พิมพ์หน้านี้ - เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2021 12:59:21

หัวข้อ: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2021 12:59:21
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.1 @ 17/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2021 13:02:23
ขอฝากนิยายของผมไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ

1. ร้อยเอ็น เล่นรัก
นิยาย Y ที่รวบรวมเรื่องสั้นสายหื่นไว้ให้อ่านครับ (ยังไม่จบ)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72437.0#gsc.tab=0

2. คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล (จบแล้ว)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.0#gsc.tab=0


3. เตี้ยนัก จะรักปะล่ะ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71558.0#gsc.tab=0
(สามารถติดตามลิงค์ของเรื่องอื่นๆได้จากกระทู้นิยายเตี้ยนักจะรักปะล่ะได้ครับ)

FB: https://www.facebook.com/Begintillanend/
สำหรับ Update นิยายใหม่ หรือเรื่องที่ยังไม่ได้เอามาลงที่นี่นะครับ

หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.1 @ 17/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2021 13:04:10
The Loser
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้

(https://cdn.readawrite.com/publicassets/2483363/images/image.jpg)

คำโปรย ::


ผู้ชายขี้แพ้วัย 33 อย่างนายสมการที่ถูกสาวๆมองข้ามมาโดยตลอดกำลังประสบกับปัญหาใหญ่ที่สุดในชีวิต ทั้งเรื่องการงานที่ถูกเพ่งเล็งและอาจโดนเชิญให้ออกได้ทุกเมื่อ ซ้ำยังมีหนุ่มหน้าตาดีมารุมล้อมขายขนมจีบพร้อมกันถึง 3 คน ถึงแม้จะบอกปัดไปด้วยเหตุผลว่าไม่นิยมเพศเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่ยอมถอดใจไปง่ายๆ



คำเตือน ::

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักเพศเดียวกัน (ชาย-ชาย)

หากผู้อ่านไม่ได้ชื่นชอบนิยายแนวนี้สามารถข้ามไปได้ครับ




(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/2061479065-member.jpg)


หมายเหตุ :: นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้อ้างอิงมาจากเรื่องจริงหรือเหตุการณ์จริงของใครทั้งสิ้น รูปภาพประกอบที่มีทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เพื่อเพิ่มอรรถรสประกอบการอ่านเท่านั้น มิได้เกี่ยวข้องกับบุคคลในรูปแต่อย่างใด ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนาที่จะทำให้คนในรูปเสื่อมเสียหรือเกิดความเสียหายไม่ว่าทางใดก็ตาม
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.1 @ 17/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2021 13:06:49
The Loser - เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้
เรื่องย่อ


             สมการ เคลือบบุญ หรือเพื่อนร่วมงานเรียกกันติดปากว่าพี่สม (ทั้งที่ชื่อเล่นเขาคือ ปอนด์) ได้รับข่าวจากหัวหน้าใจดีที่กำลังจะเกษียณอายุงานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าว่า เบื้องบนกำลังพิจารณาผลงานของเขา หากไม่สามารถทำยอดขายให้ดีขึ้นได้ภายใน 90 วันจะต้องถูกเชิญให้ออกไปนั่งเฉยๆที่บ้าน มีหรือที่คนอย่างนายสมการจะยอมง่ายๆ ไหนจะภาระหนี้สินที่พ่อสร้างไว้ให้ก่อนตาย และบ้านที่ยังเหลือผ่อนอีก 25 ปี ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องยึดเก้าอี้ไว้ให้แน่นๆ

             เรื่องราวมันดูธรรมดาไม่มีอะไรโลดโผน ยกเว้นแต่ว่า เพื่อนร่วมบ้านนั้นดันมีท่าทีแปลกๆ หวงทุกคนที่คอยเข้าใกล้ มิหนำซ้ำหัวหน้าคนใหม่ที่ยังไม่ทันหย่ากับภรรยาก็แวะเวียนมาขายขนมจีบ แม้จะปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน ก็ดันถูกเพื่อนตัวดีสารภาพรักเสียอย่างนั้น ... ถึงแม้จะพร่ำบอกใครตัวใครว่าเป็นชายแท้ แต่การที่ครองโสดมาถึงอายุ 33 ปีทำให้ไม่ค่อยมีคนเชื่อ แถมแต่ละคนยังเร่งทำคะแนนกันไม่หยุดเสียด้วย

             มาลุ้นกันเถอะว่าชายคนไหนจะคว้าใจนายสมการไปได้ กับนิยายเรื่องใหม่ของไรต์เรื่องนี้ครับ

(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/594509305-member.jpg)
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.1 @ 17/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2021 13:07:49
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser
บทนำ

             ใครไม่รู้กล่าวไว้ว่าไม่มีใครที่จะเป็นคนขี้แพ้ไปตลอด เช่นเดียวกับความโสด ถ้ามันถึงเวลาของมันถึงจะพยายามหนีสักเท่าไหร่ก็ไปไหนไม่รอด เมื่อความรักจะมามันก็ห้ามกันไม่ได้...บางครั้งจะมาในรูปแบบเนื้อคู่ที่จะอยู่กับเราตลอดไป แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเจอแจ็คพอตแบบที่คาดหวังในครั้งแรกกัน เพราะหลายต่อหลายคนต่างก็ทรงเสน่ห์ขึ้นมาแบบไร้ที่มาพร้อมกับปัญหามะรุมมะตุ้มจนน่าปวดหัว

             สมการ เคลือบบุญ อายุ 33 ปี สถานะภาพ โสดสนิทจีบใครก็ไม่ติดเพราะเบ้าหน้าตลาดล่าง เล่นมุกก็แป้กตั้งแต่เด็กจนเป็นหนุ่มผ่านมรสุมมาจนอายุแตะเลข 3 ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ฐานะทางบ้านก็ลำบากเพราะพ่อได้ก่อหนี้ไว้ก้อนใหญ่ก่อนจะชิงตายไปก่อน แถมแม่ก็หนีเจ้าหนี้ไปอยู่ส่วนไหนของโลกก็ไม่รู้ รถไม่มีขับ แต่มีบ้าน(ที่ต้องทน)อยู่ เพราะยังเหลือผ่อนอีก 25 ปีแบบจุกๆ หน้าที่การงานก็ไม่หวือหวาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทแห่งหนึ่งที่ฝังตัวตั้งแต่เรียนจบจนถึงบัดนี้เป็นเวลา 10 ปี ไม่มีสัตว์เลี้ยงเพราะไม่มีปัญญาดูแล เพื่อนสนิทพอมีบ้างแต่ก็ห่างๆกันไปมีครอบครัวทิ้งให้เขาเป็นหนุ่มเทื้อเรือนอยู่คนเดียว ส่วนคนที่ยังโสดก็ใช่ว่าจะมองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เกิดเป็นผู้ชายขี้แพ้ขนานแท้

“คุณสมการ!” เสียงตะโกนเรียกชายหนุ่มหน้าตาเหรอหราให้กระตุกตัวจนตกจากเก้าอี้ หัวหน้าแผนกคนเก่าที่กำลังจะเกษียนอายุเดือนหน้าส่งสายตาดุเชิงตำหนิที่เขาเหม่อระหว่างประชุมเรื่องยอดขายที่ตกต่ำที่สุดในทีม สายตาเวทนาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นทิ่มแทงจนแทบแทรกลงใต้โต๊ะไม้ขนาดยาวเกือบสองเมตรที่ใช้เป็นที่ประชุมกัน ไม่มีใครหัวเราะเยาะเนื่องจากชินชากับความซุ่มซ่ามของเขาเสียแล้ว

“พี่สมลุก” รุ่นน้องหน้าตาดีที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ 3 ปีช่วยดึงชายหนุ่มให้กลับมาประจำที่ สมการกล่าวขอบคุณแผ่วเบาข้างหูก่อนจะทำเป็นตั้งใจฟังเนื้อหาการประชุมในที่ในตอนท้ายไม่เข้าหัวเขาเลยสักนิด

“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะ แยกย้ายได้” หัวหน้าเป็นคนตัดบท สมการบิดขี้เกียจหลังจากนั่งฟังเงียบๆมาราวครึ่งชั่วโมง ทุกคนต่างบอกลาและแยกย้ายไปทำงาน ยกเว้น “อย่าเพิ่งไปอยู่ก่อน” นิ้วนั้นชี้มาทางตน แม้จะทำหน้าตาห่อเหี่ยวก็ไม่เป็นผล ต้องเดินคอตกไปนั่งใกล้ๆ

“ครับพี่นิมิตร” ชายหนุ่มวางสมุดจดบันทึกที่เก่าซีดข้างตัวก่อนจะแกล้งทำเป็นตั้งใจฟัง

“คุณรู้ใช่มั้ยสมการ ว่าในบรรดาลูกน้องทุกคน ผมเป็นห่วงคุณที่สุด”

“อะ เอ่อ ทราบครับ” โอเคไว้ก่อนดีที่สุดน่า

“ผมพยายามผลักดันคุณในที่ประชุมกับสำนักงานใหญ่เพื่อโปรโมตขึ้นเป็นผู้จัดการ แต่คุณรู้อะไรมั้ย”

“อะไรเหรอครับ”

“ผมโดนเบื้องบนปัดตกตั้งแต่เขาเห็นตัวเลขยอดขายของทีมคุณ” แล้วนิมิตร หัวหน้าสูงวัยที่ใกล้เกษียนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“มันแย่ที่สุดเลยใช่มั้ยครับ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” จึก...โคตรจี้ใจ “ยังดีนะที่สาขาเราทำยอดขายเป็นอันดับ 1 เบื้องบนเลยทำอะไรคุณไม่ได้”

“ม่ะ หมายความว่าไงครับ”

“เฮ้อ ...” ถอนหายใจอีกละ “อีกเดือนเดียวผมก็จะต้องออกจากที่นี่แล้ว หลังจากนั้นคุณรู้ใช่มั้ยว่าผมปกป้องคุณไม่ได้แล้ว”

“ขะ ครับ” ผมพยักหน้าหงึกๆ นึกถึงตัวเลขยอดขายที่เทียบทีมอื่นไม่ได้เลยแล้วก็เศร้า

“คุณมีเวลาอีก 3 เดือนที่จะพิสูจน์ตัวเองนะสมการ ถ้าคุณกระตุ้นยอดขายของทีมไม่ได้ เบื้องบนจะจัดการขั้นเด็ดขาด”

เฮือก! นอกจากไม่ได้โปรโมตแล้ว อนาคตการทำงานก็ริบหรี่อีกด้วยสิโว้ย

“ตั้งใจหน่อยนะ ผมช่วยคุณได้มากที่สุดเท่านี้” สมการยกมือไหว้หัวหน้าที่ทำงานร่วมกันมานับสิบปี จะมีใครอีกที่ทำงานที่นี่ทนทายาดเช่นนี้ เพื่อนร่วมงานผ่านมาแล้วก็ลาออกไปหลายต่อหลายรุ่น ถ้าไม่ใช่เพราะอายุงานมากที่สุดรองจากนิมิตร ชายหนุ่มคงไม่มีโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้นจากพนักงานขายอาวุโสมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขายแบบทุกวันนี้หรอก

“ครับพี่” ชายหนุ่มรับคำด้วยอารมณ์จุกหน่วง เมื่อมีเวลาแค่ 90 วันเพื่อทำยอดขายยอดแย่ให้เป็นยอดเยี่ยม ตอนนี้ไม่มีเวลาลังเลอีกแล้ว จะให้อัพเดตเรซูเม่เพื่อหางานใหม่ก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ วินาทีนี้ต้องตั้งใจขับเคลื่อนลูกทีมให้เต็มที่ไม่อย่างนั้นจะถูกลอยแพไร้อนาคต บ้านก็ยังต้องผ่อน หนี้ธนาคารก็ยังต้องจ่าย คิดแล้วปวดสมองจี๊ดๆ

“คุยอะไรกับพี่นิมิตรตั้งนานสองนานอะพี่สม โดนด่าเรื่องยอดขายอีกละเหรอ” เสียงวรจักร (หรือ จักร) ลูกน้องที่อายุไล่เลี่ยกันพุ่งตัวมาถามทันทีที่เห็นสมการเดินคอตกออกมาจากห้องประชุมใหญ่

“ทำนองนั้น” ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานส่วนตัว บริษัทนี้เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีสินค้ามากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องสำอาง น้ำหอม อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ และอื่นๆอีกที่บรรยายอีกหนึ่งหน้ากระดาษก็ไม่จบ ในส่วนตรงนี้เป็นออฟฟิศสำนักงานที่ดูแลเรื่องการขายโปรแกรมด้านการเงินสำเร็จรูปให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่สามารถจับต้องได้ มันเป็นระบบที่ทางแผนกไอทีคิดค้นขึ้นเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาจ้างบริษัทด้านไอทีอื่นในการทำโปรแกรมใหม่ขึ้นมา

“ยากหน่อยนะพี่ ทีมอื่นโชคดีที่สินค้าขายง่าย” วรจักรบ่นเรื่องเดิมๆอีกครั้ง ถึงแม้จะอยู่ออฟฟิศเดียวกัน แต่ทีมอื่นก็ดูแลสินค้าที่แตกต่างออกไป ถึงแม้การแบ่งผังการทำงานแปลกๆ แต่สมการก็ไม่คิดอะไรมากเนื่องจากมีประสบการณ์การทำงานแค่ที่นี่ ระยะหลังคู่แข่งออกโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมตัดหน้าจนลูกค้าหดหาย อีกทั้งปัญหาเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ (หรือคลาวด์) ก็ยังลูกผีลูกคนเนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมหาศาลถูกดึงมาใช้งานพร้อมๆกันจนเป็นเหตุให้ระบบล่มเป็นประจำ

“เอาน่า ตั้งใจทำงานไปก่อน”

“โอเชลวกเพ่สม” สมการเอือม ความจริงชื่อเล่นของเขาไม่ใช่สม (อ่านว่าสม ไม่ใช่ สะมะ) แต่เพื่อนร่วมงานดันจำไม่ได้ต่างพากันเรียกพยางค์แรกของชื่อจริงแทนจนติดปาก ชื่อก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ทำไมไม่มีใครเรียกก็ไม่รู้ ...



หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.1 @ 17/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 17-02-2021 13:08:36
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 1. วันดีๆ

             มีเรื่องให้เครียดไม่นาน ปัญหาใหม่ก็ตามมาอีกระลอก วันนี้สมการตื่นแต่เช้าแบบที่ไม่เคยเช้าขนาดนี้มาก่อน ลุกขึ้นมาจากเตียงก่อนจะพลาดเหยียบเปลือกกล้วยที่กินทิ้งไว้กลางห้องนอนล้มก้นกระแทกน้ำตาเล็ด กว่าจะลากสังขารไปทำความสะอาดร่างกายในห้องน้ำได้ก็แทบเป็นลมเนื่องจากปวดตรงบั้นท้ายหนึบๆ จากที่ควรรีบไปทำงานก็ต้องไปโรงพยาบาลก่อน นับว่าโชคยังดีที่มีประกันสุขภาพที่เป็นสวัสดิการบริษัท ชายหนุ่มจึงเลือกเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน หลังจากทำการเอ็กซ์เรย์ และพบหมอยังไม่ถึงนาทีก็ได้ยาคลายเส้น(ที่มีส่วนผสมของ)ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบและสเปรย์ยาสำหรับพ่นบริเวณบาดเจ็บ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องจ่าย 3,750 บาท ซึ่งประกันจ่ายให้ ...

“โอ๊ะพี่สม ทำไมเดินตูดบิดขนาดนั้นน่ะ ไปโดนใครทะลวงมาเหรอ” ใครสักคนนี่แหละที่ทักอย่างเป็นมิตร(?)ตั้งแต่ลากสังขารถึงบริษัท ชายหนุ่มโทรแจ้งหัวหน้าว่าจะเข้าทำงานช้ากว่าปกติเพราะต้องไปหาหมอจึงไม่โดนสายตาของพี่นิมิตรตำหนิ พอประจำโต๊ะทำงานก็เปิดคอมพิวเตอร์เช็กรายงานยอดขายที่ยังไม่ขยับตั้งแต่วันที่โดนหัวหน้าเรียกไปอบรมครั้งก่อน

“พี่สม พี่นิมิตรเรียกประชุมครับ” เสียงอัครเดช ลูกน้องอายุน้อยที่สุดในทีมบอกมา  เขามองภาพเพื่อนร่วมงานที่ทะยอยเดินไปที่ห้องประชุมใหญ่ราวนกแตกรังก็ได้แต่นั่งนิ่งเพราะไม่อยากไปเบียดเสียดเนื่องจากระบมตรงก้นกบไม่หาย

“โอเค เดี๋ยวพี่ตามไป” สมการตอบก่อนโลกมือไล่วรจักรที่ทำหน้าทะเล้นรอไปพร้อมกันอยู่ลิบๆเพื่อบอกว่าไม่ต้องรอ จนกระทั่งทุกคนเข้าไปในห้องหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงกระเผลกไปช้าๆ ยิ่งรีบก็ยิ่งเจ็บจึงได้แต่ค่อยๆเดินส่ายตูดไปมาเหมือนเต่าขาเจ็บ เวลาที่ง่ามขาเสียดสีกันก็เจ็บร้าวถึงแก้มก้นที่ล้มเมื่อเช้าจนต้องหลับตาจึงไม่ทันมองว่ามีใครอีกคนที่เดินมาทางนี้เช่นกัน

โครม!

“อ๋อยยยยย” สมการล้มลงอีกรอบ คราวนี้เจ็บแปลบจนร้องไม่ออก รู้สึกราวกับว่าชนตอไม้หรือไม่ก็โขดหินขนาดใหญ่ ก้นที่ช้ำอยู่แล้วก็ยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปอีก

“โอ้ ขอโทษครับผมไม่ทันมอง” เสียงนุ่มกล่าวออกมาอย่างจริงใจทำให้คนที่นั่งทรุดอยู่ลืมตามามอง แล้วก็คิดในใจว่า ใครหว่าหน้าไม่คุ้น

“อ้าวมาแล้วเหรอ เชิญครับ” เสียงของนิมิตรที่เปิดประตูห้องประชุมมาพอดีทักทายคนที่กำลังยื่นมือเพื่อให้ชายหนุ่มจับ แต่ยังไม่ทันจะคว้า มือหนาก็ชักกลับจนหน้าแทบคะมำอีกรอบก่อนที่จะต้องเกาะขอบโต๊ะแถวนั้นให้ลุกยืนเต็มความสูง

“รีบเข้ามาสิสมการ มัวแต่เดินตูดบิดไปมาอยู่ได้” อ้าว...ไหงพี่นิมิตรพูดงี้ล่ะ

“สวัสดีครับ ผมชื่อปวรรัชดล เรียกง่ายๆว่าดลนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เสียงของคนตัวใหญ่ที่ชนเมื่อครู่แนะนำตัวจบก็ตามมาด้วยเสียงปรบมือต้อนรับ ชื่ออ่านยากจังเลย ปะ วอน รัด ชะ ดน งั้นเหรอ... สมการคิด พลางสำรวจผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าคนใหม่แทนพี่นิมิตรที่จะหมดวาระอย่างเงียบๆ ใบหน้าคมสันรูปเหลี่ยมรับกับทุกองค์ประกอบที่จัดวางราวกับงานปั้นที่สมบูรณ์แบบ มีลักยิ้มสองข้าง รอยย่นบนหน้าผากและหางตาไม่ได้ทำให้ดูแก่เลยสักนิด ถ้าไม่บอกก่อนว่าอายุ 49 ปี ชายหนุ่มคงนึกว่าคุณปวรรัชดลอะไรนั่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นแน่ อย่างมากก็ไม่เกิน 37 ปีเท่านั้น พอคิดเช่นนั้นก็นึกสงสารตัวเองที่เบ้าหน้าไปไกลเกินวัยไปเสียหน่อย

             สมการเป็นคนสูงอยู่แล้วด้วยความสูง 184 เซ็นติเมตรและยังค่อนไปทางผอมเลยทำให้ดูเก้งก้าง ข้อดีที่เขาไม่ต้องการคือการกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ถึงแม้พยายามออกกำลังกายอย่างหนักก็ใช่ว่าจะช่วยให้กล้ามเนื้อขยายตัวในแบบที่ต้องการ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ละความพยายามที่จะเล่นกล้าม เงินที่เสียไปกับค่าเทรนเนอร์หลายหมื่นนั้นจะต้องเห็นผลในอีกไม่ช้า ... ชายหนุ่มจับจ้องไปที่หัวหน้าคนใหม่อย่างชั่งใจ ไม่รู้ว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้ดีแค่ไหน ถึงแม้เขาจะมีตำแหน่งผู้ช่วยฯ แต่ก็ไม่ได้มีผู้จัดการแผนกเป็นของตัวเอง ที่ผ่านมาก็รายงานตรงกับพี่นิมิตร สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหัวหน้าคนปัจจุบันพยายามผลักดันเขาให้เลื่อนขั้นมาหลายปีแล้วตั้งแต่ผู้จัดการคนเก่าลาออก แต่เพราะผลงานที่ย่ำแย่เลยไม่ไปไหนซะที

“ผมสมการครับ ชื่อเล่นปอนด์ อายุ 33 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขายโปรแกรมมันนี่โฟลว์ (Money Flow) ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวตามที่ทุกคนทำมาก่อนหน้านี้ สีหน้าของหัวหน้าคนใหม่อ่านยาก ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู แต่เขาก็ไม่ได้อยากทำลายมิตรภาพตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันหรอกนะ

“เอาล่ะ นอกจากคุณปวรรัชดลแล้ว เรายังมีพนักงานใหม่อีก 1 คนที่จะมาเสริมทัพทีมมันนี่” สมการแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่าพี่นิมิตรจะหาคนมาช่วยเพื่อเพิ่มยอดขาย ไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้ เนื่องจากเขาให้ความสนใจที่หัวหน้าคนใหม่จึงไม่ทันสังเกตว่ามีพนักงานหน้าใสอยู่อีกมุมหนึ่งค่อยๆเดินมาแนะนำตัวอย่างเขินๆ

“สวัสดีครับพี่ๆ ผมปุลวัชร ชื่อเล่น ปุ่น อายุ 22 ปี เพิ่งเรียนจบมาจากมหา’ลัย xxx ในคณะบริหารธุกิจ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆทุกคนนะครับ และขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะครับ” เด็กหนุ่มไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะส่งยิ้มหล่อๆจนสาวๆนั่งแทบไม่ติด ถ้าคุณปวรรัชดลหล่อราวรูปปั้น ปุลวัชร (อ่านว่า ปุ ละ วัด) ก็เรียกว่าเทพบุตรก็ไม่ผิดนัก สองคนที่มาใหม่มีความสูงไล่เลี่ยกัน แต่รูปร่างของคนอายุมากกว่าดูหนาใหญ่ในขณะที่อีกคนนั้นออกไปทางล่ำแต่ไม่ถึงกับตัวโตจนเกินพอดี

“พอๆสาวๆอย่าเพิ่งคุยกัน สมการมานี่ซิ” ชายหนุ่มหน้างงเมื่อถูกเรียกให้ไปด้านหน้า ทั้งที่เลือกที่นั่งให้ไกลสุดลูกหูลูกตาแล้วยังไม่วายโดนเรียกเสียอย่างนั้น จำใจต้องลากสังขารเดี้ยงๆไปอย่างช้าๆ สายตาคนอื่นๆมองมาพร้อมเครื่องหมายคำถามว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น เขาจึงเดินตูดบิดผิดธรรมชาติเช่นนี้

“พี่สมโดนเปิดซิงมาน่ะ” เสียงเพื่อนร่วมงานแซวมาจนต้องส่งสายตาไปด่า

“ใช่ที่ไหนล่ะโว้ย” ถึงแม้พยายามปรับการเดินให้ดูปกติที่สุด แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล ก้าวแต่ละก้าวเหมือนจะยกเท้าไม่ขึ้น อีกไม่กี่ก้าวจะถึงหน้าห้องแต่สายไฟขนาดใหญ่ที่วางระเกะระกะกับพื้นทำให้ชายหนุ่มเกิดสะดุดจนร่างสูงพุ่งทะยานไปข้างหน้า

             ท่ามกลางสายตาตกใจของคนหลายสิบที่มองภาพหายนะที่กำลังเกิดขึ้น สมการกลับเห็นทุกอย่างเป็นภาพสโลโมชั่น ร่างของเขาเหมือนถูกแรงผลักกระเด็นลอยลิ่วๆไปข้างหน้าอย่างช้าๆ พี่นิมิตรตาโตแทบจะหลุดจากเบ้าเพราะความตกใจ หากพุ่งตรงไปเรื่อยๆด้านซ้ายมือของเขาจะเป็นคุณปวรรัชดลหัวหน้าคนใหม่ที่ทำท่าเหมือนจะเอื้อมมือมาช่วย และขวามือจะเป็นปุลวัชรลูกทีมหน้าใสที่เพิ่งเริ่มงานวันแรก ราวกับหนังแอ๊กชั่นที่มีเวลาเหลือเฟือให้ชายหนุ่มได้เลือกว่าจะพุ่งไปชนใครดี ถ้าชนหัวหน้าคนใหม่ก็คงเจ็บไม่น้อยเพราะรูปร่างใหญ่โตซึ่งคงไม่ล้มเป็นแน่ แต่ก็อาจจะทำให้ผู้ใหญ่เกิดอาการขุ่นเคืองใจได้ แต่ถ้าจะพุ่งไปชนรุ่นน้องที่ตัวบางกว่าก็อาจจะเจ็บหนักทั้งสองคนเป็นแน่ สมองกำลังแล่นคิดคำนวณว่าจะไปทางไหนดีในเสี้ยววินาที รองเท้าคัตชูหนังแท้สีดำข้างที่สะดุดสายไฟเกิดหลวมขึ้นมาเฉยๆ มันลอยไปข้างหลังก่อนจะไปจบที่หน้าท้องของอาจณรงค์ลูกน้องที่แซวเขาเมื่อครู่จนเกิดรอย

“เห้ย ระวัง ว้าย อ๊ะ” !!!

             เสียงเอะอะหลากหลายขนานดังขึ้นพร้อมกับจังหวะที่เขาทะยานตัวออกไป วินาทีนี้ต้องคิดแล้วว่าจะชนใครดี คิดสิคิด คิดแต่ก็คิดไม่ตก จะชนใครก็สงสารทั้งคู่ ...ใกล้แล้ว ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้สุดๆ...ถ้าไม่ชนคนก็ต้องหน้าคว่ำกองกับพื้น เบ้าหน้ายิ่งขี้เหร่ๆเป็นทุนเดิมอยู่ด้วย ถ้ามันจะจูบเบื้องล่างอีกคงไม่ทำให้ขี้เหร่มากกว่าเดิมหรอก เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะกองกับพื้น มือหนึ่งก็พุ่งมากระชากแขนที่ปล่อยอิสระไปแล้วอย่างแรงจนเกิดแรงเหวี่ยงสวนทางกับจังหวะเมื่อครู่ แล้วร่างของสมการก็หมุนคว้างไปชนกับร่างหนึ่งที่พุ่งมาคว้าไว้จนดัง พลั่ก! และทุกอย่างก็สงบลง เขาไม่เจ็บ แต่พอหันไปมองข้างหลัง ใบหน้าหล่อเหลาดูบิดเบี้ยว ผนังห้องนี้ไม่ได้เรียบ มันมีส่วนที่ยื่นเป็นขอบออกมาเหมือนออกแบบผิดยาวรอบห้องในระดับเดียวกับความสูง

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด น้องปุนเลือดออก” เท่านั้นแหละ วงแตก เมื่อร่างสูงของรุ่นน้องมาช่วยชายหนุ่มไว้และหัวกระแทกขอบผนังห้องประชุมแตกเลือกชุ่มจนต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลแทนที่จะพาไปสอนงาน สมการที่เป็นต้นเหตุจึงต้องวิ่งรอกมาด้วยอย่างสำนึกผิดที่ก่อเรื่องให้ลูกน้องตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ใบหน้าหล่อนั้นดูเจ็บมากตอนที่หันไปมองครั้งแรกตอนที่หัวกระแทก ชายหนุ่มนึกโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ปุลวัชรเท่านั้นที่ยืนมือมาช่วย คุณปวรรัชดลก็ตั้งใจจะดึงร่างเขาไว้เช่นกัน เพียงแต่ว่าเด็กหนุ่มไวกว่าเลยคว้าตัวได้ก่อน

“พี่ขอโทษนะครับ ขอโทษๆๆๆๆ” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษรุ่นน้องไม่ขาดปากตั้งแต่ขึ้นรถ ลงไปห้องฉุกเฉินและรอรับยา

“ผมไม่เป็นไรแล้วครับพี่สมการ ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ” หนุ่มหล่อตอบอย่างถ่อมตัว ยิ่งทำให้รู้สึกผิด

“แต่เพราะพี่ซุ่มซ่าม”

“มันสุดวิสัยน่ะครับ ผมไม่โทษพี่หรอก พี่ก็เหมือนจะเจ็บขาอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอครับ” สมการเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองก็เจ็บก้นกระแทก เพราะมัวแต่ห่วงลูกน้องคนใหม่จึงไม่ได้สนใจความเจ็บที่มี พอโดนทักแค่นั้นแหละขาก็สั่นเข่าก็แทบทรุดก้นกบร้าวระบมไปหมด

“อูยยยยยยยยยย”

“เจ็บมากมั้ยครับพี่ นั่งรอตรงนี้แป๊บนะครับ” กลายเป็นคนหัวแตกที่ต้องวิ่งไปเรียกบุรุษพยาบาลให้เอารถเข็นมารับเสียอย่างนั้น สมการอายจนแทบจะหายตัวหนีที่ต้องมาถูกดูแลทั้งๆที่ตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่อง แต่ความเจ็บหน่วงจนเดินไม่ไหวทำให้ไม่อาจปฏิเสธการช่วยเหลือฉุกเฉินนี้ได้ และเขาก็ถูกพาเข้าไปพบแพทย์อีกครั้งในรอบวัน

“อ่อนว่ะพี่” วรจักรส่งเสียงแซวตอนที่วนรถยนต์มารับคนบาดเจ็บทั้งสอง คนหนึ่งหัวแตกต้องพันผ้าไว้ปิดรอยเย็บ อีกคนหนึ่งต้องเข้าเฝือกแบบงงๆเพราะข้อเท้าขวาพลิกจนบวมช้ำ แถมก้นกบที่กระแทกยังเจ็บระบมอยู่อย่างนั้น มองสภาพตัวเองเหมือนคนพิการซ้ำซ้อนก็ไม่ผิดนัก

“อ่อนแม่ง เดี๋ยวเจอนี่ โอ๊ะ” ทำท่าจะยกขาข้างที่ใส่เฝือก แต่ดันเจ็บร้าวลงสะโพกจนต้องร้อง

“ไม่เจียมสังขารว่ะ ไปพี่ผมไปส่งบ้าน พี่นิมิตรบอกให้ไปพักผ่อนทั้งสองคนเลย” วรจักรส่งสารที่ได้รับมาให้ฟัง

“ขอบคุณครับ” ปุลวัชรพูดและไหว้ขอบคุณ

“ไม่ต้องไหว้หรอก ว่าแต่บ้านอยู่ไหนอะเรา”

“เอ่อ แถวรังสิตครับ”

“ห๊ะ” เสียงของสมการและวรจักรดังพร้อมกัน ไม่คิดว่าบ้านเด็กหนุ่มจะไกลคนละโยชน์ได้ขนาดนี้

“แล้วมาทำงานยังไงล่ะเนี่ย” สมการพุ่งจากเบาะหลังโผล่หน้ามาถามอย่างไม่สนใจอาการบาดเจ็บ

“พี่ชายขับรถมาส่งขึ้นรถตู้มาลงที่รถไฟฟ้าครับ” นับถือในความพยายามจริงๆ

“คิดจะหาที่พักใกล้ๆมั้ย” คนขับซัก

“ก็คิดอยู่ครับ แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนดี ผมไม่คุ้นแถวนี้เลยครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างพาซื่อ

“เออ เอางี้สิ บ้านพี่สมว่าง ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ด้วยกันซะเลยล่ะ ใช่มั้ยพี่ จะได้มีคนช่วยค่าผ่อนบ้าน” วรจักรเสนอโดยไม่ถามความสมัครใจของเจ้าของบ้านแม้แต่น้อย สมการได้แต่อึกอักเพราะไม่ได้ซ้อมบทมาก่อน

“หะ ห๊ะ จะไหวเหรอวะ บ้านกูเล็ก เก่าและรกมากนะเว้ย”

“เอาน่าพี่ ไหนๆก็ต้องผ่อนอีกหลายสิบปี มีคนช่วยหารไม่ดีรึไง ว่าไงน้อง” ดูเหมือนว่าลูกน้องอย่างวรจักรไม่ได้สนใจความคิดหรือข้อแก้ตัวของสมการเลยแม้แต่น้อย หากแต่สายตาหันไปคาดคั้นรุ่นน้องที่ทำหน้าประหม่านั่งตัวเกร็ง

“ผม เอ่อ” ท่าทางของเขาลังเล สมการจึงช่วยพูด

“อย่าไปคาดคั้นเด็กมันสิ วัยรุ่นสมัยนี้ชอบอยู่คนเดียวหรือไม่ก็อยู่กับแฟนมากกว่า อยู่กับคนแก่น่ะอึดอัดเปล่าๆ”

“ผะ ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ แต่ผมเกรงใจพี่สมการมากกว่า” ปุลวัชรตอบชัดถ้อยชัดคำ

“เรียกชื่อเล่นพี่ก็ได้” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ

“พี่สมนะ” วรจักรโพล่ง สมการมองค้อนถ้าไม่ติดว่าเจ็บอยู่คงโบกหัวลูกน้องแตกไปละ

“ชื่อเล่นพี่ชื่อปอนด์ไม่ใช่เหรอครับ” เด็กดี จำชื่อได้ด้วย... สมการเผลอยิ้ม

“ก็ใช่แหละ แต่ไอ้พวกนี้มันจำไม่ได้สักคนเอาแต่เรียกสมๆจนชิน”

“อ่าครับ” แล้วปุลวัชรก็เงียบ

“งั้นเดี๋ยวไปส่งพี่สมก่อนนะ ค่อยวนไปส่งเรานะกร” เจ้าของรถออกความเห็น การจราจรค่อนข้างคับคั่ง

“อ่อ ได้ครับ ความจริงส่งที่คิวรถตู้ตรงรถไฟฟ้าก็ได้นะครับ พี่จะได้ไม่ต้องไปไกล” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“เอางั้นเหรอ” คนขับรถเหมือนจะเห็นด้วย แต่สมการกลับรู้สึกไม่ดีหากจะปล่อยให้ลูกน้องที่บาดเจ็บกลับเอง

“ได้ไงล่ะ ไปส่งถึงบ้านนี่แหละ ไหนๆก็บาดเจ็บเพราะพี่” วรจักรหันไปส่งสายตาดุใส่หัวหน้าตัวเองที่ไม่ปรึกษาก่อนเรื่องนี้ เขาขี้เกียจขับรถไกลๆเป็นที่สุด ปุลวัชรรับสายที่โทรเข้ามา บทสนทนาในรถจึงเงียบลง

“ครับแม่ ผมไม่เป็นไรมากแล้ว พี่ๆดูแลอย่างดี ครับ ครับ”

“แม่โทรมาเหรอ” คนขับรถหันมองและถาม

“ครับพี่จักร”

“ท่าทางจะหวงลูกชายมากนะเนี่ย” ชายหนุ่มแซว

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ พอดีพ่อกับแม่ไปเที่ยวน่ะครับไม่มีใครอยู่บ้านเลยโทรมาเช็กอาการน่ะครับ”

“อ้าว ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ แล้วถ้าไม่สบายหรือเจ็บตรงไหนขึ้นมาจะทำไงอะ” สมการไม่ได้ถามอะไร ได้แต่ฟังสองคนที่เบาะหน้าคุยกันเงียบๆ

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมโทรให้พี่ชายมาดูแลก็ได้ บ้านอยู่ไม่ไกลกัน” เมื่อวรจักรไม่ตอบอะไร คนที่นั่งเงียบก็อดรนทนไม่ได้

“แน่ใจเหรอ”

“ครับ”

“แต่พี่ไม่สบายใจเลยว่ะ เอางี้มั้ย ช่วงที่พ่อแม่เราไม่ว่างก็มาอยู่บ้านพี่ก่อน จะได้ช่วยดูแลแผลด้วย” แววตาของวรจักรที่มองผ่านกระจกส่องหลังรถดูไม่ค่อยอยากเชื่อ คนอย่างสมการผู้ไม่เคยพาใครเข้าบ้านชวนให้ลูกน้องที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกไปอยู่ด้วย

“เดี้ยงขนาดนี้จะดูแลใครได้พี่สม” วรจักรแซวมาด้วยหน้าตากวนบาทาขั้นสุด

“ไม่เป็นไรหรอกครับผมเกรงใจ” รุ่นน้องยังคงปฏิเสธ วิเคราะห์จากคำพูดและมารยาทที่ดีแสนดีนั้นต้องยอมรับที่บ้านสอนมาดี

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ไปเถอะ ลีลามากรถจะติดเอา บ้านไอ้จักรก็อยู่อีกฝั่งกรุงเทพด้วย” สมการขอร้องเชิงบังคับจนเด็กหนุ่มที่เกรงใจไม่กล้าปฏิเสธ สุดท้าย คนบาดเจ็บทั้งสองคนก็มานั่งกลางบ้านหนุ่มโสดวัยกลางคนที่รกจนแทบไร้ที่ยืน...

             บ้านของสมการเป็นบ้านเดี่ยวแถบชานเมือง มีพื้นที่ใช้สอยเพียงเล็กน้อย ตัวบ้านสองชั้นสีอ่อนตามแบบฉบับบ้านจัดสรรราคาย่อมเยาทั่วไป เดินเข้ามาก็เป็นห้องรับแขกเล็กและรก ถัดไปอีกด้านเป็นห้องครัวที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ห้องน้ำและห้องนอนเล็กแออัดกันแน่นจนแทบไม่เหลือพื้นที่ไว้ทำอย่างอื่น บันไดไม้อยู่เยื้องไปทางซ้ายมือสำหรับขึ้นชั้นสองก็ยังเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ

“อะเอ่อ เดี๋ยวเรานั่งโซฟ้านี้ก่อนนะ” เจ้าของบ้านชี้ไม้ชี้มือไปยังโซฟาสีแดงหม่นที่เก่าฝุ่นจับ เสื้อผ้า เศษอาหารและกองขยะรกเต็มไปทั่วจนต้องรีบรื้อไปทิ้งทั้งที่ขายังกระเผลก

“ขอบคุณครับ พี่ปอนด์ไม่ต้องเก็บหรอกครับพี่ยังเจ็บขาอยู่” โอ...พ่อพระ

“ไม่ได้ๆ บ้านรกขนาดนี้พี่ก็อายเป็นนะโว้ย” สมการลากถุงขยะจากห้องครัวก่อนกวาดเศษซากกองสุมลงในนั้นอย่างลวกๆ รุ่นน้องที่นั่งจับจ้องภาพที่ทุลักทุเลอย่างเกรงใจ แต่เพราะเจ้าของบ้านสั่งห้ามมาช่วยจึงได้แต่นั่งนิ่ง อาการปวดหนึบๆทำให้ต้องคอยจับตรงผ้าพันแผล กระทั่งตัวต้นเหตุเห็นอาการเข้า

“ปวดเหรอครับ เดี๋ยวพี่สั่งอาหารแป๊บนะ จะได้ทานยาหลังอาหาร ดื่มน้ำก่อน” ในถาดพลาสติกสี่เหลี่ยมสีแดงลายดอกไม้หลากชนิดชวนตาลายขนาดไม่ใหญ่เต็มไปด้วยน้ำอัดลม ขวดน้ำเปล่าและน้ำผลไม้พร้อมแก้วเปล่าสามใบ

“พี่ไม่รู้ว่าเราชอบน้ำอะไรน่ะ มีอะไรก็เลยกวาดมาหมดเลย” ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินกับสภาพของบ้าน

“ไม่น่าจะต้องลำบากเลยครับ ผมยังไงก็ได้”

“เป็นเด็กดีจังนะเรา” ชายหนุ่มกระเผลกมานั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามและกดมือถือเพื่อสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่น “อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”

“อะไรก็ได้ครับ แบบที่พี่สั่งก็ได้”

“อ่า งั้นเอาโจ๊กละกัน น่าจะย่อยง่าย” เด็กหนุ่มพยักหน้า เปลือกตาคมนั้นเริ่มหนักก่อนจะผลอยหลับ

“อ้าว ทำไมภาพตัดไปซะล่ะ” สมการที่เพิ่งเงยหน้าจากจอมือถือถึงกับงง พิจารณาใบหน้าหล่อที่นอนนิ่งอย่างอิจฉา คนอะไรพระเจ้าช่างปั้น ไม่ว่ามองมุมไหนก็หล่อไร้ที่ติ

“เฮ้ย ตกใจหมด” ก่อนมองตัวเองในกระจกที่ตั้งอยู่ในห้อง ภาพสะท้อนมาคือใครก็ไม่รู้ หน้าตาชวนผวาจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.1 @ 17/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-02-2021 21:36:49
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.1 @ 17/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-02-2021 15:09:36
เพิ่งเจอกันวันแรกก็พาผู้ชายเข้าบ้านเลยนะพี่สม 55555
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.2 @ 21/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 21-02-2021 17:34:35
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 2. แขกไม่ได้รับเชิญ

             ปวรรัชดลนั่งอ่านเอกสารที่นิมิตรสั่งให้ลูกน้องแต่ละแผนกลำเลียงมาตั้งจนล้นโต๊ะทำงานอย่างเงียบเชียบ รายงานยอดขายที่ผ่านมาทำได้ดี ยกเว้นทีมมันนี่ที่อาการน่าเป็นห่วง ด้วยความที่เบื้องบนต้องการจะผลักดันหนุ่มใหญ่ให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นและให้มาจับตามองผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขายที่ชื่อสมการว่าสมควรจะถูกเชิญออกเนื่องจากผลงานที่ย่ำแย่ต่อเนื่องหรือไม่ เขาจึงจำใจรับตำแหน่งนี้ทั้งที่กำลังไปได้สวยกับทีมของตนที่สำนักงานใหญ่ หากไม่ใช่เพราะสนิทกับซีอีโอเป็นการส่วนตัวก็คงคิดน้อยใจไม่น้อยที่ถูกส่งมานั่งออฟฟิศเล็กๆแบบนี้ ... แล้วเสียงเคาะประตูทำให้เขาหันมาสนใจคนที่กำลังเดินเข้ามา

“เดี๋ยวช่วงบ่ายผมจะให้ผู้จัดการแผนกต่างๆมาเทรนเรื่องสินค้าให้อีกทีนะครับ” ถึงแม้ปวรรัชดลจะมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าอยู่แล้ว แต่นิมิตรกลับยืนยันว่าเขาต้องเข้าอบรมครั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของบริษัท ชายหนุ่มไม่ได้ขัดอะไรจึงตอบรับ

“ส่วนเรื่องรายงานของแต่ละแผนก ถ้ามีไอเดียอะไรก็สามารถแชร์กับน้องๆได้เลยนะครับ” เสียงชายแก่ไม่ได้บังคับ แต่มันกลับเต็มไปด้วยอำนาจที่ต้านทานไม่ได้

“ขอบคุณครับคุณนิมิตร” ชายหนุ่มตอบรับอย่างเกรงใจ หากแต่อีกคนกลับยิ้ม

“งั้นผมไม่รบกวนละครับ มีอะไรก็สอบถามได้ผมอยู่ห้องข้างๆ” ปวรรัชดลพยักหน้าและกล่าวขอบคุณอีกรอบ มองร่างของอีกฝ่ายเดินออกจากห้องทำงานส่วนตัวกระทั่งประตูปิดสนิท จึงตั้งสมาธิกับกองเอกสารตรงหน้า

             เมื่อถึงรายงานยอดขายและสรุปวิธีการทำงานของแผนกมันนี่โฟลว์ ชายหนุ่มถึงขั้นขมวดคิ้ว ยิ่งอ่านมากขึ้นก็ยิ่งมีเรื่องให้ต้องคิดจนต้องหากระดาษและปากกามาจดบันทึกไอเดียที่ผุดขึ้นเป็นข้อๆจนเต็มหนึ่งหน้า แล้วภาพของคนที่เดินกระเผลกสะดุดสายไฟในห้องประชุมจนหน้าพุ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง ใบหน้าตกใจอ้าปากค้างชวนให้ขันปนกับสงสาร คนแบบนั้นน่ะเหรอที่บริษัทคิดจะไล่ออก ดูแล้วไม่ใช่คนไม่ดีเสียหน่อย ถึงจะทำยอดขายได้ย่ำแย่แต่กลับมีคะแนนประเมินความพึงพอใจจากลูกค้าสูงที่สุดในบริษัท

“สมการ เคลือบบุญงั้นเหรอ น่าสนใจดี” ปวรรัชดลพึมพำ ลักยิ้มตรงแก้มบุ๋มเพราะรอยยิ้มที่เผลอไผล นึกเสียดายที่เอื้อมมือไปคว้าร่างนั้นไม่ทัน มันคงเป็นเรื่องที่ชวนให้เสียดายที่สุดของวันนี้

RRRRRRRRRRRRRR

“ว่าไงภา” ชายหนุ่มกดรับสายก่อนถามเสียงเรียบ ภาวดีที่กำลังจะเป็นอดีตภรรยาโทรมาหลายสายก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพราะยังง่วนกับการอ่านเอกสารกองใหญ่จึงไม่ได้รับสาย

[กว่าจะรับสายได้นะ] น้ำเสียงนั้นประชดประชัน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชีวิตสมรสของเขาและเธอใกล้ถึงจุดจบ

“มีอะไร” คำถามนั้นห้วนสั้นเพื่อตัดรำคาญ แต่ยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายหงุดหงิดใจ

[ทำไม จะโทรมาหาเนี่ยต้องให้มีเรื่องคอขาดบาดตายก่อนเหรอถึงจะโทรหาได้เนี่ย] ผู้หญิงคนที่เขารู้จักมาตลอดหลายปีมักใช้น้ำเสียงเย็นชาและยกตนข่มเช่นนี้อยู่ประจำ

“ผมยุ่งอยู่นะคุณภา ถ้าไม่มีอะไรผมจะวางสายละ...”

[เดี๋ยว ชั้นจะโทรมานัดเรื่องไปเซ็นใบหย่า] ปวรรัชดลหัวเราะหึ ภรรยาของเขาหลีกเลี่ยงการหย่ามาโดยตลอดโดยให้เหตุผลว่าไม่อยากถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นแม่หม้าย นั่นแหละตัวตนของเธอล่ะ หน้าตาและชื่อเสียงสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด

“คุณก็แค่เซ็นใบหย่าที่ผมส่งไปให้ก็จบแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องนัดเจอกันหรอกนะ”

[คุณ!] เสียงปลายสายดังลั่นราวกับโกรธจัด ภาวดีเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าถูกขัดใจก็จะขึ้นเสียงอย่างไม่แคร์คนอื่น

“ผมแนบซองเปล่าไว้ให้แล้ว คุณเซ็นเสร็จแล้วส่งกลับมาตามที่อยู่นั้นก็พอ” ปวรรัชดลกดตัดสาย ไม่อยากสิ้นเปลืองพลังงานชีวิตกับผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป

             ย้อนไปเมื่อชายหนุ่มเพิ่งเรียนจบด้วยผลการเรียนดีเด่นจนสามารถทำงานที่บริษัทแห่งนี้จากการทาบทามของภคภัทร์ เพื่อนสนิทที่เป็นซีอีโอคนปัจจุบัน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมคณะและจับพลัดจับผลูกลายเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ปี 2 ด้วยความที่ชายหนุ่มนั้นเป็นคนเก่ง พ่อของภคภัทร์ที่ตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดเห็นแววจึงทาบทามให้มาร่วมงานด้วย หลังจากนั้นเขาก็มีโอกาสเข้านอกออกในบ้านของเพื่อนคนนี้และได้พบกับภาวดี ลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทที่ปลูกบ้านในพื้นที่รั้วเดียวกันตามประสาครอบครัวคนจีน ภาวดีเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณอาที่ภคภัทร์เคารพ เมื่อเห็นว่าภาวดีสนใจเพื่อนสนิทจึงได้แนะนำให้รู้จักกันและได้แต่งงานกันหลังจากฝ่ายหญิงเรียนจบ

             แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ปวรรัชดลต้องการเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เหมือนคนอื่น...ซึ่งรู้เต็มอกแต่ก็ไม่อาจจะเปิดเผยกับใครได้เนื่องจากสังคมยุคพุทธศักราช 253x นั้นยังไม่เปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางเพศ ชายหนุ่มต้องทนกล้ำกลืนเป็นคนที่เขาไม่อยากจะเป็นมาโดยตลอด ในสายตาของเพื่อนๆนั้น ปวรรัชดลคือหนุ่มหล่อ นิสัยดี หัวดี เล่นกีฬาเก่ง มาดแมนและเป็นที่นิยมในบรรดาสาวๆ แต่เพราะรสนิยมที่ติดตัวมาตั้งแต่จำความได้ เขาจึงครองตัวเป็นโสดโดยอ้างว่าอยากสนใจกับเรื่องเรียนก่อน แต่เมื่อถูกจับคู่กับภาวดีอย่างไร้ทางปฏิเสธเพราะเกรงใจเพื่อนสนิทและลุงของเธอ ชายหนุ่มจำเป็นต้องแสร้งจีบแบบขอไปที แต่เพราะหน้าตาของเขานั้นช่างน่าดึงดูด แม้จะพยายามจบความสัมพันธ์กับภาวดีมากเพียงไหน แต่หญิงสาวก็ปักใจและไม่ยอมแพ้จนกระทั่งชายหนุ่มยอมตกลงที่จะเข้าพิธีแต่งงานด้วย ... เรื่องทั้งหมดนี้มันผ่านมาแล้ว 20 ปี และมันกำลังจะจบลงในไม่ช้า

#### ####

             สมการอุ่นอาหารที่สั่งซื้อมาตั้งแต่ตอนบ่ายก่อนจะจัดเรียงจานร้อนบนโต๊ะในห้องครัว ขาที่กระเผลกทำให้ยากต่อการควบคุมแต่ก็ยังฝืนสังขารหยิบจานร้อนๆออกจากไมโครเวฟจนนิ้วกระตุก สองขาที่ยืนโงนเงนอยู่แล้วจึงทำให้สะบัดมือไปปัดแก้วน้ำที่วางไว้ตรงอ่างล้างจานจนแตกละเอียด เสียงดังไปยังห้องติดกันอย่างไม่ต้องสงสัย

“พี่ปอนด์เป็นอะไรมั้ยครับ” เสียงแตกตื่นของลูกน้องที่หลับไหลผุดกายลุกวิ่งมาทางนี้ สมการที่เหมือนจะล้มอยู่รอมร่อหัวเราะกลบเกลื่อน ยังดีที่แขนอีกข้างสามารถรั้งกับขอบอ่างไว้ได้ สองขาที่เกือบทรุดจึงอยู่ท่างอเข่าเท่านั้น แต่เศษแก้วแตกกระจายบาดเท้าข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกจนเลือดไหล ... ช่างเป็นวันที่ดีเสียจริง

“มะ ไม่เป็นไรครับ” ต้องข่มความเจ็บไว้ในระดับ 7 จาก 10 เพื่อตอบคนถาม

“ไม่เป็นไรได้ไงครับเลือดออกเต็มเลย ระวังนะครับ เดี๋ยวผมช่วย” ไม่พูดเปล่า ปุลวัชรเดินหลบเศษแหลมมาประคองร่างสูงไว้แน่น ความปวดจี๊ดที่เท้าแล่นมาจนต้องกระพริบตา สองแขนของเด็กหนุ่มสอดคว้าตัวเขาไว้แน่นและพาเดินหลบคมแหลมที่ตกเกลื่อนอย่างระมัดระวัง เสียงหัวใจเต้นตึกตักของปุลวัชรดังมากพอที่จะได้ยิน ยิ่งเมื่อสีข้างของพวกเขาแนบชิดกันเช่นนี้ยิ่งทำให้ได้สัมผัสอบอุ่นพร้อมกับกลิ่นหอมเฉพาะตัวของวัยหนุ่มในชุดทำงานยับย่น สมการรู้สึกแปร่งๆเนื่องจากโดนปฏิบัติราวกับเป็นเจ้าหญิงตัวเล็กตัวน้อยทั้งที่เขาตัวสูงกว่ารุ่นน้องคนนี้เสียอีก

“วางพี่ตรงนี้ก็ได้ครับ” เจ้าของบ้านส่งเสียงบอกเมื่อเห็นว่าพ้นระยะของเศษแก้ว เก้าอี้ไม้ในห้องครัวถูกเลื่อนให้หย่อนสะโพกลงไปนั่งแล้วร่างที่หิ้วเขามาก็เดินไปหาไม้กวาดและที่ตักผงมาจัดการเก็บกวาดผลงานที่เขาซุ่มซ่ามทำไว้

“ทำไมพี่ไม่ปลุกผมล่ะครับ จะได้ช่วยพี่ได้” น้ำเสียงนั้นไม่เชิงดุ เหมือนกึ่งๆตัดพ้อ

“กะ ก็พี่เห็นเรานอนอยู่ เลยไม่กล้าปลุกน่ะ” สมการตอบตามที่คิด แต่อีกคนก็ส่ายหัว

“งั้นพี่นั่งเฉยๆ ที่เหลือผมจัดการเอง” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างปลงตก น้ำเสียงเริ่มเข้มเพราะเจ้าของบ้านยังคงดื้อดึง

“มะ ไม่..”

“ห้ามขัดครับ ดูสิเลือดยังไม่หยุดไหลเลย พวกอุปกรณ์ทำแผลอยู่ไหนครับพี่”

“อะ เอ่อ” สมการครุ่นคิด ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาได้ซื้อมาติดบ้านหรือเปล่า “ลองดูที่ตู้ยาในห้องรับแขก...”  ปุลวัชรไม่ได้ฟังจนจบประโยค ร่างสูงพุ่งราวกับเหาะจากห้องครัวไปห้องที่อยู่ติดกัน เสียงควานหาของดังแผ่วเบาก่อนเสียงฝีเท้าหนักๆจะเดินมาทางนี้ เด็กหนุ่มนั่งกับพื้นเอื้อมมือมาจับเท้าข้างที่เลือดชุ่มไว้

“โอ๊ะ” สมการร้องอย่างลืมตัว ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามเบามือ แต่เรี่ยวแรงผู้ชายยังไงก็ยังถือว่าเยอะ

“เจ็บมากมั้ยครับ ขอโทษนะครับผมน่าจะทำแผลพี่ก่อน” เด็กหนุ่มหน้าเสีย

“มะไม่ใช่หรอก พี่ตกใจที่เราจับเท้าพี่น่ะ” ชายหนุ่มตอบความจริง ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมีใครอยากมาจับเท้าเขาเล่นหรอก

“ถ้าไม่จับจะทำแผลยังไงล่ะครับ”

“ก็ไม่ต้องทำหรอก พี่ทำเองได้” ความเกรงใจยังมีท่วมท้นกับคนที่เพิ่งเจอกันวันแรก แต่ก็ต้องซวยเพราะตัวเองยิ่งทำให้ยิ่งต้องเกรงใจ หากไม่ติดว่าบ้านของรุ่นน้องอยู่ไกลเกินไปและสภาพของตนไม่เอื้ออำนวยแล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่คนอย่างนายสมการผู้หวงแหนความเป็นส่วนตัวจะยอมให้มีคนนอกมานั่งและคอยดูแลตัวเองในบ้านหลังนี้หรอก

“ด้วยสภาพใส่เฝือกแบบนี้น่ะเหรอครับ” น้ำเสียงของปุลวัชรคล้ายจะล้อเลียน คนฟังได้แต่อ้ำอึ้ง

“อะ เอ่อ” สมการจนคำพูดเมื่อถูกต้อนจนมุม ปล่อยให้หนุ่มหล่อที่ตัวเองยังอิจฉาเช็ดล้างแผลแผ่วเบา เส้นผมสีดำขลับยาวเป็นทรงปกปิดถึงคิ้วสั่นไหวตามแรงขยับ ใบหน้าก้มจับจ้องบาดแผลของเขาอย่างจดจ่อก็ทำให้รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก

“อูยยยย” เสียงร้องระงมเมื่อถูกของเหลวแตะกับปากแผล

“ขอโทษครับ เจ็บมากรึเปล่า”

“มะ ไม่หรอก” สมการโกหก แต่ก็กลั้นใจให้สำลีขาวชุ่มด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผลแตะขอบเนื้อแยกอย่างแสบสัน

“แสบก็ร้องออกมาก็ได้นะครับ ผมไม่ล้อพี่หรอก”

“อื้อ จริงเหรอ” ถึงแม้น้ำตาเริ่มคลอ แต่ชายอกสามศอกอย่างสมการก็พยายามรักษาภาพพจน์

“ฮ่าๆๆๆ พี่นี่ตลกจังนะครับ น่ารักดีด้วย” สมการคิดว่าตัวเองหูฝาดที่จู่ๆก็ได้ยินคำว่า น่ารักดีด้วยอย่างแผ่วเบา ... น่าจะหูแว่ว

“นอกจากจะตลกแล้วยังซุ่มซ่ามอีก” สมการยอมรับพร้อมกับแว้งกัดตัวเอง

“ก็จริง” น้ำเสียงนั้นไม่ได้ล้อเลียน แต่คนฟังก็เบ้ปากได้ “เอาล่ะ เสร็จแล้ว ตอนนี้เท้าสองข้างของพี่ก็เหมือนกันละ”

“หืม” สมการก้มมองผ้าพันแผลที่พันรอบเท้าเทียบกับเฝือกที่หมอใส่ให้ก่อนหน้านี้ก็แทบไม่ต่าง รู้สึกราวกับว่าเป็นคนพิการอย่างไม่รู้ตัว

“พี่หิวแล้วใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้ต่อเอง” เด็กหนุ่มเก็บอุปกรณ์เข้าที่ก่อนพุ่งร่างไปห้องครัวที่เกือบเละ

“ไม่เป็นหรอกเดี๋ยวพี่ทำเอง ลำบากเราเปล่าๆ”

“ผมว่าถ้าพี่ช่วยน่ะ ผมคงลำบากกว่านี้แน่ครับ ทางที่ดีพี่อยู่นิ่งๆแล้วรอทานก็พอ” สมการได้แต่อึกอัก ดูจากสภาพร่อแร่ของตัวเองแล้วก็ต้องยั้งไว้ ปล่อยให้เด็กหนุ่มจัดการอุ่นกับข้าวเตรียมจานและอุปกรณ์ต่างๆ ในขณะที่พยายามเดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าวในห้องครัวมองรุ่นน้องจัดแจงข้าวของเงียบเชียบ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น อาหารน่าทานก็วางเกือบเต็มโต๊ะ ปุลวัชรล้างมือและตักข้าวสวยมาวางตรงหน้าเจ้าของบ้าน สมการมองภาพนี้ตั้งแต่ต้นจนอีกฝ่ายกลับมานั่งฝั่งตรงข้าม

“พี่ไม่รู้ว่าชอบมั้ยนะ ทีแรกจะสั่งโจ๊กแต่กลัวเราไม่ชอบเลยสั่งเป็นกับข้าวมาแทน” ชายหนุ่มพูดแก้เก้อ ถึงแม้ในใจจะไม่ค่อยชอบที่มีคนอื่นมาอยู่ในบ้านกับตนก็ตาม แต่ต้นเหตุของเรื่องก็คือเขา ดังนั้นจะทำตัวไร้มารยาทคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบอะไร เขาจึงตัดสินใจสั่งกับข้าวมาหลายชนิดราวกับว่ามีคนร่วมโต๊ะเป็นสิบ

“ผมกินได้หมดแหละครับ ผมกินง่ายอยู่ง่าย” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ตักไข่เจียวควันฉุยกลิ่นหอมยั่วน้ำลายมาใส่จานเขา ชายหนุ่มสบตาและยิ้มกลับเป็นการขอบคุณ ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ ในใจนี่อิจฉาจนเดือดปุดๆ

“พี่ปอนด์อยู่คนเดียวเหรอครับ แฟนพี่ล่ะ” แค่กๆๆ ถามอะไรเนี่ย ... ถึงขั้นสำลัก

“แฟนเฟินที่ไหน ไม่มีหรอกพี่อยู่คนเดี๊ยว เหง้าหน้าแบบนี้สาวไหนจะสน” สมการพูดติดตลกแต่อีกฝ่ายไม่ขำด้วย

“ไม่จริงหรอกครับ พี่น่ารักจะตาย” ห๊ะ... อีกแล้ว คราวนี้ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูแล้ว แสดงว่าเขาไม่ได้หูฝาดหรือหูแว่วที่ได้ยินประโยคนี้เมื่อครู่ใหญ่

“พี่เนี่ยนะน่ารัก หึ” สองมือพยายามตักโน่นนี่นั่นไม่ให้คนชมรู้ว่าแอบเขิน แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายก็ตาม

“จริงครับพี่ เชื่อผมเถอะ” ปุลวัชรยิ้มและส่งสายตาแน่วแน่คล้ายจะยืนยันคำพูดของตน สมการได้แต่งุนงงที่อีกฝ่ายชมมาแบบนี้ ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีใครบอกว่าเขาน่ารักเลยสักครั้ง พอมีครั้งแรก ก็ดันออกจากปากผู้ชายหน้าตาดีเสียอย่างนั้น

“กะ กินข้าวเถอะ” ไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร นอกจากนั่งกินเงียบๆ

             มื้ออาหารเย็นจบไปอย่างอึดอัด ชายหนุ่มไม่ชินกับการมีคนอื่นอยู่ในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อนที่แม่ของเขาหอบเสื้อผ้าแล้วหายเข้ากลีบเมฆโดยทิ้งโน้ตสั้นๆไว้บอกว่า ขอไปพักใจสักระยะ ไม่ต้องตามหา ... และมันก็เป็นการพักใจที่ยาวนานเสียด้วย เพราะผ่านไปหลายปีไม่เคยจะมีการติดต่อกลับมาราวกับว่าลืมไปแล้วว่าทิ้งหนี้ให้ลูกชายคนเดียวรับเคราะห์ไปเต็มๆ

“เอ่อ พี่ครับ”

“หือ” สมการสะดุ้งจากเสียงเรียก คงจะสมองแล่นเพลินไปหน่อย

“คือผมจะอาบน้ำ แต่ว่าผม เอ่อ...”

“อ้อ แป๊บนะ พี่ลืมน่ะ ขอโทษที” ครั้งนี้เขาไม่รู้ว่าจะต้องลงน้ำหนักบนเท้าข้างไหนดีเมื่อมันเจ็บทั้งคู่จึงเดินจ้ำไปอย่างไม่สนใจความตึงปวดที่เล่นงานอยู่เข้าห้องนอนชั้นบนสุดแสนรกที่เศษกล้วยเน่าๆถูกเหยียบในตอนเช้ายังคงอยู่ ชายหนุ่มรื้อตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูออกมาให้รุ่นน้องที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก

“เดี๋ยวพี่หาชุดนอนให้ เราน่าจะใส่ของพี่ได้เนาะ ตัวไล่ๆกัน”

“อ่อ ครับ” ปุลวัชรยิ้มรับและเดินเข้าไปในห้องน้ำ เสียงเปิดน้ำดังแว่วมาแต่ไกล สมการนั่งเงียบที่โซฟาปล่อยสมองให้คิดสะระตะไม่มีสาระ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างโงนเงนจึงจำใจลุกไปค้นหาของตามซอกที่คิดว่ามันควรจะอยู่

ก๊อกๆๆ

“ปุนครับ พี่ลืม อะนี่หมวกอาบน้ำ” ชายหนุ่มยื่นหมวกพลาสติกสีหวานที่แม่เคยใช้คลุมกันหัวเปียกจากลิ้นชักในห้องรับแขกมาให้ จังหวะเปิดประตูนั้นก็ไม่เป็นใจจนชนโครมกับประตูเต็มรัก บานประตูห้องน้ำที่มันไม่เคยปิดได้สนิทก็เกิดเปิดกว้าง ภาพร่างกายขาวเนียนเต็มไปด้วยมัดกล้ามเปลือยเปล่าปะทะสายตาเต็มกำลัง ปุลวัชรตกใจอ้าปากค้างสภาพไม่ต่างกับเจ้าของบ้านที่หน้าเกือบคว่ำแต่สายตาทั้งคู่นั้นมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า

“อ๊ากกกกก”

“โอ๊ะๆๆๆๆ ขอโทษๆๆๆๆๆๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจ” สองเสียงประสานกันก่อนที่คนซุ่มซ่ามจะรีบพลิกตัวออกไปอย่างตื่นตระหนก ลมหายใจหอบถี่ไม่เป็นจังหวะทำให้ต้องยืนสงบจิตใจอยู่กับที่นานสองนาน เคราะห์ยังดีที่เจ้าของบ้านไม่ได้ลื่นล้ม แต่ความตกใจของเด็กหนุ่มกับภาพเรือนร่างที่ชวนอิจฉาสลัดไม่หลุด สองขาที่เจ็บหน่วงประท้วงให้ต้องกลับไปนั่งที่โซฟา สมการเกือบจะทึ้งผมตัวเองให้ร่วงเกลื่อน นอกจากจะพาปุลวัชเจ็บตัวแล้วยังไปรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายไปเสียได้ หลังจากหายใจหายคอเป็นปกติก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้จัดที่นอนให้แขกเลยทำให้ต้องฝืนสังขารไปเปิดห้องนอนที่แม่เคยอยู่ที่ชั้นสอง สภาพมันไม่ได้รกเหมือนห้องนอนเขา แต่มันเต็มไปด้วยหยากไย่และฝุ่นเขรอะจากการขาดการดูแลมาตลอด 5 ปี

“หมดกัน ให้นอนในนี้คงไม่ได้” บ่นกับตัวเองเสร็จก็เดินลงมาที่ห้องรับแขก สภาพรกและเลอะเกินเยียวยา ห้องว่างที่อยู่ชั้นล่างนี้ก็เต็มไปด้วยข้าวของที่เก็บไว้ตั้งแต่ปีไหนไม่รู้อัดแน่น สมการจึงตัดสินใจเดินไปเก็บกวาดห้องนอนของเขาที่ยังพอดูได้ เก็บเศษเปลือกกล้วยออก กวาดนิดหน่อยไม่ต้องถูก็พอได้ ห้องนอนที่เขาอยู่เป็นแค่ห้องเล็กๆบรรจุเตียงขนาดหกฟุตก็พอเหลือทางเดินและที่ว่างใส่ตู้เสื้อผ้าที่ปลายเตียง ฝั่งหัวเตียงมีโต๊ะไม้วางคอมพิวเตอร์ที่เขามักจะมาเล่นเกมหรือทำงานก่อนเข้านอน ทางเดียวคืนนี้คือต้องให้ลูกน้องนอนเตียงนี้ ส่วนเขาจะไปนอนโซฟาด้านล่างเสียเอง

             เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำให้สมการตื่นจากภวังค์ ด้วยความซุ่มซ่ามจนก่อเรื่องทำให้ใบหน้าของปุลวัชรดูเขินๆและท่าทางสงบเสงี่ยมมากกว่าเดิมจนน่าอึดอัด ชายหนุ่มยื่นชุดนอนสีพาสเทลให้คนที่เนื้อตัวเปียกหมาดๆอย่างเก้ๆกังๆ ครั้งสุดท้ายที่สมการได้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนอื่นก็สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แต่ด้วยความเป็นผู้ชายและสนิทกันเหมือนเพื่อนจึงไม่รู้สึกเคอะเขินแบบนี้ หากลองคิดในมุมกลับกัน...ถ้าเป็นตัวเขาเองที่ถูกคนแปลกหน้าเปิดประตูห้องน้ำตอนไม่ใส่อะไรเลยก็คงจะกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย

“ดะ เดี๋ยวเรานอนห้องพี่ที่ชั้นสองเลยนะ”

“ละ แล้วพี่ล่ะครับ” เด็กหนุ่มที่สวมกางเกงเสร็จแล้วใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดเส้นผมที่ยังไม่แห้ง กล้ามเนื้อแน่นขนัดชวนอิจฉาขยับไปมาอยู่ในสายตาเจ้าของบ้านเงียบเชียบ นอกจากจะไม่รีบใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหนุ่มยังยืนเปลือยอกต่อหน้าเขาอีกด้วย

“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่นอนที่โซฟาได้ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” สมการรีบพุ่งตัวขึ้นชั้นสอง บ้านหลังนี้มีห้องน้ำสองห้อง ปกติเขาจะใช้ห้องที่อยู่ติดกับห้องนอนตัวเอง ส่วนห้องข้างล่างก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นจนกระทั่งปุลวัชรเป็นคนเข้าไปใช้งานล่าสุดวันนี้

“พี่ยังเจ็บอยู่ ผมนอนโซฟาก็ได้ครับ” เสียงรุ่นน้องตะโกนตามหลัง สมการกระเผลกและลากสังขารป่วยๆเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มก้มมองผ้าพันแผลและเฝือกที่เท้าทั้งสองก็รู้ตัวว่าสภาพนี้คงจะลำบากไม่น้อยในการอาบน้ำ หลังจากเปลื้องผ้าอย่างทุลักทุเลก็เปิดน้ำร้อนพุ่งใส่หน้า หากแต่มันเย็นจนสะดุ้ง สองเท้าที่ไม่สมประกอบจึงเซถลาจนร่างสูงลอยเคว้งและกระแทกกับพื้นเสียงดังลั่น

ปังๆๆๆๆ

“พี่ปอนด์ครับ เป็นอะไรมั้ยครับ” น้ำเสียงคนเคาะประตูห้องน้ำดูร้อนรน สมการพยายามจะส่งเสียงตอบรับแต่ก็ไม่มีคำใดหลุดออกมา ความจุกแล่นพล่านอีกทั้งร่างกายก็เหมือนจะไร้ความรู้สึกไปเสียดื้อๆ สมองสั่งการให้ลุกขึ้นแต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ชายหนุ่มอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก มันทั้งจุกและหน่วง สายน้ำที่ไหลจากฝักบัวใส่กายจนเปียกไปหมด เลือดสีแดงเข้มเริ่มไหลซึมจากผ้าพันแผลเพราะชุ่มน้ำจนแสบไหมหมด

“พี่ปอนด์ครับ พี่ปอนด์” น้ำเสียงร้อนรนของคนที่อยู่หน้าห้องน้ำร้องถาม เสียงจับกลอนประตูโยกไปมาดังแกร็กๆตามด้วยเสียงกระแทกตึงตึง

โครม!

             ประตูห้องน้ำชั้นสองพังครืนด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลของเด็กหนุ่มที่หน้าตาตื่นตกใจ สมการอายจนหน้าแดงจัดแต่ก็ไม่สามารถขยับตัวหนีได้ ร่างสูงของเขาเหยียดยาวเต็มพื้นห้องน้ำ ยังดีที่หัวไม่กระแทกไม่อย่างนั้นคงได้แผลอีกเป็นแน่ สายตาห่วงใยของเด็กหนุ่มยิ่งทำให้เจ้าของบ้านอายแทบจะมุดชักโครกหนี ร่างสูงโปร่งของรุ่นน้องช้อนร่างเปลือยขึ้นราวกับเป็นวัตถุไร้น้ำหนัก เสียงลมหายใจหอบถี่ของเขาประท้วงว่าไม่ๆๆๆๆๆในใจ

...หมดกัน ภาพพจน์กู... สมการคิดอย่างช้ำใจ กรรมตามสนองทันใจเสียจริง ตอนนี้เสมอกันแล้วนะ เห็นกันหมดแล้ว T___T

“เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้พี่ดีกว่านะครับ” ปุลวัชรวางร่างกึ่งเปียกของเขาบนเตียงนอน ชายหนุ่มพยายามดึงผ้าห่มมาปิดร่างแต่ก็เหมือนไร้เรี่ยวแรง เด็กหนุ่มหายไปด้านล่างครู่ใหญ่และกลับมาพร้อมผ้าขนหนูและกะละมังใส่น้ำ

“ย่ะ อย่า...” เจ้าของบ้านพยายามอ้อนวอนห้าม แต่เหมือนมันจะเบาหวิว เด็กหนุ่มจัดการเช็ดตัวของรุ่นพี่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ได้ หากแต่คนนอนป่วยกลับหน้าแดงก่ำด้วยความเขินสุดขีด นึกอยากให้ช่วงเวลานี้มันผ่านพ้นไปเสียที ซอกมุมที่สงวนไว้ให้เนื้อคู่ในอนาคตถูกผ้าขนหนูผืนหยาบไล้ไปทั่ว สองมือพยายามเกาะกุมช่วงกลางลำตัวไว้อย่างไร้ผล ปอนด์น้อยกำลังถูกพรากความสดใสไปด้วยน้ำมือของรุ่นน้องที่ทำงานอย่างแผ่วเบา ถึงอยากจะร้องมันก็ร้องไม่ออก ได้แต่หลับตาและท่องนะโมตัสสะในใจไปเรื่อยๆ

“เดี๋ยวคืนนี้ผมนอนตรงนี้กับพี่ละกันนะครับ เผื่อพี่ป่วยกลางดึกจะได้ดูแลได้” น้ำเสียงของปุลวัชรเอ่ยอย่างอ่อนโยน แต่ในใจของเจ้าของบ้านเดือดปุด นึกตะโกนร่ำร้องว่าไม่ต้องการคนนอนด้วยอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากเลยแม้แต่คำเดียว
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.2 @ 21/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-02-2021 22:42:07
 :katai3:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.2 @ 21/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-02-2021 07:36:11
คนอะไรจะเจ็บตัว ซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้นะ. สมการ.  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.2 @ 21/02/64
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 02-03-2021 20:51:25
ติดตาม-+
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.3 @ 05/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 05-03-2021 15:26:57
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 3. จุดเริ่มต้นของความรู้สึก

             คืนนั้นสมการฝันร้าย ในฝันเขาถูกมือใหญ่ของปุลวัชรลวนลามและหัวเราะเยาะเย้ยกับความซุ่มซ่ามของตนจนต้องกรีดร้องและด่าออกมาดังลั่น เนื้อตัวสั่นเทาเพราะความหนาวยะเยือกในห้วงแห่งฝันร้ายจนต้องดิ้นขลุกขลักเพื่อหาไออุ่นจากผ้าห่มผืนเก่ากลิ่นหืนเพราะไม่ได้ซักมาหลายเดือน แรงขยับยามหลับทำให้สองเท้ากระตุกเพราะความเจ็บจนละเมอน้ำตาไหล ก่อนจะพบความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาและซุกใบหน้าเหยเกนั้นอย่างจงใจ แล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบแบบที่ควรจะเป็น

             เสียงนาฬิกาปลุกในยามเช้าทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งตื่น แขนยาวควานหาต้นตอของเสียงเพื่อปิดมันทิ้ง แต่กลับเจออะไรบางอย่างแข็งๆอยู่ข้างตัวแทน ด้วยความสงสัยจึงรีบขจัดความงัวเงียและลืมตาอย่างเชื่องช้า แสงแดดในยามเช้าสาดเข้ามาทั่วห้องเนื่องจากไม่ได้ปิดม่าน พอสายตาปรับสภาพได้ก็พบว่าเป็นร่องอกขาวเนียนที่เปลือยเปล่าของใครก็ไม่รู้แนบชิดกับจมูกแถมยังส่งกลิ่นหอมเย้ายวนอย่างน่าแปลกอีกด้วย สมการชะงักก่อนจะชักศีรษะออกห่างจากกล้ามสวยนั้น สายตากวาดขึ้นด้านบนพบกับใบหน้าหล่อที่เปลือกตาปิดสนิทลมหายใจราบเรียบ

“เชี่ย” เขาสบถแผ่วเบา พอนึกเรื่องเมื่อคืนได้ก็แทบจะเด้งตัวหนี แต่ฝั่งที่นอนติดกับผนัง แผ่นหลังจึงชนกับมันอย่างจัง

“ตื่นแล้วเหรอครับพี่ เป็นไงบ้างครับยังเจ็บอยู่มั้ย” เด็กหนุ่มลืมตาและเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผาก สมการขยับหนีแต่ก็จนมุมอยู่ที่ผนังห้อง “ไม่มีไข้แล้วนี่นา เมื่อคืนผมเป็นห่วงแทบแย่”

“มะ เมื่อคืน...”

“เมื่อคืนพี่ไข้ขึ้นสูงมากครับ ผมต้องป้อนยาและเช็ดตัวให้ทั้งคืนเลย” เสียงง่วงๆตอบอย่างเหนื่อยล้า ใบหน้าหล่อผุดประกายความเพลียอย่างเห็นได้ชัด

“อะ เอ่อ ขะ ขอบคุณนะ” ชายหนุ่มลดการ์ด ใช้สองมือจับทั่วตัวเพื่อสำรวจ ไม่มีอะไรเสียหาย

“เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ พี่จะลาป่วยมั้ยครับผมจะได้แจ้งคุณนิมิตรให้”

“มะ ไม่ต้องหรอก พี่ไหว”

“ไหวแน่เหรอครับ เลือดยังซึมไม่หยุดเลย ผมว่าพี่ควรไปหาหมอและนอนพักนะครับ”

“โอ๊ย แค่นี้เอง พี่ โอ๊ย!” สมการร้องลั่นเมื่อร่างสูงของปุลวัชรขยับออกจากที่นอนแล้วเกี่ยวเท้าข้างที่เจ็บของตนอย่างไม่ตั้งใจ

“โอ๊ะ ขอโทษครับ” ร่างสูงเปลือยท่อนอกร้องอย่างตกใจ ถึงแม้เตียงจะกว้างแต่เพราะเมื่อคืนมีคนป่วยมาซุกอกทั้งคืนทำให้ระยะห่างลดลงจนลมหายใจรดกันทั้งคืน

“พี่โอเค” เสียงสั่นตอบกลับ แต่ใบหน้าบิดเบ้ฟ้องว่าเจ็บพอสมควร

“เอาไงดี ถ้าปล่อยพี่ไว้แบบนี้ไม่ได้การแน่ๆ” ปุลวัชรเอ่ยออกมาคล้ายกับพูดกับตัวเองมากกว่า

“พี่ไม่เป็นไรหรอก สบายๆ”

“ไม่จริงหรอกครับ เมื่อคืนพี่ละเมอลั่นแถมร้องไห้บ่นเจ็บๆไม่หยุด ผมว่าผมโทรไปหาคุณนิมิตรก่อนดีกว่า” เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจท่าทีห้ามปรามของสมการเลยสักนิด ร่างสูงลุกจากที่นอนไปอย่างรวดเร็วโดยที่เจ้าของบ้านไม่ทันจะรั้งไว้ เสียงคุยโทรศัพท์ดังแว่วมาจากห้องรับแขก พอจับใจความได้นิดหน่อยว่าปุลวัชรจะพาตนไปโรงพยาบาลอีกครั้งและขอลาเพื่อดูแลเขาอีกด้วย

             ถึงแม้จะห้ามเสียงแข็งมากแค่ไหน สุดท้ายสมการก็ต้องยอมจำนนปล่อยให้รุ่นน้องจัดแจงเช็ดตัวให้(แบบไม่โป๊) ก่อนจะเรียกรถแท็กซี่มารับทั้งสองคนไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน สภาพของสมการไม่ได้ย่ำแย่ถึงขั้นจะต้องนอนค้างคืน แต่ก็หนักพอที่หมอจะต้องล้างแผลให้อีกรอบ ฉีดยาแก้อักเสบและให้น้ำเกลือหนึ่งกระปุก กว่าจะกลับบ้านก็บ่ายแล้ว สมการสลบตั้งแต่หัวถึงหมอนปล่อยให้รุ่นน้องทำตัวตามสบายจนถึงค่ำ สุดท้ายปุลวัชรก็ต้องค้างคืนกับเขาอีกหนึ่งคืนอย่างเลี่ยงไม่ได้

“พี่นอนพักก่อนนะครับ ไม่ต้องขยับแล้ว ผมจัดการเอง” รุ่นน้องออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สมการได้แต่จำใจนอนแผ่บนโซฟามองภาพของปุลวัชรที่กำลังเก็บกวาดข้าวของอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สภาพที่รกรุงรังหายวับราวกับธานอสดีดนิ้วทำให้ชวนคิดว่านี่ไม่ใช่บ้านที่เขาเคยอยู่มาก่อนแน่ๆ

จ๊อกกกกกกกกกกกก

“หิวแล้วเหรอครับ ฮ่าๆ รอแป๊บนึงนะครับ อาหารกำลังมา” ปุลวัชรยิ้มโชว์ฟันครบสามสิบสอง ใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งชวนมองขึ้นไปอีก ถึงแม้จะฉายแววเหนื่อยล้าอย่างหนัก ก็แหงล่ะ ไหนจะต้องคอยเฝ้าไข้ ทำกับข้าวและทำความสะอาดบ้านรกๆนี้อีก

“ขอบคุณนะ” สมการไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะทุกอย่างล้วนมาจากตัวเองทั้งสิ้น ทางที่ดีคือต้องอยู่เงียบๆและปล่อยให้รุ่นน้องจัดการทุกอย่างเอง ไม่นานนักเสียงเคาะประตูบ้านก็ดังขึ้นก่อนจะมีร่างที่คุ้นเคยเดินเข้ามาไม่ขาดสาย

“โห หนักเอาการนะเนี่ยพี่สม” วรจักรส่งเสียงทักอย่างเป็นกันเอง แถมมีแววตายิ้มเยาะที่เห็นสภาพของหัวหน้าหนุ่ม

“ผมนึกว่าปุลวัชรโทรมาอำนะเนี่ยตอนที่ขอลางาน ไม่คิดว่าจะได้เห็นสภาพร่อแร่แบบนี้” พี่นิมิตรที่เดินตามมาทักทายขึ้น ใจคอจะยกมากันทั้งบริษัทเลยหรือนี่

“หายไวๆนะครับคุณสมการ ของฝากจากพวกเราครับ” คุณปวรรัชดล หัวหน้าคนใหม่เดินตามมาเป็นคนที่สาม จากประตูบ้านมาที่ห้องรับแขกนั้นสั้นนิดเดียว ทุกคนจึงได้เป็นพยานในสภาพแอ้งแม้งของสมการอย่างชัดเจน

“ทีแรกผมนึกว่าน้องปุนจะสาหัส แต่ทำไมกลายเป็นพี่ได้ล่ะ” อัครเดชถาม ด้วยความที่ยังหนุ่มแน่นจึงไม่ได้คิดถ้วนถี่ก่อน

“พอดีเมื่อคืนพี่ปอนด์ล้มในห้อง...”

“โอ๊ย ไม่เป็นไรแล้วครับ สบายมาก” ชายหนุ่มโพล่งขึ้นมาเสียงดัง ไม่ต้องการให้คนอื่นมารับรู้เรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างเด็ดขาด ก่อนส่งแววตาดุไปข่มรุ่นน้องที่กำลังจัดแจงกับข้าวในห้องครัวอย่างคล่องแคล่วราวกับว่าเป็นเจ้าของบ้าน

“ไม่ต้องรีบสบายหรอกคุณสมการ ช่วงนี้ก็พักผ่อนไปก่อน ค่อยกลับไปทำงานตอนหายดีแล้วก็ได้” เสียงพี่นิมิตรพูด

“ใช่ครับ ช่วงนี้ผมจะคอยช่วยดูแลทีมไปก่อนเอง” ปวรรัชดลสมทบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“ไม่ได้หรอกครับ ช่วงนี้ยอดขายไม่ดี ผมไม่กล้าลางานหลายๆวันหรอกครับ”

“ห่วงตัวเองก่อนมั้ยพี่สม อย่าเพิ่งรีบหาย ถ้าเกิดทรุดขึ้นมาใครจะดูแล” วรจักรปราม

“ว่าแต่น้องปุนจะอยู่ดูแลพี่สมจนหายเลยมั้ย” อัครเดชถามรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาทำงาน

“เอ่อ ไม่ดีมั้ง น้องเพิ่งมาทำงาน เดี๋ยวไม่ผ่านโปร” สมการตอบด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วงเรื่องประเมินหรอก ปุลวัชรน่ะเป็นลูกน้องคุณ จะผ่านหรือไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับคุณนั่นแหละ” นิมิตรตอบเพื่อบรรเทาความกังวลของลูกน้อง “ช่วงที่ลาเนี่ยก็สอนงานน้องเค้าไปด้วยสิ จะได้ไม่เสียเวลา”

             หลังจากทุกคนกลับกันหมดแล้ว บ้านที่เคยครื้นเครงก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง สมการนอนแผ่บนที่นอนหลังจากถูกรุ่นน้องหน้าหล่อจัดการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อย่างไม่เคอะเขิน ผิดกับเขาที่อายแล้วอายอีก ไม่ชินกับการถูกดูแลแบบนี้เลยสักนิด ยังดีที่เด็กหนุ่มไม่ได้ช่วยเปลี่ยนกางเกงในให้อีก ไม่อย่างนั้นคงจะโวยวายไม่หยุด

“คืนนี้ผมขอนอนกับพี่อีกคืนนะครับ เผื่อพี่ป่วยกลางดึก” ปุลวัชรเดินเปลือยท่อนบนเข้ามาในห้องนอนอย่างเงียบเชียบ เจ้าของบ้านที่เกือบจะหลับกลับมาลืมตาอีกครั้ง

“อื้อ” ด้วยความเจ็บและอาการง่วงจากฤทธิ์ยาทำให้คนป่วยตอบได้แค่นี้ ไม่สนใจเตียงที่ไหวยวบยาบจากน้ำหนักที่กดลงมา ไอเย็นจากร่างกายที่เพิ่งอาบน้ำมาชวนให้ผ่อนคลายเพราะเนื้อตัวของสมการร้อนเพราะพิษไข้ เมื่อสติเลือนลางจนไม่อาจต้านทานได้ ร่างสูงจึงขยับมาซุกแนบหน้าอกแน่นอีกเช่นเคย กลิ่นสบู่อ่อนๆและความเย็นที่ส่งมาทำให้หายครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างน่าประหลาด ปุลวัชรมองภาพของบุรุษหนุ่มอย่างพึงพอใจ ริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีความสุขที่ถูกคนป่วยเบียดเข้าหาจนแนบชิด เสียงหัวใจเต้นโครมครามดังกลบเสียงลมหายใจของคนที่นอนหลับ มือใหญ่ลูบเส้นผมแผ่วเบา เสียงครางอื้อเบาๆในลำคอบ่งบอกว่าพอใจที่มีคนทำแบบนี้ นิ้วเรียวไล้เรื่อยไปกับกรอบหน้าของคนที่บอกใครต่อใครว่าขี้เหร่อย่างห่วงใย จิตใจที่เคยว่างเปล่ากลับพองโตด้วยความรู้สึกดีอย่างไม่เคยมีมาก่อนแทบล้นทะลัก

“ทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้นะพี่ปอนด์” ปุลวัชรแนบฝ่ามือบนแก้มร้อนผ่าว ลมหายใจราบเรียบพ่นใส่ทรวงอกอย่างหวิวโหวง เด็กหนุ่มที่ไม่คิดจะตกหลุมรักใครกลับใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ในความมืดคนเดียวเนิ่นนาน ใครเล่าจะคาดเดาได้ว่าวันหนึ่งเขาจะตกหลุมรักชายแท้คนหนึ่งที่เพิ่งพบกันแค่ 2 วันเท่านั้น ... พรหมลิขิต หรือ อะไรกันแน่นะ ที่ทำให้เป็นเช่นนี้

#### ####

             เช้าวันที่ 3 ของการอยู่ด้วยกัน(นับรวมวันแรกที่ซุ่มซ่ามทำเขาบาดเจ็บไปด้วยแล้ว) สมการตื่นมาด้วยอาการขาดน้ำ คอแห้งผากจนเสียงแหบแห้ง ร่างแน่นที่นอนหลับสนิทเปลือยท่อนอกเหมือนเมื่อคืนถูกปลุกตามแรงเขย่า แววตาที่มองตนดูแวววาวไม่เหมือนเดิมจนสมการรู้สึกแปลกใจ แต่ด้วยความที่ไม่ใช่คนคิดมาก(เข้าขั้นซื่อบื้อ)จึงไม่สังเกตหรือนำไปต่อยอด

“พี่ปอนด์หิวมั้ยครับ” ชายหนุ่มมองนาฬิกาบนหน้าปัดมือถือ

“เชี่ย แปดโมงครึ่ง สายขนาดนี้แล้ว พี่นิมิตรด่าแน่ๆ” ก่อนจะผุดลุก ร่างสูงก็ล้มลงไปนอนต่อเพราะความเจ็บ ใบหน้าบิดเบ้คงตลกมากจนทำให้รุ่นน้องที่นอนตะแคงมองอาการอยู่ข้างๆยิ้มราวกับกำลังเยาะเย้ย

“ผมโทรไปขอลางานเพิ่มให้แล้วครับ พี่ไม่ต้องห่วงนะครับพี่ปอนด์ พักผ่อนเยอะๆ”

“หืม ลางานแล้ว ตะ แต่...”

“พี่นิมิตรบอกว่าให้พี่ห่วงตัวเองก่อนจะห่วงอย่างอื่นครับ” ความจริงคือคุณนิมิตรพูดว่า ... บอกให้มันเอาตัวให้รอดก่อน เรื่องอื่นไม่ต้องห่วง ไม่มีมันก็ขายได้ ... แต่ปุลวัชรเลือกจะพูดด้วยคำที่สุภาพมากกว่าเพื่อรักษาน้ำใจเจ้าของบ้านตัวโต

“อ่า เหรอ” สมการนอนนิ่ง มองเพดานที่คุ้นเคยอย่างไม่คุ้นชิน ปกติตื่นมาจะมีแค่เขาเท่านั้น แต่สองสามวันนี้ไม่ใช่

“งั้นเดี๋ยวผมลงไปทำอะไรให้พี่ทานดีกว่า” ร่างของเด็กหนุ่มพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนเจ้าของบ้านไม่อาจส่งเสียงห้าม เขาจึงใช้เวลานี้นอนต่ออีกหน่อย อาการบาดเจ็บทำท่าจะแสดงแสนยานุภาพอีกครั้ง ความปวดร้อนใต้ฝ่าเท้าที่ถูกแก้วบาดเจ็บหน่วง ทางที่ดีคือต้องนอน

             ปุลวัชรฮัมเพลงตั้งแต่เดินลงบันไดจนกระทั่งถึงห้องครัว ถึงแม้จะเพิ่งมาอยู่ไม่นานแต่ก็แอบสำรวจบ้านหลังนี้ได้ครบแล้วตอนที่รุ่นพี่นอนหลับเพราะฤทธิ์ยา ห้องครัวที่เคยรกก็ถูกจัดใหม่ให้เป็นระเบียบ ถึงแม้ครอบครัวของเขาจะมีฐานะ มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดให้เสมอแต่นิสัยรักสะอาดมันสืบทอดมาทางสายเลือด ปุลวัชรมักจะทนไม่ได้ที่เห็นความไม่เป็นระเบียบ เมื่อวานนี้จึงใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายจัดการทำความสะอาดยกใหญ่ เป็นเหตุให้แขกที่มาเยือนต่างตกใจในความเป็นระเบียบเรียบร้อยที่ไม่เคยมีมาก่อน รุ่นพี่อย่างพี่วรจักรถึงขั้นยุแยงพี่สมการให้ชวนเขามาอยู่ด้วยอย่างเป็นทางการเสียที

“มึงถามน้องเค้าเถอะ อยากมาอยู่กับกูมั้ย” เสียงของเจ้าของบ้านตอบกวนๆกับพี่วรจักร

“อยากมั้ยล่ะปุน”

“ผมยังไงก็ได้ครับ แต่กลัวจะรบกวนพี่ปอนด์มากกว่า ผมเกรงใจ” เด็กหนุ่มสมบทรุ่นน้องแสนดีมีมารยาทแตกกระจุย

“โอ๊ย พี่ไม่มีปัญหาหรอก อยากอยู่ก็อยู่เลย” พี่สมการตอบ เขาต้องกดอาการดีใจแบบลิงโลดไว้มิดชิด

             ตู้เย็นที่เคยว่างเปล่าเต็มไปด้วยของสดหลากหลายชนิด โชคดีที่ปุลวัชรชื่นชอบการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ฝีมือเข้าขั้นดีที่ใครชิมก็ติดใจ แต่น้อยครั้งนักเขาจะลงมือเข้าครัวเพราะที่บ้านมีคนคอยดูแล สมัยเรียนก็ไม่ได้มาอยู่หอพักเลยสักครั้งเนื่องจากมีคนขับรถรับส่งทุกวัน ต่อให้ติดงานหรือต้องอยู่ดึกแค่ไหน แม่ก็ไม่ยอมให้นอนค้างอ้างแรม ยกเว้นครั้งนี้ที่พ่อกับแม่ไปเที่ยวพอดีพอเหมาะ มันเหมือนพรหมลิขิตชัดๆ

“ฮ้าววววว ทำอะไรครับ” เสียงห้าวๆของเจ้าของบ้านทักมาจากด้านหลัง ชายหนุ่มหันขวับไปสำรวจสภาพคนเจ็บที่สวมเสื้อยืดเก่าย้วย กางเกงผ้าขาสั้นหลวมๆสวมทับบ็อกเซอร์ ใบหน้าย่นยับหัวฟูกระเซิงไม่เป็นทรงช่างเหมาะเป็นสภาพคนโสด ยกเว้นสองเท้าที่ข้างหนึ่งเข้าเฝือก อีกข้างหนึ่งถูกพันแน่นด้วยผ้าพันแผล

“ตื่นแล้วเหรอครับพี่ปอนด์ ผมทำหมูกระเทียม ผัดผักบุ้งและข้าวต้มกุ๊ย พี่อยากทานอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”

“พูดธรรมดาก็พอไม่ต้องพิธีรีตรองหรอก แค่นี้ก็โอเค พี่ไม่เรื่องมาก” ชายหนุ่มตอบพลางเกาหน้าท้องอย่างไม่อายสายตาอีกฝ่าย เสื้อยืดย้วยๆมันยกขึ้นโชว์แนวกล้ามจนปุลวัชรต้องกลืนน้ำลาย ... คนอะไร โคตรเซ็กซี่เลย ... เด็กหนุ่มคิดในใจ

“พี่เดินไหวมั้ย เดี๋ยวผมช่วยพยุงไปห้องน้ำ”

“ไม่ต้องๆ พี่เดินได้ สบ๊าย” แต่พอลงน้ำหนักก้าวที่สอง ร่างสูงก็แทบทรุดจนอีกคนต้องรีบไปหิ้วปีก

“ไหนบอกสบายไงครับ มา ผมช่วย” ปุลวัชรยกแขนอีกคนพาดไหล่ของตน

“ไหวๆ เมื่อกี้เมาขี้ตา” นอกจากจะไม่ยอมรับแล้วยังเล่นมุกอีก

ปุลวัชรเลยปล่อยแขนออกผลที่ได้คือร่างสูงโงนเงนแทบร่วงอีกครั้ง “เจ็บก็บอกสิครับ มาผมช่วย”

“แกล้งพี่เหรอวะ ร้ายนักนะเรา ฮ่าๆๆๆ” ปุลวัชรมองใบหน้ายิ้มแย้มนั้นด้วยความหวั่นไหว ใบหน้าไร้เดียงสาของคนอายุเข้าเลข 3 กระตุ้นให้หัวใจเต้นโครมครามแทบหลุดออกมากองกับพื้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของร่างสูงลอยเข้าจมูกยิ่งทำให้ใจสั่น ใบหน้าแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้

“อ้าว ไข้ขึ้นเหรอ ทำไมหน้าแดงๆ” สมการหันมาถาม ใบหน้าเหรอหรายิ่งชวนขัน

“ปละ เปล่าครับพี่”

“ไข้กลับรึเปล่า ยังเจ็บแผลอยู่มั้ย” มือใหญ่ข้างที่ว่างมาแตะเข้าที่หน้าผากรุ่นน้องที่ส่วนสูงเป็นรองไม่กี่เซ็นติเมตร ลมหายใจของเด็กหนุ่มหอบถี่ราวกับจับไข้ ใบหน้าแดงระเรื่อหนักกว่าเดิมจนน่าเป็นห่วง

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เดินดีๆเดี๋ยวชนประตู” ปุลวัชรแสร้งพูด ร่างสูงของทั้งคู่เดินขึ้นบันไดจนมาถึงหน้าห้องน้ำชั้นสอง “พี่แปรงฟันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจัดโต๊ะเสร็จจะขึ้นมาพยุงพี่ไปกินข้าว”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ลงไปเอง”

“อย่าดีกว่าพี่ สภาพตอนนี้ตกบันไดมาไม่คุ้ม”

“โห เรานี่แม่ง ใจดีว่ะ ขอบใจที่ห่วงพี่นะ”

“เปล่า ผมกลัวบันไดพัง”

“อะ ไอ้ปุน”

“ฮ่าๆๆๆ ผมล้อเล่นครับ รีบแปรงฟันเถอะครับ เดี๋ยวผมมารับ”

             สมการกระเผลกมาที่อ่างล้างหน้า ห้องน้ำสะอาดผิดตามีอุปกรณ์ครบครันวางเรียงเป็นระเบียบ แปรงฟันอันใหม่ของรุ่นน้องถูกห้อยบนที่แขวนอยู่ข้างกันดูแปลกตา ชายหนุ่มพยายามอย่างหนักที่จะไม่ลงน้ำหนักที่เท้าทั้งสองข้างแต่มันก็ยากเย็นกว่าที่คิด ข้างหนึ่งก็ใส่เฝือก อีกข้างก็เจ็บหนึบ สมการเลือกจะลงน้ำหนักข้างที่ใส่เฝือกและแปรงฟันอย่างลวกๆ

“หือ ขี้ตาเม็ดเบ้อเร่อเลย” ชายหนุ่มปล่อยมือข้างที่จับขอบอ่างมาแคะอย่างลืมตัว เป็นผลให้ร่างกายที่เอนเอียงอยู่แล้วเซถลา

“หวาๆๆๆๆๆๆๆๆ” โครม! นั่นไง อยู่ดีไม่ว่าดี ก้นจ้ำเบ้ากับชักโครกซะงั้น

“พี่ปอนด์เป็นอะไรครับ” น้ำเสียงร้อนรนของรุ่นน้องดังมาแต่ไกล สมการได้แต่คิดว่าไอ้นี่มีหูทิพย์หรืออย่างไร แค่แรงกระแทกเบาๆยังไอ้ยินซะงั้น

“มะ ไม่เป็นไร พี่โอเค” แต่สภาพของเขาไม่ได้บอกอย่างนั้น ดีที่เบาะชักโครกมันรับร่างเขาได้พอดีไม่งั้นคงก้นจ้ำเบ้าลงพื้นอีกรอบ

“ผมว่า ให้ผมช่วยดีกว่า” ปุลวัชรที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาหลังจากจัดโต๊ะกับข้าวเสร็จได้ยินเสียงล้มจึงรีบทะยานตัวมาหา ร่างสูงของรุ่นพี่นั่งกับชักโครกโดยมีแปรงฟันกลิ้งตกเบื้องหน้า ฟองขาวเต็มปากเลอะแก้มอย่างน่าสงสาร สองมือใหญ่หนาคว้าไขว่อากาศในท่าค้างไว้เหมือนกำลังจะออกท่าทางร้องเพลงของนักร้องดังบนเวทีคอนเสิร์ต เด็กหนุ่มเก็บแปรงสีฟันมาล้างแล้วแขวนเก็บเข้าที่ก่อนจะเปิดน้ำใส่แก้วพลาสติกที่เอามาสำรองจนเต็มยื่นให้คนที่นั่งที่เดิมบ้วนปาก

“อยู่เฉยๆครับพี่ปอนด์ ทำเองเจ็บเองไม่หายซักทีนะครับ” ปุลวัชรหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่แขวนไว้อยู่แล้วมาชุบน้ำและเช็ดทั่วหน้าคนซุ่มซ่ามที่พยายามส่งเสียงห้ามและจะทำเองจนต้องดุ

“ก็พี่ไม่ได้เป็นง่อยนี่หว่า”

“เกือบแล้วพี่ ต่อไปนี้ให้ผมคอยช่วยดีกว่า พี่จะได้ไม่เจ็บตัวอีก เจ็บอีกก็ลำบากผมอีกนะครับ พี่โอเคใช่ไหม”

“อึ๊” ชายหนุ่มส่ายหัวบอกว่าไม่ยอม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมีแต่จะสร้างภาระให้อีกคนจึงยอมจำนนให้รุ่นน้องเช็ดหน้าจนเสร็จ

“พี่ปอนด์จะล้างด้วยเจลล้างหน้ามั้ยครับ” เด็กหนุ่มถามติดตลกคล้ายจะล้อเลียนมากกว่าจะจริงจัง

“ไม่ครับ” ปกติล้างแค่น้ำเปล่า ไอ้เจลล้างหน้าราคาแพงน่ะของปุลวัชร ขืนเอามาใช้คงหมดครึ่งหลอดเป็นแน่ (หน้าเขาใหญ่)

“โอเค เสร็จแล้ว ลุกไหวมั้ยครับ ลงไปกินข้าวกัน” ร่างสูงขืนตัวลุกโดยมีแรงฉุดจากอีกคน ช่วงนี้พวกเขาแนบชิดกันบ่อยครั้งเกินไปแล้ว แต่สมการก็ต้องยอมเพราะสภาพยังเป็นภาระคนอื่นอยู่ แต่อีกคนกลับมีสีหน้าเบิกบานอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมถึงชื่นชอบการดูแลคนป่วยได้ถึงเพียงนี้

             วันนั้นทั้งวัน สมการได้แต่นอนซมเพราะพิษไข้ ถึงแม้จะเกรงใจรุ่นน้องอย่างปุลวัชรมากแค่ไหนก็ต้องยอมนอนนิ่งๆให้อีกคนคอยเช็ดตัว หาข้าวหายามาให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ผิดกับรุ่นน้องที่ควรจะเจ็บแผลแตกที่อาการสดใสร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังคอยอยู่ข้างตัวไม่ไปไหน ตื่นมาทีไรก็เห็นใบหน้าที่เริ่มคุ้นเคยอยู่ข้างๆจนเจ้าของบ้านแปลกใจว่าคนอะไรจะใส่ใจคนอื่นได้มากถึงเพียงนี้

“ตื่นแล้วเหรอครับพี่ปอนด์ เมื่อกี้พี่ดลโทรมาถามอาการพี่น่ะครับ”

“อ้อ ละแล้ว...” สมการขยี้ตาเบาๆเพื่อไล่ความง่วง อาหารปวดที่เท้าพอทุเลาไปบ้างแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บ

“ผมตอบแกไปแล้วว่าพี่ไข้ขึ้น แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะครับ พี่จักรกับพี่เดชจัดการได้” ปุลวัชรตอบด้วยน้ำเสียงเบิกบาน หากแต่ในใจไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขานึกย้อนถึงบทสนทนาที่หัวหน้าแผนกคนใหม่โทรมาได้อย่างชัดเจน

[ฝากดูแลด้วยนะครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็โทรมาได้ตลอด]

“ขอบคุณมากครับคุณดล ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลย” ปุลวัชรเน้นสามพยางค์สุดท้ายหนักๆ รู้สึกไม่ชอบมาพากลที่คนอย่างคุณปวรรัชดลถึงขั้นโทรมาถามอาการได้ทุกวันด้วยน้ำเสียงห่วงใยจนปิดไม่มิด

[ถ้างั้นผมก็เบาใจ] แล้วสายก็ตัดไป โดยไม่มีคำถามว่าอาการของเขาเป็นอย่างไรบ้างเลยสักคำ ทั้งๆที่บาดแผลที่ศีรษะยังไม่หายดีด้วยซ้ำ .... คุณปวรรัชดลคนนี้ ไม่น่าไว้ใจ .... ปุลวัชรคิดในใจ ก่อนปิดมือถือของสมการอย่างถือวิสาสะ

“ขอบใจมากนะปุนที่คอยดูแลพี่” เสียงของพี่สมการดึงเด็กหนุ่มกลับสู่ปัจจุบัน ร่างสูงนอนราบบนโซฟาในห้องรับแขกเริ่มขยับ

“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมเต็มใจ” ปุลวัชรยิ้ม ช่วยประคองคนตัวสูงให้นั่งในท่าที่สบาย “หิวมั้ยครับ ผมทำก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นไว้ พี่จะกินเลยมั้ย” ถึงจะมีคนโทรมาไม่ขาดสาย แต่ตอนนี้คนที่ได้อยู่ใกล้กับสมการคือเขา เด็กหนุ่มไม่ลังเลที่จะทำคะแนนไปเรื่อยๆอย่างเงียบๆ ท่าทางของเจ้าของบ้านยังไม่รู้ตัวว่ากำลังมีรุ่นน้องเพศเดียวกันแอบส่งใจให้เงียบๆ

“ห๊ะ คนอะไรจะเก่งรอบด้านขนาดนี้ ทำเป็นด้วยเหรอวะ” น้ำเสียงตื่นเต้นนั้นไม่ได้เสแสร้ง คงเพราะไม่เคยเจอคนที่ทำอาหารเป็นมาก่อนล่ะมั้ง

“โหพี่ เมนูง่ายๆเอง กินยาก่อนอาหารก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปตักมาให้” สมการพยักหน้ารับ ถึงแม้จะค่อนข้างเกรงใจที่อีกคนคอยดูแลไม่ห่าง ต่อให้ปฏิเสธอีกฝ่ายยังดื้อดึงจะทำเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงปล่อยเลยตามเลยไปก่อน รอให้อาการบาดเจ็บดีขึ้นกว่านี้ค่อยดูแลตัวเองยังไม่สาย ที่ควรทำตอนนี้คือต้องไม่สร้างปัญหาให้น้องปุนเพิ่มอีก ลำพังเขาเจ็บตัวเพิ่มไม่น่าห่วง แต่การรบกวนรุ่นน้องตลอดเวลามันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำไม่ใช่หรือ ... สมการคิดเช่นนี้ได้ก็ปลงใจ มีคนดูแลก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียวนะ
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.3 @ 05/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-03-2021 23:11:27
 :katai3:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.3 @ 05/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-03-2021 23:28:36
ความโก๊ะทำให้น้องเค้าหลงสเน่ห์สินะ.  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.3 @ 05/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 07-03-2021 09:01:46
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.4 @ 15/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 15-03-2021 15:56:32
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 4. วันทำงาน

              หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป 1 อาทิตย์ อาการบาดเจ็บของสมการก็เริ่มหายดีจนเห็นได้ชัด ถึงแม้จะเป็นผลพวงมาจากความมักง่ายและซุ่มซ่ามของตัวเองก็ตาม แต่รุ่นน้องอย่างปุลวัชรก็อยู่ดูแลเป็นอย่างดี จนท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็จับพลัดจับผลูตกลงที่จะอาศัยร่วมบ้านกัน โดยชายหนุ่มคิดค่าเช่าบ้านแค่เดือนละ 3,000 บาทไม่รวมค่าน้ำและค่าไฟ ซึ่งเป็นราคาที่ถูกจนรุ่นน้องต้องขอจ่ายเพิ่ม แต่เจ้าของบ้านก็ละอายใจเกินกว่าจะทำเช่นนั้น

   หลังจากไปตัดไหมเย็บแผลที่หัว ปุลวัชรก็สามารถสระผมได้เสียทีหลังจากหมักหมมมาหลายวัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะแอบใช้น้ำราดเส้นผมเป็นประจำก็ตามที คนรักสะอาดอย่างปุลวัชรทำใจไม่ได้ที่ตัวเองจะหมกเชื้อโรคไว้ ถึงแม้มันอาจจะกระทบแผลแตกก็ตามที หลังจากแกะผ้าพันแผลออกพร้อมกับคำบ่นชุดใหญ่จากคุณหมอเจ้าของไข้เนื่องจากแผลไม่แห้งสนิทเหมือนที่ควรจะเป็น แต่สุดท้ายปุลวัชรก็เป็นอิสระ แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ค่อยชอบใจนักที่รอยแหว่งจากการถูกโกนก่อนจะเย็บแผลนั้นชัดเกินไป ถึงแม้ทรงผมจะยาว แต่ก็ปิดรอยได้ไม่มิดอยู่ดี

“พี่สม คุณอังกูลโทรมาสายสองครับ” สมการดึงสายมาแนบหู ลูกค้ารายใหญ่ที่เขาตามเทียวไล้เทียวขื่อให้สมัครเมื่อปีที่แล้วมักจะมีปัญหาในเรื่องการใช้งานอยู่เสมอ ด้วยความที่คุณอังกูลจับธุรกิจหลายอย่าง จึงไม่ได้ดูแลการใช้งานของมันนี่โฟลว์ด้วยตนเอง พอพนักงานลาออกก็จะโทรหาชายหนุ่มเสมอเพื่อขอให้ไปเทรนการใช้งาน โดยปกติแล้วทางบริษัทจะมีการเทรนลูกค้าแค่ครั้งแรกตอนที่ซื้อระบบไปใช้เท่านั้น เพราะทุกอย่างมันคือค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องออกไปสอนที่ต่างจังหวัดอย่างกรณีคุณอังกูลด้วยแล้ว ทางเจ้านายจะเพ่งเล็งมากขึ้นเนื่องจากมันก่อให้เกิดต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

“สวัสดีครับคุณอังกูล” ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าลูกค้ารายนี้ต้องการอะไร สมการเคยไปสอนการใช้งานมาแล้วสองสามครั้งตั้งแต่ขายระบบออกไป โดยเขาเคยเสนอเรื่องการสอนออนไลน์ผ่านโปรแกรมวีดีโอคอล แต่ทางโน้นไม่ยินดีที่จะทำตามโดยให้เหตุผลว่าอินเตอร์เน็ตไม่เสถียร ท้ายที่สุดสมการก็ต้องหาเวลาไปหาอยู่ดี

“เจ้าเก่าเจ้าเดิมอีกล่ะสิพี่สม” วรจักรคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้อยู่แล้วจึงไม่แปลกใจนัก

“เออดิ เอาไงดีวะ พี่นิมิตรไม่ยอมแน่”

“พี่ลองคุยกับคุณปวรรัชดลก่อนมั้ย รายนั้นอาจจะยอมก็ได้นะ” วรจักรออกไอเดีย

“เออ จริงว่ะ ขอบใจมากไอ้กงจักร” สมการผุดลุกเดินกระเผลกไปเคาะห้องเจ้านายคนใหม่ ถึงแม้จะแกะผ้าพันแผลออกแล้ว แต่หมอยังให้ใส่เฝือกต่อไปอีกหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้มั่นใจว่าหายขาดแล้วจริงๆ

“เอ่อ พี่ดลว่างมั้ยครับ ผมขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม” เจ้าของห้องทำงานส่วนตัวหันมามองใบหน้าคนที่เพิ่งเคาะและเปิดประตูเข้ามาแล้วพยักหน้าแทนคำตอบ ร่างสูงที่เดินโยกเยกมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามฉีกยิ้มให้ก่อนจะเข้าเรื่องทันที

“ไม่ได้”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ” สมการหน้าเจื่อน ไม่คิดว่าเจ้านายคนใหม่จะบอกปัดเร็วขนาดนี้

“คุณก็รู้ว่าทำไมไม่ใช่เหรอครับคุณสมการ ทำแบบนี้มันก่อให้เกิดต้นทุนจมนะ” น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้ตำหนิ แต่มันก็เป็นความจริงที่ชายหนุ่มพยายามมองข้าม

“ตะ แต่...”

“ไม่มีแต่ เว้นแต่ว่าคุณจะออกค่าใช้จ่ายเอง ผมถึงจะอนุญาตให้ไปเทรนได้ในวันธรรมดาโดยไม่หักเป็นวันหยุด” มาไม้นี้สมการคิดหนัก ลูกค้าอยู่ไกลถึงเชียงใหม่ ถ้าจองตั๋วเครื่องบินระยะกระชั้นชิดแบบนี้คงแพงหูฉี่ พนักงานบริษัทตาดำๆอย่างเขาก็ได้แต่คอตก ก่อนจะรับคำว่าจะออกเงินค่าตั๋วและที่พักเอง เจ้านายจึงมีทีท่าอ่อนลง

“คุณจะไปวันไหน”

“เดี๋ยวผมขอถามคุณอังกูลก่อนครับว่าสะดวกวันนี้หรือพรุ่งนี้”

“ได้ ยังไงก็แจ้งผมด้วยนะ”

“ครับพี่ดล” สมการค่อยๆยืนก่อนเดินจ้ำออกจากห้องทำงานอย่างไม่สนใจสภาพเฝือกที่ขา เมื่อเดินมาถึงโต๊ะทำงานด้วยใบหน้าหงอยเหงา ลูกน้องก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ยอมสินะ” วรจักรถาม

“เออสิ” สมการหย่อนก้นลงนั่ง โต๊ะทำงานของเขาหันหน้าไปทางลูกน้อง มีวรจักรนั่งอยู่ด้านหน้าซ้ายมือ(หันหลังมาทางสมการ) ขวามือเป็นปุลวัชร อัครเดชนั่งด้านหน้าของวรจักรในแถวที่สอง โดยมีโต๊ะทำงานว่างอยู่ถัดออกไป นี่คือแผนกที่สมการดูแลด้านการขาย พ้นระยะนี้จะเป็นพาร์ทิชันกั้นโซนสำหรับหน่วยงานหลังบ้านอย่างแอดมิน บัญชีและอื่นๆ พอสงบจิตใจได้ก็ต่อสายไปหาลูกค้าทันที

“วันมะรืนว่างมั้ยจักร ไปเชียงใหม่กัน” หลังจากวางสาย สมการก็หันไปถามลูกน้องคนสนิท เนื่องจากวรจักรมีรถยนต์หากชวนไปด้วยน่าจะประหยัดค่าตั๋วไปสักนิดหน่อย ต้องยอมเสียเวลานั่งรถนิดหน่อยเพื่อลดเม็ดเงินที่ต้องเจียดมาใช้กับงาน

“ไม่ว่างว่ะพี่ ผมมีไปหาลูกค้าที่พัทยาสามวันยาวถึงวันเสาร์ ให้ไอ้เดชไปแทนได้มั้ย”

“ผมไม่ว่างเหมือนกันพี่ วันศุกร์มีเทรนลูกค้า” อัครเดชรีบตอบขึ้นมา สมการหันไปมองตารางการทำงานบนไวท์บอร์ดที่เขียนนัดหมายต่างๆเอาไว้แล้วอย่างปลงตก

“พี่ก็โซโล่เลยดิ นั่งเครื่องไป”

“ตั๋วแพงว่ะไอ้จักร พี่เช็กแล้วเนี่ย”

“พี่ก็ให้คุณอังกูลออกค่าตั๋วให้ดิ”

“ไอเดียดีว่ะ ขอบใจมาก” สมการยิ้มแก้มปริก่อนต่อสายไปหาลูกค้าอีกครั้ง ปุลวัชรที่นิ่งเงียบตั้งแต่แรกรอเวลาจนกระทั่งเจ้านายวางสายจึงเอ่ยปากขึ้นมา

“ผมขอไปด้วยได้มั้ยครับพี่ปอนด์ ผมอยากจะไปเรียนงานด้วย”

“ไม่ต้องหรอก มันไกล ไปเรียนกับไอ้จักรหรือไอ้เดชดีกว่า” สมการตอบแบบไม่คิดอะไร แต่สีหน้าของคนถามเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด วรจักรที่พอจะรู้อะไรเป็นอะไรก็ยิ้มกริ่มก่อนจะบอกปัด

“ผมไปกับแฟนพี่ ไม่สะดวกเอาคนอื่นไปด้วย ส่วนของไอ้เดชมันไม่ยากเหมือนเคสคุณอังกูลหรอก เอาไอ้ปุนไปด้วยแหละพี่ น้องมันจะได้เป็นงานไวๆ” พูดจบก็ขยิบตาให้กับรุ่นน้องที่ทำหน้าพึงพอใจอยู่ เด็กหนุ่มกดส่งข้อความขอบคุณและสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่

             ถ้าถามว่าใครเป็นคนที่หูตาไวที่สุดในแผนก คำตอบง่ายๆคือ วรจักร ด้วยความที่เป็นคนช่างพูด ขี้เล่น เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ทำให้บรรยากาศรอบๆตัวของผู้ชายคนนี้มีแต่ความสดใส ถึงแม้จะพูดมากจนสมการดุหลายต่อหลายครั้ง แต่นิสัยที่ช่างสังเกตคนอื่นอยู่เสมอทำให้โกรธไม่ลง และแน่นอนว่าท่าทีของพนักงานใหม่ที่ชื่อ ปุลวัชรก็ไม่รอดพ้นสายตาของชายคนนี้ไปได้

             เรื่องมันเริ่มต้นในวันที่สมการอาการดีพอที่จะเข้าออฟฟิศได้แล้ว ชายหนุ่มเดินมาพร้อมกับพนักงานใหม่หน้าตาหล่อเหลาคอยประคองไม่ให้ล้มหรือกระแทก ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหน ปุลวัชรก็คอยเดินตามเป็นเงาตามตัวอยู่อย่างนั้น แถมคนที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบแบบสมการกลับมีชุดทำงานที่เรียบกริบ และมีข้าวกล่องน่ากินมาที่ทำงานด้วยทุกวันไม่ขาด เมื่อสอบถามก็พบว่าปุลวัชรเป็นคนทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้าและทำกับข้าวให้ ถึงมันยากที่จะเชื่อว่าคนที่ภายนอกดูเสเพลแบบนั้นจะทำได้ถึงขนาดนี้ แต่ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือของเจ้านายก็พิสูจน์ได้ว่ามันคือเรื่องจริง

             แต่คำถามคือ...อะไรคือแรงบันดาลใจให้ปุลวัชรทุ่มเททำถึงขนาดนี้...

“ถ้าไม่ตอบตามตรง พี่จะไม่ช่วยเรา” วรจักรดักทางเด็กหนุ่มไว้ ต่อให้ฉลาดมากแค่ไหนแต่กระดูกก็คนละเบอร์อยู่ดี

“ก็” รุ่นน้องทำท่าอึกอักเมื่อถูกคำถามจี้จุด แต่ด้วยความที่อยากใกล้ชิดหัวหน้าหนุ่มมากกว่านี้จึงยอมสารภาพ “ผมชอบพี่ปอนด์ครับ อยากจีบแก”

“โอ๊ย ไปทำบุญบ้างนะเราน่ะ เกิดอาเพศอะไรเนี่ยถึงไปตกหลุมพี่สม รายนั้นนอกจากจะซุ่มซ่ามแล้วยังซื่อบื้ออีกต่างหาก แถมยังไม่รู้เลยว่าชอบผู้ชายหรือเปล่าด้วย”

“ผมเข้าใจครับ แต่ผมก็อยากจะลองดูสักตั้ง” เด็กหนุ่มชัดเจนในคำพูด

“เออ ถ้าจริงจังจริงใจกับพี่สมพี่ก็จะไม่ขัด มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้” วรจักรตบไหล่รุ่นน้องและมองด้วยความเวทนา การเพิ่มยอดขายให้กับแผนกตนยังง่ายกว่าจีบคนอย่างสมการเสียอีก ... ง่ายกว่าเยอะ

            ใครจะคิดว่าไอ้นี่มันเอาจริง....

“แต่เราไม่มีงบเดินทางให้นะ ต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด” สมการบอกเงื่อนไข

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมว่าจะเอารถที่บ้านมาใช้พอดี ขับรถผมไปก็ได้ ส่วนที่พักพี่ไม่ต้องห่วงผมจัดการเอง ตามนี้นะครับ”

“ห๊ะ เอ่อ ก็ได้” สมการเกาหัวอย่างงุนงงที่ทุกอย่างถูกจัดการอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มส่งอีเมล์ขออนุมัติการเดินทางไปให้ปวรรัชดลเพื่ออนุมัติก่อนจะได้รับอีเมล์ตอบกลับในเวลาไม่นานนักราวกับว่าอีกฝ่ายรออยู่แล้ว

I will go with you… คำตอบที่พ่วงมาทำให้สมการต้องบอกให้ปุลวัชรจองที่พักเพิ่มอีก 1 ห้องอย่างเลี่ยงไม่ได้.

#### ####

             สมการนั่งรอในรถที่จอดตรงลานหน้าประตูเข้าออกของสนามบินเชียงใหม่ในระหว่างที่ปุลวัชรต้องเดินไปรับปวรรัชดลที่เพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อ 10 นาทีที่แล้วในตัวอาคารเนื่องจากแบตเตอร์รี่มือถือของหัวหน้าคนใหม่หมดตั้งแต่อยู่กรุงเทพ หลังจากนัดแนะกันแล้ว พวกเขาจึงตกลงว่าจะไปรอรับที่ประตูทางออกดีกว่าปล่อยให้เดินออกมาเองเพื่อกันหลงทาง การจราจรในยามเย็นของตัวเมืองเชียงใหม่นั้นคับคั่งถ้าเสียเวลาเดินตามหากันไปมาคงจะเข้าที่พักดึกดื่น ทั้งสมการและปุลวัชรก็เพิ่งมาถึงก่อนหน้าไม่นานนัก ทั้งหมดจึงยังไม่ได้ไปเช็กอินเข้าโรงแรม

“ขอบใจมากนะที่มารับ เหนื่อยกันแย่เลยสิ” หัวหน้าคนใหม่พูดหลังจากเข้ามานั่งในรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำคันหรูที่ขับมาไกลถึงที่นี่ เด็กหนุ่มตอบรับอย่างรักษามารยาทก่อนจะออกตัวไปทางถนนที่เต็มไปด้วยแสงสีส้มของไฟส่องทาง รถยนต์ของปุลวัชรไม่มีบัตรอนุญาตผ่านกองบินที่อยู่ติดกัน(ถ้าเข้าทางนี้ได้จะประหยัดเวลาไปได้เยอะ) จึงต้องอ้อมเข้าทางคูเมืองไปเจอรถติดในยามเลิกงานเช่นนี้ก่อนจะหลุดเข้ามาแถวถนนนิมมานเหมินทร์อันคึกคัก รถยนต์เลี้ยวเข้าซอยแคบอย่างชำนาญก่อนจะหยุดที่โรงแรม 4 ดาวแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ลึกมาก แต่เพราะถนนค่อนข้างแคบและดูเปลี่ยว มันจึงวังเวงผิดหูผิดตา

“โห จองโรงแรมนี้เลยเหรอ แพงมั้ยเนี่ย” สมการเป็นคนถามออกมา โดยปกติแล้วชายหนุ่มจะจองห้องพักราคาหลักร้อยเพื่อประหยัด ไม่คาดคิดว่ารุ่นน้องจะจองโรงแรมหรูหราขนาดนี้

“ไม่แพงหรอกครับพี่ ผมมีบัตรส่วนลด” ปุลวัชรตอบทีเล่นทีจริงก่อนจะช่วยหยิบเป้สัมภาระของสมการติดมือเดินเข้าภายในโถงของโรงแรมอย่างคุ้นเคย ปวรรัชดลเดินตามอย่างช้าๆอยู่หลังสุดเพื่อคอยดูแลคนเดินกระเผลกอย่างเงียบๆ

“นี่คีย์การ์ดครับ ของคุณดลอยู่ชั้นสิบ ส่วนพวกเราอยู่ชั้นแปด” ปุลวัชรยื่นแผ่นคีย์การ์ดสีขาวในมือให้กับหัวหน้าทั้งสอง “พอดีเหลือแค่สองห้องสุดท้ายน่ะครับ พี่ปอนด์โอเคมั้ยครับถ้านอนกับผม”

“ได้ดิ ปกติก็นอนด้วยกันอยู่แล้วนี่นา” สมการตอบแบบไม่คิดมาก แต่สีหน้าของเจ้านายที่มาด้วยไม่เห็นด้วยเอาเสียเลย

“คุณสมการนอนห้องเดียวกับผมก็ได้นะครับ เผื่อจะได้คุยงานกันด้วย” หนุ่มใหญ่เสนอโดยการเอางานมาอ้าง

“ห้องของคุณดลเป็นเตียงเดี่ยวน่ะครับ ผมเกรงว่าจะนอนเบียดกันเปล่าๆ ตัวใหญ่กันทั้งคู่เลย” ปุลวัชรรีบห้าม ไม่อยากเสียแผนที่คิดมาดิบดี แค่ตอนที่ได้รู้ว่าปวรรัชดลจะตามมาด้วยก็หงุดหงิดมากพอแล้ว ยังจะมาพาพี่ปอนด์ของเขาไปนอนด้วยอีก เด็กหนุ่มไม่มีทางยอมเป็นอันขาด

“อ้อ งั้นผมนอนห้องเดียวกับปุนดีกว่าครับ ยังไงก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว” ที่ทำงานรู้อยู่แล้วว่าปุลวัชรเช่าบ้านของสมการ ชายหนุ่มจึงไม่เคอะเขินอะไรที่จะบอกใครต่อใครว่าสนิทชิดเชื้อกับรุ่นน้อง หากแต่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขานอนห้องเดียวกันมาสักระยะแล้วเนื่องจากห้องเก่าของผู้เป็นแม่ต้องซ่อมพื้นที่แตกเสียก่อน ซึ่งผู้รับเหมาจะเข้ามาทำอาทิตย์หน้า ส่วนห้องเก็บของด้านล่างก็รกรุงรังเกินกว่าจะเก็บกวาด

“งั้นเอาตามนี้นะครับ เดี๋ยวเราเอาของไปเก็บกันก่อน อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ล็อบบี้นะครับ จะได้ออกไปหาอะไรทานกันได้” เด็กหนุ่มเสนอแผนอย่างคล่องแคล่ว สมการพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อผลโหวตออกมาเช่นนี้ ปวรรัชดลก็ไม่อาจขัดอะไรได้อีก

“คืนนี้คุณอังกูลขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารนะครับ พอดีแกเพิ่งโทรมาก่อนพี่ลงเครื่องนี้เอง” สมการแจ้งหัวหน้าขณะอยู่ในลิฟต์ ปวรรัชดลเหมือนถูกมัดมือชกแต่ก็จำใจตอบรับ แผนที่จะชวนชายหนุ่มออกไปท่องราตรีสองต่อสองล้มพับไม่เป็นท่า เขานึกโมโหตัวเองที่ไม่ยอมอ่านรายละเอียดอีเมล์ขออนุมัติการเดินทางให้ดีก่อนตอบกลับ จึงไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มชื่อปุลวัชรจะตามมาด้วย

“ได้สิ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ” หนุ่มใหญ่ตอบรับก่อนจะมองร่างสูงของชายหนุ่มทั้งสองเดินประคองกันออกจากลิฟต์ไปอย่างเสียดาย หากไม่ติดว่าเขายังมีพันธะทางกฎหมายกับภาวดีอยู่คงจะเดินหน้าจีบสมการเป็นแน่ ปวรรัชดลรู้สึกถูกชะตากับลูกน้องคนนี้อย่างประหลาด ท่าทางที่ไม่มีพิษมีภัยแถมค่อนไปทางซื่อบื้อทำให้หลงเสน่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ หากมองไม่ผิดเด็กหนุ่มที่เข้ามาทำงานพร้อมกันอย่างปุลวัชรก็ตกหลุมเสน่ห์คนๆนี้เช่นกัน แต่ฝ่ายนั้นมีแต้มต่อที่ไม่ต้องแคร์สังคมรอบข้าง แถมยังได้พักใต้ชายคาเดียวกันอีกต่างหาก ปวรรัชดลได้แต่ครุ่นคิดหาทางแยกทั้งสองคนนั้นออกจากกัน สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนเพราะเจ้าของตามกฎหมายอย่างภาวดียังไม่ยอมส่งใบหย่าคืนมาเสียที

             มื้ออาหารเป็นไปอย่างสนุกสนานเนื่องจากเจ้าภาพทุ่มไม่อั้น หลังจากดื่มกินที่ร้านดังแล้วก็พากันมานั่งในห้องวีไอพีมืดสลัวที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง สาวๆหน้าตาทรวดทรงองค์เอวดีต่างคลอเคลียเอาใจไม่ห่างเพื่อหวังจะได้ค่าดริ๊งก์จากหนุ่มๆทั้งหมด นอกจากลูกค้าชื่ออังกูลแล้วยังมีคนอื่นตามมาอีกหลายชีวิต เหมือนเป็นการเลี้ยงสนองความต้องการของตัวเองมากกว่าจะเลี้ยงชอบคุณที่สมการยอมเดินทางมาสอนการใช้งานให้กับพนักงานที่บริษัท โชคดีที่ปุลวัชรมีข้ออ้างว่าต้องขับรถจึงไม่มีใครคะยั้นคะยอให้ดื่ม แต่หัวหน้าทั้งสองกลับเมาคอพับไม่ได้สติไปแล้ว

             ปวรรัชดลที่เพิ่งมารับตำแหน่งสดๆร้อนๆถูกลูกค้ารายนี้รับน้องจนเมาพับ ถึงแม้ชายหนุ่มจะพยายามปฏิเสธแต่ก็ต้องยอมดื่มไม่หยุดเพราะความเกรงใจ มองใบหน้าที่กำลังยิ้มและหัวเราะของลูกน้องคนโปรดอย่างสมการด้วยความหงุดหงิด ร่างสูงของหนุ่มหล่ออย่างปุลวัชรคลอเคลียไม่ห่าง ถึงแม้ภาพที่คนทั่วไปเห็นคือลูกน้องคนใหม่กำลังดูแลเจ้านายที่เมามาย แต่ท่าทางที่สื่อออกมามันแฝงอะไรที่มากกว่านั้น ยิ่งตอนที่มือใหญ่คว้าเอว จับที่ไหล่หรือโอบอกตอนที่เซฟุบกับโต๊ะ ยิ่งชวนให้หนุ่มใหญ่อยากจะสลับตำแหน่งที่นั่งเสียให้ได้

“กลับกันดีๆนะครับ ขอบคุณมากนะครับที่ให้เกียรติมาในวันนี้” อังกูล หนุ่มใหญ่วัยแตะเลขห้าพูดกับสามหนุ่มต่างวัยด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ สมการยืนโงนเงนซบไหล่เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับดารา ส่วนคนที่เป็นหัวหน้าใหญ่นั้นพยายามฝืนตัวเองยืนโยกไปมาอยู่ไม่ห่าง

“ทางเราต่างหากครับที่ต้องขอบคุณคุณอังกูล” ปวรรัชดลรวบรวมสติกล่าว

“โอ๊ยเรื่องแค่นี้เล็กน้อยครับ ต้องขอบคุณสมการเลยครับ รายนี้ดูแลผมอย่างดีจนเกรงใจ” หากเกรงใจจริงก็ไม่ควรเรียกมาถึงนี่สิวะ ... ปวรรัชดลคิด แต่ก็ยิ้มรับอย่างฝืนๆ

             เมื่อแยกตัวออกมา ปวรรัชดลก็ถูกวางไว้ที่เบาะหลังส่วนคนเมาอีกคนก็นั่งเบาะหน้า แม้จะพยายามลืมตามากแค่ไหนก็ไม่เป็นผล ความมึนเมาบวกกับความง่วงทำให้ต้องปิดเปลือกตาตั้งแต่รถเริ่มเคลื่อนตัว ใช้เวลาไปเท่าไหร่นั้นก็ไม่รู้ หากแต่เขาถูกปลุกขึ้นมาตอนที่กำลังหลับลึก ปุลวัชรขอแรงพนักงานโรงแรมช่วยส่งปวรรัชดลที่เมามายไปที่ห้องพักก่อนจะประคองคนเมาที่เท้ายังเข้าเฝือกออกจากรถเช่นกัน ใบหน้าแดงก่ำลามไปทั้งตัวบ่งบอกว่ารุ่นพี่คนนี้คออ่อนยิ่งทำให้รู้สึกหวงแหน เด็กหนุ่มดีใจที่เสนอตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าคนในอ้อมกอดจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีตนคอยดูแล

“ม่ายมาว ยางม่ายมาวววว” สมการส่งเสียงยานเนิบนาบและดิ้นขลุกขลักเมื่อถูกประคองให้เข้าในห้องพัก ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มบ่นเรื่องที่นอนว่าไม่ใช่เตียงคู่แบบที่แจ้งไว้ แต่พอขาดสติเช่นนี้ สมการล้มตัวลงบนเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่อย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

“พี่ปอนด์อย่างเพิ่งนอน เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ” ปุลวัชรพูดกับคนเมาที่สติเหลือศูนย์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะตื่นก็เลยถือวิสาสะจัดแจงถอดเสื้อผ้าของรุ่นพี่อย่างทุลักทุเล ถึงแม้ขนาดตัวจะไล่เลี่ยกัน แต่สมการก็สูงกว่าและตัวหนากว่า สุดท้ายเหงื่อก็ไหลเต็มแผ่นหลังเด็กหนุ่มที่ทั้งดึงและรั้งคนเมาที่ดิ้นไปมาจนถอดเสื้อผ้าได้ สมการพลิกตัวนอนคว่ำโดยสวมแค่กางเกงในสีดำและถุงเท้ายาวแค่ตาตุ่ม เรือนร่างหนุ่มแน่นชวนให้น่ามองจนปุลวัชรใจเต้นระส่ำ ถึงแม้จะเคยเห็นทุกส่วนสัดมาแล้ว แต่การได้มองคนที่เราชอบนอนกึ่งเปลือยเช่นนี้ก็ยิ่งชวนให้หักห้ามใจได้ยาก

             มือใหญ่เอื้อมไปแตะที่ขอบกางเกงในช้าๆก่อนจะร่นเนื้อผ้าลงมาจนแก้มก้นกลมกลึงเผยสู่สายตา คนเมาร้องอื้อก่อนจะใช้มือมาปัดการรบกวนนี้ออก เด็กหนุ่มจึงชะงักและมองภาพชวนฝันอย่างชั่งใจ ความแข็งขึ้งคับแน่นใต้ร่มผ้าจนนั่งไม่สบาย เขารีบผุดลุกและเดินไปสงบจิตใจในห้องน้ำที่ไร้ประตู ความต้องการพวยพุ่งบวกกับภาพเรือนร่างของคนที่เฝ้าถวิลหาติดตาตรึงใจจนไม่อาจอดกลั้นได้อีกแล้ว เด็กหนุ่มเปลือยกายใต้ฝักบัวที่ปล่อยน้ำไหลแรงกระทบผิวหนัง มือใหญ่คว้าหมับที่อาวุธลับของตนอย่างแนบแน่นก่อนจะเริ่มจังหวะเคลื่อนไหวรูดขึ้นลงอย่างวาบหวามโดยมีเรือนร่างของสมการอยู่ในจินตภาพจนกระทั่งถึงฝั่งฝัน
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.4 @ 15/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-03-2021 18:44:48
 :pig4:
 :hao6:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.4 @ 15/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-03-2021 21:46:43
 :z3:


หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.4 @ 15/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 16-03-2021 15:25:18

หากชอบเรื่องนี้ อย่าลืมคอมเม้นต์ให้คนเขียนได้ชื่นใจด้วยน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.4 @ 15/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-03-2021 23:47:14
สนุกจ้ามาต่ออีกนะคะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.4 @ 15/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-03-2021 23:35:12
คุณพี่สมเสน่ห์แรงจริง พ่อหนุ่มน้อยจริงจังมาก จะอดใจกับความใสซื่อของพี่เค้าไหวหรือเปล่าน้อ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.5 @ 24/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 24-03-2021 13:16:37
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 5. ช่วงเวลาที่ไม่มีบุคคลที่สาม

             เช้าวันต่อมา ... สมการบ่นอุบมาตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามีคนเปลี่ยนชุดให้ หลังจากตื่นมาในท่าที่เอาหน้าซุกอกรุ่นน้องเหมือนทุกวันก็รีบผุดลุกและเข้าไปอาบน้ำแก้เก้อทันที ถึงแม้จะถูกกอดมาตั้งแต่วันแรกที่นอนด้วยกันแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ชินกับการถูกสัมผัสแบบนี้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ว่าอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่เหมาะนักที่ผู้ชายสองคนจะนอนกอดก่ายกันราวกับคู่รัก แค่คิดก็ขนลุกซู่ไปหมด สมการจึงต้องรีบกำจัดความรู้สึกแปลกๆให้ไวก่อนจะลงไปทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ยามเช้าคนคึกคักแต่ก็มีโต๊ะว่างที่พอจะหย่อนตัวลงไปนั่ง สมการไม่ขยับไปไหนตั้งแต่ลงมาที่นี่ กว่าจะรู้สึกตัวอีกที รุ่นน้องร่วมห้องก็ลงมาสมทบ เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อที่คุ้นเคย ภาพที่ถูกกอดเมื่อเช้าก็แล่นเข้าหัวอีกครั้ง

“โอยยยย ปวดหัว”

“กาแฟดำหน่อยมั้ยครับจะได้ช่วย” รุ่นน้องเสนอตัวเมื่อเห็นอาการย่ำแย่ของหัวหน้า

“ก็ดีนะ”

“งั้นเดี๋ยวผมเอาให้นะครับ” ปุลวัชรลุกจากโต๊ะอาหารทันทีโดยไม่รอคำตอบ สมการนวดขมับตัวเองไปมาเพื่อบรรเทาอาการปวด หน้าตาซีดเซียวไม่ใช่เพราะนอนน้อย แต่เป็นเพราะอาการแพ้แอลกอฮอล์ที่เป็นมาตั้งแต่เริ่มดื่มครั้งแรกแล้ว พอตื่นตอนเช้าจะปวดหัวมากจนแทบลุกไม่ขึ้น หากไม่ใช่เพราะต้องทำงานให้เสร็จล่ะก็คงจะถือวิสาสะนอนต่อจนถึงค่ำ

“ทานกันเสร็จแล้วเหรอ” เสียงของเจ้านายคนใหม่ทักทายก่อนจะวางจานที่เต็มไปด้วยกับข้าวในฝั่งตรงข้ามชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูอิดโรยเล็กน้อยแต่ก็ไม่แสดงอาการมากนักราวกับว่าต้องรักษาภาพพจน์หัวหน้าที่ดีในสายตาลูกน้อง

“ยังเลยครับคุณดล ผมเมาค้างนิดหน่อยเลยกินอะไรไม่ลง” สมการตอบ พยายามปรับเสียงให้ปกติที่สุด

“เรียกพี่ดลก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก มันดูห่างเหินเกินไป” อีกฝ่ายนั่งไขว่ห้าง ตักอาหารเข้าปากด้วยท่าทางเป็นกันเอง

“อ่า โอเคคครับพี่ดล” ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเงยหน้าไปมองเด็กหนุ่มที่เพิ่งวางแก้วกาแฟดำกลิ่นหอมฉุยแตะจมูก “ขอบใจมากปุน” ใบหน้าย่นยิ้มตาหยี ปุลวัชรมองจนแทบลืมหายใจก่อนจะหาทางออกเพื่อเก็บความเขิน

“คุณดลจะรับกาแฟด้วยไหมครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้” ปุลวัชรเสนอตัว ปวรรัชดลแปลกใจที่เด็กหนุ่มวัยนี้รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ ถือว่าฉลาดไม่น้อย แต่เขาไม่ใช่เจ้านายเจ้ายศเจ้าอย่าง และไม่ชอบคนประจบหรือเอาใจจึงบอกปัดอย่างสุภาพ

“เดี๋ยวทานมื้อเช้าเสร็จก็ออกเดินทางได้เลยนะครับ คุณอังกูลให้เราเข้าไปที่สาขาสันทรายที่เดียวเลย แกเรียกพนักงานมารอแล้ว” สมการแจ้งทุกคนให้ทราบ พวกเขาไม่สามารถวางแผนที่ชัดเจนได้เพราะต้องตามใจลูกค้า ถึงแม้ปวรรัชดลจะไม่สบอารมณ์ที่ต้องทำอะไรไร้ระบบเช่นนี้ก็ไม่สามารถตำหนิอะไรได้เพราะเป็นความต้องการของลูกค้าจริงๆ

“ปกติใช้เวลาเทรนนานมั้ยครับ” ปุลวัชรเป็นคนถาม เมื่อระบบจีพีเอสบอกว่าอีกไม่เกินห้ากิโลเมตรจะถึงที่หมาย

“ถ้าลูกค้ามีพื้นฐานมาก่อนก็ไม่เกินชั่วโมง แต่ถ้าต้องปูพื้นฐานอะไรด้วยก็ตอบยาก นานสุดก็ทั้งวันก็มี”

“เราไม่มีคู่มือการใช้งานให้เหรอ” ปวรรัชดลถาม

“มีครับพี่ดล แต่ลูกค้าบอกว่าอ่านแล้วงง ไม่เหมือนมีคนมาช่วยสอน เวลาลองใช้ระบบมันก็ง่ายกว่าเพราะมีคนคอยบอกว่าต้องทำอย่างไรตั้งแต่ต้น” สมการตอบกลับราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆสำหรับเขา

“คุณมาเทรนให้รายนี้กี่ครั้งแล้วเนี่ย”

“ประมาณ 4-5 ครั้งได้ครับ เพราะบริษัทนี้คนเข้าออกเยอะ คุณอังกูลก็ไม่มีเวลามานั่งฟังเสียด้วย พอพนักงานที่เริ่มใช้งานระบบคล่องๆลาออก ก็ต้องรับคนใหม่และสอนงานใหม่อีกที” สมการตอบเหมือนฟ้องไปกลายๆ ความจริงเขาก็เบื่อกับลูกค้าไม่น้อย

“แล้วคนเก่าๆล่ะครับพี่” รุ่นน้องถาม

“เขาบอกว่าเคยสอนกันเองแล้วแต่ไม่รอด เด็กใหม่ใช้ระบบไม่เป็นจนลงบันทึกรายการผิดพลาดจนต้องแก้กันยาวเสียเวลาน่ะ”

“แล้วเราจะต้องมาเทรนให้ตลอดแบบนี้เลยเหรอ” ปวรรัชดลถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ในแง่ของธุรกิจแล้วมันดีต่อลูกค้า แต่มันไม่ส่งเสริมยอดขายให้บริษัทเขาเลย

“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละครับ อ๊ะ เลี้ยวซ้ายตรงนี้เลย ในจีพีเอสมันปักหมุดผิด” สมการคุยกับทั้งเจ้านายและลูกน้องไปพร้อมๆกัน เมื่อถึงที่หมายแล้วก็นำทางไปห้องประชุมอย่างคุ้นเคย และเช่นเคยที่ลูกค้าส่งพนักงานหน้าใหม่มาเรียนรู้ระบบโดยไร้เงาของเจ้าของบริษัทอย่างคุณอังกูล สมการเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเตรียมตัวไม่นานก็พร้อมบรรยายวิธีการใช้งานโดยปวรรัชดลนั่งฟังอย่างเงียบๆอยู่หลังห้องประชุม แต่ปุลวัชกลับเดินไปมาเพื่อถ่ายคลิป

             หลังจากจบการเทรนในช่วงบ่ายสาม ทั้งสามคนก็ต่างขอตัวกลับมาที่โรงแรม สมการที่หน้าซีดเพราะเมาค้างตั้งแต่เช้านอนหลับมาตลอดทาง ทิ้งให้ปวรรัชดลนั่งเงียบมากับคนขับอย่างปุลวัชรไปอย่างนั้น บุรุษสองวัยที่ดูจะไม่เกี่ยวข้องกันและไม่น่าจะมีอะไรบาดหมางใจกันเลือกที่จะไม่สนทนากันตั้งแต่สันทรายจนถึงในตัวเมืองเชียงใหม่ การเทรนลูกค้าใช้เวลานานพอสมควรเพราะมีหลายจุดที่หลายคนตามไม่ทัน ปวรรัชดลจับจ้องไปทางลูกน้องอย่างชื่นชมกับความใจเย็นและสามารถช่วยเหลือทุกคนให้เข้าใจวิธีการใช้งานได้ ถึงแม้ภายนอกสมการจะดูซื่อๆ แต่พอเข้าโหมดจริงจังก็ทำออกมาได้ดีเยี่ยม เรื่องความรู้สินค้านั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับยอดขายที่ยังไม่กระเตื้องในตอนนี้

#### ####

   ปวรรัชดลนึกอยากจะอยู่เชียงใหม่ต่อ แต่เมื่อมองความเหมาะสมแล้วทำให้ต้องตัดสินใจกลับตามกำหนดการที่วางไว้ หลังจากกลับมาจากสันทรายเพื่อเข้าโรงแรมเขาก็ใช้เวลาแกร่วอยู่ที่ล็อบบี้เพราะเช็กเอาท์ตั้งแต่เช้าแล้ว ลูกน้องทั้งสองคนขึ้นไปที่ห้องเพื่อทำรายงานสรุปมาให้ หัวหน้าใหญ่อย่างตนจึงต้องแสร้งทำงานรอที่ห้องทำงานที่โรงแรมมีไว้บริการไม่ได้ออกไปไหน จะขอตามไปที่ห้องพักของทั้งคู่ก็ดูแปลกๆ ด้วยวัยและตำแหน่งของเขามันเลยเป็นข้อจำกัดในหลายๆอย่าง จะนึกทำอะไรตามใจชอบมันก็ไม่เหมาะ ถึงแม้สองหนุ่มจะไม่บอกใครถ้าเขาทำเช่นนั้น แต่ความรู้สึกที่มองมาย่อมเปลี่ยนไปเป็นแน่

“ขอบใจมากนะทุกคนที่มาส่ง ขับรถกลับกันดีๆล่ะ” ปวรรัชดลกล่าวเมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่ เขาจองเที่ยวบินขากลับช่วงเย็นของวันนี้ แม้จะนึกเสียดายที่ต้องกลับกรุงเทพก่อนมากแค่ไหนก็ตาม หลังจากนั่งรออยู่ร่วมสองชั่วโมงที่โรงแรมก็ได้เวลาออกเดินทาง เขาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กไว้กับตัว มองสองหนุ่มที่เปลี่ยนเป็นชุดลำลองอย่างนึกอิจฉา ปุลวัชรมีอภิสิทธิ์มากเหลือเกิน อย่างน้อยก็ได้เห็นช่วงเวลาที่สมการเปลือยส่วนอก

“ขอบคุณครับพี่ดล” สองหนุ่มตอบรับด้วยสรรพนามที่เป็นกันเองมากขึ้น ใบหน้าที่บึ้งตึงของปุลวัชรมีรอยยิ้มกลับมาตั้งแต่ขับรถมาส่งผู้เป็นหัวหน้าใหญ่จนกระทั่งถึงสนามบิน วันนี้เป็นเย็นวันพฤหัสบดี หากขับรถกลับกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ สองหนุ่มมองร่างสูงใหญ่เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังโซนผู้โดยสารขาออกจนลับตาก็พากันเดินออกมา

“พี่ปอนด์หิวมั้ยครับ” หลังจากกลับมาเผชิญรถติดรอบคูเมือง เด็กหนุ่มที่มีท่าทางผ่อนคลายมากขึ้นจนอีกคนจับสังเกตได้

“นิดหน่อยครับ แต่พี่ง่วงมากกว่า” สมการตอบเสียงเนือย ท้องร้องหนักยังไม่น่าห่วงเท่ากับความง่วงที่เกาะกุมตอนนี้

“ผมว่าเราแวะหาอะไรง่ายๆทานก่อนกลับโรงแรมดีไหมครับ” ปุลวัชรตั้งใจขับเลยทางแยกแถวโรงพยาบาลสวนดอกและขับวนคูเมืองจนกระทั่งมาถึงริมทางแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยร้านอาหารข้างทาง สมการปรือตามาดูแสงไฟส่องสว่างจ้า ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่ รถยนต์หรูเปิดไฟเลี้ยวรอจอดข้างทางราวกับฟ้าเป็นใจเมื่อคันก่อนหน้ากำลังวิ่งออกไป

“ที่ไหนครับเนี่ย” สมการถาม อ้าปากหาวเต็มที่อย่างไม่เกรงใจคนข้างๆ พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันมาสักระยะจึงไม่จำเป็นต้องเขินอายเวลาทำตัวเช่นนี้

“ประตูช้างเผือกครับ แถวนี้มีร้านน่ากินเยอะ ราคาไม่แพงแถมเร็วอีกต่างหาก” ปุลวัชรตอบ ขายาวก้าวออกมาจากตัวรถ สายตาสำรวจแสงไฟสีส้มสลับสีขาวที่เปิดประดับสว่างไสว ร้านรถเข็นเต็มไปหมดเพราะฝนไม่ตกเลยจึงถือว่าโชคดี

“จริงดิ เพื่อนพี่ก็เคยแนะนำนะว่าถ้ามาเชียงใหม่ต้องมาลองกินแถวนี้ มีอะไรน่ากินบ้างมั้ยน้า” สมการก้าวลงจากรถและกวาดสายตาสำรวจร้านค้าที่เปิดกันเรียงราย มีทั้งร้านอาหารไทย อาหารทะเล ร้านขนมและอีกสารพัดอย่างจนเลือกไม่ถูก

“พี่ปอนด์อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ”

“ไม่มีอะ มีแต่ของน่ากินพี่เลือกไม่ถูกว่ะ” สมการเดินนำรุ่นน้องเดินวนไปมาสองรอบยังตัดสินใจไม่ได้

“งั้นกินสุกี้กันมั้ยพี่ อร่อยนะ”

“อื้อ เอาดิ ร้านไหนล่ะ”

“ทางนี้ครับ” สมการเกือบชักมือหนีเมื่อปุลวัชรคว้าข้อมือตน แต่แรงกระชากเบาๆให้เดินตามไปทางฝั่งตรงข้ามทำให้ต้องยอมปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ผู้คนแถวนั้นมองมาทางนี้ด้วยสายตาแปลกๆ บอกไม่ได้ว่าตกใจหรือถูกใจกับภาพผู้ชายสองคนเดินในท่าเกือบจะจับมือกัน แต่สายตาแปลกๆก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นเท้าที่ไม่สมประกอบของเขา หลังเดินแหวกฝูงชนมาไม่นานก็ถึงร้านสุกี้เจ้าดังที่อยู่ตรงนี้มานาน ปุลวัชรถามหยิบกระดาษมาจดเมนูอย่างเป็นงาน “พี่ปอนด์ชอบผักสุกหรือกรอบๆหน่อยครับ”

“อ้าว มันเลือกได้ด้วยเหรอ”

“ได้ครับ ปกติร้านนี้จะผัดไม่นาน ผักเลยจะกรอบๆจนคิดว่ายังไม่สุก คนที่ไม่ชอบก็จะบ่นหน่อย”

“งั้นเอาแบบสุกหน่อยก็ได้ พี่ชอบนิ่มๆ” ชายหนุ่มตอบและรออาหารอย่างใจจดจ่อ ถึงแม้ช่วงนี้อากาศจะเย็น แต่ไม่ถึงกับหนาวสั่น บางครั้งก็ชวนสับสนว่านี่มันฤดูอะไรกันแน่หนอ สมการกวาดสายตามองภาพนักท่องเที่ยวเดินคึกคักไปมา บ้างก็สั่งหมูสะเต๊ะ บ้างก็ลูกชิ้นปิ้งมาเป็นเครื่องเคียง แต่ชายหนุ่มง่วงเกินกว่าจะสนใจสั่งอย่างอื่นมาเพิ่มจึงได้แค่มองภาพผู้คนที่ผ่านไปมาเท่านั้น ปุลวัชรนั่งจับจ้องคนหน้าง่วงไม่วางตา อีกฝ่ายดูจะไม่สังเกตเลยว่าโดนมองมานานแล้ว

“อะ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเอ่อ...” สมการที่ใกล้จะหลับคาโต๊ะเงยหน้าไปมองชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะของเขา ใบหน้านั้นดูดีแต่งชุดนึกศึกษาเอาชายเสื้อขาวมาไว้ด้านนอกยื่นโทรศัพท์มือถือไปยังรุ่นน้องของตนที่ทำหน้าประหลาดใจไม่ต่างกัน

“ผม คือ ขอไลน์พี่ได้มั้ยครับ” สมการอ้าปากค้าง ไม่คิดไม่ฝันว่าโลกจะไปไกลถึงขั้นนี้แล้ว ถึงแม้จะยอมรับว่าปุลวัชรหน้าตาดีมากเพียงใดก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผู้ชายกล้ามาจีบรุ่นน้องตนเช่นนี้ (ถ้าเขาคิดไม่ผิดว่านี่คือการจีบนะ)

“ขอโทษทีครับ พอดีผมให้ไม่ได้” น้ำเสียงราบเรียบของอีกคนก็ชวนแปลกใจ การปฏิเสธแบบตรงๆราวกับชินชากับเรื่องพวกนี้เสียแล้ว ด้านนักศึกษาที่เข้ามาไม่พูดอะไรนอกจากเดินคอตกจากไป คนแก่กว่ามองตามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“โห” สมการยังอึ้งอยู่ มองใบหน้ารุ่นน้องอย่างไร้คำพูด แต่อีกฝ่ายกลับส่งยิ้มกวนๆมาให้

“เบื่อความหล่อตัวเองจังเลยเนาะ”

“หึ หลงตัวเองว่ะ” สมการทำหน้ายู่คล้ายจะเอือมระอา แต่ก็ไม่อาจตอบได้เต็มปากว่าปุลวัชรไม่หล่อ เมื่อเทียบกันแล้วเขาเทียบไม่ติดเลยต่างหาก “สมัยนี้เค้าจีบกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ เด็กสมัยนี้กล้าเนอะ ถ้าเราเป็นคนขี้โมโหลุกไปต่อยหน้าขึ้นมาจะทำไง”

“ก็ไม่ทำไงครับ พี่ก็แค่ไปประกันตัวผม จบ”

“สองร้อยพอมั้ย พอดีช่วงนี้ช็อต” สมการตบมุก

“โอย งั้นก่อนถูกจับผมโอนเงินให้พี่ก่อนจะได้ประกันตัวได้ไวๆ”

“โอเค งั้นลุกไปต่อยน้องเค้าเลย” สมการตาลุกเมื่อได้ยินคำว่าเงิน ปุลวัชรได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาแก่ใจ สุกี้แห้งร้อนๆมาเสิร์ฟที่โต๊ะก่อนที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยกันต่อ สมการหันไปสนใจกับของกินเบื้องหน้าก่อนจะลงมือจัดการจนเกลี้ยง

“อร่อยจัง อยากมาอีกรอบ เมื่อคืนไม่น่าพลาดเลย” ชายหนุ่มบ่นอุบ เสียดายโอกาสเพราะคืนก่อนหน้านั้นคุณอังกูลเป็นเจ้าภาพเลี้ยงต้อนรับจึงอดมากินของอร่อยๆ

“ชอบเหรอครับ ถ้าชอบพรุ่งนี้มาอีกก็ได้”

“ชอบน่ะชอบ แต่จะมาได้ไงล่ะพรุ่งนี้เราก็กลับกันแล้ว” สมการตอบทั้งๆที่หลับตา ความเย็นในตัวรถชวนง่วงอีกครั้ง

“ก็ถ้าเราไม่กลับ เราก็มากินได้นะครับ”

“หืม ไม่กลับพรุ่งนี้แล้วจะกลับวันไหนล่ะ ต้องไปทำงานอีกนะ” สมการตอบทั้งที่อาหารเต็มปาก

“พรุ่งนี้วันศุกร์นะครับพี่ปอนด์ ต่อให้ขับรถแต่เช้าก็ไปถึงเย็นอยู่ดี ผมว่าเราอยู่ต่อดีมั้ยครับ แล้วค่อยกลับวันอาทิตย์”

“โหย ไม่ได้หรอก อยู่นานๆเปลืองเปล่าๆ ไหนจะค่าโรงแรมอีก พี่ดลไม่ให้เบิกนะรอบนี้”

“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าพี่ตกลง ที่เหลือผมจัดการเอง”

“อือ” สมการรับคำทั้งที่สติกำลังเลือนลาง หากแต่ปุลวัชรไม่รู้เลยว่ารุ่นพี่ของตนนั้นจำได้แค่บทสนทนาที่บอกว่าต้องกลับพรุ่งนี้เท่านั้น

             สมการล้มตัวลงแล้วหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวเป็นพักๆว่าเดินลงจากรถเพื่อเข้าห้องพัก หลังจากที่ร่างกายปะทะกับที่นอนหนานุ่ม ชายหนุ่มก็ตกในวังวนความเหนื่อยล้าและจมดิ่งในห้วงนิทราตั้งแต่นั้น ไม่รับรู้เลยว่าสายตาห่วงใยของรุ่นน้องมองตามอยู่ไม่ละ แม้กระทั่งยามนอนก็คอยเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาคอยเช็ดตามใบหน้า เสื้อเชิ้ตสีฟ้าถูกปลดกระดุมออกจนเผยผิวสีแทนสู่สายตา เนินอกที่เป็นร่องกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวราบเรียบตามแรงหายใจ กลิ่นหอมคล้ายดอกกุหลาบแซมลิ้นจี่อันเป็นกลิ่นฟีโรโมนเฉพาะตัวของสมการชวนให้เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว มือไม้สั่นไหวเบาๆยามที่เช็ดคราบไคลออกจากร่างสูงนี้ จับจ้องใบหน้าที่นอนนิ่งราวเด็กน้อยอย่างอบอุ่นหัวใจ

“ถ้าไม่รู้มาก่อน ผมคิดว่าพี่อายุไม่ถึงยี่สิบนะเนี่ย” ปุลวัชรคิดในใจด้วยความหวั่นไหว ไม่รู้ว่าความรู้สึกดีๆแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน คงเกิดมาในวันแรกที่ได้เห็นใบหน้าตื่นตกใจและชนกับร่างตัวเองอย่างแรงจนหัวแตก หรือไม่ก็เพราะความซุ่มซ่ามที่มีไม่หยุดหย่อนจนเจ็บซ้ำๆ ยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดมาสักระยะก็ยิ่งพบว่าเขาอยากดูแลรุ่นพี่คนนี้ไปเรื่อยๆ

“ผมชอบพี่ปอนด์นะครับ” เด็กหนุ่มโน้มใบหน้ากระซิบข้างหูแผ่วเบา ความในใจนี้มันเอ่อล้นจนกักเก็บไม่ได้ ตลอดเวลาที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมา รุ่นพี่อย่างสมการไม่เคยออกอาการว่าชอบเพศเดียวกันสักครั้ง แถมยังมีนิสัยห่ามๆและไร้ระเบียบเหมือนผู้ชายคนหนึ่ง ชอบดูกีฬาและหลีหญิงเป็นประจำ(และก็แห้วตลอดเช่นกัน) จึงไม่ทันสังเกตว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากรุ่นน้องร่วมบ้าน ที่คอยหุงหาอาหาร ซักผ้า เก็บกวาดความรกรุงรังแม้กระทั่งคอยรีดชุดทำงานและจัดกระเป๋าทำงานอยู่ทุกวัน

             ร่างสูงของปุลวัชรผละจากที่นอนก่อนจะเข้าไปทำความสะอาดร่างกายในห้องน้ำ ใบหน้าเย้ายวนและกลิ่นตัวหอมหวานของรุ่นพี่ที่นอนหลับปลุกความเป็นชายให้ผงาดขึ้นจนต้องรีบจัดการตัวเองให้สงบอีกครั้ง กว่าจะเสร็จสิ้นใช้เวลานานกว่าปกติจึงไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนนี้ ร่างสูงใหญ่ของสมการกำลังนั่งครุ่นคิดกับคำพูดที่เพิ่งถูกกระซิบข้างหู ถึงแม้จะผ่านโลกมาสามสิบกว่าปีแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เคยมีใครมาสารภาพความในใจกับเขามาก่อนสักครั้ง ทั้งที่เมื่อตอนที่ยังอายุน้อยกว่านี้ คิดเพ้อฝันว่าจะมีผู้หญิงหน้าตาสวยนมโตเดินเยื้องมาด้วยอาการเขินอายแล้วสารภาพว่า “รักพี่ปอนด์นะคะ” ... แต่ความจริงมันช่างกลับตาลปัดราวกับฟ้าเล่นตลก
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.5 @ 24/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-03-2021 14:22:05
 :katai3:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.6 @ 29/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-03-2021 15:58:42
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.6 @ 29/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-03-2021 15:59:06
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.6 @ 29/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 29-03-2021 16:01:31
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 6. เชียงใหม่ในความทรงจำ

แกร็ก...

             สมการรีบล้มตัวลงกับที่นอนเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ เงาเคลื่อนไหวร่างกายไปมาของเด็กหนุ่มที่พูดความในใจกับเขาคล้ายลอยวิบวับไปมาจนกระทั่งความมืดในห้องเข้าครอบงำ ชายหนุ่มหัวใจเต้นแรงและเหงื่อตกจนเหนียวเหนอะ แม้อยากจะอาบน้ำมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เขาไม่อยากให้อีกคนรู้ว่าตนเองยังไม่นอนและกำลังคิดมากกับเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่

“พี่ปอนด์ อาบน้ำไหวมั้ยครับ” เสียงนุ่มของเด็กหนุ่มอยู่ระยะประชิดยิ่งทำให้จิตใจลนลาน พื้นเตียงข้างตัวยุบวาบ

“ม่ายหวาย” ชายหนุ่มแกล้งตอบแบบคนเมาที่ไม่รู้สึกตัว แต่สมองมันตื่นเต็มที่เสียแล้ว

“งั้นผมเช็ดตัวให้เอามั้ย” เฮือก!... สมการเบิกตาโพลง ยังดีที่นอนหันหลังให้ ปุลวัชรจึงไม่เห็นว่ารุ่นพี่แกล้งเมาอยู่

“ม่ะ ม่ายเป็นราย พี่ปายอาบน้ำดีกว่า” สมการรีบผุดลุกผิดวิสัยคนเมา แต่ก็แกล้งเดินโงนเงนไปยังห้องน้ำที่ไร้ประตูกั้น มันเหมาะสำหรับคู่รักมาพักมากกว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันเช่นนี้ ปุลวัชรมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างรู้สึกขัน ท่าทางเหรอหราของอีกฝ่ายฟ้องว่าได้ยินทุกคำพูดก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นมองตาก็รู้ใจ แต่คนซื่อๆอย่างสมการนั้นอ่านง่ายจนเกินไป ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งน่าสนุก ปุลวัชรแต่งตัวด้วยความยินดีจนยิ้มแต่งแต้มทั่วใบหน้า โดยที่คนที่กำลังอาบน้ำอยู่ไม่รู้เลยว่ากระจกบานใหญ่ในนั้นมันสะท้อนภาพคนเปลือยที่เหม่อลอยจนเป็นกำไรของคนดูอย่างเด็กหนุ่มคนนี้

“ปวดหัวอยู่มั้ยครับพี่ปอนด์” เด็กหนุ่มถามเมื่อร่างใหญ่นอนลงข้างตัว กลิ่นสบู่อ่อนๆชวนให้คิดถึงภาพที่สมการใช้มือลูบไล้ฟองขาวนุ่มบนเนื้อตัวเปลือยเปล่า กล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงามยั่วยวนสายตาจนแทบนั่งไม่ติด ปุลวัชรนึกอยากจะแอบถ่ายคลิปไว้ดู แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมองว่าตนเป็นคนโรคจิต

“นิดหน่อยครับ พี่ง่วงมากกว่า” คนตัวสูงซุกตัวในผ้าห่ม เว้นระยะจากอีกคนจนเห็นได้ชัด ถ้าพลิกตัวก็คงตกเตียงพอดีเพราะนอนชิดขอบ ปุลวัชรแอบยิ้ม

“กลัวจะอดใจไม่ไหวเหรอครับถึงนอนไกลซะขนาดนั้น”

“หะ อดใจอะไรวะ” สมการสะดุ้ง นึกถึงคำสารภาพที่ได้ยินก่อนหน้านี้แล้วก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก

“ก็กอดผมไง ปกติพี่หลับแล้วพลิกมาซุกอกผมตลอด”

“บะ บ้าน่า” สมการแย้ง แต่มันก็ไร้ประโยชน์ ชายหนุ่มมักจะตื่นในอ้อมกอดของอีกคนเสมอ ทั้งที่ตัวโตกว่าแท้ๆ

“ผมไม่ถือหรอก พี่กอดผมได้ตามสบายเลย” ปุลวัชรยังก่อกวนไม่หยุด

“คระ ใครอยากกอดวะ พี่ไม่นิยมกอดผู้ชาย มันมีแต่เนื้อแข็งๆกอดแล้วเมื่อย” สมการร่ายยาว ถึงแม้ในห้องจะมืดมิด แต่ดูเหมือนทุกอย่างมันจะสว่างในหัว ภาพหน้าอกเปลือยเปล่าของปุลวัชรที่เขามักจะซบตอนไม่ได้สติแจ่มชัดกว่าสิ่งใด

“งั้นผมกอดเอง พี่จะได้ไม่เมื่อย”

“ไม่ได้” สมการรีบตอบ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเสียงแข็งเกินไปแล้ว

“พี่โกรธอะไรผมหรือเปล่าครับ” นั่นไง...น้ำเสียงสลดมาจนได้ สมการเป็นคนขี้ใจอ่อนอยู่แล้ว นิสัยที่ชอบแคร์คนอื่นเกินไปทำให้เขารู้สึกผิดจนต้องพลิกมานอนหงายทำให้ระยะห่างนั้นลดลง

“ปละเปล่า ไม่ได้โกรธ แค่ไม่ชินน่ะที่จะมีผู้ชายมากอด”

“พี่ก็คิดเสียว่าผมเป็นหมอนข้างหรือไม่ก็น้องหมาชิสุก็ได้ เวลามันอยากอ้อนเจ้าของก็จะคลอเคลียๆไงครับ”

“อย่างเราน่ะเหรอชิสุ งั้นพี่ก็ชิวาว่าแล้วมั้ง” สมการตอกกลับ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย

“โห เอาซะผมไปไม่เป็นเลยนะครับพี่ชิวาว่า”

“นี่ถ้าไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน พี่คิดว่าเรากำลังด่าพี่เป็นหมาอยู่นะ” ร่างใหญ่พลิกมานอนหงาย ดึงผ้าห่มคลุมจนถึงถุงใต้ตา

“โหยพี่ปอนด์ คิดมาก” ปุลวัชรยิ้มและพลิกมานอนตะแคงหันหน้ามองท่อนแขนล่ำในความมืด “พี่ไม่เป็นหมาหรอก พี่เป็นพี่ปอนด์ที่น่ารักต่างหาก”

“นะ น่ารัก ... ตรงไหนวะ” สมการลืมไปเลยว่าเมื่อกี้อึดอัดใจอยู่ พอโดนยอด้วยคำว่าน่ารักเลยรู้สึกจั๊กจี้มากกว่าจะรู้สึกเขินอาย

“ฮ่าๆๆๆ พี่นี่ก็บ้ายอเนาะ” ปุลวัชรเอื้อมมือหนาของตนมาข้างหน้าช้าๆ อีกไม่มีมิลลิเมตรก็จะสัมผัสกล้ามเนื้อแข็งแกร่งนั้นได้แล้ว ไออุ่นที่ปะทุจากร่างกายสมการรับรู้ได้ชัดเจนขึ้นทุกทีพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามที่อก

“ไม่ได้บ้ายอ แค่แปลกใจว่าพี่น่ารักตรงไหนวะ” ถึงแม้รุ่นน้องจะขยับท่านอนมาใกล้ ชายหนุ่มก็ไม่มีท่าทีจะถอยหนี

“ถ้าพี่ให้ผมกอด ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าน่ารักตรงไหน”

“หึ อยากกอดก็กอด แต่ไม่ต้องตอบก็ได้ว่าพี่น่ารักตรงไหน กลัวจะรู้แล้วสยองตัวเอง” สมการตัดบท ถึงแม้จะไม่ชินที่มีคนมาขอกอด แต่ด้วยความขี้เล่นและน่าเอ็นดูของปุลวัชรที่คลุกคลีกันมาสักระยะทำให้ชายหนุ่มคิดแค่ว่าเป็นน้องชายคนหนึ่งที่ชอบกอดพี่ชาย ถึงแม้ว่าจะรู้แก่ใจอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่แบบที่ตนปลอบใจตัวเองอยู่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไรกับความรู้สึกของรุ่นน้องคนนี้ ความชอบมันไม่ใช่เรื่องผิด หากเราจะชอบใครสักคนมันย่อมไม่มีเหตุผลที่ไม่ดีอยู่แล้ว มันทำให้สมการทำอะไรไม่ได้นอกจากแสดงออกไปตามปกติที่ควรจะเป็น ...มีคนมาชอบ มันควรจะรู้สึกยังไงกันนะ... ความคิดนี้แล่นไปมานานแล้วและยังไม่หายไป

             เช้าวันต่อมาทั้งคู่ต่างตื่นแต่เช้าทั้งที่เพิ่งได้นอนเอาเมื่อใกล้รุ่ง สมการกังวลว่าตัวเองจะนอนดิ้นไปจบในอ้อมกอดของรุ่นน้องจึงพยายามข่มสายตาไม่ให้หลับ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้กับความง่วงที่สะสมมาหลายวัน ส่วนปุลวัชรนั้นก็นอนไม่หลับเพราะรอว่าเมื่อไหร่อีกคนหนึ่งจะขยับตัวมาเบียดหาไออุ่น แม้จะเฝ้ารออยู่นานก็ไม่มีทีท่าจะได้ผล สุดท้ายก็สมดังหวังแต่ก็แลกมากับการเสียเวลานอนไปแทบทั้งคืน ร่างสูงใหญ่ของสมการที่เข้าสู่ห้วงนิทราก่อนจะเช้าขยับเบียดจนอยู่ในอ้อมกอดเขาเสียที

“แค่นี้ก็ดีแล้ว” ปุลวัชรยิ้มและปลอบใจตัวเองเมื่อคนหลับสนิทซุกหน้ากับทรวงอกตอนกลางดึก สองแขนก่ายกอดไว้ถ่ายเทความอบอุ่นอย่างน่าหวงแหน กลิ่นกายคุ้นเคยจากคนร่างใหญ่ชวนสูดดมให้ชุ่มปอด เขานึกอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นี้ ไม่อยากตื่นมาในตอนเช้าแล้วปล่อยให้คนที่อยู่แนบชิดกายหลุดจากวงแขนอย่างไม่อาจทัดทานอะไรได้ ปุลวัชรรู้ว่ามันคือความเห็นแก่ตัว แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากเรามีความรู้สึกดีมากให้กับคนๆหนึ่ง ทุกคนย่อมอยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้นานที่สุด เมื่อได้รับไออุ่นที่รอคอยมาตลอดคืน เด็กหนุ่มก็ไม่อาจต้านทานความง่วงที่บุกรุกมาได้แขนแกร่งกอดกระชับสมการไว้อย่างแนบแน่นเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทราที่หอมหวาน รอยยิ้มแต่งแต้มใบหน้าไม่เลือนหายไปจากความอิ่มเอมที่ล้นเต็มอก

“ง่วงมากเลยเหรอครับพี่ปอนด์ หาวใหญ่เลย” ปุลวัชรเป็นคนชับรถ ทันทีที่เกลี้ยกล่อมหัวหน้าตัวเองให้โดดงานเพื่อไปเที่ยวที่เชียงใหม่ก่อนกลับในอีกสองวัน ถึงแม้สมการจะไม่เห็นด้วย แต่ก็โอนอ่อนกับเหตุผลที่ว่า ต่อให้ขับรถกลับกรุงเทพวันนี้เขาก็ไม่สามารถทำงานได้หรอก เพราะพื้นที่มันจำกัดแม้จะลองยกคอมพิวเตอร์แบบพกมาขึ้นมานั่งบนตักเพื่อพิมพ์เอกสารยังค่อนข้างลำบาก เวลาเข้าโค้งทีก็หัวหมุนทีจนเวียนหัวทำให้ชายหนุ่มยอมจำนนรับปาก ไหนๆก็ไม่ต้องทำงานแล้ว ก็ควรออกไปเที่ยว ...

“นิดหน่อย” ชายหนุ่มหาวปากกว้างอีกครั้ง น้ำตาจะไหลเพราะง่วง

“เดี๋ยวแวะซื้อกาแฟที่ปั๊มน้ำมันหน้านะครับ” ปุลวัชรลอบมองและยิ้ม ในหัวยังคิดถึงไออุ่นในอ้อมกอดเมื่อคืนอยู่อย่างนั้น

“อื้อ ก็ดีนะ” หลังจากขับมาได้ชั่วโมงกว่า รถยนต์หรูก็จอดเติมน้ำมันที่ปั๊มชื่อดังจนเต็มถัง ปุลวัชรปฏิเสธที่สมการตั้งใจจะช่วยจ่าย ชายหนุ่มจึงอาสาลงไปซื้อกาแฟให้แทน

“ขอบคุณครับ” ปุลวัชรรับลาเต้เย็นมาดูด ขณะที่อีกคนกำลังดื่มด่ำกับกาแฟดำที่แสนขม “พี่ปอนด์จะเข้าห้องน้ำก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวจะขึ้นเขาแล้วไม่มีห้องน้ำให้เข้านะ”

“พี่ยังไม่ปวด” ชายหนุ่มรับคำ ก่อนที่รุ่นน้องจะบังคับพวงมาลัยให้โลดแล่นบนถนนสี่เลนหมายเลข 108 จากเชียงใหม่ไปยังอำเภอจอมทองก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนชนบทหมายเลข 1009 เพื่อไปยังจุดหมายที่วางแผนกันไว้

             ข้อดีของรถยนต์คันหรูก็คือสามารถขับขึ้นทางลาดชันได้อย่างดี ถึงแม้จะใช้เกียร์ต่ำแทบตลอดเวลาก็ตาม แรงม้าส่งให้จังหวะออกตัวหรือเร่งความเร็วไม่กระตุกเหมือนครั้งที่ขับพวกรถขนาดเล็ก สองข้างทางที่เต็มไปด้วยป่าและหุบเขาทำให้สมการรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก กาแฟที่ซื้อมาถูกดูดจนเกลี้ยงรวมไปถึงน้ำเปล่าที่เทไปแทนที่ก็แทบไม่เหลือเช่นกัน จังหวะเข้าโค้งที่ไหนสักแห่ง ชายหนุ่มเกิดมวนท้องอย่างหนักคล้ายกับว่าของเหลวมันไหลเอ่อเต็มที่แล้วและไหลมาจ่อที่กระเพาะปัสสาวะจนต้องหนีบสองขาแน่น

“ปุนๆ พี่ปวดเยี่ยวว่ะ”

“อ่า ยังไม่ถึงจุดพักเลยพี่ มีแต่ป่าข้างทางได้มั้ยครับ” ปุลวัชรตอบหน้าเรียบทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะร่วน มองใบหน้าที่กำลังคิดไม่ตกของรุ่นพี่อย่างพึงพอใจ “หรือจะปล่อยใส่ไอ้นี่ก็ได้นะครับ ผมไม่ถือ”

“ไม่เอา” สมการรีบโพล่งตอบ เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นให้คือขวดน้ำเปล่าที่หมดแล้ว

“มันแก้ขัดได้นะพี่ น่าจะพอดีกัน”

“อะไรพอดี” สมการถาม มองขอบแคบของฝาขวดอย่างงุ่นง่านใจสลับกับใบหน้าเปื้อนยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ของรุ่นน้อง

“หมายถึงขวดมันว่างพอดีครับพี่ปอนด์ พี่คิดอะไรน่ะ” จากรอยยิ้มมุมปากกลายเป็นรอยยิ้มกว้างจนสมการหน้าเหวอ

“ปละ เปล่า...” ถึงแม้ในใจจะรู้ว่ารุ่นน้องไม่ได้หมายความตามที่พูดก็ตาม แต่การจะยอมรับว่าไอ้ปากขวดมันรับกับน้องชายเขาได้ก็ดูเหมือนจะเป็นการดูถูกมากเกินไปหน่อย อย่างน้อยพ่อก็ให้มาเยอะอยู่แหละ

“หรือจะข้างทางดีครับ”

“ยะ ยัง ขับต่อเถอะ พี่ไหว” แล้วสมการก็อยากจะทุบหัวตัวเองให้ตายเสียตรงนี้ เพราะหลังจากนั้นรถยนต์ก็แล่นขึ้นเขาต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อนแถมอาการปวดฉี่ก็รุนแรงขึ้นตามลำดับ สองขาจับเกร็งไปหมดเพราะอาการปวดหน่วงๆที่ท้องน้อย จนท้ายที่สุด พวกเขาก็มาถึงที่หมาย สมการรีบพุ่งลงจากรถและวิ่งไปเข้าห้องน้ำแทบจะทันที

“เฮ้ออออ เกือบไม่รอด” ชายหนุ่มบ่นอุบกับตัวเองหลังจากเสร็จธุระ รุ่นน้องหน้าตาดียืนพิงหลังกับรถยนต์รออยู่ที่เดิมและฉีกยิ้มให้ตอนที่เห็นเขาเดินไปหา

“โล่งมั้ยพี่”

“โคตรๆ ไม่น่ากินน้ำเยอะเลย”

“งั้นขึ้นไปไหว้พระบนเจดีย์กันเถอะครับ” สมการรับคำ สองหนุ่มเดินสำรวจพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริและพระมหาธาตุนภเมทนีดลที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเขาก่อนถึงยอดดอยอินทนนท์ สมการเลือกบันไดเลื่อนเพื่อทุ่นแรงในการขึ้นเจดีย์อย่างไม่ลังเล เพราะความสูงมันชวนเหนื่อยถ้าให้เดินเท้า หลังจากพากันไปไหว้พระ ถ่ายรูปวิว ผลัดกันถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็เดินลงมาอีกเจดีย์หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกัน

“พี่ปอนด์ๆ ถ่ายรูปกัน”

“หืม เอาดิ” สมการกระเผลกไปหารุ่นน้อง ชายหนุ่มยอมรับในความอดทนของตัวเองที่สามารถเดินลงจากเจดีย์แรกโดยไม่บ่นว่าเจ็บ หรืออาจเป็นเพราะมีรุ่นน้องคอยประคองไม่ให้ลงน้ำหนักที่เท้าจนเกินไปก็ไม่รู้ ทำให้การมาเที่ยวครั้งนี้มีความสบายใจไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บตัวอีกจากความซุ่มซ่ามของตัวเอง

“ยิ้มหน่อยครับพี่” คนถือกล้องขยับมาชิด แสงแดดในยามนี้เจิดจ้าทำให้วิวเขาด้านหลังสวยจนบรรยายไม่ได้

“ใกล้ไปปะเนี่ย” สมการหันไปถาม เพราะรุ่นน้องที่กำลังจะถ่ายรูปโอบไหล่เขาไว้แน่นไร้ช่องว่าง

“ใกล้ๆสิดี เชลฟี่จะได้เหลือพื้นที่ให้วิวด้านหลังด้วย” เด็กหนุ่มตอบ ถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่ชายหนุ่มก็ปล่อยไปตามนั้น เมื่อมองภาพพรีวิวจากหน้าจอก็เริ่มจะเห็นด้วย วิวเจดีย์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งขนาบด้วยยอดเขาสีเขียวสุดลูกตาตัดกับขอบฟ้าสีสดใสกับก้อนเมฆลดหลั่นกันราวกับปุยฝ้ายทำให้ติดใจจนแทบลืมไปเลยว่าเมื่อครู่เพิ่งบ่นว่าอยู่ชิดกันเกินไป

“สวยจัง”

“รูปเชลฟี่เหรอครับ” ปุลวัชรแสร้งทำหน้าไม่เชื่อ

“วิวสิ วิวข้างหลังน่ะ สวยจัง” สมการตอบแก้เก้อ ตั้งแต่รู้ว่าเด็กหนุ่มคิดไม่ซื่อกับตัวเองก็พาลทำตัวไม่ถูก

“อื้อ เห็นด้วยเลยครับ” เด็กหนุ่มรับคำ ทั้งคู่มองภาพอันสวยงามไว้ สลักมันลงไปในความทรงจำว่าครั้งหนึ่งพวกเขาต่างมาด้วยกัน สายตาลอบมองเสี้ยวใบหน้าของรุ่นพี่อย่างอิ่มเอม มือใหญ่ที่เกาะแขนตนเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักเทไปเท้าข้างที่ใส่เฝือกนั้นลงน้ำหนักอย่างพอดีราวกับว่าคุ้นเคยกับการสัมผัสเช่นนี้แล้ว ภาพธรรมชาติเขียวชอุ่มกับท้องฟ้าสีเข้มชวนให้สบายใจ แต่ปุลวัชรกลับมีคำถามในหัวว่าความสบายใจนี้เป็นเพราะภาพวิวตรงหน้าหรือมาจากการได้อยู่กับคนข้างๆกันแน่

“บรื๋ออออ หนาว” สมการไม่ได้เตรียมเสื้อแขนยาวมาด้วยเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้มีเวลาเที่ยว อากาศบนดอยมันเย็นกว่าในตัวเมืองอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะมีแสงแดดสาดส่องก็ตามที แต่ลมที่พัดกรูมาปะทะกายก็ทำให้หนาวสั่น

“งั้นสวมนี่ไว้นะครับ” ปุลวัชรถอดเสื้อแจ็กเก็ตที่สวมติดตัวมาให้คนตัวใหญ่

“มะ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเราจะหนาว”

“ผมอุ่นแล้ว ตอนนี้พี่กำลังหนาวสวมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่สบาย”

“อื้อ ขอบใจนะ” สมการกระชับแจ็กเก็ตไว้แน่น ไออุ่นจากร่างกายของอีกคนยังกรุ่นอยู่ในตอนนี้ ลมพัดกรูมาอีกครั้ง เส้นผมที่ไม่ได้จัดทรงก็ชี้ไปตามทิศทางลมเย็นจนยุ่งไปหมด

“ไปกันเถอะครับ ลมแรงเหมือนฝนจะตกเลย” ปุลวัชรเอ่ย ชายหนุ่มมองวิวเบื้องหน้าครั้งสุดท้ายก่อนจะค่อยๆเดินตามทางเพื่อลงไปด้านล่าง ครั้งนี้ก็เช่นเคย ร่างสูงมีใครอีกคนคอยประคองปีกไว้เพื่อให้ง่ายต่อการเดินลงบันได แสงแดดที่ร้อนแรงเมื่อครู่ค่อนๆเลือนหายไปช้าๆโดยก้อนเมฆทะมึนเคลื่อนคล้อยมาบดบังฉาบทั่วท้องฟ้า ความสดใสแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ลมหนาวที่พัดกรูอยู่แล้วเริ่มพัดละอองน้ำมาปะทะร่างกาย สมการกระชับเสื้อแจ็กเก็ตไว้แน่นเพื่อไล่ความหนาวที่ดูเหมือนจะมากขึ้นทุกที

   และแล้วฝนก็ตกลงมาท้ายที่สุด คงเป็นเพราะช่วงนี้ยังอยู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศบนดอยลดฮวบจนแทบไม่ต้องอาศัยแอร์รถยนต์เพื่อดับความร้อน สายน้ำที่ตกมาจากเบื้องบนหนักหน่วงอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงก่อนจะแปรเป็นละอองไอแผ่วเบากระทบกับผืนป่า หมอกขาวขนาดใหญ่ลอยต่ำไปทั่วบริเวณจนมองไม่เห็นยอดหญ้าราวกับพวกเขากำลังนั่งรถบนสวรรค์ มีหยดน้ำไหลผ่านกระจกหน้ารถถูกปัดทิ้งด้วยที่ปัดน้ำฝนพอให้เห็นวิสัยทัศน์ตอนลงจากเขา สองหนุ่มตัดสินใจไม่ขึ้นไปตรงจุดสูงสุดของดอยอินทนนท์เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ

“เสียดายวิวกำลังสวยเลย ฝนไม่น่าตกมาซะก่อน” สมการบ่นอุบ นึกเสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไปถ่ายกับป้ายสูงสุดในประเทศไทย

“ไว้เรามากันอีกก็ได้ครับ พรุ่งนี้ก็ได้นะ” คนขับหน้าหล่อเสนอทางเลือก

“ไว้มาอีกรอบหน้าดีกว่า นายพักเถอะพรุ่งนี้ ขับรถนานๆเหนื่อยนะ” รุ่นพี่ตอบปฏิเสธ เพราะระยะทางมาไม่ใช่ใกล้ๆ

“งั้นพี่สัญญาแล้วนะว่าจะมาเที่ยวเชียงใหม่กันอีก”

“ห๊ะ สัญญาตอนไหนวะ” สมการงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อถูกเด็กหนุ่มตะล่อมให้จนมุม

“ก็พี่บอกเองไวว่ารอบหน้าค่อยขึ้นมา” หน้าหล่อกระเง้าอาการเหมือนเด็กโดนขัดใจ สมการอมยิ้มกับท่าทางนั้น มันทำให้เขานึกถึงหลานชาย(ที่เป็นญาติกัน)ที่มักจะทำหน้าบูดเบ้เวลาถูกพ่อแม่ขัดใจ ปุลวัชรทำหน้าตาแบบนั้นไม่ผิดเพี้ยน

“พี่หมายถึง โอกาสหน้านู้น ไม่ได้หมายถึงคราวหน้า โอ๊ย เด็กหนอเด็ก” สามพยางค์สุดท้ายเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน

“ใครเด็ก ผมไม่เด็กแล้วนะ พี่ก็เคยเห็น” สมการหน้าเหวออ้าปากกว้างจนปุลวัชรหัวเราะกับท่าทีที่พยายามเปล่งเสียงอธิบาย แต่ยิ่งพูดก็เหมือนจะยิ่งเข้าตัวจนเป็นเหตุให้ชายหนุ่มเริ่มเงียบ “พี่ปอนด์ เป็นอะไรไปครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก ง่วงๆน่ะ” สมการตอบเลี่ยงไป ทั้งที่ความจริงคือรู้สึกว่าตัวเองถูกดักทางได้หมดจนดิ้นไม่หลุด เด็กสมัยนี้โตไวเกินไป หรือไม่ก็แก่แดดจนคนแก่แบบเขาตามไม่ทัน

“งั้นพักผ่อนนะครับ ฝนยังไม่หยุดเลย สงสัยอดเที่ยวแล้ววันนี้”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็ดีแล้ว ค่อยมาใหม่ละกัน”

“สัญญา?”

“...” สมการเงียบแทนคำตอบ ท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของปุลวัชรทำให้นึกเอ็นดูเสียจนไม่อยากพูดขัด ท่าทางผ่อนคลายราวกับเป็นเด็กน้อยในปกครองทำให้รุ่นพี่ไม่เคอะเขินลำบากใจเวลาถูกก่อกวน

“ไม่ตอบ งั้นผมถือว่าพี่ตกลงตามนี้นะครับ” สมการหลับตาเพื่อเลี่ยงการมองไปทางคนขับรถที่กำลังยิ้มร่าอย่างกับคนถูกหวย ชายหนุ่มกอดอกใต้แจ็กเก็ตตัวเดิมที่ยังคงความอบอุ่นไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเหนื่อยล้า เสียงฝนแผ่วเบาอยู่นอกตัวรถช่วยขับกล่อมให้ความอ่อนเพลียเพราะอดนอนเมื่อคืนก่อนให้กลับมาทำงานเต็มเวลา เพลงรักที่คุ้นหูแว่วส่งให้ชวนฝันหวาน ปุลวัชรยิ้มกริ่มที่ได้เห็นคนที่ตัวเองชอบนอนหลับอย่างสบายใจ รถยนต์เคลื่อนลงเขาท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ เสียงฮัมเพลงจากเด็กหนุ่มคอยขับกล่อมคนที่นอนอยู่เบาะข้างๆอย่างอารมณ์ดีไปตลอดทาง
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.6 @ 29/03/64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-03-2021 22:43:45
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.7 @ 9/04/64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 09-04-2021 13:30:51
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser
ตอนที่ 7. ตัวเล็กตัวน้อย

             ปวรรัชดลพับหน้าจอคอมพิวเตอร์พกพาหลังจากรู้สึกตัวว่าบรรยากาศรอบๆตัวนอกออฟฟิศมืดสนิทแล้ว หากเป็นเมื่อตอนยังโสดในช่วงอายุนำหน้าด้วยเลข 2 เขาคงรีบพุ่งตัวกลับบ้านเพื่อนอาบน้ำและแต่งตัวออกไปเที่ยวยามค่ำคืนกับกลุ่มเพื่อน แต่ช่วงเวลานั้นได้ผ่านไปแล้วและเรียกร้องอะไรคืนมาไม่ได้ เมื่ออายุมากขึ้นพร้อมกับสถานะสมรสทำให้ห่างหายจากการปลดปล่อยตัวเองจากความตึงเครียดในคืนวันศุกร์เช่นนี้จนเคยชิน

RRRRRRRRRR

“ว่าไงวะ” ปวรรัชดลรับสาย

[เลิกงานยังวะ คืนนี้มีงานเลี้ยงบ้านไอ้ยอดนะ มึงไปมั้ย] น้ำเสียงนั้นทักมาอย่างเป็นกันเอง

“กูต้องไปด้วยเหรอ” มือซ้ายนวดหว่างคิ้วเพื่อให้ผ่อนคลายจากความตึงหน่วง

[ต้องมาสิวะไอ้ดล กูไม่อยากเป็นเลขาส่วนตัวคอยตอบคำถามคนอื่นว่าทำไมมึงไม่ยอมไป]

“ใครจะกล้าใช้ซีอีโอคนเก่งอย่างคุณภคภัทร์ล่ะครับ” เขายิ้มตอนที่พูดประโยคนี้ออกไป ภคภัทร์หนุ่มใหญ่ไร้ภาระหน้าตาและฐานะดีจนกลายเป็นหนุ่มโสดในฝันของนิตยสารหลายต่อหลายฉบับกำลังชวนเขาไปดื่ม

[กวนส้นตีน เออ แค่นี้แหละ สรุปว่าไปนะ]

“อ้าว เดี๋ยวสิ”

[ไม่ต้องเดี๋ยว กูส่งโลเคชั่นไปให้แล้ว เจอกัน] ปวรรัชดลไม่ทันจะตอบอะไรสายก็ถูกตัดไปเสีก่อน ร่างสูงที่นั่งท่าเดิมที่โต๊ะทำงานทั้งวันยืดเส้นเพื่อไล่ความขี้เกียจ ภคภัทร์เป็นเพื่อนสนิทและมีสถานะเป็นเจ้าของบริษัทนี้โทรมาตามตัวให้ไปงานเลี้ยงอะไรสักอย่างที่เขาไม่ได้อยากไป ที่ผ่านมานั้นเป็นเพราะภาวดีเป็นตัวตั้งตัวดีในการพาเขาไปออกงานสังคมอยู่เป็นนิตย์ทำให้คนภายนอกเข้าใจว่าหนุ่มรุ่นใหญ่อย่างปวรรัชดลนั้นชื่นชอบการเข้าสังคม แต่เปล่าเลย เขาไม่ต้องการสิ่งนั้นเลยสักนิด ความปรารถนาที่มีมาตลอดเวลาคือการได้ใช้เวลาร่วมกับใครสักคนอย่างเงียบๆที่บ้าน ใครสักคนที่ไม่บงการว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ใครสักคนที่เข้าใจ ใครสักคนที่เขาชอบ... ใครคนนั้น

“สมการเหรอ ผมดลนะ ผมโทรมารบกวนหรือเปล่า” ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดดลใจให้กดโทรออก แค่เพียงนึกถึง ภาพใบหน้าก็ปรากฏ

[สวัสดีครับคุณดล ผมปุลวัชรนะครับ พอดีพี่ปอนด์แกหลับอยู่น่ะครับ ต้องการให้ผมปลุกไหมครับ] ปลายสายตอบอย่างสุภาพจนเกินไป

“อ้าวเหรอ ไม่ต้องหรอก ผมแค่โทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ใกล้ถึงกรุงเทพหรือยัง”

[อ๋อครับ เดี๋ยวผมให้พี่ปอนด์โทรกลับได้ไหมครับ พอดีผมขับรถอยู่ไม่ค่อยสะดวกคุยนาน] ปลายสายเลี่ยงการสนทนา

“อื้อ ได้สิ...” ปวรรัชดลวางสาย ไม่รู้ว่าทำไมถึงตัดสินใจโทรไป ความงุ่นง่านก่อตัวจนนั่งไม่ติด เขากดข้อความในโปรแกรมแช็ตที่ค้างตอบตั้งแต่ช่วงบ่าย ภคภัทร์ส่งข้อความมาชวนไปงานเลี้ยงพร้อมแนบโลเคชั่นมาตามที่บอก ปวรรัชดลเป็นฝ่ายเมินข้อความนี้มาตั้งแต่นั้น แต่ตอนนี้ความรู้สึกแปลกๆที่ปั่นหัวอยู่มันทำให้เขาไม่อยากอยู่คนเดียวในคืนนี้

มารับกูด้วย วันนี้ขี้เกียจขับรถ ... มือใหญ่กดส่งข้อความที่เพิ่งพิมพ์อย่างคล่องแคล่วไปถึงเพื่อสนิทก่อนจะถูกอ่านอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับมาแค่โอเค

#### ####

             ปุลวัชรวางโทรศัพท์มือถือของรุ่นพี่ที่กำลังนอนหลับสนิทไว้ให้ห่างตัวเพื่อไม่ให้รบกวนการนอน เขาไม่แปลกใจเลยที่หัวหน้าใหญ่คนใหม่โทรมาหาสมการ เซ้นส์ของตนไม่ผิดไปจากนี้เป็นแน่ นอกจากคำพูดและการวางตัวที่ดูเหมือนเพื่อนร่วมงาน(เจ้านายกับลูกน้อง) แต่แววตาที่ส่งผ่านหรือลอบมองมันบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณปวรรัชดลนั้นแอบชอบรุ่นพี่คนนี้เช่นกัน

“อื้อออ ใครโทรมาเหรอ” น้ำเสียงงัวเงียถามทั้งที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ

“โทรผิดมั้งครับหรือไม่ก็ประกัน” เด็กหนุ่มปด

“อ่อ ใกล้ถึงโรงแรมรึยังอะพี่ปวดหัว” น้ำเสียงอู้อี้ถามอีกครั้งก่อนขยับตัวให้อยู่ในท่าที่สบายกว่าเดิม

“ไม่สบายรึเปล่าครับ” เด็กหนุ่มเอื้อมมือซ้ายไปแตะหน้าผากคนขี้เซาแผ่วเบา ไอร้อนผ่าวที่แผ่ออกมาทำให้น่าเป็นห่วง ไม่รู้ว่าทำไมคนๆนึงถึงซวยซ้ำซ้อนได้ถึงเพียงนี้ เท้าเจ็บ โดนแก้วบาดเป็นไข้เพิ่งหายดี ตอนนี้ไข้กลับมาอีกครั้ง ... แบบนี้จะให้เขาทนมองเฉยๆได้อย่างไร ผู้ชายคนนี้ควรมีใครคอยดูแลเสียที และคนๆนั้นก็ต้องเป็นเขา ... ปุลวัชร

             เช็ดตัว...ป้อนยา ... เฝ้าไข้ คือสิ่งที่เด็กหนุ่มอย่างปุลวัชรทำกับรุ่นพี่อย่างสมการตลอดทั้งคืน หลังจากที่ถูกไอเย็นพ่วงด้วยละอองฝนบนดอยอินทนนท์เล่นงานไม่นาน ชายหนุ่มร่างถึกที่อาการบาดเจ็บที่เท้ายังไม่หายดีนักก็จับไข้อีกครั้ง ถึงแม้คนเฝ้าไข้ไม่ต้องระเห็จออกไปร้านขายยาเพราะสมการพกยาที่ได้มาครั้งก่อนติดมาด้วย แต่พิษไข้ก็ทำให้คนตัวใหญ่นอนเพ้อเป็นเด็ก ปุลวัชรเช็ดตัวสี่รอบในคืนเดียวด้วยความสงสารที่รุ่นพี่ละเมอออกมาด้วยคำว่า ... หนาว หนาว ...

             เวลาล่วงไปจนถึงตีสี่ อาการไข้ของสมการก็ลดลงจนไม่เพ้อหรือละเมอหนาวสั่นใต้ผ้าห่มอีก เจลลดไข้สีน้ำเงินถูกแปะหน้าผากคนป่วยไว้จนความเย็นหายไปสิ้น ปุลวัชรนอนพิงหัวเตียงอยู่ไม่ห่างก็ตกในภวังค์หลับไหล

“น้ำ หิวน้ำ” เสียงเรียกแค่แผ่วเบาสามารถปลุกอีกคนได้โดยง่าย ถึงแม้ตาจะปิดแต่สมองยังสั่งงานให้คอยระวังอาการคนไข้

“ค่อยๆจิบนะครับพี่ปอนด์” เด็กหนุ่มหยิบแก้วน้ำมาเสิร์ฟ คนตัวใหญ่กระดกราวกับขาดน้ำมาหลายวัน ก่อนจะหยุดดื่มและทำท่าจะโน้มตัวนอนลง

“กี่โมงแล้ว เราเฝ้าพี่ตลอดเลยเหรอ” สมการงัวเงีย แต่ก็ยังเป็นห่วงอีกคนที่อยู่ข้างๆ

“ตีสี่แล้วครับ อย่าถามมากเลย พักผ่อนเถอะครับ”

“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีปุนพี่คงแย่” โชคดีที่เด็กหนุ่มเปิดไฟหัวเตียงฝั่งตนเองเอาไว้ ทำให้เขาเห็นรอยยิ้มระเรื่อจากคนป่วยอย่างแจ่มชัด ประโยคแสนง่ายกลับทำให้หัวใจพองโตราวกับว่าโลกทั้งโลกอยู่ในกำมือ

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะครับ พักผ่อนก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมเฝ้าพี่เอง”

“อื้อ ขอบใจนะ” ชายหนุ่มหลับอีกครั้งด้วยความอ่อนล้า ร่างกายปวดปร่าไปทั่วจากพิษไข้ แต่กลับรู้สึกดีใจที่มีใครคนหนึ่งคอยดูแลเป็นอย่างดี มันทำให้นึกถึงตอนที่เขายังเด็ก ถ้าไม่สบายทีไร ทั้งพ่อและแม่ต่างก็คอยดูแลและเอาใจอยู่ไม่ห่าง ภาพนั้นเหมือนความฝันที่ไขว่คว้าไม่ได้อีกแล้ว เมื่อโตขึ้นพ่อก็ด่วนจากไป ส่วนแม่ก็หนีหายไปไหนก็ไม่รู้ เหลือเขาอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่นั้น ... มันเหมือนนานจนแทบจำไม่ได้เสียแล้วว่า อยู่คนเดียวมากี่ปีแล้วกันแน่

             สมการตื่นขึ้นมาอีกทีในช่วงสายของวันเสาร์ อาการปวดหัวและปวดเมื่อยตามตัวลดลง แต่อาการอ่อนเพลียยังคงอยู่ ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาเพื่อสำรวจว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนและเวลาเท่าไหร่กันแล้ว พอสติที่หายไปเริ่มกลับมาก็รู้สึกหนักที่ไหล่และอึดอัดไปทั้งตัวโดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาเหตุคืออะไร เมื่อลืมตาขึ้นมาเต็มที่ก็เห็นภาพหน้าอกขาวแน่นระยะประชิดพร้อมกับเสียงลมหายใจที่ราบเรียบของคนที่กอดตัวเขาไว้แน่น ชายหนุ่มสะดุ้งแต่ก็บังคับตัวไม่ให้ขยับเมื่อนึกถึงบทสนทนาเมื่อคืนก็เห็นใจรุ่นน้องที่คอยดูแลอยู่จนแทบไม่ได้นอน ท่าทางคงจะเพลียจัดไม่น้อยเพราะสายป่านนี้แล้วร่างสูงยังคงนอนนิ่ง

ท่านี้อีกแล้วเหรอวะไอ้ปอนด์ ... สมองที่ตื่นเต็มที่แล้วเริ่มส่งเสียงทัก ท่ากอดมันไม่ได้วาบหวิวหรอก แต่เป็นเพราะคนที่กอดอยู่นั้นนอนฝั่งตัวเอง แต่คนที่กลิ้งมาหยุดในอ้อมกอดคือเขาต่างหาก แถมยังหนุนแขนอีกคนราวกับเป็นสาวแรกรุ่นที่กำลังเดตกับเจ้าชายสุดหล่อ

หญิงสาวบ้าอะไรวะ ... เสียงในหัวด่าขึ้นมา สมการหยุดความคิดเรื่องนี้ไว้ก่อนจะพยายามหาทางออกจากอ้อมกอดอุ่นนี้โดยไวและไม่ทำให้ปุลวัชรตื่น ท่อนแขนหนักถูกยกขึ้นวางราบกับลำตัวเด็กหนุ่มอย่างเงียบเชียบ สมการพลิกตัวกลับมานอนฝั่งตัวเองก่อนจะค่อยๆคลานลงจากเตียงอุ่นๆพร้อมกับอาการปวดปัสสาวะ

“เฮ้อออออ โล่ง” ชายหนุ่มสะบัดน้องชายก่อนกดน้ำ คงจะป่วยหนักมากจริงๆเพราะจำไม่ได้เลยว่าถึงโรงแรมตอนไหน กินอะไรไป ถูกเช็ดตัวให้ตอนไหน รู้แต่ว่าปวดเมื่อยไปหมดแถมยังหนาวจนตัวสั่น

“พี่ปอนด์เป็นไงบ้างครับ”

“อุ่ย” ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่ออยู่ๆรุ่นน้องก็โผล่มาที่ห้องน้ำที่ไร้ประตู ดีนะที่เก็บงวงไว้แล้ว “มะ ไม่เป็นไรแล้ว”

“หิวมั้ยครับ ผมจะได้สั่งอาหารขึ้นมา” เด็กหนุ่มที่เตี้ยกว่าเขา 1-2 เซ็นติเมตรไม่ได้แค่พูดแต่ยังใช้ฝ่ามือแตะหน้าผากเพื่อเช็กอาการจนต้องเผลอโน้มหัวหลบอย่างอัตโนมัติ

“ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ครับ เราล่ะ”

“ผมก็ยังไม่ค่อยหิว แต่พี่ปอนด์ต้องมีอะไรสักรองท้องหน่อยนะครับเพราะต้องกินยาอีก”

“อื้อ ยาอีกแล้ว” ชายหนุ่มบ่นออดแอด รสขมๆของมันไม่น่ายินดีเลยสักนิด

“พี่จะอาบน้ำหรือให้ผมเช็ดตัวดีครับก่อนมื้อเช้าจะมา”

“อะ เอ่อ พี่อาบน้ำดีกว่า เหนียวตัวด้วย ละ แล้วก็ไม่ต้องสั่งมาหรอก ลงไปกินข้างล่างยังทันมั้ง”

“ก็ทันนะครับ แต่ผมกลัวว่าพี่จะยังเพลียอยู่”

“โอ๊ย สบาย รุ่นนี้ถึกทน” ว่าแล้วเขาก็เบ่งกล้ามโชว์ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเขาไม่ได้อยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงบ็อกเซอร์แบบนี้นี่นา แสดงว่าไอ้เด็กที่ยืนลอยหน้าลอยตาคนนี้เป็นคนเปลี่ยนชุดให้ ... สมการอ้าปากค้างเมื่อนึกเช่นนี้

“ไม่ต้องอายหรอกครับ ผมเห็นจนชินแล้ว พี่ไปอาบน้ำเถอะนะครับ” เด็กหนุ่มโพล่งออกมาราวกับรู้ทัน สมการหน้าแดงไปหมดอย่างไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจะต้องอายสายตาของอีกคนด้วย ใช่ว่าเพิ่งถูกมองซะที่ไหน อีกอย่างเขาก็เคยเห็นอะไรต่อมิอะไรของอีกคนแล้วเหมือนกัน มันก็มีอะไรคล้ายๆกันนั่นแหละ ไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย ...

             ท้ายที่สุด สมการก็ยืนกรานให้รุ่นน้องขับรถกลับกรุงเทพในวันนี้เลย เพราะถ้ายังอยู่เชียงใหม่พวกเขาก็ไม่ได้ไปไหน นอนอยู่ที่โรงแรมก็เสียค่าห้องไปฟรีๆ สู้เช็กเอาท์และนอนพักในรถดีกว่าอีก ถึงแม้จะไม่สบายเท่าแต่ก็ไม่แย่เนื่องจากภายในรถนั้นกว้างขวางมากพอที่จะเอนตัวลงนอน ถึงแม้ปุลวัชรจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่อยากจะขัดใจรุ่นพี่มากนัก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นว่าไหว เด็กหนุ่มก็ตกลงที่จะขับรถกลับอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ไหนบอกว่าไหวไงครับ ไข้ขึ้นอีกแล้ว ถ้าไข้ไม่ลดผมจะพาไปหาหมอละนะ” ปุลวัชรบ่นอุบกับคนดื้อที่นอนแน่นิ่งที่โซฟาในห้องรับแขกแทบจะทันทีที่ถึงกรุงเทพ โชคดีที่รถไม่ติดและสองหนุ่มไม่ได้แวะที่ไหนนานๆนอกจากซื้อข้าวตามปั๊มง่ายๆเพื่อประทังความหิว จึงกลับถึงบ้านหลังจากฟ้ามืดไปแค่ไม่นาน

“ไม่เอาไม่ไปหาหมอ”

“งั้นพี่ก็กินยาก่อน”

“ไม่เอาไม่กินยา”

“อย่าดื้อสิครับ กินยาก่อนเดี๋ยวผมเช็ดตัวให้”

“ไม่เอาไม่เช็ดตัว”

“เห้อ...” ปุลวัชรถอนหายใจหนึ่งทีใหญ่ คนป่วยตัวโตทำท่างอแงเป็นเด็กอายุ 8 ขวบอย่างน่าชัง “ถ้าดื้อจะพาไปหาหมอ”

“ไม่เอาไม่ไปหาหมอ” แล้วบทสนทนาก็วนลูปกลับมาอีกครั้ง

             กว่าจะจัดการคนป่วยให้กินข้าวกินยา เช็ดตัวเปลี่ยนชุดและพาขึ้นในห้องนอนชั้นสองได้ก็ทำเอาเด็กหนุ่มแทบหมดพลัง สองอย่างแรกไม่เท่าไหร่เพราะคนป่วยยังให้ความร่วมมือ แต่พอต้องถอดชุดเพื่อเช็ดตัวก็งอแงหนัก ต้องปลุกปล้ำถอดเสื้อและกางเกงยีนส์อยู่นานจนเหงื่อท่วม คนที่ไม่สบายแถมยังไม่ลืมตาก็ขัดขืนเก่งเหลือเกิน กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเก่าถูกรั้งไว้แน่นด้วยอุ้งมือทั้งสองที่กุมน้องชายไว้อย่างหวงแหน ปุลวัชรได้แต่กลอกตาไปมาก่อนจะยอมแพ้ไม่ถอดมันออกและลงมือเช็ดตัวอย่างทุลักทุเล ถ้าไม่เป็นเพราะอุณหภูมิร่างกายที่ทะลุ 38 องศาเป็นหลักฐาน เขาคงคิดว่าสมการแกล้งป่วยและป่วนเขาเล่น

“พี่ปอนด์ครับ พี่ปอนด์” ปุลวัชรสะกิดคนป่วยที่นอนนิ่งอย่างห่วงใย อาการไข้ยังไม่มีทีท่าจะลด ต้องปลุกให้มากินยา

“อื้อ หนาวอ่า” สมการนอนขดตัวใต้ผ้าห่ม ไอร้อนแผ่ออกมาอย่างน่าเป็นห่วง

“กินยาก่อนนะครับ ไข้ขึ้นแล้ว” หนุ่มรุ่นน้องพลิกตัวให้อีกคนนอนหงายก่อนจะบอกให้ขยับมาพิงหัวเตียง

“ไม่กินได้มั้ยอ่า”

“อย่างอแงสิครับ ถ้าคืนนี้ไข้ไม่ลด พรุ่งนี้ผมพาไปหาหมอนะ”

“งื้อ ไม่เอาหมอ ไปหาบ่อยแล้ว” คนป่วยตอบซื่อๆ เพราะในจิตสำนึกตอนนี้ การไปหาหมอเท่ากับการเจ็บตัว ทั้งต้องเย็บแผล ใส่เฝือกและรวมไปถึงฉีดยา

“งั้นกินยานะครับ ค่อยๆครับ ... ดื่มน้ำหน่อยนะครับ” ปุลวัชรไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถดูแลใครสักคนได้ขนาดนี้ เพราะจะถูกพ่อแม่หรือพี่เลี้ยงคอยเอาใจใส่ไม่ห่าง พอย้ายออกมาอยู่กับสมการ กลับมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด

“หนาว” เสียงอ่อนเพลียบอกหลังจากจิบน้ำไปอึกใหญ่ก่อนจะพลิกกายลงไปเอนหลังบนเตียงนุ่ม แสงไฟจากหัวเตียงสีส้มสว่างพอให้เห็นใบหน้ายับย่นจากอาการไข้และปวดหัว ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงไปพันกับตัวคล้ายเป็นแหนม ปุลวัชรมองภาพนี้แล้วยิ้มให้กับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่นานนักคนที่หลับไหลก็ขยับมาซุกไออุ่นที่อยู่ข้างๆ และเป็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ยิ้มกว้างอีกครั้งและโอบรับร่างกายที่ร้อนผ่าวนั้นไว้ในอ้อมกอดอย่างมีความสุข
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.7 @ 9/04/64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-04-2021 01:06:56
 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยายY] เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.7 @ 9/04/64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-04-2021 10:15:59
พี่สมงอแงเป็นเด็ก คงน่าเอ็นดูในสายตาน้องสินะ 55555
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.8 เมาแล้วชอบแก้ผ้าเหรอ @ 20/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 20-04-2021 15:16:07
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 8. เมาแล้วชอบแก้ผ้าเหรอ

             ผ่านมาแล้ว 30 วันหลังจากปุลวัชรเริ่มทำงานที่บริษัท มันก็ยังเป็นอีกเดือนหนึ่งที่ยอดขายของทีมมันนี่ย่ำแย่ ปวรรัชดลเริ่มกดดันสมการและเรียกเข้าไปประชุมวางแผนงานถี่ขึ้นจนแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่น ชายหนุ่มที่กำลังวุ่นวายเรื่องตัวเลขจึงลืมเรื่องที่เชียงใหม่ไปเสียสิ้น ต้องขอบคุณประสบการณ์ชีวิตที่สอนสั่งมาอย่างดี หลังจากวันที่รู้ความในใจของปุลวัชร เขาก็แสร้งทำว่าไม่รู้อะไรทั้งสิ้นเพื่อกลบเกลื่อนความตกใจ ไม่ได้ตกใจเรื่องที่ปุลวัชรมีรสนิยมทางเพศอย่างไรหรอกนะ แต่ตกใจที่อยู่ๆมีผู้ชายหน้าตาดีเหมือนพระเอกละครมาชอบเบ้าหน้าตลาดล่างแบบตนต่างหาก

“คิดอะไรพี่สม โดนหนักอีกล่ะสิ” วรจักรทำลายความเงียบหลังจากเห็นหัวหน้ากลับมานั่งหงอยที่โต๊ะทำงาน

“ปะ เปล่า”

“ดูหน้าก็รู้ ว่าไงครับพี่ คุณดลให้โจทย์อะไรมาอีก” อัครเดช พนักงานขายในทีมอีกคนส่งเสียงถาม ด้วยความเป็นกันเองทำให้รุ่นน้องสามารถพูดคุยกับสมการได้อย่างกันเอง

“ก็เรื่องเดิมๆ” สมการตอบสั้นๆและถอนหายใจ หลังจากคุณปวรรัชดลเข้ามากุมบังเหียนอย่างเต็มที่ไร้เงาพี่นิมิตร วิธีการทำงานต่างๆก็ถูกรื้อใหม่ทั้งหมด อันที่จริงแผนการคร่าวๆนั้นถูกร่างมาตั้งแต่หัวหน้าคนเก่ายังอยู่ แต่พอแกปลดเกษียนไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับทีมมันนี่

“ต่อไปนี้ให้ทางทีมมันนี่โทรหาลูกค้าโพเทนเชียล (Potential customers = ลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อ) นำเสนอตัวอย่างโปรแกรมและให้ทดลองใช้ 3 วัน”

“ห๊ะ แค่สามวัน ลูกค้าจะ...”

“แค่สามวันก็พอ แล้วหลังจากนั้นก็ให้โทรตามว่าอยากใช้งานเต็มรูปแบบเลยไหม ไม่ต้องรอสองอาทิตย์อีกแล้ว” ปวรรัชดลกำลังรื้อวิธีการทำงานแบบเก่าออกให้หมด ด้วยโปรแกรมทางการขายที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว หลังจากส่งเดโมทดลองใช้งานก็ควรติดตามผลโดยไว เขาต้องการลดเวลาตัดสินใจของลูกค้าลงจากช่วงทดลองใช้งาน 14 วันเหลือ 3 วัน

“เพราะลูกค้ารู้จักสินค้าอยู่แล้ว การที่เขาลงทะเบียนเข้ามาก็หมายความว่ามีความต้องการจะใช้งานเลย ต้องตัดเวลาทดลองใช้ลง ไม่อย่างนั้นอาจเอาไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้” ผู้จัดการคนใหม่ให้เหตุผล สมาชิกทุกคนจึงไม่มีใครโต้แย้ง

“แล้วต่อไปให้เซลล์ปิดการขายทันทีหลังจบการใช้งาน ไม่ต้องรออีก 7 วันแล้ว”

“ตะ แต่”

“ไม่มีแต่ครับคุณวรจักร ถ้าคุณให้เหตุผลมาได้ว่าทำไมต้องปล่อยลูกค้าให้คิดนานถึง 7 วันมาได้ ผมถึงจะยินดีรับฟัง” สมการส่งสายตาบอกให้ลูกน้องคนสนิทหยุดพูด เพราะรู้ดีว่าระบบการทำงาน 21 วันก่อนจะขายมันค่อนข้างล้าหลัง ลูกค้าที่ได้ทดลองใช้งาน 14 วันย่อมมีจุดอ่อนให้ลูกค้าเอาไปเปรียบเทียบกับระบบของคู่แข่ง มันยังนานมากพอที่จะให้ลูกค้าเอาไปต่อรองกับคู่แข่งเพื่อให้เพิ่มฟังชันก์การทำงานให้มากกว่าเดิมอีกด้วย ไหนจะต้องทิ้งเวลาอีก 7 วันหลังจากทดลองใช้และรับฟีดแบ็กเพื่อรอให้ลูกค้าตัดสินใจอีก มันจึงทิ้งช่วงนานเกินไปจนกลายเป็นโอกาสให้คู่แข่งชิงขายตัดหน้าไปก่อน

“พี่สมไม่น่าห้ามเลยวันนั้น” วรจักรบ่นไม่หยุด การทำงานเชิงรุกแบบนี้ทำให้งานยุ่งมากขึ้น ตอนนี้ทีมขายมีแค่ 4 คนถ้านับรวมสมการด้วย พวกเขาต้องโทรศัพท์หาลูกค้าไม่ต่ำกว่า 100 สายต่อวัน ทั้งเรื่องติดตามผลการใช้งาน ตกลงราคาและทำใบเสนอส่งให้ รวมไปถึงต้องไปสอนการใช้งานให้ลูกค้าใหม่อีก ...

#### ####

วันศุกร์หลังเลิกงาน...
             สองหนุ่มเดินลงจากรถยนต์คันหรูของปุลวัชรอย่างเหนื่อยล้า ทั้งคู่ต่างหมดเรี่ยวแรงเพราะทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์แบบไม่มีพัก การงานที่ถาโถมยิ่งทำให้เลิกงานดึกดื่น เจ้าของบ้านนั้นยังพอมีเวลาพักบ้าง แต่รุ่นน้องกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อถึงบ้านก็จะทำกับข้าว เก็บกวาดความรกและสิ่งของที่สมการทิ้งไม่เป็นที่ ไหนจะเสื้อเชิ้ต ถุงเท้า แม้กระทั่งกางเกงในที่ถอดซุกไว้ใต้เตียง และอื่นๆอีกมากมาย

“โอ้โห บ้านพี่สมอย่างแจ่ม” วรจักรเดินตามสองหนุ่มเข้ามาในบ้านก็พบความแปลกตาที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน เมื่อวางถุงข้าวของที่ซื้อมาจากห้างใกล้ออฟฟิศไว้ที่ครัวก็เดินมานั่งโซฟาที่ขุ่นที่ตอนนี้ไร้ฝุ่นจับ ข้าวของที่เคยวางไม่เป็นที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี พื้นบ้านสะอาดสอ้านจนแทบไม่อยากเชื่อสายตา

“ตั้งแต่ไอ้ปุนมาอยู่ด้วยบ้านแม่งน่าอยู่ขึ้นเยอะ เจ๋งวะไอ้ปุน” อัครเดชเป็นอีกคนที่ตกใจเมื่อได้เห็นสภาพ เดิมทีพวกเขามักจะหาเรื่องสังสรรค์กันที่บ้านหัวหน้าตัวเองกันเดือนละครั้งอยู่แล้วเพราะทำเลดี ไม่ต้องห่วงว่าจะมีเมียหรือแม่มาบ่นเพราะเป็นบ้านของหนุ่มโสด แต่ก่อนนั้นจะมีก็แค่เรื่องความสกปรกเท่านั้นแหละที่เป็นปัญหา แต่มาครั้งนี้กลับพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ

“เล็กน้อยพี่ พอดีผมไม่ชอบอะไรรกๆน่ะครับ” เด็กหนุ่มที่อยู่ในครัวตอบกลับ ประตูบานเลื่อนที่กั้นระหว่างสองห้องเปิดกว้างจนสามารถสนทนากันได้โดยไม่มีอะไรกั้น แขกที่คุ้นเคยก็ช่วยเหลือตัวเองตระเตรียมเครื่องดื่มและน้ำแข็ง

“พี่สม เสื่ออยู่ไหนวะพี่ จะเอาไปปูโต๊ะก่อนกันฝุ่น” วรจักรตะโกนถามเจ้าของบ้านที่สลัดคราบพนักงานออฟฟิศออกเหลือแค่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดย้วยๆเพิ่งเดินมาจากชั้นสอง

“ไม่รู้ว่ะ ถามปุนสิ” เจ้าของบ้านเข้ามาช่วยในครัว

“อยู่นี่ครับ” ปุลวัชรวิ่งมาหยิบเสื่ออย่างคล่องแคล่ว

“สรุปใครเป็นเจ้าของบ้านกันแน่วะเนี่ย” อัครเดชแซว ก่อนช่วยกันลำเลียงอุปกรณ์ไปนอกตัวบ้านที่เดิมทีเป็นที่ว่าง แต่พอปุลวัชรย้ายเข้ามาก็ปลูกหญ้าไว้จนเขียวชะอุ่ม แถมยังมีม้านั่งหินอ่อนประดับอีกด้วย ถ้าไม่ถูกสมการห้ามไว้ พื้นที่ตรงนี้จะต้องมีศาลาบังแดดอีกด้วย

“เอ้าชนโว้ย” เสียงเฮฮาดังขึ้นเมื่อต่างคนต่างกรึ่มเพราะฤทธิ์น้ำเมา เตาถ่านที่ร้อนระอุถูกรายล้อมด้วยหนุ่มๆสี่คนที่กำลังคีบเนื้อวางบนกระทะสีดำเพราะเศษอาหาร ในมือแต่ละคนถือทั้งตะเกียบและแก้วเหล้า งานสังสรรค์ขนาดย่อมของทีมมันนี่กำลังสนุกได้ที่ หมูกระทะในค่ำคืนที่ร้อนอบอ้าวไม่ทำให้แต่ละคนท้อถอย ปุลวัชรคอยคีบเนื้อที่สุกใส่จานหัวหน้าตัวเองอยู่ไม่ขาด ทั้งหมดไม่ได้หลุดรอดสายตาของวรจักรและอัครเดชไปได้ สองคนนี้เป็นกองเชียร์ลับๆของรุ่นน้องที่กำลังตามจีบหัวหน้าทีมอยู่ แต่ดูเหมือนคนโดนจีบจะซื่อบื้อจนมองไม่ออกถึงเรื่องนี้

RRRRRRRRRRrrrrrrrrrr

“ฮาโหล ครายวะ” เสียงเจ้าของบ้านเริ่มยานตอนที่สนทนากับสายเรียกเข้า ไม่นานก็เดินโซเซไปเปิดประตูรั้วบ้าน

“ใครมาน่ะพี่” ปุลวัชรเดินตามมาประคองร่างสูงโงนเงน ด้านนอกมีผู้ชายไม่คุ้นหน้ากำลังยืนอยู่ ท่าทางจะรุ่นราวคราวเดียวกับสมการเมื่อดูจากใบหน้า ในมือถือกระเป๋าบรรจุของจนเต็มแน่นไว้

“มึง กูขออยู่กับมึงสักพักได้ปะ”

“หืม ครายวะ” เจ้าของบ้านพูดอ้อแอ้โน้มหน้าไปมองคนมาหาระยะประชิดจนเด็กหนุ่มต้องดึงไว้ อีกนิดเดียวก็จะจูบปากกันแล้ว

“ไอ้สัส นี่มึงเมาขนาดจำกูไม่ได้เลยเหรอวะ”

“เออ ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าพี่เป็นใครเหรอครับ” ปุลวัชรถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เพราะคนแปลกหน้าทำท่าจะรู้จักรุ่นพี่ของตนเป็นอย่างดี แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะแค่มาขอค้างวันสองวันแน่เพราะดูจากขนาดของกระเป๋าที่ถือมา

“อ๋อ น้องปุนใช่มั้ย ที่มาเช่าบ้านไอ้ปอนด์อยู่น่ะ”

“ใช่ครับ พี่เป็นเพื่อนพี่ปอนด์เหรอครับ พี่ปอนด์อยู่นิ่งๆ” เหมือนเจ้าของงานจะโงนเงนจนเกือบล้ม ปุลวัชรจึงโอบร่างสูงไว้และเปิดทางให้คนแปลกหน้าเดินเข้ามาข้างใน

“อ้าว นึกว่าใครมา สวัสดีครับพี่เชน” วรจักรยกมือไหว้บุรุษหนุ่มอย่างคุ้นเคย ตามมาด้วยอัครเดชที่ทักทายอย่างเป็นกันเอง

“ทะเลาะกับเมียมาอีกแล้วเหรอพี่”

“เออดิ ว่าจะมาขออยู่กับไอ้ปอนด์สักพัก ไม่รู้ว่าแม่งจะเมากันวันนี้ ไม่งั้นจะได้รีบมา” คนชื่อเชนเดินผ่านร่างของปุลวัชรกับสมการอย่างไม่ใยดี นั่งแทนที่เจ้าของบ้านและยังใช้อุปกรณ์เดิมของคนเมาอีกด้วย

“ไรวะพี่ ไหนคราวก่อนบอกว่าดีกันแล้วไงครับ”

“เออ วันก่อนมันดีไง แต่วันนี้ไม่ดี อย่าถามมาก เทมา” ชายหนุ่มผู้มาใหม่ยกแก้วเปล่าไปทางรุ่นน้องอย่างไม่เคอะเขิน ปุลวัชรลอบมองอย่างไม่วางใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากคนตัวสูงนี้กำลังทิ้งน้ำหนักมาทับตนมากขึ้นเรื่อยๆ

“อ้าวไอ้พี่สม เมาปลิ้นแล้วน่ะ”

“ท่าทางจะไม่ไหวแล้วพี่ เดี๋ยวผมพาขึ้นไปนอนก่อนนะ”

“เออๆ รีบไปรีบมาล่ะมึง” ปุลวัชรพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะลากร่างของสมการขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสอง

“ไม่อาวไม่นอน จาชนแก้ววววว”

“ชนแก้วอะไรล่ะครับ พี่เมามากแล้วนะ”

“ม่ายยยย เอิ๊กกกก” เสียงเรอดังลั่นก่อนที่เจ้าตัวจะผุดลุกพรวด “อุ๊ก”

“เห้ย พี่อย่าเพิ่งๆๆๆ ไปห้องน้ำก่อน” ปุลวัชรตกใจที่เห็นท่าไม่ดี ร่างสูงเวียนหัวโลกหมุนติ้วจนอยากขย้อน ผิดกับอีกคนที่ร้อนใจกลัวของเสียจะถ่ายออกทางปาก สองร่างต่างโงนเงนฉุดกระชากกันไปมาชนโน่นนี่จนเสียงโครมครามดังไปถึงข้างล่างเพียงเพื่อจะพาคนเมาไปอาเจียนในห้องน้ำเท่านั้น

“เป็นอะไรกันรึเปล่าวะ เสียงโครมครามเหมือนคนทะเลาะต่อยกัน”

“ต่อยอะไรล่ะครับ พี่ปอนด์เมาแต่ไม่ยอมนอนดีๆ ลุกพรวดจนต้องลากมาอ้วกเนี่ย” ปุลวัชรตอบอย่างไม่คำนึงคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง ร่างโย่งของเจ้าบ้านกำลังโก่งคอปล่อยอะไรต่อมิอะไรที่กินเข้าไปออกมาไม่ขาดสาย สามหนุ่มที่ตกใจรีบวิ่งขึ้นมาดูอย่างอุดจมูกเอาไว้แน่น

“งั้นมึงดูแลพี่สมไปเลยนะ พวกกูลงไปกินกันต่อละ” เสียงอู้อี้ของวรจักรดังขึ้น

“อ้าว พี่จักร ช่วยผมพาพี่ปอนด์ไปนอนก่อนสิครับ”

“ไม่เอาอะ เอ็งอยู่บ้านเดียวกันก็จัดการไปตามสบาย พวกกูขอตัว...ไปเถอะพี่เชน ทางนี้ให้ไอ้ปุนมันดูแลไป” วรจักรตบบ่ารุ่นพี่ที่รู้จักมาหลายปีอย่างคุ้นเคย ปุลวัชรได้แค่ถอนหายใจอย่างเอือมระอาและก้มไปลูบหลังคนเมาอย่างไม่นึกรังเกียจ

“เพิ่งเคยเห็นไอ้ปอนด์ยอมให้คนอื่นดูแลระยะประชิดเลยนะเนี่ย”

“นั่นสิพี่เชน ปกตินะ ต่อให้เมาเหมือนหมาต้องคลานสี่ขาขึ้นเตียงก็ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ แสดงว่าพี่สมไว้ใจไอ้ปุนมากนะเนี่ย” อัครเดชส่งเสียงสนับสนุน ประโยคนี้ทำให้เด็กหนุ่มที่ลูบแผ่นหลังกว้างเผลอยิ้มจนแก้มปริ

“จัดการซากพี่สมเสร็จแล้วตามลงไปนะ” วรจักรบอกรุ่นน้อง ... สมเสร็จเลยเหรอ สองคำนี้มาใกล้กันแล้วความหมายเปลี่ยนเลยแฮะ

             เมื่อวางร่างขนาดความสูง 184 เซ็นติเมตรลงบนเตียงอย่างทุลักทุเลจนเหงื่อไหลไคลย้อยแล้วก็สังเกตอาการอีกห้านาทีว่าจะต้องลากไปห้องน้ำอีกไหมจบลง ปุลวัชรจึงได้มีเวลานั่งมองใบหน้าเรียบเฉยของสมการอย่างใจเบิกบานพลางนึกถึงประโยคที่รุ่นพี่อย่างอัครเดชพูดทิ้งท้ายเรื่องพี่ปอนด์ยอมให้เขาดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่เหมือนกับแต่ก่อน

“เป็นแบบนี้แล้วผมจะหยุดความคิดได้ยังไงล่ะครับพี่ปอนด์ ผมอุตส่าห์บอกตัวเองว่าให้เลิกชอบพี่แล้วนะครับ แต่พี่รู้มั้ยว่ามันทำยากมาก พอได้ฟังที่พี่เดชพูดมันก็ยิ่งทำให้เรื่องนี้มันเกินความสามารถผมไปเลย ผมชอบพี่ต่อได้มั้ยอะครับพี่ปอนด์ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้พี่ต้องอึดอัดเลย ขอแค่พี่อย่าทำตัวห่างเหินผมก็พอ” น้ำเสียงพร่ำเพ้อนั้นแผ่วเบาคล้ายกับรำพึงกับตัวเอง หากแต่ในใจก็คาดหวังให้คนที่นอนหลับสนิทได้รับรู้สิ่งที่ตนกำลังสับสนอยู่ไม่น้อย

“งื้อ ร้อน” คนเมาไม่พูดเปล่า สองมือเกาะแกะกับเสื้อผ้าจนรุ่นน้องต้องรีบวลวสห้ามให้วุ่น

“พี่ปอนด์ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมเปิดแอร์ให้”

“ร้อนโว้ย ร้อน” แค่เสี้ยววินาทีที่ละสายตา เสื้อยืดตัวย้วยกับกางเกงตัวยานก็ถูกถอดกองไม่เป็นที่ คนเมาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองนั้นไม่ได้ใส่กางเกงใน ร่างเปลือยเปล่าปรับท่านอนจนสบายตัวไม่สนใจความตะลึงของคนดูแลเลยแม้แต่น้อย

แก้ผ้าขนาดนี้ ผมถือว่าพี่อ่อยผมอยู่นะ ปุลวัชรคิดในใจพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือไม้สั่นไปหมดเมื่อเห็นภาพยั่วยวนนอนบนเตียง เด็กหนุ่มเผลอตัวมานั่งข้างๆอย่างทำใจให้นิ่งอย่างลำบาก หุ่นที่ลีนแต่ไม่ได้ผอมโซของสมการเผยสัดส่วนที่ลงตัว อะไรต่อมิอะไรที่นอนแน่นิ่งกลับชวนให้รุ่นน้องใจสั่น มือใหญ่ไม่อาจห้ามอาการสั่นเทาได้เมื่อเขยื้อนไปใกล้ใบหน้าที่หลับไหล ลมหายใจปล่อยไอร้อนพร้อมกลิ่นสาปของสิ่งที่ซดเข้าไป

คิ้วพี่ปอนด์หนาและสวยจัง จมูกก็โด่ง พอนอนแบบนี้แล้วตาดุๆก็ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย หืม...หนวดเริ่มยาวแล้วไม่รู้จักโกนต้องให้คอยกำกับเหมือนเด็ก ปุลวชัรยกยิ้มเมื่อสัมผัสแผ่วเบาทั่วใบหน้า ลำคอหนาครางแผ่วกรีดใจให้หวีดหวิว หน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะส่งไออุ่นกับฝ่ามือที่ลูบไล้อย่างใจสั่น

ไม่อยากให้ใครมาเห็นพี่ในสภาพนี้เลย เด็กหนุ่มนึกกับตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว ถึงแม้รุ่นพี่จะเป็นผู้ชายห่ามๆ หลังจากเห็นร่างเปลือยของกันและกันไปแล้ว หลังๆจึงไม่เหลือความอาย สมการเดินตัวเปลือยเปล่าไปมาในบ้านด้วยความเคยชินหลายต่อหลายครั้งโดยไม่สนใจเลยว่าปุลวัชรจะหน้าแดงหรือแอบเขินแถมยังต้องปั้นหน้าให้เป็นปกติขนาดไหนเพื่อปกปิดความคิดอกุศลของตัวเอง

“ฮื้อ เสียว...” มือหนาของคนเมาคว้าหมับเมื่อคนที่นั่งอยู่ไล้เรื่อยไปที่กล้ามอก ปุลวัชรตกใจแทบเป็นลมเพราะกลัวว่าเขาจะลืมตาและโวยวายจนคนอื่นๆพรวดพราดเข้ามาในห้องจนต้องชักมือออก จัดแจงสวมเสื้อผ้าที่เจ้าตัวถอดทิ้งไว้ป้องกันคนอื่นมาเห็นและรีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างสูงไว้ แอร์ในห้องนอนที่เพิ่งติดไม่นานมานี้เริ่มส่งไอเย็นๆ เมื่อพินิจใบหน้าไร้เดียงสาของคนที่หลับสนิทไม่นานก็ปิดไฟและเดินลงไปสมทบกับคนขี้เมาที่คุยกันอย่างออกรสที่ลานหน้าบ้านอีกที
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.8 เมาแล้วชอบแก้ผ้าเหรอ @ 20/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-04-2021 23:35:09
 :z3:


ทำไม ทำไม และทำไม
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.8 เมาแล้วชอบแก้ผ้าเหรอ @ 20/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 21-04-2021 00:23:10
ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.8 เมาแล้วชอบแก้ผ้าเหรอ @ 20/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-04-2021 22:12:58
ถ้าพวกขี้เมา เมาหลับกันหมดแล้วล่ะก็....นะ.... :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.9 เพื่อนสนิท...ควรคิดให้ซื่อ @23/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 23-04-2021 15:11:49
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser
ตอนที่ 9. เพื่อนสนิท...ควรคิดให้ซื่อ

“พี่เชนรู้จักกับพี่ปอนด์มานานแล้วเหรอครับ” หลังจากความเมาที่หายไปคืนกลับมา ปุลวัชรก็เริ่มเปิดปากคุยกับรุ่นพี่ที่เพิ่งรู้จัก

“ก็ตั้งแต่ปี 1 แล้วล่ะ ตอนนั้นมันเอ๋อยังไง ตอนนี้ก็ยังเอ๋อไม่เปลี่ยน” เพื่อนสนิทเจ้าของบ้านตอบอย่างอารมณ์ดี

“จริงพี่ เอ้าชน” วรจักรที่เมามายแทบไม่ได้สติยกแก้ว

“พวกพี่สนิทกันมากเลยเหรอครับ”

“ก็มากนะ เรียนด้วยกัน เป็นรูมเมตกัน เพิ่งแยกกันตอนพี่แต่งงานไปนี่แหละ” เด็กหนุ่มดีใจอย่างเงียบเชียบที่ได้ยินประโยคนี้ ความหึงหวงในใจหายวับ

“แต่พี่ก็หย่าแล้วนะไอ้พี่เชน ตอนนี้ก็เป็นพ่อมาลัยลอยไปลอยมา” เสียงเมาๆของอัครเดชทำให้เด็กหนุ่มหน้าบึ้งอีกครั้ง ทั้งที่ข่มใจไม่ให้หึงเรี่ยราดแล้วก็ตาม

“โอ๊ย จี้ใจกูว่ะ เอ้าชน” คนชื่อเชนพูด ทั้งสี่จึงยกแก้วมาชนก่อนกระดกของเหลวลงไป

“ว่าแต่ ทำไมไอ้ปอนด์มันยอมให้มึง – พูดมึงกูได้มั้ย พอดีกูถนัดแบบนี้”

“อ่า ได้ครับพี่”

“เออ นั่นแหละ ทำไมมันยอมให้มึงมาอยู่ด้วยวะ” เชนยังถามต่อ ตอนนี้เหมือนจะเมาแล้ว

“ก็ เอิ๊ก” วรจักรคนที่รู้ข้อมูลมากที่สุดคนหนึ่งแทรกขึ้น “พี่สมน่ะสิ สะดุดล้มไปชนไอ้ปุนจนหัวแตกและตัวเองต้องเข้าเฝือก”

“สมกับเป็นมัน ซุ่มซ่ามไม่เคยเปลี่ยน” เชนยิ้ม

“สมัยนั้นพี่ปอนด์มีแฟนเยอะมั้ยพี่” ปุลวัชรเปลี่ยนประเด็น เขาอยากรู้เรื่องของสมการมากกว่าจะเล่าที่มาที่ไปของการมาอยู่ด้วยกัน

“โอ๊ย ไอ้ปอนด์น่ะนะ มันจีบเป็นร้อย แต่แห้วเป็นพัน”

“ยังไงพี่”

“ก็มันเอ๋อๆไง จีบใครก็ไม่ติด จีบสาวก็ใช้แต่มุกแป้กๆเสี่ยวๆใครจะชอบ ชื่อเสียงเลื่องลือทั้งคณะ โสดตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่”

“โห น่าสงสาร” ปุลวัชรพึมพำ

“ถึงตอนนี้ กูกล้าพนันเลยนะว่ามันก็ยังโสด”

“ผมไม่พนันด้วยนะพี่ มีแต่เสียกับเสีย” อัครเดชที่เมาจนฟุบไปแล้วเงยหน้ามาพูดก่อนจะกลับไปอยู่ท่าเดิม

“เหล้าหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปซื้อให้นะครับ” ปุลวัชรอาสา ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนมีกำลังใจ

“ม่ายต้องแล้ว แค่นี้ก็เมาแล้ว กูไปอาบน้ำนอนดีกว่า” พี่เชนตบไหล่ปุลวัชรอย่างเป็นกันเองก่อนลากร่างอัครเดชและสะกิดวรจักรที่กำลังกรนให้ลุกไปนอนในตัวบ้าน ปล่อยให้เด็กหนุ่มที่เมาไม่ต่างกันเก็บเศษซากอยู่คนเดียวเงียบๆ

             ปุลวัชรไม่เคยโมโหอะไรเท่านี้มาก่อน การถูกปล่อยให้เก็บกวาดคนเดียวยังพอให้อภัย แต่การที่ถูกพี่เชนกับอัครเดชมาแย่งที่นอนมาเบียดบนเตียงกับพี่ปอนด์แบบนี้เขาทนไม่ได้ คนเมาทั้งสามไม่มีใครได้สติ ถึงแม้จะปลุกปล้ำลากทึ้งให้ลงไปนอนรวมตรงห้องรับแขกกับวรจักรก็ตามที ปกติแล้วสมการจะนอนฝั่งติดผนัง แต่ครั้งนี้ถูกคนเมามาแย่งจนมาชิดขอบเตียงฝั่งที่ปุลวัชรนอนทุกคืน ด้วยขนาดตัวที่เหมือนยักษ์กันทั้งหมด เตียงขนาดหกฟุตดูแคบลงถนัดตา เด็กหนุ่มถอนหายใจและระงับความขุ่นเคืองและปูที่นอนปิ๊กนิกกับพื้นห้อง กระชากหมอนจากคออัครเดชจนศีรษะกระทบเตียงดังตุบแต่ก็ยังไม่รู้สึกตัว

“พี่ปอนด์ๆๆมานอนตรงนี้มา” เด็กหนุ่มไม่ละความพยายาม เมื่อเขาไม่สามารถนอนบนเตียงกับคนที่ชอบได้ก็ต้องหาทางอื่น

“นอนหนายอ่า” เสียงคนเมางัวเงียถามอย่างหงุดหงิดเพราะความง่วง แต่ก็ผุดลุกทั้งๆที่ไม่ลืมตา

“ลงมานอนตรงนี้ครับ ค่อยๆหย่อนขามา นั่นแหละครับ นอนตรงนี้นะ เอาหมอนหนุนหน่อย” ปุลวัชรยิ้มกริ่มที่ได้เห็นว่าสมการทำตามเสียงพากย์ของตนอย่างว่าง่าย ผ้าห่มผืนบางถูกนำมาคลุมกายคนขี้เซา เมื่อทุกอย่างมืดมิด เด็กหนุ่มก็คว้าร่างสูงมาอยู่ในอ้อมกอดอย่างไม่เขินอาย ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เรามีความกล้ามากกว่าปกติเสมอ...

#### ####

“ไม่ได้ บ้านกูไม่ใช่โรงแรมนะที่มึงจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป” ตอนนี้นายสมการกำลังหงุดหงิดที่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวเพราะเมาค้างแถมยังมาเจอหน้าเพื่อนรักที่หายไปหลายเดือนเพราะติดเมียใหม่กลับมานั่งลอยหน้าลอยตานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวในยามนี้

“กูไม่ได้ขอความเห็นจากมึง กูแค่บอกมึงว่ากูจะมาอยู่ด้วย มึงให้อยู่ไม่ให้อยู่ก็แล้วแต่ แต่กูจะอยู่”

“โว้ย ไอ้เชน ไอ้หน้าด้าน มึงนี่แม่งเอาแต่ใจแต่เด็กยันแก่”

“แก่พ่อง กูกับมึงก็อายุเท่ากันนะไอ้ปอนด์”

“สัส ไม่เกรงใจกูก็เกรงใจน้องปุนมันด้วย มันจ่ายค่าเช่านะเว้ย ถ้ากูอยู่คนเดียวว่าไปอย่าง” เจ้าของบ้านหาข้ออ้าง

“เออ มึงว่าไงไอ้ปุน ถ้ากูขออยู่ด้วยมึงโอเคมั้ย” เด็กหนุ่มผงะที่อยู่ดีๆบทสนทนามาพาดพิงเขาเสียได้

“อ่า เอ่อ” สายตานั้นส่งไปขอความช่วยเหลือจากสมการที่นั่งหัวฟูถือแก้วกาแฟดำอยู่บนเก้าอี้ในห้องครัว

“มึงไม่ต้องถามน้อง ถามกูนี่” สมการใช้สองนิ้วชี้ไปมาระหว่างตัวเองกับเพื่อนสนิท

“ถามมึง ยังไงคำตอบก็คือโอเค”

“โอเคพ่อง กูบอกว่าไม่ได้” เจ้าของบ้านตอบอย่างเหนื่อยหน่าย

“กูเพื่อนรักมึงนะไอ้สัสปอนด์ มึงจะไล่เพื่อนมึงได้ลงคอเหรอ เอาสิถ้ามึงไล่กู กูจะปล่อยคลิปที่มึงชูวู่ลงเน็ต”

“อะ ไอ้สัส ไหนมึงบอกว่ามึงลบไปแล้วไงวะ”

“ห๊ะ พี่ปอนด์เคย...” ที่ถามเพราะอยากเห็นคลิปหรอก

“พวกมึงหยุด เอาเป็นว่าตกลงให้กูอยู่นะ” เชนยิ้มยกอย่างคนมีชัย

“อะ ไอ้สัส มัดมือชกชัดๆ เออ จะอยู่ก็อยู่ แต่รอบนี้กูให้อยู่ไม่นานนะ”

“ขอบใจว่ะเพื่อน” ใบหน้านั้นยิ้มร่า โผไปกอดคอจนปุลวัชรแอบเคือง “มาๆกูหอมที”

“ไม่ได้ แยกๆ” เสียงนี้ไม่ได้มาจากสมการ แต่หากเป็นเสียงแข็งๆของเด็กหนุ่มที่ลุกพรวดมาแยกสองคนให้ออกห่างจากกัน

“อ้าว มึงหึงเหรอวะไอ้น้อง เสียใจว่ะ พวกกูเป็นผัวเมียกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”

“ผัวเมียพ่อมึงสิไอ้เชน กูล่ะเบื่อข่าวบ้านี่ชิบ”

“ขะ ข่าวเหรอครับ ไม่ใช่ว่าพวกพี่...” ปุลวัชรหน้าเครียดแถมยังซีดเมื่อได้ยิน

“ฮ่าๆๆๆ น้องมึงแม่งหึงเก่งชิบหาย”

“มึงก็ไปแกล้งมัน” สมการพูดจบก็นึกได้ว่าทำไมตัวเองจะต้องรีบแก้ตัวด้วย

“เออๆ กูไม่แกล้งละ พวกกูไม่มีอะไรหรอก ไอ้เรื่องนั้นเป็นแค่ข่าวลือเฉยๆ ก็กูหล่อ (ปุลวัชรทำท่าเหมือนคนจะอ้วก) แต่ไอ้ปอนด์น่ะ มึงดูสารรูปมันเอานะ พวกกูสนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน กูไปเดตยังต้องลากมันไปด้วย แถมมันยังโสดซิง 4 ปีรวด คนเค้าก็เลยนึกว่ามันกับกูน่ะเป็นผัวเมียกันไง แต่พวกแม่งเสือกไม่รู้ว่าไอ้ปอนด์มันแห้วแดก จีบใครก็วืด”

“ได้ทีใส่ไฟกูใหญ่เลยนะไอ้สัส”

“สรุปว่ามึงให้กูอยู่นะ” เชนถามย้ำอีกครั้ง

“เออ แต่มึงจะอยู่กี่วัน แล้วเมียมึงจะไม่มาตามอีกใช่มั้ยวะ”

“แค่ไม่กี่วันเอง มั้ง ... กูก็ไม่แน่ใจว่ะ แต่ที่แน่ใจคือคนนี้ไม่ตามแน่นอน เพราะไม่รู้จักมึง”

“เปลี่ยนเมียอีกแล้วเหรอวะ มึงนี่ใช้งานคุ้มเนาะ” ปุลวัชรเหลือบไปจ้องเป้าของคนที่ถูกพาดพิงโดยอัตโนมัติ

“ก็กูหล่อ สาวๆที่ไหนก็อยากได้ ว่าแต่มึงเถอะ เป็นแฟนไอ้ปุนแล้วเหรอวะ” คนถูกถามตอบอย่างไร้เยื่อใยแถมทิ้งระเบิดอีก

“แค่กๆ แฟนพ่อง แค่เพื่อนร่วมบ้านเว้ย” ปุลวัชรทำเสียง จิ๊ เบาๆ

“แค่เพื่อนเชี่ยอะไร นอนเตียงเดียวกันทุกคืนน่ะนะ”

“ก็ห้องแม่กูยังไม่เสร็จนี่หว่า ถ้าเสร็จแล้ว...” สมการนึกถึงสภาพตัวเองตื่นตอนเช้าและกอดกับรุ่นน้องจนต้องสะบัดหัวไปมา

“ถ้าห้องนั้นเสร็จให้พี่เชนอยู่ก็ได้นะครับ จะได้มีคนจ่ายค่าทำพื้น” ปุลวัชรรีบโพล่ง

“เออ ไอ้เดียดีว่ะ งั้นตามนี้ เดี๋ยวกูไปถามช่างก่อนว่าจะเสร็จวันไหน ช่วงนี้มึงตอนโซฟาไปก่อนนะ ซ่อมพื้นเสร็จแล้วมึงไปนอนห้องแม่กู จบ” พอสบโอกาสแก้เก้อ เจ้าของบ้านรีบตัดบท ถ้าไม่ทำอย่างนี้คงเสียเงินอีกโข

“อะ ไอ้...” เชนจนคำพูด ส่วนปุลวัชรได้แต่ยิ้มเยาะที่หาเรื่องประหยัดค่าใช้จ่ายให้เจ้าของบ้านได้หลายพัน

“แล้วพวกมึงจะไม่ตื่นกันใช่มั้ยห๊ะ” สมการตะโกนลั่นก่อนปาน้ำตาลก้อนไปยังร่างที่นอนนิ่งบนโซฟา วรจักรขยับตัวนิดหน่อยเพราะก้อนนั้นเข้าเบ้าตาพอดี ทางด้านอัครเดชที่สะลึมสะลือเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกันก็ผลอยหลับไปเช่นกัน

“พี่ปอนด์จะกินอะไรมั้ยครับเช้านี้” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างถามคนที่อารมณ์เดือดอยู่

“อะไรก็ได้ครับ ปุนอยากทำอะไรพี่ก็กินได้หมด”

“เหี้ย มึงแม่งสองมาตรฐาน คุยกับกูใช้เสียงแง่งๆอย่างกับหมา พอคุยกับน้องใช้เสียงหล่อ ไอ้สัส ถ้าไม่รู้ว่ามึงหน้าม่อกูคิดจริงๆนะว่าพวกมึงเป็นผัวเมียกัน” เชนแซวพร้อมทำหน้าล้อเลียน

“อ้าว ไหนมึงบอกว่ามึงกับกูเป็นผัวเมียกันไง โถเมียจ๋า อย่างอนผัวนะจ๊ะ”

“งอนพ่อง” เชนชูนิ้วกลางให้ ก่อนหัวเราะลั่นทั้งสองคน ปล่อยให้ปุลวัชรยืนเหวอด้วยความหงุดหงิดที่เห็นเขาหยอกล้อกัน

#### ####

             ปวรรัชดลตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ไม่คุ้นตาและล้มตัวลงนอนแทบจะทันทีที่พยายามลุกด้วยอาการปวดหัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สาเหตุมาจากการดื่มหนักเมื่อคืนเป็นแน่ หนุ่มใหญ่ใช้นิ้วนวดตามขมับเพื่อบรรเทาอาการแต่ก็ไม่เป็นผล นึกสมน้ำหน้าตัวเองที่ไม่เจียมสังขารยกแก้วซดโฮกฮากอย่างไม่คำนึงถึงตัวเองที่ห่างหายจากการดื่มมานานแล้ว

พรึ่บ!

ผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ถูกโยนมาปิดหน้า “เฮ้ยสายแล้วมึง ตื่นๆ”

“กี่โมงแล้ววะไอ้ภัทร” เขาถามภคภัทร์ เพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าของบริษัทที่ตนทำงานอยู่ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“จะเที่ยงแล้ว”

“หืม” ปวรรัชดลลุกพรวดจนอาการปวดหัวแล่นจี๊ดจนต้องกัดฟันแน่น

“ปวดหัวเหรอวะ พารามั้ย”

“อืม ก็ดี” เขาหันไปมองนาฬิกาเรือนหรูที่วางไว้ข้างเตียงก่อนสบถ “ไอ้สัส เพิ่งเก้าโมง”

“ถ้ากูไม่บอกแบบนั้นมึงจะลุกเหรอ เอ้านี่กินก่อนแล้วไปอาบน้ำ” เจ้าของบ้านยื่นยาเม็ดสีขาวให้พร้อมแก้วน้ำก่อนหันไปเช็ดตัวที่เปียกปอนด้วยเม็ดน้ำเกาะพราวตามตัว

“มึงตั้งใจยั่วกูเหรอวะ”

“ยั่วขึ้นด้วยเหรอวะ เห็นกันมาตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบจนตอนนี้” ภคภัทร์เพิ่งรู้ว่าเพื่อนสนิทของตนเป็นเกย์เมื่อไม่นานมานี้ เพราะตนเป็นคนคาดคั้นว่าทำไมความสัมพันธ์ของเพื่อนผู้นี้กับลูกพี่ลูกน้องจึงไม่ราบรื่นเหมือนที่คิดไว้ ตอนแรกที่ได้รับรู้ก็ตกใจไม่น้อย แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ซีอีโอหนุ่มหล่อและโสดอย่างภคภัทร์พยายามทำความเข้าใจและกลับมาคบปวรรัชดลได้อย่างสนิทใจเหมือนเดิม

“ถ้ายั่วขึ้นกูไม่นอนเฉยๆทั้งคืนหรอก แม่ง ถ้าลูกน้องมาเห็นสภาพมึงเกาไข่แบบนี้จะยังมีคนเคารพยำเกรงอีกมั้ยวะ”

“กูก็ไม่ได้เกาไข่ให้ใครเห็นนี่หว่า ว่าแต่มึงเถอะ จะมองไข่กูอีกนานมั้ย”

“ก็มึงยืนจังก้าอ้าขาเกาต่อหน้ากูขนาดนี้ จะให้กูบิดคอสามร้อยหกสิบองศาหนีเหรอวะ หลีกไปกูปวดเยี่ยว” ปวรรัชดลด่าเพื่อนสนิทอย่างออกรสก่อนลุกพรวดเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้คนโดนด่าหัวเราะอย่างพึงพอใจที่ได้ยั่วโมโหตนเองได้สำเร็จ

แม่ง ถ้าไม่ติดว่ามึงเป็นเพื่อนกูนะ ไอ้ภัทรเอ๊ย หนุ่มใหญ่ตีแกนกลางลำตัวที่ขยายตัวไปมาอย่างขัดใจ ทั้งที่เขามีใจให้กับลูกน้องหน้าซื่อชื่อสมการ แต่การถูกเพื่อนสนิทยั่วด้วยร่างกายเปลือยเปล่าแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยนะ

             มีหลายต่อหลายครั้งที่ปวรรัชดลคิดว่าซีอีโอหนุ่มหล่อระดับภคภัทรมีรสนิยมทางเพศเดียวกับเขา แต่หากไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าความเชื่อที่ก่อตัวมาอย่างยาวนานเป็นความจริง แน่นอนว่าการครองตัวเป็นโสดของผู้ชายที่เพียบพร้อมระดับนี้ย่อมไม่ธรรมดา แต่ใช่ว่าผู้ชายอายุ 40-50 ปีทุกคนจะมีคู่ ยิ่งปัจจุบันอัตราการหย่าร้างของไทยพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในปี 2560 จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะครองตัวเป็นโสด

“แล้วเรื่องภาวดีจะเอาไงต่อวะ” เสียงพูดดังแว่วมาจากด้านนอก คนอยู่ในห้องน้ำไม่คิดจะตอบทันทีเพราะจิตใจยังคิดวาบหวามกับภาพเรือนกายเปลือยเปล่าของเพื่อนสนิทอยู่

(https://s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/media.fictionlog/chapters/60827ef35650df001c785d3b/608281d2Xa2Wmmhy.jpeg)
ปุลวัชร ในจินตนาการของผู้แต่งครับ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.9 เพื่อนสนิท...ควรคิดให้ซื่อ @23/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-04-2021 21:03:40
เพื่อนสนิทชวนคิดไม่ซื่อจริงๆ นะ.  :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.9 เพื่อนสนิท...ควรคิดให้ซื่อ @23/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 23-04-2021 23:37:11
 :hao3:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.9 เพื่อนสนิท...ควรคิดให้ซื่อ @23/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-04-2021 00:53:14
 :hao7:


เอ็นดูน้อง
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.9 เพื่อนสนิท...ควรคิดให้ซื่อ @23/04/64 P.2
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 01-05-2021 14:37:34
เพื่อนสนิทชวนคิดไม่ซื่อจริงๆ นะ.  :laugh:

เพื่อนแบบนี้น่าคบนะครับ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.10 แผนลวงแผนร้าย P.2 @06/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 06-05-2021 15:39:01
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser

ตอนที่ 10. แผนลวงแผนร้าย

     ยามสายของวันเสาร์ปุลวัชรเพิ่งจะว่างมานั่งดูเอกสารที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อนช่วงบ่าย แม้จะเพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน แต่สิ่งที่บริษัทคาดหวังเอาไว้ก็สูงลิบ ต่อให้งานจะเยอะมากแค่ไหนชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะดูแลรุ่นพี่อย่างสมการ คนที่ยังคงเมาค้างและทำหน้าบูดนอนเป็นซากบนโซฟาสีแดงหม่น วรจักรและอัครเดชกลับไปแล้วตั้งแต่จบมื้อเช้า เจ้าของบ้านผู้ขี้เซาก็ลากสังขารไปอาบน้ำแล้วลงมานอนที่ห้องรับแขกเพราะไม่อยากเปิดแอร์หลายตัว ทั้งคู่จังอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมด้วยกันอย่างเงียบเชียบ ... เหมือนโลกนี้มีแค่สองคน แต่เปล่าเลย

“คร่อกกกก ฟี้...” เสียงกรนของคนตัวสูงเริ่มทำงาน เสื้อกล้ามสีเขียวสะท้อนแสงหลุดรุ่ยจนหัวนมสีเข้มโผล่มาอวดสายตาเด็กหนุ่มจนไม่มีสมาธิทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ ร่างสูงจึงลุกไปหยิบผ้าห่มผืนบางที่เก็บไว้อย่างดีมาคลุมกายให้ อย่างน้อยถ้าอะไรๆมันตุงขึ้นมาเพราะว่าหลับลึกปุลวัชรจะได้ไม่ต้องทนเขินจนไม่เป็นอันทำงานอีก

“ไอ้ปอนด์ อย่ากรน กูนอนไม่ได้” รุ่นพี่อีกคนที่เด็กหนุ่มพยายามมองเป็นอากาศปาหมอนไปฝั่งตรงข้ามจนคนนอนสบายสะดุ้งตื่นพรวด เด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าไปห่มผ้าให้สะดุ้งเฮือกเพราะลืมไปว่ามีคนที่สามอยู่ในนี้ด้วย

“เชี่ยๆๆๆ อะไรวะ” หน้าตาตื่นตกใจเพราะถูกปลุกแบบนั้นชวนให้ขบขันจนปุลวัชรมองต้องยิ้มแทบหุบไม่ลง

“มึงไปนอนที่อื่นไป๊ แม่งกรนลั่นบ้าน กูนอนไม่หลับ” เชนโวยวาย ไม่ได้สนใจเลยว่ามีรุ่นน้องเฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่

“ไล่กูยังกะเป็นเจ้าของบ้านเลยเนาะ” คนถูกปาหมอนด่าตาถลึง มองผ้าห่มผืนบางที่คลุมกายอย่างสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไร

“จะไม่ไปใช่มั้ย” เชนคำราม

“เออ กูจะนอนตรงนี้ มึงนอนไม่ได้ก็ไปนอนที่อื่น” สมการตอบอย่างไม่สนใจใยดีก่อนจะล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง

“เรื่องอะไรกูจะไป มึงนอนได้กูก็ต้องนอนได้” ปุลวัชรมองอย่างปลงตก สองคนนี้อายุรวมกันก็หกสิบกว่าแล้วนะ 

“หิวอะ มีอะไรกินบ้างไอ้ปุน” เด็กหนุ่มจิ๊ปากใส่พี่เชน ความจริงเขาชื่อปุ่น แต่ไม่รู้ว่าจำกันท่าไหนถึงลบไม้เอกออกจากชื่อไป

“มีอยู่ที่โต๊ะกับข้าวในครัวครับ” เด็กหนุ่มตอบ ยังไม่ทันได้พูดต่อก็มีอีกเสียงแทรกขึ้น

“มึงนี่นะ ตื่นมาก็หิว อยู่นิ่งๆก็นอน ไร้ประโยชน์ชิบ รีบกลับบ้านไปเลยปะ” สมการผุดนั่งและด่าเพื่อนสนิทที่นอนบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ปุลวัชรจึงลงไปนั่งกับพื้นพลางส่ายหน้ามองอย่างระอาใจ

“คำก็ไล่สองคำก็ไล่ ถามจริง ถ้ากูมีที่ไปกูจะมาหน้าด้านอยู่บ้านมึงมั้ย” เชนยอกย้อน

“อ่า... เอ่อ ก็จริง” สมการครุ่นคิดอยู่ไม่นานก็ปลงตกอีกคน

“เห็นมั้ย ขนาดมึงยังรู้เลย แล้วจะมาหน้าด้านไล่กูอยู่ได้ ไอ้เพื่อนไม่รักดี”

“เอ่อ น้องปุนครับ พี่ผิดใช่มั้ย” สมการทำหน้าเหรอหราหันมาถามรุ่นน้องที่พยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก ส่วนคนชื่อเชนที่อาศัยจังหวะงุนงงได้เดินเกาตูดไปที่ห้องครัวเพื่อหาของกินราวกับว่าเป็นผู้ชนะ

#### ####

เช้าวันอาทิตย์

             เสียงเคาะพื้นห้องนอนชั้นสองดังขึ้นมาตั้งแต่เช้าจนสมการนอนต่อไม่ได้ ต้องตื่นมาพร้อมอาการหัวเสียและผมฟูฟ่องไม่เป็นทรงทำได้แค่ร้องฮึ่มด้วยความขัดใจ วันนี้ควรเป็นวันหยุดที่ได้พักผ่อนเต็มที่ ไม่ควรมีใครรบกวนอย่างหนักเช่นนี้

“ใครมาทำอะไรแต่เช้าวะ” เสียงงัวเงียของเชนก็ดังขึ้นมาจากข้างเตียง สามหนุ่มนอนอัดกันที่ห้องเดียวมาสองคืนแล้วโดยที่เพื่อนสนิทของเขาอาสานอนพื้นเพราะเด็กหนุ่มหน้าอ่อนยืนยันหนักแน่นว่าไม่ยอมเสียสละเตียงนุ่มให้อย่างเด็ดขาด (เพราะไม่อยากพลาดโอกาสนอนกอดหรือถูกอีกคนกอดตอนดึกๆ) และเชนก็ไม่ยอมนอนที่ห้องรับแขกเพราะโซฟานอนไม่สบายตัว

“ช่างมาทำห้องให้มึงไงไอ้สัส” สมการได้สติจึงตอบไป ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมน้องปุนถึงรีบให้คนงานเข้ามาตั้งแต่เช้า มองที่นอนว่างเปล่าข้างตัวก็ถอนหายใจออกมาให้กับความขยันของรุ่นน้อง

“หิวว่ะ กูลงไปหาอะไรกินดีกว่า” ว่าแล้วเชนก็ขว้างหมอน ผ้าห่มและฟูกนอนขึ้นบนเตียงจนปิดการมองเห็นสมการจนหมด แม้จะไม่ได้ออกแรงมากนักแต่คนโดนปาใส่หน้าก็รู้สึกเจ็บ

“ไอ้เชนไอ้สัส” ชายหนุ่มโวยวายก่อนตะกุยตะกายออกจากพันธนาการแล้ววิ่งหัวฟูลงไปด้านล่างทันที

             กลิ่นหอมของอาหารเช้าทำให้ท้องร้องอย่างห้ามไม่ได้ เชนยิ้มกว้างนั่งรอที่โต๊ะอาหารแล้วอย่างอารมณ์ดี สมการได้แต่เการักแร้ไปมามองเพื่อนซี้ด้วยสายตาเบื่อหน่าย ร่างสูงของเด็กหนุ่มตัวขาวหน้าหล่อยิ้มให้เขาทันทีที่สบตา สมการขยี้ตาเป็นการด่วนเนื่องจากไม่แน่ใจว่ามีขี้ตาเกาะอยู่ไหม

“ตื่นแล้วเหรอครับพี่ปอนด์ นั่งก่อนครับ กับข้าวใกล้เสร็จแล้ว” มองภาพปุลวัชรที่คาดผ้ากันเปื้อนแล้วก็แปลกๆ ไม่ชินยังไงไม่รู้

“อื้อ” ชายหนุ่มนั่งลงอย่างว่าง่าย จังหวะนี้ขออยู่ตรงข้ามไปคนหน้าไม่อายที่รีบลงมาเกาะขอส่วนบุญก่อนแล้ว “ใจคอมึงจะไม่แปรงฟันสักหน่อยเหรอวะ”

“แปรงทำไมวะ รสชาติยาสีฟันกลบรสชาติอาหารกันพอดี” เชนตอบอย่างไม่เก้อเขิน “ว่าแต่กู แล้วมึงทำไมไม่แปรง”

“ย้อนคำกูทำเชี่ยอะไร” สมการยู่หน้า ถลึงตาแบบคนถูกขัดใจ หน้าตาเหรอหราประมาณหมาปั๊กไม่มีผิด หากคนมองอย่างปุลวัชรกลับเห็นว่ามันเป็นภาพที่ช่างแสนน่ารักน่าฟัด ซึ่งก็ได้แต่คิดในใจ

“อย่าทะเลาะกันครับพี่ๆ อาหารพร้อมแล้ว” ชายหนุ่มรีบห้ามทัพและยกต้มจืดเต้าหู้หมูสับที่ส่งกลิ่นยั่วน้ำลายลงกลางโต๊ะ สมการเพิ่งสังเกตว่ามีเมนูอื่นวางอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่หน้าตาท่าทานแทบทั้งนั้น

“น่ากินจัง” เชนสูดกลิ่นอาหารทุกจานและทำหน้าพริ้ม คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่มาขออาศัยอยู่กับไอ้เพื่อนคนนี้

“ลองชิมดูนะครับ มีแต่กับข้าวง่ายๆ” ปุลวัชรนั่งลงข้างๆสมการพูดอย่างถ่อมตัว มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าตั้งใจทำทุกอย่างมากแค่ไหน ช่วงแรกๆที่เข้ามาอาศัยที่นี่นั้น เจ้าของบ้านไม่ยอมแตะต้องมื้อเช้าสักเท่าไหร่เพราะไม่ชิน พอนานไปก็เริ่มทานได้เยอะขึ้นแถมยังชมไม่ขาดปากว่ารสชาติอร่อยจนคนทำให้ยิ้มแก้มปริ

“ง่ายตรงไหนเนี่ย ไข่ม้วนยัดไส้ (จริงๆคือไข่เจียวญี่ปุ่นที่วางไส้ทีหลังแล้วม้วนง่ายๆ) ผัดบล็อกโครี่กุ้ง หมูกระเทียมและแกงจืด” เชนสาธยาย

“ต้มจืด” สมการขัดเพื่อน

“แกงจืด” เชนเถียง

“ต้มจืด แกงมันต้องใส่พริกปะ” เจ้าของบ้านไม่ยอมแพ้

“แต่บ้านกูเรียกแกงจืด อะไรใส่น้ำเค้าเรียกแกงหมดแหละ” เชนใช้ช้อนส่วนตัวตักซุปมาซด ปุลวัชรได้แต่มองแล้วระงับสติ

“แล้วทำไมไข่ต้ม มึงไม่เรียก แกงไข่ล่ะ” สมการยังเถียงต่อ

“มึงจะเถียงให้ชนะกูให้ได้ใช่มั้ย” เชนทำหน้าเข้ม ท่าทางไม่ยอมกัน

“เออ” สมการก็ไม่น้อยหน้า

“หยู๊ด พอก่อนครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันนะครับ จะต้มหรือจะแกงก็ช่างมันเถอะ ทานกันก่อนดีกว่านะครับ” ปุลวัชรยิ้มแห้งๆมองภาพหมาปั๊กกับบูลด็อกแยกเขี้ยวใส่กันราวกับเด็กสามขวบ ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเขาไปตักต้มจืด(หรือแกงจืด)มาเพิ่มเป็นคนละถ้วยแล้ววางข้างตัวทั้งสองคนไว้แล้ว ขี้ฟันของพี่ปอนด์ยังพอไหวคนนี้ต่อให้เหม็นทั้งตัวก็บ่ยั่น แต่ของคนมาใหม่ เด็กหนุ่มขอไม่เสี่ยงละกัน... คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดแหละ

“วันนี้มึงจะไปไหนปะ”

“ไม่ กูจะนอน” สมการตอบคำถามเพื่อน พวกเขาจับจองโซฟาคนละตัวหลังจบมื้อเช้าที่แสนวุ่นวาย ปุลวัชรก็ได้แต่หวังว่าทั้งคู่จะไม่ทะเลาะกันเหมือนเมื่อวานอีก

“งั้นดีเลย กูจะไปขนของที่บ้าน มึงไปช่วยกูหน่อยสิ”

“ไม่ เรื่องอะไรกูจะต้องไป บ้านมึงมึงก็ไปเองสิ บ้านก็มีอยู่มึงจะหนีมาอยู่บ้านกูทำไมวะ แล้วที่มึงขนมาก็อยู่ได้เป็นปีแล้วมั้ง”

“มึงนี่ขี้บ่นยังกะคนแก่”

“แก่พ่อง ถ้ากูแก่มึงก็แก่พอกันแหละ”

“พวกพี่ๆนี่กัดกันเก่งจังเลยนะครับ” ปุลวัชรแซวพลางถือจานของว่างเข้ามา

“เดี๋ยวๆๆๆไอ้ปุน พวกกูไม่ได้เป็นหมานะ” เชนหันขวับมองร่างที่ยืนถือจานผลไม้มาเสิร์ฟ “หูย น่ากินว่ะ มึงนี่แม่งสุดยอดไอ้ปุน ถ้าไม่บอกว่าเป็นน้องที่ทำงานไอ้เหี้ยนี่นะ กูคิดว่าพวกมึงเป็นผัวเมียกันซะอีก ดูแลทุกระดับประทับใจจริงๆ”

“แค่กๆ” สมการสำลักเมื่อได้ยินเพื่อนตัวดีโพล่งออกมาแบบไม่คิด คำพูดที่ได้ยินจากปากตอนอยู่เชียงใหม่ดังก้องในหูทันที

“โหพี่ ผมไม่มีมดลูก พี่สมคงอยากได้ผมหรอก” ปุลวัชรตอบติดตลกแก้เก้อ ทั้งที่ในใจรู้สึกหน่วงอย่างบอกไม่ถูก

“กูว่าถ้าคลำแล้วไม่มีหาง ไอ้ปอนด์คงไม่ขัด” เชนจิ้มก่อนเป็นคนแรก แม้ผ่านมื้อเช้ามาแล้วยังไม่มีทีท่าจะไปแปรงฟัน

“หางพ่อง” ว่าแล้วเจ้าของบ้านก็ยกฝ่าเท้าเกือบจะแนบใบหน้าเพื่อนสนิทที่ปากไม่ดี “กูไม่ใช่มึงนะ เต๊าะไม่เลือก”

“เสือก” นั่งไง ภาษาดอกไม้มาแล้ว

“ใจเย็นๆนะพี่ๆ” เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดในหัวว่าทั้งสองคนไม่เบื่อบ้างเหรอที่ทะเลาะกันแทบตลอดเวลา

“สรุปมึงไม่ไป”

“เออ จะไปขนมาเพิ่มอีกทำไม ไหนมึงบอกกูว่าอยู่ไม่นานไง” สมการอิ่มเกินจะสนใจผลไม้ที่วางอยู่ เขาหันหลังนอนบนโซฟาและเกาตูดอย่างไม่อายสายตาคนอื่น

“อ้าว ไอ้นี่ มึงให้กูจ่ายค่าซ่อมห้องตั้งหลายพัน จะให้กูอยู่สองวันได้ไงวะ” เชนเริ่มโวยวายทั้งที่ของกินเต็มปาก

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ใช่ว่ามึงเพิ่งจะมาสิงบ้านกูครั้งแรกซะที่ไหน รวมๆแล้วตั้งแต่จำได้กูว่านับรวมได้เป็นปีแล้วนะ เงินแค่นี้มึงไม่จนลงหรอก”

“ไอ้สัส งก”

“ถามจริงเถอะ ปกติมึงลื่นชนิดปลาไหลเรียกพ่อ ทำไมรอบนี้ถึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนขนาดนี้ด้วยวะ” สมการถามสิ่งที่ปุลวัชรคิด

“มึงอยากรู้หรือแค่หาเรื่องไล่กูวะ”

“ทั้งสองอย่าง” สมการตอบเสียงเรียบ เพราะรู้สันดานของเพื่อนสนิทคนนี้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆคงไม่มาขลุกอยู่ที่บ้านตนแบบนี้

“พูดแล้วกูอยากขี้เหร่” เชนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนฟังกลอกตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย

“มึง กูขอแต่เนื้อ ไม่เอาน้ำ”

“สัส ชอบขัดกูจัง” เชนวางส้อมลงเสียทีหลังจากผลไม้พร่องไปเกือบหมดจาน ปุลวัชรมองสองหนุ่มตาปริบๆอย่างไร้ตัวตน

“ก็แม่ง กูไปพลาดมีอะไรกับรุ่นน้องที่ทำงาน แล้วน้องเค้าก็หอบผ้าหอบผ่อนมาบ้านกู ป่าวประกาศว่าเป็นเมียกู ป่วนกับเพื่อนร่วมงานจนกูทนไม่ได้” ชายหนุ่มเล่าแบบย่อๆ

“สมน้ำหน้า หวังจะฟันเค้าฟรีๆแล้วชิ่งหนีสินะ”

“ก็เออสิ” ปุลวัชรเบ้ปากเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าเกลียดออกมาจากปากง่ายดาย “ดีนะที่น้องเค้าไม่รู้จักมึง กูเลยหาทางชิ่งออกมากบดานสักพัก”

“แล้วมึงจะรอดเหรอวะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน ยังไงก็เจอกันอยู่ดี”

“รอดดิ กูมีงานเข้าไซต์อาทิตย์นึง พอจะหลบหน้าได้อยู่” เชนแคะซอกฟันอย่างไม่เกรงใจใบหน้าเหยๆของเด็กหนุ่มที่หยุดการจิ้มผลไม้ขึ้นมาเข้าปาก ... ซกมกเลเวลเดียวกับพี่ปอนด์เลย แต่คนนี้เขารับไม่ได้

“แล้วทำไมมึงไม่ไปที่ไซต์เลยล่ะ จะมาหากูทำซากอะไร”

“คือ...” เชนมองหน้าปุลวัชรเชิงลำบากใจ เด็กหนุ่มมองกลับอย่างหงุดหงิดเพราะท่าทางนั้นบอกว่าขอคุยเป็นการส่วนตัว จะให้หน้าด้านนั่งฟังต่อก็คงไม่ดี เมื่ออยู่กันสองคนแล้ว เชนจึงขยับจากโซฟาตัวตรงข้ามมาคุกเข่าต่อหน้าเพื่อนสนิท

“มะ มึงจะทำอะไร” สมการถาม

“มึง กูหมดหนทางแล้วว่ะ น้องเค้าแม่งติดหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้าง กูทั้งบอกดีๆ ไล่แรงๆก็ไม่ยอมไปจากกู เกาะติดยิ่งกว่าตังเมเข้าไปอีก กูเลยต้องมาหามึงนี่แหละ หวังพึ่งมึงเลย มึงต้องช่วยกูนะ” สมการเสียวสันหลังวาบ มาไม้นี้ทีไรไม่เคยจะเป็นเรื่องดี

“สรุปน้องเค้าเป็นกาวหรือตังเม”

“ตลกมากมั้ยไอ้สัส” เชนด่า “กูซีเรียสนะเว้ย”

“มึงก็ซีเรียสตลอด แล้วนี่มึงคิดจะทำอะไร” น้ำเสียงตอนถามมันดูสั่นไปหน่อย คงเพราะจิตอกุศลที่คิดนำหน้าไปแล้ว

“มึงแกล้งเป็นแฟนกูหน่อย” นั่น ... ไง ปลุวัชรกำหมัดแน่นแทบจะพุ่งออกจากห้องครัวมาห้าม

“ไม่” สมการตอบเสียงดัง ซื้อหวยงสดหน้าคงถูกรางวัลที่ 1 ซะแล้ว เมื่อสิ่งที่คิดไว้ดันเป็นจริง

“มึง ฟังกูก่อน แค่แกล้งไง กูให้มึงเป็นผัวก็ได้” หมายถึงแค่ในนามนะ

“ผัวพ่อง มึงสิ้นคิดถึงขั้นวางแผนนี้มาเนี่ยนะ ไปหาคนอื่นสิวะที่หน้าตาหล่อๆชวนให้เชื่อได้หน่อย”

“มึงคิดว่ากูไม่ลองเหรอ กูไปถามมาสามสี่คนแล้ว ไอ้พวกนั้นมีลูกมีเมียไปแล้วไง คนที่โสดไม่มีใครเอาด้วยเหลือแต่มึงคนเดียวแล้ว”

“ไอ้สัส นี่มึงหลอกด่ากูปะวะ” ว่าไม่มีใครเอา...

“เห้ยๆ มึงอย่าคิดมากสิไอ้ปอนด์ นะๆๆๆๆ ช่วยกูด้วย กูสัญญา ถ้าจบเรื่องนี้กูจะปรับปรุงตัวใหม่”

“กูคงเชื่อมึงลงหรอกนะ สันดานอย่างมึงน่ะไม่นานก็กำเริบ ไอ้จักรไง ไอ้เดชก็ได้”

“ไอ้จักรมันมีเมียแล้ว มันไม่ยอมช่วยหรอก ส่วนไอ้เดชมันคิดรายชั่วโมง กูถามแล้วสู้ราคาไม่ไหวว่ะ”

“เงินแค่ไม่กี่บาท มึงก็จ่ายๆไปสิ หรือไม่ก็แกล้งหาสาวๆมาเป็นแฟนเอา”

“บอกแล้วว่าคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น กูเคยวานเพื่อนไปนั่งกินข้าวด้วยเฉยๆยังตามมาอาละวาดลั่นร้าน”

“สรุปมึงไม่เหลือใคร ว่างั้น” สมการกลอกตา “มึงมันชอบหาเรื่องใส่ตัวจริงๆไอ้สัส”

“เออ กูยอมรับ แต่ช่วยกูหน่อยเถอะ คนนี้กูไม่ไหวจริงๆว่ะ ยังกะโรคจิต แอบเอามือถือกูโทรไปด่าแฟนเก่ากู เมียเก่ากูก็ไม่เว้น แถมยังส่งรูปตอนกอดกันจูบกันไปให้ใครต่อใครรู้ว่ากูเป็นของเค้า มึงช่วยกูนะๆๆๆ”

“กูจะบ้าตาย มึงหาเรื่องให้กูตั้งแต่เด็กยันแก่” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เชนสร้างเรื่องว่าเป็นเกย์เพื่อบอกเลิกสาว เมื่อสลัดใครไม่ได้ต้องรบกวนเพื่อนๆเป็นประจำ สมการเองเคยช่วยอยู่ครั้งหนึ่งสมัยอยู่ปี 3 แถมยังต้องหอมแก้มโชว์จนเกิดกระแสคู่จิ้นจนทำให้หาแฟนไม่ได้จนกระทั่งเรียนจบ แต่คนอื่นที่ช่วยกลับแคล้วคลาด จบมามีลูกมีเมียแต่งงานกันหมด ใบหน้าเชนดูหมดทางเลือกเพราะดูท่าจะหาทางเลิกจนหมดมุกแล้ว ถ้าไม่ร้ายแรงจริงๆก็ไม่ต้องสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาหรอก

“นะ พลีสสสสสสส” ทำเสียงแบ๊วอย่างน่าหมั่นไส้

“มึงไม่ต้องทำตาแบ๊ว เสียงหวาน กูขนลุก” ใช่ๆพี่ปอนด์อย่าไปยอม ... ปุลวัชรแอบเชียร์อยู่เงียบๆ

“มึงก็ตอบตกลงซะทีสิวะ รอบนี้มึงเป็นผัวด้วยนะ”

“กูจะไม่ทำเพราะได้เป็นผัวมึงนี่แหละไอ้สัส ได้กับมึงตกนรกยังดีกว่า... เออ เอาก็เอา มีแผนอะไรว่ามา”

โครม! เสียงกระแทกดังมาจากที่ไกลๆ สองหนุ่มที่คุยกันอยู่หันรีหันขวางโดยมีสมการวิ่งไปดูในห้องครัว

“แหะๆ ไม่มีอะไรครับพี่ปอนด์ พอดีผมสะดุดขาเก้าอี้ล้มเฉยๆ” ร่างของรุ่นน้องกองกับพื้นส่งรอยยิ้มแหยๆมาให้

“ล้มได้ไงเนี่ย เจ็บมากมั้ยครับ พี่ดูหน่อย” สมการรีบนั่งลงไปจับข้อเท้าพลิกไปมาจนแทบจะบิด “ไม่เจ็บใช่ไหม”

“ไม่เลยครับพี่ ไม่เลย” ปุลวัชรพยายามทำเสียงต่ำ อันที่จริงเขาไม่ได้ล้มหรอก แต่พอฟังบทสนทนาที่ชวนโมโหเลยกระแทกเก้าอี้กับโต๊ะกับข้าว ไม่นึกไม่ฝันว่าสมการจะรีบเข้ามาดูจึงต้องแอ็คติ้งสักหน่อย จะได้ไม่มีคนจับได้ว่าแอบฟังอยู่ตั้งแต่แรก

(https://s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/media.fictionlog/chapters/6093aa80b06e74001b476716/6093aaf1X53nAd1w.jpeg)
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.10 แผนลวงแผนร้าย P.2 @06/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-05-2021 22:28:09
 :serius2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.10 แผนลวงแผนร้าย P.2 @06/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-05-2021 21:12:13
น้องหึงแล้วพี่ปอนด์  พี่ไม่อยากเป็นผัวพี่เชน เป็นเมียก็ได้นะ แต่น้องรงไปแหกอกพี่เชนก่อนกิ๊กแกแน่ๆ 55555
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.10 แผนลวงแผนร้าย P.2 @06/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-05-2021 19:22:12
 o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.11 ปุลวัชรจะไม่ทน P.2 @18/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 18-05-2021 15:25:42
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 11. ปุลวัชรจะไม่ทน 

             ปุลวัชรกำลังหงุดหงิดจนเกือบคุมอาการไม่ได้ ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ควรจะได้อยู่กับพี่ปอนด์อย่างมีความสุขกลับมีมารตัวโตมาผจญแถมยังถูกไหว้วานให้ทำเรื่องที่เหลือเชื่อ เขายอมรับว่าพี่เชนเพื่อนสนิทของพี่ปอนด์นั้นหล่อระดับพระเอก จึงไม่แปลกใจหรอกที่จะมีผู้หญิงเข้าหาไม่ขาดสาย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องลากคนที่ตนชอบไปพัวพันแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่านจนไม่อยากมองหน้าใครทั้งนั้น

“ไอ้ปุน เร็วๆโว้ย” เสียงคนที่ปุลวัชรเริ่มเกลียดเรียกขานอย่างเร่งเร้า วันนี้เป็นวันอาทิตย์ แต่เขาต้องทิ้งงานเพื่อไปช่วยสร้างเรื่องแฟนหลอกๆของคนไม่รู้จักโตที่ชื่อเชน

             หน้าที่ของปุลวัชรคือคอยแอบถ่ายรูปสองหนุ่มที่แกล้งทำเป็นออกเดตกันไว้หลายๆท่า เริ่มต้นจากการขับรถออกจากบ้านก็ต้องมีการถ่ายรูปการจับมือหวานแหววของสองหนุ่มแล้วโพสต์ลงโซเชียล พี่ปอนด์ของเขาดูกระอักกระอ่วน แต่คนที่ขอให้ทำดูชิลจนน่าหมั่นไส้ ปุลวัชรจิ๊ปากอย่างไม่ค่อยพอใจแต่ก็ทำได้แค่นั้น

“มึงถ่ายดีๆสิวะ รูปนี้ก็เบลอ อันนี้ก็ไม่เห็นนิ้วสอดกัน อันนี้รูปเอียง ตั้งใจหน่อยไอ้น้อง เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าว” ปุลวัชรอยากตะโกนดังๆว่าไม่ได้อยากแบบนี้ แต่ต้องยอมก็เพราะไม่อยากปล่อยให้พี่ปอนด์ของเขาไปกับเพื่อนสนิทที่ไม่น่าไว้วางใจแค่สองคน

             รูปสองหนุ่มที่รูปร่างสูงพอๆกันเดินกระหนุ่งกระหนิงในซุเปอร์มาร์เก็ตของห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านชวนให้หงุดหงิด แต่หน้าที่บังคับให้เด็กหนุ่มต้องคอยถ่ายรูป จัดท่าทางอย่างนึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้ จะขัดก็ไม่กล้าเพราะกลัวรุ่นพี่ที่ชอบสงสัยเอาได้ว่าทำไมน้องชายคนนี้ออกอาการเหมือนจะหึงหวง ถึงแม้อยากจะให้รู้มากแค่ไหนก็ตาม

“กูว่ารูปนี้ขอซูมมาอีกหน่อย จะได้เห็นว่าแขนแนบกันอยู่” ปุลวัชรกลอกตา

“แค่นี้ก็พอแล้วมึง อะไรนักหนา กูหิว” สมการตัดบท รู้สึกไม่ค่อยปลื้มกับบทบาทที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะคำว่าเพื่อนสนิทกำลังเจอปัญหาใหญ่คงไม่หลวมตัวมาด้วยหรอก ไอ้นิสัยบอกปัดคนอื่นไม่เป็นนี่แก้ไม่หายเสียทีจนโตป่านนี้

“เออก็ได้วะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ กูหิวแล้วเหมือนกัน” ปุลวัชรจิ๊ปากเมื่อพี่เชนร่างสูงคว้าข้อมือพี่ปอนด์เดินเคียงราวกับเป็นคู่รัก ถึงแม้จะไม่ชอบแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วเคมีโคตรดี

“ไม่กินเหรอปุ่น มาดิ” สมการหันกลับมาเรียกรุ่นน้องที่ยืนหน้าบึ้งมาตั้งแต่ออกจากบ้าน

“คะ ครับพี่ปอนด์ ไปแล้วๆๆ”

“ให้ไวเลยมึงน่ะ อย่าลืมถ่ายรูปตอนนี้ไว้ด้วยนะ” เด็กหนุ่มวิ่งเหยาะอย่างขัดใจ และต้องจำใจยกมือถือมาจับภาพทั้งคู่ไว้ คนหนึ่งสูงเข้ม อีกคนสูงขาว องค์ประกอบมันช่างลงตัวเอามากๆ ถึงขั้นดึงดูดสายตาของผู้คนที่เดินไปมาให้มองตามอย่างเสียดายความหล่อ สาววายหันมาแอบมองแล้วกระซิบพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก เด็กหนุ่มงุ่นง่านเพราะคิดว่าที่ตรงนั้นควรเป็นของตน

             ร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังถูกใช้เป็นที่สร้างภาพการมาเดตของทั้งสองคน ปุลวัชรรู้สึกราวกับหมาหัวเน่าที่ถูกระเห็จให้มานั่งแยกอีกโต๊ะที่อยู่ใกล้กันเพื่อคอยจับภาพความสวีตแบบหลอกๆของทั้งสองคน แต่ยิ่งดูก็ยิ่งไม่สบอารมณ์เพราะสายตาไอ้พี่เชนดูสมจริงจนอยากไปถีบตกเก้าอี้ ไอ้แววตาเจ้าชู้ที่สาวๆหลงใหลเนี่ยไม่ควรส่งให้กันอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้

“อะ เอามือถือไป กูถ่ายอาหารเสร็จละ ถ่ายดีๆนะมึง ไม่งั้นกูให้มึงจ่ายมื้อนี้” ปุลวัชรเอามือลูบหน้าเพื่อหวังว่าจะใจเย็นลงบ้าง ทั้งที่ในใจตะโกนลั่นแล้วว่าแค่นี้เขามีปัญญาจ่าย แต่พอเห็นสายตาเชิงขอร้องของพี่ปอนด์ก็ใจอ่อนยอมทำให้แต่โดยดี

             ระหว่างทานข้าวกันอยู่นั้น มือถือของเชนดังไม่หยุด ทั้งเสียงโทรเข้า เสียงเตือนจากไลน์ที่มีคนรัวส่งข้อความมาถามเรื่องรูปที่โพสต์ลงโซเชียลพร้อมแคปชั่นหวานๆ ถึงแม้จะไม่เปิดหน้าตาพี่ปอนด์ก็ตาม แค่นี้ก็มีคนกระหน่ำติดต่อมาจนแทบจะถ่ายรูปไม่ได้แล้ว เมื่อเจ้าของโทรศัพท์ไม่มีท่าทีจะสนใจ เด็กหนุ่มจึงปิดการแจ้งเตือนไปเสียเพราะมันน่ารำคาญ

“มึงแม่ง ร้ายว่ะ” สมการแซวเพื่อนที่นั่งกระหยิ่มยิ้มย่องภูมิใจในความคิดอันหลักแหลมของตัวเอง ถึงจะตกกระไดพลอยโจรมาเช่นนี้ยังสามารถชื่นชมเพื่อนสนิทที่เป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมดได้หน้าตาเฉยจนปุลวัชรต้องกลอกตาไปมา

“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่ากูเป็นใคร ไอ้เชนไง ไอ้เชน”

“หวังว่าจะได้ผลนะไอ้สัส ไม่งั้นกูเหนื่อยฟรีอีก” ชายหนุ่มตักสปาเก็ตตี้ใส่ปาก อาหารรสชาติอร่อยทำให้ลืมความไม่พอใจที่ถูกบังคับให้มาแกล้งเดตไปได้บ้าง

“เอาน่า ได้ผลไม่ได้ผล อย่างน้อยมึงก็จะเป็นไม้กันหมาให้กูแล้ว”

“เออ ยังดีที่มึงรู้ตัวว่าเป็นหมา”

“ไอ้สัส กูแค่เปรียบเปรยมั้ย” ปุลวัชรได้ยินบทสนทนานี้ และกำลังยิ้มเยาะเมื่อได้ยินว่าคนมั่นหน้าถูกด่าว่าเป็นหมา

“แล้วเอาไงต่อ”

“ก็ ไม่รู้ว่ะ ดูหนังมั้ย จะได้สมจริง ให้ไอ้ปุนมันถ่ายรูปตอนที่เราจู๋จี๋กันในนั้น” เชนตอบแบบส่งๆ

“เชี่ย หยุดความคิดนี้เลยนะ แค่คิดก็สยองแล้วไอ้สัส นั่งจู๋จี๋ในที่มืด แค่คิดก็บรื๋ออออ” สมการปฏิเสธเสียงแข็ง

“ใช่ๆๆๆ ไม่เหมาะพี่ไอเดียนี้ ถ่ายรูปในโรงหนังโดนปรับด้วยนะ” เด็กหนุ่มผสมโรง

“เออว่ะ เอาไงดี ไปเดินย่อยถ่ายรูปอีกนิดดีมั้ยวะ”

“รูปในซูเปอร์ก็หลายร้อยแล้ว จะถ่ายตรงไหนอี๊ก” สมการแย้งด้วยน้ำเสียงสูงลิบ

“อืมมมม เออ ใช่ บนเตียงไง บนเตียง”

“ไม่” สองหนุ่มสมการและปุลวัชรโพล่งขึ้นพร้อมกัน แล้วสายตาของทั้งคู่ก็หันมามองกันอย่างเลิ่กลั่ก

“อะไรของพวกมึงเนี่ย แค่สมมุติ ไม่ได้ให้ถ่ายหนังโป๊” เชนตอบอย่างไม่ใส่ใจ เขากดอัพรูปลงโซเชี่ยลอีกครั้ง

“กูไปฉี่ดีกว่า” สมการลุกขึ้น โดยมีรุ่นน้องลุกตามไปติดๆ

“ตามต้อยๆเป็นลูกหมาเลยนะ” เชนส่งเสียงล้อเลียน แต่ปุลวัชรก็ทำเป็นไม่สนใจ อย่างน้อยขอให้ได้อยู่กับพี่ปอนด์แค่สองคนสักหน่อยก็ยังดี

“บนเตียง แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว” สมการบ่นอุบไปตลอดทางจากร้านอาหารจนถึงห้องน้ำ โดยไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มนั้นฉีกยิ้มดีใจจนออกนอกหน้า บนเตียงที่นอนด้วยกันทุกคืนนั้นเป็นพื้นที่หวงห้าม แม้แต่เชนยังต้องปูที่นอนกับพื้น ดังนั้นความคิดนี้จึงไม่โอเค

             เมื่อกลับเข้ามาในร้านก็พบว่าเชนนั้นมีสภาพเละเทะ เส้นสปาเก็ตตี้ที่ยังทานไม่หมดเปื้อนตั้งแต่ใบหน้าทิ้งคราบบนเสื้อตัวโปรด แถมเส้นผมยังเปียกชุ่มน่าจะมาจากการถูกราดน้ำดื่มเพราะตอนนี้แก้วใสอยู่ในมือผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าโกรธกริ้ว สองหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาต่างกลั้นหัวเราะเพราะสภาพของเชนตอนนี้ดูย่ำแย่ ปุลวัชรยกมือถือมาเก็บภาพเอาไว้ ใบหน้าของเชนยังแดงเป็นรอยฝ่ามือเห็นได้ชัด ท่าทางจะเจอคนโมโหหึงตามมาเพราะเห็นรูปที่โพสต์พร้อมระบุสถานที่ไว้หรา

“ไหน มันเป็นใคร ใครหน้าไหนกล้ามายุ่งกับพี่เชน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ” ท่าทางเหตุการณ์ชุลมุนนี้เพิ่งจะเกิดขึ้น เพราะเชนยังไม่ทันลุกจากเก้าอี้ด้วยซ้ำ

“หยุดบ้าเสียทีได้มั้ยมิลค์ ยิ่งทำแบบนี้คิดเหรอว่าพี่อยากจะคบกับเราน่ะ” ชายหนุ่มหัวเสียหน้าแดงก่ำ ยืดตัวลุกเต็มความสูง

“มิลค์ไม่หยุด อีนั่นมันเป็นใครถึงกล้ามาแย่งผัวชาวบ้าน ไหนนังหน้าไหน เสนอหน้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

“โหพี่ปอนด์ พี่เชนเจอคนจริงว่ะ” ปุลวัชรกระซิบด้วยสีหน้าพึงพอใจ เขาถ่ายทั้งรูปและคลิปเอาไว้ตลอดเวลาด้วย

“นั่นสิ สวยด้วย เอ๊ย น่ากลัว เราหนีกลับกันก่อนมั้ย” สมการถกกับรุ่นน้องที่พยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนที่จะหันหลังออกจากร้าน

“ปอนด์ครับ ที่รัก” สมการสะดุ้ง ร่างกายมันหันไปทางเสียงเรียกโดยอัตโนมัติ สาวสวยชื่อมิลค์กวาดสายตาดุดันมามองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิดกับสมการที่รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม

“มะ มีอะไร หระ เหรอ” น้ำเสียงเบาหวิวบนใบหน้าแหยๆดูไร้พิรุธสุดๆ(ถามจริง?)

“ที่รักจ๋า ทำไมมาช้าจัง ดูสิเค้าเปียกหมดแล้วเนี่ย” ไม่ใช่แค่พูด เพราะเพื่อนสนิทเดินมารวบตัวพลางกระชากให้กลับไปที่โต๊ะ มือหนาสอดประสานกันไว้แน่นราวกับคู่รัก สมการหันไปขอร้องรุ่นน้องด้วยสายตาวิงวอน

“ที่รัก...งั้นเหรอ” น้ำเสียงของฝ่ายหญิงไม่เป็นมิตรแม้แต่นิดเดียว

“ดะ ดีครับ” ชายหนุ่มทักทายคนสวยด้วยใบหน้าหวาดหวั่น ใบหน้าดุๆราวแม่เสือสาวเตรียมตะปบเหยื่อชวนขนลุกวาบ

“นี่ใครห๊ะพี่เชน มิลค์บอกว่าให้เอาอีคนหน้าไม่อายแย่งผัวชาวบ้านออกมาไง ทำไมพาลุงนี่มาได้” สมการสะอึก ลุงเลยเหรอ

“พี่ปอนด์ ไหวมั้ยพี่” ปุลวัชรตามมาต้อยๆเฝ้าดูไม่ห่าง ด้านหน้ามีหญิงสาวหน้าตาสละสวยชื่อมิลค์ผู้หึงโหด พี่เชนที่กำลังสอดห้านิ้วประสานมือพี่ปอนด์ไว้แน่นโดยที่เขาอยู่ข้างหลังร่างสูงที่เหมือนจะกำลังตัวสั่น

“อื้อ” น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นความจริงเลยสักนิด

“ก็นี่ไง แฟน เอ๊ย ผัวพี่ ชื่อปอนด์” เชนแนะนำแบบไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวจ้องหน้าสมการอย่างเอาเรื่อง ดวงตากลมโตขยายตัวจนแทบถลนเหมือนนางร้ายในละครหลังข่าว

“อะไรนะ พี่เชนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ไอ้ลุงคนนี้เนี่ยนะผัวพี่ แล้วมิลค์ล่ะ มิลค์เป็นเมียพี่นะ พี่ได้มิลค์แล้วจะมาบอกว่าตัวเองมีผัวง่ายๆแบบนี้เหรอ มิลค์ไม่เชื่อหรอก มานี่เลย มึงทำอะไรผัวกูห๊ะ ไอ้ลุงบ้านี่ ตายซะเถอะมึง!” สาวร่างเล็กใจใหญ่กระชากเส้นผมสมการมาทึ้งท่ามกลางความอึ้งของไทยมุงโดยรอบ ปุลวัชรตกใจจนตาเหลือกเพราะไม่คิดว่าคนสวยจะใจกล้าบ้าบิ่นลงมือกับผู้ชายร่างใหญ่เกือบเท่ายักษ์อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่ใช่แค่ทึ้ง เพราะเมื่อถูกจับแยก คนตัวเล็กก็หลบหลีกหลุดจากแรงฉุดกระชากพุ่งมาตบสะเปะสะปะทั่วใบหน้าและตามลำตัว สมการได้แต่ยกสองแขนขึ้นมาปัดป้อง

“โอ๊ย ไอ้เชน มึงช่วยกูด้วยสิวะ”

“มิลค์หยุดก่อน หยุด อย่าทำร้ายผัวพี่นะ”

“พี่ปอนด์ เป็นไงบ้างครับ โอ๊ย” ปุลวัชรเซออกจากวงโคจรจากแรงถีบของหญิงสาว สองมือน้อยหลุดจากศีรษะคนตัวสูงแล้วแถมยังมีเส้นผมหลุดเป็นกระจุกในมืออีกต่างหาก

“หยุดบ้าเดี๋ยวนี้นะมิลค์ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่นอนด้วยกัน ไม่ได้คบกัน คนที่พี่รักคือคนนี้” เชนตะโกนลั่นร้าน

“มิลค์ไม่เชื่อ พี่เชนตอแหล” ถึงแม้สองมือเล็กๆจะชะงักแต่ยังสามารถตอบโต้ได้อย่างถึงเครื่อง

“ไม่เชื่อเหรอ งั้นดูนี่” ใบหน้าของสมการถูกกระชากและรั้งไว้แนบแน่นโดยมีหน้าหล่อๆของเพื่อนซี้เลื่อนมาชิด

             วินาทีนั้นเองที่ปุลวัชรอยากจะพุ่งไปตะบันหน้าของเพื่อนสนิทพี่ปอนด์ให้แหลกคาที่ แต่สองขากลับยืนนิ่งอย่างน่าขัดใจ แววตาของหญิงสาวชื่อมิลค์ที่กำลังเกรี้ยวกราดลงมือทำร้ายหนุ่มๆเบิกโพลงไม่ต่างกับลูกค้าและพนักงานคนอื่นในร้านอาหาร

             ริมฝีปากของสองหนุ่มประกับกันแนบชิด สมการตกใจจนตัวเกร็งทำอะไรไม่ถูก แต่คนที่บุกดันสอดลิ้นสากๆเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวและกวาดโพรงปากของเขาอย่างคล่องแคล่ว ปุลวัชรอ้าปากค้างอย่างหมดหล่อ ภาพจูบที่เร่าร้อนปรากฎต่อหน้าศักขีพยานนับสิบ ยังดีที่แต่ละคนมีท่าทางตกใจจนลืมยกมือถือมาจับภาพเอาไว้ ก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบสงบ

“ไม่จริ๊ง ไอ้พี่เชน ไอ้เหี้ย มึงจะทำแบบนี้กับกูไม่ได้ นี่แน่ะๆ” เสียงกระเป๋าหลุยส์ราคาแพงฟาดตามลำตัวพี่เชนดังผลักๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ละริมฝีปากที่กำลังบดเบียดหาความหวานเยิ้มจากคนที่ยืนบื้อด้วยความงงงวย ถึงมันไม่ใช่จูบแรกก็ตามที แต่การที่ถูกเพื่อนสนิทจ้วงลิ้นเข้ามากลางห้างก็ยากที่จะตั้งสติได้

“ไอ้สัส ไอ้เกย์เหี้ย มึง กรี๊ด!” มิลค์กรีดร้องเสียงดังลั่นพร้อมน้ำตาที่ไหลริน ความเจ็บใจมีมากกว่าความเสียใจ เจ็บใจที่หลงรักผู้ชายที่มีสามีแล้ว เจ็บใจที่เห็นภาพบาดตา เจ็บใจจนอยากจะฟาดไอ้คนเจ้าชู้ให้เละคามือ แต่พอเริ่มได้สติก็เสียดายกระเป๋าราคาแพงและอายตัวเองที่แหกปากเหมือนนางร้ายในละครเพื่อแย่งผู้ชายแบบนี้

             สมการยังยืนนิ่งถึงแม้เชนจะผละริมฝีปากออกไปแล้ว เขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นถึงแม้ว่าปากจะบวมเจ่อเพราะแรงบดเบียด ปุลวัชรได้สติก็รีบเข้ามาฉุดแขนรุ่นพี่ให้เดินไปจากตรงนี้อย่างไม่สนใจท่าทีของเชนและผู้หญิงคนนั้น เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังไล่หลังมาพร้อมเสียงด่าทอสารพัดยังไม่ทำให้เด็กหนุ่มใจเย็นลงได้เลย ... เขาหึง หึงจนแทบบ้า

“พี่ปอนด์ พี่ปอนด์” ต้องออกแรงเขย่าตัวหลายทีกว่าอีกคนจะได้สติ

“หะ หือ” สมการหลุดจากภวังค์ มองใบหน้าดุดันของรุ่นน้องอย่างงุนงง พวกเขายืนข้างรถที่ลานจอด

“พี่ ฮึ่ม โว้ยยยย” ปุลวัชรโวยวายลั่นอย่างไร้ทางออก ความอัดอั้นทำให้งุ่นง่านจนแทบบ้า

“พี่ อะไรเหรอปุ่น”

“พี่จำไม่ได้จริงๆเหรอพี่ปอนด์ ไอ้พี่เชน ไอ้พี่เชนจูบพี่นะ” เสียงดังทั่วลานจอดรถที่ทั้งร้อนและไม่ค่อยสว่าง

“หะ ห๊ะ” ความทรงจำเลือนลางเริ่มกลับมาพร้อมใบหน้าตื่นตระหนก นิ้วมือไล้ขอบปากอย่างลืมตัว

“พี่ปล่อยให้มันจูบทำไมห๊ะ พี่ปอนด์ ทำไม โว้ย”

“พะ พี่เปล่า พี่...” สมการกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ทะ ทำไมปุ่นต้องโวยวาย..”

“ทำไมน่ะเหรอ พี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าทำไม พี่ดูไม่ออกเหรอ จริงเหรอพี่” เด็กหนุ่มยังเสียงดัง เหงื่อไคลไหลย้อยเพราะความโมโห

“ดูอะไรออกเหรอพี่งง แล้วทำไมเราต้องโวยวายด้วย” หน้าตาเหม่อลอยของชายหนุ่มยิ่งชวนให้หงุดหงิด

“โว้ย! พี่จูบกับพี่เชนไง พี่จูบกับมัน โว้ย พี่จูบกับไอ้พี่เชนนะ”

“ละ แล้ว...”

“ผมหึงไง ผมหึง พี่ได้ยินมั้ยว่าผมหึง ผมชอบพี่ ผมอยากเป็นแฟนพี่ ผมอยากให้พี่มองผม ผมเลยหึง ทำไมไม่ใช่ผมที่ได้จูบกับพี่ แต่เป็นไอ้นั่น” เด็กหนุ่มกระชากคอเสื้อคนที่สูงกว่านิดหน่อยมาประชิด ลมหายใจร้อนๆพวยพ่นกระทบใบหน้าไปมา

“หะ ห๊า...” สมการอึ้งซ้ำซ้อน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าคิดอย่างไรกับตน แต่พอได้ยินแบบซึ่งหน้ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคุ้นเคย

“ผมชอบพี่ พี่ได้ยินผมใช่ไหม” ปุลวัชรยื่นสองมือจับไหล่กว้างไว้แน่น ถึงแม้จะสูงน้อยกว่าแต่ก็ไม่เป็นปัญหา

“ดะ ได้ยิน”

“ผมหึง ผมหวง ผมโกรธ พี่ได้ยินมั้ย”

“ดะ ได้ยิน”

“ผมอยากจูบพี่ อยากกอดพี่ อยากให้พี่สนใจผม ไม่อยากให้ไปจูบกับคนอื่น พี่ได้ยินผมมั้ย”

“ดะ ดะ ได้ยิน”

“ผมอยากจูบพี่ พี่ได้ยินมั้ย”

“ดะ... อื้อออออ” สมการไม่ได้ช็อก แค่ตกใจที่จู่ๆริมฝีปากอุ่นของเด็กหนุ่มก็ทาบทับลงมาแผ่วเบาราวกับหยั่งเชิง เขาได้แต่ยืนนิ่งเหมือนตอนอยู่ในร้านอาหาร ความตกใจซ้ำซ้อนชวนกระอักกระอ่วนป่วนทรวงอกจนร่างกายจับเกร็งไปหมด

“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมเอง ปุ่นไงครับ น้องปุ่น” เด็กหนุ่มผละใบหน้าพลางพูดปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สมการสบสายตาคู่สวยนั้นอย่างไร้คำพูดเล็ดลอดออกมา ความอบอุ่นที่แตะมาแผ่วเบาทำให้จิตใจไขว้เขอย่างน่าฉงน ความรู้สึกช่างแตกต่างกับแรงบดเบียดจากเพื่อนสนิทอย่างสิ้นเชิง ความนุ่มนวลที่ค่อยๆแตะซ้ำลงมาอีกครั้งทำให้ร่างกายเหมือนถูกไฟช็อต กล้ามเนื้ออ่อนแรงราวกับร่างกายนี้ไม่ใช่ของตนอีกต่อไป

             ลมหายใจอุ่นรวยรินพวยพ่นไหลผ่านสอดประสานไปมาทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนเริ่มเผยอปาก สมการส่งแรงเบียดบดส่งความสากของลิ้นวนเวียนแตะไต่กับของอีกฝ่ายอย่างเนิบนาบ รสหวานละมุนลิ้นซอกซอนไปมาระหว่างพวกเขาทั้งคู่อยู่นานเนิ่น เสียงหายใจรุนแรงขึ้นตามจังหวะการสอดประสาน สองมือต่างก่ายกอดกันไปมาอย่างลืมตัวไปเสียสิ้น จูบกับผู้ชายที่ไม่เคยอยู่ในความคิดกำลังกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในตัวสมการจนปั่นป่วนคล้ายกับหายนะ แต่เป็นหายนะที่แสนหอมหวาน

“ฮื้อออออออออออออ” เสียงดูดกลืนดังอื้ออึงในลำคอ ปุลวัชรยอมตกอยู่ใต้อาณัติของรุ่นพี่แต่โดยดี ร่างของเขาถูกพลิกไปพิงกับตัวรถก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะถาโถมใบหน้าจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงหัวใจเต้นอึกทึกยิ่งกว่าเพลงบรรเลงซิมโฟนีเย้ายั่วให้ตอบสนองรสจูบนี้อย่างไม่ลดละ

“จ๊วบ...” ของเหลวไหลยืดเป็นทางยามที่ใบหน้าเหรอหราของสมการถอยออกห่าง แววตางุนงงปนเปกับความตกใจอย่างไม่ปกปิดดูน่าขบขัน แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา เด็กหนุ่มโน้มลำคอแกร่งเอาไว้และโน้มเข้ามาเพื่อประกบความอบอุ่นอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง

“พี่จูบผมแล้ว ต่อไปผมจะไม่ทนแล้วนะ”

“ทะ ทนอะไร” สมการยังไม่เข้าใจเรื่องราวถี่ถ้วนคล้ายสมองหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ

“ผมจะไม่ทนเก็บความรู้สึกไว้กับตัวอีกแล้ว ต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมยกพี่ให้คนอื่นอีกแล้ว”

“ยะ ยกให้ใครกัน” ปุลวัชรไม่ตอบ แต่นึกถึงใบหน้าหล่อๆของปวรรัชดลและเชนแล้วก็งุ่นง่าน

“พี่ปอนด์ ฟังผมนะ”

“หืม”

“ผมจะจีบพี่ และพี่จะต้องให้ผมจีบด้วย ห้ามขัด และห้ามให้คนอื่นมาจีบพี่ด้วย”

“ดะ เดี๋ยว ปุ่น อะไร อะไรนะ” สมการหน้าเหวอ ความตกใจที่โดนผู้ชายสองคนจูบในเวลาไล่เลี่ยกันเหมือนจะยังไม่มากพอเพราะรุ่นน้องหน้าตาดีที่อาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านประกาศตัวชัดเจนว่าจะจีบตน

“ผมจะจีบพี่ จะตามจีบจนกว่าพี่จะยอมตกลงเป็นแฟนผม”

“...” ฉิบหายแล้ว ไอ้ปอนด์เอ๊ย ... มันเป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัว และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

             แววตาของปุลวัชรไม่ได้ล้อเล่น ปากสวยที่แดงระเรื่อก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พวกเขาจูบกันจริงๆ จูบกันอย่างดูดดื่มเสียด้วย สมการผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มากเท่าคนอื่นจึงคิดไม่ทันว่าควรจะตั้งรับอย่าง กลไกสมองคล้ายจะเป็นอัมพาตไปตั้งแต่โดนเพื่อนสนิทคว้าคอไปบดปาก แล้วก็ถูกลากกลับมาที่รถอย่างงงๆแล้วถูกผู้ชายอีกคนกระชากคอโน้มไปจูบอีกครั้ง คนเดียวว่ารับมือยากแล้ว แต่สองคนในเวลาไล่เลี่ยกันแบบนี้มันทำให้เข่าอ่อน

“พี่ปอนด์ เป็นอะไรครับพี่ ทำไมลงไปกองกับพื้นยังงั้นล่ะ” น้ำเสียงของรุ่นน้องตกใจที่อยู่ๆร่างสูงที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่กลับยอมแพ้แรงโน้มถ่วงทรุดไปนั่งบนพื้นลานจอดรถอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเหรอหรานั้นยังไม่ตอบสนอง แต่ดูท่าจะตกใจมากจนช็อก

“หืม พี่เปล่า เปล๊า ไม่เป็นไรเลย สบายมาก แหะๆ” ทั้งเสียงสูง ใบหน้าเจื่อน รอยยิ้มแหยๆ มันช่างไม่ตรงกับคำพูดเลยสักนิด

“ลุกก่อนครับพี่ ไหวมั้ยครับ” ร่างสูงค่อยลุกขึ้นตามแรงพยุง แข้งขายังอ่อนเปลี้ย

             สมการเพิ่งสังเกตใบหน้าของเพื่อนร่วมบ้านอย่างจริงจังในครั้งนี้เอง ดวงตาชั้นเดียวคมกริบนั้นมีขนตาสีดำเป็นแพงอนสวย คิ้วก็หนาเรียงตัวได้รูป จมูกที่โด่งแม้จะมองจากมุมเงยยังไม่มีเค้าความอัปลักษณ์เลยสักนิด ใบหน้ารูปไข่เรียวยาวรับกับทุกสิ่งบนใบหน้าชวนอิจฉาว่าทำไมพ่อแม่ให้แต่สิ่งดีๆมาเยอะขนาดนี้ ปากกระจับสวยยังสดใสอมชมพูรับกับความขาวแบบผู้รากมากดี ขาวเนียนใสยิ่งกว่าสาวญี่ปุ่นที่เขาติดตามในซีรี่ย์เสียอีก

“มองผมขนาดนี้ ไม่คิดเหรอว่าผมก็เขินนะครับ”

“อะ เอ่อ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบให้พี่มอง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ผมอยากให้สายตาพี่มองแค่ผม แค่ผมคนเดียว...”
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.11 ปุลวัชรจะไม่ทน P.2 @18/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-05-2021 20:44:41
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.11 ปุลวัชรจะไม่ทน P.2 @18/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 18-05-2021 23:34:23
 :oo1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.11 ปุลวัชรจะไม่ทน P.2 @18/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-05-2021 01:05:37
 :serius2:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.11 ปุลวัชรจะไม่ทน P.2 @18/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-05-2021 21:50:26
อั๊ยยยย พี่ปอนด์คนเสน่ห์แรง น้องปุนถึงกับสติแตกบอกความในใจ เดินหน้าจีบเต็มที่แล้วจ้า พี่ปอนด์ยังเบลออยู่เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.11 ปุลวัชรจะไม่ทน P.2 @18/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-05-2021 23:30:54
พี่สม ใสๆ โดนผู้ชายจูบสองคน ระทวยยยย
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.12 อลหม่านบ้านแทบแตก P.2 @28/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 28-05-2021 13:48:37
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 12. อลหม่านบ้านแทบแตก

            ร่างสูงที่เต็มไปด้วยคราบที่ล้างไม่ออกของเชนเดินพรวดพราดเข้ามาในตัวบ้านด้วยอาการฟึดฟัด กว่าจะเคลียร์เรื่องที่ถูกสาวสวยตามไปราวีถึงในห้างและยังทำข้าวของในร้านตกแตกเสียหายจนต้องชดใช้ไปไม่น้อยแล้ว ยังถูกรปภ.ของห้างสรรพสินค้าเชิญตัวไปปรับทัศนคติอยู่นานสองนานโดยมีน้องมิลค์(อดีต)คู่ควงที่อยู่ในอาการเดือดพล่านตะโกนด่าโหวกเหวกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งที่ตัวเล็กนิดเดียว ผู้หญิงยามโกรธช่างน่ากลัวเสียจริง

             เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วในตอนที่หญิงสาวที่เชนเคยควงและพยายามชิ่งหยุดโวยวาย ทั้งคู่ไม่ได้ถูกปรับเพิ่มอีกและไม่มีการแจ้งตำรวจใดๆทั้งสิ้น แต่เชนต้องจ่ายค่าเสียหายของร้านอาหารวันนี้ตามจริงและมันก็ค่อนข้างแพงอยู่แล้ว

“จริงดิ” อยู่ๆมิลค์ก็พูดขึ้นมาหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ พวกเขามานั่งร้านกาแฟชื่อดัง ใช้เวลากับตัวเองมองวิวภายนอกอาคารที่ฟ้ากำลังเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินเข้มและความมืดเริ่มเคลื่อนเข้ามา

“หืม”

“ที่พี่เป็น เอ่อ กับลุงคนนั้นน่ะ”

“ทำไมล่ะ” เชนถือแก้วกาแฟตัวเองไปมา สายตาจับจ้องการเคลื่อนไหวที่มืออย่างเลื่อนลอย

“พี่เชน พี่เป็นเกย์จริงๆหรือว่าพี่ทำเพื่อสร้างเรื่องเลิกกับหนู”

“...” ชายหนุ่มเงยหน้ามองความสวยงามที่เคยชิดใกล้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมปล่อยมือจากคนที่สวยปานนี้ได้หรอก แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น ตื่นเช้าขึ้นมาในบ้านของคนอื่นแล้วพบว่าตัวเองไม่มีใครอีกทั้งยังล้มเหลวในเรื่องชีวิตคู่กับภรรยาเก่า มันยิ่งตอกย้ำว่าเขาควรจะโตขึ้นเสียที และในการเติบโตนั้นไม่มีผู้หญิงชื่อมิลค์อยู่ในความคิดเลยแม้แต่น้อย

“พี่เชน” มือขาวใสเอื้อมมาแตะ แต่เขากลับชักมือหนี

“พี่ขอโทษ พี่รู้ตัวว่าพี่เลวแค่ไหน พี่พยายามทำหลายๆอย่างเพื่อหลบหน้ามิลค์ แต่พี่ไม่กล้าพอที่จะพูดคุยกันจริงจังเลยสักที”

“อื้ม พี่แม่งเลวจริงๆแหละ”

“พี่จะไม่บอกเลิกเรานะ สำหรับพี่ พวกเราไม่เคยเริ่มต้นอะไรกันทั้งนั้น มัน...”

“อื้อ หนูเข้าใจ ฮึก...” น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลร่วงจากดวงตาที่เจ็บปวด ร่างบางสั่นเทาเล็กน้อย เชนเห็นแล้วหดหู่แต่ไม่อาจเข้าไปปลอบโยนใดๆได้

“ถ้าใครถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา บอกเขาไปนะว่ามิลค์แค่ไปเจอเหี้ยตัวหนึ่ง” เชนพูดปิดท้าย ชายหนุ่มเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้จะหันกลับไปมองหญิงสาวที่กำลังสะอื้นไห้ในมุมนั้นของร้าน ในหัวของเขามีเรื่องให้คิดมากกว่านั้น

             เชนเป็นผู้ชายที่ไม่เคยจริงจังกับความรักหรือความสัมพันธ์ใดๆเพราะการเติบโตจากครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้าง แม่มีสามีใหม่และสนใจเขาน้อยลง พ่อก็ตรอมใจและหันไปพึ่งของมึนเมาจนกลายเป็นผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้รับจากครอบครัวนี้คือหน้าตาที่หล่อเหลาสามารถดึงดูดใครต่อใครให้เข้าหา และวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับผู้หญิงที่คิดว่ารักหมดใจและพยายามเก็บซากความแตกสลายในวัยเด็กโดยการแต่งงานเพื่อสร้างครอบครัวให้ดีกว่าบุพการี แต่เปล่าเลย มันไม่มีอะไรดีขึ้น ภาพลักษณ์ของชายหนุ่มเจ้าชู้ไม่ค่อยกลับบ้านจนอดีตภรรยาระแวงว่าเขามีคนอื่นก่อปัญหาเรื้อรังจนกระทั่งเขารับไม่ไหว

             เมื่อติดต่อทั้งสมการและปุลวัชรไม่ได้ เชนจึงรู้ว่าทั้งคู่ทิ้งตนและกลับบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มเดินออกจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ด้วยจิตใจที่เคว้งคว้างจากการคิดถึงเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นจนไม่ทันสังเกตว่าภายนอกนั้นมีฝนกำลังเทกระหน่ำจนไม่อาจเดินไปเรียกแท็กซี่ได้

“ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรแบบนี้วะกู” เชนบ่นกับตัวเองและเดินกลับไปที่เดิม ผู้คนคลาคล่ำยิ่งกว่าเดิมเพราะเจอชะตากรรมเดียวกันนั่นคือติดฝน ชายหนุ่มร่างสูงจึงเดินเล่นเพื่อฆ่าเวลา ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อยู่กลางกรุงและมีขนาดใหญ่จนเกินไป ปกติเขาจะไม่มาเดินด้วยซ้ำเพราะขี้เกียจ แต่พอได้มาก็กลับต้องมาติดแหง็กไปไหนก็ไม่ได้

             เชนรู้ว่าตัวเองหน้าตาดี นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนมองตามไม่ว่าจะหญิงหรือชาย การออกมาเดินในห้างแบบนี้จึงทำให้ชายหนุ่มเห็นโลกภายนอกที่ไม่คิดจะมาเดินดูให้เสียเวลาชีวิตเท่าไร สายตากวาดมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ก็ได้พบว่าโลกมันเปลี่ยนไปเยอะจนรู้สึกแก่ มีนักเรียนเดินเป็นกลุ่มคุยกันออกรส แฟนหนุ่มสาวเข็นรถเข็นเด็กเดินว่อน หญิงสาวแต่งตัวตามแฟชั่นเดินคุยกันคิกคักหันมามองเขาและส่งยิ้มให้ ผู้ชายสองคนที่ดูไม่มีอะไรผิดแปลกเดินชิดกระหนุงกระหนิงผิดจากยุคที่เขาเติบโตมา ไม่แปลกใจเลยที่มิลค์เรียกเพื่อนสนิทเขาว่าลุง ใบหน้าของสมการก็เอื้อให้คิดว่าแก่ขั้นนั้นเช่นกัน

...ใบหน้าที่ตกใจตอนที่ถูกโน้มมาจูบ (O_o)’’

... จูบที่คิดว่าจะแกล้งทำให้สมจริงมากที่สุดโดยการใช้ลิ้น

... รสชาติหวานหอมยามที่ดูดเม้มความหอมหวานในโพรงอุ่น

... ทุกอย่างมันทำให้เชนรู้สึกแปลกใหม่ ประหลาดใจ ตื่นเต้น หวาดกลัว อบอุ่น วาบหวามและหัวใจเต้นแรงจนแทบจะวาย

‘ทำไมกูต้องคิดถึงหน้ามึงด้วยวะไอ้ปอนด์’ เชนคิดซ้ำไปมาในหัว ใบหน้าที่ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าหล่อที่รู้จักกันมาเกือบ 15 ปีไม่ควรทำให้เขารู้สึกมากมายจนแทบจะล้นทรวงอกแบบนี้

‘กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ดึงสติกลับมาก่อนไอ้เชน ดึงกลับมา’ หนุ่มหล่อร่างสูงเด่นยืนนิ่งพิงเสาขนาดใหญ่ในห้างสรรพสินค้าด้วยใบหน้าจริงจังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่เขากำลังใช้ความคิด ความคิดที่กำลังทำให้สับสนจนไม่อยากเดินไปมาอีกต่อไป แม้จะไม่ต้องการที่จะทำตัวโดดเด่น แต่ต้องยอมรับว่าใบหน้าของเชนนั้นชวนให้ใครต่อใครต้องหยุดมองอยู่เสมอ

             เมื่อคิดอะไรไม่ออก สมองเริ่มล้า ส่วนการประมวลผลทำงานบกพร่อม ชายหนุ่มจึงหยุดความคิดทุกอย่างและก้าวขายาวออกไปนอกอาคารอย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เม็ดฝนเย็นตกปะทะใบหน้าจนเจ็บ ของเหลวที่ตกมาจากที่สูงทำให้เปียกปอนไปทั้งตัว แต่เขากลับอยากอยู่แบบนี้ อยากเดินแบบนี้ ความเย็นของมันทำให้ความสับสนวุ่นวายเจือจางไปตามแรงปะทะ หยาดฝนทำให้เสื้อที่สวมมาลู่แนบกับลำตัวเผยให้เห็นแนวกล้ามเนื้อที่ได้รูป หากไม่มีสายฝนกระหน่ำเสียก่อน ภาพอันเปียกโชกของเขาคงยั่วยวนสายตาของคนอื่นอยู่ไม่น้อย

“ไปบางซื่อครับ” เชนเปิดประตูรถแท็กซี่ที่จอดรับตนตอนที่เดินไปมาจนเกือบหลงทิศ

“โห เปียกขนาดนี้เลยเหรอพ่อหนุ่ม”

“ผมให้ห้าร้อย ปิดแอร์แล้วพาผมไปส่งบ้านหน่อย”

“ขึ้นมาเลยพ่อหนุ่ม มาเดินกลางฝนแบบนี้ทำมิวสิคอยู่ล่ะสิ อกหักมาเหรอ” เชนหลับตาลงอย่างหงุดหงิด ไม่อยากตอบอะไรกับคนขับแท็กซี่เลยสักนิด

... ใบหน้าเหรอหรา

... จูบที่แสนหวาน

... ทำไมมันทำให้น้องชายของเขาพองตัวขึ้นมาได้วะ

             เชนตบเป้ากางเกงอย่างขัดใจ ใบหน้าหล่อยู่ยับเพราะไอ้น้องชายตัวดีดันมามีอารมณ์กับไอ้ปอนด์เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วัยรุ่น พวกเขาเคยแก้ผ้าอาบน้ำกันหลายต่อหลายรอบ แก้ผ้าเดินในห้องนอนอย่างไม่อายสายตาและไม่เคยคิดอะไรเกินเลยแบบนี้มาก่อน แต่จูบเดียวในวันนี้ทำให้หัวใจเขาเปลี่ยนไป มันสั่นไหวและเต้นโครมครามตอนคิดถึงใบหน้าเอ๋อๆนั้น ชายหนุ่มหยิบมือถือราคาแพงที่กันน้ำได้ออกมาเล่นเพื่อหันเหความสนใจ แต่ก็ต้องกำหมัดแน่นและรู้สึกโกรธจนอยากจะปาของในมือทิ้ง

‘ของโปรดคนแถวนี้ (สติกเกอร์รูปหัวใจ)’ ภาพกับข้าวธรรมดาและแคปชั่นที่ไม่ได้หวือหวาที่โชว์หน้าฟีดทำให้เชนรู้สึกหงุดหงิด และยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่มากดไลค์และคอมเม้นต์กลับคือสมการ เพื่อนสนิทของตน

‘รู้ใจที่สุดเลยว่ะ (สติกเกอร์หมียิ้มกว้าง)’

...หงุดหงิดโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !

#### ####

             ร่างสูงที่เต็มไปด้วยคราบที่ล้างไม่ออกของเชนเดินพรวดพราดเข้ามาในตัวบ้านด้วยอาการฟึดฟัด ถึงแม้มันจะเปียกชุ่มไปทั้งตัวก็ตาม เชนกระแทกส้นเท้าโครมครามเพื่อหวังว่าเจ้าของบ้านจะออกมาทักทาย เย็นวันอาทิตย์ที่ฝนตกหนักทำให้เสียเวลาบนถนนอยู่นาน ชายหนุ่มเดินไปเปิดห้องครัวที่ว่างเปล่า แทบไม่มีอะไรเหลือให้เขากินอีกแล้ว ความหิวและความงุ่นง่านทำให้ฟิวส์ขาด เขาเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรมาใส่กระเพาะ อย่างน้อยยังพอมีกับข้าวที่รุ่นน้องอัพลงโซเชียลอยู่ เมื่อวางจานเย็นชืดนั้นบนโต๊ะกับข้าว ความปั่นป่วนก็เข้ามารบกวนจนแทบจะเทมันทิ้งไป ...

             ชายหนุ่มเคาะประตูห้องนอนหลายครั้งกว่าคนที่อยู่ในนั้นจะงัวเงียมาเปิดประตูให้ ใบหน้าของเจ้าของบ้านย่นยับหัวเสียเนื่องจากถูกรบกวนเวลาหลับนอนที่เป็นสุขยิ่งทำให้เชนรู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ

“มีราย”

“เอ่อ หลีกไปกูจะเข้าห้อง” เสียงหัวใจเต้น ตึก ตึก ตึก ดังจนแทบทะลุทรวงอกทำให้เชนต้องรีบหลบตา

“ห้องแม่กูโน่น เสร็จแล้ว ย้ายของให้แล้ว แค่นี้นะ”

“เดี๋ยว...”

ปัง! ... ให้มันได้อย่างนี้สิ เชนสบถอย่างหัวเสียในใจ รู้สึกโกรธที่อยู่ๆถูกเด้งออกมานอนแยกห้องทั้งที่เขายังไม่พร้อม

“พี่เชนเหรอครับ” ห้องนอนเย็นเฉียบและมืดมิดไร้แสงไฟ แต่ปุลวัชรกลับมองเห็นการเคลื่อนไหวชัดเจน

“อื้อ” สมการซุกตัวลงใต้ผ้าห่มควานหาความอบอุ่น สองหนุ่มที่เหมือนจะเลิกลั่กเมื่ออยู่กันสองต่อสองตั้งแต่อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าจนมาถึงบ้านยังไม่ได้คุยกันมากนัก พวกเขาผ่านช่วงมื้อค่ำอย่างกระอักกระอ่วน

“พี่ปอนด์”

“หืม”

“ขอกอดได้ไหมครับ”

   เฮือก... สมการสะดุ้ง ปกติแล้วรุ่นน้องจะเข้ามากอดตอนที่เขาหลับไปแล้ว ช่วงแรกมันยังไม่ชินเท่าไร แต่เวลาผ่านไปก็ทำใจได้ เพราะถือว่าไม่ได้ยินยอมเนื่องจากเขาไม่รู้ตัวและเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าแค่กอด ปกติสมการจะตื่นทีหลังจึงจำเรื่องที่โดนกอดได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่คืนนี้กลับถูกขอซึ่งๆหน้าทำให้อาการงัวเงียเมื่อกี้หายวับ

“อะ เอ่อ”

   ชายหนุ่มไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่กล้าพลิกตัวไปมองใบหน้าหล่อๆของปุลวัชรด้วยซ้ำด้วยเกรงว่าจะนึกถึงเรื่องที่พวกเขาจูบกันที่ลานจอดรถ คืนนี้สามารถไล่เพื่อนสนิทออกไปนอนอีกห้องได้ แต่กับเด็กหนุ่มกลับสลัดได้ยาก ยิ่งใกล้กันก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก เขามันคนขี้ใจอ่อน มันเลยกลายเป็นต้นตอของหายนะในชีวิตหลายๆอย่าง เช่น การถูกผู้ชายสองคนจูบอย่างดูดดื่มวันนี้

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ พี่นอนเถอะครับผมไม่กวนพี่แล้ว ฝันดีนะครับ”

   น้ำเสียงหงอยหนักตอบมาจนสมการรู้สึกผิด ทั้งที่เขาเป็นคนโดนจูบ โดนกอด แต่พอไม่ทำตามที่ถูกร้องขอ กลับกลายเป็นว่าสามัญสำนึกของตัวเองตลบตะแลงมาเล่นงานจิตใจของเขาเสียอย่างนั้น ปุลวัชรถอนหายใจคล้ายคนน้อยใจและขยับตัวในผ้าห่ม ถึงแม้เตียงจะกว้างแต่ผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนนอนด้วยกันก็ดูแคบไปถนัดตา แข้งขาเก้งก้างของพวกเขาเกี่ยวกันอย่างสุดวิสัย

“อืม” สมการส่งเสียงเบาหวิว

“อะไรเหรอครับพี่ปอนด์” รุ่นน้องที่พลิกตัวหันหลังให้เมื่อครู่พลิกตัวกลับมานอนตะแคงมองแผ่นหลังกว้างในความมืดสลัวอีกครั้ง กลิ่นสบู่อ่อนๆของรุ่นพี่ที่เขาชอบทำให้จิตใจหวั่นไหวเต้นรัวในอกราวกับกำลังตีกลองสะบัดชัย

“กะ กอดไง” สมการไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องใจอ่อน มันอาจจะเพราะน้ำเสียงที่รู้สึกน้อยใจที่ได้ยิน หรืออาจะจะเพราะนิสัยที่กลัวคนอื่นเสียใจจนปฏิเสธไม่ออก แต่ท้ายที่สุดไออุ่นของคนที่นอนร่วมเตียงก็ขยับมาชิด

   ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แขนขวาของปุลวัชสอดใต้ลำคอของสมการโดยมีแขนซ้ายโอบร่างอยู่ด้านบน ไอร้อนของทั้งคู่ผสานกันอย่างรวดเร็วจนความเหน็บหนาวของเครื่องปรับอากาศแทบจะเหือดแห้งไปทันที ฝ่ามือของเด็กหนุ่มแตะทรวงอกซ้ายของคนพี่เอาไว้ จังหวะการเต้นตึกตักรุนแรงไม่ต่างกับตนสักนิด แต่ปุลวัชรไม่กล้าฟันธงว่าอีกฝ่ายนั้นตื่นเต้นหรือกลัวหรือกังวลที่อยู่ในอ้อมกอดนี้หรือจะรู้สึกดีใจจนพองโตเฉกเช่นเขา จังหวะการเต้นของหัวใจไม่ได้บ่งบอกว่าทั้งสองคนจะต้องรู้สึกเหมือนกัน เมื่อคิดอย่างนั้น รุ่นน้องที่กระชับอ้อมแขนก็เลิกเข้าข้างตัวเองและปล่อยให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ

             เชนก้าวเข้าห้องนอนที่เพิ่งซ่อมแซมเสร็จใหม่ๆอย่างอารมณ์เสีย รู้สึกว่าทุกอย่างในโลกนั้นเป็นอุปสรรคไปเสียหมด ชายหนุ่มมองเตียงขนาดใหญ่และข้าวของที่ถูกย้ายมากองไว้แล้วถอนหายใจ ห้องนี้ใหญ่กว่าห้องนอนของสมการ มีห้องน้ำในตัว มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าตอนที่นอนในห้องนั้นสามคน แต่เขาไม่ได้ต้องการความเป็นส่วนตัวในตอนนี้ ชายหนุ่มต้องการช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับเพื่อนสนิทแค่สองคนเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง เขาต้องรู้ให้ได้ว่าความรู้สึกที่มีตอนนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่อาการสับสนจากแค่จูบเดียว ถึงแม้มันไม่ใช่จูบแรกของพวกเขาก็ตาม...

#### ####

หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.12 อลหม่านบ้านแทบแตก P.2 @28/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 28-05-2021 13:51:45
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 12. อลหม่านบ้านแทบแตก #2

13 ปีที่แล้ว

             เชนและสมการเป็นเพื่อนสนิทกันที่สุดในรั้วมหา’ลัยเลยก็ว่าได้ สมการเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอม สูงเก้งก้าง ใบหน้าไม่ได้หล่อแถมยังมีรอยสิวประปรายประดับใบหน้า ประกอบกับสีผิวที่ออกไปทางคล้ำมากกว่าจะเป็นสีแทน ยิ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าหาสาวๆ ยุคสมัยของพวกเขานั้นนิยมคนหน้าลูกครึ่ง แต่ถ้าไม่ได้แบบนั้นก็ต้องดูดี และเชนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สาวๆอยากควงแขนมากที่สุด รูปร่างสูงเพรียวมีกล้ามเนื้อพอดี ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มดูขี้เล่นแถมยังเป็นนักกีฬาฟุตบอล จึงไม่แปลกใจที่มีแต่คนตามติด ซึ่งผิดกับชีวิตของเพื่อนสนิทที่แม้จะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ แต่ก็เหมือนคนไร้ตัวตนสำหรับสาวๆ

“ชนแก้วโว้ย” เสียงของหนุ่มๆที่กำลังเมามายอยู่ในผับไม่ไกลจากหอพักดังเฮก่อนเสียงแก้วกระทบจะตามมา สมการเมาเกือบไม่ได้สติเพราะเพิ่งอกหักมาจากสาวที่ชอบ เชนที่เห็นอาการไม่ดีจึงลากเพื่อนซี้ออกมาเปิดโลกพร้อมกับชวนเพื่อนๆในกลุ่มมากันนับสิบ วัยคึกคะนองกับของมึนเมาเป็นของคู่กัน การอกหักไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแต่ก็ทำให้มีเหตุผลในการรวมกลุ่มมาเมา

“แด่ไอ้ปอนด์ เอ้า โชนนนนนนนนนน” แก้วที่แล้วเพิ่งถูกเติม เสียงเชียร์ใหม่ก็ดังขึ้น หนุ่มๆที่เมาได้ที่ก็ยกแก้วขึ้นมาชนกันอีกครั้ง และก็ตามมาอีกหลายๆครั้ง...สมการงัวเงียชนบ้างไม่ชนบ้างตามกำลังที่เหลือเอื้ออำนวย สุดท้ายก็ฟุบหลับคาโต๊ะ

             เชนและเพื่อนๆแบกร่างสมการรวมถึงคนอื่นที่เมาพับมาที่ห้องโดยสวัสดิภาพ ทั้งหมดอยู่หอพักเดียวกันแต่คนละห้อง เชนจึงไม่ต้องออกแรงลากร่างเพื่อนซี้มากเท่าที่คิด เมื่อร่างสูงเก้งก้างนอนแผ่ไร้สติเชนก็อยากล้มตัวลงตอนเตียงของตัวเองบ้าง

หมับ...

“เชี่ย” เชนสะดุ้ง เพราะถูกมือสากคว้าแขนและกระชากตัวล้มไปนอนทับคนเมา

“น้องเหมียวใจร้าย พี่ชอบน้องเหมียวมากนะครับ ฮือๆ” ไม่ใช่แค่พร่ำเพ้อ แต่สมการกำลังร้องไห้ เชนที่เมามายไม่ต่างกันต้องกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ พยายามประคองร่างให้ลุกจากที่นอนแคบนี้ แค่ไม่กี่ก้าวก็จะถึงที่นอนของเขาซึ่งเป็นเตียงขนาดเท่ากับของรูมเมต แต่กลับถูกแขนยาวๆของคนไร้สติคว้าตัวไปกอดรัดจนขยับหนีไม่ได้

“ไอ้ปอนด์ ปล่อยกู๊ นี่กูเอง ไอ้เชนเพื่อนมึง ไม่ใช่น้องเหมียว”

“น้องเหมียวจ๋า น้องเหมียว” เชนไม่เข้าใจว่าเพื่อนสนิทของเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เพราะยิ่งดิ้นยิ่งรัดตัวเขาแน่นไปหมด ความชุลมุนไม่ได้ช่วยให้สถานะการณ์ของชายหนุ่มดีขึ้นเมื่อยิ่งขยับก็ยิ่งเข้าใกล้ใบหน้าแทบชิด

“อะ ไอ้ปอนด์ ปล๊อย” เชนร้องอย่างอึดอัด ถึงแม้จะรูปร่างใกล้เคียงกัน เรี่ยวแรงพอๆกัน แต่เพราะความเมาทำให้ชายหนุ่มอ่อนเปลี้ย แต่กับสมการที่ไม่ต้องออกแรงเดินหรือลากใครมานั้นกลับมีเรี่ยวแรงมากขึ้นราวกับป๊อบอายได้กินผักโขม

“น้องเหมียว น่ารักจัง” ห้องนอนไม่ได้มืด เชนเห็นดวงตาสองชั้นของเพื่อนซี้ค่อยๆลืมขึ้นมา แต่ภาพที่สมการเห็นคือใบหน้าของผู้หญิงที่หักอกตนจนต้องดื่มหนักเมามายไม่ได้สติแบบนี้

“อะ ไอ้ปอนด์ มึงจะทำ อะ อื้อออออ...”

   เชนเบิ่งตาอย่างตกใจ ความเมาแทบจะหายเกลี้ยงเพราะกลีบปากของคนเมาปรี่ประกบริมฝีปากสวยของตนอย่างเร่งเร้า คำพูดก่อนหน้านี้ทำให้โพรงปากเผยอจนเปิดทางให้คนเมามายส่งลิ้นสากมากวาดภายในได้อย่างเสรี แรงโอบรัดแน่นกว่าเดิมเมื่อจังหวะไหลลื่นของรสจูบปรับระดับเป็นรุนแรงกว่าเดิม กลิ่นแอลกอฮอล์ปะทุโชยแตะจมูกยามที่กลีบปากของพวกเขาผละออกเพื่อมองหาอากาศ สมการเป็นนักจูบยอดแย่ นี่อาจเป็นจูบแรกของเขาด้วยซ้ำ แต่เชนผู้ช่ำชองกลับหลบหนีจากมันไม่ได้ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งถูกดูดดื่มความหนุ่มแน่นในโพรงปากมากเท่านั้น น้ำลายที่พยายามกักกันกระฉอกตามแรงบดเบียด

“ฮื้อออออ”

   เชนเกือบจะเคลิ้ม หรืออาจจะกำลังโมโห เขาเรียกพลังเฮือกใหญ่เพื่อสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดและจูบที่ป่าเถื่อนนี้ ในใจร่ำร้องอย่างอับอายที่ถูกกระทำราวกับตนเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางที่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุรุษหนุ่มร่างใหญ่ แต่มันไม่ใช่ เขาโดนเพื่อนสนิทที่เมาไม่ได้สติกอดรัดฟัดเหวี่ยงแถมสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวในปากอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

   เมื่อรวบรวมเรี่ยวแรงได้มากพอ เชนจึงผละตัวเองออกมาได้เสียที ร่างสูงที่อยู่ในท่านั่งกึ่งยืนบนเตียงขนาดสามฟุตของเพื่อนสนิทที่หลับตาพริ้มนั้นหอบหายใจแรง รู้สึกว่าปากบวมเจ่อ เขากระชากคอเสื้อคนที่นอนขึ้นเพื่อส่งแรงหมัดที่เงื้อค้างไว้ แต่ใบหน้าราบเรียบของสมการไม่ได้สะทกสะท้าน แล้วเสียงกรนของคนที่หลับลึกออกมาจากปากที่อ้าค้างไว้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทียังจูบกันอย่างบ้าคลั่งอยู่เลย

“เชี่ย แม่ง” เชนหงุดหงิด ปล่อยเพื่อนนอนลงเช่นเคยก่อนลดระดับหมัดที่ค้างในอากาศ ใช้สองมือตบหน้าอีกฝ่ายไปมา

“อื้อ จะนอนนนนนนนนนน” สมการโดนตบไปมาจนหน้าแดงต้องส่งเสียงโอดครวญออกมา เชนสงบอารมณ์ขุ่นมัวลงได้ก็ผละร่างออกจากตรงนี้และกระโจนลงบนที่นอนของเขา ปล่อยให้เพื่อนซี้ที่เสียจูบแรกให้ตนนอนกรนดังลั่นจนแทบนอนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเมา สมการคงโดนไปหลายหมัด และเชนคงจะนอนไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้ปิดไฟและมีเสียงกรนดังสนั่นราวฟ้าร้องแบบนี้ ชายหนุ่มที่เหมือนจะสร่างกลับรู้สึกว่าเปลือกตาของตนหนักขึ้นเรื่อยๆจนผลอยหลับไปในที่สุด

             และแน่นอนว่าพวกเขาตื่นอีกทีคือเที่ยงของวันต่อมา สมการนอนท่าเดิมเมื่อคืนราวกับหุ่นยนต์ไร้ถ่าน เชนตื่นขึ้นมาก่อนและนึกย้อนไปเรื่องที่โดนจูบ เมื่อมองอีกฝ่ายจึงกระโจนถีบตกเตียงอย่างหงุดหงิด ... โครม!

“ไอ้เชน ไอ้เหี้ย ถีบกูทำไมวะ” สมการสะดุ้งตื่นโวยวายลั่น สภาพหน้าตาดูไม่ได้เป็นอย่างมาก

“มึงไม่รู้เหรอว่าทำไมกูถึงถีบมึง” เชนยืนมองภาพเพื่อนที่หน้าคว่ำอย่างสะใจ

“กูจะรู้มั้ย ไอ้สัส แม่ง ปวดหัว โอ๊ยยย... แล้วนี่กูกลับมาห้องได้ยังไงวะ” สมการลุกมานั่งบนเตียงอย่างงัวเงีย ใบหน้าบวมเจ่อเพราะถูกเชนตบไปมาหลายทีก่อนนอนเหมือนคนอมลูกปิงปองเอาไว้

“กูกับไอ้ย้งลากมึงมาไงไอ้ห่า อกหักแค่นี้เมายังกับหมา” เชนนั่งลงเตียงตัวเองบ้าง ในใจยังหงุดหงิดไม่หาย

“เชี่ยเอ๊ย น้องเหมียวนะน้องเหมียวทำกูได้ อย่าให้กูหล่อนะแม่ง” สมการบ่นอุบ “แต่เมื่อคืนกูฝันด้วยนะมึง”

“ฝันเหี้ยอะไรของมึงอีก”

“กูฝันว่าน้องเหมียวมาหากูที่ห้อง มานอนทับกูแล้ว แล้วพวกเราก็จูบกัน สัส โคตรฟิน” ใบหน้าเห่ยๆกำลังพริ้ม

“ฟินพ่องมึงสิ” เชนตะโกนด่า สมการหันมามองด้วยใบหน้าเหรอหรา

“มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ไปกินรังแตนมาเหรอถึงได้ด่ากูเสียงดังแต่เช้า”

“นี่มึงจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เหรอ” เชนลดเสียงและพินิจท่าทีของเพื่อนอย่างจับผิด

“จำได้แค่กูชนแก้วที่ร้านแล้วภาพตัด ตื่นมาก็โดนมึงถีบตกเตียงเนี่ย ปวดหัวไม่พอปวดแขนอีก สัส” เชนนิ่ง มองไม่เห็นท่าทีผิดแปลกไปจากเดิมราวกับว่าเมื่อคืนที่มันจูบเขาเป็นเพียงความฝันที่เพิ่งได้ยินเมื่อกี้

“โดนเค้าหักอกยังเสือกฝันถึงอีก มึงมันควายชัดๆเจ็บแล้วไม่จำ” เชนด่าจนเพื่อนหน้าเสีย เขาสลัดความฟุ้งซ่านจากเรื่องเมื่อคืนให้หมด เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่น่าเอามาพูดซ้ำ รู้สักกันมานานก็รู้ว่าสมการไม่ใช่เกย์และเขาเองก็ไม่ใช่ ยิ่งคิดมากก็อาจจะมองหน้ากันไม่ติด ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าและคว้าผ้าขนหนูเดินตรงยังห้องน้ำ

“ไอ้สัส กูอุตส่าห์ฝันดี มึงมาแก้ผ้าให้กูสยองทำไมวะ” สมการด่าไล่หลัง เชนยิ้มอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากความตั้งใจ ไม่อย่างนั้นคงกระอักกระอ่วนกันไปอีกนาน

#### ####

             เชนในวัย 33 ปีนั่งลงบนเตียงใหญ่อย่างเหนื่อยหน่าย จูบครั้งแรกของเขากับสมการได้เลือนลางและเกือบถูกลืมไปแล้ว แต่วันนี้กลับกลายเป็นตัวเขาเองที่ต้องแสดงละครและไปสะกิดกล่องความทรงจำที่ถูกทิ้งให้ตกตะกอนให้คืนชีพมาอีกครั้ง เมื่อ 13 ปีก่อนเชนยังไม่ประสาเรื่องระหว่างเพศเดียวกันเท่าไรนัก เมื่อเวลาผ่านไป โลกมีการเปลี่ยนแปลงจนไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว รสจูบครั้งนั้นที่เขารู้สึกโกรธขึ้ง แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป มันกลายเป็นการตอกย้ำว่าเขาไม่เคยรังเกียจการจูบกับเพื่อนซี้เลยไม่ว่าจะครั้งไหนๆ

... เชนล้มตัวลงนอน พยายามอย่างหนักที่จะสลัดความคิดที่ว่ายวนในสมองออกให้หมด แต่ยิ่งพาให้ความคิดดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ เขาต้องการพื้นที่ส่วนตัว ที่ๆมีตัวเองและเพื่อนสนิทอยู่กันตามลำพัง เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง ... บางอย่างที่เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นความจริงที่พยายามปฏิเสธกับตัวเองมาสิบกว่าปี

             ห้องนอนใหญ่มีคนกำลังคิดมากเพราะเรื่องจูบอยู่จนนอนไม่หลับ ซึ่งไม่ต่างจากอีกห้องหนึ่งที่มีผู้ชายสองคนนอนแนบชิดโดยมีเจ้าของบ้านอยู่ใต้อ้อมกอดของรุ่นน้อง ดวงตาของทั้งคู่เปล่งประกายในความมืด ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงเสียงลมหายใจที่พยายามแสร้งทำว่ากำลังหลับไหล แต่จังหวะการเต้นของหัวใจอึกทึกครึกโครมคล้ายใกล้จะวายรอมร่อ

             ปุลวัชรกระชับอ้อมกอด แผ่นหลังอุ่นของสมการแนบชิดกับทรวงอกของตน จังหวะการเต้นของหัวใจตุบตับสะกิดแผ่นหลังของรุ่นพี่ยิ่งทำให้นอนไม่หลับไปกันใหญ่ สมการมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิท แสงไฟตรงทางเดินด้านนอกสอดสว่างเข้ามาเบื้องล่างของประตูบานนั้น ในหัวพยายามนับแกะแต่พอถึงตัวที่สิบภาพที่ถูกเพื่อนสนิทคว้าคอไปจูบก็พุ่งเข้ามาจนนับต่อไม่ได้ เขาจึงล้มเลิกการกระทำนี้และข่มตานอนให้หลับ แต่กลับเจอเรื่องยากกว่าเพราะร่างของตนถูกผู้ชายอีกคนกอดกระชับไว้แน่นมีเสียงเต้นของหัวใจรบกวนสมาธิอย่างหนักเช่นเดียวกัน

             เจ้าของบ้านพยายามนอนนิ่งจนเกือบคล้ายหุ่นยนต์ เพราะไม่ต้องการให้อีกคนต้องสะดุ้งตื่น ถึงแม้การนอนตะแคงทับแขนขวาของตัวเองในตอนนี้จะเริ่มเจ็บชาก็ตาม แววตาครุ่นคิดที่ไม่ยอมปิดลงนั้นทำให้คิดว่าค่ำคืนนี้มันช่างยาวนานกว่าทุกคืน เขาไม่เคยโหยหาแสงสว่างของเช้าวันใหม่เลยสักครั้ง แต่ตอนนี้สมการต้องการให้ดวงอาทิตย์ขึ้นโดยเร็วเพื่อให้มีข้ออ้างในการลุกออกจากเตียงและเลิกคิดเรื่องจูบที่สองของวันจากรุ่นน้องหน้าตาดีที่ขอกอดและกำลังกอดก่ายตัวเขาอยู่ตอนนี้

             ปุลวัชรซุกใบหน้ากับท้ายทอยของรุ่นพี่ จมูกโด่งเป็นสันสูดดมกลิ่นกายที่น่าหลงใหลอย่างยอมแพ้ต่อความยั่วยุ โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นรับรู้ทุกสัมผัสแต่สมการต้องเกร็งตัวเอาไว้เพราะไม่อยากให้รุ่นน้องรู้สึกผิดถ้าเขาจะลุกมาโวยวาย แรงซุกไซร้แผ่วเบาเลื่อนไปมาจากซ้ายไปขวาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรุ่นพี่รู้สึกวาบหวิวอย่างบอกไม่ถูก ในหัวตอนนี้กลับโล่งอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกวิบวับที่มาจากคนด้านหลังเปลี่ยนอาการคิดมากให้เป็นความสงบนิ่ง ไม่นานนักความง่วงงันก็โจมตีจนเปลือกตาหนักอึ้ง และท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลายจนกระทั่งเข้าสู่ห้วงความฝันอย่างไม่อาจต้านทานได้

(https://cdn-th.tunwalai.net/files/member/971823/519815832-member.jpg)
ภาพประกอบมิได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายแต่อย่างใด
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.12 อลหม่านบ้านแทบแตก P.2 @28/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-05-2021 23:38:03
 :katai1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.12 อลหม่านบ้านแทบแตก P.2 @28/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-05-2021 16:24:19
ถึงพี่ปอนด์ไม่หล่อ ไม่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม แต่กลับมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันสินะ.  :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.12 อลหม่านบ้านแทบแตก P.2 @28/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 30-05-2021 23:32:55
เสน่ห์แรง
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.12 อลหม่านบ้านแทบแตก P.2 @28/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 31-05-2021 15:10:44
พี่สมของเราเสน่ห์แรงมากๆ มาลุ้นกันว่าใครจะเป็นตัวจริงของพี่สมกันนะครับ อิอิ

ขอบคุณสำหรับทึกคอมเม้นต์และการติดตามครับ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.12 อลหม่านบ้านแทบแตก P.2 @28/พ.ค./64
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-06-2021 22:29:46
ชุ้นจะเชียร์ใครดี แต่ว่าปุ่นนี่ดีเกิน กลัวจะได้บทพระรองไปละเกิน :ling1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
เริ่มหัวข้อโดย: จากต้นจนอวสาน ที่ 08-06-2021 18:10:28
เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ – The Loser


ตอนที่ 13. จุกๆ

             ปุลวัชรตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นถึงแม้จะปวดไหล่ที่ต้องนอนตะแคงกอดร่างใหญ่ของสมการไว้ทั้งคืนก็ตาม แต่การที่อีกคนไม่ดิ้นหนีออกห่างไปไหนช่วยเพิ่มกำลังใจขึ้นอีกโขถึงขั้นสาบานกับตัวเองเลยว่าเจ็บกว่านี้ก็ยอมถ้าจะได้กอดผู้ชายคนนี้ทั้งคืน แต่คนที่นอนไม่หลับอย่างสมการนั้นกำลังสับสน เขารู้สึกตัวตลอดทั้งคืนแม้จะพยายามข่มตาเพียงใดก็ตาม เช้านี้จึงตื่นมาด้วยอาการเหน็บชาไปทั่วทั้งร่างฝั่งขวาที่นอนนิ่งเป็นหุ่นยนต์ให้รุ่นน้องโอบกอดเอาไว้ราวกับเป็นเด็กน้อย

             เด็กหนุ่มฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดียามปล่อยร่างของรุ่นพี่ให้เป็นอิสระและเดินออกไปทำธุระข้างนอก สมการมองเวลาอย่างเหนื่อยล้าและพลิกตัวนอนท่าที่สบายขึ้นก่อนที่อาการเหน็บชาจะทำให้เป็นอัมพาต(แบบคนคิดมากไปเอง) หากรีบนอนตอนนี้ยังมีเวลาอีก 2 ชั่วโมงก่อนจะถูกปลุกตอนเจ็ดโมงเช้า และเขาก็ผลอยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย

             เชนหอบกระเป๋าเดินทางและเอกสารในถุงผ้าอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่มนั้นนอนไม่หลับทั้งคืนเช่นเดียวกับเพื่อนสนิท รสจูบที่หวานหอมยังคลุ้งในโพรงปาก เมื่อเดินลงมายังชั้นล่างก็เห็นปุลวัชรกำลังเข้าครัวอย่างคนอารมณ์ดี นั่นยิ่งทำให้เขางุ่นง่านหนักเข้าไปอีก

“มอร์นิ่งครับพี่เชน ทานมื้อเช้าก่อนมั้ยครับ” ใบหน้าหล่อเหลาถามอย่างร่าเริง

“ไม่อะ พี่รีบ” เชนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเสียงเข้ม ความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่อกด้านซ้ายมันสื่อถึงอะไรกันหนอ

“กาแฟมั้ยครับ”

“ไม่” เชนรีบพุ่งออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า เขามีงานที่ต่างจังหวัดทั้งอาทิตย์ ทางที่ดีควรจะรีบไปจากตรงนี้ก่อนที่จะเจอหน้าเอ๋อๆของเพื่อนรักและความอึดอัดเพราะเรื่องที่ทำเมื่อวาน เชนนึกอยากจะย้อนเวลากลับไปได้ เพราะเขาจะไม่ยุ่งกับน้องมิลค์ตั้งแต่แรก หรือไม่ก็ไม่ควรทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาคอยก่อเรื่องแบบนี้

             สมการตื่นขึ้นมาอย่างง่วงงันจากการปลุกของเด็กหนุ่มที่เขย่าร่างอยู่เกือบห้านาที ชายหนุ่มอยากจะโทรไปลาป่วยให้รู้แล้วรู้รอด การทำงานมานานหลายปีทำให้เขาเป็นโรคเกลียดเช้าวันจันทร์อย่างที่สุด

“อาบน้ำแต่งตัวได้แล้วครับ กับข้าวพร้อมแล้ว” ปุลวัชรเอ่ยขึ้นเมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียง มือขวางัวเงียขยี้สองตาไปมา

“ฮื้อ ฮ้าวววววววววววววว” สมการหาวปากกว้าง ไม่ทันมองด้วยซ้ำว่ามีคนมองอย่างหวงแหน เด็กหนุ่มดีใจจนตัวลอยที่อาทิตย์นี้ไม่มีใครมาขัดขวางหรือเป็นบุคคลที่ 3 ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ เพราะพี่เชนไม่อยู่ ...

“ให้ผมเตรียมชุดที่จะใส่ให้มั้ยครับ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง เห้ย...” สมการร้องลั่นเมื่อเท้าติดกับปมผ้าห่มในขณะที่จะลุกออกจากเตียง ปุลวัชรหันไปตามเสียงนั้นอย่างอัตโนมัติ ใบหน้าเหวอๆของคนหัวฟูคะมำมาทางนี้พอดี

พลั่ก!

“อ๊อก...” เด็กหนุ่มจุกหน้าอกจากแรงอัดของกะโหลกหนาๆที่พุ่งเข้าชน ร่างของทั้งคู่ล้มตึงลงกับพื้นแข็ง ใบหน้าของสมการเลื่อนลงจากระดับอกไปซบกับปุลวัชรน้อยเต็มรัก วินาทีนี้เด็กหนุ่มไม่ได้เกิดอารมณ์อย่างว่า แต่กำลังจุกแสนสาหัสเพราะโดนแรงกระแทกส่งมาเต็มที่ 

             สมการตั้งสติได้ในอีกอึดใจต่อมา แล้วก็พบว่าจมูกของเขากำลังซุกดุนดันกับส่วนยืดๆหยุ่นๆที่กลางหว่างขาของผู้ชายอีกคน ยังไม่ทันได้สูดกลิ่นหรืออะไรก็ต้องรีบเขยิบร่างออกให้ห่าง เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาไม่สวมกางเกงในตอนนอนแต่รุ่นน้องที่ตื่นมาก่อนเป็นชั่วโมงก็ไม่ยอมสวมมันเลยจนถึงตอนนี้ และมันก็ทำให้ชายหนุ่มสัมผัสกับพลังงานที่ซุ่มหลับอย่างจัง

“ฮื้อ” ปุลวัชรร้องอย่างน่าเวทนาเพราะความจุกเสียด สมการได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง เมื่อวานพวกเขาจูบกัน เมื่อคืนก็โดนกอดทั้งคืน แถมตอนนี้หน้าของตัวเองไปเกยกับของสงวนของอีกคนไปได้

“จะ เจ็บตรงไหนมั้ย พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาในที่สุด

“มะ ไม่เป็นไรครับ แฮ่ก คะ แค่จุก” ปุลวชัรที่นอนบิดตัวงอเริ่มหาที่จับเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น สมการจึงรีบเข้าไปคว้าข้อมือขาวเนียนเพื่อฉุดขึ้นมา มันเหมือนภาพสโลว์โมชันในภาพยนต์โรแมนติกที่ใบหน้าของพวกเขาที่พยุงตัวให้ยืนหยัดอยู่ใกล้จนได้ยินและรับรู้ถึงไออุ่นของลมหายใจที่หอบโยน สายตาคมกริบจากดวงตาชั้นเดียวของรุ่นน้องสบประสานกับดวงตากลมโตของรุ่นพี่ราวกับจะเปิดเผยความรู้สึกข้างใน แล้วกล้องก็ค่อยๆแพนไปมาซ้ายขวาช้าๆจับภาพใบหน้าของสองคนระยะใกล้เพื่อเน้นย้ำช่วงเวลาที่สุดแสนอบอุ่นของคนทั้งคู่

             ปุลวัชรแทบจะลืมความจุกเสียดที่ตรงนั้นยามได้สบสายตาของอีกคน(ที่แม้จะมีขี้ตาอยู่ก็ตาม) ใบหน้าเกิดร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ราวกับว่าพวกเขาจับจ้องกันอย่างมีความหมายชั่วกัลปาวสาน กลีบปากที่เคยลิ้มรสไม่ได้ราบเรียบแต่มันน่ามองยั่วยวนให้เขยิบเข้าไปชิด ปุลวัชรได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งคู่หอบพร่า เสียงเต้นโครมครามที่อกด้านซ้ายทำให้ลืมความเจ็บไปชั่วครู่ ตอนนี้เขากำลังมีอาการเหมือนคนหัวใจวาย แต่มันเป็นสัญญาณที่ดีเพราะคนตัวสูงกว่าไม่ขยับหนีไปไหน

... ริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่เข้าใกล้กันเรื่อยๆ

... ลมหายใจหอบถี่พ่นไอร้อนทั่วใบหน้า

... เสียงหัวใจเต้นตึกตักแทบทะลุทรวงอกยิ่งทำให้ไหวหวิว

“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” แล้วสมการก็รีบปล่อยมือก่อนจะถูกบรรยายความหวานแหววมากกว่านี้ เด็กหนุ่มแทบทรุดเพราะยังไม่หายจุกจึงได้แต่ครางในลำคอฮึ่มๆ

‘เชี่ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย’ ปุลวัชรสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย อีกไม่ถึงวินาทีก็จะจูบกันอยู่แล้วเชียว


#### ####

             เสียงโหวกเหวกอย่างวุ่นวายในออฟฟิศในเช้าวันแรกของสัปดาห์ไม่ได้ทำให้สมการหายงัวเงีย เขาอยากมีเวลานอนมากกว่านี้ ไม่ต้องพึ่งพาคาเฟอีนแต่เช้าที่รุ่นน้องร่วมบ้านแวะซื้อที่ปั๊มน้ำมันก่อนถึงบริษัท ทั้งคู่เดินผ่านแผนกต่างๆราวกับมาจากคนละโลก ใบหน้าร่าเริงของปุลวัชรชวนมองจนสาวๆชะเง้อเหลียวหลังจับจ้องไม่วางตาโดยมีใบหน้าง่วงงันของอีกคนกำลังทำลายบรรยากาศการมองหน้าหล่อๆของอีกคนไปมากโข

“พี่สม คุณดลเรียกประชุม” วรจักรทักทายโดยที่ไม่เงยหน้าออกจากคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ

“เรื่องอะไรวะ” สมการนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างเบลอจัด

“ไม่รู้นะพี่ เห็นเรียกแต่หัวหน้าแผนก” อัครเดชตอบคำถามเพราะอีกคนไม่ว่าง

“แม่งเอ๊ย ทำไมเป็นงี้ไปได้วะ” วรจักรบ่นอุบ หน้าตาเคร่งเครียด

“เป็นอะไรมั้ยพี่จักร มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า” ปุลวัชรที่เคลียร์งานไว้ล่วงหน้าในวันหยุดที่ผ่านมายังมีเวลาว่างมากพอ

“ก็ลูกค้าที่ระยองน่ะสิ แม่งปัญหาเยอะชิบหาย มึงว่างมั้ยไอ้ปุน ไประยองกัน”

“เห้ยพี่ ไปตอนนี้เลยเหรอ ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะ” ปุลวัชรตกใจนิดหน่อย แต่รู้สึกเสียดายมากกว่าที่ผิดแผนไม่ได้อยู่กับสมการสองต่อสองตามที่คิดไว้

“มึงขับรถไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านละกัน เตรียมไว้เผื่อ 2 คืน น่าจะต้องแก้บั๊กกันเยอะ เดี๋ยวกูทำเรื่องขออนุมัติออกนอกสถานที่ก่อน พี่สมอนุมัติด้วยนะพี่ ไอ้เดชสรุปมึงไม่ว่างไปกับกูจริงดิ” วรจักรพูดคนเดียวจนจบ อัครเดชส่งเสียงตอบว่าไม่ทันที

“เออ ส่งเมล์มา เดี๋ยวจัดให้” สมการเปิดโน้ตบุ๊กและตอบกลับข้อความที่ลูกน้องส่งมาทั้งที่ยังไม่อ่านด้วยซ้ำ

“งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ปอนด์” ปุลวัชรหน้าจ๋อย อัครเดชและวรจักรมองหน้ากันอย่างมีเลศนัยก่อนจะยิ้มอย่างเยาะเย้ย

“อื้ม ขับรถดีๆล่ะ” สมการพูดเบาๆให้รุ่นน้อง

“พี่ปอนด์...”

“พี่สม ประชุม!” อัครเดชโพล่งขึ้นก่อน คนที่เกือบจะหลับลืมตาพรึ่บและรีบคว้าข้าวของไปห้องประชุมโดยไม่มองกลับมาอีกเลย

“เอ้า มัวแต่คอตก ไปเก็บของ เดี๋ยวกูไปรับที่บ้าน” วรจักรเสียงดังเรียกสติคนหน้าจ๋อย

“ครับพี่” ปุลวัชรงุ่นง่าน จะขัดก็ไม่ได้ นอกจากเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับไปที่ลานจอดรถทั้งๆที่เพิ่งเข้ามายังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ

“พี่ไปแกล้งมัน” อัครเดชมองร่างสูงเดินคอตกไปจากแผนกก็ได้ทีถลาเก้าอี้ล้อเลื่อนมาสะกิดรุ่นพี่

“ก็มันน่าแกล้งนี่หว่า มึงก็อีกคนที่เห็นดีเห็นงาม อย่ามาโทษกูคนเดียวเดะไอ้เดช”

“พี่แม่ง โรคจิตว่ะ” วรจักรไม่ตอบโต้อะไรนอกจากยักคิ้วให้แบบที่คิดว่าเท่ห์สุดๆ นั่งปั่นงานก่อนออกไปรับรุ่นน้องที่บ้าน


#### ####

             เป็นครั้งแรกที่สมการต้องเข้าประชุมในฐานะตัวแทนของแผนก ปกติแล้วพี่นิมิตรจะจัดการเรื่องทั้งหมดเองและกลับมาสั่งงานอีกที แต่เมื่อตำแหน่งนี้ว่างลงเขาก็เหมือนเป็นผู้รักษาการแทนไปพลางๆเนื่องจากคุณปวรรัชดลนั้นต้องควบทั้งหัวหน้าทีมมันนี่และต้องเตรียมขึ้นเป็น CEO ของบริษัทในอีกไม่ช้าเนื่องจากมีการประกาศแยกการบริหารระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทนี้

“อย่างที่ทุกคนพอจะทราบข้อมูลเบื้องต้นนะครับเรื่องการแยกโครงสร้างผู้บริหาร วันนี้ผมจึงเชิญทุกคนมาประชุม...” ปวรรัชดลนั้นเป็นคนภูมิฐาน โครงร่างสูงใหญ่เหมือนคนออกกำลังกายเป็นประจำและใบหน้าที่เด็กกว่าอายุ จึงมีหลายคนที่อิจฉา ทั้งเรื่องหน้าตา รูปร่างและหน้าที่การงาน ยิ่งภูมิหลังเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของบริษัทอย่างภคภัทร์และแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทอีก คนที่อยู่มานานกว่าแต่ไม่ก้าวหน้าไปไหนจึงไม่ปลื้มใจมากนัก

             สมการนั่งมองบรรยากาศรอบๆที่แบ่งออกได้หลายอารมณ์ ทั้งฝั่งหัวหน้าแผนกผู้หญิงที่มองใบหน้าหล่อเหลาของคุณดลอย่างเคลิบเคลิ้ม อีกฝั่งหนึ่งคือกลุ่มคนที่แผ่รังสีอาฆาตอย่างไม่ปกปิด แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกว่าสายตาของคุณปวรรัชดลนั้นจับจ้องมาทางนี้แทบตลอดเวลา ในบางครั้งก็ยังมีรอยยิ้มจางๆส่งมาให้อีก แต่เปลือกตามันหนักเกินกว่าจะเก็บมาคิด

“ตกลงตามนี้นะครับ เจอกันพรุ่งนี้” ทุกคนลุกออกจากที่นั่งราวผึ้งแตกรัง สมการที่นั่งสัปหงกตลอดการประชุมสะดุ้งพรวด

“มีอะไรรึเปล่าครับคุณสมการ” ปวรรัชดลหันมาถามคนหน้าเหรอหราที่เพิ่งลุกพรวด นึกขำในใจแต่ต้องเก็บอาการไว้ ใบหน้าเหม่อลอยเหมือนคนขาดการพักผ่อนน่าเอ็นดูต่อหัวใจหนุ่มใหญ่อย่างมาก

“ปะ เปล่าครับ คือ” พนักงานคนอื่นต่างเดินออกไปจนหมด ผู้เป็นหัวหน้าจึงเดินมาทางลูกน้องที่ยืนอ้ำอึ้งอย่างไม่รีบร้อน

“ดีแล้ว ไปเตรียมตัวนะครับ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า” กลิ่นน้ำหอมบางๆจากเรือนร่างหัวหน้าโชยแตะจมูก

“หะ ห๊ะ ... “ สมการงุนงง สติเขาหลุดตั้งแต่วินาทีแรกที่นั่งฟังการประชุมแล้ว แถมกลิ่นหอมๆยังชวนง่วงอีก

“คุณไม่ตั้งใจฟังที่ประชุมเหรอ คุณสมการ” หนุ่มใหญ่ยืดตัว เพื่อข่มอีกคนที่ตัวสูงกว่านิดหน่อย

“เปล่าครับ คะ คือ” แม้ปวรรัชดลตัวสูงพอๆกับสมการแต่ด้วยตำแหน่งจึงเหมือนว่าเขายืนตระหง่านค้ำร่างของอีกคนไว้มิด

“คุณอย่าปฏิเสธเลย ผมเห็นคุณหลับตาด้วย” ปวรรัชดลยิ้มยั่ว แต่อีกคนตีความว่ามันคือการแสยะเขี้ยวเตรียมด่า

“ขอโทษครับคุณดล” สมการเสียงอ่อย คนที่ผลงานด้อยที่สุดในบริษัทยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมหลายเท่าตัว

“เพื่อเป็นการลงโทษ งานสัมนาพรุ่งนี้ คุณต้องเป็นรูมเมตผม ผมจะได้จับตาดูคุณเอาไว้ตลอดเวลา ไม่ให้แอบหลับหรือแอบอู้แบบเมื่อกี้อีก เข้าใจมั้ย” สมการอ้าปากค้าง มันเป็นบทลงโทษที่ค่อนข้างโหดร้าย ต้องร่วมห้องกับหัวหน้าใหญ่ของบริษัทเชียวเหรอ มันเป็นเรื่องที่ชวนอึดอัดที่สุดตั้งแต่ทำงานมาเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องเกร็งจากสายตาที่จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวราวกับนักโทษ ชายหนุ่มคอตกนึกพาลตัวเองที่เผลองีบในห้องประชุม

             ใบหน้าหงอยหงิกของลูกน้องเกือบทำให้ปวรรัชดลสงสารและยกเลิกเรื่องการจับคู่เป็นรูมเมต แม้ตำแหน่งของตนนั้นสามารถพักคนเดียวในห้องสวีตได้สบายๆ แต่ความน่ารักของคนหน้าตาหงอหงอยเบื้องหน้าชวนให้อยากแกล้งให้หนำใจ

“ตกลงตามนี้นะคุณสมการ ไปทำงานได้แล้ว” สมการรีบพยักหน้าหงึกๆรับคำสั่งและรีบพาตัวเองออกมาจากตรงนี้โดยไม่สังเกตถึงสายตากรุ้มกริ่มของผู้เป็นหัวหน้าที่มองบั้นท้ายของตนอย่างไม่วางตา

#### ####

“เอาจริงดิพี่สม พี่ไม่อ่านเมล์คุณดลเลยเหรอ” อัครเดชหน้าตาตื่นที่รู้ว่าหัวหน้าตัวเองไม่รู้เรื่องงานสัมนาของหัวหน้าแผนกต่างๆที่ฝ่ายบุคคลส่งอีเมล์มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แถมคุณดลยังมีการตอบกลับเพื่อกำชับด้วยว่าทุกแผนกต้องเตรียมแผนงานในปีหน้าเพื่อนำเสนออีกด้วย

“กูลืม” สมการลนลาน เพราะแผนที่ต้องนำเสนอนั้นยังไม่ได้เริ่มทำเลย และตอนนี้เขามีเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงในการทำให้เสร็จ ปกติแล้ววรจักรจะรวบรวมข้อมูลมาให้ก่อน จากนั้นก็จะประชุมเรื่องแผนงานของแผนกกับพี่นิมิตรโดยมีอัครเดชรับหน้าที่ทำพรีเซนเทชั่น แต่ตอนนี้พี่นิมิตรเกษียณตัวเองไปแล้ว วรจักรกำลังเดินทางไประยองกับปุลวัชร เหลือแค่สองหนุ่มที่เพิ่งรู้ชะตากรรมตัวเองว่าคืนนี้อาจจะไม่ได้นอนทั้งคืน

“พี่ส๊มมมมมมมมมมมมม” อัครเดชโวยวายลั่น “พี่จะทำแบบนี้กับผมไม่ได้ พี่จะทำแบบนี้ไม่ด๊ายยยยยย”

“กูขอโทษ กูลืม มึงต้องช่วยกู ไม่งั้นกูจะส่งเมล์ไปบอกทุกคนว่าแผนกมันนี่จะส่งมึงไปสัมนาแทน”

“อะ ไอ้พี่สม โว้ยยยยย” อัครเดชโวยวายจนหน้าแดงก่ำ จะโกรธก็โกรธไม่ลงเพราะเขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่เตือนหัวหน้าตัวเองก่อน แถมยังยุให้เพื่อนร่วมงานลากรุ่นน้องไปต่างจังหวัดเพื่อรวมหัวแกล้งปุลวัชรให้งุ่นง่านใจเล่นๆ

             งานสัมนานอกสถานที่ของบริษัทมีหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคืองานสัมนาระดับผู้บริหารที่สมการจะต้องไปพรุ่งนี้ มันเป็นงานที่ไม่มีพนักงานระดับล่างคนไหนอยากเข้าร่วมเนื่องจากเป็นงานที่กดดันจากการต้องนำเสนอแผนต่อหน้าผู้มีอำนาจตัดสินใจ และแน่นอนว่าคนที่ชั่วโมงบินยังไม่มากพออย่างอัครเดชจะกลัวงานนี้เป็นอย่างมาก ผิดกับงานสัมนาแผนกหรือสัมนารวมของบริษัทที่จะออกไปทางเปลี่ยนที่นอนเพื่อสังสรรค์เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงานต่างหาก มันมีทั้งงานปาร์ตี้ จับรางวัลและประกาศโบนัสประจำปี ทุกคนจึงตั้งตารองานแบบนี้มากกว่า

“หยุดโวยวาย มึงไปเอาข้อมูลและแผนงานปีก่อนๆมาเดี๋ยวนี้” สมการออกคำสั่ง มองแก้วกาแฟที่เย็นชืดอย่างปลงตกและยกมาซดรวดเดียวจนเกลี้ยง บทจะซวยก็ซวยซ้ำซวยซ้อน อุตส่าห์แอบดีใจที่คืนนี้จะได้นอนเต็มอิ่มเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน แต่สุดท้ายความฝันก็หลุดลอยไปกับสายลม

‘เอาเวลานอนกูคืนมานะ ฮือๆๆๆๆๆ’ เสียงในหัวของสมการร่ำร้องอย่างอ่อนแรง วันโลกาวินาศได้มาถึงแล้ว และมันต้องจบวันนี้

T_____________T
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2021 01:50:58
 :katai1:


มารเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-06-2021 07:32:47
อาาาาาา พี่สมน่าสงสารเหลือเกิน  ถ้าไปสัมมนาแล้วยังทำอึนๆมึนๆ อยู่ จะถูกจับกินไม่รู้ตัวหรอก  :laugh:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-06-2021 12:09:52
มีแต่คนร้ายๆๆ555
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 06-07-2021 18:22:14
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 09-07-2021 00:09:15
ตอนที่ 9
หัวข้อ: Re: เสน่ห์ร้าย นายขี้แพ้ (The Loser) l EP.13 จุกๆ P.2 @ 8/มิ.ย./64
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 10-07-2021 19:53:17
 :katai4: :katai5: