[จบ] บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -18- [18-12-2020]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ] บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -18- [18-12-2020]  (อ่าน 10429 ครั้ง)

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



 
บทเพลงของคีตะ

ผมก็แค่คนที่ชอบจิ้นคนอื่นเขาไปทั่วเฉยๆ จริงๆ ก็ไม่เฉยๆ หรอก แค่เป็นแอดมินเพจคู่จิ้นกับเขียนนิยายด้วยนิดหน่อย
แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะกลายเป็นคนที่ถูกจับไปจิ้นกับคนอื่นเขาด้วย!
แถมคนที่ผมถูกจับคู่ไปจิ้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไอ้คนที่ผมกำลังจิ้นมันกับเพื่อนสนิทมันนั่นแหละ!
นี่มันอะไรกันครับเนี่ย!!! มันเกิดอะไรขึ้น!!!


. . .


สารบัญ

บทเพลงของคีตะ - 01 -
บทเพลงของคีตะ - 02 -
บทเพลงของคีตะ - 03 -
บทเพลงของคีตะ - 04 -
บทเพลงของคีตะ - 05 -
บทเพลงของคีตะ - 06 -
บทเพลงของคีตะ - 07 -
บทเพลงของคีตะ - 08 -
บทเพลงของคีตะ - 09 -
บทเพลงของคีตะ - 10 -
บทเพลงของคีตะ - 11 -
บทเพลงของคีตะ - 12 -
บทเพลงของคีตะ - 13 -
บทเพลงของคีตะ - 14 -
บทเพลงของคีตะ - 15 -
บทเพลงของคีตะ - 16 -
บทเพลงของคีตะ - 17 -
บทเพลงของคีตะ - 18 - จบ



..................

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2020 20:20:59 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ -01-
«ตอบ #1 เมื่อ07-11-2020 21:13:57 »

- 01 -


          ......สองร่างปลดปล่อยความสุขจากความสัมพันธ์อันเร่าร้อนที่พึ่งผ่านพ้นไป ร่างกายเหนื่อยหอบหายใจรัวแรงกอดก่ายข้างๆ กัน....
ผมนั่งอ่านฉากเอ็นซีที่พึ่งแต่งจบไปเมื่อสักครู่ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูคลิปโป๊เพื่อศึกษาอีกครั้ง อืมมมม... พอใช้ได้แล้วล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาต่อ

สวัสดีครับผมบทเพลง นิเทศศาสตร์ ปี 1 รูปร่างสมส่วน สูง 169 น้ำหนัก.... เออออ.... ช่างมันเหอะ ไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่ ส่วนหน้าตาเหรอหล่อมากกกกกก ฮ่าๆ แต่มีดีจริงๆ คือจินตนาการ ใช่ครับ ผมเป็นพวกจินตนาการสูง โดยเฉพาะกับผู้ชายด้วยกันเอง อ๊ะๆ ไม่ได้หมายถึงผมกับผู้ชายคนอื่นนะครับ หมายถึงผู้ชายคนอื่นกับผู้ชายคนอื่นด้วยกันเอง อย่างตอนนี้เนี่ย ผมก็กำลังแต่งแฟนฟิคของคู่จิ้นที่ผมติดตามมาตั้งแต่มัธยม
คนแรกคือเมะในอุดมคติ หน้าหล่อ ผิวใส สูง 180 กว่า น้ำหนักประเมินไม่ได้ ร่างกายสูงโปร่ง แถมเรียนหนังสือเก่งอีกต่างหาก เขาเรียนบริหารชั้นปีเดียวกันกับผมนี่แหละ เขาชื่อ คีตะ
ส่วนเคะน่ะเหรอ เขาชื่อ มิวสิค เรียนคณะเดียวกันกับคีตะเลย หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพูเหมือนเด็ก ส่วนสูงไม่ต่างกันกับผมมากเท่าไหร่ แต่ดูเตี้ยกว่านิดหน่อย ตัวเล็กๆ บางๆ น่าทะนุถนอมสุดๆ
ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันครับ ผมนี่จับจิ้นตั้งแต่เห็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ เหมือนทั้งคู่หลุดออกมาจากเทพนิยายในหัวผมยังไงอย่างงั้น คิดดูสิ ขนาดชื่อยังตั้งมาเพื่อเป็นของกันและกันเลย
ทีแรกผมไม่คิดว่าจะมีคนจิ้นคู่นี้เหมือนผมเลยครับ จนกระทั่งผมสร้างแฟนเพจ มิวสิคแปลว่าคีตะ ขึ้นมา ไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนคิดแบบเดียวกันกับผมมากมายขนาดนี้ ยอดไลค์นี่พุ่งจนน่าตกใจ รูปแอบถ่ายของพวกเขาสองคนถูกส่งเข้ามาในแชทเป็นว่าเล่น จนผมคันไม้คันมือแต่งนิยายของพวกเขาออกมา เรื่องข้างต้นนี่เรื่องที่สามแล้วครับ แต่ก็มีเรื่องน่าเศร้านิดหน่อยตรงที่เขาสองคนดูจะไม่ชอบให้ใครมาจิ้นสักเท่าไหร่ แต่ถามว่าผมแคร์ไหม ก็ไม่ (นิสัยไม่ดีเลยเนอะ) พวกเขาไม่ได้รู้สักหน่อยว่าผมเป็นใคร

“ไอ้เพลง ไปอาบน้ำได้แล้ว” เสียงตะโกนของรูมเมทดังขึ้นหลังจากมันเดินออกมาจากห้องน้ำมันชื่อไก่ครับ เรียนคณะเดียวกับคีตะ มิวสิค สุ่มเจอกันกับผมเป็นรูมเมทหอในครับ
“เออๆ รู้แล้วน่า” ผมรับคำแล้วเดินลิ่วๆ เข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว ระหว่างนี้ในหัวก็จินตนาการถึงบทต่อไปของนิยายที่แต่งค้างเอาไว้
“ไอ้เพลงกูยืม....”
“ห๊ะ! อะไรนะ” ผมตะโกนถามกลับจากในห้องน้ำ ได้ยินไม่ค่อยชัดเลยครับ เสียงสายน้ำไหลเย็นกลบเสียงไอ้ไก่หมด
“กูยืมแล็......” เสียงไอ้ไก่บอกว่ามันยืมอะไรสักอย่างนะ ช่างเหอะ จะยืมอะไรก็หยิบไปเหอะผมไม่หวงของอยู่แล้ว
“เออๆ จะใช้อะไรก็ใช้”
ผมอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ออกมาจากห้องไอ้ไก่ก็ไม่อยู่แล้ว สงสัยจะไปเรียนแล้วมั้ง
“ขอโทษที่เข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่อง สะระน๊องก่องแก่งมะน่องมะแน่งมั๊บ ปะล่องป่องแป่งง้องแง้งง้องแง้งในชีวิตเธอ....” ผมแต่งตัวไป จัดกระเป๋าไป ร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ต้องมาสะดุดเพราะโน้ตบุ๊คหายไป
อยู่ไหนวะ ผมจำได้ว่าเมื่อกี้ก่อนไปอาบน้ำมันวางอยู่บนเตียงนิหว่า
หายไปได้ไงว่ะ

ติ๊ก!

ต๊อก!

ติ๊ก!

ต๊อก!

ปิ๊ง!

เชร้ดดด

เมื่อกี้ไอ้ไก่มันบอกว่ายืมอะไรนะครับ
ผมรีบต่อสายหามันอย่างไว ฉิบหายแล้วเพลงงงงง อย่าบอกนะว่าไอ้ไก่มันเอาโน้ตบุ๊คผมไป
เชี่ยยย ไม่รับสายอีก

บทเพลง
ไอ้ไก่
มึงเอาโน้ตบุ๊คกูไปชะป้ะ


ผมรอมันตอบด้วยใจร้อนรน แต่มันก็ไม่ตอบมาสักที ที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้ คือคว้ากระเป๋าแล้วใส่เกียร์หมาไปหามันที่คณะให้ไวที่สุด

ติ้ง!
เสียงเมสเสจดังขึ้น

กอไก่
แล็ปท็อปมึงอยู่กับกูเองแหละ
กี้จารเข้ามาเลยไม่ได้

บรรลัยแล้วไอ้เพลง

บทเพลง
อย่าให้ใครใช้นะเว้ย
กอไก่
ทำม่ะ
มีคลิปโป๊
บทเพลง
เออ!
คลิปมึงไงสัส
กูแอบถ่ายตอนมึงอาบน้ำ
เรียนห้องไหน
ตอบ
เร็ว!

ถ้าจำไม่ผิดหน้าที่ผมเปิดทิ้งไว้คือเวิลด์ที่แต่งนิยายค้างเอาไว้ แล้วที่สำคัญยังเปิดหน้าเพจมิวสิคแปลว่าคีตะไว้อีก แค่นั้นยังฉิบหายไม่พอ ทุกวันนี้ผมจำรหัสเฟสบุ๊คตัวเองไม่ได้ไงประเด็น วิ่งไปด้วยหาทางแก้ไปด้วย ทำไมมันยากเย็นแบบนี้ว่ะ ยิ่งแก้รหัสไม่ได้ก็ยิ่งลนลาน แต่ยังดีหน่อยที่สุดท้ายก็วิ่งหาห้องที่มันเรียนจนเจอ ขอบคุณเทพเจ้าตีนหมา และสติของบทเพลงผู้น่ารัก ยัง ยังจะมีหน้ามาขอบคุณตัวเองอีก


บทเพลง
มึงใช้เสร็จยัง
กูรออยู่หน้าห้อง
กอไก่
เสร็จแล้ว
รอแปบ เดี๋ยวเอาออกไปให้

แกรก!
เสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างไอ้ไก่ปรากฏขึ้น
“มึงไม่ได้เอาไปให้ใครใช้ใช่ไหม” ผมถามมัน
“ไม่มีใครใช้...” มันส่ายหัวตอบ
“เห้ออออ โลงไปที แล้วมึงเห็นอะไรที่กูเปิดทิ้งไว้บ้าง”
“ก็ทั้งหมด”
“เสียมารยาท”
“กูขอมึงแล้ว มึงอนุญาตแล้วด้วย”
“นอกจากมึงแล้วไม่มีใครรู้ใช่ไหม”
“ก็......”
“อย่าเงียบได้ไหมสัส”
“กิตติศักดิ์ ออกมาทำไมตั้งนาน” ผู้หญิงแต่งตัวดูดีคาดว่าจะเป็นอาจารย์ของไอ้ไก่เปิดประตูออกมาจากห้องทักขึ้น
“เอาของมาให้เพื่อนน่ะครับ”
“เสร็จยังเสร็จแล้วก็เข้าห้อง” ผมยกมือไหว้อาจารย์ท่านทีหนึ่งแล้วเฟดตัวออกมา

บทเพลง
หวังว่าไม่มีใครเห็นนะ
แล้วมึงห้ามบอกใครด้วย
กลับถึงห้องเดี๋ยวเล่าให้ฟัง

ถือว่าโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ก้มมองดูนาฬิกา ฉิบหายอีกแล้ว อีกสองนาทีเข้าคลาส เสียงที่ดังขึ้นมาในหัวตอนนี้เหรอ RUN!
ท่านเทพพระเจ้าตีนหมา ช่วยลูกด้วย
ปัก!
รีบวิ่งสุดชีวิตจนลืมมองทาง เลยไปชนใครบางคนเข้า
“ขอโทษครับๆ” ผมรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่ รีบก้มเก็บโน้ตบุ๊คที่พื้น พอเงยหน้าขึ้นมาถึงได้รู้ว่าคนที่ผมชนคือมิวสิค
“เพลง”
“ไง” ผมยิ้มแหยงๆ ทักเขาสั้นๆ เราพอจะรู้จักกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก มิวฉีกยิ้มเป็นมิตรมาให้ แต่ว่าทำไมแววตามันถึงได้น่าขนลุกขนาดนี้ว่ะ
“รีบไปเรียนเหรอ”
“อ... อืม”
 “โชคดีนะ”
“......” โชคดีเหรอว่ะ ทำไมฟังแล้วรู้สึกโชคร้ายจัง

ผมวิ่งมาเข้าเรียนสายไปเกือบยี่สิบนาทีโดนอาจารย์แม่ค่อนขอดไปเยอะเลย
“ตื่นสายเหรอมึง”
“เอ่อดิ” ผมตอบส่งๆ ไอ้ดลเพื่อนร่วมแก๊งไป
ไม่รู้วันนี้มันวันซวยอะไร มีแต่เรื่องฉิบหายทั้งวัน ล่าสุดโน้ตบุ๊คเปิดไม่ติดไปอีก อยากจะโทษไอ้ไก่นะ แต่ผมเองเป็นคนทำโน้ตบุ๊คตกตอนชนกับมิวเอง ฉิบหายจริงชีวิต
“ไอ้เพลง นี่ไรอะ” ผมหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนร่วมแก๊งอีกคน ไอ้เป้
“ไหนอะ”
“นี่ไง” มันยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาให้
เชี่ยยยย เฟสบุ๊คกูทำไมมีหน้าไอ้คีย์แปะอยู่ แล้วอิโมจิรูปหัวใจนี่มันอะไรกัน ผมรีบเข้าเฟสบุ๊คตัวเองแล้วลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้ากว่าเพื่อนๆ ที่คอมเม้น ยาวเหยียดเป็นหางเจ้าแม่นาคี ไอ้ไก่ ไอ้สัส แกล้งกูเหรอ จะโทรไปด่าก็ไม่รับทักไปด่าก็อ่านแล้วไม่ตอบ ไอ้ห่านี่

“นั่งด้วยคนดิ ที่นั่งเต็มหมดเลย” เมื่อผมเงยหน้ามองคนที่พูดอยู่เหนือหัว ข้าวในปากผมแทบพุ่งก็คู่จิ้นที่ผมจินตนาการมาตลอดมายืนตรงหน้า มิวสิคกับคีตะ มาทำอะไรคณะกูว่ะ แล้วยิ่งเฟสบุ๊คผมที่โพสต์รูปไอ้คีย์เมื่อตอนสายๆ อีก ท่านเทพเจ้าโดเรม่อน ช่วยลูกด้วยยยยย
“นั่งดิ” ไอ้เป้เป็นคนพูด
“.....” พอเห็นคนที่ผมจินตนาการมาอยู่ต่อหน้าแบบนี้แล้ว เขินฉิบหายไอ้สัสเอ้ย สู่ขิตแล้วชีวิตกู ทำไมตอนนี้โลกทั้งใบมันดูช่างสดใส มองไปที่ใดก็เจอแต่สีชมพู เรื่องน่าอายที่มีคนเอาเฟสบุ๊คผมไปแกล้งเมื่อเช้าพอเจอบรรยายน่าฟินแบบนี้แล้วลืมอายไปเลย
“เพลง เพลง ไอ้เพลง”
“หะ ห๊ะ หาา” ผมสะดุ้งออกจากภวังค์เมื่อเพื่อนเป้เรียกซะเต็มบ้องหู
“กูไปหาฝันก่อนนะ”
“เออ ไปดิ” ไอ้เป้ขอตัวไปหาแฟนมัน เหมือนไอ้ดลที่ไปหาฝาแฝดของมัน เหลือผมคนเดียวที่ไร้คู่ และคีตะกับมิวสิค ผมว่าผมควรลุกดีไหม แต่ผมยังกินไม่อิ่มเลย แล้วได้อยู่ดูคีตะมิวสิคใกล้ๆ แบบนี้มันฟินสุดๆ
“กูไปซื้อน้ำก่อนนะ” มิวหันไปบอกคีย์แล้วลุกออกไป ตอนนี้บนโต๊ะจึงเหลือแค่ผมกับคีย์ ที่สายตาของมันจ้องมองอยู่
“มะ... มองอะไร” เรื่องเมื่อเช้าเปล่า ผมมีมันเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คด้วยสิ
“หึ...” หัวเราะในลำคอมีเลศนัยจนอดขนลุกเหมือนตอนปวดอึไม่ได้
“ระ... เรื่องสะ.. เตตัส..” ผมคิดว่าที่มันมองน่าจะเรื่องเมื่อเช้านั่นแหละ เลยพยายามจะพูดแก้ตัวแต่มันดันพูดขัดเอาผมอยากลุกไปอึจริงๆ ซะให้ได้
“มองคนน่ารัก” ไม่พูดเปล่า มันส่งสายตาหยาดเยิ้มมาให้ด้วย เอาแล้วไง
“พูดไรอะ ขนลุก”
“ปวดขี้เหรอ”
“เอ่อดิ เห็นมึงแล้วนึกถึงส้วม” เราไม่เคยคุยกันสักครั้งเลยนะครับ แต่คำพูดชวนกวนตีนของมันอดทำให้ผมกวนกลับไม่ได้จริงๆ
“ไปกันเถอะ” มิวเดินเข้ามาแล้วชวนคีย์ออกไป
“จะไปแล้วเหรอ ยังไม่เห็นกินอะไรกันเลย”
“พอดีนึกได้น่ะว่าอาจารย์นัดเที่ยงครึ่ง ไปก่อนนะ” ผมมองภาพชายสองคนที่เดินจากไปด้วยจินตนาการอันล้ำลึก
ร่างบางและร่างหนาเดินเคียงคู่กันไป เหมือนโลกทั้งใบมีแค่พวกเขาสองคน
ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปแล้วอัปเดตลงแฟนเพจสักหน่อยดีกว่า
เชร้ดดด เพจถูกลบ
ม่ายยยยยจริ๊งงงงงงงง
แฟนเพจที่อุตส่าห์สร้างมาเองกับมือถึงสามปี ยอดไลค์อีกเกือบแสน หายวับไปกับตา
ไอ้เหี้ยไก่ มึงทำอะไรกับเพจกู
นอกจากจะหาวิธีเอาเพจตัวเองกลับมาไม่ได้แล้ว ยังมีคนมาโพสต์ หน้าวอร์ผมด้วยรูปที่แคปหน้าจอมาจากสเตตัสของผมเมื่อเช้าอีก
[หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]
ไอ้เวรไก่...!!
ผมเลื่อนขึ้นเลื่อนลง กดนั่นออกนี่หาวิธีกู้เพจกลับคืนมา สักพักก็มีแจ้งเตือนเข้ามา พอผมกดเข้าไปดู
นั่นมันกูนิ แล้วผู้ชายอีกคนก็.... เชี่ยยยย....
บทเพลงของคีตะ ผมอ่านชื่อแฟนเพจที่มีมิวแท็กเฟสบุ๊คผมในคอมเม้นมาให้ยังไม่ตกใจเท่ารูปถ่ายที่เป็นผมกับคีตะกินข้าวด้วยกัน สายตาหวานเยิ้มชวนขนลุกขนชันตั้งขึ้น จนต้องเอามือมาลูบแขนลูบขาให้ขนแขนที่น่ารักกลับสู่สภาพเดิม ใครมันบ้ามาจิ้นผมกับไอ้คีตะว่ะ

ติ้ง
เสียงเมสเสจจากแชทดังขึ้น ทำให้ผมต้องหันไปมอง

มิวสิค
เห็นรูปยัง
ชอบมั้ย
บทเพลง
...?
มิวสิค
[ส่งรูปภาพ]

ผมกดดูรูปภาพแคบหน้าจอที่มิวส่งมา

บทเพลง
เห็นแล้ว
คือ.....?

มิวแคบรูปจากเพจที่มีผมกับคีตะส่งมา แล้วยังไงอะ หรือว่ามิวหึงคีย์ กรี๊ดดดดดด หหกด่าสว่าเสวฟดฟกดเ

มิวสิค
สองทุ่มครึ่งจะไปหาที่หอใน
แล้วเจอกัน

บทสนทนาจบลงตรงนั้น สรุปคือมิวจะมาหาเหรอว่ะ หรือว่าจะมาเคลียร์เรื่องเพจนั่น สรุปเขาไม่ใช่คู่จิ้น แต่เป็นคู่จริงใช่ปะ แล้วมิวก็หึง จะตามมาเคลียร์ว่างั้น โอ๊ยๆ มาเลยมา กูชอบ กูฟิน ความรักนี่มันสวยงามจริงๆ

ผมที่อยู่ในชุดเสื้อกีฬากางเกงบอลเตรียมนอน แต่ยังไม่นอนรอเวลาที่มิวจะมาหา แน่นอนมิวกับคีย์อยู่หอเดียวกัน มันตัวติดกันขนาดนั้น ยังไงก็ต้องมาด้วยกัน (พวกเขาอยู่หอนอกนะครับ) กล้องถ่ายรูปจึงเตรียมพร้อมดักซุ่มแอบถ่ายสักสองสามรูปแล้วค่อยเข้าไปทัก
ผมลงมารอแป๊บเดียวก็เห็นคีย์เดินดุ่มๆ ถือถุงใส่อะไรไม่รู้ตรงมายังหอผม คนเดียว? มิวไปไหนวะ คีย์กดโทรศัพท์ยิกๆ แป๊บเดียวก็วางสาย โทรหามิวเปล่า
“ไง” ผมเดินเข้าไปทักเมื่อไม่เห็นวี่แววว่าอีกคนจะตามมา
“โทรไปทำไมไม่รับ”
“มีเบอร์เราเหรอ”
“ไม่มีอะ กดเบอร์มั่วๆ เผื่อฟลุ๊ค” มันพูดแล้วยื่นถุงใส่ผัดไทยมาให้ กวนตีนชะมัด
“ให้เราเหรอ” ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“ให้เจ้าที่มั้ง”
“อ้าวเหรอ ไม่มีธูปอะ งั้นเรากินนะ”
“ให้มึงนั่นแหละ แล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าเรา ขนลุก”
“ขนลุกเหมือนกันแหละ” ไม่ได้สนิทกันจะให้กูมึงเลยได้ไง แต่เปิดมาแบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเกร็งรูปปากพูดเราพูดนาย
“แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ” ผมพยายามมองหามิว
“แล้วเห็นว่ามากับใคร”
“ก็เห็นมีผู้หญิงเดินตามมาอะ ชุดขาวๆ ผมยาวๆ ไม่แน่ใจว่าใช่คนหรือเปล่า” ผมพูดกวนมันไปงั้นแหละ แต่ดันเสียวสันหลังตัวเองเฉย
“อยากรู้ว่าเป็นคนไหมก็หันไปถามด้านหลังดิ” ผมหันหลังตามสัญชาตญาณอัตโนมัติ อย่าบอกนะว่ามีจริงๆ น่ะ
“แฮร่!”
“เหี้ย!” ผมหันไปไม่เจอใครหรอก แต่หันกลับมาเจอมันเนี่ยแหละ
“ฮ่าๆๆๆ”
“หัวเราะเหี้ยไร ตกใจหมด” ไอ้ไก่ไม่กลับห้องด้วยวันนี้ ขวัญเอยขวัญมา ที่หลอกผีไอ้คีย์ลูกล้อเล่นเฉยๆ อย่ามาหาลูกเลยนะ
“หัวเราะมึงไง”
“แล้วนี่มีอะไร เห็นมิวบอกจะมาเคลียร์ แล้วก็ไม่มา”
“ไม่มีไรหรอก กูบอกให้มันนัดมึงเองแหละ”
“เพื่อ...?”
“กูจะจีบมึง”
“ห๊ะ!”
“กูจะจีบมึง พรุ่งนี้มีเรียนบ่ายใช่ปะ เที่ยงๆ จะมารับไปกินข้าว แค่นี้แหละ กลับก่อนนะ” มาเร็ว เคลมเร็ว พูดเข้าประเด็นแล้วกระเซ็นกลับไปไม่ทันให้ผมได้ถามให้หายข้องใจ
จีบกูเนี่ยนะ เหี้ยไรอีกเนี่ยวันนี้ ผัวของเคะกูจะมาจีบกูเองเนี่ยนะ
ถ้าคุณคิดว่าวันนี้ผมเจอแต่เรื่องปวดประสาทมาพอแล้วคุณคิดผิดครับ พอขึ้นมาถึงห้องนอนปุ๊บ แจ้งเตือนจากเฟสบุ๊คก็เด้งมาปั๊บ มีคนแท็กผมมาในคอมเม้นเพจบ้าบอเมื่อตอนบ่ายอีกแล้ว

บทเพลงของคีตะ
คู่นี้ยังไงๆ อยู่นะ

แคปชั่นพร้อมรูปไอ้คีย์ยื่นถุงผัดไทยให้ผม
อ่านจบผมรีบวิ่งไปที่ระเบียงห้องทันที ไอ้คนแอบถ่ายมันต้องอยู่แถวนี้แน่นอน มันเป็นใคร แล้วเป็นห่าอะไรมาจับกูจิ้นกับไอ้คีย์ว่ะห๊ะ

หงุดหงิดโว้ยยยยย
เพจก็ปลิว
ไอ้คีย์ก็ตัวติดหนึบ
หมดแพชชั่นแต่งนิยายกูหมด
ไอ้เวงงงงง......!

“มึงไม่กินลูกชิ้นเหรอ” ผมถามคีย์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมตอนนี้ ส่วนเพื่อนๆ เหรอ ยังไม่มีใครโผล่หัวมาสักคน
“เอาไว้ให้มึงไง กลัวมึงกินไม่อิ่ม” ว่าแล้วมันก็คีบลูกชิ้นมาจ่อที่ปากทันที
“ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ กูมีมือมีตีน เอาวางไว้ในจานกูนั่นแหละ”
“ไม่เอาอะ อยากป้อน อ้าปากเร็วๆ” ง้อแงทำเหี้ยไร อ้อนตีนกูเหรอ
“ถ้าไม่วางไว้ในจานกูก็เอากลับไปเลยไป กูไม่แดกหรอก แค่ลูกชิ้นเนี่ย”
“ทำไมใจร้ายว่ะ คนเขาอุตส่าห์หยุดไว้ให้ ไม่กินก็ไม่ต้องกิน กูเอาไปให้หมากินก็ได้” อะไรวะ จู่ๆ ก็มาตัดพ้อ
“ใครขอให้มึงเอาไว้ให้กูมิทราบ”
“หัวใจกูไง”
“แหวะ ขออ้วกได้ม่ะ” ไม่ได้สิ เสียดายข้าวที่พึ่งกินไป
“แพ้ท้องเหรอ เรายังไม่ได้เล่นจ้ำจี้กันเลยนะ”
“จ้ำจี้เหี้ยไร แดกเสร็จก็ไปเรียนได้แล้ว จะบ่ายแล้ว”
“บ่ายว่าง ไม่มีเรียน”
“แต่กูมี” ผมลุกขึ้นเตรียมเดินหนีไอ้ห่านี่ทันที แต่หนีได้สามสี่ก้าวแค่นั้นแหละ
“ตั้งใจเรียนนะครับ อย่าดื้อกับอาจารย์นักล่ะ กูอนุญาตให้มึงดื้อกับกูได้คนเดียว” เชี่ยเอ๊ยยยย ไม่น่ารีบลุกมาเลย มันเลยได้ทีตะโกนไล่หลังเสียงดังไปทั้งโรงอาหาร

และเช่นเคย หลังจากแยกจากไอ้คีย์ สามสี่นาทีต่อมาเพจคู่จิ้นบ้าบอนั่นก็จะปรากฏรูปผมกับไอ้คีย์พร้อมแคปชั่นชวนขนลุก
แม่งเป็นใครวะ คราวหน้ากูไม่พลาดแน่

ตลอดการเรียนทั้งคลาสบอกตรงๆ ไม่มีอะไรเข้าหัวเลยสักติ๊ด
ไม่ใช่เพราะคิดถึงใคร
แต่กำลังสร้างเพจขึ้นมาใหม่ คีตะxมิวสิค

“เพลง ผัวมึงมา” ผมหันไปมองตามสายตาแก้ว เพื่อนร่วมแก๊ง ผ่านช่องมองกระจกที่ประตูก็เจอไอ้คีย์โบกไม้โบกมือหย่อยๆ อยู่หน้าห้อง กูเรียนอยู่ยังจะตามมาก่อกวนอีกนะสัส!
ผมรับรู้ได้ว่าไอ้นี่มันไม่ได้จีบผมจริงๆ หรอก มันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ หรือว่ามันรู้ว่าผมเป็นแอดมินเพจ มิวสิคแปลว่าคีตะว่ะ

บทเพลง
ไก่
วันนั้นที่มึงยืมโน้ตบุ๊คกูอะ
มีใครใช้บ้าง
กอไก่
กูใช่คนเดียว
บทเพลง
แน่ใจ
กอไก่
ชัวร์

ระแวงว่ะ

ครืน.....
เสียงสั่นจากโทรศัพท์ผมเองแหละครับ แชทกลุ่มเด้งขึ้นมา เพราะเรากำลังเรียนกันอยู่ เลยต้องแอบคุยกันในแชท

ภูวดล
หน้าห้องแฟนมึงเหรอ
บทเพลง
แฟนห่าไรล่ะ
เกศแก้ว
เห็นตามติดมึง
เขาจีบมึง...?
หรือเป็นผัวมึงจริงๆ
บทเพลง
ไม่ใช่โว้ย!
เป้ชอบดื่มนม
แต่ในเพจคนจิ้นคู่มึงกระจายเลยนะ
เกศแก้ว
มึงรู้จักเพจคู่จิ้นเพลงด้วยเหรอ
เป้ชอบดื่มนม
ฝันเอาให้ดู
บทเพลง
กูจะรีพอร์ต



ว่าแล้วผมก็กดเข้าไปส่องเพจ ผมกับคีย์ทันที เชร้ดครก เมื่อคืนยังหลังพันอยู่เลย ตอนนี้ครึ่งแสนไปแล้ว จิ้นเหี้ยไรกานนน โมเม้นก็ไม่มี อันที่มีก็เพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อวาน
กดรีพอร์ตไปก็มีแค่คนเดียว คงไม่โดนลบง่ายๆ แน่
แคบหน้าจอ แล้วโพสต์ให้เพื่อนในเฟสบุ๊คมาช่วยดีกว่า

บทเพลง
ผมไม่รู้นะครับว่าใครเป็นคนทำเพจนี้ขึ้นมา แต่ผมไม่สบายใจเลย รบกวนทุกคนช่วยรีพอร์ตให้ด้วยนะครับ

หลังจากนั้นก็กดไปที่แชทของเพจ
บทเพลง
ช่วยลบเพจได้มั้ยครับ
ผมไม่โอเค

มีคนอ่านแต่ไม่ตอบ
บทเพลง
ลบให้ด้วยครับ
ผมเดือดร้อน
คือคนที่คุณจิ้นด้วยเขามีแฟนแล้วครับ
ช่วยลบเพจด้วยนะครับ
ขอบคุณ

ยังคงไร้การตอบรับจากอีกฝ่ายเหมือนเดิม เวงเอ๊ย อย่าให้กูจับได้นะมึง

“ไปไหนต่อว่ะ” แก้วเพื่อนในแก๊งถามหลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว
“กลับดิว่ะ นอนหลับพักผ่อน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับหอ
“ผัวมึงมาคอมเม้นด้วยว่ะ รีพลายยาวสัส” ไอ้เป้พูดขึ้น
ผมรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเสียง เปิดอินเทอร์เน็ต
โอ้โห้แจ้งเตือนคอมเม้นมากมายไหลหลั่งเข้ามา จนต้องนั่งลงกับที่แล้วไล่อ่านดูคอมเม้นใต้สเตตัสของตัวเอง

บทเพลง
ผมไม่รู้นะครับว่าใครเป็นคนทำเพจนี้ขึ้นมา แต่ผมไม่สบายใจเลย รบกวนทุกคนช่วยรีพอร์ตให้ด้วยนะครับ
ภูวดล
น่ารักดีออก
เกศแก้ว
กูชอบ
เป้ชอบดื่มนม
ร้อนตัวเหรอเพื่อน...?

มึงถูกแอดมินเพจจ้างมาปั่นเหรอเพื่อน พวกมึงมันปลอม พวกมึงมันไอโอ ไอ้พวกเพื่อนเวร

คีย์’คีตะ
ลบทำไม ไม่อยากเป็นแค่คู่จิ้นเหรอ
-กรี๊ดดดดดด พี่คีย์ ไม่อยากเป็นคู่จิ้นแสดงว่าอยากเป็นคู่จริง
-คู่จริงอะไร พี่คีย์ต้องคู่กับพี่มิวเท่านั้น #คีตะมิวสิค
-นี่พื้นที่ของพี่เพลง : (#ทีมบทเพลงของคีตะ
-ว้ายยยย น้องคีย์ ชอบผู้ชายก็ไม่บอก
-มาแรงจริงคู่นี้
-อย่าลบเลยนะคะน้อง @บทเพลง น้อง @คีย์’คีตะ อ่อยขนาดนี้แล้ว
-สรุปไม่อยากเป็นคู่จิ้นแต่อยากเป็นคู่จริง
-ขายได้ชายคือยอดชาย
-สนับสนุนให้ผู้ชายรักกัน #ทีมบทเพลงของคีตะ #ทีมสาววาย……

และอีกมากมายหลายรีพลายใต้คอมเม้นไอ้คีย์และสเตตัสผม
อะไรกันครับเนี่ย....!! ทั้งรุ่นน้องโรงเรียนเก่า ทั้งรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่รู้จักและไม่รู้จัก นี่ขนาดยังไม่ได้เข้าไปดูที่มีคนแชร์ไปนะ เกิดอาเพศอะไรขึ้น เอาอะไรมาจิ้นกานนนนน
-ฝากแฟนฟิต #คีตะบทเพลง ด้วยนะคะ พึ่งแต่งตอนแรกเสร็จ #ทีมบทเพลงของคีตะ

สรุปตอนนี้ไม่มีใครสนใจที่ผมโพสต์ขอร้องเลยใช่ไหม อยากจะบ้าตาย ถึงขั้นแต่งนิยายขนาดนี้ กูจะต้องทำไง
“เพลง นั่งทำไรอะ ไม่กลับเหรอ” ผมเงยหน้าสบตาไอ้คีย์ที่ยืนยิ้มแป้นแล้นส่งมาให้จากประตูหน้าห้อง
“นั่งทางในหาทางออก” ตอนนี้ทั้งห้องมีแค่ผมกับมัน เพื่อนคนอื่นๆ หายหัวกันไปหมดแล้ว
“ทางออกไรอะ นี่ไงทางออก” มันชี้นิ้วไปที่ประตูข้างๆ มัน
“ไม่ใช่ทางออกประตู กูหมายถึงทางออกจากชีวิตมึงอะ”
“โหว งั้นยากเลย มึงคงต้องหาไปตลอดชีวิตแล้วงั้นอะ”

หึยยยย! รำคาญ ผมเดินฟึดฟัด กระแทกตีน หน้าเชิด สวนมันออกมาจากห้อง

“จะไปไหนต่ออะ”
“ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีมึง”
“มึงจะไปตายเหรอ”
“........” ผมหันไปมองมันตาขวาง ตายทำผีไรมึง
“ที่ที่ไม่มีกูก็คือโลกแห่งความตายเท่านั้นแหละ มึงอย่างพึ่งรีบตายเลย อยู่ให้กูจีบให้ติดก่อน”
“มึงเป็นบ้าอะไร ขี้ขึ้นสมองเหรอ มาเกาะแกะวุ่นวายอยู่ได้”
“ก็บอกไปแล้วว่าจะจีบมึงไง”
“เอาดีๆ อย่ากวนตีน”
“แล้วตอนนี้กูไม่ดีตรงไหน”
“ตรงที่กูไม่ชอบให้ใครมาจิ้นกูกับมึงไง” ทำใจลำบากนะเห้ย คนที่กูจิ้นด้วยสองคน หนึ่งในนั้นกำลังจีบกูเนี่ย
“ถ้าไม่อยากให้คนอื่นจิ้น ก็มาเป็นแฟนกูจริงๆ ดิ”
“กูรู้ว่ามึงไม่ได้ชอบกูจริงๆ หรอก มึงต้องการอะไรกันแน่” คนที่คู่ควรกับมึงคือมิวเท่านั้น คนอื่นอย่าหวัง
“ต้องการคนมาอยู่เคียงข้าง”
“อย่ากวนตีน จะอ้วก”
“ไม่ได้กวนตีน แต่กำลังกวนใจ”
“โว้ยยยย! รำคาญ” จินตนาการกูพังยับไม่มีชิ้นดี เมะในนิยายแสนอบอุ่น ชีวิตจริงกวนตีนสัสๆ แม่ง!

และทุกๆ วันก็ดำเนินไปแบบนี้ เช้ากวนตีน บ่ายกวนประสาท จนผมเริ่มสับสน สรุปมึงจีบกู หรือมีใครจ้างให้มันมาปั่นกระบาลกูกันแน่ ไอ้เหี้ยเอ๊ย

แล้วยิ่งนับวันคนยิ่งจิ้นผมกับมันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ กูว่าแอนมินเพจต้องทำไอโอแน่ ไม่งั้นคนจะมาจิ้นผมกับมันหนักขนาดนี้ได้ยังไง
“เย้กกกกกกโด้วววว” ไอ้เป้สะกิดผมให้ดูรูปในโทรศัพท์มัน
“เชรี้ยยยย” น้ำในปากแทบพุ่ง ใครแม่งตัดต่อรูปผมกับไอ้คีย์จูบกันว่ะ ทำเนียนฉิบหาย ผมยังทำได้ไม่เท่าพวกมันตอนตัดต่อไอ้คีย์กับมิวเลย มึงเป็นใคร กูจะจ้าง
“เจอะคนนี้ฟินเลย บอกตงรักจุงเบย” มาแล้วไอ้หน้าหมา
“ไม่มีเรียนหรือไง”
“มี แต่แวะมาหามึงก่อน”
“เรื่องเหี้ยไรอีกล่ะ”
“จะมาบอกลา”
“เยสสสส!” อุ้ย! เผลออุทานออกมาอย่างตั้งใจไปหน่อย ลาไปไกลๆ กูเลยนะสัส แล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก
“มากไปละ ดีใจออกหน้าออกตาเกินไป”
“ขอบคุณมากนะคีย์ที่มอบชีวิตแสนสงบสุขให้เพลงหลังจากนี้” ผมยกมือตัวเองมากุมมือมันเอา แล้วยิ้มตอแหลที่สุดชีวิต พร้อมกับส่งสายตาวิบวับบีบน้ำตาให้คลอเบ้าด้วยความปลื้มอกปลื้มใจส่งไปให้มัน
“.......” แต่มันดันยิ้มกลั้นขำซะได้
“ขำไร”
“ชอบให้มึงแทนตัวเองว่าเพลง น่ารักดี” ผมสะบัดมือออกจากมันทันที
“ชิ! สัสนี่ ลาแล้วก็รีบๆ ไปได้แล้ว”
“จะมาลาพักร้อนเฉยๆ ไม่ได้ลาตลอดชีวิต”
“มึงจะพักกี่ปีล่ะ สักห้าสิบเป็นไง กูว่ากำลังดี”
“อาทิตย์เดียว”
“อาทิตย์เดียว ลาแค่นี้จะไปไหนมิทราบ”
“สนใจ?”
“ถามตามมารยาทททท”
“ช่วงนี้เรียนหนัก บวกกับมีซ้อมดาวเดือนน่ะ เดี๋ยวประกวดเสร็จแล้วก็กลับมาจีบมึงเหมือนเดิม”
“-_-“ เอาว่ะ แค่ชั่วคราวก็ยังดี พอครบอาทิตย์เดี๋ยวมันอาจจะขี้เกียจมาป้วนเปี้ยนในชีวิตผมแล้วก็ได้ ระหว่างนี้จะได้แต่งนิยายมันกับมิวต่อ เพจที่สร้างใหม่ก็จะได้อัปเดตอะไรบ้าง หลังจากที่สร้างใหม่แล้วมีแต่รูปเก่าๆ เพราะไม่กล้าไปตามติดชีวิตมิว กลัวเจอไอ้คีย์
แต่แล้วก็... โว้ยยยยย แต่งต่อไม่ได้ ทำไมรู้ไหม ก็พระเอกนิยายแสนอบอุ่น ละมุนใจ ของผมน่ะสิ หลังชีวิตที่ได้เรียนรู้ตัวตนจริงๆ ของไอ้คีย์ ทำให้แต่งนิยายในแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป ทำไมกูต้องมารู้จักตัวตนที่กวนตีนมึงด้วย มึงจะเข้ามาในชีวิตกูทำมายยยย หมดแพชชั่นแล้วจริงๆ ฮื่อออออออ

-แอดอย่ายอมคู่นั้นนะ เราก็จะไม่ยอม
-แอดสู้ๆ ยังไงซะ คีตะมิวสิคก็มาก่อน
-#ทีมคีตะมิวสิค
-ช่วงนี้ไม่มีรูปพี่คีย์กับพี่มิวอัปเดตเลย
-เรือเราช่วงนี้ทำไมมันแห้งแบบนี้

ผมนั่งอ่านคอมเม้นในเพจ คีตะxมิวสิค เรือเรามันแห้งจริงๆ ว่ะ สงสัยต้องเอาไม้พายไปส่ง ว่าแล้วก็เตรียมตัวให้พร้อม เช็คสเตตัสล่าสุดของมิว เช็คอินอยู่ห้างเมื่อสามนาทีที่แล้วเหรอ.... โอเค เดี๋ยวเจอกัน

หลังจากที่ผมตามสะกดรอยมิวมาที่ห้าง ใช้เวลาหาอยู่นานก็เจอเขามากับไอ้คีย์ในร้านขายเสื้อผ้า ไหนว่าจะไปซ้อมดาวเดือนไง โกหกนี่หว่า แต่เดี๋ยวนะ อยู่กับมิวสองต่อสอง แชะ! เข้าให้ แอบคบกันจริงแน่นอน ผมแอบตามเก็บรูปได้หลายรูปจนพอใจ เลยนั่งพักแถวๆ นั้น ส่งภาพจากกล้องเข้าโทรศัพท์ เตรียมอัปลงเพจ เอาแคปชั่นไรดีน้าาาา
“ทำไรอ่ะ!”
“แม่เชร้ด!”





.
ต้นไม้ขีดเขียน



สวัสดีค่ะ ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าอ่านไปแล้วงงๆ กันหรือเปล่า หรือถ้ามีคำไหนที่ผิด ฝากคอมเม้นให้ด้วยนะคะ เราจะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2020 21:32:16 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -02-
«ตอบ #2 เมื่อ08-11-2020 19:28:11 »

- 02 -

“ทำไรอ่ะ!”
“แม่เชร้ด!” มาได้ไงว่ะ ตกใจหมดเลย ผมรีบเก็บโทรศัพท์ทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาทักคือใคร
“มิว.. บังเอิญจัง” ผมส่งยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดไปให้
“เหรออออ”
“อืม แล้วมิวมาทำอะไรเหรอ”
“ซื้อของนิดหน่อยอะ แล้วเพลงอะ มาทำอะไร”
“มาเดินตากแอร์เล่นๆ น่ะ แล้วมิวมากับคะ...”
“มากับกูเอง” ไอ้คีย์เสนอหน้าเข้ามากอดคอมิวไว้
“เอามือออกไป รำคาญ” มิวเบี่ยงตัวออกจากวงแขนมันอย่างรำคาญ แต่แม่งน่ารักชะมัด อยากยกกล้องขึ้นมารัวชัตเตอร์
“แล้วมึงอะ มาคนเดียวเหรอ”
“แล้วเห็นมากี่คนล่ะ” มันมองไปรอบตัวผมแล้วพูด
“หนึ่ง สอง สาม อืม.... คนเดียว”
“แสนรู้ดีนิ”
“มึงได้เพื่อนแล้ว กูไปนะ ไปนะเพลง” มิวหันไปบอกไอ้คีย์แล้วหันมาบอกลาผม
“เฮ๊ยเดี๋ยว” มิวไม่ฟังเสียงเรียกผมเลย เดินลิ่วๆ ไปนู่นซะแล้ว
“กินไรมายัง”
“ยัง”
“ไปกินข้าวกัน”
“ไม่หิว ไม่กิน”
“ไม่กินก็ไปนั่งเป็นเพื่อนกู”
“ทำไมกูต้องไปด้วย”
“ก็เห็นมึงว่าง”
“ใครบอกว่ากูว่าง”
“กูไง ตามมาเร็วๆ” พูดเองเออเอง แล้วก็เดินนำไปเอง แล้วทำไมผมต้องเดินตามมันไปด้วยว่ะห๊ะ มันเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น มันสั่งเมนูอะไรสักอย่างกระทะร้อนๆ เนี่ยแหละ ส่วนผมเหรอ สั่งไม่เป็น เลยได้แต่นั่งน้ำลายห้อยมองมันเนี่ย

“กินด้วยกันปะ”
“ไม่อะ”
“เหอะน่า กูไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงหน่า กินคนเดียวไม่หมดหรอก”
“.......” ผมมองอาหารแล้วชั่งใจ
“กินดิ” กินก็ได้ว่ะ
“ที่กินเพราะเสียดายอาหารหรอกนะ”
“.....” มันยิ้มขำไม่ได้ว่าอะไร
นี่ครั้งแรกเลยนะ กับอาหารญี่ปุ่นเนี่ย อยากลองหลายครั้งแล้ว แต่แพงชิบเมนูหนึ่งก็ร้อยกว่าเกือบสองร้อยไปแล้ว แต่พอได้กินแล้วก็อร่อยดีแฮะ
“ไหนว่ามีซ้อมไง ทำไมมาเดินห้างกับมิวได้อะ” ลวงความลับเพื่อความฟินแป๊บ ตอบออกมาเลยว่าคบกัน กูไม่บอกใครหรอก แต่จะใช้วิธีพิมพ์เอา
“ทำไม หึงเหรอ” ไอ้สัส ข้าวแทบพุ่ง
“ใครจะหึงมึงกัน”
“มึงไง เห็นตามพวกกูตั้งนานสองนาน” มันเห็นกูนานแล้วเหรอว่ะ
“ไม่ได้ต๊าม บังเอิญป่าว”
“เสียงสูง”
“ไม่ได้ตาม” กดเสียงต่ำแป๊บ
“หึ... คิวซ้อมวันนี้ยกเลิกน่ะ เลยมาช่วยไอ้มิวเลือกของขวัญให้ว่าที่เมียมัน”
“ห๊ะ!” เมีย? แทบช็อกเลยกู มิวมีเมียเหรอว่ะ
“อี๋~ น่ารังเกียจ” มันทำหน้าขยะแขยงแล้วดึงกระดาษทิชชูมาซับน้ำในปากผมที่เกือบพุ่ง แต่มันก็ยังเล็ดออกมาจากปากผม
“มิวตัวเล็กน่ารักคู่จิ้นมึงอะนะ”
“เออดิ ทำไม”
“มึงกับมิวไม่ได้คบกันเหรอ”
“มึงจิ้นกูกับมันเหรอ” ซึมไปเลยอะ ไม่ต้องคบกันก็ได้ แต่ไม่อยากให้มิวมีแฟน อยากให้มิวกับมันอยู่ด้วยกันตลอดไป ทำไมผมถึงได้รู้สึกอกหักแบบนี้ว่ะ
“เห้ยๆ เป็นไรว่ะ จู่ๆ ก็ทำหน้าซึมเป็นส้วม”
“เปล่า อิ่มแล้วกูกลับได้ยัง” กูอยากร้องไห้ มิวมีแฟนแล้ว แถมยังเป็นผู้หญิงด้วย
“ดาวน์เฉย” ผมไม่สนที่มันพูดหรอก เดินคอตกเดินจากมาเงียบๆ

“ไหวป่ะเนี่ย”
“......” ผมพยักหน้าส่งๆ ให้ไอ้คนข้างๆ ที่เดินมาโอบไหล่แล้วตบปุ๊ๆ
“ไปดูหนังกัน”
“ไปดิ มึงเลี้ยงนะ” นาทีนี้ไปไหนไปหมดแหละ เจ็บปวดหัวใจ อยากได้อะไรมาฉุดให้หายเจ็บปวดสักหน่อย
“เออ กูเลี้ยง แค่แฟนคนเดียวกูเลี้ยงได้”
“.....” ผมหันขวับมองแรงไปทีไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่มีอารมณ์ เซ็ง!

“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะลั่น เพราะอารมณ์ค้างจากหนังที่พึ่งดูจบไปยังไม่หาย จนลืมเรื่องเซ็งไปเลย จริงๆ ไม่ค่อยดูหนังไทยเลยนะ แต่ไอ้คีย์มันเป็นคนซื้อตั๋วเลยตามใจมัน เรื่องทั้งเรื่องตรรกะพังพินาศไม่มีเหตุไม่มีผลห่าไรเลย แต่ถ้าตัดเรื่องพวกนี้ออกไป ไม่สนใจเนื้อหา ดูเอาสนุก มันก็ตลกโคตรๆ เหมือนกันนะ
“พอได้แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ก็ละเมอหรอก” ไอ้คีย์กอดคอผมโยกไปมาเรียกให้ฟังมัน
“ช่างละเมอดิ กูรู้ตัวที่ไหน”
“รบกวนรูมเมทมึงม่ะ”
“ช่วงนี้ไอ้ไก่ติดเกมกับเพื่อนมันนู่น ไม่กลับมานอนห้องหลายวันแล้ว”
“งั้นมึงก็นอนคนเดียวดิ”
“เยส”
“เหงาป่ะ ไปนอนกับกูไหม”
“ไม่เหงา แต่ถึงจะเหงาก็ไม่ไปนอนกับมึงหรอก” มันยักไหล่อย่างไม่แยแส
“แล้วนี่ไปไหนต่ออะ”
“กลับ”
“หมูกระทะมะ”
“คิดก่อน ตอนนี้ยังไม่หิว”
“งั้นก็เดินเล่น เดี๋ยวหิวค่อยไปกิน”
“อือ....” ผมทำเสียงครุ่นคิดในลำคอ
“หมูกระทะกูเลี้ยง”
“งั้นตกลงก็ได้ ไม่ได้เห็นแก่ของฟรีหรืออะไรนะ แค่สงสารคนโดนเท”
“ใครโดนเท”
“มึงไง ถูกมิวเท แม่งเสียดายว่ะ”
“เสียดายทำไม มึงชอบมันเหรอ”
“ชอบดิ น่ารักขนาดนั้นถ้ากูเป็นมึงนะ มิวเสร็จกูไปนานแล้ว ไม่ยอมให้เป็นแค่คู่จิ้นหรอก”
“มึงก็น่ารักนิ งั้นกูไม่ยอมปล่อยให้มึงเป็นแค่คู่จิ้นกูบ้างดีไหม”
“ไม่ดี”
“ยังไม่ได้ลองคบเลยรู้ได้ไงว่าไม่ดี”
“ไม่ดีก็คือไม่ดี คนอย่างมึงต้องคู่กับ....” มิวเท่านั้น เกือบหลุดปากแล้วเชียว กลืนชื่อมิวลงคอแทบไม่ทัน
“คู่กับ...?”
“คู่กับ.... เอออ... อยู่ตัวคนเดียวเหอะคนอย่างมึงอ่ะ” ผมหาคำพูดส่งๆ แล้วเดินเลี่ยงๆ ออกมาจากมัน

ไอ้คีย์แวะร้านเสื้อผ้า หยิบนั่นลองนี่กับตัวผม
“ซื้อให้กูเหรอ” ลองกับตัวผมแบบนี้ คงไม่ซื้อให้คนอื่นหรอกมั้ง เอาเลย ซื้อเลย กูชอบของฟรี
“เปล่า ซื้อให้ไอ้มิว ใกล้วันเกิดมันละ” แป่ว~ ไม่ได้ซื้อให้กูเหรอว่ะ เสียดายแต่ไม่เสียใจ กูฟินนนนน
“งั้นมึงซื้อไซส์ตัวเองไปด้วยดิ”
“……” ไอ้คีย์หันมามองหน้าผม
“เสื้อคู่ไง เสื้อคู่แบบเพื่อนสนิทไรงี้” ซื้อเหอะ เรือกูจะได้มีโม้เม้นบ้าง ตอนนี้แห้งเหี่ยวจนจะกลายเป็นแค่ท่อนไม้ลอยน้ำอยู่แล้ว
“จะดีเหรอว่ะ”
“จะดีสิ” ผมทำหน้ามั่นใจใส่มันไปที
“เอางั้นก็ได้” เยสสสสส
และแล้วผมก็ช่วยมันเลือกเสื้อคู่จนได้ เป็นเสื้อยืดสีชมพูอ่อนๆ ธรรมดาไม่มีลวดลายอะไร ดูไม่เหมือนเสื้อคู่ แต่ถ้าใส่พร้อมกันละก็...... แค่คิดก็สุขสมอารมณ์ดีของไอ้เพลงสุดๆ แล้ว

“หิวยัง”
“เริ่มละ”
“งั้นไปเลยป่ะ”
“ไปเลยก็ได้” เริ่มอารมณ์ดีมาหน่อยๆ เห็นเสื้อคู่มันกับมิวค่อยมีแรงแต่งนิยายต่ออีกนิด
“พรุ่งนี้มึงว่างป่ะ”
“ก็ว่าง ทำไม”
“จะชวนไปดูกูซ้อมประกวดดาวเดือน”
“ว่าง แต่ไม่ไปอะ แค่คิดก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาละ” มีอะไรให้น่าสนมิทราบว่ะ ถ้ามิวไปดูกับมึงด้วยก็ว่าไปอย่าง ไอ้คีย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“คนเยอะว่ะ จะมีที่นั่งมั้ยเนี่ย” ผมพูดเมื่อเราทั้งคู่มาถึงหน้าร้านหมูกระทะป๊ะปุ๊ หมูกระทะปุ๊ป๊ะ ใครเป็นคนตั้งว่ะเนี่ย เอาซะไม่กล้าเรียกเฉยๆ เลย พูดทีต้องใส่ทำนองและลีลาลงไปซะหน่อย
“มีดิกูจองไว้แล้ว”
“ตอนไหนวะ”
“ร้านแม่ไอ้มิวเองแหละจะจองตอนไหนก็ได้ ชื่อร้านแม่มันก็เป็นคนตั้งนะ” หืมมมม แม่มิวเนี่ยนะตั้งชื่อร้านนี้
“ร้านมิวจริงดิ ไม่เห็นรู้เลย” ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้คู่จิ้นคู่นี้จริง แต่เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่หรอก อาศัยจินตนาการจากการมองพวกเขาในโรงเรียนทั้งนั้น
“ก็รู้แล้วนี่ไง เข้าไปได้แล้ว ไปไหว้แม่ไอ้มิวกัน” ผมรีบเดินตามมันไป จริงๆ ผมเคยมากินหลายครั้งแล้วแหละร้านนี้ แต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นร้านแม่มิว ร้านหมูกระทะของแม่มิวไม่ธรรมดาเลยนะครับ ใหญ่ใช้ได้ บรรยากาศก็ดี โต๊ะนั่งก็ไม่ได้ติดกันเกินไปเหมือนร้านอื่นๆ แถมมีดนตรีสดด้วยนะ
“แม่หวัดดีครับ นี่ไอ้เพลงที่บอกไว้ เพลงนี่แม่ไอ้มิว”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้แม่มิวอย่างผู้ดีมีมารยาทพึ่งกระทำ
“สวัสดีจ้ะ เห็นคีย์บอกจะพาเพื่อนมาด้วยนึกว่าแก๊งเดียวกันซะอีก คนนี้แม่ไม่คุ้นเลย” ฟังดูแล้ว หูยยยย สนิทกับแม่มิวด้วย กีสสสส
“คนนี้ไม่ใช่เพื่อนหรอกแม่ นี่เพลงเมียผม.. โอ๊ยยย เจ็บนะ” โป๊ก! เข้าให้ เมียเป๊ะมึงสิ ตาตุ่มกูมึงยังไม่เคยได้มองเลย มันคลำหัวตัวเองปอยๆ
“ไม่ใช่นะครับ ผมเป็นเพื่อนคีย์เฉยๆ”
“เพื่อนก็เพื่อนจ้ะ เดี๋ยวเชิญเลยนะ แม่จะเข้าไปเคลียร์บัญชีต่อ”
“ครับ” ผมยิ้มให้เธอตามมารยาทแล้วหันมาฟาดฝ่ามืออรหันต์ใส่ไอ้ห่าจิกนี่อีกครั้ง
“เจ็บนะสัส”
“ก็ตีให้มึงเจ็บน่ะสิ ใครใช้ให้มึงพูดแบบนั้นกับคุณน้าห๊ะ”
“พูดเผื่ออนาคตไง”
“อนาคตเหี้ยไร ปากดีแบบมึงไม่น่ามีอนาคตเกินวันนี้ไปได้หรอก”

“ปากคอเราะร้าย ไปๆๆ แดกหมูทะกัน” มันเดินนำผมไปนั่งโต๊ะที่จองเอาไว้

“เดทครั้งแรกให้มันเบาหน่อยๆ มูมมามเดี๋ยวก็สำลักหรอก”
“เดทบ้าเดทบออะไร แค่กินหมูกระทะด้วยกันป่ะ”
“แล้วตกลงคืนนี้ไม่ไปนอนห้องกูจริงดิ”
“ไม่มีทางอะ... เห้ยๆ หมูกูๆ” ผมรีบท้วงเมื่อไอ้คีย์มันมาคีบหมูผมไป
“อะไร ของกู ของมึงชิ้นนู้น” มันเอาตะเกียบชี้ๆ หมูที่ยังไม่สุก
“มั่วแล้ว นั่นของกู”
“ของมึงจริงดิ”
“จริง เอาคืนมาเลย” ผมยื่นจานไปตรงหน้ามัน
“อ้ามมมม” แต่มันเสือกคีบหมูมาจ่อที่ปากพร้อมกับทำเสียงเหมือนป้อนข้าวเด็ก ปัญญาอ่อน
“กินดิ ไม่กินเหรอ กูกินนะ”
“......” ผมรีบงับหมูที่มันป้อนให้ ของฟรีนี่มันอร่อยจริงๆ ขอบคุณเทพเจ้าแห่งความโชคดี วันได้กินของฟรีสองมื้อ แถมหนังฟรีอีกหนึ่งเรื่อง แถมรูปไอ้คีย์กับมิวอีกเพียบ โชคดีจริงๆ เลยบทเพลง
“สรุปพรุ่งนี้ไม่ไปดูกูซ้อมดาวเดือนจริงดิ”
“ไม่เอาอะ น่าเบื่อ”
“ตามใจ” ว่าแล้วมันก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ แล้วโทรออก ทีแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ถ้าไม่ได้ยินชื่อมิวดังออกมาจากปากมันน่ะ
“เออๆ เจอกันพรุ่งนี้”
“อะไรอ่ะ มิวจะไปไหนเหรอ” ผมถามด้วยพลังแห่งความเสือกเต็มที่
“มันจะไปดูกูซ้อมประกวดดาวเดือน”
“ที่ไหน” มันหรี่ตาขมวดคิ้วมอง
“จะรู้ไปทำไม ไหนบอกไม่ไป”
“ก็ไม่ไปไง แต่ถ้าบังเอิญ หมายถึงกูไปเดินเล่นแล้วบังเอิญไปแถวๆ นั้นอาจจะแวะไปงี้” มันยังคงทำท่าจับพิรุธผมอยู่
“สายๆ หอประชุมคณะกู ถ้าจะมาหาก็โทรบอก”
“ใครจะไปหามึงกัน แล้วเบอร์ก็ไม่มีด้วย” ทุกวันนี้เฟสบุ๊คเป็นช่องทางติดต่อทางเดียวของเราครับ
“เอาโทรศัพท์มา” ผมยื่นให้มันไม่ได้อิดออดอะไร ดีซะอีก บางทีจะได้ใช้ประโยชน์จากมันหาโมเม้น คีย์มิว

“อะกูให้” หลังจากที่ยัดห่าลงไปในกระเพาะ ตอนนี้หมูเริ่มอืดจนต้องคีบที่เหลือใส่จานไอ้คนที่นั่งตรงข้ามกัน
“ไม่เอา ไหนบอกเมื่อกี้ของมึงไง กินให้หมดเลย”
“ไม่ไหวแล้วอ่าาา”
“ต้องไหว ถ้าไม่ไหวอยากให้ช่วยกินก็คีบแล้วป้อนกูดีๆ”
“เรื่องไรจะป้อน”
“เหลือถูกปรับนะเว้ย”
“คนจ่ายก็มึง ร้านนี้ก็ร้านมิว เรื่องไรจะกลัวถูกปรับ” ไอด้อนท์แคร์
“กูกินไม่หมดก็ถูกปรับเว้ย ถึงกูจะจ่ายก็จริงแต่ถ้าถูกปรับมึงต้องรับผิดชอบ เอาเป็น.... หมูหนึ่งขีด หอมแก้มหนึ่งที... ดีม่ะ”
“ไม่ดี!”
“งั้นก็กินให้หมด ไม่ก็อ้อนวอนพี่ดีๆ แล้วคีบป้อนให้ด้วยความเต็มใจ”
“......” ผมมองมันอย่างชั่งใจ
“กูเอาจริงนะเว้ยบอกไว้ก่อน” มันว่าแล้วยกแขนขึ้นเบ่งกล้ามโชว์ ดูทรงแล้วถ้ามันใช้กล้ามรัดคอผมจริงๆ ผมดิ้นไม่หลุดแน่ๆ
“เออๆ เดี๋ยวกูป้อน มานั่งใกล้ๆ นี่” ผมบอกให้มันขยับมานั่งใกล้ๆ จะได้ป้อนถนัดๆ
ผมป้อนมันไป คีบใส่ปากตัวเองบ้างเมื่อเริ่มรู้สึกว่ากระเพาะย่อยไปบ้างแล้ว
ผมเลื่อนดูโทรศัพท์เหมือนปกติ เพจคู่จิ้นผมกับมันที่ผมกดติดตามเพื่อหาเบาะแสเจ้าของเพจ มีรูปอัปเดตเมื่อตอนบ่ายที่เราไปดูหนังแล้วก็ซื้อเสื้อผ้า และรูปล่าสุดคือตอนนี้ที่ร้านหมูกระทะ เป็นรูปที่มันป้อนผม และรูปที่ผมป้อนมัน ผมเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ร้าน มองไปแต่ละโต๊ะในร้านช้าๆ แม่ง ไม่มองมาก็หลบตากับพึ่บพับ ในรูปของเพจมีสองรูป แต่รูปในคอมเม้นนี่บานเลย มาจากทั่วทุกมุมร้าน จนผมต้องเลิกสนใจที่จะมองหาแอดมินตัวจริง เลื่อนๆ อ่านคอมเม้นรอท้องย่อยดีกว่า

-สรุปคบกันจริงดิ
-กรี๊ดดดด ไม่คิดว่าจะเจอคู่นี้ที่ร้านหมูกระทะ
-สงสัยต้องหาเวลาไปกินบ้าง
-อิจฉาคนที่อยู่ในร้านด้วยจัง
-ไปกินหมูกระทะตอนนี้ทันมั้ย
-หมูก็หิว คนก็ฟิน
-สองคนนี้น่ารักมากค่ะ เราแทบไม่เป็นอันกินเลยมัวแต่ดูพวกเขา กรี๊ดดดดด


“พี่คีย์ ขึ้นไปดีดกีตาร์แทนพี่นัทกับพี่ซินที พี่แกทะเลาะกันว่ะ นี่หายไปเคลียร์กันนานแล้วยังไม่กลับมาเลย” เด็กเสิร์ฟในร้านเข้ามากระซิบไอ้คีย์
“เหรอ ถึงว่าเปิดยูทูปตั้งนาน” ไอ้คีย์ตอบน้องมันไป
“กูไปขึ้นเวทีแป๊บนะ”
“อืม” ผมตอบส่งๆ แล้วสไลด์โทรศัพท์ต่อ
“สวัสดีครับ อาจไม่คุ้นหน้ากันเท่าไหร่ ผมคีตะนะครับ วันนี้ขึ้นมาเป็นนักร้องจำเป็นหนึ่งวัน....” ผมดูโทรศัพท์แต่หูก็ฟังไอ้คีย์มันไปด้วย พูดคล่องปรือ และที่สำคัญมันเล่นกีตาร์และร้องเพลงได้ไพเราะ สมกับที่เกิดมาชื่อคีตะเลยครับ ผมเคยฟังมันอัดคลิปลงเฟสบุ๊คร้องคู่กับมิวด้วย โคตรฟิน จนต้องเอามาแต่งนิยาย อัพความเขินอายลงเพจ คิดแล้วก็เสียดายที่เพจปลิวไปอย่างไม่มีวันหวนคืน ส่วนที่สร้างใหม่ ก็แทบจะไม่มีโมเม้นมาอัปเดตเลยครับ พูดพล่ามซะยาวจนไอ้คีย์ร้องเพลงเล่นกีตาร์จบไปแล้วเพลงหนึ่ง
“เพลงต่อไปนะครับ เพลงนี้ผมมอบให้ใครคนหนึ่งที่ผมกำลังจีบเขาอยู่ เพลง!.... ลองคิดดู” สะดุ้งเลยสิเคิ้บบบ เล่นเอ่ยตะโกนคำว่าเพลงแล้วหยุดแช่ไว้นานจนผมต้องเงยหน้ามองมันที่จ้องอยู่ก่อนแล้วมันถึงพูดชื่อเพลงจริงๆ ออกมาเหมือนเรียกชื่อผมมากกว่าบอกคนฟังในร้าน มันเริ่มดีดกีตาร์ หลายๆ คนเริ่มมองมาที่ผม มีแอบได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ ด้วย ไม่ต้องกลั้นก็ได้เธอ กรี๊ดออกเสียงมาเลย
“อาจเป็นแค่ความฝัน มีไหมวันที่เราสองคนจะรักกัน
ก็เลยถาม... ว่าเธอคิดอย่างไร กับสิ่งที่ฉันได้ทำให้เธอ เธอรู้รึไม่
เสียใจเมื่อเธอนั้น ได้พูดว่า ไม่อาจจะให้มากไป
ฉันขอเพียงแค่เธอนั้นให้โอกาสฉันได้ไหม อย่าเพิ่งถอยหนีไป
ลองคิดดูสิ่งที่ฉันทำ เธอไม่ต้องกลัวมันแค่เรื่องของหัวใจ
และฉันเอง ก็อาจจะไม่ใช่ เธอแค่ลองเปิดรับหัวใจ
ของชั้นหน่อย จะได้ไหม...”

มันร้องจบหลายสายตาแอบชำเลืองมองมาที่ผม จนต้องทำเป็นคีบหมูโฟกัสกระทะที่ไหม้เกรียมไม่สนใจใคร ส่วนเพลงที่ไอ้คีย์ร้องน่ะเหรอ ให้เอาตามตรงหรือเอาแบบนางเอกปากแข็งล่ะ
ถ้านางเอกปากแข็งก็ร้องเพลงบ้าอะไร น้ำเน่า จะอ้วก
แต่ถ้าเป็นผมตอนนี้... เขิน... สั้นๆ แค่นี้แหละ ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ นะ แต่เป็นใคร ใครก็เขินปะ
“อยู่คนเดียวมาสองเพลงแล้ว รู้สึกเหงาจังเลย” ไอ้คีย์เริ่มทอร์คหลังจากที่มันร้องเพลงจบไปแล้ว
“เอางี้ดีไหม มีใครในร้านอยากร้องเพลง เชิญขึ้นมาได้เลยครับ เดี๋ยวผมเล่นกีตาร์ให้” พูดจบก็แอบได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ เช่นเคย และมีเสียงที่ทำผมช็อกด้วยตามมา
“บทเพลง อยากฟังบทเพลงร้องเพลง” เย็บแม่งงงง ใครพูด! ผมหันรีหันขวางมองหาต้นตอเสียง
“บทเพลงเหรอครับ นั่นมันชื่อคนที่มากับผมนิน่า ไหนๆ ก็มีคนเสนอชื่อแล้ว ขึ้นมาร้องเพลงคู่กันหน่อยสิครับคุณบทเพลง” มันยิ้มแป้นแล้นส่งลงมาให้ ฉิบหายมากชีวิต เผื่อใครไม่รู้ ผมเนี่ยตัวร้องเพลงเพี้ยงแห่งโลกนิยายของต้นไม้ขีดเขียนเลยแหละ แค่หายใจยังคร่อมจังหวะเลยทุกคน
“เชิญครับ เชิญ” ตอนนี้หลายๆ สายตาเริ่มรู้แล้วว่าผมชื่อบทเพลง มีคนมองมาให้พรึ่บพร้อมกับเสียงปรบมือ โอ๊ยยยย กดดัน
“น้องเพลง ขึ้นไปสิคะ” ผมได้ยินเสียงกระซิบจากโต๊ะใกล้ๆ เอาว่ะ ขึ้นก็ขึ้น กูขอเลือกเพลงไม่ต้องใช้เนื้อเสียงดีๆ แต่เอาลีลาเข้าสู้แล้วกัน
ผมเดินทิ้งตีนหนักๆ ขึ้นไปหามันบนเวทีเตี้ยๆ นั่น
“ถ้าร้านแม่มิวเจ๊งอย่ามาโทษกูนะ” ผมกระซิบแล้วรับไมโครโฟนมาจากมัน
“เชิญคุณเพลงแนะนำตัวก่อนดีกว่า”
“สวัสดีครับชื่อบทเพลงครับ จะเรียกสั้นๆ ว่าเพลงก็ได้ เรียนปีหนึ่งนิเทศศาสตร์ครับ” ผมแนะนำตัวเขินๆ
“แล้ววันนี้จะร้องเพลงอะไรดีครับ”
“เพลง.....” ผมมองลงไปด้านล่างเวทีที่มีหลายๆ คนกำลังลุ้นอยู่ รู้นะว่าพวกเธอคือลูกเพจคู่จิ้นเราน่ะ สายตานี่วิบวับวิบวับเชียว อยากได้เพลงรักฟินๆ ล่ะสิ หึ ฝันไปเถอะ
ผมหันไปซุบซิบบอกชื่อเพลงให้ไอคีย์
“เอาจริง”
“เอ่ออออ เพลงนี้แหละ” บอกไว้เลยว่าผมไม่ได้ร้องเพลงเพราะเหมือนกับชื่อตัวเองหรอก ผมนี่แหละความบรรลัยแห่งวงการร้องเพลง
“เออ... ผมร้องเพลงไม่ค่อยเป็น อาจจะเพี้ยนไปหน่อยนะครับ” ผมพูดออกไมเตือนทุกคนด้วยความหวังดีไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรคร้าา” จ้าาาา เดี๋ยวก็รู้
“ร้องเพี้ยนไม่เป็นไร แค่อย่ารักผิดคีย์ เอ๊ย ร้องผิดคีย์ก็พอ” ไอ้คีย์ตบมุขแล้วดีดกีตาร์เสริม มึงนี่มันน่าโดนเตะให้สักที แต่มันช่วยเรียกเสียงกรี๊ดได้พอควร
เวรเอ้ยยยย มีคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอัดคลิปด้วย ดังแน่กู
ไอ้คีย์เริ่มเกากีตาร์เบาๆ ปรับเสียงแล้วเปลี่ยนจังหวะให้ผมร้อง
“เจ้ามีเขาอยู่แล้วยังดึงอ้ายเข้าไปหา อ้ายคนนอกสายตาเจ้าบ่แคร์บ่สน
อ้ายมันใจง่ายที่เจ้าบ่หลูโตน เบื่อนำคำเว้าคนเฮ็ดให้เฮาเปลี่ยนไป
เจ้ามาเฮ็ดให้ฮู้สึกดีแล้วกะย่างหนีไป เจ็บแท้หนอใจอ้ายอยากถอยคืนกลับมา
แต่ใจ มันพังไปเบิ๊ดแล้ว เฮ็ดได้ แค่เหลือใจเจ้าของ”

เข้าฮุกแล้ว ขอผมยืดเส้นยืดสายสักหน่อยเหอะ
“ขอโทษที่เข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่อง สะระน๊องก่องแก่งมะน่องมะแน่งมั๊บ
ปะล่องป่องแป่งง้องแง้งง้องแง้งในชีวิตเธอ ขอโทษที่เข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่อง
สะระน๊องก่องแก่งมะน่องมะแน่งมั๊บ ปะล่องป่องแป่งง้องแง้งง้องแง้งในชีวิตเธอ....”

ร้องจบสักที พูดเลยว่าเหน่ยยยยย ไม่ได้เหนื่อยร้อง แต่เหนื่อยเต้นนี่แหละ
ตลอดการร้องเพลงสามนาทีกว่าๆ มีเสียงหัวเราะชอบใจดังมาเป็นระลอก ติดใจล่ะเซ่ ฮ่าๆๆๆ
“ฮ่าๆๆ จบไปแล้วนะครับสำหรับโชว์ละครลิงคืนนี้” ผมหันไปมองเขม่นใส่มันทีหนึ่ง ลิงบ้านมึงหล่อขนาดนี้เลยเหรอ
“พอดีวันนี้นักรัองเราไม่สบาย คืนนี้ฟังเพลงชิวๆ จากยูทูบไปก่อนนะครับ พวกเราสองคนลาไปก่อน ขอบคุณครับ” มันพูดบอกลาแล้วพาผมเดินลงเวที
“ขอโทษน้าาาค้าา ขอถ่ายรูป....” ลงมาปุ๊บก็มีแฟนคลับสองคนเดินเข้ามาขอถ่ายรูปไอ้คีย์ทันที
“ครับ เชิญครับ” ผมรีบขยับตัวออกมาทันทีไม่ให้เกะกะพวกเขา
“ถ่ายน้องเพลงด้วยค่ะ รูปคู่ค่ะ”
“ผะ... ผมด้วยเหรอ” ผมทำหน้างงๆ จนไอ้คีย์ดึงผมเข้าไปยืนใกล้ๆ ให้ผู้หญิงคนที่มาขอถ่ายภาพเก็บภาพได้สะดวก ก่อนที่จะมีหลายๆ คนเดินเข้ามาขอถ่ายรูปพวกเรา ทั้งรูปคู่ผมกับมัน หรือรูปหมู่ที่พวกสาวๆ เข้ามาร่วมเฟรมด้วย
แบบนี้เขาเรียกว่าแฟนคลับเปล่า
“ยืนใกล้ๆ สิกลัวกูกัดหรือไง” ไอ้คีย์คว้าคอผมให้ขยับเข้าใกล้มัน ได้ยินเสียงกรี๊ดและสีหน้าเขินอายจากสาวๆ เบาๆ คงฟินเหมือนที่ผมเคยฟินไอ้คีย์กับมิวล่ะสิเนี่ย รู้สึกเหมือนกรรมตามสนองยังไงไม่รู้แหะ
“ขอบคุณนะคะ” เรายิ้มรับคำขอบคุณแล้วกลับมานั่งที่ แต่กว่าจะกลับมาได้ก็ใช้เวลาพอควรเลยเหมือนกัน
“มึงอิ่มยัง เปลี่ยนเตาไหม” เตาของเราไฟเริ่มมอด กระทะเริ่มไหม้ ผมพยักหน้าให้มันรัวๆ
“นี่ยังไม่อิ่มอีกเหรอเนี่ย”
“แล้วจะถามทำไม สรุปจะเปลี่ยนไหม” ผมมองค้อนมัน จริงๆ พอได้ขยับแข้งขาแล้วท้องเริ่มจะมีที่ว่างพอยัดอะไรต่อมิอะไรลงไปบ้างแล้วล่ะ
“เปลี่ยนครับเปลี่ยน ตามใจคุณเพลงเต็มที่เลยครับ” มันว่าแล้วเรียกพนักงานเข้ามาเปลี่ยนเตาเปลี่ยนกระทะใหม่
“ขอโทษที่เข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่อง สะระน๊องก่องแก่งมะน่องมะแน่งมั๊บ ปะล่องป่องแป่งง้องแง้งง้องแง้งในชีวิตเธอ” เสียงร้องเพลงผมดังแว่วมาจากโทรศัพท์มัน สงสัยคงมีคนถ่ายคลิปแล้วแท็กมันแหละ ผมหยิบของตัวเองขึ้นมาดูบ้าง ยังไม่ทันได้กดไปดูในเพจคู่จิ้นผมกับมัน ก็เห็นคลิปตัวเองเต็มหน้าฟีดไปหมดโดยการแชร์จากเพื่อนๆ

เป้ชอบดื่มนม
นักร้องปริศนา เป็นนักร้องเสียงเพี้ยน 555555
ภูวดล
55555555
เกศแก้ว
เอาอีกๆ กูชอบ
กอไก่
5555555 ไอ้เพลง @บทเพลง
มิวสิค
น่ารัก <3

แม้กระทั่งคนที่ผมจิ้นกับไอ้คีย์ยังแชร์อะคิดดู

คีย์’คีตะ
ถึงชื่อมึงจะสวนทางกับเสียงร้องเพลง แต่ใจกูซื่อตรงไม่สวนทางความน่ารักมึงแน่นอน @บทเพลง
บทเพลง
จะอ้วก
ภูวดล
อ้วกออกมาเป็นสีชมพูแน่นอน
เป้ชอบดื่มนม
อ้วกทำไม สำลักความรักเหรอ
บทเพลง
@ภูวดล @เป้ชอบดื่นนม กินตีนมั้ยจะเอาไปฝาก
คีย์’คีตะ
เขินอะดิ

นอกจากคอมเม้นผมและพวกเพื่อนๆ ที่ไปคอมเม้นในโพสต์ไอ้คีย์แล้วยังมีใครอีกมากมายไม่รู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนผมกับมัน

-กรี๊ดดดดดด
-สรุปคบกันจริงเหรอ
-แต่งฟิคแป๊บ
-ไม้พายไม่ต้อง
-เรือเรามันคือสปี๊ดโบ๊ท


และอีกมากมายในคอมเม้นของไอ้คีย์ ชงเก่ง! ชิปเก่ง! เก่ง!

ผมเฟดตัวจากแอปนั้นเข้าแอปนกฟ้า เลื่อนอ่านไปเรื่อย ปล่อยให้แอปตัวเอฟสีขาวน้ำเงินแจ้งเตือนไป พยายามจะไม่สนใจมัน แต่พอเข้าไปดูเทรนในนกน้อยสีฟ้า #บทเพลงของคีตะ มาได้ไงว่ะ 9,000 กว่าทวิต อยู่อันดับสองตามอันดับหนึ่งที่เป็นซีรีส์วายอยู่ ไอ้เหี้ยยยยย ผมกดเข้าไปดูอย่างไว คลิปผมร้องเพลงวอนไปหมด อับอายสุดๆ ตอนนี้จะจิ้นก็จิ้นไป แต่คลิปทั้งร้องทั้งเต้นนี่ไม่ไหว ตอนนั้นไม่น่าบ้าจี้เลยกู แต่ฟีดแบคที่ได้ยังพอให้หายอายอยู่บ้าง ผมเลื่อนๆ อ่านดูจนไปสะดุดที่ทวิตทวิตหนึ่งเข้า

มิวสิคของแม่
ก็แค่คู่จิ้น คู่จริงของคีตะคือคนนี้ [แนบรูปคีย์มิว]

นั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ รูปเมื่อตอนบ่ายยังไม่ได้อัปนี่หวา ว่าแล้วก็เข้าหน้าเพจ คีย์xมิว อีกครั้ง โอ้โห้แม่ ลูกเรือลำนี้ทวงโมเม้นมาเต็ม

-หายไปนานเลยนะแอด
-ไม่มีอัปเดตโม้เม้นบ้างเหรอ
-อย่ายอมคู่นั้นสิแอด


ใครว่ายอมกันเล่า เดี๋ยวพ่อจะอัปรูปให้ฟินไปเลย ว่าแต่กล้องถ่ายรูปกูอยู่ไหน
“ไอ้คีย์ขอกล้อง” กล้องผมไปอยู่ในมือมันตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ
“ไม่ให้ ลบรูปอยู่” มันว่าหน้านิ่งมองกล้องผม แต่เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ
“เสียมารยาท” งี้มันก็เห็นรูปข้างในหมดดิ เวรจริง
“มึงแอบชอบกูเหรอ” จู่ๆ มันก็ถามขึ้น
“ห๊ะ กูเนี่ยนะชอบมึง”
“ก็เออดิ ในกล้องมีแต่รูปกู”
“รูปมึงคนเดียวเลยเหรอ ดูดีๆ สัส รูปมึงคนเดียวที่ไหน” หลงตัวเองชะมัด ไม่เห็นมิวหรือไง
“เออว่ะ มีรูปไอ้มิวด้วย มึงจิ้นกูกับมันเหรอ”
“..........” ผมไม่ตอบ มันเลยหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วยื่นให้ผมดู ผมก้มอ่านตัวหนังสือเหล่านั้น

ร่างบางของบทเพลงแอ่นรับสัมผัสจากปากของคีตะ ที่กำลังหยอกล้อกับหัวนมสีชมพูของเขาอย่างหลงใหล บทเพลงครางครือออกมาเบาๆ ด้วยความเสียวซ่าน

ผมยกมือปิดหัวนมตัวเองอัตโนมัติ
“ไอ้ห่า ให้กูอ่านเหี้ยไรเนี่ย ขนลุก”
“เลื่อนอ่านให้จบสิ”

ท่องเนื้อแข็งขืนของคีตะ สอดใส่เข้าไปในกายผ่านช่องทางรักของบทเพลง ขยับเข้าออกให้ความรู้เสียวซ่านไปทั้งร่าง ทั้งคู่ครางออกมาด้วยความสุขสม ลิ้นร้อนผสานปลอบโยนซึ่งกันและกัน

“ไอ้สัสคีย์ เอาคืนไปเลย ให้กูอ่านเหี้ยไรของมึง”
“นิยายมึงกับกูไง อ่านแล้วเป็นไงบ้าง”
“จะอ้วก”
“กูก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ตอนอ่านนิยายที่มึงแต่งให้กูกับไอ้มิว” เดี๋ยวนะ มะ.... มันรู้….?
“มึง....”
“กูรู้หมดแล้วว่ามึงเป็นเจ้าของเพจ คู่จิ้นบ้าบอกูกับไอ้มิว แล้วยังชอบแต่งนิยายขายฝันบ้าบอนั่นอีก” น้ำเสียงและสายตามันเปลี่ยนไป
“.......” ไอ้ไก่!!
“กินอิ่มยัง กูกับมึงมีเรื่องต้องเคลียร์กัน” จากสีหน้ากวนตีนของมันเปลี่ยนมาจริงจังจ้องมองผม
“ยังไม่อิ่ม แต่กินไม่ลงแล้ว” ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มอย่างคนรู้สึกผิด
“ดี งั้นตามกูมา” ผมเดินตามมันต่อยๆ อย่างนักโทษก็ไม่ปานมาที่หลังร้าน มันพาผมขึ้นไปบนชั้นสอง มีห้องอยู่สองห้อง มันเปิดประตูและเดินนำเข้าไป ผมเดินตามมันเข้ามา ห้องนี้เป็นห้องนอน และมีมิวนอนถอดเสื้อเล่นเกมอยู่

“ไอ้มิว” ไอ้คีย์เรียกมิวให้เงยหน้ามองพวกผม
“อ้าวมาแล้วเหรอ”
“เออดิ พร้อมจัดการยัง” จัดการเหี้ยไรว่ะ
“พวกมึงจะทำไร”
“ทำให้มึงเป็นเมียกูไง” ไอ้มิวพูดขึ้น
.
.
.
[มีต่อ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2020 21:00:45 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -02-
«ตอบ #3 เมื่อ08-11-2020 19:30:27 »

.
.
.
[ต่อ]


“มึงเนี่ยนะจะให้กูเป็นเมียมึง ฮ่าๆๆ โอ๊ยยย ขำ มิว มึงเคยส่องกระจกดูสภาพตัวเองไหม” ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ มึงจะเป็นผัวใครได้ นอกจากเป็นเมียไอ้คีย์
“.......” แต่ดูหน้าสองคนนี้มันไม่ตลกเลยแฮะ
“นั่งลง” ไอ้คีย์ที่มีน้ำเสียงจริงจัง พูดขึ้น จนผมกลัวว่าพวกมันจะไม่ได้ทำแบบที่ว่า แต่จะเปลี่ยนมาฆ่าปิดปากผมแทน เลยจำยอมนั่งลงบนเตียง ให้ไอ้คู่จิ้นสองคนมันยืนค้ำหัว
“กูให้โอกาสมึงสารภาพ” มิวพูดขึ้น
“สารภาพอะไร กูไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แน่ะ ยังจะมาตอแหลอีก เดี๋ยวกูก็ฟาดด้วยเตาหมูกระทะซะนี่” ไอ้คีย์พูดขู่
“เออๆ เรื่องเพจพวกมึงใช่ไหม”
“ใช่” พวกมันตอบพร้อมกันอย่างกันเป็นคนคนเดียวกันงั้นแหละ ก็แหงสิ เนื้อคู่นิเนอะ
“ยังจะยิ้มอยู่อีก คิดเรื่องเหี้ยในหัวอีกแล้วอะดิ” คิดเรื่องพวกมึงไง เหี้ยพอไหม
“รีบๆ เล่าเลยไอ้เพลง กูมีนัดเมีย”
“เป็นเมียมึงแล้วเหรอ” ไอ้คีย์หันไปถามคำถามที่ผมอยากถามกับไอ้มิว
“ก็จีบอยู่ ใกล้ติดแล้วเนี่ย”
“ผู้หญิงหรือผู้ชายอะ” ผมถามขึ้นบ้าง
“เสือก”
“เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเลยมึงอ่ะ” พวกหันมาด่าทันที แม่งเอ๊ย อย่าให้กูกลับไปได้นะ กูยำไก่ใส่ตีนคนให้มึงแน่ไอ้เหี้ยไก่
“พวกมึงก็รู้หมดแล้วจะให้กูสารภาพอะไรอีกล่ะ”
“บอกมาว่ามึงเป็นคนทำเพจแล้วเป็นคนแต่งนิยายลามกให้กูกับไอ้มิวได้กัน” ทำเป็นเข้มไปได้
“เออๆ กูเองแหละที่เป็นแอดมินเพจคอยจิ้นพวกมึงสองคน แล้วก็แต่งนิยายพวกมึงอึบๆ กันด้วย” ผมตอบส่งๆ ให้เรื่องมันจบๆ ไป
“มึงรู้ไหมว่าการกระทำของมึงมันทำให้พวกกูเดือดร้อนแค่ไหน”
“ไม่รู้” ถ้ารู้กูอาจจะไม่ทำก็ได้ อาจจะนะ อาจจะ
“งั้นก็รู้ไว้ซะว่าไอ้มิวเกือบโดนผู้ชายข่มขืน จนมันต้องไปฝึกต่อยมวย”
“ส่วนไอ้คีย์ มันถูกบอกเลิกเพราะแฟนมันรับไม่ได้”
“.......” ก็ดีแล้วนิพวกมึงจะได้รักกัน ไอ้มิวจะได้มีไอ้คีย์ค่อยปกป้อง
“มึงยิ้มอีกละ คิดอะไรไม่ดีในหัวอะไรอีกล่ะ สำนึกบ้างไหมที่พวกกูพูดมาเนี่ย” โอเคๆ ไม่ยิ้มก็ไม่ยิ้ม ก้มหน้าสำนึกผิดก็ได้ พอใจมึงยัง
“กูสารภาพหมดแล้ว จะเอายังไงต่ออะ”
“......” พวกมันหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้
“เล่นบทคู่จิ้นกับกูต่อไป” ไอ้คีย์พูดขึ้น
“เห้ย ไหนบอกว่ามึงเดือดร้อนไง”
“ก็ตอนนั้นมีแฟนแล้วถูกบอกเลิก ส่วนตอนนี้กูโสด กูว่าง เห็นมึงไม่ชอบเลยอยากแกล้งมึง”
“ไรว่ะ”
“ส่วนกู ยังแค้นไม่หาย เลือกมา จะเล่นบทนี้ต่อไปหรือให้กูจับมึงทำเมีย”
“ทำเมีย ฮ่าๆๆๆๆ” ผมนี่ขำลั่นอีกรอบเลยครับ ตัวเล็กแบบมัน ฟหกด่าสงฃหด้าวีเสเดสฟหกดเวงง
ไอ้เหี้ยยยยยย ผมหัวเราะยังไม่สุดเลย ไอ้มิวมันพุ่งเข้ามาจับข้อมือผมไว้เหนือหัว แล้วดูดคอผมทันที
“ทำเหี้ยไรเนี่ย” ผมรีบโวยวาย จนไอ้คีย์ช่วยดึงไอ้มิวออกจากตัวผมสำเร็จ แรงเยอะชิบหาย ต้านไม่ไหวจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลย เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้
“พิสูจน์ให้มึงเห็นไงว่ากูมีแรงสามารถจับกดมึงได้” ไอ้สัส ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย
“คอกูจะเป็นรอยไหมเนี่ย”
“เป็นก็ดีดิ พรุ่งนี้จะได้มีเรื่องให้คนจิ้นมึงกับกูต่อ” ไอ้คีย์พูดขึ้น
“ระยำจริงๆ”
“นี่ๆ มึงเลยตัวดี แล้วเพจที่สร้างมาใหม่ก็ลบด้วย” ไอ้มิวชี้หน้า
“ไม่ลบได้ไหม....”
“......” พวกมันไม่พูดอะไรแต่ส่งสายตาพิฆาตมาให้
“..... เอ่อๆ กูไม่อัปอะไรก็ได้ แต่กูไม่ลบนะ... นะๆ”
“เห้ออออ ตามใจ”
“เยสสสส สรุปจบแค่นี้ใช่ไหม”
“เอ่อ!”
“งั้น... ห้องน้ำอยู่ไหน กูปวดขี้”

สรุปคือมันบอกให้ผมทำตัวปกติ ยกเว้นเรื่องเพจแล้วก็นิยายที่แต่งพวกมัน ที่เหลือก็แค่ทำตามพวกมันสั่ง นี่เกมพลิกให้กูกลายมาเป็นทาสได้เยี่ยงไร เรื่องที่ขอบคุณเทพเจ้าแห่งความโชคดีเมื่อกี้ขอคืนนะครับท่านเทพ

“ไก๊ไก่ ไก๊ไก่ ไกไก๊ไกไกไกไกไก่ ไก๋ไก่ ไก๋ไก่ ไกไก๊ไกไกไกไกไก่” เสียงไอ้ห่าไก่ร้องเพลงดังมาจากในห้องน้ำ ดีเลยมึง กูขอระบายหน่อยเหอะโทษฐานทำให้กูกลายเป็นเชลยศึก
“ก เอ๋ย กอไก่ ข ไข่ ในเล้า ฃ.ขวดของเรา ค.ควายเข้านา” หึ อารมณ์ดีจริงๆ ก เอ๋ย กอไก่ ข ไข่ อยู่ส้นตีน ขขวดอยู่ในมือ ค ควายเข้าแสกหน้ามึงไง ไปตายซะ พอมันเปิดประตูห้องน้ำเท่านั้นแหละ ผมดักฟาดมันด้วยหนังสือเล่มหนาไม่ยั้ง เลือดไม่ออกกูไม่หยุด
“โอ๊ยๆ พอแล้วๆ ตีกูทำมายยย ตีกูทำไม”
“กูไม่พอ กูจะตีจนกว่าเลือดจะหัวมึงจะออก”
“หยุดเถ๊อะ”
“ไม่หยุด”
“หยุดเถอะ โอ๊ยย”
“ไม่หยุด” โอ๊ยไอ้เหี้ย พอมันจับข้อมือผมได้มันก็เป็นฝ่ายพลิกตัวจับมือผมไพล่หลัง แล้วยืนช้อนหลังผมอยู่
“เป็นเหี้ยไรมึง” ไอ้ไก่พูดขึ้น
“ปล่อยยย”
“ไม่ปล่อย”
“ไอ้ไก่ ปล่อยกูวววว”
“ปล่อยก็ได้ แต่ขอตีมึงสักทีเถอะ” ไอ้ไก่ที่อยู่ข้างหลังเอาหัวโขกท้ายทอยผมไปที
โป๊ก!
แกรก!
ยังไม่ทันได้อุทานออกมาว่าโอ๊ย จู่ๆ ประตูก็เปิดเข้ามาโดยไอ้คีย์
“ทำไรกันอ่ะ”
“เปล่า” ผมกับไอ้ไก่พูดขึ้นพร้อมกับผละตัวออกจากกันทันที เดี๋ยวไอ้คีย์ช็อก ทุกคนนึกภาพออกไหม ผู้ชายสองคนกำลังยืนตัวแนบกัน คนหนึ่งอยู่ข้างหน้า อีกคนอยู่ด้านหลังโดยมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวพัน...
“เหี้ย” หนอนน้อยไอ้ไก่โผล่ มันรีบเก็บผ้าเช็ดตัวขึ้นพันรอบเอวทันที
“แล้วมึงเข้ามามีไร ทำไมไม่เคาะประตู”
“ได้ยินเสียงดังลอดออกไป นึกว่ามีเรื่องอะไรเลยไม่ได้เคาะ แล้วนี่กล้อง มึงลืมเอาไว้” มันยื่นกระเป๋ากล้องมาให้
“ขอบใจ” ผมมองมัน มันมองผม
“กลับไปดิ มองอะไร”
“เปล่า” มันว่าแล้วเดินออกจากห้องไปเลย
“เชร้ดดด” พอหันกลับจากประตูห้องที่พึ่งปิดไปก็ตกใจกับของในมือไอ้ไก่ ไม้เบสบอลอันเท่าเสาบ้านกำลังอยู่ในมือมัน
“มึงไม่ไปใส่เสื้อผ้าดีๆ”
“ขอตีมึงคืนก่อน”
“เดี๋ยว นี่ความผิดมึงเลย โดนตีสมควรแล้ว”
“ผิดเรื่อง....?”
“โน้ตบุ๊คกูไง”
“มึง.... รู้แล้ว”
“เออดิ ไปใส่เสื้อผ้าแล้วมาแก้ตัวให้กูฟัง เดี๋ยวนี้ ปฏิบัติ” ผมออกคำสั่งเมื่อมันดูหงอๆ ลง

สรุปคือวันที่ไอ่ไก่ยืมโน้ตบุ๊คผมไป พอเปิดขึ้นมาก็เจอนิยายที่แต่งไว้ แล้วมันดันสาระแนอ่านออกเสียง ไอ้คีย์กับไอ้มิวที่อยู่กลุ่มพรีเซนท์งานเดียวกับมันเลยเข้ามาแย่งไปอ่าน เรื่องราวความลับของผมเลยโป๊ะแตก แล้วสาเหตุที่มันไม่บอกผม เพราะงานนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไร เลยถูกขู่ตัดชื่อ มันเลยจำใจไม่บอกผม
เวรแท้ หลังจากนี้ผมคงจิ้นไอ้คีย์กับไอ้มิวไม่ลงแล้วล่ะ นี่มันคู่หูนรกแตกชัดๆ นิสัยจริงๆ กับที่จินตนาการไว้สวนทางราวสวรรค์กับขี้ของปลาตีน โดยเฉพาะไอ้มิว เห็นนิ่งๆ ใสๆ แค่คิดว่าจะกลายเป็นผัวคนอื่นก็ขนลุกขนพองไปหมด ตัวเท่าเห็บหมา แต่แรงควายอย่างกะช้างทั้งโขลง ลาก่อนคีตะมิวสิคของบทเพลง



..


คำเตือน : ตอนหน้ามีมาม่า ทุกคนโปรดต้มน้ำร้อนรอได้เลย :)


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -02-
«ตอบ #4 เมื่อ10-11-2020 11:39:49 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -03-
«ตอบ #5 เมื่อ10-11-2020 21:03:14 »

- 03 -


คีย์’คีตะ
พรุ่งนี้มีซ้อมหลังเลิกเรียนที่หอประชุมคณะกู
เอาขนมกับน้ำมาส่งด้วย
บทเพลง
ทำไมกูต้องเอาไปให้
หน้ากูเหมือนขี้ข้ามึงเหรอ
คีย์’คีตะ
อยากโดนไอ้มิวปล้ำ?
กูบอกเลยนะว่านอกจากกูไม่ห้ามแล้ว
กูยังจะถ่ายคลิปมึงด้วย
บทเพลง
อย่ามาขู่
กูจะแจ้งความ
คีย์’คีตะ
กูก็จะแจ้งความเหมือนกัน
ข้อหาที่มึงทำกูเสียชื่อเสียง
แอบอ้างโดยไม่ได้อนุญาตอีก
บทเพลง
แต่ข้อหากูเบากว่า
คีย์’คีตะ
แต่มึงลงมือทำไปแล้ว
ส่วนพวกกูยังไม่ได้ทำ

ไอ้คีย์ทักแชทมากวนประสาทแต่เช้า สั่งจังเลยไอ้ห่านี่ แต่ผมจะทำไงได้นอกจากทำตามอย่างขัดขืนมิได้ ไม่ใช่กลัวคำขู่อะไร พวกมันคงไม่ทำร้ายผมขนาดนั้นหรอก แค่แอบเสียวสันหลังวาบๆ เฉยๆ ว่าแต่มันเรียนเสร็จกี่โมงว่ะ
“ไก่ พรุ่งนี้มึงเรียนถึงกี่โมง”
“สี่ครึ่ง” มันพูดโดยไม่หันมามองเพราะเอาแต่จ้องโทรศัพท์ ขอให้มึงตาบอด
สี่ครึ่งเหรอ ผมเรียนถึงเที่ยง งั้นไปไหนระหว่างรอมันดีว่ะ หอสมุดละกัน ไหนๆ ก็ไม่ได้ทำเพจ นิยายก็ไม่ได้แต่งแล้ว ขอสักงีบรอมันละกัน

ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามแพลนไม่มีผิดพลาด แต่ว่า....
ไอ้ไก่บอกเรียนเสร็จสี่ครึ่งไง แล้วไอ้ห่าคีย์มันมาเดินระริกระรี้ผ่านหน้าผมไปกับผู้หญิงได้ไง โดดเรียนล่ะสิท่า เดินแรดๆ มากับผู้หญิงแบบนี้ ถ้าลูกเรือด้อมคีย์เพลงมาเห็นเข้าได้อกแตกตาย พายุถล่มมึงแน่ งั้น...... กูขอสักแชะเถอะ

บทเพลง
เป้
มึงเอารูปนี้ไปแปะในคอมเม้นนี้ให้หน่อย

ผมส่งรูปไอ้คีย์กับสาวสวยคนหนึ่งให้ไอ้เป้เอาไปคอมเม้นใต้โพสต์ของเพจคู่จิ้นผมกับไอ้คีย์

บทเพลง
อ่านแล้วช่วยตอบด้วย
เป้ชอบดื่มนม
ทำแล้วกูจะได้อะไร
บทเพลง
เย็นนี้กูเลี้ยงหมูกระทะ
เป้ชอบดื่มนม
โอเครรร
ให้กูใส่แคปชั่นว่า
บทเพลง
ตัวจริงของคีตะ
เป้ชอบดื่มนม
แค่นี้??
บทเพลง
เยสสสส
แค่นี้แหละ

สั้นๆ ได้ใจความ มึงเจอแน่ไอ้คีย์ กูในฐานะต้นหนของเรือ คีย์มิว รับประกัน สาววายขี้จิ้นน่าเกรงขามกว่าที่มึงหยั่งถึงนัก ฮ่าๆๆ
“หัวเราะไรคนเดียว”
“เย้ย!” ตกใจไอ้สัส มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“กูถามว่ามึงหัวเราะไรคนเดียว เป็นบ้าเหรอ”
“เปล๊า แล้วนี่มึงจะไปไหน เรียนเสร็จแล้วเหรอ” ผมตอบไอ้คีย์
“อาจารย์ยกเลิกคลาส เลยมาห้องสมุดรอซ้อมดาว-เดือน”
“อ๋ออออ แล้ว.... มึงมากะใคร”
“แล้วเห็นกูมากะใคร”
“ก็...”
“คีย์ค่ะ” พูดยังไม่ทันขาดคำ สาวเจ้าที่ผมพยายามมองหาก็เดินเข้ามาหามันพร้อมน้ำในขวด เธอยื่นขวดน้ำเปล่าให้ไอ้คีย์
“กินป่ะ” มันหมุดฝาขวดแล้วยื่นมาให้ ท่ามกลางสายตาของหญิงสาวหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้
“ขอบใจ แต่มึงกินเถอะ เดี๋ยวผู้หญิงเขา...”
“เพลงกินได้นะ เราไม่ว่าอะไรหรอก” สาวเจ้ายิ้มแฉ่ง หน้าแดงแปร๊ด พูดขึ้น ทำไมกูรู้สึกว่ามันแปลกๆ ว่ะ
“จะกินไหม”
“เอ่อ เอามานี่” ผมคว้าขวดน้ำมาดูดเต็มกำลัง คอแห้งอยู่พอดี
“เราชื่อกรุ๊งกริ้งนะ เรียนคณะเดียวกับคีย์” กรุ๊งกริ้งแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ ไม่รอให้ไอ้คีย์เป็นคนแนะนำ
“ส่วนเราคงไม่ต้องแนะนำตัวแล้วใช่ไหม” เห็นเธอเรียกชื่อผมซะขนาดนี้ คงรู้จักผมแหละ
“ไม่ต้องหรอก แล้วนี่เพลงจะไปไหนเหรอ”
“ห้องสมุดน่ะ”
“พอดีเลย เรากับคีย์ก็กำลังจะไปห้องสมุด ไปด้วยกันนะเพลง” เธอส่งรอยยิ้มที่ทำให้ทั้งโลกสดใสมาให้ ใครมันจะไปกล้าปฏิเสธลงกันล่ะ ผมเลยต้องเดินตามไอ้คีย์มาห้องสมุดอย่างช่วยไม่ได้
ว่าแต่ว่า กรุ๊งกริ้งหายไปไหนแล้วว่ะ เดินๆ มาด้วยกัน พอหันไปจะคุยด้วยเธอก็หายตัวไปซะแล้ว
“ผู้หญิงมึงหายไปไหนอะ”
“ไม่รู้” ไอ้คีย์ตอบสั้นๆ เอาแต่จิ้มหน้าจอโทรศัพท์ แล้วยิ้มเป็นบ้าคนเดียว ประสาท
“คีย์ มึงจะไปซ้อมดาว-เดือนกี่โมง”
“เย็นๆ”
“แล้วนี่กูยังต้องตามมึงไปอีกม่ะ”
“ตามดิ แล้วน้ำกับขนมอะอย่าลืม”
“ไม่ลืมหรอกน่า แล้วแฟนมึงหายไปไหนเนี่ย” ผมหมายถึงกรุ๊กกริ้งน่ะครับ
“ก็นั่งอยู่ตรงข้ามกูนี่ไง”
“สัส! กูหมายถึงกรุ๊งกริ้งอะ” ผมถีบหน้าแข้งมันที่ใต้โต๊ะเบาๆ
“จะไปรู้เหรอ กูก็มานั่งพร้อมมึงเนี่ย”
“เห้ออออ เบื่ออออ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาบ้างดีกว่า
พอหยิบโทรขึ้นมาดูมีแจ้งเตือนอะไรไม่รู้มากมายไปหมด หน้าจอสว่างตลอดไม่มีดับเลย แจ้งเตือนไรเยอะแยะอีกว่ะ

เป้ชอบดื่มนม > คีย์’คีตะ
ไอ้เพลงส่งมา โวยวายใหญ่เลย

เชร้ดดดดครกกก สัสเป้ มันเอารูปที่ผมแอบถ่ายไอ้คีย์กับกรุ๊งกริ้งไปโพสต์หน้าวอลไอ้คีย์ พร้อมกับคอมเม้นมากมายหลั่งไหลเข้ามา

-ที่โวยวายเพราะหึงป่าว
-อ้าว ยังไงอะ คีย์มีแฟนแล้ว? เซ็งแทนเพลง
-แค่เพื่อนป่าว ใจเย็นๆ นะเพลง
-อะไรยังไงคะ
-#ทีมบทเพลงของคีตะ เหมือนเดิม


คีย์’คีตะ
นั่นเพื่อนครับ
คีย์’คีตะ
@บทเพลง
หึงเหรอ

หึงกะผีน่ะสิ

-สรุปเพื่อน เห้ออออ โล่งอก
-คีย์มาตอบแล้วนะเพลง สบายใจแล้วเนอะ
-เพลงไม่โกรธคีย์ใช่มั้ย เงียบไปเลย

คีย์’คีตะ
ไม่ต้องห่วงครับ ถ้ามันโกรธเดี๋ยวผมง้อเอง
-กรี๊ดดดดด
-กัปตันมาเอง /โยนมาพายทิ้ง
-อีเหี้ยยยย กูเขินเลย


ไอ้ห่าคีย์เรียกคะแนนเต็มที่ สัสเอ๊ย ที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นนานสองนานเพราะนั่งอ่านคอมเม้นสินะ
“เห้ย!” เสียงอุทานไอ้คีย์ดังขึ้นเบาๆ เมื่อผมฉกเอาโทรศัพท์มันมาดูว่ามันกำลังนั่งอ่านคอมเม้นแบบที่ผมคิดใช่ไหม
“เบาๆ” ผมจุ๊ปากให้มันเบาเสียงลงแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้มัน
“หมั่นไส้” ผมว่าแล้วก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองต่อ เอาไงดีว่ะ

บทเพลง
อย่าไปเชื่อมันทุกคน ไอ้คีย์มันออกมาจู๋จี๋กับสาวจริงๆ สงสัยคนนี้ตัวจริง
-กรุ๊งกริ้ง
ว้ายยยย กริ้งกับคีย์เป็นเพื่อนกันค่ะ นั่งยันนอนยันได้ แถมกริ้งยังเป็น เอฟซี คีย์เพลงด้วย
[แนบรูป]

รูปแอบถ่ายผมกับไอ้คีย์ในห้องสมุด ณ.ตอนนี้ ถูกกรุ๊งกริ้งเอามาลงเป็นหลักฐาน ถึงว่าหน้าแดงๆ นี่จิ้นกูกับมันอีกคนเหรอเนี่ย

-กรี๊ดดดดดด
-วาร์ปไปห้องสมุดแป๊บ
-เคลียร์กันดีๆ นะเด็กๆ


คีย์’คีตะ
ไม่จำเป็นต้องเคลียร์อะไรครับ บริสุทธิ์ใจ
บทเพลง
แต่ไม่บริสุทธิ์กาย….?

เชี่ยยเพลง มึงพิมพ์อะไร ลบๆ เดี๋ยวเข้าทางมัน

-เพลงลบทำไมอ่ะ
-กรี๊ดดดด ชั้นแคบทัน
-หมายความว่าไงคะหนูเพลง


หนูเพลง...? หนูเพลงไปอี๊กกกก โอ๊ยกูอยากแดกไก่ทอดจนท้องแตกตายให้มันจบๆ

“หึ~” เสียงหัวเราะในลำคอไอ้คีย์แม่งกวนตีนดีจริงๆ แม่งเอ๊ยยย แล้วนี่แม่กรุ๊งกริ้งนี่ก็หายหัวไปเลย ชิบคู่พวกเราขนาดนี้คงไม่ยอมออกมาง่ายๆ ต้องแอบอยู่ที่ไหนสักที่แน่ๆ
“สรุปมึงกับกริ้งเป็นไรกัน” ผมกระซิบถาม
“สนใจทำไม หรือชอบกูจริงๆ”
“อยากเสือกเฉยๆ จะไม่บอกก็ได้นะ” จริงๆ ก็ไม่อยากรู้ แค่ไม่รู้จะพูดอะไรเฉยๆ แล้วก็.... อยากสืบด้วยเผื่อคบกันจริงจะได้สลัดไอ้ผีบ้านี่ออกไปด้วย
“กูกับกริ้งเป็นเพื่อนร่วมสาขา กริ้งเป็นดาวคณะ พออาจารย์ยกเลิกคลาสคนอื่นก็กลับกันหมด เหลือกูกับเขาที่ต้องอยู่รอซ้อมดาวเดือน เลยว่าจะมาอยู่ห้องสมุดรอ แล้วก็เจอมึงนี่ไง” ไม่เห็นต้องอธิบายซะยาวขนาดนี้เลย
“เหรอ”
“เออดิ”
“กูขอสักงีบนะ จะไปก็ปลุกด้วยแล้วกัน” ในเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อ หนังสือก็ไม่มีใจอยากแม้แต่จะหยิบมาเปิดดูผมเลยฟุบหน้ากับโต๊ะ แล้วเข้าเฝ้าพระอินทร์ในเวลาต่อมา อะเดี๋ยวก่อน ก่อนจะไปหาพระอินทร์ ขอบบอกไว้ก่อนว่าตอนนี้ห้องสมุดโต๊ะว่างเยอะแยะมากมาย ทุกคนจะได้ไม่ต้องมาด่าว่าไม่อ่านหนังสือแล้วมาแย่งที่นั่งคนอื่น เคนะ เคแหละ ครอกกกก~

“เพลง เพลง บทเพลง ตื่น” แรงเขย่าเบาๆ ตรงแขนปลุกผมให้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ฮือ... จะไปแล้วเหรอ” ผมสะลึมสะลือตอบเสียงเรียกของไอ้คีย์
“เอ่อดิ ลุกได้แล้ว” ผมบิดขี้เกียจไปมา ปวดคอชะมัด ผมใช้กำปั้นทุบๆ ท้ายทอยสองสามที
“ถ้าง่วงมากก็กลับไปนอนที่ห้องไป”
“ได้เหรอ” ขี้เกียจไปดูมึงพอดีเลย
“ไม่ได้ เย็นขนาดนี้แล้ว กลับไปนอนเดี๋ยวคืนนี้มึงก็นอนไม่หลับหรอก ไปกันได้แล้วเดี๋ยวรุ่นพี่กูรอ” ผมลุกขึ้นเดินตามมันเอื่อยๆ ขี้เกียจจริงจังเลย
“เพลง ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อย” ไอ้คีย์ที่เดินนำหน้าไปสองสามก้าวหยุดเดินแล้วหันมาคุยกับผม
“ข.ก.”
“หืม.. ขอกอด” มันเดินเข้ามากอดตามความคิดของตัวเอง
“ไม่ใช่ ข.ก. ก็ขี้เกียจไง นี่ขนาดจะพูดยังใช้คำย่อเลยเนี่ย” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะหน้าซบอกมันอยู่ นี่ขี้เกียจจริงๆ นะ ขนาดจะขัดขืนมันยังขี้เกียจเลยตอนนี้
“เหรอ” มันคลายอ้อมกอดออก แล้วหันมาจับต้นแขนผมไว้ มันส่งยิ้มมาให้ แต่สายตามันช่างน่าขนลุกซะจริงๆ รู้ไหมครับว่ามันทำอะไร มันเขย่าผมครับ เขย่าแรงๆ ย้ำ! เขย่าแรงๆ แรงมากๆ ด้วย ไม่อ่อนโยนกับกูเลยไอ้สัสนี่
“ตื่น! ตื่น! ตื่น!”
“ต ื ่ น แ ล ้ ว” เสียงตอบรับของผมสั่นกระท่อนกระแท่นเพราะแรงเขย่ามัน เริ่มเวียนหัวแล้วเนี่ยสัส
“หึ” มันหลุดขำในลำคอออกมาหน่อยๆ
“ขำไร”
“เปล๊า ไปกันเถอะ” มันว่าแล้วคว้าคอผมไปกอดพาเดินลิ่วๆ ตรงไปคณะมันทันที ตอนนี้ก็เย็นมากๆ แล้ว นักศึกษาเริ่มบางตาลง
“สวัสดีครับ/สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ที่อยู่ในหอประชุมสามสี่คน ตามมัน เป็นรุ่นพี่กะเทยสอง ทอมหนึ่ง ผู้หญิงหนึ่ง แล้วก็มีเพื่อนๆ คณะเดียวกับมันสิบกว่าคนได้น่าจะมาซ้อมการแสดงร่วมกันด้วยมั้ง
“น้องคีย์ไม่สวมป้ายอีกแล้วนะคะ” รุ่นพี่ผู้หญิงพูดขึ้น จริงด้วยแฮะ ผมไม่เคยเห็นมันสวมป้ายชื่อเหมือนคนอื่นเลย
“อยู่ที่ห้องครับ” มันตอบสั้นๆ ง่ายๆ รุ่นพี่ก็ไม่ได้เซ้าซี้เอาความอะไรมาก ดีจังวะ ไม่เหมือนคณะผมเลย
“แล้วนี่น้องเพลงใช่ไหม วันนี้มาเฝ้าแฟน เอ๊ย คู่จิ้นเหรอจ้ะ” รุ่นพี่กะเทยพูด
“ไม่ใช่แฟนนะครับ” ผมรีบแก้ทันที
“พี่ล้อเล่นลูก งั้นนั่งแถวๆ นี้ก่อนนะ” ผมเดินขึ้นบันไดสโลบสองสามชั้นแล้วหาที่นั่ง
“สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่มาสาย” กรุ๊งกริ้งที่ถือถุงพะรุงพะรังพึ่งเดินเข้ามา รีบขอโทษขอโพยรุ่นพี่ยกใหญ่
“ไม่เป็นไรค่ะ รีบเอาของไปเก็บแล้วมาซ้อมได้แล้ว”
“ค่ะ” กรุ๊งกริ๊งมองมาที่ผมแล้วเดินเข้ามาหา
“ขนมกับน้ำนะ เพลงกินได้เลย ของคีย์ฝากซื้อมาให้น่ะ” เธอวางของ อธิบาย แล้วเดินจากไป
จริงด้วยแฮะ ไอ้คีย์บอกผมซื้อขนมกับน้ำมาให้มันนิ ไหงตอนนี้กลายเป็นมันฝากซื้อของพวกนี้แล้วเอามาให้ผมว่ะ แต่ช่างเหอะ ตื่นมารู้สึกหิวๆ แดกต่อไม่รอแล้วน้าาา
ผมนั่งจกขนมไป ดูพวกเขาซ้อมไป คณะมันทำละครเวทีเล็กๆ
“อ่า พักครึ่งสิบนาทีค่าาา เดี๋ยวมาซ้อมต่ออีกรอบแล้วกลับกัน” เสียงรุ่นพี่กะเทยพูดขึ้น แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปพัก
“หิว” ไอ้คีย์พูดแล้วนั่งลงข้างๆ ผมเลยโยนถุงขนมไปให้มัน
“ก็บอกว่าหิว แกะให้ที แล้วก็ป้อนให้ด้วย”
“ทำเอง มือตีนก็มี ไม่เห็นเหรอว่ากูแดกของกูอยู่” ถ้าขี้เกียจแม้แต่จะหยิบกินก็ไม่ต้องกิน
“มึงขัดใจกูเหรอ อยากโดนไอ้มิวขื่นใจหรือไง”
“ตอนนี้มันไม่อยู่กูไม่กลัว”
“แล้วกูล่ะ มึงไม่กลัวเหรอ”
“คนเยอะแยะ มึงไม่กล้าทำไรกูหรอก”
“แต่เดี๋ยวหลังเลิกซ้อม จะเหลือแค่มึงกับกู”
“......” ผมมองมันหวาดๆ ผู้ชายเหมือนกันก็จริง แต่ขนาดตัวต่างกัน ขนาดผมตัวเท่าไอ้มิวยังแพ้แรงมันมาแล้ว งั้น....
“เออๆ ป้อนก็ได้อ้าปากสิ” ยอมทำตามก็ได้ว่ะ เกิดขัดใจมากๆ แล้วมันเอาตีนยัดเบ้าหน้าผมจริงๆ ผมคงไม่มีแรงสู้อะ
“กรี๊ดดดด” เสียงกรีดร้องดังมาเบาๆ เป็นระยะๆ ฟินล่ะสิแม่ชิบเปอร์ทั้งหลาย คงไม่ต้องเข้าเฟสบุ๊คให้เสียเวลา ตอนนี้ในเพจน่าจะมีรูปผมป้อนขนมไอ้คีย์วอนไปหมดแล้ว
“น้ำด้วย” ผมเปิดฝาขวดน้ำที่กินไปครึ่งหนึ่งแล้วให้มัน
“เขากินน้ำขวดเดียวกัน”
“เขาจูบกันทางอ้อมมึงงง” เป็นการนินทาที่ได้ยินเสียงชัดแจ๋ว

ผมนั่งดูมันซ้อมอีกรอบพวกรุ่นพี่ก็ปล่อยกลับกัน คนอื่นๆ ทยอยกันกลับออกจากห้องไปแล้ว เหลือรุ่นพี่อีกคนกับไอ้คีย์และกริ้ง ผมเดินถือกระเป๋าและซากถุงขนมเดินเข้าไปหา ใจความที่คุยกันก็การนัดแนะไปซ้อมบล็อกกิ้งรวมกับดาว-เดือนคณะอื่นๆ วันพรุ่งนี้
“เสร็จยางงง” ผมพูดยานคางเพราะเริ่มง่วงๆ
“เสร็จแล้วๆ”
“งั้นกูกลับก่อนนะ” ผมยื่นกระเป๋าไปให้มันรับเอาไว้
“เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ขอบใจ” ผมไม่มีทางปฏิเสธแล้วเดินต่อยๆ กลับคนเดียวหรอกครับ กลัวถูกฉุด คนยิ่งหน้าตาดีอยู่ด้วย
พอพวกเราเดินออกมาจากห้องซ้อมก็เจอเข้ากับเรื่องตะลึงตึงๆๆๆ เลยครับ ไม่รู้ว่ามีสาวๆ จากไหนมานั่งจับกลุ่มมากมายอยู่แถวนี้ บ้างก็หลบตา บ้างก็ซุบซิบ
“น้องคีย์ น้องเพลง พี่ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม” ผมหันไปมองไอ้คีย์ สีหน้ามันดูเหนื่อยๆ แต่ก็ยังฝืนยิ้มให้พวกเขา
“ค... ครับ” ผมกับมันยืนให้รุ่นพี่ถ่ายรูป
“นี่เสื้อคู่ เอาไว้ใส่ด้วยกันนะ” พอถ่ายรูปเสร็จไรเสร็จ พี่แกก็เอาเสื้อยืดสองตัวที่อยู่ในถุงยื่นให้ ผมรับมันมางงๆ ก่อนที่จะมีหลายคนเริ่มเอาขนมมาให้ เอาของมาให้ มาขอถ่ายรูปบ้าง ผมยิ้มรับให้ทุกคน ไม่กล้าทำหน้าบึ้งใส่ ขืนทำแบบนั้น ทวิตแตกแน่ สรุปคือรอให้มีคนเปิดกันสินะ ถึงได้กล้าเข้าหาพวกเรา กว่าจะเสร็จก็ปาไปสามทุ่มกว่า

“เหนื่อย” ระหว่างเดินไปหอผม ไอ้คีย์ก็พูดขึ้น
“มึงกลับไปเลยก็ได้นะ ไม่ต้องไปส่งกูหรอก”
“ขี้เกียจอะ กูไปนอนห้องมึงนะ”
“ห้องมีแค่สองเตียง”
“กูนอนพื้นได้” สงสัยมันจะเหนื่อยจริงๆ แหะ
“เอางั้นเหรอ”
“อืม”
“ตามใจแล้วกัน”

“เห้ย! ยังไม่ได้กินข้าวนี่หว่า ถึงว่าทำไมไม่สดชื่น” ผมกับมันเดินมาถึงห้องถึงพึ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเย็น
“กินขนมไปตั้งเยอะ ยังไม่อิ่มหรือไง”
“มันอิ่มเหมือนข้าวที่ไหนเล่า”
“นี่ไง ลูกชิ้นจากพี่ๆ แฟนคลับมึง”
“แฟนคลับมึงเหมือนกันแหละ”
“........”
“คีย์ห้องกูมีมาม่าอ่ะ ทำมาม่าหม้อไฟม่ะ” พอดีที่ห้องมีมาม่า มีลูกชิ้นจากพี่ๆ แฟนคลับ มีผักมาให้ด้วย
“จะทำอะไรก็เอามาเถอะกูเลี้ยงง่าย”
“งั้นมึงไปอาบน้ำก่อนละกันค่อยมากินกัน”

กอไก่
อยู่ห้องเพื่อนนะ คืนนี้ไม่กลับ

ไอ้ไก่แชทมาบอกว่าอยู่ห้องเพื่อนมัน สงสัยเล่นเกมอีกแหง พอดีเลย ไอ้คีย์จะได้ไม่ต้องนอนพื้น
ผมกับมันเปลี่ยนกันเข้าไปอาบน้ำแล้วออกมานั่งทำมาม่าหม้อไฟ
“สวัสดีครับวันนี้เพลงจังกึมจะมาทำมาม่าหม้อไฟครับ”
“ทำไรอะ” ไอ้คีย์ที่เดินไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงเดินเข้ามาถามผมที่กำลังถือกล้องอัดคลิปตัวเอง
“ถ่ายคลิปทำมาม่าหม้อไฟไง”
“ต้องถ่ายด้วยเหรอ”
“ไม่ต้องถ่ายก็ได้ แต่กูอยากถ่าย มีปัญหาอะไรม่ะ”
“ไม่มีคร้าบบบบ มากูถ่ายให้” มันคว้าเอากล้องจากมือผมไปถือ
“ใช้ไงว่ะ กดตรงนี้ใช่ม่ะ” มันเอามือมาชี้ๆ ที่ปุ่มกดเรคคอร์ด
“เออ ปุ่มนั่นแหละ ถ่ายดีๆ นะเว้ย เผื่อกูจะเอาไปอับลงยูทูบ”
“เออๆ รีบๆ ทำได้แล้ว ดึกแล้ว”
“สวัสดีอีกรอบนะครับ เพลงจังกึมเองนะครับ วันนี้เพลงจะมาชวนทุกคนทำมาม่าหม้อไฟยามดึกกันครับ เริ่มจากเตรียมของก่อนนะครับ สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้คือมาม่าและผงปรุงรสของมันครับ ถัดมาก็มีลูกชิ้น วันนี้มีคนซื้อให้ อย่างถัดไปก็เป็นผักครับ วันนี้เป็นผักกาดขาวกับกะหล่ำปลีที่แถมมากับลูกชิ้น ถัดมาก็เป็นไข่ไก่สามฟองครับ”
“เอาไข่มาจากไหน”
“ห้องข้างๆ”
“อ๋อแล้วก็พริกเผาเพิ่มสีสัน วันนี้เพลงจะทำมาม่าหม้อไฟในหม้อหุงข้าวนะครับ อ่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า” ผมพูดไปมองกล้องไป มองไอ้คีย์ที่ยิ้มเป็นผีบ้าคนเดียวไป
“ยิ้มอะไร”
“ยิ้มให้คนบ้า พูดเองเออเอง ตลกดี”
“มึงก็บ้าเหมือนกันแหละ มานั่งยิ้มมองคนบ้าเนี่ย” ผมมองค้อนไปที แล้วกลับมาสนใจหม้อมาม่าตัวเองกันต่อ
“เรามาเริ่มจากต้มน้ำให้ร้อนกันก่อนนะครับ น่าเสียดายที่หม้อไฟของเราวันนี้ไม่ได้เตรียมของมากมายเพราะมันกะทันหัน ถ้ามีเวลาเตรียมเพื่อนๆ ก็สามารถลวกหมูเด้ง หมึก แล้วก็กุ้งได้นะครับ อ่า พอน้ำเริ่มเดือนเราก็ใส่ผงปรุงรสที่เขาแถมมาให้ ต่อด้วยพริกเผา แล้วก็คนๆๆ ตามด้วยผัก แล้วก็เส้นมาม่า คนเบาๆ ให้เส้นได้ที่ ตอกไข่เข้าไปครับท่านผู้โชมมม แล้วก็ลูกชิ้น ไส้กรอก ปิดไฟ เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ น่ากินไหม”
“น่ากินมากๆ ครับ” ไอ้คีย์ตอบเพราะมันเป็นผู้ชมคนเดียวนะตอนนี้
“งั้นเรามากินกันเลยดีกว่าครับ”
“ได้ครับ” ไอ้คีย์ซูมไปที่มาม่าหม้อไฟแล้วส่งกล้องคืนให้ผม
“ไอ้คีย์อย่าพึ่งกิน กูขอถ่ายรูปก่อน” ผมว่าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปก่อนที่ไอ้คีย์จะใช้ตะเกียบจิ้มลงในหม้อให้มาม่าหม้อไฟผมเสียโฉม
“รีบๆ ถ่ายแล้วส่งมาให้ด้วย”
“ถ่ายเองสิว่ะ”
“โทรศัพท์ชาร์จแบต”
“เออๆ แป๊บ” ผมถ่ายเสร็จแล้วยื่นโทรศัพท์ให้มัน
“อะ ถ่ายเองเลยมึงกลัวไม่ถูกใจ” มันรับไปกดสองสามที
“มึงอัปลงไหนอ่ะ”
“ไอจี”
“กูยังไม่มีไอจีมึงเลย”
“ไม่ต้องมีแล้วไม่ต้องฟอล ไอจีกูไม่มีอะไรให้น่าติดตามหรอก” ผมพูดไปคนๆ หม้อไฟไปด้วย
“กูใช้ไอจีมึงฟอลกูแล้วนะ เดี๋ยวกูฟอลกลับ”
“เออๆ ตามใจ บอกแล้วนะว่าไอจีกูไม่มีอะไรน่าติดตาม” คือไอจีผมนอกจากรูปโปรไฟล์แล้ว ก็ไม่มีส่วนไหนของร่างกายตัวเองโผล่ออกไปเลย มีแต่ของกิน ต้นไม้ หมาและแมว
ผมรับโทรศัพท์คืนมาแล้วนั่งกินมาม่ากับมันสองคน
“เพลง มึงแดกแต่ลูกชิ้น เหลือไว้ให้กูบ้าง”
“มึงช้าเองช่วยไม่ได้”
“มึงเป็นคนคิดเมนู มึงต้องกินเส้น”
“มึงไม่ได้เป็นคนทำ มึงต้องเสียสละให้กู” เราทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างกิน ต่างฝ่ายต่างบ่น
“กินลูกชิ้นเยอะๆ ระวังจะอ้วนเป็นหมู”
“กินเยอะที่ไหน มึงมาแย่งกูไปเยอะกว่าเหอะ” จริงๆ นะครับ พอผมคีบลูกชิ้นใส่ถ้วยตัวเอง ไอ้คีย์ก็มาคีบเอาจากถ้วยผมใส่ปากมันเลย นิสัยเสีย
“มึงต้องกินผักนี่ จะได้โตไวๆ” ไอ้คีย์คีบผักให้ผม
“มึงก็ต้องกินผักเยอะๆ จะได้บำรุงสมอง” ผมคีบผักคืนให้มัน
เรากินไปแหย่ไป เป็นแบบนี้ก็สนุกดีนะ ไม่ได้แย่งกินกับเพื่อนมานานแล้ว
“ตอนถ่ายคลิปเมื่อกี้ แล้วมึงเรียกแทนตัวเองว่าเพลงอ่ะ น่ารักดีนะ เรียกแทนตัวเองแบบนั้นกับกูบ้างดิ” ผู้ชายที่ไหนเขาชมกันว่าน่ารักว่ะ สงสัยจะใส่พริกเยอะไป ไอ้คีย์ถึงได้พูดอะไรประหลาดๆ ออกมา เหมือนกับผมที่รู้สึกว่าหน้าตัวเองดูร้อนๆ แบบนี้
“อากาศร้อนเนอะ” ผมหยิบรีโมทแอร์มาลดอุณหภูมิลง
“กินให้หมดนะคีย์” ผมบอกเมื่อเริ่มรู้สึกว่าหนังท้องเริ่มตึงๆ
“มึงอิ่มแล้วเหรอ”
“อืม”
“ลูกชิ้นยังเหลืออีกเยอะนะ”
“ไม่เอาแล้ว มึงกินเถอะ” ทีเมื้อกี้แย่งกันแทบตาย สุดท้ายก็โบ้ยไปโบ้ยมา นี่แหละความเพื่อนอะเนอะ
“มึงนั่นแหละมากินให้หมดเลย”
“ไม่เอาอิ่มแล้ว” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไม่สนใจคนตรงหน้า เลือกรูปภาพที่ถ่ายไว้เมื่อกี้มาแต่งนิดหน่อยอัปลงไอจีแล้วลิงค์กับเฟสบุ๊ค ลงครั้งเดียวได้สองแอปไปเลย

บทเพลง
ถ้าหิวตอนดึกให้นึกถึงหม้อไฟ แต่ถ้าคิดถึงเราเมื่อไหร่ให้โทรมาที่ 095........
ภูวดล
หิว~
บทเพลง
ทำกินกับเบศดิ
เกศแก้ว
ไม่ชวน
บทเพลง
หอชายล้วนจร้าาาา
เป้ชอบดื่มนม
กินคนเดียวเหรอว่ะ
บทเพลง
แดกกับหมา มีไรม่ะ
เป้ชอบดื่มนม
@คีย์’คีตะ


ผมนั่งตอบคอมเม้นเพื่อนจนมาถึงไอ้เป้นี่แหละถึงนึกได้เรื่องเมื่อกลางวัน ขอกูทักแชทไปด่าสักหน่อยเหอะ

บทเพลง
สัสเป้
กูบอกให้มึงเอารูปไปคอมเม้นที่ไหน
แล้วมึงเอาไปคอมเม้นที่ไหนหะไอ้สัส
เป้ชอบดื่มนม
ก็มึงเบี้ยวหมูกระทะ
เนี่ยหลักฐาน (มันส่งรูปแคบหน้าจอไอจีผมมา)
บทเพลง
กูบอกว่าเลื่อนไปก่อนไง
มึงทำแบบนี้
เท่ากับมึงอด
ยกเลิกสัญญา
เป้ชอบดื่มนม
ไม่เป็นไร
แค่หมูกระทะกูไม่เสียดาย
กูเสียดายเหล้าไอ้คีย์มากกว่า
บทเพลง
......?

ผมเงยหน้ามองไอ้คีย์ที่ก้มเล่นโทรศัพท์ตัวเองเหมือนกัน

บทเพลง
มึงส่งรูปให้ไอ้คีย์
เป้ชอบดื่มนม
ไม่ได้ส่งรูป
แต่แคบหน้าจอ
บทเพลง
ไอ้ศรีนวล!
เป้ชอบดื่มนม
อะไรว่ะ
ศรีนวล
บทเพลง
ไอ้งูเห่า!
เป้ชอบดื่มนม
555555555
กูอยากให้มึงสมหวังไง
แค่นี้นะ
ไปล่ะ

ร้ายกาจ ร้ายกาจทั้งเพื่อนกูทั้งไอ้คนตรงหน้าตอนนี้

“โอ๊ยยย มึงปาหมอนใส่กูทำไม” ไอ้คีย์ร้องขึ้นเมื่อผมเขวี้ยงหมอนใส่มันแรงๆ แล้วเก็บหม้อไฟที่สภาพแทบไม่เหลืออะไรให้น่ากินกลายเป็นหม้อหุ้งขาวเลอะเทอะไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์การแดกไปล้าง
กลับมาที่เตียงนอน ไอ้คีย์มันนอนเตียงผมผิวปากสบายใจเล่นโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี
“ไอ้คีย์ ลุกได้แล้ว ที่นอนมึงเตียงไอ้ไก่นู้น”
“....” มันไม่ตอบ แค่ลดหน้าจอลงมองผมแวบเดียวแล้วขยับที่ให้เตียงมีที่ว่างเพิ่มขึ้น
“ไอ้คีย์ ที่นอนมันแคบ ลุกไปได้แล้ว กูง่วง”
“ง่วงก็นอนดิ”
“มึงก็ลุกดิ”
“......” มันเงียบทำเป็นไม่สนใจ มึงนี่มันชอบกวนคนอื่นจริงๆ ไม่ลุกใช่ไหม ได้สิ ได้ ในเมื่อมันไม่ยอมลุกจากเตียงผม ผมเลยล้มตัวลงนอนพาดขว้างลำตัวมันซะเลย ดูซิ มึงจะทนได้แค่ไหน
ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูบ้าง มีแจ้งเตือนจากไอจีมากมาย เกิดไรขึ้นอีกเนี่ย
พอกดเข้าไปดูก็เห็นคนมีฟอลโล่เยอะแยะไปหมด กดเข้าไปดูรูปที่มีคนแท็กมา ไอจีไอ้คีย์นิ มันโพสต์รูปหม้อหุ้งข้าวที่มีแค่ซากมาม่าหม้อไฟ

คีย์’คีตะ
ขอบคุณครับ :)

อดีตชิบเปอร์อย่างผมไม่ต้องเดาให้ยาก คนที่จิ้นผมอยู่คงมโนเลยเถิดไปไกลแล้วแน่นอน
“เพลง นอนดีๆ ไม่เมื่อยเหรอ”
“มึงนั่นแหละนอนดีๆ”
“ให้กูนอนดีๆ มึงก็ลุกดิ” หึ เริ่มหนักแล้วอ่ะดิ
“พรุ่งนี้มึงเรียนกี่โมง”
“บ่ายๆ อะ”
“เหมือนกัน ฝันดี” มันว่าแล้วเดินไปปิดไฟล้มตัวลงนอนที่เตียงไอ้ไก่
อะไรวะ ก็แค่บอกว่าฝันดี มึงจะรู้สึกแปลกๆ ทำไมบทเพลง...



...


มาม่าของน้องเพลงเป็นไงบ้าง อร่อยไหมทุกคน  :oni1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2020 21:33:12 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -04-
«ตอบ #6 เมื่อ11-11-2020 19:45:29 »

- 04 -


“แค่ฉันมีเธอ ก็จบที่เธอคนนี้
ไม่มีใครใหม่ สะกดให้ใจฉันยอม ตลอดไป.....”


ผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงร้องเพลงมาจากเตียงข้างๆ ผมเหลือบมองเห็นไอ้คีย์กำลังนอนคว่ำเอาศอกเท้าเตียงมือจับโทรศัพท์ไว้ แล้วร้องเพลงให้โทรศัพท์ตัวเองอยู่
คุยกับใครแต่เช้าว่ะ
ผมควานหาโทรศัพท์ตัวเองบ้าง หน้าจอบอกเวลาสิบโมง และแจ้งเตือนมากมายจากไอจี มีไรอีกว่ะ รูปเล็กที่แจ้งเตือนว่ามีคนคอมเม้นและกดถูกใจ ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ ไอ้คีย์มันไม่ได้ทำอะไรแผลงๆ อีกใช่ไหม
ผมกดเข้าไปดู มันเป็นแจ้งเตือนจากไอจีไอ้คีย์ที่แท็กรูปมาที่ผม

คีย์’คีตะ
หมู

มันใส่แคบชั่นสั้นๆ พร้อมรูปพุงน้อยๆ ที่ถูกเมจิวาดคิ้ว ตา จมูก โดยมีสะดือเป็นปาก พุงนี่มันดูคุ้นๆ แฮะผมลุกขึ้นก้มมองพุงตัวเอง แม่ง! นี่มันพุงกูนิ ไอ้สัสคีย์

-นอนด้วยกัน….?
-กีสสสสสส
-ไม่อยากจะคิดภาพเมื่อคืน


คอมเม้นชวนฟินของสาววายขี้จิ้นมากมาย รูปโปรไฟล์ไอ้คีย์ขึ้นว่ามันกำลังไลฟ์ไอจี จนผมต้องกดเข้าไปดู
มันกำลังไลฟ์พูดคุยกับฟอลโล่เวอร์ตัวเองอยู่ที่เตียงข้างๆ นี่แหละ ด้วยความหมั่นไส้ ผมเลยเขวี้ยงหมอนใส่มันไปที
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ยังไม่ตื่น เมื่อกี้ละเมอ”
“ละเมอซะเต็มหน้ากูเลยเนอะ มาครับทุกคนเรามาดูหน้าตาของคนตื่นสายกันครับ” ไอ้คีย์หันไปคุยกับคนในไลฟ์ แล้วถือโทรศัพท์เดินมาหา ผมนี่รีบเอาผ้าห่มปิดหน้าอย่างไว หน้ายังไม่ได้ล้าง ฟันยังไม่ได้แปรง น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ขี้ตาเอย ขี้ฟันเอย ผมเผ้ายุ่งเหยิงเอย
“ไอ้คีย์ไม่เอา กูยังไม่ได้ล้างหน้า”
“เหอะน่า ไม่มีใครว่าอะไรหรอก ใช่ไหมครับทุกคน” ผมกับมันยื้อแย่งผ้าห่มไปมา
“ไอ้คีย์ไม่อ้าวววว”
“เพลงอย่าดื้ออออ”
“ไอ้คียยยยย์”
“บทเพลงงงง”
สุดท้ายก็เป็นผมที่แพ้แรงควายของมัน ปล่อยให้มันมานั่งซ้อนด้านหลัง ส่วนผมอยู่ข้างหน้า แล้วมันยื่นมือที่ถือโทรศัพท์มาตรงหน้า หันหน้าจอมาให้ผมทักทายฟอลโล่เวอร์มัน
“ทักทายเพื่อนๆ พี่ๆ หน่อย”
“คียยย์” ผมหันไปทำหน้าไม่พอใจใส่มัน พึ่งตื่นแท้ๆ ชอบบังคับกันจริง อยากโดนตีนหรือไง
“เร็วๆ”
“สวัสดีครับทุกคน เพลงเองนะครับ” น้ำเสียงผมยังดูหงอๆ อยู่เลย ง่วงอะ
“พูดดีๆ”
“ก็คนมันพึ่งตื่นนิ” มันยังไม่สดชื่น
“โอ๋ๆ ไม่งอแงนะคะน้องเพลง” กูอ่านหนังสือออกม่ะ ไม่ต้องสาระแนมาอ่านออกเสียงให้กูฟัง
“ผมไม่ได้งอแงนะครับ แค่ยังง่วงๆ อยู่แค่นั้นเอง ขอโทษนะครับ” ผมรีบแก้ตัวแล้วก็ขอโทษทันที ไม่อยากให้ใครมาเหม็นขี้หน้า
“พี่คีย์อย่าดุน้องเพลงสิค่ะ ไม่ให้ดุได้ไงครับ เพลงมันดื้อ มันตื่นสายเองนะครับ” พี่คีย์ น้องเพลง....? ได้ไงว่ะ อายุเท่ากันนะฮับคุณผู้โชมมมม
“ก็เมื่อคืนนอนดึกนี่หว่า”
“ทำไมถึงดึกอ่า” ไอ้คีย์ยังคงอ่านคอมเม้นให้ผมตอบอยู่
“ก็มึงไม่ยอมนอนดีๆ”
“หึ~” มันส่งเสียงมาจากลำคอแล้วยิ้ม ก่อนจะเอามืออีกข้างที่ว่างอยู่ของมันมาพาดไหล่ผมแล้วหันไปอ่านคอมเม้นต่อ
หืออออ ไม่น่าพูดอะไรกำกวมออกไปเลย ไม่นอนดีๆ ของผมทุกคนตีความหมายไปไกลหมดแล้วววว
คงเหมือนผมที่เคยตีความหมายประโยคธรรมดาๆ แต่แสนยิ่งใหญ่สำหรับชิปเปอร์ ของไอ้คีย์กับไอ้มิวเลย เหมือนกรรมตามสนองเลยอะ
“ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดนะครับ ไม่นอนดีๆ เพราะไอ้คีย์มันไม่ไปนอนที่ตัวเองครับ เอาแต่มานอนขว้างเตียงคนอื่นจนไม่ได้นอนสบายๆ” ผมรีบแก้ต่างทันที
“ใช่เหรอ” ยังจะมาทำหน้าตาล้อเลียนอีก ขอตบสักเพี้ยะเหอะ
“ไม่มีเรียนกันเหรอค่ะ มีตอนบ่ายครับ” ไอ้คีย์อ่านเองตอบเอง
“ไอ้เพลงมันมีเรียนตอนบ่ายน่ะจริง ส่วนมึงไอ้คีย์ มึงมีเรียนเก้าครึ่งไม่ใช่เหรอ” ผมหันไปมองหน้าไอ้คีย์หลังอ่านประโยคของไอ้ไก่จบลง
“ก็กูขี้เกียจ” มันว่าแบบนั้น

-พี่คีย์ถูกพี่เพลงดุแล้ว
-ทำไมตอนอยู่โรงเรียนชั้นไม่เห็นโมเม้นจากคู่นี้
-ใช่ๆ เมื่อก่อนต้อง คีย์มิวเท่านั้น แต่ตอนนี้พี่มิวหายไปเลย


“พี่มิวหายไปไหนคะ ไม่ค่อยเห็นมีโมเม้นกับพี่คีย์เลยช่วงนี้” ผมอ่านคำถามแล้วหันไปมองมัน
“ไอ้มิวมันเจอคนที่ชอบแล้วครับ ตอนนี้มันก็กำลังตามจีบอยู่ครับ”
“แล้วพี่คีย์ไม่มีคนที่ชอบแบบพี่มิวเหรอคะ” ไอ้คีย์อ่านจบแล้วหันมามองผม
“คนที่ชอบยังไม่มีครับ มีแต่คนที่ยังไม่แน่ใจว่าชอบหรือไม่ ตอนนี้ก็กำลังดูๆ เขาอยู่ครับ” อะไรกันครับเนี่ย จู่ๆ หน้าผมก็รู้สึกร้อนๆ ขึ้นมาซะดื้อๆ ในใจมันเต้นตุ๊บๆ อย่างบอกไม่ถูก ผมพยายามไม่สนใจเสียงข้างในใจตัวเอง โฟกัสไปที่คอมเม้นแทน ตั้งสติ ตั้งสติสิไอ้เพลง

-กรี๊ดดดดดด
-ใช่คนข้างๆ หรือเปล่า
-โอ๊ยยยย ช่วงนี้ตัวติดกันบ่อยๆ ที่แท้แอบดูใจกันนี่เอง


ยิ่นอ่านคอมเม้นยิ่งหน้าร้อนเข้าไปใหญ่
“คีย์กูจะไปอาบน้ำ” ผมหันไปบอกมันแต่ไม่กล้าสบตาเท่าไหร่
“ไปดิ” น้ำเสียงมันดูแปลกไปจนผมใจสั่น
“เออ... ทุกคนครับ เดี๋ยวเพลงขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ ใกล้เวลาเรียน ไว้วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะครับ บายครับ” ผมโบกมือลา แล้วเดินออกมาจากอ้อมแขนไอ้คีย์ ที่ผมพึ่งรู้ตัวว่าท่าที่เรานั่งอยู่มันชวนชิบเปอร์จินตนาการไปไกลแค่ไหน

ผมยืนมองตัวเองที่หน้าแดงในกระจกแล้วอยากกรี๊ดออกมา นี่กูเป็นเหี้ยไรว่ะ ตื่นๆ ไอ้เพลง ผมตีหน้าตัวเองเบาๆ สองสามที แล้วรีบจัดการธุระตัวเองให้เรียบร้อย
ทำไมวันนี้มันร้อนแบบนี้นะ ขนาดยืนอยู่ใต้ฝักบัวแล้วแท้ๆ สงสัยเพราะออกแรงขัดหมึกจากปากกาเมจิกที่พุงแน่เลย ให้ตายเหอะ เล่นเอาปากกาเมจิกแบบที่ขัดไม่ออกมาเขียน กว่าหมึกจะจางกูจะเป็นมะเร็งไหมเนี่ย
“เพลงเสร็จยัง ช้าจังเลย กูหิวแล้วนะ”
“กูช้าเพราะมึงนั่นแหละ เอาปากกาเมจิกมาเขียนท้องกู ขัดยากขัดเย็นฉิบหาย” ผมตะโกนกลับไป
“ให้กูช่วยขัดปะละ”
“ไม่ต้องปล่อยไว้งี้แหละ กูจะออกไปแล้ว” ผมเปิดฝักบัวล้างตัวอีกครั้ง แล้วคว้าผ้ามาเช็ดๆ ตัว แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
“มึงทำไรอะ” ผมมองไอ้คีย์ที่กำลังจัดของบนเตียง
“ถ่ายรูปขอบคุณสำหรับของพวกนี้ไง มึงก็ควรทำด้วย คนให้เขาจะได้ดีใจ” มันว่าแล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายก่อนจะกดยิกๆ บนโทรศัพท์ ส่วนผมก็หันมาแต่งตัวในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเพราะยังอยู่ปีหนึ่งแล้วยังไม่ปลดป้ายด้วย
“เสร็จยังหิวแล้ว”
“เออๆๆ เสร็จแล้วๆ”
“ตื่นก็สาย ยังจะทำตัวชักช้าอีก” ยังจะโทษกูอีก ช้าเพราะมึงเลย แทนที่ตื่นมาจะได้จัดการตัวเองดันต้องมานั่งไลฟ์กับมึงเนี่ย
“มึงได้กลิ่นอะไรไหม” ผมทำจมูกฟุตฟิตๆ ใกล้ๆ มัน
“อี๋~ เหม็นกลิ่นคนใส่เสื้อผ้าเน่าว่ะ” ผมแกล้งแหย่มันไป แปลกแฮะเสื้อผ้าเมื่อวานมันทำไมไม่เห็นเหม็นเลย
“เน่าจริงดิ กูเอาไปซักมาแล้วนะ ตอนมึงนอนน้ำลายยืดอะ มึงลองดมใหม่ดิ” ลองดมใหม่ของมันไม่ใช่ยืนให้ผมดมดีๆ อะไรหรอก มันยัดรักแร้เข้าเบ้าหน้าแล้วล็อกคอผมแช่เอาไว้ไม่ให้ดิ้นไปไหนจนหายไม่ออก
“ไอ้เหี้ยคีย์!” ผมด่ามันทันทีเมื่อดิ้นหลุดออกมาจากวงแขนมันได้
“ฮ่าๆ รักแร้พี่หอมไหมจ๊ะ”
“หอมส้นตีนนี่!” ผมว่าแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกมาจากห้อง
“ออกมาได้แล้วจะปิดประตู” ผมหันไปว่ามันที่เอาแต่ยืนขำไม่ยอมออกมาจากห้อง ไอ้ห่า ไหนบอกว่าหิวไง

ผมกับมันเดินมากินข้าวที่โรงอาหารของหอใน ตลอดการเดินทางมีหลายสายตามองมาที่เรา ส่วนใหญ่จะเป็นสายตาของสาวๆ คงเป็นสาววายนั่นแหละที่มองมา เอาจริงก็ทำตัวไม่ค่อยถูก แต่ไอ้คีย์บอกให้เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละ ถ้าเขาจะชอบหรือเกลียด ก็ขอให้มันเกิดขึ้นจากตัวตนเรา พูดดีแฮะ
“เย็นนี้กูมีซ้อมเหมือนเดิมนะ” มันพูดระหว่างเรานั่งกินมื้อเที่ยงกัน
“เย็นนี้กูคงไม่ได้ไปดูมึงนะ มีปลดป้ายแล้วก็จับสายรหัส” ความจริงก็ลืมไปแล้วแหละ แต่เพื่อนดลพึ่งแชทมาบอกเมื่อกี้
“เหรอ แล้วเลิกดึกป่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“อืม” มันตอบรับแค่นั้นแล้วเราก็ต่างคนต่างกิน ผมเข้าไปส่องเฟสบุ๊ค เล่นอินสตาร์แกรม ก็เจอคนที่จิ้นเราจนเริ่มชิน ช่วงนี้เลยต้องหันไปเล่นทวิตเตอร์แทน
“วันมะรืนจะประกวดดาวเดือนแล้ว ไปเชียร์กูด้วยนะ”
“ไปแน่แต่กูไม่เชียร์มึงหรอก ยังไงกูก็ต้องเชียร์เพื่อนคณะกูก่อนอยู่แล้ว”
“แล้วถ้าเพื่อนมึงตกรอบล่ะ”
“ไม่มีทางอะ เดือนคณะกูหล่อไร้ที่ติ ใบหน้าอย่างกับเทพเจ้าปั้น รูปร่างสูงโปร่งอย่างกับหลุดออกมาจากนิยายขนาดนั้นน่ะนะ จับมือสองคนสุดท้ายแน่นอน”
“แล้วกูอะ”
“ตกรอบแรก”
“กูหมายถึงคนเชียร์กูอะ มึงไม่เชียร์กูจริงดิ”
“เพื่อนคณะมึงเยอะแยะ ไหนจะกำลังใจจากแฟนคลับมึงอีก”
“แต่กูอยากได้กำลังใจจากมึงคนเดียว”
“......” ผมหยุดเคี้ยวข้าวแล้วเงยหน้ามองมัน ที่พูดมาเมื่อกี้หมายความว่าไง มึงจะมาไม้ไหนอีก
“กูหมายถึงแค่มีมึงคนเดียวก็จะมีแฟนคลับที่ให้กำลังใจเพิ่มขึ้น เพราะมึงเป็นคู่จิ้นกูไง เดี๋ยวคนอื่นๆ เขาก็แห่มาเชียร์มาให้กำลังใจกูไปด้วย”
“......” จริงสินะ มีแฟนคลับเพราะเป็นคู่จิ้นนี่หวา
“แล้วถ้ากูเชียร์มึงแล้วกูจะได้อะไร”
“ได้ใจกูไง”
“ไม่เอาอะ ไม่อยากได้” ผมก้มลงเกลี่ยเศษข้าวในจานเตรียมเอาไปเก็บ
“เอามานี่ เดี๋ยวเอาไปเก็บให้” ไอ้คีย์ดึงจานผมไปแล้วลุกขึ้นเอาจานไปเก็บให้ ถือว่าเป็นคนมีน้ำใจเหมือนกันนะเนี่ย
“สิบบาท”
“ถุ้ย” อุตส่าห์ชมใจใน สิบบงสิบบาทอะไรกัน อยากได้ก็ไปนั่งขอทานใต้สะพานลอยโน้น

เราสองคนเดินมาด้วยกันถึงอาคารเรียนรวมก่อนจะแยกกัน
“เพลง...”
“......” ผมหันไปตามเสียงไอ้คีย์
“เปล่า ไม่มีอะไร ตั้งใจเรียนนะ สงสารพ่อแม่ที่ส่งควายมาเรียนอย่างมึง”
“ไอ้สัส!” เรื่องกวนตีนกูนี่ที่หนึ่งเลย

“อีเพลงงงง ตกลงเมื่อคืนได้กันม่ะ” เพื่อนสาวสองรูปร่างสมบูรณ์เข้ามาควงแขนทักทายทันทีที่ผมย่างเท้าเข้าห้องเรียน
“ได้กันเหี้ยไร”
“ก็มึงกับคีตะไง เมื่อคืน.....” พูดแล้วนางก็เอานิ้วชี้มาแตะๆ กัน แถมด้วยการม้วนตัวเขินอายประหนึ่งสาวน้อยไร้เดียงสาอายุห้าขวบ น่าเตะจริงๆ
“นอนคนละเตียงโว้ยยย แล้วกูกับมันก็แค่เพื่อนกัน”
“เหรอออออ” คราวนี้เป็นการผสานเสียงของเพื่อนร่วมห้องเกือบครึ่ง
“เออดิ!” ผมตอบแล้วเดินเลี่ยงๆ ไปนั่งรวมกับเดอะแก๊งกลางห้อง
“วันนี้จับสายรหัส ขอให้กูได้สายมหาเทพทีเถอะ” แก้วพูดขึ้นประกอบกับการยกมือขึ้นพนมเหนือหัวแล้วตบลงหัวตัวเองเบาๆ ทำแบบนั้นคำขอไม่เข้าหัวตัวเองเหรอว่ะ แล้วแบบนี้ท่านเทพที่มึงขอจะรับรู้ได้ไง
“สายมหาเทพเขามีแต่ผู้ชาย มึงอด” ดลหันไปบอกแก้ว
“กูนี่แหละจะเป็นชะนีคนแรกที่เข้าสายนี้”
“กูต่างหากที่จะเป็นตุ๊ดในหมู่เดือน” เพื่อนกะเทยตะโกนมาจากหน้าห้อง
“เดี๋ยวเย็นนี้รู้กันจ้ะ” แก้วตะโกนกลับไป
“มหาเทพนี่ใครวะ” มีผมคนเดียวหรือเปล่าวะที่ไม่รู้เรื่องมหาทงมหาเทพอะไรเนี่ย
“สายรหัสมหาเทพไง สายที่รวมผู้ชายหน้าตาดีของคณะเรา แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเดือนคณะด้วย” ดลตอบผมให้หายข้องใจ
“แล้วกูไปอยู่ไหนมาทำไมไม่รู้จักว่ะ”
“ผู้ชายแมนๆ แบบเราไม่รู้จักหรอก กูก็ไม่รู้จักถ้าไม่มีเพื่อนแรดเหมือนแก้วเนี่ย” ไอ้เป้พูดเมื่อมันนั่งลงเก้าอี้ มาทันได้ยินด้วยเหรอว่ะ
“กูก็รู้มาจากแก้วเหมือนกัน” ไอ้ดลเสริม
“กรี๊ดดด หยาบคายที่สุด” แก้วโวยวายขึ้นมา
“หรือมันไม่จริง”
“ไม่จริงเว้ย”
“เนี่ย รับน้องก็ไม่เคยเห็นมาสักคน ต้องหยิ่งเบอร์ไหนกันว่ะ ถึงไม่เคยมีใครเห็นหน้า มีแต่เสียงเล่าเสียงลือ”
“ไม่เคยเห็นหน้าก็หัดเข้าไปหาในกลุ่มเฟสบุ๊คของคณะบ้างนะคะคุณเพื่อน ไม่ใช่เอาเวลาไปติดหญิง” เป้ไหวไหล่ก่อนจะอ้าปากเถียงต่อ
“ก็คนมั....”
“หยุดทั้งคู่เลย เถียงอะไรกันเก่งจริงๆ พวกมึงสองตัวเนี่ย” ผมรีบห้ามศึกก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันบานปลาย ความจริงแล้วแก้วมันเป็นดาวคณะน่ะครับ มันคงเคยได้ยินหรือได้เจอพวกพี่ๆ ดาว-เดือนคณะบ้างแหละ ถึงได้เก็บมาสาธุจ้าขนาดนี้
“ไอ้เพลงมีคนฝากมาให้” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับเครื่องดื่มบำรุงสายตา
“ใครวะ”
“ผัวมึงไง ไอ้คีย์อ่ะ”
“ผัวเหี้ยไร ตีนกูนี่” ผมยกตีนให้มันทีแล้วปล่อยให้มันเดินหัวเราะไปนั่งที่ตัวเอง
ไอ้คีย์มันเขียนโพสต์อิทแปะมาด้วยแฮะ

-กินบำรุงสายตา จะมองเห็นความหน้าตาดีของกูชัดๆ -

หลงตัวเองสัสๆ
“เพลง คีตะแท็กมึงในเฟสบุ๊คอะ” ดลเอ่ยบอก ผมเลยก้มลงดูแจ้งเตือน มันเป็นรูปภาพเครื่องดื่มแบบเดียวกันกับที่วางบนโต๊ะผมตอนนี้ แต่อยู่ในมือเจ้าของโพสต์

คีย์’คีตะ
ได้รับแล้วคอมเม้นกลับด้วย

นึกว่าให้เพราะเป็นห่วงที่แท้ก็แค่แฟนเซอร์วิส ชิ กูไม่คอมเม้น แล้วก็ไม่กดไลค์ด้วย แต่ว่า...
แชะๆๆๆ เพื่อนสาววายในห้องก็พร้อมใจกันหันกล้องมาถ่ายกูเหลือเกิน บางคนก็เอารูปผมนั่งหน้าเหว๋อไปลงพร้อมขวดเครื่องดื่มเรียบร้อย เพื่อนสาขานี้สาระแนกันเก่งจริงๆ

คีย์’คีตะ
ได้รับของที่กูฝากไปให้ยัง
บทเพลง
ได้แล้ว
คีย์’คีตะ
แล้วไม่เม้นบอกอะ
บทเพลง
ก็บอกในแชทนี่แล้วไง
คีย์’คีตะ
บอกในแชทแล้วคนอื่นจะรู้มั้ย
บทเพลง
เพื่อนคณะถ่ายไปลงแล้ว
คีย์’คีตะ
กูอยากได้จากมึงมากกว่า
บทเพลง
เป็นเหี้ยไร
มาเรื่องมากใส่
ประสาท
คีย์’คีตะ
ไม่ได้เป็นคนเหี้ย
กูเป็นหล่อ
บทเพลง
......

ไม่รู้จะตอบยังไงเลยกู ผมเลยต้องหยุดบทสนทนาไว้แค่นั้น พอดีกับอาจารย์เข้าห้องมาด้วย

ผมนั่งเรียน นั่งหาว นั่งโง่ยาวๆ มาหลายชั่วโมง สิ้นสุดกันทีช่วงเวลาอันแสนน่าเบื่อ
“เพื่อนๆ พี่ปีสองบอกให้รีบไปลานคณะได้แล้ว พี่ปีสามปีสี่รออยู่” เสียงเพื่อนคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ก่อนจะตามด้วยเสียงบ่นของคนอื่นๆ หนึ่งในนั้นก็ผมด้วยแหละ
“ไปมึง ให้มันจบๆ วันนี้ไป ปลดป้ายแล้วจะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปแดกเหล้าสักที” ไอ้เป้พูดขึ้น
พวกเราทั้งคณะต่างพากันเฮโลไปลานกิจกรรมคณะ ที่มีรุ่นพี่ตั้งแต่ชั้นปีที่สอง สาม สี่ นั่งรอยืนรออยู่
“ชักช้า! รุ่นพี่รออยู่ไม่รู้หรือไง” จะไปรู้ได้ไงว่ะ คนเขาเรียนอยู่ปะ ผมตอบโต้พี่ว้ากภายในใจ
“มาแล้วก็เข้าแถวเรียงสิบแล้วนั่งกันเลยนะคะ” พวกเราทำตามที่พวกรุ่นพี่สั่ง มีทั้งเสียงดุ เสียงคุยกันเองของพวกรุ่นพี่ มีสันทนาการเบาๆ และให้แนะนำด้วยเพลงนี้
“เพลงครับ เพลงครับ ผมชื่อเพลงมากะเป้และกะมากับดล.......” หลอนหูสุดๆ ก่อนจบด้วยคำพูดจาชวนซึ้งและทำพิธีปลดป้ายของพวกเรา ก่อนเข้าสู่ช่วงเฮฮาที่เราจะต้องมาลุ้นกันว่าใครจะได้สายรหัสเป็นใคร พวกสาวๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างก็อยากได้สายรหัสชายหนุ่มหน้าตาดี ส่วนหนุ่มๆ ก็อยากได้สาวๆ สวยๆ ส่วนผมเหรอ ใครก็ได้ รีบๆ จับสักที กูหิวข้าววววว
“เอาล่ะคะน้อง เดี๋ยวเราจะเริ่มจับสายกันแล้ว กติกาง่ายๆ พี่จะให้น้องๆ ขึ้นมาจับสายทีละคน แล้วอ่านโค้ดที่สายรหัสให้ไว้ น้องๆ จะมีเวลาตามหาสายรหัสหนึ่งอาทิตย์ หลังจากนั้นถ้าตามหาไม่ได้ น้องจะไม่มีสายรหัสคณะนะคะ เข้าใจไหมคะ”
“เข้าใจครับ/ค่ะ” พวกเราตอบรับคำอธิบายของรุ่นพี่ร่างอวบสุดสวยที่อธิบายกติกาไปเมื่อครู่
“อ๋อ มีเรื่องสำคัญอีกเรื่อง เนื่องจากปีนี้คณะเรามีน้องๆ มากกว่าจำนวนสาย ดังนั้นบางสายจะได้น้องรหัสแฝดนะคะ จะได้ไม่ตกใจเมื่อจับเจอโค้ดเดียวกันกับเพื่อน” พี่แกพูดต่ออีกนิดก็ได้เวลาเริ่มจับสายรหัสกัน พอใครจับได้รุ่นพี่หน้าตาดีหน่อย พวกรุ่นเดียวกันก็ส่งเสียงอิจฉา หรือใครที่หน้าตาดี หล่อๆ สวยๆ ขึ้นไปจับ พวกรุ่นพี่ก็แซ็วกันมันปาก
“เชิญคนต่อไปค่าาา คนนี้ดาวคณะปีนี้” แก้วลุกขึ้นยืนพอได้เสียงแซ็วจากรุ่นพี่ผู้ชายปนเสียงผิวปาก มันก็ทำท่าเอียงอายต่างกับอยู่เพื่อนลิบลับ
“โค้ดที่น้องแก้วได้คืออะไรเอ่ย” รุ่นพี่ยื่นไมค์ให้แก้วพูด
“สวยสุดในคณะ” พูดจบเสียงโห่ของรุ่นพี่ผู้ชายก็ดังระงม ใช้คำว่าสวยสุด ไม่ใช่ผู้ชายแน่นอน เป็นไงล่ะแก้ว อยากสวยเด่นในหมู่มหาเทพบ้าบอนั้นดีนัก ฮ่าๆๆ
เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ เพื่อนผมก็ทยอยกันลุกไปจับฉลาก
“อ่า เดือนของปีนี้ น้องกันต์เชิญค่าลูก” เสียงกรีดร้องของรุ่นพี่ดังขึ้นเบาๆ
“เก็บอาการหน่อยค่ะรุ่นพี่ชะนีเน่า” พี่กะเทยนางหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะเกิดการปะทะฝีปากแซ็วกันเบาๆ ขึ้น
“อ่าาา น้องกันต์ช่วยอ่านหน่อยนะคะว่าได้โค้ดอะไร”
“มหาเทพครับ” สิ้นเสียงของกันต์ ก็มีเสียงเสียดายของรุ่นพี่ผู้หญิง และเสียงโห่ของรุ่นพี่ผู้ชายสวนเพื่อนผู้หญิงก็ดังขึ้น สมกับชื่อสายรหัสจริงๆ แหล่งรวมคนหน้าตาดี แม้แต่ปีนี้สายคนล่าสุดยังเป็นเดือนคณะ
เราจับฉลากกันมาจนถึงผมที่เป็นคนรองสุดท้าย
“คนต่อไปเชิญน้องบทเพลงค่าาา แหม่คนนี้ถึงไม่ใช่เดือนแต่ก็เป็นคนดังคนหนึ่งของรุ่นเลยนะคะ มีแฟนคลับพอควร” ผมได้ยินเสียงกรี๊ดดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ
“ก่อนจับฉลาก ในฐานะที่พี่เป็นสาววาย พี่ขอสัมก่อนนะคะ สรุปแล้วน้องเพลงกับน้องคีย์เป็นอะไรกันค่ะ”
“เป็นเพื่อนครับ” ผมตอบออกไปได้เต็มปากเพราะมันคือความจริง
“แค่เพื่อนครับแม่ป่าว” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะมีเสียงหัวเราะเบาๆ ตามมา
“สายเหลืองๆ” แม่ง โคตรเกลียดคนแบบนี้จริงๆ เหยียดหาพ่อมึงเหรอ
“อย่าแซ็วน้อง ไม่เป็นไรนะคะ อ่าๆ จับฉลากกันลูก” ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วปล่อยมันออกมาเบาๆ เพราะต้องการระงับอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะล้วงมือลงไปจับฉลากขึ้นมา
“ได้โค้ดอะไรคะน้องบทเพลง” ผมยืนนิ่งอ่านข้อความในมือในใจซ้ำๆ นี่กูได้สายนี้จริงเหรอว่ะ โดนแซ็วเป็นแกะดำแน่กู
“ได้เออ... ม.. หาเทพ ครับ” ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองหล่อ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเข้ากับสายนี้ได้นะผมว่า
เสียงกรี๊ดดังขึ้นมาอีกแล้ว
“หมดแล้วเว้ยสายรวมคนหล่อ ปีนี้ได้ตุ๊ดกะตาว่ะ ฮ่าๆ” และแล้วเสียงที่ผมไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้นแทรกทุกเสียงอืออึ้งเข้ามาที่โสตประสาทผมจนได้ ทำไมต้องได้ยินด้วยว่ะ
“ตุ๊ดแล้วไง ทำไมต้องเสือก” ทุกเสียงเงียบลงทันที ยอมรับว่าโคตรไม่พอใจ ไม่พอใจมากๆ ด้วย แต่เสียงนั่นมันดันไม่ใช่เสียงผมน่ะสิ
“อ้าวเห้ยพูดแบบนี้ก็สวยดิว่ะ” รุ่นพี่คนหนึ่งแสดงตัวขึ้นมาพร้อมน้ำเสียงหาเรื่อง มึงสินะไอ้ปากหมาเมื่อกี้
“เออดิ มึงจะทำไม” เจ้าของเสียงที่สะกดให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบลุกขึ้น ไอ้กันต์....?
“ไอ้กันต์ใจเย็นๆ” เสียงเพื่อนๆ ดังขึ้นเบาๆ
“ไอ้นพไม่เอา รุ่นน้องเว้ย ไม่เอาๆ” พวกรุ่นพี่พยายามเข้ามาห้ามพี่ที่ชื่อนพ เช่นเดียวกับพวกเราที่พยายามดึงแขนไอ้กันต์ให้นั่งลง
รุ่นพี่พยายามดึงทุกอย่างให้กลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติอีกครั้ง ก่อนจะทำการแยกย้ายสลายตัว
“มึงพอจะรู้จักใครในสายเราปะ” ผมเดินเข้าไปหาไอ้กันต์เพื่อคุยเรื่องสายรหัส
“อือ รู้จักดิ นั่นไง เดินมานู้นละ” ไอ้กันต์บุ้ยปากไปที่ผู้ชายคนหนึ่ง ตัวสูงๆ ผิวเข้มๆ หน้าคมๆ หล่อแบบไทยๆ ที่เดินเข้ามาหาพวกเรา
“หวัดดี กันต์ เพลง” ผมรีบยกมือทันที
“สวัสดีครับ”
“ไนท์ ปีสอง พี่รหัสพวกมึงนะ” หยาบมาเลยโดยไม่รู้จักกัน
“ครับ...” มาหาถึงที่โชคดีจริงๆ ไม่ต้องเสียเวลาตามหา
“เดี๋ยวเราจะไปเลี้ยงสายกันนะ พวกลุงรหัสไปจองโต๊ะไว้แล้ว เดี๋ยวอยู่หน้าคณะรอแล้วกัน กูจะไปเอารถมารับ”
“ครับ” ผมตอบรับไม่มีอิดออด ปลดป้ายปุ๊บ แดกเหล้าปั๊บ ดีจริงๆ สายรหัสกู
ผมกับไอ้กันต์เดินมารอพี่ไนท์หน้าตึกคณะ
“เพลง” ผมหันไปตามเสียงเรียกที่ได้ยินบ่อยมากๆ ช่วงนี้
“อ้าว ไอ้คีย์มึงซ้อมเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม มึงอ่ะ”
“เรียบร้อย แล้วนี่มึงมาทำไรแถวนี้” ค่ำขนาดนี้แล้วมาทำไรคนเดียวว่ะ
“กู.... นัดไอ้มิวไว้อะ แล้วเดินผ่านมาพอดี พวกมึงอะมายืนรออะไรกัน” มันมองผมสลับไปมากับไอ้กันต์ มารอมิวเหรอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงฟิน และจิ้นไปถึงโลกหน้าแล้วล่ะ แต่เดี๋ยวนี้เหรอ เฉยๆ อะ
“รอพี่รหัสพาไปเลี้ยงสายอะ นี่ไอ้กันต์แฝดรหัสเดือนสุดหล่อของคณะกู”
“รู้จักกันแล้ว” ไอ้กันต์พูดขึ้น
“อ้าว~”
“เคยไปถ่ายโปรโมทงานเฟรชชี่อะ” ไอ้กันต์คลายความสงสัย
“แล้วพี่รหัสพาไปไหนอะ”
“ยังไม่รู้ว่ะ” ผมตอบไอ้คีย์พอดีกับแสงไฟจากรถสาดเข้ามา
“คันนี้ปะ” ผมหันไปถามไอ้กันต์
“น่าจะใช่” รถจอดเทียบพวกเราก่อนไอ้กันต์จะเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งด้านหลัง
“กูไปก่อนนะ” ผมหันไปบอกไอ้คีย์ที่เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่มันก็ไม่พูด จนผมเข้ามานั่งในรถ มันถึงได้เรียกเอาไว้ก่อนที่ผมจะปิดประตู
“เพลง... ดูแลตัวเองด้วย”
“....อืม” ผมตอบรับสั้นๆ แต่ใจโคตรสั่น แค่คำพูดจากมัน ทำไมมีผลต่อใจแบบนี้ว่ะ ปกติคนเราก็ต้องห่วงเพื่อนอยู่แล้วนิ ใช่ปะ แต่ทำไมกับมัน.....
โอ๊ยยยย ไม่เอา ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เพลง หยุด! มึงหยุด!
“เป็นเหี้ยไรไอ้เพลง ทึ้งหัวอยู่นั่น มึงโอเคช่ะ”
“โอเคครับพี่” ผมเอ่ยปากตอบพี่มันไป
“พวกมึงก็อย่าลืมก็ถอดเข็มขัดกับเนกไทมหาลัยออกด้วยล่ะ”

พี่รหัสพาพวกผมมาร้านนั่งดื่มชิวๆ พอเดินเข้ามาในร้านทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่พวกเรา เพราะไอ้หล่อสองหน่อข้างๆ ผมนี่แหละ เล่นเอาสาวๆ หันมามองคอแทบเคล็ด ยิ่งมานั่งรวมกลุ่มกับพวกสายรหัสยิ่งแล้วใหญ่ นี่มันงานชุมนุมเทพเจ้าหน้าตาดีชัดๆ ทุกคนหน้าตาดีเกินมนุษย์ปุถุชนทั่วไปเหมือนหลุดออกมาจากอีกโลกหนึ่งเลย ยกเว้นกูเนี่ย ทำไมนั่งเป็นหลุมศพอยู่คนเดียวว่ะ สมกับชื่อสายรหัสมาหาเทพ และคงต่อท้ายด้วยท่าจะบ๊องเพราะมีกูเข้าไปเป็นเด็กง่าวเนี่ยแหละ แต่ละคนหน้าตาอย่างเทพปั้น หุ่นสูงเพรียวอย่างกับนายแบบ แม้ว่าจะไม่พ่วงดีกรีเดือนคณะทั้งหมดก็ตาม ส่วนทางด้านนิสัย หยาบคายสัสๆ ขัดกับหน้าตาโคตรๆ
พวกเรา ชน-ดื่ม ชน-ดื่ม จนผมเริ่มมีอาการมึนๆ ภาพคนตรงหน้าซ้อนทับกันไปหมด ได้ยินเสียงคุยกันจนจับใจความไม่ค่อยได้เพราะทั้งมึนและหูอื้ออึง ใครคนหนึ่งประคองผมเอาไว้แล้วลากออกมาจากร้านเหล้า ผมนั่งมึนเพราะเมามาตลอดทาง และ.. และ.... ครอก~

หนาว~ คือความรู้สึกตอนนี้ ผมควานหาหมอนข้างตัวเองแต่ว่า.... นี่มันคนนี่หว่า ผมลืมตาที่ไม่ค่อยอยากจะลืมเท่าไหร่มองภาพตรงหน้า
ไอ้หน้าหล่อนี่คุ้นๆ ผมกะพริบตาถี่ๆ เพื่อหาโฟกัสอีกครั้ง
“ไอ้คีย์...”
“อืม กูเอง” ทำไมทำหน้าแบบนั้นว่ะ
“มึงมาอยู่ห้องกูได้ไง”
“มุดท่อขี้มา”
“แหวะเหม็น”
“เหม็นกลิ่นปากตัวเอง...?”
“เหม็นขี้หน้ามึง” มันไม่ตอบอะไร เอาแต่ยิ้มเป็นบ้าคนเดียว
ผมพลิกตัวนอนหงายเรียกสติอีกครั้ง เพดานตรงหน้า... อ้าว.. ไม่ใช่ห้องกูนิ
“ที่นี่ไม่ใช่ห้องกูนิ”
“ห้องกูเองแหละ”
“แล้วกูมาอยู่นี่ได้ไง” ใครมาส่งวะ จำอะไรไม่ได้เลย
“ปีนเสาตึกแล้วไต่สายไฟเข้ามา”
“ตอบดีๆ ไม่กวนกูนี่มันจะตายไหม”
“ไม่ตายแต่เหงาปาก”
“ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไง เล่า!”
“มึงเมาเหล้า แล้วกูเห็นไอ้กันต์แบกมึงเข้าหอมัน กูเลยไปช่วยมันแล้วพามึงมานอนที่หอกู เนี่ยหอมันอยู่ข้างๆ” ไอ้คีย์เล่าเป็นฉากๆ ให้ผมฟัง
“แล้วไม่ปล่อยให้กูนอนห้องไอ้กันต์ล่ะ”
“มึงจะไปนอนกับแฟนมันหรือไง”
“มันอยู่กับแฟนเหรอว่ะ”
“เออดิ”
“ขอบใจ” ผมพูดขอบคุณแล้วยันตัวลุกนั่ง
“นี่เสื้อมึงเหรอ” ผมถามมัน
“เออดิ”
“กางเกงอะ”
“ของกูเอง”
“มึงเช็ดตัวให้กูด้วย”
“เปล่า มึงละเมอเช็ดตัวเอง จัดการตัวเองหมดเลย บทเพลงก็อตทาเลนต์สัสๆ”
“นี่กูเก่งขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ”
“เก่งสิ ก็กูทำให้มึงหมดเลยไง ตั้งแต่เช็ดอ้วก พามึงเข้าไปอาบน้ำ จัดการแต่งตัวให้มึงเนี่ย”
“งั้นมึงก็เห็นของกูหมดเลยอะดิ” ผมยกมือขึ้นปกปิดเรือนร่างที่ไม่มีส่วนไหนโป๊เปลือยของตัวเอง
“ไม่เหลือ” มันยักคิ้วส่งมาให้ข้างหนึ่ง แล้วไม่ใส่กางเกงในให้กูด้วยว่ะ
“ไม่ต้องอายกูเห็นหมดแล้ว ขาวจั๊วะ”
“สัส!”
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว จะบ่ายอยู่แล้ว” ผมหันมองนาฬิกาหัวเตียง จะเที่ยงอยู่แล้ว โหยยย ขาดเรียนตอนเช้าจนได้ ผมเดินเข้าไปอาบน้ำเอื่อยๆ เดินออกมาก็เห็นชุดนักศึกษาของมัน ที่พาดเก้าอี้ไว้ให้
“ใส่ของกูไปก่อนละกัน เสื้อผ้ามึงยังไม่ได้ส่งซัก ส่วนกางเกงใน ของกูมีแต่ที่ใช้แล้ว จะยืมปะละ”
“ถ้าใช้แล้วซักแล้วก็เอามาแก้ขัดได้กูไม่มีปัญหา”
“แต่กูว่ามีปัญหาว่ะ”
“อย่าบอกว่าที่ซักไว้หมด”
“เปล่า หมายถึงขนาด หนอนน้อยแบบมึงจะใส่ขนาดอนาคอนด้าแบบของกูได้เหรอว่ะ”
“สัส! เอามาเหอะน่า อย่าลีลา” เอามาใส่แก้ไข่ยานไปพลางๆ พอ
.
.
.
.
[มีต่อ]


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2020 21:01:49 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -04-
«ตอบ #7 เมื่อ11-11-2020 19:47:20 »

.
.
.
.
[ต่อจร้าาาา]


“เมื่อคืนเป็นไงบ้าง”
“เป็นไงยังไง ก็กินเหล้าไง ให้เป็นไงอะ” คำถามทั่วไปที่ไม่รู้จะตอบยังไง ผมว่าแล้วหยิบน่องไก่ทอดเข้าปาก ตอนนี้ผมที่อยู่ในชุดนักศึกษาตัวหลวมของมัน กำลังนั่งแทะไก่ในห้างใกล้ๆ หอมัน คือเราแวะกินไก่ทอดผู้พันก่อนเข้ามหาวิทยาลัยน่ะครับ ผมไม่ได้กินนานแล้ว
“มีใครบ้างล่ะ”
“ก็กู ไอ้กันต์ พี่รหัส ลุงรหัส ปู่รหัส ทวดรหัส”
“ผู้ชายหมดเลย”
“เอออะดิ แต่ละคนอย่างกะหลุดออกมาจากนิตยสาร รูปร่างสูงโปร่ง หนังหน้าดีสัส โคตรๆ หล่ออะ แต่มีกูคนเดียวเนี่ย หลุดออกมาจากหนังสือพิมพ์คอลัมน์คนแคระตามหาซอสตราเด็กสมบูรณ์”
“พุงยื่นขนาดนี้เชื่อแล้วว่าสมบูรณ์”
“ยื่นออกมานิดเดียวเอง กูไม่ได้อ้วนซะหน่อย มีพุงน้อยๆ ออกจะน่ารักน่าชัง” ผมไม่ได้อ้วนจริงๆ นะทุกคน แค่มีพุงนิดเดียว นิดเดียวเองจริงๆ นะ
“หึ~”
“กลั้นขำอะไร”
“เปล่า”
“ตอแหล” ผมหยิบน่องไก่ขึ้นกัดอีกคำ
“แล้วสนุกปะ”
“ก็สนุกดี พวกพี่ๆ ก็เป็นกันเอง ห้าวๆ หยาบๆ สนิทกันไวดี”
“แล้วหน้าตาดีนี่แค่ไหน หล่อสู้กูได้ปะ”
“โหวววว หลงตัวเอง อย่างมึงเนี่ยเทียบไม่ติดสักนิด” ผมวางกระดูกไก่ ประกอบอารมณ์ว่ามันสู้ไม่ได้ แต่ความจริงแล้ว ไอ้คีย์มันก็เป็นอีกคนที่โคตรหล่อสัสๆ ในสายตาผมเหมือนกันแหละครับ เพียงแต่หมั่นไส้เฉยๆ ถึงได้บอกว่ามันเทียบรุ่นพี่ผมไม่ติด
“หล่อขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ”
“เอ่อดิ ว่าแต่มึงถามทำไม หรือว่ามึง.... สนใจใครในสายรหัสกู”
“ขี้มโน”
“โอ๊ยยย” มันเอากำปั้นทุบหัวผมครับ ไอ้พวกชอบใช้กำลัง
“หน้าตากูยังไม่เคยเห็นกูจะไปสนใจได้ไง”
“ก็เผื่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม อยากเห็นหน้าเผื่อจีบไรงี้”
“กูไม่อยากจีบใครทั้งนั้นแหละ แค่ฟังมึงบรรยายแล้วอยากเห็นหน้าเฉยๆ”
“อยากเห็นก็หันไปข้างหลังดิ เดินมานู้นแล้ว” ผมบุ้ยปากไปทางด้านหลังไอ้คีย์ ให้มันหันไปมองสายรหัสผมที่เดินมาสองคน
“หวัดดีพี่” ผมทักพวกเขาก่อน บอกตามตรง ผมจำไม่ได้เลยว่าใครชื่ออะไร อยู่ชั้นปีไหน ยกเว้นพี่รหัส
“เออ ดี” พี่เขาทักกลับ
“มากับเพื่อนเหรอ”
“ครับ”
“สวัสดีครับ”
“เออ หวัดดี” พี่เขากับไอ้คีย์ทักทายกัน
“นี่อิ่มกันยัง สั่งอีกชุดม่ะ กูเลี้ยง”
“โอ๊ยยย ยังไม่อิ่มเลยเนี่ยท้องยังรู้สึกโล่งๆ อยู่เลย” จริงๆ คืออิ่มแล้ว แต่ถ้าพวกเขาจะเลี้ยงเดี๋ยวห่อกลับห้อง
“ตะกละ กินไปเยอะแล้วมึงอะ เดี๋ยวก็อ้วนจริงๆ หรอก” ไอ้คีย์ค่อนแคะ
“อ้วนก็หนักที่ตัวกู ไม่ได้ไปหนักที่หัวมึงสักหน่อย”
“หึ~ สรุปจะให้พี่เลี้ยงไหม”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพวกเราจะไปกันแล้ว” ไอ้คีย์เป็นคนพูดขึ้น ใครเขาถามมึงไม่ทราบ มึงเป็นน้องรหัสเขาเหรอ
“เหรอ งั้นพวกพี่ขอตัวนะ” พูดจบพี่เขาก็เดินจากไป
“ไอ้คีย์ มึงจะขัดกูทำไม มึงเป็นสก๊อตไบร์ทเหรอ อดกินของฟรีเลยเห็นไหม”
“นี่ มื้อนี้มึงก็กินฟรี มึงยังฟรียิ่งกว่านี้อีกเหรอ”
“ก็เก็บไว้กินมื้อหน้า พอพี่เขาไปก็ห่อกลับห้องสิควายยยย”
“มึงชอบไก่ทอด”
“ชอบดิมึงไม่ชอบหรือไง”
“งั้นมาห้องกูบ่อยๆ ดิ”
“ทำไม มึงจะเลี้ยงเหรอ กูไม่มีปัญหานะ ถ้ามึงจะเลี้ยงน่ะ”
“หึ~ เห็นแก่กิน ไปลุก เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน” หลอกด่าเสร็จก็เดินทิ้งกูเลยนะ ไอ้หน้าหมา....


....



ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -05-
«ตอบ #8 เมื่อ15-11-2020 21:06:51 »

- 05 -


-วันนี้ชุดนักศึกษาของเพลงดูหลวมๆ นะ เอาของใครมาใส่ป่าว
-กรี๊ดดดด จริงค่ะ
-เมื่อคืนเจอเพลงร้านเหล้า ไม่เห็นคีย์ แต่ตอนเที่ยงเมื่อกี้เห็นนั่งด้วยกันที่เคเอฟตี
-ช่วงนี้ตัวติดกันบ่อย เรียนก็เรียนคนคณะ มันยังไงยังไงอยู่นะ....?


ผมอ่านคอมเม้นที่เกิดจากจินตนาการบนเพจคู่จิ้น ที่ผมค่อยส่องจนตอนนี้เริ่มชินแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกขนลุกมากเท่าตอนแรกๆ เท่าไหร่ กลับรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ถ้าไม่ทำให้ผมเดือดร้อนแล้วพวกเขามีความสุขก็ไม่เป็นไร เป็นพวกเขาเองมากกว่าที่ต้องมาค่อยซื้อนั่นซื้อนี่ให้ อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน ขนมเต็มไม้เต็มมือไปหมด มีทั้งของผมเอง แล้วของที่เขาฝากให้ไอ้คีย์มัน
“เพลงไอ้กันต์บอกว่าเมื่อคืนมึงไปนอนห้องไอ้คีย์”
“กรี๊ดดดดด จริงปะเพลง”
“แล้วพวกมึงแอ๊ะๆ กันยัง” เสียงสาววายในห้องทักทายผมที่เดินพ้นประตูห้องได้แค่ครึ่งขาดังขึ้นจนเพื่อนๆ ในห้องหันมามอง
“เออ เมื่อคืนไปนอนห้องมันมา ส่วนแอ๊ะๆ ไม่มี มีแต่อ้วกกูเนี่ยแหละ เอาภาพประกอบไหม” ผมเดินไปพูดไประหว่างเดินมานั่งประจำที่
“อี๋ เสียบรรยากาศหมด”
“ไม่เสียหรอก ไอ้คีย์มันชอบ” ผมพูดขำๆ ตบมุขไป
“ช่วงนี้มึงกับไอ้คีย์ตัวติดกันเนอะ” ไอ้ดลทักขึ้น
“เอ่อดิ ก็พวกมึงทิ้งกูนิ มึงก็ติดแฝด ไอ้เป้ก็ติดเมีย ส่วนแก้วก็มัวแต่ไปซ้อมประกวดดาว-เดือน” ผมพูดประชดประชันพวกมัน ก็มันจริงนี่หว่า เหมือนถูกทิ้งเป็นตัวไร่ค่าไม่มีไรทำอยู่คนเดียว
“โอ๋ๆ ไม่งอนน้าาา” ไอ้เป้ทำทีเข้ามาดึงผมไปกอดปลอบ
“ปล่อยเลยสัส ร้อนนนนน” ผมรีบดีดตัวออกจากวงแขนมัน
“แล้วนี่ไปเอาเสื้อผ้าใครมาใส่ ตัวดูหลวมๆ”
“ของไอ้คีย์อะ เมื่อคืนไปค้างห้องมันเลยยืมมาใส่ก่อน”
“กรี๊ดดดด” เสียงกลั้นกรี๊ดดังขึ้นเบาๆ สงสัยชิปเปอร์แถวนี้กำลังฟินผมเข้าใจดี เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนไอ้มิวเอาเสื้อผ้าไอ้คีย์มาใส่ ผมก็กรี๊ดเหมือนกัน เผลอๆ จะได้ฟิคสั้นสักเรื่องด้วยซ้ำ
“ทุกคนนนน เดี๋ยวเย็นๆ หลังเลิกเรียนใครว่างๆ ไปช่วยกันทำพร็อบเชียร์ดาว-เดือนกันด้วยนะ” แก่นนำประจำห้องตะโกนพูดขึ้น
“ไปม่ะ” ผมหันไปถามความเห็นเพื่อนๆ
“กูมีซ้อมดาวเดือน” หน้าที่จำเป็นของแก้ว
“กูมีนัดกับเบศ” คู่แฝดปาท่องโก๋ไอ้ดล
“กูสัญญากับเฟย์ไว้ว่าจะไปดูหนังด้วย” แฟนรุ่นพี่ของไอ้เป้ คนใหม่อีกแล้ว?
“เออดี เทกูให้หมด” ผมว่าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มๆ
นั่นไง เรื่องที่ผมเอาเสื้อไอ้คีย์มาใส่ต้องถูกพูดถึง แน่นอน แต่ละคนทั้งจิ้นทั้งมโนไปต่างๆ นานา แต่ผมคงไม่ไปห้ามหรือท้วงติงอะไร เพราะตัวผมเองก็เคยเป็นแบบพวกเขา เผลอๆ มโนหนักกว่านี้อีกมั้ง ดังนั้นก็เชิญเลยจ้ะ เอาให้เต็มที่ เอาที่สบายใจ

คีย์’คีตะ
เย็นนี้มีซ้อมดาวเดือนรวมกับคณะอื่น
มึงไม่ต้องมาหากูนะ

ใครจะไปหามึงกันถ้าไม่ถูกบังคับ นั่นคือประโยคที่ผมกำลังจะพิมพ์ตอบมันไป แต่ก็ตัดสินใจลบทิ้ง เพราะประโยคถัดมาของมัน

คีย์’คีตะ
คนหล่อมีเยอะ
กูหวง

คุณคิดว่าผมควรจะตอบอะไรดี

ส้นตีนไง

ผมส่งสติ๊กเกอร์ส้นตีนให้มันไปที แต่ไม่รู้ทำไมหน้าผมมันถึงได้ร้อนวูบวาบแบบนี้กันวะ

คีย์’คีตะ
โทษๆ พิมพ์ผิดๆ
จะพิมพ์ว่างห่วง ไม่ใช่ หวง
แล้วไม่ได้ห่วงมึงด้วย
ห่วงเพื่อนเดือนหล่อๆ กลัวมึงน้ำลายไหลแล้วหน้ามืดทำอะไรแผลงๆ
บทเพลง
สัสคีย์!

สั้นๆ ง่ายๆ พร้อมส้นตีนรั่วๆ เมื่อกี้ไม่รู้ว่าทำไมหน้าร้อน แต่ตอนนี้รู้แล้ว ร้อนเพราะมันกวนตีนนี่แหละ

ผมมองเพื่อนๆ ทำพร็อบไปเชียร์ดาวเดือนคณะโดยนั่งกินขนมที่แฟนๆ เอามาให้อย่างสบายใจ อยากจะช่วยนะ แต่เมื่อกี้ดันไปเตะกระป๋องสีคว่ำเลยถูกไล่ให้มานั่งให้กำลังใจก็พอ คณะผมนี่เล่นใหญ่กันจังแฮะ ไม่รู้ว่าคณะอื่นมีแบบนี้ป่าว
นั่งมองเพื่อนๆ ทะเลาะกัน โวยวายกันก็สนุกดีแฮะ การได้ทำอะไรร่วมกันคงทำให้เราสนิทกันเพิ่มขึ้นอีกนิด นี่ก็พึ่งรู้จักกันไม่กี่เดือนเอง
“เพลงมึงเคยอ่านฟิคตัวเองปะ”
“ไม่อะ” ผมส่ายหน้าให้เพื่อนที่ตะโกนถามมา แล้วมีเสียงหัวเราะคิกคักตามมา แน่ะ กูรู้นะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผมตอบไปว่าเคยอ่านพวกเขาจะเป็นยังไง ถ้าเป็นผมเมื่อก่อน คงนั่งยิ้มเป็นบ้าไปแล้ว
“นี่ลองอ่านดู” หนึ่งในแก๊งหัวเราะเมื่อกี้เดินเข้ามาพร้อมโทรศัพท์ที่เปิดหน้าแอปนิยายที่ผมคุ้นเคยเอาไว้
“ไม่เอาอะ” จะให้อ่านเรื่องตัวเองกับไอ้คีย์เนี่ยนะ ไม่เอาอะ คราวที่แล้วยังขนลุกไม่หาย
“เหอะน่า” เธอยังจับยัดเยียดมาให้ไม่ยอมแพ้
“ไม่เอามึงงง”
“มึงจะอ่านเองหรือให้กูอ่าน”
“จิ! เออๆ เอามานี่ รำคาญ!” ผมรีบฉวยเอาโทรศัพท์มาไว้ในมือตัวเองทันที ยังไงอ่านเองก็ดีกว่าให้เธออ่านออกเสียงแหละหน่า

ผมขออ่านมันในใจเพียงลำพังนะครับ คุณผู้อ่านที่น่ารักจินตนาการเอาเองแล้วกันนะครับ ห๊ะอะไรนะ จินตนาการไม่ออกเหรอ อะๆ เล่าให้ฟังนิดหน่อยก็ได้

...ลิ้นร้อนของคีตะลิ้มรสสัมผัสไปทั่วร่างบางของบทเพลง ที่ครางเสียงเสียวซ่านออกมาด้วยความพอใจ ร่างบางพลิกตัวขึ้นครอบร่างหนาเพื่อปรนเปรอร่างข้างใต้
“ซีดส์.... เพลงครับ อมให้คีย์ที”
ร่างบางลากลิ้นเรียวไล่ลงหน้าอกผ่านซิกแพคเพื่อไปยังท่อนแข็งขืนนั้น บทเพลงเลียลิ้มลองท่อน....


โอ๊ยยยยย อ่านต่อไปไม่ไหว แค่นี้ก่อนนะทุกคน นี่คือความรู้สึกของไอ้คีย์กับไอ้มิวตอนอ่านนิยายตัวเองเหรอว่ะ หึ๋ย~ กูเข้าใจพวกมึงแล้วจริงๆ เวลามีคนมาบรรยายรูปร่างและลีลาตัวเองมันเป็นยังไง ทั้งขนลุกเพราะต้องมีเรื่องอย่างว่ากับไอ้คีย์ ทั้งต้องมานั่งอายเพราะรู้สึกเหมือนว่ากำลังนอนแก้ผ้ากับไอ้คีย์ให้คนอ่านฟัง หน้าที่ร้อนเห่อตอนนี้คงแดงเหมือนลูกตำลึงสุก เฮ้ย ไม่ได้ปะ ลูกตำลึงมันสีม่วงนิ เอาใหม่ๆ แดงเหมือนมะเขือเทศสุก
“เป็นไงเพลง ฟินม่ะ”
“ฟินกับผีน่ะสิ เอาคืนไปเลย ถ้าฟินก็เก็บไว้อ่านกันเอง ไม่ต้องเอามาให้กูอ่าน”
“แต่มึงหน้าแดงเด้อ”
“อากาศมันร้อนเว้ย”
“อ้าวพี่ไนท์หวัดดีค่ะ” ผมหันไปตามสายตาของเพื่อนสาว
“หวัดดีพี่” ผมทักแกบ้าง
“เออดี อะกูซื้อมาให้”
“ขอบคุณครับ” ผมรับขนมกับไก่ทอดผู้พันจากแก
“หูยยย อิจฉาอ่าาา พี่รหัสหนูไม่เห็นซื้ออะไรมาให้บ้างเลย” เพื่อนกะเทยนางหนึ่งพูดขึ้น
“เชิญอิจฉาตามสบายเลยไปนะ เพราะยังไงกูก็จะกินคนเดียว ไม่แบ่งให้พวกมึง มึง มึง หรอก” ผมพูดข่มขำๆ
“ตะกละนะมึง กูซื้อถังใหญ่มาให้ แบ่งเพื่อนบ้างก็ได้จะกินคนเดียวยังไงไหว”
“พูดเล่นหรอกน่า แล้วนี่พี่มาทำอะไรอะ”
“ก็แวะมาดูพวกมึงนี่แหละ เห็นเพื่อนกูบอกว่านัดกันทำของไปเชียร์ไอ้กันต์กัน แล้วมึงไม่ช่วยเพื่อนอะ นั่งแดกขนมอย่างเดียวเลย”
“ไปช่วยมาแล้ว แล้วก็โดนไล่มาแล้ว เลยต้องมานั่งหาวเป็น สอวอ ในสภาเนี่ย”
“อุ้ย คุณตำนวดฮับป๋มไม่เกี่ยวนะฮาบบบ” พี่ไนท์ยกมือขึ้นทำท่าประกอบ
“ตำนวดอะไร น่ารักตายแหละ”
“น่ารักให้ตายยังไงก็สู้มึงไม่ได้หรอก ไปละ กูแวะมาดูเฉยๆ”
“หวัดดีครับ”
“เออดี” ผมบอกลาด้วยคำสุภาพแล้วมองพี่แกเดินจากไป เมื่อกี้พี่มันชมผมป่าวว่ะ
“ฮั่นแน่~”
“อะไร!” พอหันกลับมา พวกเพื่อนก็ทำเสียงทำหน้าล้อเลียนใหญ่
“นี่กูต้องจิ้นคู่ใหม่ม่ะ”
“ว้ายยย รูปนี้มันได้ว่ะ” รูปไรว่ะ
“กรี๊ดดดด” แล้วกรี๊ดเหี้ยไรกันอีก คงไม่ใช่เรื่องกูอีกนะ
อ่ะ!
ไอ้คีย์เฟสไทม์มา
“ไง” ผมทักมันไป
[เหนื่อยยยย] ผมมองสีหน้าของมันจากในจอ เห็นไกลๆ ออกไปน่าจะเป็นพวกคนที่ประกวดดาว-เดือน
“มีไรเปล่า”
[เปล่า พอดีพักน่ะ เลยโทรหามึง]
“มองหาใคร” ผมถามมันที่ดูมีสายตาล่อกแล่กไปมาเหมือนมองหาใครผ่านจอมาที่ด้านหลังผม
[มึงทำไรอยู่]
“ทำป้ายไปเชียร์ไอ้กันต์กับแก้วน่ะ”
[ทำให้กูด้วยปะ]
“กูจะทำให้มึงทำไม ของมึงก็ให้คณะมึงทำไปดิ”
[ไม่อะ กูอยากได้ป้ายเชียร์จากมึงมากกว่า]
“งั้นก็ฝันไปเถอะ ขนาดกูมาช่วยเพื่อนคณะ ยังถูกไล่ให้มานั่งง่าวๆ เลย”
[ไปทำตัวซุ่มซ่ามแล้วทำเขาวุ่นวายกันล่ะสิ]
“ป่าวซะหน่อย”
[แล้วมีใครบ้างอะ]
“ก็เพื่อนคณะ” ผมสลับกล้องหลังแล้วแพนให้มันดูรอบๆ
[มึงกินข้าวยัง]
“ข้าวยังไม่ได้กิน แต่ว่ากูมีนี่” ผมชูถังไก่ทอดที่พี่ไนท์เอามาให้อวดมัน
[กินไก่เยอะๆ ระวังเป็นเก๊านะมึง]
“เก๊ารักเต่งเหรอ” เห้ย! ลั่น!
[หืมม จีบกูเหรอ] เชี้ยแล้วไง!
“เล่นมุกไง”
[เก่ามากกกก]
“ใครจะจีบมึงกัน พอดีจังหวะมันได้ แค่นี้นะ” ผมรีบกดวางสายทันที ให้ตายเถอะเจนนุ่นโบว์ คุณเคยไหมเวลามีคนส่งมุกหรือพูดประโยคที่มันต่อมุกได้อ่ะ ผมก็เช่นกัน ลั่นออกไปไม่คิดอะไร พอพูดเสร็จถึงได้คิดได้ โถ่วววเว้ย
“แน่ะ! กูได้ยินนะ”
“เหี้ย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ตกใจหมด ไอ้ห่าเป้
“มาทันได้ยินมึงจิ๊จ๊ะกับไอ้คีย์ เก๊ารักเต่ง แหวะ ขนาดกูกับแฟนที่ผ่านมาทั้งห้าร้อยกว่าคนยังไม่หวานขนาดนี้เลย”
“เล่นมุกมั้ย” ผมส่งสายตาเข้มๆ ไปให้ เข้าใจผิดกันไปถึงไหนแล้วเนี่ย
“เพลง ตกลงไก่นี้กินได้ไหม” เพื่อนสาวสองพุ่งเข้ามาถามถึงไก่ สงสัยจะหิวกันแล้ว
“ไม่ได้” แกล้งมันเล่นๆ น่ะครับ
“ขอบใจจ้ะ” แต่ก็แค่นั้นแหละ เพราะเพื่อนมัน...
“หน้าด้าน”
“อุ้ย ยอมรับ” พูดจบก็หยิบถังไก่ทอดเดินดุ่มๆ ไปหาพวกที่ทำงานกันอยู่ เชื่อเขาเลย
หลังจากมินิปาร์ตี้ไก่ผู้พันจากพี่ไนท์จบลง ความขี้เกียจก็เข้ามาแทน ทุกคนเลยตกลงแยกย้ายกันกลับ เป็นอันว่าพรุ่งนี้ค่อยมาทำกันต่อ
ผมเดินกลับหอในกับเพื่อนที่พักหอใน การทำกิจกรรมด้วยกันนี่ก็ดีเนาะ ได้สนิทกับเพื่อนในคณะไปอีกนิดหนึ่ง

โอ๊ยยยย
ปวดหัวแต่เช้า สงสัยเช้านี้คงต้องขอบายแล้วล่ะ
“โหลวววว เช้านี้ไม่ไปเรียนนะฝากลาจารย์ด้วย” ผมส่งคลิปเสียงเข้าแชทกลุ่มแล้วนอนสลบเหมือดให้หายปวดหัว
“ไอ้เพลง มึงไม่ไปเรียนเหรอ”
“ปวดหัวววว” ผมครางตอบไอ้ไก่ออกไป
“งั้นก็กินข้าวแล้วก็กินยาซะนะ”
“อืม~” ตอบมันสั้นๆ ตัดรำคาญ คนยิ่งปวดหัวชวนคุยอยู่นั่น ไปเรียนได้แล้วโว๊ยยยย ไอ้กอไก่ ผมทำได้แค่บอกมันในใจ เพราะร่างกายไม่เอื้อให้ลุกมาแหกปากจริงๆ ตอนนี้
ผมตื่นมาอีกทีตอนบ่ายๆ เพราะหิวข้าว พอดีกับเพื่อนๆ ผู้น่ารักเอาข้าวต้มกับยามาให้
“ขอบใจ”
“ขอบใจไอ้คีย์ด้วยล่ะ ข้าวต้มกับยานี่ก็ของมัน” ไอ้ดลว่า
“แล้วมันไม่มาเองล่ะ”
“มันอยู่ซ้อมดาวเดือนมันนั่นแหละ เย็นนี้ก็ขึ้นประกวดแล้ว ว่าแต่มึงเหอะ ไหวป่ะเนี่ย”
“โอเคแหละนอนพักอีกสักแป๊บก็คงดีขึ้น” ผมตอบไอ้เป้
“งั้นพวกกูไม่กวนแล้ว ไปนะ”
“เออ ไปเรียนเหอะ” พอพวกมันออกจากห้องไปแทนที่ผมจะพักผ่อนดันมีคนโทรศัพท์เข้า
“โหลลลล”
[ไง ไม่สบายเหรอมึง]
“อืม ขอบใจเรื่องข้าวต้มกับยานะ”
[ไม่เป็นไรหรอก เป็นไงบ้าง]
“ก็ดีขึ้นแล้วแต่ยังปวดหัวอยู่นิดหน่อย”
[งั้นก็นอนพักซะ เย็นนี้ก็ไม่ต้องไปงานเฟรชชี่ไนท์]
“อยากไป” ครั้งหนึ่งในชีวิตการเป็นเฟรชชี่เลยนะ อยากไปสัมผัสบรรยากาศคอนเสิร์ตร่วมกับเพื่อนๆ
[อย่าดื้อ เดี๋ยวก็เอาหวัดไปติดคนอื่นอีก ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน เข้าใจนะ รุ่นพี่เรียกกูแล้ว กูไปนะ]
“เออ” ผมตอบคุณแม่คีตะสั้นๆ ที่บ่นยืดยาวเป็นพรหลวงพ่อบิณฑบาตตอนเช้า
ปวดหัวอีกแล้ว สงสัยคงต้องนอนพักอีกสักหน่อย แต่ด้วยนิสัยของคนปกติอย่างเราๆ ก่อนพักขอท่องโลกโซเชี่ยลแป๊บ
อืม... ทวิตเตอร์ไม่มีอะไรน่าสนใจ
เฟสบุ๊ค..... นั่นมันกูกับพี่ไนท์นี่หว่า

-เปลี่ยนเรือทันไหม #ไนท์เพลง
-เขาเป็นสายรหัสกัน
-นุ้งเพลงไปอยู่กับใครเคมีมันได้หมดเลยเนาะ


แค่พี่ไนท์เอาไก่มาให้ นั่งคุยสองสามประโยค จิ้นกันเป็นตุตะเหมือนกูสมัยจิ้นไอ้คีย์กับไอ้มิวเลย ฮ่าๆๆๆ

-#ไนท์เพลงก็แค่เรือเช่า นี่ค่ะเรือของจริง

คอมเม้นพร้อมคลิปผมคอลกับไอ้คีย์เมื่อวาน เสียงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แต่มีคนแปลให้

-เขาคุยไรกันอะ
-คีย์บอกให้เพลงกินไก่น้อยๆ กลัวเพลงเป็นเก๊า เพลงเลยตอบกลับไป เก๊ารักเต่ง เรารู้เราอยู่ในเหตุการณ์
-กรี๊ดดดด จริงหลอ
-ยืนยันอีกเสียงว่าจริง


ซึ่งคนแปลก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แก๊งสาววายประจำคณะนี่แหละ ผมอมยิ้มขำๆ แล้วปิดเปลือกตาที่เริ่มเคลิ้มๆ ลงอีกครั้ง
อืออออ
สะดุ้งตื่นอีกครั้งเพราะเสียงโทรปลุกจากเพื่อน
[เพลงมึงมาป่ะ]
“คงไม่ไหวว่ะ” ผมมองออกไปนอกห้องตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว แต่หัวก็ยังมึนๆ นิดหน่อยยิ่งมาตื่นตอนค่ำยิ่งแล้วใหญ่
[อาจารย์แม่งปล่อยช้าสัส นี่พวกกูพึงออกจากห้อง ให้พวกกูซื้อข้าวไปให้ไหม มึงกินไรยัง]
“ไม่ต้องอะ เดี๋ยวกูลงไปซื้อเอง”
[เอางั้นเหรอ]
“อืม”
[งั้นพวกกูไม่แวะไปหาแล้วนะ อย่าลืมกินยาล่ะ]
“อืม พวกมึงไปกันเถอะ” หลังจากวางสายพวกมันไป ผมก็ล้มตัวนอนมองเพดานหาแรงจูงใจลุกไปอาบ
ขี้เกียจจัง~

ผมมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์แสดงภาพผีบ้าที่ชอบโทรหาบ่อยๆ ช่วงนี้ มันกำลังเฟสไทม์มาหาครับ
“คีย์~” ผมเรียกชื่อมัน
[ไหวป่ะเนี่ย ทำไมมืดแบบนั้นอ่ะ]
“พึ่งตื่นยังไม่ได้ลุกไปเปิดไฟ” ผมตอบไอ้คีย์ที่อยู่ในชุดนักศึกษาแต่แต่งหน้าแน่นยิ่งกว่าพระเอกลิเก
[กินข้าวยัง]
“ก็บอกว่าพึ่งตื่น จะกินข้าวได้ไงเล่า”
[โทษๆ ลืม แล้วไปหาอะไรกินไหวไหมเนี่ย]
“พอไหวแหละ ว่าแต่มึงเหอะ โทรมาทำไม ไม่ไปเตรียมตัวประกวดล่ะ” ผมมองภาพข้างหลังมัน ที่ตอนนี้ดูวุ่นวายน่าดูเลย
[ตื่นเต้นอะ เลยโทรมาหา]
“เกี่ยวไรกับกู”
[หาที่พักสายตา จะได้หายตื่นเต้น]
“พักสายตาเถอะนะคนดี หลับลงตรงนี้ ที่ที่มีแต่เราสองคน…..” เชี่ย! ลั่นอีกแล้ว ช่วงนี้ลั่นบ่อยนะกูอ่ะ
[จีบกูป่ะเนี่ย]
“จีบเหี้ยไร จังหวะมันได้เว้ย”
[หึ~] ยังจะส่งยิ้มมาอีก
“ไม่ต้องมาขำ มึงไปเตรียมตัวได้แล้ว”
[ครับๆ มึงก็ไปกินข้าวกินยาแล้วพักซะ]
“เอ่อๆ รู้แล้วน่า”
[งั้นกูไปนะ]
“เดี๋ยว!” พอมันกำลังจะกดวางสาย จู่ๆ ปากผมก็เรียกมันเอาไว้ เอาไงดีว่ะ พูดหรือไม่พูด พูดไปมันจะคิดว่าผมชอบมันป่าวว่ะ แต่ผมอยากให้กำลังใจเพื่อนนิน่า คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
[อะไร~]
“สู้ๆ แค่นี้แหละ” ไอ้เหี้ยยยย พูดแค่นั้นทำไมต้องเขิน หมายถึงกูเนี่ยทำไมต้องเขิน โอ๊ยยยๆๆ หน้าร้อนอีกแล้วสงสัยไข้จะขึ้น
[ขอบคุณครับ] ครับเหรอ คุณเคยใจเต้นแรงเพราะคำว่า “ครับ” ไหม ทำไมหัวใจผมมันเต้นแรงขนาดนี้ว่ะ สงสัยไข้จะตีกลับมาอีกแล้ว
ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินไปโรงอาหาร ยังคงมึนหัวไม่หายเลย แต่ก็พอช่วยตัวเองไหว

“เพลงไม่ไปงานเฟรชชี่ไนท์เหรอ”
“ไม่ค่อยสบายน่ะ” ผมตอบใครก็ไม่รู้ที่ตะโกนถามออกมาจากกลุ่มผู้หญิง ที่คาดว่าน่าจะกำลังไปงานคืนนี้เพราะเห็นพวกเธอใส่เสื้อเฟรชชี่รุ่นพวกผม
“งี้คีย์ก็ขาดกำลังใจแย่อ่ะดิ” ใครคนหนึ่งพูดแล้วพวกเขาก็หันไปหัวเราะเขินๆ ให้กัน ผมยิ้มตอบกลับแล้วเดินไปสั่งข้าวราดแกง โรงอาหารตอนนี้โล่งกว่าทุกวันมาก สงสัยเพื่อนๆ คงไปออกันที่โรงประชุมแล้วล่ะ อยากไปจัง เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมนะ...
น่าจะทันแหละ
แต่คิดว่าคงไม่ไปดีกว่า กว่างานจะเลิก กว่าคอนเสิร์ตจะเล่น หัวผมคงระเบิดพอดี เซฟชีวิตตัวเองก่อนแล้วกัน
ผมนั่งกินข้าวไปได้สองสามคำก็ฝืนกลืนต่อไปไม่ไหว เลยจำใจต้องเททิ้ง ลูกช้างตัวน้อยๆ ขอขมาพระแม่ธรณีและพระแม่โพสพด้วยนะพะยะคะ แดกต่อไปไม่ไหวจริงๆ
ผมกลับมาที่ห้องเปิดดูไลฟ์งานยังไม่เริ่ม เลยแวะเข้าไปท่องโลกโซเชียลสักหน่อย วันนี้แทบไม่ได้เล่นเลยทั้งวัน ไม่รู้มีอะไรให้เผือกบ้าง
หน้าทวิตวันนี้เงียบกริบ
ในเฟสบุ๊คก็มีแต่ดราม่าแฟนทิ้ง ไม่ก็อวดแฟนใหม่
เพจไอ้คีย์กับไอ้มิวก็ปิดไปแล้ว เอ๊ะ! มีคนสร้างใหม่ว่ะ ขออนุญาตเข้าไปเข้าสาระแนหน่อยนะคร้าบบบบ
รูปภาพที่โพสต์ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปเก่าๆ โมเม้นเดิมๆ จากเพจที่ผมเคยทำทั้งนั้นเลย มีรูปใหม่ๆ ก็รูปที่พวกมันเดินไปเรียนด้วยกันกับเพื่อนคนอื่นๆ ทำไมเรือมันแห้งกรังเหมือนดินขาดน้ำขนาดนี้ว่ะ

-เรือเราทำไมมันเหงาขนาดนี้ว่ะ
-กัปตันเรามัวแต่ไปจีบคนอื่นน่ะสิ
-แอดมิน ช่วยหาโมเมนต์ใหม่ๆ มาเสิร์ฟหน่อยจร้าาา
-คืนนี้คีย์ประกวดเดือน มีโมเมนต์แน่
-กลัวจะมีแต่กับอีกคนน่ะสิ ช่วงนี้ขยันสร้างโมเม้นเกิดหน้าเกินตา


ว่ากูเหรอว่ะ....?

-เกลียดอ่ะ ไม่อิน มาทีหลังแท้ๆ
-ดูก็รู้ว่าเฟค
-ไม่ชอบ เพ_ง กดไลค์
-เขาชื่ออะไร บด บด นะ อ๋อ บทสวดศพ 55555


เห้ยไรว่ะ ทำไมยิ่งอ่านยิ่งมีแต่คอมเม้นด่ากูอ่ะ ทำไมแอดมินไม่เตือนไม่บล็อกว่ะ ตอนกูเป็นแอดมินนี่ไล่บล็อกรั่วๆ เลยนะตอนไอ้คีย์ไปมีแฟนอ่ะ ยิ่งอ่านยิ่งปวดหัว เข้าเพจคู่จิ้นกูดีกว่า

-เมื่อกี้เจอเพลงที่โรงอาหารหอใน

ท๊อปคอมเม้นของโพสต์ล่าสุดพิมพ์แบบนั้นพร้อมรูปภาพผมยืนชี้กับข้าวในชุดเตรียมนอน

-ถ่ายเมื่อไหร่
-ทำไมเพลงใส่ชุดนอน
-เพลงไม่ไปดูคีย์เหรอ
-หรือว่าเขาทะเลาะกัน
-สมน้ำหน้า
-เพลงบอกว่าไม่สบาย
-วันนี้เพลงไม่ไปเรียนทั้งวัน
-งูยยย นุ่งเพลงงง หายไวๆ นะ
-เสียดายอ่าาาา
-อดถ่ายรูปเลยคืนนี้
-สิ่งที่ชั้นหวังว่าจะได้เห็นโมเม้นคืนนี้พังพินาศหมด


ผมอ่านแต่ละคอมเม้นแล้วก็เข้าใจพวกเขาดีครับว่ามันเป็นยังไง เพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน ผมเข้าไปกดไลค์ให้คอมเม้นดีๆ ที่ไม่ได้ด่าผมให้พวกเธอมีแรงไปเต้นในคอนเสิร์ตคืนนี้

บทเพลง
ผมไม่ค่อยสบาย ฝากเต้นเผื่อด้วยนะครับ

ผมเข้าไปคอมเม้นแป๊บเดียว ก็ถูกแคบหน้าจอมาลงอีกโพสต์ทันที หลังจากนั้นก็นั่งอ่านคอมเม้นเพลินเลย


-หายไวๆ นะเพลง
-ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะคะ
-น้องเพลงงงงง TT
-อดทำเนียนไปเต้นด้วยเลย


ผมยิ่งอ่านผมยิ่งสุขใจ ทำไมถึงมีคนมากมายเป็นห่วงผมทั้งที่ผมไม่เคยรู้จักพวกเธอเลย คงเป็นเพราะสาววายอยู่ได้ด้วยโมเม้นคู่ชิป ส่วนผมก็ยิ้มได้ด้วยกำลังใจ

บทเพลง
ขอบคุณทุกคนนะครับ ฝากสนุกแล้วก็ฝากเชียร์ไอ้คีย์ด้วยนะครับ

เพจนี่ถูกสร้างขึ้นมาเพราะผมและมัน ถึงคืนนี้ไม่ได้มีโมเมนต์ที่ทุกคนรอคอย แต่สร้างโมเมนต์ให้ฟินเล็กๆ ก็ยังดี เหมือนจะเป็นการสร้างกระแส แต่ใจจริงผมก็อยากให้คนเชียร์ไอ้คีย์เยอะๆ นะ เห็นมันซ้อมประกวดตั้งหลายวัน แถมบางวันยังต้องหยุดเรียนอีก ได้ยินเสียงเชียร์เยอะๆ มันจะได้มีแรงไปปั้นหน้าสู้คนอื่นเขา

ผมเปิดโน้ตบุ๊คดูไลฟ์ของมหาลัย เลิกสนใจแจ้งเตือนเฟสบุ๊คชั่วคราวเพราะต้องคอยให้กำลังเพื่อนคณะอย่างแก้วแล้วก็ไอ้กันต์ และที่สำคัญก็คือไอ้คีย์ ทำไมถึงใช้คำว่าสำคัญกับมันว่ะ.....?
บนเวทีตอนนี้มีแต่คนสวยหล่อทั้งนั้น เลือกแทนกรรมการโคตรยากเลยดาว-เดือนแต่ละคณะแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาของการแสดงที่แต่ละคณะเตรียมมา
น่าเบื่อใช้ได้เลยแฮะ จากที่วางโทรศัพท์เลยต้องหยิบขึ้นมาจิ้มแก้เบื่อสักหน่อย แจ้งเตือนตอนนี้ยังคงมาจากโพสต์เดิมที่ผมไปตอบคอมเม้นมา

บทเพลง
ฝากซื้อดอกไม้ให้ไอ้คีย์หนึ่งดอกนะครับ

ดอกกุหลาบหน้างานจะถูกใช่เป็นคะแนนป๊อปปูล่าโหวตน่ะครับ คนหล่อเต็มเวที ไอ้คีย์ลุ้นยากเหมือนกันแฮะ ยังดีหน่อยที่มันมีแฟนคลับ คีย์เพลง อยู่บ้าง ขอให้มันได้รางวัลป๊อปปูล่าโหวตก็ยังดี นี่ผมเอาใจช่วยมันอยู่เหรอว่ะ แน่นอนดิ มันก็เพื่อนผมคนหนึ่งนิเนอะ
การแสดงถูกรันไปเรื่อยๆ การแสดงส่วนใหญ่ก็เป็นการแสดงละครเวทีเล็กๆ คณะผมก็เช่นกัน ส่วนคณะไอ้คีย์เป็นโชว์ร้องเพลงกับเต้นรำครับ ผมแปลกใจเหมือนกัน เพราะตอนไปดูซ้อมมันเล่นละครเวทีนิน่า แต่ว่าโชว์มันตอนนี้ก็ทำได้ดีมากๆ เลย โดยเฉพาะกรุ๊งกริ้ง สวยไม่พอเสียงร้องโอเปร่ามาเต็ม ไม่น่าเชื่อเลย ด้านไอ้คีย์ก็นั่งเก๊กหล่อดีดกีตาร์ ร้องเพลงสากลเบาๆ เพลงอะไรก็ไม่รู้ ผมไม่เคยฟัง แต่ว่ามันเพราะมากๆ เลยแหละ ไว้คราวหลังจะถามมัน
ตอนนี้ดาว-เดือนแต่ละคณะกลับขึ้นมาบนเวทีในชุดนักศึกษาอีกครั้ง ตอนนี้เขาจะประกาศผลป๊อปปูล่าโหวต และประกาศคนเข้ารอบเพื่อไปตอบคำถาม
ผมที่อุตส่าห์ไปบิ้วชิปเปอร์คีย์เพลงก็ไม่ผิดหวัง เพราะไอ้คีย์มันได้รางวัลนี้ครับ แต่ก็น่าเสียดายที่มันไม่ได้เข้ารอบต่อไป

“ไง” ผมทักทายคนในจอโทรศัพท์
[ได้มาหนึ่งรางวัล แล้วมึงอะ ยังไม่นอน]
“นอนไม่หลับ” เล่นนอนมาทั้งวัน พอถึงเวลานอนจริงๆ ข่มตาหลับไม่ลงซะงั้น
[นอนไม่หลับหรือแอบเชียร์กูอยู่กันแน่]
“ใครเชียร์มึงกัน กูเชียร์เพื่อนกูเว้ย”
[แล้วกูอะไม่ใช่เพื่อนมึงเหรอ]
“มึงก็....”
[กูเห็นนะที่มึงไปคอมเม้นในเพจน่ะ ขอบใจนะ]
“แค่เวทนามึงหรอก ดูยังไงก็รู้ว่ามึงไม่เข้ารอบแน่ๆ”
[อืม….] มันตอบหน้าหงอยๆ เห้ยไรว่ะ ทำไมกูต้องรู้สึกผิดอ่ะ
“ไอ้คีย์~ เป็นไร”
[เปล่า]
“เปล่าแล้วทำหน้าหงอยๆ หาส้นตีนไร”
[เปล่านิ]
“เปล่าแปลว่ามีอะไร เอาน่าไม่เข้ารอบก็ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่างน้อยๆ มึงก็หล่อที่สุดในคณะนะ” พูดปลอบมันซะหน่อยทำหน้าหงอยเหมือนหมาถูกทิ้งแล้วเวทนา
[เพลงอยู่คนเดียวเหงาปะ]
“ก็นิดหน่อย”
[ให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนไหม]
“งั้นกูไม่เหงาแล้ว”
[เหงาแหละดูออก]
“มึงจะมาทำไม อยู่สนุกกับเพื่อนๆ ไปเถอะ” ผมเหงาจริงๆ นั่นแหละ แต่อยากปากแข็งไง
[แล้วมึงอะ]
“กูเต้นกับเพื่อนผ่านไลฟ์ได้”
[เต้นคนเดียวจะสนุกได้ไง]
“เหอะน่า เรื่องของกู แค่นี้นะ ไอ้กันต์กับแก้วจะตอบคำถามแล้ว” ผมกดวางสายจากมันเพื่อมาฟังไอ้กันต์กับแก้วตอบคำถามรอบสุดท้าย ดาวเดือนคณะเราปีนี้ใช่ย่อยแฮะ เข้ารอบทั้งคู่ ตอบคำถามก็ใช้ได้ แต่เสียดายไม่ได้ตำแหน่งทั้งคู่ ผมมองภาพรวมคนสวยหล่อของมหาวิทยาลัยถ่ายรูปร่วมกันบนเวที ทั้งที่คนบนเวทีมีตั้งมากมาย แต่ในสายตาผมกลับมีใครบางคนที่โดดเด่นเกินกว่าใคร.....
หลังจากเสร็จสิ้นการประกวดดาวเดือน ก็ได้เวลาปลดปล่อยของเหล่าเฟรชชี่ หูยยยย หยักไปๆ ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว ตอนเย็นไม่น่าลังเลเลย น่าจะไปให้มันจบๆ เสียดายสุดๆ ป่านนี้พวกไอ้เป้ไอ้ดลคงสนุกน่าดูอิจฉาสัสๆ อย่าให้กูหายดีนะ กูจะไปยึดเส้นยืดสายบ้าง

ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ใครมาเวลาว่ะ
ผมเดินไปเปิดประตูก็เจอไอ้หล่อพระเอกลิเกยืนอยู่หน้าห้อง
“ไอ้คีย์”
“เข้าไปหน่อยดิ” ผมเบี่ยงตัวหลบให้มันเดินเข้ามาในห้อง มันอยู่ในชุดนักศึกษา หน้าแน่นเหมือนเดิม ข้างหลังมีกระเป๋าเป้ ในมือถือถุงใส่กล่องโฟมมาด้วย ข้างในน่าจะเป็นของกินเพราะได้กลิ่นหอมๆ ลอยออกมา ถ้าให้เดาน่าจะเป็นไก่ย่าง
“เช็ดน้ำลายหน่อย” ไม่ว่าเปล่ามันเอามือเค็มๆ ของมันมาป้ายปากของผม
“อี๋สกปรก” ไม่รู้ว่าไปหยิบจับอะไรมาบ้าง เค็มฉิบหาย
“เมื่อกี้ไปฉี่มา ยังไม่ได้ล้างมือเลย”
“สัส” ผมดึงแขนเสื้อมันมาถูๆ ปากตัวเองสองสามที
“แล้วมึงมาทำไม ไม่ไปสนุกกับเพื่อนอ่ะ”
“เหนื่อยว่ะอยากพัก”
“แล้วมาห้องกูทำไมมิทราบ ทำไมไม่กลับห้องตัวเองไปล่ะ”
“อยากพักแต่อยากสนุก เลยแวะมาดูคอนกับมึงไง”
“เหรออออ”
“เออดิ ไปอาบน้ำก่อนนะ” มันว่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเลย นี่เตรียมตัวมาค้างที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วป่าว ทั้งเสื้อผ้า แปรงสีฟัน ครบเลย

“มึงกินข้าวยัง”
“ยัง” ผมตอบอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นมันนั่งบนพื้นแกะกล่องโฟมออกมา แล้วปรากฏร่างกายอันเปลือยเปล่าของน้องไก่ที่นอนแน่นิ่งรอให้พวกเราลิ้มลอง
“มากินด้วยกันดิ ลำพังกูกินไม่หมดหรอก”
“ไม่เกรงใจล่ะน้าาาาา” ผมลงไปนั่งพื้นทันที
“เห็นแกกิน”
“ยอมรับ” มันส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วก้มลงจัดการไก่ของมัน ผมก็เช่นกัน
“หายดีแล้วเหรอ ป่านนี้ถึงยังไม่ยอมนอน” ไอ้คีย์ยกหลังมือมาแตะที่หน้าผากผมเบาๆ
“ดีขึ้นมาก แล้วก็นอนไม่หลับอยากออกไปปลดปล่อย”
“ยังไม่หายดีปลดปล่อยกับกูที่ห้องนี่แหละ”
“เตรียมตัวมาดี กะจะมาค้างที่นี่ตั้งแต่แรก?”
“อืม ขอไอ้ไก่ไว้อะ คิดว่าคงเหนื่อยเกินกว่าจะกลับห้องตัวเอง”
“แล้วรางวัลป๊อปปูล่าได้ไรบ้าง”
“ตังค์พันห้ากับดอกไม้หนึ่งช่อ เดี๋ยวคงมีฉลองหลังจากจบงานอะ”
“เสียใจปะไม่เข้ารอบอะ”
“ไม่อะ ไม่ได้หวังไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“เออตอนมึงร้องเพลงอะ เพลงไรเหรอ เพราะดีกูชอบ”
“เพลง เอฟ'เวอลาส'ทิง น่ะเหรอ”
“ไม่รู้ ถ้ารู้จะถามทำไมเล่า”
“แล้วรู้ความหมายของเพลงนี้ปะ”
“ไม่อ่ะ กูโง่ภาษาอังกฤษ”
“หึ~ ไว้จะหาคลิปที่มีคนแปลเนื้อส่งให้” หลังจากกินเสร็จไอ้คีย์ต้องเป็นคนเก็บกวาดแน่นอนเพราะมันเป็นคนเอามา ส่วนผมก็เสด็จกลับพระที่นอนนั่งดูไลฟ์จากงานเฟรชชี่ไนท์ต่อ
“ดูด้วยดิ” ไอ้คีย์ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงเช่นเดียวกันกับผม ภาพตรงหน้าคงสนุกน่าดู เจ็บใจ อยากไปดิ้น
“ขอเสียงคนที่กำลังมีความรักหน่อยได้ไหม”
“วู้วๆ” ผมส่งเสียงตอบเสียงนักร้องที่ดังลอดออกมาจากโน้ตบุ๊ค
“เพลงต่อไปนี้ ขอมอบมันให้กับคนที่กำลังแอบรักคนข้างๆ 9 นาฬิกาครับ” สิ้นเสียงพูดดนตรีก็เริ่มบรรเลง
.
.
.
[มีต่ออีกนิด]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2020 21:02:26 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -05-
«ตอบ #9 เมื่อ15-11-2020 21:08:14 »

.
.
.
[ต่อจร้าาา]


เป็นเพราะความบังเอิญหรือใครลิขิต
ให้ชีวิตฉันได้พบกับเธอ....


เสียงเพลงเริ่มบรรเลงขึ้น

คนที่ธรรมดาแต่ดูช่างเลิศเลอ
อยู่ข้างฉันด้วยกันตอนนี้


เสียงเพื่อนๆ ในงานพร้อมใจกันร้องผสานขึ้น เช่นเดียวกับไอ้คีย์ที่นั่งร้องเพลงคลอเบาๆ ข้างๆ ผม

ยิ่งใกล้เท่าไรก็ยิ่งหวั่นไหว
อยากจะถามเธอมากับใครหรือไม่มี
แต่ทำได้แค่มอง ไม่ยอมทำอะไรสักที....


ผมโยกหัวตามจังหวะของเพลง

แล้วฉันจะพูดอย่างไรเพื่อให้เธอได้เข้าใจ
ให้รู้ว่ามีความรักมาจากคนข้างข้างกาย
จะต้องทำยังไงช่วยบอกฉัน เพื่อไม่ให้เธอนั้นเดินผ่านไป
โว้โว


เสียงเพลงที่ไอ้คีย์ร้องคลอมาตลอด จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามันดังและชัดเจนขึ้นมา ทั้งที่มันก็ไม่ได้เปล่งเสียงดังกว่าเดิมเลยด้วยซ้ำ

“ความรักมันเต็มท่วมตัวกับใจยังไม่กล้า
หลงรักคนนั่งข้างซ้ายตรงที่เก้านาฬิกา”


ไม่ว่ามันบังเอิญหรืออะไร ทำให้ผมหันไปมองมันที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว ไอ้คีย์ยังคงขยับปากร้องเพลงต่อไป ทั้งที่เรายังคงมองกันอยู่อย่างนั้น

“ก่อนเสียงเพลงบรรเลงท่อนสุดท้าย
ฉันต้องทำยังไงเพื่อได้เธอมา ก่อนที่ใครจะคว้าไป....”


เป็นผมเองที่หลบสายตามันก่อน จู่ๆ ใจก็เต้นรั่วเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้ เชี่ยยยเอ้ยยย เกิดไรขึ้นกับกูว่ะ
“หน้ามึงแดงๆ ไข้ขึ้นหรือเปล่า” ไอ้คีย์เอามือมาแตะที่หน้าผากผมแผ่วเบา
“คงงั้นอะ” ผมตอบทั้งที่ไม่กล้าหันไปมองมัน ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่ามันยังมองมาที่ผม แต่ความรู้สึกของผมบอกว่ามันยังจ้องอยู่
หันไปมองทางอื่นสิไอ้เวร ผมพยายามทำเป็นสนใจหน้าจอข้างหน้าทั้งที่ในใจมันกระวนกระวายเพราะคนข้างๆ มากกว่า ทำตัวไม่ถูกโว้ยยยยยย
“เพลงโทรศัพท์” ผมรีบคว้าโทรศัพท์ที่มันยื่นมาให้ ขอบใจไอ้ดลที่โทรมาตอนนี้
ผมกดรับโทรศัพท์ทันที พวกมันเฟสไทม์เข้ามาหาจากในงานตอนนี้
[ไอ้เพลง!!]
[สนุกมากไอ้เพลง]
[ตามมาๆ] เสียงพวกมันตะโกนแข่งกับเสียงดนตรีรอบตัว พวกมันแพลนกล้องให้ผมได้เห็นบรรยากาศในงาน
“อยากไปเหมือนกันแหละ” ผมตะโกนกลับไป
[ใครนั่งข้างๆ มึงว่ะ] เสียงตะโกนของไอ้เป้ ทำให้ผมต้องเบี่ยงกล้องให้มันเห็นว่าใครกันที่นั่งข้างผม ไอ้คีย์ยกมือทักทายพวกมัน
[ไรว่ะสัส อุตส่าห์เป็นห่วงกลัวเหงา ที่แท้ก็อยู่กับผัว]
“ไอ้สัสเป้ ผัวพ่องมึงสิ”
[พวกมึงๆ ไอ้เพลงๆ] ไอ้เป้ชูกล้องให้สูงเหนือหัวมัน สงสัยใช้ไม้เซลฟี่ ทำให้ผมเห็นภาพกว้างขึ้น เพื่อนแต่ละคนดิ้นกันอย่างกับตกนรก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
[เพลงงงง]
[คีย์...]
[กรี๊ดดดดด] เสียงตะโกนแข่งกับเสียงเพลงของเพื่อนๆ คณะดังลอดออกมา
[ไอ้เพลงมึงมีเพื่อนแล้ว งั้นแค่นี้นะ]
“เออๆ สนุกกันต่อเหอะพวกมึงน่ะ” ผมกดวางสายแล้วยิ้มให้หน้าจอ ขอบคุณนะที่ยังนึกถึงกู




…..



เพลงที่คีตะร้องบนเวทีชื่อ Everlasting ของ Albert Posis นะคะ ทุกคนสามารถไปหาฟังได้นะ  :mew1:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -05-
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-11-2020 21:08:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -06-
«ตอบ #10 เมื่อ16-11-2020 20:52:45 »

- 06 -


ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในวันหยุดแล้วหันไปมองเตียงข้างๆ ที่ว่างเปล่าไปแล้ว ไอ้คีย์มันตื่นเช้าจังแฮะ สงสัยจะกลับไปแล้ว
ผมควานหาโทรศัพท์ขึ้นมากดตามนิสัย

-เมื่อคืนหาน้องคีย์ไม่เจอว่าจะขอถ่ายรูป
-เจอคีย์หอใน
-น่าจะไปหาเพลงป่าว เห็นว่าไม่สบาย อิ อิ


คอมเม้นในเฟสบุ๊คที่มีคนแท็กรูปไอ้คีย์ที่ยืนอยู่บนเวทีเมื่อคืน
เลื่อนไปมาอีกหน่อยก็เจอโพสต์ของเพจคู่จิ้นผมเมื่อตีหนึ่งที่ผ่านมา

-ไปสืบมาว่าเพลงป่วยเลยอดมาดูคีย์ประกวดดาวเดือน แต่เดี๋ยวก่อน พอคีย์ประกวดเสร็จก็ไปหาเพลงทันที แนบรูปยืนยัน #เฟรชชี่ครั้งเดียวในชีวิตและจะเป็นตำนานตลอดไป #บทเพลงของคีตะ #คีย์เพลง

ผมกดดูรูปที่แอดมินเพจโพสต์ มันเป็นรูปที่ถ่ายจากจอมือถืออีกที มันเป็นตอนที่ผมเฟสไทม์กับเพื่อนๆ แล้วมีไอ้คีย์นั่งเบียดอยู่ข้างๆ

-ตายอย่างสงบศพสีชมพู
-จะให้สำลักความฟิน จะไม่ให้นอนให้ได้เลยใช่มั้ย
-คบกันแหละดูออก
-ห่วงกันขนาดนี้เปิดตัวเลยก็ได้จร้าาา
-คบกันชัวร์
-อิจฉาาาา
-หูยยยย ฟินนนน
-แกว่าเขาคบกันจริงๆ ปะ


ผมนอนอ่านคอมเม้นสักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง สงสัยไอ้ไก่จะกลับมาแล้ว
“ไงไอ้ไก่ เมื่อคืนไปตายที่ไหนมา”
“ตายในห้องนี่แหละ” ผมหันไปมองเมื่อเสียงพูดนั้น มันเป็นเสียงของไอ้คีย์ไม่ใช่ไอ้ไก่
“มึงยังไม่กลับเหรอ กูก็นึกว่าไอ้ไก่”
“ยัง กูลงไปซื้อข้าว รีบไปแปรงฟันแล้วมากินข้าว จะเที่ยงแล้ว”
“แป๊บบบ”
“ขาหมูหมดกูไม่รู้ด้วยนะ”
“เออๆๆ รู้แล้วๆ” ผมเอาโทรศัพท์ไปชาร์จแบตแล้วเข้ามาแปรงฟัน วันนี้คงไม่ออกไปไหน อาบน้ำก็คงไม่จำเป็น
“วันนี้วันเกิดไอ้มิว ฉลองที่ร้านหมูกระทะแม่มันอะ มันฝากชวนมึงด้วย”
“วันนี้วันเกิดไอ้มิวแล้วเหรอว่ะ”
“เอ่อดิ”
“กูยังไม่มีของขวัญวันเกิดให้มันเลย”
“ไม่ต้องให้มันหรอก บ้านมันรวยจะตายอยากได้อะไรเดี๋ยวมันซื้อเองแหละ” มึงมีของขวัญให้มันแล้วนิ มึงก็พูดได้ดิ
“ไปกินของฟรีร้านมันแล้วไม่มีอะไรให้สักอย่างน่าเกลียดตายเลย”
“น่าเกลียดอะไร มันไม่คิดอะไรหรอก”
“มึงก็พูดได้ดิ มึงมีของขวัญให้มันแล้วนิ”
“ของขวัญ? ของขวัญอะไร”
“เอ้า ก็เสื้อที่กูไปซื้อกับมึงตอนนั้นไง” ไอ้นี่ ทำเป็นเป็นลืม
“อ๋ออออ”
“ลืมง่ายเป็นปลาทองเลยนะมึงอะ”
“ก็มันไม่สำคัญอะไร”
“ตบปากตัวเองเท่าเม็ดข้าวเลยนะมึง นั่นเพื่อนสนิทมึงนะ”
“ไรว่ะ แค่นี้ทำขึ้น” ขึ้นดิ นั่นคู่จิ้นเบอร์หนึ่งใจกูเลยนะ ถึงตอนนี้จะเลิกจิ้นไปแล้ว แต่มันยังฝังรากลงไปในใจกูอยู่นะเว้ย ใช่จะลบออกวันนี้พรุ่งนี้
“นั่งคิดอะไรเพ้อเจ้อคนเดียว จะแดกไหมขาหมูน่ะ”
“แดกๆๆ” ผมรีบจิ้มหนังหมูสีแดงเข้มทะลุลงไปยังชั้นไขมันที่กำลังเยิ้มเพราะแรงเสียดสีและแรงกดจากการเสียบของซ้อมผ่านลงไปยังเนื้อนิ่ม อ่าาาา ฟินนนนนน ระหว่างที่มีฟามสุขกับการกิน ในหัวผมก็คิดไปด้วยว่าจะให้อะไรไอ้มิวมันดี
บ้านมันรวยถ้าอยากได้อะไรมันก็หาซื้อเองงั้นเหรอ...?
อืม......
“กูคิดออกแล้ว”
“คิดออกอะไร” ไอ้คีย์ขมวดคิ้วมองมา
“ก็ของขวัญให้ไอ้มิวไง กูจะทำวิดีโอให้มัน มึงต้องช่วยกูด้วยนะ”
“ช่วยยังไง”
“ช่วยหารูปมันตอนเด็กๆ ไง มึงรู้จักแม่มันนิ แล้วถ้าได้วิดีโอมาด้วยจะดีมากๆ” วิดีโอจากผมหนึ่งเดียวในโลก หาซื้อไม่ได้แน่นอน
หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว ผมก็ไล่ไอ้คีย์กลับไปหารูปไอ้มิวตอนเด็ก ส่วนผมก็นั่งหารูปไอ้มิวในเฟสบุ๊ค ในไอจี อย่างสบายใจ เพราะยังไงวันนี้ก็คงทำไม่เสร็จแน่นอน ตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว
ก็อกๆ
ใครวะ ไอ้ไก่เหรอ...?
ผมเปิดประตูไปเจอไอ้คีย์ยืนควงกุญแจรถอยู่หน้าห้อง
“ได้แล้วเหรอ”
“อืม” มันตอบสั้นๆ แล้วเดินเข้ามาในห้องอย่างคุ้นเคยประหนึ่งเป็นห้องมึงงั้นแหละ
“วางนี่นะ” มันวางแฟลชไดรฟ์ใกล้ๆ โน้ตบุ๊คผม
“รวดเร็วทันใจ มึงเอารถมาใช้เหรอ” เห็นมันยืนควงอยู่หน้าห้อง
“อืม มอไซค์น่ะ ไปเอามาใช้เมื่อวันก่อน”
“ดีๆ กูจะได้ยืมบ้าง”
“ไม่ให้ยืม”
“หวงของ”
“ป่าวหวงของ กูแค่ห่วงมึง”
“.....”
“ห่วงวันมึงจะทำรถกูเป็นรอย”
“สัส! ไม่ยืมก็ได้ ไอ้คนขี้งก”
“แต่ถ้าจะไปไหนบอกกูได้นะ กูอนุญาตให้มึงซ้อนได้”
“ไม่ให้กูขับกูไม่จ่ายค่าน้ำมันนะเว้ย” มันไหวไหล่แล้วเดินไปหยิบกีตาร์ไอ้ไก่มาดีดเล่น ส่วนผมก็หันไปสนใจไฟล์รูปที่พึ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ
“I like the vision of us, but something more
‘Cause being just friends ain’ t enough.....”
เสียงร้องเพลงของมันดังขึ้นพร้อมเสียงกีตาร์ที่มันเกาเล่นๆ เมื่อกี้
ฟังออกแต่แปลไม่ออกเพราะความโง่ภาษาอังกฤษของตัวเอง ว่าแต่เพลงนี้มันคุ้นๆ แหะ อืมมม.... นี่มันเพลงที่มันร้องเมื่อคืนนิ ลืมไปเลยว่ามันจะส่งให้ อยากจะขัดมันแล้วทวง แต่รอก่อนดีกว่า ฟังมันร้องเพลงจบค่อยทวง
ผมเลือกรูปไป เลือกคลิปไป ฟังมันร้องเพลงไปด้วย เสียงร้องเพลงมันเพราะครับ ฟันมันจนจบเพลงถึงได้ทวงถาม
“ไอ้คีย์เมื่อกี้เพลงที่มึงร้องเมื่อคืนป่ะ”
“ใช่”
“ชื่อเพลงไรอะ ไหนบอกจะส่งให้กูไง”
“แป๊บ” มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นจิ้มๆ
“ส่งไปให้แล้วนะ ดูในโทรศัพท์มึงดิ” ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู มีแจ้งเตือนเฟสบุ๊คจากมัน มันส่งลิ้งค์จากยูทูปมาโพสต์หน้าไทม์ไลน์ของผม พอคลิกเข้าไปดูมันเป็นเพลงที่ถูกแปลเป็นซับไทยมาแล้ว

I like the vision of us, but something more
‘Cause being just friends ain’ t enough
ผมชอบเราที่เป็นแบบนี้นะ แต่ก็ต้องการความสัมพันธ์ที่มากกว่านี้
เพราะการเป็นเพียงเพื่อนนั้นมันยังไม่พอ

Girl we’ ve been texting too much late at night
And I just got a confession
เราน่ะ ต่างส่งข้อความหากันจนดึกทุกคืน
และผมก็มีคำสารภาพหนึ่งที่อยากจะบอก

(If it’ s a crime) To tell you how I feel then I don’ t
(จะถือว่าผิดไหม) ถ้าผมจะบอกความรู้สึกนั้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่า

(Wanna be right) ‘Cause it’ s killing me to set all these
(มันจะออกมาดีไหม) แต่ว่ามันยากเกินไปที่จะซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้

(Emotions aside) We don’ t have to hide this no mor
(อารมณ์ที่ไม่เคยแสดงออกมา) เราไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนความรู้สึกนี้อีกต่อไป

I don’ t know why it’ s so hard to tell you
The feelings inside come sooner or later
And honestly I’m not afraid to say what we could be
That, that’ s why I’ m asking to be my everlasting love.....
ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะบอกคุณไป
แต่ความรู้สึกต่าง ๆ ภายในนั้น ไม่ช้าก็เร็วมันต้องเปิดเผยออกมา
และผมนั้นไม่ได้กลัวหรอก ที่จะพูดถึงความสัมพันธ์ของเราต่อจากนี้
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงขอให้คุณเป็นความรักตลอดกาลของผม.....


เพลงเพราะความหมายน่ารัก เหมาะใช้จีบสาว แต่ทำไมตัวเองแก้มอุ่นๆ หูร้อนๆ ก็ไม่รู้ สงสัยไข้จะกลับ
“อ่านความหมายแล้วเป็นไงบ้าง”
“น่ารักดี”
“กูก็ว่าน่ารักดี ถ้ากูจะจีบใครสักคนกูว่าจะส่งเพลงนี้ให้เขา มึงว่าเขาจะชอบป่ะ”
“กูจะไปรู้ได้ไงเล่า กูไม่ใช่เขาคนนั้นนิ”
“กูถามมึงอะชอบป่ะ”
“.......” จู่ๆ ก็ไม่กล้าตอบมันขึ้นมา เป็นเหี้ยอะไรของมึงอีกไอ้เพลง แค่บอกเพื่อนออกไปว่าชอบเพลงนี้อ่ะ แค่นี้เองทำไมไม่กล้าพูดว่ะ
“เห้ยจะค่ำแล้วอะ กูไปอาบน้ำก่อนนะ เสร็จแล้วจะได้ไปร้านแม่ไอ้มิวกัน” สุดท้ายก็เบี่ยงประเด็นซะดื้อๆ แล้วเดินลิ่วๆ เข้ามาในห้องน้ำ เป็นเหี้ยไรของผมเนี่ย หึ่ยยยย งงตัวเอง
พออาบน้ำล้างความคิดฟุ้งซ่านเสร็จจะคว้าผ้าตัวถึงได้รู้ว่าไม่ได้เข้ามาด้วย เวรแท้ไอ้ห่าเพลง
“คีย์ เอาผ้าเช็ดตัวให้กูหน่อย กูลืมอ่ะ” ผมโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องน้ำที่เปิดแง้มๆ ส่งสัญญาณเอสโอเอสขอความช่วยเหลือจากไอ้คีย์
“ออกมาเอาเอง กูไม่ว่าง”
“ไม่ว่างเหี้ยไร เอาให้กูหน่อย” นั่งจิ้มโทรศัพท์เนี่ยนะไม่ว่าง
“ออกมาทั้งแบบนั้นนั่นแหละ ทั้งตัวมึงกูเคยเห็นมาหมดแล้ว”
“ไอ้สัส นั่นตอนกูเมา กูไม่รู้เรื่อง”
“งั้นตอนนี้มึงก็หลับตาเดินออกมาดิ”
“อย่ากวนได้ไหมสัส”
“พูดไม่เพราะ อยากให้ช่วยก็ลองอ้อนกูดีๆ ดิ”
“อ้อนตีนกูนี่” เรื่องมากจริงนะสัส
“หึ~ เดินโป๊ๆ ออกมานั่นแหละมึงอ่ะ” ไอ้ห่านี่ รำคาญจริงๆ
“คีย์เอาผ้าเช็ดตัวให้หน่อย”
“นี่อ้อนแล้วเหรอ”
“ก็กูไม่เคยอ้อนใครนิ แค่นี้ก็ถือว่าอ้อนแล้วนะ เอาผ้าเช็ดตัวมาให้ได้ยัง”
“ยัง อยากได้เสียงหวานๆ กว่านี้”
“อยากได้เสียงหวานๆ มึงก็ไปคุยกับน้ำผึ้งเดือนห้าไป ไอ้สัส”
“เห้ยๆ บอกให้อ้อนไม่ใช่ให้ด่า อ้อนเร็ว เดี๋ยวไปช้าได้แดกช้านะเว้ย”
“เออไอ้ห่า”
“แน่ะ!” รู้แล้วน่าาา
“คีย์ ไอ้คีย์คร้าบบบบ เอาผ้าเช็ดตัวให้เพลงหน่อยคร้าบบบ เพลงหนาววว”
“ก็แค่เนี่ย” มันเดินยิ้มๆ เป็นผีบ้าคว้าผ้าเช็ดตัวมาให้ยื่น
“ขอบใจนะ ไอ้สัสคีย์!” ผมคว้าผ้าเช็ดตัวได้ก็ด่ามันทันที แต่เหี้ยเหอะ มันยังไม่ได้ปล่อยมือจากผ้าเช็ดตัว
“เมื่อกี้ว่าไงนะ” มันดึงผ้าเช็ดตัวกลับไป
“เปล๊าาา” ผมดึงผ้าเช็ดตัวกลับมา
“ให้โอกาสสารภาพ” มันดึงกลับอีกแล้ว
“สารภาพอะไร กูไม่ได้ทำอะไรผิด” ผมดึงกลับมาเช่นกัน
“เพลง”
“ไอ้คีย์ปล่อยได้แล้วไม่เล่นแล้ว”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อย” เรายื้อกันไปมาเหมือนเด็กจนผมลืมไปว่าไม่มีอะไรปกปิดร่างกาย ประตูที่กั้นก็อ้ากว้างขึ้น กว้างขึ้น สัส! สุดท้ายผมก็ยืนโป๊ต่อหน้ามันอยู่ดี
“หึ~” ไอ้เหี้ยยยย ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวตอนมันเผลอมองเรือนร่างอันแสนบริสุทธิ์ของผม
“มองเหี้ยไรไอ้สัส!” ผมตะโกนอัดประตูด่ามัน เหี้ยเอ๊ยยย ผมอายอะ หน้าร้อนฉิบหาย สงสัยต้องอาบน้ำอีกรอบ
“มองหนอนน้อย”
“หนอนน้อยพ่อง!”

“มองอะไร” ผมถามมันหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังประตูตู้เสื้อผ้าเสร็จ
“ขาวจั๊วะ”
“ขอบคุณที่ชม” กระแทกเสียงไปที ให้รู้ตัวว่าไม่พอใจ
“ความจริงตอนกลางคืนมึงไม่ต้องเปิดไฟก็ได้นะ แต่แก้ผ้าเอา แสงนีออนจากตัวมึงก็สว่างทั่วห้อง ประหยัดค่าไฟด้วย” เหมือนถูกชม แต่ก็เหมือนถูกแซ็วมากกว่า
“ไอ้สัส แก้ผ้าให้ไอ้ไก่ดูน่ะสิ สงสารมันเถอะ”
“เออว่ะ งั้นไม่ต้องแก้ผ้านั่นแหละดีแล้ว ถึงจะขาวจั๊วะ แต่หลังมีทั้งกลากมั้งเกลื้อนมั้งรอยสิวนี่เต็มเลย”
“กูไม่ได้เป็นซะหน่อยไอ้สัส” ผมไม่ได้เป็นจริงๆ นะครับทุกคน ไอ้คีย์มันปากหมา ไปขู่ถามความจริงจากมันได้
“ฮ่าาๆๆ ล้อเล่นๆ”
“ไปได้ยัง”
“ไปดิ”

เราเดินลงมาจากหอด้วยกัน ระหว่างนั้นผมก็เข้าไปดูแจ้งเตือนในเฟสบุ๊คตัวเองด้วย แฟนคลับพวกเราเข้ามาเม้นกันเต็มเลย ยอดแชร์อีกเป็นร้อย ของมันแน่อยู่แล้วล่ะ เนื้อหาเพลงแบบนั้นส่งให้ใครเขาก็เข้าใจว่าจีบกันทั้งนั้นแหละ แต่ผมเข้าใจไง ว่ามันส่งมาให้ตามที่ผมขอ มันไม่ได้ตั้งส่งมาจีบซะหน่อย
“เดินดีๆ ดูทางด้วย” ไอ้คีย์หันดุผมเบาๆ
“รู้แล้วๆ” ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง
“สวมซะ” มันยื่นหมวกกันน็อกมาให้
“แล้วของมึงอะ”
“มีอันเดียว มึงใส่เหอะ”
“ไม่เอาอ่ะ มึงขับมึงก็ใส่ดิ”
“กูไม่ชอบใส่”
“งั้นกูไม่ใส่เหมือนกัน”
“อย่าดื้อน่า” มันดึงหมวกกันน็อกจากมือผมไปแล้วยัดก็กระบาลผมใส่เข้าไปด้วยความรุนแรงเลเวลสิบ ฮ่าๆ ไม่ได้แรงขนาดนั้นหรอก ผมเวอร์เองแหละ
“จิ๊ กูใส่เองได้น่า” รำคาญ ใส่ก็ได้ว่ะ
“กูใส่ให้นั่นแหละดีแล้ว มึงมันดื้อเดี๋ยวก็ถอดออกอีก” ตามใจ ผมยืนนิ่งๆ ให้มันสวมหมวกกันน็อกให้ ผมมองใบหน้าที่ตั้งใจนั่น แวบหนึ่งที่สายตาผมกับมันสบกัน ลมหายใจตัวเองมันก็สะดุดขึ้นมาซะดื้อๆ
“ส... เสร็จยัง”
“อืม..” ผมขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมอไซค์ของมัน ไม่ได้จับเอว ไม่ได้เกาะไหล่ ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าเข้าใกล้มันขึ้นมา
“เขยิบเข้ามาใกล้ๆ”
“ไม่เป็นไรน่า”
“รังเกียจกูหรือไง”
“เออดิ”
นั่งกินลมชมธรรมชาติมาถึงร้านหมูกระทะแม่ไอ้มิวแป๊บเดียว เพราะร้านมันอยู่ใกล้ๆ มหาลัยนี่เอง เดินจากหอผมมาได้ แต่มามอไซค์แหละดีแล้ว ขี้เกียจเดิน

“มาช้าว่ะ” ไอ้มิวทักก่อนเลยครับ
“ไอ้เพลงอาบน้ำนาน”
“มึงแหละไอ้ห่าแกล้งกูอยู่นั่น”
“นี่ย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ” ไอ้มิวถามขึ้น
“เปล่า กูแวะไปรับมันมาน่ะ”
“อ๋อ.. อะๆ นั่งๆ” ผมนั่งลงริมสุดใกล้กับไอ้มิวที่นั่งหัวโต๊ะ ข้างๆ ผมก็เป็นไอ้คีย์ แล้วก็เพื่อนมันอีกหนึ่ง ส่วนอีกสองคนนั่งฝั่งตรงข้ามกับมัน
“นี่ไอ้ฟิวส์ มิกกี้ และตวง” ไอ้คีย์แนะนำเพื่อนๆ ของตัวเอง
“เพลงนะ” ผมยิ้มทักทายเพื่อนๆ ของมัน ชายสองหญิงหนึ่ง แล้วก็ยังมีอีกคนนั่งตรงข้ามผมกำลังเดินมาถึงโต๊ะแล้วนั่งลง ใครวะ สวยโคตรรรร แล้วเขาไม่ใช้ผู้หญิงด้วยนะประเด็นน่ะ แต่เขาสวย สวยแบบผู้ชายสวยอะ เขาไม่ได้ไว้ผมยาวนะ ตัดผมสั้นเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่สวยเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นอะ คุณเข้าใจไหม รูปร่างก็สูงเพรียว สูงกว่าผมกับไอ้มิวอีกมั้ง
“ไอ้คีย์ปรามเมียมึงบ้าง นั่งจ้องน้ำลายยืดหมดแล้ว”
“ไม่ใช่เมีย แค่คู่จิ้น” ผมท้วงไอ้มิวขึ้น
“มองอะไรนักหนา” ไอ้คีย์เอานิ้วมาป้ายปากผม
“สัส!”
“นี่ไอ้เพลงคนที่เคยเล่าให้ฟัง ไอ้เพลง นี่กุ้งนางเมียกูเอง สำเหนียกเอาไว้ โอ๊ยยย” พูดยังไม่ทันจบฝ่ามืออรหันต์จากคนตรงข้ามผมก็ฟาดเข้าไหล่ไอ้มิวเต็มๆ
“ขอโทษคร้าบบบ หมายถึงว่าที่แฟนคร้าบบบ” ว่าที่แฟนเหรอว่ะ…?
“นี่พี่กุ้งแฟนในอนาคตกูเอง”
“หวัดดีครับ”
“ดีครับ” ผมหันไปทักทายเขาเล็กน้อย ปัง! นั่นรอยยิ้มหรือปืนลูกซอง ยิ้มทีเหมือนกำลังถูกยิง โอ๊ยยยย เจ็บไปทั้งหัวใจทำไมยังทน... ไม่ใช่ล่ะ ฮ่าๆ
“พี่กุ้งเรียนปีไหนเหรอครับ” ผมถามออกไป
“เภสัชปีสองครับ”
“ผมนิเทศศาสตร์ปีหนึ่งนะครับ”
“ไม่ต้องแนะนำพี่ก็รู้จักเรา”
“พี่รู้จักผมด้วยเหรอ”
“รู้จักดิ เพื่อนพี่เป็นติ่ง คีย์เพลง เดี๋ยวขอถ่ายรูปไปอวดมันหน่อยนะ”
“ได้ครับ”
“เดี๋ยวๆ นี่เจ้างานของนั่งหัวโด่อยู่นี่ คุยกันข้ามหน้าข้ามตากูเลย” ไอ้มารผจญมิวพูดแทรกขึ้นมา
“ก็กูไม่รู้จะคุยไรกับมึงนิ”
“งั้นก็หันมาคุยกับกูนี่” ไอ้คีย์พูดขึ้น
“ไปตักของดีกว่า” ผมพูดแล้วลุกขึ้น แต่เดี๋ยวก่อน.....
“มิว สุขสันต์วันเกิดวันเกิดนะครับ ฟอดดดด” ผมลุกขึ้นแล้วหอมแก้มไอ้มิวฟอดใหญ่ๆ ตอนนั้นกัดดูดคอกูใช่ไหม ตอนนี้กูนี่แหละจะทำให้มึงจีบพี่กุ้งยากขึ้น ฮ่าๆ มึงตายแน่ไอ้มิว
“มึงหอมแก้มไอ้มิวทำไม”
“แกล้งมันที่ดูดคอกูเมื่อคราวก่อน” ผมตอบไอ้คีย์ที่ลุกตามมาตักของข้างๆ ผม
“แกล้งอย่างอื่นก็ได้ทำไมต้องหอมแก้ม”
“แล้วทำไมถึงหอมแก้มมันไม่ได้” จู่ๆ ก็มาอารมณ์เสียใส่ นี่มึงคงไม่ได้หึงไอ้มิวใช่ไหม ว้ายยย กรี๊ดดดด เรือกูติดเทอร์โบ คีย์มิวจงเจริญ
“ไอ้มิวมันจีบพี่กุ้งอยู่ กูไม่อยากเห็นเพื่อนอกหัก”
“กูแค่แกล้งเล่นๆ เองม่ะ”
“กับคนนี้ไอ้มิวมันจริงจังมาก คราวหลังมึงห้ามทำแบบนี้อีก ไม่ว่ากับใครก็ตามมึงเข้าใจไหม”
“ข... เข้าใจ” อะไรวะ จู่ๆ ก็มาตีหน้าขรึมทำเสียงจริงจังใส่
ผมกลับมานั่งแต่ไม่ใช่ที่เดิม ไอ้คีย์มันบอกมีเรื่องจะคุยกับไอ้มิว ให้สลับที่กับมันหน่อย เออเอางั้นก็ได้
การมานั่งกินอะไรร่วมกันแบบนี้ก็ดีอย่างนะครับ ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น ตอนนี้ผมก็รู้จักเพื่อนๆ พวกมัน
“ไอ้คีย์ หมูกู” แย่งกูแดกเนี่ยถนัดนักนะ
“มึงกินผักบ้างดิ กินแต่หมูจนจะเป็นเพื่อนกับไอ้พวกที่ปิ้งบนกระทะนี่อยู่แล้ว”
“เรื่องของกูน่า”
“อ้วนเป็นหมูตอนเมื่อไหร่กูจะจับมึงย่าง”
“กูไม่กลัว”
“ไม่กลัวก็ดี ตอนกูกินมึงจะได้ไม่ต้องปรานี”
“เหอะ~ ไม่มีวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะออกกำลังกาย”
“ให้มันจริงเถอะ”
“จริงแท้แน่นอน” แต่สำหรับคำว่าออกกำลังกาย จริงแท้คือไม่จริง แน่นอนคือนอนแน่ๆ ทุกคนรู้ และผมก็รู้ ฮ่าๆ
เรานั่งกินกันไป คุยเล่นกันไป ผมแอบสังเกตไอ้มิวกับพี่กุ้ง ท่าทางคนนี้ไอ้มิวเอาจริงแฮะว่าแต่ใครเป็นฝ่ายไหนวะ ถึงพี่กุ้งจะสูงกว่าไอ้มิวก็จริง แต่ในความรู้สึกผมนะ ผมว่าพี่กุ้งเป็นเคะ ไอ้มิวเป็นเมะ คู่นี้ถ้าคบกันจริงก็คงประมาณผัวเตี้ยเมียนายแบบ
“มัวแต่เหม่อ หมูไหม้แล้ว” ไอ้คีย์สะกิดผม
“อิ่มแล้วอ่าา” อิ่มจริงๆ ครับ
“ไอ้เพลง ตักของร้านกูมาซะเยอะ กินให้หมดห้ามอิ่ม ไม่งั้นมื้อนี้กูไม่เลี้ยง แล้วกูจะปรับมึงสองเท่าด้วย” ไอ้มิวพูดขู่
“กูอิ่มจริงๆ อะ คีย์ มึงแดกให้หมดนะ” ผมหันมาหาที่พึ่ง
“เรื่องไรล่ะ”
“เดี๋ยวกูปิ้งให้”
“.....”
“กูป้อนให้ด้วยอ่ะ”
“เออๆ งั้นก็ได้” มันทำท่าคิดแล้วตอบตกลง หึ! ไอ้ขี้เกียจ
ผมนั่งปิ้ง นั่งป้อนจนหมูที่ผมตักมาหมดจาน เก่งมากไอ้คีย์เพื่อนรัก เผลอแป๊บเดียวจะห้าทุ่มแล้วเหรอเนี่ย
“ห้าทุ่มแล้วว่ะ พวกกูจะกลับแล้วนะ” เพื่อนไอ้คีย์พูด
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะมึง”
“เออๆ ไว้คราวหลังมาอุดหนุนแม่กูนะ”
“เออไปล่ะ” เพื่อนพวกมันลุกไปแล้ว
“กูก็จะกลับแล้วนะ”
“กลับแล้วเหรอ” ไม่ใช่คำถามไอ้มิวครับแต่เป็นคำถามไอ้คีย์
“เออดิ ได้ยินเสียงฟ้าร้องไกลๆ กลัวฝนตก” ผมบอกมัน
“เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไปส่งก็ลุก ไอ้มิวของขวัญวันเกิดเดี๋ยวกูส่งให้ย้อนหลังนะ”
“เออๆ กลับดีๆ มึง”
“กลับก่อนนะครับพี่กุ้ง”
“ครับ” ผมยิ้มให้พี่แก แล้วเดินออกมากำลังจะพ้นชายคาร้านแม่ไอ้มิว ห่าฝนก็เทลงมาซะงั้น
“ไอ้เหี้ยยย แล้วกูจะกลับยังว่ะเนี่ย”
“เอาไงอะ” ไอ้คีย์ถามขึ้น
“เอาไงไรล่ะ ตกหนักซะขนาดนี้ จะเดินหรือซ้อนท้ายมึงก็เปียกอยู่ดี สงสัยต้องกลับไปนั่งง่าวกับไอ้มิวอีกแล้ว” เซ็งชะมัด
“อยากกลับห้องแล้วเหรอ”
“อยากดิ อยากกลับไปอาบน้ำนอนตีพุงโง่ๆ เต็มที”
“งั้นเอาเสื้อกันฝนไหมล่ะ ร่มก็มี” มันเสนอ
“ของไอ้มิวเหรอ เอามาดิ” อาจจะเปียกนิดหน่อยแต่ก็ได้กลับห้องล่ะว่ะ ไอ้คีย์เดินไปที่หลังร้านทิ้งผมยืนมองสายฝนรอมัน
“เพลง”
“ไอ้กันต์” ผมหันมองตามเสียงเรียก ก็เจอไอ้กันต์ที่มายืนอยู่ข้างๆ ผม
“มึงมากินที่นี่เหรอ กูไม่เห็นเจอ”
“เออดิ กูนั่งคนละฝั่งกับมึงมั้ง แต่กูเห็นมึงนะแต่ไม่ได้เข้าไปทัก” ไอ้กันต์ว่า
“ไม่ทักกูอ่ะ”
“ก็มาทักนี่ไง แล้วมึงจะกลับแล้วเหรอ”
“เออดิ เนี่ยรอไอ้คีย์ไปเอาร่มกับเสื้อกันฝน”
“กลับไงอ่ะ”
“มอไซค์”
“เปียกแย่เลยดิ”
“ไม่ถึงกับแย่หรอกน่า ยังมีเสื้อกันฝนกับร่มอยู่”
“กลับกับกูไหม กูเอารถเก๋งมา”
“จริงดิ”
“เออดิ”
“งั้นรอไอ้คีย์แป๊บเดี๋ยวมันก็มา โอ๊ยยย” ไอ้สัสแมลง บินมาเข้าตาทำเป๊ะไรเนี่ย
“อยู่นิ่งๆ อย่าขยี้ตา” ไอ้กันต์พยายามแงะมือผมที่ขยี้เบ้าตาตัวเองเอาไว้ แสบฉิบหาย
“ค่อยๆ ลืมตานะ” ผมทำตามที่ไอ้กันต์บอก แต่ว่า
“มันแสบอะ” ผมกลับมาหลับตาปี๋อีกครั้ง
“อย่าขยี้ดิ ค่อยๆ ลืมตาอีกทีนะ” ผมทำตามมันบอกอีกครั้ง ภาพตรงหน้าตอนนี้ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากน้ำตาที่เล็ดออกมาบดบังทัศนียภาพ กับความรู้สึกของลมที่ถูกเป่าเข้าตา
“โอเคยัง”
“อืม” ผมกะพริบตาถี่สองสามครั้ง แล้วเอามือปาดหางตา เพราะรู้สึกว่าก้อนอะไรติดอยู่มันออกมาแล้ว
“ดีไอ้คีย์”
“เออดี ทำไรกันอะ” เสียงไอ้คีย์ดังมาจากข้างหลังทำให้ผมต้องหันไปมองมัน
“ตาแดงๆ เป็นไร”
“แมลงเข้าตาน่ะ มึงได้เสื้อกันฝนม่ะ”
“ได้มาดิ”
“กูว่ากูจะกลับกับไอ้กันต์มันเอารถเก๋งมา เราจะได้ไม่ต้องลำบากฝ่าสายฝน มึงกลับด้วยกันปะ หออยู่ใกล้กันนิ พรุ่งนี้ค่อยมาเอามอไซค์” ผมร่ายยาวบอกมันไม่ให้เสียเวลา
“มึงจะกลับกับมันเหรอ”
“อืม”
“งั้นพวกมึงกลับกันเลย เดี๋ยวกูว่าจะไปนั่งคุยกับไอ้มิวต่อ”
“เหรอ... งั้นกูกลับนะ”
“อืม แล้วเจอกัน” ผมเดินข้างๆ ไอ้กันต์ที่ถือร่มเอาไว้ไปยังรถ
ไอ้คีย์มันเป็นไรเปล่าว่ะ สีหน้าดูแปลกๆ หน้าตาดูหงอยๆ ผมหันกับไปมองมันอีกครั้งหลังจากขึ้นรถมาแล้ว มันยังคงยืนอยู่ที่เดิม ในมือถือร่ม มืออีกข้างกำเสื้อกันฝนมองมา ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ นะ ทั้งตัวมันแล้วก็ความรู้สึกของผมเอง
ทำไมกูต้องรู้สึกผิดด้วยว่ะ สงสัยจะง่วงมั้ง เลยคิดอะไรเลอะเทอะ
กลับมาถึงห้องพอวายฟายหอต่อกับโทรศัพท์ปุ๊บแจ้งเตือนเฟสบุ๊คก็เด้งขึ้นมารั่วๆ ปั๊บ กดเข้าไปดูก็เป็นรูปผมที่ร้านหมูกระทะ เลื่อนเข้าไปในเพจ เลื่อนลงมาอีกหน่อย ก็เห็นภาพของไอ้คีย์กำลังจับหัวผมยัดหมวกกันน็อก ผมยิ้มขำกับคอมเม้นพักหนึ่งแล้วเลื่อนไปดูหน้าฟีดอื่นๆ ไอ้คีย์แชร์เพลงว่ะ

คีย์’คีตะ
ลืมตาในน้ำ - potato (officials mv)

ผมกดเข้าไปฟังเพลงที่มันโพสต์แล้วออกมาอ่านคอมเม้น

-เป็นไรอะ
-อกหักอ้อ
-ตอนบ่ายเพลงรัก ตกดึงเพลงเศร้า
-TT
-คีตะสู้ๆ #คีย์เพลง


อะไรของพวกเขา ไอ้คีย์มันไม่เศร้าอะไรหรอก มันอาจจะแค่แชร์เพราะชอบเฉยๆ เปล่า เหมือนที่ส่งเพลงให้ผมไง ไม่ได้คิดอะไรแค่ส่งให้เฉยๆ เป็นตุเป็นตะกันเชียวนะพวกเราอ่ะ

บทเพลง
ลืมตาในน้ำตั้งแต่ดึกยันเช้า ไม่ตายไปเลยเหรอว่ะ ถามจริงๆ เอาเวลาไหนไปหายใจ 55555

ผมคอมเม้นให้มันแล้วเข้าไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน แต่ก่อนนอนมันจะติดนิสัยชอบท่องโลกโซเชียลเลยต้องเข้าไปส่องเฟสบุ๊คอีกครั้ง คอมเม้นโพสต์ไอ้คีย์ยังคงไหลเรื่อยๆ มาเรื่อยๆ มีคนมากดไลค์คอมเม้นผมพร้อมรีพลายด้วยแฮะ พอคุ้นๆ ชื่อเฟสบุ๊คบ้าง แต่ไม่รู้จักใครสักคน ผมนั่งอ่านไปเรื่อยๆ ทุกคอมเม้นไอ้คีย์มันไล่กดไลค์หมดเลย ยกเว้นผม ผมเข้าไปดูคอมเม้นตัวเองอีกรอบ ไอ้คีย์ไม่ได้กดไลค์ให้ผม แต่ไลค์ให้คนอื่นหมดเลย มันโกรธอะไรผมป่าว ไม่หรอก มันอาจจะนอนไปแล้ว แต่คนที่มาคอมเม้นทีหลังผมมันก็กดไลค์นะ หึยยย คิดมากน่าาา มันจะมาโกรธอะไรผมเล่า ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันสักหน่อย นอนดีกว่า

โอ๊ยยยย
นอนไม่หลับโว้ยยยย
นี่ไม่ได้คิดอะไรในหัวจริงๆ นะ ไม่ได้คิดถึงไอ้คีย์เลยจริงจริ๊งงงง
.
.
.
มันยังไม่นอน จุดสีเขียวในแอพแชทบอกผมแบบนั้น แล้วไงอ่ะ มันไม่นอนแล้วไงว่ะไอ้สัสเพลง มันไม่นอนก็เรื่องของมันดิ มึงจะสนใจทำไม
ใช่
ผมจะสนใจทำไม ยิ่งดึกยิ่งฟุ้งซ่าน คิดบ้าบออะไรไม่นอน มึงต้องนอนให้หลับไอ้เพลง...



......


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2020 21:03:01 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -06-
«ตอบ #11 เมื่อ17-11-2020 00:34:23 »

 :3123:
 :pig4:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -06-
«ตอบ #12 เมื่อ19-11-2020 10:23:15 »

เมื่อไหร่เพลงจะใจอ่อนน๊าาาาาาาา :hao7:

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -07-
«ตอบ #13 เมื่อ19-11-2020 19:37:56 »

- 07 -


ตื่นเช้ามาด้วยความสดใสเช่นเคย สดใสกับผีอะไรล่ะ นอนไม่หลับทั้งคืน นี่พึ่งหลับไปไม่ถึงชั่วโมงก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะไอ้รูมเมทผมนี่แหละ แล้วที่นอนไม่หลับนี่ไม่ใช่อะไรนะ ไม่ได้คิดถึงใครด้วย แต่พอดีผมปิดไฟตอนนอนแล้วเผลอเล่นโทรศัพท์ไงแสงไฟจากจอโทรศัพท์ มันเลยทำให้นอนไม่หลับนี่พูดความจริงไม่มีโกหกเลย ว่าแต่ไอ้คีย์มันกดไลค์ให้ผมยังว่ะ
“กูไปนะ”
“เออ โชคดีมึง” ผมบอกลาไอ้ไก่ต้นเหตุที่ทำให้ผมสะดุ้งตื่น มันมาเก็บของย้ายออกไปอยู่หอนอก นี่ยังดีนะที่มึงจ่ายค่าเช่าแบบเหมาเป็นเทอม ไม่งั้นผมได้หาคนหารค่าห้องวุ่นเลย
โหหหห แค่แชร์เพลงเอง ทำไมมีคนกดไลค์บวกคอมเม้นไอ้คีย์เยอะขนาดนี้ว่ะ นี่เกือบสามร้อยเม้น ยอดไลค์หลายพันไปแล้ว ยิ่งใหญ่ไปป่ะ ขอกูเข้าไปส่องคอมเม้นหน่อยเหอะ เม้นอะไรกันนักหนา

-โอ๋ๆ ไม่เศร้านะ
-พี่คีย์สู้ๆ อย่ายอมเขา


สู้อะไร...?
สู้กับใคร...?

-เจ็บแทนว่ะ
-สงสารคีย์


เกิดไรขึ้นกับมันว่ะ ถูกสาวที่ไหนหักอกมาเหรอ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย

-พี่คีย์เป็นไรอะ
-น้องคีย์อกหัก....?
-ไม่อยากอกหักมาหาเรามา
-สาเหตุมาจากร้านหมูกระทะเปล่า


ร้านหมูกระทะเหรอว่ะ หรือว่าหลังจากผมกลับมาแล้วมันมีเรื่องอะไรกับใคร....?

-ยังไงไหนเล่าซิ
-คอมเม้นในเพจนี้เลยจร้าาา > https://.www.facebook.com/256929.........


ผมกดเข้าไปดูตามลิงค์ที่เขาแนบมา

-สาเหตุนี้เปล่าที่คีย์แชร์เพลง

รูปที่เขาแนบมามันรูปผมกับไอ้กันต์เมื่อคืนนิ มุมกล้องโหดสัส ถ้าคนในรูปไม่ใช่ผม ผมก็คงคิดเหมือนกับหลายๆ คนที่กำลังคิดว่าผมจูบกับไอ้กันต์แน่ๆ รีพลายในคอมเม้นนี่คิดกันไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย

-ตัวจริงเพลงเหรอ
-ใครอ่ะ
-เดือนคณะเพลง เคยเจอทั้งคู่ที่ร้านเหล้าด้วย
-แล้วคีย์กูอ่ะ
-หัวใจกูแหลกสลายเป็นผุยผง
-กันต์มีแฟนแล้วนะ เป็นผู้หญิง
-เขาพึ่งเลิกกันจ๊ะ สาเหตุก็มือที่สาม ไม่แน่ใจว่าใช่คนในรูปมั้ยมือที่สามอะ


ไม่ใช่เว้ย มือที่สามห่าไร เลอะเทอะแล้ว

-ผิดหวังในตัวเพลงอ่ะ
-นิสัยจริงเป็นแบบนี้เหรอว่ะ
-เสียดายนึกว่าจะนิสัยดีกว่านี้
-นิสัยยังไง รู้จักเพลงเหรอ?


เออ! กูนิสัยยังไง รู้จักกูเหรอ ถึงได้พิมพ์อะไรออกมาแบบนี้น่ะ เสียงในหัวผมเริ่มเดือดปุๆ เตรียมปะทุเต็มที่เลยตอนนี้

-สงสารคีย์
-ไปปลอบคีย์กัน
-จูบกันกลางร้านเลยเหรอ
-ทำตัวเอง
-เป็นกิ๊กเขาเหรอ กูขอแบน
-ใจเย็นก่อนทุกคน เรื่องนี้อาจจะมีการเข้าใจผิดก็ได้


ไปกันใหญ่แล้วเข้าใจผิดผมไม่พอ ยังจะโยงไปหาไอ้คีย์อีก ทุกคนที่เป็นชิปเปอร์คู่จิ้นอย่าไปทำแบบนี้กับใครนะครับ อย่าคิดเอาเองทั้งที่ไม่รู้จักตัวตนของคู่ชิปเรา ไม่งั้นคู่ขิปเราจะฉิบหายเหมือนผมตอนนี้ ทุกคนต้องมีสตินะครับ ห้ามประสาทแดกแบบผมตอนนี้

“โหล!” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
[เพลงมึงเห็นในคอมเม้นในเพจคู่จิ้นมึงยัง]
“เห็นแล้วดิ กูหัวเสียอยู่เนี่ย” ผมตอบไอ้ดลออกไป
[ใจเย็นๆ นะมึง]
“กูเย็นจนไข่แข็งแล้วเนี่ย”
[มึงต้องเย็นกว่านี้ ปิดโทรศัพท์แล้วไปอาบน้ำให้เย็นๆ ก่อน]
“เออๆ รู้แล้วๆ”
[กูอยู่พัทยาไปหามึงตอนนี้ไม่ได้ มึงอย่าพึ่งรีบโพสต์หรือทำอะไรนะ]
“กูรู้แล้วน่า”
[รู้แล้วก็ทำตามที่กูบอกด้วย]
“รับทราบแล้วน่า” รับทราบแล้วก็จะพยายามทำตามไอ้ดลมันแนะนำ พอวางสายไอ้เป้กับแก้วก็ข้อความมาทันที ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่มันไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากผมจะไม่ยอมวางโทรศัพท์แล้ว จิตใต้สำนึกยังบอกให้กดอ่านต่อไปอีก โอ๊ยยยยยย กูอยากจะบ้าตาย

บทเพลงของคีตะ แฟนคลับ
เรื่องของเพลงมันเป็นเรื่องส่วนตัว เราควรมีสติและจิตนการให้พอดี ไม่ก้าวก่ายและล้ำเส้นชีวิตส่วนตัว จิ้นก็คือจิ้น ชีวิตจริงก็คือชีวิตจริง เราไม่เคยได้รู้จักพวกเขาจริงๆ เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดีนะคะ แอดขอให้ลูกเพจจิ้นแค่ในกรอบของเรา มีความสุขกับจินตนาการก็พอ เรื่องส่วนตัวเราควรมองข้ามถ้าหากยังอยากมีความสุขกับการจิ้นคู่นี้ แอดแวะมาชี้แจ้งเพียงแค่นี้ หวังว่าลูกเพจที่น่ารักของเราจะเข้าใจนะคะ
ส่วนคนที่คอมเม้นไม่สุภาพแอดขออนุญาตบล็อกนะคะ
-เห็นด้วยกับแอดมิน
-บวกหนึ่ง
-ใช่ๆ เราไม่ได้รู้จักเพลงเป็นการส่วนตัวทำไมถึงได้รีบตัดสินว่าเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้
-ถ้าเพลงอ่านอยู่ อย่าพึ่งท้อนะยังมีคนเป็นกำลังใจให้
-คงมาอ่านหรอก
-#ทีมบทเพลง
-แอดมินเพจนี้สนับสนุนคนเป็นชู้คนอื่นเหรอ
-ขออนุญาตบล็อกนะคะ
-ไม่ว่าชีวิตจริงเพลงจะเป็นคนยังไง คีย์จะมีแฟนหรือเปล่า เราของยืนหยัดที่จะจิ้นคู่นี้ต่อไป


อ่านแล้วผมใจเย็นลงบ้างครับ ขอบคุณแอดมินเพจและแฟนคลับที่น่ารักทุกคนจริงๆ ส่วนคนอื่นที่กำลังด่าผม คุณไม่ใช่แฟนคลับผมหรอก คุณก็แค่พวกขี้อิจฉาแล้วอยากด่าใช่ไหมล่ะ

พอใจเย็นลงบ้างแล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำ ระหว่างนั้นก็คิดไปด้วยว่าควรแก้ตัวดีไหม หรือปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปเอง อืม.... เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ ผมว่าผมควรชี้แจงดีปะ
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ แสงสว่างวูบวาบของโทรศัพท์บ่งบอกว่ามีแจ้งเตือนและเมสเสจเข้ามาไม่ขาด
อะไรอีกว่ะ
ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ไอ้เหี้ยยยย มีคนสร้างเพจแอนตี้ผมขึ้นมา
พวกเพื่อนก็ส่งข้อความเข้ากลุ่มบอกให้ผมใจเย็นๆ กันใหญ่
ใครมันสร้างเพจเหี้ยนี้ขึ้นมาว่ะ

แอนตี้อีเพลง
ไหนๆ ก็มีคนอยากเผือกแล้ว เราขอระบายเลยแล้วกัน เราเป็นเพื่อนของแฟนกันต์เองค่ะ และยังเรียนโรงเรียนเดียวกับเพลงเมื่อตอนมัธยมด้วย
เริ่มจากเรื่องที่กันต์กับเพื่อนเราเลิกกันซึ่งเป็นเรื่องจริงค่ะ เพื่อนเราเลิกกับกันต์เพราะกันต์มีกิ๊ก และกิ๊กคนนั้นก็เป็นเกย์ด้วย เราไม่แน่ใจหรอกว่าใช่เพลงหรือเปล่า


ไม่แน่ใจแต่ตั้งชื่อเพจโดยใช้ชื่อกูเนี่ยนะ

แต่จากรูปที่จูบกับกลางร้านหมูกระทะแล้ว เราอดคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ ค่ะ ยิ่งคู่จิ้นที่เราคิดว่าเขาคิดจริงจังกับเพลงมาโพสต์เพลงอกหักอีก จะให้เราคิดว่าอะไรได้ล่ะ บวกกับเรื่องเมื่อตอนมัธยม เพลงเนี่ยตัวทำคนอื่นแตกแยกเลยแหละ ชอบแย่งแฟนชาวบ้าน ชอบใส่ร้ายคนอื่น นิสัยตรงข้ามกับหน้าตาทุกอย่าง ไม่เชื่อลองถามเพื่อนจากโรงเรียนเดิมดูได้

นี่แค่โพสต์แรกของเพจแอดตี้นะครับ โพสต์ถัดมานี่ยิ่งกว่าละครน้ำเน่า เล่าเรื่องไอ้กันต์นอกใจแฟนมาหาผม พร้อมกับแชทปลอมๆ มีใบรับรองแพทย์ว่าแฟนไอ้กันต์เป็นโรคซึมเศร้าเรียกคะแนนสงสารแล้วเรียกแขกให้มาด่ากูหนักขึ้นไปอีก ไม่ต้องถึงกับบอกชื่อผมตรงๆ แต่ใครอ่านก็รู้แล้วป่ะว่าเป็นผม เล่นบอกคู่จิ้นชื่อเกี่ยวกับดนตรี คู่เขาคือเดือนคณะบริหาร พึ่งมีรูปหลุดกับกันต์ ไม่ใช่กูแล้วจะเป็นใครไปได้ว่ะ ทำมาเป็นบอกใบ้ แค่ชื่อเพจก็บ่งบอกแล้วไหมว่าต้องกาสร้างขึ้นมาด่าใคร
พล็อตเฮงซวย คนก็แชร์สิ้นคิด คือเราไม่ได้รู้จักกันเลย แต่คนแม่งแชร์กันไปเกือบพัน คอมเม้นต่างๆ ก็ไปในทิศทางเข้าข้างเจ้าของเพจ แต่จะว่าคนคอมเม้นซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะมันดันมีรูปผมที่ไอ้กันต์แบกเข้าหอแนบมาด้วยนี่สิ เวรเอ้ยยย สตอล์คเกอร์แล้วปะ มึงแอบตามถ่ายมาได้ไง

-เราเลิกกับแฟนก็เพราะมือที่สามเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-เกลียดพวกเป็นชู้ อีตุ๊ด
-ขอให้ตกนรกทั้งคู่
-พ่อแม่ไม่สั่งสอน


แล้วพ่อแม่มึงสั่งสอนให้มาด่าพ่อแม่คนอื่นเหรอว่ะอิสัส รู้จักกูเหรอพวกมึงอะ เริ่มโมโหขึ้นมาอีกแล้วนะ

ภูวดล
เพื่อนผมไม่ใช่คนแบบนั้นครับ รบกวนลบด้วย
เป้ชอบดื่มนม
พวกคุณรู้จักเพื่อนผมเหรอครับถึงมาตัดสินว่ามันเป็นคนยังไง
เกศแก้ว
แค่เรื่องแต่งไม่กี่ประโยคถึงกับตัดสินคนอื่นว่าเป็นคนเลวเลยเหรอ รู้จักกันก็ไม่ ตลก

คอมเม้นจากเพื่อนที่ค่อยปกป้องผมมันน่าดีใจอยู่นะครับ แต่ผมกลับโกรธมากกว่าเดิมเมื่อเพื่อนถูกรุมด่าไปด้วยว่าช่วยพวกเดียวกัน

บทเพลง
พวกมึงไม่ต้องคอมเม้นอะไรแล้วนะ
กูโอเค

ผมส่งเมสเสจเข้ากลุ่มแชท ไม่อยากให้เพื่อนซวยไปด้วย แต่จะให้ทนต่อไปก็คงไม่ไหว ผมต้องทำอะไรสักอย่าง เริ่มจากไอ้โทรหาไอ้กันต์ก่อนเลย ผมเดินไปเดินมารอมันรับสายอยู่นาน
“ไอ้กันต์” ผมรีบเรียกชื่อมันทันทีที่มีสัญญาณกดรับสาย
[เออขอโทษนะครับคือพี่กันต์อาบน้ำอยู่] ใครวะ
“งั้นถ้ามันอาบน้ำเสร็จช่วยบอกให้มันโทรกลับด้วยนะครับ”
[ครับผมจะบอกพี่กันต์ให้] ผมกดวางสายไปทั้งที่ยังค้างคาใจอยู่ หรือกิ๊กไอ้กันต์ที่เป็นเกย์จะเป็นคนที่รับสายว่ะ

คนต่อไปก็คือไอ้คีย์ ผมโทรหามันหลายสายแต่โทรไม่ติด คงต้องเมสเสจทิ้งไว้เพราะมันไม่ออนเฟสตั้งแต่สิบชั่วโมงที่แล้ว

บทเพลง
คีย์
ไอ้คีย์
ตื่นๆๆๆ
ถ้ามึงตื่นแล้วช่วยโพสต์แก้ข่าวด้วย
ว่าที่แชร์เพลงไม่ใช่แชร์เพราะกู
ขอบคุณล่วงหน้า

และสุดท้ายคือการโพสต์ชี้แจงของผมเอง

บทเพลง
สวัสดีครับ ผมชื่อเพลงเป็นบุคคลที่กำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้ชาวบ้าน ตอนแรกอ่านแล้วผมขำๆ นะครับที่มีคนเอาไปโยงแล้วแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะ แต่ตอนนี้พอมีคนมาด่าลามไปถึงพ่อกับแม่ผม เพื่อนผม ผมเริ่มขำไม่ออกแล้วครับ
ความจริงแล้วผมกับไอ้กันต์เราไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนกำลังเข้าใจเลยนะครับ ผมกับไอ้กันต์เราเป็นเพื่อนคณะแล้วก็เป็นแฝดรหัสครับ ภาพที่เห็นมันแบกผมเป็นวันเลี้ยงสายครับ ผมเมามากมันเป็นคนพากลับมา แต่ผมไม่ได้นอนห้องมันนะครับ มีเพื่อนมารับไปอีกที คนถ่ายรูปเอาไว้น่าจะรู้ดี
แล้วเรื่องที่บอกว่ามีคนทะเลาะกันเพราะผมสมัยเรียนมัธยมนั้น ไม่เป็นความจริงเลยครับ ผมสาบานได้ ส่วนเรื่องล่าสุดที่มีคนบอกว่าผมกับไอ้กันต์จูบกัน เรื่องนั้นมันเป็นมุมกล้องครับ ผมแค่แมลงเข้าตาแล้วมันช่วยเอาออกให้เฉยๆ ไว้ผมจะหาภาพจากมุมอื่นมาชี้แจ้งอีกทีนะครับ รบกวนทุกคนฟังความทั้งสองฝ่ายด้วยครับ

ผมแชร์โพสต์ที่คนเข้ามาด่าผมแล้วอธิบายเรื่องทั้งหมด ผมหวังว่ายังจะมีคนที่มีสติดีพอเข้ามาอ่านแล้วชั่งใจดูบ้างนะ

ตอนนี้หลักฐานอีกชิ้นที่ใช้มายืนยันก็คือภาพจากอีกมุมที่ร้านหมูกระทะ ผมเลยต้องระหกระเหินออกจากหอไปร้านแม่ไอ้มิว เพราะติดต่อไอ้มิวไม่ได้ ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไรกันหมดวันนี้ ซื้อโทรศัพท์มาปาหัวหมาเหรอ ติดต่อใครก็ลำบากยากเย็นเหลือเกิน ผมได้แต่หวังว่าที่นั่นจะมีกล้องวงจรปิดมุมนั้นพอดีนะ
“สวัสดีครับแม่” ผมยกมือไหว้แม่ไอ้มิวที่กำลังนั่งขีดๆ เขียนๆ สมุดตรงหน้ากลางร้านหมูกระทะ
“อ้าวเพื่อนมิว เออ.. เพลงใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“หวัดดีจ๊ะ ร้านยังไม่เปิดเลยลูก มีอะไรหรือเปล่า”
“พอดีผมมีเรื่องรบกวนนิดหน่อยน่ะครับ” ผมอธิบายเรื่องคร่าวๆ ว่ามีคนเข้าใจผมผิด ผมเลยมาขอดูกล้องหน่อย แม่ไอ้มิวแกใจดีมาก แกพาผมไปดูย้อนหลังเมื่อคืน แต่คงเป็นความโชคร้ายของผมอีกเพราะเครื่องบันทึกภาพจากกล้องตัวนั่นดันไหม้เมื่อตอนเช้า ซวยสุดๆ

“ไอ้เพลง ทางนี้ๆ” ผมหันรีหันขวางมองหาต้นเสียงระหว่างที่กำลังเดินกลับหอ
“เออไง” ผมเดินไปหาเพื่อนคณะที่นั่งโต๊ะม้าหินอ่อนเล่นหมากฮอสใต้ต้นไม้หน้าหอ
“ทำหน้าเหมือนนมบูด”
“ดังใหญ่เพื่อนคณะกู”
“ดังแบบกูน่ะเหรอ มึงอยากดังปะล่ะ” ผมพูดอารมณ์เสียๆ ใส่พวกมัน
“แล้วสรุปเรื่องมึงกับไอ้กันต์....”
“เพื่อนร่วมคณะ แฝดรหัส แล้วไม่ได้อยู่แก๊งเดียวกันกับมัน ไม่ได้สนิทกันด้วย ชัดพอมะ” ผมพูดความจริงดักความเสือกของพวกมันทันที
“แล้วเรื่องเพจที่มีคนมาแฉมึงอะ”
“กูอธิบายไปแล้วในเฟสบุ๊ค มีไรสงสัยอีกไหม” พวกมันส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“งั้นกูไปนะ”
“โชคดีมึง”
“ไม่ต้องไปคิดมาก” ไม่คิดมากเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก อยากจะมองข้ามแต่ก็ทำไม่ได้ คอมเม้นมากมายยังคงด่าผมไม่หยุด แต่ก็ยังดีที่มีคนให้กำลังใจให้พอรับรู้ว่ายังมีคนอยู่ข้างผมบ้าง

-เราเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่เพลง เราว่าที่กล่าวหามาไม่น่าใช่ความจริงนะ
-เราก็เรียนที่เดียวกับเพลง ทำไมไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องที่เป็นข่าวเลย
-เป็นไอโอปะ มาเม้นเข้าข้างคนผิด
-สันดานเก่าโรงเรียนเดิมนั่นแหละ
-เราก็รุ่นน้องพี่เพลง พี่เพลงก็เป็นแบบที่เขาว่านั่นแหละ


มันอดเจ็บไม่ได้จริงๆ บางคนที่อ้างว่าเป็นรุ่นน้องแล้วมาโจมตีผมก็ไม่ใช่ใครอื่น ลูกเพจคีย์มิวของผมนั่นแหละ เขาจะรู้ไหมว่ากำลังด่าต้นหนเรือคู่ชิปของตัวเองอยู่ ผมพยายามตั้งสติ อดทน ไม่โพสต์ไม่ตอบโต้อะไร เดินไปไหนก็รู้สึกว่ามีคนมอง ซื้อข้าวมากินก็กินไม่ลง ดูหนังแก้เซ็งจบไปสามเรื่องก็ยังนอนไม่หลับ

“ไงมึง” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ในตอนเช้า
[เสียงมึงไม่ค่อยโอเคเลย] เสียงไอ้ดลตอบกลับมา
“ก็ไม่โอเคไง”
[ถ้าไม่โอเควันนี้มึงไม่ต้องไปเรียนนะ กูก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน]
“ทำไมอะ”
[ตอนนี้กูอยู่โรงพยาบาล เบศแขนหักน่ะ]
“เห้ย! แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ผมรีบถามอาการแฝดน้องมันทันที
[กระดูกร้าวน่ะสิ ตอนนี้หมอกำลังเข้าเฝือกให้]
“แล้วไปทำอิท่าไหนให้แขนหักได้”
[อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ แต่ก็โอเคแล้ว ว่าแต่มึงเหอะถ้าไม่โอเคก็ยังไม่ต้องไปเรียน]
“ไม่ไปไม่ได้หรอก ถ้ากูไม่ไปแล้วใครจะตามงานให้พวกเราล่ะ เนี่ยเมื่อกี้แก้วก็โทรมาบอกว่าไอ้เป้เลิกกับเมีย ตอนนี้มันอยู่เป็นเพื่อนปลอบใจมันอยู่” จริงๆ ไอ้เป้มันเลิกกับเมียตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ แก้วโทรมาบอกว่าเจอมันเมาเป็นหมาที่ร้านเหล้า พอตื่นเช้ามันถึงโทรมาบอกว่าไปเรียนไม่ได้
[งั้นมึงก็ยิ่งไม่ควรไป]
“กูไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่มีใครทำอะไรกูได้หรอก”
[กูเป็นห่วงมึงนะ]
“ขอบใจ แต่กูไม่เป็นไรจริงๆ”
[เมื่อกี้มึงยังบอกว่าไม่โอเคอยู่เลย]
“เหอะน่า”
[งั้นก็ตามใจ แต่ถ้ารู้สึกไม่ดีก็กลับห้องเลยนะเว้ย หรือโทรมาหาพวกกูก็ได้ ไม่ต้องฝืน]
“อืม ขอบใจนะ” ผมกดวางสายแล้วเตรียมตัวไปเรียน ตื่นเช้ามาวันนี้ผมไม่ได้เปิดอินเทอร์เน็ตเลย ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ใครจะว่าจะคิดอะไรก็ช่างแม่งเหอะ แต่....
ช่างแม่งไม่มีอยู่จริงสำหรับคนอย่างผม วันนี้มันโคตรว้าเหว่สุดๆ เพื่อนมาไม่มาสักคน ไอ้คีย์ก็หายหัวไปเลย ไอ้มิวก็ไม่ตอบกลับมา ไอ้กันต์ก็ติดต่อไม่ได้ เพื่อนในคณะเหรอเหมือนวันนี้ไม่ค่อยมีใครอยากสุงสิงกับผมเท่าไหร่ มีแต่แก๊งสาววายที่เข้ามาให้กำลังใจอยู่บ้าง
ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน ข้าวเที่ยงก็กินไม่ลง เดินไปทางไหนก็มีแต่คนมอง พอมองกลับทำเป็นหลบหน้า กะว่าจะเข้าไปถามสักหน่อยว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ให้ถามมาเลยจะได้ตอบให้หายข้องใจ
อุตส่าห์ไม่เปิดอินเทอร์เน็ตทั้งวัน แต่คลาสบ่ายดันต้องใช้มันค้นคว้างาน ถึงได้เห็นแจ้งเตือนมากมาย จากเฟสบุ๊คและข้อความอินบล็อกเข้ามาด่าให้อารมณ์เสียเล่นๆ
นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมอยากมีคนอยู่ข้างกายในรูปแบบคนสำคัญของชีวิต คนที่ค่อยแชร์เรื่องทุกข์ใจ คนที่ค่อยร่วมทุกข์ไปด้วยกัน แต่ไม่ใช่ในแบบเพื่อน

บทเพลง
พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรนักหนา ถึงต้องมาคอยเสือกเรื่องของกู

ข้อความเฟสบุ๊คที่ผมพิมพ์ค้างเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลบมันทิ้ง
ตอนนี้ผมโคตรอ่อนไหว นั่งอ่านคอมเม้นตั้งแต่กลับถึงห้องไม่ยอมลุกไปไหน หลายครั้งอยากจะตอบโต้ด้วยถ้อยคำแรงๆ แต่ก็ทำได้แค่คิด ผมอยากมูฟออนออกจากตรงนี้ อยากไม่สนใจเหมือนที่หลายๆ คนแนะนำ แต่ในความเป็นจริงเราจะทำแบบนั้นได้เหรอ สำหรับผม ผมทำไม่ได้นะ ทำไมเรื่องบ้าบอพวกนี่ต้องมาเกิดขึ้นกับผมด้วยว่ะ

-กะหรี่
-อี่ตุ๊ด
-ขอให้คีย์หลุดพ้นจากมึง
-เหี้ยก็คือเหี้ย
-หน้าตาดีแต่เน่าใน
-พวกติ่งปากดี ทำเป็นปกป้อง พวกมึงก็ไม่ได้รู้จักตัวตนมันดีกว่าพวกกูเท่าไหร่หรอก
-คีย์ก็เงียบ กันต์ก็เงียบ มีมันกับเพื่อนมันนั่นแหละออกมาดิ้น สงสัยจะจริงว่ะ
-ล่าสุดเพื่อนเทแล้วจร้าาาา วันนี้เห็นไปไหนมาไหนคนเดียว


ยิ่งอ่านยิ่งจิตตก ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมพวกเขาถึงได้ใจร้ายกับผมขนาดนี้กัน
ไม่รู้ว่าผมย้ายตัวเองมานั่งที่มุมห้องนานมากเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนเปิดประตูห้อง ถึงได้เห็นแสงไฟจากข้างนอกส่องเข้ามา
“ทำไมไม่เปิดไฟ” ไม่รู้ทำไมถึงอยากร้องไห้ออกมาซะดื้อๆ ผมรีบหันไปมองทางอื่นแล้วกะพริบตาไล่น้ำตาก่อนที่แสงไฟในห้องจะสว่างจนมันเห็นผม
“เพลง” มันเดินเข้ามาใกล้ๆ
“ง.. ไง” แค่จะอ้าปากพูดน้ำตามันก็เหมือนจะไหลออกมาให้ได้
“ขอโทษ” มันพูดแล้วนั่งลงตรงหน้า มันพยายามจะมองหน้าผมที่เอาแต่เบือนหนีมัน
“ข.. ขอโทษทำไม” มันเอามือมาดึงโทรศัพท์จากมือผมออกไปอย่างเบามือ
“กูพึ่งรู้เรื่อง ขอโทษนะ”
“......”
“มึงกินข้าวยัง” แต่คำพูดแสดงความห่วงใยจากใครสักคน ก็ทำให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลลงมา ผมรีบเอามือเช็ดมันออกลวกๆ
“ขี้แย”
“ห้ามบอกใครว่ากูร้องไห้” ทำไมเสียงถึงได้อู้อี้อ้อแอ้ได้ขนาดนี้กันนะบทเพลง
“ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวนะ” ตอนนี้ผมคงอ่อนแอเกินไป ถึงได้พยักหน้าแล้วทำตามมันง่ายๆ

“กินน้อยไปนะ ไม่เหมือนมึงที่กูเคยรู้จักเลย กินเยอะๆ ดิ”
“อิ่มแล้ว”
“กินอีกคำ” มันตักข้าวมันไก่มาจ่อที่ปากผม
“ไม่เอา”
“เพลง” ไอ้คีย์กดเสียงต่ำ ทำเสียงดุๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมผมถึงได้ดูงอแงยังไงไม่รู้
ผมงับข้าวที่มันเอามาจ่อปากแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ แต่มันก็เอามือมาดึงไป
“ไม่ต้องเล่น”
“.....”
“รหัสโทรศัพท์มีไรบ้าง”
“.....”
“บอกมาเหอะน่า เดี๋ยวกูจัดการเรื่องทั้งหมดเอง”
“.....” ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจ
“ไว้ใจกู”
“...xxxxxx” ผมบอกรหัสให้มันออกไป
“เดี๋ยวดูหนังสักเรื่องให้อาหารย่อยแล้วค่อยนอนก็แล้วกัน” มันลุกขึ้นไปเก็บจานแล้วมานั่งพิงหัวเตียงข้างๆ ผม
ทั้งที่เราดูหนังตลก แต่ผมกลับไม่มีเสียงหัวเราะออกมาเลยสักนิด คงเพราะไม่ได้โฟกัสที่หนังมั้ง ในหัวยังคงเอาแต่คิดเรื่องที่มีคนด่าว่าผมอยู่ตลอด
“สองวันนี้สำหรับมึงคนเดียวมันคงหนักมากสินะ กูขอโทษที่ไม่ได้อยู่ข้างมึง พอดีโทรศัพท์กูพังน่ะ แล้วย่ากูก็ล้มในห้องน้ำ กูเลยไปอยู่ดูแลท่านที่โรงพยาบาล” ย่ามันล้มเหรอ
“แล้วย่ามึงเป็นไรมากหรือเปล่า”
“ไม่ต้องห่วงย่ากูหรอก หมอให้ออกโรงพยาบาลแล้ว มึงห่วงตัวเองเถอะ ออกมาจากโลกที่มีคนเกลียดมึงได้แล้ว” ไอ้คีย์เอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ
“.......” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้
“มีคนชอบก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดา ทำไมมึงไม่เลือกมองแต่คนที่เขาอยู่ข้างมึงล่ะ”
“.......”
“เด็กชายบทเพลง อย่าคิดมาก จะแคร์คำพูดคนอื่นไปทำไม เราไม่ได้ไปขอข้าวใครกินซะหน่อย ถ้าอยากจะแคร์ก็แคร์กูที่อยู่ข้างมึงตอนนี้สิ”
“แล้วมึงอยู่ให้กูแคร์ที่ไหนล่ะ”
“งอน”
“......” ยอมรับ ไม่ใช่แค่มันหรอก ผมงอนเพื่อนทุกคนแหละ เข้าใจว่าทุกคนก็มีเรื่องของตัวเองให้จัดการ ทั้งที่บอกว่าไม่เป็นไร แต่ลึกลงไปในใจมันอดงอนไม่ได้จริงๆ นี่น่า
“ตอนนี้กูอยู่กับมึงแล้วไง” มันเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“.......”
“นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ทุกอย่างจะดีขึ้นเองเชื่อกู”
“ไม่ดีขึ้นหรอก”
“อย่าพึ่งคิดอะไรล่วงหน้า”
“ทีมึงยังคิดเลยว่าพรุ่งนี้จะดีขึ้น”
“เขาเรียกว่าให้กำลังใจ”
“......”
“ถึงพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้น แต่พรุ่งนี้มึงจะมีกูอยู่ข้างๆ ไม่โดดเดี่ยวเหมือนสองวันที่ผ่านมาหรอกเชื่อใจกูสิ”
“.......” อย่าให้กูตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอมึงนะสัส

ไม่เจอมันจริงๆ ครับ ผมตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอมัน ไหนบอกว่าจะอยู่ข้างกูไง ไอ้ตอแหล เฟลอ่ะ มองไปที่โทรศัพท์ก็ไม่กล้าหยิบขึ้นมาดู ลูบไล้ไปที่ว่างข้างลำตัว ที่นอนยังอุ่นอยู่นี่หวา งั้น.....
“ตื่นแล้วเหรอ”
“เปล่าหลับอยู่” ผมตอบไอ้คีย์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ
“หลับแล้วใครพูด”
“ไม่ได้พูดกูละเมอ”
“กวนตีนได้แสดงว่าดีขึ้นแล้ว”
“ก็ดีกว่าเมื่อวาน”
“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำ”
“ขอนอนต่ออีกแป๊บ”
“ไม่ไปเรียน...”
“อยากไปเรียน แต่ไม่อยากเจอใคร” ผมไม่อยากขาดเรียนหรอกครับ แต่ผมก็ไม่อยากไปยืนโดดเดี่ยวให้เป็นเป้าสายตาใครแบบเมื่อวาน ใจมันไม่อยากจะแคร์สายตาใคร แต่ลึกลงไปในจิตใจยอมรับว่ากำลังอ่อนแอ
ผมล้มตัวนอนมองเพดานห้องอีกครั้ง เมื่อคืนผมกับไอ้คีย์นอนเบียดกันบนเตียงเดี่ยวขนาดหนึ่งคนนอน ผมไม่รู้ว่ามันอึดอัดหรือเปล่า แต่ผมไม่เลย ผมกลับรู้สึกสบายใจมากกว่าคืนก่อนๆ
“-เป็นกำลังใจให้เพลงนะ -เพลงสู้ๆ -วันนี้เห็นเพลงเดินไหนมาไหนคนเดียว สงสารมากเลย อยากเข้าไปทักแต่ก็ไม่กล้า สู้ๆ นะเพลง -น้องเพลงดูหงอยมาก สงสารน้อง -รักน้องเพลงเหมือนเดิม -เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องของเขา เราไม่ควรเข้าไปเสือก” ผมลุกขึ้นมองไอ้คีย์ที่กำลังนั่งอ่านข้อความในโทรศัพท์ของผม
“เอาไปอ่านเองไหม” มันยิ้มแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผม
หน้าจอที่ค้างอยู่คือคอมเม้นจากโพสต์ของไอ้คีย์
.
.
.
[มีต่ออีกนิด]

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -07-
«ตอบ #14 เมื่อ19-11-2020 19:41:38 »

.
.
.
[ต่อจร้าาา]


คีย์’คีตะ
คนเราต้องใจร้ายขนาดไหนถึงได้คอมเม้นแย่ๆ ใส่คนที่เราไม่เคยคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว

เป็นโพสต์ที่ไม่ได้พูดถึงชื่อผม แต่คอมเม้นมีแต่คนให้กำลังใจผมทั้งนั้นเลย ผมเลยเลื่อนเข้าไปดูโพสต์ก่อนหน้านี้ของมัน

คีย์’คีตะ
ในฐานะที่รู้จักกับเพลง ผมขออนุญาตอธิบายให้พวกคุณคนที่ไม่เคยแม้แต่คุยกับเขาอ่านนะครับ
เพลงในแบบที่ทุกคนตัดสิน เขาเป็นแบบไหนผมไม่รู้ แต่สำหรับผม เขาเป็นคนน่ารัก ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยมีเรื่องชู้สาวแบบที่มีคนกล่าวหา เขาก็แค่ผู้ชายบ้าบอ ชอบโวยวาย แล้วทำตัวน่ารักไปวันๆ

ตกลงมึงจะด่าหรือมึงจะชม

ผมเรียนโรงเรียนเดียวกับเขาตอนมัธยม ตอนนั้นเรายังไม่ได้สนิทกันหรอก ก็แค่รับรู้ว่าคนนี้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนะ แต่สาบานได้เลย เรื่องที่มีคนบอกว่าเขานิสัยไม่ดี ไม่น่ารัก ชอบทำให้คนอื่นแตกแยก ผมที่เรียนที่เดียวกับเขามา 6 ปี ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ แต่พวกคุณกลับตัดสินใจได้ง่ายดายเพียงเพราะเลือกที่จะเกลียดเขา หรือแค่อินตามคนส่วนใหญ่ก็แค่นั้น
เรื่องเขากับกันต์ ผมยืนยันได้เลยว่าเขาไม่ได้เป็นมือที่สามแน่นอน ช่วงนี้ผมกับเขาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ครับ แฟนคลับน่าจะรู้ดี ภาพที่กันต์พาเขาเข้าหอ วันนั้นเขาแค่ไปเลี้ยงสายรหัส ซึ่งเขาเป็นแฝดรหัสกับกันต์ครับ เพลงดื่มหนักไปหน่อยกันต์เลยพาเขากลับ ซึ่งวันนั้นผมเห็นเข้าพอดีเลยเข้าไปช่วย และพาเพลงกลับมานอนที่ห้องผมเอง (มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่หอผม) แล้ววันถัดมาถ้าสังเกตกันดีๆ ชุดนักศึกษาของเพลงมันจะหลวมกว่าทุกวัน นั่นก็เพราะมันเป็นเสื้อของผมเอง เสื้อผ้าเขาเปื้อนอ้วกครับ 55555

สัส! คีย์

ส่วน เรื่องที่ร้านหมูกระทะ วันนั้นเขาไปกับผมเองครับ แล้วภาพตอนที่เกิดเรื่องผมไปหาเสื้อกันฝนเพราะตอนจะกลับฝนดันตก พอดีกับกันต์เข้ามาคุยกับเพลงแล้วชวนเพลงกลับด้วยพอดี ตอนนั้นแมลงเข้าตาเพลงครับ คลิปจากกล้องวงจรปิดยืนยันได้ครับ

มันได้คลิปมาได้ไงว่ะ

ส่วนเรื่องเพลงที่ผมแชร์ ผมหมายถึงมันจริงๆ ครับ ผมแค่น้อยใจที่มันเลือกนั่งรถเก๋งไปกับกันต์ แล้วทิ้งคนที่ขับมอไซค์อย่างผม เรื่องมันก็แค่นี้เองครับ

มันน้อยใจเรื่องนี้เหรอว่ะ ปัญญาอ่อนฉิบหาย หมายถึงผมด้วยแหละ แค่มันไม่กดไลค์ก็คิดมากไปไกล

สุดท้าย เรื่องข้อความแชท เดี๋ยวนี้มันมีแอปทำแชทขึ้นมาเองแล้วครับ ใครๆ ก็ทำกันได้ ไม่เชื่อก็เข้าไปดูรูปที่ผมลงไว้ได้เลยครับ
ผมได้อธิบายในส่วนของตัวเองไปหมดแล้ว หวังว่าทุกคนจะเปิดใจอ่าน ถึงจะยังเกลียดเพลงอยู่ แต่ผมหวังว่าทุกคนจะด่ามันน้อยลงนะครับ เพลงมันก็คน มีเลือดเนื้อเชื้อไข มีจิตใจมีความรู้สึกเหมือนกัน หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะครับ
#ลองมารู้จักมันให้มากขึ้นแล้วคุณจะเห็นความน่ารักของมันเอง

ผมอดที่จะกัดริมฝีปากหลังจากอ่านจบไม่ได้ มันเขินๆ ไงไม่รู้ ผมเลื่อนไปดูรูปที่มันโพสต์ประกอบ
รูปแรกเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีไอ้กันต์หิ้วปีกผมอยู่ และมีไอ้คีย์ยืนอยู่ใกล้ๆ
ถัดมาเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่เผยให้เห็นไอ้คีย์ที่อุ้มผมเดินเข้ามาในหอ เข้าลิฟต์ ออกลิฟต์เดินไปตามทางเดินและเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
นี่ผมพึ่งรู้เลยนะเนี่ย ว่าไอ้คีย์มันพาผมขึ้นห้องด้วยวิธีการอ่อนโยนต่างจากปากของมันขนาดนี้
รูปที่สองเป็นเสื้อนักศึกษาเปื้อนอ้วกครับ ไอ้เหี้ยยยยเอ๊ยยย ไม่ต้องลงรูปนี้ก็ได้มั้ง
ถัดมาเป็นคลิปจากร้านหมูกระทะแม่ไอ้มิวในคืนวันเกิดเรื่อง ภาพที่มันลงเริ่มตั้งแต่ที่ผมเข้ามาในร้านพร้อมมัน มุมที่เรากินหมูกระทะด้วยกัน และผมกับมันที่เดินออกมาหน้าร้านเพื่อจะกลับบ้าน แล้วไอ้คีย์มันก็หายไปแทนที่ด้วยไอ้กันต์ที่เดินเข้ามาคุยด้วย แล้วภาพทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ผมเคยอธิบายไปแล้ว ที่น่าแปลกใจคือภาพไอ้คีย์ที่ยืนมองสายฝนอยู่นานจนไอ้มิวเดินมาตามแล้วตัดจบไป
“มึงไปเอาคลิปจากกล้องร้านแม่ไอ้มิวมาได้ไงว่ะ วันก่อนกูไปหาแม่มัน แม่บอกว่ากล้องเสีย” ผมหันไปถามด้วยความสงสัย หรือว่ากล้องที่ร้านดีแล้ว
“ไม่ได้เอาจากกล้องหรอก เอามาจากโทรศัพท์ไอ้มิว มันใช้แอปที่เชื่อมต่อกับกล้องที่ร้านดูย้อนหลังแล้วบันทึกเอาไว้” ไอ้มิวมันจะบันทึกเอาไว้ทำไมว่ะ
“แล้วมันหายหัวไปไหน กูโทรไปก็ไม่ติด”
“พี่กุ้งอาหารเป็นพิษมันเลยไปดูแล โทรศัพท์ก็ลืมไว้ที่หอ นี่กูก็ไปตามหามันที่หอพี่กุ้งเลยนะ สุ่มหาห้องตั้งนาน” ไอ้คีย์มันทำให้ผมขนาดนั้นเลยเหรอ

ผมก้มหน้าเลื่อนดูภาพที่เหลือ มันเป็นแชทปลอมของไอ้คีย์ที่คุยกับอิลุงผู้นำประเทศปัญญาอ่อนแถวๆ นี้ในไอจี ซึ่งมันโคตรเหมือนคุยกันจริงๆ เลย แถมมันยังเอาวิธีการใช้แอปมาโพสต์ด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างคือมันคนเดียวเลยทำให้ผม ทั้งที่ผมไม่ได้ขอให้มันทำอะไรให้มากมายขนาดนี้ เพราะอะไรมันถึงได้ทำเพื่อผมขนาดนี้กันนะ
“คีย์ กูขอบคุณนะ” สุดท้ายคนที่อยู่ข้างผมในช่วงที่อ่อนแอแบบนี้กลับกลายเป็นมันไปซะได้
“กูเต็มใจ” มันส่งยิ้มบางๆ มาให้
“ถ้าอยากขอบคุณ ขอบคุณคนที่เขาค่อยให้กำลังใจมึงดีกว่า”
“......” มันกระเถิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอาแขนพาดบ่าผมเอาไว้
“อ่านคอมเม้นดิ” มันว่าแล้วก้มหน้ามองโทรศัพท์ในมือผม

-จะให้กำลังใจหรือจะกรี๊ดก่อนดี
-นุ้งเพลงสู้เขาลูก
-เป็นกำลังใจให้นะคะ
-ตอนด่าสนุกกันเชียว พอเจอหลักฐานอัดหน้าเงียบกันเลยนะ #ทีมบทเพลง
-งานนี้มีคนเงิบ
-คิดไว้แล้วเชียว หลุดพ้นสักทีนะเพลง
-ชั้นดีใจที่คีตะออกมาปกป้องน้อง แล้วชั้นก็ฟินมากๆ เพราะคนที่ปกป้องน้องคือคีตะด้วย
-ชั้นควรโฟกัสที่อะไรก่อนดี น้องเพลงไม่ใช่ตามข่าวลือ หรือ ว่าน้องคีย์น้อยใจน้องเพลง กีสสส #บทเพลงของคีตะ
-โอ๋ๆ ลูกเพลงของแม่
-อย่าไปใส่ใจเสียงนกเสียงกาเลยค่ะ
-ก็แค่หมามันเห่า อย่าไปสนใจค่ะ #ทีมบทเพลง


“เห็นมั้ยว่ามีแต่คนให้กำลังใจ คอยอยู่ข้างมึง”
“......” ผมพยักหน้าน้อยๆ กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้ หากอ้าปากพูดอะไรออกไปตอนนี้ น้ำตาแตกแน่ๆ
“ลองอ่านแชทสิ” ผมทำตามมันอย่างว่าง่าย
มีข้อความมากมายจากใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก พวกเข้าส่งคำพูดให้กำลังใจมาให้ผม เพื่อนๆ ที่ต่างก็มีภาระของตัวเองก็เข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงมากมาย แต่ไอ้คีย์ก็ไล่ตอบกลับไปให้ว่าผมหลับไปแล้ว
“ม... ไม่มีคนด่าแล้ว” น้ำตาไหลออกมาจนได้ ผมใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกลวกๆ
“หึ~” ไอ้คีย์คงกลั้นขำผมอยู่ มันใช้แขนที่พาดบ่าผมโยกไปมา แล้วสวมกอดผมเอาไว้ นั่นยิ่งทำให้ผมร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม จนปล่อยโฮออกมาสุดพลัง
“เพลง ถ้ามึงเลือกที่จะมองแต่สิ่งดีๆ มันก็จะมีแต่สิ่งดีๆ แต่ถ้ามึงมัวแต่โฟกัสเรื่องไม่ดี มึงก็จะจมปลักแต่กับสิ่งแย่ๆ สุดท้ายมึงนั่นแหละที่จะทุกข์เสียเอง แล้วที่ไม่มีคนมาว่าให้มึงแล้วใช่ว่าจะไม่มีคนเกลียดมึงหรอกนะ เราทุกคนก็มีทั้งคนรักคนเกลียดด้วยกันทั้งนั้นแหละ มันอยู่ที่ว่าเราเลือกอยู่กับสิ่งไหนมากกว่า”
ผมว่าคุณหลายคนคงเข้าใจดีว่าเวลาที่เราอยากร้องไห้แล้วมีคนมาปลอบมันเป็นยังไง ยิ่งปลอบ เรายิ่งร้องไห้ ยิ่งให้กำลังใจ เรายิ่งอ่อนแอ
“ฮือๆ ...”
“ร้องไห้เหมียนหมาเลยมึง”
“ห้ามบอกใคร” ผมใช้เสียงที่มันอู้อี้อยู่ในอ้อมกอดขู่มัน นาทีนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขอกอดมันเอาไว้ก่อน กลัวมันเห็นน้ำตาของผม
ซึ่งมันก็ไม่จริงทั้งหมดหรอก ตอนนี้ผมรู้สึกอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัยเมื่อมีมันอยู่ใกล้ๆ มันกอดผมเอาไว้แล้วโยกตัวไปมาเบาๆ มีลูบหัวผมบ้างเป็นบางครั้ง
หรือคนสำคัญที่ผมอยากมีในชีวิตจะเป็นคนตรงหน้า หากผมขอให้มันเป็นคนคนนั้นมันจะยอมหรือเปล่า
“คีย์~” ผมเรียกชื่อมันเบาๆ
“ไง...” มันหยุดโยกตัวเพื่อฟังสิ่งที่ผมกำลังจะขอ
“มึง...”
“ว่า....”
“มึงมาเป็นพี่ชายให้กูได้ไหม”
“ห๊ะ!” เสียงอุทานของมันดังขึ้นพร้อมกับแรงกอดที่หลวมลง
“กูเป็นลูกคนเดียว กูอยากมีพี่ชาย”
“เราอายุเท่ากัน” มันดันตัวผมออกจากอกมันเบาๆ เผยให้เห็นคิ้วที่ขมวดกับใบหน้างงงวยของมัน
“กูอยากมีคนสำคัญในชีวิตนิ มึงมาเป็นพี่ชายให้กูนะ กูรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยเวลาได้อยู่ใกล้มึง” ผมปาดน้ำตรงหางตาที่หยุดไหลไปแล้วมองไปที่มันแสดงความจริงใจ
“กูเป็นคนสำคัญ”
“อืม” ผมพยักหน้ารับ
“เป็นพี่ชายมึง”
“อืม” ผมพยักหน้าอีกครั้ง
“สรุปอยากให้กูเป็นพี่ชายคนสำคัญ”
“และเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างกูเวลาที่ไม่มีใคร” ในตอนที่ผมอ่อนแอ ในเวลาที่ผมเปราะบาง ผมอยากมีมันอยู่เคียงข้าง แต่ผมไม่รู้ว่าจะให้มันอยู่ในฐานะอะไรดี
“งั้นมึงลองเรียกกูว่าพี่สิ พี่คีย์”
“พี่คีย์.. อื๋ออออ จั๊กจี้อะ”
“ก็อยากได้กูเป็นพี่ไม่ใช่”
“เป็นพี่น้องที่สนิทไง คำว่าพี่ไม่ต้อง กูมึงได้เลย”
“งั้นก็ตัดคำว่าพี่ออกไป แล้วเหลือทิ้งไว้แค่คนสำคัญ”
“.....” คนสำคัญเหรอ?
“กูขออนุญาตเป็นคนสำคัญสำหรับมึงได้หรือเปล่า... เพลง”


.......


เอ้า! ดราม่าซะงั้น กอดปลอบน้องเพลง   :mew6:


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -07-
«ตอบ #15 เมื่อ19-11-2020 21:32:56 »

 :pig4:
 :กอด1:

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -08-
«ตอบ #16 เมื่อ20-11-2020 21:27:55 »

- 08 -


“ที่คิดถึง เพราะรักเธอใช่ไหม
ที่อ่อนไหว ง่ายดายหรือเพราะรักเธอจริงจริง
ก็ไม่เคยรู้ตัว ก็มันยังไม่ชิน
สับสนวุ่นวายในใจจนหลับไม่ได้จริงจริง...”

“ฟัก”
“อ้าว... ด่าเฉย”
“เรียกชื่อมึงไหม ใครเขาด่ามึง” จริงๆ ก็แอบด่ามันด้วยแหละ ใครใช้ให้มาร้องเพลงจี้ใจดำตอนนี้
“แล้วเรียกทำไม”
“เปลี่ยนเพลง”
“เอาเพลงไรอะ”
“เพลงไรก็ได้มันส์ๆ เอาที่กูฟังแล้วอยากลุกขึ้นมาเต้นเร่าๆ เหมือนตกอยู่ในกระทะทองแดง”
“งั้นเพลงนี้เลย... อยู่ในปาร์ตี้ ร้อนยังกับ FIRE เธอสวย SEXY HOT ยังกับ FIRE...
ระหว่างที่ไอ้ฟักมันร้องเพลงอยู่ ผมขอใช้ช่วงเวลานี้อธิบายให้หลายๆ คน แต่ไม่น่าจะหลายๆ คนนะ น่าจะทุกคนที่กำลังอ่านอยู่ ณ ตอนนี้เข้าใจสักหน่อย

ตอนนี้ผมอยู่ต่างจังหวัดครับ ผมมาเยี่ยมยายที่อุดรหลังจากสอบไฟนอลจบลงเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ยายไม่ค่อยสบายน่ะครับ นี่ก็มาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนแล้วเหมือนกัน
ส่วนไอ้คนที่นั่งร้องเพลงข้างๆ ผมมันชื่อ ฟักทอง ครับ ชื่อเหมือนคำด่าทั้ง “ฟัก” ทั้ง “ทอง” เป็นลูกพี่ลูกน้องเด็กกว่าผมสองปี มันอาศัยอยู่กับยายและน้าผม ซึ่งก็คือแม่มันเองแหละครับ
และอย่างที่บอกว่ายายไม่สบายผมเลยต้องรีบมาดูแลยายเป็นเพื่อนไอ้ฟัก ยายจะได้ไม่เหงาเพราะเบื่อขี้หน้ามัน แล้วท่านก็จะได้มีกำลังใจขึ้นมาด้วยเมื่อมีหลานน่ารักอย่างผมมาอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วผมไม่ค่อยสนิทกับแกเท่าไหร่ อาจจะเพราะไม่ได้โตมากับแก ตั้งแต่เกิดก็เจอกันปีละครั้งตอนสงกรานต์ ต่างจากไอ้ฟักที่ตอนเด็กโตมากับยาย โตขึ้นหน่อยย้ายมาอยู่บ้านผม โตมาอีกหน่อยก็ย้ายกลับมาอยู่กับยายอีกที มันเลยสนิทกับทั้งผมและยาย หลายคนคงงงใช่ไหมว่าทำไมมันย้ายกลับไปกลับมา ถ้าอยากรู้ก็ช่วยกันภาวนาให้มันมีนิยายเป็นของตัวเองสักเรื่องแล้วกัน มันจะได้อธิบายเอง แล้วก็อย่างที่บอกไปว่าผมไม่ได้โตมากับยายผมเลยเว้าอีสานไม่เป็น
ส่วนตอนนี้กลับมาที่เรื่องของผมกันบ้าง หลังจากวันนั้นที่ผมขอให้ไอ้คีย์เป็นพี่ชายน่ะเหรอ พูดแล้วเขินจัง คนบ้าอะไรจะมาขอคนรุ่นเดียวกันเป็นพี่ชายถ้าไม่ใช่คนบ้าอย่างผมน่ะ แต่สรุปเราก็ไม่ได้เป็นพี่เป็นน้องกันแบบที่ผมขอหรอก เรากลับมาเป็นคู่จิ้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความรู้สึกแปลกใหม่ที่มันเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น
ผมที่กำลังรู้สึกเปราะบางพร้อมแตกสลายในไม่ช้าถ้ายังคงจมอยู่กับที่ จู่ๆ ก็มีไอ้คีย์ที่ขี่ม้าขาวมาช่วยเอาไว้ ความรู้สึกตอนนั้นมันทั้งอบอุ่น ปลอดภัย จนผมอยากมีมันในชีวิต แต่ไม่รู้ว่าจะให้มันอยู่ในฐานะอะไรที่ดูพิเศษกว่าคนอื่นเขา มันจะได้อยู่ข้างๆ ผมเวลาที่เกิดเรื่องแย่ๆ แบบตอนนั้นขึ้นมาอีก ความคิดชั่ววูบของผมที่คิดได้ตอนนั้นคือพี่ชาย ผมเลยขอให้มันเป็นพี่ชาย ผมอยากยกสถานะคนสำคัญให้มัน แต่มันรับเอาไว้แค่คนสำคัญ ไม่เอาพี่ชายบ้าบอที่ผมพูดออกมาเพราะตัวเองสับสน
คนสำคัญสำหรับทุกคนผมไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่สำหรับผมตลอดเวลาที่ผ่านมากับมัน มันโคตรพิเศษมากๆ แม้ว่าเราจะยังพูดคุยกันเหมือนเดิม ประโยคกวนตีนกันเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบางอย่างมันก็บอกกับผมว่ามันมีอะไรที่เปลี่ยนไป แล้วมันก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วยสิ
เราใช้ชีวิตด้วยกันมากกว่าก่อนเกิดเรื่อง มันมักมานอนที่ห้องผมบ่อยๆ ด้วยข้ออ้างว่าขี้เกียจกลับห้องตัวเอง จนเสื้อผ้าที่มันค่อยๆ ขนมาทีละตัวสองตัวจนเกือบจะเต็มตู้เสื้อผ้าไอ้ไก่ที่มันไม่ได้มาใช้งานอยู่แล้ว
เราอยู่ด้วยกันมากจนเคยชิน พอเวลานี้มาถึงก็อย่างที่เพลงของไอ้ฟักที่ร้องไปข้างต้นนั่นแหละ
ผมคิดถึงมัน.....
แต่เนื้อเพลงดันบอกว่าที่คิดถึงเพราะรักเธอใช่ไหม ซึ่งนั่นมันเป็นเพลงรักไง แล้วผมดันฟังแล้วมีแต่หน้ามันลอยไปลอยมา สลัดไม่ออก จนต้องบอกให้ไอ้ฟักเปลี่ยนเพลง
ที่คิดถึงเพราะผมอยู่กับมันมากเกินไปมากกว่าเหอะ ใครจะรักคนอย่างมัน คนที่ด่าผมว่าอ้วนเหมือนหมูเพราะกินเยอะ คนที่เอาแต่แช่งเวลาผมปิดไฟเล่นโทรศัพท์ให้ตาบอด คนที่หวงของเวลาที่ผมยืมมอไซค์ นี่ตั้งแต่มันเอามาใช้ ผมยังไม่เคยได้ลองขับเองเลยสักครั้ง มีแต่นั่งเป็นสก๊อยซ้อนท้ายรถมันไปมา ชิปเปอร์คีย์เพลงนี่ฟินกันยกใหญ่ ไม่รู้เป็นแผนไอ้คีย์เพื่อเอาใจพวกเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คิดถึงมันจริงๆ ครับ....
“เห้ย! ไอ้เหี้ย!” ตกใจหมดเลยสัส จู่ๆ ไอ้ฟักก็เอากีตาร์มาดีดอัดเต็มบ้องหู
"ฮ่าๆ"
“ไอ้ควาย! มึงทำเหี้ยไรเนี่ย เดี๋ยวยายก็ตื่นหรอก”
“ยายตื่นนานแล้ว พี่นั่นแหละเป็นแมวอะไร ทำหน้าเหม่อลอยเป็นพระเอกเอ็มวีไปได้ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่หัน นิ่งบื้อมองยอดตะไคร้รอมันออกดอกอยู่ได้ ไอ้หน้าหมาโทรมาเป็นสิบสายแล้วเนี่ย” ผมมองโทรศัพท์ในมือไอ้ฟักที่โชว์ชื่อไอ้หน้าหมากำลังโทรเข้ามา
ผมรับโทรศัพท์ที่ไอ้ฟักยื่นให้แล้วเดินลิ่วๆ มาที่สวนครัวหลังบ้าน
[ที่คิดถึง เพราะรักเธอใช่ไหม ที่อ่อนไหวง่ายดายหรือเพราะรักเธอจริงๆ ก็ไม่เคย.....]
“คีย์” ผมเรียกก่อนที่มันจะร้องเพลงจบซะก่อน
[โทษทีๆ ร้องเพลงรอไม่รู้ว่ามึงรับแล้ว]
“มีไร”
[โทษหามึงนี่ต้องมีอะไรด้วยเหรอ]
“ไม่มีอะไรแล้วจะโทรมาหายใจให้กูฟังเฉยๆ หรือไง”
[ไม่ได้โทรไปหายใจให้มึงฟัง แต่โทรหาเพราะอยากได้ยินเสียงหายใจมึง]
“.....” ไอ้สัสหัวใจ มึงเต้นแรงทำไมห๊ะ! หยุดเด่วเน้!!!!
[เงียบไปเลย เขินอะดิ]
“ใครเขินมึง”
[มึงไง]
“กูเปล่าซะหน่อย กูหายใจเฉยๆ ให้มึงฟังไง” บอกเองนิว่าอยากฟังเสียงหายใจกู
[หึ~ จะถามว่ากลับวันไหน]
“อีกสองวันมั้ง ถามทำไม”
[จะได้ไปย้ายของที่หอมึงไง]
“ย้ายอะไร กูยังไม่ได้ตัดสินว่าจะไปอยู่กับมึงซะหน่อย”
[งั้นก็ตัดสินใจซะสิ นี่ก็จะเปิดเทอมแล้วนะ สัญญาเช่าหมดเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ] สัญญาเช่าหอในเป็นรายเทอมครับ
“ก็คิดอยู่”
[คิดทำไมเยอะแยะ มึงอยากได้คนแชร์ค่าห้องไม่ใช่เหรอ ไอ้ไก่ก็ไม่อยู่แล้ว มึงจ่ายเต็มคนเดียวเลยนะ]
“ใครว่ากูจ่ายเต็มคนเดียวล่ะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่หอก็หารูมเมทคนใหม่มาให้เองแหละ”
[มึงไม่กลัวเหรอ]
“กลัวไร”
[รูมเมทมึงอาจจะเป็นโรคจิต ติดเกม ขี้เรื้อน หรือว่าซกมก มึงไม่เคยฟังพุธทอล์คพุธโทรเหรอ]
“งั้นขอคิดดูก่อน” เล่นตัวซะหน่อย ถ้ามันตื้ออยู่แสดงว่าเรายังเป็นคนสำคัญ
[คิดเหี้ยไรอีก อย่าเล่นตัวไอ้สัส ตกลงตามนี้ กลับมาแล้วก็ไปแจ้งเจ้าหน้าที่หอซะ หรือจะให้กูไปแจ้งให้] แต่นอกจากมันจะไม่ตื้อ มันยังรู้ทันแล้วด่าผมอีกแน่ะ
“กูทำเองได้น่า”
[สรุปตกลง]
“เอ่อดิ” จริงๆ ก็คิดจะย้ายไปอยู่กับมันนั่นแหละ จะได้ประหยัดค่าห้อง เพราะที่บ้านผมก็ไม่ร่ำรวยอะไร
[โอเคตามนั้น...]
“......”
[........]
“......” เงียบทั้งมันทั้งผม ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอะ มันเองก็คงเหมือนกันมั้ง ตอนนี้เลยทำได้แค่นั่งฟังเสียงหายใจของมัน
“พี่เพลงยายเรียกกินข้าว” เสียงไอ้ฟักทำให้ผมต้องวางสายจากมัน
“คีย์ยายกูเรียกกินข้าวแล้ว แค่นี้ก่อนนะ”
[ครับ]
“ครับเหี้ยไร อย่ามาสุภาพกับกู ขนลุก”
[ใครครับให้มึง กูกำลังคุยกับเออ.... แค่นี้นะ] มันวางสายไปแล้ว คุยกับใครที่ไหนกัน ไม่เห็นได้ยินเสียงใครเลย ไอ้ตอแหล

สิบนิ้วพนมก้มลงกราบที่ตักคุณยายงามๆ ก่อนจะจากลาปิดเทอมที่มาอยู่ที่นี่ ตอนนี้ผมกำลังจะกลับแล้วเลยมากราบลายาย พร้อมรับพรจากท่าน ตอนนี้ท่านสบายดีขึ้นมากแล้วล่ะ
“ตั้งใจ๋เฮี่ยนเด้อหล้า”
“ครับยาย” รับคำแล้วสวมกอดท่านเบาๆ
“ไปได้แล้วพี่เพลง เดี๋ยวก็ไม่ทันรถแบบเมื่อวานอีก” เสียงไอ้ฟักเร่งผม
“เออๆ เสร็จแล้วๆ ไปนะยาย ไว้ปิดเทอมหน้าเพลงมาหาใหม่นะครับ”
“จ้า” ผมยกมือไหว้แกอีกครั้งแล้วรีบเดินไปหาไอ้ฟักที่เร่งเครื่องมอไซค์จนควันสีดำพุ่งออกท่อจนฟุ้งไปหมด
ความจริงแล้วกำหนดกลับของผมคือเมื่อวานครับ แต่เนื่องจากคืนก่อนนั้นนอนดึกไปหน่อยเลยตื่นสาย เลยตกเครื่องพอจะกลับรถทัวร์ก็ดันมาท้องเสียเพราะตำบักหุ่งของไอ้ฟัก เลยต้องกลับเอาเช้าวันนี้แทน
ผมซ้อนท้ายรถมอไซค์ไอ้ฟักมาถึงท่ารถของอำเภอ แล้วต้องต่อเข้า บขส. ของจังหวัดอีกที ลืมบอกไปว่าบ้านยายอยู่นอกเมือง หรืออยู่แถบๆ ชนบทเลยแหละ แล้ววันนี้ก็ไม่ได้ขึ้นเครื่องแล้วเพราะตังค์หมดไปกับตั๋วเมื่อวาน
“ขอบใจฟัก”
“ไม่เป็นไร ไว้ผมไปกรุงเทพเมื่อไหร่คงได้รบกวนพี่อีกเยอะ”
“ปีกว่าๆ สินะ”
“ครับ”
“มึงรีบกลับเถอะเดี๋ยวกูรอรถเองได้”
“งั้นผมไปนะ”
“ไปดิ แล้วกลับบ้านให้กลับจริงๆ อย่าให้กูรู้ว่าแอบไปเถลไถลที่ไหนนะ ยายอยู่คนเดียวด้วย”
“ไว้ใจผมเหอะน่า ไปนะ”
“เออ โชคดี”
“พี่ก็เหมือนกัน เดินทางปลอดภัยนะ” ผมโบกไม้โบกมือให้มันแล้วมานั่งรอรถเข้าตัวจังหวัด
“หมายเรียกที่ท่านเลข เอ๊ย! หมายท่านที่เลขเรียก เอ๊ย! หมายเลขที่ท่านเรียก เอ๊ย! ถูกแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้.... จิ๊! ไอ้สัสคีย์ ไม่ห้ามกูหน่อยเหรอ” ผมเล่นมุกใส่สายที่พึ่งโทรเข้ามา
[ห้ามทำไม ติ๊งต๊องดี กูชอบ] เสียงตอบกลับไอ้หน้าหมาที่ปล่อยให้ผมรับโทรศัพท์แล้วเลขมุขผีบ้าอยู่คนเดียว
“ชมหรือด่า”
[แล้วแต่จะคิด]
“งั้นแสดงว่าชมกู”
[ถึงเมื่อไหร่]
“บ่ายแก่ๆ เลยอะ นี่ยังรอรถเข้าตัวจังหวัดอยู่เลย”
[จะขึ้นรถก็โทรมานะ]
“โทรไปทำไม”
[จะได้กะเวลาไปรับมึงถูกไง]
“มึงจะมารับกูเหรอ”
[ทำไม กูไปรับมึงไม่ได้หรือไง]
“เปล่า แต่อยากนั่งแท็กซี่กลับอะ แดดมันร้อนไม่อยากซ้อนมอไซค์” พระอาทิตย์ประเทศไทยร้อนยิ่งกว่านรกอีกมั้ง แล้วก็ไม่อยากรบกวนมันด้วยประเด็นสำคัญอะนะ
[ไม่ต้องห่วงน่า กูยืมรถพ่อมาใช้ มึงจะได้ไม่ต้องทนแดดทนฝนอีกต่อไป]
“จริง..?”
[เยสสสสส]
“กระแดะ”
[ขอบคุณที่ชม]
“คีย์แค่นี้ก่อนนะ รถมาแล้ว”
[เดินทางปลอดภัยแล้วเจอกันครับ] คุณครับผมจะบ้าตายเพราะคำลงท้ายของมันอีกแล้ว คุณเคยใจเต้นแรงกับคำคำเดียวมั้ย ผมเป็นบ่อยมากช่วงนี้ หึ่ยยยยย!

ผมว่าลืมเล่าบางอย่างไป ระหว่างเดินทางผมจะสรุปให้ฟังคร่าวๆ แล้วกันนะครับ หลังจากวันที่ไอ้คีย์ขี่ม้าขาวมาช่วยผมเอาไว้วันนั้น คนเกลียดผมก็ยังคงมีเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีคนใครด่าผมตรงๆ เหมือนที่ผ่านมา ทีมซัพพอร์ตผมก็เพิ่มมากขึ้น มีคนกล้าเข้ามาทัก มาให้กำลังมากขึ้น ตรงนี้แหละที่ผมเอามาหักลบกับพวกแอนตี้ ส่วนเพจแอนตี้ได้ถูกทีมซัพพอร์ตกดรีพอร์ตจนเพจปลิวไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนสร้างมันขึ้นมาเหมือนเดิม แต่คนกดไลค์ไม่เยอะเท่าไหร่แล้ว ผมเคยกดเข้าไปดูครั้งหนึ่ง แต่โดนไอ้คีย์บ่นจนรำคาญ แถมมันยังเอาเฟสบุ๊คผมไปกดบล็อกเพจนั่นอีก ซึ่งส่วนใหญ่ที่แอนตี้ผมก็แฟนคลับ ไอ้คีย์กับไอ้มิวนั่นแหละครับ แต่ละคนก็คุ้นหน้าอยู่บ้างเพราะเป็นลูกเพจเก่าผมทั้งนั้นเลย แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายแล้วล่ะ
ส่วนเรื่องไอ้กันต์มันออกมาพูดบ้างเหมือนกัน มันออกบอกว่ามันมีคนอื่นจริงๆ แต่ก็หลังจากเลิกกับแฟนเก่าไปแล้ว ซึ่งแฟนใหม่มันก็ดันมีรูปร่างคล้ายๆ ผมจึงถูกเพื่อนของแฟนเก่ามันเข้าใจผิด มันบอกแค่นี้แหละสั้นๆ แต่หลักฐานที่มันแนบมาด้วยนี่ชัดเจนจนคนด่ามันทีแรกกลายเป็นหมาหาตะกร้อครอบปากไม่ทัน เพราะมันลงทั้งแชทที่ถูกแฟนเก่าด่าทอ และคลิปจากกล้องวงจรปิดที่มันถูกแฟนเก่าทำร้าย ทั้งถีบทั้งแตะ มีกระชากผมแล้วสาดน้ำด้วย โหดจัดๆ
ถ้าเป็นผม อย่าหาว่าผมไม่แมนเลย ผมยอมถูกเรียกว่าหน้าตัวเมีย ดีกว่าถูกทำร้ายไปเรื่อยๆ แบบนั้นน่ะนะ

“หิวๆๆๆ” ผมพูดอัดหน้าไอ้คีย์ทันทีที่เจอมัน
“เจอหน้ากูก็หิวเลย กินกูก่อนปะล่ะ”
“กินได้เหรอ งั้มมมมม” ผมคว้าแขนมันมากัดหนักๆ ไปที
“โอ๊ยยยย กัดจริงเหรอสัส เดี๋ยวกัดกลับแม่งเลย” มันเข้ามาล็อกคอผมเอาไว้แล้วกัดลงมาที่แก้มผมเต็มๆ
“โอ๊ยยยย ไอ้สัสปล่อยยยย” มันไม่ได้กัดแรงมาก เหมือนงับเบาๆ มากกว่า จั๊กจี้สัสๆ
“มึงหน้าแดง” ไม่ให้หน้าแดงได้ไง กูก็อายเป็นนะ ยิ่งลมหายใจอุ่นๆ ของมันมารดตรงที่แก้มอีก
“อากาศมันร้อนแล้วกูก็หิวจัดด้วย”
“งั้นก็ไปขึ้นรถได้แล้ว” มันคว้าเอากระเป๋าในมือผมไปถือแล้วเดินนำหน้าผมไป ผมมองมันจากด้านหลังปล่อยให้ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทรก ความรู้สึกที่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่.....หรือเปล่า
ความจริงมันไม่ต้องเดินเข้ามาหาผมก็ได้ แต่มันยังก็มา
ครั้งแรกที่ผมเห็นมันสิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวคือผมอยากกอดมัน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คงเพราะตอนนี้เราสนิทกันมาก และคงอยู่ด้วยกันมากเกินไปมั้ง ห่างกันไปเกือบเดือนเลยคิดถึงมันขึ้นมา
“รถพ่อมึงจริงอะ” ผมถามเมื่อเข้ามานั่งในรถแล้ว
“ทำไม”
“ป้ายแดงขนาดนี้พ่อมึงคงให้ยืมหรอก” ป้ายแดงนี่ไม่ถึงเดือนชัวร์ใครเขาจะให้ยืมกันล่ะว่าไหม
“รถกูเองแหละ”
“แล้วตอนนั้นบอกรถพ่อ”
“บอกรถตัวเองกลัวมึงไม่เชื่อ” ก็ไม่เชื่อจริงๆ แหละ ตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลย
“แล้วคิดไงซื้อรถ”
“เอาไว้รับส่งแฟนในอนาคต กลัวซ้อนท้ายมอไซค์แล้วจะตากแดดตากฝน”
“ชิ~ ทีกับกูล่ะให้นั่งซ้อนท้ายตากแดดตากฝนตั้งนานเป็นเดือนๆ พออยากจะมีแฟนซื้อรถเก๋งเลยนะสัส!” ผมแกล้งทำเสียงสะบัดใส่มัน แต่ลึกๆ แล้วแอบสะดุดกับคำว่าแฟนในอนาคตของมันเหมือนกันนะ ตอนนี้เราต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน หากมันมีแฟนขึ้นมา ความสำคัญของผมก็คงลดลงไปมากน่ะสิ
“กว่ากูจะมีแฟน มึงก็นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปอีกนานแหละ”
“ไม่จริง ซื้อรถมาเตรียมขนาดนี้แสดงว่ามึงอยากมีแฟนตอนนี้แล้ว เอะ หรือว่ามึงเจอคนที่ถูกใจแล้ว”
“ก็เจอแล้ว”
“ใครวะ” ผมพยายามทำหน้าตื่นเต้นกลบความตกใจของตัวเอง มึงจะมีใครคนนั้นจริงๆ เหรอ
“ล้อเล่นน่า”
“ไม่เชื่อ”
“เชื่อเหอะ”
“ขี้จุ๊ หนังหน้าแบบมึงหาได้ไม่อยากหรอก กูว่ากูไม่ย้ายไปอยู่กับมึงแล้วดีกว่า เผื่อมึงเอาแฟนมาห้องจะได้ไม่ต้องอึดอัด” ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ ถ้ามันมีแฟนขึ้นมาน่ะ
“ประชดประชัน”
“ประชดเหี้ยไร” ผมเปล่านะ
“พูดเสียงสะบัดขึ้นจมูกขนาดนี้ ไม่ประชดเลยเนาะ”
“เสียงสะบัดที่ไหน เสียงปกติ” ผมว่าผมควบคุมเสียงตัวเองได้ดีแล้วนะ เสียงผมยังผิดปกติอีกเหรอ
“เสียงต่ำกว่าปกติ”
“ต่ำที่ไหน เสียงเป็นงี้อยู่แล๊ว”
“นี่ก็สูงไป” สงสัยจะเปลี่ยนคีย์เร็วเกิน
“คิดไปเองเปล่า”
“ใคร..?”
“มึงไง ใครจะไปมีสิทธิ์ประชดประชันมึงได้เล่า”
“มึงไง กูให้สิทธิ์มึงเต็มที่ มึงคือคนสำคัญสำหรับกู”
“........” ขอบคุณนะที่ย้ำให้กูมั่นใจในสถานะตัวเอง ว่าแต่อากาศวันนี้โคตรร้อนเลย สงสัยแอร์ในรถไอ้คีย์จะเสีย
“หน้าแดงอีกแล้ว ไม่สบายเปล่า” ไอ้คีย์เอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากระหว่างรถติดไฟแดง
“ใช่ ปวดหัว ตัวร้อน กระสับกระส่าย ตับไม่ทำงาน อาหารไม่ย่อย กินข้าวไม่อร่อย ลิ้นกร่อยไม่รู้รส ท้องอืดไม่ตด มีกรดในกระเพาะ แล้วอะไรอีกว่ะ” ผมจำมาจากไอ้ฟักที่มันท่องเช้าท่องเย็นจะเอาไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียน ความจริงมันยาวมากเลยนะไอ้มุขนี้เนี่ย แต่จำได้แค่นี้จริงๆ
“หึ~ ขนาดนี้แล้ว แอ็ดมิทเลยม่ะ ไม่ต้องไปกินข้าวกันแล้ว”
“กินสิ บอนชอนเด้อจร้า” ใส่สำเนียงอีสานสักหน่อยให้รู้ว่าไม่ลืมเชื่อลืมสาย
“ไก่อีกแล้ว”
“เก๊าอยากกิน”
“แล้วเก๊าท์ก็จะถามหา”
“แต่เก๊าสัญญา เก๊าจะกินไก่ให้น้อยลง”
“หึ~” เล่นเหี้ยไรกันว่ะ ฮ่าๆๆ
“แล้วรถคันนี้พ่อมึงซื้อให้เหรอ” ผมเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นบ้าง
“ก็ออกให้ครึ่งหนึ่ง”
“อีกครึ่งออกเอง..?”
“.....” มันหันมายักคิ้วข้างเดียวพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ จนผมเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง เท่ฉิบหายเลยไอ้สัส สอนกูบ้างนะคราวหลังอะ
“ขี้โม้ มึงจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเองตั้งครึ่งหนึ่ง”
“เงินแม่กูไง”
“นั่นไง กูว่าแล้วไงอย่างมึงจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่าย”
“กูดูเป็นคนไม่เอาไหนมากไหมเพลง” เสียงมันอ่อนลง จนผมเริ่มคิดได้ว่ากำลังพูดดูถูกมันอยู่
“กูไม่ได้หมายความว่ายังงั้น แค่เงินซื้อรถมันเยอะไปสำหรับนักศึกษาที่ไม่มีงานทำจะซื้อใช้เองไง” รู้สึกผิดเฉยเลยแฮะ
“......”
“มึงโกรธปะเนี่ย”
“อืม...” ยอมรับซะด้วย
“กูก็พูดไปงั้นแหละน่า ไม่ได้ว่าให้มึงไม่เอาไหนซะหน่อย โยงไปเองคิดไปเองทั้งนั้น”
“....”
“คีย์~”
“....”
“ไอ้คีย์~” ไม่พูดด้วยสงสัยงอนจริงแฮะ
“....”
“ดีกันน้า~” ผมยื่นนิ้วก้อยไปที่หน้ามัน ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยว่ะ
“ง้อกูดิ”
“ก็ง้อมึงอยู่นี่ไง อย่าเรื่องมาก รีบหายงอนได้แล้ว”
“หอมแก้มกูก่อน แล้วกูจะหายงอนให้”
“ไอ้สัส บ้าปะนิ เพื่อนที่ไหนเขาหอมแก้มกัน”
“เราก็ไม่ใช่เพื่อนกันนิ เราเป็นคนสำคัญของกันและกัน”
“.....” เถียงบ่ออก
“กูกำลังงอนอยู่นะ”
“.....” เอาไงดีว่ะ
“กูแค่อยากรู้ว่ามึงตั้งใจจะง้อกูจริงๆ ไหม ถ้าตั้งใจจริงมึงต้องกล้าหอมแก้มกู”
“......” รถเข้ามาจอดที่ลาดจอดรถของห้างที่มันพาผมมา ตั้งแต่เกิดมายอมรับเลยว่าไม่เคยหอมแก้มเพื่อนคนไหน ยกเว้นตอนที่แกล้งไอ้มิว แต่ถึงแม้จะเคยเห็นเพื่อนผู้ชายมันเล่นก็เถอะนะ แต่กับคนที่ไม่เคยแล้วยิ่งคนนั้นเป็นไอ้คีย์อีก โว้ยยยยย มันเขินนะสัส
ไอ้คีย์ยังคงตีหน้าเศร้าปลดสายคาดเบลท์ออก
เอาว่ะ ง้อก็ง้อ
จุ๊บ!
เชร้ด!
ผมกะจะยื่นหน้าไปหอมแก้มมันเร็วๆ แต่มันดันหันหน้ามาพอดี อย่างกับวางคิวไว้ในละครยังไงยังงั้น ผมเลยเบรกเอาไว้ไม่ทัน ปากผมเลยไปชนปากมันเต็มๆ
“ไอ้สัส หันหน้ากลับมาทำไม” ผมเอาหลังมือมาขยี้ปากเบาๆ แก้เขิน
“ทำด่ากลบเกลื่อน อยากทำมากกว่าหอมแก้มแหละดูออก”
“ด่าเพราะกูหิวเว้ย” ผมรีบเปิดประตูลงจากรถทันทีแต่ โว้ยยยยยย ลืมไปยังไม่ได้ปลดเบลท์
“ฮ่าๆ โก๊ะกังเหมือนกันนะเราอ่ะ” ไอ้คีย์มันหัวเราะแล้วเอื้อมตัวมาปลดเบลท์ให้
“เพราะมึงนั่นแหละ หิวๆๆๆ” ผมทำทีโวยวายกลบเกลื่อนความอายตัวเอง โถเว้ย มีเรื่องให้น่าอายหลายเรื่องแล้วนะวันนี้

“คีย์~ เพลง~” ผมหันไปตามเสียงเรียก เจอผู้หญิงกลุ่มหนึ่งไกลออกไปนิดหน่อยโบกมือมาให้หย่อยๆ ผมยิ้มตอบกลับไป ชีวิตคู่จิ้นผมเจอแบบนี้บ่อยๆ แหละครับ แรกๆ ก็เขิน แต่หลังๆ เริ่มชินแล้ว บางคนก็ทักบ่อยจนจำหน้าได้ เรื่องของกินไม่ต้องพูดถึง มีมาให้แทบทุกวัน นี่พอปิดเทอมก็แอบคิดถึงเหมือนกันนะ หมายถึงของกินน่ะ ฮ่าๆๆ หยอกๆ
“เบาๆ หน่อย จะมีสักครั้งที่ไม่มูมมามบ้างป่ะ” ไอ้คีย์หยิบทิชชูยื่นมาให้
“มีทุกครั้งแหละตอนไม่มีมึงอยู่ด้วย” เพราะสนิทกับมันไง ทำอะไรก็เลยไม่ค่อยเกรงอกเกรงใจกันเท่าไหร่ ทำตัวสบายๆ เป็นตัวเองได้เต็มที่
“สเปเชียลสุดๆ เลยว่างั้น ที่ได้เห็นมุมตะกละตะกลามของมึงเนี่ย”
“มึงควรจะดีใจให้มากๆ มีไม่กี่คนหรอกที่ได้เห็นมุมนี้กู”
“แล้วตกลงจะย้ายหอวันไหน”
“คงสิ้นเดือนหน้าแหละ”
“ไหนบอกว่าจะไม่ย้ายมาอยู่กับกูแล้วไง ลืมง่ายนะมึงอะ” เออว่ะ ลืมไปเลย
“พูดงี้กูจะให้กูไปอยู่ด้วยไหมเอาดีๆ”
“แหย่เล่นนิดหน่อยทำเป็นขึ้น” ผมไม่ได้พูดโต้ตอบกับมันอีก หันมาสนใจของกินตรงหน้าดีกว่า
พอหนังท้องเริ่มตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน
“กลับเลยม่ะ หนังตาจะปิดแล้ว” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
“ง่วงมากเหรอมึงอะ”
“เอ่อดิ”
“งั้นวันนี้ไปนอนห้องกูแล้วกัน”
“เค” สิ้นเสียงตกลงผมก็เข้าสู่ห้วงนิทรา สะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนถึงหอไอ้คีย์
“มึงเก็บห้องจะไปไหน” ผมถามมันเมื่อเดินเข้ามาในห้องที่ดูสะอาดเรียบร้อย ของใช้หายไปแทบเกลี้ยง ตู้เสื้อผ้าโล่งโจ้ง
“ย้ายหอไง”
“ย้ายหอ..? กูไม่ได้จะย้ายมาอยู่ห้องนี้กับมึงเหรอ”
“เปล่า ย้ายไปหอข้างๆ ใหญ่กว่านี้นิดหน่อย มึงจะได้ไม่อึดอัด”
“งั้นราคาก็แพงขึ้นอะดิ” ตอนแรกที่จะย้ายมาก็โอเคกับราคาห้องนี้แล้วนะ แต่ถ้ามันจะย้ายไปห้องที่กว้างกว่างั้นราคาก็ต้องเพิ่มขึ้นดิ
“ราคาเดิม พอดีรู้จักกับพี่ที่ปล่อยเช่าน่ะ”
“ปล่อยเช่า หอเขาปล่อยเช่าเหรอว่ะ”
“ไม่ใช่หอหรอก คอนโดเล็กๆ อะ”
“คอนโดด้วย แน่ใจนะว่าราคาเดิม”
“ชัวร์”
“งั้นก็โอเค กูไปอาบน้ำนะ เหนียวตัวอยากนอนแล้วด้วย”

เช้าวันถัดมาผมก็ยังไม่ได้กลับห้องเพราะต้องไปช่วยไอ้คีย์ย้ายของไปคอนโดใหม่ ที่นี่เป็นคอนโดขนาดเล็ก หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องรับแขก เดินเข้าไปจะเจอห้องรับแขกเล็กๆ มีโซฟาขนาดสองคนนั่งได้วางอยู่ มีทีวีอยู่ตรงข้าม ถัดไปเป็นโต๊ะสำหรับกินข้าว ถัดจากทีวีและตรงข้ามโต๊ะกินข้าวจะเป็นประตูไปห้องครัวเล็กๆ กับห้องน้ำ ส่วนห้องนอนอยู่ในสุดของห้อง โดยมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่กั้นอยู่ ข้างในมีเตียงนอนขนาดคิงไซส์ให้ผมกับไอ้คีย์นอนได้สบายไม่ต้องเบียดกัน มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่พอสมควรมาให้ด้วย โดยรวมถือว่ามันคุ้มมากกับราคาจ่ายจนต้องถามไอ้คีย์ย้ำอีกทีว่าราคาเดิมไม่มีเพิ่มเติมจริงๆ ใช่ไหม ซึ่งมันก็ยืนยันคำเดิม งั้นก็โอเคตามนั้น เพราะถ้ามีจ่ายเพิ่มเมื่อไหร่ผมไม่ยอมจ่ายแน่ ไอ้คีย์มันต้องรับผิดชอบเอง เพราะผมถามย้ำแล้วย้ำอีก

“เพลงมึงย้ายไปอยู่กับไอ้คีย์เหรอว่ะ เมื่อวานเห็นที่คอนโดเพื่อนกู”
“เออ ย้ายไปเมื่อวันก่อน” ผมตอบเพื่อนสาขาในเช้าวันเปิดเรียนวันแรก
“กรี๊ดดดด สรุปคบกันแล้ว”
“คบกันเหี้ยไร รูมเมทอะ รู้จักไหมคำนี้น่ะ” ผมตอบเพื่อนกะเทยที่ชอบเข้ามาแหย่เป็นประจำ
แล้วอย่างที่บอก ว่าคณะผมมีแก๊งสาววายอยู่ด้วย แถมยังมีแก๊งที่จิ้นผมกับไอ้คีย์อีก แน่นอนว่าข่าวที่ผมย้ายไปอยู่กับไอ้คีย์ได้สร้างความพึงพอใจให้พวกเขาไม่น้อย เพียงแค่ครึ่งวันยอดคอมเม้นในแฟนเพจพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ สงสัยเก็บกดเพราะปิดเทอมไม่มีโมเม้นอะไรให้จิ้นเลย เดินไปที่ไหนพอมองเห็นแฟนคลับก็ส่งหน้าแดงๆ มาให้ตลอด ไม่ก็เอาของมาให้แล้วอายม้วนต้วนกันไป นี่แค่ย้ายไปอยู่ด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อย แต่ก็ว่าไม่ได้ ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนก็คงคิดไปไกลเหมือนกันแหละ เผลอๆ คิดไกลกว่าพวกเขาอีกมั้ง ฮ่าๆ
ชีวิตผมช่วงนี้ก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรอัปเดต เรียนๆ เล่นๆ กับไอ้คีย์ ผมกับมันก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป เหมือนกับนิยายบทนี้นี่แหละครับ



........


เพื่อนกันเขางับแก้มกันได้ด้วยเหรอ เพิ่งรู้เลยนะเนี่ย :m13:




ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -09-
«ตอบ #17 เมื่อ22-11-2020 20:35:55 »

- 09 -

“เพลงกูยืมโน้ตบุ๊คนะ”
“เอ่อ” ผมตอบรับคำขอไอ้คีย์ที่นั่งเหยียดขาพิงหมอนที่หัวเตียงกำลังเอี้ยวตัวเอื้อมมือไปหยิบโน้ตบุ๊คของผมบนเตียงนอนฝั่งผม ส่วนผมน่ะเหรอ กำลังอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันท่องล่าง แล้วโชว์ท่องบนที่เนียนขาวสะอาดตา ฮ่าๆๆ อวยตัวเองเวอร์
ตอนนี้ผมหาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าเตรียมออกไปหาไรกินแล้วส่งไอ้คีย์เอางานไปให้ไอ้มิวด้วยน่ะครับ แต่ก็ลำบากหน่อยเพราะเสื้อผ้าผมกับไอ้คีย์มันปนกันไปหมด แถมเสื้อมันก็เยอะด้วย ไม่รู้จะซื้อเก็บไว้ทำไมนักหนา บางตัวแทบไม่เคยเห็นมันใส่เลยด้วยซ้ำ
ระหว่างค้นไปค้นมา นี่มันเสื้อคู่ที่ผมเลือกให้ไอ้คีย์? กับไอ้มิวนิ มันยังไม่ได้เอาให้ไอ้มิวเหรอเนี่ย
“คีย์ มึงยังไม่ได้ให้ไอ้มิวเหรอ” ผมเรียกมันแล้วชูเสื้อยืดธรรมดาไม่มีลวดลายในมือให้มันดู
“ให้ทำไม”
“อ้าว ก็มึงซื้อให้มันวันเกิดไม่ใช่เหรอ”
“อ๋ออออ กูให้อย่างอื่นไปแล้วอะ”
“งั้นตัวนี้ก็ไม่มีเจ้าของอะดิ” ไซส์นี้ไอ้คีย์ใส่ไม่ได้แน่นอน
“อืม”
“งั้นกูขอนะ”
“เอาไปดิ” เยสสสสส เสื้อแพงซะด้วย เสร็จโจนนนนน
งั้นผมว่าผมใส่เสื้อตัวนี้แหละ ได้เสื้อใหม่มาเพิ่มโดยไม่ต้องเสียงตังค์สักบาท
“อ่าๆๆ ซีดดด อ่าาาาส์” เชี่ยยย เสียงนี้มัน….
“คีย์มึงดูไรอะ”
“ดูนี่ไง” ไอ้คีย์หันหน้าจอโน้ตบุ๊คมาให้ผมดู เชร้ดดดด คลิปโป๊ที่ผมโหลดไว้
“....”
“เพลงงงงง ไม่เบานะเราอะ”
“ไอ้สัสปิดไปเลยนะ” ผมกระโจนขึ้นเตียงเพื่อไปแย่งโน้ตบุ๊คคืนมา แต่มันก็เหวี่ยงแขนหลบแล้วเอาตีนยันอกผมเอาไว้ ย้ำอีกครั้ง ว่ามันเอาตีนยันอกผม
“ไม่ปิด กูขอศึกษาก่อน กูไม่เคยดูคลิปผู้ชายกับผู้ชาย” มันว่าหน้าระรื่นแล้วหันมาสนใจภาพบนหน้าจอต่อ
“มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะคีย์กูไม่ได้โหลดมาดูเองนะ กูแค่...” จะบอกมันดีไหมเนี่ย ว่าผมโหลดมาศึกษาเวลาเขียนฉากอย่างว่าระหว่างมันกับไอ้มิวน่ะ
“แค่อะไร” ไอ้คีย์เงยหน้ารอคำตอบจากผม
“กู....”
“มึงไม่ต้องอายหรอกน่า เรื่องธรรมดาของคนทั่วไป”
“เออกูรู้ แต่กูแค่ไม่อยากให้มึงเข้าใจผิด”
“แล้วต้องเข้าใจยังไงถึงจะถูกอะ”
“ก็....”
“ยึกยักอยู่นั่น ไม่ต้องอธิบายแล้ว” ไอ้คีย์พูดจบพอดีกับหยิบโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าเข้ามา
“ว่าไง”
[.....]
“กำลังดูคลิปอะ”
[.....]
“คลิปไอ้เพลงโหลดมาน่ะ”
[.....]
“อะไรน่ะเหรอ ก็คลิป.......”
“เอ่อไอ้มิวเหรอ เดี๋ยวพวกกูจะออกไปแล้ว แค่นี้นะ” ผมฉวยโทรศัพท์ไอ้คีย์มาพูดๆๆ แล้วกดวางสายทันที
“กูโหลดคลิปมาแต่งนิยายน่ะ”
“แต่งนิยาย?”
“เอ่อ”
“นิยายใครกับใคร”
“ก็....”
“กูกับไอ้มิว”
“อืม” ผมพยักหน้าให้ไอ้คีย์ทีหนึ่ง มันมองหน้าผมแล้วถอนหายใจ ก่อนจะพับจอโน้ตบุ๊คลง แล้ววางมันไว้
“เพลง”
“อะ..อะไร” ผมมองไอ้คีย์ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“.....”
“เหว๋อออออ มึงจะทำอะไร” จู่ๆ ไอ้คีย์ก็พุ่งตัวเข้ามาหา ใช้มือทั้งสองข้างจับข้อมือผมตรึงไว้กับเตียง แล้วเอาตัวมันทับตัวผมเอา
“แค่ดูคลิปมันไม่ช่วยอะไรได้มากหรอก มันต้องปฏิบัติด้วย มึงถึงจะบรรยายได้เห็นภาพที่ชัดเจน”
“มะ... หมายความว่าไงอะ” ผมยิ้มเจื่อนให้มัน
“ก็หมายความว่า” ไอ้คีย์ใช้สายตามองมาที่ปากผมแล้วมองเลยลงไปที่หน้าอกที่ร่างกายของผมที่ถูกตัวมันทับเอาไว้
“.....”
“ไอ้คีย์ อย่าทำอะไรเหี้ยๆ นะเว้ย”
“ไม่เหี้ยหรอก เดี๋ยวมึงก็มีความสุขเอง” พูดจบไอ้คีย์ก็จัดการไซร้คอผมทันที
“ไอ้คีย์ ไอ้เหี้ย ปล่อย กูไม่เล่นนะคีย์”
“อ้อนกูสิ”
“ไม่มีทาง”
“เรียกกูพี่คีย์”
“ฝันไปเถอะ”
“เรียกตัวเองน้องเพลง”
“ไว้ชาติหน้าแล้วกัน”
“......” มันยกยิ้มอย่างไม่แยแสแล้วจัดการกับซอกคอผมต่อ
“โอเคๆ กูยอมแล้ว” ไอ้คีย์เงยหน้าขึ้นมองผมอีกครั้ง มันเลิกคิ้วรอให้ผมทำตามที่มันสั่ง
“พี่คีย์ปล่อยน้องเพลง”
“เสียงแข็งขนาดนี้ มันเรียกว่าอ้อนตรงไหน”
“เรื่องมาก”
“จะทำไม่ทำ แต่กูทำจริงนะ บอกไว้ก่อน นี่ดูแล้วมีอารมณ์แล้วด้วย” พอมันพูดแบบนี้ผมถึงได้รู้สึกว่าน้องชายมันตื่นตัวเบียดน้องชายอันห่อเหี่ยวของน้องชายผมอยู่
“มะ... มึงเป็นเกย์เหรอ”
“เป็นไบ ได้ทั้งชายทั้งหญิง”
“เหี้ยยยย”
“เอาไง”
“เออๆๆๆ พี่คีย์คร้าบบบ ปล่อยน้องเพลงเถอะนะ นะๆ” อ้อนก็ได้ว่ะ ไม่เห็นยากเลย
“ไหนน้องเพลงลองหอมแก้มพี่คีย์สิครับ”
“มากไปแระ”
“จะทำไม่ทำ”
“จิ๊!” ผมจิ๊ปากไปทีแล้วหอมแก้มที่มันยื่นมารอ
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ” ไอ้คีย์ลุกขึ้นแล้วหัวเราะลั่น
“เป็นเหี้ยไรอีก”
“ตลกหน้ามึงไง เหว๋อไปเลยดิ แกล้งมึงนี่มันสนุกจริงๆ”
“สัสเอ้ย! แม่ง!”
“ไปๆ กูหิวแล้ว” มันว่าอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินไปหยิบกุญแจรถเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งหงุดหงิดมองประตูอยู่คนเดียว แกล้งกูอีกแล้วสินะ ไอ้หน้าหมาาาาาา
ผมหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์แล้วเดินตามมันออกมา
“กลับมาทำไมอะ” ผมถามไอ้คีย์หลังจากเดินออกมาจากห้องได้สามก้าวแล้วเห็นมันที่เดินไปถึงหน้าลิฟต์แล้วเดินกลับมา
“นี่ไง กูไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ มึงไปนั่งรอในรถก่อนแล้วกัน” ไอ้คีย์โชว์เสื้อที่เลอะน้ำให้ดูแล้วโยนกุญแจรถมาให้
"ไปโดนไรมา"
"ชนป้าแม่บ้าน น้ำเช็ดประตูลิฟต์เลยหกใส่"
"ซุ่มซ่าม" ผมรับกุญแจรถมาจากไอ้คีย์อย่างช่วยไม่ได้แล้วเข้าไปนั่งในรถรอมัน ถึงผมจะขับรถไม่เป็นแต่ปลดช็อคสตาร์รถเปิดแอร์ก็พอทำได้

ระหว่างรอมันผมก็เลื่อนแอปดูโปรแกรมหนังไปพลางๆ ดูเรื่องอะไรดีนะ มีแต่หนังแนวที่ไม่ชอบทั้งนั้นเลย
“ไม่ดูหนังได้มะ มีแต่เรื่องที่ไม่อยากดูทั้งนั้นเลย” ผมถามไอ้คีย์เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูรถ พร้องกับเห็นไอ้คีย์จากหางตาว่ามันเข้ามานั่งในรถ
“ได้ดิ”
“งั้นกินข้าวเสร็จแล้วไปไหนดีวะ”
“มึงอยากไปไหนล่ะ”
“ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวกินเสร็จคงคิดออกเองแหละ”
“เค” ผมหันไปมองมัน ทำไมมันรู้สึกแปลกๆ ว่ะ ไอ้คีย์ก็มีสีหน้าปกติ คำพูดอะไรก็ไม่ได้ดูแปลก แต่เหมือนมันมีอะไรแปลกๆ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
“จ้องไรขนาดนั้น กูรู้น่าว่าตัวเองหล่อ”
“ถุ้ย หลงตัวเอง”
“หลงตัวเองที่ไหนเรื่องจริงทั้งนั้น หรือมึงจะบอกว่ากูไม่หล่อ”
“ก็หล่อแหละ แต่สู้รุ่นพี่กูไม่ได้สักคน”
“อันนี้ยอมรับ แม่งจับสายรหัสกันยังไงวะ ถึงได้รวมตัวคนหน้าตาดีมากองรวมกันได้” ผมเคยเปิดรูปจากเฟสบุ๊คสายรหัสให้ไอ้คีย์ดูเรียงคน ไอ้คีย์ที่ชอบหลงตัวเองนี่อึ้งไปเลย
“คนหน้าตาดีมันก็ต้องอยู่รวมกันแบบนี้แหล๊ะ”
“แต่เสียดายว่ะ มีคนหน้าตาดีสืบทอดกันมาตั้งกี่รุ่น แต่พอถึงรุ่นมึง เห้ออออ”
“ทำไมรุ่นกูมันทำไม พูดดีๆ นะสัส”
“ก็ไม่น่ามีมึงอยู่ด้วยไง เตี้ยก็เตี้ย หน้าตาก็งั้นๆ ความจริงควรจะมีแค่ไอ้กันต์คนเดียวก็พอ”
“เออ! กูมันเตี้ย กูมันหน้าตาไม่ดี” ชิ หลอกด่าเก่ง
“งอน”
“งอนพ่อง”
“ไม่งอนจริงดิ”
“......”
“งั้นกูไม่ง้อนะ”
“ง้อ มึงต้องง้อกู มื้อเที่ยงนี้มึงต้องเลี้ยง”
“อะๆ เลี้ยงก็เลี้ยง”
“ดี! กูจะสั่งๆๆ แล้วแดกๆๆ เอาให้มึงหมดตัวเลย”
“กูไม่หมดตัวง่ายๆ หรอก มีปัญญาเลี้ยงมันไปได้อีกนาน”
“ขอให้จริง!”

ระหว่างทางผมก็มองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ที่กรุงเทพก็งี้แหละ ไม่มีอะไรให้น่ามองเท่าไหร่ หันไปทางไหนก็เจอแต่ตึก ไม่ก็รถติด นี่ผมกับไอ้คีย์ก็นั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ไฟเขียวทีก็ขยับไปได้นิดหนึ่ง เซ็งโคตรแต่ก็ยังดีหน่อยยังพอมีอาหารตาอยู่บ้าง
“เพลง”
“ไร” ผมตอบรับโดยยังคงมองออกไปนอกรถ
“มองไร”
“อาหารตา”
“อาหารตา? ไหนวะ” ไอ้คีย์ชะโงกหน้าจากฝั่งที่มันนั่งมาประตูรถฝั่งผม
“นั่นไง” ผมเอามือชี้ๆ ไปที่ผู้ชายสองคนยืนที่ป้ายรถเมล์ข้างกัน คนหนึ่งถือของพะรุงพะรัง ส่วนอีกคนยืนดูดน้ำสบายใจ
“มึงคิดอะไรไม่ดีในหัวใช่ไหมเนี่ย”
“มึงว่าเขาสองคนเป็นแฟนกันปะ”
“เพื่อนไหมล่ะ”
“กูว่าไม่”
“กูก็ว่าไม่ ไม่เสือก”
“สัสนี่ ด่ากูเหรอ”
“ใช่น่ะสิ เขาจะเป็นแฟนเป็นเพื่อนก็เรื่องของเขา เลิกสักที่ไอ้จิ้นๆ อะไรของมึงเนี่ย”
“กูก็อยากเลิกแต่มันอดไม่ได้นี่น่า มึงดูสิ เพื่อนอะไรจะถือของให้กัน แกะน้ำให้กัน ที่สำคัญมึงดูเสื้อที่เขาใส่”
“ก็เสื้อยืดธรรมดา”
“ธรรมดาที่ไหน เสื้อคู่ชัดๆ" ถึงจะใส่ลายขวางขาวดำเส้นไม่เท่ากัน แต่เนี่ยเขาเรียกว่าเสื้อคู่ครับผมดูออก
“เพื่อนกันปะ”
“เพื่อนที่ไหนเขาใส่เสื้อคู่”
“อ้าว แล้วที่มึงเคยบอกให้กูซื้อเสื้อคู่ใส่กับไอ้มิวอะ”
“เออ... คือ........” อ่าาาา โป๊ะแล้ว
“คือไร”
“ไฟเขียวแล้วคีย์” ไอ้คีย์หันไปสนใจทางข้างหน้า แต่ก็ยังเหลือบๆ มองผมเป็นบางครั้ง เกือบไปแล้วไหมล่ะไอ้เพลง

“สวัสดีครับพี่กุ้ง” ผมทักทายพี่กุ้งก่อนเลยเมื่อเจอไอ้มิวกับพี่กุ้ง ผมรู้ไอ้มิวมันไม่ชอบ ผมก็ยิ่งอยากแกล้งมัน
“หวัดดีเพลง กินไรมากันยัง” พี่กุ้งถาม
“ยะ.....”
“กินมาแล้วครับ” ผมหันขวับไปมองไอ้คีย์ทันที กินห่าไรล่ะ พึ่งถึงเนี่ย
“งั้นเข้าไปเลยไหม หนังน่าจะใกล้ฉายแล้ว” ไอ้มิวเป็นคนพูดขึ้น
“อืม” ไอ้คีย์ตอบสั้นๆ แล้วดึงผมให้เดินตาม
“มึงคบกับเพื่อนกูแล้วเหรอว่ะ” ไอ้มิวที่เดินชะลอให้ผมทันมันถามขึ้นเบาๆ ส่วนพี่กุ้งกับไอ้คีย์เดินอยู่ข้างหน้าตามๆ กันไป
“คบเหี้ยไร”
“เห็นไปนอนด้วยกัน”
“รูมเมทแชร์ค่าห้อง”
“แล้วรูมเมทนี่เขาใส่เสื้อคู่ด้วยเหรอว่ะ”
“ห๊ะ....?”
“ก็เสื้อมึงกับไอ้คีย์ไง” ไอ้มิวพูดจบก็จ้ำอ้าวให้ทันพี่กุ้ง
“.........” ส่วนผมก็ก้มลงมองเสื้อที่ตัวเองใส่แล้วเงยหน้ามองคนที่เดินนำหน้า เชร้ดดดดด นี่มันเสื้อที่คู่ที่ผมหลอกให้ไอ้คีย์ซื้อให้มันกับไอ้มิวนิ ถึงว่าเห็นมีแต่คนมอง ทีแรกก็นึกว่าแฟนคลับ แต่ตอนนี้ต้องมากกว่าแฟนคลับแน่ๆ ที่มองมา
“ไอ้คีย์ มึงจะใส่เสื้อตัวนี้มาทำไม” ผมไม่เคยใส่เสื้อตัวนี้เลยไง เลยไม่เอะใจตอนเห็นมันไปเปลี่ยนเสื้อ
“ทำไมอ่ะ”
“ก็มันเป็นเสื้อคู่”
“ก็รู้ แล้วไงอะ”
“ก็เพื่อนกันเขาใส่เสื้อคู่กันที่ไหนเล่า ขนาดไอ้มิวกับพี่กุ้งยังไม่ใส่เลย”
“อ้าว ไหนมึงบอกว่าเพื่อนกันเขาก็ใส่เสื้อคู่กันได้ไง”
“ตอนไหน”
“ตอนซื้อเสื้อคู่นี้ไง”
“........” เอาแล้วไง เถียงไม่ออกอีกแล้ว
“กูกับมึงนี่ยิ่งกว่าเพื่อนสนิทแล้วปะ มึงยกให้กูเป็นคนสำคัญไง ใส่เสื้อคู่นี่มันแปลกยังไง”
“เอ่อ! ไม่แปลกก็ไม่แปลก ช่างมันเหอะ” ทำผมทีหงุดหงิด แล้วรีบเดินให้ทันไอ้มิวกับพี่กุ้ง โอ๊ยยยยย ตายๆๆๆ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงบทเพลง

“ไอ้ห่าคีย์ไหนบอกไม่ดูหนังไง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เอางานให้ไอ้มิวเสร็จแล้วด้วย กูหิวมึงเข้าใจไหม” ผมบ่นไอ้คีย์ระหว่างรอไอ้มิวกับพี่กุ้งไปเข้าห้องน้ำ
“ก็ไม่ดูไง”
“ไม่ดูเหี้ยไร”
“เหอะน่า อยู่เงียบๆ แล้วรอกูอธิบาย”
"แต่กูหิวอะ"
"พึ่งดื่มนมไปเอง อดทนแป๊บสิ" ไรว่ะ งง
แน่นอนว่าไอ้มิวกับพี่กุ้งเป็นคนเลือกหนัง เพราะไอ้มิวมันจ่าย แต่แปลกไหมครับที่มันมาจ่ายค่าตั๋วให้ผมด้วย แต่นั่นยังไม่แปลกพอ เพราะที่นั่งที่มันจัด เรียงจากไอ้คีย์ พี่กุ้ง ไอ้มิว แล้วก็ผม ดูๆ แล้วอาจจะไม่แปลกอะไร แต่ผมว่ามันแปลก จะนั่งกับพี่กุ้งก็นั่งไปสิ แต่จับผมกับไอ้คีย์แยกกันนี่มันยังไงๆ อยู่นะ ลำพังมึงก็มากับคู่จีบตัวเองอยู่แล้ว ยังจะแยกกูกับไอ้คีย์ที่ไร้คู่แยกกันอีก แต่นั่นยังไม่ใช่ที่สุดของความแปลก เพราะหนังเริ่มฉายได้ไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ ไอ้คีย์ก็เดินมาหาผม
“ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย” ไอ้คีย์ย่อตัวนั่งลงแล้วกระซิบ
“ไปเองดิสัส” ผมพยายามพูดให้เบาที่สุดกลัวถูกคนรอบๆ ด่า
“ไม่เอา”
“สัส! แล้วเมื่อกี้มึงไม่ไปเข้าพร้อมไอ้มิวห้ะ” ผมกัดฟันพูดให้เบาที่สุด
“เหอะน่า มึงหิวข้าวไม่ใช่เหรอ ไปกินข้าวกัน” ไอ้คีย์ดึงแขนผมให้ลุกขึ้นเดินตาม ผมเลยต้องเลยตามเลย ไม่ใช่เห็นแกกินอะไรนะครับ กลัวถูกด่าเดี๋ยวมีคนเอาไปลงโซเชียลเป็นเรื่องเป็นราวกันมากกว่า จริงจริงนะ
“กินไรดี” ไอ้คีย์ถามเมื่อเราเดินพ้นออกมาจากโรงหนังแล้ว
“มึงไม่ไปห้องน้ำแล้วเหรอ”
“ไม่อะ แค่หิวข้าวเฉยๆ”
“แล้วไม่บอกแต่แรก” เอาจริงๆ ก็ไม่ได้อยากดูหนังตั้งแต่แรก แล้วหนังที่ไอ้มิวเลือกนี่เป็นหนังแนวสุดท้ายเลยมั้งที่ผมจะดูอะ แค่ได้ยินชื่อก็ง่วงนอนแล้วครับ
“ลืมไปว่ามึงตะกละ ต้องใช้ของกินมาล่อ”
“ไอ้สัสนี่” ผมด่ามันออกไป
“สรุปกินไร”
“กะ...”
“หยุดความคิดนั้น” ยังพูดไม่จบเลยว่าจะกินไก่ ไอ้นี่มันแสนรู้เกินไปละ
“งั้นก็คิดไม่ออก ตามใจมึงแล้วกัน”
“อาหารญี่ปุ่น”
“ไม่เอาอะแพง”
“ชาบู”
“แพง”
“นั่นก็ไม่กินนี่ก็ไม่กิน......” จู่ๆ เสียงไอ้คีย์ก็แผ่วเบาไม่เข้าหู เมื่อผมหันเหไปสนใจบางอย่างตรงหน้า
“เพลง ไอ้เพลง!”
“อะไร!” ไอ้ห่าเรียกซะเต็มหูเลย
“มึงนั่นแหละเป็นไร คิดเรื่องอะไรไม่ดีในหัวอีกแล้วใช่ไหม” ไอ้คีย์ยกมือขึ้นมาขยี้หัวผม
“เปล่าซะหน่อย”
“เปล่าแล้วไปจ้องอะไรเขาขนาดนั้น รู้จักเหรอ”
“ไม่รู้จักอะ”
“แล้วไปจ้องเขาทำไม”
“กูเขินอะ” ผมมองผู้ชายสองคนที่เดินอยู่ข้างหน้ากำลังหยอกล้อกันไปมา แถมยังใส่เสื้อคู่ แล้วยังจับมือกันอีก เขินแทนอะ
“เขิน...?”
“อือ” ผมพยักหน้าให้มันทั้งที่ยังมองภาพตรงหน้า
“อาการหนักนะมึงเนี่ย”
“มึงว่าเขาเป็นแฟนกันม่ะ”
“เพื่อนมั้ง”
“เพื่อนกันเขาไม่ใส่เสื้อคู่ หยอกล้อ ขยี้หัว แล้วจับมือกันแบบนั้นหรอก” ผมมองภาพตรงหน้าแล้วบรรยายให้ไอ้คีย์ฟัง
“งั้นกูก็เป็นแฟนมึงอะดิ” ผมหันมามองไอ้คีย์ที่ยกมือผมกับมันที่กุมมือกันอยู่ เอาแล้วไง ที่พูดไปเมื่อกี้ นี่มันผมกับไอ้คีย์ชัดๆ ทั้งเสื้อคู่ ขยี้หัว แล้วก็จับมือกันตอนนี้
“บังเอิญเว้ย” ผมสลัดมือออก แล้วเดินจ้ำอ้าวกลบความอาย อะไรกันว่ะเนี่ย ว่าแต่เขาอิเหนาลืมตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา
“สรุปกินไร”
“ไก่”
“ส้มตำแล้วกัน”
“ร้านริมทางนะ ในนี้ไม่อร่อย”

สรุปผมกับไอ้คีย์ก็มาจบมื้อเที่ยงในเวลาบ่ายแก่ๆ ที่ร้านส้มตำริมทางใกล้ๆ คอนโดเรา
“จะไปที่ไหนอีกไหม”
“ไม่แล้ว แค่เดินทางบนถนนที่รถติดที่สุดในโลกกูเหนื่อยทากๆ แล้ว”
“ทากๆ ไร”
“ทากๆ คือมากๆ”
“อ๋อ... นึกว่าหอยทาก”
“ศัพท์สแลงเว้ย เอ่อ แล้วสรุปยังไงที่มึงบอกว่าให้กูรอฟังมึงอธิบายคือไร”
“อธิบายไร”
“ทำเป็นโง่ ก็เรายังไม่ได้กินข้าวแต่มึงบอกว่ากิน แล้วกูบอกไม่ดูหนัง แต่มึงเสือกดู แล้วยังที่นั่งในโรงหนังอีกกูตงิดๆ ตั้งตอนนั้นแล้วนะ”
“แล้วมึงคิดว่าไง”
“คิดว่ามึงช่วยมันกันที่ให้ไอ้มิวกับพี่กุ้งอยู่ด้วยกันสองต่อสอง”
“ถูก”
“แล้วมันจะให้มึงกับกูช่วยทำไมไหนๆ ก็ซื้อตั๋วให้อยู่แล้ว”
“พี่กุ้งคงยอมอะ ครั้งก่อนมันซื้อที่นั่งเฟิร์สคลาส พี่กุ้งโกรธมันเป็นอาทิตย์”
“มึงไม่บอกก่อน กูจะได้ไม่ช่วย กูอยากแกล้งไอ้มิว” ไอ้คีย์ส่ายหัวไม่ได้พูดอะไร
“ส้มตำมาแล้วจ้าาาา” เสียงเด็กเสิร์ฟสาวสวยวัยมัธยมต้นพร้อมกับส้มตำและอาหารอีกมากมายเดินมาเสิร์ฟที่โต๊ะเรา
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้เธอเหมือนปกติที่มากิน
“อุ้ย พี่สองคนเปิดตัวแล้วเหรอค่ะ”
“เปิดตัว....?” ผมหันไปมองไอ้คีย์ที่มีสีหน้างงๆ ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ เปิดตัวไรว่ะ
“ก็เปิดตัวว่าเป็นแฟนกันไงคะ”
“เอ๊ย! ไม่ใช่แบบนั้นนะน้อง”
“เนี่ยวันนี้ก็ใส่เสื้อคู่ น่ารักมากเลยค่ะ ขนาดหนูกับแฟนคบกันมาตั้งสิบวันหนูยังไม่กล้าใส่เสื้อคู่เลยค่ะ อิจฉาจัง”
“พวกพี่ไม่ได้คบกัน แค่บังเอิญหยิบเสื้อเหมือนกันมาใส่เฉยๆ”
“พี่ไม่ต้องกลัวคนอื่นเขาจะว่าหรอก คนสมัยนี้เขาเข้าใจ”
“แต่พวกพี่...”
“หนูไปก่อนนะแม่เรียกแล้ว” ผมยังไม่ได้ทันอธิบายอะไรต่อ เธอก็เดินไปซะแล้ว
“ยิ้มอะไร ไม่ช่วยกูแล้วยังมาขำใส่อีก”
“ตลกหน้ามึงอะ เลิ่กลั่กใหญ่ เป็นไงอะชอบไม่ใช่เหรอ”
“ชอบเหี้ยไร”
“ก็วางแผนจะให้กูกับไอ้มิวใส่เสื้อคู่ไม่ใช่หรือไง นี่ถ้ามึงไม่ไปเจอเสื้อนะกูก็คงลืมไปแล้ว ว่าจะแกล้งกลับอยู่เหมือนกันแต่ลืมไปเลย”
“นี่มึงรู้เหรอ”
“หน้ากูเหมือนควายเหรอเพลง”
“เหมือน”
“หล่อขนาดนี้ กูคงเป็นพ่อควายพันธุ์ดี”
“ขนาดจะเป็นควายยังจะหลงตัวเองอีก”
“.......” มันยักไหล่ทำท่าช่วยไม่ได้ให้
“สรุปมึงตั้งใจใส่เสื้อคู่”
“เออดิ เป็นไงบ้างล่ะ”
“เป็นไงเหี้ยไร รีบกินเลยจะได้รีบกลับห้อง”
ตั้งแต่โป๊ะแตก อะไรๆ มันก็กลับตาลปัตร ที่เคยจินตนาการไอ้คีย์กับไอ้มิว กลายเป็นผมกับไอ้คีย์ไปหมดเลย แล้วที่เคยอยากให้ไอ้คีย์กับไอ้มิวคบกันจริงๆ ในอนาคตมันคงจะไม่เกิดขึ้นระหว่างผมกับไอ้คีย์หรอกใช่ไหมเนี่ย...



………


มีคนโป๊ะแตก!  o17


ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -09-
«ตอบ #18 เมื่อ23-11-2020 08:36:57 »

โดนเขาหลอกล่อให้ไปอยู่ห้องด้วยกัน ยังไม่รู้อีกไงว่าเขาชอบ :katai1: :hao7: :hao3:

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -10-
«ตอบ #19 เมื่อ26-11-2020 20:13:49 »

- 10 -

“ทูกกกก คนนนน หลังเลิกคลาสมีประชุมคณะนะอย่างลืมๆ” เสียงเพื่อนร่วมคลาสตะโกนมาจากหน้าห้อง ตามด้วยเสียงโอดครวญของเพื่อนๆ รวมถึงผมด้วย
“ประชุมอะไรกันอีกวะ”
“ไม่ไปได้ปะ”
“ป้ายก็ปลดแล้ว จะเรียกคุยอะไรกันอีก”
“ประชุมเรื่องไรกันว่ะ พวกมึงรู้ป่ะ” ผมกับไอ้ดลได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบของคำถามไอ้เป้
“ขี้เกียจจัง”
“เหมือนกัน” ผมบวกหนึ่งกับความคิดไอ้ดล
“กูไม่ไปได้ไหม พอดีมีนัดกับเบศ” ไอ้ดลพูดถึงนัดของตัวเองกับแฝดน้องของมัน
“ไม่ได้! งานนี้โดดไม่ได้ งานนี้งานใหญ่ของคณะ กูจะต้องเฉิดฉาย พวกมึงต้องไปเป็นชายหนุ่มที่รายล้อมนางฟ้าอย่างกูให้ดูโดดเด่นขึ้นมา” แก้วที่พึ่งเดินกลับมาที่โต๊ะพูดขึ้นหลังจากไปยืนเมาท์กับเพื่อนแก๊งอื่นมา
“งานไรว่ะ”
“ละครเวทีคณะเราไง กูจะต้องได้แสดงงานนี้ บทนางเอกต้องเป็นของกู” นางเอกกับผีน่ะสิ หน้าตาสวยสะสวยอยู่หรอก แต่แววตาตอนนี้นี่มันนางร้ายชัดๆ
“แล้วพวกกูเกี่ยวอะไรมิทราบ”
“หนึ่งเลยไอ้เป้ มึงเป็นที่หมายปองของรุ่นพี่สาวๆ สองไอ้ดล หน้าตาหล่อเหลาและมีรุ่นพี่จ้องจับมึงมาแคสอยู่ และสุดท้ายไอ้เพลง มึงดังสุดในกลุ่มตอนนี้ แล้วถ้ากูเดินกับพวกมึงหนุ่มๆ สุดฮอต มีหรือที่กูจะไม่เป็นที่เตะตาพวกรุ่นพี่ปีสูงๆ”
“มันขึ้นอยู่กับความสามารถมั้ย” ไอ้ดลพูดขึ้น
“ความสามารถกูมีอยู่แล้ว ที่เหลือก็ออร่าที่พวกมึงต้องช่วยกันดันกู”
“จร้าาาา แม่ดาวคณะ” ผมส่ายหน้าให้แก้วกับไอ้เป้ที่หลังจากจงจบประโยคประชดแก้วของเป้แล้วก็เกิดการเถียงกันไปมา
จะหันไปชวนไอ้ดลคุยก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่โทรศัพท์ เห้ออออ ชีวิต น่าเบื่อฉิบหาย

“โหลลล บีหนึ่งเรีบกบีสอง”
[ตอนนี้บีสองไม่ว่าง บีหนึ่งมีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า]
“เบื่อๆ ไม่กวนล่ะ แค่นี้นะ”
[กวนได้อนุญาต]
“เป็นมะม่วงอ่อมาให้กวนอะ”
[ไม่ได้เป็นมะม่วง แต่เป็นสไปเดอร์แมนชักความห่วงใย]
“อย่างมึงเป็นธานอสไปเหอะไอ้มันม่วง”
[ถ้ากูเป็นธานอสมึงก็ต้องเป็นกาโมร่าอะดิ]
“ยังไง”
[ก็เป็นคนที่สำคัญและเป็นคนที่ธานอสรักที่สุดในชีวิต]
“นี่มึงเห็นกูเป็นลูกเหรอ” เล่นตามน้ำมันไป เพราะไม่รู้ว่าความหมายที่มันพูดออกมาต้องการอะไรกันแน่ แต่เล่นแบบนี้บ่อยๆ ใจผมมันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ
[หึ~ ครับน้องเพลง น้องเพลงตั้งเรียนนะครับ เดี๋ยวเลิกเรียนพ่อจะไปรับมากินของอร่อยๆ]
“วันนี้ไม่ต้องมารับหรอก กูมีประชุมคณะต่ออะ”
[แล้วเลิกกี่โมงอะ]
“ยังไม่รู้เลย”
[งั้นมึงจะกินอะไร เดี๋ยวซื้อไปให้]
“มึงไม่ต้องลำบากหรอกน่า”
[เหอะน่า กูอยู่คนเดียวกูเหงา กูไม่มีเพื่อนกินข้าว]
“งั้นก็หาแฟนสักคนสิ” ผมพูดส่งๆ ตามน้ำไป ไม่คิดว่าน้ำเสียงที่ส่งกลับมาจะทำให้ผมรู้สึกผิดได้ขนาดนี้
[มึงอยากให้กูมีแฟนเหรอ คงเบื่อที่จะกินข้าวกับกูแล้วสินะ] ฟังจากเสียงแล้วหน้าตามันคงเหมือนหมาหงอยอะตอนนี้
“เห้ยยยย ไม่ใช่แบบนั้น กูแค่พูดตามน้ำไง แซ็วเล่นๆ อะ”
[แค่นี้นะ]
“เดี๋ยว! มึงไม่ได้โกรธกูใช่ไหม”
[แค่นี้นะอาจารย์มาแล้ว]
“กูเอากะเพราหมูกรอบนะ” ผมรีบพูดก่อนที่มันจะวางสายไป ไม่รู้ว่ามันจะทันได้ยินหรือเปล่า แล้วถ้าได้ยินมันจะมาหาผมไหมนะ
“ฮั่นแน่~” ผมเงยหน้ามาเจอกับแก๊งสาววายที่นั่งตรงหน้าผมไปสองสามแถวมองจ้องล้อเลียนมาให้
“ฮั่นแน่เหี้ยไร”
“เปล๊า~” ปฏิเสธแล้วหันไปซุบซิบหัวเราะคิกคักกัน แอบฟังคนอื่นคุยกัน นิสัย!

สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ประชุมวันนี้คือประชุมละครเวทีคณะครับ แม่งานใหญ่คือพี่ปีสูงๆ ปีสามปีสี่ แต่ทุกคนในคณะต้องมีส่วนร่วม คนในคณะมีเป็นแสน จะมีส่วนร่วมยังไงหมดว่ะครับ
ซึ่งพี่ๆ ที่เป็นเฮดแต่ละฝ่ายคอยเลือกปีหนึ่งปีสองไปใช่งานแต่ละฝ่าย หรือใครอยากช่วยทีมไหนก็ไปหาพี่ๆ เฮดได้ ส่วนใครที่สนใจอยากจะร่วมแสดง ก็สามารถไปสมัครได้ครับ

คีย์’คีตะ
รอหน้าหอประชุมคณะมึงนะ

ไอ้คีย์ทักแชทมาหาในช่วงที่ทุกคนกำลังชุนละมุนวุ่นวายกับการหาทีมกันอยู่

บทเพลง
รอแป๊บ
ใกล้เสร็จแล้ว

นึกว่ามันจะไม่มาซะแล้ว งี้แสดงว่ามันหายโกรธแล้ว

บทเพลง
เอากะเพรากูมาด้วยป่าว
คีย์’คีตะ
เอามาแต่หิวจัด
แดกเองหมดแล้ว
บทเพลง
นิสัย
อยากกินทำไมไม่สั่งมากินเอง
คีย์’คีตะ
ก็กูกินไปแล้วจะให้ทำไง
กินกูแทนปะละ
บทเพลง
เออ!
กูกินมึงแน่
ไอ้หน้าหมา

“ไอ้เพลง” ผมเก็บโทรศัพท์แล้วหันไปตามเสียงเรียก
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้แก๊งมหาเทพที่มาครบสาย พ่วงด้วยเพื่อนๆ พวกแกอีกห้าหกคน
“มึงมีทีมยัง”
“ยังครับ”
“ทุกปีมหาเทพจะอยู่พีอาร์ ปีนี้มึงกับไอ้กันต์ก็ต้องอยู่ด้วย”
“ได้ดิพี่ แล้วเราต้องทำไรบ้าง”
“ไม่ต้องทำอะไร ยืนหล่อๆ แจกใบปลิว” หลงตัวเองกันฉิบหาย
“งั้นก็สบายมาก”
“มึงจะเอาเพื่อนเข้าทีมด้วยก็ได้นะ”
“จริงดิ”
“เออดิ”
“งั้นผมไปหาเพื่อนก่อนนะ” ผมแยกตัวจากพี่ๆ ไปหาไอ้เป้และไอ้ดล ที่ยืนคุยกันไม่ได้มีทีท่าว่าจะไปหาทีมอยู่เหมือนชาวบ้านเขา
สรุปเลยก็คือได้พวกมันมาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนแก้วก็ไปล่าฝันกรอกใบสมัครเป็นนักแสดงนู่น
“น้องๆ ค่ะ เดี๋ยวมาเอาข้าวกล่องไปนั่งกินแล้วแยกกันไปประชุมงานก่อนเลิกนะคะ” เสียงรุ่นพี่ที่หน้าจะใหญ่สุดพูดขึ้น พวกเราต่างก็ทยอยๆ กันไปรับข้าวกล่องมากินกัน
“เดี๋ยวกูมานะ” ผมบอกไอ้ดลแล้วถือข้าวกล่องออกมาจากห้องประชุม
ผมเดินหาไอ้คีย์สักพักก็เจอมันกำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางสนิทสนม มันเปิดขวดน้ำให้เธอ แล้วยิ้มให้กันและกัน เธอแกะกล่องข้าวและตักข้าวจ่อไปที่ปากไอ้คีย์ ที่ยิ้มน้อยๆ แล้วอ้าปากงับคำข้าวนั้นเอาไว้ ข้าวกล่องในมือที่จะเอามากินเป็นเพื่อนมึงคงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วสินะ
พื้นฐานนิยายทั่วไปมักจะต้องมีตัวร้ายใช่ไหมครับ ใช่ครับผู้หญิงที่คุยกับไอ้คีย์เธอคือนางร้ายในนิยายที่ผมเคยแต่งให้ไอ้คีย์กับไอ้มิว เธอชื่อขิมเป็นแฟนเก่าไอ้คีย์ตอนเรียนมัธยม
ก็แค่แฟนเก่าเพื่อนทำไมใจผมมันถึงได้สั่นหวั่นไหววูบโหวงแปลกๆ ไม่กล้าเดินเข้าไปหา ไนเมื่อไม่กล้าเดินเข้าไป แล้วผมจะเข้าไปทำไม ผมหมุนตัวเดินกลับมาหาเพื่อนๆ ที่นั่งกินข้าวกันอยู่
“เป็นไรว่ะเพลง สีหน้าดูแปลกๆ” แก้วถามขึ้น
“ปวดหัวนิดหน่อยอะ” ผมยิ้มให้เพื่อนแล้วแกะกล่องโฟมกับข้าว
“อีขิม” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกอัตโนมัติเพราะชื่อผู้หญิงคนนั้น
“ฮายยย กะเทยยยย” พี่ขิมเข้าไปสวมกอดรุ่นพี่กะเทยและเพื่อนผู้หญิงของเธอ
“สรุปยังไง เล่นไหมละครเวทีปีนี้”
“ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจพอดีคิวงานแน่นน่ะจ๊ะ” เธอดัดน้ำเสียงและท่าทางให้ดูน่าหมั่นไส้
“ตอแหล” ผมหันหาแก้วที่นั่งจ้องพี่ขิมไม่ต่างจากผม
“มึงรู้จักเขาเหรอ” ผมถามเพื่อน
“พี่รหัสกูเองแหละ”
“ไม่เคยเห็นหน้า”
“จะเคยได้ไง นานๆ มาเรียนที ได้ข่าวว่าตอนนี้มีโมเดลลิ่งติดต่อนาง มีแคสงานถ่ายแบบกับโฆษณาอยู่ตลอด นี่กูเป็นน้องรหัสนางตอนนี้ยังไม่รับกูเลย ทักแชทไปนานๆ ตอบที แถมให้กูทำอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ นี่กูว่าถ้าไม่รับกูเป็นน้องรหัส กูจะตัดสายแม่ง” แก้วใส่ทั้งน้ำเสียงท่าทางประกอบแสดงให้เห็นว่าไม่ค่อยชอบพี่ขิมเท่าไหร่
“แก้ว”
“อ้าว สวัสดีค่ะพี่ขิม” แก้วหันไปยิ้มแย้มให้พี่ขิมที่เดินเข้ามาทัก เปลี่ยนสีเร็วจัดเพื่อนกู
“สวัสดีจ้ะ ว่าไงที่พี่ให้ไปทำมา ทำเสร็จยัง”
“ยังเลยอะคะ”
“ยังไงก็รีบทำนะ ก่อนงานเวทีจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเราคงยุ่งกันน่าดู นี่เราก็จะเข้าแคสเหมือนกันนิ” พี่ขิมคงหมายถึงสิ่งที่เธอสั่งแก้วไปทำเพื่อรับเข้าสายรหัสน่ะ
“ค่ะ”
“ถึงเราจะเป็นน้องรหัสพี่ แต่พี่ไม่ยอมปล่อยบทนางเอกให้เราง่ายๆ หรอกนะ”
“อ๋อค่ะ” แก้วส่งยิ้มไปให้
“อ้าวเพลง เรียนคณะนี้เหรอ” ระหว่างที่เธอกำลังจะหมุนตัวกลับไปก็สบตาเข้ากับผมและทักขึ้นมาก่อน
“ค.. ครับ” ค่อนข้างแปลกใจนะ ที่เธอรู้จักผม ทั้งที่เราไม่เคยทักกันเลยถึงจะเรียนที่เดียวกันมาก่อนก็เถอะ
“มึงมาเรียนได้แล้วเหรอวะไอ้ขิม” พี่ไนท์พี่รหัสผมเข้ามาทักพี่ขิม
“เออดิ ช่วงนี้เห็นมีงานคณะเลยกะมาทวงตำแหน่งนางเอกซะหน่อย ปีที่แล้วพลาดไป”
“แล้วนี่มึงรู้จักไอ้เพลงด้วยเหรอว่ะ”
“รู้จักสิ เพลงดังจะตายเนอะ” เธอหันมาขอความเห็น ผมเลยส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้ ดังจะตายแล้วทำไมไม่รู้ว่าผมเรียนคณะนี้ว่ะ
“นี่จริงๆ เพลงก็เป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่ากูด้วยนะ แต่ตอนนั้นไม่รู้จัก มารู้จักตอนเป็นคู่จิ้นกับคีย์นี่แหละ เกาะกันแล้วดังเลยทีนี้” แก้วกระตุกแขนเสื้อผมเบาๆ เอาล่ะ ผมไม่ชอบขี้หน้าพี่ขิม เกาะกันดังเหรอวะ หึ!
“ใช่ไหมเพลง”
“ใช่ครับ ผมเกาะไอ้คีย์ดัง” ไม่รู้ว่าน้ำเสียงแข็งกระด้างไปหรือเปล่าบทสนทนาเลยไม่มีใครต่อ
“ผมขอตัวนะครับ” ผมเดินเลี่ยงออกมาจากบรรยากาศชวนอึดอัดใจตรงนั้น
“เดี๋ยวให้ทุกทีมไปประชุมแล้วนัดงานกันเองนะคะ แล้วเฮดแต่ละทีมอย่าลืมส่งรายชื่อด้วย พี่จะได้เอาไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละชั้นปี โอเค แยกย้ายได้ค่าาา” หลังจากสิ้นเสียงรุ่นพี่ก็เหมือนผึ้งแตกรัง ผมไปเขียนชื่อกับพวกพี่ๆ ทีมพีอาร์แล้วขอตัวกลับเลย อารมณ์เสียไม่หาย สวยมาจากไหนมาบอกว่าผมเกาะไอ้คีย์ดัง แล้วยิ่งเดินออกมาจากห้องประชุม มาเจอไอ้คีย์กับพี่ขิมยืนคุยกันอีกยิ่งหงุดหงิดไปใหญ่
“ยืนทำหน้าโง่อะไรคนเดียววะ” ผมหันไปมองพี่เกี๊ยวปู่รหัสสุดหล่อ แต่คำพูดหยาบคายที่เข้ามากอดคอผมเอาไว้
“ยืนหน้าโง่ให้ควายถามมั้ง โอ๊ยยย!”
“เพื่อนเล่นมึงเหรอสัส” ถูกดีดหน้าผากไปทีหนึ่ง เจ็บชะมัด ดีดแรงฉิบหาย ผมลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ
“เจ็บอะ”
“อย่าสำออย” พี่แกว่าแล้วเอานิ้วโป้งมานวดคลึงให้เจ็บยิ่งกว่าเดิม
“โอ๊ยยยย คราวนี้เจ็บจริงนะเนี่ย”
“โอ๋เอ๋ๆ” พี่แกเข้ามาล็อคคอผมไว้แล้วเหวี่ยงไปมา มืออีกข้างก็ขยี้หัวผมใหญ่ โอ๋เอ๋เขาทำกันแบบนี้เหรอว่ะ เริ่มมึนหัวแล้วนะ
“จะกลับยัง” เสียงเรียบนิ่งมาพร้อมกับการหยุดโยกหัวผมไปมาของปู่รหัส ขอบคุณไอ้คีย์ที่ไม่ทำให้กูเวียนหัวแล้วเผลออ้วกออกมา
“อืมกลับดิ” ผมบอกไอ้คีย์ที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้า
“งั้นก็รีบตามมา” มันพูดจบก็หันหลังแล้วเดินนำไปเลย
“คู่จิ้นมึงดูท่าจะไม่ชอบกูว่ะ” ปู่เกี๊ยวเดินมาชิดผมแล้วกอดคอพูด
“ไม่หรอกพี่ สงสัยมันมารอผมนานเลยเซ็งๆ มั้ง ผมกลับก่อนนะครับ”
“เออ ถึงห้องก็แชทมาบอกด้วย”
“ครับ ไปนะครับ บาย~” ผมก้มหัวให้แกนิดหนึ่งแล้วหมุนตัวตามไอ้คีย์ที่หยุดยืนมองมาจากที่ไกลๆ

“กะเพรามึงคงเย็นหมดแล้ว ไว้ไปเวฟกินที่ห้องแล้วกัน” ไอ้คีย์พูดขึ้นเมื่อผมเข้ามานั่งข้างมันในรถ
“เหรอ... แต่กูกินแล้ว”
“เหรอ...” ผมสัมผัสได้ว่าระหว่างเรามีบางอย่างไม่ปกติ ซึ่งผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย
“คีย์/เพลง” ระหว่างทางเราต่างเรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นพร้อมกัน
“มึงพูดก่อนเลย”
“มึงนั่นแหละพูดก่อน” มันเป็นคนบอกให้ผมพูดก่อน ส่วนผมก็โบยไปที่มันคืน
เอายังไงดีอะ อยากบอกออกไปตรงๆ ว่าไม่ชอบพี่ขิม แต่ก็กลัวมันคิดว่าผมเยอะอีก แต่จะเก็บเอาไว้ บางทีมันก็อึดอัด
“กู.. ลืมไปแล้ว”
“อือ.. กูก็ลืมเหมือนกันว่าจะพูดอะไร” ระหว่างเรากลับมาเงียบอีกครั้ง เงียบแบบไม่เคยเงียบมาก่อน ทุกวันเราคุยกัน ด่ากัน กวนตีนเรื่องจุ๋มจิ๋มประจำ แต่วันนี้มันต่างออกไปจากทุกวัน
รถมันเข้ามาจอดคอนโด เราต่างลงจากรถไม่พูดไม่คุย มันถือถุงใส่ข้าวกล่องเดินนำไป ผมก็เดินไปหยุดรอลิฟต์ข้างมันเงียบๆ
เราไม่ได้กำลังโกรธกันใช่ไหม
“วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง” ผมถามคำถามทำลายความเงียบ
“ก็เหมือนทุกวัน” น้ำเสียงปกติ แต่คำตอบไม่ปกติ เช่นเดียวกับคำถามของผม
เราเข้ามาในห้องผมแยกไปอาบน้ำ ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย อึดอัด
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดพร้อมนอน เห็นไอ้คีย์กำลังนั่งกินข้าวกล่องคนเดียว
“มึงยังไม่ได้กินข้าวเหรอ”
“ยัง รอกินพร้อมมึง”
“แต่กูเห็น....” กูเห็นมึงกินข้าวกับพี่ขิมแล้ว
“เห็นอะไร...?”
“ป... เปล่า”
“.....” มันมองหน้าเหมือนอยากฟังว่าผมต้องการจะพูดอะไรกันแน่
“กูกินด้วยได้ไหม กินข้าวหมูแดงไม่ค่อยอิ่ม”
“อืม ของมึงอยู่ในครัว” ถ้าเป็นแบบปกติมันต้องด่าผมว่าอ้วนแล้วสิ แต่นี่มันไม่ยอมว่าผมเลย มันโกรธอะไรผมหรือเปล่า
“คีย์ มึงโกรธอะไรกูเปล่า”
“ไม่นิ” มันปฏิเสธแล้วก้มหน้าก้มตาตั้งใจกินข้าวของตัวเองไป
“พรุ่งนี้เย็นไม่ว่างไปรับนะ”
“อืม” ถ้าปกติผมคงถามมันแล้วว่ามันจะไปไหน แต่วันนี้มันแปลกไปจนผมไม่กล้าถามมัน ทำได้แค่รับคำสั้นๆ ไป
เราต่างฝ่ายต่างกินข้าวโดยไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ปล่อยให้เสียงจากทีวีทำลายความเงียบไป แต่มันก็ไม่ได้ทำลายความอึดอัดในใจไปได้เท่าไหร่นัก

วันถัดมาตอนเช้ามันยังมาส่งผมเหมือนเดิม แต่ตอนเย็นก็อย่างที่บอกนั่นแหละ มันบอกว่ามันไม่ว่าง ส่วนผมพวกรุ่นพี่ก็เรียกมาวางแผนทีมพีอาร์ละครเวทีคณะ
“ครบยังๆ”
“ยังเลยว่ะ รอไอ้เหี้ยเจอร์กับเพื่อนมัน” พี่ปู่เกี๊ยวคุยกันกับเพื่อน ตอนนี้เราอยู่ห้องประชุมเล็กๆ ของคณะ ภายในห้องก็ประกอบไปด้วยรุ่นพี่ทีมพีอาร์อันได้แก่ พี่รหัสผม ปู่รหัสผม และเพื่อนๆ พวกเขารวมกันก็เกือบสิบคน บวกพวกผมอีกสี่ ไอ้ดล ไอ้เป้ ไอ้กันต์และผม ส่วนตอนนี้ที่นั่งๆ นอนๆ กันอยู่ก็รอพี่เมเจอร์ลุงรหัสผมกับเพื่อนเขา ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะแต่ละคนทีมนี้ขี้คุยกันขั้นสุด ยิ่งพี่ลุงเมเจอร์ปรากฏตัวยิ่งขี้คุย
“อะๆ ไอ้สัสเข้าเรื่องกันได้แล้ว เริ่มที่พวกมึงสี่ตัว ว่ามาจะโปรโมทยังไง” คุยๆ เล่นๆ จู่ๆ ไอ้พี่ปู่เกี๊ยวก็วกเข้าเรื่องที่เรียกมาประชุมเฉยเลย พวกเราเลยทำได้แค่หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ยังไม่คิดกันมาล่ะสิไอ้สัส”
“ขอโทษครับ” เป็นไอ้กันต์ที่พูดขึ้นมา
“ขอโทษแล้วมันมีอะไรดีขึ้นเหรอว่ะ มีสมองหันใช้ให้เก่งเหมือนปากซะบ้าง” จู่ๆ เพื่อนพี่ปู่เกี๊ยวก็พูดเสียงดังขึ้น อะไรวะ โดยด่าเฉย เมื่อวานก็ไม่ได้บอกให้ไปคิดนิ มาวันนี้ก็เอาแต่พูดเล่นกัน ใครจะไปรู้ว่ะ
“รู้ได้ไงว่าผมปากเก่ง เคยดูดเคยเลียเหรอ”
“ไอ้สัส มึงตัวๆ กับกูป่ะล่ะ”
“ก็มาดิว่ะ คิดว่ากูกลัวมึงเหรอไอ้ปากบอน” ผมทำได้แค่มองไอ้กันต์กับเพื่อนปู่เกี๊ยวเถียงกันไปมา โดยไม่มีใครคิดจะห้าม
“ปีนเกลียวเหรอสัส ตอนปลดป้ายก็ทีหนึ่งแล้วนะไอ้เหี้ย” ปลดป้ายเหรอว่ะ
“ปีนดิว่ะ คนปากเหี้ยๆ อย่างมึงเจอแค่นี้ยังน้อยไป” อ๋อ ไอ้พี่คนนี้คืนคนที่แซ็วกูนิ เออดี จัดอีกกันต์ กูทีมมึง
“ตกลงเอาตามนี้นะทุกคน ตอนนี้ทีมเรามีสิบเจ็ดคนแบ่งกันกลุ่มละสามคนไปคิดแผนโปรโมทละครเวทีแล้วพรุ่งนี่มาคุยกัน” จู่ๆ ไอ้พี่ลุงเมเจอร์ที่เงียบแล้วจดอะไรของมันไม่รู้อยู่นานก็พูดขึ้นเหมือนไม่รับรู้ว่ามีคนทะเลาะกันอยู่ แล้วที่เหลือก็หันไปสนใจพี่มันเหมือนไอ้กันต์กับเพื่อนพี่ปู่เกี๊ยวเป็นแค่สายลมที่ปลิวออกมาจากแอร์ในห้อง
ผมก้มมองกลุ่มที่พี่แกจัดให้ ก็คือกลุ่มละสาม แบ่งตามใจตัวเองเสร็จสรรพ เพราะพี่แกไม่เห็นถามใครเลย จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาเฉยๆ
แกจัดไอ้เป้ อยู่กับพี่รหัสผมพี่ไนท์และพี่คิมเพื่อนพี่ลุงเจอร์
ส่วนไอ้ดลอยู่กับพี่แบงค์เพื่อนพี่ไนท์ และพี่ปู่เกี๊ยว
และกลุ่มผม มีพี่ลุงเมเจอร์กับเพื่อนแกอีกคนชื่อส้มเป็นทอม
ที่เหลือก็จัดตามความเหมาะสมตามความคิดของพวกพี่เขายกเว้น.. ไอ้กันต์กับเพื่อนพี่ปู่เกี๊ยวที่ชื่อนพ.....
“ไม่เอาอะไอ้เหี้ย ยังไงกูก็ไม่คู่กับมัน” พี่นพ ที่ผมพึ่งมารู้ชื่อเพราะแอบถามพี่ไนท์มากอีกทีพูดขึ้น
“ไม่กล้าเหรอว่ะ” ไอ้กันต์พูดเสียงราบเรียบ
“ไม่กล้าเหี้ยไร”
“ไม่กล้าทำงานร่วมกันเพราะกลัวโป๊ะว่าไม่มีสมอง คิดงานไม่ออก ต่อหน้ากูไง”
“เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้เที่ยงใต้ตึกคณะ วันนี้แยกย้าย” พูดจบพี่นพก็เดินปึงปังออกจากห้องไป
“ไอ้ห่าเกี๊ยวมึงจะกลับไหม” พี่แกโผล่หน้าเข้ามาเรียกปู่รหัสผมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหน้าตาหงิกงอ
“ส้มมึงว่างปะ”
“ว่าง”
“แล้วมึงอะว่างปะ”
“ว่างครับ” ผมให้คำตอบเดียวกันกับพี่ส้ม
“งั้นดีเลย ไปคิดงานห้องกูกัน มึงมีรถปะ”
“.......” ผมส่ายหน้าให้พี่ลุงเมเจอร์ที่หันมาถาม
“งั้นก็ไปรถกูแล้วกัน” ผมว่าง่ายครับ ยังไงก็ได้

ระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปยังท้องถนน ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากะจะโทรบอกไอ้คีย์สักหน่อยว่าคงกลับดึก เพราะพี่ลุงเมเจอร์แกจะเลี้ยงน้ำเมาด้วย ระหว่างรอสายสายตาผมที่สอดส่องออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นร่างคุ้นตากำลังนั่งกินข้าวกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่า
ไอ้คีย์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่ยังไม่รับสาย มันเงยหน้าขึ้นพูดกับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งก่อนจะกดรับแต่ผมชิงกดตัดสายมันไปเสียก่อน
ไม่ว่างของมึงวันนี้คือนัดกับพี่ขิมสินะ ไม่ชอบ ผมพูดตรงๆ เลยว่าไม่ชอบ ผมหวงไอ้คีย์ คุณเคยมั้ยเวลาที่เพื่อนสนิทเราไปนั่งคุยกับคนที่เราไม่ชอบแล้วเกิดอาการหวงเพื่อนขึ้นมา ก็รู้แหละว่ามันเป็นอาการของเด็กๆ น่ะ แต่ผมรู้สึกไม่ชอบใจไง ใครจะว่าผมเด็กหรืองี่เง่าก็ได้ แต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร ทำได้แค่นอยด์เองเงียบๆ คนเดียว
“.... ไอ้เพลง!”
“เสียงดังทำไม ตกใจหมด!” สะดุ้งสิครับจู่ๆ ก็มาตะโกนใส่หู
“มึงเป็นเหี้ยไร เรียกตั้งนานไม่ได้ยิน โทรศัพท์มึงจะรับมั้ย สั่นนานแล้วนะสัส” ลุงเมเจอร์บ่นขึ้น
“ไม่รับ” ผมพูดออกไปโดยไม่ต้องคิดเลยเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นใคร กูนอยด์ กูไม่รับ ชิ! รอสายไปเหอะมึง แต่มันคงไม่รอหรอก ผ่านไปสองสายแล้วมันก็หายไปเลย ใช่สิ ถ่านไฟเก่ามันน่าสนใจกว่าคู่จิ้นแบบกูนิ
“เพลงมึงอกหักปะเนี่ย”
“อกหักเหี้ยไร! โอ๊ยยย” ถูกโบกหัวไปที
“พูดกับกูให้มันดีๆ เห็นซึมๆ น้ำตาจะไหล นึกกว่ามึงอกหัก”
“เปล่าซะหน่อย” แค่เพื่อนใจน้อยมันแอบน้อยใจเหอะ
“แล้วมึงมีไอเดียอะไรเกี่ยวกับงานเรามึงแชร์มาเลย”
“ละครเวทีเล็กๆ ฮาๆ ได้ไหม ใช้โปรโมทข้างทางเรียกความสนใจแล้วแจกใบปลิว” จริงๆ คิดมาแล้วล่ะ ระหว่างนั่งหาวในห้องประชุมเล็กเมื่อกี้แต่ไม่ได้พูด
“พี่ซื้อ” พี่ส้มที่นั่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนตลอดทางพูดขึ้น
“เออกูก็ซื้อ” ทั้งพี่ส้มและลุงเมเจอร์มันซื้อง่ายๆ ง่ายจริงๆ ครับ เพราะหลังจากนั้นบทสนทนาเราก็ไม่มีเรื่องพวกนี้กันอีกเลย ถึงคอนโดพี่แกก็ทำกับแกล้ม เปิดเพลง ร้องโวยวาย สักพักก็มีคนมาสมทบ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร แก๊งทีมพีอาร์ที่พึ่งบอกว่าแยกย้ายกันเมื่อกี้นี่แหละครับ สรุปคือแยกย้ายกันไปขึ้นรถแล้วกลับมาพบกันที่คอนโดลุงเมเจอร์ อิหยังของพวกมันว่ะ....?
ตลอดช่วงการแดกและการดื่มไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่ประชุมกันเมื่อกี้เลย สรุปตอนนี้คือมานั่งแดกฉันพี่น้องคณะว่างั้น แต่ก็ดีเหมือนกัน พวกเราเด็กใหม่จะได้สนิทกับพวกเขามากขึ้น อย่างน้อยก็น่าจะมีรุ่นพี่ถือหางล่ะว่ะ ยกเว้นไอ้กันต์กับพี่นพอะนะ สองคนนั้นนั่งตรงข้ามกันก็ไม่ได้ เอาแต่จ้องหน้าอาฆาต พอนั่งใกล้กันก็จะต่อยกันท่าเดียว จนไอ้เป้ต้องไปนั่นกั้นกลางเอาไว้
“เอ้า! ชน! ชน! ชน!” แก้วที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ชน แต่ผมยังไม่เมาแน่นอน พวกรุ่นพี่พวกนี้มันก็ดีนะ ชวนคุยเรื่องไร้สาระไปบ้าง แต่ก็ค่อยบอกว่าที่ผ่านมาได้เรียนอะไร ยังไง อาจารย์คนไหนใจดีหรือคนไหนโหดสัสบ้าง
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองเป็นระยะ ไม่มีใครหน้าหมาโทรมาสักคน แชทก็เงียบ มีแต่แจ้งเตือนในเฟสบุ๊คเหมือนปกติที่ชอบมีคนแท็กผมมาเวลาเพจคู่จิ้นโพสอะไร ผมเข้าส่องนั่นนี่แก้เบื่อไปเรื่อย

ขิม’ขิม
รูปคู่ในรอบปี

ผมมองรูปคู่ชายหญิงที่ผมรู้จัก คนหนึ่งคือคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้า ส่วนอีกคนคือไอ้เหี้ยหน้าหมา ผมไม่มีเฟสบุ๊คพี่ขิมหรอก แต่เห็นเพราะแกแท็กไอ้ห่าคีย์
ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด

-ลุ้นให้กลับมาคบกัน
-คู่นี้น่ารัก เราตามสมัยอยู่โรงเรียน
-กลับมาได้หรือเปล่า กลับมาหาฉันทีได้มั้ย…


เลิกกันแล้วก็คือเลิกกัน จะกลับมาหากันทำไมห๊ะ
แค่คอมเม้นมันยังหงุดหงิดไม่พอ ไอ้คีย์ไล่กดหัวใจให้ทุกคนที่มาเม้นสนับสนุนมันให้กลับไปคบพี่ขิมอีก ถ่านไฟเก่ามันจุดติดแล้วสินะ
ครืนนน!
โทรศัพท์แสดงชื่อพร้อมรูปไอ้สัสหน้าหมาคีตะสั่นอยู่ในมือ ผมมองชั่งใจอยู่นานจนมันดับไป ผมตัดสินกดปิดเครื่อง ไม่อยากสนใจ ไม่อยากรับรู้อะไร และไม่อยากได้ยินเสียงมันตอนนี้
“ชนเว้ยชน! ชน! ชน!” ผมเรียกทุกคนชนแก้ว แล้วก็ชน แล้วก็ชนอีก ชนไปเรื่อยๆ ชนจนกว่าจะเมา ชนจนกว่าจะลืม นี่แค่น้อยใจเพื่อนยังชนเหมือนไม่เคยได้แดก นี่ถ้าผมมีแฟนไม่แดกให้มันตายห่าไปเลยเหรอว่ะห้.... z Z

“อือ... ปวดหัว” นั่นคือเสียงในหัว ณ ตอนนี้ แม้เปลือกตายังคงปิด แต่ก็รับรู้ได้ว่ามันเช้าแล้วเพราะแสงที่กระทบเปลือกตา แต่ตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ ทั้งปวดหัวแล้วยังง่วงอยู่อีก ผมสูดหายใจเข้าปอดยาวๆ แล้วถอดหายใจอัดหมอนข้าง สูดขี้ฝุ่นในหมอนเข้าปอดอีกครั้งแล้วเอาหน้าถูกไปมาสองสามครั้งแบบที่ทำประจำ คลาสเรียนตอนเช้าคงต้องเทแล้วล่ะ ทั้งมึนทั้งขี้เกียจขนาดนี้
“ตื่นได้แล้วเพลง”
“ม่ายยยย”
“มึงมีเรียนตอนเช้าไม่ใช่เหรอ”
“อือ... เท...” เทแล้วก็นอนต่อสิรออะไร
จริงที่เทแล้ว นอนต่อแล้ว พยายามจะหลับแล้ว แต่ก็ไม่หลับ เปลือกตาก็ลืมยาก เลยได้แต่หลับตาลงอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้น ฝันถึงเธอเรื่อยไป... ไม่ใช่ละ ฮ่าๆๆ
ผมเลยนอนนิ่งๆ หลับตาอยู่แบบนั้น หลับใน...
อ้อมกอด....
ของใครวะ. . . . ?
ผมยังไม่ทันได้ลืมตาขึ้นสัมผัสที่แก้มผมทำให้ผมต้องแกล้งทำเป็นหลับต่อไป เสียงเรียกเมื่อกี้ เสียงไอ้คีย์นิ งั้นคนที่นอนกอดผมตอนนี้ก็....
“คีย์” ผมลืมตามองคนตรงหน้าที่กอดผมเอาไว้ชัดๆ
“หือ” มันตอบรับทั้งที่ยังปิดตาอยู่ หรือสัมผัสที่แก้มเมื่อกี้ผมคิดไปเองว่ะ
“กูวาร์ปมาที่นี่ได้ไง” เท่าที่จำได้เมื่อคืนผมเข้าไปส่องเฟสบุ๊ค แล้วก็ชน! ชน! ชน! หลังจากนั้นภาพก็ตัดไป
“มุดท่อขี้มาโผล่ชักโครก”
“มึงว่ากูเป็นแมวน้ำอ่อ”
“ขี้!”
“ขี้อะไรจะหน้าตาดีขนาดนี้”
“ขี้เรี่ยร่านไง แรดๆ ร่านๆ” นี่มันด่าผมป่าวว่ะ
“มึงก็เหมือนกันแหละ”
“......” มันลืมตาขึ้นแล้วหันมามองสบตาผม
“โอ๊ย! ไอ้สัส มาตีตูดกูทำไม” ตีซะเต็มแรง เจ็บจริงไม่มีสำออย
“หมั่นไส้ โอ๊ยยยย...!” ผมหยิกหัวนมมันบ้าง หมั่นไส้มึงเหมือนกันแหละไอ้หน้าหมา
“ปากมึงไปโดนไรมา” ผมถามเมื่อสังเกตเห็นรอยช้ำที่มุมปากของมัน
“มึงไม่รู้จริงๆ เหรอ”
“แล้วมันอะไรเล่า”
“รอยที่มึงดูดปากกูเมื่อคืนไง จ๊วบจ๊าบๆ” จ๊วบจ๊าบพ่อมึงสิ
“หน้ากูเหมือนคนโง่มากหรือไง นี่มันรอยโดนส้นตีนมาชัดๆ”
“กูก็แค่.....”
Rttttttttt
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ไอ้คีย์ไม่ได้ขัดใจผมเท่ากับชื่อคนที่มันเอ่ยปากรับโทรศัพท์
“ครับพี่ขิม” อารมณ์เสียแต่เช้าเลยว่ะ ผมควานหาโทรศัพท์ตัวเองที่ถูกเสียบสายชาร์จคาไว้ที่หัวเตียงขึ้นมากดดูบ้าง

เชี่ยยยยยย เหี้ยไรของมึงไอ้พี่ลุงเมเจอร์ ผมเข้าไปดูแจ้งเตือนมากมายที่มีคนแท็กผมเข้ามาในเฟสบุ๊ค แต่ผมเลือกกดเข้าไปที่เฟสบุ๊คตาลุงเมเจอร์ก่อนเพราะเป็นคนรู้จัก แต่รู้ไหมผมเจออะไร เจอคลิปตัวเองนอนเมาแอ๋ไม่สวมเสื้อท่อนบน อันนี้ยังไม่เหี้ยเท่าคำบรรยายของไอ้เหี้ยลุงเมเจอร์
ภาพในคลิปแสดงให้เห็นผมที่กำลังนอนเมาแอ๋หน้าตาน่ารักน่าชัง (ฮ่าๆๆ อวยตัวเองเวอร์) กำลังถูกพี่ลุงเมเจอร์คุกคามทางเพศอยู่ กรี๊ดดดดด
แคปชั่นที่มันใช้โพสต์คือ “ขายหลานรหัส ขาวๆ ยั่วๆ จร้า” ขาวๆ ยั่วๆ พ่อง
“วันนี้จะมาขายหลานรหัส ทั้งโสดและซิง” ลุงเมเจอร์พูดกับกล้องก่อนแพลนมันมาที่ผมที่นอนพิงไหล่เพื่อนแก
“เรามาเริ่มรีวิวจากแก้มแดงๆ กันก่อน เห็นไหมแก้มอมพูดสดใส แต่ไม่ธรรมชาติเพราะมันพึ่งแดกเหล้า ฮ่าๆๆ แล้วดูริมฝีปากสีแดงน่าจูบขนาดไหน ฮ่าๆ” มันดึงแก้มผมแรงๆ จนยืดไปมา ไอ้สัส แก้มกูยานแล้วมั้งน่ะ แล้วพวกมันก็เอานิ้วมาคลึงปากผมเบาๆ อันนี้ค่อยยังชั่วไม่รุนแรงเท่าไหร่
“ถัดมาเรามาดูความขาวจั๊วะของมันกันบ้าง” พี่คนที่ผมพิงหลังใช้นิ้วแกะกระดุมออกที่ละเม็ดๆ จนเผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจที่ไม่มีเหี้ยไรเลยนอกจากหัวนม
“แบนฉิบหาย เสียดายว่ะ ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไร ถึงจะแบนไปหน่อย แต่หัวนมสีลูกเชอรี่ก็หน้าชิมอยู่นะ” ผมรีบเอามือตัวเองมาทาบหัวนมตัวเองทันที ชิมเหี้ยอะไรของมึงไอ้สัส แล้วแต่ละคอมเม้นนะ มีทั้งวาจาหยาบคาย และเม้นด่าไอ้พี่ลุงเมเจอร์ ต้องเป็นแฟนคลับผมอย่างไม่ต้องสงสัย สมหน้า! ผมกดโกรธไปที แล้ววางโทรศัพท์เพราะทนดูทนอ่านต่อไม่ได้
“มองไร” ผมถามไอ้คีย์ที่มองมาขวางๆ มันไม่พูดไม่จาแล้วสะบัดหน้าหนี หันไปคุยกับพี่ขิมต่อ ชิ~
.
.
.
[มีต่ออีกนิด]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -10-
« ตอบ #19 เมื่อ: 26-11-2020 20:13:49 »





ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -10-
«ตอบ #20 เมื่อ26-11-2020 20:15:53 »

[ต่อจร้าา]
.
.
.

เกศแก้ว
หายหัวไปไหนกันหมด
อีเหี้ยยย
ทิ้งกูมาเรียนคนเดียว
เป้ชอบดื่มนม
โทษทีเมื่อคืนหนักไปหน่ย
ภูวดล
ไปไม่ไหว
บทเพลง
โทษที พอดีพึ่งตื่น
เกศแก้ว
ไปไหนกัน
ไม่ชวนกู
พวกเวรรรร
....

กะจะแชทไปด่าพี่เจอร์ แต่ดันมาติดบทสนทนาในแชทของแก๊งเราที่แก้วกำลังโวยวายยกใหญ่ที่ทิ้งให้เธอไปเรียนคนเดียวในวันนี้ แถมเมื่อคืนไปเมากันก็ไม่ได้ชวนเธอ จนลืมคำที่จะด่าพี่มันแล้ว ช่างเหอะ ไม่ได้เสียหายหรือสึกหรออะไรมากมาย

ภูวดล
เมื่อวานมึงไปแคสเป็นไง
เกศแก้ว
บทเพื่อนนางเอกค่ะ!
เซ็ง!
เป้ชอบดื่มนม
ได้เล่นก็ดีแล้ว
เกศแก้ว
อีพี่ขิมคนเดียวเลย
นี่ถ้านางไม่มานะ กูได้บทนางเอกไปแล้ว
เออนี่ เจอผัวมึงด้วยเพลง
บทเพลง
ใครผัวกู
??
เกศแก้ว
คีย์ไง
เห็นมากับอีพี่ขิม
ไม่รู้มาทำไม

เมื่อวานคงไม่ใช่แค่กินข้าวสินะ คงขลุกอยู่กับพี่ขิมทั้งวัน ผมลดโทรศัพท์ที่บังหน้าลงมองไปที่มัน ไอ้คีย์ที่คุยอยู่กับพี่ขิมเลิกคิ้วถาม
“มีอะไร” ผมไม่ได้ตอบ แต่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาบังหน้าเหมือนเดิม หงุดหงิดโว้ยยยยย

ภูวดล
ก็เขาเป็นแฟนเก่ากันนิ
กลับมาคืนดีกันหรือเปล่า
เป้ชอบดื่มนม
คืนดีหรือเปล่าไม่รู้
แต่ที่รู้ๆ
แฟนคลับไอ้เพลงกับพี่ขิมกำลังตีกันนัวเลย
บทเพลง
??
?
เป้ชอบดื่มนม
ส่องคอมเม้นเฟสพี่ขิม
กับเพจคู่จิ้นมึงดิ

มีดราม่าที่เกี่ยวกับผมอีกแล้วเหรอว่ะ

ขิม’ขิม
รูปคู่ในรอบสองปี
-จ๊ะ
-เหรอ
-เสือก
-แล้วไง
-สาระแน
-คู่จริงจร้าาา พวกติ่งคู่จิ้นหลบไปเนาะ
-ว้ายยย อีตุ๊ดมีเซ ตัวจริงเขามาแช้วจร้าาา
-หมายถึง....
-ถ้าไม่โง่น่าจะคิดเองได้
-โพสต์รูปเฉยๆ จร้า (เฉยๆ โดยเป็นรูปกูตอนหาวแบบโคตรน่าเกลียดเนี่ยนะ)


ผมอ่านแล้วก็พอเดาได้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น สรุปตอนนี้แฟนคลับคู่จิ้นผม กับแฟนคลับที่สนับสนุนให้พี่ขิมกับไอ้คีย์กลับมาคบกันกำลังทะเลาะกันสินะ เท่าที่อ่านดูตอนนี้เหมือนจะยังมาแค่กลิ่นมาม่าเบาๆ แต่พอลองกดเข้าไปที่เพจคู่จิ้นผมเท่านั้นแหละ มินิสงครามได้ก่อตัวขึ้นเมื่อคืนนี้เรียบร้อย เพียงเพราะรูปคู่รูปเดียวของไอ้คีย์กับพี่ขิมที่ถูกนำมาโพสต์ใต้คอมเม้นรูปผมกับไอ้คีย์นั่งกินข้าวด้วยกัน
-ของจริงเขาอยู่นี่ เคยคบกันด้วยนะประเด็น
-ของปลอมมันสู้ของจริงไม่ได้หรอก
-ช่วงนี้โมเม้นของคู่ปลอมๆ ก็จืดๆ หน่อยนะ เพราะคู่จริงเขามาแล้ว
-ชิปเปอร์คีย์เพลงใจเย็นๆ นะ เราต้องแยกแยะให้ได้ว่าของเราก็แค่คู่จิ้น ยังไงก็สู้ตัวจริงไม่ได้
-อกแตกตายกันยัง
-สะใจว่ะ! 555555


แต่ละคอมเม้นผมว่าไม่ได้เป็นแฟนคลับคู่นั่นมากมายอะไรหรอก ส่วนใหญ่ที่มาด่าคิดว่าแอนตี้จากเมื่อเรื่องคราวก่อนแน่นอน

-มาเสือกอะไรแถวนี้ มุดรูพวกมึงกลับไปเลย
-กูแค่จิ้น ไม่ชอบก็กดออกไป
-อกไม่แตกตายหรอกค่ะ พอดีไม่สนใจเลยไม่แคร์
-คบจริงหรือแค่สร้างกระแส ฝ่ายหญิงนี่ใช่ย่อยนิเรื่องแบบนี้
-เรื่องใช่ย่อยของฝ่ายหญิง ยืนยันว่าจริง (จากโมที่เดียวกับนาง)
-ว้ายยย วงในมาเองจร้าาาส ระวังเงิบนะจ้ะ


คอมเม้นล่าสุดที่อ่านนี่งงงวยไปใหญ่ อะไรยังไงวะ มีวงนอกวงในไปอีก

เกศแก้ว
เพลงมึงเข้าทวิตด่วนๆ
#คีย์เพลง
#กูจะสู้เพื่อลูกนอกไส้


มีเรื่องอะไรให้เสือกอี๊กกกกก

-จริงๆ ก็แค่คู่จิ้นที่พยายามสร้างโมเมนต์ #คีย์เพลง
-นี่ก็ว่าสร้างโมเมนต์เพื่อของฟรีจาก ฟค น่าโง่ไง #คีย์เพลง
-สร้างโมเมนต์แหละดูออก #คีย์เพลง
-เรื่องคู่จิ้นคู่จริงเป็นไงไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ฝ่ายหญิงฝั่งนั้นชอบสร้างกระแส ไม่เชื่อลองไปถามโมที่นางสังกัดสิ #กูจะสู้เพื่อลูกนอกไส้ #คีย์เพลง #ขิมขิม
-แหม นานๆ มาเรียนที มาถึงก็สร้างกระแสกับเดือนคณะ #กูจะสู้เพื่อลูกนอกไส้ #ขิมขิม
-ตำนานปีที่แล้ว สร้างกระแสจนมีโมเดลลิ่งมารับเข้าสังกัด #กูจะสู้เพื่อลูกนอกไส้ #คีย์เพลง
-#ทีมคีย์เพลง จร้าาาา คีย์จะมีแฟนจริงๆ หรือไม่มีกูไม่สน กูยังคงซัปพอร์ตน้องเหมือนเดิม #กูจะสู้เพื่อลูกนอกไส้


ผมเข้าไปอ่านแฮสแท๊กแล้วผมว่ามันเริ่มไม่ใช่แล้วนะ จู่ๆ เหมือนประเด็นถูกแตกออกไป ของผมไม่เท่าไหร่แค่แซะให้ปวดใจ แต่ของพี่ขิมนี่มีคนขุดเรื่องเธอใหญ่เลย เรื่องนี้ผมขอไม่ยุ่งแล้วกัน
“เดี๋ยวตอนเที่ยงผมไปรับก็ได้ครับ... ครับ... เจอกันครับ” ไอ้คีย์กดวางสายไปแล้วหันมาฉวยเอาโทรศัพท์ผมไปดื้อๆ
“เสียมารยาท เอาคืนมา” มันไม่ยอมทำตามแต่กลับมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์แทน
“กูเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเสียเวลากับเรื่องดราม่า เดี๋ยวก็จมปลักแบบครั้งที่แล้วอีก” มันส่งโทรศัพท์คืนมาให้แล้วบ่นขึ้น
“ไม่ได้เสพเว้ย กูแค่เข้าไปส่องดูเฉยๆ”
“ส่องเฉยๆ เดี๋ยวก็ร้องไห้อีก”
“กูไม่ร้องเพราะเรื่องพวกนี้หรอก”
“ขอให้จริง”
“เอ่อจริง มึงจะไปไหนก็ไปได้แล้ว จะไปรับพี่ขิมไม่ใช่เหรอ”
“แอบฟัง...?”
“พูดเสียงดังขนาดนั้น นึกว่าอยากให้ได้ยิน” น่ารำคาญ! น่ารำคาญ! น่ารำคาญ! จะไปไหนก็ไปเลย ไป! ไป! ไป! ชิ!
มันเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมที่จะออกจากห้อง
“จะลงไปกินข้าวพร้อมกูก่อนม่ะ”
“ไม่”
“มึงกำลังไม่พอใจกู”
“คิดมากน่า กูจะไม่พอใจมึงเรื่องอะไร”
“ไม่รู้ดิ แต่ความรู้สึกมันบอก”
“......”
“ไม่ลงไปกินข้าวด้วยกันจริงอะ”
“พูดมากน่ารำคาญ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอว่ะ” ควบคุมปากตัวเองไม่ได้เลยอะ ไม่ได้โมโหอะไรเลยจริงจริ๊งงง แต่ก็นะ
“เพลง มึงโมโห”
“กูเปล่า”
“งั้นกูไปนะ”
“เอ่อ! ไปดิ ไปเลย!” อือออออ ทำไมน้ำเสียงผมมันถึงได้ดูอ้อแอ้ประชดประชันว่ะ
ไอ้คีย์ไม่ได้พูดอะไรแต่หมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ชิ~ ก็ไม่ได้อะไรนักหรอกน่า ผมก็แค่..... แค่ไรว่ะ ทำไมกูต้องหงุดหงิด ทำไมกูต้องไม่พอใจ มึงจะไปไหนก็ไปเลย มึงกับกูก็แค่... ก็แค่...
มึงกับกูก็แค่คนสำคัญ....
คนสำคัญที่ไม่รู้ว่ามีสิทธิ์รู้สึกยังไงต่อกันได้บ้าง
คนสำคัญที่ไม่รู้ว่ามึงยังคิดแบบเดียวกันหรือเปล่า
คนสำคัญที่มึงอาจจะแค่พูดลอยๆ ปลอบใจตอนกูท้อ
คนสำคัญที่กูคิดไปเองคนเดียว
กูมันก็แค่คนสำคัญ คงสู้คนถูกใจของมึงไม่ได้สินะ
“ร้องไห้ทำไม” เหี้ยยย ไอ้คีย์กลับเข้ามาตอนไหนวะ แล้วน้ำตากูจะไหลทำเหี้ยอะไร
“กูไม่ได้ร้องไห้ กูแค่หาวแล้วน้ำตามันไหลเว้ย”
“หึ~ หาวก็หาว มากินข้าวได้แล้ว”
“.....”
“ยังนั่งเอ๋ออยู่อีก ข้าวเหนียวหมูปิ้งกับข้าวเหนียวหมูทอด รีบลุกได้แล้ว” อยากจะบอกออกไปว่าไม่ แต่จมูกและน้ำย่อยในกระเพาะมันเรียกร้องไม่หยุด กินก็ได้ นี่เอาใจกระเพาะอาหารหรอกนะ
“แล้วมึงไม่ไปกินกับ.. เอ่อ..”
“กินกับอะไร” มึงจะยิ้มเจ้าเล่ห์ทำส้นตีนอะไรไอ้สัส
“กินกับเพื่อนมึงอะ”
“หึ~ กูอยากกินกับมึงมากกว่า” แค่นี้ แค่นี้เลยจริงๆ ที่ทำให้ผมลืมความน้อยใจเมื่อกี้ไปเกือบหมด
“กูยังเป็นคนสำคัญอยู่ไหม” พูดอะไรวะ พูดเหี้ยไรออกไปไอ้เพลง นี่ว่าคิดในใจแล้วนะ ทำไมมีเสียงออกมาได้ กระดากปากฉิบหาย แต่พูดไปแล้วไง ทำดีที่สุดแค่ยัดหมูปิ้งเข้าปากแก้เก้อ
“ก็เป็นตลอด ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่สำคัญ”
“แล้ว... ถ้าสมมุติมึงมีแฟน ระหว่างแฟนมึงกับคนสำคัญแบบกูมึงจะเลือกอะไร” เอาอีกแล้วไอ้เพลง
“ทำไมต้องเลือก”
“มึงต้องเลือก”
“กูไม่เลือก”
“แต่กูจะให้มึงเลือก”
“กูจะเลือกไปทำไม ในเมื่อคนที่จะมาเป็นแฟนกูกับคนสำคัญก็คือคนคนเดียวกัน”
“.......”



..........

แฟนกูกับคนสำคัญก็คือคนคนเดียวกัน เอ๊ะ! จางงงหงายยยย  :o10:

 

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -10-
«ตอบ #21 เมื่อ27-11-2020 18:41:43 »

ทำไมเขินแทนเพลง :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -11-
«ตอบ #22 เมื่อ27-11-2020 20:32:28 »

- 11 -

“กูจะเลือกไปทำไม เพราะยังไงแฟนกูกับคนสำคัญก็คือคนคนเดียวกันอยู่แล้ว”
ไอ้สัสเอ๊ยยยยย วนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมออกไปไหนกะอีแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว
หมายความว่าไง มึงหมายความว่าไงไอ้หน้าหมาาาาาา
ถ้าเป็นนิยายที่แต่งโดยผมผู้ซึ่งไม่มีประสบการณ์เรื่องความรัก นี่ก็คือประโยคบอกรักแล้วปะ แต่นี่มันไม่ใช่ไง มันไม่ใช่นิยายเพ้อเจ้อที่ผมแต่งไง ผมถึงสับสนงงงวยอยู่คณะไอ้คีย์ในตอนนี้
กูมาทำอะไรที่นี่. .. .?
อ๋อ.... พอดีเดินผ่านมาเฉยๆ แหละ ไม่ได้มีอะไรเลยจริงจริ๊งงงงงง
ผมมองซ้ายมองขวา ตอนนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ น่าจะเรียนกันอยู่ล่ะมั้ง กลับดีกว่า ผมหมุนตัวเดินออกมาจากคณะไอ้คีย์ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงที่คุ้นเคย
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม” เสียงไอ้คีย์ไม่ผิดแน่ ผมชะลอฝีเท้าแล้วมองหาต้นเสียงก็หันไปเจอไอ้คีย์กับพี่ขิมในซอกตึกคณะมัน ช่างเป็นละครไทยซะจริงๆ ที่กูต้องบังเอิญมาเจอพวกมึงเนี่ย

แล้วมาทำอะไรในที่ลับตาคน
แล้วพี่ขิมมาทำอะไรที่คณะไอ้คีย์
มีพิรุธ

“ทำไม....”
“ผมยังรักพี่ รักมาตลอดไม่เคยเปลี่ยน” คำพูดบวกน้ำเสียงไอ้คีย์ที่ดูจริงจังกว่าปกติ จนผมรู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมา เป็นเหี้ยอะไรของมึงไอ้เพลง
“พี่ก็... พี่ก็ไม่เคยลืมรักของเรา” พี่ขิมตอบกลับออกไป ยิ่งทำให้ผมใจสั่นระรัว
ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้แก่กันและกัน ก่อนร่างทั้งสองจะสวมกอดกัน ผมรีบเดินออกมาจากมุมที่แอบดูพวกเขา บ้าเอ๊ยยยย ทำไมถึงได้หงุดหงิด โมโหขนาดนี้ว่ะ แล้วทำไมขอบตากูมันต้องร้อนผ่าวขนาดนี้ด้วย อ๋อ อากาศร้อนบวกฝุ่นพีเอ็มสองจุดห้าสินะ หื้ออออออออ ไหลแล้ว น้ำตาไหล ไหลทำไม ไหลทำเป๊ะไรว่ะเนี่ย
“ไอ้เพลง” ผมรีบปาดน้ำตาลวกๆ แล้วหันไปมองต้นเสียง
“ไงไอ้มิว” ไอ้มิวมันยืนอยู่ตรงหน้าผมคนเดียวครับตอนนี้
“มาหาไอ้คีย์เหรอ เจอกันยังเดี๋ยวกูเรียกมันให้”
“เห้ยไม่ต้องๆ กูไม่ได้มาหามัน กูแค่เดินผ่านมาเฉยๆ กำลังจะกลับคณะแล้วล่ะ กูไปนะ” ผมรีบลาไอ้มิวแล้วเดินจากออกมา
“เดี๋ยว!” ผมหยุด หยุดโดยไม่มีอะไรมากั้น
“มะ.... มีอะไร” ผมถามไอ้มิวออกไป
“ตามึงแดงๆ นะ ร้องไห้....?”
“ร้องทำเป๊ะไรเล่า กูไปนะ” คราวนี้จากไอ้มิวออกมาจริงๆ ครับ เซ็งฉิบหาย เรียนก็โดด จะไปไหนก็ไม่ได้ นอกจากห้องประชุมเล็กที่นัดกับพวกพี่ๆ คณะไว้หลังเลิกเรียน ไปนอนรอพวกมันที่นั่นแล้วกัน

บทเพลง
กูอยู่ห้องประชุมเล็กนะ
เรียนเสร็จแล้วรีบมานะสัส

ผมส่งข้อความเข้าแชทกลุ่ม แล้วกดออกมา เดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องประชุมเล็ก ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่เกรงใจใครเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีคนอยู่ แต่เปล่าเลย พอเปิดเข้าไปก็เจอกับสายตาดุๆ กับคิ้วขมวดยุ่งๆ ที่กำลังหงุดหงิดจ้องมองมา ในท่าที่กำลังนอนสบายๆ สงสัยผมมากวนพี่แกที่กำลังแบกหมอนนอนบนพื้น
“ไอ้สัส! ทำไรเสียงดัง หัดเกรงใจคนอื่นบ้าง” พี่เจอร์พูดขึ้นแล้วหันไปนอนหลับตาเหมือนเดิม
“ขอโทษครับ”
“เออ! เอากองไว้ตรงนั้นแหละ” พี่แกพูดทั้งที่ยังนอนหลับตาอยู่ อาการง่วงนอนนี่ทำให้คนเราดูเป็นคนละคนเลยนะเนี่ย ปกติพี่แกเล่นขี้ เอ๊ย ขี้เล่นจะตาย แต่ดูตอนนี้สิ ดุจัดๆ
ผมเดินเข้าไปหาที่นอนบ้าง นอนใกล้ๆ พี่มันนี่แหละ ไม่ได้ไปนอนที่ไหนไกล
พยายามข่มตาหลับอยู่นานพอควร พอเคลิ้มๆ จะหลับจริงๆ ก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงพวกพี่ๆ ที่เดินเข้ามาในห้อง หงุดหงิดจัดบอกเลย
“อะไรว้าาา แอบมานอนจู๋จี๋กันสองคน” จู๋จี๋พ่อง
“ไอ้ห่า กูก็นึกเป็นห่วง ที่แท้มาแอบนอนกกกันในห้อง” นอนกกแม่มึงสิ
“อะเอาไป” พวกเพื่อนๆ พี่เจอร์โยนถุงอะไรสักอย่างลอยข้ามหัวผมไปตกแมะอยู่บนหน้าพี่เจอร์ ผมถึงได้เห็นว่าแก้มซ้ายแกบวมๆ คิ้วขวาแกมีรอยแตก
“โอ๊ย ไอ้สัส”
“พี่ไปฝัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย” ผมถามอย่างสงสัย เมื่อกี้ตอนเข้ามาไม่ได้มองหน้าพี่แกเท่าไหร่ เพราะถูกดุอยู่
“ฝัดกับหมาของมึงไง” หมากู....?
“ผมไม่ได้เลี้ยงหมา”
“ไอ้หมาเพื่อนมึงไง สงสัยจะหวงเจ้าของ ถึงได้ต่อยกูหน้าแหกแบบนี้เนี่ย” เพื่อนหมาเหรอ ไอ้คีย์....? เมื่อเช้าปากมันแตกนิหว่า
“ไอ้คีย์เหรอพี่”
“เออดิ แม่ง! เมื่อคืนไม่พูดเหี้ยไรสักคำ มาถึงซัดกูลูกเดียวเลย ยังดีที่กูยังตั้งสติซัดมันกลับทันบ้าง”
“แล้วพวกพี่ไปต่อยกันทำไมล่ะ แล้วไปต่อยกันตอนไหน ผมไม่เห็นรู้เลย”
“ต่อยกันตอนกูจะปล้ำมึงไง งูกูนี่จ่อๆ จะเข้าถ้ำมึงแล้วเชียว” ไม่ว่าเปล่ามันเอามือมาทำเป็นปืนวางบนจู๋ตัวเองประกอบ เหี้ยสัส
“เหี้ยแล้วปะ เล่าดีๆ” ผมมองค้อนไปที จะตอบดีๆ มันไม่ได้เลยหรือไง
“เห็นคลิปที่กูอัปเมื่อคืนแล้วปะ”
“อืม...”
“นั่นแหละต้นเรื่อง ผัวมึงแม่งหึงโหด บุกเข้าห้องมาได้ซัดเข้าเบ้าหน้ากูนี่ ไม่ถามสี่ถามแปด หนังหน้ากูถึงได้แหกแบบนี้ไง”
“ผัวเหี้ยไร เพื่อนเว้ย”
“หึ~ เพื่อน เพื่อนหึงเพื่อนน่ะเหรอ”
“หึงบ้าบออะไร มันก็คงเป็นห่วงแหละ”
“ห่วงแล้วคุยดีๆ ไม่ได้ ต้องลงไม้ลงมือกับกูเลยเหรอว่ะ”
“ก็มันเข้าใจผิด คิดว่าพี่จะทำมิดีมิร้ายกับผมไง”
“ไม่รู้แหละ รับผิดชอบเลยมึง” พี่มันโยนถุงในมือมาให้ พอแกะออกถึงได้เห็นว่าเป็นยา
“อ่าๆ หันหน้ามา เดี๋ยวทายาให้ก็ได้” ผมแกะหลอดยาทาบีบใส่นิ้วตัวเองแล้วละเลงลงบนหน้าพี่แก
“เจ็บนะสัส เบามือหน่อย” ผมถอนหายใจใส่ไปที เรื่องมากจริงนะมึง
“เยร้ดดด โด้วววววว ภาพนี้แม่งได้ว่ะ” ผมกับพี่เจอร์และคนอื่นๆ หันไปมองเพื่อนพี่เจอร์ที่กำลังก้มมองกล้องถ่ายรูปในมือตัวเองอยู่ จนคนอื่นๆ ต้องเดินเข้าไปดู
“แสงลอดจากหน้าต่างกระทบพื้นส่องเข้าหน้าไอ้เจอร์กับไอ้เพลงแม่งได้ว่ะ โรแมนติกสัส”
“เอ่อว่ะ”
“กูยืมไปทำปกคลิปยูทูปเรียกสาววายหน่อยดิ”
“ไม่ได้! รูปกู ลิขสิทธิ์ต้องเป็นของกู ส่งเข้าโทรศัพท์กูเลยไอ้สัส” พี่เจอร์พูดขึ้นแทรกพวกพี่ๆ มัน
“เอามาดูดิพี่” ผมถามพี่เจอร์เมื่อมันเดินไปจิ้มนั่นนี่กับกล้องและโทรศัพท์ของมันเสร็จ
“อยากดูก็ไปดูในเฟสนู่น เดี๋ยวกูให้เพื่อนแท็กไป”
ผมหันมาคว้าโทรศัพท์ตัวเองมากดๆ ดู อ่าาาา รูปผมนั่งบนพื้นห้องกำลังทายาให้พี่เจอร์ จากคำบรรยายของรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ มันตรงเป๊ะๆ แบบนั้นเลยครับ ภาพผมที่กำลังนั่งทายา เป็นเงามืดๆ หน่อย เพราะแสงที่ตกกระทบจากด้านหลังทำให้มุมกล้องมันย้อนแสง แต่มันกลับส่งให้เห็นเส้นสีทองเหมือนเส้นดินสอสีกำลังวาดภาพของผมกับพี่เจอร์ เพอร์เฟคจัด สวยอย่างที่พวกพี่มันว่าจริงๆ แฮะสงสัยต้องหัดถ่ายรูปพวกนี้บ้าง ผมยิ้มให้กับรูปแล้วกดหัวใจให้หนึ่งที เพราะผมชอบรูปนี้เหมือนกัน ผมจัดการเซฟรูป แล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เพราะพี่ๆ ปีอื่นๆ เริ่มเข้ามาแล้วรวมถึงพวกเพื่อนๆ ผมด้วย
การประชุมวันนี้ได้ข้อสรุปว่า เราจะทำวิดีโอโปรโมท โดยต้องช่วยกันคิดคอนเซ็ปท์ และทำใบปลิวบวกกับโปสเตอร์ด้วย ส่วนละครเวทีเล็กที่ผมคิดก็ไม่เสียเปล่า เราตกลงกันว่าจะแสดงในวันที่โปรโมทวันแรก เพื่อดึงความสนใจ แต่มันติดอยู่อย่างเดียวเนี่ยแหละ
“ให้ไอ้เพลงเป็นสโนว์ไวท์ เพราะมันเป็นคนคิด”
“เห้ยไม่เอา” นี่แหละที่ผมติดขัด หลังจากไอ้พี่เจอร์มันเสนอสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งสิบของมัน แล้วมันก็ขายคอนเซ็ปท์บ้าบอของมันเสร็จ แล้วก็วนลูบเดิมคือไม่มีใครแย้ง เห็นดีเห็นงามเอ่อออไปกับมัน จนมาถึงคำถามว่าใครจะมาเป็นสโนว์ไวท์ มันรีบเสนอชื่อผมทันที ผมที่ปฏิเสธเสียงแข็ง นั่งยัน นอนยัน ว่ายังไงก็ไม่เล่นเด็ดขาด สุดท้ายก็ต้องจำยอมตามหลักประชาธิปไตยที่ประเทศเราไม่เคยได้สัมผัสมาช้านาน เพราะทุกคนไม่เว้นแม้แต่เพื่อนผม ยกมือให้ผมเล่นบทนี้กันหมด สัสเอ๊ยยยย แม่งทำไรไม่ได้เลยจริงๆ เหรอว่ะ
“ไอ้เพลงลุก”
“ไปไหนอ่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย จู่ๆ ก็มาบอกให้คนอื่นลุก
“ไปฟิตติ้งชุดไง”
“ห้ะ ต้องทำด้วยเหรอว่ะ โอ๊ย!” ผมคลำหัวตัวเองปอยๆ พี่เจอร์เล่นตบมาซะแรงเชียว
“พูดกับรุ่นพี่ให้มันสุภาพหน่อย”
“ทีพี่ยังไม่สุภาพกับผมเลย”
“เถียงเก่ง เห้ยเดี๋ยวกูพาไอ้เพลงไปหาชุดก่อนนะ พี่ๆ เดี๋ยวผมมานะ” มันหันไปบอกเพื่อน บอกพี่ปีสี่ แล้วลากผมออกมาจากห้องประชุมทันทีไม่ทันได้ลาเพื่อน
“เราจะไปไหนอะพี่”
“ฟิตติ้งชุดไง”
“รู้แล้ว แต่หมายถึงที่ไหน”
“หอประชุมใหญ่คณะ เสื้อผ้าอุปกรณ์ปีก่อนๆ เก็บอยู่ที่นั่น” พี่เจอร์พาผมเข้ามาห้องแต่งตัวหลังเวที ก่อนจะมุดตู้เสื้อผ้าแล้วคลานกลับออกมาพร้อมเสื้อผ้าในมือ
“อะเอาไปใส่” พี่แกโยนผ้าในมือมาให้
“ไม่เอาอะ เป็นสโนว์ไวท์เวอร์ชันผู้ชายเหอะ”
“สโนว์ไวท์บ้านมึงเป็นผู้ชายเหรอ”
“แล้วสโนว์ไวท์บ้านพี่มีจู๋หรือไง”
“ยอกย้อนเก่ง ใส่ๆ เหอะน่า เร็วๆ” ยังจะเร่งกันอีก ผมถอดหายใจเฮือกใหญ่แล้วยัดตัวเองลงไปในชุดเหลืองน้ำเงินทั้งที่ยังใส่ชุดนักศึกษาคาอยู่แบบนั้น
“อะ ที่คาดผม” พี่แกเอาที่คาดผมสีแดงมาสวมให้
“แล้วสุดท้ายก็ ตุ๊กแก”
“.....” หืมมม เมื่อกี้พี่แกว่าอะไรนะ
“ตุ๊กแกไง”
“ไอ้เหี้ยยยยย” ตุ๊กแกที่ว่าตอนแรกผมนึกว่าหูฝาด พอพี่แกยกมือที่ถือหางมันขึ้นมาทีแรกแค่ผงะ เพราะนึกว่าของปลอม แต่ของปลอมมันไม่น่าจะดิ้นได้ปะ ใช่ มันไม่ใช่ของปลอม วิ่งสิวะ รอเหี้ยไรอีก กรี๊ดดดดดดด

วิ่งแบบพี่ตูน วิ่งแบบพี่ตูน
วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง
วิ่งแบบพี่ตูน

“ไอ้เหี้ยไอ้สัส อย่าตามมา อย่าตามกูมา” ทั้งวิ่งทั้งด่า ไม่ได้มองซ้ายขวา
“ฮ่าๆ สโนว์ไวท์เวอร์ชันมึงต้องแดกหัวตุ๊กแกแทนแอปเปิล”
“ไอ้สัสอย่ามาใกล้ ออกปะ... อุ๊ก!” ชนเข้าให้ ชนใครก็ไม่รู้เข้าให้
“เพลง” เสียงคุ้นๆ แฮะ ผมเงยหน้ามองคนที่ผมวิ่งไปชน
“ไอ้คีย์” ผมผละออกจากมือมันที่จับต้นแขนผมเอาไว้ มาอยู่นี่ได้ไงว่ะ
“ไอ้เพลงมึงตายแน่” เชี่ยยยย ยังไม่หยุดอีกเหรอว่ะ ผมรีบวิ่งไปหลบหลังไอ้คีย์ทันที
“หยุดตรงนั้นเลยนะไอ้สัสพี่เจอร์” มันหยุดครับ หยุดโดยมีไอ้คีย์กั้น ทั้งคู่จ้องหน้ากันไม่มีใครหลบตาใคร จนเหมือนจะได้ยินเสียงไฟฟ้าปะทะกันดังเปรียะๆ
“เล่นเหี้ยอะไรไอ้เจอร์ พวกกูซ้อมบทกันอยู่” ผมหันไปมองตามเสียงรำคาญของพี่ผู้หญิงร่างท้วมข้างหลัง ถึงได้เห็นว่ารอบข้างมีคนอยู่มากมาย ส่วนใหญ่ที่คุ้นหน้าก็พวกรุ่นพี่คณะ มีแก้วกับพี่ขิมอยู่ด้วย สงสัยจะซ้อมละครเวทีกันอยู่ แก้วส่งสายตาเชิงถาม
“กูก็ซ้อมบทละครเวทีอยู่เหมือนกัน” พูดจบพี่แกก็โยนตุ๊กแกข้ามหัวผมไปตกกลางวงพวกพี่ๆ วงแตกสิครับ เสียงกรี๊ดวี๊ดว้าย ปนเสียงด่าดังระงม
“ไปกันไอ้เพลง กลับที่ของเราดีกว่า” พี่เจอร์เดินเอามือมาพาดคอผมแล้วพาเดินออกมา
“เดี๋ยวไอ้เจอร์” ผมกับพี่เจอร์หยุดแล้วหันไปมองตามเสียง ก็เจอสีหน้าดุๆ ของใครบางคนที่ไม่ค่อยที่ไม่คุ้นหน้าเท่าไหร่ แต่มารู้ทีหลังว่าแกเป็นรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว
“มึงจะมาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไปเฉยๆ เหรอว่ะ”
“แล้วมึงล่ะ เรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ สะเหล่อมาทำไรที่นี่”
“.......” พี่คนนั้นไม่ได้ตอบอะไร แต่ยักไหล่กวนๆ กลับมา
“แล้วกูก็ไม่ได้หนี ไม่ได้สร้างความวุ่นวายด้วย กูบอกแล้วไงว่าก็ซ้อมบทละครอยู่เหมือนกัน”
“ซ้อมเหี้ยไร ละครปีนี้มีเรื่องเดียว แล้วพวกกูก็กำลังซ้อมกันอยู่”
“ซ้อมละครเวทีเล็กเอาไว้ใช้โปรโมทให้ละครเวทีใหญ่ๆ ของพวกมึงไง แล้วแสดงกันดีๆ ล่ะ อย่าให้คนดูเอาไปเปรียบเทียบกับละครเวทีเล็กๆ แบบพวกกูได้” พี่เจอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“หึ~ ละครเวทีเล็ก งั้นก็ช่วยทำให้การโปรโมทให้มันเข้ากับคอนเซ็ปท์ละครเวทีใหญ่ด้วยล่ะ”
“เข้าแน่ กูจะใช้บทสโนว์ไวท์กับผู้ชายทั้งสิบ จะมีทั้งคำหยาบคาย ฉากรุมโทรมข่มขืน และเอาใจสาววายด้วย” ไม่พูดเปล่า ไอ้พี่เจอร์มันคว้าคอผมเข้าไปใกล้ๆ แล้วหอมแก้มฟอดใหญ่จนผมรวมทั้งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจ ก่อนจะได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ ตามมา สัส ทำไรของมึง
“ไปไอ้เพลง” พูดจบมันก็ลากผมออกมาทันที
ผมอยากจะด่ามันนะ แต่พอเดินออกมาแล้วบ่นๆ มันกลับนิ่งเฉย ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่ว่าหน้าด้านแต่มันกำลังเหม่อลอย ต่างกับผมที่กำลังหงุดหงิด ไม่รู้ว่าเพราะไอ้พี่เจอร์มันสร้างความวุ่ยวายหรือเพราะสงสัยเรื่องของใครบางคน
ไอ้คีย์มาอยู่ที่นี่ได้ไง มึงมาอยู่ที่คณะกูได้ไง ทั้งที่มึงไม่ได้มาหากู โว้ยยยยยยย เรื่องของมันสิ มันจะมาหาใครก็เรื่องของมัน แล้วกูหงุดหงิดเหี้ยไร เป็นไบโพล่าหรือผีบ้าเข้าสิง โอ๊ยยยยยย งงตัวเอง หงุดหงิดตัวเองโว้ยยยยยย
ผมกลับเข้ามาในห้องแล้วก็ไม่มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์เท่าไหร่เลย เพราะคนอื่นๆ กลับกันไปหมดแล้ว เหลือแค่เพื่อนผมกับเพื่อนพี่เจอร์
“กูกลับก่อนนะ”
“ครับ หวัดดีครับ” ผมหันไปลาพี่เจอร์ที่ขอตัวกลับก่อน
“จะกลับยัง” ไอ้ดลถามผม
“แล้วไอ้เป้อะ”
“ไปหาแฟนมันแล้ว”
“โห หาใหม่ได้อย่างไว อิจฉาคนมีคู่จริงๆ” เราเดินออกมาจากห้องแล้วคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
“อิจฉาทำไม อยากมีคู่ก็หาสักคนสิ อย่างมึงหาได้ไม่อยากหรอก” มันว่ายิ้มๆ
“เห้ย~ คิดไรกับกูปะเนี่ย”
“คิดเหี้ยไร ส้นตีนนี่”
“ไม่คิดก็แล้วไป แล้วนี่มึงไม่ไปไหนเหรอ”
“ว่าง”
“แฝดมึงอะ”
“เบศไปเดทกับแฟนมันน่ะ”
“งั้นวันนี้มึงก็ไปเดทกับกูแทนละกัน” เอาจริงๆ กับไอ้ดลนี่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ เพราะเรียนเสร็จส่วนใหญ่มันก็หายหัวไปกับฝาแฝดมันเลย
“เดทเหี้ยไรอะไร เปลี่ยนคำพูดเลยมึง อย่าเอากูไม่ร่วมจักรวาลคู่จิ้นมึงอีกคนเลย”
“อีกคนไรว่ะ กูมีไอ้คีย์เป็นคู่จิ้นคนเดียวปะ”
“หึ~ น้อยไปสิ ตอนนี้มีคนจิ้นมึงกับพี่เจอร์เพิ่มเข้ามา รู้ตัวซะบ้าง”
“........” ผมกับพี่เจอร์เนี่ยนะ เมื่อคืนยังเห็นคนเม้นถล่มมันซะยับอยู่เลย
“ยังจะทำหน้าโง่อยู่อีก อะ เอาไปดู” หน้างงก็ได้ม่ะ หน้าโง่นี่ด่าแล้วนะ ผมรับโทรศัพท์ที่มันยื่นให้มาดู
เชร้ดดดด มีเพจคู่จิ้น เมเจอร์บทเพลง ด้วยว่ะ คนไลค์เพจหลักพัน ถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับเพจ ไอ้คีย์กับผม สงสัยคงพึ่งสร้าง เพจมีสองสามโพสต์เอง โพสต์แรกก็พึ่งอัพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง
โดยโพสต์แรกเป็นคลิปเมื่อคืนที่ถูกแชร์มา
โพสต์ที่สองเป็นการแคปหน้าจอภาพที่ผมทำแผลให้พี่เจอร์ แล้วผมไปกดหัวใจให้
ส่วนโพสต์สุดท้าย มิน่าล่ะ ถึงได้จิ้นกันไปไกล ก็มันเป็นรูปที่ผมถูกพี่เจอร์หอมแก้มเมื่อกี้น่ะสิ
โว้ยยยยยย อยากจะขำให้ไส้ไหล เอาอะไรมาจิ้นกานนนนน ถ้าทุกคนรู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นยังจะจิ้นกันอยู่มั้ย
“แล้ววันนี้มึงไม่ไปกินข้าวกับไอ้คีย์อ่ะ”
“เห่อะ~ มันคงมีนัดแล้วล่ะ คนโดนเทแบบมึงกับกูต้องไปกินข้าวคู่กันเว้ย”
ผมส่งโทรศัพท์คืนให้ไอ้ดล แล้วมุ่งหน้าสู่ร้านข้าวแกงเล็กๆ ข้างทาง บ้านไอ้ดลมันรวยครับ อยู่คอนโดหรูหรากับแฝดมันสองคน แต่มันก็ไม่ได้หยิ่งหรืออวดร่ำอวดรวยอะไร กินข้าวข้างทางได้ ไม่เรื่องมาก

“กินข้าวข้างทางนะ จะได้มีเวลาไปงีบให้ห้องเรียนต่อ”
“อืม...”


โว้ยยยยยย นึกถึงมันขึ้นมาทำไม กูนึกถึงมึงขึ้นมาทำไมไอ้คีย์ กะอีแค่กูมัวแต่ทำงานดึกจนแทบไม่ได้นอน มึงก็แค่เป็นห่วงเพื่อนแบบกู แค่นี้ แค่นี้เลยจริงๆ มึงจะวนเวียนเข้ามาในหัวให้ประสาทแดกทำไมว่ะ
ส่วนมึงตอนนี้คงเริงร่าหน้าบานอยู่ในร้านหรูกลางห้างกับแฟนเก่ามึงสินะ เห็นไปนั่งรอถึงที่ซ้อมละครเวทีเลยนิ เห้ย! แล้วนี่กูคิดเหี้ยไรอีกว่ะ ช่างแม่งดิว่ะ จะทำเหี้ยไรก็ทำไปสิ
“โอ๊ยยยย เหนื่อยยยย” แก้วที่แชทมาบอกว่าจะตามมากินข้าวด้วยบ่นเมื่อเธอเข้ามานั่งในร้าน
“มึงเลือกเองนิ”
“กูไม่ได้เหนื่อยซ้อม กูเหนื่อยคน เบื่ออิพี่ขิมฉิบหาย เขานั่งกินข้าวด้วยกัน ชีบอกว่าจะไปหาอะไรกินกับผัวมึงสองคน พูดแล้วก็หมั่นไส้ฉิบหาย เรื่องก็มาก ซ้อมอยู่กับแค่ผัวมึง ต่อบทกับกูไม่ได้สักที” คิดผิดซะที่ไหน ไปกินข้าวด้วยกันสองคนจริงๆ ด้วย ขอบใจไอ้แก้วที่แวะคาบข่าวมาบอก ถึงได้รู้ว่าผัวกูไปกินข้าวกับคนอื่น
เห้ย! เดี๋ยวนะ! ผัวกู? ขอบคุณแก้วที่คาบข่าวมาบอก? เหี้ยไรของสมองกูอีก สงสัยพักผ่อนน้อยแน่เลยช่วงนี้
“ผัวเชี่ยไร ไอ้คีย์ไม่ใช่ผัวกูซะหน่อย”
“แล้วกูได้พูดยังว่าหมายถึงคีตะ” อะ.. อ้าว
“แล้วมึงหมายถึงใคร”
“หมายถึงคีตะนั่นแหละ”
“เดี๋ยวนะ มึงบอกว่าพี่ขิมซ้อมบทละครกับไอ้คีย์” ไอ้ดลพูดแทรกขึ้นมา
“เออดิ”
“มันเล่นละครเวทีให้เราเหรอ”
“ใช่น่ะสิ มันไม่ได้บอกมึงเหรอ” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ก็มันไม่ได้บอกผมจริงๆ นิน่า แล้วทำไมต้องปกปิดกูด้วย แต่ก็ดี อย่างน้อยที่เจอมันวันนี้มันก็ไปซ้อมละครเวทีแหละน่า คงไม่ได้ไปรอใครอย่างที่คิดหรอก ส่วนเรื่องไปกินข้าว...
Rrrrrrrr
“โหลลล” ผมรับโทรศัพท์ไอ้คีย์ที่โทรเข้ามาพอดี
[มึงกินข้าวยัง]
“มึงอะ”
[ยัง]
“.......”
[แล้วมึงกินข้าวยัง]
“กะ.. กินแล้ว”
[เหรอ....] สัญญาณไม่ดีเหรอว่ะ ได้ยินไม่ค่อยชัดเลย
“อืม แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนอะ”
[อยู่ห้องรอมึงกินข้าว] ไหนว่าไปกินกับพี่ขิมไง แล้วไอ้ความรู้สึกผิดนี่มันมาได้ไง มันมาจากไหนกันว่ะ
“.......”
[งั้นแค่นี้นะเดี๋ยวกูกินข้าวก่อน]
“อืม”
[แล้วมึงจะกลับดึกไหม]
“เดี๋ยวกินเสร็จก็กลับแล้ว”
[แล้วกินข้าวที่ไหน ให้ไปรับไหม]
“ไม่ต้องอะเดี๋ยวกูกลับเองได้”
[งั้นแค่นี้นะ มีปัญหาอะไรก็โทรมา จะให้ไปรับก็โทรมานะ]
“อืม” แปลก มันแปลกไป ไอ้คีย์มันแปลกไป มันกำลังเล่นเหี้ยอะไรอยู่ จู่ๆ ก็มาทำเสียงน้อยใจใส่ แล้วยังทำตัวใส่ใจกันอีก
“มองไร” ผมถามเมื่อเงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วเจอสายตาของไอ้ดลจ้องมองอยู่
“เปล่า” มันหันไปตักข้าวใส่ปากแล้วปฏิเสธ ใครจะเชื่อว่ะ
“มีอะไรก็พูดมา”
“แค่สงสัยอะไรนิดหน่อย”
“งั้นก็ถามมา”
“มึง....”
“เพลง มึงจะยอมไม่ได้นะ มึงดูนี่สิ” ไอ้ดลยังไม่ทันได้ถามอะไรแก้วก็พูดขึ้นขัดแล้วส่งโทรศัพท์ในมือมาให้ผมดู
ผมมองภาพคู่ไอ้คีย์กับพี่ขิมที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งพร้อมแคปชั่นธรรมดาๆ ที่ความรู้สึกผมมันไม่ธรรมดาเหมือนที่เคย

ขิม’ขิม
ขอบคุณที่เลี้ยงข้าว <3

“เกี่ยวอะไรกับกู” ผมส่งโทรศัพท์คืนให้แก้ว ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับผมเลย ก็แค่ไอ้คีย์ไปกินข้าวกับแฟนเก่า แล้วโทรบอกผมว่ามันยังไม่ได้กินข้าว รอกินข้าวพร้อมผมที่ห้อง
ชิ~ มึงก็แค่อยากแกล้งกูสินะ ไอ้ตอแหล
“ไม่เกี่ยวได้ไง คู่จิ้นมึงกำลังจะไปมีคู่จิ้นใหม่นะ”
“แล้วไง”
“แล้วไง? ก็คนเริ่มแห่ไปจิ้นผัวมึงกับอีพี่ขิมแล้ว นี่พอละครเวทีเริ่มเล่นนะ กระแสคงมาอีก”
“ก็ดีแล้วนิ ถือว่าโปรโมทงานคณะ” ไอ้ดลพูดขึ้นบ้าง
“ไม่ดี กูไม่ชอบ เพลง มึงต้องทำอะไรสักอย่างนะ”
“จะให้ทำอะไร”
“เอาโทรศัพท์มึงมานี่”
“.......”
“บอกให้เอามาก็เอามา ปลดล็อกด้วย” ผมยื่นโทรศัพท์ให้แก้วอย่างงงๆ
ไอ้คีย์จะไปมีคู่จิ้นใหม่เหรอ ส่วนผม.... ช่างแม่งเหอะ จะคู่จิ้นเหี้ยไรก็เรื่องของมันสิ ไม่เห็นเกี่ยวกับผมสักหน่อย
แต่คิดแล้วก็เจ็บใจ เล่นมาบอกว่ารอกินข้าวที่ห้อง ชิ แต่มีคนแท็กรูปไปกินข้าวกับมึงเนี่ยนะ ความรู้สึกกระวนกระวาย ปวดหนึบๆ หน่วงๆ ในใจตอนนี้ มันต้องเป็นเพราะเจ็บใจที่ถูกมันหลอกแน่ๆ บัดซบจริงๆ
“กำลังจะกลับ เจอกันที่ห้อง กูกลับก่อนนะ” ไอ้ดลหันมาบอกหลังจากวางสายไปแล้วทันที
“เบศเหรอ”
“อืม”
“เจอกันพรุ่งนี้”
“ไปนะ”
“กูก็จะกลับเหมือนกันแหละ อะเอาโทรศัพท์มึงคืนไป แล้วไม่ต้องเปิดดูอะไรตอนนี้นะ ห้ามเล่นห้ามยุ่งอะไรทั้งนั้น กลับถึงห้องค่อยเช็คโทรศัพท์ ไปนะ” แก้วลุกขึ้นยื่นโทรศัพท์คืนให้ผมแล้วย้ำประโยคสุดท้าย ก่อนเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผมนั่งง่าว มองจานข้าวที่เหลือแต่เศษที่กินไม่หมด แล้วผมจะนั่งมองมันทำไม กลับห้องตัวเองสิรออะไร ตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย รีบกลับจะได้รีบดูโทรศัพท์ตัวเอง
ผมเดินไปจ่ายเงินแล้วกลับห้อง จริงๆ ก็ไม่ได้อยากกลับเท่าไหร่ รู้สึกเซ็งๆ บอกไม่ถูก แต่จะให้ไปไหนก็ไม่มีที่ไป เพื่อนๆ ก็พากันเทไปหมด ถ้าเป็นปกติตอนนี้คงนั่งโง่เล่นโทรศัพท์ข้างไอ้คีย์ ไม่ก็กำลังนั่งแขวะกันที่ร้านอาหารสักแห่ง โว้ยยยยย จู่ๆ ก็นึกถึงไอ้ห่านั่นขึ้นมา ยิ่งนึกถึงหน้ามันยิ่งหงุดหงิด
กลับมาถึงห้องเปิดประตูเข้าไปอาบน้ำไม่ได้สนใจหรือมองรอบกายอะไร ผมถึงได้เข้าห้องน้ำไปจ้ะเอ๋ไอ้คีย์เข้า
“เหี้ยยยยย” เต็มสองลูกกะตา ไอ้คีย์ที่แก้ผ้าล่อนจ้อนไม่ต่างกับผมที่ดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอวตัวเอง ผมรีบดึงผ้ากลับมาปกปิดส่วนน่ารักกลางลำตัวทันที
.
.
.
[มีต่ออีกนิด]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2020 20:35:41 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -11-
«ตอบ #23 เมื่อ27-11-2020 20:34:35 »

[ต่อจร้าาา]
.
.
.

“เหี้ยที่ไหน นี่อนาคอนด้า” ไม่ว่าเปล่าไอ้คีย์ยังเด้งเป้าเข้าใส่ผมอีกที
“เหี้ยเอ๊ยยยย เสียสายตากูจริงๆ”
“หึ~ ทำมาพูดว่าเสียสายตา อยากอาบน้ำกะกูก็บอก”
“ใครอยากจะอาบน้ำกับมึง”
“มึงไง”
“ฝัน!”
“อ้าวนี่กูฝันอยู่เหรอ ไหนขอลองดูหน่อยว่าในฝันกูนิมิตน้องชายมึงใหญ่หรือเล็กแค่ไหน”
“ไม่เอาไอ้สัส” ผมรีบปัดป้องมือไอ้คีย์ที่กำลังจะฉวยเอาผ้าเช็ดตัวผมออกไป
“ฮ่าๆ ทำเป็นอาย เล็กอะดิ๊”
“เล็กไม่เล็กก็ใหญ่กว่าของมึงก็แล้วกัน”
“จริงดิ ไม่เชื่อไหนเอามาเทียบกันดิ๊”
“ไม่เอาไอ้สัส รีบๆ อาบน้ำไปเลยมึง กูจะรอข้างนอก” ผมตั้งท่าจะออกจากห้องน้ำ
ปัง!
“กูไม่ให้มึงไป” ไอ้คีย์ใช้แขนทั้งสองข้างดันประตูห้องน้ำโดยมีผมอยู่ตรงกลางระหว่างแขนของมันเอาไว้ หืออออ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย ไปแวะดื่มที่ไหนมาเนี่ย
“มึง... จะทำอะไร”
“ไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว อาบน้ำด้วยกันดิ”
“ไม่เอา”
“เอา”
“ไม่”
“เอา”
“ไม่เอา”
“เอาดิ”
“ค.... คีย์.. ม... มึงมีอารมณ์”
“ใช่...” ยอมรับมาได้หน้าด้านๆ แต่จะไม่ให้มันยอมรับได้ไงล่ะ ก็หลักฐานมันทนโท่ชี้โด่เด่ทิ่มท้องน้อยๆ ของผมอยู่เนี่ย
“ง... งั้นก็ปล่อยกูดิ ม... มึงจะได้จัดการตัวเอง”
“แล้วทำไมกูต้องจัดการตัวเอง ในเมื่อคนที่ทำให้กูเกิดอารมณ์....” ไอ้คีย์หรี่ตามองแล้วค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ จะแกล้งกูให้ได้เลยใช่ไหม
“ไอ้คีย์ กูไม่เล่น” ผมทำเสียงพูดห้วนๆ ดุๆ ออกไป คราวนี้มันยอมปล่อยแขนออก ผมเลยรีบหมุดตัวออกมาจากห้องน้ำ
เกือบไปแล้วไหมล่ะ เกือบถูกไอ้คีย์จับได้ว่าน้องของผมก็ชี้โด่เด่ไม่แพ้มัน
หึย~ คิดแล้วก็หงุดหงิดตัวเอง เกิดมีอารมณ์อย่างว่ากับไอ้คีย์ซะได้ ยิ่งนึกถึงยิ่งเห็นภาพซิกแพ๊คมัน ยิ่งพยายามลืมยิ่งเห็นต้นขาแน่นๆ ยิ่งสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ยิ่งเห็นน้องชายไอ้คีย์ที่มันชี้หน้า สัมผัสตรงหน้าท้องที่น้องชายมันเบียดเมื่อกี้ยิ่งทำให้ผมฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่ โอ้ยยยยย ไอ้เพลง ไอ้โรคจิต มึงคิดอะไรแบบนั้นกับไอ้คีย์ไม่ได้นะ ไม่น่าเลยกู ไม่น่าเข้าไปไม่ดูสี่ดูแปด เมื่อกี้มันต้องกำลังช่วยตัวเองอยู่แน่ๆ ถึงได้แข็งขืนแล้วพยายามแกล้งผมเพราะเข้าไปขัดจังหวะ ซวยชิบ
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแก้ฟุ้งซ่านๆ เผื่อจะได้ลืมๆ มันไป ผมกดเข้าไปที่เฟสบุ๊คที่มีแจ้งเตือนมากมายเป็นสิบๆ หลังจากเชื่อมไวฟายคอนโดแล้ว
จะว่าไปเมื่อตอนเย็นยังไม่ได้เห็นที่แก้วมันเอาโทรศัพท์ผมไปเลยนิ
โพสต์ล่าสุดที่มีแจ้งเตือนของผมมันไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากรูปอิโมจิรูปหัวใจแตกจิ๋วๆ รูปเดียว ผมเลื่อนลงไปอ่านคอมเม้น

เมเจอร์
โสดครับ
นิกไนท์
กูก็พึ่งเลิกกับแฟนพอดี
ส้มซ่าส์
แดกเหล้ากัน
เป้ชอบดื่มนม
เป็นไรอะ
เกศแก้ว
แค่แฟนเก่า อย่าคิดมากเลยมึง

โอ้โห้ ประเด็นที่ถูกพูดถึงไม่ต้องสืบจากไหน สืบจากยอดไลค์แล้วก็จากแก้วล้วนๆ หนึ่งไอ้พี่เจอร์เม้นโสดแล้วแก้วเอาเฟสบุ๊คผมไปกดหัวใจให้ แฟนคลับก็เริ่มตั้งประเด็น
สอง แก้วบอกอย่าคิดมาก เขาก็แค่แฟนเก่ากัน ประเด็นเริ่มแตก ยิ่งช่วงนี้มีคนเริ่มจิ้นไอ้คีย์กับพี่ขิม แถมมีคนบอกว่าเขาเคยคบกัน ยิ่งไม่ต้องสงสัยว่าสาววายสายมโนจะจินตนาการไปถึงไหนๆ แล้ว
แม้ในคอมเม้นจะไม่มีใครเอ่ยถึงบุคคลที่สามอย่างพี่ขิม แต่ชื่อไอ้คีย์กับพี่เจอร์กลับมีเพียบ
บ้างบอกรอผมกับพี่เจอร์เปิดตัว บ้างบอกไม่อยากให้ผมคู่ใครนอกจากไอ้คีย์ บ้างบอกผมอย่าน้อยใจยังไงไอ้คีย์ก็มีแค่ผมคนเดียวอยู่แล้ว เอากันเข้าไป มโนกันไปใหญ่ แล้วผมควรแก้ตัวหรือยุติมันยังไงดี

เกศแก้ว
ไม่ต้องทำอะไรนะเพลง
ปล่อยเอาไว้แบบนั้นแหละ
บทเพลง
จะดีเหรอว่ะ
แล้วทำแบบนี้เพื่อไรอะ
เกศแก้ว
คีย์จะได้หึงมึงไง
แล้วเขาจะได้กลับมาสร้างโมเม้นกับมึงอีกเยอะๆ
บทเพลง
หึงเหี้ยไร
แค่เพื่อน
แค่คู่จิ้น
เกศแก้ว
ไม่รู้แหละกูคิดได้แค่นี้
ไปอาบน้ำก่อนนะ
ห้ามลบอะไรใดๆ ออกไปเด็ดขาด
มึงลบโพสต์กูลบชื่อมึงออกจากรายงานพรุ่งนี้แน่

จร้าาาาา แล้วกูจะทำไรได้นอกจากจำยอมปล่อยให้เป็นประเด็ดค้างคากันอยู่แบบนั้นน่ะ
ระหว่างรอไอ้คีย์สายตาผมก็บังเอิญไปเจอเข้ากับบทละครเวทีของคณะผม บังเอิญจริงๆ นะ สาบานได้ ไม่ได้ค้นหาหรืออะไรเลยจริงจริ๊งงงง
นี่ขนาดละครเวทีคณะตัวเองผมยังไม่เคยเห็นเลย แต่ไอ้คีย์มันกลับได้รู้ได้เห็น หมั่นไส้ว่ะ ขอยืมอ่านหน่อยนะ


“ผมยังรักพี่ รักมาตลอดไม่เคยเปลี่ยน ธีรภัทร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง” เอ๋~ ประโยคนี้มันคุ้นๆ แฮะ
“พี่ก็... พี่ก็ไม่เคยลืมรักของเรา เกศศินีตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ” คุ้นจริงๆ คุ้นมากด้วยเหมือนพึ่งไปได้ยินที่ไหนมา แต่มันนึกไม่ออกจริงๆ
“ทำไรอ่ะ”
“เปล่า” มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง ผมตอบไอ้คีย์แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
บทละครเมื่อกี้นี้โคตรคุ้นเลย แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เออจริงสิ นี่ไม่ใช่เวลามานึก เดี๋ยวออกจากห้องไปต้องหาเรื่องไอ้คีย์สักหน่อย โทษฐานแอบไปเล่นละครเวทีคณะผมแล้วไม่ยอมบอก นี่กินนอนด้วยกันทุกวันแท้ๆ ไม่ยอมบอกกู ปล่อยให้กูต้องมารู้จากปากคนอื่นเนี่ย

“ไอ้คีย์ มึงแสดงละครเวทีคณะกูเหรอ”
“อืม” มันตอบสั้นๆ โดยไม่หันมามองหน้าผม มันเอาแต่จ้องโทรศัพท์ในมือ ปล่อยให้ผมยืนใช้สายตาหาเรื่องให้มันรู้สึกผิดที่ไม่ยอมบอกเพื่อนอย่างผมให้เสียเปล่า ผมล้มตัวคว่ำข้างๆ มันแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง
“มึงไม่คิดจะบอกกูสักหน่อยเหรอว่าเล่นละครคณะกูอ่ะ อ๋อ ใช่สินะ กูมันคงไม่ใช่คนสำคัญอะไรสำหรับมึงแล้วนิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วทำไมไม่บอกกู”
“กูมีเหตุผลของกู”
“เหตุผลอะไร เป็นความลับสุด แล้วสำคัญมากเลยจนไม่สามารถบอกคนสำคัญแบบกูได้เลยเหรอ”
“เอาไว้ถ้ากูพร้อมเมื่อไหร่กูจะบอกมึงคนแรก” มันสำคัญขนาดต้องปกปิดกูเลยเหรอว่ะ ยิ่งมาบอกแบบนี้กูยิ่งอยากรู้นะ
“แค่บอกว่าจะเล่นละครเวทีมันยากเย็นมากเหรอไง”
“ไม่ยากหรอก แต่มันยากตรงเหตุผลที่กูเลือกที่จะเล่นมากกว่า”
“เหตุผลอะไร”
“บอกไปแล้วว่ารอให้กูพร้อม”
“โว๊ะ เหตุเหี้ยไรนักหนา บอกๆ มามันจะตายหรือไง”
“ไม่ถึงกับตายแต่กูกลัวเสียมึ.... ช่างเหอะ”
“ไอ้เหี้ยคีย์”
“ด่ากูทำไม”
“ก็มึงมาทำให้กูอยากรู้แล้วปล่อยทิ้งไว้ดื้อๆ กูไม่อยากรู้แล้วก็ได้ ถ้ามึงลำบากใจมากขนาดนั้นน่ะนะ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์” ไม่ได้จะหลับ แต่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะง้อแง้แล้วอ่ะ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ผมดึงผ้าห่มมาคลุมหัวเอาไว้ ไม่อยากเห็นไอ้คีย์แม้แต่หางตา เรื่องขี้ปะติ๋ว ทำเป็นเรื่องใหญ่เหมือนว่าจะโลกแตก แผ่นดินจะยุบ
“เมื่อถึงเวลามึงจะรู้เอง”
“ไม่อยากรู้แล้วเว้ย”
“แต่กูอยากให้มึงรู้”
“อะไรของมึง พอถามก็ไม่บอก พอไม่อยากรู้ก็บอกกูต้องรู้ ตกลงจะเอาไงกันแน่” ผมโผล่หัวออกมาจากผ้าห่มอีกครั้ง เป็นเหี้ยไรของมันว่ะ
“ก็ไม่เอาไง แต่อยากเอามึง”
“สัส ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง”
“ไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง แต่อารมณ์เมื่อกี้มันค้าง สงสัยจะเอาออกไม่หมด”
“สัสคีย์ เลิกแกล้งกูได้แล้ว กูไม่กลัวมึงหรอก”
“ไม่กลัวจริงดิ”
“เย้ยยยย” พูดจบไอ้คีย์ก็พลิกร่างผมให้นอนหงายแล้วพาร่างมันทาบทับตัวผมโดยไม่ได้ตั้งตัว ไอ้คีย์ใช้สองมือของมันจับข้อมือผมกดกับเตียงไว้ เป็นบ้าไรขึ้นมาอีกเนี่ย วันนี้มึงแกล้งกูหนักๆ มารอบหนึ่งแล้วนะ
“ไอ้คีย์ไม่เล่น”
“.....”
“ไอ้คีย์หนัก ลงไป”
“ตอบคำถามกูก่อน”
“อะไรอีกล่ะ”
“มึง... กับไอ้เมเจอร์สนิทกันเหรอ”
“แล้วมึงอ่ะ สนิทกับพี่มันเหรอถึงได้เรียกพี่เจอร์ว่าไอ้”
“กูไม่ชอบขี้หน้ามัน”
“แล้วไง”
“ตอบคำถามกูก่อนสิ”
“ก... ก็สนิทมั้ง” ก็ไม่รู้เหมือนกันอะ ว่าเรียกสนิทกันได้หรือยัง
“เลิกคบมันซะ”
“มึงเป็นน้องคีตะปอสองเหรอ ที่ไม่ชอบใครแล้วมาห้ามไม่ให้เพื่อนเล่นด้วยน่ะ”
“กูยอมเป็นน้องคีตะของมึงแลกกับให้มึงเลิกยุ่งกับมัน” น้องคีตะของกูเลยเหรอว่ะ ขนลุก
“จะบ้าหรือไงเล่า นั่นลุงรหัสกูนะ”
“......” ไอ้คีย์จ้องหน้าผมนิ่ง
“ม... มึงจะปล่อยกูได้ยังอะ”
“มึงชอบมันเหรอ”
“ชอบ...? ชอบแบบไหนอ่ะ”
“.....” มันไม่ยอมตอบเอาแต่ขมวดคิ้วแน่น
“ก็กูไม่ได้เกลียดเขา พี่เจอร์มันบ้าบอแต่ก็ไม่ได้ไม่ดี” ผมพยายามพูดออกไปให้มันเข้าใจ ผมไม่อยากให้คนรอบข้างไม่ชอบขี้หน้ากันนักหรอก ดูๆ ก็รู้ว่ามันสองคนมีเรื่องค้างคาใจกันอยู่
“มึงชอบมัน”
“แล้วมึงจะให้กูเกลียดพี่มันหรือไง”
“กูหล่อมั้ย” ห้ะ! จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง มึงเป็นไบโพล่าเหรอสัส
“ก็หล่อน้อยกว่ากูนิดหนึ่ง”
“แล้วกูกับไอ้เมเจอร์ใครหล่อกว่ากัน” หืมมมม ที่ถามว่าหล่อนี่จะลากเข้าไอ้พี่เจอร์มัน....?
“ก็เท่ากันมั้ง ถามเหี้ยไรเนี่ย”
“มึงชอบคนหล่อ”
“ใครบ้างจะไม่ชอบ” นอกจากพวกขี้เก๊ก ผมก็ชอบหมดแหละ
“ทำไมถึงยอมให้มันหอมแก้ม”
“ควายยยย ตาบอดเหรอว่ามันขโมยหอมแก้มกูอะ”
“แล้วทำไมมึงไม่ต่อยมัน”
“กูไม่ใช่นักเลงนะ แล้วอีกอย่างกูก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากด้วย”
“แสดงว่ามึงชอบ”
“ชอบเหี้ยไรมึงอีก” ไรของแม่งว่ะ ยังไม่สร่างเมาเหรอ พูดวกไปวนมา ชอบไม่ชอบ หล่อไม่หล่ออยู่นั่น อาการหนักนะมึงอะ
“กูกับไอ้เมเจอร์ใครสำคัญกับมึงมากกว่ากัน”
“ไม่มีใครสำคัญทั้งนั้นแหละ” ไม่ใช่ว่าไอ้คีย์ไม่สำคัญอะไร แต่ตอนนี้รำคาญขอกูแกล้งมึงสักหน่อยแล้วกัน
“ไหนมึงบอกว่าเราเป็นคนสำคัญของกันและกันไง ใช่สิ กูมันไม่ได้บ้าบอเหมือนไอ้เมเจอร์ ไม่ได้หล่อจัดเหมือนไอ้กันต์ ไม่ได้รวยเหมือนไอ้ดล กูมันเป็นของกูแบบนี้แหละ ไม่เคยสำคัญ” มันปล่อยมือจากผมแล้วลุกไปนั่งหันหลังให้ มันต้องไปเจอเรื่องสะเทือนใจมาแน่ๆ ถึงได้นอยด์แล้วดึงดราม่าขนาดนี้
“แล้วกูยังสำคัญกับมึงปะ”
“ไม่มีวันไหนไม่สำคัญ”
“แล้วทำไมไม่บอกเรื่องละครเวที” หึ! สำคัญเหรอ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มึงยังไม่บอกเลย
“อยากให้ฮู้ว่าที่เฮ็ดแบบนี้อ้ายมีเหตุผล~” สัส มาเป็นเนื้อเพลงเลยนะมึง มึงดราม่าจริงปะนิ
“เหตุผลอีกแล้ว”
“กูไม่มีความสำคัญกับมึงจริงๆ เหรอ” มันว่าเสียงอ่อยๆ จนผมอ่อนใจที่ได้ยินเสียงนอยด์ๆ ของมัน
“ตราบใดที่กูยังเป็นคนสำคัญสำหรับมึง มึงก็จะเป็นคนสำคัญของกูอยู่แบบนั้น” นี่ไม่ได้พูดเอาใจคนเมาอะไรหรอก ผมพูดจริงจากใจ ช่วงที่ผมเจอถล่ม ก็มีมันที่อยู่เคียงข้าง ยังไงตอนนี้มันก็สำคัญที่สุดสำหรับผมอยู่แล้ว ส่วนผมจะสำคัญสำหรับมันไหม ตอนนี้ผมไม่กล้าหวังหรอก
“งั้นมึงก็เลิกยุ่งกับไอ้เมเจอร์” มันหันหน้ากลับว่าเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว
“ไอ้คีย์ไอ้เด็กปัญญาอ่อน” ยังไม่ยอมจบอีก
“กูกับไอ้เมเจอร์ใครสำคัญกว่ากัน” แน่ะ วนกลับมาเรื่องเดิมอีกแล้ว
“.....” ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วเอนตัวลงนอน ขี้เกียจคุยกับมึง คุยไปเรื่อยๆ คืนนี้ไม่ได้นอนกันพอดี วกไปวนมาไม่จบไม่สิ้นสักที
“ไอ้เมเจอร์คงสำคัญมากสินะ มึงถึงได้ทำแผลให้มัน ยอมให้มันหอมแก้ม ยอมให้มันแตะเนื้อต้องตัว แล้วยังกดหัวใจให้มันอีก ที่ผ่านมามึงไม่เคยทำให้กูสักอย่างทั้งที่บอกว่ากูเป็นคนสำคัญ แต่คงไม่สำคัญเท่าไอ้เจอร์สินะ” เอ๊ะ ไอ้ห่านี่มึง ไม่ยอมจบใช่ไหม ขอกูลุกขึ้นมาใส่มึงสักชุดเหอะ
“ไอ้ควายนี่ มึงจะเอาไงห้ะ ตอนกูถามว่าปากไปโดนอะไรมา มึงก็ไม่ตอบดีๆ มันน่าให้กูทำแผลให้ไหม แล้วที่มันหอมแก้มกูก็อธิบายไปแล้วว่ามันฉวยโอกาสกูไม่ทันตั้งตัว แล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไร ส่วนแตะต้องตัว มึงเคยทำยิ่งกว่ามันอีกม่ะ ทั้งกอดกู ทั้งกัดทั้งดูดแก้มกู แล้วเรื่องกดหัวใจ กูไม่ได้กดให้มัน กูกดเพราะว่าชอบรูปนั้นมันสวยดี ก็แค่นั้น มึงจะนอยด์จะน้อยใจเหี้ยไร นอนอยู่กับมึงทุกคืนจนเพื่อนกูบอกมึงเป็นผัวกูหมดแล้ว รำคาญชิบ คุยกับขี้เมาประสาทแดก รอบนี้กูจะนอนจริงๆ ไม่ต้องพูดไม่ต้องกวนกูอีกนะ ไอ้ควายคีตะ ควายๆๆๆ” พูดจบผมก็ล้มตัวนอนลง หันหลังตะแคงข้าง ไม่มีอารมณ์จะหยิบจับอะไรมากดมาเล่นทั้งนั้น โมโห นอยด์อะไรไม่รู้อยู่นั่น ที่มึงล่ะ กูยังไม่กล้านอยด์ ไม่กล้าหาเรื่อง มึงบอกว่ากูสำคัญมึงยังไปกินข้าวกับพี่ขิม เล่นละครเวทีก็ไม่ยอมบอก บอกว่ารอกินข้าวทั้งที่กินแล้ว มึงมันไอ้ตอแหล ไอ้เหี้ย ไอ้ปลิ้นปล้อน
“กูขอโทษ” มันมุดผ้าห่มแล้วสวมกอดผมด้านหลังประหนึ่งเป็นเมียมันในฟิคที่ผมเคยอ่าน
ฟอดดดด
สัส มาดมท้ายทอยกูอีก เมาหนักแล้วนะมึงน่ะ
“ไอ้คีย์”
“......” เงียบ มันเงียบไปแล้วพร้อมกับเสียงหายใจในจังหวะคงที่ ต่างกับผมที่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ อะไรอีกว่ะเนี่ย ไม่ใช่ใช่ไหมกูไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าเพื่อนใช่ไหม ขอล่ะคีย์ อย่าทำให้กูสับสนไปมากกว่านี้เลย
แต่เดี๋ยวก่อน เหมือนผมจะลืมอะไรไป เห้ย! ผมยังไม่ได้อาบน้ำนิหว่า ผมไปอาบน้ำก่อนนะทุกคน เจอกันตอนหน้า



...........


มีคนแกล้งเมาหรือเปล่า คีตะแกล้งเมาหรือเปล่า  :katai3:
อิพี่เมเจอร์ เบาได้เบานะพี่



ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -12-
«ตอบ #24 เมื่อ29-11-2020 12:10:07 »

- 12 -


เพราะคำว่าคนสำคัญมันกว้างเกินไปสำหรับผม พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ แฟน ทุกคนล้วนจัดอยู่ในสถานะคนสำคัญทั้งนั้น ต่างกับผมและไอ้คีย์ เราคือคนสำคัญของกันและกัน แต่มันเป็นในรูปแบบไหนกันล่ะ แล้วผมมีสิทธิ์ทำอะไรได้บ้าง คนสำคัญของเรามันกว้างเกินมองหาลิมิตไม่เจอ เลยทำให้ผมต้องมานั่งสับสน นอนปวดกระบาลอยู่ทุกวัน
บางครั้งผมก็หวงไอ้คีย์ บางทีก็ไม่อยากให้มันมีใคร เป็นไปได้ไหมที่เราจะหึงเพื่อนตัวเอง แล้วผมมีสิทธิ์มากพอไหมที่จะแสดงออกมาให้มันรับรู้ เส้นกั้นของคำว่าคนสำคัญของเราอยู่ตรงไหนกัน แล้วผมกับมันสามารถเดินข้ามผ่านเส้นนั้นได้ไหม

“ไอ้พี่เจอร์มึงทำอะไร” ขณะนี้ผมไอ้เพลง กำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมเล็กกับพวกเพื่อนๆ พี่ๆ โดยมีชุดสโนว์ไวท์เมื่อวันก่อนสวมทับชุดนักศึกษาอยู่ ผมถามไอ้พี่เจอร์ออกไปว่ามันกำลังทำอะไรเพราะเชี่ยแม่งเดินเข้ามาหาแล้วเปิดกระโปรงสโนว์ไวท์ของผมชูขึ้นฟ้าแล้วจ้องมันอยู่แบบนั้น
“กูจะทำบทสโนว์ไวท์ให้มันแตกต่าง มึงจะต้องเป็นสโนว์ไวท์ห้าวๆ” เออ เข้าทาง จะให้กูหวานหยดย้อยพูดกับนกกับไม้คงไม่ใช่ แต่ให้พูดกับเหี้ยน่าจะพอได้
“แล้วคนแคระทั้งสิบ.... ต้องชอบเล่นพิเรนทร์ ชอบแกล้งมึง โดยที่มึงจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกแกล้งฝ่ายเดียว”
“แล้ว....”
“ยังคิดไม่ออกว่ะ เอาเป็นว่ามันต้องมีฉากมุดใต้กระโปรง มันคงฮาดี”
“กูขอเสริม” พี่เกี๊ยวปู่รหัสผมพูดขึ้น
“ว่าไงพี่”
“พอมีฉากมุดกระโปรงกูเลยอยากให้สโนว์ไวท์เป็นผู้ชาย ถูกจับโป๊ะได้ น่าจะฮาดี” พอพี่แกพูดจบ ทุกคนต่างก็เห็นด้วย ผมเองก็เช่นกัน จะได้ไม่ต้องเล่นแอ๊บๆ เล่นบทรั่วๆ นี่แหละ จะได้ไม่ต้องเป๊ะมากมายอะไร
“โอเคกันแล้วใช่ป่ะ งั้นแบ่งงานกัน”
ก็ตามนั้นนั่นแหละครับหลังจากทุกคนโอเคกันแล้วเราก็เริ่มแบ่งงานกัน ทีมพีอาร์เราตอนนี้มีคนเข้ามาเพิ่มเป็นยี่สิบกว่าคน มีพวกเพื่อนๆ รุ่นผมและรุ่นพี่คละๆ กันเข้ามาใหม่ เอาตามจริงคณะเราคนเยอะนะครับ คนนี่เหลือบานเลยแหละ และก็เป็นพี่ปู่เกี๊ยวคนเดิมที่เป็นคนแบ่งงาน เราแบ่งกันออกเป็นทีมย่อยๆ แบ่งกันรับผิดชอบกันไป ส่วนผมก็ถูกพี่เจอร์ดึงมาช่วยคิดบทโปรโมท ผมเลยดึงไอ้ดลมาด้วยอีกคน ส่วนไอ้เป้ มันไม่ยอมมา เพราะมัวแต่ไปหลีสาวทีมอื่น ส่วนนักแสดงก็มีผมคนหนึ่งละที่เป็นสโนว์เพลง ส่วนอีกสิบคน พี่เจอร์บอกว่าเดี๋ยวก็จับพวกเพื่อนๆ แกนี่แหละ ถ้าไม่มีอาจจะยืมตัวละครจริงๆ ที่เล่นเวทีใหญ่มาช่วยโปรโมท
“เพลงกูขอมุดใต้กระโปรงมึงหน่อย”
“ไอ้สัสพี่เจอร์เรื่องแบบนี้มันขอมุดกันได้ง่ายๆ ด้วยเหรอว่ะ”
“นี่มันละครเวทีโลกที่สาม กูจะทำอะไรกับบทก็ได้”
“เดี๋ยวก็ได้ออกมาเละเทะหรอก”
“พี่เจอร์ บทเราจะไม่มีปัญหาเหรอครับ ผมว่าบทมันค่อนข้างสุ่มเสี่ยงจะโดนอาจารย์แบนอยู่นะ” ไอ้ดลเสริมความคิดบ้าง จริงอย่างที่มันว่าเหมือนกัน เผลอๆ อาจารย์ไดโนเสาร์จะด่าว่าทำอนาจารกลางที่สาธารณะเอาได้
“ไม่หรอกน่า เดี๋ยวกูทำโชว์ว่ามันน่าอนาจารมั้ย” พูดจบพี่มันก็หันหน้ามามองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร มึงจะทำอะไรพิเรนทร์ๆ อีกแล้วใช่ไหม สายตามันบอกกับผมว่าใช่ วิ่งสิวะ รออะไร

วิ่งแบบพี่ตูน วิ่งแบบพี่ตูน
วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง

ผมกับมันวิ่งไล่กันรอบห้องจนเพื่อนๆ พี่ๆ คนอื่นๆ หันมาให้ความสนใจกันหมด ผมไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร แต่คนอย่างมันอะ ขอให้กูได้วิ่งหนีก่อนเถอะ
“ไอ้เหี้ยพี่เจอร์มึงจะทำอะไร”
“สโนว์เพลงจ๋า มาเป็นเมียพี่เถอะนะ”
“ไม่เอาไอ้สัส ออกไปอย่ามาตามกูนะ”
“งั้นให้พี่ได้ดูใต้กระโปรงเป็นหลักฐานว่าน้องมีจู๋จริง ไม่ได้ตอแหล”
“ไอ้สัส ออกไป”
แต่ก็นะ ในชีวิตนี้กูเคยใส่กระโปรงวิ่งที่ไหนล่ะ สุดท้ายผมถึงได้ล้มเพราะสะดุดชายกระโปรงที่ใส่อยู่
ไอ้พี่เจอร์มันมองมาด้วยสายตาหื่นกามก่อนจะเปิดกระโปรงผมแล้วหมุดหัวเข้ามา มึงจะเล่นแบบด้นสดใช่ไหม ได้สิ ผมคว้าเอากระเป๋าใครก็ไม่รู้แถวนั้นมาฟาดๆ ที่หัวมันไม่ยั้ง ไอ้ห่าเล่นเหี้ยไรไม่รู้กูอายเพื่อนเหมือนกันนะ
“โอ๊ยๆๆ ไอ้เหี้ยพอแล้ว” ผมยอมหยุดแล้วปล่อยให้มันโผล่หัวออกมาจากใต้กระโปรง
“เนี่ยมึงเห็นปะว่ามันคงฮาน่าดู ให้กูมุดส่วนมึงตบ ใช่ไหมพวกเรา” มันว่าแล้วหันไปถามคนอื่นๆ
“เตี้ยมกันก่อนดิ ผมตกใจหมดนึกว่าจะเล่นพิเรนทร์เหมือนวันก่อน”
“ว่าไงพี่เกี๊ยว แบบนี้ผ่านม่ะ”
“ไม่ผ่าน!” เสียงนี่ไม่ใช่พี่เกี้ยวแต่เป็นเสียงที่ดังมาจากหน้าประตูที่ชวนให้ทุกคนหันไปมองต้นเสียง
“ไอ้คีย์” ไอ้คีย์ทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดมองมาที่ผมจนต้องรีบลุกขึ้นเดินไปหามัน
“มาหากูเหรอ มีไรป่าว”
“มีเรื่องคุยด้วย” ผมเดินตามมันที่เดินออกมาจากห้องได้สองก้าว
“หยุดทำไม” มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดขึ้น
“ไปถอดชุดก่อนไป ทุเรศ” เหยียด สายตามันเหยียดสัสๆ มันทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ
ผมถอดชุดออกเขวี้ยงเข้าห้องแล้วเดินตามมันไป
“มีไร”
“.......” มันไม่ตอบเอาแต่มองไปข้างหน้า
“คีย์มึงมีเรื่องไร”
“เปล่า แค่แวะมาหาเฉยๆ”
“ถ้าจะแวะมาเฉยๆ คราวหน้าช่วยเอาขนงขนมติดไม้ติดมาด้วยจะดีมากๆ”
“ตะกละ”
“เปล่าสักหน่อย”
“หึ~ มีแค่อมยิ้มอะ จะเอาไหม” ยังไม่ทันบอกว่าจะเอา มันก็หยิบขึ้นมาแกะแล้วยื่นมาให้
“อะ” มันยื่นอมยิ้มสีสวยมาตรงหน้า ผมงับทันทีอย่างไม่รอช้า
“อือออ อ่อยอือ” ผมบอกให้มันปล่อยมือ เพราะผมงับอมยิ้มแล้วแต่มันไม่ยอมปล่อยมือ จะแกล้งอะไรกูอีก
“มึงนั่นแหละปล่อยได้แล้ว อ้าปาก” อะไรของมึงว่ะ
“ไอ่อ่อย” ใครจะปล่อยง่ายๆ บ้าเปล่า
“พอแล้ว อมเยอะๆ เดี๋ยวก็ฟันผุหรอก”
“....” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ แค่แท่งเดียวมันไม่ผุหรอกน่า อีกอย่างผมก็ไม่ได้กินมันบ่อยๆ สักหน่อย
“เพลง~ อ้าปาก”
“.....” ผมยังคงส่ายหน้าต่อไป เดี๋ยวมันเบื่อที่จะแกล้งมันก็เลิกเองแหละ
“ไม่อ้าปากกูดึงอมยิ้มฟันร่วงนะ”
“.....” มึงไม่กล้าหรอก
ฟอดดดดด ผมยอมอ้าปากออก เพราะตกใจ จู่ๆ มันก็หอมแก้มผมเฉยเลย
มันยิ้มแล้วเอาอมยิ้มจากปากผมไปอมต่อ ผมอยากจะอี๋ใส่หน้ามัน เพราะน้ำลายผมทั้งนั้นที่มันแดกอยู่ แต่ในใจมันกลับดีใจที่มันไม่รังเกียจกันแบบนี้
“ไม่ต้องทำหน้าเสียดาย หิวก็แดกน้ำลายกูนี่ แดกไหม” มันว่าแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“แดกน้ำลายมึงก็เหี้ยแล้ว มันแทนความหิวได้ที่ไหนกันเล่า”
“ในน้ำลายกูมีน้ำตาลจากลูกอม มีรสชาติหวานนิดๆ น้ำตาลก็เจือจางแล้ว น่าจะพอแทนกันได้” มันว่าแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม จนผมต้องเอนหน้าไปข้างหนีมัน
“แดกน้ำลายมึงก็เท่ากับจูบมึงน่ะสิ บ้าเปล่า”
“ถึงกูจะบ้าแต่ก็บ้ากับมึงแค่คนเดียว” มันยกยิ้มมุมปากแล้วหยักคิ้วให้ข้างหนึ่ง นึกว่าตัวเองเท่มากมั้งสัส เออ! เท่ก็เท่ไอ้สัสเอ้ย!
“พูดเหี้ยไรของมึง แล้วนี่ไม่ไปซ้อมละครเหรอ”
“พัก”
“.....”
“.....” แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ มันไม่พูดอะไร ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร อยู่เงียบๆ ด้วยกันแบบนี้ ปล่อยให้หัวใจมันเต้นไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็รู้สึกดีไปอีกแบบแฮะ
ผมก้มมองมือตัวเองที่ไอ้คีย์ยื่นมากุมเอาไว้ มันไม่ได้มองผม แต่มองไปตรงหน้าที่มีต้นไม้อยู่ ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของมันที่มีก้านอมยิ้มแทงออกมาจากปาก ทำไมใจผมมันถึงได้ฟูแบบนี้ว่ะ จับมือกันแบบนี้ คนสำคัญแบบเรามันทำได้ด้วยสินะ ผมจะได้จดไว้เผื่อเอาไว้ทำในวันที่อยากให้ใจมันฟู
“เพลง”
“ว่า อุ๊ค!” ผมหันไปตามเสียงของมันยังไม่ทันได้พูดอะไรมากมันก็ยัดอมยิ้มเข้าปากผมทันที
“อี๋~ น้ำลาย”
“ทำไม รังเกียจมากเหรอ”
“เอ่อดิ” ไม่หรอก ไม่รังเกียจ ไม่เคยรังเกียจมึงเลย
“ทีกูยังไม่รังเกียจมึงเลย”
“ไม่รังเกียจก็เอาคืนไปเลย” ผมยื่นอมยิ้มที่มันเหลือขนาดนิดเดียวคืนให้มัน
“มึงอมต่อเหอะ น้ำลายกูที่เคลือบอยู่ตอนนี้คงไหลลงคอมึงหมดแล้ว”
“เอ่อว่ะ” ไม่ใช่ไม่อยากอมต่อหรอก แต่ที่ยื่นให้มันเพราะรักษาฟรอมที่ทำท่ารังเกียจมันเมื่อกี้หรอก
“ไม่อยากให้มึงอมเยอะ เดี๋ยวฟันผุ”
“เลยเอาไปอมให้มันเล็กลงแล้วเอามายัดปากกูว่างั้น”
“อืม...”
“.....” กูกินต่อจากมึงก็ได้ ก็ไม่ได้รังเกียจนิ แล้วก็ยังอยากอมอมยิ้มอยู่ด้วย
“เพลง”
“หือ...”
“กูเป็นห่วงมึงนะ แล้วก็....”
“คีย์~” ไอ้คีย์ยังพูดไม่ทันจบ เสียงผู้หญิงที่ผมไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้นซะก่อน
“หวัดดีครับพี่ขิม” ผมทักทายเธอตามมารยาทที่รุ่นน้องพึ่งมีต่อรุ่นพี่
“หวัดดีค่ะน้องเพลง พี่ขอตัวคีย์ไปซ้อมละครเวทีก่อนนะ” เธอส่งยิ้มมาให้แล้วเดินควงแขนไอ้คีย์เดินจากไป
หลายปีก่อนผมอยากให้เธอกับไอ้คีย์เลิกกันเพราะอยากให้ไอ้คีย์กับไอ้มิวคบกัน แต่มาวันนี้ผมกลับยังรู้สึกเหมือนแต่ต่างกันตรงที่ไม่ได้อยากให้เธอเลิกยุ่งกับไอ้คีย์เพราะใคร แต่ผมไม่อยากให้เธอยุ่งกับไอ้คีย์เพราะผม... เพราะผมกลัวคำว่าคนสำคัญมันจะถูกจำกัดสิทธิ์บางอย่างที่ผมไม่สามารถทำได้
ผมเดินกลับมาที่ห้องประชุมเล็กตอนนี้ทุกคนทยอยกันออกจากห้องไปเกือบหมดแล้ว
“ไอ้เพลง คืนนี้เจอกันที่ผับ พวกมึงด้วย” พี่เจอร์พูดจบแล้วเดินทำหน้าเซ็งๆ สวนผมไป
“เป็นไรของแกว่ะ เมื่อกี้ยังร่าเริงอยู่เลย” ผมถามเพื่อนซี้สองหน่อที่เดินเข้ามาหาผมพร้อมกระเป๋าของผมเอง
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่เมื่อกี้แกเดินออกไปคุยอะไรสักอย่างกับพี่ขิม พอเดินกลับเข้ามาก็ทำหน้าเซ็งอย่างที่เห็น” ไอ้ดลเล่าให้ฟัง
“เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำ” ไอ้เป้สมทบ
“แล้วคืนนี้เอาไง ไปปะ” ผมถามมันสองคน
“พี่เขาอุตส่าห์ชวนมึงจะปฏิเสธ”
“ไปก็ไป ไม่ได้แดกเหล้านานแล้ว” ผมตอบไอ้เป้ออกไป
“แล้วมึงอะ”
“เดี๋ยวถามเบศก่อน”
“อะไรๆ ก็ถามแฝดมึง สรุปเป็นฝาแฝดหรือผัวเมียกันจ้าาา” ไอ้เป้แขวะไอ้ดล
“เสือก แล้วตอนนี้จะไปไหนต่ออะ”
“หาไรกินดิว่ะ หิวข้าวแล้วเนี่ย จะไปด้วยกันปะ หรือมึงจะรอแฝดผู้น้อง แล้วมึงจะรอไอ้คีย์ผัวมึง” ไอ้เป้พูดขึ้นแล้วถามผมที ถามไอ้ดลที
“ผัวแม่มึงสิ ไอ้คีย์เลิกดึกมันบอกไม่ต้องรอ” ไอ้คีย์มันบอกแบบนั้นน่ะ
“กูก็ว่าง เบศไปดูหนังกับแฟน”
“อะเค งั้นแดกส้มตำกัน ลุยๆ” พวกผมสามคนพากันมากินส้มตำอย่างที่ไอ้เป้เสนอ ทั้งไก่ย่างทั้งน้ำตก ถูกใจจัดวันนี้ แต่แล้วก่อนจากกันไปก็ดันมีเรื่องไม่น่าอภิรมย์เกิดขึ้น นั่นก็คือฝนตก เวรเอ๊ย กำลังจะกลับพอดีเลย พวกเราสามคนเลยต้องนั่งรอฝนหยุดจนสองทุ่มกว่า กลับถึงหัองไม่ต้องงีบกันแล้วอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ถึงเวลาออกไปแดกเหล้าพอดี

“หวัดดีครับป้ายังไม่เลิกงานเหรอครับ” ผมทักป้าแม่บ้านประจำคอนโด
“หวัดดีจ้ะ ป้ากำลังจะกลับพอดีเลย กลับมานอนที่ห้องด้วยเหรอ”
“ครับ?” ถามอะไรแปลกๆ ไม่กลับมานอนที่ห้องแล้วจะให้ไปนอนที่ใต้สะพานลอยเหรอป้า
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมอดถามออกไปไม่ได้
“ไม่มีหรอกจ้ะ แค่เมื่อกี้เห็นเพื่อนหนูพาผู้หญิงมาที่ห้องเห็นจู๋จี๋ดู๋ดี๋ ป้านึกว่าแฟนเขา เลยคิดว่าหนูจะไปนอนที่อื่นซะอีก”
“เหรอครับ…”
“จ้ะ ป้าไปก่อนนะ”
“ครับ…” ผมกับป้าแม่บ้านจากกันที่หน้าลิฟต์
ไอ้คีย์พาผู้หญิงมาที่ห้องเหรอ ป้าแกคงจำผิดอะ ไอ้คีย์บอกวันนี้เลิกสี่ทุ่มนู่นเลย เห็นว่าอาจารย์จะเข้ามาดู
ผมไม่ได้คิดอะไรมาก เลยเปิดประตูเข้าไปในห้องเหมือนปกติ
“เออ... โทษที” ผมยิ้มแห้งรีบปิดประตูแล้วเดินฉับๆ กลับไปที่ลิฟต์ โดยไม่ทันได้จับใจความจากเสียงไอ้คีย์ที่ตะโกนอัดประตูห้อง
ไอ้คีย์ในสภาพไม่สวมเสื้อผ้ามีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวผืนเดียวกับพี่ขิมที่ใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของไอ้คีย์ตัวเดียว ทำให้ผมไม่สามารถคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลยจริงๆ
ไอ้คีย์กับพี่ขิมเหรอ เขาเป็นแฟนเก่ากันนิเนอะ เขาอาจจะอยากกลับมาคบกันก็ได้
ประโยคที่มันเคยบอกว่าซื้อรถเพราะจะเอารับส่งแฟน ก็แว๊บเข้ามาในหัว แล้วประโยคที่มันบอกว่าแฟนกับคนสำคัญของมันคือคนคนเดียวกัน ก็คงหมายถึงแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้หมายถึงคนสำคัญที่เป็นเพื่อนแบบผม
ทำไมขอบตามันถึงได้ร้อนๆ แบบนี้กันนะ
ผมนั่งที่ล็อบบี้คอนโดเหม่อมองไปนอกคอนโดที่มีสายฝนโปรยปรายลงมา และปล่อยให้โทรศัพท์มันสั่นในกระเป๋าอยู่แบบนั้น เสียงประตูลิฟต์เรียกความสนใจให้ผมหันไปมอง ไอ้คีย์กับพี่ขิมเดินออกมาจากตรงนั้น ผมเลยรีบไปหาที่หลบ ไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าหันไปมอง ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วหันกลับไปก็ไม่เจอทั้งคู่แล้ว คงจะออกไปข้างนอกกันแล้วสินะ
ผมออกมาจากที่ซ่อนแล้วกลับห้อง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า พยายามไม่คิดอะไรในหัว วันนี้กูจะออกไปดื่ม วันนี้กูจะออกไปเมา ผมพยายามคิดแค่นี้
ผมจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกไปดื่มกับเพื่อนๆ พอดีกับไอ้คีย์ที่เปิดประตูห้องเข้ามา
“มึงจะไปไหน”
“ร้านเหล้า” ผมก้มหยิบกระเป๋าสตางค์และมือถือ ผมไม่กล้าสบตามมันเลย
“ไปกับใคร”
“พี่เจอร์” ทั้งๆ ที่ควรจะบอกว่าไปกับเพื่อน แต่ผมดันเอ่ยชื่อคนที่มันไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาซะได้ หึ~ มึงบ้าเหรอเพลง มึงกำลังหวังอะไรอยู่
“เพลง ที่มึงเห็นเมื่อกี้มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ”
“มึงรู้เหรอว่ากูคิดอะไร”
“ก็คิดว่า.....” ผมมองไปทางอื่นรอคำตอบจากมัน ผมอยากรู้เหมือนกันว่ามันจะพูดว่าอะไร แต่มันก็เงียบเสียงไป ปล่อยให้ผมมองโทรศัพท์ในมือที่กำลังสั่นเพราะไอ้เป้โทรมา
“กูไปก่อนนะ พี่เจอร์โทรตามแล้ว”
“กูไปด้วย”
“อย่าเลยดีกว่า มึงกับพี่เจอร์ไม่ชอบขี้หน้ากัน กูไม่อยากให้บรรยากาศมันเสีย” ผมว่าแล้วเปิดประตูเตรียมก้าวเท้าออกจากห้อง
“ดูแลตัวเองด้วยนะ” ผมไม่ได้หันไปตอบมัน ผมเดินออกมาจากห้องมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์
ดูแลตัวเองเหรอ หึ~ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วดิ ใครจะมาดูแลกูได้ล่ะ นอกจากตัวของกูเองอะ
“มึงก็มาด้วยเหรอ” ผมถามแก้วเมื่อเข้ามานั่งในรถไอ้เป้ ที่มีไอ้ดลนั่งข้างหน้าคู่มัน
“ใครจะพลาดล่ะ” มันว่าพร้อมกับรถไอ้เป้ที่เคลื่อนตัวออกจากคอนโด
“นี่กูมีเรื่องจะเมาท์” แก้วว่า
“เรื่องอะไร”
“นี่วันนี้จริงๆ แล้วพวกทำเกี่ยวกับฝ่ายการแสดงจะมีคิวเลิกประมาณสี่ทุ่มใช่ป่ะ แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจร้าาา พวกกูที่กำลังซ้อมกันอยู่ดีๆ พวกอาจารย์ที่จะเข้ามาดูก็สั่งหยุดแล้วบอกให้เลิกซ้อม ก่อนที่จะเรียกพี่นิคเข้าพบ”
“นิคไหนวะ” ไอ้เป้ถามขึ้น
“พี่นิครุ่นพี่ที่จบไปแล้ว แกมาช่วยงานน่ะ มึงจำได้ไหมเพลง คนสูงๆ ที่มีปากเสียงกับพี่เจอร์วันก่อนอะ”
“คนนั้นเหรอ จำได้ๆ” ผมตอบออกไป
“แล้วไงอ่ะ แค่นี้ แค่ยกเลิกซ้อม” ยกเลิกซ้อมงั้นเหรอ ไอ้คีย์ไม่เห็นบอกเลยว่ายกเลิกซ้อม แต่มันจะบอกทำไมล่ะ ในเมื่อมันอาจจะอยากไปไหนต่อกับพี่ขิมต่อ
“ยังไม่จบค่ะ มันมีเรื่องแซ่บกว่านั้น พวกรุ่นพี่ปีสามปีสี่เขาพูดกันว่าสาเหตุที่ถูกอาจารย์ยกเลิกอาจจะเพราะกำลังเปลี่ยนบทละครเวทีใหม่”
“เปลี่ยนใหม่เลยเหรอว่ะ”
“เอ่อน่ะสิ แล้วรู้ไหมว่าทำไม”
“ทำไมอะ”
“เพราะบทละครปีนี้ไม่ใช่บทของนักศึกษาที่เรียนอยู่แบบพวกเราน่ะสิ พี่เขาพูดๆ กันมาว่าเป็นบทของพี่นิคที่เขียนให้พี่ขิมเอามาลงประกวด”
“ให้พี่ขิม แต่บทที่ชนะมันของพี่อีกคนนิ”
“ก็ใช่ไง พี่ขิมนางฉลาดนางเอาบทไปให้เพื่อนนางอีกที จะได้รับบทนางเอกสวยๆ ไม่ต้องไปทับซ้อนกับหน้าที่อื่นหากบทชนะ เนี่ยพวกอาจารย์ก็กำลังสอบกันอยู่ คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะเรียกคนที่เกี่ยวข้องเข้าพบ”
“คนที่เกี่ยวข้องเหรอ มีหลายคนที่เกี่ยวข้องว่างั้น” ผมถาม
“ใช่ แล้วก็มีพี่เมเจอร์ของมึงด้วย”
“พี่เจอร์เหรอว่ะ ยังไงอะ”
“ย้อนไปเมื่อปีก่อนเขาว่ากันว่าบทละครเวทีที่พี่นิคชนะเป็นบทที่ขโมยมา แล้วขโมยมาจากใครรู้ไหม”
“พี่เจอร์เหรอว่ะ”
“เออดิ พี่เจอร์แกเจ็บใจน่าดู แต่ที่เจ็บกว่าคือคนที่หลอกเอาบทแกไปให้พี่นิคเว้ย”
“ใครอีกว่ะ”
“กูให้พวกมึงเดา”
“กูจะเดาถูกไหมล่ะ ไม่มีเค้ามีมูล”
“คนคนนี้พวกมึงรู้จัก แล้วกูก็พูดถึงนางไปแล้วด้วย อะ แล้วแถมด้วยกูไม่ชอบนาง”
“พี่ขิม...” ไอ้ดลพูดขึ้น
“ถูกต้องนะคร้าบบบ นางเป็นแฟนเก่าพี่เจอร์เว้ย แล้วนางก็ไปกิ๊กกับพี่นิค”
“แล้วพี่เจอร์แกยอมเหรอว่ะ”
“คิดว่าแกก็ไม่อยากจะยอมหรอก แต่แกไม่รู้ไงว่าบทแกถูกสลับ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นพวกนักแสดงซ้อมกันไปได้ครึ่งเรื่องแล้ว แกไปบอกอาจารย์แต่ก็ไม่มีหลักฐาน พอให้พี่ขิมไปยืนยันนางก็ซิ่งไปคบกับพี่นิคแล้ว”
“เชี่ยยยย ถึงว่าพอพี่เจอร์ออกไปคุยกับพี่ขิมกลับมาแล้วทำหน้าเซ็งๆ อารมณ์ก็เปลี่ยนไปทันที” จริงด้วยแฮะ เมื่อวันก่อนพี่เจอร์ก็ดูซึมๆ หลังจากออกมาจากห้องประชุมใหญ่
“ถ้าเป็นเรื่องจริงก็โคตรเหี้ยเลยว่ะ” ไอ้เป้พูดขึ้น ถ้าเป็นเรื่องจริงงั้นพี่ขิมก็เป็นคนไม่ดีน่ะสิ แล้วไอ้คีย์อะ
“เพลงมึงก็เตือนๆ คู่จิ้นมึงบ้างนะ เห็นสนิทกับพี่ขิม ไม่รู้ว่าจะรู้เรื่องพวกนี้ด้วยหรือเปล่า” แก้วฝากผมเอาไว้ให้คิด
“แล้วมึงแน่ใจได้ไงว่าที่เอามาเล่าเนี่ยคือเรื่องจริง”
“กูไม่ได้บอกให้เชื่อ กูเอาที่เขาคุยๆ กันมาเล่าให้ฟัง เฉยๆ ความจริงจะเป็นยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ บทอาจจะเปลี่ยน พี่ขิมอาจจะโดนปลด ส่วนกูอาจจะขึ้นมาเป็นนางเอกคนใหม่”
“เพ้อ” ไอ้เป้พูดแล้วเลี้ยวรถเข้าสถานที่นัดหมายของเรา
พอมาถึงที่หมายพี่ๆ คนอื่นๆ กับพี่เจอร์ก็ดื่มกันไปแล้ว เราเลยตามไปสมทบ ตอนแรกกะว่าวันนี้จะดื่มเบาๆ ไม่อยากเมาไม่รู้เรื่องเหมือนที่ผ่านมา แต่ไม่รู้เพราะเหตุการณ์อะไร ทำให้ผมอยากดื่มหนักๆ เอาให้เมาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรไปเลย
แสง สี เสียง ที่ไม่ได้เจอมานานเล่นเอาผมเต้นแทบหอบไปเหมือนกัน คืนนี้ไม่ได้มีใครพูดอะไร เพราะในผับเสียงค่อนข้างดัง มีแค่ชน ดื่ม แล้วก็แดนซ์กันเท่านั้น คืนนี้กูจะเมาให้เละไปข้างเลย อย่างน้อยยังมีไอ้ดลที่ไว้ใจได้เพราะมันไม่ค่อยดื่มเหล้าให้เป็นที่พึ่งลากผมกลับได้

ผมทั้งดื่มทั้งเต้นจนมึนไปหมด รู้ตัวอีกทีเพลงเหวี่ยงๆ ก็กลายเป็นเพลงช้าๆ ซะแล้ว ดึกมากแล้วเหรอวะ ผมหันไปมองรอบโต๊ะก็ไม่เจอใครนอกจาก พี่เจอร์ พี่ส้มเพื่อนมันที่คอพับกับโต๊ะไปแล้ว แล้วก็ผมที่รู้สึกว่าแผ่นดินกำลังไหว
“ฮึกๆ ฮึกๆ”
“ไอ้พี่เจอร์ มึงร้องไห้เหรอว้าาา” ผมถามมันไปเมื่อเพลงจบลงแล้วได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้
“มึงรู้ไหมไอ้เพลงว่ากูเรียนนิเทศเพราะอะไร” พี่แกขยับเข้ามาใกล้ๆ กอดคอผมเอาไว้ให้ได้ยินสิ่งที่แกจะพูดชัดๆ
“ฮึ~” ผมส่ายหน้าเท่าที่คอจะประคองหัวตัวเองไหว
“กูอยากเป็นผู้กำกับหนัง กำกับละครเวทีเว้ย กูอะนะ ทั้งเขียนบท ทั้งตั้งใจเรียนมากๆ แต่แม่งสุดท้ายกูก็เป็นอย่างที่เห็น กูแม่งมีคนที่ไว้ใจมากๆ แต่สุดท้ายมันก็ทิ้งกูไปพร้อมกับหอบความฝันกูไปให้คนอื่นด้วย บัดซบเหี้ยๆ แล้วที่เหี้ยยิ่งกว่าคือกูไม่เคยลืมเขา ไม่เคยเลยสักวัน ทุกครั้งที่เจอหน้ากูก็เอาแต่ถามว่าทำไม เพราะอะไร กูทำอะไรผิดเหรอทำไมกูถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่วันนี้ กูจะเมาให้หัวราน้ำ กูจะลืมมัน กูจะตัดใจจากมันให้ได้ กู ฮึก กู..”
ปัง!
ไม่ได้ยิน ไม่ได้ยินอะไรอีกเลยหลังเสียงดังปังพร้อมแรงกระแทกที่หัว

ความรู้สึกเหมือนเรากำลังลอยๆ บวกกับกลิ่นตัวที่คุ้นเคยทำให้ผมเริ่มได้สติ
“คีย์~”
“หืม~”
“จะไปไหนอ่าา~”
“กลับห้องเราไง” กลับห้องเหรอ ผมพยายามมองภาพตรงหน้าตัวเองอีกครั้ง นี่มันหัวไอ้คีย์นี่น่า ผมพยายามเรียกสติเพื่อประมวลว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นแล้วผมกับไอ้คีย์กำลังทำอะไรอยู่พักหนึ่ง นี่กูขี่หลังมันอยู่นิ
“คีย์~ ไม่หนักเหรอ”
“กินอย่างพายุไม่หนักเลยมั้ง”
“งั้นก็ปล่อยกูลงดิ”
“หนักแต่กูไหว”
“มึงมารับกูเหรอ”
“อืม”
“แล้วรถอยู่ไหนอะ”
“รถเสีย”
“ไม่เรียกแท็กซี่ล่ะ”
“มันไม่โรแมนติก”
.
.
.
[มีต่ออีกนิด]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2020 12:13:18 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -12-
«ตอบ #25 เมื่อ29-11-2020 12:12:13 »

[ต่อจร้าาา]
.
.
.

“โรแมนติกเหี้ยไรกับกู ไปโรแมนติกกับคนของมึงโน้นนน....”
“คนของกู? ใคร?” ไอ้คีย์หยุดเดินแล้วถาม
“ถามใจตัวเองดิ….” หึ! ยังจะถาม พี่ขิมแฟนเก่ามึงไง
“หึ~ งั้นกูก็ได้คำตอบแล้วล่ะ” ชิ~ ได้คำตอบงั้นเหรอ กูก็ได้คำตอบเหมือนกัน
“คีย์~”
“ว่า..”
“เราเลิกกันเถอะ”
“เลิกอะไรยังไม่ได้คบกันสักหน่อย”
“เลิกเป็นคนสำคัญของกันและกัน กูอยากเป็นเพื่อนในแบบธรรมดากับมึง กูไม่อยากเป็นคนสำคัญอะไรแล้ว” กูเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่จะสับสน เหนื่อยที่จะคิดเองเออเองไปเรื่อยเปื่อยแล้ว
“ทำไม...”
“......” กูจะได้ทำตัวถูก อย่างน้อยเป็นเพื่อนกัน กูก็รู้ว่าทำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง มีสิทธิ์อะไรในตัวมึงบ้าง แต่สถานะคนสำคัญ กูไม่รู้เลยว่าควรอยู่ตรงไหน ทำอะไรกับมึงได้บ้าง รู้สึกอะไรได้บ้าง กูทำตัวไม่ถูก
“....~”
“คีย์...” กูรักมึงว่ะ กูไม่อยากเสียมึงไป กูไม่อยากอยู่ในสถานะที่มันคลุมเครือ กูกลัวตัวเองเผลอแสดงความรู้สึกออกไปแล้วแล้วกลายเป็นล้ำเส้นจนทำให้มึงอึดอัด

แค่คิดใช่ไหม.....
ผมแค่คิดใช่ไหมเมื่อคืน โอ๊ยยยยย เหี้ยแล้วไง เมื่อคืนผมจำอะไรไม่ค่อยได้ ที่จำได้ก็เลือนรางเหลือเกิน โอ๊ยยยยย สรุปเมื่อคืนผมได้พูดอะไรไปบ้างเนี่ย
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงมองซ้ายขวาแล้วไม่เจอไอ้คีย์ เสื้อผ้าเมื่อคืนถูกเปลี่ยนแล้ว ผมเดินหามันรอบห้อง ก็เจอแค่ถุงโจ๊กที่อุ่นๆ อยู่ สงสัยมันพึ่งออกจากห้องได้ไม่นาน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ชวนปวดหัว เรื่องที่ผมกำลังกังวลใจตอนนี้คือเรื่องเมื่อคืน เมื่อผมจำได้ว่าผมสารภาพรักมันไป แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมพูดมันออกไป หรือแค่คิดในใจ มันมึนๆ อะทุกคน สติสัมปชัญญะตอนนั้นมันเจือจาง หือออออ ทำไงดีว่ะ แล้วถ้าไอ้คีย์มันเปลี่ยนไป เกิดมันรับไม่ได้ เกิดมันเลิกคบผมล่ะ แม้แต่คำว่าเพื่อนมันก็คงให้ผมไม่ได้ หือออออ ทำไงดีๆ
ผมเดินวนไปมาในห้องหลายรอบแล้วก็คิดไม่ตก แต่เมื่อคืนผมอาจจะไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยก็ได้นิ คิดมากน่า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาอะไรเล่นแก้ความกังวล

บทเพลงของคีตะ
หนูพูดได้มั้ยพี่จี้

แคปชั่นล่าสุดของแฟนเพจคู่จิ้นคีย์เพลง โพสต์รูปผมในผับที่คอพับคออ่อนพิงอกไอ้คีย์ กับอีกสองรูปที่ผมกำลังขี่หลังมันอยู่
มันดูแลผมได้ดีในฐานะคนสำคัญเหรอ แล้วถ้าเราไม่ได้เป็นคนสำคัญต่อกันแล้วมันจะยังทำแบบนี้อยู่อีกไหม โอ๊ยยยยย คิดเหี้ยอะไรอีกแล้วเนี่ย ไม่เอาๆ เลื่อนๆ ไปดูอย่างอื่นๆ

ขิม’ขิม
อยากกินไก่แต่คนพิเศษบอกระวังเป็นเก๊า เลยต้องกินโจ๊กแทน #ขอบคุณในความห่วงใย

ภาพถ้วยใส่โจ๊กกับสเตตัสที่แท็กไอ้คีย์ ช่วยหยุดสายตา และความฟุ้งซ่านได้นิดหน่อย
ไอ้คีย์มันมีคนพิเศษและสำคัญอยู่แล้ว ส่วนผมคงไม่จำเป็นอะไร จะมัวคิดมากไปทำไมกันบทเพลง

บทเพลง
มีเรื่องให้ช่วย
เป้ชอบดื่มนม
ว่า
เกศแก้ว
เรื่อง...?
บทเพลง
ช่วยกูหาหอหน่อย
ไม่เอาแพงนะ
ไม่มีตังค์
เกศแก้ว
??
เป้ชอบดื่มนม
ทะเลาะกับไอ้คีย์
บทเพลง
เปล่า
แค่กลัวมันอึดอัด
เป้ชอบดื่มนม
อยู่ด้วยกันจนจะมีลูกอยู่แล้ว
มาอึดอัดอะไรตอนนี้
บทเพลง
ก็ตอนนี้มันจะมีแฟนนิน่า
ภูวดล
แล้วจะย้ายวันไหน
บทเพลง
วันนี้
เกศแก้ว
ค่ะ!
เป้ชอบดื่มนม
ควาย
ใครจะหาให้ทัน
นี่บ่ายสองแล้วนะครับ

Rrrrrr
“อัลโหล”
[เพลง มึงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า]
“ก็มีนิดหน่อย” ผมตอบไอ้ดลไป
[ต้องย้ายด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ]
“จริงๆ ก็ไม่ได้จะต้องย้ายอะไรด่วนขนาดนั้นหรอก แต่กูไม่สบายใจ” ผมยอมรับว่ายังกังวล ไม่อยากสู้หน้าไอ้คีย์ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ลึกๆ มันก็รู้สึกอยู่ดี อย่างน้อยผมก็คิดไม่ซื่อกับมันไปแล้ว
[มาอยู่คอนโดกูก่อนมั้ย ว่างห้องหนึ่ง]
“กูไปอยู่ได้เหรอ ไม่จ่ายค่าเช่านะ ห้องมึงคงแพงน่าดูเลย”
[ไม่หรอกน่า]
“โอเค งั้นเดี๋ยวกูเก็บเสื้อผ้าแล้วจะออกไปหา”
[อืม เจอกัน]
“ขอบใจนะมึง” ได้ที่พักพิงชั่วคราวแล้ว
ผมเก็บเสื้อผ้าข้าวของที่จำเป็น เดี๋ยวของอย่างอื่นค่อยมาเก็บที่หลัง ตอนนี้ผมต้องรีบออกจากห้องก่อนไอ้คีย์จะมา ผมไม่อยากเจอมันตอนนี้ ผมกลัว กลัวว่าระหว่างเราจะมีอะไรเปลี่ยนไปหลังจากเมื่อคืน ผมสังหรณ์ใจแบบนั้น
“มึงจะไปไหน” ไอ้คีย์เปิดประตูห้องแล้วเดินมาถามผมที่กำลังจัดกระเป๋า มันมองมาที่กระเป๋าสลับกับมองหน้าผม
“กู.. กูจะย้ายหอ”
“ย้าย... ย้ายไปไหน ทำไมไม่บอกกู”
“ก็หอแถวๆ นี้แหละ”
“มึงได้ห้องแล้ว”
“อืม”
“.....”
“.....”
“มึงย้ายออกทำไม” มันนั่งลงบนเตียงแล้วถามขึ้น
“กู... กูอึดอัด แล้วกูก็อยากเป็นอิสระ มากกว่านี้”
“เหรอ...” น้ำเสียงมันแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน แววตามันก็ดูไหวแปลกๆ จนผมใจเสีย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไป
“.....” คีย์ กูไม่เคยอึดอัดเวลากูอยู่กับมึง กูไม่เคยรู้สึกว่าขาดอิสระเลยสักครั้งที่อยู่ด้วยกัน เป็นมึงต่างหากที่อาจจะอึดอัด อาจจะอยากได้อิสระมากกว่านี้ อยากจะพาใครมาที่ห้องก็ได้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร ผมอยากจะบอกมันแบบนั้น แต่ผมรู้จักมันดี ถึงมันจะปากหมาแต่มันก็เป็นคนที่ดีพอจะไม่พูดแบบนี้กับผม หรือขออิสระจากผม ผมไม่อยากพูดให้ตัวมันเองรู้สึกผิด เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว อย่างน้อยเรายังเป็นเพื่อนกันได้ ดีกว่าให้มันทนอึดอัดเพราะมีผมข้างๆ
“กูไปนะ”
“เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก กูไปเองได้” ผมพูดแล้วเหลือบมองโทรศัพท์ของมันที่มีสายเรียกเข้าพร้อมกับรูปคู่ของมันกับพี่ขิม ที่สั่นอยู่นานแล้ว
“เดี๋ยวไว้ว่างๆ กูจะมาเก็บของที่เหลือนะ”
“อืม..” มันพยักหน้าส่งๆ ให้
ดีแล้วล่ะเพลง มึงทำดีที่สุดแล้ว
“โอ๊ยยยย มาตบหัวหัวกูทำไมเนี่ย” แรงตบกระบาล ทำให้ผมได้สติ เป็นหนักเหมือนกันนะกู ยืนมโนเพราะพี่ขิมโทรเข้ามาเนี่ยนะ
“คิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่ล่ะ เอากระเป๋าไปเก็บ ยัดอะไรให้หนังท้องตึงแล้วค่อยคุยกัน เอาส้มตำ ไก่ย่างใส่จานรอได้เลย กูไปคุยโทรศัพท์แป๊บเดียว” พูดจบไอ้คีย์ก็เอาถุงกับข้าวยัดใส่มือผม แล้วแย่งกระเป๋าเสื้อผ้าผมไป
หอม~ ไก่ย่าง กินก่อนก็ได้ว่ะ
ผมจัดการเทกับข้าวที่มันซื้อมาอันได้แก่ส้มตำปูปลาร้า ตำผลไม้ ไก่ย่าง แคบหมู แล้วก็ข้าวเหนียว น้ำลายไหลจัดๆ
“น้ำลายหยดใส่ของกินหมดแล้ว”
“คุยเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม กินข้าวกันเหอะ หิวแล้ว” มันว่าแล้วนั่งลงตรงข้ามผมแล้วก็จ้วกของตรงหน้าไม่รีรอ ส่วนผมเหรอใครจะยอมมัน ผมก็ซัดแหลกไปดิครับ
“เอิ๊ก~” เผลอเรอออกมาจนได้ จริงๆ ก็ไม่ได้ถึงกับเรียกว่าเผลอ แต่มันเป็นความเคยชินเวลาอยู่กับไอ้คีย์มากกว่า การกระทำที่ไม่ต้องเกรงใจกัน
“หึ~ เรอเสียงดังขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าอึดอัด นี่ถ้าอยู่คนเดียวไม่แดกไปขี้ไปเลยเหรอ”
“ไอ้สัส พูดเหี้ยไรเนี่ย ทุเรศ ดีนะกินอิ่มแล้ว”
“กินอิ่มแล้วก็เอาเสื้อผ้าไปเก็บในตู้เหมือนเดิม เดี๋ยวของบนโต๊ะกูจัดการเอง”
“คีย์~”
“อะไรอีกล่ะ ยังจะย้ายออกอีกเหรอ กูไม่รู้หรอกว่ามึงจะย้ายออกเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ กูรู้ว่ามึงไม่ได้อึดอัดหรอก”
“.......”
“เพลง~ มีอะไรก็พูดกับกูได้นะ ถึงกูจะไม่ใช่คนสำคัญแบบที่มึงต้องการแล้ว แต่มึงยังเป็นคนสำคัญสำหรับกูเสมอนะ”
“งืออออ ไอ้ต้าวบ้า” นี่คือเสียงในหัวกูเหรอว่ะ สัสเอ๊ย บอกรักกูเถอะ อย่ามาหยอดกันแบบนี้เลยไอ้คีย์หน้าหมา แล้วจะให้ผมทำยังไงได้ว่ะ
กูจะไปไหนได้ล่ะไอ้คีย์ ตกหลุมพรางหรือหลุมรักแบบนี้กูลุกไม่ขึ้นจริงๆ ว่ะ โอ๊ยยยยยย ไอ้คีย์อ่าาาาาา



............


คุณตำตรวจขาาาา มีคนขโมยจูบทางอ้อมข่าาาาาา   :ruready
ส่วนอีกคนนอกจากจะคิดเองเก่งแล้ว ยังแพ้ทางกลิ่นหอมของกินเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน  :hao6:



ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -12-
«ตอบ #26 เมื่อ30-11-2020 09:00:21 »

ไอ้ต้าวคีย์รีบบอกความรู้สึกตัวเองได้แล้ววววววว

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
- 13 -

“มีเรื่องราวดีๆ อะไรเกิดขึ้นเหรอว่ะ”
“นี่กูไม่ได้ตกข่าวอะไรไปใช่ปะ”
“ถามมันดิ”
“มีอะไรเหรอ เรื่องราวดีๆ อะไร ตกข่าวอะไรกันอะ” ผมถามเพื่อนๆ ถึงบทสนทนาที่ไม่มีที่มาที่ไป
“กูว่าหนักว่ะ”
“เสียงสดใสสัสๆ”
“ขนลุก”
“พูดไรกันอะไม่เห็นเข้าใจ” ผมถามต่อ เกิดไรขึ้นอะ
“หืมมม มีความแอ๊บแบ๊ว”
“ยังจะถามอีก พวกกูนี่ต้องถามมึง เป็นเหี้ยไรเนี่ย นั่งยิ้มเป็นคนบ้า แดกน้ำกระท่อมมาเหรอ”
“เปล่าหรอกมันแดกน้ำเต้าหู้มา” ไอ้ดลช่วยตอบให้
“น้ำเต้าหู้”
“อืม” ไอ้ดลอีกนั่นแหละช่วยตอบให้
“น้ำเต้าหู้ผสมกัญชาเปล่าว่ะ” ไม่หรอก ไม่ได้ผสมกัญชาแต่ผสมความห่วงใยและความมโนของกูเองนี่แหละ ฮ่าๆ
เรื่องของเรื่องก็แค่ไอ้คีย์ซื้อน้ำเต้าหู้ให้ ก็มีแค่นี้แหละจบ

ส่วนเรื่องที่ทำให้อารมณ์ดีจริงๆ น่ะเหรอ ก็แค่.....
ย้อนกลับเมื่อคืนที่ผมกำลังจะออกจากห้องนะแหละ เริ่มหลังจากเราจวกส้มตำไก่ย่างกันเรียบร้อยแล้ว
“เพลงมึงไม่ไว้ใจกูเหรอ”
“เปล่า”
“งั้นก็พูดความจริงมา ทำไมมึงถึงอยากย้ายออก” มันนั่งลงบนเตียงมองผมที่ยืนอยู่เหมือนกำลังถูกอาจารย์สอบสวน
“กู... กูกลัวมึงอึดอัด”
“เรื่อง?” มันทำสีหน้าสงสัย
“กูคิดว่าบางทีมึงอาจจะอยากได้อิสระ มึงอาจจะอยากพาแฟนมาที่ห้อง...”
“แฟน! แฟนไหน ใครแฟนกู”
“ก็พี่... ขิม.. โอ๊ย! ตีกูทำไม” ผมคลำหัวตัวเองอีกครั้ง สองทีแล้วที่มันเพ่นกบาลผมเนี่ย
“เช็คสมองว่ายังดีอยู่หรือเปล่า”
“.....”
“เอาอะไรมาคิดว่ากูจะอึดอัด ว่ากูอยากได้อิสระ แล้วที่ตลกสุด เอาอะไรมาคิดว่ากูคบกับพี่ขิม”
“.......”
“กูจะบอกอะไรให้นะว่ากูไม่เคยอึดอัดเลยเวลาอยู่กับมึง แล้วกูก็รู้สึกว่าตัวเองอิสระตลอดเพราะกูเป็นคนไทย คนไทยแปลว่าอิสระ” ยังจะเล่นมุกอีก หึ! คนไทยเนี่ยนะอิสระ อิสระกะผีน่ะสิ
“......”
“ส่วนพี่ขิมลองบอกมาซิ ว่าทำไมมึงถึงคิดว่ากูคบกับพี่ขิม”
“ก็...” ผมเกาแก้มเบาๆ มันแปลกๆ อะถ้าจะให้พูดออกไป
“ก็อะไร” อย่าเร่งดิวะ
“ก็กูเห็นพักนี้มึงสนิทกับเขา แล้วมึงก็เคยบอกด้วยว่าซื้อรถเพราะอยากได้แฟน แล้วพี่ขิมก็เป็นแฟนเก่ามึงด้วย กูก็เลยคิดว่า.. มึงอาจจะอยากอยู่คนเดียวเผื่อพี่ขิมมาหา แบบเมื่อวาน....”
“ก็เคยคบกันมาก่อนจริง ส่วนสนิทกันช่วงนี้ เพราะเล่นละครเวทีด้วยกัน แต่ต่อไปก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว มึงสบายใจได้”
“ทำไมอะ”
“กูไม่เล่นละครเวทีแล้ว ส่วนเหตุผลมึงไปถามรุ่นพี่คนสนิทของมึงเองละกัน”
“พี่เจอร์เหรอ” มันพยักหน้าส่งๆ ไปแอบคุยอะไรกันมาว่ะ
“ส่วนเรื่องรถ เคยบอกเอาไว้รับส่งแฟน แต่กูไม่ได้บอกนิว่าจะมีแฟนตอนไหน เดี๋ยวเจอคนถูกใจเมื่อไหร่กูก็ถีบหัวส่งมึงเองแหละ กูไม่ปล่อยให้มึงมโนเป็นตุเป็นตะแบบนี้หรอก”
“ถีบหัวส่งเลยเหรอว่ะ” ใจร้ายสัส
“เออดิ ให้กูลองถีบดูม่ะ”
“มึงลองดูดิ กูจะฟาดก้านคอเข้าให้”
“ดูสารรูปตัวเองด้วย จะเตะถึงเหรอ แดกอย่างกับหมู ขาก็สั้น พุงก็ย้อย”
“เวอร์แล้วสัส” ผมกินเยอะก็จริง แต่ไม่ถึงกับอ้วนจนพุงย้อยสักหน่อย ขาผมก็ไม่ได้สั้นเพียงแต่ไม่ยาวเท่าของมันแค่นั้นเอง ทุกคนอย่าไปเชื่อไอ้ห่านี่นะครับ
“หึ! ส่วนเรื่องเมื่อวานที่กูกับพี่ขิม... กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร” มันลูบคางแล้วมองหน้าผม
“คิดอะไร” เออกูคิดอะไรไหนเล่าสิ
“คิดเรื่องลามกน่ะสิใช่ม่ะ”
“เอ่อใช่!”
“นั่นไง ไอ้ทะลึ่ง”
“ก็หญิงชายอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แถมมึงยังนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัว ส่วนพี่ขิมยังเอาเสื้อมึงมาใส่อีก เป็นใครใครก็คิดล่ะวะ”
“ก็ฝนมันตก แล้วพอดีก่อนกลับเจอกระบะวิ่งทับแอ่งน้ำข้างถนนเลอะกันทั้งคู่ แล้วคอนโดเราอยู่ใกล้ไง กูเลยอาสาให้พี่ขิมมาเปลี่ยนชุด ให้เอาชุดที่กูไม่ได้ใส่แล้วไปใส่ก่อน ส่วนกูก็กำลังจะไปอาบน้ำ แล้วควายอย่างมึงก็เข้ามาเห็นพอดี เลยเกิดหน้าบาง คิดเองเออเองวิ่งหนีกูไง”
“กูไม่ได้หนี”
“แล้วโทรไปทำไมไม่รับ”
“ฝนตกกลัวฟ้าผ่า”
“ข้ออ้างน่ะสิ ถ้ามึงไม่เชื่อไปดูในตะกร้าได้ เสื้อกูยังเลอะอยู่เลย แล้วมึงต้องเอาไปซักด้วย”
“เรื่องอะไรกูต้องเอาไปซักด้วย”
“ก็โทษฐานที่มึงจะทิ้งกูไปไง มึงต้องเอาไปซัก”
“กูยังไม่ได้ทิ้งมึงไปสักหน่อย”
“ก็ถ้ามึงไม่เห็นแก่กินตามกลิ่นส้มตำไก่ย่างมึงก็ทิ้งกูไปแล้ว” ด่ากูอีก
“แล้วใครใช้ให้มึงซื้อมา”
“ไม่มีใครใช้แค่อยากซื้อมากินกับมึงแค่นั้นเอง”
“เอ่อ!” เถียงต่อไม่ได้ ไปต่อไม่เป็นแล๊ว
แล้วเราก็จบบทสนทนาปนสงครามย่อมๆ กันลงเพียงเท่านั้น ตามจริงผมมีเรื่องคาใจอีกนิดคือโพสต์ของขิมเรื่องโจ๊กนั่นแหละ ไอ้คีย์มันก็บอกว่าเจอกันโดยบังเอิญ ส่วนแคปชั่นพี่ขิมแกคงอยากสร้างกระแส นิสัยไม่ดีอะพี่ขิม
สรุปแล้วผมก็ไม่ได้ย้ายไปไหน อยู่ที่เดิม ห้องเดิม รูมเมทคนเดิม ส่วนความรู้สึกนั้น.....
ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม...
“เพลง”
“ว่า..” ไอ้คีย์พูดขึ้นมาในความมืด
“เพราะทั้งหมดนั่นหรือเปล่ามึงเลยไม่อยากให้กูเป็นคนสำคัญ”
“........”
“มึงหลับไปแล้วเหรอ”
“.......” ไม่หลับ แต่กูไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป
“มึงไม่ให้กูเป็นคนสำคัญของมึงก็ไม่เป็นไร แต่มึงจะเป็นคนสำคัญของกูเสมอ” อร๊ายยย ฉันร้องกรี๊ดเลย ร้องกรี๊ดอยู่ในใจ หัวใจมันฟูอะทุกคน มันรู้สึกมีความสุขแปลกๆ นี่กูชอบมึงเข้าแล้วจริงๆ เหรอว่ะเนี่ย โว้ยยยย ไอ้คีย์ ไอ้หน้าหมา มึงวางยากูแล้วสิ

“เออแล้วเรื่องหอกูหามาได้สองสามที่ จะไปดูหลังเลิกเรียนเลยม่ะ” กลับมาปัจจุบันที่ไอ้เป้กำลังพูดอยู่
“หึ~ ไม่อ่าาา ไม่ย้ายแล้ว”
“เอ้าไอ้ห่า เดี๋ยวย้ายเดี๋ยวไม่ย้าย”
“ยังไงของมึง เมื่อวานทะเลาะกับผัวแล้ววันนี้ดีกันแล้วว่างั้น”
“อืม” ผมพยักหน้าสั้นๆ
“ยอมรับด้วย”
“อะไรของมันง่ะ เพ้อใหญ่แล้วนะ พวกมึงดูตามันดิ เยิ้มอย่างกะน้ำเชื่อม”
“เวอร์” ผมว่าสั้นๆ วันนี้นี่มันวันอะไร ทำไมโลกใบเดิมมันดูสดใสจังนะ
“หนักแล้วมึง โทรเรียกจิตแพทย์ดิ๊” จิตแพทย์เป๊ะมึงสิ ของกูต้องหมอเฉพาะทางรักษาเกี่ยวกับโรคหัวใจเท่านั้นเว้ย ฮ่าๆ
รู้สึกช่วงนี้ตัวเองเพ้อๆ บ้าๆ จังแฮะ ต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ไอ้ต้าวคีย์นั่นแหละ ที่ขยันทำให้ผมใจฟูบ่อยๆ หลังจากที่ตัวผมเองยอมรับสารภาพหัวใจเอง
ตอนนี้หลายคนคงงงและสงสัย ว่าผมไปสารภาพอะไรกับหัวใจตัวเองเมื่อไหร่ เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าไปรักไอ้คีย์ตั้งแต่ตอนไหน มารู้สึกตัวจริงๆ ก็ตอนที่เพ้อพกและคิดเองไปไกลว่ามันกำลังจะมีเจ้าของหัวใจ จนตัวเองกลายเป็นนางเองละครหลังข่าวที่ทั้งโง่ งี่เง่า และเจ้าน้ำตา คิดเองเออเอง และจะปล่อยมือมันไปง่ายๆ แต่ยังดีที่ไอ้คีย์มันไม่ได้เป็นพระเอกโง่ๆ ที่ปล่อยมือผมให้เดินจากไปแล้วรอคอยเวลาให้รักเรามาเจอกันใหม่ไง ฮ่าๆ พูดซะเวอร์ว่าไอ้คีย์เป็นพระเอก ทั้งที่ตัวมันเองรู้สึกยังไงกับผม ผมยังไม่รู้เลย รู้แต่ว่าตัวเองกำลังบ้า พอมาคิดๆ ย้อนดูการกระทำหลายๆ อย่างที่เราทำร่วมกัน โดยเฉพาะที่มันทำให้ผมแล้ว มันก็อดที่จะจิ้นตัวเองกับมันไม่ได้จริงๆ อร๊ายยย ฉันร้องกรี๊ดเลย สงสัยต้องพบจิตแพทย์จริงๆ ด้วย ฮ่าๆ

“เป็นเหี้ยไรอีก นั่งยิ้มจนหน้าบานเป็นจานดาวเทียมแล้ว”
“กูเป็นบ้า” บ้ารักมึงไอ้หน้าหมา ผมว่าขณะที่กำลังนั่งพิงไหล่ไอ้คีย์ มองไปข้างหน้าที่เป็นโต๊ะนั่งมากมายสำหรับนักศึกษา ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ผมกับมันหรอก เพื่อนคนอื่นๆ ก็อยู่ด้วย แต่ความรู้สึกตอนนี้มันช่างเหมือนโลกหนึ่งใบกับใจของสองเราจริงๆ
“เพลง”
“ว่า”
“มึงตบมือช้าๆ ดิ” ผมทำตามมันอย่างว่าง่าย
“เอ่อว่ะ บ้าจริงด้วย เหม่อมองฟ้า ตาลอย ปากยิ้ม แล้วปรบมือเปาะแปะ ฮ่าๆ”
“ยอมรับ”
“มันเป็นงี้นานยังว่ะ”
“ก็ตั้งแต่เช้าอ่ะ” ผมเหล่ตามองไอ้มิวที่ถามเพื่อนๆ ผม
“ทำไมไอ้มิว มึงมีปัญหา” ผมเดิงตัวนั่งดีๆ แล้วถามไอ้มิว นานๆ เจอมันที มันเคยเป็นอดีตคู่จิ้นไอ้คีย์นิ ตามสเต็ปผมต้องหึงสักหน่อยให้นิยายมันมีรสชาติ
“เอ่อดิ”
“ว่ามา”
“พูดไม่ได้ รอเวลาให้กูแน่ใจอีกสักนิด”
“โด่ววว นึกว่าจะแน่”
“หึ~” ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างงั้นเรอะ!
“วี๊ดดดด ข่าวด่วนข่าวใหญ่” แก้วที่หายไปตั้งแต่เที่ยงวิ่งหางตั้งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น มีเรื่องไรที่มันทั้งด่วนและใหญ่วะ
“ทุกคนละครเวทียกเลิกค่าาาา” ยกเลิกเหรอ เรื่องใหญ่เลยนะนั่น
“ว้ายยย จริงเหรอแก้ว” เพื่อนกะเทยร่วมสาขาที่นั่งละแวกใกล้ๆ เรา รีบปรี่เข้ามาหา รวมถึงเพื่อนๆ อีกหลายๆ คน
“ชัวร์”
“แล้วมึงจะดีใจทำไม”
“ก็ยกเลิกเรื่องเก่า เพราะอาจารย์เลือกเรื่องใหม่มาแทนที่ไง คราวนี้แหละ กูจะต้องคว้าบทนางเอกมาให้ได้”
“โว้ยยย ยกเลิกนึกว่าห้ามจัด สรุปยกเลิกแปลว่าจัดได้ เพียงแต่เปลี่ยนเรื่องว่างั้น” นึกว่ายกเลิกจริงๆ ซะอีก พูดไม่เคลียร์เลยเพื่อนกู
“เยสสส”
“โห่ กูก็นึกดีใจ”
“นี่เตรียมฉลองแล้วนะเนี่ย”
“แล้วนี่ทำไมอาจารย์สั่งให้เปลี่ยนเรื่องล่ะ”
“ก็เพราะว่า...”
“ว้ายยยย” แก้วยังไม่ทันได้อธิบายอะไร เพื่อนกะเทยนางเดิมก็อุทานจนเพื่อนๆ หันไปสนใจ
“อะไรอีก”
“มีเรื่องเมาท์ในกรุ๊ปไลน์สายรหัส”
“แล้วไง เกี่ยวไรกะพวกกู”
“เกี่ยวสิยะ นี่กำลังเมาท์เรื่องบทละครที่ถูกเปลี่ยนกันอยู่”
“ว้ายยย ว่าไงๆ”
“เร็วๆ กูอยากเผือกแล้ว” เพื่อนๆ ซุบซิบเมาท์มอยกันใหญ่ ชวนเอาผมอยากร่วมแจมไปด้วย
“ไอ้แป๋มรีบๆ เล่า กูหิวข้าวแล้ว” ผมบอกเพื่อนกะเทยคนเดิม หิวก็หิว อยากรู้ก็อยากรู้
“มาค่ะทุกคน เดี๋ยวกูจะเล่าให้ฟัง แต่บอกก่อนนะว่าพี่รหัสกูเมาท์มาอีกที”
“เอ่อ!!!” รีบๆ เล่า เพื่อนคนอื่นๆ สามัคคีส่งเสียงเร่งนาง
“คือพี่เขาบอกว่าสาเหตุที่เปลี่ยนบทเพราะบทละครเวทีเป็นบทของรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว แต่ฝากรุ่นน้องเอามาส่งประกวด”
“จริงเหรอว่ะ”
“กูไม่รู้”
“แล้วบทปีนี้เป็นของใครวะ”
“เออว่ะ”
“บทของใครวะ”
“ของพี่นิคป่ะ คนสูงๆ ผอมๆ”
“เออๆ ใช่ๆ”
“แต่เดี๋ยวก่อนทุกคน พี่นัดน่ะเป็นคนส่งจริงแต่ว่า....”
“แต่ว่าอะไรอีห่า”
“มึงจะเว้นวรรคทำซากอ้อยอะไรอีก”
“แต่ว่าคนที่เอาบทมาจากรุ่นพี่ที่จบไปจริงๆ ไม่ใช่พี่นัดไง”
“ยังไงวะ” ยิ่งฟังยิ่งงงครับ สรุปยังไงกันแน่ เอ๊ะหรือว่าจะเป็นแบบที่แก้วเล่าให้ฟังว่าพี่ขิม...
“พี่ขิมเป็นคนเอาบทมาให้พี่นัดอีกที”
“พี่ขิมเนี่ยนะ”
“เออ แค่นั้นยังไม่พอ”
“ยังไม่พออีก”
“เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ตอนนั้นไม่มีหลักฐานมาเอาผิดอะไร”
“แล้วสรุปมันยังไงวะ กูยังงงๆ อยู่เลยเนี่ย”
“สรุปง่ายๆ บทปีนี้ถูกจับได้ว่าบทละครที่ถูกเลือกทำผิดกติกา แถมยังถูกโยงไปหาบทปีก่อนๆ ด้วยคนทำผิดคนเดิมก็คือพี่ขิม”
“โห ไม่อยากเชื่อเลย”
“กูก็ไม่อยากจะเชื่อ” เสียงเพื่อนๆ เริ่มพูดคุยถึงประเด็นนี้จอแจ
“แล้วเปลี่ยนบทแบบนี้ ได้บทของใครมาแทนว่ะ”
“บทของหนึ่งในแก๊งมหาเทพ” จบคำพูดว่ามหาเทพ เพื่อนๆ ต่างหันมามองที่ผม เพราะไอ้กันต์มันไม่อยู่
“กูไม่รู้” ผมส่ายหน้าทันที ก็ผมไม่รู้จริงๆ นิ
“ไอ้ห่า อยู่สายนี้ไม่รู้ได้ไงเนี่ย”
“กูไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องม่ะ” ไม่เห็นมีใครบอกอะไรเลย พูดแต่เรื่องเหล้าเรื่องเกม
“แล้วคีย์ล่ะ รู้หรือเปล่า”
“ไอ้คีย์มันจะไปรู้ได้ไงเล่า ขนาดกูอยู่สายเดียวกับพี่มหาเทพกูยังไม่รู้เลย” ผมรีบพูดแทรก บ้าเปล่า เราทั้งหลายนั่งหน้าสลอนอยู่คณะนี้แท้ๆ ยังไม่รู้ ไอ้คีย์มันอยู่คณะอื่นจะไปรู้ได้ไงเล่า
“รู้สิ” เห็นม่ะก็บอกอยู่ว่ามัน.. ห๊ะ! ผมหันไปมองไอ้คีย์ทันที
“บทที่มาเสียบแทนเป็นของพี่เมเจอร์” หืมมมมม รู้ไม่พอ แต่ชื่อคนที่มันเอ่ยออกมานี่สิ เป็นไปได้ไง แถมเรียกเขาว่าพี่อีก
“พี่เจอร์เหรอว่ะ” ผมหันไปถามมันทันที เพื่อนคนอื่นก็หันกลับไปจับกลุ่มคุยเรื่องนี้หึ่งๆ เหมือนแมลงวันตอมขี้
“อืม”
“มึงรู้ได้ไง แล้วทำไมไม่บอกกู”
“ก็พี่เมเจอร์ไม่ให้บอก มันบอกว่าจะมาบอกมึงเอง”
“มาบอกทำไม แล้วมึงไปญาติดีกับพี่เจอร์ตอนไหน” ชักจะมีน้ำโหแล้วนะ ทำไมกูไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่ะ แถมยังมารู้พร้อมชาวบ้านเขาอีก ทั้งๆ ที่อยู่กับไอ้คีย์แทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง แถมมันไปญาติดีกับพี่เจอร์ตอนไหนทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย เหมือนโง่อ่ะตอนนี้
“ก็ดีกันเมื่อวันที่มึงไปเมากับพวกพี่มันไง” ดีกันวันนั้นเหรอ จำอะไรไม่ได้อ่าาา
“ไอ้เพลงงงงง!!” ยังไม่ทันได้นึกอะไรออก เสียงไอ้พี่เจอร์ก็ดังมาแต่ไกล พร้อมกับสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม มีความสุขจริงนะมึง
“ไอ้เพลงกูโคตรดีใจสุดๆ เลยว่ะ ไอ้เพลงๆ” พี่มันว่าแล้วเข้าไปกอดร่างหนาเขย่าไปมา อะไรวะนั่นน่ะ พูดกับกูแต่ไปกอดไอ้คีย์ เหี้ยไรว่ะเนี่ย วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น หรือไอ้คีย์กับพี่เจอร์มันจะ.... บ้าน่า คิดเหี้ยไรของกูเนี่ย
“ผมขอตัวก่อนนะ” ผมรีบของตัวแล้วย้ายตัวเองออกมาทันที
“อ้าว จะไปไหนอะกูยังไม่ทันได้....” ไปให้ไกลจากภาพบาดตาบาดใจไง สุดท้ายคนไว้ใจร้ายที่สุด เชอะ!
ผมรีบเดินหนีออกมาให้พ้นๆ พวกมัน ใครจะทนเห็นมันยืนกอดไอ้คีย์ด้วยหน้าตาแห่งความสุขขนาดนั้นได้ว่ะ ฮึ่ย!!
“เพลงรอก่อน”
“.......” กูไม่รอ
“ไอ้เพลงหยุด”
“…….” กูไม่หยุด ทำไม่กูต้องหยุด กูไม่ใช่ส้มนะที่จะต้องหยุดโดยไม่มีอะไรกั้น
“เป็นไร โกรธอะไรกูหรือเปล่า” ผมหันไปมองมือไอ้คีย์ที่จับมือผมเอาไว้ ผมสะบัดมันออกทันที เชอะ
“กูไม่ได้โกรธ” แค่น้อยใจ ที่ตลอดหลายวันมานี้ผมพลาดอะไรตั้งมากมายโดยที่ไอ้คีย์มันรู้แต่ไม่ยอมบอกอะไรผมเลยสักอย่าง ก็ใช่สิ กูมันไม่ดีเท่าเขา ไม่ค่อยน่าแคร์เท่าไร ได้แต่น้อยใจเบาเบาอย่างนี้
“นี่คิดอะไรประหลาดๆ ในหัวอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย” มันยื่นมือมาขยี้หัวผมอย่างรุนแรง ย้ำนะครับ อย่าง-รุน-แรง
“ทำไมมึงไม่บอกอะไรกูเลย มึงรู้ทุกเรื่องเลยใช่ไหม ตั้งแต่เรื่องบทละครยันเรื่องบทของพี่เจอร์อ่ะ”
“ก็รู้”
“แล้วทำไมไม่บอก”
“ก็กลัวมึง....”
“กลัวกูทำไม กูไม่ใช่ตุ๊กตาผีชัคกี้นะ”
“กูรอให้ตัวเองแน่ใจ”
“แน่ใจเหี้ยไรอีก ครั้งที่แล้วมึงก็บอกรอให้ถึงเวลา รอๆๆ อยู่นั่นแหละ”
“งั้นกูจะเล่าเท่าที่เล่าได้ แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไร”
“ห้ามถาม ห้ามสงสัย”
“.....”
“ตกลงมั้ย”
“เอ่อ” ห้ามถามห้ามสงสัยนี่แหละที่ทำให้กูอยากถามแล้วก็ยิ่งสงสัย มึงมีความลับกันแน่ไอ้คีย์หน้าหมา ไอ้ต้าวความชั่วร้าย
“งั้นไปหาไรกินก่อนมั้ยเดี๋ยวกูเล่าไปด้วย”
“ได้ แต่มึงต้องเลี้ยง”
“ครับ” หยุด! หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้เลยไอ้บ้า งืออออ ทุกคน ผมจะเป็นประสาทแล้ว ตั้งแต่ความรักเข้าตา มันก็น่ารักทุกท่วงท่าแม้เวลากวนตีนก็ตาม หืออออออ หัวจั่ย!

“กินไก่ปีกเดียวพอนะ”
“ไม่พอ~”
“พอดิ อยากเป็นเก๊าท์นักหรือไง”
“ทีมึงยังกินเลย”
“กูไม่ได้กินบ่อยแบบมึงก็แล้วกัน” ไอ้คีย์มันว่า ก็จริงของมันแหละ ผมมันตัวกินไก่ แดกไก่ได้เป็นตันๆ ไม่มีท้อ
“แล้วเรื่องที่กูข้องใจจะเล่าได้ยัง” ผมเข้าเรื่องทันที หลังจากเถียงกันเรื่องไก่ และของกินอย่างส้มตำไก่ย่าง พร้อมด้วยข้าวเหนียว ต้มแซ่บ คอหมูย่างบวกน้ำตกมาวางตรงหน้า ตอนนี้เราสองคนนั่งกินส้มตำที่ร้านริมทางก่อนถึงคอนโดสักห้าร้อยเมตรได้
“กูก็แค่ตามสืบเรื่องบทพี่เจอร์ที่ถูกขโมยไปหลายปีก่อน แล้วหาหลักฐานมาให้พี่มันแลกกับเรื่องบางอย่างก็แค่นั้นแหละ แล้วพอดีคนทำเรื่องที่ว่าคือคนคนเดียวกันกับที่เอาบทของคนที่จบไปแล้วมาส่ง เรื่องทุกอย่างเลยถูกนำมาโยงกัน กูเลยรู้เรื่องนี้ก่อนมึงและเพื่อนคณะมึงไง ส่วนเรื่องที่บทพี่แกถูกนำมาแทนที่ พี่แกโทรมาบอกกูก่อนหน้าที่กูจะไปหามึงที่คณะเมื่อกี้นี่เองแหละ แล้วแกก็บอกห้ามบอกมึงเดียวแกจะบอกเอง พี่เจอร์แกบอกอย่างเห็นหน้าโง่ๆ แล้วหน้าไม่เชื่อของมึงน่ะ” หลอกด่าป่ะ
“แล้วมึงไปเอาข้อมูลพวกนี้มาจากไหน แล้วไปสนิทกับพี่เจอร์ขนาดกอดกันได้เลยหรือไง” เอามาจากพี่ขิมแน่เลย ส่วนเรื่องกอดกัน ฮึ่ย! หงุดหงิด!
“ก็จากพี่ขิม หลอกถามแล้วอัดคลิปเสียงเอาไว้” ชั่วร้าย
“ส่วนเรื่องกูกับพี่เมเจอร์ จริงๆ ก็ไม่ได้สนิทหรอก แต่ที่มันกอดก็เพราะมันมีเรื่องเกี่ยวกับที่กูขอพี่มันไว้”
“ขอเรื่องอะไร”
“ตกลงกันแล้วไงว่าห้ามถามห้ามสงสัย”
“ก็เห็นถามได้ตั้งหลายคำถามแล้ว”
“แต่คำถามนี้ไม่ได้” เหอะ! ไม่ได้ก็ไม่ได้ เรื่องกอดเกี่ยวกับเรื่องที่มันมีข้อแลกเปลี่ยนกันงั้นเรอะ หรือว่า....! พี่เจอร์จะชอบไอ้คีย์ ไม่สิ ไอ้คีย์ มันเป็นคนขอ มันขอให้พี่เจอร์กอดมันเหรอ งั้นไอ้คีย์ชอบพี่เจอร์....!? กูมาก่อนแท้ๆ มึงจะมาแย่งไอ้คีย์ไปได้ไงไอ้เหี้ยพี่...
“โอ๊ยยยย เขกหัวกูทำไม”
“เรียกสติไง ทำหน้าเหมือนนั่งทางใน จินตนาการเกินมนุษย์ทั่วไปจะคิดได้อีกแล้วสิท่า รีบกินจะได้รีบกลับไปพักที่ห้อง” สาธุเถอะขอให้มันเป็นแค่เรื่องมโนของผมก็พอ อย่าเป็นเรื่องจริงเลย
“ยังจะเหม่อมองฟ้าอีก มึงขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมอยู่เหรอ”
“ยุ่งน่า เห้ย! ไก่กู ไก่กูหายไปไหน” ผมเงยหน้ามองไอ้คีย์ที่มีปีกไก่คาปาก จานมันก็เต็มไปด้วยกระดูกไก่ ชัดเลยมันเอาของผมไปแดก
“ไอ้คีย์! สั่งมาให้กูใหม่เลย”
“ไม่สั่ง แล้วมึงก็ห้ามสั่งด้วย”
“ทำไมกูจะสั่งไม่ได้ ป้าคร้าบบ ขอปีกไก่เพิ่มสองไม้”
“โทษทีลูก ไก่หมดแล้ว”
“อ้าว”
“กูบอกมึงแล้ว”
“ไอ้สัสคีย์ กูไม่ได้กินเลยอ่ะ คืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆ”
“อย่าเวอร์ ของกินตั้งหลายอย่าง” ไอ้คีย์นะ ไอ้คีย์ อย่าให้กูเอาคืนนะมึง
“เออนี่ ที่มึงเล่ามาเมื่อกี้งั้นพี่ขิมก็เป็นคนไม่ดีอะดิ”
“กูไม่อยากตัดสินใครว่าดีหรือไม่ดี ที่เขาทำแบบนั้นเขาอาจจะมาเหตุผลของเขา”
“พระเอกสุดๆ”
“แน่นอน”
“หน้าด้าน ด้วยความเป็นห่วงจากเพื่อน มึงอย่าไปคบกับคนไม่ดีเลยนะ ถือว่ากูเป็นห่วง” ตัดพี่ขิมออกไปแล้วหนึ่ง
“งั้นกูควรคบคนแบบไหนอะ”
“ก็คนที่...”
“คนที่ปัญญาอ่อน พูดไม่รู้เรื่อง แล้วก็อยู่แถวๆ นี้ดีม่ะ” จริงๆ กูก็ปัญญาอ่อนนะ พูดไม่รู้เรื่องบางทีด้วย แล้วดันอยู่แถวๆ นี้ด้วยสิ คบกูได้กูว่างนะเพื่อน
“เพลง ไอ้เพลง!”
“หะ หา ว่าไง”
“เพ้อไรอีก กูจ่ายตังค์เสร็จแล้ว ไปกลับ หรือมึงจะช่วยป้าเขาล้างจาน” ผมรีบสะพายกระเป๋าแล้วเดินตามมันไป ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไร เพ้อถึงเรื่องไอ้คีย์จนจะเป็นประสาทหลอนอยู่แล้ว เพราะมึงเลยไอ้ต้าวคีย์ผีบ้า

“คีย์อยากดูหนัง” ก็ได้ดู
“คีย์กูอยากไปนั่งโง่ๆ ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเล” ก็ได้ไป
“คีย์วันนี้ไก่ทอดนะ” อยากกินไก่ทอดก็....
“หยุดเลยไอ้สัส แดกไก่จนจะบินได้อยู่แล้ว”
“ไก่นะไม่ใช่นก จะบินได้ไงเล่า”
“เอ่อว่ะ”
“โง่จริงๆ” ไอ้พวกหน้าตาดี
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น งานละครเวทีก็ต้องเลื่อนออกไป ฝ่ายที่ทำเกี่ยวกับละครเวทีก็ต้องรีเซ็ตกันใหม่ เริ่มทำความเข้าใจกับบทบาทใหม่ แก้วก็ได้เป็นตัวเอกของเรื่องสมใจ คือละครเวทีของพี่เจอร์มันไม่มีพระเอกนางครับ มีแต่ตัวเอกเป็นตัวละครหกตัวอันได้แก ชาย หญิง กะเทย ทอม ดี้ แล้วก็เกย์ ที่ต้องไปติดอยู่ในโรงแรมที่มีฆาตกรซ่อนอยู่ อู้หู้อยากดูสุดๆ อะ
ส่วนพวกเราก็ยังคงอยู่ฝ่ายเดิมคือพีอาร์ แต่ต้องรื้อโปสเตอร์สำหรับโปรโมท และวางคอนเซ็ปท์การโปรโมทกันใหม่ ส่วนละครเวทีเล็กยังคงมีเหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนบทนิดหน่อยให้เข้ากับละครเวทีใหญ่ของพี่เจอร์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก เพราะพี่เจอร์เป็นคนเขียนบทให้ สงสัยแกจะชอบด้านนี้จริงๆ แฮะ
“เพื่อความสมจริง กูว่าฉากจูบมันต้องจูบจริง” ดี! ผมก็คิดงั้นแหละ ถึงแม้เสียงที่ลอดออกจากไรฟันออกไปจะต่อต้านก็ตาม
“จะบ้าเหรอพี่ให้ผมจูบกับไอ้คีย์เนี่ยนะ” ใช่ครับ ฉากจูบที่ว่าคือจูบกับไอ้คีย์ที่มันมาเล่นเป็นพระเอกแทนพี่เจอร์ เสนอหน้าเข้ามาช่วยเก่ง จนสโมฯ คณะมันหมั่นไส้เข้าแล้ว
“ทำไม จูบกับกูมันเป็นไง” ก็ไม่เป็นไงกูก็อยากทำ แค่โวยวายเป็นพิธีไง
“ก็คนเราจะจูบกันได้ไงเล่า ถ้าไม่ได้....”
“แค่ริมฝีปากแตะกันน่า อย่าคิดมาก” พี่เจอร์พูดขึ้น แล้วบอกลาไปดูละครเวทีใหญ่ ทิ้งให้พวกเราซ้อมบทกันเอง ซึ่งก็ไม่ได้ซ้อมหรอก ฮ่าๆ คนอื่นๆ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรก็แบ่งกันไปทำ
จริงๆ นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือนแล้วครับอีกไม่กี่อาทิตย์งานละครเวทีคณะก็จะเริ่มแล้ว การเตรียมการทุกอย่างก็ราบรื่น ยกเว้นพี่เจอร์มาบอกทีหลังว่าฉากจุมพิตผมกับไอ้คีย์อยากให้จูบจริงนั่นแหละ บอกช้าจริงๆ ถ้าบอกเร็วกว่านี้ได้จูบกันหลายครั้งเลยนะเนี่ย
.
.
.
[มีต่ออีกนิด]

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
[ต่อจร้าาา]
.
.
.

“ซื้อเยอะขนาดนี้ถ้ากินไม่หมดล่ะน่าดู” ไอ้คีย์บ่นตามหลังแต่ก็ไม่ยอมห้ามสักทีที่ผมหยุดเดินแล้วแวะซื้อของกิน ตอนนี้ผมกับมันมาเดินตลาดนัดครับ เดินตั้งแต่ฟ้าสลัวจนตอนนี้ก็มืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากร้านค้า
“กินไม่หมดล่ะน่าดู แต่ถ้ากินกูอะน่ารัก”
“มุกเหี้ยไรเนี่ย” เอ่อดิ มุกเหี้ยของกูว่ะ
“ฮ่าๆ”
“ยังจะขำอีก” ไอ้คีย์มันว่าแล้วขยี้หัวผมด้วยความรุนแรง ไม่เหมือนในนิยายที่อ่านเลยสักนิด ที่พระเอกต้องขยี้ผมนายเอกเบาๆ ด้วยความมั่นเขี้ยว แต่ของไอ้คีย์นี่ขยี้หัวผมเหมือนอยากให้หัวล้านอะเอาจริงๆ
“ขยี้แรงไปแล้วนะสัส หัวกูล้านขึ้นมาเดี๋ยวก็ไม่มีคนเอากูหรอก”
“ไม่มีคนเอาเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน”
“......” ไม่เอาอะ ไม่อยากเป็นเพื่อน
“ทำหน้างอไรอีก”
“เปล่าซะหน่อย”
“เปล่าแปลว่ามี”
“เออมีแต่ไม่บอก”
“ทำไมไม่บอก”
“ก็ไม่บอกไง ทีมึงยังมีความลับมากมายไม่ยอมบอกกูเลย”
“เพราะมันสำคัญไงกูถึงบอกมึงไม่ได้”
“สำคัญมากขนาดคนที่มึงบอกว่าคนสำคัญสำหรับคนอย่างมึงแบบกูรู้ไม่ได้เลยงั้นเหรอ”
“ก็รู้ได้ แต่ยังไม่อยากให้รู้” ความลับเยอะนะมึง
“เออๆๆ อยากบอกเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน กูพร้อมสาระแนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ไอ้ขี้เสือก”
“เหมือนมึงแหละ”
“ขะ... โทษนะคะ หนูขอถ่ายรูปพวกพี่ได้ไหม” ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงสี่ห้าคนยืนหน้าแดงกลั้นเสียงกรี๊ดเอาไว้ ฟินล่ะสิ พี่รู้พี่เคยเป็นมาก่อน ฮ่าๆ
“ครับ ได้ครับ” ผมกับไอ้คีย์ยืนชิดๆ กัน จะได้ไม่เกะกะคนที่เขามาเดินตลาดนัดเวลาน้องเขาถ่ายรูป และก็มีคนเข้ามาขอแจมถ่ายด้วยหลายคนอยู่นะ ทุกคนดูเป็นมิตรเหมือนที่ผมเคยเจอ
“มากันสองคนเหรอคะ”
“เที่ยวให้สนุกนะคะพี่คีย์พี่เพลง อร๊ายยยย”
ไม่ต้องสืบก็พอจะรู้ว่าหลังจากจากกันไป ในเพจคู่จิ้นผมกับไอ้คีย์ต้องมีเรื่องฟินๆ ให้ชาวจิ้นวายได้ฟินกันแน่นวล คิดแล้วก็นึกถึงตอนตัวเองเป็นแอนมินเพจคีย์มิวเหมือนกันแฮะ
“ว้ายยยย น้องคีย์~”
“มาได้เวลาพอดีเลย มาช่วยพวกพี่หน่อย” เดินมาได้ไม่ไกลมากก็เจอกลุ่มนักศึกษายืนถือกล่องขอรับบริจาคเงินหรือสิ่งของสำหรับนำไปพัฒนาโรงเรียนทุรกันดาร เห็นป้ายเขียนว่างั้นนะ สงสัยจะเป็นรุ่นพี่คณะไอ้คีย์ ไม่ค่อยคุ้นหน้าเท่าไหร่
“พวกพี่รับบริจาคไม่ค่อยได้เลย น้องคีย์ช่วยหน่อยนะ”
“ช่วยยังไงครับ” ไอ้คีย์ถามรุ่นพี่ในชุดนักศึกษาสาวสวยคนหนึ่ง แหม เห็นสาวสวยหน่อยพูดดีขึ้นมาเชียว
“เดี๋ยวคีย์ช่วยร้องเพลงเรียกคนดูให้หน่อยสักเพลงสองเพลง พอจะได้ไหม” รุ่นพี่คนนั้นพูด พร้อมกับรุ่นพี่อีกคนที่ถือกีตาร์ยิ้มแฉ่งรอ
“เออ.. เอางั้นก็ได้ครับ เพลงเดียวนะครับ”
“จ้ะ เพลงเดียวก็ได้” ไอ้คีย์ยิ้มรับแล้วเอากีตาร์มาลองดีดดู
“น้องเพลงค่ะ พี่ขอยืมคู่จิ้นน้องเพลงแป๊บหนึ่งนะคะ”
“ค... ครับ” ผมรับคำแล้วยิ้มให้พวกเขา
“เพลงมึงมาร้องเพลงดิ เดี๋ยวกูดีดกีตาร์”
“จะให้กูไปร้องเพลงไก่ย่างถูกเผาเหรอสัส” รู้ๆ อยู่ว่ากูเสียงใสเหมือนไจแอนท์ ยังจะมาใช้ให้ไปร้องเพลงอีก
“ก็ได้นะ เต้นด้วยก็ดี”
“กูประชด”
“หึ~” มันทำเสียงขึ้นจมูกแล้วยิ้มให้ก่อนจะหันไปสนใจกีตาร์ในมือ
ไอ้คีย์นั่งลงบนเก้าอี้บาร์สูง ขาข้างหนึ่งยันพื้น ส่วนอีกข้างวางไว้บนที่วางเท้า มือข้างหนึ่งจับด้ามกีตาร์เอาไว้ ส่วนอีกข้างกำลังเกาสายกีตาร์เบาๆ หึ! นึกว่าตัวเองเท่มากสินะ เอ่อดิ! มึงมันเท่ มึงมันหล่อ กูถึงได้ตกหลุมรักมึงจนไปไหนไม่ได้เนี่ย ไอ้สัสคีย์ ไอ้ต้าวความรัก ไอ้คนประสาทที่ทำให้กูประสาท
ไอ้คีย์นั่งขยับตัวไปมาให้เข้าที่แล้วเริ่มดีดกีตาร์ ผู้คนที่ผ่านไปมาเริ่มหันมาให้ความสนใจ ส่วนผมก็ต้องหลบไปอยู่ข้างๆ จะได้ไม่บังป้ายและไม่เกะกะพี่ๆ ที่ถือกล่องรับบริจาค กีตาร์เริ่มเล่น และเสียงเพลงจากปากไอ้คีย์ก็กำลังเริ่มขยับ ผมที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดคลิปเป็นอันหงุดหงิดเพราะไอ้ดลโทรเข้ามา โทรเข้ามาได้จังหวะมากไอ้สัสนี่
“ว่าไง” ผมรับโทรศัพท์แล้วเดินเลี่ยงไปเลี่ยงมา พอรู้ตัวอีกทีก็ถูกเบียดให้มาอยู่รวมกับผู้ชมที่มายืนออมองดูไอ้คีย์
ผมคุยธุระกับไอ้ดลแป๊บเดียวเอง หันกลับมาอีกทีเพลงที่ไอ้คีย์ร้องส่งเข้าฮุกสุดท้ายซะแล้ว

“ฉันอยากให้เธอได้พบรัก
เป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากรู้จักในเธอ
ลองอยู่ในใจฉัน แล้วเธอก็จะเจอ
กับรักแท้ที่จริงใจ”


ผมเงยหน้าเจอกับประโยคนี้ของเพลง พร้อมสายตาของไอ้คีย์ที่มองมาพอดี
โอ๊ย! เหมือนจู่ๆ ก็มีไฟฟ้ามาช็อต หันไปมองทางอื่นไอ้คีย์ อย่ามองกู กูยังเด็ก กูยังไม่อยากหัวใจวายตาย ฮื่ออออ

“...อยากให้เธอหลับตา แล้วลองนึกถึงใครสักคน
ที่มีความสุขที่เปี่ยมล้น และอยู่ตรงนี้อีกหนึ่งคน
คือฉันคนนี้ที่มอบความรักให้กับเธอ...”


เขินได้มั้ย เขินได้หรือเปล่า โอ๊ยหัวใจ เต้นแรงเหลือเกินทุกคนนนนน ผมพยายามแก้เขินด้วยการหันหน้าไปมา ไม่สบตามัน ขืนสบตามันผมต้องเผลอยิ้มกว้างเหมือนฮิปโปแน่ๆ น่าเกลียดตายเลย แต่เหมือนยิ่งหันไปมองรอบๆ ยิ่งต้องเขินไปใหญ่ เพราะเหมือนคนมันค่อยๆ ตีตัวออกห่างจากผม จนกลายเป็นจุดเด่นอยู่ตรงหน้าไอ้คีย์

“... ฉันไม่ใช่คนรูปหล่อ ฉันไม่ใช่คนเสียงดี
แต่ฟังฉันเถอะคนดี เพราะฉันคือคนคนนี้
คนธรรมดาคนนี้ที่ ร้องเพลงนี้ให้เธอ...”


เออสิ มึงมันไม่หล่อ เสียงก็ไม่ดี อยากให้ฟังเหรอ ก็ฟังมึงอยู่นี่ไง ถ้าร้องเพลงนี้ให้กูจริงๆ ก็ช่วยมาจีบกูเถอะ กูโง่ กูดูไม่ออกอันไหนแกล้งทำ หรืออันไหนตั้งใจ

ไอ้คีย์ยังคงร้องต่อจนจบ แต่ผมนี่สิ เกือบจบชีวิตตัวเองลงตรงนี้แล้ว เข้าข้างตัวเองได้ไหมว่ากำลังถูกจีบอยู่ หรือผมควรยิ้มอายๆ บิดตัวไปมา เผื่อไอ้คีย์เดินมาบอกรัก
กรี๊ดดดดด
นี่ไม่ใช่เสียงผมใช่ไหม เฮ้อออ ค่อยยังชั่วที่ไม่ใช่ ดีหน่อยที่เป็นเสียงกลั้นกรี๊ดของคนรอบข้าง
“จบไปแล้วนะครับสำหรับเพลงรักเพลงหนึ่ง ใครที่ชอบก็แวะเข้ามาร่วมบริจาคเงินหรือสิ่งของสำหรับโครงการเราได้เลยนะครับ” ไอ้คีย์พูดจบแล้วลุกขึ้นยื่นกีตาร์คืนให้พวกรุ่นพี่
“ร้องจบแล้วเหรอ” ผมถามไอ้คีย์เมื่อมันเดินเข้ามาหา
“จบแล้ว กลับเลยปะ”
“อืม กลับดิ” ทำตัวไม่ถูกโว้ยยยย เหมือนถูกจีบ จริงๆ นะ จีบกูเถอะไอ้คีย์ จีบกูที
“อยากให้ ช่วยมาจีบมาจีบฉันที
มาจีบมาจีบฉันที ชะเง้อรอนานแล้ว
จีบมาจีบมาจีบฉันที มาจีบมาจีบฉันสักที
ฉันทอดสะพานให้แล้ว”

ผมไม่ได้ร้องออกมาหรอกครับ แต่เสียงเพลงนี้มันดังขึ้นมาระหว่างทางเดินออกจากตลาด มาได้จังหวะจริงๆ
“กูร้องเพลงเป็นไงบ้าง”
“ก็เพราะดี”
“กูก็ว่างั้น”
“นี่ เรื่องชมให้คนอื่นชม ไม่ใช่ชมตัวเอง”
“อ้าวก็เสียงกูเพราะจริงๆ นิ”
“หลงตัวเอง”
“หลงคนแถวนี้ด้วย”
“อะไรนะ” เมื่อกี้มันว่าไงนะ หลงคนแถวนี้ ไหน? ใครอยู่แถวนี้บ้างน้าาาา!
“มองหาอะไร”
“มองหาคนแถวนี้ไง”
“จะมองทำไม คนแถวนี้ก็มีแค่มึงกับกู” กูกับมึงเหรอ โอ๊ยยยหัวใจฟหกดสัเหกด้้าส่้เด
“มึงว่าเนื้อเพลงเมื่อกี้เป็นไงบ้าง”
“เนื้อเพลงเหรอ น่ารักดี เอาไว้ร้องจีบใครสักคนน่าจะเหมาะ” แล้วใครคนนั้นต้องเป็นกูด้วยนะ ถึงจะดี
“จริงๆ กูก็กะเอาไว้ร้องจีบคนที่ชอบแหละ” คนที่ชอบเหรอ
“ค... ใคร” ใจสั่นหวั่นไหว พูดชื่อกู พูดชื่อกูออกมาไอ้คีย์ มึงพูดชื่อกูออกมาเดี๋ยวเน้!
“ไม่บอก” ลีลาจัดไอ้สัส
“เรื่องมากจริงนะสัส”
“ใบ้ให้ก็ได้”
“ว่ามา”
“คนคนนี้ออกจะโง่หน่อยๆ ปัญญาอ่อนนิดๆ”
“.......” กูก็โง่นะ ปัญญาอ่อนด้วย
“ชอบคิดไปเอง แล้วก็ชอบกินไก่ด้วย”
“………” อุ้ย! คิดไปเองนี่กูเลยนะ เรื่องมโนไม่เคยแพ้ใคร ส่วนเรื่องกินไก่กูยืนหนึ่งเลยขอบอก
“แล้วเพลงเมื่อกี้กูก็ร้องจีบเขาไปแล้วด้วย ถ้าไม่โง่เท่ามึงก็คงรู้ตัวแล้วล่ะ ว่ากูกำลังจีบอยู่” มันหันมามองหน้าผมแล้วก้มลงมองที่มือผม
“กูช่วยถือ” ช่วยถือที่ว่าไม่ใช่ช่วยหิ้วถุงจากในมือผมหรอก แต่มันช่วยถือด้วยการกุมมือผมที่ถือถุงใส่ของกินมากมาย อยากเล่นตัวนะ แต่นาทีนี้ไม่เล่นตัวดีกว่า เดินมันไปแบบนี้แหละ กูไม่ขัด :)



.............


ชัดเจนขนาดนี้แล้วววว คบกันเลยไหมมมมม เมื่อไหร่ดี  :m3:

ปล.ขอคอมเม้นคนที่เห็นสมควรแก่เวลาที่ทั้งคู่จะแต่งงาน... เอ๊ย! คบกันหน่อยจร้าาาา  :3123:



ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ขนาดนี้แล้ว คบๆกันเลยเหอะ :hao7: :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด