เพื่อปกป้องโลกผมต้องทำให้ตัวร้ายตกหลุมรัก [PWP, Yaoi] {Arc1 EP.4 1/2}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อปกป้องโลกผมต้องทำให้ตัวร้ายตกหลุมรัก [PWP, Yaoi] {Arc1 EP.4 1/2}  (อ่าน 4854 ครั้ง)

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เรียน   ท่านสมาชิกทุกท่านทราบและโปรดดำเนินการอย่างเคร่งครัด

เรื่อง  กฎกติกาและมารยาท

          กรุณาอ่านข้อความข้างล่างที่แนบมาด้วยข้าล่างนี้   ด้วยความระมัดระวังยิ่ง

เพราะเป็นบรรทัดฐานที่พึงยึดและปฏิบัติตามอย่างไม่สามารถพิจารณาเป็นอื่นได้

หากผู้ใดฝ่าฝืน  ทางเราจะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป


      จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

                                                                                 นับถือ

                                                                            อิเจ้  โมดุเรเตอร์


..................................................................................................



เพื่อปกป้องโลกผมต้องทำให้ตัวร้ายตกหลุมรัก [PWP]





' เพื่อกลับสู่โลกเดิม เขาจึงต้องปฏิบัติภารกิจพิทักษ์โลกต่าง ๆ ที่กำลังจะล่มสลายเพราะรักสามเส้าระหว่างพระเอก นางเอกและตัวร้าย ด้วยการห้ามไม่ให้ตัวร้ายหลงรักนางเอกเด็ดขาด แม้จะต้องใช้ร่างกายเข้าแลกก็ตาม! '







เพื่อปกป้องโลกผมต้องทำให้ตัวร้ายตกหลุมรัก



ตลอดชีวิตยี่สิบหกปีของเฟรย์ คาร์ตัน ไม่คิดว่าตนเองจะต้องมาเจอเรื่องบัดซบเช่นนี้

หลังจากเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ วิญญาณของเขากลับไม่ได้ถูกส่งไปทั้งนรกหรือสวรรค์

แต่กลับได้ทำสัญญากับระบบพิทักษ์โลก แลกกับการฟื้นคืนชีพหากทำภารกิจสำเร็จทั้งหมด

ภารกิจพิทักษ์โลก

ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าเขาได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ไม่มีผิด

แต่ใครจะคาดคิดว่าภารกิจพิทักษ์โลกที่เจ้าระบบบัดซบนั่น จะหมายถึงการที่เขาต้องเข้าไปขัดขวางรักสามเส้าระหว่างพระเอก นางเอก และตัวร้ายเสียอย่างนั้น!

แล้วไอ้ภารกิจขัดขวางที่ว่าก็ไม่ใช่ให้เขาไปจัดการกับตัวร้ายแต่อย่างใด ทว่ากลับทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ตัวร้ายนั้นตกหลุมรักเขาชนิดโงหัวไม่ขึ้น

แม้จะต้องใช้ร่างกายของตนเองเข้าแลกก็ตามที!



ติดตามข่าวสาร

twitter : @Mercymonday0813

hashtag #เรือหายแล้วคาร์ตัน

คำเตือน

*นิยายเรื่องนี้เป็นแนว PWP เน้นฉากการเพศสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเป็นหลัก*



Arc 1

ซือจุนและศิษย์ครึ่งมาร

บทนำ1.1

บทนำ1.2

บทที่ 1 คำสารภาพของครึ่งมาร

บทที่ 2 พิษราคะกำเริบ

บทที่ 3 พิษราคะกำเริบ 1.1

บทที่ 3 พิษราคะกำเริบ 2.1

Arc 2

ชูราตัวน้อยและคนงามยันเดเระ (?)










Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2021 18:04:50 โดย mercymonday »

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0



"ซือจุนขอรับ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"

นัยน์ตาเรียวคมกร้าวของเด็กหนุ่มฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์กำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ แม้อยากจะเข้าไปช่วยใจแทบขาดแต่ร่างสูงใหญ่ก็ยังคงปักหลักยืนอยู่ที่เดิม

"ขะ...ข้าไม่เป็นไร"

ถึงจะกล่าวเช่นนั้นแต่ความเป็นจริงตรงหน้าช่างตรงกันข้ามยิ่งนัก เรือนร่างสะโอดสะองที่กำลังพลิกซ้ายทีขวาทีบนเตียงนุ่ม และเหงื่อกาฬที่ชโลมไปทั่วสรรพางค์กายเสียจนเส้นผมแนบลู่ไปกับผิวหน้านั้น ไม่ได้ช่วยให้อีกฝ่ายดูไม่เป็นไรอย่างที่บอกเลยสักนิด

"ซือจุนขอรับ ท่านเจ็บปวดที่ใดโปรดบอกกล่าวแก่ศิษย์เถิด ศิษย์จักได้ช่วยเหลือ" ศิษย์ร่างใหญ่ยังคงไม่ละความพยายามในการถามไถ่คนบนเตียง เมื่อเห็นว่าผิวขาวสะอาดสะอ้านราวกับหยกชั้นเลิศนั้นเริ่มขึ้นสีระเรื่อย อีกทั้งใบหน้างดงามยังดูทรมานเหลือทน

"ข้า...ไม่ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร" นัยน์ตาสีเปลือกไม้ปรือปรอยมองเขาขณะที่เจ้าตัวเอ่ยตอบเสียงสั่นพร่า เล่นเอาใจคนมองกระตุก

"ให้ศิษย์ได้ปรนนิบัติดูแลท่านเถิดนะขอรับ" เสียงทุ้มอ่อนละมุนยามที่กล่าวกับผู้เป็นอาจารย์ เขาหมายความตามที่พูดจริง ๆ หาได้โป้ปดเพื่อเอาหน้าเลยแม้แต่น้อย

"หลวนซาน ข้าทรมานเหลือเกิน" มือเรียวยื่นไปทางศิษย์คนสนิทอย่างต้องการที่พึ่ง ด้านคนที่ยืนคอยท่าอยู่แล้วจึงรีบเข้ามากอบกุมมือเรียวสวยเอาไว้แน่น

"ซือจุนขอรับ ท่านเป็นเช่นนี้เพราะพิษของมารตนนั้นแน่ ๆ " มือใหญ่กระชับแน่นขึ้นอีกเมื่อสัมผัสได้ถึงความสั่นระริกบนฝ่ามือที่เล็กกว่าจากร่างเบื้องหน้า ดวงตาใสกระจ่างทอประกายงดงามราวกับจันทร์เต็มดวงยามราตรีมองเขาอย่างเว้าวอน

"ข้าทรมานเหลือเกิน"

นัยน์ตาที่เคยดำสนิทดุจฟากฟ้ายามรัตติกาลบัดนี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีชาดเพราะความคับแค้นใจ หากมารชั่วช้าตนนั้นไม่ปล่อยพิษใส่อาจารย์ของเขาคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และหากท่านอาจารย์เป็นอะไรไปเขาคงไม่ให้อภัยตัวเองที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

"ข้าร้อน ร้อนไปทั้งตัว" เสียงหวานกระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างใบหูของเด็กหนุ่มก่อนจะเป่าลมร้อนรินรดใส่ กงหยางหลวนซานกัดฟันแน่นข่มใจตนเอง หันไปหยิบกาน้ำชารินใส่ถ้วยก่อนจะนำมาจ่อที่ริมฝีปากสวยซึ่งบัดนี้คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

"ดื่มเสียหน่อยเถิดขอรับ" มือหนาประคองถ้วยชาใบเล็กให้อาจารย์ได้ดื่มดับกระหาย แต่ดูเหมือนว่าหลังจากที่ดื่มแล้วน้ำชานั้นกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะอาจารย์ของเขายังคงดูทรมานเช่นเดิม

"ข้าร้อน ร้อนเหลือเกิน" มือสวยเริ่มดึงทึ้งอาภรณ์ของตนออก ขณะที่ดวงตาปิดสนิทหัวคิ้วขมวดจนแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ

"ซือจุน ซือจุนขอรับ ได้ยินข้าหรือไม่" กงหยางหลวนซานจับมือขาวนั้นเอาไว้ไม่ให้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนออก ใบหน้าคมคายเบือนหนีสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยของอีกคน ขณะที่พยายามเอ่ยเรียก หลี่หรงเหยา ให้ได้สติกลับคืนมา การยื้อยุดยังคงยืดเยื้อไปอีกชั่วครู่กระทั่งเวลาผ่านไปอีกฝ่ายจึงเหมือนดึงสติตนเองกลับมาได้

"หลวนซาน ข้าอยากแช่น้ำ หากได้แช่น้ำคงดีขึ้น" หลี่หรงเหยากล่าวขณะที่ปลดเปลื้องชุดคลุมนอกตัวยาวอันแสนเกะกะของตนออกอย่างรวดเร็วเหลือไว้เพียงชุดด้านในพลิ้วบาง เรียวแขนเล็กใช้ร่างสูงกำยำของศิษย์วัยฉกรรจ์เป็นที่ยึดก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเล

"ระวังขอรับ"

"พาข้าไปห้องอาบน้ำที"

ใช้เวลาไม่นานหลี่หรงเหยาก็ได้แช่น้ำอย่างที่หวังโดยมีกงหยางหลวนซานให้ความช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ อ่าง กายบอบบางรีบร้อนลงไปยังอ่างน้ำใบใหญ่โดยไม่แม้แต่จะถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ออก และถึงแม้น้ำที่เตรียมเอาไว้จะเริ่มเย็นแล้วแต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะหากเป็นน้ำร้อนดังเช่นทุกทีคงยากที่จะดับ ไฟราคะ ในกายของเขาได้

"รู้สึกดีขึ้นหรือไม่ขอรับ"

คำถามนี้ถือเป็นคำถามที่สิ้นคิดที่สุดเท่าที่กงหยางหลวนซานเคยถามมา เพราะมองดูอย่างไรก็ยังไม่เห็นว่าอาจารย์ของเขาจะดีขึ้นตรงไหน และนอกจากไม่ดีขึ้นแล้วตัวเขาเองเสียอีกที่กำลังจะแย่ตามไปด้วย เด็กหนุ่มไม่สามารถห้ามสายตาของตัวเองให้หยุดไล่มองผิวกายนวลเนียนแดงระเรื่อตรงหน้าได้ ยิ่งต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อยามที่เลื่อนสายตาผ่านลำคอขาวระหงนั้น ชุดผ้าพลิ้วที่อาจารย์คนงามสวมใส่เปียกชุ่มเสียจนแนบไปกับผิวเนื้อ เผยให้เห็นยอดอกสีชมพูอ่อนซึ่งบัดนี้กำลังชูชันล้อสายตาของเขาอยู่

"ไม่ดีเลยหลวนซาน"

ความต้องการของเด็กหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยฉกรรจ์เต็มตัวถูกปลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งช่วงขาเรียวยาวราวกับอิสตรีนั้นบดเบียดเข้าหากัน พร้อม ๆ กับฝ่ามือนุ่มที่ลากไล้ปัดป่ายไปทั่วลำตัวของตนเองอย่างเผลอไผล ส่วนกลางกายของเขายิ่งปวดหนึบโป่งนูนจนเกรงว่าหลี่หรงเหยาจะหันมาเห็น

"มารตนนั้นคือมารราคะ พิษของมันมีฤทธิ์ร้ายปลุกกำหนัดของผู้ที่ต้องพิษอย่างรุนแรง" หลี่หลงเหยาเอ่ยแก่ผู้เป็นศิษย์ทั้ง ๆ ที่ยังหอบหายใจหนักหน่วง มือบางพยายามดันร่างสูงกำยำให้ถอยออกห่างไป ทั้งยังขบกัดริมฝีปากตนเองจนหยาดโลหิตไหลซึมออกมาเพื่อคงสติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอาไว้

"ซือจุน..."

"ออกไปก่อนเถิดหลวนซาน ยามนี้ข้ากำลังถูกมันครอบงำหากยังรั้งอยู่เจ้าอาจถูกพิษไปด้วย ผู้บำเพ็ญเพียรควรถือตัวให้บริสุทธิ์ เจ้าอย่าได้มาแปดเปื้อนไปกับข้า" คนงามผู้เป็นอาจารย์กล่าวอย่างอ่อนแรงก่อนจะเหลือบมองร่างสูงที่ยังยืนทึ่มทื่ออยู่ที่เดิม

นัยน์ตาสีเปลือกไม้สบกับดวงตารีเฉียงด้วยแรงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายใน ราวกับต้องมนตร์ กงหยางหลวนซานรู้สึกเหมือนร่างของตนกำลังโดนถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่จนไม่สามารถลุกไปไหนได้ ท่านอาจารย์โดนพิษของมารราคะครอบงำเช่นนั้นหรือ หากพิษของมันมีฤทธิ์ปลุกกำหนัด เช่นนั้นแล้วอาการที่เขาเห็นอยู่นี้นั้นก็…

"ซือจุน ศิษย์จะไม่มีวันทิ้งให้ท่านต้องเผชิญกับมันตามลำพังขอรับ" เด็กหนุ่มกล่าวอย่างหนักแน่นและยังคงไม่ยอมเคลื่อนกายไปไหน และนั่นยิ่งทำให้ซือจุนคนงามกังวลไปกันใหญ่

"หลวนซานเจ้าอย่า..."

"บุญคุณของซือจุน ต่อให้ใช้ชีวิตของศิษย์ทั้งชีวิตทดแทนก็ไม่อาจเทียบได้ หากท่านไม่รับข้าเป็นศิษย์ในวันนั้นก็คงไม่อาจมีข้าในวันนี้ ได้โปรดให้ศิษย์ผู้นี้ทดแทนบุญคุณของท่านเถิด" ไม่ว่าต้องทดแทนด้วยวิธีใดเขาก็ยินดีที่จะทำ ต่อให้ต่อจากนี้จะต้องกลับไปโดดเดี่ยวอีกครั้งเขาก็จะไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อยที่ได้ช่วยเหลือผู้มีพระคุณอย่างหลี่หรงเหยาเอาไว้

เรียวแขนงามยกขึ้นวางบนขอบอ่าง ก่อนจะยื่นมือไปแตะใบหน้าของศิษย์คนสนิทอย่างเผลอไผล ความกำหนัดที่เดือดพล่านในร่างยิ่งตีรวนขึ้นจนไม่สามารถทานทนได้อีก

ใบหน้าหล่อเหลาถูกดึงรั้งเข้าหาก่อนกลีบปากสีระเรื่อจะบดเบียดทาบทับลงไป แม้การกระทำในคราแรกจะเข้าขั้นอุกอาจ หากแต่ต่อมากลับเป็นเพียงการประทับริมฝีปากค้างไว้อย่างไม่ประสีประสา และเป็นกงหยางหลวนซานเองที่สานต่อเปลี่ยนให้กลายเป็นจุมพิตลึกซึ้งเปี่ยมด้วยแรงอารมณ์

ยามนี้ซือจุนถูกราคะเข้าครอบงำจนไม่เป็นตัวของตัวเอง หากเขาไม่ช่วยเห็นทีคงทรมานเช่นนี้ไปอีกหลายวัน ดังนั้นแล้วศิษย์ที่ดีย่อมช่วยเหลือผู้เป็นอาจารย์

"อือ..."

เสียงครางเครือในลำคอยิ่งปลุกเร้าความเป็นชายของกงหยางหลวนซานให้ตั้งผงาดมากยิ่งขึ้น มือหนาประคองใบหน้าได้รูปให้เอียงรับจูบหวานล้ำของตน ไม่ใส่ใจแรงจิกบนท่อนแขนซึ่งหลี่หรงเหยากำลังใช้เป็นที่ระบายอารมณ์

เนิ่นนานกว่าที่กงหยางหลวนซานจะหักห้ามใจตัวเองได้ ร่างสูงเหยียดกายขึ้นยืนก่อนช่วยประคองอาจารย์ของตนให้ลุกขึ้นตามเพราะไม่อยากให้แช่น้ำนานไปมากกว่านี้ โดยที่เขาเองลืมไปเสียสนิทว่าเสื้อสีขาวที่เปียกลู่ไปกับลำตัวของอีกฝ่ายนั้นไม่สามารถปกปิดอะไรได้ ซ้ำร้ายเงาลาง ๆ ของผิวเนื้อวับ ๆ แวม ๆ นั้นมีแต่จะพาให้จินตนาการไปไกล

เด็กหนุ่มหายใจกระชั้นขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า แต่ยังไม่ทันได้สงบสติอารมณ์เรียวแขนเล็กก็ตวัดโอบรอบลำคอเขาอีกครั้ง อาจารย์หลี่ผู้เป็นดั่งผ้าขาวอันแสนบริสุทธิ์ที่ไม่ประสีประสาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในตอนนี้คล้ายกับกำลังอ้อนวอนร้องขอสัมผัสเช่นเมื่อครู่อีกครั้ง

"ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถิดประเดี๋ยวซือจุนจะป่วยเอาได้นะขอรับ" เมื่อพูดจบแล้วกงหยางหลวนซานเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าการที่เขาเอ่ยเช่นนี้ออกไป จะทำให้หลี่หรงเหยาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนหมดในคราวเดียว

เด็กหนุ่มจับจ้องเรือนร่างงดงามเปลือยเปล่าไม่วางตา ไล่ตั้งแต่ไหปลาร้าสวยลงมาจนถึงแผ่นอกขาวที่ประดับด้วยยอดปทุมถันสีแดงระเรื่อ เอวคอดและหน้าท้องแบนราบ จนสะโพกกลมกลึงสวยได้รูปที่ตอนนี้กำลังส่ายไปมาราวกับจะเรียกหาอะไรบางอย่าง กงหยางหลวนซานรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างแข็งทื่อยิ่งกว่าเก่าเมื่อมองไปตรงไหนก็ไร้ที่ติไปเสียหมด

"สัมผัสข้าที หลวนซาน"

มือน้อยเอื้อมมาจับมือเขาเอาไว้แน่นก่อนจะใช้เป็นหลักยึดในการลงมาจากอ่าง มือที่ยังไม่ปล่อยออกจากกันถูกหลี่หรงเหยาชักนำให้วางทาบลงบนสะโพกขาวมน ขณะที่บดเบียดกายเข้าหาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ กระทั่งสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่านผิวกายของกันและกัน

"ซือจุนขอรับ" กงหยางหลวนซานเอ่ยเสียงพร่า แม้จะเอ่ยปากคล้ายจะห้ามหากแต่มือใหญ่ที่วางอยู่บนบั้นท้ายสวยกลับลูบไล้ลงไปเรื่อย ๆ

"เจ้าอยากช่วยข้าไม่ใช่หรือ ช่วยให้ข้าได้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ทีเถิด" นัยน์ตาสีน้ำอ่อนฉ่ำเยิ้มจับจ้องใบหน้าของร่างสูงอย่างร้อนแรง ขณะที่ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปตามกรอบหน้าชวนให้รู้สึกวาบหวาม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ลอยแตะจมูกของกงหยางหลวนซานยิ่งพัดพาสติให้หายไป

มือหนาเริ่มเลื่อนขึ้นมาบีบเคล้นเอวคอดอย่างเบามือก่อนจะเพิ่มน้ำหนักยามที่ได้ยินเสียงครางผะแผ่วดังลอดออกมาจากเรียวปากสีสวย

"จูบข้า...จูบข้าที"

กงหยางหลวนซานไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไปแล้ว เด็กหนุ่มปลดปล่อยตนเองตามการชักนำของคลื่นอารมณ์ร้อนระอุ ริมฝีปากตอบสนองร่างงดงามเบื้องหน้าตามคำขออย่างเชื่อฟัง โดยไม่อาจเห็นได้ว่าดวงตากลมฉ่ำวาวของผู้เป็นอาจารย์นั้นกำลังเผยประกายแห่งความ สาสมใจ ออกมา

[ค่าความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกงหยางหลวนซานเพิ่มเป็น 100%]

[ภารกิจทำให้กงหยางหลวนซานไว้เนื้อเชื่อใจหลี่หรงเหยา สำเร็จ]

[ปลดล็อคค่าความสัมพันธ์ระหว่างหลี่หรงเหยาและกงหยางหลวนซาน ขอให้เจ้าหน้าที่ตั้งใจทำงานต่อไป]

ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มบางเบา ภารกิจของเขากำลังดำเนินไปได้ด้วยดี

โลกลำดับที่หนึ่งนี้ไม่นับว่ายากเกินมือสักเท่าไหร่นัก หากไม่นับการต้องเสแสร้งเป็นผ้าขาวแสนบริสุทธิ์มาเนิ่นนานเช่นนี้





ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สามเดือน

ชื่อที่แท้จริงของเขาคือเฟรย์ คาร์ตัน นักเขียนอิสระวัยยี่สิบหกปีที่กำลังออกเดินทางหาแรงบันดาลใจสำหรับการเขียนนิยายเรื่องใหม่กับเพื่อนสนิท แต่ใครจะคิดว่าระหว่างเดินทางไปยังเมืองแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศ รถที่เขานั่งโดยสารมากับเพื่อนจะเกิดอุบัติเหตุถูกรภบรรทุกพุ่งชนทำให้เขาเสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน

แต่โลกหลังความตายกลับไม่ใช่แบบเดียวกับที่เขาคิด

ไม่มีทั้งนรกหรือสวรรค์

มีเพียงความว่างเปล่าอันมืดมิดและบอลแสงสีทองลูกหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้าของเขา มันอ้างว่าตัวเองนั้นเป็นหนึ่งในระบบพิทักษ์โลก ซึ่งคอยดูแลป้องกันโลกต่างมิติในเกมเนื้อเรื่องที่มีจำนวนมากมายมหาศาลจากการล่มสลาย และเพราะวิญญาณของเขาที่หลุดเข้ามาในช่วงที่ระบบกำลังรีบูทนั้น มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขมันจึงปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อยื่นข้อเสนอให้

ภารกิจของเขาคือช่วยเหลือไม่ให้โลกในเกมนั้น ๆ ต้องล่มสลายโดยมีสาเหตุมาจากรักสามเส้าระหว่างพระเอก นางเอก และตัวร้ายซึ่งเป็นจิตวิญญาณหลักของโลกเหล่านั้น หากทำได้และสะสมแต้มจนครบจำนวนเขาจะสามารถกลับไปยังโลกเดิมก่อนเสียชีวิตโดยที่อุบัติเหตุนั้นจะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีสมบัติล้ำค่ามากมายมอบให้เป็นรางวัลตอบแทนด้วย

“แล้วถ้าฉันไม่ทำล่ะ” เขาถาม

‘เรื่องมันก็ง่าย ๆ แค่วิญญาณหรือที่เราเรียกว่าพลังงานเคลื่อนที่ของคุณ จะถูกนำออกจากระบบและสูญสลายไปตลอดกาลเท่านั้นเอง’ ระบบตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ถ้าต้องเลือกโอกาสที่จะกลับไปมีชีวิตในโลกซึ่งเขาจากมาได้กับต้องดับสูญไปตลอดกาล ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เฟรย์จึงต้องยอมรับข้อเสนอนี้และกลายเป็นเจ้าหน้าที่ของระบบเกมบ้าบอนั้นในที่สุด แต่หลังจากที่เลือกไปแล้ว หากย้อนกลับไปได้เขาขอเลือกให้วิญญาณตัวเองสูญสลายยังจะดีเสียกว่า!

ระบบพิทักษ์โลก

ฟังชื่อแล้วอาจจะดูว่าเจ้าระบบนี่มันช่างน่าชื่นชมหรือดูเท่เหมือนกับพวกฮีโร่ตามภาพยนตร์หรือการ์ตูนต่าง ๆ แต่ความจริงที่ได้รับรู้ยามถูกส่งมายังมิติทดลองเพื่อฝึกฝนการทำภารกิจนั้น เฟรย์ คาร์ตันถึงพบว่าไอ้ระบบห่าเหวนั่นมันหลอกลวงกันชัด ๆ!

ภารกิจที่ต้องปกป้องโลกจากเงื้อมมือของตัวร้ายผู้เป็นลาสต์บอส ที่จริงแล้วมันก็แค่เขาต้องเข้าขัดขวางไม่ให้ตัวร้ายตกหลุมรักนางเอกได้ก็เท่านั้น แต่วิธีการที่ระบบบังคับให้เขาต้องใช้อย่าง ทำยังไงก็ได้ให้ลาสต์บอสตกหลุมรัก นี่มันชักจะบัดซบเกินไปแล้ว

แถมยังไม่เลือกวิธีแม้ว่าจะเป็นการใช้ร่างกายยั่วยวนก็ตาม

เพื่อทำให้ภารกิจสำเร็จแล้วเขาก็ต้องทำ!

ทันทีที่รู้รายละเอียดทั้งหมด ระบบก็จัดการส่งเขาเข้าสู่โหมดฝึกฝนในทันที ภายในมิติแห่งนั้นเขาต้องเรียนรู้วิธีการทุกอย่างที่จะใช้ร่างกายยั่วยวนหรือหว่านเสน่ห์ให้ตัวร้ายตกหลุมรักผ่านการจำลองสถานการณ์รูปแบบต่าง ๆ กระทั่งการมีเซ็กส์ผ่านบทบาทมากมายหลากหลายก็ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ ทาสผู้เสพติดการทรมาน หนุ่มน้อยร่านราคะ และอื่น ๆ อีกมากมาย

จวบจนกระทั่งผ่านบทเรียนอย่างหนักหน่วงจนร่างกายและจิตใจจดจำได้ครบสมบูรณ์พร้อมแสดงบทบาทต่าง ๆ เพื่อทำภารกิจแล้ว ระบบจึงยอมปล่อยเขาพร้อมกับสกิลติดตัวที่จะใช้ช่วยเหลือในการทำภารกิจอย่าง ปลุกราคะ ฟีโรโมนยั่วยวน และรูปโฉมงดงามไร้มลทิน มาด้วย

เฟรย์ คาร์ถูกส่งเข้าในมิติของเกมเนื้อเรื่องเกมแรก พร้อมด้วยสกิลทั้งสามและจิตใจที่บิดเบี้ยวไม่มีชิ้นดี…

ในโลกที่หนึ่งของการทำภารกิจ ระบบนั้นแจ้งว่าเป็นโลกของการบำเพ็ญเพียรของเซียนและมาร พระเอกของโลกนี้มีชื่อว่าหวางต้าเหลียน เด็กหนุ่มผู้มุ่งมั่นที่จะบรรลุวิถีเซียนเพื่อปกป้องผู้คนบนโลกใบนี้ ส่วนนางเอกนั้นคือหลินชิวหรง ยอดสตรีผู้เคียงข้างหวางต้าเหลียนและคอยช่วยเหลือพระเอกเสมอมา ส่วนสุดท้ายก็ตัวร้ายผู้มีเชื่อสายของมารอยู่ครึ่งหนึ่งและเป็นลาสบอสต์อย่างกงหยางหลวนซาน

สถานการณ์ที่จะทำให้โลกนี้ไปสู่การล่มสลายคือรักสามเส้าระหว่างพวกเขาเหล่านี้

ตัวเอกทั้งสามนั้นเดิมทีได้พบเจอกันระหว่างการเดินทางมาหลายพันลี้ เพื่อทดสอบเป็นศิษย์ยังสำนักเซียนใหญ่ที่มีชื่อว่าซีฮานด้วยกัน ทว่าตัวร้ายนั้นกลับมีเส้นผมและดวงตาสีดำขลับอันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่ามารทำให้ถูกผู้รับการทดสอบคนอื่น หรือกระทั่งอาจารย์ผู้ควบคุมการทดสอบยังรังเกียจเดียดฉันท์

มีเพียงหวางต้าเหลียนกับหลินชิวหรงที่ยังคงเข้ามาพูดคุยและคอยช่วยเหลือเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้เด็กน้อยทั้งสามกลายเป็นสหายรักกันในที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ผ่านการผจญภัยมาด้วยกันมากมายทำให้ความสัมพันธ์ค่อย ๆ พัฒนามากขึ้นตามลำดับ

จนมาถึงเรื่องราวอันเป็นจุดแตกหัก กงหยางหลวนซานที่สารภาพรักกับหลินชิวหรงถูกเอ่ยปฏิเสธ เพราะนางได้ตกลงปลงใจเป็นคนรักของหวางต้าเหลียนไปแล้ว เหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนี้ทำให้สายเลือดมารในร่างของกงหยางหลวนซานตื่นขึ้น จิตใจถูกความชั่วร้ายเข้าครอบงำเดินเข้าสู่ทางสายมารในที่สุด

กงหยางหลวนซานพยายามแย่งชิงหลินชิวหรงให้มาเป็นของตนเองโดยไม่สนวิธีการ การต่อสู้ระหว่างมารกับหวางต้าเหลียนที่ต้องการปกป้องคนรักของตนเองทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายแล้วจึงบานปลาย กลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ของเหล่าเซียนและเผ่ามาร

ในศึกสุดท้ายกงหยางหลวนซานคลุ้มคลั่งอย่างหนัก เพราะไม่ว่าอย่างไรหลินชิวหรงก็ไม่ยอมมาอยู่เคียงข้างซ้ำยังแสดงอาการรังเกียจจนแทบไม่อยากมองหน้า มารหนุ่มจึงสละชีวิตทำลายแก่นปราณของตนเอง สร้างหลุมดำที่ดูดกลืนภพทั้งสามเข้าไปจนสูญสลายทั้งหมด โดยกล่าวคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงว่า หากข้าไม่ได้ครอบครองนางผู้ใดก็อย่าหวังจะได้ครอบครอง

เฟรย์ คาร์ตันที่รับรู้เรื่องราวของโลกใบนี้แล้วก็อยากจะร้องออกมาดัง ๆ เพราะเรื่องแค่นี้ถึงกับทำลายโลกทั้งหมดทิ้งเลยเรอะ!! ตัวร้ายของเรื่องนี้มันบ้าไปแล้วชัด ๆ!!

และเพื่อภารกิจเขาจึงต้องเขาแทรกแซงมาในร่างของหลี่หรงเหยา อาจารย์ผู้งดงามแต่แสนจะจืดจางในเนื้อเรื่อง และรับเอาตัวร้ายผู้นี้เป็นศิษย์เพื่อกันให้กงหยางหลวนซานออกห่างจากนางเอก

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวบัดซบในอีกหลายปีต่อมา...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2021 19:16:17 โดย mercymonday »

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0


กลับมาที่ปัจจุบัน

เสียงจูบเฉอะแฉะดังก้องไปทั่วโสตประสาทของทั้งสองคน ร่างสูงเดินถอยหลังออกมาตามแรงดันของคนงามที่ตอนนี้ออกแรงผลักหน้าอกของเขาไม่หยุด หลี่หรงเหยาช้อนตาขึ้นมามองหน้าเด็กหนุ่ม สกิลปลุกราคะกำลังทำงานเต็มที่เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของเขารวมถึงกงหยางหลวนซานให้พร้อม

ศิษย์วัยฉกรรภ์ถูกมัวเมาด้วยความต้องการที่ล้นปรี่ จนไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้วว่าแผ่นหลังกว้างของตนจะไปชนเข้ากับสิ่งใดบ้าง ตราบจนทั้งสองคนออกมาจากห้องอาบน้ำได้สำเร็จร่างบางจึงได้ถูกแขนแกร่งกอดรัดอย่างแนบแน่น

มือหนาช้อนเข้าใต้สะโพกขาวก่อนออกแรงยกร่างของหลี่หรงเหยาขึ้นจนเท้าลอยจากพื้น ก่อนจะพาไปวางบนเตียงอย่างทะนุถนอมด้วยเกรงว่าแรงของตนนั้นจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัว ครึ่งมารหนุ่มไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วอาจารย์ผู้แสนบริสุทธิ์ในสายตาของเขานั้นอยากโดนกระทำอย่างรุนแรงเพียงใด

ดวงตากลมสวยจับจ้องร่างด้านบนที่นอนยังมีอาภรณ์ครบชิ้น ใบหน้าหล่อเหลาถูกชโลมไปด้วยเหงื่อแม้อากาศด้านนอกมีลมหนาวแห่งวสันต์ฤดูพัดวูบไหว ดวงตาคมดุดันมองลากไล้ไปทั่วเรือนกายของอาจารย์ตนซึ่งกำลังนอนหงายอย่างน่าอาย

หลี่หรงเหยาพยายามสงวนท่าทีอย่างสุดความสามารถ ทั้งที่ใจจริงอยากกระโจนเข้าใส่ ปลดเปลื้องอาภรณ์อันแสนเกะกะของเด็กหนุ่มตรงหน้าออกไปให้หมดสิ้น ฤทธิ์ของสกิลปลุกราคะซึ่งบัดนี้ทำงานผสานกับพิษของมารที่อยู่ในร่าง กำลังจะทำให้เขาสำลักความต้องการตายอยู่แล้ว

มือน้อยยื่นมาด้านหน้าไขว่คว้าหาที่ยึดราวกับคนเพ้อไข้ ดวงตากลมฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาแห่งความต้องการ หากแต่ยังพยายามหักห้ามใจตนอย่างสุดความสามารถ เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องสวมบทบาทซือจุนผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ให้แนบเนียนที่สุด เพื่อให้ภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี

ชายหนุ่มโน้มกายลงมาทาบทับแทรกกลางระหว่างเรียวขาขาวทั้งสองข้างโดยได้รับความร่วมมือจากคนงามเป็นอย่างดี ริมฝีปากหยักได้รูปประทับลงบนอวัยวะเดียวกัน ก่อนค่อย ๆ จุมพิตเรื่อยลงมาตามซอกคอนวลเนียน

หลี่หรงเหยาเลือกใช้สกิลฟีโรโมนยั่วยวน กระตุ้นอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้นด้วยการปล่อยกลิ่นกายหอมละมุน ปั่นประสาทของครึ่งมารหนุ่มให้ตกอยู่ในห้วงราคะ มือน้อยจิกทึ้งเรือนผมสีดำขลับของอีกฝ่ายด้วยแรงไม่เบานัก ยามที่ริมฝีปากหยักเล็มเลียแผ่นอกไปพร้อม ๆ กับมือสากที่ไล่สัมผัสเค้นคลึงเอวคอด

หลี่หรงเหยาอยากให้อีกฝ่ายหนักมือยิ่งกว่านี้ เพราะนี่มันยังไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการที่ดิ้นพล่านอยู่ภายในของเขาได้ เรียวขาขาวเกี่ยวกระหวัดรอบเอวสอบอย่างเผลอไผลยามที่ริมฝีปากนั้นครอบเข้ากับยอดอกสีระเรื่อ เรียวลิ้นอุ่นชื้นตวัดขึ้นลงอย่างชำนิชำนาญจนอดจะสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าเด็กครึ่งมารนี่ไปศึกษาเรื่องเหล่านี้มาจากที่ใดกัน

"อะ อือ หลวนซาน" หลี่หรงเหยาวางมือลงบนศีรษะของกงหยางหลวนซานก่อนจะออกแรงรั้งให้ขยับขึ้นมาตำแหน่งเดิม แก้วตาสีเปลือกไม้จับจ้องที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายอ้อนขอจุมพิตแสนหวานอีกครั้ง

ไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปาก ครึ่งมารหนุ่มก็ยินดีป้อนจุมพิตลึกล้ำให้ด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว ปากอุ่นร้อนทั้งสองทาบทับแนบชิดกันแช่ค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เด็กหนุ่มจะเริ่มดูดดึงกลีบปากนิ่ม เรียวลิ้นชื้นหยอกล้อกับลิ้นเล็กที่พยายามขยับโต้ตอบกลับมา มือหนายังคงบีบนวดสะโพกกลมมนอย่างเบามือก่อนจะเพิ่มน้ำหนักเมื่อได้ยินเสียงครางเครือในลำคอระหง

น่ารัก

มือบางเริ่มดึงทึ้งเสื้อผ้าของกงหยางหลวนซานจนเหลือเพียงกางเกงผ้าตัวเดียวติดกาย ดวงตาสวยไล่มองกล้ามเนื้อแน่นหนันและส่วนหน้าที่ผงาดตั้งจนดันเนื้อผ้าออกมาชัดเจนก่อนจะลอบกลืนน้ำลายอย่างหิวกระหาย หากไม่ติดว่าเขาจะต้องเล่นละครเป็นดอกบัวขาวผู้แสนบริสุทธิแล้วล่ะก็ ป่านนี้เขาคงพุ่งเข้าไปกระชากกางเกงนั้นทิ้ง แล้วครอบครองแท่งหยกล้ำค่านั้นด้วยปากจนลึกสุดคอไปแล้ว

ในขณะที่หลี่หรงเหยาคิดอยางกระเหี้ยนกระหือรือแต่กงหยางหลวนซานก็ยังคงไม่รีบร้อน ร่างสูงยังคงลากไล้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นกายหอมละมุนไปทั่วแผ่นอกขาว ลากมาจนถึงหน้าท้อง แวะเวียนไปที่สีข้างด้านซ้าย ก่อนจะลากลงมาใต้แอ่งสะดือสวยอย่างอ่อนโยน

พับผ่าสิ เมื่อไหร่เจ้าทึ่มนี่จะเผด็จศึกกับเขาเสียที!!

ยังไม่ทันที่หลี่หรงเหยาจะได้ก่นด่าไปมากกว่านี้ มือใหญ่ก็กอบกุมแก่นกายขนาดเหมาะมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะช่วยรูดรั้งให้ด้วยจังหวะเนิบนาบ แล้วค่อย ๆ เพิ่มจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ

"อ๊ะ..." สัมผัสวาบหวามที่อีกฝ่ายใช้ปรนเปรอ ทำให้ไฟราคะในกายคล้ายกับจะได้รับการบรรเทาอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการอยู่ดี

มากกว่านี้ เขาต้องการมากกว่านี้

"ข้าไม่ไหวแล้วหลวนซาน ทำข้าแรงกว่านี้หน่อยได้หรือไม่" ไม่เพียงจะพูดด้วยเสียงสั่นพร่าเท่านั้น แต่ยังยกสะโพกส่ายยั่วยวน พร้อมกับใช้มือลูบวนเขี่ยคลึงยอดอกของตัวเองอีกทาง ทำขนาดนี้แล้วยังทนไหวอยู่ก็ให้มันรู้ไป!

กงหยางหลวนซานรู้สึกเหมือนตนหูอื้อกะทันหัน ภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่เกินจินตนาการของเขานัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้หน้ามืดมากพอที่จะกระทำโดยไม่คิดช่วยเบิกทางก่อน ร่างกายบุรุษไม่เหมือนกับร่างกายของอิสตรีเรื่องนี้กงหยางหลวนซานรู้ดี ดวงตาคมสอดส่ายหาบางสิ่งที่จะช่วยหล่อลื่นบรรเทาความเจ็บให้กับอาจารย์ของเขาได้บ้าง

พลันสายตาไปปะทะกับขวดน้ำมันหอมที่ได้มาจากนางโลม ที่เขาและอาจารย์เคยช่วยเหลือตอนไปปราบมารที่แดนใต้ ครึ่งมารหนุ่มไม่รอช้ารีบรุดลงจากเตียงไปก่อนจะกลับมาจับร่างของหลี่หรงเหยาพลิกคว่ำ แล้วเปิดฝาเทน้ำมันหอมลงไหลรินรดผ่านระหว่างแก้มก้นนิ่มทั้งสองข้าง

"อ๊ะ จะ เจ้าทำสิ่งใดกัน" เสียงหวานถามอย่างตระหนกผิดกับภายในที่กำลังลิงโลด เพราะรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ลองรีบร้อนเปิดทางเช่นนี้แล้ว อีกไม่นานท่อนลำใหญ่โตนั้นคงได้เข้ามาปรนเปรอเขาจนสำลักความสุขกันไปข้าง

"สิ่งนี้จะทำให้ท่านไม่เจ็บขอรับ" กงหยางหลวนซานโน้มตัวไปประทับริมฝีปากลงตรงกลางแผ่นหลังขาวอย่างเอ็นดูกับความไม่ประสีประสาของคนอายุมากกว่า หาได้รู้เลยว่าตนกำลังคิดผิดถนัด

"ท่านไม่ต้องกลัวนะขอรับข้าจะถนอมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" เสียงทุ้มกล่าวกับหลี่หรงเหยาอย่างอ่อนโยน ร่างบางรู้สึกขัดใจนักที่ได้ยินแบบนั้น เพราะในความเป็นเขาจริงอยากตะโกนใส่หน้าเจ้าเด็กบื้อนี่เหลือเกินว่ามีเท่าไหร่ก็ให้ใส่มาให้หมด อย่าได้เก็บกลั้นเอาไว้!! แต่ก็ทำได้เพียงกระทืบเท้าตะโกนในความคิดเท่านั้น

กงหยางหลวนซานประทับจุมพิตลงบนก้อนเนื้อขาว นิ้วเรียวกดนวดที่ปากช่องทางเบา ๆ ก่อนใช้ความลื่นดันนิ้วของตนผลุบหายเข้าไป ด้านหลี่หรงเหยาที่กำลังหลับตาพริ้มเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติก็กลับกระตุกเฮือกอย่างควบคุมไม่ได้

ร่างกายของหลี่หรงเหยาในโลกนี้บริสุทธิ์กว่าที่คิด นี่ขนาดแค่นิ้วเดียวยังคับแน่นถึงเพียงนี้ แล้วหากต้องเจอกับของกงหยางหลวนซานล่ะ มิเจ็บเจียนตายหรอกหรือ มองดูผ่านเนื้อผ้ายังขนาดไม่ธรรมดาแบบนั้น

สะโพกสวยบิดเร้าไปมาอย่างเสียวกระสัน ยามเมื่อก้านนิ้วยาวที่สองชำแรกออกมาก็ยิ่งรู้สึกมากกว่าเดิมหลายเท่า หลี่หรงเหยาพยายามใจเย็นต่อสู้กับความไม่เคยชินการสัมผัสลึกซึ้งของร่างกายนี้ แต่เมื่อนิ้วก้านที่สามมุดเข้ามาท่อนขาขาวก็กลับหมดแรงทรุดลงไปเสียดื้อ ๆ

ความรู้สึกคับแน่นจนทนแทบไม่ได้นั้นยิ่งกระตุ้นให้เขาปล่อยกลิ่นหอมยั่วยวนแผ่ออกมาจากตัวจนแม้แต่ตัวเองยังได้กลิ่น เสียงหอบหายใจแรงของหลวนซานดังขึ้นเรื่อย ๆ หากแต่การกระทำยังคงนิ่มนวลเช่นเดิมคล้ายกับว่าเด็กหนุ่มยังคงพยายามตั้งสติของตนเองเอาไว้

ใบหน้าสวยผินไปด้านหลังอย่างช้า ๆ ดวงตาใสค่อย ๆ ไล่มองอย่างเอียงอาย ร่างกายกำยำสมชายของกงหยางหลวนซานทำเอาหน้าร้อนอย่างช่วยไม่ได้ ไม่เพียงกล้ามเนื้อแน่นที่เรียงตัวสวยอย่างไร้ที่ติ แต่ดวงตาคมดุคู่นั้นยังมองเขามาอย่างเอ็นดูเหลือเกิน หากกงหยางหลวนซานรู้ว่าในใจของเขาคิดพิเรณเพียงใด อีกฝ่ายคงไม่มองกันด้วยสายตาเช่นนี้แน่

ท่อนเนื้อใหญ่โตที่โป่งนูนดันเนื้อผ้าออกมามากกว่าเดิมทำเอาหลี่หรงเหยาเผลอหันกายไปอย่างลืมตัว มือเล็กเอื้อมไปแตะขอบกางเกงสีขาวอันแสนเกะกะ ก่อนจะแก้ปมเชือกแล้วดึงลงจนมันดีดผึงออกมาสัมผัสอากาศด้านนอก

อยู่ในกางเกงว่าใหญ่แล้ว พอออกมาข้างนอกใหญ่กว่าที่คิดเสียอีก หลี่หรงเหยาเผลอกลืนน้ำลาย ช่องทางที่เพิ่งถูกกระตุ้นขมิบถี่ด้วยความกระสัน แค่ได้คิดว่าจะโดนท่อนเอ็นนี้สอดใส่เข้ามาในกาย ขนทุกเส้นในกายก็พากันลุกชันไปหมด

หากแต่ในสายตาของกงหยางหลวนซานที่ไม่ได้รับรู้ถึงความคิดนั้นเลยแม้แต่น้อย กลับมองอาการนิ่งงันของหลี่หรงเหยาว่าช่างไม่ประสีประสาและน่าเอ็นดู ฝ่ามือใหญ่ดันให้ร่างบางนอนราบไปกับพื้นเตียง ดวงตาคมไล่มองไปทั่วทุกพื้นที่อย่างจาบจ้วงจนคนโดนมองรู้สึกเสียววาบไปทั่วสรรพางค์กาย

"ไม่ต้องกลัวนะขอรับ ข้าจะไม่ทำให้ท่านเจ็บ" ว่าพลางโน้มกายแนบกลีบปากกับริมฝีปากสวย ดูดคลึงแผ่วเบาอย่างเคลิบเคลิ้ม ขณะที่มือสากลากสัมผัสเนื้อนิ่มไปจนทั่วและไม่ลืมที่จะหยุดหยอกล้อกับยอดอกสีระเรื่อที่กำลังชูชันอีกด้วย

หลี่หรงเหยาปล่อยกลิ่นหอมของตนเพิ่มอีกครั้ง เพื่อยั่วยุให้กงหยางหลวนซานสติขาดกระแทกกระทั้นกายเข้ามาแรง ๆ เสียที แล้วก็เป็นไปดังที่หวัง ปลายยอดหยักมนเริ่มชำแรกเข้าในช่องทางคับแคบ แม้จะมีน้ำมันหอมเป็นตัวหล่อลื่นทั้งยังได้รับการเบิกทางมาแล้วแต่ก็ยังเข้ามาไม่ง่ายนัก หลี่หรงเหยาหลับตารับความรู้สึกที่ท่อนเนื้อร้อนรุ่มนั้นสัมผัสเสียดสีทุกพื้นที่ด้านใน

กว่าจะเข้าไปจนสุดลำก็นับว่าจุกไม่น้อย กงหยางหลวนซานไม่รีบร้อนเท่าใดนัก ยังคงใจดีให้หยุดแช่เอาไว้เขาได้ปรับตัว แม้จะต้องขมวดคิ้วและขบกรามอย่างสะกดกลั้น ยามที่โดนช่องทางของผู้เป็นอาจารย์ตอดรัดแน่นก็ตามที

"อ่ะ..."

กงหยางหลวนซานถนอมร่างกายเขาและมีความอดทนเสียจนหลี่หรงเหยาอดจะทึ่งไม่ได้ เป็นเขาเสียอีกที่ทนไม่ได้กับความคับแน่นจนต้องหาทางขยับตัวเสียดสีขมิบรัดอีกฝ่ายมากขึ้น

หลี่หรงเหยาไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว ดวงตาฉ่ำน้ำสบกับอีกฝ่ายคล้ายจะอ้อนวอนให้ช่วยกระทำกับร่างกายนี้ คำขอของคนงามไม่เคยไม่เป็นผล เมื่อในตอนนี้สะโพกสอบกำลังขยับโยกเข้าออกอย่างเชื่อฟัง

ดวงตาที่เคยเป็นสีดำสนิทบัดนี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีชาดอีกครั้งด้วยแรงอารมณ์ที่ แม้จะพยายามควบคุมตนเองอย่างหนัก ทว่าสายเลือดครึ่งมารในร่างที่เด็กหนุ่มยังไม่ได้เรียนรู้วิธีควบคุมก็มักจะเข้าครอบงำให้เขาเผลอกระทำรุนแรงเสมอ

เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วหลี่หรงเหยาสาสมใจกับด้านมารของเขาเพียงใด

ร่างสูงขยับสะโพกเสือกกายเข้าหาคนงามแรงขึ้น มือหนาลูบสีข้างนวลเนียน ใบหน้าหล่อยังคงไล่สูดดมกลิ่นหอมพร้อมทั้งเลาะเล็มผิวเนื้อนิ่มอย่างหลงใหล แรงปรนเปรอถึงอกถึงใจเริ่มทำให้คนงามดวงตาเลื่อนลอย ปากร้องครวญครางราวเสียงหวานคล้ายกับจะเก็บกลั้นต่อไปไม่ได้

"อ๊ะ อ๊า"

ช่างเรื่องต้องแสดงเป็นคนใสซื่อไปก่อนเถอะ

หากถามความมั่นใจในการทำภารกิจ หลี่หรงเหยาคิดว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพราะตอนนี้ทั้งด้านค่าความสัมพันธ์และการแสดงออกสื่อเหลือเกินว่าหลวนซานเริ่มมีใจให้กับเขา เพราะหากไม่มีใจคงไม่มาเสนอตัวช่วยในเรื่องแบบนี้แน่

แขนเรียวตวัดโอบรอบลำคอแกร่งยามที่อีกฝ่ายซุกไซ้ใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่น ก่อนจะเลื่อนมาจบที่ริมฝีปากอีกครั้ง ขาเรียวสวยเกี่ยวเอวสอบเอาไว้แน่นยามที่ท่อนเอ็นอวบนั้นกระทั้นเข้ามาแรงขึ้นเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั้งห้อง หากเขาไม่ใช้ความสามารถที่ระบบให้มาช่วยเก็บเสียงภายในเรือนพักแล้วล่ะก็ ป่านนี้ทั้งสำนักคงได้ยินกันไปหมดแล้ว

ร่างกายของหลี่หรงเหยาอ่อนไหวเหลือเกินเสียจนสัมผัสเพียงน้อยนิดก็กระตุ้นอารมณ์วาบหวามให้ลุกโชนขึ้นได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงหากกงหยางหลวนซานกระแทกเข้าไปที่จุดกระสัน

"อะ อ๊า!! "

"ชู่ว..."

ครึ่งมารหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปป้อนจูบปิดกั้นเสียงร้องด้วยเกรงว่าใครจะมาได้ยินเข้า หลี่หรงเหยาเบิกตากว้างเมื่อร่างทั้งร่างถูกจับพลิกให้อยู่ในท่าคว่ำหน้ากระทันหัน แม้จะถึงใจกับความรุนแรงแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตกใจอยู่ไม่น้อย

ยามที่ท่อนเนื้อนั้นถอดออกและใส่เข้ามาใหม่ มือใหญ่เอื้อมมาปิดปากของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา หลี่หรงเหยาจึงทำได้เพียงร้องครางอู้อี้ในลำคอ กายสูงโน้มลงมาทาบทับแผ่นหลังของเขา ขณะที่สะโพกยังคงขยับไม่ได้พัก ยิ่งมาอยู่ในท่านี้หลี่หรงเหยายิ่งได้ยินเสียงหอบหายใจรุนแรงราวกับสัตว์ร้ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

จุดกระสันถูกครึ่งมารหนุ่มบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือที่เคยใช้ปิดปากเลื่อนลงไปเกาะเกี่ยวสะโพกมน ก่อนจับตรึงเอาไว้แล้วสาวเอวกระแทกเข้าใส่กายนิ่มจนก้อนเนื้อกลมขาวสองลูกกระเด้งกระดอนตามจังหวะที่เจ้าตัวดันแก่นกายเข้าหา

มืออีกข้างที่ว่างอยู่กดให้ไหล่เล็กแนบลงไปกับพื้นฟูกนอน ยิ่งทำให้สะโพกสวยลอยเด่นยิ่งขึ้น

"ซือจุนขอรับ ข้ารู้สึกดีเหลือเกิน" แม้ปากจะเรียกหลี่หรงเหยาว่าอาจารย์ แต่กงหยางหลวนซานรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสิ่งที่กำลังทำกันอยู่ไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์และอาจารย์ปกตินั้นควรทำร่วมกันเป็นอย่างยิ่ง

"หละ หลวนซาน อ๊า! " ความเสียวซ่านกระสันทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหลี่หรงเหยาลืมไปเสียสิ้นว่าต้องสงวนท่าทีรักษาภาพลักษณ์ของตนเอาไว้ สะโพกสวยส่ายเด้งเข้าสู้กับแรงกระแทกกระทั้นอย่างลืมตัวและลืมอาย มือน้อยกำผ้าปูเตียงเอาไว้จนยับย่น

"ระ แรงอีก"

ช่องทางคับเริ่มขมิบตอดรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ แสงสีขาวเริ่มปรากฏในหัวของหลี่หรงเหยายามที่โดนกระแทกเข้าจุดกระสันอย่างหนักหน่วง และเหมือนว่ากงหยางหลวนซานเองก็สัมผัสได้ว่าจุดหมายของร่างบางเคลื่อนใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว สะโพกสอบจึงขยับถี่เพิ่มแรงกระทั้นมากขึ้นจนคนโดนกระทำตัวโยน

หยาดหยดสีขุ่นพุ่งเลอะพื้นเตียงเบื้องล่างโดยที่ไม่ได้แตะต้องส่วนหน้าเลยแม้แต่น้อย ร่างสะโอดสะองกระตุกเกร็ง ขมิบกายบีบรัดส่วนหน้าของกงหยางหลวนซานอย่างหนักหน่วงจนครึ่งมารหนุ่มนิ่วหน้า

หลี่หรงเหยาทรุดร่างกายส่วนบนไปกับพื้นเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายยังคงขยับเมื่อกงหยางหลวนซานยังไม่ถึงฝั่งฝัน มือหน้ายังคงจับสะโพกของเขาแน่นขณะที่ส่งแรงกระแทกห้วงสุดท้ายเข้ามา

"อ่าห์..."

เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นก่อนที่หลี่หรงเหยาจะได้ยินเสียงกัดฟันดังกรอด พร้อมกับความอุ่นร้อนที่หลั่งไหลชโลมผนังภายในทั่วจนล้นทะลัก ร่างสองร่างล้มลงไปนอนทับกันบนฟูกนอนทั้งที่ยังไม่ได้ถอนกายจากช่องทาง

เนิ่นนานกว่าที่กงหยางหลวนซานจะยันกายขึ้น ก้าวลงจากที่นอนและหันมาช้อนกายผู้เป็นอาจารย์ขึ้นมาแนบอก

"อ่ะ เจ้าจะทำอะไรกันหลวนซาน" หลี่หรงเหยาเอ่ยถามด้วยใบหน้าแดงซ่าน เพราะท่วงท่าแบบนี้ทำให้ของเหลวด้านในไหลย้อนออกมาด้านนอกจนหยดลงไปบนพื้นไม้อย่างน่าอาย

"ข้าจะพาท่านไปล้างเนื้อล้างตัวขอรับ" น้ำเสียงอ่อนละมุนทำให้หลี่หรงเหยาที่กำลังจะร้องค้านหุบปากฉับทันที

ถึงในใจจะยังรู้สึกไม่เพียงพอกับสัมพันธ์ลึกซึ้งที่อีกฝ่ายมอบให้ และอยากได้อีกหลาย ๆ รอบ แต่ว่าการมีเซ็กส์ครั้งแรกของร่างกายจริง ๆ นี้ไม่ใช่ในมิติฝึกฝนทำให้รู้สึกปวดตุบ ๆ ไม่น้อย ช่องทางด้านหลังคงบวมแดงมากพอสมควร ไหนจะร่างกายซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยบีบเคล้นนี้อีก รอยรักสีแดงจากการขบกัดและดูดดึงปรากฏทั่วทั้งตัว เช่นนี้แล้วต่อให้ร้องขออีก กงหยางหลวนซานก็คงไม่ยอมทำ

หลี่หรงเหยาปล่อยให้ศิษย์คนสนิทอุ้มไปชำระร่างกาย รวมถึงช่องทางด้านหลังอยู่นานจนสะอาดหมดจด เด็กหนุ่มอุ้มกลับมายังห้องนอนอีกห้องซึ่งไม่มีกลิ่นหรือคราบเปรอะเปื้อนอันแสนน่าอายจากเกมกามคาวโลกีย์อยู่

แม้ร่างกายของหลี่หรงเหยาแม้จะดูบบอบบางน่าทะนุถนอมหากแต่ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่แสดงออกมาเพราะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรขั้นสูงแล้ว แต่ในเมื่อกงหยางหลวนซานแสดงความใส่ใจเช่นนี้ เขาก็จะขอทำให้ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย

"หลวนซาน เจ้าจะไปไหน" เสียงหวานแสร้งเอ่ยถามยามที่เห็นว่าศิษย์คนสนิทกำลังจะหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่ มือหนาชะงักนิ่งก่อนจะหันกลับมา หากแต่ไม่สบตาเขาเลยแม้แต่น้อย

"ข้า...ไม่สามารถสู้หน้าท่านได้ขอรับ" เมื่อแรงราคะหมดไปกงหยางหลวนซานจึงกลับมารู้สึกผิดชอบชั่วดีอีกครั้ง ความรู้สึกผิดที่กับสิ่งที่เขาทำกับผู้เป็นอาจารย์ตีรวนขึ้นในใจ ยากที่จะทำให้เขารั้งอยู่ต่อได้

"เจ้าช่วยข้าไม่ใช่หรือ ใยต้องไม่กล้าสู้หน้า"

"..."

"ข้าเสียอีกที่เป็นฝ่ายเรียกร้องสัมผัสจากเจ้า ต้องเป็นข้าสิที่ไม่กล้าสู้หน้า"

"..."

"มาเถิด" มือสวยยื่นไปทางกงหยางหลวนซานที่ค่อย ๆ เงยหน้ามาสบตาเขา

สุดท้ายครึ่งมารหนุ่มก็ไม่สามารถต้านทานได้ กงหยางหลวนซานยอมจำนนด้วยการเดินกลับมา คลานขึ้นเตียงและทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ ให้หลี่หรงเหยาได้ซุกกายอิงแอบคลายความเหน็ดเหนื่อยจากสัมพันธ์สวาทเมื่อครู่

ยังไม่ทันที่หลี่หรงเหยาจะสติหลุดลอย เสียงยานคางโมโนโทนจากระบบพลันดังขึ้นในหัว

[ปลดล็อกความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างหลี่หรงเหยา กับกงหยางหลวนซาน ค่าความสัมพันธ์ เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์]

[ค่าความสัมพันธ์ระหว่างกงหยางหลวนซาน และ หลินชิวหรง ลดลง 40 เปอร์เซ็นต์]

[ขอให้เจ้าหน้าที่เฟรย์ คาร์ตัน ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป]

ใบหน้างามหยดย้อยเผยรอยยิ้มยินดี

แม้ว่านี่จะเป็นโลกแรกที่เขาได้เข้ามาทำภารกิจแต่ก็นับว่าไม่ได้แย่เลยสักนิด หากทุกอย่างยังราบรื่นแบบนี้ หนทางที่จะได้กลับไปมีชีวิตอยู่กับครอบครัวดังเดิมก็ยิ่งอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว







TBC.


ฝากเอ็นดูน้องเฟรย์กับเจ้าหมาเด็กด้วยนะคะ

Enjoy reading guys :)

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คำสารภาพของครึ่งมาร



ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนตามเวลาของโลกแห่งนี้ เฟรย์ คาร์ตัน เพิ่งได้เข้ามาใช้ชีวิตในโลกนี้ใหม่ ๆ ในบทบาทของหลี่หรงเหยาอาจารย์ผู้แสนจะจืดชืด ในโลกจีนโบราณที่ผู้คนเอาแต่พูดจาเป็นบทเป็นกลอน เขายังไม่เคยชินเท่าใดนักแม้ว่าจะได้รับรู้เนื้อเรื่องต่าง ๆ มาทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังต้องการเวลาในการปรับตัว

มาอยู่ได้ไม่นานเนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงตอนที่เขาได้พบกับหวางต้าเหลียน หลินชิวหรง และกงหยางหลวนซาน สามจิตวิญญาณหลักซึ่งเป็นเป้าหมายหลักตามที่ระบบได้แจ้งมา

เป็นไปดังคาดที่เมื่อทั้งสามคนเดินทางมาเข้าร่วมการทดสอบเป็นศิษย์ในสำนัก เหล่าผู้อาวุโสซึ่งเป็นอาจารย์ในสำนักทุกคนต่างพุ่งความสนใจไปที่หวางต้าเหลียนกับหลินชิวหรงที่มีพรสวรรค์เหนือผู้อื่น และแสดงอาการรังเกียจกงหยางหลวนซานอย่างออกนอกหน้าเสียจนเจ้าตัวก้มหน้ามองพื้นดินอย่างน่าสงสาร

ทั้งที่หน่วยก้านดีและคุณสมบัติเพียบพร้อมไม่ต่างจากหวางต้าเหลียนเลยลักนิด แต่กงหยางหลวนซานนั้นมีเส้นผมและดวงตาสีดำขลับอันเป็นสัญลักษณ์อัปมงคลของเผ่ามารซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้นของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรมาเนิ่นนาน นี่จึงเป็นสาเหตุให้อาจารย์ที่อาวุโสที่สุดในสำนักไม่แม้แต่จะชายตามองเด็กหนุ่ม ซ้ำยังเมินเสียจนกลายเป็นคนไร้ตัวตนไปเสียอย่างนั้น

แม้เป็นโอกาสอันดีแต่เฟรย์หรือหลี่หรงเหยาก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เพราะตามเนื้อเรื่องที่เขาได้รู้มา หลินชิวหรงต้องอ้อนวอนอาจารย์ในสำนักอยู่หลายวัน และกงหยางหลวนซานเองก็ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักหน่วง กว่าที่อาจารย์ในสำนักจะยอมรับด้วยความ จำใจ

เข้ามาเป็นศิษย์แล้วก็ยังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับศิษย์คนอื่น ๆ เพราะแบบนี้อย่างไรเล่ากงหยางหลวนซานถึงยกให้หลินชิวหรงเป็นเหมือนโลกทั้งใบเสียขนาดนั้น

"หากไม่มีใครต้องการรับเขาเป็นศิษย์ ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์เอง" หลี่หรงเหยาที่ดำรงตำแหน่งอาจารย์ในขณะนี้ประกาศก้อง เรียกสายตาของเหล่าผู้ที่อยู่ในสถานที่รับศิษย์ทั้งหมดมารวมกันอยู่ที่ตัวเขา รวมถึงกงหยางหลวนซานที่จ้องมองมาด้วยความสับสนงุนงง

"ซือจุน จะดีหรือขอรับ" ศิษย์ในสังกัดของเขาแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้กล้าแย้งอะไรมาก เนื่องด้วยหลี่หรงเหยาไม่ค่อยจะออกปากว่าต้องการอะไรอย่างแน่วแน่แบบนี้บ่อยนัก และหากอีกฝ่ายตัดสินใจเรื่องใดแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนใจโดยเด็ดขาด

"ข้าตัดสินใจแล้ว" เด็กหนุ่มค้อมศีรษะรับคำผู้เป็นอาจารย์ ก่อนจะเดินไปบอกกล่าวแก่กงหยางหลวนซานที่ยืนนิ่งอึ้ง

สายตาที่เต็มไปด้วยคำว่าขอบคุณทำเอาหลี่หรงเหยาใจชื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างสูงใหญ่ของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าหนาวเดินตามศิษย์ของสำนักมา ก่อนจะมาคุกเข่าตรงหน้าเขา

"จากนี้ไปเจ้าเป็นศิษย์ของข้า ขอให้ตั้งใจแน่วแน่ในวิถีแห่งการบำเพ็ญเพียร"

"ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังขอรับ" กงหยางหลวนซานยิ้มเต็มแก้ม มองปราดเดียวก็รู้ว่าคงมีความสุขที่สุดในชีวิต ตลอดที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ใดยอมรับในตัวตนของเด็กคนนี้เลยสักคน ทว่าอาจารย์หลี่แห่งสำนักฝึกเซียนซีฮานที่่โด่งดังกลับเต็มใจยอมรับเขาเข้าเป็นศิษย์

ชีวิตของเด็กกำพร้าครึ่งมารที่เติบโตมาอย่างอด ๆ อยาก ๆ ซ้ำยังมีแต่คนรังเกียจเดียดฉันท์ วันหนึ่งที่มีใครสักคนอ้าแขนรับก็คงหนีไม่พ้นได้เทิดทูนยอมเป็นทาสจนวันตาย หลี่หรงเหยารู้ความจริงขอนี้ดี เขาจึงได้ช่วงชิงความจงรักภักดีนั้นมาจากหลินชิวหรงโดยการรับกงหยางหลวนซานเข้ามาเป็นศิษย์

จากความประทับใจแรกที่มีต่อหลี่หรงเหยา เมื่อได้เข้ามาฝึกในสำนักเต็มตัวก็ยิ่งเพิ่มพูนทบทวีมากขึ้น เพราะในขณะที่ทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์คนอื่น ๆ เมินเฉยหรืออย่างร้ายที่สุดก็แสดงอาการชัดเจนว่าไม่อยากเสวนาด้วย แต่หลี่หรงเหยากลับสั่งสอนเขาอย่างเต็มใจและเป็นห่วงเป็นใยความเป็นไปเสมอ

หากไม่นับหวางต้าเหลียนกับหลินชิวหรงที่เป็นเพื่อนกันมานาน หลี่หรงเหยาก็นับเป็นบุคคลเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่ปฏิบัติกับเขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ แต่ความจงรักภักดีที่กงหยางหลวนซานมอบให้ผู้เป็นอาจารย์มาตลอดนั้น ตัวเด็กหนุ่มเองกลับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าแท้จริงแล้วความรู้สึกที่ก่อเกิดในใจล้ำเส้นความเป็นอาจารย์และศิษย์ไปมากโขแล้ว

"ซือจุนขอรับ" เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าของร่างแน่งน้อยในชุดคลุมผ้าพลิ้วสีดำสนิท ที่กำลังนั่งหันหลังอยู่บนเตียงอีกด้าน สิ้นเสียงเรียกใบหน้างามก็หันกลับมาหาเขาอย้่งช้า ๆ รอยยิ้มหวานละมุนทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกตาพร่า

"ข้าทำเจ้าตื่นหรือเปล่า" ใบหน้าหล่อที่ค้างเติ่งกลางอากาศสะบัดเบา ๆ เรียกสติของตนให้กลับมา ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหลุบตามองพื้นเตียง

"มิใช่ขอรับ" เสียงหวานที่ถามกลับมาเรียบ ๆ ยิ่งทำให้เขาหวั่นใจไม่น้อย แม้ก่อนหน้านี้เขาจะรู้ว่าหลี่หรงเหยาไม่ได้ถือโทษกับสิ่งที่เขาทำ แต่กงหยางหลวนซานก็ยังอดกังวลไม่ได้

"มีสิ่งใดอยากพูดกับข้าหรือ" หลี่หรงเหยาถามเมื่อเห็นว่าครึ่งมารหนุ่มลุกขึ้นมานั่งทับส้นเท้าก้มหน้าก้มตา หากเขาไม่ทำอะไรเห็นทีกงหยางหลวนซานคงได้รู้สึกผิดจนหนีไปลงโทษตัวเองเสียแน่ ๆ

"ศิษย์ขออภัยกับสิ่งที่ศิษย์ได้ทำผิดต่อซือจุน" ใบหน้าหล่อเหลาคมคายยังคงก้มต่ำอย่างสำนึกผิด หลี่หรงเหยาอยากถอนหายใจดัง ๆ แต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้ บอกว่าไม่โกรธก็คือไม่โกรธสิเจ้าเด็กบ้านี่!

"เหตุใดจึงคิดว่าเป็นการทำความผิดต่อข้า ในเมื่อเจ้าช่วยเหลือข้าจากพิษของมารราคะแท้ ๆ "

"แต่..."

"ข้าเองไม่เคยคิดว่าเจ้ากระทำสิ่งผิดและไม่ได้รู้สึกไม่ดีเลยสักนิด" หลี่หรงเหยาพยายามปลอบ ร่างบางขยับเข้าหาอีกฝ่ายก่อนจะเอื้อมมือไปกอบกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้

"สำหรับข้าแล้วสิ่งที่เจ้าาทำคือการช่วยเหลือ แต่หากเจ้าทุกข์ใจที่เคยต้องหลับนอนกับข้า ข้าก็พอเข้าใจได้" ใบหน้าสวยแสร้งก้มลงอย่างน่าสงสารหากแต่นัยน์ตากลมสีเปลือกไม้กลับไม่ได้ดูเศร้าสร้อยเลยสักนิด เพราะเขารู้ดีว่าจิตใจของกงหยางหลวนซานนั้นเอนเอียงมาทางตัวเองมากแล้วตามที่ระบบแจ้งมา

เขาอดทนสร้างสัมพันธ์ทางใจกับครึ่งมารหนุ่มมานาน สัมพันธ์ทางกายก็มีแล้ว เหลือเพียงการกระตุ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

"ไม่ได้เป็นเช่นนั้นนะขอรับ ข้ามิได้รู้สึกหรือคิดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย! "

หลี่หรงเหยาแอบยิ้มในใจ เพราะท่าทางลุกลี้ลุกลนของกงหยางหลวนซานบอกได้เป็นอย่างดีว่าภารกิจของเขาจะสำเร็จในไม่ช้า

"เช่นนั้นหรือ" หลี่หรงเหยายังมีท่าทีเศร้าหมอง ร้อนถึงครึ่งมารหนุ่มต้องรีบถลาเข้ามาปลอบโยน

"ซือจุนขอรับ แท้จริงข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น หากแต่ที่ข้ารู้สึกผิดจนไม่สามารถสู้หน้าท่านได้ เป็นเพราะมีวิธีมากมายที่จะช่วยท่าน แต่ข้ากลับทำเหมือนคนชั่วฉวยโอกาสยามที่ท่านไม่สามารถควบคุมตนเองได้" มือหนากระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม อีกข้างที่ว่างอยู่เชยปลายคางสวยให้เงยขึ้นมาสบตากันแม้สักนิดก็ยังดี

"อดีตไม่อาจหวนกลับแล้ว เช่นนั้นข้าถามได้หรือไม่ ว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมเดินออกไปจากห้องตั้งแต่ตอนที่ข้าบอก"

"เพราะข้าเป็นห่วงท่านมาก" นัยน์ตาสีนิลที่เสหลบไปมองทางอื่นยิ่งทำให้ใจหลี่หรงเหยาลิงโลด

"ทั้งที่รู้ว่าหากอยู่ต่อจะเป็นอย่างไรน่ะหรือ" คนงามเอ่ยถามออกไปอย่างนั้น เพราะรู้ดีว่าคำตอบจะต้องสมใจเขาแน่ ๆ

"ขอรับ..."

"หากกลัวข้าโกรธ เหตุใดจึงยังยืนยันจะอยู่ต่อ" ใบหน้างดงามเอียงน้อย ๆ พร้อมกับตั้งใจปลดปล่อยฟีโรโมนของตนเต็มที่ ด้วยหวังว่ามันจะช่วยปั่นหัวให้กงหยางหลวนซานพูดสิ่งที่เขาอยากได้ยินออกมาได้โดยง่าย

"...เพราะข้าเป็นศิษย์ที่เลวทรามยิ่งนัก บังอาจที่คิดเกินเลยกับซือจุน สมควรแล้วทุกคนพากันรังเกียจ"

"เจ้าคิดเกินเลยกับข้าอย่างนั้นหรือ" เมื่อหลี่หรงเหยาไม่ได้แสดงอาการโกรธ ซ้ำดวงตาสวยยังแพรวพราวเป็นประกายสดใสยามได้ฟังคำสารภาพ กงหยางหลวนซานจึงมีความกล้ามากขึ้น ใบหน้าหล่อพยักขึ้นลงยืนยันคำพูดของตน

"ขอรับ"

หลี่หรงเหยาไม่คิดว่าเวลาแห่งความสำเร็จจะมาถึงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แบบนี้ก็เท่ากับว่าอีกไม่นานเขาจะทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วอย่างนั้นเหรอ ใบหน้าสวยแย้มยิ้มก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นวางทาบทับบนข้างแก้มของกงหยางหลวนซาน แก้วตาสีเปลือกไม้สบกับครึ่งมารหนุ่มอย่างลึกซึ้ง

"เช่นนั้นแล้ว ก็อย่าได้รู้สึกผิดไปเลย"

"ท่านหมายความว่าอย่างไรขอรับ" ครึ่งมารหนุ่มขวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสับสนกับคำพูดกำกวมของผู้เป็นอาจารย์

สิ้นคำพูดร่างสะโอดสะองก็ขยับเข้าหากงหยางหลวนซาน ก่อนจะไปหยุดดันร่างของอีกฝ่ายให้เปลี่ยนท่านั่งเป็นท่าขัดสมาธิ และทิ้งตัวลงบนต้นขาแข็งแรงของอีกฝ่าย เรียวแขนเล็กตวัดรอบเอวสอบก่อนจะวางใบหน้าของตนลงบนอกแกร่ง

"ทำตามหัวใจของเจ้าเถิด เพราะข้าเองก็จักทำตามหัวใจตนเช่นกัน"



"หลวนซานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" กงหยางหลวนซานหันหน้าไปที่ต้นทางเสียง หญิงสาวหน้าตาน่ารักผู้ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนไม่กี่คนในสำนักแห่งนี้กำลังยืนแย้มรอยยิ้มหวาน มองเขาอยู่ไม่ไกล

"ชิวหรง" กงหยางหลวนซานเอ่ยชื่ออีกฝ่ายขึ้น

"พักนี้ข้ากับต้าเหลียนไม่ค่อยได้เจอเจ้าเลย" แม้จะเอ่ยชื่อบุคคลที่สาม แต่ยามที่ครึ่งมารหนุ่มมองผ่านหญิงสาวไปที่ตรงนี้กลับมีเพียงหลินชิวหรงผู้เดียวเท่านั้น แล้วหวางต้าเหลียนที่เคยติดตามกันเป็นเงาเล่า

"ซือจุนต้องพิษมารจากการต่อสู้คราวก่อนข้าจึงต้องคอยดูแล" กงหยางหลวนซานตอบกลับไปก่อนเก็บกระบี่ที่เพิ่งทำความสะอาดเข้าฝัก ใบหน้าสะสวยของหญิงสาววัยแรกแย้มพยักขึ้นลงอย่างเข้าใจก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ กัน

"ท่านอาจารย์เป็นอะไรมากหรือไม่"

ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยทที่แสดงออกมาจากหลินชิวหรงเป็นสิ่งที่กงหยางหลวนซานได้เห็นจนชินตา หากแต่ตอนนี้เขากลับไม่มีแก่ใจจะชื่นชมมากนัก เพราะในอกเอาแต่คิดเรื่องของหลี่รงเหยาไม่หยุด ทั้งเรื่องอาการป่วยและเรื่องที่เขาเพิ่งจะทำลงไป

"...ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว" กงหยางหลวนซานพูดขณะที่หลบตาหลินชิวหรงไปมองทัศนียภาพด้านหน้า เขาโกหกทั้งหมดทั้งที่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไรและตนทำอะไรลงไปบ้าง แม้ตอนนี้จะได้พูดคุยกันจนเข้าใจกับซือจุนคนงามแล้ว แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าอาจารย์ผู้เป็นที่รักอาจต้องเสื่อมเสียจากขี้ปากของคนอื่น หากมีคนรู้เข้าว่ามีสัมพันธ์สวาทกับศิษย์สำนักที่มีแต่คนรังเกียจแบบเขา

"มิน่าเล่าเจ้าจึงตัวติดกับท่านอาจารย์เสียยิ่งกว่าอะไร เห็นทีข้ากับต้าเหลียนคงต้องไปเยี่ยมอาจารย์เจ้าบ้างแล้ว" น้ำเสียงหวานใสของหลี่ชิวหรงยังคงนุ่มนวล หากแต่ยามที่สบตากันกงหยางหลวนซานกลับเห็นแววบางอย่างโผล่มาอยู่ชั่วครู่หนึ่ง

"หากอยากเยี่ยมท่านก็บอกข้า ข้าจะเป็นคนพาเข้าไปเอง"

"เจ้านี่ดูหวงท่านอาจารย์ไม่ใช่น้อยเลย" น้ำเสียงคล้ายหยอกล้อยิ่งพาให้วัวสันหลังหวะอย่างครึ่งมารหนุ่มรีบปฏิเสธ

"ข้ามิได้หวง เพียงแต่เกรงว่าจะไปรบกวนการพักผ่อนของซือจุนต่างหาก"

"ข้าเพียงแค่ถามดูเท่านั้น หากวันไหนข้ากับต้าเหลียนขอเข้าเยี่ยมท่านอาจารย์จะบอกเจ้าเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ระหว่างนี้หากเว้นว่างจากการดูแลอาจารย์หลี่หรงเหยาแล้วก็มาพบพวกข้าบ้างนะ ต้าเหลียนเองก็บ่นว่าลืมหน้าเจ้าไปแล้วด้วยซ้ำ"

"...ได้สิ"

ร่างบางกอดอกยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าเฉยชา ท่าทางสนิทสนมและเสียงหัวเราะของหญิงสาว รวมไปถึงการที่มือเล็กคู่นั้นแตะลงมาบนแขนของกงหยางหลวนซาน ดูก็รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร คงทำแบบนี้กันมาจนชินกงหยางหลวนซานจึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย หลินชิวหรงจะรู้ไหมว่านั่นคือการหว่านเสน่ห์ โดยเฉพาะทำกับคนที่มีใจให้ตัวเองอยู่แล้ว

คงต้องขอบระบบที่ทำให้เขามีความสามารถพิเศษหลาย ๆ อย่างเพิ่มขึ้นมา รวมถึงความสามารถในการเคลื่อนไหวเบาหวิวจนสองคนนั้นไม่ได้ยินด้วย

"นี่พวกข้าเองก็กำลังฝึกวิชาที่อาจารย์ถ่ายกันทอดให้กันอยู่ อาจารย์ของต้าเหลียนเข้มงวดกว่าอาจารย์ของข้ามากทีเดียว แล้วอาจารย์ของเจ้าล่ะ" หลินชิวหรงยังคงชวนคุย และยังไม่ชักมือกลับแต่อย่างใด

"เข้มงวดมากอยู่ แต่นอกเหนือจากเวลาเรียนอาจารย์ของข้าจะปล่อยให้ทำอะไรได้อย่างอิสระ" หลี่หรงเหยายิ้มรับเมื่อเสียงทุ้มนั้นเจือปนความชื่นชมมาด้วย

"เป็นเพราะอย่างนี้หรือ เจ้าจึงติดอาจารย์นัก" คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เมื่อครู่ก็ว่าได้ยินพูดเรื่องเขาอยู่หลายประโยค นี่ยังไม่หายแคลงในอีกเหรอว่ากงหยางหลวนซานสนิทสนมกับเขาหรือไม่

"ข้าคงไม่สำคัญแล้วกระมัง" นั่นปะไร นึกเอาไว้ไม่มีผิด

หลี่หรงเหยาถอนหายใจเสียงเบากับตัวเองก่อนจะตั้งใจเดินลงน้ำหนักเท้าเข้าไปหาทั้งสองคนที่ยังนั่งอยู่ใกล้กัน นัยน์ตาสวยกดต่ำมองมือของหลินชิวหรงด้วยสายตาที่คาดเดาได้ยาก

"ข้ากำลังคิดเลยว่าเจ้าหายไปที่ใด ตามหาทั่วเรือนพักก็ไม่เจอ" เสียงนุ่มเอ่ยพลางมองมือของกงหยางหลวนซานที่ปัดมือของหลินชิวหรงออกจากแขนของตน ทั้งสองคนผุดลุกขึ้นยืนก่อนรีบค้อมศีรษะทำความเคารพ

"คารวะท่านอาจารย์หลี่เจ้าค่ะ" เสียงของหลี่ชิวหรงยังคงหวานเช่นเดิม หากแต่หลี่หรงเหยาสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียง เอาเถอะ ก็ไม่ได้แปลกใจนักหรอก

"ทำตัวตามสบายเถิด"

"ข้าออกมานั่งทำความสะอาดกระบี่ขอรับ เห็นว่าซือจุนกำลังพักผ่อนข้าจึงไม่อยากให้เสียงไปรบกวน"

"ไม่ได้รบกวนถึงเพียงนั้นหรอก ข้าเพียงอยากถามว่าถึงเวลากินยาแล้วหรือยัง" กับแค่ทำความสะอาดกระบี่มันจะเสียงดังขนาดไหนกัน หลี่หรงเหยาคิดในใจ

"เรื่องนั้น..."

"เพราะตอนนี้ข้ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว จึงคิดว่าน่าจะถึงเวลากินยาแล้ว" จบประโยคเจ้าของดวงตาคมก็เสียอาการอย่างชัดเจนจนหลี่หรงเหยาอดจะขำในใจไม่ได้ เป็นแบบนี้ศิษย์ตัวสูงคงรู้แล้วว่ายาที่เขาหมายถึงคืออะไร

ที่จริงเขาได้รับการรักษาไปแล้วและไม่ต้องได้รับการกินยาใด ๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้นแล้วยาที่หมายถึงคงหนีไม่พ้นเป็นตัวของกงหยางหลวนซานเองเป็นแน่แท้

"เชิญซือจุนกลับเรือนพักพร้อมศิษย์เถิดขอรับ ประเดี๋ยวศิษย์จักต้มยาให้ท่านเอง"

พูดจบครึ่งมารหนุ่มก็ตรงมาประคองร่างของซือจุนคนงามเอาไว้ ทิ้งให้เพื่อนหญิงคนสนิทยืนอยู่ที่เดิมราวกับลืมไปแล้วว่ามีอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ ชั่วอึดใจเดียวที่หลี่หรงเหยาหันไปมองหลินชิวหรงที่ยืนนิ่งอยู่อีกด้าน ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะได้เห็นสายตาที่อันแฝงไว้ด้วยความริษยาจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนางเอก

หลินชิวหรงสามารถเป็นห่วงหรือหวงเพื่อนได้ แต่หากรู้ว่าเพื่อนคิดเกินเลยแล้วก็ไม่ควรทำเช่นนี้ การที่กงหยางหลวนซานมาหลงรักถือว่าไม่ใช่ความผิดของหญิงสาวก็จริง แต่การที่เห็นว่ากงหยางหลวนซานเริ่มถอยออกแล้วยังมารั้งกลับไปให้อยู่จุดเดิมมันก็ไม่ใช่เรื่อง

หากไม่มีหลี่หรงเหยาในตอนนี้ กงหยางหลวนซานคงไม่สามารถตัดใจได้จริง ๆ เป็นแน่แท้





TBC.


Enjoy reading guys :)

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

พิษราคะกำเริบ





หลี่หรงเหยายังคงปล่อยให้ครึ่งมารหนุ่มประคองตัวเองอยู่อย่างนั้นแม้ว่าตอนนี้จะรอดพ้นจากสายตาของหลินชิวหรงมาแล้ว มือบางวางลงบนแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายจับยึดราวกับเป็นที่พึ่งเดียว ด้านศิษย์ครึ่งมารผู้ไม่รู้อะไรเลยก็ทำหน้าที่ของตนอย่างขันแข็ง

ใบหน้างามเงยมองศิษย์ของตนก่อนจะส่งสายตาเย้ายวน ในแบบที่สามารถทำให้กงหยางหลวนซานเลื่อนมืออีกข้างที่กำลังประคองแขนเปลี่ยนมาโอบรอบเอวของเขาได้ พร้อมทั้งยังเผลอบีบกระชับแน่น

หลี่หรงเหยาแย้มยิ้มในใจเมื่อสถานการณ์เป็นไปตามที่หวัง

ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะมีอิทธิพลต่อกงหยางหลวนซานมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะยังทำให้ตัวร้ายหลงรักจนหมดใจไม่ได้ แต่หากถึงขนาดที่สามารถทำให้ครึ่งมารหนุ่มปัดมือของรักแรกอย่างหลินชิวหรงออกจากแขนแล้วเลือกให้ความสนใจแก่เขาได้ก็นับว่าก้าวไปค่อนข้างเร็วพอสมควร

หากเทียบกับช่วงแรก ๆ ที่เข้ามาทำภารกิจในโลกนี้ ถือว่าเขาทำสำเร็จอีกครั้งในด้านการเปลี่ยนทิศทางของเรื่องแล้ว

เพราะตามเนื้อเรื่องเดิมซึ่งเป็นชนวนไปสู่การล่มสลายของโลก วันนี้ตอนที่กงหยางหลวนซานคุยกับหลินชิวหรงจะมีศิษย์ในสำนักมาด่าทอ กล่าวหาว่าเด็กหนุ่มพยายามจะล่อลวงหลินชิวหรงให้กระทำเรื่องเสื่อมเสีย

นอกจากนั้นยังเอ่ยวาจายั่วยุต่าง ๆ นานากระทั่งลงมือทำร้ายร่างกาย กงหยางหลวนซานจึงขาดสติปล่อยให้โทสะเข้าครอบงำจนเผยสายเลือดมารในตัวออกมา ทำให้โดนคนในสำนักตามล่าจนต้องหนีไปรักษาตัวในป่าอย่างโดดเดี่ยว

ท้ายที่สุดแล้วกลับไม่มีเพื่อนรักคนไหนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครึ่งมารหนุ่มสักคนทั้งหวางต้าเหลียนและหลินชิวหรง เพราะคิดว่าการโดนตามล่าจนแทบไม่มีแผ่นดินจะอยู่นั้นเป็นสิ่งที่กงหยางหลวนซานควรได้รับแล้วในฐานะผู้มีสายเลือดของมารอันชั่วร้ายอยู่ภายในร่าง

แต่การที่หลี่หรงเหยาช่วยให้รอดพ้นได้ในครั้งนี้ก็ใช่ว่านางเอกของเรื่องจะยอมวางมือไปโดยง่าย เพราะมองจากสายตาของหลินชิวหรงแล้วคงพยายามเข้าหากงหยางหวนซานอีกเป็นแน่ และอาจมีเหตุการณ์ดั้งเดิมนั้นเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีกครั้งก็เป็นไปได้

"นั่งก่อนเถิดขอรับซือจุน"

กงหยางหลวนซานพาเขามาส่งที่เก้าอี้ตัวยาวซึ่งบุด้วยเบาะรองนั่งในห้องนอนของเขาเองที่เคยใช้เป็นสนามรักเมื่อครั้งก่อน แขนแกร่งยังคงทำหน้าที่พยุงร่างบอบบางให้นั่งลงบนเบาะนุ่ม แล้วจึงผละออกไปหยิบชุดชามาริน

"ข้าไปขัดจังหวะเจ้าหรือเปล่า"

หลี่หรงเหยาเอ่ยถามขึ้น ขณะที่ดวงตาสวยลอบสังเกตปฏิกิริยาของกงหยางหลวนซานไปด้วย และเป็นดังคาดเด็กหนุ่มชะงักนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนหยิบถ้วยชาเดินมาส่งให้เขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับต้องการจะซุกซ่อนความรู้สึกเอาไว้

"ดื่มเสียหน่อยเถิดขอรับ"

หลี่หรงเหยาไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก มือสวยเอื้อมไปรับถ้วยชามาจิบครั้งหนึ่งก่อนส่งคืน ในขณะที่ดวงตายังคงมองตามร่างสูงที่เดินเอาถ้วยชาไปเก็บอยู่พร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย

หากเขาไม่เค้นให้อีกฝ่ายหาคำตอบในใจตนเองในตอนนี้ ความสับสนจะยังกัดกร่อนจิตใจของกงหยางหลวนซานต่อไปเรื่อย ๆ และมีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นอาจทำให้ภารกิจของเขาล้มเหลวได้ในที่สุด ซึ่งมันก็จะหมายความว่าความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดจะสูญเปล่าทันที

ครึ่งมารหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามนั้นหากแต่กลับเดินทรุดตัวนั่งลงบนพื้นตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาซบลงบนตักของหลี่หรงเหยาขณะที่แขนแกร่งโอบรอบเอวบางไว้

ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ระหว่างคนทั้งสอง ใบหน้าของกงหยางหลวนซานซบนิ่งอยู่ที่ตักของอาจารย์ตนโดยไม่ขยับเขยื้อน หลี่หรงเหยายกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายแผ่วเบา การตัดใจจากรักแรกซึ่งฝังรากลึกมาเนิ่นนานคงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กหนุ่ม แต่หากไม่เร่งมือให้อีกฝ่ายตัดใจได้เขาเองนี่แหละที่จะชะตาขาด

"ยังรักเขาอยู่หรือ" หลี่หรงเหยาเอ่ยถามเสียงเบาอีกครั้ง ใบหน้างามนิ่วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกอดรัดที่ช่วงเอวซึ่งเพิ่มมากขึ้น

"...มิใช่ขอรับ" ถึงปากจะเอ่ยปฏิเสธแต่หลี่หรงเหยารู้ดีว่าความจริงคืออะไร หากไม่ได้รักแล้วอย่างที่บอกจริง ๆ ศิษย์ครึ่งมารของเขาคงไม่หลบหน้าหลบตาเช่นนี้

"ข้ารู้ว่าเจ้ายังรัก ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมให้นางจับมือถือแขนหรอก จริงไหม" เสียงหวานพูดขึ้นอีกครั้ง มือที่ลูบศีรษะของกงหยางหลวนซานชะงักไปจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ ใบหน้าหล่อผละจากตักขึ้นมาสบกับดวงตาเศร้าสร้อยของซือจุนคนงามอย่างรวดเร็ว

"ได้โปรดอย่าคิดแบบนั้นเลยขอรับ ชิวหรงคือรักที่เป็นไปไม่ได้ในวัยเยาว์ของข้า ตอนนี้ระหว่างนางกับข้ามีเพียงความหวังดีให้แก่กันเท่านั้น" วงแขนแกร่งคลายออกก่อนที่มือหนาจะรวบมือของหลี่หรงเหยาไปแนบที่ข้างแก้มของตน นัยน์ตาสีดำขลับสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้ของผู้เป็นอาจารย์อย่างเว้าวอน

"หวังดีอย่างนั้นหรือ"

"ขอรับ นางหวังดีกับข้าทุกอย่าง กับต้าเหลียนเองก็เช่นกัน อีกประการหนึ่งคือ...ชิวหรงมองข้าเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้นขอรับ" กงหยางหลวนซานตอบอย่างหนักแน่น หากแต่หลี่หรงเหยารู้สึกค้านในใจ

เพื่อนเช่นนั้นหรือ เพื่อนแบบไหนกันที่ทำเหมือนอยากให้เพื่อนแอบรักตัวเองไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ตนก็มีคนที่ต้องการจะมอบหัวใจให้อยู่แล้ว เพื่อนแบบไหนกันที่แสดงอาการไม่พอใจและความอิจฉาออกมาอย่างปิดไม่มิดเมื่อยามกงหยางหลวนซานรีบร้อนเข้ามาหาเขา

อาการแบบนั้นดูแล้วเลยขอบเขตของการหวงเพื่อนไปมากโข กงหยางหลวนซานต้องถูกกำหนดให้ซื่อบื้อขนาดไหนถึงได้มองอาการของผู้หญิงคนนั้นไม่ออกเอาเสียเลย น่าโมโหเสียจนเขาอยากจะทุบเจ้าเด็กนี่แรง ๆ สักทีเสียจริง!

"ข้าเองก็ได้หยุดคิดเกินเลยกับนางไปแล้ว และตั้งใจเอาไว้ว่าจะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของทั้งต้าเหลียนและชิวหรงเช่นเดิมขอรับ"

ร่างสูงเอ่ยย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอาจารย์คนงามเงียบไป หลี่หรงเหยายังไม่พูดอะไรออกมาเช่นเดิม ใบหน้าสวยยังคงสบตากับเขาอยู่อย่างนั้นราวกับต้องการค้นหาความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ ชายหนุ่มบีบกระชับมือนุ่มก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง

"เพราะใจของข้าในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นางแล้ว..."

"แล้วอยู่ที่ใดเล่า" เพราะใบหน้าสวยนั้นเศร้าสร้อยอย่างถึงที่สุดอีกทั้งน้ำเสียงยังตัดพ้อราวกับน้อยใจครึ่งมารหนุ่มเสียนักหนา จึงทำให้กงหยางหลวนซานไม่รู้เลยว่าภายใต้นัยน์ตางดงามหม่นแสงนั้น ซ่อนเร้นความลิงโลดเอาไว้มากมายเพียงใด

เพียงได้สบกับดวงตาคมที่สื่อความหมายหวานซึ้งเทิดทูนราวกับสุนัขมองเจ้าของนั้น หลี่หรงเหยาก็รู้คำตอบได้ทันทีโดยที่กงหยางหลวนซานไม่ต้องอ้าปากพูดอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ

"ท่านรู้ดีขอรับ ว่าใจของข้าอยู่ที่ใด"

รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าสวย มือบางยกขึ้นลูบศีรษะชายหนุ่มอีกครั้งขณะที่ส่งสายแบบเดียวกันกลับไปให้ แม้เขาจะเข้ามาในโลกนี้เพื่อทำภารกิจและในใจจะคิดวางแผนให้อีกฝ่ายตกหลุมพรางอยู่เสมอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำของกงหยางหลวนซานทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างน่าประหลาด

"ข้าไม่รู้หรอกจนกว่าจะได้เห็นหัวใจของเจ้าชัด ๆ ให้ข้าดูได้หรือไม่" อาจารย์คนงามเริ่มแผนอีกครั้ง หลี่หรงเหยาเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อทั้งที่ในหัวจินตนาการเรื่องบนเตียงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

เพราะใบหน้าและกิริยาท่าทางที่ดูไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน แม้ใจความของคำพูดจะเป็นการชักชวนอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ยังทำให้กงหยางหวนซานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู มือหนาชักนำให้มือของผู้เป็นอาจารย์ให้ไปแตะตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง

"ท่านรู้ดีว่าข้าจะไม่มีวันปฏิเสธ" ดวงตาคมยังคงสื่อความหมายและดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ

"หากดูตรงนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่กระมัง" หลี่หรงเหยาแสร้งทำสีหน้ากังวล ขณะที่เหลือบมองเก้าอี้ที่ตนนั่งอยู่ ได้ยินอย่างนั้นร่างสูงจึงผุดลุกก่อนจะยื่นมือมาให้คนงามใช้เป็นหลักยึด

หลี่หรงเหยาในตอนนี้ ไม่เพียงคิดจะใช้ความสัมพันธ์ทางกายตัดเยื่อใยที่กงหยางหลวนซานยังมีให้หลินชิวหรงเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อสนองความต้องการของตนเองด้วยเช่นกัน เขายังจำรสชาติที่ครึ่งมารหนุ่มมอบให้เมื่อคืนก่อนได้ดี ดีถึงขั้นที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายก้าวลงจากเตียงเลยด้วยซ้ำ

"พิษของมารแห่งราคะช่างรุนแรงนัก เพียงแค่ข้ามองหน้าเจ้าพิษก็กำเริบเสียแล้ว" คำพูดเชิญชวนประโยคแล้วประโยคเล่าจากเจ้าของใบหน้าอ่อนเดียงสา ได้กัดกินความอดทนของครึ่งมารหนุ่มไปจนหมดสิ้น

แขนแกร่งช้อนร่างบอบบางเอาขึ้นมาแนบอกก่อนพาเดินตรงไปที่เตียงนอนอย่างรวดเร็ว จนหลี่หรงเหยาต้องรีบโอบคล้องลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองร่วงลงมากระแทกพื้น ทันทีที่แผ่นหลังของเขาสัมผัสกับฟูกนอนศิษย์ครึ่งมารก็รีบตามมาคร่อมทับทันที

"ซือจุนขอรับ ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด" เสียงทุ้มแหบพร่า หัวใจเต้นแรงกระหน่ำเสียจนหลี่หยงเหยาที่นอนอยู่ด้านล่างยังได้ยิน และนี่ถือเป็นโอกาสดีสำหรับหลี่หรงเหยานัก เรียวแขนขาวเนียนยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งก่อนจะออกแรงโน้มให้ใบหน้าเข้ามาใกล้กันมากขึ้น

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไล้มองเครื่องหน้าคมคายอย่างเชื่องช้า

"สิ่งเดียวที่ข้าอยากได้มิใช่ชีวิตของเจ้าหรอก" เด็กน้อย คำสุดท้ายหลี่หรงเหยาต่อเองในใจอย่างลับ ๆ ปากสีระเรื่อเผยอขึ้น ดวงตาสวยจับจ้องริมฝีปากหยักได้รูปของชายหนุ่มเนิ่นนาน ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาสบกับดวงตาคมดุที่กำลังวูบไหว

ไม่ต้องรอให้เอ่ยปากอีกครั้ง ครึ่งมารหนุ่มก็เต็มใจมอบสิ่งที่อาจารย์คนงามต้องการอย่างไม่อิดออด ริมฝีปากหยักได้รูปแนบปากแช่ค้างเอาไว้ครู่ใหญ่พอให้ทั้งคู่ได้สัมผัสรสชาติหวานล้ำของกันและกัน ก่อนที่หลี่หรงเหยาจะเป็นคนที่อดทนต่อไปไม่ไหวเริ่มต้นบดคลึงริมฝีปากของชายหนุ่มเบื้องบนเสียเอง

เมื่อผู้เป็นอาจารย์เปิดทางแล้วครึ่งมารหนุ่มมีหรือจะกล้าปฏิเสธเหยื่อล่ออันหอมหวาน แขนแกร่งตระกองกอดร่างเล็กเอาไว้ขณะที่สอดลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากสวย กลีบปากนิ่มถูกดูดดึงรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดหย่อนจนซือจุนคนเก่งอ่อนยวบไปทั้งร่าง

สายเลือดมารในตัวของเขาซึ่งกำลังเดือดพล่านเพราะแรงปรารถนาที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น ส่งผลให้นัยน์ตาสีดำขลับค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับหยาดโลหิต หากแต่ผ่านไปไม่นานนักก็กลับคืนมาเป็นสีดำดังเดิม

กงหยางหลวนซานผละจูบออกมาก่อนจะเริ่มละเลียดผิวเนื้ออ่อนตรงซอกคอขาว กดจูบย้ำ ๆ ที่ไหปลาร้าสวย ลากไล้ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าท้องขาวเนียนแบนราบ ริมปากหยักกดจูบผ่านอาภรณ์ผืนบางพลางสบตากับคนงามไปด้วย

หลี่หรงเหยาครางเครือในลำคออย่างพอใจ ยามนี้เขาเหมือนกำลังถูกจับปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ต่อหน้าอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ทั้งที่ยังสวมใส่เสื้อผ้าครบชิ้น

"หละ...หลวนซาน" มือสวยบีบไหล่ของกงหยางหลวนซานแน่น ยามที่ริมฝีปากร้อนกดลงบนตำแหน่งเดียวกับส่วนกลางกายพร้อมด้วยลมหายใจอุ่นวาบที่รินรด

"ขอรับ..."

"ขะ ข้ารู้สึกดีเหลือเกิน มันร้อนไปหมด"

คำพูดเชื้อเชิญอีกประโยคทำให้ครึ่งมารหนุ่มยิ้มละมุน มือหนาไล่แก้ปมเชือกทุกปมบนร่างกายของหลี่หรงเหยาอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ชุดด้านในก็ไม่เหลือ เรือนร่างงดงามเปิดเปลือยเปล่าต่อหน้ากงหยางหลวนซานทันทีที่สาบเสื้อถูกแหวกออก

"ตรงไหนที่ร้อนบ้างหรือขอรับซือจุน เผื่อว่าข้าอาจจะช่วยให้เย็นลงได้บ้าง" กงหยางหลวนซานยังคงไล่สายตาไปทั่วทุกส่วนอย่างชื่นชม ไม่ทันที่คนงามจะได้ชี้ว่าร้อนตรงไหนริมฝีปากหยักก็เริ่มละเลียดหน้าท้องแบนราบไล่ขึ้นมาจนถึงกลางอกเสียแล้ว

"อ่ะ...อือ"

หลี่หรงเหยารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าเสียให้ได้ ในบทเรียนรักคราวแรกกงหยางหลวนซานทำเหมือนกลัวเกรงเขาเสียนักหนา เหตุใดยามอยู่บนเตียงครานี้ถึงได้ทำทุกอย่างได้คล่องมือเช่นนี้ หรือเป็นเพราะจำได้ว่าครั้งแรกว่าเขาชอบแบบไหนกัน

ครึ่งมารหนุ่มยังหยอกล้อกับร่างกายของเขาไม่หยุด ดวงตาคมคู่นั้นกรุ้มกริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางสะดุ้งเฮือกยามที่ปากหยักครอบลงบนปลายถันสีสวย เรียวลิ้นร้อนผ่าวตวัดรังแกรัวเร็วเสียจนเขาต้องกัดปากจิกทึ้งเรือนผมของอีกฝ่ายระบายอารมณ์วาบหวาม ปลายถันอีกข้างถูกนิ้วมือสากกระด้างรังแกไม่ต่างกัน ช่างเป็นรสชาติที่หลี่หรงเหยากล้าพูดได้เต็มปากว่าชอบเหลือเกิน

ใบหน้าหล่อผละออกก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนขณะที่สบตากับคนงามไปด้วย แววตาฉ่ำเยิ้มยิ่งทำให้ดวงตาของครึ่งมารหนุ่มแดงมากขึ้นอย่างชัดเจนและนั่นสมใจหลี่หรงเหยายิ่งนัก ทว่าจู่ ๆ ร่างสูงก็คลายอ้อมกอดแล้วผละออกโดยไม่พูดไม่จาใด ๆ ซ้ำยังตั้งท่าจะลุกลงจากเตียง ทำเอาคนที่กำลังอารมณ์ค้างเติ่งผวารั้งแขนแกร่งเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

"จะไปไหนเล่า" มือขาวจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น นัยน์ตาคู่สวยฉ่ำเยิ้มไปด้วยอารมณ์ปรารถนาอันเย้ายวน กงหยางหลวนซานขบฟันแน่นก่อนจะเลื่อนมือมากอบกุมมือเล็กแล้วเอ่ยตอบ

"ข้าเพียงจะไปเอาน้ำมันหอมเท่านั้นขอรับ"

ครึ่งมารหนุ่มว่าก่อนรีบผละออกไปหยิบขวดน้ำมันหอม ที่หลี่หรงเหยาจำได้ว่าเป็นขวดเดียวกับที่ใช้เมื่อคืนก่อน ร่างสูงเดินกลับมานั่งลงบนเตียงข้าง ๆ กัน ใบหน้าขาวใสแดงระเรื่อยามที่คิดว่ามันช่วยให้สุขสมเพียงใด

ดวงตาสวยมองส่วนกลางกายของครึ่งมารหนุ่มที่แข็งตึงจนดันเนื้อผ้าออกมาชัดเจนก่อนจะจับจูงชักนำให้อีกฝ่ายขยับหันหน้าเข้าหาตน ถึงคราวที่เขาจะเป็นฝ่ายปลดเปลื้องอาภรณ์ของเจ้าเด็กนี่บ้าง มือเล็กค่อย ๆ แกะปมเชือกเสื้อของกงหยางหลวนซานทีละปมก่อนจะแหวกให้เปิดออก เผยให้เห็นเรือนร่างแข็งแกร่งกำยำเปี่ยมด้วยมัดกล้ามสวยได้รูป แน่นตึงพอดีมือ

กระทั่งถึงปมเชือกของกางเกงผ้าเนื้อหนา

ยามที่ดึงผ้าเนื้อดีนั้นลงบางสิ่งก็เด้งผึงขึ้นมา...

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ดวงตาใสมองท่อนลำใหญ่โตแดงก่ำที่ผงกหัวชี้หน้าตนนิ่ง ในใจพยายามเก็บอาการอย่างสุดความสามารถไม่ให้พุ่งเข้าตะครุบตามสัญชาตญาณซึ่งถูกฝึกฝนมาจากมิติของระบบ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร

"ไหนบอกข้าว่าอยากเห็นหัวใจเล่าขอรับซือจุน แล้วไฉนท่านจึงได้สนใจส่วนนี้ของข้านัก"

หลี่หรงเหยาชะงักไปเมื่อโดนอีกฝ่ายกระเซ้า นึกอยากต่อปากต่อคำว่าใจที่หมายถึงคือใจกลางกายของเจ้าต่างหาก แต่ก็ต้องหยุดตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ทำลายภาพลักษณ์ของอาจารย์ผู้ใส่ซื่อบริสุทธิ์ไปมากกว่านี้

"ข้า..."

"กลัวหรือขอรับ" กงหยางหลวนซานถามเมื่อเห็นว่าเขายังคงนั่งนิ่ง มือหนาเลื่อนเข้ามากอบกุมก่อนจะชักนำให้สัมผัสลงไปบนแท่งเนื้อร้อนระอุและเริ่มลูบไล้มัน

"ปะ...เปล่า"

มือเล็กจับสัมผัสอย่างช้า ๆ ดูกล้า ๆ กลัว ๆ น่าเอ็นดูยิ่งในสายตากงหยางหลวนซาน ครึ่งมารหนุ่มไม่รู้เลยว่าเพียงแค่เห็นด้วยตา ได้ใช้มือสัมผัสเบา ๆ หลี่หรงเหยาก็เริ่มต้นภาวนาให้ผู้ชายทุกคนบนโลกเป็นมารกันไปให้หมด หากเป็นมารแล้วจะดีงามถึงเพียงนี้

"มันเป็นของท่านขอรับ" หากเป็นของเขา เช่นนั้นเขาจะทำสิ่งใดกับมันก็ได้ใช่หรือไม่

ใบหน้าสวยเคลื่อนเข้าหาแก่นกายใหญ่โดยไม่รู้ตัว ผลจากสกิลกลิ่นฟีโรโมนยั่วยวนของตนปะปนกับกลิ่นบุรุษเพศเบื้องหน้ามอมเมาให้หลี่หรงเหยาเริ่มสติพร่าเบลอ หากแต่ก่อนจะได้อ้าปากครอบครองดังใจหมาย กลับถูกโดนมือใหญ่หยุดเอาไว้

"ซือจุนขอรับ ท่านไม่ต้อง..."

"มันเป็นของข้าไม่ใช่หรือ ข้าอยากทำความรู้จักกับมันให้มากกว่านี้" หลี่หรงเหยายอมรับว่ากำลังหงุดหงิดเล็กน้อย กับการที่กงหยางหลวนซานมองว่าเขาไร้เดียงสาเกินไป จนไม่กล้าให้ทำอะไรเอาเสียเลย ต้องมาโดนห้ามทั้งที่อยากทำใจจะขาดนี่น่ารำคาญเป็นที่สุด

และไม่รอฟังคำเอ่ยห้ามใด ๆ ของลูกศิษย์ครึ่งมารอีก หลี่หรงเหยาอ้าปากรับแกนกายใหญ่เข้าไปจนเต็มทุกพื้นที่ แม้ขนาดทำให้กรามแทบค้างแต่ก็ถือว่าเป็นที่พึงพอใจไม่น้อย

เชยชมความเป็นชายอยู่ไม่นานใบหน้าสวยก็ถูกชักนำให้เงยขึ้นมารับจูบหวานล้ำอีกครั้ง ครึ่งมารหนุ่มย่อตัวลงมานั่งขัดสมาธิแล้วโอบอุ้มร่างของผู้เป็นอาจารย์ให้ขยับขึ้นมานั่งคร่อมทับหน้าตัก ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่ส่งมอบความรู้สึกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

นัยน์ตาคมกลับแดงฉานอีกครา เมื่อซือจุนคนงามครางเครือในลำคอซ้ำยังจูบตอบอย่างขันแข็ง ยามที่ถูกเขารังแกยอดปทุมถันด้วยปลายนิ้วร่างบางยิ่งทิ้งตัวเอนลงไปด้านหลังอย่างเสียวกระสัน กงหยางหลวนซานโอนอ่อนตามให้แผ่นหลังเล็กเอนลงจนสัมผัสฟูกนอน มือหนาคว้าขวดน้ำมันหอมก่อนจะเปิดจุกเทใส่มือแล้วนำไปชโลมยังช่องทางสีอ่อน

อีกสิ่งที่กงหยางหลวนซานคิดว่าเป็นเพียงปฏิกิริยาทางร่างกายของหลี่หรงเหยายามที่พิษยังไม่หมด คืออาการตอดตุบกระตุกถี่ของช่องทางคับแคบ คิดว่าเป็นเพราะตนนั้นปลุกเร้าอาจารย์ยามที่ยังโดนครอบงำ ไม่รู้เลยว่าอาการเหล่านั้นเป็นอาการของคนที่เสพติดการเสพสังวาสอย่างรุนแรง

นิ้วเรียวสอดเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะน้ำมันหอมที่เคลือบอยู่ ชายหนุ่มพยายามคว้านนิ้วแรกเพื่อเคลือบน้ำมันให้ทั่วก่อนจะส่งนิ้วที่สองเข้ามาด้านใน และไม่นานนักนิ้วที่สามก็ตามมา

เพียงไม่นานช่องทางสีสวยก็ถูกถ่างให้ขยายมากเพียงพอที่จะสามารถรองรับขนาดอันใหญ่โตนั้นได้อย่างไม่เจ็บปวด ดวงตางดงามฉ่ำปรือไปด้วยน้ำตายามที่สามนิ้วนั้นขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้า ความเสียวหวืดบางเบาที่ท้องน้อยแล่นเข้าเล่นงานเขาอย่างหนัก หากโดนกระแทกกระทั้นแรง ๆ คงไม่รู้สึกทรมานขนาดนี้

"ขะ ข้าพร้อมแล้ว" สุ้มเสียงไพเราะกล่าวขึ้นกระท่อนกระแท่น ขณะที่เอวคอดส่ายตามจังหวะการชักนิ้วเข้าออก

"หากเจ็บบอกข้านะขอรับ"

แม้จะอยากตะโกนใส่หน้าว่า รีบ ๆ ใส่เข้ามาสักทีเถอะ!! แต่เมื่อได้สบกับสายตาห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยมนั้นหลี่หรงเหยาก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ฝ่ามือเรียวยกขึ้นปิดใบหน้ายามที่กงหยางหลวนซานชำแรกท่อนลำแข็งขืนเข้ามาภายใน ความคับแน่นพาให้หลี่หรงเหยาสมองพร่าเลือนไปชั่วขณะ ร่างกายนี้อ่อนไหวถูกกระตุ้นได้ง่ายดายยิ่งนัก เพียงแค่สอดเข้ามายังไม่ทันสุดดีด้วยซ้ำก็คล้ายกับจะถึงจุดหมายเสียให้ได้

สะโพกสอบแช่ค้างเอาไว้ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มขยับเนิบนาบ แล้วจึงเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นทีละนิด

"อ๊ะ...หลวนซาน ข้า...อื้อ" หลี่หรงเหยาครางเครือนลำคอ รสสวาทที่อีกฝ่ามอบให้แม้เป็นเพียงแค่การขยับอย่างเชื่องช้า หากแต่แท่งหยกร้อนผ่าวนี้กลับเสียดสีไปทั่วทั้งผนังด้านใน

"ซือจุนอยากลองขยับเองหรือไม่ขอรับ ขยับเท่าที่ใจของท่านปรารถนา"

หลี่หรงเหยายังคงมัวเมาด้วยความหวิวไหวในช่องท้องทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย มิได้ฟังคำถามของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ รู้ตัวอีกทีร่างทั้งร่างก็ถูกอุ้มลอยไปนั่งทับบนตักแกร่งอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ไม่เพียงแต่นั่งทับเท่านั้น

"อ่ะ...เจ้า"

"หากซือจุนขยับเอง จะไม่เจ็บมากนะขอรับ" กงหยางหลวนซานพูดก่อนขบกรามแน่น หลี่หรงเหยามองปราดเดียวก็รู้ว่าความอ่อนโยนที่มอบให้เขานี้ ต้องผ่านการข่มใจมาเท่าไหร่

มารก็ยังเป็นมารอยู่วันยังค่ำ

หลี่หรงเหยาพินิจศิษย์ครึ่งมารอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกเองโดยปราศจากการชักนำของกงหยางหลวนซาน หากเขายังแสร้งทำไร้เดียงสาอยู่เช่นนี้ เห็นทีว่าเจ้าศิษย์นี่คงจะถนอมจนเขาอกแตกตายด้วยความต้องการเสียก่อน

"อ๊ะ หลวนซาน ดี...ดีเหลือเกิน"

สะโพกอิ่มบดคลึงหมุนควงให้แก่นกายภายในสัมผัสทุกอณู แขนเรียวคล้องลำคอแกร่งขณะที่ปากเพรียกหาเพียงชื่อของคนตรงหน้า แก่นกายขนาดพอดีถูไถไปกับกล้ามเนื้อหน้าท้องของชายหนุ่มสร้างความเสียวกระสันจากทั้งสองทาง

ดวงตาของครึ่งมารหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้หลี่หรงเหยารู้ว่าฟางเส้นสุดท้ายคงขาดผึงในไม่ช้า

"มันแน่นไปหมด ของเจ้าใหญ่โตเสียจนข้าจะขาดใจอยู่แล้วหลวนซาน อือ..."

รีบ ๆ ตบะแตก แล้วพุ่งมากระแทกข้าแรง ๆ เสียทีเถิด!!

แม้ว่าครึ่งมารหนุ่มจะไม่ได้ขยับตัว แต่แรงเสียดสีนั้นยังคงมากพอที่จะทำให้ซือจุนคนงามหมดสิ้นความอายขย่มควบแก่นกายร้อนรุ่มนั้นตามความต้องการของตน สะโพกสวยส่ายร่อนไปมาอย่างเสียวกระสัน

"ขะ...ข้า ชอบของเจ้ามากเลย"

"ซือจุนขอรับ" มือหนาขยำก้อนเนื้อกลมขาวแน่นขณะที่ชักนำให้ร่างบางกระดกสะโพกครอบครองตัวตน คำพูดลามกที่ถูกพ่นออกมาจากปากสวยนั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของครึ่งมารหนุ่มพุ่งสูงอย่างรุนแรง

"เข้ามาลึก ๆ ได้หรือไม่ ข้าต้องการให้มันลึกกว่านี้"

ราวกับได้ยินเสียงขาดผึงของอะไรบางอย่างในหัว ร่างสูงจัดการพลิกหลี่หรงเหยาให้นอนหงายลงบนฟูกอีกครั้ง ก่อนจะรัวสะโพกกระหน่ำกระแทกกระทั้นบดเบียดแนบชิดชนิดที่ลืมความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น

[ระบบ : กงหยางหลวนซานถูกความใคร่เข้าครอบงำเพิ่ม 50 เปอร์เซ็นต์]

สักทีเถอะ กว่าจะเริ่มครอบงำได้เขาก็แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว!!

แขนแกร่งเท้าคร่อมร่างบางเอาไว้ก่อนจะกระหน่ำสวนสะโพกเข้าใส่หลี่หรงเหยาอย่างไม่ปรานีดวงตาแดงฉานหลบซ่อนใต้ใบหน้าที่ก้มต่ำลง เสียงหอบหายใจกระชั้นถี่ราวกับสัตว์ร้ายบาดเจ็บดังเช่นตอนที่ทำรักกันครั้งแรก

ร่างบางสั่นคลอนตามแรงกระแทกจนไถลไปบนฟูกนอน เสียงร้องหวีดครางดังขึ้นเรื่อย ๆ จนครึ่งมารหนุ่มต้องยกมือขึ้นมาปิดปากสวยเอาไว้เพื่อไม่ให้มีผู้ใดผ่านมาได้ยิน ลมหายใจอุ่นร้อนถูกเป่ารดข้างหูยามที่กงหยางหลวนซานโน้มกายส่วนบนแนบชิดนั้นยิ่งผลักดันอารมณ์ของเขาให้พุ่งสูง

"อ๊ะ อ๊า!! " ร่างบางสั่นกระตุกเพราะถึงฝั่งฝันเป็นครั้งแรก แก่นกายขาวอมชมพูระเรื่อฉีดพ่นของเหลวขาวขุ่นออกมามากมายแม้จะไม่ได้แตะต้องเลยแม้แต่น้อย

[กงหยางหลวนซานถูกความใคร่เข้าครอบงำ 70 เปอร์เซ็นต์]

ยิ่งเห็นอาการเสร็จสม แรงกระแทกจากเอวสอบก็ยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่เสียงของระบบจบลง ร่างในห้องหอทั้งสองก็ไม่มีใครพูดออกมาอีกแม้แต่คำเดียว มีเพียงเสียงครวญครางของหลี่หรงเหยาและเสียงหอบหายใจหนักของกงหยางหลวนซานเท่านั้นที่ดังก้องไปทั้งห้อง ซึ่งหากเขาไม่ใช้ความสามารถของระบบปิดกั้นเสียงทั่วทั้งสำนักคงได้ยินกันหมดแล้ว

ร่างของหลี่หรงเหยาถูกจับพลิกคว่ำพลิกหงายหลายครั้งหลายครา จุดกระสันภายในถูกกระตุ้นไม่หยุดพัก ร่างบางกระตุกถี่พ่นคายน้ำขาวขุ่นออกมาอีกครั้งแม้ว่าจะเพิ่งถึงจุดหมายไปได้ไม่นาน ด้านครึ่งมารหนุ่มที่กำลังรัวสะโพกอย่างขาดสติก็กอดรัดร่างขาวนวลแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ฝังกายกระแทกรุนแรงถี่กระชั้น

เพียงไม่นานผนังภายในก็สัมผัสได้ถึงหยาดหยดอุ่นร้อนที่ไหลทะลักทลายชโลมอัดแน่นอยู่ภายในช่องทางสีหวานจนล้นปรี่ออกมาเปรอะเปื้อนฝูกนอนส่งกลิ่นโลกีย์คาวคลุ้ง แก่นกายใหญ่ถูกกดแช่ไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะหอบหนัก ทิ้งร่างลงแนบชิดคนในอ้อมแขนราวกับวิ่งมาสักพันลี้

หลี่หรงเหยาเองหอบหนักหน่วงไม่ต่างกัน ยิ่งได้เห็นว่ากงหยางหลวนซานถึงฝั่งฝันรุนแรงกว่าเมื่อคืนก่อนก็ยิ่งพึงพอใจ หากไม่ใช่เพราะกงหยางหลวนซานชมชอบร่างกายของเขามาก ก็คงเป็นเพราะรักมากแล้วเท่านั้น

ดวงตาสวยปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน แม้ไม่ได้ขยับกายกระทำกับอีกฝ่ายมากนักแต่การเป็นผู้ตั้งรับและโดนกระทำก็เหนื่อยไม่ใช่น้อย หอบหายใจได้ชั่วครู่หลี่หรงเหยาก็รู้สึกได้ถึงส่วนหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกถอนออกพร้อมกับของเหลวจำนวนที่คั่งค้างไหลย้อนออกมาราวสายธารน้ำ

ไม่นานร่างทั้งร่างก็ถูกรวบกอดก่อนจะลอยหวือไปนอนแหมะอยู่บนอกแกร่ง เส้นผมที่หลุดลุ่ยและเปียกชื้นด้วยหยาดเหงื่อทิ้งตัวลงมาระใบหน้าสวยถูกกงหยางหลวนซานใช้ปลายนิ้วเกี่ยวออกให้ ปากหนักกดจูบลงบนหน้าผากขาวเบา ๆ

"เราแก้พิษกันไปรอบที่สองแล้ว ท่านคิดว่าพิษของมารราคะจะยังอยู่อีกหรือไม่ขอรับ" ดวงตาคมพราวระยับด้วยความนัยชัดเจนยามเอ่ยถาม คำถามอ้อมค้อมหากแต่เมื่อมาถามตอนที่เพิ่งเสร็จกิจ ก็ไม่ต่างจากการถามว่าเขาอยากโดนอีกฝ่ายเสพสมร่างกายอีกหรือไม่ หลี่หรงเหยาหน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้

มันจะเกินไปแล้วนะ

"เหตุใดจึงถามเช่นนั้น หากพิษของมารกำเริบอีกเจ้าจะช่วยข้าอีกหรือ" คนงามทำใจกล้ากระเซ้ากลับ เจ้าครึ่งมารซื่อบื้อนี่ชักจะเหิมเกริมไปเสียแล้ว

"ข้าคงมิยอมให้ผู้ใดมาช่วยเหลือซือจุนได้นอกจากตัวข้าเองขอรับ" วงแขนแกร่งโอบกระชับร่างบางอย่างหวงแหนทันทีที่ฟังเขาพูดจบ หลี่หรงเหยาหัวเราะในลำคอ

"พิษนั้นจะกลับมาอีกหรือไม่ก็สุดจะรู้ แต่พิษของมารคะนั้นหรือจะสู้ใจของข้าที่คอยแต่จะตามเจ้าไปทุกหนแห่ง" ใบหน้างามก้มต่ำไม่ยอมสบตากับชายหนุ่ม มิหนำซ้ำยังซบลงบนอกแกร่งหลีกหนียามที่อีกฝ่ายพยายามจะเชยคางให้เงยหน้าอีกด้วย

"เหตุใดจึงไม่มองหน้าข้าเล่าขอรับ" เสียงของกงหยางหลวนซานนั้นฟังดูสุขล้นจนหลี่หรงเหยาอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้ กระเซ้าเย้าแหย่ขนาดนี้ยังกล้าถามอีกหรือว่าเหตุใดจึงไม่มองหน้า

ไอ้เด็กบ้านี่!!

"ศิษย์สุขใจยิ่งนัก กลัวเหลือเกินว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน" น้ำเสียงมีความสุขเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย หลี่หรงเหยาทำได้เพียงใช้มือที่วางทาบอยู่บนกล้ามเนื้อแน่นลูบเบา ๆ ลงบนอกของกงหยางหลวนซานอย่างปลอบประโลม

"มิใช่ฝันหรอก" แต่นี่เป็นโลกสมมติที่คนเขียนโรคจิตเขียนให้เจ้าอาภัพเหลือแสนโดยไร้ซึ่งเหตุผลต่างหาก บัดซบ!!

"ซือจุนขอรับ"

"หรงเหยา"

"ขอรับ? "

"ยามอยู่กันสองคนช่วยเรียกเพียงชื่อของข้าได้หรือไม่ ใจเจ้ารู้ดีว่าเรามิได้เป็นเพียงศิษย์กับอาจารย์แล้ว" หลี่หรงเหยาว่าก่อนจะเงยขึ้นสบตากงหยางหลวนซานอย่างออดอ้อน

ภารกิจและความปรารถนาในใจส่วนลึกทำให้เขาตัดสินใจขอออกไป อย่างน้อยหากได้ขยับความสัมพันธ์ให้ชัดเจนขึ้นอีกหน่อยคงทำให้ค่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกงหยางหลวนซานพุ่งสูงขึ้น

"...คนโง่อย่างข้าจักปฏิเสธคำขออ่อนหวานปานน้ำผึ้งนี้ได้อย่างไรเล่า....หรงเหยา"

[ระบบ : ค่าความสัมพันธ์ระหว่างหลี่หรงเหยาและกงหยางหลวนซานเพิ่มขึ้นเป็น 60 เปอร์เซ็นต์]

[ระบบ: ค่าความสัมพันธ์ระหว่าง กงหยางหลวนซานและหลินชิวหรงลดลง 60 เปอร์เซ็นต์]

[เนื้อเรื่องเดิม กงหยางหลวนซานได้พบกับหลินชิวหรง และโดนทำร้ายด่าทอจากศิษย์ร่วมสำนักทำให้เผยเกล็ดและดวงตาแห่งมาร เป็นผลให้โดนตามล่าจนได้รับบาดเจ็บและต้องหลบซ่อนตัวในป่าเป็นเวลาหนึ่งปี]

[เนื้อเรื่องใหม่ หลี่หรงเหยาได้ช่วยให้กงหยางหลวนซานกลับมาที่เรือนพักหลักก่อนที่ศิษย์ในสำนักจะมาถึง กงหยางหลวนซานรอดพ้นจากการปะทะกับศิษย์ในสำนักและไม่โดนตามล่า]

หลี่หรงเหยาไม่สามารถปิดรอยยิ้มแห่งความดีใจได้มิด ทุกอย่างราบรื่นและง่ายดายเหลือเกินต่างกับระบบฝึกหัดที่ทรมานร่างกายของเขานัก หากยังเป็นไปตามแผนของเขา ไม่เกินเดือนเขาคงทำภารกิจบัดซบนี่สำเร็จ

จะว่าไปแล้ว

ระบบก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรนัก...หรือเปล่า?

[ปลดล็อกรูทใหม่ หลินชิวหรงกับจิตใจที่เปลี่ยนแปร]

"??? "

[รายละเอียด หลินชิวหรงค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับหวางต้าเหลียนที่ไม่สามารถยอมรับได้ จึงหนีมาพึ่งพิงกงหยางหลวนซานที่เป็นเพื่อนคนสุดท้ายที่เหลือ]

[ศิษย์ในสำนักไม่พอใจที่หลินชิวหรงให้ความสนิทสนมกับกงหยางหลวนซาน เพราะคิดว่าหลินชิวหรงถูกกงหยางหลวนซานล่อลวง จึงคิดแผนปล่อยข่าวลือในสำนักเพื่อแยกทั้งสองคนออกจากกัน]

"..."

หลี่หรงเหยาฟังจบก็ถึงกับพูดไม่ออก มือขาวยกขึ้นนวดขมับของตัวเอง ไม่สนใจใบหน้าสงสัยระคนเป็นห่วงของเจ้าของแผ่นอกที่เขานอนทับอยู่เลยแม้แต่น้อย ละครน้ำเน่าหลังข่าวยังเรียกได้ว่าพอมีเรื่องสมเหตุสมผลมากกว่าโลกใบนี้นัก

อยากจะเห็นหน้าคนสร้างโลกนี้ขึ้นมาจริง ๆ สร้างให้นางเอกมีเสน่ห์เหลือล้นถึงขนาดที่ผู้ชายทุกคนในเรื่องต้องพากันหลับหูหลับตาปกป้อง แม้ต้องทำลายชีวิตใครกี่คนก็ไม่สนใจอย่างนั้นหรือ

เป็นบ้ากันไปหมดแล้วหรืออย่างไร!!


TBC.

ฝากส่งฟีตแบคเป็นกำลังใจให้ไรท์ ตอบกลับกระทู้นี้ หรือเ้าไปเล่นแท็ก #เรือหายแล้วคาตัน ได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างด้วยน้าทุกคนนน


https://twitter.com/search?q=%23%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99&src=hashtag_click

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รูทลับ : หลินชิวหรงกับจิตใจที่แปรเปลี่ยน




เปลือกตาสวยลืมขึ้นในเช้าวันใหม่ก่อนจะกระพริบไล่อาการง่วงงุนที่ยังคงไม่จางหายไป ลมหายใจอุ่นถูกพ่นออกมาอย่างช้า ๆ ท่ามกลางความเงียบ ทันทีที่ร่างกายหลุดจากห้วงนิทราความเจ็บเสียดที่ช่องทางด้านหลังก็เริ่มแล่นเข้าเล่นงาน แม้ไม่ได้เจ็บถึงขนาดต้องร้องออกมา หากแต่ก็มากพอให้เหนื่อยล้าและรำคาญใจไม่น้อย

กายขาวขยับคลายความเมื่อยขบก่อนจะเหลือบมองคนที่กกกอดตัวเองมาทั้งคืน แขนแข็งแรงที่พาดอยู่ตรฃช่วงเอวพาให้รู้สึกหนักพอสมควร หากแต่ความความอบอุ่นที่อวลไปทั่วทั้งแผ่นหลังกลับทำให้เขาไม่อยากยกแขนของอีกฝ่ายออก มือบางลูบลงบนหลังมือของอีกฝ่ายที่แปะอยู่ตรงหน้าท้องเบา ๆ ก่อนขยับพลิกตัวเข้าหาครึ่งมารหนุ่มที่ยังคงหลับไหล

วงแขนแกร่งยังคงโอบกอดแน่นหนาพาให้รู้สึกปลอดภัยนัก หากแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หลี่หรงเหยาให้ความสนใจในตอนนี้ สิ่งที่เขาสนใจคือใบหน้าหล่อที่ไร้พิษภัยของอีกฝ่ายต่างหาก เพราะชาติกำเกิดที่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ใหญ่จึงทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ต้องมาเจอกับชะตากรรมอันเลวร้าย นอกจากจะเกิดมามีสายเลือดมารแล้วยังต้องมาอยู่ร่วมโลกกับพวกไม่มีสมองอีก ไม่แปลกใจเลยที่กงหยางหลวนซานในเนื้อเรื่องเก่าจะโกรธจนตามฆ่าเซียนมือถือสากปากถือศีลพวกนี้จนหมด

สมน้ำหน้า

เร็วกว่าความคิด มือเรียวสวยยกขึ้นไปแตะใบหน้าของอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะไล้นิ้วมือลงบนผิวแก้ม วงแขนแกร่งโอบกระชับแน่นกว่าเก่าขณะที่มุมปากหยักกดลึก หลี่หรงเหยารู้ตัวทันทีว่าตัวเองโดนต้มจนเปื่อยเสียแล้ว แท้จริงเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้หลับอย่างที่เข้าใจมาตลอด ตื่นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้

"อ่ะ..." ร่างทั้งร่างถูกรวบกอดแนบชิด ก่อนที่คนกอดจะลืมตาขึ้นมามองหน้าเขาอย่างเจ้าเล่ห์

"เหตุใดจึงซุกซนนักเล่าขอรับ" เสียงทุ้มกล่าวขึ้นขณะที่ดวงตาคมไล่มองใบหน้าของเขาด้วยสายตาที่พาให้วูบวาบไปทั่วสรรพางค์กาย

หลี่หรงเหยาต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อห้ามตัวเองอีกครั้ง เท่านี้ร่างกายนี้ก็ไม่รู้จะฟื้นตัวให้หายเจ็บเสียดได้ตอนไหน อย่าปล่อยให้อาการร่านราคะกำเริบจนถึงกับล้มหมอนอนเสื่อเลยเถอะ

"ข้าเปล่าเสียหน่อย เห็นว่าเจ้าหลับจึงอยากปัดเส้นผมออกให้ก็เท่านั้น" ซือจุนตัวขาวเอ่ยขึ้นก่อนจะหลุบตามองลูกกระเดือกที่เลื่อนขึ้นลงเพราะเจ้าตัวกลืนน้ำลาย สะโพกสวยรู้สึกหวิวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

"จริงหรือขอรับ เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณซือจุนแล้ว" จมูกโด่งเคลื่อนเข้ามาคลอเคลียช่วงสันจมูกของเขา พอเหลือบตาขึ้นไปมองก็สบเข้ากับนัยน์ตาที่ยังคงความแดงก่ำซุกซ่อนอยู่ในสีดำซึ่งเป็นสีตาปกติ

เห็นได้ชัดว่าเจ้าครึ่งมารนี่อยากฟัดเขาต่อ และแม้ว่าเขาเองก็อยากโดนขย้ำแค่ไหนแต่ก็ต้องห้ามตนเองเอาไว้อย่างยิ่งยวด แค่เมื่อคืนก็สติแตกทำต่อกันไปอีกสามยกจนฟ้าเหลืองแล้ว หากทำต่อตอนเช้าอีกมีหวังเขาคงนอนเป็นผักไปอีกหลายวัน

"เหตุใดจึงยังเรียกข้าเช่นนั้นเล่า ไหนบอกว่าเจ้าไม่ปฏิเสธคำขอ" หลี่หรงเหยาจำต้องเปลี่ยนเรื่องเพื่อรักษาสวัสดิภาพทางร่างกายของตน กงหยางหลวนซานกระพริบตาปริบ ๆ ใส่เขาราวกับกำลังทวนความทรงจำของตัวเอง เล่นเอาหลี่หรงเหยาเผลอกลอกตาจนแทบกลับหลัง

"ข้าขอโทษ"

เพิ่งบอกกับเขาว่าตัวเองคนโง่อย่างตนนั้นไม่อาจปฏิเสธคำขอหวานปานน้ำผึ้งเช่นนี้ได้ แต่พอตื่นเช้ามาก็ลืมเสียสิ้น นอกจากจะเขียนมาให้ซื่อบื้อแล้วยังเขียนมาให้ความจำสั้นอีกหรือ หลี่หรงเหยายังคงจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ชายหนุ่มจึงยิ่งร้อนรนว่าอาจจะโดนคนงามโกรธเข้าให้แล้ว

"หรงเหยา ให้อภัยความเขลาของข้าด้วยเถิด" มือหนายกขึ้นมาแนบแก้มนิ่ม บังคับให้มองตาตนเองไปด้วย

"ข้าไม่ได้โกรธ" หากโกรธเจ้าก็เสียเวลาทำคะแนนไปโดยเปล่าประโยชน์น่ะสิ หลี่หรงเหยาคิดในใจขณะที่ยกมือของตนขึ้นมากุมมือของชายหนุ่ม "แค่เพียงได้ยินเจ้าเรียกชื่อข้าเมื่อครู่ ใจข้าก็สั่นไปหมด" สายตาหวานเยิ้มถูกส่งไปให้ครึ่งมารหนุ่ม แม้จะมีความประดิษฐ์ประดอยไปบ้างแต่ก็ถือว่าน่าจะสมจริงพอสมควร ไม่เช่นนั้นเจ้าเด็กนี่คงไม่ยิ้มแบบนี้แน่นอน

ด้วยความที่มีใจอยู่แล้ว การจะทำให้รักเพิ่มขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องที่หนักเกินความสามารถเลยสักนิด หลี่หรงเหยายิ้มบางในตอนที่ปากหยักกดจูบลงมาบนเปลือกตาของตน ก่อนจะส่งสายตาแบบเดิมกลับไปให้อีกครั้ง กงหยางหลวนซานหรือจะเก่งกล้าสามารถมาสู้มารยาร้อยเล่มเกวียนของเขาได้

"คนดี ปากของเจ้าหวานเหลือเกิน" นัยน์ตาสีดำขลับของชายหนุ่มหวานหยดไม่ต่างจากแววตาของหลี่หรงเหยาเลยสักนิด ร่างสูงผละออกก่อนจะถดตัวไปด้านล่างแล้วแนบใบหน้าของตัวเองลงบนแผ่นอกบาง ราวกับต้องการหลีกหนี

"ไม่เลยสักนิด ข้าพูดเรื่องจริงทั้งนั้น" หลี่หรงเหยาว่า ขณะที่ยื่นมือไปลูบเรือนผมสีดำขลับของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู เขาเชื่อเหลือเกินว่าหากไม่มีการให้ร้ายจากคนในสำนักแล้ว เด็กดีอย่างกงหยางหลวนซานไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบในเนื้อเรื่องเก่าแน่ ถึงแม้จะมีสายเลือดมารในตัวก็ตาม

รอยยิ้มละมุนยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อ แววตาหวานซึ้งที่แสดงออกถึงความรู้สึกลึกล้ำนั้น หลี่หรงเหยาแปลเป็นอย่างอื่นไม่ออกเลยนอกจากรัก ตอนนี้ภารกิจดำเนินมาถึงหกสิบเปอร์เซ็นก็ถือว่ามากกว่าครึ่งทางแล้ว หากแต่ตราบใดที่เปอร์เซ็นต์ความสัมพันธ์ยังไม่ถูกขานออกมาจากปากของระบบ เขาก็ไม่สามารถที่มั่นใจได้ว่าสิ่งที่กงหยางหลวนซานแสดงออกมานั้นเป็นเรื่องจริง แม้จะใจสั่นมากก็ตามที

[ความสัมพันธ์ระหว่างหลี่หรงเหยาและกงหยางหลวนซานเพิ่มขึ้นเป็น 70 เปอร์เซ็น]

ดวงตาสวยกลอกไปมาขณะที่เม้มปากอย่างขัดเขิน เพิ่งจะคิดว่าใจสั่นอยู่เมื่อครู่พอระบบยืนยันว่าค่าความสัมพันธ์ของกงหยางหลวนซานนั้นเพิ่มขึ้น ใจของเขาก็ยิ่งสั่นเสียจนน่าอาย ยิ่งกงหยางหลวนซานกำลังแนบหูอยู่กับช่วงอกของเขาหลี่หรงเหยายิ่งรู้สึกอยากแทรกแผ่นดินหนี

"ข้าเชื่อแล้วว่าใจของเจ้าสั่น" รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดขึ้นอีกครั้งยามที่ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ในอก หากแต่ยังไม่ทันที่หลี่หรงเหยาจะได้อายมากไปกว่านี้ เสียงของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

[หลินชิวหรงรู้ความลับของหวางต้าเหลียนแล้วและไม่สามารถยอมรับได้ จึงหวังพึ่งกงหยางหลวนซานเพื่อนคนเดียวที่เหลืออยู่]

[ค่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินชิวหรงกับหวางต้าเหลียนลดลงเหลือ 40 เปอร์เซ็น]

[คำเตือน ระวังอันตรายที่ไม่คาดฝันจากศิษย์ร่วมสำนัก]

อะไรอีก!!

อย่าบอกเชียวว่าเรื่องที่ระบบบอกมา ว่าการที่หลินชิวหรงจะมาหวังพึ่งพิงกงหยางหลวนซานเพราะผิดหวังในตัวของหวางต้าเหลียน จนค่าความรักลดลงเกินครึ่งนั้นจะทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันด้วย ศิษย์ร่วมสำนักนี่จะไม่มีสมองเป็นของตัวเองเลยหรืออย่างไร หลินชิวหรงเองก็เหมือนกัน เมื่อรู้ว่าเพื่อนกำลังเดือดร้อนเพราะตัวเองจะไม่เอ่ยปากช่วยเลยเชียวเหรอ เขาจึงต้องมาระวังศึกชิงนางเช่นนี้แทนที่จะได้ทำภารกิจหลัก

สรุปว่าอย่างไรเสียคนเขียนที่สร้างโลกนี้ขึ้นมา ก็ต้องการให้เกิดเหตุร้ายกับกงหยางหลวนซานไม่ว่าทางใดเช่นนั้นนั้นสินะ โรคจิต!!

"หลวนซาน! หลวนซาน! เจ้าอยู่ที่นี่หรือไม่" หลี่หรงเหยาหลับตาลงอย่างระงับอารมณ์ทันทีที่ได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ดังมาจากนอกบ้าน ยังไม่ทันขาดคำก็มาโผล่ที่เรือนพักเสียแล้ว ระบบจะให้เขาได้ทำคะแนนอย่างสบายใจบ้างไม่ได้เลยหรือไร!!

"ชิวหรงมาอย่างนั้นเหรอ" ร่างสูงผงกหัวขึ้นมองทางต้นเสียงก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง กายแกร่งกำยำปรากฏกล้ามเนื้อชัดเจนมีเพียงกางเกงผ้าตัวเดียวปิดกาย กงหยางหลวนซานจึงตั้งท่าลุกขึ้นเพื่อไปหยิบชุดของตนที่พาดอยู่บนโต๊ะมาสวม หากแต่ยังไม่ทันที่เท้าจะได้แตะพื้นก็กลับโดนมือเรียวรั้งต้นแขนเอาไว้

"ไม่ไปได้หรือไม่ ข้ายังไม่อยากให้เจ้าออกไป" ดวงตาสวยกลับมาหม่นแสงอีกครั้ง หากเพียงครั้งนี้มิใช่เพราะกลัวว่าค่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้จะเพิ่มขึ้น

"หรงเหยา นางอาจมีธุระสำคัญ" กงหยางหลวนซานหันมาจับมือเขาก่อนจะบีบเบา ๆ

"...หลวนซาน ข้าไม่อยากให้เจ้าเจอนาง" หลี่หรงเหยารู้ว่ากำลังงี่เง่าและอาจทำให้ค่าความสัมพันธ์ลดลง แต่นอกเหลือจากความรู้สึกของเขา ก็ยังมีเรื่องความปลอดภัยของกงหยางหลวนซานที่อาจโดนทำร้ายได้ทุกเมื่อหากเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นอีก

"คนดี...เชื่อใจข้านะ ข้าไม่ได้รักนางแล้วเพราะใจข้าอยู่ที่เจ้าเพียงผู้เดียว" คำบอกรักที่ได้มาโดยไม่ทันตั้งตัวพาให้หลี่หรงเหยานิ่งไป สมองยิ่งว่างเปล่ายามที่ปากหยักได้รูปกดจูบลงบนหน้าผาก

"นางเป็นเพื่อนของข้า การที่นางมาตามหาข้าถึงเรือนพักของเจ้าอาจเป็นเพราะมีเรื่องสำคัญจริง ๆ " ครึ่งมารหนุ่มยิ้มละมุนก่อนจะลุกขึ้นไปสวมเสื้อผ้า แล้วเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ซือจุนคนงามนั่งมองตาละห้อย

ค่าความรักที่กงหยางหลวนซานมีให้เพียงสี่สิบเปอร์เซ็นนั้น มีอิทธิพลเสียเหลือเกินจนทำให้ครึ่งมารทิ้งเขาได้เลยเชียวหรือ ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เรื่องราวมันจะยุ่งเหยิงไปถึงไหน กว่าจะทำให้ปันใจมาให้ได้ก็นานแสนนาน พอทำได้ก็ยังต้องมีอุปสรรคมากั้นขวางนับไม่ถ้วนอีก

หากกงหยางลวนซานออกไปแล้วใครในสำนักมาเห็นเข้า เหตุการณ์วินาศสันตะโรนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกหรือ หลี่หรงเหยาลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยใบหน้าที่งอง้ำก่อนจะคว้าชุดมาสวมแล้วเดินตามออกไปด้านนอก อย่างน้อยหากมีเขาอยู่ด้วยเจ้าพวกไร้สมองคงไม่กล้าทำอะไรมากนัก

เมื่อออกมาถึงด้านหน้าของเรือนพักหลี่หรงเหยาก็เห็นว่าหลินชิวหรงกำลังพูดคุยอยู่กับกงหยางหลวนซานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาจับใจความจากเสียงเบาหวิวนั้นได้เพียงหลินชิวหรงเข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบของกงหยางหลวนซานเท่านั้น ไม่ได้เล่าเรื่องต้าเหลียนอย่างที่เขาคาดเอาไว้

หลี่หรงเหยาขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม ทั้งที่หน้าซีดราวกับหิมะแต่กลับไม่ยอมบอกกงหยางหลวนซานว่าผิดใจอะไรกับหวางต้าเหลียนอย่างนั้นเหรอ ทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน ความลับของหวางต้าเหลียนต้องร้ายแรงถึงขั้นไหนจึงทำให้หลินชิวหรงเลือกที่จะไม่เล่า แม้แต่กับเพื่อนสนิทอย่างกงหยางหลวนซาน

"คารวะอาจารย์หลี่เจ้าค่ะ" หญิงสาวคำนับเขาทันทีที่หันมาเห็นว่าหลี่หรงเหยายืนอยู่ หากแต่ครานี้สายตาริษยาแบบเดิมกลับแปรเปลี่ยนไป หลินชิวหรงรีบรุดเดินมาหาเขาก่อนจะยื่นห่อยาสมุนไพรมาให้ด้วยสองมืออย่างนอบน้อย

"ข้าได้ยาสมุนไพรนี้มาจากคนเก็บสมุนไพรในตลาดเจ้าค่ะ เห็นหลวนซานบอกว่าซือจุนไม่ค่อยสบายจึงซื้อมาฝาก"

"ขอบใจเจ้ามาก ข้าเองดีขึ้นมากแล้ว" หลี่หรงเหยารับยาห่อนั้นมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มหากแต่ใจยังคงไม่คลายสงสัย ในเมื่อระบบบอกว่าหลินชิวหรงมาพึ่งกงหยางหลวนซานแต่กลับไม่ยอมบอกอะไร แถมยังซื้อยามาให้เขาทั้งที่เคยมองด้วยสายตาแบบนั้น ผู้หญิงคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่

"วันนี้ข้าว่างเว้นจากการฝึก จึงอยากจะขออยู่ช่วยกงหยางหลวนซานปรนนิบัติท่านอาจารย์หลี่เจ้าค่ะ"

"เอ่อ..." ปรนนิบัติเขาอย่างนั้นเหรอ...

"ข้าทำได้ทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ จะให้ข้าทำอาหาร ทำความสะอาดข้าทำได้ทั้งหมด ขอเพียงท่านอนุญาตเจ้าค่ะ"

หลี่หรงเหยานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มมองออกถึงเจตนาที่แท้จริงของหลินชิวหรง คิดเอาไว้แล้วเชียวว่าห่อยาที่หญิงสาวเอามามอบให้นั้นต้องมีการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ หากเขาไม่รู้เรื่องระหว่างหลินชิวหรงกับต้าเหลี่ยนก็คงคิดว่าศิษย์ผู้นี้ช่างน้ำใจงามน่าเอ็นดูนัก แต่เป็นเพราะเขารู้เรื่องทั้งหมดจึงทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าหลินชิวหรงเพียงหาที่อยู่เพื่อหลบหน้าหวางต้าเหลียนเท่านั้น

เป็นแบบนี้อาจทำให้กงหยางหลวนซานจิตใจสั่นไหวอีกครั้งได้ ซ้ำร้ายหากมีผู้ใดมาเห็นว่าอยู่ด้วยกันที่นี่คงมีเรื่องใหญ่ตามมาในไม่ช้า

"มิเป็นไรหรอกข้าไม่ได้ป่วยหนักแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด"

"มิได้หรอกเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์หลี่เอ็นดูเพื่อนข้าเช่นนี้ข้าเองก็อยากตอบแทนบุญคุณ หากไม่มีท่านกงหยางหลวนซานคงตกที่นั่งลำบาก" หญิงสาวตอบอย่างหนักแน่นราวกับอยากปรนนิบัติเขาเสียเต็มประดา แล้วอาจารย์อย่างเขาจะสามารถทำอะไรได้ หากพูดถึงขนาดนี้แล้วเขายังปฏิเสธอาจจะโดนกงหยางหลวนซานมองว่างี่เง่าเกินเหตุก็เป็นได้

"เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว" ดวงตาใสเหลือบมองชายหนุ่มที่ยังคงปักหลักยืนอยู่อีกด้าน รอยยิ้มขอลุแก่โทษถูกส่งมาให้ หากแต่หลี่หรงเหยาเลือกที่จะเมินแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในตัวเรือนพักอีกครั้ง เพราะไม่อยากแสดงอาการที่ไม่ควรออกมา

น่าหงุดหงิดไปหมดเสียจริง!!

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หลังจากที่เอ่ยปากอนุญาตแล้วหลี่หรงเหยาก็เลือกที่จะเข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องพักเพียงลำพัง เขาไม่อยากทำให้เรื่องมันยากยิ่งไปกว่านี้ เพราะรู้ว่ากงหยางหลวนซานเองก็ยังมีเยื่อใย หากเขาทำอะไรผิดพลาดเกรงว่าจะต้องกลับไปเริ่มใหม่อีกครั้ง

เวลาล่วงเลยจากเช้าไปจนถึงเย็นหลินชิวหรงก็ยังคงไม่กลับไปเสียที หญิงสาวยังคงหางานให้ตัวเองทำเสมอจนเขาไม่มีข้ออ้างให้ไล่กลับ ไหนจะต้มยาบำรุงร่างกายให้เขา ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร เมื่อถึงเวลาว่างก็นั่งคุยกับกงหยางหลวนซานที่นอกชาน แม้จะมีหลายครั้งที่กงหยางหลวนซานพยายามปลีกตัวมาหาเขา แต่หญิงสาวก็ยังคงเกาะติดแจไม่ยอมปล่อย

ทุกครั้งที่ครึ่งมารหนุ่มเดินมาชะโงกมองเขา ด้านหลังแผ่นหลังกำยำนั้นจะมีหลินชิวหรงยืนอยู่เสมอ

เมื่อเป็นเช่นนั้น ครั้งสุดท้ายที่กงหยางหลวนซานปลีกตัวเข้ามาหาเขาขณะที่หลินชิวหรงกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร หลี่หรงเหยาจึงต้องใช้มารยาของตนให้เป็นประโยชน์

"ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ หลวนซาน เจ้าออกไปช่วยนางเถิด หากข้าไปเองนางก็คงไม่ยอมให้ช่วยเช่นเดิม" นัยน์ตาสวยหม่นแสงยามที่เอ่ยวาจาที่ไม่ต่างไปจากการผลักไส

เพราะรู้ว่าชายหนุ่มพยายามเข้าหาทุกครั้งที่เป็นไปได้ จะเป็นเพราะความรู้สึกผิดในใจที่ตอนเช้าดื้อรั้นออกมาหาหญิงสาว ทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังทั้งวันหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หลี่หรงเหยาขอคิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้ก่อนว่ากงหยางหลวนซานเลือกเขามากกว่าหลินชิวหรง

"หรงเหยา ยังโกรธเคืองข้าอยู่หรือ" ครึ่งมารหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดเสียงเบา เพราะเกรงว่าหลินชิวหรงจะมาได้ยินเขาเรียกเพียงชื่อของอาจารย์

"ข้าไม่ได้โกรธ"

"เจ้าหลบหน้าข้ามาทั้งวันแล้ว ข้าขอโทษได้หรือไม่ ข้าเองไม่รู้ว่านางจะรบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้านานเช่นนี้" ด้วยความที่ไม่ได้อยู่กันเพียงลำพังกงหยางหลวนซานจึงเพียงส่งสายตาเว้าวอนมาให้ ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเขาแต่อย่างใด

"ข้ามิได้ต้องการพักผ่อนเจ้าก็รู้ดี ข้าเพียงต้องการอยู่กับเจ้าตามลำพังเท่านั้น" คนงามเอ่ยตัดพ้อก่อนจะหลุบตามองพื้น วางมือที่ถือหนังสือลงบนตักราวกับไม่สนใจจะอ่านมันต่อ

"คนดี..." ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้อีกนิดก่อนจะนั่งคุกเข่าลงบนพื้น ดวงตาคมจ้องมองใบหน้างามหยดย้อยอย่างเว้าวอน "ข้าสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้อีก เดี๋ยวข้าจะบอกให้นางกลับเรือนพักแล้วจะกลับมาหาเจ้า เช่นนี้ดีหรือไม่" หลี่หรงเหยาซุกซ่อนรอยยิ้มสาสมใจเอาไว้ในใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะหันไปสบตากับชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่ามีแต่ความจริงจังในดวงตาคม ใบหน้างามจึงพยักขึ้นลงรับคำ

อย่างน้อยถ้าหลินชิวหรงออกจากบ้านไปได้ และเขาสองคนได้กลับมาอยู่กันตามลำพัง คงหลีกเลี่ยงเรื่องราวไม่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ หากเขาทำให้เจ้าครึ่งมารนี่รักหมดใจได้ก่อนที่เรื่องร้ายจะเกิด ก็เป็นไปได้ว่าภารกิจจะสำเร็จ

"จะกลับมาหาข้าจริง ๆ หรือ"

"ข้าให้สัญญาเพราะข้าเองก็อยากกอดเจ้าเต็มทีแล้ว หากนางยังอยู่แม้แต่ปลายนิ้วของลเจ้าข้าก็แตะไม่ได้" รอยยิ้มกรุ่มกริ้มพาให้เขินอายผุดขึ้นบนใบหน้าหล่ออีกครั้ง สายตาคมกริบทั้งมองมาพาให้วูบวาบไปทั่วสรรพางค์กายยิ่งกว่าในตอนเช้าเสียอีก หลี่หรงใจเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

เจ้าเด็กครึ่งมารซื่อบื้อที่เอาแต่รู้สึกผิดที่ล่วงเกินอาจารย์อย่างเขามันหายไปไหนเสียแล้ว

"เช่นนั้นก็รีบไปเถิด ข้าจะไปล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อย" ดวงตาสวยเย้ายวนยามที่บอกความนัยน์กับเด็กหนุ่ม นิ้วเรียวกรีดเข้าใต้คอเสื้อของตนไปด้วย

ครึ่งมารหนุ่มรีบรุดออกไปจากห้องอย่างที่พูด เหลือเพียงหลี่หรงเหยาที่กำลงเผยรอยยิ้มสาสมใจ อย่างไรเสียสามสิบเปอร์เซ็นที่เขามีมากกว่าก็มากพอที่จะทำให้กงหยางหลวนซานเลือกเขายามที่เอ่ยปาก แบบนี้เขาต้องรีบทำให้มันเพิ่มขึ้นอีกให้จงได้

ร่างบางก้าวลงจากเตียงก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำชำระร่างกาย เตรียมเอาไว้รอชายหนุ่มกลับมาอย่างไม่เร่งร้อน เพราะเร่งไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรนัก หากกงหยางหลวนซานกลับมาก่อนเวลา เขาอาจจะได้ผลพลอยได้เป็นการเปลี่ยนสถานที่เป็นทำในห้องอาบน้ำก็เป็นได้ แค่คิดก็รู้สึกหวิวไหวที่ขาเสียจนทนแทบไม่ไหว

หลี่หรงเหยาใช้เวลานานทีเดียวในการใช้ผ้าเปียกชุ่มขัดล้างทุกซอกทุกมุมในร่างกาย หากแต่จนแล้วจนรอดชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมกลับมาเสียทีจนเขาชักสงสัย ไหนกงหยางหลวนซานบอกเขาว่าจะไปบอกให้หญิงสาวกลับไป แล้วเหตุใดจึงไปนานเช่นนี้

"ไม่ใช่ว่า...แย่แล้ว!!"

กงหยางหลวนซานต้องทำเกินจากที่พูดไว้ด้วยการเดินไปส่งหญิงสาวเป็นแน่ หลี่หรงเหยาลืมไปเสียสนิทว่าแม้กงหยางหลวนซานจะเลือกเขาโดยการให้หญิงสาวกลับไปนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าครึ่งมารซื่อบื้อจะยอมให้หลินชิวหรงเดินกลับคนเดียวในช่วงเวลาเย็นย่ำเช่นนี้

หลี่หรงเหยาคว้าชุดมาสวมใส่ก่อนจะรีบรุดวิ่งออกไปด้านนอก และเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิดเพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่ด้านหน้าเรือนพักเลยแม้แต่คนเดียว อยากเอาหัวโขกพื้นนัก ทำไมเรื่องแค่นี้เขากลับลืมกัน!!

ร่างบางรีบวิ่งออกจากเรือนพักสุดฝีเท้า ภาวนาในใจเป็นร้อย ๆ ครั้งให้ไม่เกิดเรื่องร้ายอย่างที่ระบบเตือนเอา เพิ่งจะมาเข้าใจคำว่าอันตรายไม่คาดฝันก็ตอนนี้ ใช่ว่าไม่คาดฝันกับพวกศิษย์ในสำนัก หากแต่ไม่คาดฝันกับเจ้าเด็กซื่อบื้อนี่แหละ ออกไปเจอกับอันตรายเก่งนัก!!

ด้วยสกิลด้านพลังกายที่เขาได้รับมาจากระบบจึงทำให้เขามาถึงเร็วกว่าที่ควร ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างยามที่ได้เห็นกลุ่มของศิษย์ในสำนักที่เขาจำได้ว่าเป็นศิษย์ที่มีฝีมืออันดับต้น ๆ กำลังเผชิญหน้ากับกงหยางหลวนซานและหลินชิวหรง

"ปล่อยชิวหรงเดี๋ยวนี้ มารร้ายเช่นเจ้าอย่าได้คิดจะแตะต้องดอกไม้บริสุทธิ์" หนึ่งในกลุ่มตะโกนออกมาเสียงดังก่อนที่ทั้งกลุ่มจะเฮโลตามกัน

หลี่หรงเหยาที่หยุดยืนไม่ไกลกันมากนักถึงกับขมวดคิ้ว ดอกไม้ชนิดเดียวที่หลินชิวหรงเป็นได้เห็นจะเป็นดอกไม้พิษกระมัง ไม่เช่นนั้นคงไม่ยืนเฉยราวกับรูปปั้นเช่นนั้นทั้งที่เพื่อนกำลังโดนว่าร้าย

"ข้าไม่ใช่มาร" กงหยางหลวนซานตอบด้วยความเยือกเย็นไม่ได้แสดงอาการโกรธขึ้งออกมาแต่อย่างใด และนั่นทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจที่ไม่สามารถยั่วยุได้

"เจ้าน่ะเรอะไม่ใช่มาร แล้วสีผมกับสีตาของเจ้านั้นเล่า จะแก้ตัวว่าอย่างไร" อีกคนในกลุ่มพูดออกมาอีกและที่เหลือก็ยังคงเฮโลตามกันเหมือนเดิม หากแต่ครึ่งมารหนุ่มก็ยังคงนิ่งเฉยราวกับชินชาไปเสียแล้ว

"สีผมและสีตาของคนมีได้หลายสี เรื่องนี้เจ้าควรเรียนรู้ไว้นะเฉิงเจีย" เสียงทุ้มยังคงนิ่งสนิทหากแต่หลี่หรงเหยรับรู้ได้ถึงความยะเยือกที่แฝงมาในน้ำเสียง คำพูดที่ฟังดูสุภาพนั้นความหมายมิได้ต่างจากการด่าว่า หัดออกมาจากกะลาเสียบ้างไอ้พวกโง่ เลยสักนิด

"พูดแก้ตัวไปเรื่อย สีตากับสีผมของเจ้าน่ะมีก็แต่เผ่ามารเท่านั้นแหละที่จะเป็นสีนี้ ชิวหรงออกมาเสีย" ศิษย์คนแรกพุ่งเข้าไปตั้งท่าจะจูงมือของหลินชิวหรงให้เปลี่ยนมาอยู่ฝั่งตัวเอง หากแต่ยังไม่ทันจะได้ถึงตัวก็โดนกงหยางหลวนซานสกัดเอาไว้ก่อน

"นางเป็นหญิง ควรหรือที่พวกเจ้าจะแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากนางก่อน" กระบี่ในมือหนาวางแนบคมมีดลงบนลำคอของอีกฝ่าย แสดงให้เห็นว่าจะไม่ยอมให้เข้าใกล้หลินชิวหรงแน่

"อย่ามาแส่!! "

"เจ้านั่นแหละอย่ามายุ่งกับข้า แล้วก็เลิกให้ร้ายหลวนซานได้แล้ว เขาไม่ใช่มารอย่างที่พวกเจ้าพูด" หลินชิวหรงเปิดปากหลังจากที่ยืนนิ่งมานาน หลี่หรงเหยาหรี่ตามองอีกฝ่ายอีกครั้ง พอมาสังเกตดี ๆ สีหน้าของหลินชิวหรงดูรังเกียจศิษย์เหล่านี้มากพอตัว

ก่อนหน้านี้เขาคิดสัปดนว่าหลินชิวหรงอาจชมชอบที่ตัวเองเป็นที่ต้องการของชายหนุ่มมากมาย แต่พอมาคิดอีกทีอย่างไรเสียหญิงสาวก็เป็นนางเอก อาจมีความอิจฉาตามประสามนุษย์ปุตุชนแต่หากจะให้ถึงขั้นคิดร้ายเช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้

"ชิวหรง นี่เจ้าโดนมันหลอกล่อถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือ มันเป็นมารนะ เจ้าดูไม่ออกเลยรึ" ชายหนุ่มอีกคนตั้งท่าเดินเข้ามาอีก และครั้งนี้กระบี่ที่ในมือถูกยื่นปลายคมมาที่กงหยางหลวนซานเช่นกัน

"หลวนซานไม่ได้หลอกล่อข้า เราเป็นเพื่อนกันมานานก่อนจะมาเจอพวกเจ้าอีก หยุดให้ร้ายหลวนซานได้แล้ว" หลินชิวหรงเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด เมื่อเห็นว่านอกจากคนพวกนี้จะพยายามเข้ามาจับเนื้อตัวแล้วยังพยายามจะทำร้ายกงหยางหลวนซานอีกด้วย

"หยุดให้หมดทุกคนไม่เช่นนั้นเรื่องนี้ถึงหูต้าเหลียนแน่ และถ้าต้าเหลียนรู้เรื่องที่พวกเจ้าทำ ท่านเจ้าสำนักก็ต้องรู้" หลินชิวหรงเดินออกมายืนเคียงข้างกับกงหยางหลวนซาน เอ่ยขู่ถึงอาจารย์ของหวางต้าเหลียนซึ่งเป็นเจ้าสำนัก ใบหน้าสะสวยงอง้ำมองกลุ่มชายวัยฉกรรภ์อย่างไม่เป็นมิตร และนั่นทำให้คนเหล่านั้นยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา

"นี่เจ้าคงใช้พลังทำให้นางหลงผิดสินะ แค่ได้เชยชมอาจารย์หลี่ยังไม่สาแก่ใจมารอย่างเจ้าอีกหรือ ถึงต้องลากชิวหรงให้ลงไปเกลือกกลั้วกับของสกปรก!! " เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่ากงหยางลวนซานเบิกตากว้าง อย่าแต่หลวนซานเลย เขาเองก็ตกใจจนเกือบสำลักอากาศที่คนพวกนั้นพูดเรื่องนี้ออกมา

อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้ไปรู้ไปเห็นอะไรที่พวกเขาทำ

"พวกเจ้าพูดเรื่องอะไร ท่านอาจารย์หลี่เกี่ยวอะไรด้วย" หลินชิวหรงมองทั้งกงหยางหลวนซานสลับกับศิษย์กลุ่มนั้นสลับกันอย่างสับสน ด้านครึ่งมารหนุ่มที่ในตอนแรกไม่แสดงอาการโกรธออกมาในตอนนี้เริ่มหายใจแรงขึ้นเพราะอีกฝ่ายละลาบละล้วงไปถึงหลี่หรงเหยา

"เกี่ยวอะไรน่ะเหรอ เจ้าคงไม่รู้ใช่ไหมเล่าชิวหรง ว่ามันน่ะใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงอาจารย์หลี่จนเสียรู้ยอมมันหมดทุกอย่างแล้ว หากไม่อยากตกเป็นของมันก็จงออกมาเสีย" ศิษย์ร่างสูงกล่าวออกมาอย่างคึกคะนอง หลี่หรงเหยาที่หยุดยืนอยู่ไม่ไกลขมวดคิ้วก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป พูดจาแบบนี้มันใช่ได้ที่ไหน หากจะมีใครหลอกลวงก็เขานี่แหละไม่ใช่กงหยางหลวนซานเสียหน่อย ไอ้พวกสามหาว!!

"ดูสิ พอพวกเรารู้ความจริง สันดานมารของมันก็ออกมาจนได้" หลี่หรงเหยาเหลือบสายตาไปมองกงหยางหลวนซานทันทีที่ฟังประโยคนั้นจบ

คนงามได้แต่คิดว่าซวยแล้วเมื่อสิ่งที่เห็นคือดวงตาของกงหยางหลวนซานที่เปลี่ยนเป็นสีแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความโกรธ ช่วงต้นคอเริ่มปรากฏริ้วรอยจาง ๆ ของอะไรบางอย่างที่ผุดขึ้นมาจากผิวเนื้อ

และดูเหมือนว่าหลินชิวหรงเองก็หันกลับไปเห็นเช่นเดียวกัน ในตอนนี้หญิงสาวจึงถอยกรูดออกไปหลายก้าว

"หยุดให้ร้ายท่านอาจารย์หลี่ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าเสีย" น้ำเสียงทุ้มเย็นเยียบมือที่กำด้านกระบี่เอาไว้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้

"หากคิดว่าผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกข้าจะแพ้ให้กับมารอย่างเจ้าก็เข้ามาเลย" สิ้นประโยคพวกที่เหลือก็ดึงกระบี่ออกมาจากฝัก แล้วพุ่งเข้าหาครึ่งมารหนุ่มอย่างรวดเร็วจนยากที่จะตั้งตัวได้ทัน

ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าและฝีมือของครึ่งมารหนุ่มก็ยังไม่ได้พัฒนาอย่างเต็มที่ จึงทำให้กงหยางหลวนซานดูจะเสียเปรียบมากพอสมควร แม้ความเป็นมารจะทำให้เหนือกว่าคนพวกนี้อยู่มากแต่หากพลังยังไม่ถูกปลุก กงหยางหลวนซานก็ไม่อาจเอาชนะผู้มีฝีมือหลายคนเช่นนี้ได้

[ระวัง กงหยางหลวนซานกำลังจะโดนลอบสังหาร]

เสียงจากระบบพาให้หลี่หรงเหยาที่ยืนอึ้งดูการต่อสู้อยู่รู้สึกตัวอีกครั้ง ใบหน้าสวยเงยมองฟ้าอย่างตะหนกก่อนที่เสียงหวีดร้องดังลั่นของหลินชิวหรงจะทำให้เขามองไปยังการต่อสู้อีกครั้ง

"หลวนซาน!! "

ภาพของศิษย์คนหนึ่งคนสำนัก กำลังใช้ช่วงจังหวะที่กงหยางหลวนซานเผลอถือกระบี่วิ่งไปด้านหลัง หากหลบไม่ทันครึ่งมารหนุ่มจะต้องเหลือแค่ชื่อเป็นแน่ และหากกงหยางหลวนซานโดนสังหาร ก็เท่ากับว่าภารกิจของเขาล้มเหลวตั้งแต่ภารกิจแรก เสี้ยววิญญาณของเขาจะถูกบดขยี้ให้กลายเป็นผุยผง

ซึ่งเขายอมไม่ได้

ร่างบางออกตัววิ่งอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ไม่ได้มีเพียงจุดหมายที่จะเข้าไปช่วยพูด ไม่มีเวลาให้เขาทำอะไรเช่นนั้นแน่นอนในเมื่อตอนนี้คมกระบี่กำลังจะถึงตัวกงหยางหลวนซานแล้ว เขาปล่อยให้ไอ้เด็กบ้านี่ตายไม่ได้ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

"อาจารย์หลี่!!!!!"

ฉัวะ!

ความเจ็บมหาศาลแล่นริ้วไปทั่วร่างกายของหลี่หรงเหยา ร่างทั้งร่างแข็งทื่อค้างกลางอากาศอยู่ชั่วครู่ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวทุกส่วนลงบนเข่า ใบหน้างามซีดเผือดยามที่เห็นของเหลวสีแดงเข้มสาดกระเซ็นในตอนที่โลหะคมกริบนั้นบาดลึกเข้ามาในผิวเนื้อ

"ซือจุน!! " เสียงที่เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของกงหยางหลวนซานดังลั่น เสียงกระบี่กระทบกันอย่างแรงดังอยู่อีกสามครั้งก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงระเบิดของอะไรสักอย่างตามมาด้วยร่างกายคนกระแทกกับพื้นดิน

หูทั้งสองข้างของหลี่หรงเหยาเริ่มอื้ออึงไม่สามารถจับใจความของเสียงรอบตัวได้ว่าอะไรเป็นอะไร ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอเพราะโลหิตที่ยังคงทะลักออกทางบาดแผลใหญ่จากการโดนกระบี่ฟันแบบสะพายแล่ง

หากแต่ก่อนที่ร่างกายจะร่วงลงไปกระแทกกับพื้นดิน ก็กลับมีใครบางคนมารับเอาไว้ เสียงตะโกนเรียกชื่อของเขายังคงดังจนสามารถฉุดสติกลับมาได้เป็นครั้งคราว

ภาพสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนสติดับวูบเป็นเพียงความว่างเปล่า มีเพียงร่างของศิษย์ในสำนักเหล่านั้นที่ลอยคว้างกลางอากาศก่อนจะหล่นกระแทกเสียงดังลั่นอีกครั้ง และภาพของใบหน้าที่คุ้นเคยของคนที่เขาเพิ่งจะแลกชีวิตด้วยชีวิตของตัวเอง  ในตอนนี้มีเกล็ดสีดำผุดขึ้นมาจากกรอบหน้าและลำคออย่างชัดเจน ดวงตาคมที่เหลือบกลับมามองเขานั้นแดงฉานดั่งสีโลหิต

โลกนี้มันบัดซบ คนเขียนก็บัดซบ สุดท้ายแม้เขายอมตายแทนก็ไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้

กงหยางหลวนซานกลายสภาพเป็นมารเต็มตัวไปเสียแล้ว ทุกอย่างที่เขาทำมามันสูญเปล่าทั้งหมด

แย่จริง ๆ






Tbc.


ค่ะ ครึ่งแรกรับบทนางเต๊าะผัว ครึ่งหลังรับบทนางตายแทนผัว

ไม่ใช่ตอนสุดท้ายนะคะ  ยังไม่จบเด้อ //ยื่นใบชุบ

ถ้าอ่านแล้วชอบเข้าไปเล่นแท็กกันได้น้า จิ้มด้านล่างเลยจ้า

#เรือหายแล้วคาร์ตัน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ TEEMOMO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
งุ้ยยลุ้นมากกก รออ่านต่อเลยค่ะ สนุกมากเลยย

Sent from my SM-G975F using Tapatalk


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :pig4:รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ตัวเลข

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ค้างอะ กำลังสนุกเลย มาต่อเร็วๆนะคะ
 :pig4:

ออฟไลน์ mercymonday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ค้างอะ กำลังสนุกเลย มาต่อเร็วๆนะคะ
 :pig4:
สามารถเข้าไปอ่านใน Readawrite ได้นะคะ พอดีตอนมันเยอะมาก เราเองช่วงนี้ได้งานทำแล้วงานค่อนข้างกินเวลาไปเยอะ เลยไม่มีเวลาก้อปมาลงจริง ๆ  ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด