เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64  (อ่าน 6586 ครั้ง)

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่สมงอแงเป็นเด็ก คงน่าเอ็นดูในสายตาน้องสินะ 55555

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 8. เมาแล้วชอบแก้ผ้าเหรอ

             ผ่านมาแล้ว 30 วันหลังจากปุลวัชรเริ่มทำงานที่บริษัท มันก็ยังเป็นอีกเดือนหนึ่งที่ยอดขายของทีมมันนี่ย่ำแย่ ปวรรัชดลเริ่มกดดันสมการและเรียกเข้าไปประชุมวางแผนงานถี่ขึ้นจนแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่น ชายหนุ่มที่กำลังวุ่นวายเรื่องตัวเลขจึงลืมเรื่องที่เชียงใหม่ไปเสียสิ้น ต้องขอบคุณประสบการณ์ชีวิตที่สอนสั่งมาอย่างดี หลังจากวันที่รู้ความในใจของปุลวัชร เขาก็แสร้งทำว่าไม่รู้อะไรทั้งสิ้นเพื่อกลบเกลื่อนความตกใจ ไม่ได้ตกใจเรื่องที่ปุลวัชรมีรสนิยมทางเพศอย่างไรหรอกนะ แต่ตกใจที่อยู่ๆมีผู้ชายหน้าตาดีเหมือนพระเอกละครมาชอบเบ้าหน้าตลาดล่างแบบตนต่างหาก

“คิดอะไรพี่สม โดนหนักอีกล่ะสิ” วรจักรทำลายความเงียบหลังจากเห็นหัวหน้ากลับมานั่งหงอยที่โต๊ะทำงาน

“ปะ เปล่า”

“ดูหน้าก็รู้ ว่าไงครับพี่ คุณดลให้โจทย์อะไรมาอีก” อัครเดช พนักงานขายในทีมอีกคนส่งเสียงถาม ด้วยความเป็นกันเองทำให้รุ่นน้องสามารถพูดคุยกับสมการได้อย่างกันเอง

“ก็เรื่องเดิมๆ” สมการตอบสั้นๆและถอนหายใจ หลังจากคุณปวรรัชดลเข้ามากุมบังเหียนอย่างเต็มที่ไร้เงาพี่นิมิตร วิธีการทำงานต่างๆก็ถูกรื้อใหม่ทั้งหมด อันที่จริงแผนการคร่าวๆนั้นถูกร่างมาตั้งแต่หัวหน้าคนเก่ายังอยู่ แต่พอแกปลดเกษียนไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับทีมมันนี่

“ต่อไปนี้ให้ทางทีมมันนี่โทรหาลูกค้าโพเทนเชียล (Potential customers = ลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อ) นำเสนอตัวอย่างโปรแกรมและให้ทดลองใช้ 3 วัน”

“ห๊ะ แค่สามวัน ลูกค้าจะ...”

“แค่สามวันก็พอ แล้วหลังจากนั้นก็ให้โทรตามว่าอยากใช้งานเต็มรูปแบบเลยไหม ไม่ต้องรอสองอาทิตย์อีกแล้ว” ปวรรัชดลกำลังรื้อวิธีการทำงานแบบเก่าออกให้หมด ด้วยโปรแกรมทางการขายที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว หลังจากส่งเดโมทดลองใช้งานก็ควรติดตามผลโดยไว เขาต้องการลดเวลาตัดสินใจของลูกค้าลงจากช่วงทดลองใช้งาน 14 วันเหลือ 3 วัน

“เพราะลูกค้ารู้จักสินค้าอยู่แล้ว การที่เขาลงทะเบียนเข้ามาก็หมายความว่ามีความต้องการจะใช้งานเลย ต้องตัดเวลาทดลองใช้ลง ไม่อย่างนั้นอาจเอาไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้” ผู้จัดการคนใหม่ให้เหตุผล สมาชิกทุกคนจึงไม่มีใครโต้แย้ง

“แล้วต่อไปให้เซลล์ปิดการขายทันทีหลังจบการใช้งาน ไม่ต้องรออีก 7 วันแล้ว”

“ตะ แต่”

“ไม่มีแต่ครับคุณวรจักร ถ้าคุณให้เหตุผลมาได้ว่าทำไมต้องปล่อยลูกค้าให้คิดนานถึง 7 วันมาได้ ผมถึงจะยินดีรับฟัง” สมการส่งสายตาบอกให้ลูกน้องคนสนิทหยุดพูด เพราะรู้ดีว่าระบบการทำงาน 21 วันก่อนจะขายมันค่อนข้างล้าหลัง ลูกค้าที่ได้ทดลองใช้งาน 14 วันย่อมมีจุดอ่อนให้ลูกค้าเอาไปเปรียบเทียบกับระบบของคู่แข่ง มันยังนานมากพอที่จะให้ลูกค้าเอาไปต่อรองกับคู่แข่งเพื่อให้เพิ่มฟังชันก์การทำงานให้มากกว่าเดิมอีกด้วย ไหนจะต้องทิ้งเวลาอีก 7 วันหลังจากทดลองใช้และรับฟีดแบ็กเพื่อรอให้ลูกค้าตัดสินใจอีก มันจึงทิ้งช่วงนานเกินไปจนกลายเป็นโอกาสให้คู่แข่งชิงขายตัดหน้าไปก่อน

“พี่สมไม่น่าห้ามเลยวันนั้น” วรจักรบ่นไม่หยุด การทำงานเชิงรุกแบบนี้ทำให้งานยุ่งมากขึ้น ตอนนี้ทีมขายมีแค่ 4 คนถ้านับรวมสมการด้วย พวกเขาต้องโทรศัพท์หาลูกค้าไม่ต่ำกว่า 100 สายต่อวัน ทั้งเรื่องติดตามผลการใช้งาน ตกลงราคาและทำใบเสนอส่งให้ รวมไปถึงต้องไปสอนการใช้งานให้ลูกค้าใหม่อีก ...


#### ####

วันศุกร์หลังเลิกงาน...
             สองหนุ่มเดินลงจากรถยนต์คันหรูของปุลวัชรอย่างเหนื่อยล้า ทั้งคู่ต่างหมดเรี่ยวแรงเพราะทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์แบบไม่มีพัก การงานที่ถาโถมยิ่งทำให้เลิกงานดึกดื่น เจ้าของบ้านนั้นยังพอมีเวลาพักบ้าง แต่รุ่นน้องกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อถึงบ้านก็จะทำกับข้าว เก็บกวาดความรกและสิ่งของที่สมการทิ้งไม่เป็นที่ ไหนจะเสื้อเชิ้ต ถุงเท้า แม้กระทั่งกางเกงในที่ถอดซุกไว้ใต้เตียง และอื่นๆอีกมากมาย

“โอ้โห บ้านพี่สมอย่างแจ่ม” วรจักรเดินตามสองหนุ่มเข้ามาในบ้านก็พบความแปลกตาที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน เมื่อวางถุงข้าวของที่ซื้อมาจากห้างใกล้ออฟฟิศไว้ที่ครัวก็เดินมานั่งโซฟาที่ขุ่นที่ตอนนี้ไร้ฝุ่นจับ ข้าวของที่เคยวางไม่เป็นที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี พื้นบ้านสะอาดสอ้านจนแทบไม่อยากเชื่อสายตา

“ตั้งแต่ไอ้ปุนมาอยู่ด้วยบ้านแม่งน่าอยู่ขึ้นเยอะ เจ๋งวะไอ้ปุน” อัครเดชเป็นอีกคนที่ตกใจเมื่อได้เห็นสภาพ เดิมทีพวกเขามักจะหาเรื่องสังสรรค์กันที่บ้านหัวหน้าตัวเองกันเดือนละครั้งอยู่แล้วเพราะทำเลดี ไม่ต้องห่วงว่าจะมีเมียหรือแม่มาบ่นเพราะเป็นบ้านของหนุ่มโสด แต่ก่อนนั้นจะมีก็แค่เรื่องความสกปรกเท่านั้นแหละที่เป็นปัญหา แต่มาครั้งนี้กลับพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ

“เล็กน้อยพี่ พอดีผมไม่ชอบอะไรรกๆน่ะครับ” เด็กหนุ่มที่อยู่ในครัวตอบกลับ ประตูบานเลื่อนที่กั้นระหว่างสองห้องเปิดกว้างจนสามารถสนทนากันได้โดยไม่มีอะไรกั้น แขกที่คุ้นเคยก็ช่วยเหลือตัวเองตระเตรียมเครื่องดื่มและน้ำแข็ง

“พี่สม เสื่ออยู่ไหนวะพี่ จะเอาไปปูโต๊ะก่อนกันฝุ่น” วรจักรตะโกนถามเจ้าของบ้านที่สลัดคราบพนักงานออฟฟิศออกเหลือแค่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดย้วยๆเพิ่งเดินมาจากชั้นสอง

“ไม่รู้ว่ะ ถามปุนสิ” เจ้าของบ้านเข้ามาช่วยในครัว

“อยู่นี่ครับ” ปุลวัชรวิ่งมาหยิบเสื่ออย่างคล่องแคล่ว

“สรุปใครเป็นเจ้าของบ้านกันแน่วะเนี่ย” อัครเดชแซว ก่อนช่วยกันลำเลียงอุปกรณ์ไปนอกตัวบ้านที่เดิมทีเป็นที่ว่าง แต่พอปุลวัชรย้ายเข้ามาก็ปลูกหญ้าไว้จนเขียวชะอุ่ม แถมยังมีม้านั่งหินอ่อนประดับอีกด้วย ถ้าไม่ถูกสมการห้ามไว้ พื้นที่ตรงนี้จะต้องมีศาลาบังแดดอีกด้วย

“เอ้าชนโว้ย” เสียงเฮฮาดังขึ้นเมื่อต่างคนต่างกรึ่มเพราะฤทธิ์น้ำเมา เตาถ่านที่ร้อนระอุถูกรายล้อมด้วยหนุ่มๆสี่คนที่กำลังคีบเนื้อวางบนกระทะสีดำเพราะเศษอาหาร ในมือแต่ละคนถือทั้งตะเกียบและแก้วเหล้า งานสังสรรค์ขนาดย่อมของทีมมันนี่กำลังสนุกได้ที่ หมูกระทะในค่ำคืนที่ร้อนอบอ้าวไม่ทำให้แต่ละคนท้อถอย ปุลวัชรคอยคีบเนื้อที่สุกใส่จานหัวหน้าตัวเองอยู่ไม่ขาด ทั้งหมดไม่ได้หลุดรอดสายตาของวรจักรและอัครเดชไปได้ สองคนนี้เป็นกองเชียร์ลับๆของรุ่นน้องที่กำลังตามจีบหัวหน้าทีมอยู่ แต่ดูเหมือนคนโดนจีบจะซื่อบื้อจนมองไม่ออกถึงเรื่องนี้

RRRRRRRRRRrrrrrrrrrr

“ฮาโหล ครายวะ” เสียงเจ้าของบ้านเริ่มยานตอนที่สนทนากับสายเรียกเข้า ไม่นานก็เดินโซเซไปเปิดประตูรั้วบ้าน

“ใครมาน่ะพี่” ปุลวัชรเดินตามมาประคองร่างสูงโงนเงน ด้านนอกมีผู้ชายไม่คุ้นหน้ากำลังยืนอยู่ ท่าทางจะรุ่นราวคราวเดียวกับสมการเมื่อดูจากใบหน้า ในมือถือกระเป๋าบรรจุของจนเต็มแน่นไว้

“มึง กูขออยู่กับมึงสักพักได้ปะ”

“หืม ครายวะ” เจ้าของบ้านพูดอ้อแอ้โน้มหน้าไปมองคนมาหาระยะประชิดจนเด็กหนุ่มต้องดึงไว้ อีกนิดเดียวก็จะจูบปากกันแล้ว

“ไอ้สัส นี่มึงเมาขนาดจำกูไม่ได้เลยเหรอวะ”

“เออ ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าพี่เป็นใครเหรอครับ” ปุลวัชรถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เพราะคนแปลกหน้าทำท่าจะรู้จักรุ่นพี่ของตนเป็นอย่างดี แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะแค่มาขอค้างวันสองวันแน่เพราะดูจากขนาดของกระเป๋าที่ถือมา

“อ๋อ น้องปุนใช่มั้ย ที่มาเช่าบ้านไอ้ปอนด์อยู่น่ะ”

“ใช่ครับ พี่เป็นเพื่อนพี่ปอนด์เหรอครับ พี่ปอนด์อยู่นิ่งๆ” เหมือนเจ้าของงานจะโงนเงนจนเกือบล้ม ปุลวัชรจึงโอบร่างสูงไว้และเปิดทางให้คนแปลกหน้าเดินเข้ามาข้างใน

“อ้าว นึกว่าใครมา สวัสดีครับพี่เชน” วรจักรยกมือไหว้บุรุษหนุ่มอย่างคุ้นเคย ตามมาด้วยอัครเดชที่ทักทายอย่างเป็นกันเอง

“ทะเลาะกับเมียมาอีกแล้วเหรอพี่”

“เออดิ ว่าจะมาขออยู่กับไอ้ปอนด์สักพัก ไม่รู้ว่าแม่งจะเมากันวันนี้ ไม่งั้นจะได้รีบมา” คนชื่อเชนเดินผ่านร่างของปุลวัชรกับสมการอย่างไม่ใยดี นั่งแทนที่เจ้าของบ้านและยังใช้อุปกรณ์เดิมของคนเมาอีกด้วย

“ไรวะพี่ ไหนคราวก่อนบอกว่าดีกันแล้วไงครับ”

“เออ วันก่อนมันดีไง แต่วันนี้ไม่ดี อย่าถามมาก เทมา” ชายหนุ่มผู้มาใหม่ยกแก้วเปล่าไปทางรุ่นน้องอย่างไม่เคอะเขิน ปุลวัชรลอบมองอย่างไม่วางใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากคนตัวสูงนี้กำลังทิ้งน้ำหนักมาทับตนมากขึ้นเรื่อยๆ

“อ้าวไอ้พี่สม เมาปลิ้นแล้วน่ะ”

“ท่าทางจะไม่ไหวแล้วพี่ เดี๋ยวผมพาขึ้นไปนอนก่อนนะ”

“เออๆ รีบไปรีบมาล่ะมึง” ปุลวัชรพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะลากร่างของสมการขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสอง

“ไม่อาวไม่นอน จาชนแก้ววววว”

“ชนแก้วอะไรล่ะครับ พี่เมามากแล้วนะ”

“ม่ายยยย เอิ๊กกกก” เสียงเรอดังลั่นก่อนที่เจ้าตัวจะผุดลุกพรวด “อุ๊ก”

“เห้ย พี่อย่าเพิ่งๆๆๆ ไปห้องน้ำก่อน” ปุลวัชรตกใจที่เห็นท่าไม่ดี ร่างสูงเวียนหัวโลกหมุนติ้วจนอยากขย้อน ผิดกับอีกคนที่ร้อนใจกลัวของเสียจะถ่ายออกทางปาก สองร่างต่างโงนเงนฉุดกระชากกันไปมาชนโน่นนี่จนเสียงโครมครามดังไปถึงข้างล่างเพียงเพื่อจะพาคนเมาไปอาเจียนในห้องน้ำเท่านั้น

“เป็นอะไรกันรึเปล่าวะ เสียงโครมครามเหมือนคนทะเลาะต่อยกัน”

“ต่อยอะไรล่ะครับ พี่ปอนด์เมาแต่ไม่ยอมนอนดีๆ ลุกพรวดจนต้องลากมาอ้วกเนี่ย” ปุลวัชรตอบอย่างไม่คำนึงคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง ร่างโย่งของเจ้าบ้านกำลังโก่งคอปล่อยอะไรต่อมิอะไรที่กินเข้าไปออกมาไม่ขาดสาย สามหนุ่มที่ตกใจรีบวิ่งขึ้นมาดูอย่างอุดจมูกเอาไว้แน่น

“งั้นมึงดูแลพี่สมไปเลยนะ พวกกูลงไปกินกันต่อละ” เสียงอู้อี้ของวรจักรดังขึ้น

“อ้าว พี่จักร ช่วยผมพาพี่ปอนด์ไปนอนก่อนสิครับ”

“ไม่เอาอะ เอ็งอยู่บ้านเดียวกันก็จัดการไปตามสบาย พวกกูขอตัว...ไปเถอะพี่เชน ทางนี้ให้ไอ้ปุนมันดูแลไป” วรจักรตบบ่ารุ่นพี่ที่รู้จักมาหลายปีอย่างคุ้นเคย ปุลวัชรได้แค่ถอนหายใจอย่างเอือมระอาและก้มไปลูบหลังคนเมาอย่างไม่นึกรังเกียจ

“เพิ่งเคยเห็นไอ้ปอนด์ยอมให้คนอื่นดูแลระยะประชิดเลยนะเนี่ย”

“นั่นสิพี่เชน ปกตินะ ต่อให้เมาเหมือนหมาต้องคลานสี่ขาขึ้นเตียงก็ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ แสดงว่าพี่สมไว้ใจไอ้ปุนมากนะเนี่ย” อัครเดชส่งเสียงสนับสนุน ประโยคนี้ทำให้เด็กหนุ่มที่ลูบแผ่นหลังกว้างเผลอยิ้มจนแก้มปริ

“จัดการซากพี่สมเสร็จแล้วตามลงไปนะ” วรจักรบอกรุ่นน้อง ... สมเสร็จเลยเหรอ สองคำนี้มาใกล้กันแล้วความหมายเปลี่ยนเลยแฮะ

             เมื่อวางร่างขนาดความสูง 184 เซ็นติเมตรลงบนเตียงอย่างทุลักทุเลจนเหงื่อไหลไคลย้อยแล้วก็สังเกตอาการอีกห้านาทีว่าจะต้องลากไปห้องน้ำอีกไหมจบลง ปุลวัชรจึงได้มีเวลานั่งมองใบหน้าเรียบเฉยของสมการอย่างใจเบิกบานพลางนึกถึงประโยคที่รุ่นพี่อย่างอัครเดชพูดทิ้งท้ายเรื่องพี่ปอนด์ยอมให้เขาดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่เหมือนกับแต่ก่อน

“เป็นแบบนี้แล้วผมจะหยุดความคิดได้ยังไงล่ะครับพี่ปอนด์ ผมอุตส่าห์บอกตัวเองว่าให้เลิกชอบพี่แล้วนะครับ แต่พี่รู้มั้ยว่ามันทำยากมาก พอได้ฟังที่พี่เดชพูดมันก็ยิ่งทำให้เรื่องนี้มันเกินความสามารถผมไปเลย ผมชอบพี่ต่อได้มั้ยอะครับพี่ปอนด์ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้พี่ต้องอึดอัดเลย ขอแค่พี่อย่าทำตัวห่างเหินผมก็พอ” น้ำเสียงพร่ำเพ้อนั้นแผ่วเบาคล้ายกับรำพึงกับตัวเอง หากแต่ในใจก็คาดหวังให้คนที่นอนหลับสนิทได้รับรู้สิ่งที่ตนกำลังสับสนอยู่ไม่น้อย

“งื้อ ร้อน” คนเมาไม่พูดเปล่า สองมือเกาะแกะกับเสื้อผ้าจนรุ่นน้องต้องรีบวลวสห้ามให้วุ่น

“พี่ปอนด์ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมเปิดแอร์ให้”

“ร้อนโว้ย ร้อน” แค่เสี้ยววินาทีที่ละสายตา เสื้อยืดตัวย้วยกับกางเกงตัวยานก็ถูกถอดกองไม่เป็นที่ คนเมาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองนั้นไม่ได้ใส่กางเกงใน ร่างเปลือยเปล่าปรับท่านอนจนสบายตัวไม่สนใจความตะลึงของคนดูแลเลยแม้แต่น้อย

แก้ผ้าขนาดนี้ ผมถือว่าพี่อ่อยผมอยู่นะ ปุลวัชรคิดในใจพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือไม้สั่นไปหมดเมื่อเห็นภาพยั่วยวนนอนบนเตียง เด็กหนุ่มเผลอตัวมานั่งข้างๆอย่างทำใจให้นิ่งอย่างลำบาก หุ่นที่ลีนแต่ไม่ได้ผอมโซของสมการเผยสัดส่วนที่ลงตัว อะไรต่อมิอะไรที่นอนแน่นิ่งกลับชวนให้รุ่นน้องใจสั่น มือใหญ่ไม่อาจห้ามอาการสั่นเทาได้เมื่อเขยื้อนไปใกล้ใบหน้าที่หลับไหล ลมหายใจปล่อยไอร้อนพร้อมกลิ่นสาปของสิ่งที่ซดเข้าไป

คิ้วพี่ปอนด์หนาและสวยจัง จมูกก็โด่ง พอนอนแบบนี้แล้วตาดุๆก็ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย หืม...หนวดเริ่มยาวแล้วไม่รู้จักโกนต้องให้คอยกำกับเหมือนเด็ก ปุลวชัรยกยิ้มเมื่อสัมผัสแผ่วเบาทั่วใบหน้า ลำคอหนาครางแผ่วกรีดใจให้หวีดหวิว หน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะส่งไออุ่นกับฝ่ามือที่ลูบไล้อย่างใจสั่น

ไม่อยากให้ใครมาเห็นพี่ในสภาพนี้เลย เด็กหนุ่มนึกกับตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว ถึงแม้รุ่นพี่จะเป็นผู้ชายห่ามๆ หลังจากเห็นร่างเปลือยของกันและกันไปแล้ว หลังๆจึงไม่เหลือความอาย สมการเดินตัวเปลือยเปล่าไปมาในบ้านด้วยความเคยชินหลายต่อหลายครั้งโดยไม่สนใจเลยว่าปุลวัชรจะหน้าแดงหรือแอบเขินแถมยังต้องปั้นหน้าให้เป็นปกติขนาดไหนเพื่อปกปิดความคิดอกุศลของตัวเอง

“ฮื้อ เสียว...” มือหนาของคนเมาคว้าหมับเมื่อคนที่นั่งอยู่ไล้เรื่อยไปที่กล้ามอก ปุลวัชรตกใจแทบเป็นลมเพราะกลัวว่าเขาจะลืมตาและโวยวายจนคนอื่นๆพรวดพราดเข้ามาในห้องจนต้องชักมือออก จัดแจงสวมเสื้อผ้าที่เจ้าตัวถอดทิ้งไว้ป้องกันคนอื่นมาเห็นและรีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างสูงไว้ แอร์ในห้องนอนที่เพิ่งติดไม่นานมานี้เริ่มส่งไอเย็นๆ เมื่อพินิจใบหน้าไร้เดียงสาของคนที่หลับสนิทไม่นานก็ปิดไฟและเดินลงไปสมทบกับคนขี้เมาที่คุยกันอย่างออกรสที่ลานหน้าบ้านอีกที

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z3:


ทำไม ทำไม และทำไม

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ถ้าพวกขี้เมา เมาหลับกันหมดแล้วล่ะก็....นะ.... :hao3:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser
ตอนที่ 9. เพื่อนสนิท...ควรคิดให้ซื่อ

“พี่เชนรู้จักกับพี่ปอนด์มานานแล้วเหรอครับ” หลังจากความเมาที่หายไปคืนกลับมา ปุลวัชรก็เริ่มเปิดปากคุยกับรุ่นพี่ที่เพิ่งรู้จัก

“ก็ตั้งแต่ปี 1 แล้วล่ะ ตอนนั้นมันเอ๋อยังไง ตอนนี้ก็ยังเอ๋อไม่เปลี่ยน” เพื่อนสนิทเจ้าของบ้านตอบอย่างอารมณ์ดี

“จริงพี่ เอ้าชน” วรจักรที่เมามายแทบไม่ได้สติยกแก้ว

“พวกพี่สนิทกันมากเลยเหรอครับ”

“ก็มากนะ เรียนด้วยกัน เป็นรูมเมตกัน เพิ่งแยกกันตอนพี่แต่งงานไปนี่แหละ” เด็กหนุ่มดีใจอย่างเงียบเชียบที่ได้ยินประโยคนี้ ความหึงหวงในใจหายวับ

“แต่พี่ก็หย่าแล้วนะไอ้พี่เชน ตอนนี้ก็เป็นพ่อมาลัยลอยไปลอยมา” เสียงเมาๆของอัครเดชทำให้เด็กหนุ่มหน้าบึ้งอีกครั้ง ทั้งที่ข่มใจไม่ให้หึงเรี่ยราดแล้วก็ตาม

“โอ๊ย จี้ใจกูว่ะ เอ้าชน” คนชื่อเชนพูด ทั้งสี่จึงยกแก้วมาชนก่อนกระดกของเหลวลงไป

“ว่าแต่ ทำไมไอ้ปอนด์มันยอมให้มึง – พูดมึงกูได้มั้ย พอดีกูถนัดแบบนี้”

“อ่า ได้ครับพี่”

“เออ นั่นแหละ ทำไมมันยอมให้มึงมาอยู่ด้วยวะ” เชนยังถามต่อ ตอนนี้เหมือนจะเมาแล้ว

“ก็ เอิ๊ก” วรจักรคนที่รู้ข้อมูลมากที่สุดคนหนึ่งแทรกขึ้น “พี่สมน่ะสิ สะดุดล้มไปชนไอ้ปุนจนหัวแตกและตัวเองต้องเข้าเฝือก”

“สมกับเป็นมัน ซุ่มซ่ามไม่เคยเปลี่ยน” เชนยิ้ม

“สมัยนั้นพี่ปอนด์มีแฟนเยอะมั้ยพี่” ปุลวัชรเปลี่ยนประเด็น เขาอยากรู้เรื่องของสมการมากกว่าจะเล่าที่มาที่ไปของการมาอยู่ด้วยกัน

“โอ๊ย ไอ้ปอนด์น่ะนะ มันจีบเป็นร้อย แต่แห้วเป็นพัน”

“ยังไงพี่”

“ก็มันเอ๋อๆไง จีบใครก็ไม่ติด จีบสาวก็ใช้แต่มุกแป้กๆเสี่ยวๆใครจะชอบ ชื่อเสียงเลื่องลือทั้งคณะ โสดตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่”

“โห น่าสงสาร” ปุลวัชรพึมพำ

“ถึงตอนนี้ กูกล้าพนันเลยนะว่ามันก็ยังโสด”

“ผมไม่พนันด้วยนะพี่ มีแต่เสียกับเสีย” อัครเดชที่เมาจนฟุบไปแล้วเงยหน้ามาพูดก่อนจะกลับไปอยู่ท่าเดิม

“เหล้าหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปซื้อให้นะครับ” ปุลวัชรอาสา ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนมีกำลังใจ

“ม่ายต้องแล้ว แค่นี้ก็เมาแล้ว กูไปอาบน้ำนอนดีกว่า” พี่เชนตบไหล่ปุลวัชรอย่างเป็นกันเองก่อนลากร่างอัครเดชและสะกิดวรจักรที่กำลังกรนให้ลุกไปนอนในตัวบ้าน ปล่อยให้เด็กหนุ่มที่เมาไม่ต่างกันเก็บเศษซากอยู่คนเดียวเงียบๆ

             ปุลวัชรไม่เคยโมโหอะไรเท่านี้มาก่อน การถูกปล่อยให้เก็บกวาดคนเดียวยังพอให้อภัย แต่การที่ถูกพี่เชนกับอัครเดชมาแย่งที่นอนมาเบียดบนเตียงกับพี่ปอนด์แบบนี้เขาทนไม่ได้ คนเมาทั้งสามไม่มีใครได้สติ ถึงแม้จะปลุกปล้ำลากทึ้งให้ลงไปนอนรวมตรงห้องรับแขกกับวรจักรก็ตามที ปกติแล้วสมการจะนอนฝั่งติดผนัง แต่ครั้งนี้ถูกคนเมามาแย่งจนมาชิดขอบเตียงฝั่งที่ปุลวัชรนอนทุกคืน ด้วยขนาดตัวที่เหมือนยักษ์กันทั้งหมด เตียงขนาดหกฟุตดูแคบลงถนัดตา เด็กหนุ่มถอนหายใจและระงับความขุ่นเคืองและปูที่นอนปิ๊กนิกกับพื้นห้อง กระชากหมอนจากคออัครเดชจนศีรษะกระทบเตียงดังตุบแต่ก็ยังไม่รู้สึกตัว

“พี่ปอนด์ๆๆมานอนตรงนี้มา” เด็กหนุ่มไม่ละความพยายาม เมื่อเขาไม่สามารถนอนบนเตียงกับคนที่ชอบได้ก็ต้องหาทางอื่น

“นอนหนายอ่า” เสียงคนเมางัวเงียถามอย่างหงุดหงิดเพราะความง่วง แต่ก็ผุดลุกทั้งๆที่ไม่ลืมตา

“ลงมานอนตรงนี้ครับ ค่อยๆหย่อนขามา นั่นแหละครับ นอนตรงนี้นะ เอาหมอนหนุนหน่อย” ปุลวัชรยิ้มกริ่มที่ได้เห็นว่าสมการทำตามเสียงพากย์ของตนอย่างว่าง่าย ผ้าห่มผืนบางถูกนำมาคลุมกายคนขี้เซา เมื่อทุกอย่างมืดมิด เด็กหนุ่มก็คว้าร่างสูงมาอยู่ในอ้อมกอดอย่างไม่เขินอาย ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เรามีความกล้ามากกว่าปกติเสมอ...


#### ####

“ไม่ได้ บ้านกูไม่ใช่โรงแรมนะที่มึงจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป” ตอนนี้นายสมการกำลังหงุดหงิดที่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวเพราะเมาค้างแถมยังมาเจอหน้าเพื่อนรักที่หายไปหลายเดือนเพราะติดเมียใหม่กลับมานั่งลอยหน้าลอยตานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวในยามนี้

“กูไม่ได้ขอความเห็นจากมึง กูแค่บอกมึงว่ากูจะมาอยู่ด้วย มึงให้อยู่ไม่ให้อยู่ก็แล้วแต่ แต่กูจะอยู่”

“โว้ย ไอ้เชน ไอ้หน้าด้าน มึงนี่แม่งเอาแต่ใจแต่เด็กยันแก่”

“แก่พ่อง กูกับมึงก็อายุเท่ากันนะไอ้ปอนด์”

“สัส ไม่เกรงใจกูก็เกรงใจน้องปุนมันด้วย มันจ่ายค่าเช่านะเว้ย ถ้ากูอยู่คนเดียวว่าไปอย่าง” เจ้าของบ้านหาข้ออ้าง

“เออ มึงว่าไงไอ้ปุน ถ้ากูขออยู่ด้วยมึงโอเคมั้ย” เด็กหนุ่มผงะที่อยู่ดีๆบทสนทนามาพาดพิงเขาเสียได้

“อ่า เอ่อ” สายตานั้นส่งไปขอความช่วยเหลือจากสมการที่นั่งหัวฟูถือแก้วกาแฟดำอยู่บนเก้าอี้ในห้องครัว

“มึงไม่ต้องถามน้อง ถามกูนี่” สมการใช้สองนิ้วชี้ไปมาระหว่างตัวเองกับเพื่อนสนิท

“ถามมึง ยังไงคำตอบก็คือโอเค”

“โอเคพ่อง กูบอกว่าไม่ได้” เจ้าของบ้านตอบอย่างเหนื่อยหน่าย

“กูเพื่อนรักมึงนะไอ้สัสปอนด์ มึงจะไล่เพื่อนมึงได้ลงคอเหรอ เอาสิถ้ามึงไล่กู กูจะปล่อยคลิปที่มึงชูวู่ลงเน็ต”

“อะ ไอ้สัส ไหนมึงบอกว่ามึงลบไปแล้วไงวะ”

“ห๊ะ พี่ปอนด์เคย...” ที่ถามเพราะอยากเห็นคลิปหรอก

“พวกมึงหยุด เอาเป็นว่าตกลงให้กูอยู่นะ” เชนยิ้มยกอย่างคนมีชัย

“อะ ไอ้สัส มัดมือชกชัดๆ เออ จะอยู่ก็อยู่ แต่รอบนี้กูให้อยู่ไม่นานนะ”

“ขอบใจว่ะเพื่อน” ใบหน้านั้นยิ้มร่า โผไปกอดคอจนปุลวัชรแอบเคือง “มาๆกูหอมที”

“ไม่ได้ แยกๆ” เสียงนี้ไม่ได้มาจากสมการ แต่หากเป็นเสียงแข็งๆของเด็กหนุ่มที่ลุกพรวดมาแยกสองคนให้ออกห่างจากกัน

“อ้าว มึงหึงเหรอวะไอ้น้อง เสียใจว่ะ พวกกูเป็นผัวเมียกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”

“ผัวเมียพ่อมึงสิไอ้เชน กูล่ะเบื่อข่าวบ้านี่ชิบ”

“ขะ ข่าวเหรอครับ ไม่ใช่ว่าพวกพี่...” ปุลวัชรหน้าเครียดแถมยังซีดเมื่อได้ยิน

“ฮ่าๆๆๆ น้องมึงแม่งหึงเก่งชิบหาย”

“มึงก็ไปแกล้งมัน” สมการพูดจบก็นึกได้ว่าทำไมตัวเองจะต้องรีบแก้ตัวด้วย

“เออๆ กูไม่แกล้งละ พวกกูไม่มีอะไรหรอก ไอ้เรื่องนั้นเป็นแค่ข่าวลือเฉยๆ ก็กูหล่อ (ปุลวัชรทำท่าเหมือนคนจะอ้วก) แต่ไอ้ปอนด์น่ะ มึงดูสารรูปมันเอานะ พวกกูสนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน กูไปเดตยังต้องลากมันไปด้วย แถมมันยังโสดซิง 4 ปีรวด คนเค้าก็เลยนึกว่ามันกับกูน่ะเป็นผัวเมียกันไง แต่พวกแม่งเสือกไม่รู้ว่าไอ้ปอนด์มันแห้วแดก จีบใครก็วืด”

“ได้ทีใส่ไฟกูใหญ่เลยนะไอ้สัส”

“สรุปว่ามึงให้กูอยู่นะ” เชนถามย้ำอีกครั้ง

“เออ แต่มึงจะอยู่กี่วัน แล้วเมียมึงจะไม่มาตามอีกใช่มั้ยวะ”

“แค่ไม่กี่วันเอง มั้ง ... กูก็ไม่แน่ใจว่ะ แต่ที่แน่ใจคือคนนี้ไม่ตามแน่นอน เพราะไม่รู้จักมึง”

“เปลี่ยนเมียอีกแล้วเหรอวะ มึงนี่ใช้งานคุ้มเนาะ” ปุลวัชรเหลือบไปจ้องเป้าของคนที่ถูกพาดพิงโดยอัตโนมัติ

“ก็กูหล่อ สาวๆที่ไหนก็อยากได้ ว่าแต่มึงเถอะ เป็นแฟนไอ้ปุนแล้วเหรอวะ” คนถูกถามตอบอย่างไร้เยื่อใยแถมทิ้งระเบิดอีก

“แค่กๆ แฟนพ่อง แค่เพื่อนร่วมบ้านเว้ย” ปุลวัชรทำเสียง จิ๊ เบาๆ

“แค่เพื่อนเชี่ยอะไร นอนเตียงเดียวกันทุกคืนน่ะนะ”

“ก็ห้องแม่กูยังไม่เสร็จนี่หว่า ถ้าเสร็จแล้ว...” สมการนึกถึงสภาพตัวเองตื่นตอนเช้าและกอดกับรุ่นน้องจนต้องสะบัดหัวไปมา

“ถ้าห้องนั้นเสร็จให้พี่เชนอยู่ก็ได้นะครับ จะได้มีคนจ่ายค่าทำพื้น” ปุลวัชรรีบโพล่ง

“เออ ไอ้เดียดีว่ะ งั้นตามนี้ เดี๋ยวกูไปถามช่างก่อนว่าจะเสร็จวันไหน ช่วงนี้มึงตอนโซฟาไปก่อนนะ ซ่อมพื้นเสร็จแล้วมึงไปนอนห้องแม่กู จบ” พอสบโอกาสแก้เก้อ เจ้าของบ้านรีบตัดบท ถ้าไม่ทำอย่างนี้คงเสียเงินอีกโข

“อะ ไอ้...” เชนจนคำพูด ส่วนปุลวัชรได้แต่ยิ้มเยาะที่หาเรื่องประหยัดค่าใช้จ่ายให้เจ้าของบ้านได้หลายพัน

“แล้วพวกมึงจะไม่ตื่นกันใช่มั้ยห๊ะ” สมการตะโกนลั่นก่อนปาน้ำตาลก้อนไปยังร่างที่นอนนิ่งบนโซฟา วรจักรขยับตัวนิดหน่อยเพราะก้อนนั้นเข้าเบ้าตาพอดี ทางด้านอัครเดชที่สะลึมสะลือเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกันก็ผลอยหลับไปเช่นกัน

“พี่ปอนด์จะกินอะไรมั้ยครับเช้านี้” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างถามคนที่อารมณ์เดือดอยู่

“อะไรก็ได้ครับ ปุนอยากทำอะไรพี่ก็กินได้หมด”

“เหี้ย มึงแม่งสองมาตรฐาน คุยกับกูใช้เสียงแง่งๆอย่างกับหมา พอคุยกับน้องใช้เสียงหล่อ ไอ้สัส ถ้าไม่รู้ว่ามึงหน้าม่อกูคิดจริงๆนะว่าพวกมึงเป็นผัวเมียกัน” เชนแซวพร้อมทำหน้าล้อเลียน

“อ้าว ไหนมึงบอกว่ามึงกับกูเป็นผัวเมียกันไง โถเมียจ๋า อย่างอนผัวนะจ๊ะ”

“งอนพ่อง” เชนชูนิ้วกลางให้ ก่อนหัวเราะลั่นทั้งสองคน ปล่อยให้ปุลวัชรยืนเหวอด้วยความหงุดหงิดที่เห็นเขาหยอกล้อกัน


#### ####

             ปวรรัชดลตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ไม่คุ้นตาและล้มตัวลงนอนแทบจะทันทีที่พยายามลุกด้วยอาการปวดหัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สาเหตุมาจากการดื่มหนักเมื่อคืนเป็นแน่ หนุ่มใหญ่ใช้นิ้วนวดตามขมับเพื่อบรรเทาอาการแต่ก็ไม่เป็นผล นึกสมน้ำหน้าตัวเองที่ไม่เจียมสังขารยกแก้วซดโฮกฮากอย่างไม่คำนึงถึงตัวเองที่ห่างหายจากการดื่มมานานแล้ว

พรึ่บ!

ผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ถูกโยนมาปิดหน้า “เฮ้ยสายแล้วมึง ตื่นๆ”

“กี่โมงแล้ววะไอ้ภัทร” เขาถามภคภัทร์ เพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าของบริษัทที่ตนทำงานอยู่ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“จะเที่ยงแล้ว”

“หืม” ปวรรัชดลลุกพรวดจนอาการปวดหัวแล่นจี๊ดจนต้องกัดฟันแน่น

“ปวดหัวเหรอวะ พารามั้ย”

“อืม ก็ดี” เขาหันไปมองนาฬิกาเรือนหรูที่วางไว้ข้างเตียงก่อนสบถ “ไอ้สัส เพิ่งเก้าโมง”

“ถ้ากูไม่บอกแบบนั้นมึงจะลุกเหรอ เอ้านี่กินก่อนแล้วไปอาบน้ำ” เจ้าของบ้านยื่นยาเม็ดสีขาวให้พร้อมแก้วน้ำก่อนหันไปเช็ดตัวที่เปียกปอนด้วยเม็ดน้ำเกาะพราวตามตัว

“มึงตั้งใจยั่วกูเหรอวะ”

“ยั่วขึ้นด้วยเหรอวะ เห็นกันมาตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบจนตอนนี้” ภคภัทร์เพิ่งรู้ว่าเพื่อนสนิทของตนเป็นเกย์เมื่อไม่นานมานี้ เพราะตนเป็นคนคาดคั้นว่าทำไมความสัมพันธ์ของเพื่อนผู้นี้กับลูกพี่ลูกน้องจึงไม่ราบรื่นเหมือนที่คิดไว้ ตอนแรกที่ได้รับรู้ก็ตกใจไม่น้อย แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ซีอีโอหนุ่มหล่อและโสดอย่างภคภัทร์พยายามทำความเข้าใจและกลับมาคบปวรรัชดลได้อย่างสนิทใจเหมือนเดิม

“ถ้ายั่วขึ้นกูไม่นอนเฉยๆทั้งคืนหรอก แม่ง ถ้าลูกน้องมาเห็นสภาพมึงเกาไข่แบบนี้จะยังมีคนเคารพยำเกรงอีกมั้ยวะ”

“กูก็ไม่ได้เกาไข่ให้ใครเห็นนี่หว่า ว่าแต่มึงเถอะ จะมองไข่กูอีกนานมั้ย”

“ก็มึงยืนจังก้าอ้าขาเกาต่อหน้ากูขนาดนี้ จะให้กูบิดคอสามร้อยหกสิบองศาหนีเหรอวะ หลีกไปกูปวดเยี่ยว” ปวรรัชดลด่าเพื่อนสนิทอย่างออกรสก่อนลุกพรวดเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้คนโดนด่าหัวเราะอย่างพึงพอใจที่ได้ยั่วโมโหตนเองได้สำเร็จ

แม่ง ถ้าไม่ติดว่ามึงเป็นเพื่อนกูนะ ไอ้ภัทรเอ๊ย หนุ่มใหญ่ตีแกนกลางลำตัวที่ขยายตัวไปมาอย่างขัดใจ ทั้งที่เขามีใจให้กับลูกน้องหน้าซื่อชื่อสมการ แต่การถูกเพื่อนสนิทยั่วด้วยร่างกายเปลือยเปล่าแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยนะ

             มีหลายต่อหลายครั้งที่ปวรรัชดลคิดว่าซีอีโอหนุ่มหล่อระดับภคภัทรมีรสนิยมทางเพศเดียวกับเขา แต่หากไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าความเชื่อที่ก่อตัวมาอย่างยาวนานเป็นความจริง แน่นอนว่าการครองตัวเป็นโสดของผู้ชายที่เพียบพร้อมระดับนี้ย่อมไม่ธรรมดา แต่ใช่ว่าผู้ชายอายุ 40-50 ปีทุกคนจะมีคู่ ยิ่งปัจจุบันอัตราการหย่าร้างของไทยพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในปี 2560 จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะครองตัวเป็นโสด

“แล้วเรื่องภาวดีจะเอาไงต่อวะ” เสียงพูดดังแว่วมาจากด้านนอก คนอยู่ในห้องน้ำไม่คิดจะตอบทันทีเพราะจิตใจยังคิดวาบหวามกับภาพเรือนกายเปลือยเปล่าของเพื่อนสนิทอยู่



ปุลวัชร ในจินตนาการของผู้แต่งครับ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เพื่อนสนิทชวนคิดไม่ซื่อจริงๆ นะ.  :laugh:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เพื่อนสนิทชวนคิดไม่ซื่อจริงๆ นะ.  :laugh:

เพื่อนแบบนี้น่าคบนะครับ อิอิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 10. แผนลวงแผนร้าย

     ยามสายของวันเสาร์ปุลวัชรเพิ่งจะว่างมานั่งดูเอกสารที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนช่วงบ่าย แม้จะเพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน แต่สิ่งที่บริษัทคาดหวังเอาไว้ก็สูงลิบ ต่อให้งานจะเยอะมากแค่ไหนชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะดูแลรุ่นพี่อย่างสมการ คนที่ยังคงเมาค้างและทำหน้าบูดนอนเป็นซากบนโซฟาสีแดงหม่น วรจักรและอัครเดชกลับไปแล้วตั้งแต่จบมื้อเช้า เจ้าของบ้านผู้ขี้เซาก็ลากสังขารไปอาบน้ำแล้วลงมานอนที่ห้องรับแขกเพราะไม่อยากเปิดแอร์หลายตัว ทั้งคู่จังอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมด้วยกันอย่างเงียบเชียบ ... เหมือนโลกนี้มีแค่สองคน แต่เปล่าเลย

“คร่อกกกก ฟี้...” เสียงกรนของคนตัวสูงเริ่มทำงาน เสื้อกล้ามสีเขียวสะท้อนแสงหลุดรุ่ยจนหัวนมสีเข้มโผล่มาอวดสายตาเด็กหนุ่มจนไม่มีสมาธิทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ ร่างสูงจึงลุกไปหยิบผ้าห่มผืนบางที่เก็บไว้อย่างดีมาคลุมกายให้ อย่างน้อยถ้าอะไรๆมันตุงขึ้นมาเพราะว่าหลับลึกปุลวัชรจะได้ไม่ต้องทนเขินจนไม่เป็นอันทำงานอีก

“ไอ้ปอนด์ อย่ากรน กูนอนไม่ได้” รุ่นพี่อีกคนที่เด็กหนุ่มพยายามมองเป็นอากาศปาหมอนไปฝั่งตรงข้ามจนคนนอนสบายสะดุ้งตื่นพรวด เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าไปห่มผ้าให้สะดุ้งเฮือกเพราะลืมไปว่ามีคนที่สามอยู่ในนี้ด้วย

“เชี่ยๆๆๆ อะไรวะ” หน้าตาตื่นตกใจเพราะถูกปลุกแบบนั้นชวนให้ขบขันจนปุลวัชรมองต้องยิ้มแทบหุบไม่ลง

“มึงไปนอนที่อื่นไป๊ แม่งกรนลั่นบ้าน กูนอนไม่หลับ” เชนโวยวาย ไม่ได้สนใจเลยว่ามีรุ่นน้องเฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่

“ไล่กูยังกะเป็นเจ้าของบ้านเลยเนาะ” คนถูกปาหมอนด่าตาถลึง มองผ้าห่มผืนบางที่คลุมกายอย่างสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไร

“จะไม่ไปใช่มั้ย” เชนคำราม

“เออ กูจะนอนตรงนี้ มึงนอนไม่ได้ก็ไปนอนที่อื่น” สมการตอบอย่างไม่สนใจใยดีก่อนจะล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง

“เรื่องอะไรกูจะไป มึงนอนได้กูก็ต้องนอนได้” ปุลวัชรมองอย่างปลงตก สองคนนี้อายุรวมกันก็หกสิบกว่าแล้วนะ 

“หิวอะ มีอะไรกินบ้างไอ้ปุน” เด็กหนุ่มจิ๊ปากใส่พี่เชน ความจริงเขาชื่อปุ่น แต่ไม่รู้ว่าจำกันท่าไหนถึงลบไม้เอกออกจากชื่อไป

“มีอยู่ที่โต๊ะกับข้าวในครัวครับ” เด็กหนุ่มตอบ ยังไม่ทันได้พูดต่อก็มีอีกเสียงแทรกขึ้น

“มึงนี่นะ ตื่นมาก็หิว อยู่นิ่งๆก็นอน ไร้ประโยชน์ชิบ รีบกลับบ้านไปเลยปะ” สมการผุดนั่งและด่าเพื่อนสนิทที่นอนบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ปุลวัชรจึงลงไปนั่งกับพื้นพลางส่ายหน้ามองอย่างระอาใจ

“คำก็ไล่สองคำก็ไล่ ถามจริง ถ้ากูมีที่ไปกูจะมาหน้าด้านอยู่บ้านมึงมั้ย” เชนยอกย้อน

“อ่า... เอ่อ ก็จริง” สมการครุ่นคิดอยู่ไม่นานก็ปลงตกอีกคน

“เห็นมั้ย ขนาดมึงยังรู้เลย แล้วจะมาหน้าด้านไล่กูอยู่ได้ ไอ้เพื่อนไม่รักดี”

“เอ่อ น้องปุนครับ พี่ผิดใช่มั้ย” สมการทำหน้าเหรอหราหันมาถามรุ่นน้องที่พยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก ส่วนคนชื่อเชนที่อาศัยจังหวะงุนงงได้เดินเกาตูดไปที่ห้องครัวเพื่อหาของกินราวกับว่าเป็นผู้ชนะ


#### ####

เช้าวันอาทิตย์

             เสียงเคาะพื้นห้องนอนชั้นสองดังขึ้นมาตั้งแต่เช้าจนสมการนอนต่อไม่ได้ ต้องตื่นมาพร้อมอาการหัวเสียและผมฟูฟ่องไม่เป็นทรงทำได้แค่ร้องฮึ่มด้วยความขัดใจ วันนี้ควรเป็นวันหยุดที่ได้พักผ่อนเต็มที่ ไม่ควรมีใครรบกวนอย่างหนักเช่นนี้

“ใครมาทำอะไรแต่เช้าวะ” เสียงงัวเงียของเชนก็ดังขึ้นมาจากข้างเตียง สามหนุ่มนอนอัดกันที่ห้องเดียวมาสองคืนแล้วโดยที่เพื่อนสนิทของเขาอาสานอนพื้นเพราะเด็กหนุ่มหน้าอ่อนยืนยันหนักแน่นว่าไม่ยอมเสียสละเตียงนุ่มให้อย่างเด็ดขาด (เพราะไม่อยากพลาดโอกาสนอนกอดหรือถูกอีกคนกอดตอนดึกๆ) และเชนก็ไม่ยอมนอนที่ห้องรับแขกเพราะโซฟานอนไม่สบายตัว

“ช่างมาทำห้องให้มึงไงไอ้สัส” สมการได้สติจึงตอบไป ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมน้องปุนถึงรีบให้คนงานเข้ามาตั้งแต่เช้า มองที่นอนว่างเปล่าข้างตัวก็ถอนหายใจออกมาให้กับความขยันของรุ่นน้อง

“หิวว่ะ กูลงไปหาอะไรกินดีกว่า” ว่าแล้วเชนก็ขว้างหมอน ผ้าห่มและฟูกนอนขึ้นบนเตียงจนปิดการมองเห็นสมการจนหมด แม้จะไม่ได้ออกแรงมากนักแต่คนโดนปาใส่หน้าก็รู้สึกเจ็บ

“ไอ้เชนไอ้สัส” ชายหนุ่มโวยวายก่อนตะกุยตะกายออกจากพันธนาการแล้ววิ่งหัวฟูลงไปด้านล่างทันที

             กลิ่นหอมของอาหารเช้าทำให้ท้องร้องอย่างห้ามไม่ได้ เชนยิ้มกว้างนั่งรอที่โต๊ะอาหารแล้วอย่างอารมณ์ดี สมการได้แต่เการักแร้ไปมามองเพื่อนซี้ด้วยสายตาเบื่อหน่าย ร่างสูงของเด็กหนุ่มตัวขาวหน้าหล่อยิ้มให้เขาทันทีที่สบตา สมการขยี้ตาเป็นการด่วนเนื่องจากไม่แน่ใจว่ามีขี้ตาเกาะอยู่ไหม

“ตื่นแล้วเหรอครับพี่ปอนด์ นั่งก่อนครับ กับข้าวใกล้เสร็จแล้ว” มองภาพปุลวัชรที่คาดผ้ากันเปื้อนแล้วก็แปลกๆ ไม่ชินยังไงไม่รู้

“อื้อ” ชายหนุ่มนั่งลงอย่างว่าง่าย จังหวะนี้ขออยู่ตรงข้ามไปคนหน้าไม่อายที่รีบลงมาเกาะขอส่วนบุญก่อนแล้ว “ใจคอมึงจะไม่แปรงฟันสักหน่อยเหรอวะ”

“แปรงทำไมวะ รสชาติยาสีฟันกลบรสชาติอาหารกันพอดี” เชนตอบอย่างไม่เก้อเขิน “ว่าแต่กู แล้วมึงทำไมไม่แปรง”

“ย้อนคำกูทำเชี่ยอะไร” สมการยู่หน้า ถลึงตาแบบคนถูกขัดใจ หน้าตาเหรอหราประมาณหมาปั๊กไม่มีผิด หากคนมองอย่างปุลวัชรกลับเห็นว่ามันเป็นภาพที่ช่างแสนน่ารักน่าฟัด ซึ่งก็ได้แต่คิดในใจ

“อย่าทะเลาะกันครับพี่ๆ อาหารพร้อมแล้ว” ชายหนุ่มรีบห้ามทัพและยกต้มจืดเต้าหู้หมูสับที่ส่งกลิ่นยั่วน้ำลายลงกลางโต๊ะ สมการเพิ่งสังเกตว่ามีเมนูอื่นวางอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่หน้าตาท่าทานแทบทั้งนั้น

“น่ากินจัง” เชนสูดกลิ่นอาหารทุกจานและทำหน้าพริ้ม คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่มาขออาศัยอยู่กับไอ้เพื่อนคนนี้

“ลองชิมดูนะครับ มีแต่กับข้าวง่ายๆ” ปุลวัชรนั่งลงข้างๆสมการพูดอย่างถ่อมตัว มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าตั้งใจทำทุกอย่างมากแค่ไหน ช่วงแรกๆที่เข้ามาอาศัยที่นี่นั้น เจ้าของบ้านไม่ยอมแตะต้องมื้อเช้าสักเท่าไหร่เพราะไม่ชิน พอนานไปก็เริ่มทานได้เยอะขึ้นแถมยังชมไม่ขาดปากว่ารสชาติอร่อยจนคนทำให้ยิ้มแก้มปริ

“ง่ายตรงไหนเนี่ย ไข่ม้วนยัดไส้ (จริงๆคือไข่เจียวญี่ปุ่นที่วางไส้ทีหลังแล้วม้วนง่ายๆ) ผัดบล็อกโครี่กุ้ง หมูกระเทียมและแกงจืด” เชนสาธยาย

“ต้มจืด” สมการขัดเพื่อน

“แกงจืด” เชนเถียง

“ต้มจืด แกงมันต้องใส่พริกปะ” เจ้าของบ้านไม่ยอมแพ้

“แต่บ้านกูเรียกแกงจืด อะไรใส่น้ำเค้าเรียกแกงหมดแหละ” เชนใช้ช้อนส่วนตัวตักซุปมาซด ปุลวัชรได้แต่มองแล้วระงับสติ

“แล้วทำไมไข่ต้ม มึงไม่เรียก แกงไข่ล่ะ” สมการยังเถียงต่อ

“มึงจะเถียงให้ชนะกูให้ได้ใช่มั้ย” เชนทำหน้าเข้ม ท่าทางไม่ยอมกัน

“เออ” สมการก็ไม่น้อยหน้า

“หยู๊ด พอก่อนครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันนะครับ จะต้มหรือจะแกงก็ช่างมันเถอะ ทานกันก่อนดีกว่านะครับ” ปุลวัชรยิ้มแห้งๆมองภาพหมาปั๊กกับบูลด็อกแยกเขี้ยวใส่กันราวกับเด็กสามขวบ ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเขาไปตักต้มจืด(หรือแกงจืด)มาเพิ่มเป็นคนละถ้วยแล้ววางข้างตัวทั้งสองคนไว้แล้ว ขี้ฟันของพี่ปอนด์ยังพอไหวคนนี้ต่อให้เหม็นทั้งตัวก็บ่ยั่น แต่ของคนมาใหม่ เด็กหนุ่มขอไม่เสี่ยงละกัน... คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดแหละ

“วันนี้มึงจะไปไหนปะ”

“ไม่ กูจะนอน” สมการตอบคำถามเพื่อน พวกเขาจับจองโซฟาคนละตัวหลังจบมื้อเช้าที่แสนวุ่นวาย ปุลวัชรก็ได้แต่หวังว่าทั้งคู่จะไม่ทะเลาะกันเหมือนเมื่อวานอีก

“งั้นดีเลย กูจะไปขนของที่บ้าน มึงไปช่วยกูหน่อยสิ”

“ไม่ เรื่องอะไรกูจะต้องไป บ้านมึงมึงก็ไปเองสิ บ้านก็มีอยู่มึงจะหนีมาอยู่บ้านกูทำไมวะ แล้วที่มึงขนมาก็อยู่ได้เป็นปีแล้วมั้ง”

“มึงนี่ขี้บ่นยังกะคนแก่”

“แก่พ่อง ถ้ากูแก่มึงก็แก่พอกันแหละ”

“พวกพี่ๆนี่กัดกันเก่งจังเลยนะครับ” ปุลวัชรแซวพลางถือจานของว่างเข้ามา

“เดี๋ยวๆๆๆไอ้ปุน พวกกูไม่ได้เป็นหมานะ” เชนหันขวับมองร่างที่ยืนถือจานผลไม้มาเสิร์ฟ “หูย น่ากินว่ะ มึงนี่แม่งสุดยอดไอ้ปุน ถ้าไม่บอกว่าเป็นน้องที่ทำงานไอ้เหี้ยนี่นะ กูคิดว่าพวกมึงเป็นผัวเมียกันซะอีก ดูแลทุกระดับประทับใจจริงๆ”

“แค่กๆ” สมการสำลักเมื่อได้ยินเพื่อนตัวดีโพล่งออกมาแบบไม่คิด คำพูดที่ได้ยินจากปากตอนอยู่เชียงใหม่ดังก้องในหูทันที

“โหพี่ ผมไม่มีมดลูก พี่สมคงอยากได้ผมหรอก” ปุลวัชรตอบติดตลกแก้เก้อ ทั้งที่ในใจรู้สึกหน่วงอย่างบอกไม่ถูก

“กูว่าถ้าคลำแล้วไม่มีหาง ไอ้ปอนด์คงไม่ขัด” เชนจิ้มก่อนเป็นคนแรก แม้ผ่านมื้อเช้ามาแล้วยังไม่มีทีท่าจะไปแปรงฟัน

“หางพ่อง” ว่าแล้วเจ้าของบ้านก็ยกฝ่าเท้าเกือบจะแนบใบหน้าเพื่อนสนิทที่ปากไม่ดี “กูไม่ใช่มึงนะ เต๊าะไม่เลือก”

“เสือก” นั่งไง ภาษาดอกไม้มาแล้ว

“ใจเย็นๆนะพี่ๆ” เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดในหัวว่าทั้งสองคนไม่เบื่อบ้างเหรอที่ทะเลาะกันแทบตลอดเวลา

“สรุปมึงไม่ไป”

“เออ จะไปขนมาเพิ่มอีกทำไม ไหนมึงบอกกูว่าอยู่ไม่นานไง” สมการอิ่มเกินจะสนใจผลไม้ที่วางอยู่ เขาหันหลังนอนบนโซฟาและเกาตูดอย่างไม่อายสายตาคนอื่น

“อ้าว ไอ้นี่ มึงให้กูจ่ายค่าซ่อมห้องตั้งหลายพัน จะให้กูอยู่สองวันได้ไงวะ” เชนเริ่มโวยวายทั้งที่ของกินเต็มปาก

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ใช่ว่ามึงเพิ่งจะมาสิงบ้านกูครั้งแรกซะที่ไหน รวมๆแล้วตั้งแต่จำได้กูว่านับรวมได้เป็นปีแล้วนะ เงินแค่นี้มึงไม่จนลงหรอก”

“ไอ้สัส งก”

“ถามจริงเถอะ ปกติมึงลื่นชนิดปลาไหลเรียกพ่อ ทำไมรอบนี้ถึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนขนาดนี้ด้วยวะ” สมการถามสิ่งที่ปุลวัชรคิด

“มึงอยากรู้หรือแค่หาเรื่องไล่กูวะ”

“ทั้งสองอย่าง” สมการตอบเสียงเรียบ เพราะรู้สันดานของเพื่อนสนิทคนนี้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆคงไม่มาขลุกอยู่ที่บ้านตนแบบนี้

“พูดแล้วกูอยากขี้เหร่” เชนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนฟังกลอกตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“มึง กูขอแต่เนื้อ ไม่เอาน้ำ”

“สัส ชอบขัดกูจัง” เชนวางส้อมลงเสียทีหลังจากผลไม้พร่องไปเกือบหมดจาน ปุลวัชรมองสองหนุ่มตาปริบๆอย่างไร้ตัวตน

“ก็แม่ง กูไปพลาดมีอะไรกับรุ่นน้องที่ทำงาน แล้วน้องเค้าก็หอบผ้าหอบผ่อนมาบ้านกู ป่าวประกาศว่าเป็นเมียกู ป่วนกับเพื่อนร่วมงานจนกูทนไม่ได้” ชายหนุ่มเล่าแบบย่อๆ

“สมน้ำหน้า หวังจะฟันเค้าฟรีๆแล้วชิ่งหนีสินะ”

“ก็เออสิ” ปุลวัชรเบ้ปากเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าเกลียดออกมาจากปากง่ายดาย “ดีนะที่น้องเค้าไม่รู้จักมึง กูเลยหาทางชิ่งออกมากบดานสักพัก”

“แล้วมึงจะรอดเหรอวะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน ยังไงก็เจอกันอยู่ดี”

“รอดดิ กูมีงานเข้าไซต์อาทิตย์นึง พอจะหลบหน้าได้อยู่” เชนแคะซอกฟันอย่างไม่เกรงใจใบหน้าเหยๆของเด็กหนุ่มที่หยุดการจิ้มผลไม้ขึ้นมาเข้าปาก ... ซกมกเลเวลเดียวกับพี่ปอนด์เลย แต่คนนี้เขารับไม่ได้

“แล้วทำไมมึงไม่ไปที่ไซต์เลยล่ะ จะมาหากูทำซากอะไร”

“คือ...” เชนมองหน้าปุลวัชรเชิงลำบากใจ เด็กหนุ่มมองกลับอย่างหงุดหงิดเพราะท่าทางนั้นบอกว่าขอคุยเป็นการส่วนตัว จะให้หน้าด้านนั่งฟังต่อก็คงไม่ดี เมื่ออยู่กันสองคนแล้ว เชนจึงขยับจากโซฟาตัวตรงข้ามมาคุกเข่าต่อหน้าเพื่อนสนิท

“มะ มึงจะทำอะไร” สมการถาม

“มึง กูหมดหนทางแล้วว่ะ น้องเค้าแม่งติดหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้าง กูทั้งบอกดีๆ ไล่แรงๆก็ไม่ยอมไปจากกู เกาะติดยิ่งกว่าตังเมเข้าไปอีก กูเลยต้องมาหามึงนี่แหละ หวังพึ่งมึงเลย มึงต้องช่วยกูนะ” สมการเสียวสันหลังวาบ มาไม้นี้ทีไรไม่เคยจะเป็นเรื่องดี

“สรุปน้องเค้าเป็นกาวหรือตังเม”

“ตลกมากมั้ยไอ้สัส” เชนด่า “กูซีเรียสนะเว้ย”

“มึงก็ซีเรียสตลอด แล้วนี่มึงคิดจะทำอะไร” น้ำเสียงตอนถามมันดูสั่นไปหน่อย คงเพราะจิตอกุศลที่คิดนำหน้าไปแล้ว

“มึงแกล้งเป็นแฟนกูหน่อย” นั่น ... ไง ปลุวัชรกำหมัดแน่นแทบจะพุ่งออกจากห้องครัวมาห้าม

“ไม่” สมการตอบเสียงดัง ซื้อหวยงสดหน้าคงถูกรางวัลที่ 1 ซะแล้ว เมื่อสิ่งที่คิดไว้ดันเป็นจริง

“มึง ฟังกูก่อน แค่แกล้งไง กูให้มึงเป็นผัวก็ได้” หมายถึงแค่ในนามนะ

“ผัวพ่อง มึงสิ้นคิดถึงขั้นวางแผนนี้มาเนี่ยนะ ไปหาคนอื่นสิวะที่หน้าตาหล่อๆชวนให้เชื่อได้หน่อย”

“มึงคิดว่ากูไม่ลองเหรอ กูไปถามมาสามสี่คนแล้ว ไอ้พวกนั้นมีลูกมีเมียไปแล้วไง คนที่โสดไม่มีใครเอาด้วยเหลือแต่มึงคนเดียวแล้ว”

“ไอ้สัส นี่มึงหลอกด่ากูปะวะ” ว่าไม่มีใครเอา...

“เห้ยๆ มึงอย่าคิดมากสิไอ้ปอนด์ นะๆๆๆๆ ช่วยกูด้วย กูสัญญา ถ้าจบเรื่องนี้กูจะปรับปรุงตัวใหม่”

“กูคงเชื่อมึงลงหรอกนะ สันดานอย่างมึงน่ะไม่นานก็กำเริบ ไอ้จักรไง ไอ้เดชก็ได้”

“ไอ้จักรมันมีเมียแล้ว มันไม่ยอมช่วยหรอก ส่วนไอ้เดชมันคิดรายชั่วโมง กูถามแล้วสู้ราคาไม่ไหวว่ะ”

“เงินแค่ไม่กี่บาท มึงก็จ่ายๆไปสิ หรือไม่ก็แกล้งหาสาวๆมาเป็นแฟนเอา”

“บอกแล้วว่าคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น กูเคยวานเพื่อนไปนั่งกินข้าวด้วยเฉยๆยังตามมาอาละวาดลั่นร้าน”

“สรุปมึงไม่เหลือใคร ว่างั้น” สมการกลอกตา “มึงมันชอบหาเรื่องใส่ตัวจริงๆไอ้สัส”

“เออ กูยอมรับ แต่ช่วยกูหน่อยเถอะ คนนี้กูไม่ไหวจริงๆว่ะ ยังกะโรคจิต แอบเอามือถือกูโทรไปด่าแฟนเก่ากู เมียเก่ากูก็ไม่เว้น แถมยังส่งรูปตอนกอดกันจูบกันไปให้ใครต่อใครรู้ว่ากูเป็นของเค้า มึงช่วยกูนะๆๆๆ”

“กูจะบ้าตาย มึงหาเรื่องให้กูตั้งแต่เด็กยันแก่” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เชนสร้างเรื่องว่าเป็นเกย์เพื่อบอกเลิกสาว เมื่อสลัดใครไม่ได้ต้องรบกวนเพื่อนๆเป็นประจำ สมการเองเคยช่วยอยู่ครั้งหนึ่งสมัยอยู่ปี 3 แถมยังต้องหอมแก้มโชว์จนเกิดกระแสคู่จิ้นจนทำให้หาแฟนไม่ได้จนกระทั่งเรียนจบ แต่คนอื่นที่ช่วยกลับแคล้วคลาด จบมามีลูกมีเมียแต่งงานกันหมด ใบหน้าเชนดูหมดทางเลือกเพราะดูท่าจะหาทางเลิกจนหมดมุกแล้ว ถ้าไม่ร้ายแรงจริงๆก็ไม่ต้องสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาหรอก

“นะ พลีสสสสสสส” ทำเสียงแบ๊วอย่างน่าหมั่นไส้

“มึงไม่ต้องทำตาแบ๊ว เสียงหวาน กูขนลุก” ใช่ๆพี่ปอนด์อย่าไปยอม ... ปุลวัชรแอบเชียร์อยู่เงียบๆ

“มึงก็ตอบตกลงซะทีสิวะ รอบนี้มึงเป็นผัวด้วยนะ”

“กูจะไม่ทำเพราะได้เป็นผัวมึงนี่แหละไอ้สัส ได้กับมึงตกนรกยังดีกว่า... เออ เอาก็เอา มีแผนอะไรว่ามา”

โครม! เสียงกระแทกดังมาจากที่ไกลๆ สองหนุ่มที่คุยกันอยู่หันรีหันขวางโดยมีสมการวิ่งไปดูในห้องครัว

“แหะๆ ไม่มีอะไรครับพี่ปอนด์ พอดีผมสะดุดขาเก้าอี้ล้มเฉยๆ” ร่างของรุ่นน้องกองกับพื้นส่งรอยยิ้มแหยๆมาให้

“ล้มได้ไงเนี่ย เจ็บมากมั้ยครับ พี่ดูหน่อย” สมการรีบนั่งลงไปจับข้อเท้าพลิกไปมาจนแทบจะบิด “ไม่เจ็บใช่ไหม”

“ไม่เลยครับพี่ ไม่เลย” ปุลวัชรพยายามทำเสียงต่ำ อันที่จริงเขาไม่ได้ล้มหรอก แต่พอฟังบทสนทนาที่ชวนโมโหเลยกระแทกเก้าอี้กับโต๊ะกับข้าว ไม่นึกไม่ฝันว่าสมการจะรีบเข้ามาดูจึงต้องแอ็คติ้งสักหน่อย จะได้ไม่มีคนจับได้ว่าแอบฟังอยู่ตั้งแต่แรก



ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องหึงแล้วพี่ปอนด์  พี่ไม่อยากเป็นผัวพี่เชน เป็นเมียก็ได้นะ แต่น้องรงไปแหกอกพี่เชนก่อนกิ๊กแกแน่ๆ 55555

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 11. ปุลวัชรจะไม่ทน 

             ปุลวัชรกำลังหงุดหงิดจนเกือบคุมอาการไม่ได้ ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ควรจะได้อยู่กับพี่ปอนด์อย่างมีความสุขกลับมีมารตัวโตมาผจญแถมยังถูกไหว้วานให้ทำเรื่องที่เหลือเชื่อ เขายอมรับว่าพี่เชนเพื่อนสนิทของพี่ปอนด์นั้นหล่อระดับพระเอก จึงไม่แปลกใจหรอกที่จะมีผู้หญิงเข้าหาไม่ขาดสาย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องลากคนที่ตนชอบไปพัวพันแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่านจนไม่อยากมองหน้าใครทั้งนั้น

“ไอ้ปุน เร็วๆโว้ย” เสียงคนที่ปุลวัชรเริ่มเกลียดเรียกขานอย่างเร่งเร้า วันนี้เป็นวันอาทิตย์ แต่เขาต้องทิ้งงานเพื่อไปช่วยสร้างเรื่องแฟนหลอกๆของคนไม่รู้จักโตที่ชื่อเชน

             หน้าที่ของปุลวัชรคือคอยแอบถ่ายรูปสองหนุ่มที่แกล้งทำเป็นออกเดตกันไว้หลายๆท่า เริ่มต้นจากการขับรถออกจากบ้านก็ต้องมีการถ่ายรูปการจับมือหวานแหววของสองหนุ่มแล้วโพสต์ลงโซเชียล พี่ปอนด์ของเขาดูกระอักกระอ่วน แต่คนที่ขอให้ทำดูชิลจนน่าหมั่นไส้ ปุลวัชรจิ๊ปากอย่างไม่ค่อยพอใจแต่ก็ทำได้แค่นั้น

“มึงถ่ายดีๆสิวะ รูปนี้ก็เบลอ อันนี้ก็ไม่เห็นนิ้วสอดกัน อันนี้รูปเอียง ตั้งใจหน่อยไอ้น้อง เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าว” ปุลวัชรอยากตะโกนดังๆว่าไม่ได้อยากแบบนี้ แต่ต้องยอมก็เพราะไม่อยากปล่อยให้พี่ปอนด์ของเขาไปกับเพื่อนสนิทที่ไม่น่าไว้วางใจแค่สองคน

             รูปสองหนุ่มที่รูปร่างสูงพอๆกันเดินกระหนุ่งกระหนิงในซุเปอร์มาร์เก็ตของห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านชวนให้หงุดหงิด แต่หน้าที่บังคับให้เด็กหนุ่มต้องคอยถ่ายรูป จัดท่าทางอย่างนึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ จะขัดก็ไม่กล้าเพราะกลัวรุ่นพี่ที่ชอบสงสัยเอาได้ว่าทำไมน้องชายคนนี้ออกอาการเหมือนจะหึงหวง ถึงแม้อยากจะให้รู้มากแค่ไหนก็ตาม

“กูว่ารูปนี้ขอซูมมาอีกหน่อย จะได้เห็นว่าแขนแนบกันอยู่” ปุลวัชรกลอกตา

“แค่นี้ก็พอแล้วมึง อะไรนักหนา กูหิว” สมการตัดบท รู้สึกไม่ค่อยปลื้มกับบทบาทที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะคำว่าเพื่อนสนิทกำลังเจอปัญหาใหญ่คงไม่หลวมตัวมาด้วยหรอก ไอ้นิสัยบอกปัดคนอื่นไม่เป็นนี่แก้ไม่หายเสียทีจนโตป่านนี้

“เออก็ได้วะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ กูหิวแล้วเหมือนกัน” ปุลวัชรจิ๊ปากเมื่อพี่เชนร่างสูงคว้าข้อมือพี่ปอนด์เดินเคียงราวกับเป็นคู่รัก ถึงแม้จะไม่ชอบแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วเคมีโคตรดี

“ไม่กินเหรอปุ่น มาดิ” สมการหันกลับมาเรียกรุ่นน้องที่ยืนหน้าบึ้งมาตั้งแต่ออกจากบ้าน

“คะ ครับพี่ปอนด์ ไปแล้วๆๆ”

“ให้ไวเลยมึงน่ะ อย่าลืมถ่ายรูปตอนนี้ไว้ด้วยนะ” เด็กหนุ่มวิ่งเหยาะอย่างขัดใจ และต้องจำใจยกมือถือมาจับภาพทั้งคู่ไว้ คนหนึ่งสูงเข้ม อีกคนสูงขาว องค์ประกอบมันช่างลงตัวเอามากๆ ถึงขั้นดึงดูดสายตาของผู้คนที่เดินไปมาให้มองตามอย่างเสียดายความหล่อ สาววายหันมาแอบมองแล้วกระซิบพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก เด็กหนุ่มงุ่นง่านเพราะคิดว่าที่ตรงนั้นควรเป็นของตน

             ร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังถูกใช้เป็นที่สร้างภาพการมาเดตของทั้งสองคน ปุลวัชรรู้สึกราวกับหมาหัวเน่าที่ถูกระเห็จให้มานั่งแยกอีกโต๊ะที่อยู่ใกล้กันเพื่อคอยจับภาพความสวีตแบบหลอกๆของทั้งสองคน แต่ยิ่งดูก็ยิ่งไม่สบอารมณ์เพราะสายตาไอ้พี่เชนดูสมจริงจนอยากไปถีบตกเก้าอี้ ไอ้แววตาเจ้าชู้ที่สาวๆหลงใหลเนี่ยไม่ควรส่งให้กันอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้

“อะ เอามือถือไป กูถ่ายอาหารเสร็จละ ถ่ายดีๆนะมึง ไม่งั้นกูให้มึงจ่ายมื้อนี้” ปุลวัชรเอามือลูบหน้าเพื่อหวังว่าจะใจเย็นลงบ้าง ทั้งที่ในใจตะโกนลั่นแล้วว่าแค่นี้เขามีปัญญาจ่าย แต่พอเห็นสายตาเชิงขอร้องของพี่ปอนด์ก็ใจอ่อนยอมทำให้แต่โดยดี

             ระหว่างทานข้าวกันอยู่นั้น มือถือของเชนดังไม่หยุด ทั้งเสียงโทรเข้า เสียงเตือนจากไลน์ที่มีคนรัวส่งข้อความมาถามเรื่องรูปที่โพสต์ลงโซเชียลพร้อมแคปชั่นหวานๆ ถึงแม้จะไม่เปิดหน้าตาพี่ปอนด์ก็ตาม แค่นี้ก็มีคนกระหน่ำติดต่อมาจนแทบจะถ่ายรูปไม่ได้แล้ว เมื่อเจ้าของโทรศัพท์ไม่มีท่าทีจะสนใจ เด็กหนุ่มจึงปิดการแจ้งเตือนไปเสียเพราะมันน่ารำคาญ

“มึงแม่ง ร้ายว่ะ” สมการแซวเพื่อนที่นั่งกระหยิ่มยิ้มย่องภูมิใจในความคิดอันหลักแหลมของตัวเอง ถึงจะตกกระไดพลอยโจรมาเช่นนี้ยังสามารถชื่นชมเพื่อนสนิทที่เป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมดได้หน้าตาเฉยจนปุลวัชรต้องกลอกตาไปมา

“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่ากูเป็นใคร ไอ้เชนไง ไอ้เชน”

“หวังว่าจะได้ผลนะไอ้สัส ไม่งั้นกูเหนื่อยฟรีอีก” ชายหนุ่มตักสปาเก็ตตี้ใส่ปาก อาหารรสชาติอร่อยทำให้ลืมความไม่พอใจที่ถูกบังคับให้มาแกล้งเดตไปได้บ้าง

“เอาน่า ได้ผลไม่ได้ผล อย่างน้อยมึงก็จะเป็นไม้กันหมาให้กูแล้ว”

“เออ ยังดีที่มึงรู้ตัวว่าเป็นหมา”

“ไอ้สัส กูแค่เปรียบเปรยมั้ย” ปุลวัชรได้ยินบทสนทนานี้ และกำลังยิ้มเยาะเมื่อได้ยินว่าคนมั่นหน้าถูกด่าว่าเป็นหมา

“แล้วเอาไงต่อ”

“ก็ ไม่รู้ว่ะ ดูหนังมั้ย จะได้สมจริง ให้ไอ้ปุนมันถ่ายรูปตอนที่เราจู๋จี๋กันในนั้น” เชนตอบแบบส่งๆ

“เชี่ย หยุดความคิดนี้เลยนะ แค่คิดก็สยองแล้วไอ้สัส นั่งจู๋จี๋ในที่มืด แค่คิดก็บรื๋ออออ” สมการปฏิเสธเสียงแข็ง

“ใช่ๆๆๆ ไม่เหมาะพี่ไอเดียนี้ ถ่ายรูปในโรงหนังโดนปรับด้วยนะ” เด็กหนุ่มผสมโรง

“เออว่ะ เอาไงดี ไปเดินย่อยถ่ายรูปอีกนิดดีมั้ยวะ”

“รูปในซูเปอร์ก็หลายร้อยแล้ว จะถ่ายตรงไหนอี๊ก” สมการแย้งด้วยน้ำเสียงสูงลิบ

“อืมมมม เออ ใช่ บนเตียงไง บนเตียง”

“ไม่” สองหนุ่มสมการและปุลวัชรโพล่งขึ้นพร้อมกัน แล้วสายตาของทั้งคู่ก็หันมามองกันอย่างเลิ่กลั่ก

“อะไรของพวกมึงเนี่ย แค่สมมุติ ไม่ได้ให้ถ่ายหนังโป๊” เชนตอบอย่างไม่ใส่ใจ เขากดอัพรูปลงโซเชี่ยลอีกครั้ง

“กูไปฉี่ดีกว่า” สมการลุกขึ้น โดยมีรุ่นน้องลุกตามไปติดๆ

“ตามต้อยๆเป็นลูกหมาเลยนะ” เชนส่งเสียงล้อเลียน แต่ปุลวัชรก็ทำเป็นไม่สนใจ อย่างน้อยขอให้ได้อยู่กับพี่ปอนด์แค่สองคนสักหน่อยก็ยังดี

“บนเตียง แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว” สมการบ่นอุบไปตลอดทางจากร้านอาหารจนถึงห้องน้ำ โดยไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มนั้นฉีกยิ้มดีใจจนออกนอกหน้า บนเตียงที่นอนด้วยกันทุกคืนนั้นเป็นพื้นที่หวงห้าม แม้แต่เชนยังต้องปูที่นอนกับพื้น ดังนั้นความคิดนี้จึงไม่โอเค

             เมื่อกลับเข้ามาในร้านก็พบว่าเชนนั้นมีสภาพเละเทะ เส้นสปาเก็ตตี้ที่ยังทานไม่หมดเปื้อนตั้งแต่ใบหน้าทิ้งคราบบนเสื้อตัวโปรด แถมเส้นผมยังเปียกชุ่มน่าจะมาจากการถูกราดน้ำดื่มเพราะตอนนี้แก้วใสอยู่ในมือผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าโกรธกริ้ว สองหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาต่างกลั้นหัวเราะเพราะสภาพของเชนตอนนี้ดูย่ำแย่ ปุลวัชรยกมือถือมาเก็บภาพเอาไว้ ใบหน้าของเชนยังแดงเป็นรอยฝ่ามือเห็นได้ชัด ท่าทางจะเจอคนโมโหหึงตามมาเพราะเห็นรูปที่โพสต์พร้อมระบุสถานที่ไว้หรา

“ไหน มันเป็นใคร ใครหน้าไหนกล้ามายุ่งกับพี่เชน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ” ท่าทางเหตุการณ์ชุลมุนนี้เพิ่งจะเกิดขึ้น เพราะเชนยังไม่ทันลุกจากเก้าอี้ด้วยซ้ำ

“หยุดบ้าเสียทีได้มั้ยมิลค์ ยิ่งทำแบบนี้คิดเหรอว่าพี่อยากจะคบกับเราน่ะ” ชายหนุ่มหัวเสียหน้าแดงก่ำ ยืดตัวลุกเต็มความสูง

“มิลค์ไม่หยุด อีนั่นมันเป็นใครถึงกล้ามาแย่งผัวชาวบ้าน ไหนนังหน้าไหน เสนอหน้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

“โหพี่ปอนด์ พี่เชนเจอคนจริงว่ะ” ปุลวัชรกระซิบด้วยสีหน้าพึงพอใจ เขาถ่ายทั้งรูปและคลิปเอาไว้ตลอดเวลาด้วย

“นั่นสิ สวยด้วย เอ๊ย น่ากลัว เราหนีกลับกันก่อนมั้ย” สมการถกกับรุ่นน้องที่พยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนที่จะหันหลังออกจากร้าน

“ปอนด์ครับ ที่รัก” สมการสะดุ้ง ร่างกายมันหันไปทางเสียงเรียกโดยอัตโนมัติ สาวสวยชื่อมิลค์กวาดสายตาดุดันมามองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิดกับสมการที่รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม

“มะ มีอะไร หระ เหรอ” น้ำเสียงเบาหวิวบนใบหน้าแหยๆดูไร้พิรุธสุดๆ(ถามจริง?)

“ที่รักจ๋า ทำไมมาช้าจัง ดูสิเค้าเปียกหมดแล้วเนี่ย” ไม่ใช่แค่พูด เพราะเพื่อนสนิทเดินมารวบตัวพลางกระชากให้กลับไปที่โต๊ะ มือหนาสอดประสานกันไว้แน่นราวกับคู่รัก สมการหันไปขอร้องรุ่นน้องด้วยสายตาวิงวอน

“ที่รัก...งั้นเหรอ” น้ำเสียงของฝ่ายหญิงไม่เป็นมิตรแม้แต่นิดเดียว

“ดะ ดีครับ” ชายหนุ่มทักทายคนสวยด้วยใบหน้าหวาดหวั่น ใบหน้าดุๆราวแม่เสือสาวเตรียมตะปบเหยื่อชวนขนลุกวาบ

“นี่ใครห๊ะพี่เชน มิลค์บอกว่าให้เอาอีคนหน้าไม่อายแย่งผัวชาวบ้านออกมาไง ทำไมพาลุงนี่มาได้” สมการสะอึก ลุงเลยเหรอ

“พี่ปอนด์ ไหวมั้ยพี่” ปุลวัชรตามมาต้อยๆเฝ้าดูไม่ห่าง ด้านหน้ามีหญิงสาวหน้าตาสละสวยชื่อมิลค์ผู้หึงโหด พี่เชนที่กำลังสอดห้านิ้วประสานมือพี่ปอนด์ไว้แน่นโดยที่เขาอยู่ข้างหลังร่างสูงที่เหมือนจะกำลังตัวสั่น

“อื้อ” น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นความจริงเลยสักนิด

“ก็นี่ไง แฟน เอ๊ย ผัวพี่ ชื่อปอนด์” เชนแนะนำแบบไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวจ้องหน้าสมการอย่างเอาเรื่อง ดวงตากลมโตขยายตัวจนแทบถลนเหมือนนางร้ายในละครหลังข่าว

“อะไรนะ พี่เชนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ไอ้ลุงคนนี้เนี่ยนะผัวพี่ แล้วมิลค์ล่ะ มิลค์เป็นเมียพี่นะ พี่ได้มิลค์แล้วจะมาบอกว่าตัวเองมีผัวง่ายๆแบบนี้เหรอ มิลค์ไม่เชื่อหรอก มานี่เลย มึงทำอะไรผัวกูห๊ะ ไอ้ลุงบ้านี่ ตายซะเถอะมึง!” สาวร่างเล็กใจใหญ่กระชากเส้นผมสมการมาทึ้งท่ามกลางความอึ้งของไทยมุงโดยรอบ ปุลวัชรตกใจจนตาเหลือกเพราะไม่คิดว่าคนสวยจะใจกล้าบ้าบิ่นลงมือกับผู้ชายร่างใหญ่เกือบเท่ายักษ์อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่ใช่แค่ทึ้ง เพราะเมื่อถูกจับแยก คนตัวเล็กก็หลบหลีกหลุดจากแรงฉุดกระชากพุ่งมาตบสะเปะสะปะทั่วใบหน้าและตามลำตัว สมการได้แต่ยกสองแขนขึ้นมาปัดป้อง

“โอ๊ย ไอ้เชน มึงช่วยกูด้วยสิวะ”

“มิลค์หยุดก่อน หยุด อย่าทำร้ายผัวพี่นะ”

“พี่ปอนด์ เป็นไงบ้างครับ โอ๊ย” ปุลวัชรเซออกจากวงโคจรจากแรงถีบของหญิงสาว สองมือน้อยหลุดจากศีรษะคนตัวสูงแล้วแถมยังมีเส้นผมหลุดเป็นกระจุกในมืออีกต่างหาก

“หยุดบ้าเดี๋ยวนี้นะมิลค์ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่นอนด้วยกัน ไม่ได้คบกัน คนที่พี่รักคือคนนี้” เชนตะโกนลั่นร้าน

“มิลค์ไม่เชื่อ พี่เชนตอแหล” ถึงแม้สองมือเล็กๆจะชะงักแต่ยังสามารถตอบโต้ได้อย่างถึงเครื่อง

“ไม่เชื่อเหรอ งั้นดูนี่” ใบหน้าของสมการถูกกระชากและรั้งไว้แนบแน่นโดยมีหน้าหล่อๆของเพื่อนซี้เลื่อนมาชิด

             วินาทีนั้นเองที่ปุลวัชรอยากจะพุ่งไปตะบันหน้าของเพื่อนสนิทพี่ปอนด์ให้แหลกคาที่ แต่สองขากลับยืนนิ่งอย่างน่าขัดใจ แววตาของหญิงสาวชื่อมิลค์ที่กำลังเกรี้ยวกราดลงมือทำร้ายหนุ่มๆเบิกโพลงไม่ต่างกับลูกค้าและพนักงานคนอื่นในร้านอาหาร

             ริมฝีปากของสองหนุ่มประกับกันแนบชิด สมการตกใจจนตัวเกร็งทำอะไรไม่ถูก แต่คนที่บุกดันสอดลิ้นสากๆเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวและกวาดโพรงปากของเขาอย่างคล่องแคล่ว ปุลวัชรอ้าปากค้างอย่างหมดหล่อ ภาพจูบที่เร่าร้อนปรากฎต่อหน้าศักขีพยานนับสิบ ยังดีที่แต่ละคนมีท่าทางตกใจจนลืมยกมือถือมาจับภาพเอาไว้ ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบสงบ

“ไม่จริ๊ง ไอ้พี่เชน ไอ้เหี้ย มึงจะทำแบบนี้กับกูไม่ได้ นี่แน่ะๆ” เสียงกระเป๋าหลุยส์ราคาแพงฟาดตามลำตัวพี่เชนดังผลักๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ละริมฝีปากที่กำลังบดเบียดหาความหวานเยิ้มจากคนที่ยืนบื้อด้วยความงงงวย ถึงมันไม่ใช่จูบแรกก็ตามที แต่การที่ถูกเพื่อนสนิทจ้วงลิ้นเข้ามากลางห้างก็ยากที่จะตั้งสติได้

“ไอ้สัส ไอ้เกย์เหี้ย มึง กรี๊ด!” มิลค์กรีดร้องเสียงดังลั่นพร้อมน้ำตาที่ไหลริน ความเจ็บใจมีมากกว่าความเสียใจ เจ็บใจที่หลงรักผู้ชายที่มีสามีแล้ว เจ็บใจที่เห็นภาพบาดตา เจ็บใจจนอยากจะฟาดไอ้คนเจ้าชู้ให้เละคามือ แต่พอเริ่มได้สติก็เสียดายกระเป๋าราคาแพงและอายตัวเองที่แหกปากเหมือนนางร้ายในละครเพื่อแย่งผู้ชายแบบนี้

             สมการยังยืนนิ่งถึงแม้เชนจะผละริมฝีปากออกไปแล้ว เขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นถึงแม้ว่าปากจะบวมเจ่อเพราะแรงบดเบียด ปุลวัชรได้สติก็รีบเข้ามาฉุดแขนรุ่นพี่ให้เดินไปจากตรงนี้อย่างไม่สนใจท่าทีของเชนและผู้หญิงคนนั้น เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังไล่หลังมาพร้อมเสียงด่าทอสารพัดยังไม่ทำให้เด็กหนุ่มใจเย็นลงได้เลย ... เขาหึง หึงจนแทบบ้า

“พี่ปอนด์ พี่ปอนด์” ต้องออกแรงเขย่าตัวหลายทีกว่าอีกคนจะได้สติ

“หะ หือ” สมการหลุดจากภวังค์ มองใบหน้าดุดันของรุ่นน้องอย่างงุนงง พวกเขายืนข้างรถที่ลานจอด

“พี่ ฮึ่ม โว้ยยยย” ปุลวัชรโวยวายลั่นอย่างไร้ทางออก ความอัดอั้นทำให้งุ่นง่านจนแทบบ้า

“พี่ อะไรเหรอปุ่น”

“พี่จำไม่ได้จริงๆเหรอพี่ปอนด์ ไอ้พี่เชน ไอ้พี่เชนจูบพี่นะ” เสียงดังทั่วลานจอดรถที่ทั้งร้อนและไม่ค่อยสว่าง

“หะ ห๊ะ” ความทรงจำเลือนลางเริ่มกลับมาพร้อมใบหน้าตื่นตระหนก นิ้วมือไล้ขอบปากอย่างลืมตัว

“พี่ปล่อยให้มันจูบทำไมห๊ะ พี่ปอนด์ ทำไม โว้ย”

“พะ พี่เปล่า พี่...” สมการกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ทะ ทำไมปุ่นต้องโวยวาย..”

“ทำไมน่ะเหรอ พี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าทำไม พี่ดูไม่ออกเหรอ จริงเหรอพี่” เด็กหนุ่มยังเสียงดัง เหงื่อไคลไหลย้อยเพราะความโมโห

“ดูอะไรออกเหรอพี่งง แล้วทำไมเราต้องโวยวายด้วย” หน้าตาเหม่อลอยของชายหนุ่มยิ่งชวนให้หงุดหงิด

“โว้ย! พี่จูบกับพี่เชนไง พี่จูบกับมัน โว้ย พี่จูบกับไอ้พี่เชนนะ”

“ละ แล้ว...”

“ผมหึงไง ผมหึง พี่ได้ยินมั้ยว่าผมหึง ผมชอบพี่ ผมอยากเป็นแฟนพี่ ผมอยากให้พี่มองผม ผมเลยหึง ทำไมไม่ใช่ผมที่ได้จูบกับพี่ แต่เป็นไอ้นั่น” เด็กหนุ่มกระชากคอเสื้อคนที่สูงกว่านิดหน่อยมาประชิด ลมหายใจร้อนๆพวยพ่นกระทบใบหน้าไปมา

“หะ ห๊า...” สมการอึ้งซ้ำซ้อน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าคิดอย่างไรกับตน แต่พอได้ยินแบบซึ่งหน้ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคุ้นเคย

“ผมชอบพี่ พี่ได้ยินผมใช่ไหม” ปุลวัชรยื่นสองมือจับไหล่กว้างไว้แน่น ถึงแม้จะสูงน้อยกว่าแต่ก็ไม่เป็นปัญหา

“ดะ ได้ยิน”

“ผมหึง ผมหวง ผมโกรธ พี่ได้ยินมั้ย”

“ดะ ได้ยิน”

“ผมอยากจูบพี่ อยากกอดพี่ อยากให้พี่สนใจผม ไม่อยากให้ไปจูบกับคนอื่น พี่ได้ยินผมมั้ย”

“ดะ ดะ ได้ยิน”

“ผมอยากจูบพี่ พี่ได้ยินมั้ย”

“ดะ... อื้อออออ” สมการไม่ได้ช็อก แค่ตกใจที่จู่ๆริมฝีปากอุ่นของเด็กหนุ่มก็ทาบทับลงมาแผ่วเบาราวกับหยั่งเชิง เขาได้แต่ยืนนิ่งเหมือนตอนอยู่ในร้านอาหาร ความตกใจซ้ำซ้อนชวนกระอักกระอ่วนป่วนทรวงอกจนร่างกายจับเกร็งไปหมด

“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมเอง ปุ่นไงครับ น้องปุ่น” เด็กหนุ่มผละใบหน้าพลางพูดปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สมการสบสายตาคู่สวยนั้นอย่างไร้คำพูดเล็ดลอดออกมา ความอบอุ่นที่แตะมาแผ่วเบาทำให้จิตใจไขว้เขอย่างน่าฉงน ความรู้สึกช่างแตกต่างกับแรงบดเบียดจากเพื่อนสนิทอย่างสิ้นเชิง ความนุ่มนวลที่ค่อยๆแตะซ้ำลงมาอีกครั้งทำให้ร่างกายเหมือนถูกไฟช็อต กล้ามเนื้ออ่อนแรงราวกับร่างกายนี้ไม่ใช่ของตนอีกต่อไป

             ลมหายใจอุ่นรวยรินพวยพ่นไหลผ่านสอดประสานไปมาทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนเริ่มเผยอปาก สมการส่งแรงเบียดบดส่งความสากของลิ้นวนเวียนแตะไต่กับของอีกฝ่ายอย่างเนิบนาบ รสหวานละมุนลิ้นซอกซอนไปมาระหว่างพวกเขาทั้งคู่อยู่นานเนิ่น เสียงหายใจรุนแรงขึ้นตามจังหวะการสอดประสาน สองมือต่างก่ายกอดกันไปมาอย่างลืมตัวไปเสียสิ้น จูบกับผู้ชายที่ไม่เคยอยู่ในความคิดกำลังกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในตัวสมการจนปั่นป่วนคล้ายกับหายนะ แต่เป็นหายนะที่แสนหอมหวาน

“ฮื้อออออออออออออ” เสียงดูดกลืนดังอื้ออึงในลำคอ ปุลวัชรยอมตกอยู่ใต้อาณัติของรุ่นพี่แต่โดยดี ร่างของเขาถูกพลิกไปพิงกับตัวรถก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะถาโถมใบหน้าจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงหัวใจเต้นอึกทึกยิ่งกว่าเพลงบรรเลงซิมโฟนีเย้ายั่วให้ตอบสนองรสจูบนี้อย่างไม่ลดละ

“จ๊วบ...” ของเหลวไหลยืดเป็นทางยามที่ใบหน้าเหรอหราของสมการถอยออกห่าง แววตางุนงงปนเปกับความตกใจอย่างไม่ปกปิดดูน่าขบขัน แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา เด็กหนุ่มโน้มลำคอแกร่งเอาไว้และโน้มเข้ามาเพื่อประกบความอบอุ่นอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง

“พี่จูบผมแล้ว ต่อไปผมจะไม่ทนแล้วนะ”

“ทะ ทนอะไร” สมการยังไม่เข้าใจเรื่องราวถี่ถ้วนคล้ายสมองหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ

“ผมจะไม่ทนเก็บความรู้สึกไว้กับตัวอีกแล้ว ต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมยกพี่ให้คนอื่นอีกแล้ว”

“ยะ ยกให้ใครกัน” ปุลวัชรไม่ตอบ แต่นึกถึงใบหน้าหล่อๆของปวรรัชดลและเชนแล้วก็งุ่นง่าน

“พี่ปอนด์ ฟังผมนะ”

“หืม”

“ผมจะจีบพี่ และพี่จะต้องให้ผมจีบด้วย ห้ามขัด และห้ามให้คนอื่นมาจีบพี่ด้วย”

“ดะ เดี๋ยว ปุ่น อะไร อะไรนะ” สมการหน้าเหวอ ความตกใจที่โดนผู้ชายสองคนจูบในเวลาไล่เลี่ยกันเหมือนจะยังไม่มากพอเพราะรุ่นน้องหน้าตาดีที่อาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านประกาศตัวชัดเจนว่าจะจีบตน

“ผมจะจีบพี่ จะตามจีบจนกว่าพี่จะยอมตกลงเป็นแฟนผม”

“...” ฉิบหายแล้ว ไอ้ปอนด์เอ๊ย ... มันเป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัว และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

             แววตาของปุลวัชรไม่ได้ล้อเล่น ปากสวยที่แดงระเรื่อก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พวกเขาจูบกันจริงๆ จูบกันอย่างดูดดื่มเสียด้วย สมการผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มากเท่าคนอื่นจึงคิดไม่ทันว่าควรจะตั้งรับอย่าง กลไกสมองคล้ายจะเป็นอัมพาตไปตั้งแต่โดนเพื่อนสนิทคว้าคอไปบดปาก แล้วก็ถูกลากกลับมาที่รถอย่างงงๆแล้วถูกผู้ชายอีกคนกระชากคอโน้มไปจูบอีกครั้ง คนเดียวว่ารับมือยากแล้ว แต่สองคนในเวลาไล่เลี่ยกันแบบนี้มันทำให้เข่าอ่อน

“พี่ปอนด์ เป็นอะไรครับพี่ ทำไมลงไปกองกับพื้นยังงั้นล่ะ” น้ำเสียงของรุ่นน้องตกใจที่อยู่ๆร่างสูงที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่กลับยอมแพ้แรงโน้มถ่วงทรุดไปนั่งบนพื้นลานจอดรถอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเหรอหรานั้นยังไม่ตอบสนอง แต่ดูท่าจะตกใจมากจนช็อก

“หืม พี่เปล่า เปล๊า ไม่เป็นไรเลย สบายมาก แหะๆ” ทั้งเสียงสูง ใบหน้าเจื่อน รอยยิ้มแหยๆ มันช่างไม่ตรงกับคำพูดเลยสักนิด

“ลุกก่อนครับพี่ ไหวมั้ยครับ” ร่างสูงค่อยลุกขึ้นตามแรงพยุง แข้งขายังอ่อนเปลี้ย

             สมการเพิ่งสังเกตใบหน้าของเพื่อนร่วมบ้านอย่างจริงจังในครั้งนี้เอง ดวงตาชั้นเดียวคมกริบนั้นมีขนตาสีดำเป็นแพงอนสวย คิ้วก็หนาเรียงตัวได้รูป จมูกที่โด่งแม้จะมองจากมุมเงยยังไม่มีเค้าความอัปลักษณ์เลยสักนิด ใบหน้ารูปไข่เรียวยาวรับกับทุกสิ่งบนใบหน้าชวนอิจฉาว่าทำไมพ่อแม่ให้แต่สิ่งดีๆมาเยอะขนาดนี้ ปากกระจับสวยยังสดใสอมชมพูรับกับความขาวแบบผู้รากมากดี ขาวเนียนใสยิ่งกว่าสาวญี่ปุ่นที่เขาติดตามในซีรี่ย์เสียอีก

“มองผมขนาดนี้ ไม่คิดเหรอว่าผมก็เขินนะครับ”

“อะ เอ่อ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบให้พี่มอง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ผมอยากให้สายตาพี่มองแค่ผม แค่ผมคนเดียว...”

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อั๊ยยยย พี่ปอนด์คนเสน่ห์แรง น้องปุนถึงกับสติแตกบอกความในใจ เดินหน้าจีบเต็มที่แล้วจ้า พี่ปอนด์ยังเบลออยู่เลย  :laugh:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
พี่สม ใสๆ โดนผู้ชายจูบสองคน ระทวยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 12. อลหม่านบ้านแทบแตก

            ร่างสูงที่เต็มไปด้วยคราบที่ล้างไม่ออกของเชนเดินพรวดพราดเข้ามาในตัวบ้านด้วยอาการฟึดฟัด กว่าจะเคลียร์เรื่องที่ถูกสาวสวยตามไปราวีถึงในห้างและยังทำข้าวของในร้านตกแตกเสียหายจนต้องชดใช้ไปไม่น้อยแล้ว ยังถูกรปภ.ของห้างสรรพสินค้าเชิญตัวไปปรับทัศนคติอยู่นานสองนานโดยมีน้องมิลค์(อดีต)คู่ควงที่อยู่ในอาการเดือดพล่านตะโกนด่าโหวกเหวกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งที่ตัวเล็กนิดเดียว ผู้หญิงยามโกรธช่างน่ากลัวเสียจริง

             เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วในตอนที่หญิงสาวที่เชนเคยควงและพยายามชิ่งหยุดโวยวาย ทั้งคู่ไม่ได้ถูกปรับเพิ่มอีกและไม่มีการแจ้งตำรวจใดๆทั้งสิ้น แต่เชนต้องจ่ายค่าเสียหายของร้านอาหารวันนี้ตามจริงและมันก็ค่อนข้างแพงอยู่แล้ว

“จริงดิ” อยู่ๆมิลค์ก็พูดขึ้นมาหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ พวกเขามานั่งร้านกาแฟชื่อดัง ใช้เวลากับตัวเองมองวิวภายนอกอาคารที่ฟ้ากำลังเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินเข้มและความมืดเริ่มเคลื่อนเข้ามา

“หืม”

“ที่พี่เป็น เอ่อ กับลุงคนนั้นน่ะ”

“ทำไมล่ะ” เชนถือแก้วกาแฟตัวเองไปมา สายตาจับจ้องการเคลื่อนไหวที่มืออย่างเลื่อนลอย

“พี่เชน พี่เป็นเกย์จริงๆหรือว่าพี่ทำเพื่อสร้างเรื่องเลิกกับหนู”

“...” ชายหนุ่มเงยหน้ามองความสวยงามที่เคยชิดใกล้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมปล่อยมือจากคนที่สวยปานนี้ได้หรอก แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น ตื่นเช้าขึ้นมาในบ้านของคนอื่นแล้วพบว่าตัวเองไม่มีใครอีกทั้งยังล้มเหลวในเรื่องชีวิตคู่กับภรรยาเก่า มันยิ่งตอกย้ำว่าเขาควรจะโตขึ้นเสียที และในการเติบโตนั้นไม่มีผู้หญิงชื่อมิลค์อยู่ในความคิดเลยแม้แต่น้อย

“พี่เชน” มือขาวใสเอื้อมมาแตะ แต่เขากลับชักมือหนี

“พี่ขอโทษ พี่รู้ตัวว่าพี่เลวแค่ไหน พี่พยายามทำหลายๆอย่างเพื่อหลบหน้ามิลค์ แต่พี่ไม่กล้าพอที่จะพูดคุยกันจริงจังเลยสักที”

“อื้ม พี่แม่งเลวจริงๆแหละ”

“พี่จะไม่บอกเลิกเรานะ สำหรับพี่ พวกเราไม่เคยเริ่มต้นอะไรกันทั้งนั้น มัน...”

“อื้อ หนูเข้าใจ ฮึก...” น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลร่วงจากดวงตาที่เจ็บปวด ร่างบางสั่นเทาเล็กน้อย เชนเห็นแล้วหดหู่แต่ไม่อาจเข้าไปปลอบโยนใดๆได้

“ถ้าใครถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา บอกเขาไปนะว่ามิลค์แค่ไปเจอเหี้ยตัวหนึ่ง” เชนพูดปิดท้าย ชายหนุ่มเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้จะหันกลับไปมองหญิงสาวที่กำลังสะอื้นไห้ในมุมนั้นของร้าน ในหัวของเขามีเรื่องให้คิดมากกว่านั้น

             เชนเป็นผู้ชายที่ไม่เคยจริงจังกับความรักหรือความสัมพันธ์ใดๆเพราะการเติบโตจากครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้าง แม่มีสามีใหม่และสนใจเขาน้อยลง พ่อก็ตรอมใจและหันไปพึ่งของมึนเมาจนกลายเป็นผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้รับจากครอบครัวนี้คือหน้าตาที่หล่อเหลาสามารถดึงดูดใครต่อใครให้เข้าหา และวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับผู้หญิงที่คิดว่ารักหมดใจและพยายามเก็บซากความแตกสลายในวัยเด็กโดยการแต่งงานเพื่อสร้างครอบครัวให้ดีกว่าบุพการี แต่เปล่าเลย มันไม่มีอะไรดีขึ้น ภาพลักษณ์ของชายหนุ่มเจ้าชู้ไม่ค่อยกลับบ้านจนอดีตภรรยาระแวงว่าเขามีคนอื่นก่อปัญหาเรื้อรังจนกระทั่งเขารับไม่ไหว

             เมื่อติดต่อทั้งสมการและปุลวัชรไม่ได้ เชนจึงรู้ว่าทั้งคู่ทิ้งตนและกลับบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มเดินออกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ด้วยจิตใจที่เคว้งคว้างจากการคิดถึงเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นจนไม่ทันสังเกตว่าภายนอกนั้นมีฝนกำลังเทกระหน่ำจนไม่อาจเดินไปเรียกแท็กซี่ได้

“ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรแบบนี้วะกู” เชนบ่นกับตัวเองและเดินกลับไปที่เดิม ผู้คนคลาคล่ำยิ่งกว่าเดิมเพราะเจอชะตากรรมเดียวกันนั่นคือติดฝน ชายหนุ่มร่างสูงจึงเดินเล่นเพื่อฆ่าเวลา ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อยู่กลางกรุงและมีขนาดใหญ่จนเกินไป ปกติเขาจะไม่มาเดินด้วยซ้ำเพราะขี้เกียจ แต่พอได้มาก็กลับต้องมาติดแหง็กไปไหนก็ไม่ได้

             เชนรู้ว่าตัวเองหน้าตาดี นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนมองตามไม่ว่าจะหญิงหรือชาย การออกมาเดินในห้างแบบนี้จึงทำให้ชายหนุ่มเห็นโลกภายนอกที่ไม่คิดจะมาเดินดูให้เสียเวลาชีวิตเท่าไร สายตากวาดมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ก็ได้พบว่าโลกมันเปลี่ยนไปเยอะจนรู้สึกแก่ มีนักเรียนเดินเป็นกลุ่มคุยกันออกรส แฟนหนุ่มสาวเข็นรถเข็นเด็กเดินว่อน หญิงสาวแต่งตัวตามแฟชั่นเดินคุยกันคิกคักหันมามองเขาและส่งยิ้มให้ ผู้ชายสองคนที่ดูไม่มีอะไรผิดแปลกเดินชิดกระหนุงกระหนิงผิดจากยุคที่เขาเติบโตมา ไม่แปลกใจเลยที่มิลค์เรียกเพื่อนสนิทเขาว่าลุง ใบหน้าของสมการก็เอื้อให้คิดว่าแก่ขั้นนั้นเช่นกัน

...ใบหน้าที่ตกใจตอนที่ถูกโน้มมาจูบ (O_o)’’

... จูบที่คิดว่าจะแกล้งทำให้สมจริงมากที่สุดโดยการใช้ลิ้น

... รสชาติหวานหอมยามที่ดูดเม้มความหอมหวานในโพรงอุ่น

... ทุกอย่างมันทำให้เชนรู้สึกแปลกใหม่ ประหลาดใจ ตื่นเต้น หวาดกลัว อบอุ่น วาบหวามและหัวใจเต้นแรงจนแทบจะวาย

‘ทำไมกูต้องคิดถึงหน้ามึงด้วยวะไอ้ปอนด์’ เชนคิดซ้ำไปมาในหัว ใบหน้าที่ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าหล่อที่รู้จักกันมาเกือบ 15 ปีไม่ควรทำให้เขารู้สึกมากมายจนแทบจะล้นทรวงอกแบบนี้

‘กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ดึงสติกลับมาก่อนไอ้เชน ดึงกลับมา’ หนุ่มหล่อร่างสูงเด่นยืนนิ่งพิงเสาขนาดใหญ่ในห้างสรรพสินค้าด้วยใบหน้าจริงจังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่เขากำลังใช้ความคิด ความคิดที่กำลังทำให้สับสนจนไม่อยากเดินไปมาอีกต่อไป แม้จะไม่ต้องการที่จะทำตัวโดดเด่น แต่ต้องยอมรับว่าใบหน้าของเชนนั้นชวนให้ใครต่อใครต้องหยุดมองอยู่เสมอ

             เมื่อคิดอะไรไม่ออก สมองเริ่มล้า ส่วนการประมวลผลทำงานบกพร่อม ชายหนุ่มจึงหยุดความคิดทุกอย่างและก้าวขายาวออกไปนอกอาคารอย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เม็ดฝนเย็นตกปะทะใบหน้าจนเจ็บ ของเหลวที่ตกมาจากที่สูงทำให้เปียกปอนไปทั้งตัว แต่เขากลับอยากอยู่แบบนี้ อยากเดินแบบนี้ ความเย็นของมันทำให้ความสับสนวุ่นวายเจือจางไปตามแรงปะทะ หยาดฝนทำให้เสื้อที่สวมมาลู่แนบกับลำตัวเผยให้เห็นแนวกล้ามเนื้อที่ได้รูป หากไม่มีสายฝนกระหน่ำเสียก่อน ภาพอันเปียกโชกของเขาคงยั่วยวนสายตาของคนอื่นอยู่ไม่น้อย

“ไปบางซื่อครับ” เชนเปิดประตูรถแท็กซี่ที่จอดรับตนตอนที่เดินไปมาจนเกือบหลงทิศ

“โห เปียกขนาดนี้เลยเหรอพ่อหนุ่ม”

“ผมให้ห้าร้อย ปิดแอร์แล้วพาผมไปส่งบ้านหน่อย”

“ขึ้นมาเลยพ่อหนุ่ม มาเดินกลางฝนแบบนี้ทำมิวสิคอยู่ล่ะสิ อกหักมาเหรอ” เชนหลับตาลงอย่างหงุดหงิด ไม่อยากตอบอะไรกับคนขับแท็กซี่เลยสักนิด

... ใบหน้าเหรอหรา

... จูบที่แสนหวาน

... ทำไมมันทำให้น้องชายของเขาพองตัวขึ้นมาได้วะ

             เชนตบเป้ากางเกงอย่างขัดใจ ใบหน้าหล่อยู่ยับเพราะไอ้น้องชายตัวดีดันมามีอารมณ์กับไอ้ปอนด์เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วัยรุ่น พวกเขาเคยแก้ผ้าอาบน้ำกันหลายต่อหลายรอบ แก้ผ้าเดินในห้องนอนอย่างไม่อายสายตาและไม่เคยคิดอะไรเกินเลยแบบนี้มาก่อน แต่จูบเดียวในวันนี้ทำให้หัวใจเขาเปลี่ยนไป มันสั่นไหวและเต้นโครมครามตอนคิดถึงใบหน้าเอ๋อๆนั้น ชายหนุ่มหยิบมือถือราคาแพงที่กันน้ำได้ออกมาเล่นเพื่อหันเหความสนใจ แต่ก็ต้องกำหมัดแน่นและรู้สึกโกรธจนอยากจะปาของในมือทิ้ง

‘ของโปรดคนแถวนี้ (สติกเกอร์รูปหัวใจ)’ ภาพกับข้าวธรรมดาและแคปชั่นที่ไม่ได้หวือหวาที่โชว์หน้าฟีดทำให้เชนรู้สึกหงุดหงิด และยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่มากดไลค์และคอมเม้นต์กลับคือสมการ เพื่อนสนิทของตน

‘รู้ใจที่สุดเลยว่ะ (สติกเกอร์หมียิ้มกว้าง)’

...หงุดหงิดโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !


#### ####

             ร่างสูงที่เต็มไปด้วยคราบที่ล้างไม่ออกของเชนเดินพรวดพราดเข้ามาในตัวบ้านด้วยอาการฟึดฟัด ถึงแม้มันจะเปียกชุ่มไปทั้งตัวก็ตาม เชนกระแทกส้นเท้าโครมครามเพื่อหวังว่าเจ้าของบ้านจะออกมาทักทาย เย็นวันอาทิตย์ที่ฝนตกหนักทำให้เสียเวลาบนถนนอยู่นาน ชายหนุ่มเดินไปเปิดห้องครัวที่ว่างเปล่า แทบไม่มีอะไรเหลือให้เขากินอีกแล้ว ความหิวและความงุ่นง่านทำให้ฟิวส์ขาด เขาเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรมาใส่กระเพาะ อย่างน้อยยังพอมีกับข้าวที่รุ่นน้องอัพลงโซเชียลอยู่ เมื่อวางจานเย็นชืดนั้นบนโต๊ะกับข้าว ความปั่นป่วนก็เข้ามารบกวนจนแทบจะเทมันทิ้งไป ...

             ชายหนุ่มเคาะประตูห้องนอนหลายครั้งกว่าคนที่อยู่ในนั้นจะงัวเงียมาเปิดประตูให้ ใบหน้าของเจ้าของบ้านย่นยับหัวเสียเนื่องจากถูกรบกวนเวลาหลับนอนที่เป็นสุขยิ่งทำให้เชนรู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ

“มีราย”

“เอ่อ หลีกไปกูจะเข้าห้อง” เสียงหัวใจเต้น ตึก ตึก ตึก ดังจนแทบทะลุทรวงอกทำให้เชนต้องรีบหลบตา

“ห้องแม่กูโน่น เสร็จแล้ว ย้ายของให้แล้ว แค่นี้นะ”

“เดี๋ยว...”

ปัง! ... ให้มันได้อย่างนี้สิ เชนสบถอย่างหัวเสียในใจ รู้สึกโกรธที่อยู่ๆถูกเด้งออกมานอนแยกห้องทั้งที่เขายังไม่พร้อม

“พี่เชนเหรอครับ” ห้องนอนเย็นเฉียบและมืดมิดไร้แสงไฟ แต่ปุลวัชรกลับมองเห็นการเคลื่อนไหวชัดเจน

“อื้อ” สมการซุกตัวลงใต้ผ้าห่มควานหาความอบอุ่น สองหนุ่มที่เหมือนจะเลิกลั่กเมื่ออยู่กันสองต่อสองตั้งแต่อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าจนมาถึงบ้านยังไม่ได้คุยกันมากนัก พวกเขาผ่านช่วงมื้อค่ำอย่างกระอักกระอ่วน

“พี่ปอนด์”

“หืม”

“ขอกอดได้ไหมครับ”

   เฮือก... สมการสะดุ้ง ปกติแล้วรุ่นน้องจะเข้ามากอดตอนที่เขาหลับไปแล้ว ช่วงแรกมันยังไม่ชินเท่าไร แต่เวลาผ่านไปก็ทำใจได้ เพราะถือว่าไม่ได้ยินยอมเนื่องจากเขาไม่รู้ตัวและเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าแค่กอด ปกติสมการจะตื่นทีหลังจึงจำเรื่องที่โดนกอดได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่คืนนี้กลับถูกขอซึ่งๆหน้าทำให้อาการงัวเงียเมื่อกี้หายวับ

“อะ เอ่อ”

   ชายหนุ่มไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่กล้าพลิกตัวไปมองใบหน้าหล่อๆของปุลวัชรด้วยซ้ำด้วยเกรงว่าจะนึกถึงเรื่องที่พวกเขาจูบกันที่ลานจอดรถ คืนนี้สามารถไล่เพื่อนสนิทออกไปนอนอีกห้องได้ แต่กับเด็กหนุ่มกลับสลัดได้ยาก ยิ่งใกล้กันก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก เขามันคนขี้ใจอ่อน มันเลยกลายเป็นต้นตอของหายนะในชีวิตหลายๆอย่าง เช่น การถูกผู้ชายสองคนจูบอย่างดูดดื่มวันนี้

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ พี่นอนเถอะครับผมไม่กวนพี่แล้ว ฝันดีนะครับ”

   น้ำเสียงหงอยหนักตอบมาจนสมการรู้สึกผิด ทั้งที่เขาเป็นคนโดนจูบ โดนกอด แต่พอไม่ทำตามที่ถูกร้องขอ กลับกลายเป็นว่าสามัญสำนึกของตัวเองตลบตะแลงมาเล่นงานจิตใจของเขาเสียอย่างนั้น ปุลวัชรถอนหายใจคล้ายคนน้อยใจและขยับตัวในผ้าห่ม ถึงแม้เตียงจะกว้างแต่ผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนนอนด้วยกันก็ดูแคบไปถนัดตา แข้งขาเก้งก้างของพวกเขาเกี่ยวกันอย่างสุดวิสัย

“อืม” สมการส่งเสียงเบาหวิว

“อะไรเหรอครับพี่ปอนด์” รุ่นน้องที่พลิกตัวหันหลังให้เมื่อครู่พลิกตัวกลับมานอนตะแคงมองแผ่นหลังกว้างในความมืดสลัวอีกครั้ง กลิ่นสบู่อ่อนๆของรุ่นพี่ที่เขาชอบทำให้จิตใจหวั่นไหวเต้นรัวในอกราวกับกำลังตีกลองสะบัดชัย

“กะ กอดไง” สมการไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องใจอ่อน มันอาจจะเพราะน้ำเสียงที่รู้สึกน้อยใจที่ได้ยิน หรืออาจะจะเพราะนิสัยที่กลัวคนอื่นเสียใจจนปฏิเสธไม่ออก แต่ท้ายที่สุดไออุ่นของคนที่นอนร่วมเตียงก็ขยับมาชิด

   ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แขนขวาของปุลวัชสอดใต้ลำคอของสมการโดยมีแขนซ้ายโอบร่างอยู่ด้านบน ไอร้อนของทั้งคู่ผสานกันอย่างรวดเร็วจนความเหน็บหนาวของเครื่องปรับอากาศแทบจะเหือดแห้งไปทันที ฝ่ามือของเด็กหนุ่มแตะทรวงอกซ้ายของคนพี่เอาไว้ จังหวะการเต้นตึกตักรุนแรงไม่ต่างกับตนสักนิด แต่ปุลวัชรไม่กล้าฟันธงว่าอีกฝ่ายนั้นตื่นเต้นหรือกลัวหรือกังวลที่อยู่ในอ้อมกอดนี้หรือจะรู้สึกดีใจจนพองโตเฉกเช่นเขา จังหวะการเต้นของหัวใจไม่ได้บ่งบอกว่าทั้งสองคนจะต้องรู้สึกเหมือนกัน เมื่อคิดอย่างนั้น รุ่นน้องที่กระชับอ้อมแขนก็เลิกเข้าข้างตัวเองและปล่อยให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ

             เชนก้าวเข้าห้องนอนที่เพิ่งซ่อมแซมเสร็จใหม่ๆอย่างอารมณ์เสีย รู้สึกว่าทุกอย่างในโลกนั้นเป็นอุปสรรคไปเสียหมด ชายหนุ่มมองเตียงขนาดใหญ่และข้าวของที่ถูกย้ายมากองไว้แล้วถอนหายใจ ห้องนี้ใหญ่กว่าห้องนอนของสมการ มีห้องน้ำในตัว มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าตอนที่นอนในห้องนั้นสามคน แต่เขาไม่ได้ต้องการความเป็นส่วนตัวในตอนนี้ ชายหนุ่มต้องการช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับเพื่อนสนิทแค่สองคนเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง เขาต้องรู้ให้ได้ว่าความรู้สึกที่มีตอนนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่อาการสับสนจากแค่จูบเดียว ถึงแม้มันไม่ใช่จูบแรกของพวกเขาก็ตาม...


#### ####


ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 12. อลหม่านบ้านแทบแตก #2

13 ปีที่แล้ว

             เชนและสมการเป็นเพื่อนสนิทกันที่สุดในรั้วมหา’ลัยเลยก็ว่าได้ สมการเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอม สูงเก้งก้าง ใบหน้าไม่ได้หล่อแถมยังมีรอยสิวประปรายประดับใบหน้า ประกอบกับสีผิวที่ออกไปทางคล้ำมากกว่าจะเป็นสีแทน ยิ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าหาสาวๆ ยุคสมัยของพวกเขานั้นนิยมคนหน้าลูกครึ่ง แต่ถ้าไม่ได้แบบนั้นก็ต้องดูดี และเชนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สาวๆอยากควงแขนมากที่สุด รูปร่างสูงเพรียวมีกล้ามเนื้อพอดี ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มดูขี้เล่นแถมยังเป็นนักกีฬาฟุตบอล จึงไม่แปลกใจที่มีแต่คนตามติด ซึ่งผิดกับชีวิตของเพื่อนสนิทที่แม้จะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ แต่ก็เหมือนคนไร้ตัวตนสำหรับสาวๆ

“ชนแก้วโว้ย” เสียงของหนุ่มๆที่กำลังเมามายอยู่ในผับไม่ไกลจากหอพักดังเฮก่อนเสียงแก้วกระทบจะตามมา สมการเมาเกือบไม่ได้สติเพราะเพิ่งอกหักมาจากสาวที่ชอบ เชนที่เห็นอาการไม่ดีจึงลากเพื่อนซี้ออกมาเปิดโลกพร้อมกับชวนเพื่อนๆในกลุ่มมากันนับสิบ วัยคึกคะนองกับของมึนเมาเป็นของคู่กัน การอกหักไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแต่ก็ทำให้มีเหตุผลในการรวมกลุ่มมาเมา

“แด่ไอ้ปอนด์ เอ้า โชนนนนนนนนนน” แก้วที่แล้วเพิ่งถูกเติม เสียงเชียร์ใหม่ก็ดังขึ้น หนุ่มๆที่เมาได้ที่ก็ยกแก้วขึ้นมาชนกันอีกครั้ง และก็ตามมาอีกหลายๆครั้ง...สมการงัวเงียชนบ้างไม่ชนบ้างตามกำลังที่เหลือเอื้ออำนวย สุดท้ายก็ฟุบหลับคาโต๊ะ

             เชนและเพื่อนๆแบกร่างสมการรวมถึงคนอื่นที่เมาพับมาที่ห้องโดยสวัสดิภาพ ทั้งหมดอยู่หอพักเดียวกันแต่คนละห้อง เชนจึงไม่ต้องออกแรงลากร่างเพื่อนซี้มากเท่าที่คิด เมื่อร่างสูงเก้งก้างนอนแผ่ไร้สติเชนก็อยากล้มตัวลงตอนเตียงของตัวเองบ้าง

หมับ...

“เชี่ย” เชนสะดุ้ง เพราะถูกมือสากคว้าแขนและกระชากตัวล้มไปนอนทับคนเมา

“น้องเหมียวใจร้าย พี่ชอบน้องเหมียวมากนะครับ ฮือๆ” ไม่ใช่แค่พร่ำเพ้อ แต่สมการกำลังร้องไห้ เชนที่เมามายไม่ต่างกันต้องกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ พยายามประคองร่างให้ลุกจากที่นอนแคบนี้ แค่ไม่กี่ก้าวก็จะถึงที่นอนของเขาซึ่งเป็นเตียงขนาดเท่ากับของรูมเมต แต่กลับถูกแขนยาวๆของคนไร้สติคว้าตัวไปกอดรัดจนขยับหนีไม่ได้

“ไอ้ปอนด์ ปล่อยกู๊ นี่กูเอง ไอ้เชนเพื่อนมึง ไม่ใช่น้องเหมียว”

“น้องเหมียวจ๋า น้องเหมียว” เชนไม่เข้าใจว่าเพื่อนสนิทของเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพราะยิ่งดิ้นยิ่งรัดตัวเขาแน่นไปหมด ความชุลมุนไม่ได้ช่วยให้สถานะการณ์ของชายหนุ่มดีขึ้นเมื่อยิ่งขยับก็ยิ่งเข้าใกล้ใบหน้าแทบชิด

“อะ ไอ้ปอนด์ ปล๊อย” เชนร้องอย่างอึดอัด ถึงแม้จะรูปร่างใกล้เคียงกัน เรี่ยวแรงพอๆกัน แต่เพราะความเมาทำให้ชายหนุ่มอ่อนเปลี้ย แต่กับสมการที่ไม่ต้องออกแรงเดินหรือลากใครมานั้นกลับมีเรี่ยวแรงมากขึ้นราวกับป๊อบอายได้กินผักโขม

“น้องเหมียว น่ารักจัง” ห้องนอนไม่ได้มืด เชนเห็นดวงตาสองชั้นของเพื่อนซี้ค่อยๆลืมขึ้นมา แต่ภาพที่สมการเห็นคือใบหน้าของผู้หญิงที่หักอกตนจนต้องดื่มหนักเมามายไม่ได้สติแบบนี้

“อะ ไอ้ปอนด์ มึงจะทำ อะ อื้อออออ...”

   เชนเบิ่งตาอย่างตกใจ ความเมาแทบจะหายเกลี้ยงเพราะกลีบปากของคนเมาปรี่ประกบริมฝีปากสวยของตนอย่างเร่งเร้า คำพูดก่อนหน้านี้ทำให้โพรงปากเผยอจนเปิดทางให้คนเมามายส่งลิ้นสากมากวาดภายในได้อย่างเสรี แรงโอบรัดแน่นกว่าเดิมเมื่อจังหวะไหลลื่นของรสจูบปรับระดับเป็นรุนแรงกว่าเดิม กลิ่นแอลกอฮอล์ปะทุโชยแตะจมูกยามที่กลีบปากของพวกเขาผละออกเพื่อมองหาอากาศ สมการเป็นนักจูบยอดแย่ นี่อาจเป็นจูบแรกของเขาด้วยซ้ำ แต่เชนผู้ช่ำชองกลับหลบหนีจากมันไม่ได้ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งถูกดูดดื่มความหนุ่มแน่นในโพรงปากมากเท่านั้น น้ำลายที่พยายามกักกันกระฉอกตามแรงบดเบียด

“ฮื้อออออ”

   เชนเกือบจะเคลิ้ม หรืออาจจะกำลังโมโห เขาเรียกพลังเฮือกใหญ่เพื่อสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดและจูบที่ป่าเถื่อนนี้ ในใจร่ำร้องอย่างอับอายที่ถูกกระทำราวกับตนเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางที่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุรุษหนุ่มร่างใหญ่ แต่มันไม่ใช่ เขาโดนเพื่อนสนิทที่เมาไม่ได้สติกอดรัดฟัดเหวี่ยงแถมสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวในปากอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

   เมื่อรวบรวมเรี่ยวแรงได้มากพอ เชนจึงผละตัวเองออกมาได้เสียที ร่างสูงที่อยู่ในท่านั่งกึ่งยืนบนเตียงขนาดสามฟุตของเพื่อนสนิทที่หลับตาพริ้มนั้นหอบหายใจแรง รู้สึกว่าปากบวมเจ่อ เขากระชากคอเสื้อคนที่นอนขึ้นเพื่อส่งแรงหมัดที่เงื้อค้างไว้ แต่ใบหน้าราบเรียบของสมการไม่ได้สะทกสะท้าน แล้วเสียงกรนของคนที่หลับลึกออกมาจากปากที่อ้าค้างไว้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทียังจูบกันอย่างบ้าคลั่งอยู่เลย

“เชี่ย แม่ง” เชนหงุดหงิด ปล่อยเพื่อนนอนลงเช่นเคยก่อนลดระดับหมัดที่ค้างในอากาศ ใช้สองมือตบหน้าอีกฝ่ายไปมา

“อื้อ จะนอนนนนนนนนนน” สมการโดนตบไปมาจนหน้าแดงต้องส่งเสียงโอดครวญออกมา เชนสงบอารมณ์ขุ่นมัวลงได้ก็ผละร่างออกจากตรงนี้และกระโจนลงบนที่นอนของเขา ปล่อยให้เพื่อนซี้ที่เสียจูบแรกให้ตนนอนกรนดังลั่นจนแทบนอนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเมา สมการคงโดนไปหลายหมัด และเชนคงจะนอนไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้ปิดไฟและมีเสียงกรนดังสนั่นราวฟ้าร้องแบบนี้ ชายหนุ่มที่เหมือนจะสร่างกลับรู้สึกว่าเปลือกตาของตนหนักขึ้นเรื่อยๆจนผลอยหลับไปในที่สุด

             และแน่นอนว่าพวกเขาตื่นอีกทีคือเที่ยงของวันต่อมา สมการนอนท่าเดิมเมื่อคืนราวกับหุ่นยนต์ไร้ถ่าน เชนตื่นขึ้นมาก่อนและนึกย้อนไปเรื่องที่โดนจูบ เมื่อมองอีกฝ่ายจึงกระโจนถีบตกเตียงอย่างหงุดหงิด ... โครม!

“ไอ้เชน ไอ้เหี้ย ถีบกูทำไมวะ” สมการสะดุ้งตื่นโวยวายลั่น สภาพหน้าตาดูไม่ได้เป็นอย่างมาก

“มึงไม่รู้เหรอว่าทำไมกูถึงถีบมึง” เชนยืนมองภาพเพื่อนที่หน้าคว่ำอย่างสะใจ

“กูจะรู้มั้ย ไอ้สัส แม่ง ปวดหัว โอ๊ยยย... แล้วนี่กูกลับมาห้องได้ยังไงวะ” สมการลุกมานั่งบนเตียงอย่างงัวเงีย ใบหน้าบวมเจ่อเพราะถูกเชนตบไปมาหลายทีก่อนนอนเหมือนคนอมลูกปิงปองเอาไว้

“กูกับไอ้ย้งลากมึงมาไงไอ้ห่า อกหักแค่นี้เมายังกับหมา” เชนนั่งลงเตียงตัวเองบ้าง ในใจยังหงุดหงิดไม่หาย

“เชี่ยเอ๊ย น้องเหมียวนะน้องเหมียวทำกูได้ อย่าให้กูหล่อนะแม่ง” สมการบ่นอุบ “แต่เมื่อคืนกูฝันด้วยนะมึง”

“ฝันเหี้ยอะไรของมึงอีก”

“กูฝันว่าน้องเหมียวมาหากูที่ห้อง มานอนทับกูแล้ว แล้วพวกเราก็จูบกัน สัส โคตรฟิน” ใบหน้าเห่ยๆกำลังพริ้ม

“ฟินพ่องมึงสิ” เชนตะโกนด่า สมการหันมามองด้วยใบหน้าเหรอหรา

“มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ไปกินรังแตนมาเหรอถึงได้ด่ากูเสียงดังแต่เช้า”

“นี่มึงจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เหรอ” เชนลดเสียงและพินิจท่าทีของเพื่อนอย่างจับผิด

“จำได้แค่กูชนแก้วที่ร้านแล้วภาพตัด ตื่นมาก็โดนมึงถีบตกเตียงเนี่ย ปวดหัวไม่พอปวดแขนอีก สัส” เชนนิ่ง มองไม่เห็นท่าทีผิดแปลกไปจากเดิมราวกับว่าเมื่อคืนที่มันจูบเขาเป็นเพียงความฝันที่เพิ่งได้ยินเมื่อกี้

“โดนเค้าหักอกยังเสือกฝันถึงอีก มึงมันควายชัดๆเจ็บแล้วไม่จำ” เชนด่าจนเพื่อนหน้าเสีย เขาสลัดความฟุ้งซ่านจากเรื่องเมื่อคืนให้หมด เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่น่าเอามาพูดซ้ำ รู้สักกันมานานก็รู้ว่าสมการไม่ใช่เกย์และเขาเองก็ไม่ใช่ ยิ่งคิดมากก็อาจจะมองหน้ากันไม่ติด ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าและคว้าผ้าขนหนูเดินตรงยังห้องน้ำ

“ไอ้สัส กูอุตส่าห์ฝันดี มึงมาแก้ผ้าให้กูสยองทำไมวะ” สมการด่าไล่หลัง เชนยิ้มอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากความตั้งใจ ไม่อย่างนั้นคงกระอักกระอ่วนกันไปอีกนาน


#### ####

             เชนในวัย 33 ปีนั่งลงบนเตียงใหญ่อย่างเหนื่อยหน่าย จูบครั้งแรกของเขากับสมการได้เลือนลางและเกือบถูกลืมไปแล้ว แต่วันนี้กลับกลายเป็นตัวเขาเองที่ต้องแสดงละครและไปสะกิดกล่องความทรงจำที่ถูกทิ้งให้ตกตะกอนให้คืนชีพมาอีกครั้ง เมื่อ 13 ปีก่อนเชนยังไม่ประสาเรื่องระหว่างเพศเดียวกันเท่าไรนัก เมื่อเวลาผ่านไป โลกมีการเปลี่ยนแปลงจนไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว รสจูบครั้งนั้นที่เขารู้สึกโกรธขึ้ง แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป มันกลายเป็นการตอกย้ำว่าเขาไม่เคยรังเกียจการจูบกับเพื่อนซี้เลยไม่ว่าจะครั้งไหนๆ

... เชนล้มตัวลงนอน พยายามอย่างหนักที่จะสลัดความคิดที่ว่ายวนในสมองออกให้หมด แต่ยิ่งพาให้ความคิดดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ เขาต้องการพื้นที่ส่วนตัว ที่ๆมีตัวเองและเพื่อนสนิทอยู่กันตามลำพัง เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง ... บางอย่างที่เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นความจริงที่พยายามปฏิเสธกับตัวเองมาสิบกว่าปี

             ห้องนอนใหญ่มีคนกำลังคิดมากเพราะเรื่องจูบอยู่จนนอนไม่หลับ ซึ่งไม่ต่างจากอีกห้องหนึ่งที่มีผู้ชายสองคนนอนแนบชิดโดยมีเจ้าของบ้านอยู่ใต้อ้อมกอดของรุ่นน้อง ดวงตาของทั้งคู่เปล่งประกายในความมืด ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงลมหายใจที่พยายามแสร้งทำว่ากำลังหลับไหล แต่จังหวะการเต้นของหัวใจอึกทึกครึกโครมคล้ายใกล้จะวายรอมร่อ

             ปุลวัชรกระชับอ้อมกอด แผ่นหลังอุ่นของสมการแนบชิดกับทรวงอกของตน จังหวะการเต้นของหัวใจตุบตับสะกิดแผ่นหลังของรุ่นพี่ยิ่งทำให้นอนไม่หลับไปกันใหญ่ สมการมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิท แสงไฟตรงทางเดินด้านนอกสอดสว่างเข้ามาเบื้องล่างของประตูบานนั้น ในหัวพยายามนับแกะแต่พอถึงตัวที่สิบภาพที่ถูกเพื่อนสนิทคว้าคอไปจูบก็พุ่งเข้ามาจนนับต่อไม่ได้ เขาจึงล้มเลิกการกระทำนี้และข่มตานอนให้หลับ แต่กลับเจอเรื่องยากกว่าเพราะร่างของตนถูกผู้ชายอีกคนกอดกระชับไว้แน่นมีเสียงเต้นของหัวใจรบกวนสมาธิอย่างหนักเช่นเดียวกัน

             เจ้าของบ้านพยายามนอนนิ่งจนเกือบคล้ายหุ่นยนต์ เพราะไม่ต้องการให้อีกคนต้องสะดุ้งตื่น ถึงแม้การนอนตะแคงทับแขนขวาของตัวเองในตอนนี้จะเริ่มเจ็บชาก็ตาม แววตาครุ่นคิดที่ไม่ยอมปิดลงนั้นทำให้คิดว่าค่ำคืนนี้มันช่างยาวนานกว่าทุกคืน เขาไม่เคยโหยหาแสงสว่างของเช้าวันใหม่เลยสักครั้ง แต่ตอนนี้สมการต้องการให้ดวงอาทิตย์ขึ้นโดยเร็วเพื่อให้มีข้ออ้างในการลุกออกจากเตียงและเลิกคิดเรื่องจูบที่สองของวันจากรุ่นน้องหน้าตาดีที่ขอกอดและกำลังกอดก่ายตัวเขาอยู่ตอนนี้

             ปุลวัชรซุกใบหน้ากับท้ายทอยของรุ่นพี่ จมูกโด่งเป็นสันสูดดมกลิ่นกายที่น่าหลงใหลอย่างยอมแพ้ต่อความยั่วยุ โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นรับรู้ทุกสัมผัสแต่สมการต้องเกร็งตัวเอาไว้เพราะไม่อยากให้รุ่นน้องรู้สึกผิดถ้าเขาจะลุกมาโวยวาย แรงซุกไซร้แผ่วเบาเลื่อนไปมาจากซ้ายไปขวาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรุ่นพี่รู้สึกวาบหวิวอย่างบอกไม่ถูก ในหัวตอนนี้กลับโล่งอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกวิบวับที่มาจากคนด้านหลังเปลี่ยนอาการคิดมากให้เป็นความสงบนิ่ง ไม่นานนักความง่วงงันก็โจมตีจนเปลือกตาหนักอึ้ง และท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลายจนกระทั่งเข้าสู่ห้วงความฝันอย่างไม่อาจต้านทานได้


ภาพประกอบมิได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายแต่อย่างใด

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ถึงพี่ปอนด์ไม่หล่อ ไม่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม แต่กลับมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันสินะ.  :laugh:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
พี่สมของเราเสน่ห์แรงมากๆ มาลุ้นกันว่าใครจะเป็นตัวจริงของพี่สมกันนะครับ อิอิ

ขอบคุณสำหรับทึกคอมเม้นต์และการติดตามครับ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ชุ้นจะเชียร์ใครดี แต่ว่าปุ่นนี่ดีเกิน กลัวจะได้บทพระรองไปละเกิน :ling1:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 13. จุกๆ

             ปุลวัชรตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นถึงแม้จะปวดไหล่ที่ต้องนอนตะแคงกอดร่างใหญ่ของสมการไว้ทั้งคืนก็ตาม แต่การที่อีกคนไม่ดิ้นหนีออกห่างไปไหนช่วยเพิ่มกำลังใจขึ้นอีกโขถึงขั้นสาบานกับตัวเองเลยว่าเจ็บกว่านี้ก็ยอมถ้าจะได้กอดผู้ชายคนนี้ทั้งคืน แต่คนที่นอนไม่หลับอย่างสมการนั้นกำลังสับสน เขารู้สึกตัวตลอดทั้งคืนแม้จะพยายามข่มตาเพียงใดก็ตาม เช้านี้จึงตื่นมาด้วยอาการเหน็บชาไปทั่วทั้งร่างฝั่งขวาที่นอนนิ่งเป็นหุ่นยนต์ให้รุ่นน้องโอบกอดเอาไว้ราวกับเป็นเด็กน้อย

             เด็กหนุ่มฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดียามปล่อยร่างของรุ่นพี่ให้เป็นอิสระและเดินออกไปทำธุระข้างนอก สมการมองเวลาอย่างเหนื่อยล้าและพลิกตัวนอนท่าที่สบายขึ้นก่อนที่อาการเหน็บชาจะทำให้เป็นอัมพาต(แบบคนคิดมากไปเอง) หากรีบนอนตอนนี้ยังมีเวลาอีก 2 ชั่วโมงก่อนจะถูกปลุกตอนเจ็ดโมงเช้า และเขาก็ผลอยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย

             เชนหอบกระเป๋าเดินทางและเอกสารในถุงผ้าอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่มนั้นนอนไม่หลับทั้งคืนเช่นเดียวกับเพื่อนสนิท รสจูบที่หวานหอมยังคลุ้งในโพรงปาก เมื่อเดินลงมายังชั้นล่างก็เห็นปุลวัชรกำลังเข้าครัวอย่างคนอารมณ์ดี นั่นยิ่งทำให้เขางุ่นง่านหนักเข้าไปอีก

“มอร์นิ่งครับพี่เชน ทานมื้อเช้าก่อนมั้ยครับ” ใบหน้าหล่อเหลาถามอย่างร่าเริง

“ไม่อะ พี่รีบ” เชนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเสียงเข้ม ความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่อกด้านซ้ายมันสื่อถึงอะไรกันหนอ

“กาแฟมั้ยครับ”

“ไม่” เชนรีบพุ่งออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า เขามีงานที่ต่างจังหวัดทั้งอาทิตย์ ทางที่ดีควรจะรีบไปจากตรงนี้ก่อนที่จะเจอหน้าเอ๋อๆของเพื่อนรักและความอึดอัดเพราะเรื่องที่ทำเมื่อวาน เชนนึกอยากจะย้อนเวลากลับไปได้ เพราะเขาจะไม่ยุ่งกับน้องมิลค์ตั้งแต่แรก หรือไม่ก็ไม่ควรทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาคอยก่อเรื่องแบบนี้

             สมการตื่นขึ้นมาอย่างง่วงงันจากการปลุกของเด็กหนุ่มที่เขย่าร่างอยู่เกือบห้านาที ชายหนุ่มอยากจะโทรไปลาป่วยให้รู้แล้วรู้รอด การทำงานมานานหลายปีทำให้เขาเป็นโรคเกลียดเช้าวันจันทร์อย่างที่สุด

“อาบน้ำแต่งตัวได้แล้วครับ กับข้าวพร้อมแล้ว” ปุลวัชรเอ่ยขึ้นเมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียง มือขวางัวเงียขยี้สองตาไปมา

“ฮื้อ ฮ้าวววววววววววววว” สมการหาวปากกว้าง ไม่ทันมองด้วยซ้ำว่ามีคนมองอย่างหวงแหน เด็กหนุ่มดีใจจนตัวลอยที่อาทิตย์นี้ไม่มีใครมาขัดขวางหรือเป็นบุคคลที่ 3 ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ เพราะพี่เชนไม่อยู่ ...

“ให้ผมเตรียมชุดที่จะใส่ให้มั้ยครับ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง เห้ย...” สมการร้องลั่นเมื่อเท้าติดกับปมผ้าห่มในขณะที่จะลุกออกจากเตียง ปุลวัชรหันไปตามเสียงนั้นอย่างอัตโนมัติ ใบหน้าเหวอๆของคนหัวฟูคะมำมาทางนี้พอดี

พลั่ก!

“อ๊อก...” เด็กหนุ่มจุกหน้าอกจากแรงอัดของกะโหลกหนาๆที่พุ่งเข้าชน ร่างของทั้งคู่ล้มตึงลงกับพื้นแข็ง ใบหน้าของสมการเลื่อนลงจากระดับอกไปซบกับปุลวัชรน้อยเต็มรัก วินาทีนี้เด็กหนุ่มไม่ได้เกิดอารมณ์อย่างว่า แต่กำลังจุกแสนสาหัสเพราะโดนแรงกระแทกส่งมาเต็มที่ 

             สมการตั้งสติได้ในอีกอึดใจต่อมา แล้วก็พบว่าจมูกของเขากำลังซุกดุนดันกับส่วนยืดๆหยุ่นๆที่กลางหว่างขาของผู้ชายอีกคน ยังไม่ทันได้สูดกลิ่นหรืออะไรก็ต้องรีบเขยิบร่างออกให้ห่าง เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาไม่สวมกางเกงในตอนนอนแต่รุ่นน้องที่ตื่นมาก่อนเป็นชั่วโมงก็ไม่ยอมสวมมันเลยจนถึงตอนนี้ และมันก็ทำให้ชายหนุ่มสัมผัสกับพลังงานที่ซุ่มหลับอย่างจัง

“ฮื้อ” ปุลวัชรร้องอย่างน่าเวทนาเพราะความจุกเสียด สมการได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง เมื่อวานพวกเขาจูบกัน เมื่อคืนก็โดนกอดทั้งคืน แถมตอนนี้หน้าของตัวเองไปเกยกับของสงวนของอีกคนไปได้

“จะ เจ็บตรงไหนมั้ย พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาในที่สุด

“มะ ไม่เป็นไรครับ แฮ่ก คะ แค่จุก” ปุลวชัรที่นอนบิดตัวงอเริ่มหาที่จับเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น สมการจึงรีบเข้าไปคว้าข้อมือขาวเนียนเพื่อฉุดขึ้นมา มันเหมือนภาพสโลว์โมชันในภาพยนต์โรแมนติกที่ใบหน้าของพวกเขาที่พยุงตัวให้ยืนหยัดอยู่ใกล้จนได้ยินและรับรู้ถึงไออุ่นของลมหายใจที่หอบโยน สายตาคมกริบจากดวงตาชั้นเดียวของรุ่นน้องสบประสานกับดวงตากลมโตของรุ่นพี่ราวกับจะเปิดเผยความรู้สึกข้างใน แล้วกล้องก็ค่อยๆแพนไปมาซ้ายขวาช้าๆจับภาพใบหน้าของสองคนระยะใกล้เพื่อเน้นย้ำช่วงเวลาที่สุดแสนอบอุ่นของคนทั้งคู่

             ปุลวัชรแทบจะลืมความจุกเสียดที่ตรงนั้นยามได้สบสายตาของอีกคน(ที่แม้จะมีขี้ตาอยู่ก็ตาม) ใบหน้าเกิดร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ราวกับว่าพวกเขาจับจ้องกันอย่างมีความหมายชั่วกัลปาวสาน กลีบปากที่เคยลิ้มรสไม่ได้ราบเรียบแต่มันน่ามองยั่วยวนให้เขยิบเข้าไปชิด ปุลวัชรได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งคู่หอบพร่า เสียงเต้นโครมครามที่อกด้านซ้ายทำให้ลืมความเจ็บไปชั่วครู่ ตอนนี้เขากำลังมีอาการเหมือนคนหัวใจวาย แต่มันเป็นสัญญาณที่ดีเพราะคนตัวสูงกว่าไม่ขยับหนีไปไหน

... ริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่เข้าใกล้กันเรื่อยๆ

... ลมหายใจหอบถี่พ่นไอร้อนทั่วใบหน้า

... เสียงหัวใจเต้นตึกตักแทบทะลุทรวงอกยิ่งทำให้ไหวหวิว

“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” แล้วสมการก็รีบปล่อยมือก่อนจะถูกบรรยายความหวานแหววมากกว่านี้ เด็กหนุ่มแทบทรุดเพราะยังไม่หายจุกจึงได้แต่ครางในลำคอฮึ่มๆ

‘เชี่ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย’ ปุลวัชรสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย อีกไม่ถึงวินาทีก็จะจูบกันอยู่แล้วเชียว


#### ####

             เสียงโหวกเหวกอย่างวุ่นวายในออฟฟิศในเช้าวันแรกของสัปดาห์ไม่ได้ทำให้สมการหายงัวเงีย เขาอยากมีเวลานอนมากกว่านี้ ไม่ต้องพึ่งพาคาเฟอีนแต่เช้าที่รุ่นน้องร่วมบ้านแวะซื้อที่ปั๊มน้ำมันก่อนถึงบริษัท ทั้งคู่เดินผ่านแผนกต่างๆราวกับมาจากคนละโลก ใบหน้าร่าเริงของปุลวัชรชวนมองจนสาวๆชะเง้อเหลียวหลังจับจ้องไม่วางตาโดยมีใบหน้าง่วงงันของอีกคนกำลังทำลายบรรยากาศการมองหน้าหล่อๆของอีกคนไปมากโข

“พี่สม คุณดลเรียกประชุม” วรจักรทักทายโดยที่ไม่เงยหน้าออกจากคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ

“เรื่องอะไรวะ” สมการนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างเบลอจัด

“ไม่รู้นะพี่ เห็นเรียกแต่หัวหน้าแผนก” อัครเดชตอบคำถามเพราะอีกคนไม่ว่าง

“แม่งเอ๊ย ทำไมเป็นงี้ไปได้วะ” วรจักรบ่นอุบ หน้าตาเคร่งเครียด

“เป็นอะไรมั้ยพี่จักร มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า” ปุลวัชรที่เคลียร์งานไว้ล่วงหน้าในวันหยุดที่ผ่านมายังมีเวลาว่างมากพอ

“ก็ลูกค้าที่ระยองน่ะสิ แม่งปัญหาเยอะชิบหาย มึงว่างมั้ยไอ้ปุน ไประยองกัน”

“เห้ยพี่ ไปตอนนี้เลยเหรอ ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะ” ปุลวัชรตกใจนิดหน่อย แต่รู้สึกเสียดายมากกว่าที่ผิดแผนไม่ได้อยู่กับสมการสองต่อสองตามที่คิดไว้

“มึงขับรถไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านละกัน เตรียมไว้เผื่อ 2 คืน น่าจะต้องแก้บั๊กกันเยอะ เดี๋ยวกูทำเรื่องขออนุมัติออกนอกสถานที่ก่อน พี่สมอนุมัติด้วยนะพี่ ไอ้เดชสรุปมึงไม่ว่างไปกับกูจริงดิ” วรจักรพูดคนเดียวจนจบ อัครเดชส่งเสียงตอบว่าไม่ทันที

“เออ ส่งเมล์มา เดี๋ยวจัดให้” สมการเปิดโน้ตบุ๊กและตอบกลับข้อความที่ลูกน้องส่งมาทั้งที่ยังไม่อ่านด้วยซ้ำ

“งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ปอนด์” ปุลวัชรหน้าจ๋อย อัครเดชและวรจักรมองหน้ากันอย่างมีเลศนัยก่อนจะยิ้มอย่างเยาะเย้ย

“อื้ม ขับรถดีๆล่ะ” สมการพูดเบาๆให้รุ่นน้อง

“พี่ปอนด์...”

“พี่สม ประชุม!” อัครเดชโพล่งขึ้นก่อน คนที่เกือบจะหลับลืมตาพรึ่บและรีบคว้าข้าวของไปห้องประชุมโดยไม่มองกลับมาอีกเลย

“เอ้า มัวแต่คอตก ไปเก็บของ เดี๋ยวกูไปรับที่บ้าน” วรจักรเสียงดังเรียกสติคนหน้าจ๋อย

“ครับพี่” ปุลวัชรงุ่นง่าน จะขัดก็ไม่ได้ นอกจากเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับไปที่ลานจอดรถทั้งๆที่เพิ่งเข้ามายังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ

“พี่ไปแกล้งมัน” อัครเดชมองร่างสูงเดินคอตกไปจากแผนกก็ได้ทีถลาเก้าอี้ล้อเลื่อนมาสะกิดรุ่นพี่

“ก็มันน่าแกล้งนี่หว่า มึงก็อีกคนที่เห็นดีเห็นงาม อย่ามาโทษกูคนเดียวเดะไอ้เดช”

“พี่แม่ง โรคจิตว่ะ” วรจักรไม่ตอบโต้อะไรนอกจากยักคิ้วให้แบบที่คิดว่าเท่ห์สุดๆ นั่งปั่นงานก่อนออกไปรับรุ่นน้องที่บ้าน


#### ####

             เป็นครั้งแรกที่สมการต้องเข้าประชุมในฐานะตัวแทนของแผนก ปกติแล้วพี่นิมิตรจะจัดการเรื่องทั้งหมดเองและกลับมาสั่งงานอีกที แต่เมื่อตำแหน่งนี้ว่างลงเขาก็เหมือนเป็นผู้รักษาการแทนไปพลางๆเนื่องจากคุณปวรรัชดลนั้นต้องควบทั้งหัวหน้าทีมมันนี่และต้องเตรียมขึ้นเป็น CEO ของบริษัทในอีกไม่ช้าเนื่องจากมีการประกาศแยกการบริหารระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทนี้

“อย่างที่ทุกคนพอจะทราบข้อมูลเบื้องต้นนะครับเรื่องการแยกโครงสร้างผู้บริหาร วันนี้ผมจึงเชิญทุกคนมาประชุม...” ปวรรัชดลนั้นเป็นคนภูมิฐาน โครงร่างสูงใหญ่เหมือนคนออกกำลังกายเป็นประจำและใบหน้าที่เด็กกว่าอายุ จึงมีหลายคนที่อิจฉา ทั้งเรื่องหน้าตา รูปร่างและหน้าที่การงาน ยิ่งภูมิหลังเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของบริษัทอย่างภคภัทร์และแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทอีก คนที่อยู่มานานกว่าแต่ไม่ก้าวหน้าไปไหนจึงไม่ปลื้มใจมากนัก

             สมการนั่งมองบรรยากาศรอบๆที่แบ่งออกได้หลายอารมณ์ ทั้งฝั่งหัวหน้าแผนกผู้หญิงที่มองใบหน้าหล่อเหลาของคุณดลอย่างเคลิบเคลิ้ม อีกฝั่งหนึ่งคือกลุ่มคนที่แผ่รังสีอาฆาตอย่างไม่ปกปิด แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกว่าสายตาของคุณปวรรัชดลนั้นจับจ้องมาทางนี้แทบตลอดเวลา ในบางครั้งก็ยังมีรอยยิ้มจางๆส่งมาให้อีก แต่เปลือกตามันหนักเกินกว่าจะเก็บมาคิด

“ตกลงตามนี้นะครับ เจอกันพรุ่งนี้” ทุกคนลุกออกจากที่นั่งราวผึ้งแตกรัง สมการที่นั่งสัปหงกตลอดการประชุมสะดุ้งพรวด

“มีอะไรรึเปล่าครับคุณสมการ” ปวรรัชดลหันมาถามคนหน้าเหรอหราที่เพิ่งลุกพรวด นึกขำในใจแต่ต้องเก็บอาการไว้ ใบหน้าเหม่อลอยเหมือนคนขาดการพักผ่อนน่าเอ็นดูต่อหัวใจหนุ่มใหญ่อย่างมาก

“ปะ เปล่าครับ คือ” พนักงานคนอื่นต่างเดินออกไปจนหมด ผู้เป็นหัวหน้าจึงเดินมาทางลูกน้องที่ยืนอ้ำอึ้งอย่างไม่รีบร้อน

“ดีแล้ว ไปเตรียมตัวนะครับ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า” กลิ่นน้ำหอมบางๆจากเรือนร่างหัวหน้าโชยแตะจมูก

“หะ ห๊ะ ... “ สมการงุนงง สติเขาหลุดตั้งแต่วินาทีแรกที่นั่งฟังการประชุมแล้ว แถมกลิ่นหอมๆยังชวนง่วงอีก

“คุณไม่ตั้งใจฟังที่ประชุมเหรอ คุณสมการ” หนุ่มใหญ่ยืดตัว เพื่อข่มอีกคนที่ตัวสูงกว่านิดหน่อย

“เปล่าครับ คะ คือ” แม้ปวรรัชดลตัวสูงพอๆกับสมการแต่ด้วยตำแหน่งจึงเหมือนว่าเขายืนตระหง่านค้ำร่างของอีกคนไว้มิด

“คุณอย่าปฏิเสธเลย ผมเห็นคุณหลับตาด้วย” ปวรรัชดลยิ้มยั่ว แต่อีกคนตีความว่ามันคือการแสยะเขี้ยวเตรียมด่า

“ขอโทษครับคุณดล” สมการเสียงอ่อย คนที่ผลงานด้อยที่สุดในบริษัทยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมหลายเท่าตัว

“เพื่อเป็นการลงโทษ งานสัมนาพรุ่งนี้ คุณต้องเป็นรูมเมตผม ผมจะได้จับตาดูคุณเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ให้แอบหลับหรือแอบอู้แบบเมื่อกี้อีก เข้าใจมั้ย” สมการอ้าปากค้าง มันเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างโหดร้าย ต้องร่วมห้องกับหัวหน้าใหญ่ของบริษัทเชียวเหรอ มันเป็นเรื่องที่ชวนอึดอัดที่สุดตั้งแต่ทำงานมาเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องเกร็งจากสายตาที่จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวราวกับนักโทษ ชายหนุ่มคอตกนึกพาลตัวเองที่เผลองีบในห้องประชุม

             ใบหน้าหงอยหงิกของลูกน้องเกือบทำให้ปวรรัชดลสงสารและยกเลิกเรื่องการจับคู่เป็นรูมเมต แม้ตำแหน่งของตนนั้นสามารถพักคนเดียวในห้องสวีตได้สบายๆ แต่ความน่ารักของคนหน้าตาหงอหงอยเบื้องหน้าชวนให้อยากแกล้งให้หนำใจ

“ตกลงตามนี้นะคุณสมการ ไปทำงานได้แล้ว” สมการรีบพยักหน้าหงึกๆรับคำสั่งและรีบพาตัวเองออกมาจากตรงนี้โดยไม่สังเกตถึงสายตากรุ้มกริ่มของผู้เป็นหัวหน้าที่มองบั้นท้ายของตนอย่างไม่วางตา


#### ####

“เอาจริงดิพี่สม พี่ไม่อ่านเมล์คุณดลเลยเหรอ” อัครเดชหน้าตาตื่นที่รู้ว่าหัวหน้าตัวเองไม่รู้เรื่องงานสัมนาของหัวหน้าแผนกต่างๆที่ฝ่ายบุคคลส่งอีเมล์มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แถมคุณดลยังมีการตอบกลับเพื่อกำชับด้วยว่าทุกแผนกต้องเตรียมแผนงานในปีหน้าเพื่อนำเสนออีกด้วย

“กูลืม” สมการลนลาน เพราะแผนที่ต้องนำเสนอนั้นยังไม่ได้เริ่มทำเลย และตอนนี้เขามีเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงในการทำให้เสร็จ ปกติแล้ววรจักรจะรวบรวมข้อมูลมาให้ก่อน จากนั้นก็จะประชุมเรื่องแผนงานของแผนกกับพี่นิมิตรโดยมีอัครเดชรับหน้าที่ทำพรีเซนเทชั่น แต่ตอนนี้พี่นิมิตรเกษียณตัวเองไปแล้ว วรจักรกำลังเดินทางไประยองกับปุลวัชร เหลือแค่สองหนุ่มที่เพิ่งรู้ชะตากรรมตัวเองว่าคืนนี้อาจจะไม่ได้นอนทั้งคืน

“พี่ส๊มมมมมมมมมมมมม” อัครเดชโวยวายลั่น “พี่จะทำแบบนี้กับผมไม่ได้ พี่จะทำแบบนี้ไม่ด๊ายยยยยย”

“กูขอโทษ กูลืม มึงต้องช่วยกู ไม่งั้นกูจะส่งเมล์ไปบอกทุกคนว่าแผนกมันนี่จะส่งมึงไปสัมนาแทน”

“อะ ไอ้พี่สม โว้ยยยยย” อัครเดชโวยวายจนหน้าแดงก่ำ จะโกรธก็โกรธไม่ลงเพราะเขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่เตือนหัวหน้าตัวเองก่อน แถมยังยุให้เพื่อนร่วมงานลากรุ่นน้องไปต่างจังหวัดเพื่อรวมหัวแกล้งปุลวัชรให้งุ่นง่านใจเล่นๆ

             งานสัมนานอกสถานที่ของบริษัทมีหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคืองานสัมนาระดับผู้บริหารที่สมการจะต้องไปพรุ่งนี้ มันเป็นงานที่ไม่มีพนักงานระดับล่างคนไหนอยากเข้าร่วมเนื่องจากเป็นงานที่กดดันจากการต้องนำเสนอแผนต่อหน้าผู้มีอำนาจตัดสินใจ และแน่นอนว่าคนที่ชั่วโมงบินยังไม่มากพออย่างอัครเดชจะกลัวงานนี้เป็นอย่างมาก ผิดกับงานสัมนาแผนกหรือสัมนารวมของบริษัทที่จะออกไปทางเปลี่ยนที่นอนเพื่อสังสรรค์เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงานต่างหาก มันมีทั้งงานปาร์ตี้ จับรางวัลและประกาศโบนัสประจำปี ทุกคนจึงตั้งตารองานแบบนี้มากกว่า

“หยุดโวยวาย มึงไปเอาข้อมูลและแผนงานปีก่อนๆมาเดี๋ยวนี้” สมการออกคำสั่ง มองแก้วกาแฟที่เย็นชืดอย่างปลงตกและยกมาซดรวดเดียวจนเกลี้ยง บทจะซวยก็ซวยซ้ำซวยซ้อน อุตส่าห์แอบดีใจที่คืนนี้จะได้นอนเต็มอิ่มเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน แต่สุดท้ายความฝันก็หลุดลอยไปกับสายลม

‘เอาเวลานอนกูคืนมานะ ฮือๆๆๆๆๆ’ เสียงในหัวของสมการร่ำร้องอย่างอ่อนแรง วันโลกาวินาศได้มาถึงแล้ว และมันต้องจบวันนี้

T_____________T

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai1:


มารเยอะเหลือเกิน

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อาาาาาา พี่สมน่าสงสารเหลือเกิน  ถ้าไปสัมมนาแล้วยังทำอึนๆมึนๆ อยู่ จะถูกจับกินไม่รู้ตัวหรอก  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด