่อน วันนี้ทั้งวันเราทำกิจกรรมอย่างเต็มอิ่ม และเป็นวันที่เจ้าเด็กคีย์ได้รู้ความลับของผมเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ส่วนผมเองก็ได้รู้เช่นกัน

คีย์ยังไม่เคยจูบ...

“คุณศร...” เสียงอู้อี้พูดออกมาท่ามกลางความมืดภายในห้อง “ขอบคุณนะครับ วันนี้ผมสนุกม๊าก มาก เฮอะ ๆ” ว่าจบเขาก็ปีนตัวผมขึ้นมา แล้วนอนเอาหน้าซบลงที่หน้าอก ลมหายใจร้อนพ่นสัมผัสผิวจนรู้สึกขนลุก เขาจะรู้บ้างไหมว่าคนที่ทรมานคือผม

คืนนี้คงกลายเป็นคืนแห่งบททดสอบความอดทน ที่ปกติก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยมือเรา

ฝันดีราตรีสวัสดิ์...

 

“ผมไม่อยากลง”

“แต่เรามาถึงนี่แล้ว ไม่ลงเสียดายแย่” ผมว่า

วันนี้ระหว่างนอนคิดว่าวันนี้จะทำอะไรกันดี ผมก็เกิดปิ้งไอเดียพาเจ้าเด็กคีย์มาดำน้ำที่อ่าวแสมสาร ผมเคยไปครั้งหนึ่ง นอกจากระยะทางจะไม่ไกลมากแล้วที่นี่ก็ยังสวยไม่แพ้ที่อื่น แต่พอมาถึงเขากลับไม่ยอมลงน้ำซะอย่างนั้น

“คุณลงไปก่อนสิ เดี๋ยวผมตามไป” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปยังท้ายเรือ ถอดเสื้อวางไว้ก่อนจะค่อย ๆ ลงน้ำไป

ผมว่ายมายังส่วนหัวเรือที่เจ้าเด็กตัวคีย์นั่งกอดเสื้อชูชีพสีส้มอยู่ “น้ำเย็นมากเลยนะเธอ ไม่ลงมาแน่เหรอ” ผมถามซ้ำ แต่สีหน้าคนฟังกลับซีดเป็นเผือกต้ม ผมว่ายน้ำกลับเข้ามาขึ้นเรือ เดินตรงไปยังคีย์ทันที

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมว่า

“เปล่านี่ครับ”

“หรือว่ายังแฮงค์อยู่ ปวดหัวหรือเปล่า” มือยกขึ้นมาแตะที่หน้าผากคีย์ทันที แต่อุณหภูมิก็ปกติ “หรือว่าเธออยากอ้วกไหม”

“เปล่าครับผมแค่...”

“...”

“ผมกลัวปลา” ผมที่กำลังเครียดอยู่ หลุดขำพรืดออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“ปลาเนี่ยนะ”

“คุณหัวเราะ'ไร ก็ผมกลัว ใต้น้ำนั่นมีปลาเยอะหรือเปล่า”

“ก็เยอะ แต่มันสวยมากจนเธอลืมกลัวเลยล่ะ” สายตาของคีย์ฉายแววกังวล และยังรู้สึกหวั่นกับสิ่งที่ยังไม่เคยทำ “ลองดูไหม ฉันจะอยู่ใกล้ ๆ เธอตลอดเลย”

“...”

“มาถึงที่แล้ว ลงไปด้วยกันนะ”

“คือ...ผม...”

“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ทั้งคน”

“ก็ได้...”

ทันทีที่คีย์ตอบตกลง ผมก็ยิ้มกว้าง กระโดดลงน้ำไปรอก่อน

คีย์ปล่อยให้ปลายเท้าจุ่มน้ำใส่ ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงมา สายตาเขายังดูตื่นตระหนกเมื่อมีฝูงปลาว่ายผ่าน เขาไม่ได้กลัวปลาที่ว่ายมาแค่ตัวสองตัว แต่เขาแค่ไม่ชอบปลาที่อยู่รวมกันเยอะ

ผมหยิบแว่นดำน้ำที่ถือเอาไว้ค่อย ๆ ใส่ให้คนตัวเล็กอย่างเบามือ

“ขอบคุณนะครับ” คีย์ว่า

“เธอดำน้ำเป็นใช่ไหม” คีย์พยักหน้า “จับมือฉันไว้ แล้วดำลงไปพร้อมกันนะ”

“คุณจะไม่ทิ้งผมใช่ไหม”

“ฉันจะไม่ปล่อยมือเธอ เธอก็อย่าปล่อยมือฉันล่ะ”

“ก็ได้ ผมไว้ใจคุณนะ” เราดำน้ำลงไปพร้อมกัน แหวกว่ายดูปะการังสีสดใส ปลาสวยงามเหมือนรู้ว่ากำลังมีคนมองดูอยู่ก็รีบว่ายวนเวียนเราอยู่ไม่ห่าง

ผมไม่ได้สนใจพวกปลา หรือปะการังเท่ากับคนที่อยู่ข้าง ๆ ผมตอนนี้

“สวยมากเลยครับคุณศร”

“ไม่กลัวแล้วใช่ไหม”

“ครับ” คีย์ว่ายิ้ม ๆ “ผมอยากไปตรงนั้น”

“เอาสิ” ผมรับคำ แล้วพาไปทุกที่ที่เขาอยากไป

มันช่างเป็นวันหยุดมีความสุขแบบสุด ๆ ผมไม่รู้เลยว่าหลังจากจบทริปนี้เราจะเป็นยังไงต่อ จะหายไปในตอนเช้าเหมือนคนอื่น หรือเราจะยังจับมือกันไว้เหมือนตอนนี้

 

เมื่อเรากลับมาถึงบังกะโลที่เกาะล้าน เราทั้งคู่ก็ต่างแยกย้ายห้องใครห้องมัน เจ้าเด็กคีย์ของผมดูอ่อนล้าขั้นสุด ระหว่างทางเขาก็นอนมาแล้ว แต่ดูท่าจะยังไม่พอสำหรับเขา

ในขณะที่เขาหลับ ผมก็ได้แต่นอนคิดฟุ้งซ่าน พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่เที่ยวด้วยกัน แอบรู้สึกใจหาย แต่ผมมีเบอร์เขาแล้วหลังจากนี้จะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที

 

 

เมื่อคืนฝนตกเช้านี้อากาศเลยเย็นสบายกว่าทุกวัน ผมชงกาแฟแล้วออกมานั่งจิบที่ระเบียงหลังห้อง ผมซื้อบังกะโลนี้เลยดีไหม บรรยากาศมันดีมากจนผมรู้สึกหลงรัก แต่ก็หลงรักเด็กที่กำลังยืนบิดขี้เกียจโชว์พุงขาวข้างห้องมากกว่า

“ตื่น... ห้าววว เช้าจังนะครับ” คีย์ว่าไปพลางอ้าปาก ห้าวไปด้วย

“นี่เธอตื่นแล้วจริง ๆ ใช่ไหม” ผมว่าติดตลก หลังจบบทสนทนาเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ นอกจากนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังสาดแสงสีเหลืองอ่อนลงมายังท้องทะเลกว้าง

“สวยดีนะครับ” คีย์ว่า

“อืม”

“ผมชอบที่นี่...” ผมหันไปมองคีย์ หรือผมจะไปซื้อบังกะโลนี่เลยดีวะ

“ฉันก็ชอบ...”

‘ชอบคนตรงหน้า’

ระหว่างเรามีเพียงกำแพงเตี้ย ๆ กั้นเอาไว้ แต่ทว่ามันกลับไม่ได้กั้นความรู้สึกที่ผมมี

คีย์หันกลับมายิ้มให้ หัวใจผมกำลังฟูเป็นสายไหมสีหวาน ชวนให้ลิ้มลอง

คีย์แทบไม่มีอะไรที่ตรงตามสเปคผมเลย ทั้งตัวเล็ก ตาโต ดูบอบบางราวกับว่า หากผมกดเขาลงกับเตียงร่างเขาก็พร้อมจะหักเป็นสองท่อน แต่ความรู้สึกมันทำให้ผมมองข้ามทุกอย่างไปอย่างไม่ลังเล

 

 

วันนี้ผมก็ตามใจเจ้าเด็กคีย์เหมือนอย่างเคย เขาต้องการนอนอ่านหนังสือ ส่วนผมนั่งมองเขาจากห้องของตัวเองอยู่เงียบ ๆ เขาไม่ได้ห้ามที่จะให้ผมข้ามไป แต่ผมแค่อยากให้พื้นที่ส่วนตัว

ช่วงกลางวันเราออกไปทานข้าวกันข้างนอก ช่วงบ่ายแดดน้อยผมก็ชวนเขาขับมอเตอร์ไซค์ไปจุดชมวิวกางหันลม และแวะหาดแสมที่อยู่ใกล้ ๆ ตกเย็นคีย์ก็ชวนผมไปหาดนวลต่อ ผมว่าเขาคงไปมาทุกหาดแล้วแหละ เพราะดูจากการขับรถแล้วเขาดูชำนาญทางมาก เผลอ ๆ อาจจะชำนาญกว่าคนในพื้นที่ก็ได้

มาถึงที่หาดนวลพระอาทิตย์ก็ตกดินพอดิบพอดี แสงสีส้มเป็นพื้นหลังสวย ผิวน้ำใสถูกย้อมไปด้วยสีส้มแดง ดวงอาทิตย์ที่เคยให้ความอบอุ่น กำลังจะถูกผลัดเปลี่ยนเป็นดวงจันทร์ ท้องฟ้าที่เคยเป็นเหมือนกระดาษเปล่า มีก้อนเมฆตกแต่ง กำลังจะถูกประดับไปด้วยดวงดาว สว่างไปทั่ว

“พรุ่งนี้จะกลับแล้ว มีอะไรที่อยากลองทำอีกไหม” ผมว่าขณะที่เรากำลังเดินให้เท้าสัมผัสทรายขาวละเอียด คลื่นทะเลสาดกระทบฝ่าเท้าของเราที่กำลังเดินอยู่

“อืมมม...” คีย์ทำท่าคิดอยู่สักพัก “ก็มีอีกอย่างนะ ผมอยากลอง” คำพูดของคีย์ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ที่เขาบอกว่าอยากลองจูบ แต่ก็ฟุบหลับไปก่อน

ตื่นมาตอนเช้าเขาบอกว่าจำอะไรไม่ได้ ผมว่าก็คงจะจริง เพราะถ้าหากเขาจำได้จริงคงจะรู้สึกเขินไปแล้ว แต่คีย์กลับมีท่าที่ปกติ

“ลองอะไร” ผมถามย้ำ หัวใจก็เต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก หากเขาบอกว่าจูบ ผมจะยอมวิ่งลงทะเลด้วยท่าตีลังกาม้วนหน้ายี่สิบยกเลย

คีย์ยกมือถือขึ้นดูนาฬิกา “ได้เวลาพอดี” คีย์ตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินจูงมือผมขึ้นจากน้ำ ผมไม่ได้ถามอะไร ได้แต่เดินตามไปเงียบ ๆ คงหมดหวังที่จะได้ตีลังกาลงทะเลแล้วสินะ เป็นเศร้า

คนอย่างศรนกได้ไง นกจากโซ่มาแล้ว กับคีย์ยังจะนกอีกเหรอ ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรือไง...

 

รู้ตัวอีกที่ผมก็ยืนถือตะกร้าสีส้ม โดยมีเจ้าเด็กคีย์ยืนกวาดชั้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อละขวด ยี่ห้อละกระป๋อง กินหมดนี่ตายนะเว้ย

“เธอจะกินหมดนี่เลยเหรอ” ผมว่า

“เปล่าครับ ผมเคยสงสัยแต่ยังไม่เคยลอง”

“...?”

“สงสัยในรสชาติ ผมแค่จะชิมทุกยี่ห้อ แค่นั้นคงไม่เมาหรอกมั้งครับ”

“อ๋ออออ” ผมพยักหน้าหงึก ๆ

ก็พอเข้าใจจุดประสงค์ เมื่อเทียบกับผมแล้วดื่มเกือบครบทุกอย่างตั้งแต่มอปลาย

ขับรถออกมาจากร้านสะดวกซื้อไม่นาน เสมือนท้องก็พลันวิปริตแปรปรวนทันใด ผมได้ร้องเพลงแต่ฝนห่าใหญ่เม็ดเท่าไข่ห่านก็ตกลงมาจนตัวเปียกชุ่มยันกางเกงใน

คีย์ค่อย ๆ ขับมาจนถึงห้องพักเราแยกย้ายกันเข้าห้องอาบน้ำ เครื่องดื่มทั้งหมดถูกเก็บที่ห้องผม เพราะคีย์ยังคงไม่ให้ผมเข้าไป

มาถึงห้อง ผมก็จัดการเอาเครื่องดื่มไปแช่แล้วรีบอาบน้ำทันที ในขณะที่ผมกำลังสระหัวอยู่นั้น โลกทั้งใบก็พลันมืดมิด

ไฟดับ! ผมรีบล้างหัว ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นมาสวม แล้วตรงมายังหน้าระเบียง ตะโกนเรียกคีย์ด้วยความเป็นห่วง

“คีย์...” ผมตะโกนเรียก แต่คีย์ไม่ตอบ “คีย์!” ผมตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนใจ

ผมตัดสินใจปีนกำแพงข้ามไป...

“คุณทำอะไรน่ะ” คีย์ว่า ผมที่อยู่ในท่ายืนคร่อมกำแพงก็เป็นอันต้องชะงัก "แล้วนี่แต่งตัวอะไรของคุณเนี่ย"

“ก็ฉันเรียกตั้งนาน เธอไม่ตอบ”

“ผมอาบน้ำอยู่นี่ครับ แล้วคุณก็ข้ามกลับได้แล้ว เดี๋ยวผมข้ามไปเอง” ว่าจบผมก็ข้ามกลับมาที่เดิม แล้วคีย์ก็ปีนเข้ามา เป็นครั้งแรกที่คีย์มาที่ห้องผม “จะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานไหมครับ ฝนสาดแล้ว” คีย์ว่า

ผมเดินนำเข้าไป ไม่นานเสียงประตูก็ดังขึ้น ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ผมเดินไปเปิดประตูก่อนจะพบว่าเป็นคุณลุงที่กำลังยืนกางร่มอยู่ ในมือมีเทียนแท่งสีเหลืองอยู่สี่ ห้าแท่ง

“เสาไฟมันหัก ทนหน่อยนะ ลุงโทรตามช่างแล้ว แต่ฝนตกหนักอาจช้าหน่อย”

“ไม่เป็น’ไรครับลุง” ผมว่า นานกว่านี้ก็ได้ แต่อย่าให้ต้องถึงเจ็ดปีเลย ผมจะตายซะก่อน

“เอาเทียน ใช้แก้ขัดก่อน” เทียนถูกส่งมาพร้อมกับไฟแช็ก

ผมรับมาก่อนจะเริ่มจุดแล้วตั้งเอาไว้ตามมุมห้อง มันไม่ได้สว่างมาก แต่ก็ไม่ทำให้มืดจนมองไม่เห็นอะไร ผมเดินกลับมาที่คีย์อีกครั้ง

“ลุงเอาเทียนมาให้เหรอ” คีย์ว่า

“อืม” ผมตอบ “แล้วนั่นทำอะไร”

“หาเพลงฟังสิครับ เงียบอย่างกับป่าช้า” ผมไม่ได้ตอบกลับ แต่ยืนมองเขาเลือกเพลง ขีดสีแดงขึ้นชัดว่าแบตเตอรี่กำลังเหลือน้อย

“เธอไม่เก็บแบตฯ เหรอ” ผมว่า

“ไม่อะ เดี๋ยวไฟก็มา”

เสียงเพลงทำลายความเงียบลงไปได้เยอะ ในมือถือเขาลิสเพลงมีเป็นร้อย ๆ ให้ฟัง ทั้งเพลงที่คุ้นหู และเพลงที่ไม่เคยฟัง

“นี่เธอไม่ไดร์ผมเหรอ เดี๋ยวก็ไม่สบาย” ผมว่าเมื่อสังเกตเห็นว่าผมคีย์ยังเปียกอยู่

“ไฟดับ...” เอ่อผมลืม ผมไม่ได้ตอบกลับ แต่เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผื่นเล็กที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา

“มานั่งนี้” ผมว่านั่งลงบนเตียงแล้วให้เขานั่งลงข้างล่าง

“ไม่เอา”

“อย่าดื้อนา”

“ปล่อยไว้เดี๋ยวก็แห้ง” คีย์ว่า ตาก็มองจอมือถืออย่างไม่สนใจ แอบเป็นเด็กดื้ออยู่เหมือนกัน

“จะมาดี ๆ หรือจะให้ฉันไปอุ้ม”

“เรื่องมากจริง ๆ” ว่าจบเขาก็ยอมมานั่งแต่โดยดี

ผมค่อย ๆ ใช่ผ้าเช็ดหัวของคนตัวเล็กอย่างเบามือ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนทั้งนิ่ม และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยขึ้นมาแตะจมูก

"คุณ..."

"หืม" ผมขานรับในลำคอ

"ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้ผมเลยนะ รู้ไหม"

"..." ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น นี้ผมเป็นของแรกของเขาเหรอ ให้ตายเถอะ เขินเป็นบ้า

"ฉันก็ไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครเหมือนกัน" ผมว่าไปตามจริง

"ตอแหล... คุณดูเจ้าชู้ เรื่องแบบนี้ดูเป็นเรื่องปกติ"

"ไม่ขนาดนั้น" ผมว่า “ว่าแต่ผมเธอสีน้ำตาลธรรมชาติเลยเหรอ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะอดีตที่ผ่านมา ไม่น่าเป็นเรื่องเล่าที่ดี พี่รู้พี่มันเลว...

“ครับ ผมเหมือนแม่น่ะ ส่วนพี่ชายเหมือนพ่อ เลยผมสีดำ”

“ผมเธอสวยมาก นิ่มมือด้วย นี่ถ้ายาวกว่านี้อีกหน่อยคงสวยน่าดู”

“เหรอครับ...”

"อืม...ฉันชอบ"

 


#ณขณะที่รัก

#สายตื้อ

**กำลังทยอยแก้คำผิดฮ่าฟ**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 6
«ตอบ #8 เมื่อ23-06-2021 18:06:56 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 6

Bedtime Story

 



 

 

“อืม... ฉันชอบ”

“ชอบ...?!” คีย์ชักงักเพราะคำพูดของผม

“ฉันหมายถึงผมน่ะ” ผมรีบแก้ตัว เพราะกลัวว่าผมจะล้ำเส้นเกินไป “ว่าแต่เธอมีพี่ชายด้วยเหรอ”

“อืมมีคนนึง”

“หวงน้องแย่สิแบบนี้”

“ไม่หรอก มันแต่งงานไปแล้ว”

“เราสองคนนี้มีอะไรเหมือนกันเลยนะ ฉันก็มีน้องชายเพิ่งแต่งงานไปเอง”

“ดีจังเลยนะครับ” บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น

เวลายังคงเดินไปข้างหน้า แต่ไฟก็ยังไม่มาสักที คีย์จึงตัดสินใจเอาเครื่องดื่มที่ซื้อมาทั้งหมดออกมาวางเรียง

“คุณว่าผมควรเริ่มชิมจากอันไหนดี”

“ฉันว่าลองเริ่มจากเบียร์ดีไหม” ผมว่า

คีย์จัดการเปิดกระป๋องเบียร์ยี่ห้อหนึ่งขึ้นมา เสียงป๊อกดังขึ้นเป็นการบอกว่ากระป๋องถูกเปิด คีย์ไม่ลังเลเลยที่จะยกมันขึ้นดื่ม แสงเทียนสีเหลืองนวลทำให้ผมได้เห็นใบหน้าขาวกำลังบิดเบ้

“อี๋ ไม่เห็นอร่อย” กระป๋องแรกถูกวางลง แล้วเปิดกระป๋องที่สอง และสามตามมา “รสชาติไม่เห็นต่างกันเลยอะคุณ ขมมากกก” เสียงบ่นอุบอิบ

ผมหยิบเบียร์ที่เขาเปิดเอาไว้ขึ้นดื่ม “กระป๋องนี้นุ่มกว่า กระป๋องแรกนะ” ผมว่า

“เหมือนกัน เอาอะไรมานุ่ม” เสียงบ่นยังดังอยู่ตลอด แต่มือก็ยังเปิดไม่หยุด ที่เขาบอกว่าชิมน่ะไม่ใช่เรื่องเล่น เพราะเขาแค่ชิมจริง ๆ ที่เหลือผมก็ดื่มแทน เลือกดื่มเฉพาะยี่ห้อที่ดื่มอยู่แล้ว

ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นซับสีเลือด การชิมไม่ทำให้เขาเมาแต่ก็ทำให้เขาเริ่มร้อน และสีผิวเปลี่ยนเป็นสีแดง “น้ำเปล่าไหม” ผมรินน้ำเปล่าใส่แก้วใสส่งให้

“ขอบคุณครับ” ว่าจบเขาก็กระดกน้ำเปล่าจนหมดแก้ว แล้วเริ่มเปิดขวดโซจูรสพีช

“เธอพักก่อนไหม หน้าแดงหมดแล้ว”

“ไม่เมาหรอกครับ แค่ชิม” ว่าจบเขาก็รินโซจูสีใสใส่แก้ว แล้วจิบไปเพียงนิดเดียว “อันนี้อร่อยอะคุณ” คีย์ทำหน้าราวกับว่าตนเองได้ค้นพบสูตรฟิสิกส์สูตรใหม่

เครื่องดื่มยังคงถูกเปิดอย่างต่อเนื่อง เหมือนที่เพลงที่เปิดอยู่เปลี่ยนไปตามลำดับ จนกระทั่งมาถึงเพลงที่ผมเคยบอกเขาว่าชอบ แต่วันนั้นเราหาไม่เจอ มันเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่น ผมไม่รู้หรอกว่ามันแปลว่าอะไร รู้แค่ว่าทำนอง และเสียงร้องมันน่ารัก

คีย์ตั้งท่าจะเปลี่ยนเพลง “เดี๋ยวก่อนสิคุณ เพลงนี้แหละที่ผมเคยบอกว่าน่ารักดี”

“ฮ่า ๆ” คีย์หัวเราะเสียงดังลั่น ดวงตาที่เคยแข็ง เปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำ “คุณโดนตกเพราะความน่ารักของเพลงเหรอ ผมก็เหมือนกัน”

“ทำไมละ” ผมว่า

“ก็ความหมายมัน...” เขาไม่พูดต่อ แต่ยิ้มออกมาก่อนจะหันไปเปิดขวดเครื่องดื่มชนิดหวานต่อ

“บอกความหมายได้ไหม”

“เพลงนี้มันอ่านว่า Tipsy ของคุณ Wanuka”

“เธอฟังภาษาญี่ปุ่นออกด้วยเหรอ”

“ผมชอบฟังเพลงนะคุณ ผมก็ต้องรู้ความหมายเพลงที่ชอบสิ”

“งั้นท่อนนี้แปลว่าอะไร” ผมว่า คีย์เงียบฟัง และจับจังหวะเพลง

‘Konomi janai” to ka nukashite sa’

“เธอบอกว่าผมไม่ใช่แบบที่เธอชอบ”

“...”

‘Kokoro ni ai to ka mieru kara, ah’

“แต่ผมมองออกนะว่าเธอชอบผมอยู่”

“...” เชี่ย รู้สึกหน้าร้อนเหมือนถูกจับได้

“เธอไหวเปล่าเนี่ย” ผมว่าเมื่อคีย์เหมือนจะหงายหลัง นั่งโงนเงน

“ผมไหวนา แค่นี้เอง อึก!” สะอีกขนาดนี้ยังไม่ล้มก็เก่งมากแล้ว

“แปลเพลงต่อสิ ฉันยังไม่เข้าใจความหมายเลย”

“คุณจะรู้ไปทำไมอะ”

“ก็เธอบอกเองนี่ ว่าเพลงที่ชอบก็ต้องอยากรู้ความหมาย”

“คุณนี่จริง ๆ เลยน้า ขอจับจังหวะแป๊บ”

‘Ie made okutte moraitai no’

“ท่อนนี้แปลว่า ‘อยากให้เธอพากลับบ้านจัง’ ”

“...”

‘Konya mitasaretetai no’

“ค่ำคืนนี้อยากจะสุขสมหวังจัง”

“...”

‘Dekireba kimi ni chotto’

“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เธอ”

“...”

‘Nurashite hoshii no’

“ทำให้ผมเปียกปอนสักหน่อย”

“...”

‘Yoi de yoritai no’

“อยากจะเมาหน่อย ๆ แล้วก็แวะไปหาเธอ”

“...”

‘Gomakashite kisu shitai no’

“ก่อนจะขโมยจูบของเธอ”

“...”

“นี่มันดนตรีโรงเรียน เนื้อหาโรงแรมชัด ๆ” ผมว่าหลุดหัวเราะในลำคอ

“จังหวะนี้คุณต้องขโมยจูบผมแบบในเพลงสิ” แล้วสิ่งที่คีย์พูดก็ทำให้ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ

“เธอพูดอะ อุ๊บ!” ริมฝีปากนิ่มกดลงมาอย่างไม่คาดคิด มันควรจะเป็นผมที่ขโมยจูบ แต่กลายเป็นว่าคีย์ขโมยจูบผม

“ไม่เห็นรู้สึกดีเลย เพื่อนผมโกหก” เขาบ่นอุบ เพราะเมื่อสักครู่เขาเพียงแค่เอาริมฝีปากมาแตะไว้เฉย ๆ คีย์ถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ

“รู้สึกดีมันต่อจากนี้ต่างหากละ”

ว่าจบผมก็คว้าท้ายทอยของคนตัวเล็กเข้ามาใก้ล แล้วกดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันจะไม่ใช่แค่การแตะกันเฉย ๆ เมื่อผมเริ่มเผยอปางับลงที่ริมฝีปากล่าง ออกแรงขบเม้มเบา ๆ อย่างเป็นจังหวะ

เจ้าเด็กคีย์แสดงท่าทางไร้เดียงสาอย่างน่าเอ็นดู ผมไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ตื่นมาเขาจะยังจำเรื่องทั้งหมดได้หรือเปล่า

ผมผละออกเพื่อให้คนตัวเล็กกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอด ก่อนจะประคองใบหน้าให้รับจูบอีกครั้ง ครั้งนี้ผมเพิ่มระดับการจูบอีกขั้นโดยการใช้ปลายลิ้นโลมเลียริมฝีปากอิ่มให้เปิดออก แล้วสอดลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจโพรงปากอย่างเอาแต่ใจ

แสงเทียนช่วยสร้างบรรยากาศให้เราเคลิ้มไปด้วยกัน เสียงเพลงที่ดังสอดประสานกับจังหวะการบดจูบ ความเย็นจากสายฝน ทำให้เราต้องแลกเปลี่ยนความอบอุ่นด้วยการกอด ฝ่ามือประคองใบหน้าให้แหงนเงยรับองศาจูบ รสหวานจากเครื่องดื่มกลิ่นพีชหอมฟุ่ง ความหวานยังติดที่ปลายลิ้น

ลิ้นร้อนตักตวงเอาทุกสัมผัสจากเขา ทุกการกระทำที่อุกอาจผมรู้ดีว่า ตัวเองอาจจะถูกเขาเกลียดก็ได้

ผมผละริมฝีปากออกจากกันในเวลาต่อมา...

"..."

“คีย์ คือฉัน---” ผมตั้งใจจะขอโทษเพราะเห็นว่าคีย์เงียบไป แต่ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“มันรู้สึกดีจริง ๆ ด้วยครับ” เขามองผมด้วยดวงตาที่ฉ่ำปรือ “ผม...” คีย์พุ่งตัวเข้ามาหาผมอย่าไม่ทันตั้งตัว จนเราหงายหลังลงกับพื้นด้วยกันทั้งคู่

“ผมอยากจูบอีก”

"ฉันว่าเธอเมามากแล้วนะคีย์..." ผมไม่อยากให้เขารู้สึกว่าผมฉวยโอกาสตอนที่เขาเมา

"คุณรังเกียจผมใช่ไหม" คีย์ว่า ฟุบหน้าลงกับหน้าอกผม

“ไม่ใช่อย่างนั้น เวลาจูบกันนาน ๆ มัน... ให้ตายสิเธอดื้อชะมัด” ใครจะไปทนได้ จูบแค่นี้ผมยังรู้สึกเสียววูบที่ท่อนล่าไปหมด "ฉันอดทนมากนะคีย์"

“ไม่ไหวก็ไม่ต้องทนสิครับ” คีย์ว่า

“เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าที่ฉันพูดมันหมายความว่าอะไร”

“รู้สิครับ ผมไม่ใช่เด็กนะ ถึงผมจะตัวเล็กแค่นี้” เขายกมือขึ้นมาทำมือให้ดูว่าเล็กแค่ไหน

น่ารักโวย! อยากจับกดให้งอแงอยู่บนเตียง

“พรุ่งนี้เช้า เธอจะรับผลที่ตามมาได้ใช่ไหม” ผมว่า

“เราต้องยอมรับผลของการกระทำของตัวเองอยู่แล้วนี่” ว่าจบผมก็จับคีย์ที่นอนทับผมอยู่ด้านบน พลิกลงไปอยู่ใต้ร่างผมแทน ริมฝีปากบดจูบลงไปอีกครั้ง คีย์หลับตารับจูบที่ผมมอบให้อย่างเต็มใจ แล้วยกเรียวแขนโอบรอบคอผมเอาไว้

ผมเริ่มซุกหน้าลงที่ซอกคอขาว กลิ่นสบู่หอมอ่อนทำให้ผมอยากจะกลืนกินเขาไปทั้งตัว จมูกไล้ไปตามกรอบหน้าปล่อยลมหายใจอุ่น ๆ ให้กระทบกับผิวเนื้อ ผิวขาวขึ้นสีแดงจนถึงลำคอ กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งหอมหวาน ปากขยับงับลงที่ซอกคอซุกไซ้ปลุกเร้า ใบหน้าขาวเชิดขึ้นรับแรงขบเม้มจากริมฝีปาก “อื้ออ...” คีย์ร้องครางในลำคอ พร้อมกับหดคอหนี

แสงเทียนกำลังจะมอดดับตามกาลเวลา เสียงเพลงยังคงดัง และเปลี่ยนไปตามลำดับของมัน เพลง Bedtime Story ของ Rini ถูกเล่นขึ้นอย่างได้จังหวะ มันเป็นเพลงที่เข้ากับสถานการณ์ร์ตอนนี้

 
‘Let's dim the lights,’ (หรี่ไฟลงเถอะนะ)

‘I wanna make love to you’ (ฉันอยากจะมีอะไรกับเธอแล้ว)

‘Only thing I wanna do’ (มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันอยากจะทำ)

‘I wanna make you feel good’ (ฉันอยากทำให้เธอรู้สึกดี)

 

มันเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่หน้าจอที่ดับสนิท บ่งบอกว่าแบตเตอรี่หมดเป็นที่เรียบร้อย

“ไปที่เตียงกันเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

 

‘Feel good’

รู้สึกดี


 

 

 

 
เขาทำอะไรกันอะ หนูไม่รับรู้ /-,,-

#ณขณะที่รัก

#สายตื้อ

**กำลังทยอยแก้คำผิดฮ่าฟ**


ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 7
«ตอบ #9 เมื่อ23-06-2021 18:09:09 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 7

It's okay

 



 

 

ผมไม่ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองพูด เหมือนที่ร่างกายกำลังแสดงออก ผมกำลังเล่นกับความรู้สึกที่พยายามหลีกหนีมาตลอด มันถูกพังลงเพราะแค่เผลอไผลไปกับสิ่งเร้าตรงหน้า การกระทำทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องโกหกหรือมึนเมา เครื่องดื่มพวกนั้นเป็นแค่เพียงตัวกระตุ้นให้ทำในสิ่งที่ต้องการ

"เธอไม่เปลี่ยนใจแน่นะ" ศรถามย้ำอีกครั้ง

"ครับ" คำตอบของผมไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

เพียงแค่ผมอนุญาต เสื้อยืดตัวโครงก็ถูกถอดออกจากตัว

“เธอสักด้วยเหรอ” ศรว่า

“อืม”

“มันแปลว่าอะไร” ศรกดริมฝีปากจูบลงที่รอยสักบริเวณสีข้างด้านขวาอย่างแผ่วเบา

“รหัสหว้ากอ...อึก!” ผมพยายามสะกดกลั้นเสียงเอาไว้ เมื่อสัมผัสได้ถึงลิ้นร้อนที่กำลังโลมเลียรอยสักจนรู้สึกขนลุก “อันนี้ก็ความลับนะครับ” ผมว่าดึงหน้าศรให้เงยขึ้นมองสบตา

“ความลับ...” ศรตอบสั้น ๆ กดจูบลงมาย้ำอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาอย่างอุกอาจเก็บง่ำความลับของเราลงคอ อย่างกระหาย

ผมสักตั้งแต่ช่วงที่ขึ้นปีหนึ่ง ไม่เคยบอกใครแม้กระทั่งพี่โซ่เองก็ยังไม่รู้ มันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก มันก็แค่วันที่ที่ทำให้ผมตั้งกำแพงความกลัว

วันที่พ่อกับแม่ผมตัดสินใจแยกทางกัน :: :. :. :: :..... ::

“เดี๋ยว...” ผมร้องห้ามเมื่อรู้สึกได้ว่าศรกำลังใช้นิ้วเกี่ยวขอบกางเกงแล้วรั้งลง “ไม่ถอดได้ไหม” ผมว่า

“...” ศรไม่ตอบ และก็ไม่ได้บังคับให้ผมถอด เขาหันกลับไปปลดสายชุดคลุมอาบน้ำของตัวเองออก แสงเทียนภายในห้องริบหรี่มาก แต่ก็ยังทำให้เห็นของแข็งที่ตั้งชันชัดเจน ใบหน้าผมรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อได้เห็น

ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้ เพราะรู้สึกอายสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ศรไม่ได้ดึงออก แต่กลับมุดเข้ามาในผ้าห่ม แล้วแทรกกายระหว่างกลางจนขาแยกออกกว้าง “จะเล่นซ่อนแอบเหรอครับ” ศรว่าเสียงนุ่ม

“...” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเอาหน้าตัวเองออกมานอกผ้าห่ม

ศรไม่ได้ตามออกมา เขาใช้ริมฝีปากจูบลงที่แผ่นอกจนทั่ว และขยับต่ำลงไปที่ยอดอก ดูดเม้มสลับกันไปมา การที่เขาไม่ได้เปิดผ้าห่มออกทำให้ผมรู้สึกเขินน้อยลง แต่ความรู้สึกที่ได้รับกลับมากขึ้นเป็นเท่าตัว

หัวใจผมเต้นแรงแทบระเบิด ช่องท้องวูบหวิวราวกับกำลังขึ้นรถไฟเหาะ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน

“คุณ...” ผมกัดริมฝีปากแน่นพยายามไม่ให้ตัวเองเปล่งเสียงน่าอายออกมา

ศรพยายามใช้ริมฝีปากงับลงมาที่แกนกลางลำตัวผ่านกางเกงตัวบาง ผมรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้มันกำลังบวมเป่ง และปริ่มน้ำจนชุ่ม

กางเกงขาสั้นถูกรั้งลงไปพร้อมอันเดอร์แวร์ ร่างกายเราทั้งคู่เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้ผ้าห่ม แสงเทียนในห้องดับลงแล้ว เหลือเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมาผ่านม่านฝน มันไม่ได้สว่างจ้า หรือมืดสนิท ผมยังพอเห็นทุกอย่างผ่านความมืดได้ราง ๆ

ไม่นานภาพห่มก็ถูกเปิดออก เพราะเหงื่อเม็ดโตผุดซึมจนเราทั้งคู่เปียกชื้น

ศรใช้ฝ่ามือกอบกุมแกนกายที่ร้อนระอุของผมและของตัวเองไว้ แล้วขยับมือขึ้นลงอย่างเชื่องช้า แล้วค่อย ๆ เพิ่มจังหวะมือขึ้นเรื่อย ๆ “อะ...” เสียงร้องหลุดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ความรู้สึกผมเริ่มสับสน มันปั่นป่วน มึนงงไปหมด ได้แต่จิกกำผ้าปูเพื่อระบายอารมณ์ “เดี๋ยวครับคุณศร...” เสียงทัดทานของผมถูกเมิน ช่วงล่างปวดหนึบจนรู้สึกอยากปลดปล่อย ผมพยายามอย่างมากเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ไว้

ผมเคยใช้มือช่วยตัวเองบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยถูกใครใช้มือทำให้มาก่อน ยอมรับว่ามันรู้สึกดีกว่า แต่ก็น่าอายกว่าด้วยเช่นกัน

“คุณศร... ปล่อยเถอะครับไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวผมทำเอง”

“เธอนอนเฉย ๆ เดี๋ยวฉันทำให้”

“อึก! ... คุณ...” หยาดน้ำอุ่นพุ่งพรวดออกมาจนเปรอะหน้าอก "อย่าครับมันสกปรก" ผมร้องห้ามเมื่อ ศรก้มต่ำลงโลมเลียหยาดน้ำกลิ่นคาวบนตัวอย่างไม่นึกรังเกียจ ผมรู้สึกอายจนตัวร้อนเหมือนคนมีไข้

ไม่นานผมก็รู้สึกถึงของเหลวที่กำลังไหลเยิ้มลงมาที่หน้าท้องของตัวเอง เสียงครางต่ำร้องกระเส่าเมื่อเขาถึงปลายทางเช่นกัน

ศรโน้มตัวลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอ ขบเม้นหนักเบาจนขนลุกชัน มือเขากำลังควานหาบางอย่างใต้หมอน แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือตัวตนของเขาที่สัมผัสกับต้นขาผม ยังแข็งดุดัน ในขณะที่ของผมสงบลงไปแล้ว

“นี่คุณยัง...” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ใต้หมอนขึ้นมา ก่อนจะเปิดหยิบห่อสีเงินออกมาจากกระเป๋า

มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่ามันคือ ถุงยางอนามัย...

“คุณจะทำอะไร!” ผมว่า

“มาถึงขนาดนี้แล้วนะคีย์”

“ผ... ผม... ผมกลัว” ผมรีบลุกชันตัวขึ้นนั่ง เสียงติดสั่นเมื่อรู้ว่าเขาจะเอาของแข็งเข้ามาในตัวผม น้ำตาก็พลันไหลลงมาราวกับถูกเซทเอาไว้

“ไว้ใจฉันเหมือนทุกเรื่องที่ผ่านมา ฉันสัญญาจะไม่ทำให้เธอบาดเจ็บ”

“แต่ว่า...”

“คีย์มองตาฉัน” ฝ่ามือหนาประคองใบหน้าผมเอาไว้ให้หันไปสบตา “ไว้ใจฉันนะ” ผมรู้ว่าเขาเองก็ต้องอดทนเป็นอย่างมาก สีหน้าของเขากำลังรู้สึกอึดอัดและรู้สึกทรมาน

“ผมไว้ใจคุณ...” สิ้นสุดประโยคผมก็ถูกดึงเข้าไปจูบอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ดันตัวผมให้กลับลงไปนอนอยู่ใต้ร่างดังเดิม ศรเริ่มเล้าโลมใหม่ตั้งแต่ต้นจนถึงช่วงสำคัญ

ซองสีเงินขนาดใหญ่กว่าซองแรกถูกหยิบออกจากกระเป๋าสตางค์ใบเดิม เขาฉีกห่อออกแล้วบีบใส่มือ มันคือเจลหล่อลื่นแบบพก เราจะพกของแบบนี้ไว้ในกระเป๋าสตางค์จริงดิ...

เขาป้ายเจลฯ เย็นที่ช่องทางหลัง ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ศรยังไม่ดันนิ้วเข้ามา เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วลูบวนอยู่อย่างนั้น จนช่องทางอ่อนนุ่มแล้วจึงดันเข้ามาทีละนิด ผมกัดฟันแน่น มันไม่เจ็บ แต่มันรู้สึกแปลก จนเริ่มเกร็งตัวอัตโนมัติ

“เจ็บไหม” ศรว่า

“ไม่ครับ”

“ฉันขยับ พยายามอย่าเกร็ง” ศรค่อย ๆ ขยับปลายนิ้วเข้าออกอย่างระมัดระวัง

“อะ...” ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองที่เผลอหลุดร้องออกมา

“เจ็บเหรอ ฉันจะทำช้า ๆ นะ”

“ไม่เจ็บ...” มันไม่ได้เจ็บแต่มันรู้สึกดี จนเผลอร้องออกมา ศรกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะขอสอดนิ้วเพิ่ม

เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ดันเข้ามานิดเดียว ผมก็รู้สึกเจ็บแปล๊บ “ศร... ผมเจ็บ” น้ำตาเม็ดใสไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมฟุบหน้าลงกับหมอนเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าผมกำลังร้องไห้

“อดทนอีกนิดนะ จะสุดแล้ว” ผมปล่อยให้ศรทำต่อ ส่วนตัวเองก็นอนน้ำตาไหลไม่หยุด ได้แต่กัดริมฝีปากเพื่อระบายความเจ็บปวด

กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง อยู่ภายในปาก ผมเผลอกัดปากตัวเองจนเลือดออก นิ้วยังคงขยับถี่จนความเจ็บปวดแปลเปลี่ยนเป็นความรู้สึกชา ศรกดริมฝีปากลงบดจูบช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

“นี่เธอกัดปากตัวเองเหรอ” ศรว่า และหยุดทุกการกระทำ “ถ้าเจ็บกัดฉัน จิกหลังฉันก็ได้ ฉันอุตส่าห์พยายามไม่ทำให้เธอบาดเจ็บ แต่เธอดันทำตัวเองเจ็บได้ยังไง” ศรดุเสียงแข็ง จนผมตัวสั่น ผมไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีที่ทำผมเจ็บ

“ผมขอโทษ ผมกลัวคุณรู้สึกไม่ดีนี่ครับ”

“ให้ตายเถอะ เธอทำให้ฉันหมดความทน...” ว่าจบศรก็ถอยนิ้วออกไป ก่อนจะหยิบถุงยางอนามัยขึ้นมาสวม

ขาทั้งสองถูกแยกออกกว้าง ถึงแม้ว่ามันจะมืดแต่ผมก็รู้สึกอายอยู่ดี “คีย์เอามือออก” ศรว่าเมื่อผมเอามือปิดหน้าตัวเองเอาไว้ ผมไม่กล้ามองหน้าเขา

“ไม่เอาผมอาย”

“เอามือออกก่อนสิ ฉันมีอะไรจะบอก” มือค่อย ๆ ขยับออก ผมมองเขาผ่านความมืด ศรโน้มตัวลงมากดจูบที่หน้าผาก แล้วขยับลงมาที่ปลายจมูกอย่างแผ่วเบา “ถ้าเจ็บจนทนไม่ไหว กัดฉันอย่ากัดปากตัวเองเข้าใจไหม”

“คุณทำเบา ๆ ไม่ได้เหรอ”

“ฉันจะไม่โกหกว่ามันไม่เจ็บ แต่ฉันจะทำให้เธอเจ็บน้อยที่สุด” แค่ได้ยินคำว่าเจ็บน้ำตาผมก็เอ่อคลอ “สัญญากับฉันว่าจะไม่กัดปากตัวเอง”

“ครับ...” ศรหยัดตัวตรง แล้วจับแท่งร้อนจ่อที่ช่องทางหลัง หัวใจผมกำลังเต้นระส่ำ เพียงแค่เขาดันส่วนปลายเข้ามา ร่างกายผมก็บิดเร้าด้วยความเจ็บปวด "โอ๊ย! เจ็บ... ผมเจ็บ!"

“ชู่... ชู่... ใจเย็นไว้ อย่าดิ้น”

“ผมเจ็บ มันเจ็บมาก...”

“อดทนหน่อยนะ หลังจากนี้มันจะดีขึ้น เชื่อฉันสิ” ผมพยักหน้ารับ แล้วปล่อยให้เขาดันตัวตนเข้ามา ยิ่งขยับเข้ามา ความเจ็บก็ยิ่งทวีคูณ เจ็บร้าวไปทั้งตัว

“อ๊ะ... เจ็บ ๆ” ผมทุบไหล่ศรให้หยุดขยับเข้ามา เขาหยุดแช่ค้างเอาไว้อย่างนั้น ผมรู้ว่าเขาก็คงทรมานไม่ต่างกัน “ถ้าเหลือไม่เยอะก็ดันเข้ามาเลยก็ได้ครับ” ผมว่า

เมื่อตัวตนศรเข้ามาจนสุด ผมก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก มันทั้งแน่น ทั้งเจ็บ เหมือนมีอะไรอยู่ในท้อง ศรพยายามเล้าโลมเพื่อให้ผมลืมความเจ็บปวดจากข้างล่าง มันช่วยได้เยอะ แต่ก็ยังรู้สึกอยู่ดี

“ฉันจะขยับแล้ว เธอไหวไหม”

“ไหว...ไหวครับ” ศรประสานฝ่ามือของเราเข้าด้วยกัน หยัดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะขยับออกอย่างเชื่องช้า

ความรู้สึกมากมายปะปนกันมั่วไปหมด...

ผมกำฝ่ามือที่กำลังประสานกันอยู่แน่น แกนกายใหญ่โตกำลังขยายใหญ่ขึ้นจากตอนแรก อึดอัด... “อา...” เสียงร้องหลุดออกมาเมื่อเขาขยับโดนจุดเร้าที่อยู่ภายใน ไม่นานเสียงร้องของความเจ็บปวดก็เป็นเสียงครางของความสุขสม มันรู้สึกเสียววูบวาบอยู่ภายใน เหมือนมีกระแสไฟอ่อน ๆ วิ่งอยู่ในกาย

ความเกร็งเครียดลดลงจนช่องทางหลังขยับเข้าออกง่ายขึ้น ศรก็โน้มตัวลงมากอดผมเอาไว้ จูบซับน้ำตารสเค็มปร่าออกไปจนหมด ร่างกายเราแนบชิดกันจนสัมผัสได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจ

มันเต้นเร็วไม่ต่างจากของผม...

พรึ่บ!

ไฟทั้งห้องก็พลันสว่างวาบ ผมเห็นศรอย่างเต็มตา และศรก็เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายผม ใบหน้าเห่อร้อนจนสามารถลวกมือได้หากสัมผัส หมอนถูกหยิบขึ้นมาใช้ปิดหน้า ก่อนมันจะปลิวเพราะศรจับมันโยนลงพื้น

“ผมอาย คุณอย่ามอง”

“ฉันอยากมองเธอ...” ผมค่อย ๆ ลดมือลงมองหน้าศรช้า ๆ ฝ่ามือเขากำลังลูบวนที่ขาผมไปมา เส้นเลือดที่มือขึ้นขยายใหญ่ ใบหน้าเขาแดงฉานด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูง

“อ๊ะ! ...อะ...คุณศรช้าหน่อย” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเขาโหมแรงเข้ามาจนลึกถึงข้างใน

“เธอไม่รู้หรอกว่าใช้สายตาแบบไหนมองฉัน”

“อึก ผมไม่รู้ อ๊ะ!” ศรยังคงสอบสะโพกเข้ามาถี่ เสียงผิวเนื้อกระทบกันจนเกิดเสียงหยาบโลนดังไปทั้งห้อง ยิ่งศรขยับสะโพกถี่ร่างกายก็ยิ่งตอบสนองด้วยการบิดเร้าด้วยความเสียวซ่าน

แกนกลางที่เคยสงบก็กลับตั้งชันอีกครั้ง ศรใช้ฝ่ามือกอบกุมแกนกายผมเอาไว้ ขยับชักรูดเร่งจังหวะตามแรงสะโพก ผมรู้สึกปวดหนึบเหมือนอยากจะปลดปล่อย

“ศร...อื้ออออ อา”

“เรียกชื่อฉันอีกสิ”

“...” ผมปิดปากตัวเองเอาไว้ เพราะเมื่อกี้เผลอเรียกชื่อเขา พร้อมกับหลุดเสียงคราง

“ไม่เรียกเหรอ...” ผมพยักหน้า “งั้นฉันกับเธอใครจะทนได้เก่งกว่ากัน” พูดจบเขาก็ขยับฝ่ามือถี่ ก่อนจะสวนสะโพกเข้ามาอย่างเนิบนาบ แต่หนักหน่วง

“อึก...” มันลึกจนสุดโคน “ผมจุก...”

“แค่จุกเองเหรอ” ศรว่า

มันมีมากกว่าจุก เพราะมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ผมกำลังถูกศรแกล้งซ้ำไปซ้ำมา เขาตอกสะโพกเข้ามาย้ำ ๆ จนรู้สึกอยากปลดปล่อย

“ศร อ๊า... ผมไม่ไหวแล้ว” ผมว่าส่ายหน้าไปมา ฝ่ามือจิกกำหน้าขาของศรจนขึ้นลอยเล็บ ศรกระตุกยิ้มหวานอย่าพอใจ

“เรียกชื่อฉันสิ ฉันจะช่วยเธอเอง”

“อ๊ะ ศร... อื้ออ ศร ศร ศร อึก!” ความรู้สึกทรมานจากการอยากปลดปล่อย มันมีมากกว่าความเขินอาย จนหลุดเรียกชื่อของเขาอีกหลายครั้ง

“ซี๊ดดดดด” เสียงครางต่ำในลำคอหลุดออกมา ก่อนน้ำคาวสีขาวขุ่นของผมจะพุ่งออกมา ร่างกายกระตุกเกร็ง บิดเร้าไปมา ศรขยับอีกสักพักศรก็ปล่อยหยาดน้ำอุ่นออกมาจนเต็มปลายป้อมปราการที่สวมใส่

เขาแช่ค้างไว้ ขยับรีดเอาทุกหยาดหยดออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ถอนแกนกายออก ความรู้สึกเจ็บในช่วงแรกกลับมาอีกครั้ง ช่องทางหลังรู้สึกแสบชา มันบวมแต่ไม่มีบาดแผลฉีกขาด

ผมปล่อยให้ศรเช็ดตัวให้จนสะอาด ก่อนศรจะเอายามาให้ผมทานเพื่อบรรเทาอาการปวด ไฟในห้องถูกดับลงอีกครั้ง หลังจากที่ศรเดินไปปิด แล้วกลับมานอนบนเตียงด้วยกัน ผมยอมให้เขาดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้จนจมอก ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้ผมเคลิ้มหลับไป

 

 

ผมตื่นในตอนเช้าเพราะรู้สึกเจ็บช่องทางหลังมาก และพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผมไม่ได้ตกใจและจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

ศรยังคงหลับสนิท ผมไม่ได้ปลุกเขา และตั้งใจจะทำอย่างนั้น เสื้อผ้าที่พื้นถูกเก็บขึ้นมาสวมอย่างลวก ๆ ทั้งขวดเบียร์ และกระป๋องเครื่องดื่มยังวางอยู่ที่เดิม ผมคว้ามือถือของตัวเอง แล้วเดินออกมาจากห้องของศร ตรงไปยังหน้าเคาน์เตอร์ของบังกะโล เพื่อขอให้พนักงานจองตั๋วเรือเร็วกลับเข้าฝั่งพัทยา

ผมกลับมาที่ห้องของตัวเอง รีบอาบน้ำ แล้วออกมาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินอย่างไม่พิถีพิถันนัก ผมไม่โกรธศรเลย และไม่ปฏิเสธด้วยว่าสิ่งที่ศรทำให้ตลอดหลายวันมันดีมากแค่ไหน แต่เพราะมันดีมากผมถึงต้องเอาตัวเองออกมา เพื่อไม่ให้ตัวเองพบกับความผิดหวังในวันข้างหน้า

กระเป๋าเดินทางถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง ผมยืนมองหน้าห้องศรอยู่พักก่อนจะตัดสินใจเคาะเรียกเขา

ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ

ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก

ผมไม่ได้มาเพื่อบอกอรุณสวัสดิ์ ผมมาเพื่อบอกลา...

“ทำไมตื่นแล้วไม่ปลุกฉัน เมื่อกี้ฉันตื่นมาตกใจแทบแย่” ศรว่า

“คือ...”

“แล้วนี่เธอเก็บกระเป๋าจะไปไหน”

“นั่นแหละครับ ผมมาเพื่อบอกว่าผมจะกลับแล้ว”

“ได้ไง ทำไมรีบกลับขนาดนี้”

“ผมไปก่อนนะครับ” ว่าจบผมก็เดินหมุนตัวออกมา

“เดี๋ยวก่อน เธอโกรธเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม” เท้าผมหยุดชะงัก เดินกลับมาที่ศรอีกครั้งเพื่อพูดอะไรบางอย่าง

“เปล่าครับ แค่ถึงเวลาของผมแล้ว”

“ถ้างั้นรอฉันอาบน้ำแป๊บสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

“ไม่เป็น’ไรครับ รบกวนคุณเปล่า ๆ ผมซื้อตั๋วเรือแล้วด้วย” ผมว่า

“ที่เธอปฏิเสธฉันแบบนี้ มันก็เพราะเรื่องเมื่อคืนนั่นแหละ ไหนเธอพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าต้องยอมรับผลของการกระทำ”

“ครับ ผมกำลังทำอยู่ คุณก็ควรทำด้วย”

“เรื่องของเรามันจะไปต่อไม่ได้เลยเหรอคีย์ เธอไม่รู้สึกดีบ้างเหรอตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน หรือฉันทำอะไรผิดเธอบอกฉันสิ”

“ผมขอโทษนะครับ คุณไม่ผิดเลย”

“...”

“แต่ผมเคยบอกคุณแล้ว ผมไม่ศรัทธาในความรัก”

“...”

“ได้เวลาแล้ว ลาก่อนนะครับศร หวังว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก”

“...”

ผมเดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันหลังกลับไป ไม่คิดแม้แต่จะหยุดเดิน รถที่ลุงเตรียมไว้ไปส่งผมที่ท่าเรือก็พร้อมแล้ว ผมเท้าก้าวขึ้นไปอย่างไม่ลังเล

ศรไม่ผิดเลย ผมต่างหากที่พาตัวเองเข้าไป ปล่อยให้ตัวเองเผลอไผลได้ปลื้ม และหลงไปกับความใจดีของเขา การตัดสินใจครั้งนี้ ผมเชื่อว่ามันถูกแล้ว มันดีทั้งต่อตัวผมเอง และตัวศร มันฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ผมไม่ศรัทธาในความรัก นิรันดร์ไม่มีจริง สุดท้ายในสักวันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแค่คนเคยรู้จักกัน เหมือนที่พ่อกับแม่ของผมเป็น

จบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว...

 

:: :. :. :: :..... ::

(011050)

คือวันที่ผมหมดศรัทธาในความรัก

 

 

 

แจกันพรุ่งนี้นะฮะสวีดัด สวัสดี -/-

*อัพทุกวัน

#ณขณะที่รัก

#สายตื้อ

**กำลังทยอยแก้คำผิดฮ่าฟ**


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 7
« ตอบ #9 เมื่อ: 23-06-2021 18:09:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #10 เมื่อ23-06-2021 22:16:03 »

 :pig2: :pig2: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #11 เมื่อ23-06-2021 22:45:15 »

 :hao3:

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 8
«ตอบ #12 เมื่อ24-06-2021 18:15:17 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 8

The end is the beginning

 



 

ซินเดอร์เรลล่าทิ้งรองเท้าแก้วไว้ให้เจ้าชายดูต่างหน้า แต่กับตัวร้ายอย่างผม เขาทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า

ครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่าน พอเจอแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่า การตื่นเช้ามาแล้วไม่เจอใครยังดีซะกว่า หรือเวรกรรมที่ผมทำไว้กับน้องชาย จะติดจรวดมาจอดเทียบท่ารอผมแล้ว

หลังจากกลับมาจากพักผ่อนยาว ผมก็เข้ารับตำแหน่ง ทุกอย่างเหมือนจะเป็นปกติ แต่ทว่าหัวใจผมกลับว้าวุ่น อยากเจอหน้าคีย์ให้ได้

เบอร์โทรที่ผมได้มาก็โทรไม่ติด คิดว่าเขาอาจจะรู้ตัว เลยเปลี่ยนเบอร์หนี ลองสั่งให้ลูกน้องออกตามหา ก็ไม่ต่างกับวิ่งไล่ตามเงา ข้อมูลที่ผมรู้มีเพียง เขาชื่อคีย์ เป็นนักศึกษาแพทย์ปีสอง มหา’ลัยไหนก็ไม่รู้ ลองถามข้อมูลจากทางบังกะโลที่อยู่เขาก็ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลลูกค้า ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร

“นี้มึงยังไม่เลิกเพ้อถึงเขาอีกเหรอวะ” ธนูว่า

ผมนัดน้องชายออกมาเองแหละ ถึงแม้พักหลังงานจะหนัก แต่ผมก็ยังเอาเวลาที่ควรจะพักนัดน้องชายออกมา เพื่อรับฟังผมพร่ำเพ้อถึงคนที่หายไปจากสาระบบ

“ตอนมึงตามหาตัวโซ่ มึงทำยังไง” ผมเริ่มปรึกษาน้องชาย ในฐานะที่มันผ่านมาก่อน จนได้ดีแต่งงานก่อนผม

“ก็สั่งให้ลักพาตัวมา แล้วก็ยัดเยียดให้เขาเป็นแฟน”

เออ เอากับมันสิ...

“เฮ้อ~ ช่างเถอะ” ผมว่าก่อนจะถอนหายใจอีกหลายครั้ง “แล้วโซ่ไม่มาด้วยเหรอ”

“เดี๋ยวคงตามมา วันนี้โซ่พาน้องไปเที่ยว เห็นว่าช่วงนี้ดูซึม ๆ”

“ไม่ชวนมาด้วยล่ะ จะได้ทำความรู้จักกัน”

“อย่านะมึง! อย่าแม้แต่จะคิดเดี๋ยวกูทะเลาะกับเมีย” ธนูว่า สีหน้ามันดูจริงจังกว่าตอนคุยเรื่องผมซะอีก

“’ ไรวะ ทีโซ่ยังรู้จักกูได้เลย แล้วทำไมกูจะรู้จักน้องเขาไม่ได้”

“มึงเสนอหน้ามาทำความรู้จักแฟนกูเองเถอะ”

“หึ ไม่ยุ่งก็ได้” เครื่องดื่มสีอำพันถูกยกดื่มรวดเดียวจนหมด

หลังจากจบบทสนทนาเรื่องของลูกแมวที่หายไป เราก็คุยกันเรื่องอื่นต่อ ส่วนมากจะเป็นเรื่องงาน ไม่นานโซ่ก็ตามมา ผมล่ะเบื่อเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน มันชอบทำเหมือนทั้งโลกมีกันอยู่แค่สองคน

“คุณศรเป็นอะไรครับ ทำหน้าเป็นหมาหงอยเชียว” โซ่ว่า

“เรื่องเดิมแหละเธอ” กำลังจะอ้าปากตอบธนูก็ชิงตัดหน้าซะก่อน ห่วงเมียอย่างกับหมา

“แล้วคุณศรรู้อะไรมากกว่าชื่ออีกหรือเปล่า แบบลักษณะรูปร่างเด่น ๆ อะไรแบบนี้”

ผมทำท่าคิดอยู่พัก ก่อนจะเริ่มสาธยาย

“ตัวเล็ก ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อน มีรอยสักเป็นภาษาหว้ากอ แต่ฉันอ่านไม่ออก เขามีพี่ชายที่เพิ่งแต่งงานคนหนึ่ง แต่มีน้องหรือเปล่าฉันก็ไม่ได้ถาม”

“ถ้าคุณศรไม่บอกว่ามีรอยสัก ผมคงคิดว่าเป็นน้องชายผมแล้วนะ แต่เห็นรอยสักแบบนี้ก็ต้องหาง่ายสิครับ” โซ่ว่า

“รอยสักอยู่ในเสื้อ ฉันไม่ต้องสั่งลูกน้องเดินเปิดเสื้อนักศึกษาทุกคนเลยเหรอ”

“หูย~ เห็นยันรอยสัก ข้างในขนาดนั้นคงไม่ใช่แค่นอนจับมือแล้วมั้งครับ”

“จับมือจริง ๆ” ผมจับมือจริง ๆ นะอันนี้ไม่ได้โกหก

“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าอย่างคุณศรจะโดนฟันแล้วทิ้ง” โซ่ว่าหัวเราะร่วน “สู้ ๆ ครับผมอยู่ทีมคุณ”

เออ ทั้งผัวทั้งเมีย นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังเหมือนโดนมีดปักหัวอีก

“อ้าวคุณศร วันนี้ก็มาเหรอคะ” ผู้หญิงหน้าตาคุ้น ๆ เดินเข้ามาทักอย่างสนิทสนม ส่วนมากกับคู่นอน ผมแทบจะจำชื่อพวกเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “มองอย่างนี้จำมิ้นไม่ได้สินะ”

“’ โทษทีนะที่จำคนสวย ๆ อย่างเธอไม่ได้”

“ไม่เป็น’ไรหรอกมิ้นไม่คิดมาก ว่าแต่วันนี้มิ้นอยากไปดื่มเหล้านอก ที่บ้านคุณศรจัง” หากเป็นเมื่อก่อน ผมไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลง แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับไม่มีอารมณ์อยากจะทำเรื่องอย่างว่า ผมคงอารมณ์ตายด้านแล้วล่ะมั้ง

“พรุ่งนี้ฉันมีงานเช้า ต้องขอโทษจริง ๆ” ผมบอกปัดอ้อม ๆ

“เสียดายจัง แต่ก็เอาเถอะเอาไว้วันหลังคุณศรห้ามปฏิเสธมิ้นแล้วนะ”

“โอเคครับ” ผมว่ายิ้ม ๆ มองเธอเดินจากไป

“สเปคมึงเลยนะศร” ธนูว่าเมื่อเห็นผมปฏิเสธ

“ไม่อยากวะ ไม่รู้ทำไม”

“แต่กูรู้นะ”

“...?”

“เพราะเด็กนั่นใช่ไหม ถึงทำให้มึงเป็นแบบนี้”

“ไม่รู้วะ คงอาจจะใช่ หรือไม่ใช่”

“จะทำอะไรก็รีบทำ คนที่ทำให้เรารู้สึกได้ขนาดนี้ไม่ได้เข้ามาง่าย ๆ”

มันก็จริงอย่างที่ธนูว่า แต่ผมก็จนปัญญาแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปหาตัวคีย์ได้จากที่ไหน เบอร์ที่มีก็ติดต่อไม่ได้ รูปสักใบก็ไม่เคยถ่ายด้วยกัน ผมพลาดไปหลายอย่างมาก แต่ผมก็ยังเชื่อว่า โลกมันคล้ายทรงกลม ยังไงเราก็ต้องกลับมาเจอกันสักวัน ถึงตอนนั้น เขาจะมีแฟนไปแล้วหรือยังนะ...

 

 

[เดี่ยวกุญแจ]

 

กุญแจคนใหม่ แต่ความรู้สึกยังคงเดิม...

ผมได้เรียนรู้ว่าการพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมันช่วยได้แค่ภายนอก เพราะความรู้สึกข้างในมันยังไม่เปลี่ยนไป หลังจากวันนั้น วันที่ผมก้าวเท้าเดินออกมาจากวังวนที่พยายามหลีกหนี ผมก็กลับมาใช้ชีวิตปกติตามเดิม

แต่ทว่า ความรู้สึกดี ๆ และสัมผัสมันไม่เคยจางหายไป

ช่วงหลังพี่ชายผมเห็นว่าผมเงียบหายไป เมื่อวานมันเลยแวะมาหา หลังจากทนเห็นสภาพเน่า ๆ ของผมไม่ไหวเลยพาออกมาร้านทำผม และออกไปช้อปปิ้ง

ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกเปลี่ยนเป็นเทาประกายน้ำตาลเข้ม เส้นผมถูกตัดให้เป็นทรงมากขึ้นแต่คงความยาวเท่าเดิม เสื้อผ้าที่พี่ชายบรรณาการให้อีกนับสิบ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป จุดจบมาถึงเพื่อให้เราได้เริ่มต้นใหม่ เหลือไว้เพียงความทรงจำ

“เหยดดเข้ เนิร์ดของเราทำสีผมอย่างเฟี้ยวอะ” โปเต้ว่า

เนิร์ด คือฉายาที่เพื่อน ๆ ชอบใช่เรียกผม

“แว่น กูว่าถ้ามึงถอดแว่นออก กูจะเกียมสมัครเป็นผัวมึงค่ะ” ส่วนนี้ เซย่าผู้ชายที่สวยที่สุดในกลุ่ม

“พี่กูมันพาไปทำ” ผมว่า

“กูว่าน่ารักดีนะ แต่กูว่าตัดสั้นกว่านี้อีกสักหน่อย กูว่าจ๊าบสุดในมอล่ะ”

“ไม่ได้ค่ะ แจฮยอนของกูต้องผมยาวสลวยสวยเก๋เท่านั้น”

“ย่า มึงจะเอาใช่ป่ะ!”

“มึงก็เข้ามาสิอีเต้ เดี๋ยวกูทุบหลังแอ่น” ผมได้แต่นั่งมองไอ้สองคนนี้เถียงกัน แล้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ผมว่าสองคนนี้คุยกันสนุกดีนะ มีเรื่องให้ได้ปวดหัวได้ทุกวัน

“ไงพวกมึง เถียงเชี่ยอะไรกันอยู่” พะพาย ที่เพิ่งมาถึงพูดขึ้น

“มึงดู แจฮยอนของกูทำผมมาใหม่เลิศมะ เลิศเนาะ”

“ย่าถ้ามึงจะถามเอง ตอบเองไม่ต้องถามกู” พะพายว่า

“ว่าแต่มึงเถอะเรียนหมอ แต่อ่านหนังสือพิมพ์นักธุรกิจงี้?” โปเต้พูดขึ้น

“ของหลายอาทิตย์แล้ว กูเห็นเขายืนแจกนานสงสารเลยรับมา”

“โธ่ ผัวของน้อง ช่างจิตใจดีเหลือเกิน มา ๆ มาจูบให้รางวัลหน่อยสิ” เซย่าว่า ขยับหน้าเข้าหาพะพาย

พะพายไม่ได้ตอบกลับอะไร นอกจากดันหน้าเซย่าให้ออกห่าง

“ไหนมึงเอามาอ่านสิ เพื่อกูจะหาผัวเป็นนักธุรกิจแบบพี่ไอ้แจบ้าง”

“ใครเขาจะเอามึง” โปเต้ว่า

“ไม่แน่หรอกนะ กูสวยแถมยังก้นเด้งขนาดนี้” เซย่าคลี่หนังสือพิมพ์ออกอ่าน

“ว่าแต่วันนี้เด็กมึงไม่มาเหรอวะแจ” พะพายถาม

“เดี๋ยวก็คงมา วันนี้นัดน้องจะมาเอาหนังสือ *English for Medical Profession” ว่าจบผมก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

“หนังสือทำมือของมึงอะนะ ตอนพวกกูขอไม่เห็นให้”

“เล่มละสามร้อยครับ อันนี้น้องรหัส กูให้ฟรี” ผมว่า

“กรี๊ดดดดดด” เสียงเซย่า กรี๊ดออกมาจนแก้วหูแทบแตก “หล่อมากแม่ หล่อไม่ไหว นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง สายศร สราวุธ เชาวกรกุล ขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัทเอสที กรุ๊ป เมื่อวันที่ xx/xx/xx ที่ผ่านมา หลายบริษัทแห่เข้าร่วมยินดี” ผมชะงักไปนิด ไม่รู้ว่าคนเดียวกันหรือเปล่าเพราะไม่กล้าหันไปดู

“แต่มึงว่านามสกุลคุ้น ๆ มะ”

“ก็ตึกเชาวกรกุลที่เพิ่งสร้างเมื่อปีที่แล้วไง”

“เชี่ย เนื้อคู่กูชัด ๆ บังเอิญอะไรขนาดนั้นวะ”

“พวกมึงกูไปก่อนนะ น้องทักมาแล้ว” ผมว่าก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินผละออกมา

คนในหนังสือพิมพ์อาจไม่ใช่คนเดียวกันกับที่ผมเคยเจอก็ได้นี่ ทำไมแค่ได้ยินชื่อถึงได้รู้สึกหัวใจเต้นแรงขนาดนี้ก็ไม่รู้

โวยยย! แล้วจะไปคิดถึงเขาทำไมอีก เป็นคนเดินออกมาเองแท้ ๆ ไม่น่าหลวมตัวไปรู้จักเขาเลย ให้ตายเถอะ หงุดหงิดตัวเองที่เป็นแบบนี้ชะมัด

“พี่แจ!” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมือของใครบางคนรั้งเอาไว้

“อ้าวปูน...”

“พี่เดินสวนผมไป ผมเรียกพี่ก็ไม่หยุด ผมเลยต้องวิ่งตามมาเนี่ย”

“ขอโทษที พี่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”

“ไม่เป็น’ไรครับ ว่าแต่พี่ทำผมมาใหม่เหรอ น่ารักมากเลย”

“อืม ขอบใจมาก พี่เอาหนังสือมาให้ปีหนึ่งจำเป็นต้องใช้” ผมว่า หยิบหนังสือส่งให้ปูน

ปูนเป็นน้องรหัส และยังเป็นเดือนคณะ สายรหัสผมค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์พอสมควร ดูอย่างพี่รหัสผมสิ ติสท์จนซิ่วไปเรียนประมง ส่วนลุงรหัสตอนนี้เป็นนายแบบ ส่วนที่เหลือก็พวกลูกท่านหลานเธอ

ส่วนผมธรรมดาสามัญสุด ๆ

“โฮ้~...หนังสือพี่ทำเองเหรอครับ”

“อืม ไม่สวยเท่าไหร่ แต่อ่านง่าย อันไหนที่พี่เน้นไว้ส่วนใหญ่ออกสอบนะ”

“ขอบคุณมากนะครับ พี่ใจดีกับผมขนาดนี้ ผมขอเดินไปส่งที่ห้องเรียนได้ไหม”

“แล้วปูนไม่มีเรียนเหรอ”

“มีครับแต่ยังไม่ถึงเวลา” ผมชั่งใจอยู่พัก ก่อนจะยอมตกลง

“เอางั้นก็ได้”

ว่าจบปูนก็เดินตามผมมา แถมยังช่วยถือของมาด้วย ระหว่างทางเราคุยกันบ้าง ส่วนมากจะเป็นปูนที่ชวนผมคุยมากกว่า

“พี่แจ... พี่เดินเลยห้องเรียน” เท้าผมหยุดชะงัก ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง “พี่แจ... พี่ลืมกระเป๋า”

“เอ่อ... ‘โทษที”

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ช่วงนี้พี่เหม่อลอยบ่อยนะ” ปูนว่าเอามือขึ้นอังที่หน้าผาก

“เปล่า ช่วงนี้พี่อ่านหนังสือดึก เลยเบลอ ๆ”

“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง”

“ขอบคุณ พี่เข้าห้องก่อนแล้วกัน เราก็รีบไปเถอะ”

“โอเคครับ” จบบทสนทนา ผมก็เดินกลับเข้ามา จังหวะที่กำลังเท้ากำลังก้าวเข้าห้อง ปูนก็ตะโกนเรียกผมอีกครั้ง

“พี่แจ” ผมหันหน้ากลับไปมอง น้องรหัสที่ยืนอยู่หน้าประตู “ผมขอมาส่งพี่ทุกวันเลยได้ไหม”

“...”

“พี่ยังไม่ต้องให้คำตอบผมก็ได้ ตั้งใจเรียนนะครับ” ว่าจบปูนก็เดินผละออกไป ทิ้งให้ผมยืนเอ่อรับประทานก่อนที่เสียงของเพื่อนที่นั่งอยู่ในห้องเอ่ยแซวกันยกใหญ่

ผมว่าผมออกมาก่อนพวกมันนะ ทำไมมันมาถึงก่อนผมได้วะ...

“ยังไงครับพูด...” พะพายเป็นคนเริ่มก่อน

“ก็ไม่ยังไง น้องรหัส” ผมว่า

“มองจากดาวเสาร์ยังรู้ว่าเขาชอบมึง” โปเต้ว่า

“กูไม่สนเรื่องพวกนี้วะ”

“แจ การที่มึงไม่เชื่อก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีนะ เหมือนผีไง” พะพายว่า

“ไม่เอาอะ กูกลัวอกหักแล้วเพ้อแบบไอ้เต้” ว่าจบผมก็หลุดหัวเราะออกมา

“ชีวิตแค่โดนทำร้าย แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำร้าย---”

“มึงจะร้องจนจบเพลงเลยไม่ล่ะอีเต้” เซย่าว่า

“ก็ลองคุยดู ถ้าไม่ใช่มึงก็แค่บอกน้องเขาไปตรง ๆ”

“ไม่ล่ะ กูไม่อยากเอาความรู้สึกของตัวเองไปเสี่ยง”

“ตามใจมึงละกัน จะมาเสียดายที่หลังไม่ได้นะ”

“...”

“ถ้าแจไม่เอากูเอาจ้า”

“อีย่าเขาไม่เอามึงหรอก”

“อีเต้มึงอย่ามารู้ดี เขาอาจจะชอบกูแต่เข้าทางแจก็ได้”

“พวกมึงจะเถียงกันทำไมเนี่ย เสียงดัง”

“ก็อีเต้อ่ะพาย”

“มึงสิ!”

“...”

ผมได้เรียนรู้จากเรื่องของศร ผมไม่อยากเอาความรู้สึกของตัวเองไปเสี่ยงอีกแล้ว มันไม่ได้เจ็บปวดปางตาย หรือทรมาน แต่เพราะเรื่องของศรยังวนเวียนอยู่ในความรู้สึก มันคล้ายกับบทเพลงคุ้นหู ที่พอได้ฟังก็รู้ชื่อเพลง และร้องตามได้ทันที...

 

[จบเดี่ยวกุญแจ]

 

 
*หนังสือภาษาอังกฤษทางการแพทย์

 

 

 

 





 
*กำลังทยอยแก้คำผิดฮ่าฟ*

 



ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 9
«ตอบ #13 เมื่อ24-06-2021 18:18:30 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 9

You are my favorite song

 




 

 

*Will you remember my name?

(คุณจำชื่อผมได้หรือเปล่า?)

I've gone away but I'll be back again

(ผมต้องไปแล้วนะ ผมสัญญาจะกลับมาอีกครั้ง) .

 

* เพลงOh Honey (I love you) ของ Peach Tree Rascals


1 ปีผ่านไป

ทุกอย่างเปลี่ยนไป ความทรงจำเก่าเลือนราง ผมยังคงใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ผมสร้าง ยังทำกิจกรรมเดิม ๆ อ่านหนังสือ ฟังเพลง แม้กระทั่งนิสัยที่ออกเที่ยวทุกปีในฤดูฝน จากเคยเที่ยวทะเล ผมก็เปลี่ยนมาขึ้นเขา ช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศกำลังดี นักท่องเที่ยวไม่มาก พอ ๆ กับทะเลในฤดูฝน

“พี่แจครับ” ผมหันกลับไปตามเสียงเรียก “พี่รอผมนานไหม” ปูนว่า

ยังจำน้องรหัสผมได้ไหม หลังจากวันที่เขาขอมาส่งที่ห้องเรียนวันนั้น ก็ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่ได้เห็นหน้าเขา

“ไม่นาน รีบไปกันเถอะ พวกไอ้ย่ารอแล้ว”

“ครับ” ว่าจบผมก็แทรกตัวเข้าไปในรถ

ก่อนเปิดภาคเรียนใหม่ เพื่อน ๆ ชวนกันไปเที่ยวทะเล จริง ๆ ผมก็ไม่อยากมานักหรอก แต่เมื่อถูกคนอื่นคะยั้นคะยอเลยต้องปล่อยเลยตามเลย

ผมไม่ได้เกลียดทะเล ผมแค่...

 

 

ไม่นานนักเราก็มาถึงจุดนัดหมาย เพื่อน ๆ คนอื่นเตรียมกระเป๋าพร้อมออกเดินทางแล้ว เราเอารถไปทั้งหมดสองคัน ผมไปกับปูน เซย่ากับโปเต้ไปกับพะพาย

“สองคนผัวเมียมึงเนี่ยช้าสุด” โปเต้ว่าเมื่อผมมาถึง

“ผัวเมียห่าอะไร” ผมว่า ก่อนจะหันไปขึงตาใส่

“มึงก็รับรักน้องสักทีเถอะแจ น้องเขาตามจีบมึงมาเป็นปีแล้วนะ ถ้าเป็นอีย่า กูว่าขอน้องแต่งงานตั้งแต่สามวันแรกแล้วมั้ง”

“อีเต้ !!! มึงก็พูดเรื่องจริง”

“ไม่เป็น’ไรครับผมไม่รีบ ผมไม่อยากเร่งพี่แจ” ปูนว่าหันมามองที่ผม

“พ่อคนดี ชอบพี่เถอะลูก” เซย่าพูดขึ้นก่อนจะกระโจนเกาะแขนปูนอย่างเนียน ๆ

ปูนเป็นคนหนึ่งที่ดีกับผมมาก เรื่องการดูแลเอาใจใส่ไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าใจผมกลับปฏิเสธเขา...

 

 

เกาะล้านเป็นตัวเลือกที่ดี และใกล้กรุงเทพฯ ทะเลก็สวยไม่แพ้ทะเลใต้ ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงเราก็มาถึงเกาะล้าน ผมพาเพื่อนมาพักบังกะโลที่ประจำ ช่วงนี้เป็นฤดูท่องเที่ยว คนจึงเยอะกว่าปกติ โชคยังดีที่ผมโทรจองห้องพักไว้เรียบร้อย

เมื่อมาถึง พวกเราก็จัดการเก็บข้าวของ ห้องพักถูกแบ่งออกเป็นสองห้อง ห้องแรกพักกันสามคน มีผม ปูน แล้วก็เซย่า ส่วนพะพาย และโปเต้พักอยู่ด้วยกัน

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เราก็ออกไปหาอะไรกินที่หาดตาแหวน แถวนั้นของอร่อย ๆ มีให้เลือกเยอะ ทริปนี้ เพื่อน ๆ ยกให้ผมเป็นไกด์ เพราะพัทยาเปรียบเสมอบ้านหลังที่สอง

“พี่แจผมปรกหน้าแล้วครับ” ปูนว่า ก่อนจะเอายางที่พกมาด้วยขึ้นมามัดผม

“เดี๋ยวพี่มัดเอง”

“พี่กินไปเถอะครับ” ผมยอมนั่งนิ่งให้ปูนมัดผมให้แต่โดยดี

“ทำไมรอบนี้ไว้ยาวจังวะ” พะพายว่า

นั้นสิ ผมก็สงสัยเหมือนกัน ว่าทำไมตัวเองถึงไว้ผมยาวขนาดนี้ หรือจริง ๆ แล้ว ผมรู้คำตอบ แต่ผมแค่ทำเป็นไม่รู้

“แบบเด็กยุคเก้าศูนย์ไง” ผมว่า

“แต่กูว่ามันไว้ทรงนี้ก็น่ารักดีนะ”

“ก็น่ารักดี แต่กูรำคาญแทนไง” พะพายว่า

“หัวมัน แต่หนักที่มึง” เซย่าตอบ

“พวกมึงหยุดตีกันสักวันได้ไหมวะ”

“เออนั่นดิ” ผมรวมประสมโรงกับพวกมันสามตัว

ยิ่งห้าม ก็เหมือนเอาน้ำมันสาดใส่ไฟ ปูนที่นั่งมองสถานการณ์อยู่ ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะร่วน ส่วนผมต้องคอยห้ามทัพ...

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับห้อง เหลือเพียงผม และปูนที่ขอตามมาด้วย

ผมแวะมาเดินเล่นที่หาดทองหลางใกล้ ๆ หาดนี้คนไม่มากเท่าหาดตาแหวน

ทะเลยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นสายลม ผืนน้ำ หรือเม็ดทรายขาว เท้าที่ได้สัมผัสความเย็นของคลื่นที่ซัดกระทบจนรู้สึกเย็นสบาย กลิ่นทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ บรรยากาศรอบ ๆ ตัว ไม่ต่างจากวันนั้นเลยแม้แต่น้อย

ทุกอย่างคงเดิม มีเพียงตัวผมที่เปลี่ยนไป...

“พี่มาที่นี่บ่อยเหรอครับ พี่ดูรู้จักที่นี่ดี”

“ก็ปีละครั้ง”

“อ๋อ...”

“...” ผมไม่ได้พูดต่อตามนิสัยของผม และปูนก็รู้ จึงมักเป็นคนชวนผมคุยอยู่บ่อย ๆ

“พี่แจ ๆ ผมอยากถ่ายรูปตรงนั้น พี่พาผมไปหน่อยได้ไหม” ผมหันมองตามมือที่ปูนชี้ บริเวณนั้นมีโขดหินอยู่เต็มไปหมด เป็นบริเวณเดียวกันกับที่ผมเจอศรครั้งแรก...

“เดี๋ยวก็ล้มหรอก” ผมว่า

“ไม่หรอกครับ เชื่อผมสิ” ผมฉีกยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ ปูนส่งมือมาให้ผมเดินขึ้นไปบนโขดหินจำนวนมาก มันค่อนข้างชัน แต่ก็ปีนขึ้นมาได้

ผมกดถ่ายรูปให้ปูนอีกหลายรูป ก่อนจะพากันเดินลงมา เพราะฟ้าเริ่มมืด จังหวะที่ก้าวขา รองเท้าก็ดันติดกับซอกหินเล็ก ๆ จนผมล้มเอาหัวเข่าลง

“พี่แจรอผมตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำมาล้างแผลให้” ผมมองปูนถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ

ทำไมเหตุการณ์วันนี้ถึงได้ฉายซ้ำจนรู้สึกขนลุก ผมเคยเปรียบให้ศรเป็นบทเพลง และตอนนี้ผมกำลังได้ยินเสียงเพลงดังอยู่

มันดังอยู่ในใจ...

 

ไม่นานนักปูนก็วิ่งกลับมาพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งขวด เขาจัดการใช้น้ำราดผ่านแผลเพื่อทำความสะอาด ผมได้แต่นั่งมองปูนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาล้างแผลอยู่เงียบ ๆ

ตอนนั้นที่ผมทำแบบนี้กับศร เขามองผมเหมือนที่ผมมองปูนอยู่หรือเปล่านะ

“มองขนาดนี้ผมเขินนะ” ปูนว่า

“ขอบคุณมากนะปูน...” ปูนดีกับผมมากจริง ๆ ดีจนผมคิดว่าอาจหาคนแบบเขาไม่ได้อีกแล้ว “ปูน...” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้ง

“ครับ?” ผมมองหน้าเขานิ่ง เราต่างก็เงียบใส่กัน

“พี่ว่า---”

“พี่แจผมรู้ว่าพี่จะพูดอะไร ที่พี่ไม่รับรักผมสักที เพราะพี่มีคนในใจอยู่แล้วใช่ไหม” หัวใจผมกระตุกวูบ หากเป็นเมื่อก่อนผมคงตอบออกมาโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่ตอนนี้ผมกลับไม่มั่นใจในคำตอบของตัวเอง

“...”

“พี่รู้หรือเปล่า ว่าบางทีความเงียบก็คือคำตอบที่ชัดที่สุด”

“มันไม่ใช่แบบนั้น”

“ไม่เป็นไรครับพี่ ถึงพี่ไม่ได้ชอบผม ผมก็ชอบพี่อยู่ดี”

“...” ปูนยิ้มออกมาทั้งที่แววตาเขาสวนทาง

“เรากลับกันเถอะครับ มืดแล้ว”

“อืม”

“เดินไหวไหม ผมว่าพี่ขี่หลังผมดีกว่า”

“ไม่เป็น’ไร”

“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมยินดี” ว่าจบปูนก็แบกผมกลับมายังห้องพัก ระหว่างเราไม่มีบทสนทนาอะไรกันอีกเลย

เพราะปูนเป็นคนดีอย่างนี้ไงล่ะ ถึงอยากให้เขาเลิกชอบผม อยากให้เขาเจอคนที่ดี ตอนนั้นเขาคงมีความสุขมากกว่านี้

 

หลังจากกลับมาถึงห้อง เราก็ต่างแยกย้ายกันทำธุระของตัวเอง แล้วรีบเข้านอนเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน มีเพียงผมที่ออกมานั่งฟังเพลงอยู่เงียบ ๆ คนเดียวที่เปลริมระเบียง

ผมไม่ได้มาที่นี่แค่ปีเดียว มันค่อนข้างเปลี่ยนไปมาก กำแพงเตี้ยที่เคยกั้นระหว่างห้องถูกเปลี่ยนเป็นยกสูงจนไม่เห็นห้องด้านข้าง บ้านไม้ตีด้วยไม้ฝ้าเพื่อติดแอร์ ห้องพักถูกจัดเป็นโซนมากขึ้น เฟอร์นิเจอร์ก็ใหม่กริบ แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นบ้าน ๆ ธรรมชาติเอาไว้ไม่เปลี่ยน

 

 

“อีแจมึงนำสิ มึงเคยมาแล้วนี่” เซย่าว่า

กิจกรรมแรกที่พวกมันอยากทำของวันนี้ คือการมาโกดังผีสิง ผมไม่อยากมาเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ากลัว แต่แค่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินตามรอยความทรงจำ

“เสร็จนี่เราไปวอคกิ้งฯ กันไหม” พะพายว่า

“พวกมึงไปกันเลย กูขอตัวกลับก่อน” ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก

“ค่อยว่ากัน เอาตอนนี้ก่อน แจมึงนำทางพวกกูดิ”

“กลัวก็ยังเสือกอยากเข้า” ผมบ่นอุบอิบ ก่อนจะเดินนำ โดยมีปูนเดินกุมมือผมอยู่ข้าง ๆ

ปูนไม่มีท่าทีว่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ต่างจากเพื่อน ๆ ผม ที่กรี๊ดกันจนหูแทบแตก ยิ่งโปเต้กอดไม่พอ ยังโถมแรงไม่ยอมเดินจนผมต้องลากมันออกมาทั้งอย่างนั้น เราเดินกันมาจนถึงจุดไคลแมกซ์ กรอบรูปที่อีกไม่กี่วิฯ จะมีผีพุ่งออกมาพร้อมกับเลื่อยไฟฟ้า

จู่ ๆ มุมปากผมก็กระตุกยิ้มในความมืด ผมจำได้ว่าศรกลัวมากจนต้องเอาผมขึ้นหลังแล้ววิ่งหนีออกมา ตอนนั้นผมหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมด

รู้สึกตัวอีกทีผมก็คิดถึงเขาอีกแล้ว...

หลังจากออกมาจากบ้านผีสิง พวกเพื่อน ๆ ก็เข้าไปเล่นอย่างอื่นต่อ มีเพียงผมที่รออยู่ด้านนอก ปูนก็พลอยติดผมไม่ยอมเข้าไปเล่นด้วย

“พี่ขอโทษนะ ปูนหมดสนุกเลย”

“ไม่หรอกครับ แค่พี่ชวนผมมาด้วย ผมก็ดีใจแล้ว”

“ตอนเข้าบ้านผีสิงปูนไม่กลัวเลยเหรอ”

“ไม่นะครับ ก็พี่เป็นคนบอกผมเองว่าในนั้นมีแต่คนจริง”

“พี่พูดอย่างนั้นเหรอ”

“อย่าบอกนะว่าพี่ลืม ฮ่า ๆ พี่เป็นปลาทองแน่เลย”

“...” นี่ผมพูดแบบนั้นออกไปโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวเลยเหรอ

“แต่ก็อาจจะจริงนะครับ ดูแก้มพี่สิ เหมือนแก้มปลาทองเลย”

“...”

“พี่แจ!” ผมสะดุ้งโหยง เพราะเสียงเรียกของปูน

“ฮะ...”

“พี่เหม่อน่ะ ผมเลยลองเรียกพี่ดู”

“โทษทีพี่คิดอะไรเพลิน”

“ผมว่าพี่แปลก ๆ ไปนะครับ ตั้งแต่มาที่นี่พี่ก็เหม่อบ่อยมาก”

“พี่คิดเรื่องเรียนอยู่น่ะ ใกล้เปิดภาคเรียนแล้วด้วย”

“เหรอครับ...” ปูนตอบสั้น ๆ ผมเดาว่าปูนพอเดาออกว่าผมโกหก

หลังจากบทสนทนาจบลง เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก จนกระทั่งพวกคนอื่น ๆ ออกมาจากเครื่องเล่น ปูนก็เปลี่ยนสีหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมอยากให้เขาออกไปจากวังวนนี้ ยิ่งเขาทำแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิด ถึงแม้ว่าเขาเลือกเองก็ตาม...

 

เราแยกกันที่ท่าเรือ พวกเพื่อน ๆ แยกตัวไปเดินวอคกิ้งฯ ส่วนผมขอตัวกลับมายังบังกะโล ปูนจะตามมาด้วย แต่ผมบอกให้เขาไปเที่ยวต่อ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไม่อยากให้มาตัวติดกับผม

ผมนั่งเรือเร็วกลับมายังบังกะโล คุณลุงเจ้าของบังกะโลกำลังยืนหันหลังทำอะไรบางอย่างอยู่พอดี ไม่ได้เจอกันนาน แกยังดูแข็งแรงเหมือนเดิม

“แฮ่!” ผมเดินย่องเขาไปเงียบ ๆ เพื่อแกล้งลุง

“ตาย ๆ ตาย ๆ!!! ไอ้เด็กนี่ เดี๋ยวลุงก็หัวใจวายพอดี” เสียงหัวเราะหลุดออกมา

“ลุงไม่ตายง่าย ๆ หรอก แข็งแรงขนาดนี้” ผมว่า

“กลับซะดึกเชียว”

“ผมออกไปเที่ยวมาน่ะ พอดีพวกเพื่อนมันเที่ยวต่อผมเลยขอตัวกลับก่อน”

“เราไม่ไปเที่ยวบ้างล่ะ มาทีไรลุงเห็นเอ็งเอาแต่อยู่ในห้อง”

“ไม่ดีกว่า ผมว่าบังกะโลลุงสวย อยู่ในห้องทั้งวันยังได้”

“พูดอีกก็ถูกอีก” ลุงว่ายิ้ม ๆ

“จะว่าไปผมไม่ได้มาปีเดียว เปลี่ยนไปเยอะเลยนะครับ”

“ปีที่แล้วเราไม่มาสนุกมาเลยละ”

“เสียดายจัง” ผมว่า

“ไอ้หนุ่มข้างห้องเอ็งมันมาเมื่อหน้าฝนปีที่แล้ว เหมาทั้งบังกะโลเหมือนเดิม แถมยังมาช่วยลุงรีโนเวทห้องพักอีก สวนนี้พ่อหนุ่มนั่นก็ช่วยลุงปลูก” ผมมองตามมือที่ลุงชี้

ดอก Forget Me Not สีฟ้าอ่อนออกดอกเต็มบริเวณ

“เขาปลูกเหรอครับ”

“อืม เป็นคนไปซื้อมาเองด้วย ลุงจะให้เงินก็ไม่ยอมรับ”

“...”

“ก่อนกลับเขาบอกแค่ว่า ต้องให้ลุงพาใครบางคนมาดูดอกไม้ให้ได้ ลุงเดาว่าน่าจะเป็นเอ็งนั่นแหละ”

“...” หัวใจผมเต้นระส่ำเมื่อรู้ว่าเขากลับมาที่นี่ ระยะเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน มันสั้นพอที่จะทำให้เราปล่อยผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้ในช่วงหนึ่ง

แต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าตัวเองได้ทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นไปหมดแล้ว สิ่งที่วิ่งหนีมาตลอด มันผูกติดมาด้วยโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยสักนิด

วันนี้ผมได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นความทรงจำ

หากศรคือบทเพลง ผมก็คงเสพติดการฟังเพลงเดิม ๆ ซ้ำ ๆ

 

‘อย่าลืมฉัน’

 

 

 

 

 

 

สวัสดีค่าบบนักอ่านที่หลุดเข้ามาอย่างตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ
ขอบคุณที่แวะเข้ามานะฮ่าฟฟฟ

ช่วงนี้ก็ดูแลรักษาสุขภาพกันดูนะฮับ



ป.ล. ไม่ได้เป็นหมอ แต่เป็นห่วงนะยูว์

รัก <3

*กำลังทยอยแก้คำผิด*

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2021 18:23:39 โดย -Piagpun- »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #14 เมื่อ24-06-2021 19:15:51 »

 :sad4: :o12:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #15 เมื่อ25-06-2021 00:37:50 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 10
«ตอบ #16 เมื่อ25-06-2021 10:48:21 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 10

Forget me not

 

 

ถ้าลืมไม่ได้ ก็แค่จำ...

“ลุงผมปลูกตรงนี้นะ”

“แล้วแต่เอ็งเลยพ่อหนุ่ม”

หลังจากรับคำอนุญาต ผมก็จัดวางดอก Forget me not ที่เพิ่งออกไปซื้อมา

ผมกลับมาที่เกาะล้านในช่วงฤดูฝนอีกครั้ง หวังใจว่าจะเจอคนที่พยายามตามหามาตลอด ผมหยุดงานได้แค่สามวันเท่านั้นแต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรค หากโชคเข้าข้างเหมือนคราวที่แล้ว เราจะได้พบกันอีก

แต่มันก็ไม่เสมอไป ในเมื่อโชคไม่เข้าข้างเป็นครั้งที่สอง ผมก็ต้องกลับมาฮีลใจตัวเองที่กรุงเทพฯ ดังเดิม...

“ลุงผมฝากดูแลดอกไม้ที่ปลูกด้วยนะครับ มันกำลังรอใครบางคนอยู่ ถ้าหากมีโอกาส ลุงต้องพาเขามาดูให้ได้นะ”

"แหม หวานไม่เกรงใจเจ้าของขนาดนี้ก็เอาสัญญาขายมาวางเลย"

"ก็ผมขอซื้อแล้วลุงไม่ขายเองนี่ครับ ฮ่า ฮ่า" ลุงฉีกยิ้มกว้าง ผมเคยมาขอซื้อแล้ว แต่ลุงแกรักที่นี่มาก เพราะเป็นพื้นที่ความทรงจำของลุงกับป้า เหมือนที่ครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นความทรงจำของผม "ผมไปก่อนนะครับ"

"เออ ๆ โชคดีล่ะ สมหวังแล้วก็พาเขามาหาลุงบ้าง"

"ครับลุง"

มันคือประโยคสุดท้ายที่ผมบอกลาลุงเจ้าของบังกะโล ถ้าหากว่าเขาผ่านมา ผมก็อยากบอกให้เขารู้ ผมยังไม่ลืมเขา ได้โปรดอย่าลืมผม...

 

 

1 ปีผ่านไป


“ศร... ศร!”

“เดี๋ยวมา” ว่าจบผมก็ลุกจากเก้าอี้ เดินตรงไปหน้าเคาน์เตอร์

ผมรู้สึกคุ้น ทั้งรูปร่าง และเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ในใจก็แอบหวังลึก ๆ ว่าจะเป็นคนในความทรงจำ...

“ขอโทษนะครับ” วินาทีที่เขาหันหน้ากลับมา หัวใจผมเต้นรัวราวกับจังหวะของกลองในงานดนตรีร็อค

“ครับ?”

“เอ่อ... ขอโทษครับผมทักผิด”

ให้ตายเถอะ ผมพยายามลืมคีย์แล้วจริง ๆ แต่พอเห็นคนที่คล้ายเขาทีไรผมก็อดเข้าไปทักไม่ได้ทุกครั้ง

“ไงล่ะมึงหน้าแตก” ธนูว่า “จะคุยจบไหมงานกูเนี่ย”

“เออ ก็แค่ลองทักดูเผื่อใช่”

“ยังไม่ลืมอีกเหรอ?”

“ลืมไม่ได้ก็แค่จำ”

“กูทนเห็นมึงในสภาพนี้ไม่ได้จริง ๆ ศรกูว่ามึงเก็บเขาไว้เป็นความทรงจำเถอะ”

“รู้แล้วนา จะคุยไหมงานเนี่ย” ผมว่า ก่อนจะหยิบเอกสารที่กองอยู่ขึ้นมาอ่าน

นี่ก็หนึ่งปีแล้วยังไม่มีวี่แววว่าผมจะเจอคีย์ มีช่วงหนึ่งเคยตั้งคำถามกับตัวเอง ถ้าหากว่าได้เจอกันอีกครั้งผมจะทำอะไร

คำตอบคือผมไม่รู้ อาจจะแค่กอดแน่น ๆ ให้หายคิดถึง...

“ศรวันนี้ไปกินข้าวกับพวกกูไหม”

“ไม่ละ มีงานต้องทำต่อ” ผมบอกปัดเพราะไม่อยากไป

คนมีแฟนไม่เข้าใจคนโสดหรอก การที่ต้องเห็นคนสองคน เขาพลอดรักกันหวานชื่น มันทำให้รู้สึกพะอืดพะอม และเบื่ออาหาร

“เออโซ่ให้มาชวน พรุ่งนี้วันเกิดกุญแจ แต่มึงไม่ต้องไปหรอกเนอะ ดูไม่ว่าง”

“สรุปชวน?” ทำไมมันฟังดูไม่เหมือนคำเชิญเลยวะ

ผมได้ยินชื่อของกุญแจหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงสักที พอจะได้เจอ น้องชายสุดที่รักของผมก็เตะตัดขาแบบนี้ตลอด

“กูตอบโซ่ไปแล้วว่ามึงไม่ว่าง”

“เออ ก็ไม่ว่างจริง ๆ นั่นแหละ” ว่าจบผมก็ผินหน้าออกไปทางกระจกใสของร้านกาแฟ มองดูผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปผ่านมา

บางทีผมอาจต้องหาใครสักคนเข้ามาช่วยเติมเต็มชีวิตที่มันล่องลอย และเก็บคีย์เอาไว้เป็นความทรงจำอย่างที่ธนูว่าไว้

เคยมีคนพูดไว้ว่า

‘เราจะมูฟออนจากสิ่งเดิมได้ ก็ต่อเมื่อเจอสิ่งใหม่ที่รู้สึกใช่มากกว่า’

ผมก็ควรจะพอกับการวิ่งตามหาเงา...

 

ขณะที่สายตากำลังกวาดมองออกไป ผมก็รู้สึกสะดุดเข้ากับคนร่างบาง ที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แผ่นหลังเล็กดึงความรู้สึกเก่า ๆ เหมือนวันที่ผมยืนมองคีย์ที่หน้าประตู แล้วปล่อยให้เขาเดินห่างออกไป

ไอ้บ้าเอ๊ย!!! ก็บอกจะมูฟออนไง ทำไมนึกถึงอีกแล้ววะ

ผมหันกลับมาโฟกัสที่งานต่อ แต่สายตาก็ยังคงลอบมองเขาอยู่เป็นระลอก หรือจริง ๆ แล้วคนคนนั้นอาจเป็นคนที่ถูกส่งมาเพื่อผมก็ได้นะ...

“ศรมึงมองอะไรนักหนา...” ธนูว่า

“เปล่า”

“กูว่ามึงไปหาหมอบ้างก็ดีนะ ดูอาการหนัก” ผมไหวไหล่ไม่สนใจคำพูดของธนู มองกลับไปที่เดิม เขาหายไปแล้ว...

เซ็ง!!!

“ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ เดี๋ยวมา” ว่าจบ ผมก็ลุกขึ้นเต็มความสูง เดินตรงมายังห้องน้ำทันที

 

Rrrr…

เสียงเรียกเข้าของมือถือแผดเสียงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทำเอาเท้าที่สาวอยู่ หยุดชะงักก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับสายศรพูด”

[คุณศรคะ คุณมิเกลมาหาค่ะ ต้นอ้อแจ้งแล้วว่าคุณศรไม่อยู่ แต่เธอบอกว่าจะรอจนกว่าคุณศรจะกลับ]

“บอกเขาว่าเดี๋ยวผมโทรกลับ”

[ค่ะ]

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากวางสายของเลขา

มิเกลเป็นลูกของเพื่อนพ่อ เมื่อเดือนก่อนผมโดนหลอกให้ไปดูตัว ก่อนจะตกลงว่าเราจะเป็นเพื่อนกัน เพราะเธอมีแฟนอยู่แล้ว อีกอย่างเธอคงไม่ชอบผมหรอก ก็แฟนมิเกลเป็นถึงนายแบบมีชื่อเสียงในแคนาดา

ส่วนผมก็แค่นักธุรกิจรูปหล่อ พ่อรวย หึ หึ!

ผมเดินกลับมาที่ร้านกาแฟ เพื่อเก็บของกลับออฟฟิศ มิเกลอาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้ ไม่งั้นคงไม่มาหาผมถึงบริษัท แต่เท้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อผมเห็นน้องชายตัวเอง กำลังนั่งคุยอยู่กับใครบางคน

ใครบางคนที่ว่า ทำเอาผมหน้าชาวาบ หูอื้ออึ้งไม่ได้ยินเสียงรอบบริเวณ ผมตาฝาด หรือกำลังฝันอยู่กันแน่

คีย์...

เขาคือคนเดียวกันกับคนที่ยืนอยู่หน้าประชาสัมพันธ์ในตอนแรก ทำไมที่อย่างนี้ผมถึงดูไม่ออกนะ

จะว่าไป คีย์แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ทั้งแววตา และรูปร่างผอมบาง จะมีก็แต่ทรงผมที่ถูกมัดขึ้นเพราะความยาว มันยังคงมีสีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติ

พอได้เห็นคีย์อีกครั้งจริง ๆ ความคิดแรกที่อยากวิ่งเข้าไปกอดให้หายคิดถึง ก็พลันหายไป ผมกลับไม่กล้าทำอย่างที่คิด ได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ไม่นานโซ่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มชาเขียวสองแก้ว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แล้วคีย์รู้จักกับธนูได้ยังไง

ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า มิเกลก็โทรเข้ามือถือผม อาจจะเป็นเพราะรอนานแล้ว

“เกลเธอมีอะไรด่วนหรือเปล่า” ผมว่าหลังรับสาย

[มีเรื่องจะคุยนิดหน่อย สำคัญ]

“งั้นเอาแบบนี้ เกลกลับบ้านไปก่อน”

[อีกนานเลยเหรอ]

“ไม่แน่ใจ แต่ศรไม่อยากให้รอนาน”

[งั้นไม่เป็นไร วันนี้เกลว่าง มาตอนไหนก็ตอนนั้น]

“โอเค ศรจะรีบไปนะ”

ผมกดตัดสายมิเกล ก่อนจะหันกลับไปในร้านกาแฟ คนตัวเล็กหายไปแล้ว ผมมองหาจนทั่วเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่อยู่แล้วจริง ๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในร้าน

“โคตรนาน ไปแวะเต๊าะเด็กบริษัทกูอยู่หรือไง”

“มึงนั่งคุยกับใคร” ผมไม่สนใจคำถามของธนู

“เมียกูสิ”

“ไม่ใช่ อีกคน”

“อ๋อ... มึงจะรู้ไปทำไม”

“ไม่บอกงั้นกูจีบนะ” ผมว่า

“ศร นั่นน้องเมียกูเอง มึงใจเย็น ๆ นะ กูยังไม่อยากโดนเมียเอามีดปาดคอ” มุมปากผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ คีย์คือน้องของโซ่ งั้นแสดงว่า พี่ชายที่เพิ่งแต่งงานหมายถึงโซ่สินะ ทำไมผมถึงคิดไม่ได้ “มึงยิ้มอะไร”

“เปล่า ว่าแต่น้องเขามาทำ’ ไร”

“โซ่จะพาไปซื้อของจัดงานวันเกิดพรุ่งนี้” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังรู้สึกคาใจเรื่องชื่อของคีย์ เพราะได้ยินบ่อยครั้งธนูจะเรียกชื่อของคีย์ว่า 'กุญแจ'

“งั้นเดี๋ยวกูฝากของขวัญไปให้ละกัน ยังไงตัวก็ไม่ได้ไปแล้ว ฝากของไปก็ยังดี” ผมตอบเสียงเรียบ แต่ทว่าข้างในกลับลิงโลด หัวใจดวงน้อย ๆ กำลังเต้นแรงราวกับมีคนเต้นซุมบ้าอยู่ “ว่าแต่น้องโซ่ชื่ออะไรนะ” ผมถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

“กุญแจ”

“มึงแน่ใจเหรอ?”

“ศร...” ธนูเอนตัวกับพนักพิง ก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดอกมองอย่างสงสัย

“เออไม่ถามแล้วก็ได้ กูไปละ เกลรออยู่”

“ฝากทักทายเกลด้วย”

“อืม” เอกสารมากมายถูกกวาดยัดใส่กระเป๋า อย่างรวดเร็ว

ผมพาตัวเองมาถึงบริษัทในเวลาต่อมา มิเกลนั่งรอในห้องทำงานอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าเธอดูไม่สู้ดีนัก ผมเองก็พลอยกังวลใจไปด้วย

เพียงแค่เท้าก้าวเข้ามา เธอก็รีบลุกจากที่นั่งทันที

“ศร...”

“มีอะไรหรือเปล่า ถึงได้มาหาผมถึงที่นี่”

“พรุ่งนี้พ่ออยากให้เราไปกินข้าวที่บ้าน”

“โธ่... เกล ศรก็คิดว่ามีเรื่องอะไร พรุ่งนี้ศรว่าง”

“มันไม่ใช่แค่นั้น งั้นเกลไม่มาหาศรถึงที่นี่หรอก”

“...?”

“เกลได้ยินมาว่า พ่ออยากให้เราหมั่นกันเอาไว้”

“ฮะ!!!” เสียงอุทานดังหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ วันนี้เพิ่งจะมีเรื่องดี ๆ เข้ามา ผมก็ต้องมาเจอเรื่องที่ยากจะอธิบาย

ผมได้เจอกับคีย์แล้ว และไม่อยากให้เราต้องแยกกันอีก...

“เมื่ออาทิตย์ก่อนเจสันขอเกลแต่งานด้วยอะศร เกลไม่รู้จะทำยังไงดี”

“เอาแบบนี้ ศรจะไปคุยกับพ่อก่อน แล้วเดี๋ยวศรจะไปคุยกับคุณอานิรุตติ์อีกที”

“แล้วถ้าผู้ใหญ่ไม่ยอมล่ะศร”

“ศรว่าเกลใจเย็น ๆ นะ เดี๋ยวศรจะหาวิธีเอง เอาตอนนี้ก่อน ศรมีเรื่องให้เกลช่วย”

“...?” มิเกลเอียงคอมอง

“ศรอยากได้ของขวัญ แต่ยังไม่รู้จะซื้ออะไรดี”

“แหม นี่แอบไปมีใจให้ใครตอนไหน ทำไมไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้าง”

“เพิ่งหาเจอน่ะ” ผมว่าไปตามจริง

“ว่าแต่เป็นผู้หญิงแบบไหนล่ะ จะได้ช่วยเลือกถูก”

“เป็นผู้ชาย”

ตุบ!

กระเป๋าใบเล็กที่มิเกลถือมาด้วยร่วงลงพื้นทันทีหลังจากที่ผมบอกว่า คนคนนั้นเป็นผู้ชาย เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าผมมีรสนิยมแบบไหน จริง ๆ แล้วผมก็ได้หมด ดีลได้เพศไหนผมก็ไม่เกี่ยงหากว่าถูกสเปค

“ฮืออ เกลขอโทษกระเป๋าหลุดมือ”

“ตกใจล่ะสิ”

“นิดหน่อย ไม่คิดว่าศรจะชอบผู้ชายน่ะ”

“รังเกียจศรหรือเปล่าล่ะ” ผมว่า

“ศร... ยุคนี้แล้ว มีแต่คนใจแคบเท่านั้นแหละที่รู้สึกแบบนั้น” มิเกลว่าพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ “งั้นเกลลงไปรอที่รถนะ รีบตามมาล่ะ”

"ครับคุณผู้หญิง" ผมพยักหน้ารับ

รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะหลังจากที่ได้บอกความจริงให้มิเกลรู้ คงต้องเอาเรื่องที่ผมชอบผู้ชายไปคุยกับพ่อของมิเกล มันเป็นเหตุผลที่ดีพอจะทำให้ผมกับมิเกลเป็นอิสระ หลังจากนี้ผมจะได้เดินหน้าต่อกับคีย์ ไม่สิกุญแจ

มือถือในกระเป๋ากางเกงถูกหยิบออกมา แล้วกดโทรออกหาใครบางคน คนที่ผมไว้ใจ และทำงานสำคัญ ๆ ไม่เคยพลาด

[สวัสดีครับคุณศร]

"ฉันมีงานให้ทำ"

[ว่ามาเลยครับ สำหรับคุณศรขอแค่บอกผมจะจัดการให้]

“ฉันต้องการรู้ทุกอย่างของคนคนหนึ่ง”

[ใครเหรอครับ]

“กุญแจ”

หวังว่ากุญแจจะยังไม่ลืมเรื่องของเรา แต่ถ้าหากเขาลืม ผมจะเป็นคนเตือนความจำเขาเอง...

 

 

 

 

เขาเจอน้องแล้วแม่ -///-

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

สวัสดีฮ่าฟ มาอัพนิยายแล้ว ฮูเล่~~



#ณขณะที่รัก

#สายตื้อ

*กำลังทยอยแก้ไขคำผิด*


ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #17 เมื่อ25-06-2021 13:50:02 »

 :z6: :z3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #18 เมื่อ25-06-2021 21:27:56 »

 :hao7:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #19 เมื่อ25-06-2021 21:37:33 »

 :pig4:
 :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
« ตอบ #19 เมื่อ: 25-06-2021 21:37:33 »





ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #20 เมื่อ25-06-2021 23:38:27 »

เอาแร้ววว ไม่รอดแร้วววว 5555

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 11
«ตอบ #21 เมื่อ26-06-2021 04:00:46 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 11

Birthday

 


Happy birthday to you...

เสียงเพลงจบลง พร้อมกับแสงเทียนที่ถูกเป่าจนดับ มีความสุขมาก ๆ นะกุญแจ

ผมตัดเค้กแบ่งเพื่อน ๆ ทุกคน ก่อนที่ของขวัญทั้งหมดจะถูกโปเต้ยกมากองไว้ตรงหน้า มันมีหลายขนาด และหลากสีสัน ปกติผมจะไม่รับของจากใครเลยสักปี จะมีก็แต่พี่โซ่ที่ซื้อให้ตลอด อย่างปีที่แล้วผมได้พริกทอดมากระปุกหนึ่ง ตั้งโชว์อยู่ในครัวไม่มีใครแกะกิน ปีก่อน ๆ ผมได้หมูกรอบมาสามเส้น พี่ผมก็ฟาดเรียบ ไม่รู้ว่าของขวัญใครกันแน่

ปีนี้ผมเลยไม่คาดหวังอะไรจากพี่ชายเท่าไหร่

“แจ มึงแกะของขวัญเลย จะได้รู้ว่าของใครเด็ดสุด” เซย่าว่า

“งั้นของพี่กูเอาไว้สุดท้ายเลย เดี๋ยวพวกมึงตกใจ”

“ไอ้ห่าดูถูกกู มึงเอาของกูไปแกะก่อนเลย” โซ่ว่า หยิบกล่องสีน้ำเงินขึ้นมาส่งให้

ผมรับไว้ ก่อนจะแกะกระดาษออกอย่างไม่ถนอมมือ ของข้างในกล่องค่อนข้างไม่เหมือนปีก่อน ๆ และทุกคนที่ได้เห็นก็ถึงกับอุทานว่า เชี่ยอะไรวะ!

ตุ๊กตาแมวตัวน้อยสี่ขา ใส่ถ่านเดินได้ ส่งเสียงร้องได้ปวดกระบาลผมมาก

เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~ เมี๊ยว~

“มึงแพ้ขนแมว กูเลยซื้อตุ๊กตาแทน ตั้งสองร้อยห้าสิบแนะ” โซ่บอกอย่างภาคภูมิใจ

“แจมึงรีบปิดเสียงไอ้แมวผีนี่ดิ หูกูจะแตก” พะพายว่า

“กูบอกแล้ว ให้เอาของพี่กูไว้ท้าย ๆ” เสียงหัวเราะหลุดออกมาจากกลุ่มเพื่อน นี่แหละพี่ชายผม ผมรู้สึกไม่แปลกใจเลยสักนิดกับของที่ได้มา

“แจแกะของกูก่อนเลย ของกูเด็ดสุด” ผมรับซองกระดาษสีน้ำตาลของเซย่ามา แล้วฉีกออก ข้างในมีเส้นด้ายสีแดงสองเส้น

“เชี่ยไรวะ” ผมว่า

“แม่กูไปฮ่องกงมา กูเลยให้แม่อิมพอตร์มาเลยนะ กูได้ผัวเพราะวัดนี้แหละ” ช็อก! หนักกว่าพี่ชายผมอีก

“ขอบใจมึงมาก”

“มากูใส่ให้” ยังไม่ทันร้องห้าม ด้ายสีแดงก็ถูกผูกที่ข้อมือ ผมได้แต่ยืนมองกะพริบตาปริบ ๆ

“เรียบร้อย งานผัวต้องมา เผลอ ๆ อาจอยู่แถวนี้ก็ได้” เซย่าว่า ก่อนจะหันไปมองปูน

ผมรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็ผมไม่ได้ชอบปูนนี่...

“อีย่าของมึงไร้สาระมาก เอาของกูไปแกะดีกว่า” ผมรับกล่องสีเขียวมาจากพะพาย พอแกะออกมา ผมรู้สึกว่า ของพะพายดูจะมีประโยชน์ที่สุด มันเป็นโคมไฟพระจันทร์สีวอร์มไวท์

“กูชอบนะ ขอบคุณมึง”

ของขวัญเหลือทั้งหมดสามกล่อง ผมเลือกของโปเต้ คงไม่มีอะไรพีคไปกว่าด้ายแดงเรียกผัวของเซย่าแล้วล่ะ

“ของกูมึงต้องชอบ กูรู้” ผมรับกล่องใบเล็กมา ก่อนจะเปิดออก มีการ์ดใบเล็ก ๆ เขียนอวยพรอย่างน่ารัก ของในกล่องทำให้ผมชอบอย่างที่มันว่าจริงนั่นแหละ

“อีเต้ มึงมันไม่ลงทุน คูปองตามใจอะไรของมึงเนี่ย” เซย่าหันไปฉอดโปเต้

“แจมึงชอบปะ”

“ชอบ ใช้เลยได้ไหม”

“อะ ๆ ลองดู”

“กูขอใช่คูปองหุบปากสิบนาที” ว่าจบผมก็ฉีกคูปองส่งให้โปเต้ มันรับเอาไว้ แล้วเดินกลับไปนั่งเงียบ ๆ ยังมีคูปองอย่างอื่นอีก อย่างถือของ หรือเป็นเบ๊ ผมชอบนะ

“เหลือเฮียกับปูน มึงจะแกะของใคร” พะพายว่า

“เอาของพี่ธนูก่อนแล้วกันครับ” กล่องของขวัญถูกส่งมา 2 กล่อง

“เฮียให้สองกล่องเลยเหรอ” พะพายว่า

“พี่ชายเฮียฝากมาน่ะ พอดีมันติดธุระมาไม่ได้” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะแกะกล่องที่ห่อด้วยกระดาษสีเงิน ข้างในมีเม็ดโฟม ควานหาดูเพียงแป๊บเดียว ก็คว้ากระดาษขึ้นมาได้หนึ่งใบ มันเป็นเช็คเงินสดสั่งจ่ายชื่อผม ห้าหมื่นบาท

“พี่ไม่รู้ว่าเราชอบอะไร เอาเป็นว่าเราไปซื้อของที่ชอบเองนะ”

“ขอบคุณครับพี่ธนู”

“คุณผมอยากได้แบบนี้ ทำไมวันเกิดผมไม่เห็นมีแบบนี้เลย” โซ่ทักท้วง

“เธอได้ทุกวันอยู่แล้วจะเอาอะไรอีกคะ”

“แฮ่ม ๆ เฮีย ๆ ไม่ได้อยู่กันสองคน” เซย่ากระแอมเอ่ย ส่วนผมเห็นจนชิน

ผมเริ่มแกะกล่องที่สองของพี่ธนู มันเป็น Walkman สีดำทอง ของข่ายเรือธง คนที่ชอบฟังเพลงจะรู้ดีว่าราคามันค่อนข้างสูง ยิ่งเป็นรุ่น WM1Z ราคาเหยียบแสน

“ผมฝากไปขอบคุณเขาด้วยนะครับ”

“อยากเห็นหน้าคนให้เลยเฮีย มึงเคยเจอป่ะแจ” โปเต้หันมาถาม

“ไม่นะ”

“ไม่เคยเจอกัน แต่ซื้อของแพงขนาดนี้ปังนะ เฮียพี่เฮียโสดไหม” เซย่าว่า

“อันนี้เฮียไม่รู้” ธนูว่า “เดี๋ยวเฮียมานะ” ว่าจบ ธนูก็หมุนตัวเดินห่างออกไป ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา

ผมไม่ได้สนใจ ก่อนจะหันมาหยิบเอากล่องของปูนขึ้นมาแกะ

“ผมไม่รู้ว่าพี่จะชอบหรือเปล่า แต่ผมตั้งใจเลือกให้พี่นะ”

“ให้อะไรก็ชอบหมดนั่นแหละ”

“อะแฮม! ปล่อยมือน้องกู ลับหลังมึงจะทำอะไรกูไม่รู้ แต่ต่อหน้ากู อย่าให้กูเห็นแบบนี้” โซ่ว่า

“พี่โซ่ปล่อยให้อีแจมีผัวเถอะ วงวารชาติมัน”

“มีได้ แต่ไม่อยากเห็น กูรับไม่ได้ที่น้องกูจะรักคนอื่นมากกว่ากู”

“แต่กูไม่ได้รักมึงนะ”

“ไอ้สัด ซีนซึ้งมึงมีบ้างหรือเปล่า” เสียงหัวเราะร่วนดังขึ้นอยู่เป็นระยะ จะว่าไปการจัดงานอะไรแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ

ขณะที่ผมกำลังแกะของขวัญชิ้นสุดท้าย พี่ธนูก็เดินกลับเข้ามาในงาน ของขวัญกล่องกลมถูกแกะออก ข้างในมีหูฟังแบบ In-Ear สีเงิน

“หืม แพงนะรุ่นนี้” โปเต้ว่า แต่ผมไม่รู้หรอกว่ามันราคาเท่าไหร่

“พี่ชอบฟังเพลง รุ่นนี้เสียงดีมากเลยครับ เบสชัดมาก ผมก็มีอันหนึ่ง”

“อ๋อ... ขอบใจมากนะ”

“Walkman เอย หูฟังเอย โอ๊ยด้ายแดงกำลังสำแดงฤทธิ์”

“เซย่าไร้สาระนา” ผมว่า “ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ผมมีความสุขมากจริง ๆ” พี่ชายผมได้ฟังอย่างนั้น ก็เข้าซีนซึ้ง อ้าแขนเข้ามาสวมกอด ก่อนจะพูดประโยคที่โคตรเป็นมัน

“ตุ๊กตา... ถ้าไม่ชอบกูขอนะ”

“เฮ้อ พี่กู”

 

 

 

*And I don't wanna lose this

(และผมไม่อยากเสียคุณไป)

I've been chasing something

(เพราะผมตามหาบางสิ่ง)

that was nothing when compared to you, oh yeah

(แต่ก็ไม่มีสิ่งไหนเทียบกับคุณได้เลย)

Never wanted to settle down

(ไม่เคยต้องการที่จะปักหลักกับใครสักคน)

Baby you got me so confused

(แต่คุณทำให้ผมสับสนนะที่รัก)

 
*Enemy ของ Jacob Aaron

 

หลังจากงานวันเกิดจบลง ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ Walkman กับ หูฟังของปูน เป็นอวัยวะที่สามสิบสาม และสามสิบสี่ ใน Walkman มีเพลงที่ลงเอาไว้อยู่หลายเพลง ก็มีที่คุ้นบ้างไม่คุ้นบ้าง แต่ผมก็ชอบทุกเพลง

ชีวิตในมหา’ลัยของผมไม่ค่อยมีสีสันนัก เช้ามาเรียน เที่ยงห้องสมุด เย็นกลับบ้าน วนซ้ำ ๆ อยู่ทุกวัน แต่ผมกลับไม่รู้สึกเบื่อเลย

“เลิกเรียนแล้ว ไปกินชาบูที่ห้างกันเถอะ” พะพายว่า

“พวกมึงไปกันเลย วันนี้กูรีบกลับบ้าน”

“กลับไปดูแมวมึงหรือไงวะ” แม่งเพื่อนล้อเรื่องแมวไอ้เหี้ยพี่โซ่ทุกวัน ตอนนี้มันนอนอยู่ในตู้โชว์เรียบร้อย

“สัด!” ผมตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเก็บข้าวของใส่กระเป๋า เตรียมลงจากตึก

แต่ทว่าปูนมารออยู่หน้าห้องก่อนแล้ว มันกลายเป็นเรื่องปกติ ที่จะเจอปูนสามเวลา

“พี่แจไปไหนหรือเปล่าครับ”

“ว่าจะกลับบ้าน ปูนมีอะไรหรือเปล่า”

“ผมจะชวนพี่ไปร้านหนังสือน่ะ”

อา... ปูนมันหลอกล้อผมด้วยร้านหนังสือเสมอ

“เอาสิ”

“เดี๋ยว! ได้ไงไอ้แจ พวกกูชวนไม่ไป”

“ก็กูไม่ได้อยากกินชาบู” ผมว่า

“พวกพี่ติดรถผมไปก็ได้นะ เดี๋ยวผมแวะไปส่ง” ปูนว่า

“วันนี้พี่เอารถมา แต่จะลงไปพร้อมกันก็ได้” พะพายหันมาตอบปูน ก่อนจะเสหน้าหนี

พะพายเป็นคนเดียวในกลุ่มที่พักหลัง ๆ ดูจะไม่ชอบปูนเหมือนเมื่อก่อน ผมก็ไม่รู้ว่าสองคนนี้มีอะไรกันหรือเปล่า ผมไม่อยากถามรอให้เจ้าตัวเล่าเอง ส่วนอีกสองคนเชียร์ให้ผมคบกับน้องอยู่ทุกวัน

เราพากันเดินลงมาจากอาคารเรียน สิ่งแรกที่เห็นสะดุดตาคือรถคันลัมโบร์กินีสีเหลืองจอดเทียบทางเท้า แวบแรกที่เห็นหัวใจผมกระตุกวูบ

“รถสวยสัด... ของใครวะ”

“เด็กคณะเรารวยจะตาย กูว่าน่าจะของใครสักคน”

“เราแยกกันตรงนี้เลยไหม” ผมโพลงออกมาเพราะรู้สึกไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว

“แจ ๆ อย่าเพิ่งไปถ่ายรูปคู่กับรถให้กูก่อน” โปเต้ว่า

“ให้พาย ไม่ก็ย่าถ่ายให้ดิ” ผมว่า

“มึงก็รู้ว่ามึงถ่ายรูปสวยที่สุดในกลุ่ม” ผมได้แต่ถอนหายใจ สุดท้ายก็รับมือถือของมันมากดถ่ายรูปให้ไปหลายรูป

ยิ่งได้เห็นรถคันนี้ใกล้ ๆ ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา จะบอกว่ารถก็เหมือน ๆ กันหมดมันก็จริง แต่แค่ผมรู้สึกกระอักกระอวนใจ ไม่อยากเห็นก็เท่านั้น

“กรี๊ดดดด ผัวทิพย์ของกู” เสียงเซย่ากรี๊ดในคอ ก่อนจะดีดดิ้นเป็นปลาขาดน้ำ

ผมหันกลับไปมองคนข้างหลังเพื่อดูว่าผัวทิพย์ขอเซย่าคือใคร ผมรู้สึกเหมือนร่างกายเป็นตะคิว สายตาผมจ้องมองดวงตาคมไม่กระพริบ

เขายังคงสาวเท้าเข้ามาใกล้ และมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

“เขาเดินมาหากูแล้วมึง” ผมหันกลับไปมองเซย่า ก่อนจะหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมรู้สึกมึนงง ราวกับว่าโลกกำลังเหวี่ยงตัวผมให้ล่องลอยขึ้นไปบนอวกาศที่ไร้แรงโน้มถ่วง

“สวัสดีค่ะผัวทิพย์” เซย่าว่า

“ไง... กุญแจ”

“อ้าว! อีทิพย์”

เสียงเพลงเดิมกำลังดังขึ้นอยู่ในโสตประสาท ผมจำมันได้ทุกท่อน ทุกท่วงทำนอง ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ เขาคือเจ้าของเพลง

ศร...

 

 

 

 

 

 



*กำลังทยอยแก้ไขคำผิด*


ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 12
«ตอบ #22 เมื่อ26-06-2021 04:04:06 »


ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 12

I’ m back

 




 
 

ซองสีน้ำตาลถูกส่งมาจากใครบางคนหลังจากที่ผมสั่งงาน ในนั้นมีข้อมูลทุกอย่างที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับกุญแจ

ผมอ่านมันทุกบรรทัดไม่ขาดตกบกพร่อง ผมต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา รูปถ่ายอีกนับสิบถูกแนบมาด้วย ผมเปิดดูทุกใบอย่างละเอียด แต่มีอยู่ประมาณสามสี่ภาพที่ชวนให้รู้สึกหงุดหงิด

ในเอกสารบอกว่ากุญแจโสด แล้วไอ้เวรนี่มันเป็นใคร...

“ฉันโอนเงินส่วนที่เหลือไปแล้ว แต่นี่เป็นอีกก้อน ช่วยสืบประวัติไอ้เวรนี้มาให้ฉัน ขอทุกอย่างที่เกี่ยวกับมันอย่างละเอียด อัปเดตข้อมูลให้ฉันรู้อยู่ตลอดฉันต้องการด่วนที่สุด”

“ได้ครับคุณศร” ว่าจบเขาก็โค้งตัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอตัว

กล่องของขวัญใบเล็กถูกหยิบออกมาจากลิ้นชัก มันเป็นของที่ผมตั้งใจมอบให้เขา ในนั้นมีความรู้สึกของผมทั้งหมด หวังว่าเขาจะรับรู้ได้ และเข้าใจความหมายของมัน

 

หลังจากที่ผมให้คนเอาของขวัญไปส่งให้ธนู ของที่ผมต้องการก็ถูกส่งมาทางอีเมล ประวัติและข้อมูลอย่างไม่ละเอียดที่พอหาได้คร่าว ๆ เพื่อให้ผมได้อ่านก่อน

“นายปรมัตถ์ สิริปัจทรัพย์” ผมกระตุกยิ้มออกมา “ปูนงั้นเหรอ” ผมเปิดเอกสารฉบับที่สองขึ้นอ่าน เป็นประวัติของครอบครัว ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะนามสกุลของเด็กคนนี้ คือทายาทของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชน

แวบแรกที่เห็นมันโผล่มาในรูปผมก็รู้ได้ทันที ว่ามันกำลังเข้ามายุ่งกับคนของผมอยู่ สายตาที่มันมองกุญแจ เหมือนกำลังต้องการอะไรที่มากกว่า

 

Rrrr…

เสียงมือถือดึงความสนใจผมจากหน้าจอ มิเกล... วันนี้ผมมีนัดกับที่บ้านเธอ ผมคุยกับพ่อผมเรียบร้อยแล้ว ท่านไม่ได้ว่าอะไร เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ธนู เพราะธนูทำให้ความคิดของพ่อเปลี่ยนไป เพียงแต่อาจจะมีความรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง กลัวว่าจะไม่มีทายาทสืบเชื้อสาย แต่ผมวางแผนทั้งหมดไว้แล้ว

“ว่าไง”

[ให้เกลไปรับไหม]

“ไม่เป็นไร ศรคงไม่ได้เข้าไป”

[ได้ไง...ไหนศรจะช่วยเกล]

“ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันเอง ศรคุยกับพ่อแล้ว ท่านบอกจะช่วยคุยให้ รวมถึงเรื่องเจสันด้วย”

[มันจะไม่เป็นไรใช่ไหม เกลกลัวอะศร ถ้าพ่อไม่ให้เกลแต่งงานกับเจสันจะทำยังไง]

“ศรเชื่อนะ ว่าสุดท้ายแล้วพ่อเกลก็อยากให้เกลมีความสุข”

[ขอบคุณมากนะศร งั้นวันนี้เราออกไปหาอะไรดื่มฉลองดีไหม]

“เอาสิ”

[โอเค แล้วเจอกัน] สายถูกตัดในเวลาต่อมา ผมเก็บของเพื่อออกไปยังจุดนัดหมาย

 

มันไม่ใช่ที่ไหนไกล แต่เป็นโรงแรมที่ผมมาบ่อยที่สุด เพราะผมชอบบรรยากาศของเลาจน์นี้ มันมีมุมที่ค่อนข้างส่วนตัว โซนวีไอพีก็ถือว่าดีมาก ที่โรงแรมยังคัดคนที่เข้าใช้บริการอีกด้วย ปกติแล้วผมก็มักจะใช้ที่นี่เพื่อคุยเรื่องธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง

“ศรทางนี้” มิเกลที่มาถึงก่อนโบกมือเรียก ใบหน้าเธอยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี เดาว่าพ่อเธอคงคุยกับเธอเรียบร้อย

“มานานหรือยัง”

“ไม่นะ”

“ยิ้มแบบนี้ คุยกับพ่อแล้วล่ะสิ” ผมว่า

“อืม พ่อบอกว่า คุณอาช่วยคุยเลยยอมใจอ่อน ลูกสาวสวยก็แบบนี้แหละ”

“ครับ ๆ ผมไม่เถียง”

“มา วันนี้เกลเลี้ยงเอง” มิเกลว่า ก่อนจะหันหน้าไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน “น้องคะ...”

เรานั่งจิบเครื่องดื่มกันมาได้พักใหญ่ เรื่องที่คุยส่วนมากจะเป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป สีหน้าของมิเกลบอกได้ชัดว่าเธอมีความสุขมาก และเธอกำลังจะได้แต่งานกับคนที่รัก ส่วนผมกำลังจะได้เดินหน้ากับคนที่ตามหา

 

Rrrr…

“ผมขอตัวสักครู่นะ” ผมหันไปบอกมิเกล เพราะแรงสั่นจากมือถือ หน้าจอสว่างวาบบอกถึงชื่อของปลายสาย

ธนู...

“ว่า”

[ศรมึงกำลังจะทำอะไร] ธนูว่าเสียงเรียบ เขายิงเข้ามาตรงประเด็น

“ทำอะไร?”

[มึงอย่ามาทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย]

“ก็เรื่องอะไรล่ะ มึงไม่พูดกูจะรู้ไหม”

[ก็ Walkman ที่มึงซื้อให้กุญแจ มึงคิดจะทำอะไรกันแน่]

“เฮ้ย กูก็แค่ให้ของขวัญหรือเปล่าวะ มึงคิดมากไปแล้ว”

[มึงจะโกหกใครก็ได้ แต่มึงโกหกกูไม่ได้ มึงบอกความจริงกูมาเถอะวะ] ผมพรูดลมออกทางปาก ไม่คิดว่ากุญแจจะเปิดของขวัญในงาน

“มึงจำเรื่องคนที่กูตามหาได้หรือเปล่าล่ะ”

[ไม่จริงใช่ไหม...]

“กูขอโทษนะ แต่มึงก็รู้ว่ากูตามหาเขานานแค่ไหน”

[ทำไมวะศร คนก็มีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นกุญแจ]

“กูก็เพิ่งรู้ว่าเขาคือน้องของโซ่จริง ๆ ตอนที่กูรู้จักเขาครั้งแรก เขาบอกกับกูว่าเขาชื่อคีย์”

[เฮ้อ! กูห้ามมึงไม่ได้สินะ เอาเป็นว่า ถ้าวันหนึ่งโซ่รู้ กูไม่เกี่ยว ขนาดไอ้เด็กที่มาจีบกุญแจมองนิดเดียว โซ่จะแดกหัวมันอยู่แล้ว]

“มันชื่อปูนใช่ไหม” ผมเดาว่าน่าจะเป็นใช่

[มึงคงสืบมาหมดแล้วสินะ]

“อืม กูฝากด้วย เดี๋ยวกูมีเรื่องจะคุย ไว้เข้าไปหาที่บริษัท”

[โอเค งั้นแค่นี้แหละ เมียกูรอ]

“เออ” ผมตัดสายของธนู ก่อนจะเดินกลับเข้ามา

ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกแป๊บเดียว มิเกลก็มีสภาพยับเยิน ผมพาเธอไปส่งที่บ้านก่อนจะกลับเข้าบ้านตัวเองในเวลาต่อมา

ผมเช็กข้อความที่ค้างอยู่ทุกคืนก่อนจะนอน หนึ่งในนั้นมีธนูอยู่ด้วย ผมกดเข้าไปอ่านก่อนจะเห็นว่ามีรูปของกุญแจเต็มไปหมด และทุกรูปผมกดเซฟ

มองกี่ที่ ก็มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด...

 

ติ้ง~ ติ้ง~ เสียงข้อความดังรัว ๆ

ผมกดเข้าไปดูทันที ก่อนภาพที่ธนูส่งมาจะทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอีกครั้ง

 

Tn

ไอ้เด็กปูนซื้อหูฟังให้กุญแจวะ

ราคาพอ ๆ กับ Walkman มึงเลยวะ

 

ได้เห็นอย่างนั้น ผมก็ยิ่งต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่กุญแจจะเผลอมีใจให้ไอ้เด็กเวรนี่...

 

 

 

วันนี้ผมขับรถเข้ามาในรั่วมหา’ลัยที่ไม่ได้เข้ามานาน ที่จริงก็ตั้งใจจะมาตามหาเจ้าเด็กแมวที่ผมทำหายไปนั่นแหละ จากข้อมูลที่ผมได้มาครั้งก่อน บอกว่าเขาเรียนอยู่ที่นี่ ถ้าหากผมรู้ตัวเร็วกว่านี้อีกสักนิด เราคงได้เจอกันนานแล้ว เพราะคณบดีคณะแพทย์ฯ คือคุณอาของผมเอง เมื่อปีก่อนผมก็เป็นคนบริจาคเงินสร้างตึก ‘เชาวกรกุล’

ทุกอย่างวนเวียนอยู่รอบตัวผม แต่ผมกลับมองไม่เห็น ยิ่งกว่าเส้นผมบังภูเขาซะอีก...

ก่อนออกมาผมเช็กตารางเรียนของกุญแจมาเรียบร้อย อีกไม่กี่นาทีก็คงหมดคาบแล้ว ผมเลยแวะไปหาคุณอาที่ห้องก่อน เรานั่งคุยกันอยู่สักพัก ผมก็ขอตัวปลีกออกมา

ถึงแม้ว่าโชคชะตาจะไม่ทำให้เราได้เจอกันที่เกาะล้านเป็นครั้งที่สอง แต่มันทำให้ผมได้มาเจอกับกุญแจ ที่กำลังยืนอยู่หน้ารถผม

คนตัวเล็กกำลังกดมือถือถ่ายรูปให้เพื่อนเขาอยู่ ทุกคนตรงนี้ผมเคยเห็นหน้าผ่านรูปถ่ายมาหมดแล้ว รวมถึงไอ้เด็กเวรที่ชื่อปูน

“กรี๊ดดดด ผัวทิพย์ของกู” คนที่ยืนกรี๊ดอยู่คงจะชื่อเซย่า

ผมยังคงสาวเท้าเข้าไปใกล้เจ้าตัวขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานเขาก็หันหน้ากลับมามองผมที่กำลังจะถึงตัวเขาอีกเพียงไม่กี่ก้าว

“สวัสดีค่ะผัวทิพย์” เซย่าว่า

“ไง... กุญแจ” ผมกล่าวทักคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ด้วยชื่อจริงของเขา

“อ้าว! อีทิพย์”

“ผมไม่รู้จักคุณ” คำพูดที่เย็นชา ยังไม่เท่ากับแววตาที่เขาใช้มองผมตอนนี้

คนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ ไม่มีใครกล้าพูดเลยสักคน

“จริงเหรอ?” ผมว่า

“ปูนไปกันเถอะ เดี๋ยวกลับบ้านดึก” ว่าจบเขาก็คว้ามือของปูนทันที นั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

ไวกว่าความคิดผมก็คว้ามือของกุญแจเอาไว้ ก่อนจะโน้นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู พูดประโยคที่มีเพียงเราสองคนได้ยิน

“ถ้าเธอจำฉันไม่ได้ก็ไม่เป็น’ไร แต่ฉันจำเธอได้ทุกจุด จำได้แม้กระทั่งสะโพกกลม ๆ คล้ายลูกพีช” มุมปากผมกระตุกยิ้มออกมา ก่อนจะชำเลืองมองไอ้เด็กเวรที่ไม่ยอมปล่อยมือกุญแจสักที

“คุณเป็นใคร!” ปูนว่า ก่อนจะผลักผมจนไหล่สั่น

“คุณไม่รู้จักผมหรอกครับ คุณหนูปูน”

“พี่แจไม่ต้องไปสนใจมันหรอกครับ ผมว่าเราไปกันเถอะ” สิ้นสุดประโยค เป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นแผ่นหลังเล็ก ๆ เดินห่างออกไป แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมให้มันซ้ำรอยเดิม

“คีย์!” ผมตะโกนเรียกชื่อที่เขาเคยใช้กับผม เท้าที่ก้าวอยู่หยุดชะงักทันที “In the night of heavy rain...” (ในคืนที่ฝนตกหนัก) เพียงประโยคสั้น ๆ ก็ทำให้กุญแจหมุนตัวเดินกลับมา

มุมปากผมกระตุกยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะโน้นตัวลงมากระซิบข้างหูเขาอีกครั้ง “ความลับ...”

“หุบปาก แล้วพาผมออกไปจากตรงนี้”

“เชิญครับ...” ผมว่าก่อนจะกดกุญแจเพื่อปลดล็อกรถ

“พี่แจ!” ไอ้เด็กนี้มันไม่ยอมปล่อยผมไปง่าย ๆ

“วันนี้ปูนกลับไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” ว่าจบกุญแจก็แทรกตัวเข้ามาในรถเงียบ ๆ

“ขอตัวกุญแจก่อนนะครับ เดี๋ยวเอามาคืน” ผมหันไปบอกกับกลุ่มเพื่อนที่กำลังยืนงง กับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปฝั่งคนขับ

 

ระหว่างทางกุญแจเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมพูดอะไร ผมจึงเอื้อมมือไปกดลิสเพลงขึ้นมาฟัง มันเป็นเพลงด้วยกันกับที่ผมลงเอาไว้ใน Walkman ของเขา

เพียงแค่เสียงดนตรีดังขึ้น กุญแจก็หันกลับมามองรายชื่อเพลงบนหน้าจอ ก่อนจะหยิบ Walkman ขึ้นมาเพื่อเทียบดูรายชื่อ มือก็ยังคงกดเปลี่ยนเพลงไปเรื่อย ๆ และแน่นอนว่ามันเหมือนกันทุกเพลง

“นี่อย่าบอกนะว่า...!”

“จำผมได้แล้วเหรอ” ผมว่า

“คุณต้องการอะไรกันแน่”

“อืมมม ถ้าตอบว่าคุณ จะได้หรือเปล่า”

“ฝันไปเถอะครับ!” กุญแจว่า

“แต่ก็ได้ไปแล้วนะ”

“ทำไมปากคุณถึงได้หมาแบบนี้กันนะ”

“ส่วนคุณก็ยังปากแจ๋วเหมือนเดิม แต่เรื่องรสชาติอันนี้ผมต้องลองชิมใหม่”

“...” กุญแจไม่ตอบ แต่ก็พอมองออกว่าเขาโมโหแค่ไหน เพราะใบหูสีขาวซีดขึ้นสีแดงระเรื่อ

หลังจากบทสนทนาจบลงเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก จนกระทั่งผมพาเขามาส่งที่บ้าน เมื่อรถจอดสนิทกุญแจก็ปลดเข็มขัดออก หากว่าผมคว้าประตูรถกลับเข้ามาไว้ไม่ทัน เขาอาจจะลงจากรถไปแล้ว

“เดี๋ยวสิเรายังไม่ได้คุยกันเลย”

“ผมคุยจบไปนานแล้ว ปล่อย!” กุญแจว่า ตีมือผมให้ปล่อยจากประตูรถ

“ครั้งก่อนฉันปล่อยเธอไปแล้ว แต่เธอก็วนกลับมาให้ฉันจับเธอได้อีกครั้ง”

“คุณเวิ่นเว้ออะไรของคุณ”

“ทำไม ไอ้เด็กปูนนั่นมันไม่เวิ่นเว้อบ้างเหรอ”

“ผมว่าคุณหยุดเถอะ”

“หรือว่าเด็ก ๆ มันเด็ดกว่า ฉันทำได้มากกว่านั้นอีกนะ เธอเองก็ยังไม่ได้ลองเลยนี่ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินฉันสิ”

“จะเด็ดไม่เด็ดผมไม่ทราบ แต่กับคุณครั้งเดียวก็เกินพอ!”

“กุญแจ!!!” ผมตวาดเสียงดัง

“ทำไมครับ ทีคุณยังว่าคนอื่นได้ ผมว่าคุณบ้าง คุณรับไม่ได้เลยเหรอ” คำพูดของเขา สีหน้าของเขา แววตาของเขาทำให้ผมคลั่งได้มากกว่าที่คิด

เพียงเพราะผมว่าปูน กุญแจก็ออกรับแทนทันที...

“หึ! อย่างนั้นเหรอ” เสียงหัวเราะในลำคอหลุดออกมา ผมกระชากเนกไทสีน้ำเงินเข้มเข้าหาตัว เพื่อให้ใบหน้าเราได้ใกล้กัน ก่อนจะเผยอปากออกแล้วงับเบา ๆ เข้ากับกลีบปากสีชมพูสวย

ยิ่งกุญแจพยายามดันตัวผมให้ออกห่าง วงแขนก็ออกแรงรัดมากขึ้นเรื่อย ๆ จังหวะแรงดูดขบเม้นหนักขึ้น ก่อนจะพยายามไล่ต้อนให้เขาเปิดปากออก ด้วยการใช้ลิ้นร้อนโลมเลียไรฟัน แล้วสอดลิ้นเข้าไปสำรวจภายใน ตวัดพันเกี่ยวกันจนน้ำลายใสปะปนกันมั่วไปหมด

ผมผละริมฝีปากออกเพื่อให้เขาได้กอบโกยอากาศเข้าสู่ปอด และไม่ปล่อยให้เขาได้อ้าปากเถียง ผมก็กดริมฝีปากลงไปประกบกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กุญแจตอบสนองกลับมา เขาเป็นฝ่ายไล่ต้อนผมบ้าง ก่อนจะออกแรงกัดลงมาที่ริมฝีปากผมอย่างแรง

“โอ๊ย! กุญแจ!” กลิ่นเลือดคาวคลุ้งในปาก น้ำสีแดงสดไหลออกมาจากรอยแผลที่ถูกกัด

“คุณมันบ้า บ้าที่สุด!” ว่าจบ เขาก็ใช้จังหวะนี้รีบลงจากรถไปทันที

ผมมองแผ่นหลังเล็กวิ่งเข้าบ้านของตัวเองจนลับสายตา ก่อนจะใช้หลังมือเช็ดเลือดที่มุมปาก มันเจ็บแปล๊บ แต่ก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับที่แลกมา

นี่มันเป็นแค่น้ำจิ้ม ของจริงมันเริ่มจากตรงนี้ต่างหาก...

 

 

 

 

 

วันนี้อัปสอง Chapter กลัวนักอ่านขาดตอน



รัก<3

*กำลังทยอยแก้คำผิด*


ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #23 เมื่อ26-06-2021 06:24:10 »

 :katai1: :katai2-1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #24 เมื่อ26-06-2021 23:32:21 »

 :katai3:

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 13
«ตอบ #25 เมื่อ27-06-2021 00:14:24 »



ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื้อ

Chapter 13

Weakness






“แจสรุปอะไร ยังไง ตอนไหน เมื่อไหร่ ที่--”

“หยุด ๆ พวกมึงซักกูจนซีดเลยหรือไง” ตั้งแต่หย่อนสะโพกลงนั่งที่โต๊ะทุกคนก็รุมทึ้งอย่างกับอีแร้ง

“แจมึงมันปากแข็ง ถ้าไม่จี้มึงก็ไม่ตอบ”

“ก็มันไม่มีอะไรไง”

"ไม่มีก็ตอบมา ไปรู้จักกันตอนไหน"

"นานแล้ว แต่ไม่ได้สนิทขนาดนั้น"

“ไม่สนิทแต่ขึ้นรถไปกับเขาอะนะ”

“เขาก็มีศักดิ์เป็นพี่เขยกูปะ

“แต่สายตาเขาดูอยากเป็นผัว มากกว่าพี่เขยนะ”

“พวกมึงจะถามเอาอะไร”

“อะ ๆ งั้นทำไมตอนงานวันเกิดมึงบอกไม่เคยเจอ”

“ตอนนั้นแค่เข้าใจผิด นี่พวกมึงเป็นหมอหรือนักสืบวะ กูไปเรียนแล่ว รำคาญ!!!” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นเต็มความสูง เดินผละออกมา

ความพยายามตลอดหนึ่งปีของผมพังลงตั้งแต่เจอศร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ผ่านมา มีนึกถึงบ้างแต่ก็นั่นแหละ เขาคงเหมาะเป็นคนในความทรงจำมากกว่าอยู่ในชีวิตจริง ผมไม่อยากคิดเลยว่าเขาจะทำผมประสาทได้ขนาดไหนต่อจากนี้

แค่ตอนนี้ชีวิตความเป็นส่วนตัวผมกำลังเหลือน้อยเต็มที่ ดูได้จากผู้ชายใส่สูทกับแว่นดำที่ยืนอยู่หัวมุมขวามือ เขากำลังทำท่าที่โคตรจะดูปลอม ไม่ว่าผมจะเดินไปไหนผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนมองอยู่ตลอดเวลา



Rrrr…

เบอร์มือถือไม่คุ้นตาโทรเข้ามา ไม่ต้องเดาก็พอรู้ เพราะชีวิตผมไม่น่าจะมีใครไปมากกว่านี้

[รับช้ามั่วทำอะไรอยู่] เฮอะ! เสียงที่คุ้นเคย

“โทรมาทำไม”

[ก็แค่เช็กดูว่าอยู่ไหน]

“คุณจะเช็กทำไมไม่ทราบครับ ถ้าคุณจะนั่งอยู่ในรถแล้วกำลังจ้องมาที่ผมขนาดนั้น”

[เธอรู้ได้ยังไง!] ผมยกมือถือออกห่างจากหูเพราะศรพูดเสียงดัง ก่อนจะดึงกลับมาฟัง

“รถคุณจอดเด่นขนาดนั้น ผมดูไม่ออกเลยครับว่าเป็นคุณ”

[โดนจับได้ซะแล้ว] ผมล่ะเชื่อเขาเลย รถสีเด่นขนาดนั้น ถ้าหากว่าเขาเป็นนักสืบคงโดนปาดคอทิ้งตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานแน่ โป๊ะอะไรขนาดนั้น [ยืนอยู่ตรงนั้นจนกว่าฉันจะไปถึง] สายถูกตัดในเวลาต่อมา

ประตูรถถูกเปิดออกก่อนที่คนร่างสูงใหญ่ตามฉบับหมีขาวจะเดินออกมา เขาไม่เปลี่ยนไปเลยจากวันนั้น แม้กระทั่งนิสัย

“เขินจังโดนจับได้”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับท่าทางของเขา “มีอะไรก็รีบพูดครับผมมีเรียน”

แชะ! แชะ!

เสียงโหมดถ่ายภาพของมือถือดังขึ้นสองครั้ง ผมได้แต่ยืนทำหน้าเหวอ ไม่รู้เลยว่ารูปที่เขาถ่ายไปออกมาเป็นยังไง

“คุณทำอะไรของคุณเนี่ย!” ผมว่า ก่อนจะขึงตาใส่

“แอดไลน์ฉันมา รับแอดเฟซบุ๊กฉันด้วยส่งไปแล้ว อ้อ! อย่าลืมไอจี เธอเล่นทวิตไหม ถ้าเล่นฟอลมาทุกแพลตฟอร์มอย่าให้พลาดสักแอปฯ”

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ”

“ไม่ได้หรอก ถ้าเธอหนีฉันไปอีก ต้องแย่แน่ ๆ” หัวใจผมกำลังสั่นระส่ำคล้อยตามไปกับคำพูดของเขาอีกแล้ว

แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าหากผมหนีไปจริงมันจะเป็นยังไง...

“ถ้าเบอร์ผมคุณหามาได้ ที่เหลือก็ไม่น่าอยากนี่ครับ” ผมว่าไปตามจริง

“ก็จริง... แต่อยากให้เธอเห็นความพยายามของฉันมากกว่า”

“ด้วยการบังคับผมเนี่ยนะ ผมละเชื่อคุณจริง ๆ”

“ไม่รู้แหละ กดรับเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะนั่งลงกอดขาเธอ ให้คนทั้งมอมองไปเลย” เขาไม่ได้พูดเล่นแน่

“ถ้าผมทำตามที่คุณบอก รบกวนสั่งคนของคุณออกไปด้วย แบบนี้มันเรียกคุกคามแล้วนะครับ”

“ก็ได้ ๆ”

สิ้นสุดประโยคผมก็หยิบมือถือขึ้นมากดรับเพื่อนทุกแอปฯ อย่างที่เขาต้องการ ผมต้องทำแบบนี้เพื่อให้ตัวเอง ได้มีพื้นที่หายใจ หลังจากที่ผมเจอเขาวันนั้น รถคันสีเหลืองก็ขับเข้าออกในมหา’ลัยจนเป็นเรื่องปกติ เขาไม่ได้เข้ามาก่อกวน แต่เขาทำให้ผมรู้สึกอึดอัด

“เรียบร้อยครับ คุณก็สั่งคนของคุณกลับไปได้แล้ว” ผมว่า

“เธอรู้ได้ไง เก่งใช่ย่อยนะตัวแค่นี้”

“เด็กอมมือมองดูก็รู้ครับ คนบ้าอะไรใส่สูทใส่แว่นดำเดินในมหา’ลัย” นี่ยังไม่รวมหูฟังที่หูอีกนะ บอกเลยว่าโคตรไม่เนียน

“โอเค ๆ เดี๋ยวฉันจัดการให้ ฉันแค่กลัวเธอหนีฉันอีกก็เท่านั้น” ไม่รู้ว่าตั้งแต่ยืนอยู่ตรงนี้ ผมถอนหายใจไปแล้วกี่ครั้ง

“หน่ายยยยเข้าห้องเรียนนนนน จ้ะเพื่อน” เสียงโปเต้ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนพูดลากจนเสียงยาน

“ยังไงซิ ออกมาก่อนแต่ยังไม่ถึง” คราวนี้เป็นพะพาย

“แค่บังเอิญ” ผมว่า

“ไม่ทราบว่ามาหาใครหรือเปล่าครับ ผมเห็นมาทู๊กกก วัน!” เซย่าถาม

ศรหันมามองหน้าผมก่อนจะพูด “มาตามหาขโมยครับ”

“เด็กมอเรามีโจรด้วยเหรอ”

“คุณกลับไปเถอะ” ผมรู้ว่าเขาจะเล่นมุกไร้สาระอีกแน่ และผมก็ไม่อยากนั่งตอบคำถามเพื่อนอีกแล้ว

“ครับ ๆ ตั้งใจเรียนละเด็กน้อย” ว่าจบศรก็เอามือขึ้นมายีหัวจนผมที่มัดอยู่หลุด

“...” ผมได้แต่มองแผ่นหลังกว้างเดินออกไป ภาวนาไม่ให้ใครได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นดังจนไม่เป็นจังหวะ ถ้าศรยังไม่เลิกทำแบบนี้ผมอาจจะต้องตายก่อนอายุยี่สิบห้าแน่

“ยังไง สรุปไม่เข้าเรียนแล้วใช่ปะ” พะพายสะกิดที่ไหล่เบา ๆ

“หูแดงเขินหรือโกรธ” โปเต้ว่า

“เสือก...” ผมหันไปตอบ ก่อนจะเดินนำหน้าไปก่อน

ผมควรทำยังไง ไม่อยากรู้สึกดีแบบนี้ มันทำให้ผมเหมือนกำลังจะสูญเสียความเป็นตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าในตอนสุดท้ายเราก็ต่างต้องกลายเป็นแค่คนอื่น

ไม่ช้า ก็เร็ว...



ครืด! ครืด!

ขณะที่นั่งเรียนอยู่ มือถือก็สั่นไม่หยุด ปลายนิ้วเรียวกดเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามา



‘คุณมีข้อความจาก Ss’



Ss คงไม่มีใครหรอก คงเป็นศร...

ผมเลยไม่สนใจข้อความก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม แต่ทว่ายิ่งไม่ตอบมือถือก็ยิ่งสั่น

“แจมึงทำอะไรสักอย่างดิ สั่นขนาดนี้ใครตายปะ” โปเต้ว่าด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด

ผมได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะหยิบมือถือออกมาดูอีกครั้ง



‘คุณมีข้อความจาก Ss’

‘คุณมีข้อความจาก Ss’

‘คุณมีข้อความจาก Ss’

‘คุณมีข้อความจาก Ss’

‘คุณมีข้อความจาก Ss’

‘คุณมีข้อความจาก Ss’10+



ทำไมเขาถึงตื๊อเก่งขนาดนี้เนี่ย!!!

ผมกดเข้าไปดูทันที ในห้องแชทไม่มีอะไรนอกจากสติกเกอร์ก้นแมวที่มีดอกจันแปะอยู่ อะไรของเขาวะ...



JAe : ถ้าคุณยังไม่เลิกส่งมาผมจะบล็อกคุณ!!!

Ss : ก็เห็นไม่ตอบ คิดว่าบล็อกไปแล้ว

JAe : ผมไม่ว่างมาตอบคุณขนาดนั้นแค่นี้นะ ผมเรียนอยู่

Ss : โอเค แค่จะบอกว่า ‘คิดถึง’



ผมคว่ำมือถือลงกับโต๊ะก่อนจะหันมาโฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ผมคงปล่อยให้ศรทำตามใจตัวเองไปก่อน พอเบื่อเขาคงจะยอมถอยไปเอง ผมก็แค่ต้องนิ่งให้ถึงที่สุด

ท่องเอาไว้... อย่าหวั่นไหวกับอะไรที่เข้ามาเพียงชั่วคราว



หลังเลิกเรียนพะพายขอปลีกตัวกลับก่อนเห็นว่ามีธุระที่บ้าน ส่วนเซย่านัดแฟนเอาไว้ เหลือผมกับโปเต้ เลยชวนกันไปซื้อหนังสือที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ ช่วงนี้เก็บควิซแทบจะทุกอาทิตย์ จะอ่านเอาตอนใกล้สอบก็ไม่ได้ เพื่อนหลายคนก็เริ่มกลายเป็นซอมบี้ รวมถึงผมสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่

เรานั่งรถมาห้างสรรพสินค้าใกล้มหา’ลัย ก่อนจะแยกกันคนละมุมเพื่อเลือกหนังสือ และนัดกันว่า หากใครเสร็จก่อนให้ออกมาเจอกันหน้าร้าน เลือกกันอยู่พักใหญ่ผมก็เจอหนังสือที่ถูกใจ ก่อนจะเอาไปคิดเงิน แล้วออกมารอตามที่คุยกันไว้ ไม่นานโปเต้ก็เดินออกมา

“ปูนหายไปไหนวะ ไม่เห็นหน้ามาหลายวันละ” ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทักไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า

“ไม่รู้เหมือนกัน ติดต่อไม่ได้” ผมว่าไปตามจริง

“หรือว่าจะเสียใจเรื่องมึง”

“เกี่ยวอะไรกับกูวะ”

“ก็พี่ศรตามจีบมึงขนาดนี้ เป็นกูก็คงซึมหลายวันอยู่นา”

“กูควรทำยังไงดีวะ คือกูไม่ใช่คนสนใจเรื่องพวกนี้มึงก็น่าจะรู้”

“ก็พูดตรง ๆ เอาชัด ๆ ไปเลย”

“กับปูนกูเคยบอกเขาไปแล้ว แต่น้องบอกว่าต่อให้กูไม่ชอบเขา เขาก็ชอบกูอยู่ดี”

“สวย?!” โปเต้ว่าพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ

“สัด!!!”

“ถ้าน้องพูดแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วกับพี่ศรล่ะมึงบอกเขาเหมือนที่บอกปูนหรือเปล่า”

“...” ผมจะตอบยังไงดีวะ จะให้ตอบว่าเคยบอกไปแล้ว มันต้องถามอีกแน่ ว่าเรื่องมันเป็นยังไงต่อ “เดี๋ยวนะ กูไปบอกมึงตอนไหนว่าเขามาจีบ” ผมไม่ได้พูดนะ

“มองจากดาวเสาร์ก็รู้ปะ”

“เลอะเทอะ! กูกลับละเดียวค่ำ”

“เขินก็บอก ปากหนักอยู่ได้”

“เขินห่า’ไร” ว่าจบผมก็เดินออกมาที่จุดรับคนของห้าง “เจอกันพรุ่งนี้มึง” ผมหันหน้าไปบอกโปเต้ที่ออกมาส่ง มันพยักหน้ารับก่อนจะกระตุกยิ้มเบา ๆ



ตลอดทางที่รถติดผมไม่เหงาเลยเพราะเพลงใน ‎Walkman ผมฟังทุกเพลงที่อยู่ในนั้น พอก้มมองดูก็ยิ่งรู้สึกว่าความบังเอิญของโลกนี้บางครั้งมันก็ช่างน่าขนลุกเสียจริง

ที่ผ่านมาศรวนเวียนอยู่ใกล้ผมตลอด ผมควรจะรู้จักเขาผ่านพี่ธนู ไม่ก็พี่โซ่ แต่ถ้าหากเรื่องมันเป็นอย่างนั้น เราก็คงไม่ได้ใกล้ชิดกัน ผมคงจะแค่ทักทาย และเดินผ่านเขาไปเหมือนกับคนอื่น ๆ

“ซอยไหนครับ” พี่แท็กซี่ถาม

“ซอยมืด ๆ ข้างหน้าครับ” ผมว่า



*I seem to be trying, I am, but see, you're used to that

(ก็จริงที่ว่าผมเหมือนกำลังพยายามอยู่ แต่คุณคงเคยชินกับเรื่องนี้ไปแล้ว)

You call when you need me, I'll hesitate and call you back

(คุณเรียกหาผมเมื่อคุณต้องการ ผมจึงลังเลแต่ก็ตอบคุณกลับไป)


รถเลี้ยวเข้ามาในซอยผ่านร้านสะดวกซื้อ และฝูงหมาคู่อริเก่าของพี่โซ่ แต่ก่อนผมบ่นมันทุกวัน รู้สึกอยากอยู่คนเดียวมาตลอด วันนี้สมใจผมแล้ว การอยู่คนเดียวมันไม่ได้แย่ แถมยังได้เพื่อนเพิ่มมาอีก เขาชื่อความเหงา



And I'll say I'm sorry like it's overdue, and I'm over you

(และผมจะบอกคุณว่า ผมขอโทษนะ มันหมดเวลาแล้วล่ะ)



เสียงเพลงที่เปิดอยู่ยังคงดังก้องในหู เพลงที่ศรมอบให้กับผม เสียงท่วงทำนองและคำร้องดังผ่านหูฟังที่ปูนให้มา หากว่ามันไม่ใช่ของมีค่าผมคงโยนทั้งสองอย่างนี้ทิ้งไป

“เลี้ยวซ้ายครับ”


But I won't believe it, spill me your secrets, I'll keep them close

(เรื่องของเรามันจบไปแล้ว แต่ผมจะไม่เชื่อมัน บอกความลับของคุณมาให้หมด ผมจะไม่บอกมันกับใคร)


"เท่าไหร่ครับ"

รถจอดสนิทอยู่หน้าบ้านคุ้นตา ไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ว่า รถคันสีเหลืองจอดอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านผมนัก สาเหตุก็คงเป็นเพราะ ผมไม่ตอบข้อความ ไม่ก็อาจเป็นสายที่ไม่ได้รับยี่สิบกว่าสาย

ศรลงมาจากรถด้วยท่าทียิ้มแย้ม รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด แต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรง ที่มันเป็นอย่างนั้น เพราะเพียงแค่ผมเคยได้ลิ้มลองความรู้สึกแปลกใหม่ การถูกเอาใจใส่ และความอบอุ่นที่เขาเคยมอบให้ หลังจากนั้นร่างกายก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดี และต้องการมากแค่ไหน

ผมเกลียดตัวเองที่ยังรู้สึกเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

ศร...


You're my weakness

(คุณคือจุดอ่อนของผม)



*เพลง Weakness ของ Jeremy Zucker













#ณขณะที่รัก

*กำลังทยอยแก้คำผิด*




ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 14
«ตอบ #26 เมื่อ27-06-2021 00:18:55 »



ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื๊อ

Chapter 14

#สายตื๊อ





กุญแจไม่รับสายผม ไม่แม้แต่จะตอบข้อความ เขากำลังปั่นหัวผมเหรอ และถ้าใช่ เขาก็ทำสำเร็จแล้ว เพราะตอนนี้ผมมายืนรอเขาที่หน้าบ้านอยู่นานสองนาน

ในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยก็จบลง เมื่อรถแท็กซี่เขียวเหลืองจอดสนิทที่หน้าบ้านของคนตัวเล็ก ผมรอให้เขาลงมาจากรถก่อน แล้วจึงเดินตรงไปหาเป้าหมายที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าผมมารออยู่

“คุณยิ้มบ้าอะไร” ปากเขาก็ถาม มือก็คว้านหากุญแจในกระเป๋า

“คิดถึง” มือที่กำลังหาของอยู่หยุดชะงักทันที “อยากเจอ” ใบหน้าเล็กเงยหน้าขึ้นมอง “อยากกอดด้วย ขอกอดนะ”

“คุณกลับไปเถอะ อย่าให้ผมต้องเอาน้ำมาสาดไล่คุณเลย” ว่าจบกุญแจก็หันกลับไปไขประตูรั้วบ้าน ก่อนจะปิดมันลงต่อหน้า กลายเป็นว่าผมยืนอยู่ด้านนอก ส่วนกุญแจยืนอยู่ด้านใน

“เธอทำแบบนี้เพราะชอบฉันใช่ไหมล่ะ?”

“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ”

“เธอพยายามตีตัวออกห่าง เพราะกลัวความรู้สึกที่มีอยู่แล้วจะมากกว่าเดิมใช่ไหม เธอถึงเอาแต่หนีอยู่ตลอดเวลา”

“...”

“ถ้าเรารู้สึกเหมือนกันทำไมเราไม่---” ยังไม่ทันพูดจบก็โดนกุญแจยกมือขึ้นเบรกเอาไว้

“พอเถอะครับ ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมไม่เชื่อเรื่องความรัก ผมไม่ศรัทธาอะไรทั้งนั้น”

“เธอไม่เชื่อทั้งที่ยังไม่เคยลองเนี่ยนะ”

“แค่เห็นมาเยอะ ก็มากพอแล้วครับ” พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านไป

“ฉันจะทำให้เธอรักฉันให้ได้ค่อยดูสิ”

กุญแจไม่แม้แต่หันกลับมามอง ผมไม่ต้องการคำตอบจากเขา เพราะผมได้คำตอบนั้นแล้ว ใบหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงตอนที่ผมถามเขาว่าเขาชอบผมใช่หรือเปล่า เป็นคำตอบที่ชัดเจนกว่าคำพูดเสียอีก

เขาคงไม่รู้หรอกว่าตัวเองน่ารักแค่ไหนตอนที่ถูกจับความรู้สึกได้ รอหน่อยนะ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้นานแน่เพราะฉันปล่อยเธอมานานมากพอแล้ว กุญแจ...



ผมพาตัวเองกลับมาที่บ้าน ตรงมายังห้องรับรองก่อนจะเทเครื่องดื่มสีอำพันใส่แก้วใส แล้วยกมันขึ้นดื่มรวดเดียว ปล่อยให้รสขมฝาดไหลลงคออย่างเชื่องช้า ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ ผมไม่เคยต้องตามง้อใคร ไม่เคยต้องถูกไล่ด้วยคำพูดแรง ๆ ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาทำไปเพราะแค่ปกป้องตัวเองก็ตาม



เมื่อเครื่องดื่มที่ดื่มไปเริ่มทำงาน ผมจึงเดินเข้าไปที่ห้องเก็บของ ค้นหาค้อนปอนด์ที่จำได้ว่าในห้องนี้เคยมี ก่อนจะหาเจอแล้วลากมันกลับเข้ามาในบ้าน

“บุหรี่” คำพูดเพียงสั้น ๆ ผมก็ได้บุหรี่มาไว้ในมือ อะไรที่ผมอยากได้ผมต้องได้

ผมสูดเอาสารนิโคตินเข้าไปจนฉ่ำปอด แล้วยืนมองบ้านตัวเอง มันควรจะถึงเวลาที่ต้องรีโนเวทใหม่เสียที แขนเสื้อเชิ้ตถูกพับขึ้นมาจนถึงข้อศอก ผมเดินลากค้อนปอนด์เข้าไปยังห้องครัวเป็นที่แรก

“เอ่อ... คุณศรจะทำอะไรครับ”

“หุบปาก!” ว่าจบผมก็ออกแรงยกค้อนทุบทำลายกำแพงห้องครัวจนเละเทะ ก่อนจะตรงไปยังห้องรับรอง และห้องนอนของตัวเอง

เพียงชั่วพริบตาบ้านทั้งหลังก็พังยับ ผมไม่ได้ทุบจนถึงขนาดที่ว่าโครงสร้างรับน้ำหนักบ้านไม่ไหว ทุบแค่พอจะใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อทำบ้านใหม่ ไม่คิดเลยว่าการจะต้องได้คนคนหนึ่งมา มันต้องลงทุนขนาดนี้ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าหากสำเร็จ

“มือถือ”

“นี่ครับบอส”

ผมรับมือถือไว้ในมือก่อนจะกดต่อสายหาน้องชาย

“พรุ่งนี้เข้าออฟฟิศกี่โมง มีเรื่องให้ช่วย รับรองว่าเป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้”









เช้าวันนี้ผมลุกจากเตียงด้วยอารมณ์สดใสกว่าที่เคย ถึงแม้ว่าระหว่างที่เดินอยู่ในบ้านจะต้องเดินผ่านเศษซากของปูนที่แตกกระจายอยู่ทั่วบ้านก็ตาม

ซองเอกสารที่น้ำตาลถูกโยนไว้ที่เบาะข้าง ๆ คนขับ ก่อนจะขับตรงออกมายังถนนกว้าง วันนี้อะไรก็ดีไปหมด แม้กระทั่งตอนที่รถติด หรือตอนที่มีคนมาเช็ดกระจกรถให้โดยที่ไม่ขออนุญาต มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ไม่นานนักผมก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดในโซน VVIP ที่จอดเป็นประจำทุกครั้งที่มา

“สวัสดีค่ะคุณศร บอสกำลังรออยู่ด้านในพอดีค่ะ”

“สวัสดีครับ ผมสั่งกาแฟไว้ข้างล่างฝากเอาขึ้นมาให้ผมด้วยล่ะ”

“ได้ค่ะ”

“อ้อ... ใครอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะฉันเลี้ยง”

“ขอบคุณค่ะ คุณศร”

ผมเดินยิ้มร่าสาวเท้าเข้ามาในห้องทำงานน้องชายในเวลาต่อมา วันนี้ผมไม่ได้มาคนเดียว ผมมากับโชค...

“ตกลงมีอะไรมาหากูแต่เช้า” เพียงแค่ผมก้าวเท้าเข้ามา น้องชายก็เอ่ยปากถามทันที

“...” ผมไม่ได้ตอบ แต่ยื่นซองเอกสารที่นำติดมือมาด้วยส่งให้ธนูอ่าน ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง

ธนูใช้สายตาไล่อ่านตัวหนังสือบนกระดาษ ไม่นานเขาก็อ่านรายละเอียดจนครบจึงเอ่ยปากถามต่อ

“มึงจะให้กูซื้อหุ้นโรงพยาบาลไปทำไมกัน อีกอย่างกูก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว” ผมเท้ายกขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าที่สบาย ๆ ก่อนจะหลุดยิ้มมุมปากออกมา

“ใครบอกว่าจะให้มึงซื้อ” ผมว่า

“จะซื้อให้?” ธนูเลิกคิ้วถาม

“อย่างที่คิด”

“มึงมีอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่าศร ของฟรีไม่มีในโลก” น้องชายผมคิดถูก ผมไม่ได้มาเพื่อยกอะไรให้น้องชายฟรี ๆ

“กูจะรีโนเวทบ้านใหม่ กูต้องการที่พัก แล้วกูก็มีที่ที่หนึ่งน่าสนใจ”

“มึงคงไม่ได้จะบอกให้กูไปคุยกับเมียกูใช่ไหม”

“มึงคิดถูกแล้วล่ะ” น้องชายผมเป็นคนเดียวที่รู้ใจผมที่สุด

“โซ่ไม่ยอมหรอก มึงก็รู้ว่าเขาห่วงน้องชายขนาดไหน แถมมึงไปทำเหี้ยกับเขาไว้อีก”

“กูขอเวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ถ้ามันไม่สำเร็จกูจะยอมถอย”

“...” ธนูทำท่าคิดหนัก ผมเข้าใจน้องชายผมนะ มันเป็นเรื่องยากที่โซ่จะยอมให้ผมเข้าไปอยู่ มันไม่ต่างอะไรกับฝากปลาย่างไว้กับแมว

“20 เปอร์เซ็นต์” ผมขีดค่าตัวเลขในหนังสือสัญญาซื้อขายหุ้นที่ก่อนหน้ามันเขียนเอาไว้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ออก

“ศร...”

“30”

“ตกลง” ธนูตอบรับทันที

ผมฉีกยิ้มกว้าง เมื่อธุรกิจที่กำลังคุยเป็นไปได้ด้วยดี ผมบอกแล้วผมมากับโชค...



ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ

“เข้ามา” ธนูว่า

“แบล็คคอฟฟี่เพิ่มช็อตค่ะคุณศร” เลขาวางกาแฟที่สั่งเอาไวตรงหน้า ก่อนจะเดินออกไป

กาแฟถูกยกขึ้นดื่มก่อนจะเริ่มคุยต่อ

“ถ้าทำสำเร็จ กูมีของแถม”

“มึงกำลังจะกดดันกูใช่ปะ”

“เปล่าสักหน่อย” ผมว่าก่อนจะไหวไหล่ และส่งเอกสารอีกฉบับให้ธนู

“ศร แค่ตั๋วเครื่องบินกูซื้อให้เมียได้” ธนูว่า ก่อนจะยื่นเอกสารกลับมาที่ผม

“อ่านให้ละเอียด ‘ไพรเวทเจ็ท’ เชียวนะ ได้ข่าวว่าดูเอาไว้อยู่ไม่ใช่เหรอ”

“กูถามจริง ๆ มึงชอบกุญแจขนาดนั้นเลยเหรอวะ เรื่องของมึงกับน้องเขาที่ผ่านมา กูไม่เห็นว่ามันจะมีตรงไหนที่จะทำให้มึงบ้าได้ขนาดนี้”

“ชอบก็คือชอบ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลอะไรมากมายเลยเปล่าวะ แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจกูก็อยากจะอยู่กับเขา” กุญแจไม่ได้สมบูรณ์แบบเต็มร้อย แต่ระยะเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้ผมรู้ว่า ผมมีความสุขมากกว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมา ต่อให้ผมได้อยู่กับกุญแจแค่ห้านาที ถ้ามันเป็นความสุข เขาก็ยังเป็นคนที่ใช่สำหรับผม มันไม่มีสูตรตายตัว

ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับความรู้สึกแบบนี้กับเขาบ้าง แต่พอเจอแล้วก็อยากจะทำให้เต็มที่ ถ้าจะเสียใจก็เอาให้สุด ตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที

“อย่าทำเขาเสียใจนะ กูฝากน้องด้วย โซ่รักกุญแจมาก อย่าให้กูต้องผิดหวังในตัวมึงอีก”

“อืม กูสัญญา”







กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าที่จำเป็น ถูกยกขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวย้ายไปเก็บไว้ที่บ้านหลังใหม่ ใช้เวลาอยู่สองสามวัน ธนูก็โทรมาบอกให้เก็บกระเป๋ารอได้เลย ผมมีเวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น

ทีแรกโซ่ยืนยันว่ายังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาด ผมเองก็ไม่รู้ว่าธนูพูดยังไงโซ่ถึงยอมเปลี่ยนใจ เอาเป็นว่าเอกสารสัญญาทั้งสองฉบับถูกส่งไปให้ธนูเซ็นแล้วเรียบร้อย กุญแจบ้านสำรองก็อยู่ในมือผมแล้วตอนนี้

ที่เหลือก็แค่ตรงไปยังเป้าหมาย...

ใช้เวลาอยู่บนถนนไม่นาน ผมก็มาถึงบ้านของกุญแจ มันค่อนข้างไกลจากออฟฟิศผมมาก แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับผม

ผมยืนกดออดเรียกกุญแจไม่นานนักเขาก็เดินออกมารับทั้งหน้ามุ่ย ๆ โซ่คงโทรบอกน้องชายเขาแล้วว่าผมจะมาขอพักชั่วคราว ตอนนี้คงมีแค่ผมที่อารมณ์ดีอยู่คนเดียว

“เชิญครับ”

ผมเดินตามคนตัวเล็กเข้ามาในบ้าน ข้างในไม่ได้มีอะไรหวือหวา เป็นเพียงบ้านหลังเล็กธรรมดา ตกแต่งเรียบง่าย

“นี่ห้องคุณ มันเป็นห้องเก่าของพี่โซ่ผมทำความสะอาดไว้ให้แล้ว”

“แล้วห้องเธอล่ะ” ผมถามกลับทันที

“อยู่ข้าง ๆ ถ้าคุณจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ ผมมีกฎง่าย ๆ สามข้อ”

“...” ผมตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด

“ข้อหนึ่งผมใหญ่ที่สุดในบ้าน” ผมหลุดขำในลำคอเบา ๆ เพราะคนตัวเล็กกำลังบอกว่าเขาใหญ่ที่สุด ผมเข้าใจความหมาย แต่ก็อดเอ็นดูไม่ได้ “คุณขำอะไร!” เจ้าแมวตัวน้อยกำลังพองขนขู่

“เปล่าครับว่าต่อเลย”

“ข้อสอง ผมยังเรียนอยู่ ต้องอ่านหนังสือ ยิ่งช่วงใกล้สอบผมจะต้องใช้สมาธิ ฉะนั้นคุณห้ามเสียงดัง”

“...”

“ข้อสามสำคัญมาก ห้ามเข้าห้องผมเด็ดขาด มีอะไรเคาะเรียกเท่านั้น สามข้อง่าย ๆ คุณทำได้ใช่ไหม”

“รับทราบครับ” ผมบอกรับทราบนี่ ผมไม่ได้บอกว่าผมทำได้สักหน่อย

“แล้วคุณอย่าคิดนะว่าผมจะเชื่อเรื่องข้ออ้างที่บอกว่าบ้านกำลังรีโนเวทอยู่ ถ้าคุณคิดจะทำอะไรแปลก ๆ แล้วละก็ เจอดีแน่!”

“นั่นเป็นคำขู่ที่น่ารักที่สุดเลยครับ” มุมปากผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ กุญแจอมลมเอาไว้ในปากจนแก้มพอง เขาเหมือนอยากด่าผมเต็มทน แต่ก็รู้ว่าพูดไปผมก็ไม่สะทกสะท้าน

“ผมจะอ่านหนังสืออยู่ในห้อง คุณจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าเสียงดัง”

“ทำอะไรก็ทำนี่หมายถึงเข้าห้องเธอได้ด้วยใช่ปะ” ผมว่า ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างจงใจแกล้ง

“...” กุญแจมองหน้าผมนิ่ง แววตาเขากำลังบอกว่ากฎสามข้อเขาไม่ได้พูดเล่น

“กฎข้อสาม ครับ ๆ ผมทราบแล้ว” ผมยืนมองกุญแจเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง ตอนนี้เขายังตั้งป้อมไม่ให้ผมเข้าไป คงต้องใช้ทฤษฎีน้ำซึมบ่อทรายอีกนั่นแหละ

ผมเดินกลับเข้ามาในห้องที่กุญแจเตรียมเอาไว้ สิ่งแรกที่เห็นคือเตียงนอนมันเล็กมาก ผมคนเดียวนอนก็เต็มเตียง ความสะดวกสบายก็ไม่เหมือนบ้านที่ผมอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมอยากกลับเลยแม้แต่น้อย ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาข้างนอกห้อง เดินไม่กี่ก้าวผมก็สำรวจจนทั่วบ้าน

ผมหยิบมือถือขึ้นมาชักภาพกุญแจตอนเด็กที่แขวนอยู่ที่ผนังไปหลายรูป เขาเหมือนเด็กผู้หญิงมาก ตัวก็เล็ก ผิวก็ขาวราวกับไข่ต้ม ผมชอบดวงตาของเขา มันขัดรับกับผมสีน้ำตาลอ่อนได้อย่างลงตัว

เดินสำรวจไปจนถึงโซนครัว ผมก็เปิดตู้เย็นดูว่า เย็นนี้พอจะทำอะไรทานได้บ้าง ปรากฏว่าในตู้เต็มไปด้วยอาหารแช่แข็ง ให้ตายเถอะเขามีชีวิตอยู่ด้วยอาหารพวกนี้เหรอเนี่ย

ปลายนิ้วกดสั่งซื้ออาหารสดจากมือถือให้มาส่งที่บ้านเป็นจำนวนหนึ่ง ก่อนจะเอาอาหารแช่แข็งพวกนั้นไปทิ้งจนเกือบหมด ไม่แปลกใจเลยที่กุญแจจะตัวเล็ก และผอมบางขนาดนั้น

ไม่นานนักอาหารสดก็มาส่ง ผมจัดการเก็บทุกอย่างเข้าตู้ ก่อนจะคิดว่าเย็นนี้จะทำอะไรทาน สุดท้ายก็เลือกทำสเต๊กเนื้อแบบง่าย ๆ โชคดีที่ตอนเรียนอยู่เมืองนอกผมทำอาหารกินเองทุกมื้อ

“คุณทำอะไร” เสียงเล็กถามเมื่อเห็นผมกำลังง่วนอยู่ในครัว ผมมองกุญแจในลุคที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พอยิ่งเห็นเขาใส่แว่นก็ยิ่งรู้สึกว่าแปลกตา แต่ก็น่ารักเป็นบ้า ไม่อยากคิดตอนที่ผมกำลังรังแกเขาในตอนที่สวมแว่นนั่น...

พอเลยศรมึงกำลังจะคิดเรื่องลามกต่อหน้าเด็กน่าเอ็นดูขนาดนี้ได้ยังไงกัน “คุณ... เป็นอะไรหรือเปล่า” กุญแจเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“เธอออกมาตอนไหนเนี่ย เป็นนินจาหรือไงผมตกใจหมด” ผมรีบตอบ

“...” เขาไม่ตอบ เพียงแค่ไหวไหล่รับ กุญแจเดินมาเปิดตู้เย็น ก่อนจะเห็นว่าเสบียงของเขาถูกผมกวาดทิ้งหมดแล้ว “ข้าวผมไปไหน ผมแช่เอาไว้ในนี้นี่” เขาว่ายืนเท้าสะเอวมอง

“ฉันเอาไปทิ้งเองแหละ เธอกำลังจะเป็นหมอนะหัดดูแลตัวเองซะบ้าง ไม่งั้นจะดูแลคนอื่นได้ยังไง”

“แต่คุณก็ไม่ควรเอาของผมไปทิ้งอยู่ดี”

“ฉันว่าเธอกำลังโมโหหิวนะ เธอกินเนื้อได้ใช่ไหม”

“ก็ได้” กุญแจตอบสั้น ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ

“งั้นไปรอที่โต๊ะ ฉันทำสเต๊กเนื้อใกล้เสร็จแล้ว”

“ของผมขอแบบมีเดียมเวลล์นะ ผมไม่กินของดิบ”

“ครับ ๆ” ผมรับคำ ก่อนจะหันมาทำอาหารตรงหน้าต่อ



ไม่นานนักอาหารสองจานก็เสร็จ ผมยกมาวางไว้ที่โต๊ะ ซึ่งกุญแจนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ” กุญแจเอ่ยถาม

“อืม ตอนเรียนอยู่เมืองนอกทำกินเอง”

“อ๋อ...” ผมเดินกลับเข้ามาในครัวเพื่อหายาง เพราะรู้สึกรำคาญผมที่ปรกหน้ารุงรังของกุญแจ มันทำให้ผมเห็นหน้าเขาไม่ชัด

“ฉันมัดผมให้นะ” ผมตั้งท่าจะมัดผมให้ แต่ก็ถูกกุญแจจับมือเอาไว้ก่อน

“ยางรัฐบาลมันกินผม”

“...” ยางรัฐบาลอะไรวะ? ผมไม่รู้จริง ๆ

“เฮ้อ! ยางวงแดง ๆ แบบนี้มันกินผม ยางมัดผมอยู่หน้าทีวี”

“อ๋อ...” ว่าจบผมก็เดินไปหยิบยางมัดผมเส้นสีดำหน้าโทรทัศน์ แล้วกลับมาที่โต๊ะอาหาร

“เอามานี่ผมมัดเอง” กุญแจตั้งท่าจะแย่งยางในมือ

“นั่งเฉย ๆ ฉันมัดให้” เขาไม่ปฏิเสธ แถมยังนั่งนิ่ง ๆ ให้ผมมัดให้อย่างว่าง่าย ผมเส้นเล็กยังคงนิ่มมือ และหอมมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ สัมผัสมันยังคงเหมือนเดิม แต่มันยาวกว่าเมื่อก่อนมาก

ลึก ๆ ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าที่กุญแจไว้ผมยาวขนาดนี้ เพราะเคยทักว่าผมเขาสวย หากไว้ยาวกว่านี้คงสลวยน่าดู ความอยากรู้ทำให้ผมถามออกไป

“ทำไมไว้ผมยาวล่ะ”

“เรื่องของผมนาศร... รีบมัด ผมหิวแล้ว” ผมฉีกยิ้มกว้างกับคำพูดเร่งของคนตัวเล็ก ก่อนจะรีบจัดการมัดผมให้แล้วเดินกลับมานั่งที่ของตัวเอง

“ให้ฉันหั่นให้ไหม” ผมว่า

“ผมเป็นหมอ ผมใช้มีดเก่งกว่าคุณก็แล้วกัน” ทำไมผมรู้สึกเสียววาบกับคำพูดชวนสยองนี้จัง

เรานั่งทานอาหารกันอยู่เงียบ ๆ จนอาหารตรงหน้าพร่องไปจนเกือบหมด

“คุณอิ่มหรือยัง เดี๋ยวผมล้างจานเอง” กุญแจถาม

“เธอไม่อ่านหนังสือต่อหรือไง”

“คุณทำอาหารแล้วนี่ เดี๋ยวผมล้างจานให้ก็ได้”

“ไม่เป็นไรแค่นี้ฉันทำเอง แล้วต่อไปห้ามซื้ออาหารสำเร็จมาอีกเข้าใจไหม” ผมว่าเสียงแข็ง

“งี้ผมหิวก็ต้องลุกมาทำกินทุกครั้งเลยเหรอ ไม่ไหวหรอกคุณ”

“ถ้าหิวบอกฉันก็ได้”

“ถ้าวันไหนคุณไม่อยู่บ้านล่ะ”

“ก่อนออกไปฉันก็จะทำแช่ตู้เอาไว้ เธอก็เอามาเวฟกิน”

“แล้วทำไมคุณต้องทำแบบนั้นด้วย”

“แค่อยากดูแล...”

“...”

“...” เราทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ จนกระทั่งผมเป็นคนตัดสินใจพูดขึ้นเอง “ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ให้ฉันมาพักที่นี่ชั่วคราวก็ได้”

“อ๋อ... ครับ งั้นผมขอคิดดูก่อนแล้วกัน” ว่าจบกุญแจก็ลุกขึ้นเต็มความสูง “ผมอ่านหนังสือต่อนะ ถ้าคุณจะดูทีวีก็เบาหน่อยเสียง”

“ครับ” ผมรับคำก่อนจะนั่งมองกุญแจเดินหายไปในห้องของตัวเอง

เขาเก็บอาการไม่เก่งจริง ๆ นั่นแหละ แต่ผมชอบนะ มันดูน่ามันเขี้ยวจนอยากจับเขาทุ่มลงบนเตียง แล้วสลัดความอ่อนโยนที่พยายามคีพลุคมาตลอดทิ้งไป นี่ผมกำลังกลายเป็นคุณลุงคลั่งรักเด็กปากหนักไปแล้ว ให้ตายเถอะมันตลกสิ้นดี










#ทีมลุงศรทุบบ้าน ^(+++)^
 :katai2-1:

#ณขณะที่รัก

*กำลังทยอยแก้คำผิด*




ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #27 เมื่อ27-06-2021 01:26:31 »

 :z13: :katai4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi]
«ตอบ #28 เมื่อ27-06-2021 23:22:28 »

 :-[



กรี้ดดดดดด

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: ณ ขณะที่...(รัก) #สายตื๊อ [Yaoi] Chapter 15
«ตอบ #29 เมื่อ28-06-2021 00:39:54 »



ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื๊อ

Chapter 15

Rain




เช้า ๆ บรรยากาศที่นี่ไม่ต่างจากบ้านผมเท่าไหร่ ในบ้านไม่มีฟิตเนสผมจึงต้องออกไปวิ่งข้างนอกแทน ขากลับเข้ามาในบ้านผมเลยแวะซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากคนตัวเล็กด้วย

“ตื่นเช้าจัง” ผมเอ่ยทักเด็กตัวเล็กที่เดินหัวฟู เข้ามาในครัว ก่อนที่จะดูว่าผมซื้ออะไรเข้ามา

“มีอะไรกินบ้าง”

“มีน้ำเต้าหู้ นั่งรอก่อนเดี๋ยวทำมื้อเช้าให้”

“ก็ดีครับ แต่รบกวนเอามือออกจากก้นผมที!”

“อูย! ขอโทษ” ผมจำได้ว่าแค่แอบโอบเอวกุญแจไว้เบา ๆ ไม่รู้ว่าเผลอเลื่อนมือลงไปตอนไหน “นั่งรอก่อนแป๊บเดียว” ว่าจบผมก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบไข่ไก่ กับไส้กรอกที่ซื้อเอาไว้ ก่อนจะปิ้งขนมปังทาเนยไว้สองแผ่น

ผมยกทั้งหมดมาเสิร์ฟในเวลาต่อมา

“ไม่มีของคุณเหรอ”

“ตอนเช้าฉันดื่มแค่กาแฟ”

“คุณรู้หรือเปล่าว่าอาหารเช้าสำคัญมาก ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้น--”

“โอเคฉันจะไปยกมาทานเดี๋ยวนี้แหละ” ผมพูดตัดประโยค ก่อนที่ข้อมูลเชิงวิชาการจะไหลเข้าสมอง

ผมเดินกลับเข้าไปในครัว ทำแซนด์วิชอโวคาโดไข่ต้มอีกชุดเอาไว้ให้เขาเอาไปกินที่มหา’ลัย ก่อนจะลงมือทำอาหารเช้าแล้วยกออกไปนั่งทานกับกุญแจ

“เธอไม่ทานเหรอ” ผมว่าเพราะอาหารในจานของเขายังไม่พร่อง

“รอคุณไง”

“อยากกินข้าวกับฉันก็พูดตรง ๆ ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม”

“มันเป็นมารยาทบนโต๊ะอาหาร เผื่อคุณไม่รู้” กุญแจเป็นคนที่ไม่พูดคำหยาบคายเท่าไหร่นัก แต่เขากลับทำให้ผมรู้สึกจี๊ด ๆ กับคำพูดของเขาได้อยู่บ่อย ๆ

ใช้เวลาไม่นานเราก็ทานอาหารกันเรียบร้อย ผมทำหน้าที่ล้างจาน และปล่อยให้กุญแจไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นพ่อมากกว่าไล่จีบเด็กไปแล้ว

หลังจากล้างจานเสร็จ ผมก็ออกมานั่งรอกุญแจที่โต๊ะทานอาหารตามเดิม เพราะกลัวว่าเขาจะหนีผมไปเรียนเสียก่อน  ไม่นานนักกุญแจก็เดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้

“ไม่ต้องไปส่งผมนะ” เหมือนเขารู้ว่าผมต้องการจะพูดอะไร

“แต่ฉันอยากไปส่งนี่”

“ผมไม่ใช่เด็ก ๆ อีกอย่างคุณไม่มีงานทำหรือไง”

“ฉันเป็นเจ้าของ ใครจะกล้าไล่ออกกัน”

“ครับ ๆ ผมไปก่อนนะ ผมเรียกรถเอาไว้” ว่าจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่หันมาสนใจผมอีก

“เดี๋ยวสิ” ผมวิ่งออกมาพร้อมกับแซนด์วิชที่ทำเอาไว้ และร่มอีกหนึ่งคัน “อันนี้เผื่อหิว ส่วนนี่เมื่อเช้าออกไปวิ่งเสียงตามสายในหมู่บ้านบอกว่าวันนี้ฝนจะตก พกติดตัวไว้ก็ดี” กุญแจมองของในมือก่อนจะรับเอาไป

“คุณพ่อน่ารักจังเลยนะครับ” เวรเถอะ ไม่ได้อยากเป็นพ่อ อยากเป็นผัวครับ! ผมไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก จะมีก็แต่กุญแจที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ผมไปก่อนนะครับ คุณพ่อ...” ว่าจบเขาก็ยกมือขึ้นไหว้ มันน่ามันเขี้ยวจนอยากจะหยิกแก้มด้วยจมูกให้ช้ำ สักวันเขาจะได้รู้จักคำว่า พ่อที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ

ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านก่อนจะรีบอาบน้ำ และทำธุระของตัวเองบ้าง ระยะทางจากที่นี่ไปออฟฟิศค่อนข้างใช้เวลา ผมคงต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้าน

ภายในบ้านหลังเล็กทำให้ทุกอย่างเสร็จภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไม่ต้องเดินข้ามห้องเพื่อไปหาเสื้อผ้า ไม่ต้องเดินไปดูว่าจะเลือกนาฬิกาเรือนไหน ทุกอย่างอยู่ภายในห้องนอนหมดแล้ว

เดินออกมานอกตัวบ้าน ท้องฟ้าก็มืดสนิท เห็นทีว่าเรื่องฝนตกจะเป็นเรื่องจริง จังหวะที่กำลังจะขับรถออกจากบ้านผมก็ดันคิดอะไรดี ๆ ออก เครื่องยนต์รถดับสนิทผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะเปิดหน้าต่างเอาไว้ทุกบาน

ถ้าสมมุติ... สมมุติว่าฝนตกหนักแล้วห้องผมเปียกจะเกิดอะไรขึ้นนะ...



ผมกลับเข้ามาในรถก่อนจะออกเดินไปที่ทำงานด้วยอารมณ์สดใสต่างจากท้องฟ้าของวันนี้ เสียงเพลง Promise ของ kid ink ft. fetty wap ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการเดินทางมากขึ้น

ไม่นานฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาตามที่คาด แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนักถึงขั้นเรียกว่าพายุ คิดว่าตอนนี้ห้องนอนก็คงชุ่มฉ่ำไม่ต่างกับบรรยากาศด้านนอก

ระหว่างรถติดผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อส่งข้อความหาคนที่เข้ากับเสียงเพลงในตอนนี้



Ss : เลิกเรียนกี่โมง

JAe : ไม่ต้องมารับ ผมกลับเอง

Ss : เลิกปฏิเสธฉันสักที แค่จะชวนออกไปหาอะไรทาน

JAe : ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น ผมมีงานต้องทำ

Ss : แป๊บเดียวเองนะ

JAe : ผมขอคิดดูก่อน



ขอคิดดูก่อนของเขาคือการตัดจบบทสนทนาที่ดี ถ้าปล่อยให้เขาคิดเองอยู่แบบนี้ ความสัมพันธ์เราคงไม่ได้ขยับไปไหนกันสักทีซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น





ผมออกจากออฟฟิศตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ เผื่อเวลารถติด และระยะทางที่ค่อนข้างไกล ไม่นานผมพาตัวเองมารอกุญแจที่หน้าคณะในเวลาต่อมา รออยู่พักใหญ่กุญแจก็ออกมาพร้อมกับเซย่า รวมถึงไอ้เด็กปูน ผมไม่ค่อยชอบหน้ามันเท่าไหร่นัก ทุกครั้งที่ไอ้เด็กปูนมองกุญแจ สายตามันไม่ต่างอะไรกับที่ผมมอง คืออยากครอบครอง

“คุณมาทำไม ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะ”

“รอเธอตอบฉันไม่ต้องเป็นอันทำอะไรพอดี”

“สวัสดีครับเฮียศร มารับแจเหรอครับ” เซย่าว่า ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้

“ครับ พอดีจะชวนไปเดต” พูดจบผมก็ปรายตามองไปที่ปูน

“วี๊ดดดด เพื่อนจะมีหลั่ว”

“ย่ามึงพอเลย” กุญแจหันไปแหวใส่เซ่ย่า “คุณก็อีกคนพูดจาเลื่อนเปื้อน ผมมีนัดกับปูนแล้ว”

“นั้นสิครับ ยังไงดี” ปูนว่าก่อนจะเอียงคอมอง แล้วยิ้มพราย สายตาเขากำลังประกาศสงคราม

“อืมม... เอายังไงดีนะ” ผมทำท่าคิดอยู่พักก่อนจะหันไปถามกุญแจ “เธอจะเอายังไง จะไปกับฉัน หรือว่าจะให้ฉันไปรอที่บ้านดี” ผมรู้เลยว่าปูนกำลังเก็บอารมณ์อยู่ เขาขบฟันจนกรอบหน้าขึ้นสันกราม

“เฮียอยู่ด้วยกันเหรอ” เซย่าถามขึ้นอย่างได้จังหวะจะโคน

“ใช่ พอดีบ้านเฮียรีโนเวทน่ะ เลยมาขออยู่ด้วยสักพัก” ผมตอบเซย่า

“คุณรอผมที่บ้านก็ได้ ผมไปแค่ร้านหนังสือแป๊บเดียว”

“งั้นกลับมาแล้วเราออกไปหาอะไรทานกันข้างนอกนะ ฉันจองร้านไว้แล้ว”

“คุณจองร้านไว้แล้วก็คงต้องตามนั้น”

“โอเค” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินกลับมาที่รถของตัวเอง

ผมไม่ได้ต้องการให้กุญแจไปกับไอ้เด็กปูน แต่ก็ต้องปล่อยไปก่อน อย่างน้อยมันก็ได้รู้ว่า ยังไงกุญแจกลับบ้านไปก็เจอผมอยู่ดี อีกอย่างผมไม่อยากให้การบังคับของผมทำให้กุญแจตั้งป้อมกับผมอีก ผมเองก็ต้องใจเย็น และใจกว้าง...

ขณะที่ผมกำลังนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถได้ไม่นาน ก็มีเสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นจากฝั่งคนขับ ผมลดกระจกลงก่อนจะเห็นว่าเป็นกุญแจที่เคาะอยู่

“อ้าว ยังไม่ไปอีกเหรอ”

“ที่บ้านปูนโทรมา ปูนเลยขอตัวก่อน” ผมฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะปลดล็อกรถให้คนตัวเล็กแทรกตัวเข้ามา

“งั้นเราไปหาอะไรกินกันก่อนเข้าบ้านเนอะ”

“ครับ”

สิ้นเสียงตอบรับ ผมก็ขับรถออกจากมหา’ลัยทันที ร้านอาหารที่จองเอาไว้ที่เป็นประจำที่ผมมาบ่อย เพลงก็เพราะ บรรยากาศก็ดี ถึงจะไกลหน่อยแต่ผมเชื่อว่ากุญแจต้องประทับใจ

ไม่นานเราก็มาถึงโรงแรมในเวลาต่อมา กุญแจไม่ได้ถามซักไซ้เดินตามผมเข้ามาแต่โดยดี พนักงานพาเราขึ้นมายังเลาจน์ที่จองเอาไว้ เพียงแค่เท้าก้าวเข้ามา เสียงดนตรีจากเปียโนก็บรรเลงขานรับ ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ก่อนหน้า ผู้คนมากมายแต่กลับไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด

ผมสั่งอาหารไปไม่กี่อย่าง และสั่งม็อกเทลสีหวานให้คนตัวเล็กดื่ม

“ดื่มสิไม่มีแอลกอฮอล์”



ระหว่างที่เรานั่งรออาหาร บรรยากาศก็เปลี่ยนไปเพราะบุคคลไม่ได้รับเชิญ จากตอนแรกที่คิดว่าจะทำให้กุญแจประทับใจ กลายเป็นว่าสีหน้าเขาเปลี่ยนไป แววตาฉายแววขุ่นเคือง คิ้วทั้งสองเริ่มขมวดเข้าหากัน

“ฮายยยย ศร ไม่เจอกันนานเลย” มิเกลเดินเข้ามาทักทาย ก่อนจะใช้แก้มแนบกันตามทำเนียบของฝรั่ง

หลังจากที่เธอแต่งาน เธอก็ย้ายไปอยู่กับสามี ไม่คิดว่าจะกลับมาไทยเร็วขนาดนี้

“ไม่เจอกันนานเลย เป็นไงบ้าง”

“สบายดี ยูล่ะ ไอคิดถึงยูมาก”

“สบายดี กลับไทยทำไมไม่เห็นโทรบอกกันเลย”

“ก็กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์ไง แต่ยูดันเซอร์ไพรส์ไอก่อนซะงั้น ยังชอบมาร้านนี้เหมือนเดิมเลยน้า” ปลายหางตาสังเกตเห็นคนตัวเล็กนั่งเท้าคางมอง ผมเลยเอาน้ำมันสาดใส่ไฟสักหน่อย

“เกลก็เหมือนกันนะ ยังชอบมาร้านนี้เหมือนเดิม ขนาดกลับมาไทยยังอุตส่าห์แวะมา”

“แหม ก็ยูนั่นแหละทำไอติดใจ แต่มีเรื่องเซอร์ไพรส์กว่านี้อีกนะ คือว่า---”

“อะแฮ่ม!” กุญแจกระแอมคอเพียงเบา ๆ มิเกลก็เหมือนจะรู้ตัวว่าตรงนี้มีกุญแจนั่งอยู่ด้วย

“อุ๊ย! ไอขอโทษ ลืมไปเลยว่าศรมีแขก”

“ตอนนี้รู้แล้วนี่ครับ ถ้าคุณมองออกก็น่าจะพอรู้ว่ามารยาทควรจะต้องทำยังไงต่อ” กุญแจว่า ก่อนจะเอนตัวเข้ากับพนักพิง แล้วยกมือขึ้นกอดอก

อูยย!!! หากว่าเป็นผมโดนก็คงจะชินชา เพราะโดนเขาว่าอยู่เป็นประจำ แต่หากเป็นคนอื่นก็ต้องมีหน้าชากันบ้างแหละ ขอโทษด้วยนะมิเกล

“เอ่อ... คือ... ขอโทษค่ะ” มิเกลกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะหันมาคุยกับผม “คนนี้เหรอ”

“...” ผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ

“สวัสดีเราชื่อมิเกล เป็นเพื่อนกับศรน่ะ ขอโทษนะที่แนะนำตัวช้า”

“ครับ ผมชื่อกุญแจ” สั้น ๆ ตามสไตล์เขาเลยล่ะ

“เออ! ศรที่บอกว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์คือว่าตอนนี้เรากำลังจะมีเบบี้” ผมอึ้งกับสิ่งที่มิเกลว่า แต่คนที่อึ้งกว่าคงจะเป็นกุญแจ เดาว่าเขาคิดว่าผมกับมิเกลเรากิ๊กกั๊กกัน

“ยินดีด้วยนะ นี่เราจะได้เป็นลุงแล้วเหรอเนี่ย”

“แน่นอน อย่าลืมไปรับขวัญหลานด้วยล่ะ พากุญแจมาด้วยนะยู” มิเกลว่าก่อนจะหันไปยิ้มให้กุญแจ

“ค...ครับ” กุญแจพยักหน้ารับ

เรานั่งคุยกันต่ออยู่พักใหญ่ กุญแจก็เริ่มมีบทพูดมากขึ้นหลังจากที่ถามคำตอบคำ ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ มิเกลจึงขอตัวกลับโต๊ะของเธอ เหลือเพียงผมกับกุญแจที่นั่งอยู่ด้วยกัน

“เธอหึงฉันเหรอ” ผมเปิดประเด็นถาม

“ตลกเหรอครับ” ผมกระตุกยิ้ม เพราะเขากำลังหลบตาผมอยู่

“ไม่หึงก็ไม่หึง งั้นถ้ามีคนเข้ามานั่งด้วยก็คงไม่เป็นอะไรสินะ”

“มันไม่เหมือนกันนี่ครับ”

“ยังไงล่ะ ก็เธอไม่หึง งั้นฉันจะพาใครมานั่งเพิ่มก็ได้”

“ก็ได้ครับ แต่ตรงนี้จะไม่มีผมแน่นอน”

“...” ผมรู้ว่านั้นไม่ใช่คำขู่

“ถ้าคุณคิดจะมากับผมตั้งแต่แรก คุณก็ควรมอบเวลาทั้งหมดให้กับผมคนเดียว!” ผมฉีกยิ้มกับคำพูดของคนที่ปากบอกว่าไม่ได้หึง แต่ตอนนี้เขาพูดสิ่งที่คิดออกมาเสียหมด

“เธออยากได้เท่าไหร่ ฉันก็ให้เธอหมดนั่นแหละ”

“...” เขาไม่ตอบรับ หรือปฏิเสธสิ่งที่ผมพูด แต่เปลี่ยนมาสนใจอาหารบนโต๊ะแทน ผมรู้ว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับผมนักหรอก เพียงแค่ตอนนี้เขายังไม่ยอมรับสิ่งที่เขารู้สึกมากกว่า

สักวันผมจะต้องทำให้เขายอมรับความรู้สึกของตัวเองให้ได้

เขาเองก็ชอบผมเหมือนกัน...





บรรยากาศหลังฝนตกมันช่างชุ่มฉ่ำ ในห้องนอนผมเองก็ไม่ต่างกัน เพราะหน้าต่างที่เปิดเอาไว้บนหัวนอนทำให้สายฝนสาดเข้ามาจนเปียกทุกอณู

ผมยกยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนจะเดินออกไปฟ้องเด็กตัวน้อย



ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ


กุญแจไม่ปล่อยให้ผมต้องรอนาน เขาก็เปิดประตูออกมา

“มีอะไรครับ”

“คืนนี้ขอนอนด้วยได้ไหม” กุญแจไม่ตอบ แต่ปิดประตูใส่หน้าผมทันที โชคดีที่ผมดันเอาไว้ก่อน “ฟังฉันก่อนสิ”

“...” ประตูเปิดออกอีกครั้ง เขายืนกอดอกมองอย่างตั้งใจฟัง

“คือห้องฉันฝนสาดเข้ามา เตียงเปียกหมดเลย” ผมว่า ก่อนจะก้มหน้างุดต่ำลง

“คุณก็รู้ว่าฝนจะตก คุณไม่ปิดหรือไง”

“ฉันปิดแล้ว..." กุญแจหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อใจ "จริง ๆ นะ ตั้งแต่มาอยู่ฉันยังไม่เปิดมันเลยด้วยซ้ำ” ผมยืนยันซ้ำอย่างหนักแน่น ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดมันจะเป็นแผนของผมก็ตาม

“คุณนี่มัน... เฮ้อ!”











สวัสดีวันจันทร์จ้า เช้ามาก เช้าจริง ๆ 00.48



*กำลังทยอยแก้คำผิด*



















ณ ขณะที่... (รัก) #สายตื๊อ อัพทุกวัน

เมษากับปาฏิหาริย์ อัพทุกวัน อาทิตย์ กับ พุธ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด