[จบ] บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -18- [18-12-2020]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบ] บทเพลงของคีตะ #จิ้นวุ่นY -18- [18-12-2020]  (อ่าน 10521 ครั้ง)

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
- 14 -


ตึก! ตัก! ตึก! ตัก!
ผมจะให้ทุกลองเดาว่าเสียงนี้คือเสียงอะไร...
จะ..
เฉลย..
แล้ว…
นะ….
ห้า!
สี่!
สาม!
สอง!
หนึ่ง!
มันคือเสียงหัวใจของผมเองครับ สาเหตุก็ไม่ได้มาจากใครที่ไหน มาจากไอ้ตัวดีที่นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากซ้อมละครเวทีของพวกเราเอาตอนนี้ แล้วฉากที่เรากำลังเล่นกันอยู่ก็คือฉากที่ผมต้อนนอนนิ่งๆ ประหนึ่งเสียชีวิตแล้วปล่อยให้ไอ้คีย์มันจุมพิตให้ผมตื่นขึ้นมา อร๊ากกกกก
นอนนิ่งๆ มันง่ายก็จริง แต่หัวใจผมนี่สิ มันควบคุมให้นิ่งได้ที่ไหน
แม้จะหลับตาแต่สัมผัสได้ถึงฝ่ามือไอ้คีย์ที่ลูบแก้มผมเบาๆ ลมหายใจร้อนรดที่ใบหน้า เงาภายใต้เปลือกตาค่อยๆ เข้มขึ้น สัมผัสที่ปากของผมช่างนุ่มนวล ต่างจากเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วเหมือนกลองที่ถูกตีตอนกำลังออกศึก
“ใจมึงเต้นแรง” ไอ้คีย์เอามือมาแตะที่หน้าอกผมแล้วพูดขึ้น ผมลืมตาสบตามันที่จ้องอยู่ไม่ห่างนัก
“ก... ก็ไม่เคย” แม้จะแค่เอาปากแตะกันก็ตามที ไอ้คีย์โยกตัวกลับไปนั่งตามปกติ ผมจึงลุกนั่งตามมัน ไอ้คีย์คว้ามือของผมไปวางทาบที่หน้าอกของมัน
ตึกๆๆๆๆ
โอ้โห ใจเต้นแรงกว่ากูอีกมั้งน่ะ
“กูก็ไม่เคย”
“.....” ผมกัดปากมองไปที่มัน ไม่ต่างกัน มันก็จ้องมองมาที่ผม
“กูว่าเราต้องจูบกันบ่อยๆ”
“ห้ะ!”
“เพลง หัวใจกูจะวายตายอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ทำให้ชิน วันที่เล่นกันจริงๆ กูช็อกแน่”
“.....” ที่ไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วย แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะทำเป็นโวยวายยังไง ให้ได้ทำตามที่มันบอก อยากเล่นตัวแต่กลัวจะพลาดโอกาสได้จูจุ๊บกับมัน
“ขอลองอีกทีนะ” ไอ้คีย์ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ ส่วนผมที่ยังคิดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งนิ่งมองการกระทำของมัน
ริมฝีปากหนานิดๆ เคลื่อนเข้าหา สัมผัสแผ่วเบาเริ่มขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากไอ้คีย์กับผมแตะกันอยู่แบบนั้น ต่างฝ่ายต่างนิ่ง ผมไม่กล้าขยับตัวเลย ไอ้คีย์เองก็ไม่ขยับไปไหนเช่นกัน นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ลมหายใจของผมมันได้หยุดไปแล้ว เพราะผมกลั้นหายใจน่ะ ไม่กล้าหายใจแรง กลัวไอ้คีย์เหม็นเปรี้ยว ฮ่าๆ
“หัวใจมึงยังเต้นแรงอยู่เลย” มันก็แหงดิ
“ของมึงก็เต้นแรงน่า” ผมสวนกลับเมื่อเอามือไปแตะหน้าอกมันบ้าง
“กูว่าแค่แตะปากยังไม่พอ เราต้องข้ามขั้น”
“ข้ามขั้น” ยังไง แก้ผ้าเลยมั้ยล่ะ
“เราต้องจูบกันจริงๆ จูบแบบดูดดื่ม”
“เราต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ” ถามไปงั้นแหละ จริงๆ ผมพร้อมแก้ผ้าแล้วด้วยซ้ำ
“ก็เออดิ นักแสดงละครมืออาชีพเขายังต้องถ่ายทำกันตั้งหลายแทค แล้วเราเป็นใคร จะมาเล่นๆ แตะๆ แค่ครั้งเดียวมันไม่ได้อารมณ์หรอก”
“.......” มีเหตุผลนะเนี่ย ขอบใจที่หาเหตุผลดีๆ ฟังขึ้นมาได้ กูจะได้ไม่มีข้ออ้างมาปฏิเสธมึงได้
“อะ... เอางั้นก็ได้”
“งั้นเอาเลยมั้ย”
“ตอนนี้ก็ว่างนะ” ว่างแปลว่าทำได้ เอาเลย กูพร้อมแล้ว
“เราจะจูบกันก่อนนะ ยังไม่ต้องเข้าฉากอะไร จูบให้ชิน โอโคมั้ย”
“อือ”
ไอ้คีย์ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง ไอ้คีย์จูบพรมที่ริมฝีปากผมก่อนจะถอนออกไปครึ่งมิลแล้วจูบซ้ำลงมาอีกครั้ง ละสายตาจากมันไม่ได้เลย ริมฝีปากไอ้คีย์เผยอออกแล้วงับลงที่ริมฝีปากของผมอีกครั้งจนผมต้องเผยอปากรับ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่ก็นะ.....
มีมารมาผจญ…..
“หวัดดี” ไอ้มิว ไอ้ห่า ไอ้ควายยยยยย คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม มึงจะมาหาพ่องมึงทำไมกันตอนนี้
“เออดี” ผมทักตอบมันเซ็งๆ
“ไงไอ้เพลง ไม่เจอมึงนานเลย” ส่วนนี่ก็อีกคน ไอ้ไก่ ไอ้สัสหมา หายไปจากชีวิตกูตั้งนาน กลับเข้ามาในชีวิตกูทำไมจังหวะนี้
“ยังไม่ตาย”
“เป็นห่าไรเนี่ย ดูท่าทางน้ำเสียงเข้า ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า” ไอ้มิวทำเป็นหน้าซื่อๆ ถาม
“เปล่า แล้วนี่พวกมึงมาทำห่าไรเนี่ย”
“อ้าว ไอ้คีย์ไม่ได้บอกเหรอว่าพวกกูนัดกันทำรายงานที่นี่” ผมหันไปมองไอ้คีย์ที่เดินมาพร้อมกับน้ำแล้วก็แก้วในมือ
“กูลืม” ไอ้ห่าเอ้ย
“นี่กูกวนมึงป่ะเนี่ย”
“ไม่” ไม่กวนเหี้ยไรล่ะ
“งั้นค่อยสบายใจหน่อย” ไอ้ไก่ว่า
“งั้นกูไปอยู่ในห้องนอนนะ จะได้ไม่กวนพวกมึง” กรี๊ดดดด อยากกรี๊ดเป็นนางร้ายในละครให้มันรู้แล้วรู้รอด ไอ้สัสเปรตพวกนี้นิ หึ่ยยยยย
ผมได้แต่ทำฟึดฟัดมองพวกมันผ่านห้องนอนที่เป็นกระจกใสกั้นเอาไว้ เพราะทำไรไม่ได้นอกจากยกโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้ม
หืมมมม เดี๋ยวนะ #บทเพลงของคีตะ คิดเทรนทวิตเตอร์ว่ะ อะไรยังไงกันครับเนี่ยยยย
อ๋ออออ ที่ติดแท็กเพราะเมื่อวานไปเดินตลาดนัดกับไอ้คีย์นะเอง มีคนอัปรูปอัปคลิปเต็มเลย พอเห็นทวิตไหนในทำนอง เขาไม่ใช่คู่จิ้นเขาคือคู่จริง หรือ แฟนกันแหละดูออก แล้วคันไม้คันมือโควททวิตแล้วบอกเห็นด้วยๆ พอคิดแล้วก็เขินเหมือนกันนะ จู่ๆ มาร้องเพลงบ้านั่นให้กัน ควายเอ้ยยยย นี่มันต้องจีบแล้วป่ะ โง่จริงๆ เลยเพลง เอ๊ะ! หรือมันแหย่เล่น ไม่หน่า ไม่ใช่หรอก มันจีบแหละดูออก ฮ่าๆ บอกชอบกูเร็วๆ นะ กูพร้อมตอบเยสทุกเมื่อถ้ามึงขอกูเป็นแฟน ฮ่าๆ เป็นบ้าอะไรอีกไอ้เพลง คิดเรื่องอะไรในหัวเนี่ย สติๆๆ
แล้วนอกจากเรื่องเมื่อวานแล้วยังมีคนอัปเดตเรื่องที่พวกเราซุ่มซ้อมละครเวทีเล็กด้วย
คิดถึงละครเวทีเล็กแล้วก็แอบเขินแหะ เมื่อกี้กูกับไอ้คีย์กำลังทำอะไรกันเนี่ย บ้าจริง~ เกือบแล้ว เกือบได้แก้ผ้าแล้วเชียว เห้ย! ไอ้เพลง คิดอะไรอีกเนี่ย เพลงมึงไม่ใช่คนลามกนะ ไม่เอาไม่คิด
“เพลง”
“อะ... อะไร” ไม่รู้ว่าตอนคิดเรื่องในหัวเมื่อกี้เผลอทำตัวประหลาดๆ ออกไปเปล่า ไอ้มิวถึงได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนี้
“มีคนอุทิศส่วนกุศลให้เหรอ ดิ้นเร่าๆ เหมือนปลาสลิดได้น้ำ” เมื่อกี้กูดิ้นเหรอ
“มึงสิสลิด มีไร”
“จะเที่ยงแล้ว ลงไปซื้อข้าวกัน”
“มึงก็ไปดิ”
“ก็มาชวนมึงนี่ไง”
“โวะ! ไปชวนไอ้ไก่นู้น ร้อนจะตายกูขี้เกียจ”
“กูมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ว่ามาดิ”
“โอ้ยยยยย ไอ้ควาย!” มันพูดแล้วสะบัดตูดเดินจากไป ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องนอนพร้อมไอ้คีย์
“กูจะไปซื้อกับข้าวจะเอาไรมั้ย” ไอ้คีย์ถามผม
“กูไปด้วย” ผมรีบเสนอหน้าทันที
“ทีเมื่อกี้บ่นร้อน” มึงเป็นแปรงขัดส้วมเหรอ ขัดเก่งนักนะไอ้สัสมิว
“ไม่ต้องไปหรอก ร้อนจะตายห่า ตกลงจะเอาอะไร” ไอ้คีย์ถามย้ำ
“ไก่ย่าง”
“เอาอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไก่”
“ไก่ทอด”
“กูบอกว่าอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไก่”
“ก็กูอยากกินไก่”
“เป็นเหี้ยเหรอ แดกไก่ทุกวันเนี่ย”
“เปล่า เป็นคนน่ารัก”
“แหวะ โทษๆ” หลายดอกแล้วนะเพื่อนมิว มึงจะเอาใช่ไหม
“เอาส้มตำ ไก่ ย่าง น้ำตก หมูสามชั้น ยำวุ้นเส้นด้วย”
“ของกินเดิมๆ มึงเคยเบื่อปะเนี่ย”
“แล้วมึงอะเคยเบื่อบ้างปะ”
“หมายถึงของกินหรือหมายถึงคนล่ะ”
“คน” คนคนนี้ที่นั่งอยู่ตรงนี้
“แล้วอยากให้กูเบื่อปะล่ะ”
“ไม่”
“เอ่อ... ขอโทษนะ คือเห็นกูยืนตรงนี้ไหม” ขัดอีกแล้วนะไอ้มิว
“อ้าวมิว มึงมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมพูดกวนไอ้มิว
“ไอ้สัส”
“แค่นี้”
“อืม เดี๋ยวคิดอะไรออกจะโทรไป” ผมบอกไอ้คีย์
“เออ” ไอ้คีย์รับคำสั้นๆ แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมไอ้ไก่
“ไอ้เพลง”
“ไม่ว่าง” กวนตีนดีนัก กูจะไม่คุยกับมึง
“สัส! อยากโดนตีน”
“มึงสิอยากโดนตีน มีไรว่ามา”
“เรื่องมึงกับไอ้คีย์”
“เรื่องกูกับมันแล้วมึงยุ่งไรด้วย”
“นี่มึงวีน”
“เปล๊า~”
“เสียงสูง”
“เปล่านิ”
“มึงกำลังไม่พอใจ” ใช่น่ะสิ ไอ้ควายยย คนกำลังไปกันได้ดี เสือกมาไม่รู้จักเวล่ำเวลา
“จะเข้าเรื่องหรือยัง”
“เออๆ มึงกำลัง.... แป๊บๆ มีคนโทรมาว่ะ” ไอ้มิวยังไม่ทันได้ถามอะไร โทรศัพท์มันเสือกมีคนโทรมาซะก่อน แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว....
“คร้าบบบบ อยู่ห้องไอ้คีย์ครับ” แฟนมันชัวร์
“ยังเลยครับ แล้วกุ้งกินไรยัง” กุ้ง? นี่คบกันแล้วเหรอ
“ครับๆ แค่นี้นะครับ” ไอ้มิวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับโทรศัพท์ตัวเอง เป็นเอามากไม่ต่างจากกูเลยสัส
“ทำหน้าเหมือนอยากเสือก”
“ไม่ได้เสือก แค่อยากรู้ นี่สรุปคบกับพี่กุ้งแล้วเหรอ”
“เสือก”
“โอเค งั้นถือว่ายังไม่ได้คบกัน งั้นกูจีบพี่กุ้งนะ”
“ไอ้เพลง”
“เรียกทำไมนักหนา”
“กูกับพี่กุ้งคบกันแล้ว มึงไม่ต้องสะเออะเข้ามาสอด เพราะมึงเลยสัส กว่าจะคบกันได้ กูตามง้อตามอธิบายแทบตาย มึงอะอยู่เฉยๆ ไปเลย”
“กูเหรอ” ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ผมไปทำให้พวกมันคบกันยากขึ้นตอนไหนวะ
“เออดิ! แม่ง! คิดแล้วยังอยากแก้แค้นฉิบหาย”
“เอ้าไอ้นี่ กูไปสาระแนเรื่องมึงตอนไหนกูยังไม่รู้เลย จะมาแก้แค้นกูได้ไง”
“ไม่รู้แหละ กูแค้น”
“เรื่องของมึงเถอะ ยังไงซะคนแบบมึงก็ทำไรกูไม่ได้หรอก”
“ได้ไม่ได้เดี๋ยวมึงก็รู้”
“มึงจัดมาเลย เอาหนักๆ นะ”
“มึงท้าเหรอ”
“ท้าน่ะสิ” ไอ้ห่านี่ จู่ๆ ก็มาหาเรื่อง
“คุยไรกัน” ไอ้คีย์ที่กลับเข้ามาถึงห้องถามขึ้น
“คุยเรื่องหมาเรื่องแมว” ไอ้มิวพูดแล้วเดินไปช่วยไอ้คีย์ถือถุง
“ซื้อไรมาเยอะแยะว่ะเนี่ย มีของชอบกูด้วย”
“เออ เอาไปใส่จานไป” ไอ้มิวรับมันไปแล้วเดินเข้าครัว บาดตาบาดใจกูจริงๆ ของชอบของมึงงั้นเหรอ ไอ้มิว มึงจะเอาใช่ไหม หึ! ได้!

“คีย์เอาหนังไก่ให้กูหน่อย” ผมบอกไอ้คีย์ที่กำลังแกะน่องไก่ออกจากไม้ แล้วมันก็แกะเอาหนังสีแดงน้ำตาลแดงน่ากินออกมา ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าไอ้มิว ไอ้สัส! กูบอกว่าแกะให้กู
“คีย์ กูบอกให้มึงเอามาให้กู” แล้วมึงเป็นเหี้ยไรไอ้มิว มึงเป็นง่อยเหรอถึงไม่ใช้มือตัวเอง ต้องใช้ปากงับทำเหมือนไอ้คีย์กำลังป้อนอาหารหมาน่ะห้ะ
“มึงตาบอดเหรอเพลง หนังไก่ไหม้ขนาดนั้นมึงจะแดกให้มันไปกระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ก่อมะเร็งหรือไง อยากแดกไก่ก็กินเนื้อๆ นี่ แล้วกินแค่วันนี้นะ” ขอบใจจ้ะ ไม่ได้พูดออกไปหรอก แต่ยิ้มอยู่ในใจ เป็นห่วงกูก็ไม่บอก ทำไมไอ้ต้าวหน้าหมามันได้น่ารักแบบนี้นะ
“อ้าวแล้วกูอะสัส! จะเป็นมะเร็งตายก็ไม่แคร์ว่างั้น” ไอ้มิวกลืนหนังไก่แล้วพูดขึ้น
“คนอย่างมึงไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า จะตายง่ายก็ไอ้เพลงนี่ แดกห่าแม่งทุกอย่าง” อ้าว วกมาด่ากูเฉย
“แต่มีอย่างหนึ่งที่กูยังไม่ได้แดก”
“อะไร” ไอ้ไก่ที่แดกเงียบๆ อยู่นานถามขึ้น
“ไอ้คีย์” โว้ยยยยยย ในใจมันบอกแบบนั้น แต่อยู่ต่อหน้าไอ้พวกนี้แล้วเล่นไม่ลง ได้แต่เก็บเอาไว้พูดในใจคนเดียว แล้วทำไมต้องเงียบกันหมดด้วยว่ะ มองกูกันใหญ่เหมือนนัดกันมา
“ม... มองห่าไร”
“มองมึงไง รออยู่เนี่ยว่าจะตบมุขอะไร”
“กะ.. กู...ลืมไปแล้ว”
“โถไอ้ห่า กูอุตสาห์รอตบมุขต่อ” ไอ้ไก่กลับไปก้มหน้าแดกต่อ
“ก็กูลืม” ห่าจิก เสียมุขเต๊าะไอ้คีย์หมดเลย
“คราวหลังก็บอกไปนะว่าอีกอย่างที่ยังไม่ได้แดกคือกู” ไอ้คีย์ ไอ้คีย์มันพูดออกมาได้ง่ายๆ ไม่เคอะเขินห่าไรเลยครับ ได้ มึงพูดเองนะ เดี๋ยวกูตบมุขให้จะได้ไม่เสียของ
“กูแดกมึงได้เหรอ”
“แล้วอยากแดกป่ะล่ะ”
“ก็.... ก็อยากลองดูเหมือนกัน” เชี่ยยยย กูพูดไรเนี่ย
“สัสเอ้ย แม่งแดกไม่ลงแล้ว” ไอ้มิวทำหน้าเหม็นกลิ่นความรักเต็มที ตามด้วยไอ้ไก่ที่จ้องมาไม่หยุด
“มองเหี้ยไร”
“พวกมึงสองคน” ไอ้ไก่เอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาจิ้มๆ กันแล้วทำหน้าตาล้อเลียน
“ไอ้สัส!”
“ไอ้ห่ารีบๆ แดกเลย จะได้ไปทำงานต่อ” ไอ้คีย์ไล่ให้มันรีบๆ กินกัน ไอ้คีย์จะได้ให้ผมกินมันต่อหลังจากที่พวกห่านี่กลับไปแล้ว ว้ายยยย มโนล้วนๆ ฮ่าๆๆ

ยาว...
ยาวจริงๆ เลย
ไอ้พวกนี้มันอยู่ยาวเลยจริงๆ นี่ห้าทุ่มแล้วพวกมันยังทำรายงานกันไม่เสร็จ เห็นบอกตัวเลขไม่ลงตัว ต้องรื้อใหม่อะไรก็ไม่รู้
“พี่กุ้งจะอยู่รอไอ้มิวมันจนเสร็จเลยเหรอ” ผมถามพี่กุ้งที่มาตั้งแต่เย็นๆ พร้อมกับของกินมากมายที่ลงไปอยู่ในพุงของผมแล้วเรียบร้อย
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับแล้วล่ะ”
“นึกว่าจะรอไอ้มิวมันซะอีก ผมจะบอกให้ไปอาบน้ำแล้วมานอนรอมัน นี่เดี๋ยวผมก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไร เกรงใจ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“ผมไม่ได้ไล่นะ พี่จะอยู่รอก็ได้ เปิดไฟไว้ก็ได้นะ ผมหลับง่าย”
“พี่ตั้งใจจะกลับอยู่แล้ว ให้มานั่งรอมันคงไม่ไหว เออนี่ พี่ถามอย่างหนึ่งดิ”
“ครับ?”
“เพลงกับคีย์คบกันแล้วเหรอ”
“จะเหรอบ้าพี่กุ้ง เอาอะไรมาพูด” แต่ขออนุญาตสาธุหน่อยแล้วกัน สาาาาาธุ
“เดาเอา เห็นคีย์หันมามองบ่อยๆ พักนี้ในเพจคู่จิ้นเรากับคีย์ก็ดูอัปเดตอะไรที่เรียลมากขึ้นด้วย”
“พี่กุ้งไลค์เพจด้วยเหรอ”
“เห็นเพื่อนชอบคุยกัน เลยไปฟอลโล่ไว้คุยกับเพื่อน คู่คีย์กับเพลงน่ารักดีนะ”
“จริงเหรอครับ”
“แล้วเพลงว่าไงอ่ะ”
“ผมว่า...”
“กุ้งงงง เขาเหนื่อยจังเลยขอพักหน่อยน้าาาา” ไอ้มิวพุ่งตัวเข้ามานอนตักพี่กุ้งด้วยน้ำเสียงแห่งความตอแหลเลเวลสิบ
“ลุกเลยมิว พี่จะกลับแล้ว”
“อ้าวจะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่ต้องเลย อยู่ทำงานกับเพื่อนนี่แหละ เหลืออีกเยอะไม่ใช่เหรอ”
“ก็เค้าอยากไปส่งนิ”
“แหวะ~” ขอเอาคืนบ้างเหอะ ไอ้มิวทำตาเหลือกมองผม
“พี่กุ้งไม่ต้องกลับหรอก นอนกับเพลงนี่แหละ” ปกติไม่เคยแทนตัวเองว่าด้วยชื่อเลยนะ แต่รอบนี้มันต้องปั่น
“ไม่ต้องเสือกเลยไอ้เพลง” ไอ้มิวเด้งตัวลุกมานั่งมองหน้า คนอย่างมึงมันต้องโดนปั่นให้เละ
“พี่กุ้งนอนกับเพลงนะครับ” ผมเข้าไปกอดเอวพี่กุ้งจากด้านหลังแล้วเอาคางเกยไหล่แกไว้ พร้อมกับยักคิ้วให้ไอ้มิวสองที เป็นไง ควันออกหูเลยอะดิ ฮ่าๆ
“กลับห้องเลยกุ้ง นี่อยู่กับไอ้เพลงมาหลายชั่วโมงแล้วโดนมันลวนลามอะไรบ้างเนี่ย” ไอ้มิวแกะมือผมออกจากตัวพี่กุ้ง แล้วดึงมือพี่กุ้งให้ลุกขึ้นพลิกตัวพี่แกไปมาสำรวจร่างกายแล้วจ้องหน้าหาเรื่องผม
“ทำม่ะ มึงจะทำม่ะ” ผมถามมันโดยไม่ออกเสียง
“ไอ้เหี้ย” มันด่าแบบไม่มีเสียงกลับมา
“พี่ไปก่อนนะเพลง” พี่กุ้งกลั้นขำแล้วหันมาบอกผม
“ครับ คราวหน้ามาใหม่นะครับ ตัวพี่กุ้งนุ่มนิ่มดี เพลงอยากกอดอีก”
“ไอ้เพลง”
“พอเหอะเพลง อย่าหางานให้พี่เลย” พี่กุ้งว่าขำๆ แล้วเดินตามแรงลากของไอ้มิวออกจากห้อง อาการหนักเหมือนกันนะเนี่ยไอ้มิว
“เพลง”
“หืม” ผมตอบไอ้คีย์ที่เดินเข้ามาหาหลังจากสองคนนั้นเดินออกไป
“พี่กุ้งเป็นรับ”
“ไม่ผิดคาดแฮะ” ถึงพี่กุ้งจะสูงกว่าไอ้มิว แต่ก็พอเดาได้แหละว่าแกอยู่โพไหน ผิวขาวบอบบาง ตัวนุ่มนิ่มน่ารัก
“มึงรู้แล้ว”
“เออดิ ก็พอเดาออก มีไรเปล่า”
“แล้วมึง...”
“อะไร มึงจะพูดไร”
“ช่างเหอะ” ไอ้คีย์คิ้วขมวดแน่นเดินออกไปนั่งทำงานต่อ อะไรของมันว่ะ

ผมนั่งๆ นอนๆ อีกพักใหญ่ๆ ตาก็เริ่มปรือ หูก็เริ่มไม่ได้ยินที่พวกมันคุยกัน ไปนะ กู๊ดไนท์เพื่อน~
“เพลง” หืมมมม เสียงไอ้คีย์นิ
“รายยยย~” ผมครางตอบทั้งที่ตายังปิด คนจะนอนเรียกทำไม
“มึงจะกินกูไม่ใช่เหรอ ลุกมากินดิ”
“จะนอน~” เรียกให้กินอะไรดึกดื่น ทุกทีบ่นจะเป็นจะตายที่หาอะไรกินดึกๆ ดื่นๆ
“งั้นกูกินมึงนะ”
“อืมมม~” จะกินอะไรของกูล่ะ ในตู้เย็นกูแดกหมดแล้ว
“อนุญาตแล้วนะ”
“อืออออ~” ชักจะรำคาญแล้วนะ แล้วไอ้คีย์ก็เงียบหายไป ส่วนผมเหรอจำอะไรไม่ได้อีกเลยนอกจาก....

เมื่อคืนก่อนมันเกินอะไรขึ้นว่ะ ผมรู้สึกเหมือนนอนๆ อยู่แล้วมีอะไรไม่รู้มาเขมือบที่ปาก มันนุ่มๆ แฉะๆ เหมือนความฝันแต่คล้ายความจริง ถามไอ้คีย์มันก็บอกไม่รู้ ไม่เห็นอะไร หรือผมฝันจริงๆ ว่ะ แต่ในฝันมันเหมือนจริงมากเลยนะ ทั้งความรู้สึก ทั้งรสสัมผัส เหมือนกำลังมีอะไรมาเขมือบที่ปาก มาดูดที่ลิ้น หรือว่าผมกำลังถูกมนุษย์ต่างดาวเข้าสิง
“โอ๊ยยยย ตีผมทำไมอะ” อะไรวะ จู่ๆ พี่ไนท์ก็เอามือมาฟาดหัวผมเต็มแรง
“ก็กูเรียกตั้งนาน มึงไม่ตอบไง เหม่อห่าไร คิดถึงผัวเหรอ”
“เออดิ” เต็มแรงจริงๆ ครับ มึนหัวไปหมด
“แล้วนี่ไอ้คีย์จะมาเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวก็คงมาครับ” ผมตอบพี่แกไป ตอนนี้พวกเรา อันได้แก่ผม พี่ไนท์ แล้วก็ไอ้เป้ กำลังยืนแจกใบปลิวเชิญชวนเพื่อนๆ พี่ๆ ในมหาลัยไปดูละครเวทีคณะอยู่ครับ แล้วเย็นๆ วันพรุ่งนี้จะมีเปิดขายบัตรรอบพิเศษ พร้อมการแสดงพิเศษที่พวกเราซุ่มซ้อมกันมาเป็นเดือนๆ ก็ละครเวทีสโนว์เพลงกับผู้ชายทั้งสิบนั่นแหละครับ
“เหลือไม่เยอะแล้ว งั้นกูฝากพวกมึงด้วยนะ” พูดจบแกก็เอาใบปลิวยัดใส่มือผมกับไอ้เป้แล้วเดินหายไปเลย เจริญจริงไอ้พี่เหี้ย
“โห่ ซิ่งอย่างไว กูซิ่งบ้างดีกว่า”
“หยุดเลยไอ้เป้ มึงคิดได้แต่ห้ามทำ ไปเร็วๆ จะได้แจกให้มันหมดไวๆ” ไปเร็วๆ ตอนนี้คือไปหอประชุมมหาลัยครับ มีเพื่อนๆ ปีหนึ่งกำลังเรียนวิชาของมหาลัยกลุ่มใหญ่ ใบปลิวหมดแน่คราวนี้ ส่วนคนอื่นๆ ไม่ต้องสงสัย เพราะแยกย้ายกันไปแจกแต่ละจุดในมหาลัยครับ
“ท่านกำลังเข้าสู้บริการรับฝากหัวใจ”
[อยู่ไหน] เสียงปลายสายจากไอ้คีย์ครับ ส่วนเนื้อเพลงเมื่อกี้ผมร้องเองแหละ
“กำลังไปหอประชุม”
[งั้นเจอกันที่นั่นเลยนะ กูเรียนเสร็จแล้ว]
“รับแซ่บ”
“ช่วงนี้มึงเพี้ยนๆ เนอะ” ไอ้เป้ว่าหลังจากผมวางสายไปแล้ว
“นี่มึงด่าเพื่อนเหรอ”
“ชมมั้ง ร้องเพลงเพี้ยนไม่พอ ช่วงนี้ยังสมองเพี้ยงอีกนะมึง”
“เพราะเพี้ยนไง ถึงได้มีเพื่อนเพี้ยนๆ แบบมึงอ่ะ”
“ไอ้สั... น้องดาว” ไอ้ห่าด่าผมยังไม่ทันจบสายตาที่มองมาเลยไปด้านหลังจนผมต้องหันไปมองคนชื่อดาวที่มันเรียกหา สวยว่ะ
“พี่เป้สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะพี่เพลง” ผมรับไหว้น้องเขา รู้จักผมด้วย ดังใช่ย่อยนะบทเพลง
“มาทำอะไรกันค่ะ” ว่าแต่น้องเถอะมาทำอะไร แต่งตัวชุดนักเรียนเต็มยศขนาดนี้
“มาแจกใบปลิวละครเวทีคณะครับ แล้วนี่ดาวมาทำอะไรที่มหาลัยครับ”
“ดาวมาแข่งวิชาการค่ะ ตอนนี้แข่งเสร็จแล้ว แล้วก็ว่างด้วย ให้ดาวช่วยมั้ยค่ะ”
“ดีเลย พวกพี่จะได้แจกให้เสร็จไวๆ เพลงเดี๋ยวมึงแยกไปแจกกับไอ้คีย์เลยนะ เดี๋ยวกูไปแจกกับดาวเอง” มันหันมาบอกแล้วขยิบตาให้
“ตาเป็นไรอะ” ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันส่งซิก แต่การแกล้งเพื่อนคืองานของเรา
“ไอ้สัส” มันขยับปากด่าไม่ได้ออกเสียง
“ไปกันเถอะดาว” ขยันเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเกิ๊น
“ไปก่อนนะคะพี่เพลง สวัสดีค่ะ”
“ครับ” แล้วทั้งคู่ก็เดินจากไป ทิ้งผมไว้กลางทาง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงไม่ยอม แต่เมื่อกี้ไอ้คีย์โทรมาแล้ว ไปแจกกับไอ้คีย์สองคนก็ได้ จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น
ระหว่างรอไอ้คีย์ผมขอบ่นให้อะไรให้ฟังนิดหน่อยแล้วกันนะครับ คือบทละครเวทีที่เราตกลงกันว่าจะต้องจูบจริง แล้วนัดแนะจะซ้อมกับไอ้คีย์ นับตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ เรายังไม่ได้ลองจูบกันเลยครับ ซ้อมทีไรไอ้คีย์ก็แค่เอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ แค่นั้น จะประท้วงมันให้จูบจริงก็ดูไม่ดียังไงไม่รู้ เซ็งเลย อดจูบกับคนที่ชอบ เสียดายโอกาสโคตรๆ
“มาถึงนานยัง”
“ก่อนหน้ามึงแป๊บเดียว” ผมตอบไอ้คีย์ที่พึ่งเดินมาถึงหน้าหอประชุม ตอนนี้ข้างในยังเรียนกันอยู่เลย อีกสักพักคงออกมากันแล้ว ระหว่างนี้ถ้ามีใครผ่านไปมาก็ลุกไปแจกฆ่าเวลาไปก่อน
“คีย์ มึงไหวปะเนี่ย ดูเพลียๆ”
“ไหว”
“มึงกลับก่อนก็ได้นะ” สีหน้ามันดูไม่ค่อยดีเลยครับ ช่วงนี้มันยิ่งโหมทำรายงานดึกดื่นอยู่ด้วย กลัวมันจะไม่สบายเอา
“กูไหวน่า แต่ขอพิงไหล่มึงพักแป๊บหนึ่งนะ” มันก็แค่ประโยคบอกเล่าไม่ใช่ประโยคคำถามเพราะผมยังไม่ทันตอบมันก็เอาหัวมันมาพิงไหล่ผมซะแล้ว
“หนักอะ” อยากให้มันพิงนะครับ แต่มันหนักอ่าาา
“งั้นหนุนตักแล้วกัน” เหมือนเดิมโดยไม่ต้องรอคำตอบ ไอ้คีย์ก็จัดท่านอนให้ตัวเองเสร็จสรรพ
ทำไมไอ้คีย์มันถึงได้หล่อขนาดนี้ว่ะ ผมมองหน้ามันที่หลับตาพริ้มแล้วได้แค่คิดหาคำตอบ
ในสายตาผม ผมเห็นคนหน้าตาดีมาเยอะนะครับ แต่กับไอ้คีย์สำหรับผมมันเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุด หล่อทั้งกายหล่อทั้งใจ มันชอบบ่นผมบ่อยๆ เรื่องการกิน ซึ่งผมก็แอบหงุดหงิดนะเมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้เหรอ ผมทำได้แค่ขอบคุณมันในใจที่ห่วงใยผม ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อน ฐานะคนสำคัญอะไรก็ตาม ผมอยากอยู่กับมันแบบนี้ไปนานๆ มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ
พักหลังมานี้ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์เรามันพิเศษขึ้น บางครั้งผมก็รู้สึกว่ากำลังถูกมันจีบอยู่ บางทีที่ผมแอบแหย่ๆ มันไป มันก็ดูไม่ได้ขัดอะไร
คิดเหมือนกันหรือเปล่า เราคิดเหมือนกันใช่ไหมคีย์ ผมอยากถามแต่ก็กลัวคำตอบ เป็นแบบนี้มันดีอยู่แล้วก็จริง แต่เป็นแบบนี้มันยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่สำหรับคนโง่ๆ อย่างผม ผมกลัว กลัวว่าตัวเองจะคิดเอาเอง เพราะผมชอบมโน ชอบคิดเองเออเอง
ไอ้คีย์ที่นอนหงายเมื่อครู่เปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงซุกหน้าเข้ากับพุงของผม มือข้างหนึ่งมันเอามากอดเอวผมไว้ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนว่ามันกำลังแสดงความเป็นเจ้าของ ผมยกมือขยำผมมันเล่นเบาๆ
“เพลง”
“ว่า”
“มึงอ้วนขึ้นนะ”
“รู้แล้วน่า”
“ไม่ได้ว่าอะไร ก็น่ารักดี” มันว่าแล้วกระชับแขนที่เกี่ยวเอวผมไว้
ชักจะง่วงเหมือนกันแฮะ สักงีบแล้วกัน ผมวางมือข้างหนึ่งวางพาดตัวมันไว้ ส่วนอีกข้างยกศอกพาดพนักพิง แล้วใช้มือดันหัวตัวเองก่อนหลับตาเรียกพลังงานสักหน่อย
เสียงจอแจช่วยปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาจากการแอบงีบ รู้สึกกำลังเคลิ้มๆ เลย
“คีย์ตื่นเร็ว คนเริ่มออกมาแล้ว” ผมเขย่าตัวไอ้คีย์เบาๆ ตัวมันอุ่นๆ กว่าปกติแฮะ
“หืมมม” ตามันปรือๆ มองมา
“มีคนออกมา” ไอ้คีย์นอนมองหน้าผมสักพักมันก็ยอมลุกขึ้น เราสองคนเลยรีบไปเดินดักเพื่อนๆ แล้วแจกใบปลิวพร้อมกับโฆษณาเชิญชวนให้ทุกคนไปดูละครเวทีของคณะ
“อุ้ย! พรุ่งนี้คีย์กับเพลงเล่นละครเวทีด้วยกันเหรอ”
“ครับ แค่เล่นโปรโมทตอนขายบัตรวันพรุ่งนี้วันเดียวน่ะครับ”
“เหรอคะ”
“ไว้พรุ่งนี้ไปดูนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“มึงงง พรุ่งนี้ไปดูกันม่ะ”
“ไปๆ”
“งั้นที่ลือๆ ว่าเล่นละครเวทีคู่กันก็จริงดิ”
“อร้ายยยย”
มีหลายครั้งกับบทสนทนาคล้ายๆ เดิมที่ใครหลายๆ คนเข้ามาถาม และบางครั้งก็เป็นบทสนทนาที่ไม่ได้คุยกับเรา แต่แอบคุยกันเบาๆ ให้เราได้ยิน
“อ่าาาา หมดสักที” ผมบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีเมื่อเราทั้งคู่แจกใบปลิวเสร็จเรียบร้อย
“จะไปไหนต่อ”
“หาไรกินดิ” ผมตอบไอ้คีย์
“มึงจะกินไรล่ะ”
“อืมมมม กินไรก็ได้”
“แปลกแฮะ”
“แปลกยังไง”
“ก็วันนี้มึงไม่ร้องขออยากกินไก่”
“ก็พักบ้าง ไม่อยากให้คนแถวนี้เป็นห่วง”
“ให้คนแถวนี้ได้ห่วงเถอะ เพราะยังไงยังไงไม่ห่วงเรื่องกิน คนแถวนี้ก็ห่วงเรื่องอื่นอยู่ดีแหละ”
“ห่วงเรื่องไร”
“ทำไมต้องบอก”
“เอ้า ก็อยากรู้ไง จะได้ไม่ต้องทำตัวให้น่าห่วง”
“ถ้าไม่อยากให้ห่วงก็หยุดทำตัวน่ารักดิ”
“.......” ตี๊ดดดดดดดดดดดดด เสียงชีพจรของผมเองแหละ ขยันหยอดบ่อยๆ เดี๋ยวกูปล้ำซะเลยนี่
“ยิ้มไร กูไม่ได้หมายถึงมึง”
“อ้าว... แล้วหมายถึงใครอ่า” เฟลเลยกู มึงหมายถึงใครไอ้สัสคีย์
“หมายถึงคนที่กูชอบ”
“ใคร” กูใช่มั้ย! ใช่มั้ย! ใช่มั้ย!
“ไม่บอก” มันว่าแล้วเดินนำหน้าผมไปเลย อยู่กันสองคนก็ต้องกูแล้วป่ะ กูคิดเองเก่งเออเองเก่งมึงไม่รู้ไง
“ตกลงจะกินไร” ไอ้คีย์ถามเมื่อเราขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“ข้าวไข่เจียวข้างทาง”
“ข้าวไข่เจียว?”
“อื้มทำม่ะ” ผมตอบกลับมันไป แปลกมากหรือไง กูกินข้าวไข่เจียวเนี่ย กินออกบ่อยเหอะ
“ไม่ได้รีบไปไหนใช่ป่ะ”
“จะรีบไปไหนอะ”
“ถ้าไม่รีบคนอย่างมึงมีเหรอจะกินแค่ข้าวไข่เจียว”
“ก็ของกินง่ายไม่ต้องรอนาน มึงจะได้รีบไปพัก แล้วเดี๋ยวแวะซื้อยาไปกินดักไว้ด้วย เมื่อกี้ตัวมึงรุมๆ กลัวจะมีไข้”
“เป็นห่วงกูเหรอ”
“ป่าว กลัวพรุ่งนี้มึงไม่มีแรงไปเล่นละครเวทีกับกูไง”
“โด่ นึกว่าเป็นห่วงกูซะอีก” มันว่าเสียงอ่อย ทำหน้าเง้าหน้างอ ไม่บ่อยนะที่จะได้เห็นมันทำหน้าทำตาแบบนี้น่ะ
“ฮ่าๆๆ”
“ขำไร”
“พึ่งเคยเห็นมึงงอน”
“เออกูงอน”
“น่ารักดี” ผมเอามือไปลูบหัวมันเบาๆ เหมือนลูบหัวหมา
“น่ารักแล้วรักกูปะ” สตั้นไปดิ จู่ๆ เจอคำถามนี้
“รีบๆ ขับไปเลย กูหิวแล้ว” ผมเบี่ยงประเด็นที่จะตอบมัน เอาจริงมันตอบยากนะ รักที่มันถามมันคือรักแบบไหน แล้วที่มันพูดมันแค่มุขหรือมันถามจริงๆ แต่ไม่ว่ายังไงผมว่าผมเขินอยู่นะ โว้ยยยยยย หน้าเหน้อร้อนไปหมดแล้ว
“มึงก็กินยาด้วยนะ หน้าแดงๆ สงสัยจะไม่สบายเหมือนกัน”
“อืม!”
“เอ๊ะ! หรือว่ามึงสบายแต่หน้าแดงเพราะเขิน”
“ขะ... เขินเหี้ยไร”
“เขินที่กู...”
“ไฟแดงแล้ว”
“ก็ไฟแดงไง” มันหันไปมองไฟจราจรแล้วหันกลับมามองหน้าผม
“เออว่ะ ไฟแดง” เหี้ยไรเนี่ย คือผมคิดไรไม่ออกไง เลยเบลอๆ นึกว่าไฟแดงเป็นไฟเขียว นึกว่าไฟเขียวคือวิ่งได้ ไฟแดงก็เช่นกัน โอ๊ยยยย งงตัวเอง สมองสับสน หัวใจปั่นป่วน
“เอาเป็นว่าจะสบายหรือไม่สบายมึงก็ต้องกินยา”
“.....”
“ยาระงับประสาท ฮ่าๆ”
“สัส!”
.
.
.
เนี่ย ก็เป็นกันซะแบบเนี่ยะ ไม่กวนตีนก็กวนประสาท ถึงไม่รู้ว่าจริงๆ เราคิดเหมือนกันหรือเปล่า



..............



เนี่ยยย ก็หยอดเก่งปากหนักกันทั้งคู่ เลยไม่ได้ฟหกด่าสวงกันสักที  o16
แล้วสรุปอะไรที่มันนุ่มๆ แฉะๆ เขมือบที่ปากน้องเพลงล่ะเนี่ย  :confuse:




ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ๊ยยยยยยยรีบๆเปิดตัวเหอะ :hao7:เพลงจะได้ไม่โดนลักหลับ555 :hao6:

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
- 15 -


จบไปแล้วเรียบร้อยครับกับการทำหน้าที่โปรโมทละครเวทีคณะเรา ละครเวทีเล็กแต่เล่นใหญ่ก็เล่นกันเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน ส่วนไอ้คีย์นั้นไม่ผิดคาดเท่าไหร่เพราะไข้มันขึ้นตั้งแต่ก่อนเริ่มแสดงแล้ว ยิ่งฉากจูบที่เราต้องเล่นด้วยกัน ไอร้อนนี่แผ่กระจายรอบตัวไปหมด
“คีย์มึงกลับก็ได้นะ เดี๋ยวกูอยู่ช่วยพวกพี่ๆ เขาขายตั๋วก่อน” ผมบอกมันหลังจากเราแสดงเสร็จแล้วมาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่ห้องแต่งตัว
“ไม่เป็นไรกูรอไหว”
“ไหวห่าไรล่ะ มึงกลับไปเลย”
“แล้วมึงจะกลับยังไง”
“รถเมล์ก็มี วินก็มี พวกรุ่นพี่หรือเพื่อนกูก็มีรถกันหมด เดี๋ยวกูก็ติดสอยห้อยตามพวกมันเองแหละ”
“ไม่เอาอ่ะ”
“ไม่เอาเหี้ยไร งอแงหาพ่องมึงเหรอ”
“ป่าว งอแงหามึงอะ เพื่อนมึงพี่มึงมีแต่คนหล่อๆ ทั้งนั้นเลย”
“หล่อแล้วไง” ในสายกูตายังไงมึงก็คือที่สุดอยู่แล้วน่า
“เดี๋ยวมึงหวั่นไหว”
“กูหวั่นไหวง่ายขนาดนั้นตอนนี้กูก็เป็นผัวมึงไปแล้วมั้ยคีย์”
“นี่มึงจะบอกว่ากูหล่อ”
“.....” เออดิ สัส!
“หึ หึ~” ทำเป็นขำ
“เดี๋ยวกูโทรตามไอ้มิวให้ไปส่งมึงดีกว่า”
“ไม่ต้อง บอกว่าจะรอไง เดี๋ยวนอนสักงีบกูก็ดีขึ้น”
“งั้นก็อยู่ในห้องรอแล้วกัน”
“ครับ” เนี่ยยยย คำว่าครับเนี่ยยย หลายครั้งแล้วนะ ที่ต้องมาใจสั่นเพราะคำนี้เนี่ย แค่คำว่าครับนี่แหละ ลองให้เพื่อนทุกคนที่กูมึงมาตลอด จู่ๆ มาครับๆๆ ในสถานการณ์ที่ผมเผชิญอยู่ดูสิครับ ฮื่อออออออ

เอาจริงๆ การโปรโมทเราไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่มีละครเวทีลงเวทีเล็กก็ได้นะเอาจริง แค่พวกมหาเทพมายืนทำหน้าหล่อๆ ก็เรียกสาวๆ ทั้งแท้ทั้งเทียม ที่เดินไปมาให้ต่อแถวเข้ามาซื้อตั๋วกันแล้ว พึ่งรู้ว่าฮอตจริงจังก็ตอนมารวมตัวกันตอนนี้นี่แหละ ส่วนผมเหรอ นั่งเป็นหลุมดำยิ้มแห้งท่ามกลางพวกพี่ๆ มันนี่แหละ
ที่ยิ้มแห้งนี่ไม่ใช่อะไร แต่เพราะทำตัวไม่ถูกที่ถูกพวกมันเอาใจใส่ ไม่ต้องหาคำตอบให้ยากว่าทำไม หนึ่งเอาใจสาววาย สองพวกมันกำลังตอแหลทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าสาวๆ แหมมมม ลับหลังเหรอ ผลักหัวกูบ้าง ตบกระบาลกูบ้าง ไอ้พวกรุ่นพี่ตีสองหน้า
“เพลงน้ำ” แหนะ มีกงมีแกะให้ด้วย
“เพลงซับเหงื่อหน่อย” เหอะ กูมีมือมั้ยพี่
“ร้อนปะ” หืมมม เอาพัดลมจิ๋วมาเป่าให้ด้วย ทำมาเป่งงงง
“หึ~”
“ขำไร” ผมสะกิดไอ้กันต์ที่นั่งข้างๆ
“ขำมึงไง ทำหน้าตลกฉิบหาย”
“ก็กูทำตัวไม่ถูกอะ ปกติทำดีกับกูกันซะที่ไหน”
“กูทำบ้างดีม่ะ”
“อย่าหาทำสัส”
“ตอนนี้ตั๋วรอบพิเศษของเราหมดแล้ว แต่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ยังสามารถไปหาซื้อกันได้ที่ไทยทิคเก็ทนะครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณมากๆ นะครับ”
“ส่วนใครที่จะถ่ายรูป ต่อแถวได้เลยนะครับ” เสียงพวกพี่ๆ พูดจบ ก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ ของสาวๆ ทั้งแท้ทั้งเทียม เราแบ่งถ่ายกันสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกนักแสดงละครเวทีจริงๆ มาถ่ายรูป และอีกกลุ่มคือพวกมหาเทพกับเพื่อนพี่เขาแล้วก็พวกเพื่อนๆ ผมนี่แหละ พึ่งสังเกตว่าแต่ละคนรูปร่างหน้าใช่ย่อยก็วันนี้แหละ ปกติไม่ค่อยได้มองพวกมันเท่าไหร่ มองแต่ไอ้คีย์คนเดียว
แต่ละคนนี่ฮอตเหมือนในนิยายที่ไม่มีวันได้เห็นในชีวิตจริงยังไงยังงั้นเลยแฮะ ส่วนผมเหรอ แพ้แค่ส่วนสูงแค่นั้นแหละ เรื่องหน้าตา เอออออ ยอมแพ้ก็ได้ว่ะ
“เพลง มึงไปเรียกคู่จิ้นมึงมาดิ” พี่เจอร์เข้ามากระซิบบอก
“มันไม่สบายพี่”
“แป๊บเดียวน่า” เอางั้นเหรอว่ะ แป๊บเดียวก็แป๊บเดียว
ผมเดินเลี่ยงออกมาเพื่อเดินไปหาไอ้คีย์ที่ห้องแต่งตัว
“เพลงกูกลับก่อนนะ”
“อ้าวจะกลับแล้วเหรอ” ผมถามไอ้ดลที่เดินตามผมมา
“เบศมารอนานแล้วอะ ไว้เจอกันคืนนี้”
“เออๆ เจอกันๆ” พูดไปงั้นแหละ คืนนี้ผมอาจไม่ได้ไปร้านเหล้าแบบที่นัดกันไว้ เกิดไอ้คีย์ป่วยขึ้นมาจริงๆ ก็คงต้องเฝ้าดูมันแหละ
ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่ก็ต้องสะดุดลมหายใจตัวเองกับภาพที่เห็นตรงหน้า
ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกับภาพที่เห็น แต่ถ้าไม่เชื่อสายตาตัวเองแล้วจะให้ผมไปเชื่อใครล่ะครับ
“ว้ายยย”
“เพลง” สีหน้าตื่นๆ ของไอ้คีย์บ่งบอกชัดเจนว่ามันตกใจแค่ไหน ซึ่งก็ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อยู่ใต้ร่างมันเท่าไหร่ ที่มีสีหน้าตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน
“ขะ... ขอโทษ” ผมรีบปิดประตูแล้วเดินออกมาจากห้องนั้นทันที ภาพไอ้คีย์กำลังนอนคร่อมผู้หญิงที่ผมรู้สึกคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกยังติดอยู่ในหัว
ไม่อยากคิดมากแต่มันก็อดคิดไม่ได้ ภายในอกมันสั่นเทาและวูบโหวงไปหมด ทั้งอึดอัดและร้อนรน จนต้องเอามือมากุมเอาไว้จนเสื้อยับไปหมด ความรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มากระแทกที่หัว มั้งมึนทั้งสับสน
“เพลงมึงเห็นน้องดาวปะ”
“ดาว...?”
“ก็น้องผู้หญิงน่ารักๆ ที่มึงเจอเมื่อวานไง ที่แจกใบปลิวกับกูอะ” เมื่อวานงั้นเหรอ ใช่ ผู้หญิงในห้องกับน้องผู้หญิงเมื่อวานนี้
“กู....”
“ดาว มาอยู่นี่เองพี่ตามหาแทบแย่” ผมหันไปมองตามสายตาของไอ้เป้ที่มองเลยไปด้านหลังผม ไอ้คีย์กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาโดยมีน้องคนที่ชื่อดาวเดินตามหลัง
“พี่เสร็จแล้วกลับกันเลยเปล่า”
“ค่ะ กลับเลยก็ได้” ผมมองไอ้เป้กับดาวเดินจากไป
“เสร็จแล้วเหรอ”
“อืม” ผมตอบไอ้คีย์สั้นๆ กลัวน้ำเสียงตัวเองจะไม่ปกติ
“งั้นกลับเลยมั้ย”
“มึงกลับก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวกูจะช่วยพี่ๆ เก็บของก่อน” พูดจบผมก็รีบเดินเร็วๆ จากมันมา ผมอยากร้องไห้อะ ทำไงดี
“เพลง เมื่อกี้มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ” ผมทำเป็นไม่ได้ยินที่มันพูด ตอนนี้ผมไม่อยากฟังอะไรจากมันทั้งนั้นแหละ ผมกลัวน้ำตาที่กลั้นเอาไว้จะไหลออกมา
“อ้าวมาพอดี ใครที่รอน้องคีย์กับน้องเพลงมาแล้วนะครับ” เสียงพี่คนหนึ่งตะโกนขึ้นมาทำให้หลายสายตามองมาที่ผมกับไอ้คีย์
ผมยืนชิดกับมันยิ้มแห้งให้กล้อง ตอนนี้อารมณ์มันดาวน์ ไม่อยากทำอะไรเลย แต่กว่าจะถ่ายรูปเก็บของอะไรกันเสร็จก็เย็นมากแล้ว
“เย็นนี้กินอะไร”
“ไม่หิวอะ” ผมพูดเสียงเรียบมองออกไปนอกหน้าต่าง ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งจะออกมาให้ได้ เลยต้องเงียบเข้าไว้ แล้วหันไปมองทางอื่นแทน
“กูกับดาว...”
“ง่วงว่ะ ขอสักงีบนะ” ผมพูดตัดบทแล้วหลับตาลง พูดชื่อแบบนี้แสดงว่ารู้จักกันมาก่อน ไม่อยากฟังเลย ยิ่งได้ยินยิ่งจะร้องไห้ให้ได้ แฟนก็ไม่ใช่ แต่สะเหล่ออยากงี่เง่า แต่ก็งี่เง่าอ่ะ จะให้ทำไง
ทีแรกกะแค่หลับตาเฉยๆ ไม่ได้จะหลับจริงจังอะไร แต่มันคงเคลิ้มเกินไปเลยหลับจริงๆ ซะได้ ผมพยายามลืมตาแล้วปรับสายตากับความสว่างข้างหน้า ตอนนี้รถไอ้คีย์จอดอยู่แต่ติดเครื่องเอาไว้ ตัวมันก็หายไป ผมมองออกไปข้างนอกเป็นร้านสะดวกซื้อหมายเลขเจ็ด กูบอกให้งดเข้าเซเว่น มึงยังจะมาจอดอยู่อีก
ผมทำท่าจะปลดเบลท์ แต่เห็นไอ้คีย์เดินมาซะก่อนเลยรีบนอนแล้วแกล้งหลับเหมือนเดิม แล้วกูจะแกล้งหลับทำไมว่ะ ไม่รู้แหละ แกล้งหลับไปแล้วอ่าาา ตามน้ำ! ตามน้ำ!
“เพลง..”
“......”
แกล้งหลับคราวนี้มันนอนไม่หลับเลยจริงๆ เลยต้องทนนอนท่าเดิมอยู่แบบนั้น จนรถจอดสนิทแล้วรับรู้ได้ว่ามันลงจากรถไปแล้วถึงได้ลืมตาขึ้น
“ถึงแล้วเพลง” ไอ้คีย์มันเดินมาเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่งให้ อยากจะดีใจ อยากจะโรแมนติก แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์!
“อืม” ผมตอบรับสั้นๆ แล้วออกจากรถเดินลิ่วๆ เข้าลิฟต์ ไอ้คีย์หอบของกินพะรุงพะรังตามมา ผมมองของที่มันถือแล้วอยากจะช่วยมัน แต่ดันเกิดอีโก้แล้วอยากเล่นตัวขึ้นมาซะดื้อๆ นิสัยเสียนะไอ้เพลง!
“มึงอาบน้ำก่อนเลยนะ” ไอ้คีย์บอกแบบนั้น ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย เหนียวตัวไปหมดเลยวันนี้ พอออกมาจากห้องน้ำ ของกินมากมายก็ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะ ส่วนตัวไอ้คีย์ก็นอนสลบอยู่ที่โซฟา
“คีย์ ไอ้คีย์” ผมเรียกมันแต่มันไม่ยอมตื่น
“ไอ้คีย์กูอาบน้ำเสร็จแล้ว” ผมเอามือไปแตะที่หน้าผากมันดู โห ตัวร้อนจี๋เลย ลืมไปเลยว่ามันไม่สบายอยู่ นี่ดีนะเนี่ยที่ยังกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัย
“หือออ” มันปรือๆ ตามองมา
“ลุกขึ้นมานั่งดีๆ แล้วถอดเสื้อผ้า”
“มึงจะปล้ำกูเหรอ”
“ปล้ำพ่องมึงสิ กูจะเช็ดตัวให้”
“มึงหายโกรธกูแล้วเหรอ”
“อย่าพูดมากได้มั้ย ให้ทำไรก็ทำ”
“ครับ” ผมสะบัดตูดเดินไปเอาน้ำใส่กะละมังกับผ้าขนหนูเตรียมมาเช็ดตัวให้มัน
ไอ้คีย์นอนแผ่หลาไม่ใส่เสื้อผ้า เหลือแค่บล็อกเซอร์ปิดช้างน้อยเอาไว้ หุ่นดีจังว่ะ
ผมนั่งคุกเข่าลงข้างๆ โซฟาที่มันนอนอยู่ ผ้าขนหนูหมาดน้ำจากการถูกบิดด้วยสองมือของผมค่อยๆ ลูบไล้จากใบหน้ามันลงมาถึงหน้าอก
ทำไมมึงถึงได้หน้าตาขี้เหร่จนกูหลงได้ขนาดนี้ว่ะ กล้ามหน้าอกแน่นๆ พุงก็ไม่มีมีแต่ซิกแพ๊คเป็นลูกๆ ตัดภาพมาที่พุงตัวเอง อิจฉาโว้ยยยยยยย
ผมใช้ผ้าลูบหน้าอก ซิกแพ๊คเรื่อยลงมาผ่านสะดือ และต่ำลงไปจากตรงนี้ ต่ำลงไปอีกนิด แล้วก็อีกนิด
ใจเย็นๆ เพลง มึงใจเย็นๆ แล้วตั้งสติก่อน
หายใจเข้า~
หายใจออก~
หายใจเข้า~
หายใจออก~
โอเคๆ ข้ามส่วนนี้ไปที่ต้นขา ต้นขาแน่นจังว่ะ มีมัดกล้ามด้วยอ่ะ มีเรื่องให้อิจฉาตลอดเลยมึงเนี่ย พอๆ รีบๆ เช็ด แล้วจะได้พามันไปนอนสักที
“คีย์”
“....”
“ไอ้คีย์”
“หืม~”
“เช็ดตัวเสร็จแล้ว ลุกมาใส่เสื้อผ้า จะได้กินข้าวกินยาแล้วไปนอน” ไอ้คีย์ดันตัวเองลุกขึ้น
“อืม~” ผมโยนเสื้อผ้าให้มันใส่ ไอ้คีย์ยังดูง่วงๆ มึนๆ จนผมต้องเข้าไปช่วยมัน ขัดลูกกะตาหรอกนะ เรื่องเมื่อตอนเย็นกูยังไม่พอใจอยู่นะสัส
“กินข้าว”
“ป้อนหน่อยมือไม่มีแรง”
“มือไม่มีแรงก็ใช้ตีน”
“ใจร้าย~”
“มึงน่ะสิใจร้าย” หลอกให้กูรัก หลอกให้กูหลง ขยันหยอดกูจนนึกว่าตัวเองเป็นหอยหลอดอยู่แล้ว แล้วสุดท้ายเป็นไง เหอะ! นี่ไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่กูจะเห็นภาพบาดตาบาดใจ พวกมึงทำอะไรกันบ้าง คิดแล้วก็หงุดหงิด
“ถ้าไม่ป้อนงั้นกูกินยาเลยแล้วกัน ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ”
“งั้นก็กินสักคำสองคำ เดี๋ยวยาก็กัดกระเพาะเป็นนั่นเป็นนี่ขึ้นมาอีก” ผมยื่นช้อนที่มีข้าวผัดไปตรงหน้ามัน
“ขอบคุณครับ” เป็นเด็กอนุบาลสองเหรอถึงมาขอบคุณกูกะอีแค่ป้อนข้าวเนี่ย
สุดท้ายคำสองคำของผม มันก็ได้กินไปหลายคำอยู่นะ ที่ยอมป้อนให้เป็นเพราะว่ามึงป่วยหรอกนะ
หลังจากกินยาเสร็จผมก็ประคองมันมานอนที่เตียง ที่แรกก็กะจะปล่อยให้เดินเองนั่นแหละ แต่เสือกลุกขึ้นมาแล้วล้ม ผมเลยต้องเข้าไปประคองกันมันล้มหัวฟาดแล้วตายในห้อง จนผมต้องกลายเป็นฆาตกรไปอยู่ในคุก เวอร์มาก!
หนักฉิบหายเลยโว้ยยยยยย
[ว่าไงไปมั้ยจะได้แวะรับ] เสียงไอ้ดลดังลอดออกมาจากปลายสาย
“ไม่ไปได้มั้ย อยู่กับกูนะ” ไอ้คีย์ที่นอนอยู่บนเตียงพูดด้วยเสียงออดอ้อนเบาๆ
[แล้วไอ้คีย์ไปปะเนี่ย]
“มันไปไม่ได้หรอก นอนเน่าเป็นศพอยู่เนี่ย”
[แล้วมึงอ่ะ คงไม่ไปล่ะสิท่า]
“อยู่กับกูนะ กูกลัวช็อกกลางดึก นะเพลงนะ” ผมเหลือบตามองมันแวบหนึ่งแล้วตอบเพื่อนไป
“กูคงไปไม่ได้อะ”
[เคๆ เจอกันวันจันทร์ แค่นี้นะ]
“เออ ฝากดื่มเผื่อกูด้วย” อยากไปอะ ไม่ได้ไปท่องราตรีมานานแล้วเหมือนกัน ส่วนไอ้คีย์ ไอ้ตัวปัญหา กูเกลียดมึง ทำไมกูต้องมาแพ้ลูกอ้อนมึงด้วย
“จะไปไหน”
“ไปปิดไฟ มึงนอนไปเลย” ลุกไปไหนไม่ได้เลยเหรอไง
ผมเดินออกมาปิดไฟที่ห้องครัว กับห้องรับแขก แต่แสงไฟที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ไอ้คีย์ทำให้ผมอดที่จะหยิบขึ้นมาดูไม่ได้

ดาว
พี่คีย์
ขอบคุณมากๆ นะคะวันนี้

ขอบคุณเรื่องไรว่ะ

ดาว
ไม่เจอพี่คีย์นานเลย
ดาวคิดถึงมักมาก

ไม่เจอกันนานงั้นเหรอ แสดงว่ารู้จักกันมานานแล้วจริงๆ สินะ

ดาว
พี่คีย์
พรุ่งนี้ว่างมั้ย
มาเอาของที่พี่ลืมไว้ที่ห้องดาวด้วยนะ

ของที่ลืมไว้เหรอ มีรูปส่งแนบมาด้วย แต่รูปมันเล็กๆ แต่ก็พอเดาได้ว่ารูปอะไร แต่ก็อยากดูรูปเต็มให้แน่ใจ แม้เพียงแค่รูปเล็กๆ ยังทำให้ใจสั่นขนาดนี้ก็ตาม เสียดายที่มันเข้ารหัสเอาไว้ แต่กูอยากรู้เต็มขั้น เอาเป็นว่า.....
ยืมนิ้วมึงปลดล็อกหน่อยนะสัส
เรียบร้อยไอ้คีย์ไม่รู้ตัว ผมกดเข้าแชทไลน์ที่ยัยน้องดาวอะไรนี่ทักมา ประโยคก่อนหน้าอ่านไปแล้วเหลือแต่รูปที่น้องนางส่งมาด้วย
รูปกางเกงในผู้ชายมันจะอุบาทว์เลยถ้าดาวไม่เอามันมาถ่ายใกล้หน้าตัวเองแล้วกัดริมฝีปากประหนึ่งคนกำลังหิวโหย
มึงลืมของแบบนี้ไว้ในห้องผู้หญิงเหรอ หึ!
นี่ยังไม่ใช้รูปเดียว รูปถัดมาเป็นรูปตอนไอ้คีย์วัยรุ่น กับยัยน้องนี่กำลังกอดกันอยู่ คงสนิทกันมากสินะ
ผมวางโทรศัพท์ไอ้คีย์เอาแล้วนั่งอยู่ในความมืดเงียบๆ ลำพัง จนกระทั่งมีสายเข้าที่โทรศัพท์ของผม
[ไอ้เพลงเทพวกกูเหรอ]
“เปล่า ไอ้คีย์ไม่สบาย”
[แล้วมันตายมั้ยล่ะ มันไม่ตายวันนี้หรอกน่า]
“เออ”
[เออนี่ยังไง จะมาใช่มั้ยเดียวกูโทรบอกไอ้ดลให้เแวะรับ]
“เออ” ใช่ ไอ้คีย์มันไม่ตายง่ายๆ หรอก มันยังต้องกลับไปเอากางเกงในที่ห้องน้องดาวอะไรนั่นอีก
หงุดหงิด โมโห อยากดื่มเหล้า อยากเมาโว้ยยยยยย

“ฮึก~ ฮึก~ ฮืออออออ”
“เพลงมึงใจเย็นๆ” ก็อยากจะใจเย็นอยู่หรอก แต่มึงบอกว่าถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องเลยไม่ใช่เหรอ
“ฮึก! ฮึก! ฮื่ออออออ” กลั้นแล้วแต่มันไม่อยู่อ่ะ ตอนนี้ผมนั่งร้องไห้อยู่หลังรถไอ้ดล หลังจากที่มันกับไอ้เบศแฝดมันแวะมารับผม มันคงเห็นสีหน้าไม่ดีของผมเลยทักเข้าให้ พอผมบอกไม่มีอะไร มันก็บอกว่าพูดกับมันได้นะ จะร้องไห้ก็ได้ ก็มันบอกเองว่าร้องไห้ได้ ตอนนี้ผมก็อ่อนไหวมากๆ ด้วย เลยจัดเต็มชนิดที่ว่าไม่อายใคร
“ถ้ามึงพร้อมเล่าให้กูฟังได้นะ” ไอ้ดลพูดหลังจากที่เบศจอดรถแล้วให้ไอ้ดลย้ายมานั่งข้างๆ ผมที่เบาะหลัง
“กู... กูชอบไอ้คีย์ กูชอบมันมากๆ อ่ะ ฮื่อออออ”
“มึงชอบมันแล้วจะร้องไห้ทำไม”
“ก็... ก็เหมือนมันจะมีคนอื่น มันไปมีอะไรกับคนนั้นมาด้วยอ่ะ! ฮื่อออออ” อยากหยุดร้องแต่มันหยุดไม่ได้อะ
“คนอื่น? มันบอกมึงเหรอ”
“ป่าวหรอก แต่กูเห็นกับตา ฮื่อๆ” ไอ้ดลเอาแขนมาพาดไหล่ กอดผมไว้ แล้วตบบ่าเบาๆ
“มึงควรจะถามมันนะ”
“ถามในฐานะไหนเล่า ถามในฐานะเพื่อนเดี๋ยวมันก็ด่าว่ากูเสือกอีก”
“เพลง มึงใจเย็นๆ ตั้งสติดีๆ”
“ไม่รู้แหละ กูโกรธมัน ไม่ชอบแล้วจะมาหยอดกูบ่อยๆ ทำไม ชอบทำดี ทำมาให้ความหวังทำไม ไอ้คีย์ ไอ้เหี้ย ไอ้สัส ไอ้คนหล่อ ไอ้คนเท่ ไอ้น่ารัก ฮื่อออออ” แล้วผมจะชมมันทำไมเนี่ย! ฮือออออ
“โอเคๆ กูเชื่อแล้วว่ามึงชอบมันจริงๆ”
“ใช่มั้ยล่ะ กูโคตรชอบมันเลย ดูที่มันทำแต่อย่างให้กูสิ แต่แล้วจู่ๆ วันนี้กูก็เห็นมันไปนอนกกอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แถมยังส่งรูปกางเกงในมันมาด้วย ไม่พอแค่นั้นไอ้คีย์กับเด็กนั่นยังรู้จักกันมาก่อนอีก กูเกลียดมัน” หมดเลย สารภาพหมดเลย อัดอั้นมานานแล้ว
“สรุปชอบหรือเกลียด”
“เกลียดนิดเดียว ที่เหลือชอบมันหมดเลย”
“เพลง~ พึ่งรู้ว่ามึงง้อแงแล้วน่ารักขนาดนี้นะเนี่ย”
“กูดูงอแงเหรอ”
“อืม”
“มึงว่าไอ้คีย์จะชอบคนงอแงมั้ย”
“มึงไปถามมันเองดิ”
“ไม่เอาอ่ะ เกิดมันไม่ชอบ เกินมันรู้ว่ากูชอบมัน เกิดมันไม่พอใจขึ้นมา จบเลยทีนี่ แค่เข้าใกล้ก็คงไม่ได้”
“ไอ้เพลง มึงเลิกมโนเลิกคิดเองเออเองบ้างนะ”
“ก็กูเลิกไม่ได้อะ”
“อ่าๆ เลิกไม่ได้ก็เลิกไม่ได้ แต่กูบอกไว้ก่อนนะ ว่าคิดเองเออเองบ่อยๆ ผู้ชายเขาไม่ชอบ”
“จริงเหรอว่ะ”
“แล้วมึงชอบปะล่ะ”
“กูไม่รู้ แต่กลัวไอ้คีย์ไม่ชอบ”
“เลิกคิดมากน่า ถึงแล้วเช็ดน้ำตาแล้วเข้าไปสนุกข้างในกัน” ไอ้ดลส่งทิชชูมาให้ผมเช็ดน้ำตาแล้วสั่งน้ำมูกปืดใหญ่
เมาๆๆ จะได้ลืมๆๆ
“ไอ้เป้อยู่ไหนอ่ะ” ไอ้ดลถามแก้วและเพื่อนคนอื่นๆ ที่มาด้วยกัน
“นู่นนนน” แก้วบุ้ยปากให้พวกเราหันไปมองตาม
ไอ้เป้มันตัวสูงเลยเห็นมันชัดหน่อยว่ากำลังดิ้นเร่าๆ เหมือนตกนรก ส่วนอีกคนที่มันเต้นด้วย.... คุ้นๆ แหะ แต่ไฟมันมืดจนมองไม่ออก แต่รู้สึกคุ้นๆ
“อาาาา ชนจ้าาาา” ผมรับแก้วแอลกอฮอล์ที่เพื่อนชงให้มากระดก พอดีกับเพลงจบ
“โหหหหห ไอ้เป้ วันก่อนไม่ใช่คนนี้นี่หวา”
“ไอ้สัส เงียบไปเลย” เสียงแซ็วของเพื่อนและเสียงโต้ตอบของไอ้เป้ ทำให้ผมต้องหันไปมองด้านหลัง เป้.. และ... อิเด็กดาว เด็กนี่มันควงไอ้เป้อยู่งั้นเหรอ
“อ้าว สวัสดีค่ะพี่เพลง มาด้วยเหรอคะ นึกว่า...”
“ไอ้เป้ มึงพาเด็กมึงกลับไปเลย” ผมไม่รอให้เด็กนี่พูดจบหรอก ไม่อยากเห็น หนีเสือมายังมาเจอจระเข้อีก
“ไรของมึงไอ้เพลง”
“มึงพาเด็กอายุไม่ถึงมาไม่ได้ ถ้าจะพามามึงก็ไปนั่งโต๊ะอื่น” เหตุผลจริงๆ คือไม่อยากเห็นหน้า แต่เด็กอายุไม่น่าเข้าผับได้ มันคือข้ออ้าง
“แต่กูเปิดโต๊ะนี้”
“เออ! งั้นกูไปเอง” หงุดหงิดฉิบหาย กูไปนั่งที่อื่นก็ได้ว่ะ
“ไอ้เพลง” ดลดึงมือผมเอาไว้ บนเวทีก็ประกาศว่าเครื่องเสียงมีเหตุขัดข้องนิดหน่อย บรรยากาศโต๊ะเรายิ่งอืมครึ้ม เพราะคนอื่นๆ ต่างก็เงียบไม่กล้าออกความคิดเห็น สงสัยคงจะงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“มึงมีเหตุผลหน่อยเพลง” ไอ้เป้พูดขึ้น
“เหตุผลก็คือเด็กนี่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ เด็กมันเข้าผับไม่ได้” แค่ข้ออ้างแหละ จริงๆ ผมเข้าผับครั้งแรกก็อายุประมาณเด็กดาวนี่แหละมั้ง เผลอๆ เด็กกว่านี้ด้วยซ้ำ
“ดาว... กลับก็ได้ค่ะ”
“ดี แล้วมาเที่ยวแบบนี้พ่อแม่รู้หรือเปล่า”
“เพลง มึงจะมากไปแล้วนะ”
“เอ่อสิ มึงจะทำไม” พาล ใช่ครับ ผมรู้ว่าตัวเองกำลังพาลอยู่ แต่อารมณ์ตอนนี้ผมควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เลย ข้างในมันเหมือนลูกโป่งที่ถูกอัดแก๊สเต็มที่มาตั้งเมื่อตอนเย็น จนถึงตอนนี้มันใกล้จะแตกอยู่เต็มที ยิ่งมาเจอฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้
ทุกคนในโต๊ะเงียบกันไปหมดจนเสียงเพลงดังขึ้นอีกครั้ง กูไปเองก็ได้วะ ผมเลือกเดินออกมาเพราะไม่อยากให้บรรยากาศเสีย ผมมองหาโต๊ะว่างที่ไหนก็ไม่มี วันนี้วันศุกร์นิเนอะ คนเต็มร้านไปหมด ไปนั่งเคาน์เตอร์ก็แล้วกัน
“เพลง มึงโอเคปะเนี่ย” ไอ้ดลที่ตามมาพูดขึ้น
“กูไม่เป็นไร มึงกลับไปนั่งกับคนอื่นเถอะ”
“กูนั่งเป็นเพื่อนมึงดีกว่า”
“อย่าเลย แฝดมึงนั่งชะเง้อมองมึงคอจะหักอยู่แล้ว มึงกลับไปเถอะ” ผมมองไปที่ฝาแฝดไอ้ดลแล้วบอกมัน
“เดี๋ยวกูเรียกเบศมานั่งด้วย”
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวบรรยากาศในโต๊ะจะยิ่งแย่”
“แน่ใจว่าจะอยู่คนเดียว”
“แน่สิ กูอยากอยู่คนเดียวด้วยแหละ”
“งั้นก็ตามใจ” ผมมองแผ่นหลังไอ้ดลที่กลับไปร่วมโต๊ะกับเพื่อนคนอื่น
“มาคนเดียวเหรอครับ” ระหว่างรอบาร์เทนเดอร์ชงเหล้าให้ก็มีใครไม่รู้เข้ามาทัก
“มากับเพื่อน”
“แล้วเพื่อนไปไหน”
“นั่งที่โต๊ะครับ”
“แล้วน้อง...”
“อยากนั่งคนเดียว” ผมรีบตัดบทบอกให้เขารู้ว่าผมอยากอยู่คนเดียว
“มาเที่ยวแบบนี้นั่งคนเดียวไม่สนุกหรอก” มือหนาๆ ของมันเข้ามาลูบหลังก่อนจะวนลงมาเกี่ยวเอวผมเอาไว้
“ปล่อย” ผมพูดเสียงห้วนๆ พยายามจะขัดขืนเบาๆ ให้รู้ว่าไม่ชอบ
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย”
“ผมไม่ชอบ ขอตัวนะครับ” ผมหมุนตัวเตรียมเดินหนีแต่สายตาก็สะดุดกับร่างหนาที่คุ้นตา แม้มองเห็นไม่ชัดแต่ก็รู้ว่าเป็นไอ้คีย์แน่ๆ มันกำลังยืนให้เด็กดาวนั่นเกาะแกะอยู่ที่โต๊ะพวกผม
“ข้างหลังมีห้อง” ผมหันกลับมาที่ผู้ชายคนเดิมที่ดึงแขนผมอยู่
“อย่ามายุ่ง” ผมสะบัดแขนแล้วเดินหนีไปประตูหลังร้าน เพราะไม่อยากออกทางหน้าร้าน โต๊ะพวกผมอยู่ที่นั่น ไอ้คีย์เองก็ด้วย
“เดี๋ยวสิ อย่าหยิ่งนักเลยน่า”
“ปล่อย” ไอ้ห่านี่พูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ ผมพยายามบิดข้อมือตัวเองออกจากกำมือไอ้ปลิงทะเลตรงหน้า
“อย่าเล่นตัวหน่อยเลย มาคนเดียวแบบนี้ไม่อกหักก็หาคู่นอน”
“เสือก!”
“ถ้าอกหักพี่ช่วยแก้ขัดให้ได้นะ แต่ถ้าหาคู่นอน พี่ก็พร้อมเหมือนกัน” มันว่าแล้วกระชากแขนผมเข้าไปใกล้ อีกมือหนึ่งของมันก็กระชับที่เอวผมเอาไว้
“ปล่อยไอ้สัส”
“หึ~”
“กูบอกให้มึงปล่อยไง” ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ มันกระชับตัวผมแน่นขึ้น ใบหน้ามันก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น
“ปล่อยแฟนกูเดี๋ยวนี้” แรงกระชากผมออกจากไอ้บ้ากามนั่นทำให้ผมเซเล็กน้อย ผมมองแผ่นหลังตรงหน้าที่มายืนบังผมเอาไว้ ไอ้คีย์~


...............


นังน้องดาว  :z6:
เห็นน้องดาวใสๆ แบบนี้ แต่จริงๆ น้องดาวยังใสกว่านี้ได้อีก  :-[


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2020 19:44:09 โดย JASMINE 2019 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
- 16 -


ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมชอบเพลงเหรอ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นตั้งเมื่อไหร่
อาจจะเป็นนิสัยที่ได้สัมผัสกับตัวตนของมันหลังจากวันที่จับได้ว่าใครกันเป็นคนสร้างเพจคู่จิ้นผมกับเพื่อนสนิทอย่างไอ้มิวมั้ง

สวัสดีครับทุกคน คีตะนะครับ ก่อนเข้าสู่เรื่องราวตอนสุดท้ายของผมกับเพลง วันนี้ผมขอให้ผมเล่าเรื่องราวระหว่างเราในมุมของตัวเองสักหนึ่งบทนะครับ
บทเพลงที่ผมรู้จักก่อนจะมาสนิทกันเหรอ นอกสายตาครับ ถึงจะเรียนที่เดียวกันมาตั้ง 6 ปี แต่ตอนมอต้นผมแทบไม่เคยรู้เลยครับ ว่ามีคนแบบมันอยู่โรงเรียนเดียวกัน จนกระทั่งมอปลายผมถึงได้คุ้นหน้ามันบ้าง เพราะเห็นมันบ่อยๆ เหมือนความบังเอิญที่พึ่งมารู้ว่ามันตั้งใจ ตอนจับได้ว่ามันเป็นแอนมินเพจคู่จิ้นผมกับไอ้มิว แต่ก็อย่างบอกนั่นแหละว่ามันนอกสาย เราเลยไม่เคยได้มีโอกาสคุยกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งวันที่พวกเราจับได้ว่ามันเป็นต้นตอแห่งความฉิบหายของผมกับไอ้มิว
หนึ่งเลย ผมถูกพี่ขิมบอกเลิกเพราะมีคนที่คอยจิ้นผมกับไอ้มิวแชทไปด่าแกบ่อยๆ
สอง ไอ้มิวถูกเพื่อนและรุ่นพี่แกล้งบ่อยๆ ว่ามันเป็นตุ๊ดบ้าง คุกคามทางเพศ แกล้งจะข่มขืนมันบ้างจนมันต้องไปเรียนต่อยมวยและไปดักแก้แค้นพวกนั้นนอกโรงเรียนจนมันมีชีวิตรอดมาจนทุกวันนี้
สำหรับผมแล้วไม่เท่าไหร่หรอกครับความคับแค้นใจ เพราะกับพี่ขิมก็ไม่ได้รู้สึกรักหรือชอบอะไร คบกันตอนนั้นก็แค่ตามประสาวัยรุ่น แต่ไอ้มิวนี่สิครับ มันแค้นจนอยากจับไอ้เพลงทำเมียให้รู้แล้วรู้รอด ตอนมันพูดนี่ผมตกใจเลยนะ แต่ยังดีที่มันยังยับยั้งชั่งใจเพราะมันมีคนที่มันชอบรอให้เข้าไปจีบอยู่
ดังนั้นภาระการแก้แค้นอันหนักอึ้งจึงตกมาที่ผม แล้วก็อย่างที่ทุกคนทราบกันดี ว่าวิธีของไอ้มิวคือหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง

“มึงจะให้กูจีบไอ้เพลงเนี่ยนะ” ผมถามเพื่อนรักหลังจากที่เราล่วงรู้ความลับของไอเพลงที่ทำกับเราไว้ แล้วมันจะให้ผมไปจีบไอ้เพลง
“เออดิว่ะ”
“เรื่องอะไรกูต้องไปจีบมัน รู้ตัวคนทำก็เข้าคุยกันตรงๆ ไปเลยดิ จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากทำไม”
“เลิกแล้วไง มันก็จบแค่นั้น คนอย่ามันต้องได้รับบทเรียน ถ้าไม่ทำให้รู้สำนึกซะบ้าง เดี๋ยวมันก็กลับมาทำอีกอยู่ดี”
“เลยจะให้กูไปจีบมันว่างั้น แล้วทำไมมึงไม่จัดการเอง”
“หนึ่งเลย กูกำลังจีบรุ่นพี่เภสัชอยู่ ส่วนสอง มึงดูขนาดตัวกูกับมัน ยังไงก็ทำให้คนมาชอบแบบคู่มึงกับกูที่มันทำไว้ได้ไม่เยอะ สามมึงว่าง ไปจัดการซะ”
“ไม่”
“แค่ขำๆ น่า เอาให้มันคิดได้ก็พอ มึงไม่แค้นมันเหรอ ลองนึกถึงตลอดหลายปีที่ผ่านดิ” ผมคิดตามไอ้มิว จริงๆ ผมก็ไม่ได้แค้นอะไรมากหรอก แต่เห็นภาพเพื่อนรักโดนแกล้งตอนมัธยมแล้วก็อดที่จะอยากเตะตัดขาสั้นๆ ของไอ้เพลงไม่ได้ เอาว่ะขำๆ ก็ขำๆ
ผมตกลงที่จะทำตามมันว่า โดยมีไอ้ไก่ เป็นหนอนบ่อนไส้ ที่ต้องค่อยแอบถ่ายรูปหาโมเม้นระหว่างผมกับไอ้เพลง แล้วก็ทำเพจ แถมยังลงทุนซื้อโฆษณาไปอีกสองชั่วโมง
ผมเทียวจีบเทียวตามมันแทบทุกวัน โดนด่าบ้าง โดนมองค้อนบ้าง นึกถึงหน้ามันทีไรแล้วขำทุกที คอมเม้นเอยอะไรเอยที่มันทำให้เกิดขึ้นกับผมและมิว ตอนนี้ได้เกิดขึ้นกับมันแล้วครับ แม้กระทั่งนิยายที่มันเคยเขียน ตอนผมอ่านเรื่องของผมกับไอ้มิวเหรอ ขนมันลุกอย่างบอกไม่ถูก ทนอ่านได้แค่สามสี่บรรทัด แต่พอเรื่องผมกับไอ้เพลง ทำไมผมถึงได้เขินๆ หน้าร้อนๆ ว่ะ

“ไอ้คีย์ หน้ามึงแดงๆ” ไอ้มิวทัก
“แดงเหี้ยไร อากาศมันร้อน”
“ฮั่นแน่ อย่าบอกนะว่ามึงเขินที่อ่านนิยายตัวเองกับไอ้เพลง”
“เขินเหี้ยไร”
“ไม่เขินก็ไม่เขิน”
“แล้วจะเอาไงต่ออะ กูขี้เกียจจะแสดงละครจีบมันแล้ว”
“ก็เปิดเผยความจริง”
“แล้วไงต่อ”
“ก็จบแค่นั้นไง หรือมึงเสียดาย....”
“เสียดาย? เสียดายเรื่อง?”
“ก็เสียดายที่จะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดไอ้เพลงไง”
“แล้วทำไมกูต้องไปอยากใกล้ชิดมัน”
“เอ้า ก็เห็นมึงสนุกดีออกที่ได้แกล้งมัน มึงไม่สนุกเหรอ”
“ก็.....”
“เอางี้ดีกว่า เปิดเผยไปเลยว่าเรารู้แล้ว แต่ยังให้พวกมึงสวมรอยคู่จิ้นเหมือนเดิม ไอ้เพลงมันจะได้กระอักเลือดตาย รู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โอเคตามนี้ กูไปก่อนนะ พี่กุ้งน่าจะเรียนเสร็จแล้ว” พูดจบไปมิวมันวิ่งส่ายหางไปหารุ่นพี่ที่มันจีบทันที
แต่ที่มันพูดมาก็มีเหตุผลแฮะให้ไอ้เพลงแกล้งเป็นคู่จิ้นต่อโดยไม่สามารถทำอะไรได้ แค่คิดว่ามันจะทำหน้ายังไงก็ขำแล้ว
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้หน้ามันอย่างเหว๋อ โดยเฉพาะตอนไอ้มิวกระโดดดูดคอมันน่ะนะ ถึงจะตัวเท่ากัน แต่ไอ้มิวมันแรงควายจะบอกให้ แต่ว่า... ทำไมคิ้วผมมันกระตุกแปลกๆ ว่ะ ยิ่งตอนตามเอากล้องไปคือไอ้เพลงที่ห้องแล้วเจอมัน....
...เจอมันกับไอ้ไก่ในท่ายืนช้อนหลัง แถมไอ้ไก่ไม่ใส่อะไรเลยอีก รู้สึกคิ้วมันเบี้ยวๆ ไม่หรอก พวกมันคงไม่ได้ทำอะไรกันแบบที่ผมคิดหรอกน่า

หลังจากวันนั้นผ่านไป ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติ
ปกติก็บ้าแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ทุกครั้งที่ผมทำอะไรเพื่อเรียกกระแสแกล้งไอ้เพลง ทำไมผมต้องรู้สึกว่าทำมันอย่างตั้งใจด้วยว่ะ ทั้งการร้อง การเลือกเพลงตอนประกวดดาวเดือน ยิ่งหลังจากประกวดเสร็จแล้ว แล้วเรามานั่งดูไลฟคอนเสิร์ตงานเฟรชชี่ไนท์ของมหาลัยด้วยกันที่ห้องมัน ผมที่ร้องเพลงเก้านาฬิกาของ เอสพีเอฟคลอไปด้วยระหว่างดู กลับมีแต่หน้าไอ้เพลงลอยไปลอยมาไปหมด ยิ่งพอถึงท่อง “หลงรักคนยืนข้างซ้ายตรงที่เก้านาฬิกา” อะไรมันมาดลใจให้ผมเปลี่ยนเนื้อร้อง จากคนที่ยืนเป็นคนที่นั่งด้านซ้าย ซึ่ง ณ เวลานั้นคนที่นั่งข้างกันคือไอ้เพลงไง แถมผมยังหันไปมองมันอีก พอรู้ตัวอีกทีก็ร้องเพลงไปมองหน้ามันไปจนจบเพลงซะแล้ว ผมนี่ไม่กล้าหลบตามันเลยครับ กลัวมีพิรุธ จนมันเป็นคนที่หลบสายตาไปเอง

หลังจากวันนั้นเหรอ ไม่รู้สิ ทำอะไรก็นึกถึงไอ้เพลงไปหมด หรือมันเล่นของใส่ผมว่ะ บางทีก็หงุดหงิด ยิ่งเวลาเห็นมันอยู่กับแก๊งสายรหัสมันนะ ไอ้เพลงดูระริกระรี้ เหมือนไส้เดือนโดนแดด พวกรุ่นพี่มันแต่ละคนก็หน้าตาดีทั้งนั้น พวกเพื่อนในกลุ่มมันอีก มันต้องเล่นของใส่ผมแน่นอน มันกำลังทำให้ผมหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล
ยิ่งวันเกิดไอ้มิวที่เราไปกินหมูกระทะร้านแม่ไอ้มิวยิ่งชัดเจนว่ามันไม่ใช่แค่ทำให้ผมหงุดหงิด แต่มันทำให้ผมน้อยใจได้ด้วย ตอนมาก็ซ้อนท้ายรถมอไซค์มาด้วยกัน พอตอนกลับฝนดันตก แล้วมันก็ทิ้งรถมอไซค์ของผมไปขึ้นรถเก๋งซะงั้น มันน่าน้อยใจไหมล่ะ คนอุตส่าห์วิ่งไปหาร่มหาเสื้อกันฝน พอกลับมาหามัน กลับไปยืนจู๋จี๋กับไอกันต์เดือนคณะมันซะได้ ถึงมันจะชวนกลับด้วยก็เถอะนะ ฝันไปเถอะไอ้เพลง กูงอน บอกไว้เลย แต่ถามว่ามันรู้ไหม มันไม่น่าจะรู้ตัว ขนาดผมโพสต์เพลงลืมตาในน้ำของโปเตโต้ มันยังมาคอมเม้นขำๆ เลย กูไม่ตอบมึงหรอก ให้รู้ตัวเองซะบ้าง (แต่ว่าผมโพสต์ทำไมว่ะ นั่นเพลงอกหักนะ แต่ผมพึ่งรู้ไง จริงๆ นะ)
แต่ก็งอนได้ไม่ถึงเช้า ก็ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพราะย่าผมลื่นล้มเข้าโรงพยาบาล โทรศัพท์ก็มาพังอีก เลยไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย พอพาย่ากลับบ้านแล้วไปรับโทรศัพท์ที่ร้านซ่อมเท่านั้นแหละครับ ไอ้เพลงกำลังแย่
มันกำลังโดนถล่มจากคนที่ไม่ชอบขี้หน้ามัน ด้วยข้อหาเป็นชู้ และนิสัยที่ไม่ดีของมัน ผมโทรไปหามันก็ไม่รับสาย ผมเลยรีบนั่งรถไปหามัน ระหว่างนั้นก็ทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ระหว่างจะไปหามันผมเลยแวะจัดการเรื่องราวต่างๆ ให้เสร็จก่อนจะได้ไม่เสียเวลา และปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังนานเกินไป ผมโทรไปหาไอ้มิวก็ไม่รับ ไปตามที่หอก็ไม่เจอ ต้องไปหาที่หอพี่กุ้งเพื่อขอคลิปที่มันเคยส่งมาให้ผมดู คลิปที่ผมยื่นเหม่อเป็นหมามองไอ้เพลงไปกับไอ้กันต์ที่ร้านหมูกระทะนั่นแหละครับ เสร็จแล้วก็ต้องแวะไปที่หอตัวเองเพื่อขอคลิปจากกล้องวงจรปิดของหอประกอบหลักฐานล้างความผิดไอ้เพลง ยังมีพี่กุ้งที่ช่วยอีกแรงด้วยการหาแอพที่ทำแชทปลอมมาให้ พอรวบรวมอะไรต่างๆ เสร็จแล้วผมก็รีบไปหามันที่ห้องทันที
ผมไม่มีเวลามามีมารยาทนักหรอก ผมใช้กุญแจห้องที่ไอ้ไก่ให้ฝากคืนเพลงเปิดประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ผมคลำหาสวิตช์แล้วเปิดไฟ พอไฟห้องสว่างขึ้น ก็เห็นไอ้เพลงที่นั่งกอดเข่าร้องไห้ที่มุมห้องคนเดียว
เพลงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองแล้วปาดน้ำตาลวกๆ ภาพมันในวันนั้นยังติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้ มันก็ตัวนิดเดียว ยังต้องมาเจอคำพูดแย่ๆ มากมายเพียงลำพังอีก คงจะหนักหนาสำหรับคนอย่างมันมากสินะ
“ขอโทษ” เป็นคำเดียวที่อยู่ในหัวผมตอนนั้น ความรู้สึกผิดมันเกิดขึ้นในใจ จนไม่สามารถปล่อยให้มันอยู่ลำพังได้ ผมอยากปกป้องมัน....
หลังจากที่ผมปลอบจนมันหลับสนิทไปแล้ว ผมก็จัดการเรื่องที่ทำให้มันไม่สบายใจเท่าที่ผมจะทำได้ มันอาจจะได้ผลกับบางคน แต่กับบางคนเราต้องปล่อยผ่านครับ หลังจากที่ผมเคลียร์ทุกอย่างแล้ว รอยยิ้มของไอ้เพลงก็กลับมาอีกครั้ง กลับมาพร้อมน้ำตา ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเสียใจเหมือนหลายวันที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจก็คือคำขอของมัน
“คีย์~” ชื่อผมจากมัน ณ สถานการณ์นั่นจู่ๆ คำว่า “เป็นแฟนกันไหม” มันก็ผุดขึ้นมาในหัว ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ จนเกือบเผลอหยุดหายใจเพื่อให้หัวใจมันหยุดเต้น แต่ประโยคต่อมาจากปากไอ้เพลงทำให้ผมหยุดชะงัก แล้วอยากจะหัวเราะใส่หน้าตัวเอง นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่ว่ะ
“มึงมาเป็นพี่ชายให้กูได้ไหม” นั่นแหละ คำขอไอ้เพลง ประหลาดชะมัด ขอให้กูเป็นพี่ชายมึงเนี่ยนะ เหตุผลที่มันขอแบบนั้นก็ง่ายๆ เพราะผมทำให้มันรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย แล้วอยากมีผมอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะให้อยู่ในสถานะไหน จะให้เป็นเพื่อนธรรมดา ก็ดูเหมือนว่าผมจะมีความหมายมากกว่านั้น บทสรุปจึงไปตกลงกันที่ว่า เราจะเป็นคนสำคัญของกันและกัน
ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าคนสำคัญของเรามันเป็นยังไง รู้เพียงแค่ผมอยากปกป้องมัน ไม่อยากเห็นมันร้องไห้เสียใจ อยากอยู่ข้างๆ ค่อยปลอบมันก็แค่นั้น

“สรุปยังไง มึงชอบไอ้เพลง...?” ไอ้มิวถามผมในวันหนึ่งของช่วงปิดเทอม
“ถามอะไรของมึง”
“ชอบก็จีบ เลี้ยงต้อยไปเรื่อยๆ แบบนี้ ระวังสักวันหมาจะคาบไปแดก”
“มึงจะพูดอะไรกันแน่ไอ้มิว” จู่ๆ ใจผมก็เต้นผิดจังหวะ เหมือนรู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังจะพูดอะไร
“มึงไม่ต้องตอบกูนะ มึงตอบตัวเองในใจก็พอ มึงว่าไอ้เพลงน่ารักปะ แล้วนิสัยอย่างมันมึงคิดว่าคนรอบข้างจะชอบมันบ้างไหม ไหนจะเพื่อนทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง หน้าตาดีๆ ทั้งนั้นที่รายล้อมมันอยู่ มึงว่าเขาเอ็นดูไอ้เพลงกันปะ มึงคิดว่าไอ้เพลงมันอยากมีแฟนไหม เพื่อนมันน่ะมีแฟนหมดเลยนะ”
“.......” จู่ๆ ในใจผมมันก็โหว่งๆ ขึ้นมาซะอย่างงั้น ถ้าไอ้เพลงอยากมีแฟนเหรอ เพื่อนและรุ่นพี่ที่เอ็นดูมันงั้นเหรอ
“ถ้าชอบมันมากก็ลุยไปเลย”
“กูยังไม่แน่ใจ”
“ไม่แน่ใจเหี้ยไร ตอนวันเกิดกูก็ยืนมองมันไปกับชายอื่นตาละห้อย ลงทุนไปเอามอไซค์มาใช้ก็เพราะไม่อยากให้มันเดิน แล้วนี่ตอนนี้ก็ทำงานพิเศษช่วยที่บ้านเพราะจะซื้อรถเอาเก๋งเพราะไม่อยากให้มันตากแดดตากฝนไม่ใช่หรือไง นี่ยังไม่รวมที่มึงหลอกให้มันซื้อเสื้อคู่เพื่อจะใส่กับมันอีก”
“.......” ไม่เลย ผมไม่เคยคิดเลยจนได้ยินคำพูดของไอ้มิว ทำผมทำทุกอย่างโดยไม่ได้มองเลยว่ามีเหตุผลอะไร ผมแค่ทำเพราะอยากทำ นี่ผมชอบมันจริงๆ เหรอว่ะ ตั้งแต่ตอนไหนกัน
“ไอ้เพลงมีเสน่ห์จะตาย มึงไม่รีบคว้าไว้ระวังจะมีคนเอาไปแดกจริงๆ นะเว้ย ยิ่งปิดเทอมไม่ได้อยู่ด้วยกันด้วย”
“แล้วถ้ามันไม่ชอบกูล่ะ”
“ก็ทำให้มันชอบซะสิ”
“แต่...”
“มันเป็นเรื่องของอนาคต”

“ที่คิดถึง เพราะรักเธอใช่มั้ย ที่อ่อนไหวง่ายดายหรือเพราะรักเธอจริงๆ ก็ไม่เคย.....” ผมร้องเพลงรอระหว่างรอไอ้เพลงรับสาย เพลงที่มีประโยคตรงกับใจ เพราะคิดถึงคนที่กำลังโทรหาในตอนนี้
[คีย์] เสียงไอ้เพลงเรียกผมก่อนที่จะร้องเพลงจบ
“โทษทีๆ ร้องเพลงรอไม่รู้ว่ามึงรับแล้ว”
[มีไร]
“โทรหามึงนี่ต้องมีอะไรด้วยเหรอ” เพราะปิดเทอมมันเลยไปอยู่กับยายที่อุดร นี่ก็ไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือนแล้วครับ
[ไม่มีอะไรแล้วโทรมาหายใจให้กูฟังเฉยๆ หรือไง]
“ไม่ได้โทรไปหายใจให้มึงฟัง แต่โทรหาเพราะอยากได้ยินเสียงหายใจมึง” ผมพูดอะไรออกไปว่ะ เขินตัวเองว่ะ หัวใจผมโคตรจะเต้นแรงเลยตอนนี้
[....] ไอ้เพลงเงียบจนผมใจเสีย หรือมันจะไม่ชอบที่ผมหยอดว่ะ
“เงียบไปเลย เขินอะดิ” ผมแกล้งทำเป็นพูดแหย่เล่นออกไป กลัวมันคิดมาก
[ใครเขินมึง] แต่มันก็ตอบกลับในแบบของมันนั่นแหละ ค่อยโล่งใจหน่อย
“มึงไง”
[กูเปล่าซะหน่อย กูหายใจเฉยๆ ให้มึงฟังไง] เสียงหายใจของมันเหรอ คิดถึงชะมัด
“หึ~ จะถามว่ากลับวันไหน”
[อีกสองวันมั้ง ถามทำไม]
“จะได้ไปย้ายของที่หอมึงไง” ตอนนี้ผมยังไม่มั่นใจพอ คงต้องใช้วิธีที่จะทำให้มันมาอยู่ใกล้ตัวผมไปก่อน จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ผมก็แทบจะไปอยู่กับมันที่หอในแล้วล่ะ
[ย้ายอะไร กูยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับมึงซะหน่อย]
“งั้นก็ตัดสินใจซะสิ นี่ก็จะเปิดเทอมอยู่แล้ว สัญญาเช่าหมดสิ้นเดือนนี้ไม่ใช่เหรอ”
[ก็คิดอยู่]
“คิดทำไมเยอะแยะ มึงอยากได้คนแชร์ค่าห้องไม่ใช่เหรอ ไอ้ไก่ก็ไม่อยู่แล้ว มึงจ่ายเต็มคนเดียวเลยนะ” ไอ้เพลงเนี่ยมันเล่นตัวเก่งครับ
[ใครว่ากูจ่ายเต็มคนเดียวล่ะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่หอก็หารูมเมทคนใหม่มาให้เองแหละ]
“มึงไม่กลัวเหรอ”
[กลัวไร]
“รูมเมทมึงอาจจะเป็นโรคจิต ติดเกมส์ ขี้เรื้อน หรือว่าซกมก มึงไม่เคยฟังพุธทอล์คพุธโทรเหรอ” ต้องให้แถ ให้ชักแม่น้ำทั้งห้า
[ขอคิดดูก่อน] เล่นตัวไม่เลิกจริงๆ
“คิดเหี้ยไรอีก อย่าเล่นตัวไอ้สัส ตกลงตามนี้ กลับมาแล้วก็ไปแจ้งเจ้าหน้าที่หอซะ หรือจะให้กูไปแจ้งให้”
[กูทำเองได้น่า]
“สรุปตกลง”
[เออดิ] ต้องให้ตามตื๊อจริงๆ ไอ้นี่ แต่จริงๆ ผมก็เกริ่นๆ ก่อนปิดเทอมแล้วล่ะ ตอนนั้นมันก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
“โอเคตามนั้น...”
[.....]
“........”
“ [.....] แล้วเราทั้งสองต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ คงเพราะไม่มีอะไรให้คุยมั้งครับ แต่ก็ไม่ได้อยากวางสาย คงเพราะผมอยากฟังเสียงหายใจของมันจริงๆ มั้งครับ

พอใกล้เปิดเทอมเพลงมันก็ได้ฤกษ์งานยามดีกลับมาหาผม ไม่ใช่สิ กลับมาเรียนหลังจากที่มันตื่นสายจนตกเครื่อง ทำให้มันต้องทนนั่งรถเข้ากรุงเทพแทน สมน้ำหน้าจริงๆ และจากผลที่ผมไปทำงานพิเศษให้พ่อช่วงปิดเทอมมา ก็ได้รถเก๋งมาหนึ่งคัน พอมาคิดๆ ดูแล้วก็ตลกดีเนอะ ทั้งที่ตัวผมเองไม่ได้อยากได้มาใช้ในเมืองที่รถติดแบบนี้ แต่พอนึกถึงวันที่เพลงมันเลือกรถเก๋งในวันฝนตกมากกว่านั่งมอไซค์ตากฝนไปกับผม มันก็อยากได้อยากมีขึ้นมาซะงั้น

“หิวๆๆๆ” คือคำแรกที่เพลงมันพูดกับผมหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายอาทิตย์ พอผมเสนอให้มันกินผมแทนเล่นๆ แต่มันดันงับแขนผมเข้าไปจริงๆ เลยอดหมั่นเขี้ยวจนต้องงับตอบที่แก้มมันเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ แต่ถามว่าทำไมไม่งับที่อื่น ก็แก้มมันน่ารัก ถ้าไม่ฉวยโอกาสแกล้งทำเอาตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้สัมผัสแก้มมันอีกเมื่อไหร่
“คิดยังไงซื้อรถ” คำถามธรรมดาที่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงตอบมันออกไปว่าเอาไว้รับส่งแฟน ทั้งที่จริงๆ แล้วผมซื้อมาก็เพราะมัน มันคนเดียวเลยจริงๆ

“อ้าวคีย์ มาด้วยเหรอ ตกลงว่าไงที่พี่ขอไปอะ สนใจไหม” พี่ขิมแฟนตอนสมัยเรียนมัธยมเข้ามาทัก ระหว่างที่ผมกำลังรอเพลงประชุมละครเวทีคณะมันอยู่
“ครับ ตกลง” เมื่อหลายวันก่อนพี่ขิมมาขอให้ผมไปแสดงละครเวทีคณะนิเทศฯ คณะเพลงนั่นแหละครับ ตอนแรกผมก็ปฏิเสธไป แต่เพราะไอ้มิวนั่นแหละ ค่อยเป่าหูต่างๆ นานา ว่าเพลงจะต้องเจอรุ่นคนนั้นคนนี้ แต่ละคนหล่อๆ ทั้งนั้น จนสุดท้ายผมต้องตัดสินใจรับเล่นเพราะอยากมาดูเพลงนั่นแหละ
“อะ” พี่ขิมยื่นขวดน้ำ กับกล่องข้าวมาให้
“อะไรครับ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ลองเล่นบทป้อนข้าวป้อนน้ำให้พี่ดูก่อน ว่าผ่านไหม” พี่ขิมยกยิ้มให้ ผมมองซ้ายขวาเห็นแล้วว่าไม่มีใครเลยลองทำตามที่เธอบอก พี่ขิมบอกว่าใช้ได้ แต่ยังไงผมก็ต้องเข้าไปแคสบทเพื่อแย่งบทกับคนอื่นอยู่ดี ทำให้ช่วงนี้ผมกับเธอต้องติดต่อกันบ่อยๆ
ผมยืนรอเพลงจนมีคนเริ่มทยอยออกมาจากห้องประชุมคณะ และคนที่ไม่เคยทำให้ผมละสายตาได้พักหลังมานี้ก็โผล่ออกมาพร้อมกับผู้ชายหน้าดีที่กำลังเล่นกับมันถึงเนื้อถึงตัวเหมือนสนิทกันมาตั้งแต่ยังไม่เกิดมาเป็นคน
“จะกลับยัง” ผมเดินเข้าไปพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งให้มันรู้ว่าผมกำลังไม่พอใจ แต่ผิดคาด เพราะมันเองก็กำลังทำตัวเหมือนว่ามีเรื่องไม่พอใจผมอยู่เหมือนกัน
เพลงมันไม่เคยตอแหล ไม่เคยปกปิด หรือโกหกอะไรผม แต่วันนี้มันกลับเปลี่ยนไป ข้าวที่ผมซื้อมาเพื่อที่เราจะกลับไปกินด้วยกันที่ห้อง มันกลับบอกว่าตัวมันเองกินมาแล้ว ทิ้งให้ผมต้องนั่งกินข้าวที่ซื้อมาเพียงลำพัง แต่ก็ยังดี ที่มันเปลี่ยนใจบอกว่าข้าวที่กินมาไม่ค่อยอิ่ม เราเลยยังได้นั่งกินข้าวด้วยกัน แม้บรรยากาศบางอย่างรอบๆ ตัวเราจะแปลกไป ถึงผมจะทำตัวปกติ แต่ทุกอย่างก็เหมือนไม่ปกติ ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะผม หรือเป็นเพราะมันกันแน่

จากที่ตั้งใจว่าจะเล่นละครเวทีเพราะจะได้มีมันอยู่ในสายตาก็ผิดคาดไปหมด เพลงมันแอบงอนที่ผมไม่บอกมันเรื่องละครเวที พอถามหาเหตุผล ผมก็ทำได้เพียงบอกว่ารอให้ถึงเวลา ก็จะให้ผมบอกได้ยังไงกันล่ะ ว่าแสดงละครเวทีเพราะอยากไปเฝ้ามัน ความแตกกันพอดี เกิดมันไม่ชอบสถานการณ์ไม่ยิ่งแย่ลงไปอีกเหรอ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เฝ้ามันอยู่ดี เหมือนตัวเองโดนหลอกอะ เพราะผมต้องอยู่ซ้อมละครเวทีอีกห้อง ส่วนมันก็อยู่กับกลุ่มงานที่มันรับผิดชอบอีกห้อง แล้วยิ่งในห้องนั้นมีแต่สายรหัสมัน มีแต่รุ่นพี่หน้าตาดีๆ ยิ่งไอ้เมเจอร์ลุงรหัสมันชอบทำตัววอแวกับเพลง ทั้งชอบสร้างกระแสคู่จิ้น ชอบทำตัวให้ผมประสาทแดกไม่เว้นวัน แก้มที่ผมไม่กล้าหอมเพลงตรงๆ ไอ้เมเจอร์ยังฉวยไปได้ง่ายๆ ผมแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
จากที่แค่มีเพลงเหมือนทุกวันก็พอ มันเริ่มจะไม่พอซะแล้ว ผมอยากมากกว่าที่จะทำกับมันเหมือนทุกครั้ง
ครั้งหนึ่งผมถึงกับหลอกเอาอมยิ้มไปให้มันอม แล้วดึงกลับมาอมเองเพราะอยากจูบมัน โคตรโรคจิตเลยตอนนั้น แต่ก็ยังไม่น่ารังเกียจพอเท่ากับตอนที่ผมลักหลับมันตอนที่มันเคลิ้มหลับช่วงที่เราซ้อมละครเวทีด้วยกัน คิดแล้วก็แอบเคืองตัวเองหน่อยๆ ที่เอาเปรียบมัน
แต่สุดท้ายผมก็หาทางออกจนได้ เมื่อล่วงรู้ความลับบางอย่างของไอ้เมเจอร์กับพี่ขิมเข้า
.
.
.
[มีต่ออีกนิด]

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
[ต่อจร้าาา]
.
.
.


ความลับที่ว่าก็คือการที่พี่ขิมเคยคบกับไอ้เมเจอร์ แต่ก็หักหลังมันด้วยการไปคบรุ่นพี่ที่จบไปแล้วอย่างพี่นิค ที่เข้ามาช่วยงานละครเวทีปีนี้ด้วย แค่นั้นยังไม่พอยังแอบเอาบทละครเวทีของไอ้เมเจอร์ไปสลับจนบทของมันตกรอบ และบทจริงๆ ของมันไปโผล่ในนามแฟนใหม่พี่ขิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานพอ
ผมเลยฉวยโอกาสนี้ในการสืบหาข้อมูล แต่กว่าจะได้หลักฐานมาก็เล่นเอาเหงื่อตกไม่ใช่น้อย เพราะหลายๆ ครั้งที่ผมอยู่กับพี่ขิม ก็มีเรื่องราวชวนให้เพลงเข้าใจผิดบ่อยๆ ยิ่งวันที่ผมได้รู้ว่าเพลงมันก็คิดแบบเดียวกับผม ยิ่งหนักเลย
วันนั้นผมจะไปส่งพี่ขิมกลับห้องแต่ฝนตกหนักและมีรถขับผ่านแอ่งน้ำที่พี่ขิมและผมยืนอยู่ใกล้ๆ เราเลยเลอะน้ำจากแอ่งน้ำบนถนน ด้วยความที่คอนโดผมอยู่ใกล้เลยแวะให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ผมให้เธอสวมเสื้อเชิ้ตที่ผมไม่ใส่แล้ว ส่วนผมก็กำลังจะหาเสื้อผ้าตัวเองใส่ โดยมีผ้าขนหนูพาดลำตัวแค่ผืนเดียว แต่จังหวะนรกก็เกิดขึ้น เมื่อเพลงมันเปิดประตูเข้ามาเห็น สีหน้ามันตอนนั้นดูช็อกกับภาพพวกเรามาก ส่วนผมก็ยังคงอึ้งเพราะคิดคำพูดไม่ออก พอรู้ตัวอีกทีเพลงมันก็หายไปจากห้องซะแล้ว ผมกลัวมันจะเข้าใจผิดมากๆ เลยวิ่งตามมันไป มันก็แอบที่ล็อบบี้ โทรหาก็ไม่รับสาย
ผมตัดสินใจจะไปส่งพี่ขิมแล้วค่อยมาอธิบายกับมันทีเดียว แต่พอกลับมาที่ห้องมันก็ไม่อยู่แล้ว มารู้จากเพื่อนมันว่ามันออกไปกินเหล้า เลยรีบตามไป ยิ่งคออ่อนๆ ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาอีก พอไปถึงผมแทบอยากจะกระชากมันให้ออกมาจากไอ้เมเจอร์ทันที เล่นเมาแอ๋พูดจาอ้อแอ้หน้าจะติดกันอยู่แล้ว
ผมแบกมันกลับห้อง แบกจริงๆ ครับ เพราะรถเสียเหรอ ไม่เลย ผมอยากแบกมันเดินเฉยๆ แหละ และมันก็เป็นการแบกที่ไม่เสียเปล่า พอได้สตินิดหน่อย มันก็บอกเลิกผมครับ ผมยังคงงงๆ ว่าเลิกอะไร เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย แต่ประโยคต่อมา มันบอกให้เลิกเป็นคนสำคัญของกันและกัน มันบอกอยากเป็นเพื่อนธรรมดาๆ ไม่อยากเป็นคนสำคัญแล้ว พอสิ้นเสียงมันผมแทบจะพูดอะไรไม่ออก เราต่างให้ความสำคัญกันและมากกว่าเพื่อนทุกคน ผมคิดว่าดีแล้วที่เป็นอยู่ แต่กลับเปล่าเลย มันไม่ได้ต้องการพิเศษกว่าเพื่อนคนอื่นอีกแล้ว แต่ช่วงที่น้ำตากำลังตกใน คำพูดต่อมาของมันเหมือนเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ผมอยากจับมันมาหอมแก้มให้ชื่นใจเดี๋ยวนั้นเลย
“คีย์... กูรักมึงว่ะ กูไม่อยากเสียมึงไป กูไม่อยากอยู่ในสถานะที่มันคลุมเครือ กูกลัวตัวเองเผลอแสดงความรู้สึกออกไปแล้วกลายเป็นล้ำเส้นจนมึงเปลี่ยนไป” เพลงมันสารภาพรักผม ตอนนั้นผมโคตรจะดีใจ แต่ก็ยังมึนๆ งงๆ อยู่ เพราะหลังจากพูดจบ มันก็หลับยาวไปเลย
ตอนเช้าผมไปจัดการทำข้อตกลงกับไอ้พี่เมเจอร์ (ใช้ข้อแลกเปลี่ยนกับพี่เมเจอร์ โดยการให้มันเลิกแตะต้องตัวเพลง แลกกับข้อมูลที่ผมไปหาเรื่องบทละครของแก พี่ขิม และพี่นิค ซึ่งมันก็ไม่แตะต้องต้องจริงๆ แต่มันมาแตะต้องผมไง ผมเห็นเพลงหน้างอยิ่งกว่าตะขอซะอีก ไม่รู้แปลกใจหรืออะไร หรือมันหึงผม...?)
พอกลับมาห้องผมอยากจะจับเพลงตีตูดให้ลายเป็นเสือซะให้ได้ ก็มันเล่นเก็บข้าวเก็บของ แล้วบอกจะย้ายออกจากห้องของเรา คือเมื่อคืนมันพึ่งสารภาพรัก พอวันถัดมาก็จะมาทิ้งกันไปงี้เหรอ ผมไม่ยอมหรอก และสุดท้ายมันก็ยอมแพ้ครับ ไม่ได้ยอมแพ้ผม แต่ยอมแพ้ของกินที่ผมซื้อมา เชื่อมันเลยจริงๆ
แต่ถึงแม้เพลงมันจะบอกว่ารักผม แต่นั่นก็ตอนที่มันเมา จู่ๆ จะให้เปิดประเด็นเรื่องนี้เลยผมก็ยังไม่กล้า เลยทำได้เพียงปรับความเข้าใจกันให้ความสัมพันธ์เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมให้เร็วที่สุด และทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี และดีกว่าที่เป็นมาด้วยซ้ำ ผมกล้าที่หยอดมันมากขึ้น มันก็ดูจะชอบใจไม่แพ้กัน

“ตกลงเอาไง”
“กูยังไม่กล้าว่ะ”
“ควายยยยย” เสียงด่าจากไอ้มิวเองครับ ตอนนี้ผมกับมันกำลังคุยกันเรื่องของเพลงอยู่
“มึงจะกลัวอะไรอีก แค่บอกรักไอ้เพลงเนี่ยนย”
“กลัวมันขำ”
“ขำเหี้ยไรรรร มีแต่เขิน มึงเชื่อกู”
“เอางั้นเลยเหรอว่ะ”
“เออดิ ชัดเจนขนาดนี้แล้ว”
“มึงคิดว่ามันชอบกูจริงเหรอว่ะ”
“ไม่ชอบมั้ง พักหลังเวลาอยู่กับมึงเหมือนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เผลอทีไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกที”
“งั้นเอาไว้หลังโปรโมทละครเวทีคณะมันผ่านไปก่อนแล้วกัน” นั่นคือความคิดของผม และผมคงไม่จัดอะไรเซอร์ไพรส์หรือขอมันเป็นแฟนยิ่งใหญ่นัก แค่ปัจจุบันก็เขินจะแย่ แค่มีกันสองคนสารภาพความรู้สึกก็เพียงพอแล้ว
แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องมาสะดุด เพราะเด็กข้างบ้านที่ชื่อว่าดาว
ดาวเป็นเด็กผู้หญิงข้างบ้าน เราสนิทกันตั้งเด็กๆ เพราะพ่อแม่ของเธอแยกทางกัน และทางบ้านเราก็เอ็นดูเธอเพราะความน่ารักและขี้เอาใจ ผมมองเธอเป็นน้องสาวมาโดยตลอด จนวันที่เธอตัดสินใจบอกรักผม ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็พยายามรักษาระยะห่างระหว่างเรา เพื่อไม่ให้ความหวังเธอ กระทั่งเข้ามาหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
จนมาวันที่ผมต้องแสดงละครเวทีเล็กกับเพลง เลยได้เจอเธออีกครั้ง วันนั้นผมรู้สึกไม่ค่อยสบายหลังจากที่เล่นละครเวทีกับเพลงจบแล้ว มันก็ไล่ผมกลับทันที แต่ผมยังยืนยันจะอยู่รอมัน สุดท้ายมันเลยบอกให้ผมรอที่ห้องแต่งตัว ผมนอนฟุบหน้ากับโต๊ะนานแค่ไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็มีมือของใครบางคนมาลูบที่ใบหน้า
“เพลงเหรอ” ผมเอ่ยชื่อทั้งที่ยังไม่สามารถจะเงยหน้าขึ้นมองชัดๆ ได้
“ดาวเองค่ะ” ผมไม่อยากเงยหน้าเพราะปวดหัว แต่ชื่อที่ได้ยินทำให้ผมต้องฝืนตัวเองเพื่อมองคนข้างๆ ให้ชัดๆ ดาว....
“มาอยู่ที่นี่ได้ไง”
“ดาวมารอพี่ที่รู้จักน่ะค่ะ เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะพี่คีย์” ดาวพูดแล้วขยับเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ มือของเธอเข้ามาควงแขนเอาไว้ หากใครมาเห็นเข้าเขาจะคิดยัง โดยเฉพาะคนที่ชอบคิดเองเออเองแบบเพลงอีก ผมคงต้องออกไปจากที่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกับเธอทีหลัง
“เหรอ พี่ขอตัวไปตามเพื่อนก่อนนะ” แต่ด้วยความที่ยังมึนๆ บวกกับลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป ทำให้ผมหน้ามืดชั่วคราวเลยล้มทับดาวที่เข้ามาช่วยประคองไว้ แต่เหมือนยิ่งเข้ามาช่วยก็ดูเหมือนยิ่งแย่ เมื่อจู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกมาพร้อมกับการปรากฏตัวของเพลง สมองผมยังคงทำงานช้า เพราะมัวแต่อึ้งกับคนที่เปิดประตูเข้ามา เพลงมองจ้องมาด้วยแววตาอ่านไม่ออก พอได้สติผมจึงรีบลุกขึ้นแล้วพยายามจะอธิบายให้เขาเข้าใจ
“เพลง...” เสียงที่เอ่ยเรียกชื่อมันช่างแผ่วเบาเหลือเกิน
“ขะ... ขอโทษ” มันบอกแบบนั้นแล้วก็เดินจากไป มึงไม่ได้ทำอะไรผิดมึงจะขอโทษทำไม ผมรีบตามมันไป ผมต้องรีบอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
เพลงมันทำตัวเย็นชา เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันมองไม่เห็นแต่ก็ปกปิดว่ารับรู้ได้ไม่มิด ระหว่างเรากลับมาอึมครึมอีกครั้ง ทุกครั้งที่ผมจะอธิบายมันมักจะเลี่ยงตลอด เหมือนคำพูดผมมันเป็นแค่คำแก้ตัวแล้วมันก็ไม่อยากฟัง
เรากลับมาถึงห้องของเรามันก็ยังคงเหมือนเดิม เงียบ.....
ผมลืมตาที่หนักอึ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากมัน สีหน้าที่เป็นกังวลของมันทำให้ผมไม่สบายใจเลย ผมอยากจะอธิบายแต่ดูเหมือนมันไม่อยากฟัง
“ลุกขึ้นมานั่งดีๆ แล้วถอดเสื้อผ้า” มันออกคำสั่งให้ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากเผลอหลับไประหว่างรอมันอาบน้ำ
“มึงจะปล้ำกูเหรอ” ผมหยอดมันเหมือนที่ทำทุกครั้งที่จังหวะมันได้
“ปล้ำพ่องมึงสิ กูจะเช็ดตัวให้” ตอบมาได้บ้าง แสดงว่ามันคงเย็นลงบ้างแล้วล่ะ
“มึงหายโกรธกูแล้วเหรอ”
“อย่าพูดมากได้มั้ย ให้ทำไรก็ทำ” ผมยิ้มมองการกระทำของมัน อย่างน้อยมันก็ยังไม่ได้ทิ้งผมไปไหน ไว้อาการดีขึ้นก่อนนะ กูจะบอกมึงทุกอย่าง อธิบายมึงทุกเรื่องที่มึงอยากรู้
ถึงมันจะส่งผ่านความกังวลมามากแค่ไหน มันก็ยังเช็ดตัวให้ผม ป้อนข้าวให้ผม ดีกว่านี้ไม่มีแล้วมั้ง หลงมึงเข้าแล้วจริงๆ บทเพลง
“ไม่ไปได้ไหม อยู่กับกูนะ” ครั้งแรกในชีวิตที่ผมต้องเอ่ยปากและอ้อนใคร และคนคนนั้นคงจะเป็นคนเดียวที่ถูกผมอ้อน
เพลงไม่ได้ตอบคำถามผม แต่มันเลือกที่จะบอกผ่านการคุยโทรศัพท์กับเพื่อนมันแทน
ผมหลับลงไปด้วยพิษไข้และฤทธิ์ยา ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพลงก็หายไปจากห้อง ผมเดินตามหาทั่วห้องก็ไม่เจอ พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหามัน ก็เจอข้อความที่ดาวส่งมา เพลงมันเห็นและเข้าใจผิดแน่ๆ ผมโทรหามันแต่เสียงโทรศัพท์มันกลับดังขึ้นในห้อง เลยโทรหาเพื่อนมันแทนถึงรู้ว่ามันออกไปดื่มเหล้า และดูเหมือนว่ามันจะอาการไม่ค่อยดีฟังจากน้ำเสียงของเพื่อนมัน
ผมยังคงมึนๆ นิดหน่อย และยังคงปวดหัวอยู่บ้าง แต่ผมอยากจะไปหามัน พอแล้ว ไม่อยากให้มันคิดเองเออเองแล้ว มันคงถึงเวลาที่ต้องพูดความจริง ความจริงที่อยู่ในใจ......
.
.
.
“ชอบกูมากไหม กูน่ะ ชอบมึงมากนะ”



................

ประโยคสุดท้ายนั่นมันอะไรกานนน!!!  :-[
ปล. เหลืออีก 2 ตอนสุดท้ายนะคะ  :hao3:


ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
- 17 -


ปล่อยแฟนกูเดี๋ยวนี้” แรงกระชากผมออกจากไอ้บ้ากามนั่นทำให้ผมเซเล็กน้อย ผมมองแผ่นหลังตรงหน้าที่มายืนบังผมเอาไว้ ไอ้คีย์~
“ไรว่ะ”
“ไม่อยากถูกกระทืบก็อย่ามายุ่งกับแฟนกู” ไอ้คีย์พูด
“แฟนน้องเหรอ” เขาหันมาถามผม
“ไม่ใช่ครับ” ผมตอบเสียงหนักแน่น ก็คนมันไม่ใช่ จะให้บอกว่าใช่ได้ไง
“หวงก้างนี่หว่า”
“พวกกูแค่ทะเลาะกัน แล้วแฟนกูก็แค่งอน” ไอ้คีย์ยังยืนยันคำเดิมว่าเราเป็นแฟนกัน ผมไม่รู้ว่าในใจผมตอนนี้มันรู้สึกยังไงกันแน่ ทั้งดีใจ เสียใจ มันปนเปไปหมด
“มากับพี่ดีกว่าน้อง” ชายคนนั้นเมินคำพูดไอ้คีย์ แล้วพยายามเข้ามาถึงตัวผม แต่ไอ้คีย์ก็กันเขาออกไปได้
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงว่ะ” ไอ้คีย์เริ่มเสียงดังขึ้นจนผมตกใจ ไม่รู้ว่ามันอารมณ์เสียหรือว่าแค่ตะโกนแข่งกับเสียงเพลง
“กูไม่ได้คุยกับมึง”
“แต่คนนี้แฟนกู” คราวนี่ไอ้คีย์ดึงมือผมไปจับไว้ เสี้ยวหนึ่งผมแอบดีใจ แต่ที่มันทำลงไปอาจจะแค่ปกป้องเหมือนที่เคยทำหรือไม่ มันก็ต้องการเอาชนะอะไรบางอย่างก็ได้ พอคิดถึงตรงนี้ ผมเลยรีบดึงมือกลับ แล้วเดินออกมาจากสถานการณ์ตรงหน้า ผมเดินออกมาที่นอกร้านโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าควรจะเอายังไงต่อ
แต่แค่แป๊บเดียวไอ้คีย์ก็เดินตามออกมา
“มึงไม่เป็นไรใช่ไหม” ไอ้คีย์เดินหาผมแล้วพลิกตัวผมไปมา
“กูมะ...”
“เกิดไรขึ้นค่ะพี่คีย์” ยัยเด็กดาวที่วิ่งเข้ามาเกาะแขนไอ้คีย์พูดขึ้น ไอ้คีย์หันไปมองน้องมันแวบเดียวแล้วหันกลับมามองผมต่อ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“เออ! ไม่ได้เป็นไร แล้วมึงมาได้ไง ไม่สบายไม่ใช่เหรอ”
“เห็นมึงหายไปเลยมาตาม”
“มาตามทำไม กูดูแลตัวเองได้”
“แน่ใจว่าดูแลตัวเองได้”
“เออ!” ผมทำท่าจะเดินหนี แต่ก็ถูกมันรั้งเอาไว้
“เดี๋ยว”
“.....”
“กูอยากจะมาอธิบายเรื่องที่มึงเข้าใจผิดด้วย” ผมมองไปที่ข้อมือตัวเองที่ถูกไอ้คีย์จับอยู่อย่างไม่พอใจ
“.......” ไอ้คีย์มองตามแล้วค่อยๆ ปล่อยมือผม หน้าตาถอดสี ดวงตาหงอยๆ ของมัน ทำเอาใจผมอ่อนยวบไม่น้อย
“กลับห้องเราก่อนไหม ที่นี่ไม่สะดวกคุย”
“.......” ผมไม่ตอบอะไรออกไป เพราะยังตกลงกับตัวเองไม่ได้ว่าควรจะเอายังไงดี สีหน้าไอ้คีย์ก็ดูไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ ห่วงก็ห่วง หยิ่งก็อยากหยิ่ง นิสัยเสียจริงๆ ไอ้เพลง
“ถ้ายังไม่อยากกลับ งั้นมึงเข้าแดกเหล้าต่อก็ได้ เดี๋ยวกูนั่งแถวนี้รอ”
“เดี๋ยวดาวนั่งรอเป็นเพื่อนเองคะ พี่เพลงไม่ต้องเป็นห่วง” ผมมองไปที่เด็กดาวแวบหนึ่งแล้วหันไปบอกไอ้คีย์
“มึงจะรอทำไม จะไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมานั่งรอกูหรอก” ห่วงมันนะ แต่คนดูแลมันก็ยืนอยู่ข้างๆ นั่นแล้วนิ ผมหันหลังเดินจากมันมาได้สองก้าวก็ต้องหันกลับไปเพราะเสียงเด็กดาวนั่น
“ว้ายยยย พี่คีย์” ไอ้คีย์มันล้มฟุบไปอยู่กับพื้น ใจผมหายไปแวบหนึ่งและกำลังจะเข้าไปช่วย แต่พอเห็นเด็กดาวช่วยประคองมันขึ้นมา แล้วร่างกายมันก็หยุดสิ่งที่สมองสั่งการไปอัตโนมัติ
“เกิดไรขึ้นว่ะเพลง” ไอ้ดลที่มาจากไหนไม่รู้ถามขึ้น
“ตัวร้อนมากอะ” ไอ้เบศแฝดไอ้ดลที่เข้าไปช่วยประคองไอ้คีย์พูดขึ้น
“กูว่ามึงพาไอ้คีย์กลับก่อนเถอะ” ไอ้ดลหันมาบอกผมที่มองสบตาไอ้คีย์อยู่ แต่เมื่อเลื่อนสายตาไปเจอเด็กดาวแล้วมันอดหมั่นไส้แล้วเชิดใส่ไม่ได้ซะจริง หึ ไม่ต้องมีกูหรอก มีเด็กนี่อยู่ก็ดูแลมึงได้
“อือ กูฝากมึงไปส่งมันหน่อยแล้วกัน” ผมว่าแล้วเดินหันหลังออกมาให้ห่างจากพวกมัน ขอไปสูดอากาศให้สมองมันโล่งๆ หน่อยเถอะ
ผมกำลังทำอะไรอยู่กันนะ ทั้งที่ไอ้คีย์ก็ดูเหมือนกำลังจะตายอยู่แท้ๆ ยังมัวแต่โกรธบ้าบออะไรไม่รู้ ทั้งที่มันก็บอกว่ามาตามผม แต่เมื่อเห็นหน้าเด็กดาวนั่นที่ไร มันไม่รู้ดิ มันหงุดหงิด อารมณ์เสียไปหมด ทำไมผมถึงได้เห็นแก่ตัวแบบนี้อะ ผมควรจัดการกับความคิดความรู้สึกตัวเองยังไงดี
“เพลง~ มึงกลับเถอะ” ไอ้ดลเดินเข้ามาหาแล้วพูดขึ้น
“อ้าวพวกมึงออกมาทำอะไรกันอะ” ไอ้เป้ที่เดินมาจากลานจอดรถกับเพื่อนคณะอีกสองคนถามขึ้น สงสัยจะไปรับเพื่อนมาเพิ่ม เมื่อกี้ไม่เห็นมันในร้านเลย
“สูดอากาศหายใจ”
“เหรอ นั่นดาวกับไอ้คีย์นิ” ผมหันไปมองตามสายตาของไอ้เป้ เห็นไอ้คีย์นั่งอยู่กับดาวที่เก้าอี้หน้าร้าน
“ถ้ามึงจะคบกับเด็กดาวนั่นก็ระวังตัวให้ดี เด็กนี่มันไม่ธรรมดา”
“พูดเหี้ยไรของมึง”
“เห้ย อย่าทะเลาะกันน่า เข้าข้างในกัน” เพื่อนอีกคนที่มากับไอ้เป้พูดขึ้นแล้วพวกมันก็พากันเดินจากไป
“กลับกันเพลง เดี๋ยวกูกับเบศไปส่ง”
“ทำไมกูต้องกลับ” ผมตวัดสายตามองค้อนไอ้ดล
“ไอ้คีย์ไม่ยอมกลับ มันบอกจะนั่งเฝ้ามึง”
“มันจะมานั่งเฝ้ากูหรือเฝ้าคนอื่น”
“อย่าโง่น่าเพลง มึงก็เห็นๆ อยู่ว่ามันมานั่งเฝ้ามึง ดูมันตอนนี้ดิ สภาพก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว ยังไม่ยอมละสายตาจากมึงเลย” ผมมองไปที่ไอ้คีย์ตามที่ไอ้ดลบอก มันจ้องมองมาที่ผมจริงๆ แหละ ส่วนเด็กดาวนั่นก็กำลังคุยกับไอ้เป้ ก่อนไอ้เป้จะชี้เข้าไปในร้านแล้วเดินเข้าไป
“วางเรื่องที่มึงคิดมากในหัวก่อน มึงดูไอ้คีย์ดีๆ ดิ สังขารก็ไม่เอื้อ ยังฝืนขับรถมาตามมึง ดีเท่าไหร่แล้วที่มันยังมาถึงร้านได้อย่างปลอดภัย ไอ้เพลง...”
“.......” เออ... กูมันเห็นแก่ตัวเองแหละ
“ถ้าไม่เชื่อมึงลองไปชวนมันกลับห้องดิ” เออๆๆๆ รู้แล้วน่า เอางั้นก็ได้ เห็นแก่ที่มันไม่ยอมละสายตาที่มองมาหรอกนะ
 
“ไอ้คีย์กลับ”
“กลับห้องเหรอ”
“เออ! มึงจะกลับปะล่ะ”
“กลับสิ กลับๆ” ไอ้คีย์รีบลุกขึ้นจนตัวมันเซหน่อยๆ ดีที่เด็กดาวช่วยประคองมันไว้ เออ! ประคองกันไปเลย จะได้ไม่ต้องลำบากกู ฮึ่ยยย!
“งั้นดาวขอติดรถไปด้วยได้มั้ยค่ะ”
“ไม่ได้หรอกดาว รถมีที่ว่างไม่พออ่ะ” ไอ้ดลพูดขึ้น
“งั้นพี่ดลรอที่นี่ไหมค่ะ ให้แฝดพี่ดลไปส่งก็พอ”
“........” เอิ่มมม น้องงงเกิดมาเคยเกรงใจใครบ้างปะเนี่ย ไอ้ดลมองน้องมันอย่างคนไม่พอใจ แล้วหันหน้าหนี หมดคำจะพูดจริงๆ ครับ
“งั้นดาวนั่งตักพี่คีย์ก็ได้ เนอะพี่คีย์เนอะ” มากไปปะน้อง ไม่รู้ตัว หรือแป้งที่ทาหน้ามันหนาไป
“ได้ไหมล่ะ” ผมหันไปถามไอ้คีย์บ้าง ลองมึงตอบว่าได้ดูนะไอ้คีย์ กูจะไม่ถามเรื่องที่กูเข้าใจกับความเป็นจริงจากปากมึง กูจะไม่พยายามทำความเข้าใจเหี้ยไรทั้งนั้น ตอบให้ดีนะสัส
“ดาว ดาวโตแล้วนะ พี่ว่ามันไม่เหมาะนะ” ไอ้คีย์ให้คำตอบแบบสุภาพบุรุษ มึงจะพระเอกไปไหนห้ะ แล้วคำตอบนี่ยังไง แสดงว่าที่ผ่านมาตอนยังไม่โตก็นั่งตักกันปกติงั้นดิ ชิ!
“แต่ว่า.... งั้นดาวขอนั่งเบียดไปด้วยได้มั้ย” ยัง! ยังไม่ยอมจบอีก จะไปด้วยกันให้ได้ว่าซั่น
“พี่ว่าถ้าดาวอยากกลับ ดาวก็ควรให้คนที่ไปรับมาไปส่งนะ” ไอ้ดลพูดขึ้นมาอีกครั้ง ใช่! ใช่! ใช่! มายังไงก็กลับยังงั้นสิ
“พี่คีย์เอารถมาไม่ใช่เหรอคะ งั้นเรากลับรถพี่คีย์ก็ได้เนอะ” ยังไม่ยอมละความพยายาม จะไปกับไอ้คีย์ให้ได้เลยใช่ไหม
“กลับรถเราไหมเพลง”
“มึงลำบากใจเหรอ อยากเอาน้องมันกลับด้วยมึงก็กลับกับน้องมันสองคนเลยไป” เนี่ยยยย ปากเสียอีกแล้วเนี่ยยย มันใช่เวลามาประชดประชันไหม ไอ้เพลงงงงง
“ไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ คือกู....”
“ไอ้คีย์มันขับไม่ไหวหรอก ดูสภาพมันดิ แค่ยืนยังเซ ขืนให้มันขับ พรุ่งนี้คงได้สวดพระอภิธรรมอะ” ไอ้ดลพูดขึ้นบ้าง เพราะดูสภาพไอ้คีย์แล้ว มันคงเวทนาเต็มที
“แต่ดาวว่า....” ทำไมเด็กนี่เข้าใจอะไรยากจังว่ะ
“พี่ว่าเดี๋ยวพี่ไปตามไอ้เป้ให้ดีกว่า” ขอบใจมากเพื่อนดลที่ช่วยตัดรำคาญหาทางออกให้
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดาวไปตามพี่เป้เอง” เธอว่าเสียงหงอยๆ ทำตาละห้อยคล้ายหมาจรจัด
“เพลง มึงจะยืนบื้ออีกนานไหม เข้ามาช่วยกันดิ” ผมแทรกตัวเข้าไปแทนที่เด็กดาวที่เหมือนจะรับน้ำหนักไอ้คีย์ไม่ค่อยไหวแล้ว ไอ้คีย์เอาแขนมาพาดคอผมไว้ ผมเลยต้องเอาแขนตัวเองกอดเอวประคองมัน
“เบศมาแล้ว” ไอ้ดลพูดขึ้น เราทั้งสามเลยพากันเดินไปขึ้นรถ
“เพลง~ เรื่องกูกับดาวมันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ” ไอ้คีย์พูดเสียงแหบ~ นอกจากไข้แล้วคงจะเจ็บคอด้วยแหง
“มึงรู้เหรอว่ากูคิดอะไร”
“มึงคิดว่ากูกับดาวมีอะไรลึกซึ้งต่อกันใช่ไหม”
“......” ใช่ ผมไม่ได้พูดออกไปหรอก มันยังหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ
“กูกับดาว....”
“มึงยังไม่ต้องพูดหรอก กูยังไม่อยากฟัง”
“.....” ไม่ใช่ไม่อยากฟัง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ทั้งสภาพ ทั้งน้ำเสียงมันตอนนี้ ผมไม่อยากให้มันฝืนตัวเอง
“ไว้พรุ่งนี้หายดีค่อยเล่า”

“มึงเชื่อใจกูนะ”
“......”
“เพลง~”
“เออ!” ผมตอบส่งๆ ไป กูอยากจะเชื่อมึงนะ แต่ตอนนี้ขอเชื่อความรู้สึกตัวเองก่อน ไว้มึงเล่าอะไรให้ฟังแล้วกูจะตัดสินใจเองอีกที
ไอ้ดลกับเบศช่วยผมแบกไอ้คีย์มาบนห้อง ผมบอกให้มันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนไปเลย ส่วนผมจะไปอาบน้ำก่อน
“มึงจะไม่ไปไหนอีกใช่ไหม” ไอ้คีย์ที่นั่งอยู่บนเตียงคว้ามือผมเอาไว้
“กูไม่มีอารมณ์จะไปที่ไหนแล้วทั้งนั้นแหละ”
“งั้นกูไปเฝ้ามึงอาบน้ำนะ” ห๊ะ!
“มึงจะบ้าหรือไง ใครมันจะไปกล้าอาบน้ำกันเล่า” ไข้แดกสมองหมดแล้วมั้งเนี่ย
“ไม่ได้จะเข้าไปด้วยซะหน่อย แค่อยู่หน้าประตูห้องน้ำ คิดไปถึงไหนเนี่ย”
“คิดไปถึงไหนเหี้ยไรล่ะ”
“งั้น....”
“ไม่ต้องงอแง นอนไปเลยมึงอะ ถ้ากูจะหนีต่อให้มึงเฝ้าหน้าประตู กูก็มุดท่อขี้หนีมึงได้”
“จะมุดจริงเหรอ”
“เออออ อย่าพูดมากได้ไหม นอนได้แล้ว” สภาพก็จะไม่ไหว ยังจะมาเซ้าซี้อยู่อีก
ผมดันให้มันนอนลงเบาๆ แล้วเข้าไปอาบน้ำ แต่พออาบน้ำเสร็จ ไอ้คีย์มันยังไม่ยอมหลับ นอนทำตาปรือๆ ง่วงๆ แต่ก็ไม่ยอมหลับสักที
“ทำไมยังไม่หลับ”
“รอมึง”
“รอกูทำไม”
“กลัวมึงทิ้งกูไป”
“หลับเหอะดึกขนาดนี้แล้วกูไม่ไปไหนหรอก”
“ครับ”
“แล้วทำไมไม่เปิดแอร์ หนาวเหรอ”
“อืม” ผมเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มเตรียมออกไปนอนนอกห้อง
“จะไปไหน”
“นอนข้างนอก”
“ทำไมไม่นอนด้วยกัน”
“กูร้อน จะไปนอนเปิดแอร์นอกห้อง”
“กูก็ร้อน มึงนอนกับกูก็ได้นะ มึงเปิดแอร์เลย กูเริ่มร้อนแล้ว”
“อย่ามาตอแหลไอ้คีย์” ห่มผ้าจนถึงคอหอยขนาดนั้น
“กูไม่อยากให้มึงทิ้งกูไป” เป็นหมาหรือไง มากลัวโดนเจ้าของทิ้งเนี่ย
“ก็ไม่ได้ทิ้ง แค่จะไปนอนนอกห้อง”
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวมึงก็ทิ้งกูไปอีก” งอแงจังว่ะ
“แล้วมึงจะให้กูทนนอนแบบร้อนๆ ไปงี้เหรอ”
“กูบอกให้มึงเปิดแอร์ไง”
“เดี๋ยวมึงได้ไข้แดกหนักกว่าเดิมน่ะสิ”
“มึงร้อนมึงก็เปิดแอร์ ส่วนกูหนาวมึงก็กอดกูไว้สิ”
“......”
“เพลง~” มันทำสายตาเว้าวอนเหมือนเด็กๆ ขอขนมจากแม่ไม่มีผิด
“......”
“นะ นะครับ” พิษไข้มันเล่นงานสมองก้อนสุดท้ายมึงแล้วเหรอ ถึงได้ออดอ้อนกูหนักขนาดนี้เนี่ย โว้ยยยยยย
สุดท้ายผมก็จำใจต้องทำอย่างมันว่าเพราะแพ้ลูกอ้อนที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน
ผมเปิดแอร์ไม่แรงมาก พอให้นอนได้ ส่วนไอ้คีย์นอนห่มผ้าเหมือนดักแด้แล้วกลิ้งเข้ามาชิดติดตัวผม
“เพลงกอดกูหน่อย”
“ไม่เอาร้อน”
“มึงลดแอร์ดิ แล้วกอดกู กูจะได้ไม่หนาว”
“เพลง~ น้าาเพลงน้าาาา” สัสเอ๊ย! แพ้ลูกอ้อนกับสภาพไม่สมประกอบของมันตอนนี้อีกแล้ว แพ้จนลืมไปเลยว่ากำลังโกรธมึงอยู่
ผมนอนโดยมีไอ้คีย์อยู่ในอ้อมกอด ไข้มันสูงจริงๆ ขนาดผมที่นอนกอดมันโดยมีผ้าห่มกั้นยังรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวมัน
ไอ้คีย์นะไอ้คีย์ ทำมาพูดว่าอย่าทิ้งกัน มึงนั่นแหละอย่ามาทิ้งกู ตราบใดที่มึงยังเหมือนเดิม กูไม่มีวันทิ้งมึงหรอก แล้วยิ่งมึงมาอ้อนกูขนาดนี้แล้ว อย่าให้คำพูดที่มึงอยากบอก อยากอธิบายผิดจากที่กูตั้งความหวังไว้มากนักนะ
ผมนอนมองหน้ามันในความมืดแล้วคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาของเราจนเผลอหลับไป
 
ผมลืมตาตื่นอีกครั้งช่วงบ่ายแก่ๆ ปวดหัวจังว่ะ ผมกะพริบตาขึ้นลงช้าๆ ปรับโฟกัสตรงหน้า เมื่อคืนผมนอนไปโดยมีไอ้คีย์อยู่ในอ้อมกอด แต่ตอนนี้ผมมาอยู่ในอ้อมกอดไอ้คีย์ได้ไง
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงคำถามเรียกให้ผมต้องเงยหน้าจากแผงอกตรงหน้าเพื่อมองคนพูด
“อืม... ปล่อยได้แล้ว” ผมบอกมันเพราะเริ่มอึดอัดที่ถูกมันกอดแน่นขึ้น กอดทำไม มึงกอดกูทำไมไอ้ต้าวคีย์
“เป็นไงบ้าง ตัวอุ่นๆ ปวดหัวหรือเปล่า กูว่ามึงน่าจะมีไข้” ไอ้คีย์เอานิ้วมือมาเกลี่ยไล่ผมที่บังหน้าของผม
“ไม่เป็นไรทั้งนั้นแหละ” โอ๊ยยยย ผมคงยันตัวลุกขึ้นเร็วเกินไป เลยเวียนหัวแล้วล้มลงนอนที่เดิม
“ไม่สบายจริงๆ ด้วย”
“เพราะมึงนั่นแหละ กูถึงมาติดไข้ไปด้วย” ผมบ่นแล้วทำตาขวางใส่มัน มึงมีชนักติดหลังอยู่นะ ไม่ต้องมาทำดีกับกูเลย
“ขอโทษ”
“.......”
“มึงนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวกูไปซื้ออะไรมาให้กิน” มันว่าทั้งที่เสียงมันก็ยังแหบแห้ง ป่วยคู่เลยทีนี้
“คีย์...” ผมเรียกชื่อมันเอาไว้ก่อนมันจะลุกจากเตียง
“......” ไอ้คีย์หันมามองเพื่อให้ผมพูดต่อ
“ขอไก่ย่างนะ” จริงๆ ผมยังไม่หิวหรอก ไม่ได้อยากกินไก่ด้วย ผมแค่อยากถามว่ามันตามผมไปทำไม แต่ก็นั่นแหละ ขอตั้งสติอีกแป๊บ ค่อยถามมันดีๆ
“กินโจ๊กกับนมอุ่นๆ ก็พอ นอนต่อนะ เดี๋ยวมาปลุก” ผมนอนมองไอ้คีย์ที่ลุกขึ้นใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไปจากห้อง ก่อนที่ตัวเองจะหลับลงไปอีกครั้ง
 
พอแล้วล่ะ ผมไม่อยากให้อะไรๆ มันค้างคาใจแบบเมื่อเรื่องพี่ขิม แล้วก็แบบที่ผมคิดเองเออเองเมื่อวาน
“เมื่อคืน... มึงตามกูไปทำไม” ผมถามมันหลังจากที่เรากินข้าวต้มกับนมอุ่นๆ ที่มันซื้อมาเสร็จ
“กูเป็นห่วง แล้วก็....”
“......” ผมเงียบรอฟังคำตอบจากมันอย่างใจจดใจจ่อ
“กูไม่อยากให้มึงเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดเรื่องอะไร” จริงๆ เรื่องที่รบกวนจิตใจผมตอนนี้ก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่ามันจะใช่เรื่องเดียวกับที่ไอ้คีย์คิดหรือเปล่า
“เรื่องกูกับดาว”
“......” ใช่จริงด้วย แสดงว่าเรายังใจตรงกัน
“กูสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นมึง พอจะโทรหามึงก็เห็นแชทที่ดาวส่งมา โทรหามึงก็ไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย เลยโทรหาเพื่อนมึงถึงรู้ว่ามึงไปเที่ยว”

“........” ผมมองมันที่ส่งสายตาจริงจังมาให้
“มึงคิดว่ากูกับดาวมีอะไรกันใช่ไหม”
“แล้วจะให้กูคิดเป็นอย่างอื่นได้ไงเล่า”
“มึงหึง” มันว่ายิ้มๆ มาให้ ให้ตายสิ ถูกจับได้ซะแล้ว
“หึงทำไม มีอะไรกันหรือไม่มีแล้วเกี่ยวอะไรกับกู” ผมแกล้งๆ พูดแก้เขินออกไป
“ไม่เกี่ยวสินะ งั้นมึงก็คงไม่อยากรู้” ตบปากตัวเองเท่าเซลล์ในสมองอิตู่เดี๋ยวนี้
“ตามใจไม่อยากเล่าก็ตามใจ” สัสเพลง ปากมึงนี่มัน.... จริงๆ เลย
“แต่ถึงมึงไม่อยากฟัง แต่กูอยากเล่านะ” โล่งอก โชคยังดีที่ไอ้คีย์อยากยัดเยียดให้ผมฟัง
“.......” คราวนี้ผมเงียบครับ กลัวเผลอหลุดปากพูดจาหมาไม่ชอบอีก
“กูกับดาวเราโตมาด้วยกัน ดาวเป็นเด็กข้างบ้านน่ะ ไม่มีพี่น้อง พ่อแม่ดาวแยกทางกันตั้งแต่เด็ก ดาวเลยเป็นเด็กชอบเอาแต่ใจ และชอบให้คนมาสนใจเสมอ ดาวเคยบอกชอบกูด้วยนะ”
“........” จากก้มหน้าฟังมันอธิบายอย่างตั้งใจ พอได้ยินมันบอกเด็กดาวบอกชอบมัน ผมนี่เงยหน้าจ้องมันอย่างไว จนคอแทบเคล็ด หัวนี่ปวดตุ๊บๆ ขึ้นมาเลย
“หึ~ ไม่ต้องทำหน้าตาตื่นขนาดนั้นก็ได้” มันส่งยิ้มพอใจมาให้ สาแกใจมึงนักหรือไงที่เห็นอาการกูผีเข้าผีออกเนี่ย
“เปล่าซะหน่อย” ผมรีบปรับสีหน้าให้ปกติที่สุด เมื่อกี้เผลอไปหน่อย
“แต่กูไม่ได้ชอบดาวหรอก นี่ตั้งแต่มาเรียนมหาลัยก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย จนโปรโมทละครเวทีเมื่อวาน กูเลยได้เจอดาวอีกครั้ง”
“.......” แล้วกูก็ได้เห็นเต็มสองตาว่าพวกมึงกำลังนอนคร่อมกันอยู่ คิดแล้วมันอดปวดใจไม่ได้จริงๆ
“คิดอะไรไม่ดีในหัวอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”
“เปล่าซะหน่อย” ผมทำเป็นมองเมินไปทางอื่น แสนรู้ชะมัด
“หึ~ ตอนนั้นกูเซๆ เพราะปวดหัว พอดีกับดาวเข้ามาประคอง แต่ตัวกูหนักไงเลยพากันล้ม แล้วมึงก็เปิดประตูเข้ามาเห็นพอดี ตอนนั้นกูตกใจมากมึงรู้ไหม เหมือนจังหวะนรกในละครที่นางเอกเข้ามาเห็นพระเอกกับตัวนางร้ายอยู่ด้วยกันแล้วเข้าใจผิด มึงว่าปะ”
“มึงจะตกใจทำไม” คนที่ตกใจคือกูนี่ คิดแล้วก็รู้สึกเหมือนความดันจะขึ้น เดี๋ยวนะ นางเอกเข้ามาเห็นแล้วเข้าใจผิด นางเอก? มึงให้กูเป็นนางเอกเหรอ งั้นพระเอกก็.....
“ก็กูกลัวมึงจะเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดเรื่องมึงกับดาวอะนะ จะเข้าใจผิดหรือเข้าใจถูก ก็ไม่ได้เกี่ยวไรกับกูปะ” ปากแข็ง ยอมรับตรงนี้เลยว่าผมมันปากแข็ง ไอ้คีย์ทั้งพูดทั้งทำขนาดนี้แล้ว มันควรมีใจให้ผมสักเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วไหม แต่ก็นั่นแหละ ผมมันมาฟอร์มจัดไง แต่ก็ไม่ใช่อะไรหรอก คนมันเขินอะแหละ
“ไม่เกี่ยวจริงดิ”
“.......” เกี่ยวโคตรเลยหัวใจ
“ไม่คิดมาก?”
“......” คิดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
“ไม่หึง?”
“.....” หึงสิ หึงมากๆ
“ไม่หวงเลย?”
“......” ทำไมจะไม่หวงล่ะ กูน่ะนะ อยากเก็บมึงเอาไว้คนเดียวเลยตอนนี้
“งั้นมึงไม่ได้คิดอะไรเลยว่างั้น”
“กู.......” ยังไงดีอะตอนนี้ สถานการณ์นี้ เหมือนถูกต้อนให้ยอมรับว่าชอบมันให้ได้
“ชอบกูมากมั้ย กูน่ะ ชอบมึงมากนะ”
 

……………

 
กรี๊ดดดดดดดด อะไรกันครับเนี่ยยยยย  :-[

ตอนหน้าจบแล้วนะคะ อย่าลืมมาส่งบทเพลงกับคีตะเข้าหอกันนะคะ  :hao6:



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
- 18 -


“ชอบกูมากไหม กูน่ะ ชอบมึงมากนะ”
กรี๊ดดดดดดดด
ทีแรกเหมือนถูกมันต้อนให้ยอมรับว่าผมชอบมัน กลับกลายมันสารภาพออกมาเอง จนผมนิ่งช็อคไปแล้ววววว
ถึงผมจะแอบหวังในใจให้มันคิดแบบเดียวกันกับผม แต่พอมันบอกว่ามันชอบผมเข้าจริงๆ มันก็ฟหกด่าสวงงงฟกเ้ส
เท่จัด ไอ้คีย์มันเท่จัดๆ ไม่ต้องทำไรเลย บอกรักนิ่งๆ ผมก็แทบจะมุดเตียงลงไปนอนดิ้นบนพื้นเพราะเขินมันอยู่แล้ว
หลังจากที่ไอ้คีย์มันพูดเสร็จแล้วมันก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมเดินออกจากห้องไปเลย มันบอกว่าหิวข้าวจะไปหาอะไรมาให้กิน เขินอะดิไอ้หน้าหมา ทิ้งกูไว้ไม่ยอมรับผิดชอบคำพูดตัวเองเลยนะ
จริงๆ ช่วงหลังๆ นี้ผมก็คิดแหละ ว่าการกระทำไอ้คีย์ที่มีต่อผมมันพิเศษ พิเศษมากๆ พิเศษเกินกว่าเพื่อนจะมีให้กันได้ แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป ย้อนแย้งเนอะ แต่แล้วไงอะ ในเมื่อตอนนี้ผมกับมัน เราต่างก็ใจตรงกันแล้ว ดังนั้นผมขอมันเป็นแฟนเลยดีไหม ไม่สิ ผมควรหาสถานที่โรแมนติกๆ มันจะได้ประทับใจ ทุกคนคิดว่าไงครับ
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ผมมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อไอ้คีย์มากขึ้น ไม่ใช่แค่ความรู้สึกตัวเองสิ ความรู้สึกของไอ้คีย์ด้วยเช่นกัน การกระทำทุกอย่างที่ผ่านมาโดนเฉพาะช่วงนี้ ผมแอบคิดและเริ่มมั่นใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองและไอ้คีย์
ผมคิดว่าความรู้สึกของมันกับผมคงไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ผมคิดทบทวนย้อนกลับไปกลับมาหลายครั้งถึงความสัมพันธ์ของเรา
นึกคิดถึงสิ่งที่ทำร่วมกันมาตั้งแต่ที่เราเจอกันจนถึงตอนนี้ แม้จะมีบางช่วงที่เราไม่เข้าใจกันเพราะไม่ยอมพูดกันตรงๆ แต่ช่วงหลังมานี้การกระทำของมันก็ทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น
ผมนอนกลิ้นไปมาอย่างมีความสุขรอไอ้คีย์จนลืมว่าตัวเองมีไข้ แต่หลังจากไอ้คีย์ออกไปยังไม่ถึงห้านาที ก็มีกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ถ้าเป็นนิยายฆาตกรรม ผมต้องคิดว่าไอ้คีย์มันลืมอะไรสักอย่างแล้วกลับมาที่ห้องแต่พอเปิดออกไปกลับไม่ใช่มัน แต่เป็นคนร้ายในชุดสีดำที่กำลังจะทำร้ายผม
เฮ้ย! บทเพลง! ตื่นๆๆ เป็นบ้าไรของผมว่ะเนี่ย คิดเพ้อเจ้อคนเดียวอีกแล้ว
ผมเดินไปส่องตาแมว เห็นว่าเป็นไอ้มิวเลยเปิดประตูให้มัน
“คีย์ลงไปซื้อข้าว” ผมว่าแล้วเดินนำมันเข้ามาในห้อง
“อืม กูเจอมันแล้ว เลยรีบขึ้นมาหามึง”
“มาหากู” ไอ้มิวดูนิ่งๆ แปลกๆ แฮะ
“เออดิ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เรื่องมึงกับไอ้คีย์”
“.......” ไอ้มิวมีสีหน้าที่จริงจังและน้ำเสียงที่ดูนิ่งผิดจากปกติ
“กูจะถามมึงตรงๆ นะ มึงคิดยังไงกับไอ้คีย์”
“ค... คิดอะไร” ไอ้มิวมองมาเหมือนพยายามจะจับผิดอะไรบางอย่าง จนผมรู้สึกว่าน้ำเสียงตัวเองมันเปล่งออกมาแปลกๆ
“มึงชอบไอ้คีย์ใช่ไหม” เชี่ยยยย แฟนคลับรู้ กูรู้ แล้วมึงรู้ได้ไง มึงเป็นแฟนคลับกูอ่อ
“ม... มึงพูดอะไรออกมา” ไอ้สัส ถามอะไรออกมา ขนาดไอ้คีย์ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนานมันยังดูไม่ออกเลย แล้วมึงเป็นใครห้ะ ไอ้มิว มึงเป็นใคร มาล่วงรู้ความลับกูได้ไง
“กูถาม มึงก็แค่ตอบ ว่าไง มึงชอบไอ้คีย์ใช่ไหม”
“บ้าน่า กูจะชอบมันได้ไง” ผมจะบอกไอ้มิวได้ไง ขนาดไอ้คีย์ผมยังไม่ได้บอกมันเลย เรื่องอะไรจะบอกคนอื่นก่อน
“สรุปไม่ได้ชอบ”
“อืม” ผมพยักหน้าให้มันทีหนึ่ง
“เห้อออออ โล่งอก” ไอ้มิวที่มีสีหน้าเคร่งเครียดในตอนแรกถอนหายใจ แล้วกลับมานั่งสบายๆ ทำตัวปกติ
“โล่งอะไรของมึง”
“ก็โล่งอกที่มึงไม่ได้คิดอะไรกับมันไง เข้าเรื่องตรงๆ เลยนะ”
“......” ลางสังหรณ์ไม่ดีเลยแฮะ
“มึงคิดว่ามึงกับกูคล้ายกันม่ะ”
“คล้ายกัน?”
“หมายถึงรูปร่าง หน้าตาอะไรประมาณนี้”
“ไม่รู้” ถามอะไรของมันว่ะ
“งั้นก็รู้ไว้ซะ มึงกับกูมีอะไรคล้ายๆ กันหลายอย่างเลยนะ ทั้งส่วนสูง ทั้งนิสัย แล้วยังชอบกินไก่เหมือนกันด้วย”
“........” ไอ้มิวชอบกินไก่เหรอ ผมพึ่งรู้เลยนะ
“เอาง่ายๆ เลยนะ ไอ้คีย์มันเคยบอกชอบกู แต่กูไม่เคยชอบมัน”
“มึงต้องการจะพูดอะไรกันแน่” จู่ความรู้สึกดีๆ เมื่อกี้มันก็หายไป กลายเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกแต่ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย
“ไอ้คีย์มันเข้าหามึง มันทำดีกับมึงเพราะเห็นมึงเป็นเงาของกู ที่กูมาบอกมึงเพราะกูหวังดี กลัวมึงจะชอบมันโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันเข้าหามึงเพราะต้องการหาตัวแทนกู กูไม่อยากเห็นใครเป็นตัวสำรองกู กูอยากให้ไอ้คีย์มูฟออนจากกูสักที.....”
มะ... หมายความว่าไง หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ไอ้คีย์มันทำให้ผมเพราะไอ้มิวงั้นเหรอ
“กูดีใจนะที่มึงไม่ได้ชอบมันน่ะ ที่ผ่านมากูไม่ค่อยได้อยู่กับมันเท่าไหร่เพราะมัวแต่ไปจีบพี่กุ้ง มันคงเหงาน่ะ ถึงได้เข้าไปอยู่ในชีวิตมึง แต่หลังจากนี้ไป กูขอให้มึงออกจากชีวิตมันได้ไหม” ออกจากชีวิตของมันงั้นเหรอ....
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงดีใจ ผมคงมีความสุขมาก แต่ตอนนี้เหรอไปตายซะไอ้มิว พวกมึงเป็นคนเข้ามาในชีวิตกูเองไม่ใช่เหรอ มาทำให้กูรู้สึกดีแล้วสุดท้ายมาขอให้กูออกจากชีวิตพวกมึงเนี่ยนะ
“กูห่วงไอ้คีย์ กูกลัวว่ามันจะสับสน หากวันหนึ่งมึงชอบมันขึ้นมาจริงๆ แล้วมันรู้ตัวว่าสิ่งที่มันทำลงไปเป็นเพราะกู ทั้งมึงและมันต่างก็คงจะเจ็บด้วยกันทั้งคู่”
“.........” เจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่งั้นเหรอ....
“กูแวะมาบอกแค่นี้แหละ หวังว่ามึงจะเข้าใจ งั้นกูกลับก่อนนะ กุ้งรออยู่ที่รถ”
“เดี๋ยว” ผมเรียกไอ้มิวเอาไว้ก่อนมันจะเดินออกไปจากห้อง ผมก้มมองโทรศัพท์ในมือแล้วแสร้งทำหน้าเศร้าเดินเข้าไปใกล้ๆ มัน กะระยะให้พอดีกับช่วงขาสั้นๆ ของตัวเอง
“กูกับไอ้คีย์ไม่มีวันเจ็บเพราะเรื่องนี้หรอก”
“......” บนหน้าไอ้มิวตอนนี้มีเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คเกิดขึ้นกลางหน้าผาก ผมจึงต้องยกเท้าขึ้นมาแล้วยันไปที่หน้าท้องไอ้มิวให้มันหายสงสัย
“ไอ้สัส ถีบกูทำไม” ตัวไอ้มิวปลิวติดประตูห้อง
“เพราะคนอย่างมึงมันใช้สันติไม่ได้ คนอย่างมึงมันต้องส้นตีนเท่านั้น” นี่ถ้าผมไม่เหลือบไปเห็นเมสเสจที่พี่กุ้งส่งมาก่อนไอ้มิวจะออกจากห้องนะ ผมน้ำตาตกแน่ๆ ไอ้ห่าคนกำลังมีความสุข ไอ้มารผจญ
“ไรว่ะ” ไอ้มิวลุกขึ้นมาโวยวายก่อนประตูจะเปิดออก แล้วไอ้คีย์กับพี่กุ้งก็เดินเข้ามาด้วยกัน
สรุปง่ายๆ ได้ใจความ ไอ้มิวมันต้องการจะแกล้งผมกับไอ้คีย์ โทษฐานที่ผมเคยหอมแก้มมันทำให้มันจีบพี่กุ้งยากขึ้น แล้วก็ล่าสุดเมื่อวันก่อนที่พวกมันมาทำงานที่นี่ แล้วผมกับพี่กุ้งอยู่ด้วยกันสองต่อสอง มันบอกว่าผมกับพี่กุ้งจิ๊จ๊ะกันเกินงาม มันหึง แล้วยิ่งพี่กุ้งชอบพูดถึงผมบ่อยๆ มันเลยแค้นสะสม อันนี้มันพูดเองนะครับ
แล้วพอดีช่วงนี้ไอ้คีย์มันโทรไปปรึกษาปัญหาหัวใจ กรี๊ดดดด เขินจัง ไอ้มิวมันเลยได้โอกาสสุมไฟ ชาติชั่วจริงๆ เรื่องก็เลยเป็นแบบที่ทุกคนได้อ่าน แต่พี่กุ้งดันจับพิรุธมันได้ แอบตีเนียนหลอกถามมัน ก่อนมันจะก่อเรื่องสำเร็จ พี่กุ้งเลยส่งเมสเสจมาบอก เพราะไม่อยากให้ผมคิดมากและเป็นกังวลกับความปัญญาอ่อนของไอ้มิว อันนี้พี่กุ้งก็พูดเองนะครับว่าไอ้มิวมันปัญญาอ่อน
“โอ๊ยยยย เชี่ยยยย ถีบกูทำไม” เสียงไอ้มิวดังขึ้นอีกครั้งเมื่อไอ้คีย์ยกตีนขึ้นยันตัวมันจนเซ
“โทษฐานที่มึงกำลังทำให้พวกกูร้าวฉาน” ไอ้คีย์เท้าสะเอวบอกไอ้มิว
“ก็ไม่ได้ร้าวแล้วม่ะ อีกอย่างกูโดนถีบมาแล้วครั้งหนึ่งนะ”
“เออ แล้วยังเหลือตีนกูอีกหนึ่ง” คราวนี้เป็นพี่กุ้งพูดขึ้นบ้าง
“เพราะกุ้งนั่นแหละ”
“กูทำไม”
“ก็กุ้งเอะอะก็ชมมัน เพลงน่ารักอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้ ไม่เห็นเคยชมมิวเลย”
“......”
“แล้วอีกอย่างนี่มันคือการแก้แค้น ที่ไอ้เพลงเคยหอมแก้มมิวจนกุ้งเข้าใจผิด แถมเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน กุ้งกับมันยังจิ๊จ๊ะกันด้วย” ไอ้มิวทำสีหน้าหน้าน้ำเสียงง๊องแง๊งใส่พี่กุ้ง ถีบสักทีอีกดีไหม
“จิ๊จ๊ะห่าไร”
“ก็ที่ตัวมาหาเค้าที่ห้องไอ้คีย์ไง อยู่ด้วยกันในห้องนอนตั้งนานสองนาน เค้าหวงนะ”
“สรุปแกล้งเพลงเฉยๆ”
“บวกความแค้นด้วยนิดหน่อย” จบประโยคแต่นั้นแล้วพี่กุ้งก็จัดการดึงหูไอ้มิวไปทีหนึ่ง
“โอ๊ยยๆๆ กุ้งมิวเจ็บ”
“ยังไงพี่ก็ขอโทษพวกเราแทนมิวอีกครั้งนะ”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบพี่กุ้งออกไป
“จะขอโทษพวกมันทำไมอีก มิวก็ขอโทษแล้วไง”
“หุบปากมึงไปเลย” พี่กุ้งหันไปทำเสียงเข้มใส่มัน
“.......” ไอ้มิวทำหน้าหงอสงบปากสงบคำ กลัวเมียใช้ได้แฮะ
“ยังไงพวกพี่กลับก่อนนะ ไม่กวนละ”
“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่ได้ชวนกินข้าวด้วย พอดียังมีเรื่องเคลียร์กับเพลงอีกนิดหน่อย” ไอ้คีย์บอกพี่กุ้ง
“อ้าวไอ้ห่าไล่เฉยเลย” ไอ้มิวทำสีหน้าหมั่นไส้ส่งมาให้
“ไม่เป็นไรหรอกคีย์ พวกพี่ไปนะ” พี่กุ้งเข้ามาแตะไหล่ผมเบาๆ แล้วยิ้ม ส่วนไอ้มิวเหรอ ยืนหน้างอมองพี่กุ้งด้วยสายตาละห้อย กูขอเอาคือมึงอีกสักทีนะไอ้มิว
ฟอดดดดด
ผมฉวยโอกาสหลังจากที่ทุกอย่างจบลง แล้วดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดึงตัวพี่กุ้งเข้ามาหอมแก้มเย้ยไอ้มิว ก่อนพี่กุ้งจะรีบดึงตัวมันไว้ก่อนจะเข้าถึงผมแล้วพากันเดินออกไปจากห้อง
“ฮ่าๆๆๆ .....” ผมยังขำกับสีหน้าไอ้มิวไม่ทันหาย ก็หันมาสบเข้ากันสายตาพิฆาต
“มะ... มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามไอ้คีย์ที่จ้องมองด้วยสายตาทำลายล้าง เหมือนกำลังจะมีแสงเลเซอร์ปล่อยออกมาจากตามันให้ได้
“.......” นิ่ง มันนิ่งไม่ยอมตอบ แล้วเดินเข้าไปในห้องนอน ผมเลยเดินตามมันเข้าไปติดๆ เหมือนคนทำผิดอะไรบางอย่าง แต่ผมทำอะไรผิดนี่สิ
“คีย์....”
“กูทนไม่ไหวแล้วเพลง”
“ทะ... ทนอะไร”
“ที่กูบอกว่ากูชอบมึงเมื่อกี้ กูพูดจริงๆ”
“.....” ผมมองสายตาที่จริงจังของมันแล้วพยายามหาคำพูดบางอย่างที่อยากบอกมันมานาน แต่มันก็ไม่ยอมออกมาจากปากผมสักที
“แล้วมึงล่ะ ชอบกูไหม กูขอคำตอบจริงๆ ไม่เล่น ไม่พูดกลบเกลื่อน” สายตาที่ส่งมาตอนนี้ใครจะกล้าเล่นล่ะว่ะ
“กู...”
“.....”
“เออๆ ๆ กูก็คิดแบบเดียวกับมึง กูชอบมึงฟหกด้่สวงไพะัีรบกาเว้าหงำสด” ผมพูดจบปุ๊บไอ้คีย์มันจู่โจมผมด้วยการประกบปากทันทีเล่นเอาผมตั้งตัวไม่ทันจนล้มลงนอนโดยมีมันทาบทับอยู่บนตัวผม
ไอ้คีย์บดปากจูบผมแล้มมันก็....
“ฮ่าๆๆ”
“ขำไร” มันจูบเสร็จแล้วก็หลุดขำออกมา
“ขำเด็กน้อยที่จูบไม่เป็น”
“สัส!”
“แต่งนิยายเอาซะนึกว่าตัวเองมีประสบการณ์มากมาย สุดท้ายก็ทำไม่เป็น”
“ก็กูไม่เคยนิน่า” ผมพยายามดันหน้าอกมันให้ลุกขึ้นจากตัวผม แต่มันไม่ยอมลุก
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร จะช่วยสอนนี่ไง” มันพูดยิ้มๆ แล้วเอามือมาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าให้
“ไม่เอา” ผมพูดแก้เขินออกไป
“กูอดทนมามากพอแล้วเพลง มึงเป็นของกูเถอะนะ”
“ปะ... เป็นอะไร”
“เป็นแฟนกูนะ”
“......” ผมมองมันอึ้งๆ ไม่ใช่อึ้งอะไรนะ อึ้งที่มันขอกันดื้อๆ ทั้งที่ผมอุตส่าห์คิดว่าจะขอมันเป็นแฟนที่ไหน มันจะได้ประทับใจ แต่ไอ้คีย์มันดันตัดหน้าแล้วขอกันแบบหน้าตาเฉย ไม่มีอะไรโรแมนติกเอาซะเลย
“เป็นไร”
“แค่นี้เหรอ” ผมถามมัน
“แค่นี้...?”
“ไม่โรแมนติกเอาซะเลย”
“แต่งนิยายมากไปแล้วมึงอะ จะให้กูไปขอมึงเป็นแฟนตอนพระอาทิตย์ตกดินที่ทะเล หรือเป็นร้านอาหารหรูบนดาดฟ้าเหรอ” ไอ้คีย์ที่ยังไม่ยอมลุกจากตัวผมพูดขึ้นยิ้มๆ
“ก็ไม่ขนาดนั้นก็ได้ แต่ว่าแบบนี้มันง่ายไปไง” คราวนี้มันลุกขึ้น แล้วดึงตัวผมให้ลุกขึ้นตามมัน ก่อนจะคว้ากีตาร์ติดมือมาด้วย
ผมเดินตามไอ้คีย์ที่จูงมือผมออกมาจากห้อง ผมไม่ได้ถามว่ามันจะพาผมไปที่ไหน มันคงไม่พาผมไปฆ่าไปแกงหรอกเนอะ
“ที่นี่เป็นไง” ไอ้คีย์ถามผมเมื่อมันพาผมมาถึงดาดฟ้าคอนโด แม้คอนโดที่เราอยู่จะไม่ได้สูงมาก แต่บรรยากาศถือว่าใช้ได้ ตอนนี้พระอาทิตย์ก็ใกล้จะตกดินแล้วด้วย ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว
“คีย์...”
“ครับ”
“มึงเอากุญแจมาจากไหนอะ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ใช่คำถามที่ควรถามตอนนี้ไหม กูก็นึกว่ามึงจะตอบตกลงเป็นแฟนกู” ไอ้คีย์มันยื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“ก็สงสัย”
“.......” ไอ้คีย์มันส่งยิ้มละลายใจมาให้แล้วพาผมไปหาที่นั่งดูพระอาทิตย์ลับขอบตึก
“เพลง กูไม่รู้นะว่าความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อมึงมันเริ่มจากวันไหน อาจจะวันนั้นที่ร้านหมูกระทะ หรือวันที่มึงร้องไห้แล้วกูไม่ได้อยู่เคียงข้างมึง กูไม่แน่ใจหรอกว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรือตอนไหนกันแน่ ทุกๆ วัน กูคิดแค่ว่าขอมีมึงอยู่ข้างๆ กันไปแบบนี้ก็ดีแล้ว”
“........” จริงอย่างที่มันพูดแหละ ทุกๆ วันผมไม่คิดอะไรเลย นอกจากขอแค่มีมันอยู่ข้างๆ ไปเรื่อยๆ
“แต่พักหลังมานี้มันไม่ใช่เลย กูไม่รู้เลยว่าวันไหนที่มึงจะไปมีคนที่มึงรัก วันไหนที่มึงจะเบื่อกู กูคิดมาตลอดว่าควรบอกมึงออกไป กูคิดอยากลองเสี่ยงหลายๆ ครั้ง แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวมึงคิดไม่เหมือนกัน แล้วมึงจะเปลี่ยนไป”
“........” พูดอีกก็ถูกอีก ใจตรงกันมากเลยที่รัก
“กูทำได้เพียงอดทน อดทนมันมาตลอด จนทนต่อไปไม่ไหว กูคงบ้ามากว่าไหม ที่ไปชอบคนปัญญาอ่อนแบบมึง”
“อ้าวสัส กำลังซึ้งเลย” จู่ๆ ก็ถูกหลอกด่าซะงั้น นี่ชอบกูจริงปะเนี่ย
“หึ~ เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงเพลง กูถึงไม่อยากอดทนอีกต่อไป”
“กูมันเป็นไงเหรอ”
“เพราะมึงมันน่ารัก”
“.......” เขินว่ะ ผมควรทำท่าไหนดี ผมไม่กล้าหันไปมองมันเลย จนมันต้องหยิบกีตาร์ขึ้นมาเกาเบาๆ ก่อนจะเริ่มดีดให้มันเป็นทำนองเพลง

“อาจเป็นแค่ความฝัน
มีไหมวันที่เราสองคนจะรักกัน
ก็เลยถาม...”


ตอนนี้ผมไม่ได้มองไปที่มันหรอก ผมกำลังมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี ดวงตะวันก็ใกล้ลับขอบฟ้า ฟังเสียงเพลงที่ไอ้คีย์กำลังร้อง ย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกัน

“ว่าเธอคิดอย่างไร กับสิ่งที่ฉันได้ทำให้เธอ
เธอรู้รึไม่ เสียใจเมื่อเธอนั้นได้พูดว่า
ไม่อาจจะให้มากไป”


ผมไม่เคยคิดเลยว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ความสัมพันธ์ของเราจะมาได้ไกลมากขนาดนี้

“ฉันขอเพียงแค่เธอนั้นให้โอกาสฉันได้ไหม
อย่าเพิ่งถอยหนีไป ลองคิดดูสิ่งที่ฉันทำ
เธอไม่ต้องกลัวมันแค่เรื่องของหัวใจ
และชั้นเองก็อาจจะไม่ใช่ เธอแค่ลองเปิดรับหัวใจของ
ชั้นหน่อย จะได้ไหม...”

(เพลง ลองคิดดู - Anything Else)

“.......” ผมจำเพลงนี้ได้ ครั้งหนึ่งมันเคยร้องเพลงนี้ในร้านหมูกระทะ แล้วผมเองก็แอบหวั่นไหวด้วย หวั่นไหวนิดๆ นะ นิดเดียว นิดเดียวจริงๆ
“มึงจำเพลงนี้ได้ไหม”
“จำได้ดิ”
“ตอนนั้นที่กูร้องเพลงนี้กูไม่ได้คิดอะไรกับมึงเลย กูแค่ร้องเพราะอยากแกล้งมึงเฉยๆ แต่วันนี้ กูร้องให้มึงนะ ร้องจากใจให้มึง.....”
“.......” ผมกัดปากกลั้นยิ้มเอาไว้ ขืนเผลอยิ้มออกไป ไอ้คีย์ล้อผมจนตายแน่นอน
“เปิดใจให้กูได้ไหม เป็นแฟนกูนะ”
“.......” ผมอยากจะตอบตกลงออกไป ไม่ก็พยักหน้าให้มันแรงๆ แต่ผมทำไม่ได้ ตัวผมมันชา ขนตามตัวมันลุกชันไปหมด หัวใจก็เต้นแรงจนไม่กล้าขยับตัวกลัวหัวใจมันหลุดออกมาจากอก ให้ตายเถอะซาร่า ทำไมร่างกายเหมือนกำลังถูกไฟช็อตแบบนี้กันนั
“ว่าไง”
“กะ... กู”
“.....”
“ป... เป็น ก็เป็น....”
“เป็นไร” ยังจะถามอีก
“แล้วมึงจะให้เป็นเล่า”
“เป็นเมียเลยดีไหม”
“เมียพ่อง มึงไม่รู้เหรอว่ากูเป็นรุก”
“หือออ!” จริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะรุกจะรับ แต่ไอ้คีย์นี่ดูทรงแล้วยังไงก็รุกแน่ ผมเลยขอแกล้งมันสักหน่อย อยากดูหน้าเหว๋อๆ ของมัน แต่มันไม่เหว๋อครับ ยิ้มอย่างเดียวเลย มึงบ้าปะเนี่ย หรือว่ามันเป็นรับว่ะ
“คีย์.....”
“ครับ...”
“ครับพ่องงง ขนลุก”
“ว่าไงอะ”
“สรุปเราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม”
“ครับ บทเพลงของคีตะ”
พระอาทิตย์ตกดินที่ทะเลหรือร้านอาหารหรูๆ บนดาดฟ้า ก็สู้มีไอ้คีย์อยู่เคียงข้างไม่ได้ รักมึงนะคีตะ




..... จ....
.....จบ ......
.
ยังสิ
ยังมีต่ออีกนิด
.
.
.



[มีต่อ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2020 20:21:19 โดย JASMINE 2019 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JASMINE 2019

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
[ต่อจร้า]
.
.
.


“มึงทำไรอะ” ผมถามไอ้คีย์ที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวแค่ผืนเดียว แล้วเดินไปล็อกประตู ปิดหน้าต่าง ปิดผ้าม่าน แล้วเดินมาจ้องผมที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง
“มึงพร้อมยัง”
“พ... พร้อมอะไร” ใจคอไม่ดีเลยแฮะ
“ครบสามวันแล้ว”
“.......” สามวัน..!! ตายห่าล่ะ สามวันอะไรวะ ผมไปสัญญาอะไรเอาไว้ ผมลืมอะทุกคนนนนน
“อย่าบอกว่าลืม”
“กู....”
“ถอดเสื้อผ้า”
“ห้ะ!”
“หรือจะให้กูถอดให้” ถอดเสื้อผ้าเหรอ....
“.....”
“อย่าทำหน้าแกล้งโง่ มึงสัญญาแล้วนะว่าจะยอมเล่นจ้ำจี้กับกู”
“.....” เชี่ยยย... เรื่องนี้นี่เอง ลืมไปเลยแฮะ เพราะมันนั่นแหละ ทำให้ผม สำลักความรักทุกวันจนลืมภารกิจสำคัญซะได้
“ชักช้าจริงมึง” ไอ้คีย์พูดแล้วกระโดดขึ้นคร่อมผมเอาไว้
“......”
“ไหนๆ ก็ต้องถอดออกอยู่แล้ว อาบน้ำเสร็จมึงจะใส่เสื้อผ้าทำไม” ไอ้คีย์บ่นไป แกะกระดุมผมไป ทำไงดีผมยังไม่พร้อมมมม
“ดะ... เดี๋ยวก่อนคีย์”
“อย่าบอกว่าไม่พร้อม กูงอนมึงจริงๆ ด้วย” โอ๊ยยยย มึงอ่าาาาาา
“เออ... ปิดไฟได้ไหม” เอาว่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาก็เอา ถึงร่างกายจะไม่พร้อม แต่จิตใจผมก็พร้อมเสียตัวให้มันแล้วล่ะ อีกอย่างน้อยชายของมันก็แข็งเบียดน้องชายของผมไปมาจนไม่กล้าขัดมันด้วย
“ไม่! กูอยากสำรวจร่างกายมึงให้เต็มสองตา”
“ไอ้บ้า!”
“บทเพลงครับ มาเป็นของคีตะนะ”
“ขนลุก” คงๆ ครับๆ อีกแล้ว เนี่ยยยย ผมแพ้มันตอนพูดดีด้วยทุกครั้งเลย แล้วเหมือนมันจะรู้ด้วยนะ
“ไม่ชอบอ๋อ..?”
“ชอบสิ เอ้ย!” สิ้นเสียงผมไอ้คีย์ก็จัดการบดจูบที่เฝ้าสอนผมทุกวันตั้งแต่เราคบกันมาจนถึงวันนี้
ท่อนเนื้ออุ่นแฉะจากปากมันลุกล้ำเข้ามาในปากผม ลิ้นของมันพันเกี่ยวลิ้มผมไปมาจนมันพอใจก็ถอดการเล่นกับลิ้นมาดูดเลียริมฝีปากบนสลับล่าง จนผมตามจังหวะแทบไม่ทัน
“อ้ะ! อ๊าา~” ผมหลุดเสียงครางเมื่อลิ้นอุ่นของมันเริ่มร้อนและเปลี่ยนจากริมฝีปากผม มาเป็นซอกคอระหว่างที่มันใช่ปากไซร้ซอกคอของผม มือไอ้คีย์ก็ปลดกระดุมไปด้วย ผมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงกลัวมันล้อ ส่วนมือทั้งสองข้างก็ขยำผมมันเบาๆ แสดงให้รู้ว่าผมพอใจในสิ่งที่มันทำให้
เสื้อชิ้นบนถูกไอ้คีย์จัดการอย่างง่ายดาย มันเริ่มใช้ปากจูบพรมไล้ลงมาถึงหน้าอก ไอ้คีย์ใช้ปลายลิ้นนุ่มเลียชิมตุ่มไตสีชมพู สีชมพูจริงๆ นะ ผมส่องกระจกมาแล้ว
“อาส์~”
“เสียวไหม”
“ส... สะ.. เสียว”
ไอ้คีย์สลับลิ้นเลียทั้งฝั่งซ้ายและขวาจนพอใจแล้วลากลิ้นแฉะเลื่อยลงมาที่หน้าท้อง แล้วพรมจูบอีกครั้ง ก่อนที่จะใช้มือเกี่ยวกางเกงผมเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน” ผมเรียกมันไว้ก่อนน้องชายของผมจะออกมาเผชิญหน้ากับมัน
“ครับ” มันตอบรับด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ปิดไฟ”
“ครับ ปิดก็ปิด” มันพูดงั้นจริงครับ แต่การกระทำมันสวนทางกันเลย เพราะมันไม่ปิด แต่ดึงกางเกงผมทีเดียวหลุดไปถึงขา
“ไอ้สัส กูบอกให้ปิดไฟ” ผมใช้มือทั้งสองข้างตัวเองปิดน้องชายตัวเองไว้
“ก็ปิดไง แต่เล่นจ้ำจี้กันก่อน” มันพยายามใช้มือตัวเองแงะมือผมออก
“กูอายอ่าาา” ผมพยายามใช้เสียงหวานๆ อ้อนมัน
“........” มันเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มให้ ไอ้คีย์ขยับตัวจูบผมแล้วลุกขึ้นนั่ง
“งั้นเพลงทำให้คีย์สิ นะครับ” มันหันมามองด้วยสายตาหยาดเยิ้มจนผมขนลุกขนชันอีกครั้ง
“ไอ้บ้า เลิกทำเสียงอ่อนเสียงหวานได้แล้ว” หน้ากูร้อนหมดแล้วไอ้ต้าวหน้าหมา
“สักทีเถอะเพลง กูไม่ไหว ถ้าไม่ทำให้กู งั้นกู....” ไอ้คีย์พลิกตัวล้มทับผมเอาไว้
“.....”
“มึงดูคลิป มึงศึกษามาเยอะไม่ใช่เหรอ หรือว่ามึงไม่อยากมีอะไรกับกู”
“บ้าน่า กูแค่เขินๆ”
“น่ารักจัง” มันว่าแล้วหอมแก้มผมฟอดหนึ่ง
“......” ผมกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง ครั้งแรกมันคงจะเขินงี้แหละมั้ง
“เป็นของคีย์นะครับ ครั้งแรกเขินๆ ครั้งต่อไปจะร้องหาคีย์เช้า กลางวัน เย็นแน่นอน”
“หลงตัวเอง”
“ไม่เชื่อเหรอ”
“........” เชื่อสิ แต่หมั่นไส้
“ถ้ากลัวเสียเปรียบไม่อยากหลงกูฝ่ายเดียว มึงก็ทำให้กูหลงมึงให้ได้สิ”
“ท้าเหรอ”
“กล้าไหมล่ะ” ถึงผมจะไม่เคย แต่ก็ศึกษามาพอตัว
ผมพลิกตัวให้มันนอนลงแล้วขึ้นนั่งทับที่ต้นขามันไว้ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มมันเบาๆ จากอีกข้างไปอีกข้าง ผมมองแววตาที่ไม่ได้ล้อเลียนเหมือนที่ผมคิดไว้ สายตามันหยาดเยิ้มเหมือนรอค่อยวันนี้มานาน ผมขยับริมฝีปากแตะกับปากมันแผ่วเบา แล้วค่อยๆ งับกลีบปากหยักหนาของมัน ดูดเม้มช้าๆ แล้วใช้ปลายลิ้นตัวเองสอดใส่เข้าไปในโพรงปากของไอ้คีย์
“อ๊ะ!” เสียงผมเริ่มหลุดร้องออกมา เมื่อคีย์ส่งลิ้นตัวเองเข้ามารุกล้ำในปากของผม ลิ้นแฉะตวัดเกี่ยวกันไปมานานพอสมควรก่อนผมจะเป็นคนถอดริมฝีปากออกมาแล้วใช้มือดันไหล่มันให้นอนลง เพราะไอ้คีย์มันผงกหัวตามจะจูบต่อ
ผมจูบซับตามซอกคอ กระดูกไหปลาร้า ไล่ลงมาถึงเนินอก ใช้นิ้วข้างหนึ่งเกลี่ยหัวนมสีน้ำตาลของมัน ส่วนอีกข้างกำลังใช้ปลายลิ้นลิ้มลองเหมือนที่มันทำกับผม ทำสลับไปมาทั้งสองข้างจนไอ้คีย์ร้องครางออกมา
“อ่าส์~ เสียว~”
ผมลากลิ้นแฉะไล่ลงมาที่ท้องน้อย ที่เต็มไปด้วยซิกแพ็กแน่นๆ น่าอิจฉาจัง ผมจูบซับเพราะอิจฉา ก่อนจะกัดเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
ไล่ต่ำลงมาอีกนิดก็เจอสิ่งที่ทำให้ผมใจเต้นแรง หน้าร้อนเห่อไปหมด
น้องชายไอ้คีย์ตั้งโดชี้หน้าผมอยู่ ไอ้คีย์ค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง ผมเงยหน้าสบตามัน ไอ้คีย์ลูบหัวผมเบาๆ มันส่งยิ้มท้าทายมาให้
ผมก้มกลับมามองน้องชายมันอีกครั้ง
จะเขินทำไม ของเราก็มีนิน่า ถึงอาจจะใหญ่สู้มันไม่ได้ก็เถอะนะ ผมใช้มือตัวจับน้องชายของไอ้คีย์เอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ล่วงจับของตัวเองที่ตื่นไม่แพ้ของมันไปด้วย
ผมสาวมือขึ้นลงและคิดภาพในหัวไปด้วยว่าคลิปที่ศึกษามาเขาทำกันยังไงต่อ คลิปส่วนใหญ่เขาใช้ปากครอบลงไปเลย แต่ก็มีบางคลิปที่รับมักจะใช้นิ้วเล่นน้ำที่ปริ่มออกมาที่ปลายหัว แล้วดูเหมือนรุกจะพอใจ และมันก็ดูเหมือนคลิปของคู่รักกันจริงๆ ด้วย
ผมใช้นิ้วชี้ลองแตะๆ ที่ปลายหัวน้องชายไอ้คีย์ ที่ตอนนี้มีน้ำใสๆ เหนียวนิดหน่อยเยิ้มอยู่
“ซีด~ อ่าาส์” มือของมันยังคงลูบหัวผมเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตา มันก็ก้มลงมาจูบผม แล้วกระซิบเบาๆ
“ทนไม่ไหวแล้ว” ผมยิ้มพอใจเมื่อเห็นอาการมัน
ผมแลบลิ้นแตะน้ำใสนั่น เค็มนิดๆ มีกลิ่นคาวปนหน่อยๆ แต่ไม่เป็นไร ผมทนได้
ผมจัดการจูบซับท่อนเนื้อของน้องชายไอ้คีย์ ไม่ยอมใช้ปากครอบสักที เพราะผมอยากให้มันต้องการให้ถึงขีดสุด
“เพลง~ คีย์ไม่ไหวแล้ว~”
“รักเพลงไหม”
“รักมากครับ” ผมยิ้มพอใจ แต่จังหวะที่ผมกำลังจะอ้าปากเพื่อครอบครองท่อนเนื้อแข็งร้อนนั่น มันก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ภาพตัดมาที่โคมไฟซะก่อน.....

.....อะไรมันจะละครไทยสมัยก่อนขนาดนั้น
แต่ก็อย่างว่าแหละ ผมกับไอ้คีย์คงไม่ตื่นมากอดกันหวานแวว บอกฉันรักคุณนะ เหมือนละครขนาดนั้น เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะไอ้คีย์ไง
“ไอ้คีย์ ไอ้เหี้ย ไอ้สัส” ผมลืมตาขึ้นมาแล้วด่าไอ้คีย์ทันทีที่เห็นหน้ามัน
“ด่าผัวทำไมครับ”
“ยังจะถามอีก กูเจ็บไปหมดแล้ว ปวดหัวด้วย มึงคนเดียวเลย”
“ฮ่าๆ กูไม่ได้บังคับนะ มึงบ้าจี้เอง”
“.....” ใช่ครับ มันไม่ได้บังคับผม แต่หลังจากจบยกแรกมันก็พูดยุยง ใช้คำพูดหว่านล้อมผมให้ผมทำตามที่มันต้องการ ทั้ง “หมดแรงแล้วเหรอ ไม่เห็นเก่งเหมือนที่พูดเลย” “ที่รักอ่อนจัง” “พอก็ได้นะ ถ้าคิดว่าสู้น้องชายกูไม่ไหว” “ลีลามีแค่นี้เองเหรอ” สุดท้ายก็สุดทน ยอมให้มันมียกที่ 2 ที่ 3
เลยตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดเมื่อยตามลำตัว โดนเฉพาะช่วงล่างทางด้านหลัง แล้วนี่เหมือนจะไข้ขึ้นด้วย
“ขอโทษ~ แต่กูทนมานานแล้วไง” ไอ้คีย์กระชับกอดผมเอาไว้
“ไม่ต้องมาขอโทษเลย ไปเอาไก่มาบรรณาการกูเดี๋ยวนี้”
“ปวดสะโพกแล้วยังมีไข้ ก็ยังจะกินไก่อยู่อีก กินข้าวต้มร้อนๆ ก็พอ เดี๋ยวกูไปซื้อให้”
“เดี๋ยว...” ผมเรียกมันไว้ก่อนที่มันจะลุกออกไปจากเตียง
“ครับ...?”
“ยังไม่หิวเท่าไหร่อะ มึง.....”
“......?”
“...นอนกอดกูต่ออีกนิดสิ”
“ฮ่าๆ อะไรอะ นี่อ้อนเหรอ โอ๊ยยย ตายๆๆ ไอ้คีย์ตายแน่ๆ ไม่ลุกไปไหนแล้วโว้ยยย” ไอ้คีย์ล้มตัวกอดผมอีกครั้ง แล้วหอมแก้มซ้าย แก้มขวา แล้วก็ฝากสัมผัสจากริมฝีปากมันไว้ทั่วทั้งหน้าผม
“พอแล้ว หน้ากูเปื้อนน้ำลายหมดแล้ว”
“อยากทำมากกว่านี้จังเลย ทำไมมึงน่ารักขนาดนี้ว่ะ”
“กูน่ารักได้มากกว่านี้อีก ถ้ามึงอยู่ตามใจกูนานๆ อะนะ”
“ฝันไปเถอะว่ากูจะตามใจมึง โดยเฉพาะเรื่องกิน”
“ไรว่ะ เรื่องกินนี่ขอร้องเลย” ไม่ได้อะ เรื่องกินเรื่องใหญ่ จะมาก้าวก่ายบทเพลงไม่ได้
“ไม่มีทาง ตั้งแต่นี้ต่อไปกูจะควบคุมเรื่องกินของมึง โดยเฉพาะไก่เนี่ย”
“ไม่เอาอะ กูไม่ยอม” โอ้โห้ เรื่องไก่นี่เรื่องใหญ่เลยนะ ใครจะยอมกันเล่า
“งั้นก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
“อะไร”
“ถ้าอยากกินไก่ ต้องแลกด้วยการให้กูกินมึง”
“ไอ้บ้า”
“ไม่ได้บ้าพูดจริงๆ” ผมมองหน้าไอ้คีย์ที่ส่งสายตาหื่นกระหาย น่ากลัวมาให้
“.......”
“เริ่มตอนนี้เลยไหม”
“จะบ้าหรือไง กูระบมไปหมดทั้งตัว งดหนึ่งอาทิตย์อย่างต่ำ” พูดไปงั้นแหละ ถ้าหายดีเมื่อไหร่ผมจัดเต็มให้มันแน่นอน ผมก็มีฮอร์โมนเพศชาย เลือดกายก็สูบฉีดไม่แพ้มันหรอกนะ
“หนึ่งอาทิตย์ใครมันจะไปทนไหว”
“ไม่ไหวก็ต้องทน”
“ไม่เอาอะ ไม่ทน ข้างล่างมึงไม่พร้อมแต่ปากมึงพร้อม”
“ไอ้บ้า”
“เออกูมันบ้า น้องชายกูก็แข็งพร้อมแล้ว” ไม่พูดเปล่ามันดันน้องชายมันถูน้องชายผมไม่เบานัก เล่นเอาช่วงล่างที่ไม่สมบูรณ์ปวดแปลบขึ้นมา
“โอ๊ย~ คีย์ กูยังเจ็บอยู่นะ”
“เห้ยโทษๆ”
“ไม่ต้องเลย ไปเอาไก่มาเลยกูหิวแล้ว”
“เมื่อกี้ยังบอกไม่หิวอยากให้กูกอดไม่ใช่หรือไง”
“ไม่เอาแล้ว กอดกับคนหื่นมีแต่เสียเปรียบ”
“แถมเสียตัวด้วย”
“ทะลึ่ง”
“สรุปข้าวต้มนะ เดี๋ยวผัวไปซื้อมาให้” มันว่าแล้วหอมแก้มแบบฝั่งลึกจนผมเจ็บแก้มไปหมด
“เบาๆ หน่อยไอ้ต้าวผัวของบทเพลง”
“ฮ่าๆๆ”
“ขำอะไร”
“เดี๋ยวนี้เรียกกูว่าผัวได้เต็มปากแล้วเหรอ”
“เออดิ มึงเป็นผัวกูแล้ว ต่อไปกูจะแสดงความเป็นเจ้าของให้เต็มที่”
“กูก็เหมือนกัน จะแสดงให้โลกรู้ว่าบทเพลงเป็นคีตะ”
“คีตะก็เป็นของบทเพลงเหมือนกัน”
“แต่มึงระวังไว้หน่อยนะ”
“ระวังอะไร”
“ถ้ายังปล่อยให้ผู้ชายคนไหนถึงเนื้อถึงตัวบ่อยๆ มึงต้องถูกทำโทษ”
“มึงก็เหมือนกันแหละ”
“กูไม่กลัว กูชอบ กูอยากโดนมึงทำโทษ” มันยักคิ้วแล้วส่งสายตาหยาดเยิ้มมาให้ ก่อนมันจะค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ จ้องมาที่ริมฝีปากผมแล้วงับเบาๆ
“ฮืออ” ผมครางเบาๆ มันจึงปล่อยริมฝีปากผม
“เพลง!”
“อ... อะไร” จู่ๆ มันก็ใช้เสียงสองเรียกชื่อผม แล้วล้มตัวลงกอดผมอีกครั้ง
“กูไปไหนไม่ได้แล้วว่ะ หลงมึงแล้วจริงๆ ทำไมมึงน่ารักได้ขนาดนี้ว่ะ กูอยากกอดมึงแบบนี้ ไม่อยากปล่อยมึงไปไหน”
“ไอ้ต้าวบ้า กูก็ไม่อยากให้มึงปล่อยกูไปไหน แต่กูหิวอะ”
“ฮ่าๆ หิวอีกแล้ว ครับๆ เดี๋ยวคีตะไปหาอะไรมาให้กิน” มันลุกขึ้นอีกครั้ง ครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย ไม่ได้ไปไหนสักที
“อ... อะไรอีกล่ะ” ผมถามเมื่อไอ้คีย์ยืนขึ้นแล้วหันมามองผม
“ขอจูบอีกที” มันว่าแล้วก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง
อะ! สรุปไม่ได้ไปไหนสักที ไม่ต้องกินแล้วข้าวอะ กูจะกินมึงแทน ไอ้ต้าวคีย์หน้าหมา



………จบ………



จบแล้วกับนิยายที่แต่งจบเรื่องแรก ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและอ่านมาจนจบนะคะ ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะมีคนอ่านแค่ไม่กี่คน แต่เราก็ดีใจที่มีคนตามอ่านจนจบ โดยเฉพาะ คุณ AkuaPink และคุณ kong6336 ที่แวะมาคอมเม้นให้กันตลอด ทำให้เรามีกำลังใจแต่งจนจบ  :katai4:
สุดท้ายนี้ก็อยากขอบคุณทุกคนอีกครั้ง หวังว่าเรื่องหน้าจะกลับมาอ่านนิยายของเราอีกนะคะ  :pig4:
สิ้นปีนี้ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ แล้วเจอกัน กับนิยายเรื่องใหม่ในปีหน้า โชคดีส่งท้ายปีคะ รักคนอ่านทุกคนนะคะ  :mew1:




ออฟไลน์ Kochiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z2:  สนุกคะ

ออฟไลน์ Noonnaja

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด