บทที่ ๑๑ (ครึ่งหลัง)จีรัชญ์ได้ยินเสียงเรียกของอีกฝ่ายเขาจึงหันไปมอง เห็นท่าทีรีบร้อนของณิชที่ลงมาจากชั้นบนพร้อมสมุดในมือทำเขาใจกระตุก ก่อนเจ้าตัวจะนิ่งไป ท่าทางดูเหมือนคนจะวูบเขาเลยเดินเข้าไปหา แต่เพราะไปไม่ทันร่างณิชจึงกลิ้งร่วงลงมาจากบันได หัวที่กระทบกับขอบบันไดหินอ่อนแตกเลือดอาบ เขาเหลือบมองไอ้มั่นที่ยืนอยู่บนบันได มันก็ตกใจไม่แพ้กัน
‘คุณปราณรู้เรื่องมึงแล้ว คุณเขาร้องไห้หนักเลยทำให้วูบไป’
‘ทำไมเพิ่งมาบอก!!’จีรัชญ์ต่อว่าอีกฝ่ายในใจ เขาแตะไปตามตัวณิชดูว่ามีส่วนไหนหักบ้าง โชคยังดีที่พลัดตกแค่ไม่กี่ขั้น ไม่อยากคิดว่าหากตกตั้งแต่ขั้นแรกสภาพณิชคงไม่ดีแน่
“โทรเรียกรถพยาบาลดีไหมคะคุณตรี ไม่รู้มีส่วนไหนหักรึเปล่า” มิ้งกรีดร้องเสียงหลงก่อนหน้านี้รีบเข้ามาดูอาการรุ่นพี่ตนที่สลบไปแล้ว ป้าแจ่มแทบเป็นล้มกับภาพที่เห็นทำให้หวีต้องรีบหายาดมให้ ไม่งั้นคงเป็นลมไปอีกคน
“ไปหาผ้าสะอาดมาก กดแผลไว้ก่อน ผมจะตรวจดูคร่าวๆ ว่ามีตรงไหนหักไหม”
“แต่คุณไม่ใช่หมอ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าหักไม่...”
“ไปหาผ้ามา!!” จีรัชญ์ตวาดมิ้งเสียงกร้าว ฝ่ายหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นท่าทางดุดันของอีกฝ่ายชะงักไป เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ แต่ก็มั่นใจในตัวเองเช่นเดียวกันทำให้เธอยอมถอย รีบวิ่งไปหาผ้าสะอาดมากดแผลห้ามเลือดไว้
--##--##--##--##--##--##--
หากใครผ่านไปผ่านมาเรือนออกญาศรีรัตนกรอาจจะเห็นว่าบรรยากาศเงียบผิดปกติ ไม่อื้ออึงดังเช่นเคย บนเรือนใหญ่บรรยากาศอึมครึมเหมือนเมฆครึ้มฝน เสียงอึงอลเมื่อช่วงสายเงียบไปแล้ว พร้อมกับร่างของไอ้หาญที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดอาบหน้าถูกไอ้ขำกับไอ้คมหิ้วปีกลงมา ลากเอาไปขังไว้ที่ท้ายสวน
ท่านออกญาฯ ออกคำสั่งประกาศิตต่อบ่าวทั้งสอง ว่าให้จับไอ้หาญคนชั่วขังไว้ในกระท่อมร้างท้ายสวน ล่ามโซ่ยึดตรึงผูกติดมันไว้ เฆี่ยนมันทุกวันจนกว่ามันจะสำนึกได้ว่าสิ่งที่ตนกระทำไปนั้นมันหาใช่ทาสควรกระทำไม่ และงดข้าวงดน้ำให้เหลือเพียงวันละมื้อ หากมันต้องตายจากเพราะการได้โทษนี้ ก็อย่าได้มาถือโทษโกรธกัน เพราะสิ่งที่มันกระทำมันสาหัสเกินว่าเจ้านายจะให้อภัย
ไอ้หาญกัดฟันเจ็บปวดรับความทรมาน จากหวายที่หวดใส่แผ่นหลังแกร่งกว้างของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำตาแห่งความเจ็บปวดรินไหลแม้เจ้าตัวจะไม่ต้องการก็ตาม มือทั้งสองข้างถูกมัดโยงกับขื่อ เพื่อให้มันรับโทษทัณฑ์ได้อย่างสาสม ฟันคบกรอดมือจิกเข้าหากันแน่นจนเล็บฝังเข้าไปในผิวเนื้อ
“อึก!”
สองขาที่เคยปีนต้นไม้ไต่ขึ้นไปหายอดดวงใจทรุดลงแล้ว หน้าตาบวมปูดเพราะแรงหมัดและแรงกระแทกซ้ำๆ โดยที่มันได้แค่ปัดป้องมิอาจสู้กลับ แผ่นหลังแสบไม่มีที่ว่างให้ได้รับรู้ความรู้สึกอื่น เนื้อปริแตกตามรอยหวายหนักกว่าครั้งก่อนนัก หลังกว้างที่เคยชุ่มโชกไปด้วยคราบเหงื่อไคลจากการทำงาน บัดนี้อาบไปด้วยเลือดสีแดงฉานซึ่งผุดซึมออกมาตามรอยแผล
“มึงมันไม่เจียมตัว! เป็นแค่ทาสริอาจจะเทียมนาย ที่ท่านออกญาฯ ให้มึงกินมึงอยู่มันไม่พอรึ!”
ไอ้ขำบ่าวอาวุโสกล่าวอย่างคนโกรธแค้นแทนเจ้านาย ไอ้หาญเคยเป็นบ่าวที่มันคิดว่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ซื่อสัตย์ หากแท้จริงแล้วมันกลับกินบนเรือนขี้รดบนหลังขา มิได้รู้สึกอับอายกับสิ่งที่กระทำแม้แต่น้อย กล้าลวงคุณปราณไปกระทำย่ำยีกลางวันแสกๆ
“กูคิดว่าที่มึงตีสนิทกับคุณปราณเพราะหวังทอง หากแต่จริงแล้วมึงคิดหวังอย่างอื่น กูล่ะผิดหวังในตัวมึงจริงๆ” ไอ้คมส่ายหน้าระอาอย่างไม่อยากคิดเชื่อว่าไอ้บ่าวคนนี้จะคิดไม่ซื่อ
ไอ้ขำกับไอ้คมปล่อยนักโทษทิ้งไว้ไม่ดูดำดูดีอีก แค่ไม่เฆี่ยนตีต่อก็ถือว่าพวกมันปรานีมันมากแล้ว เห็นว่าคนเคยดีกันจึงพักให้มันได้หายใจบ้าง แม้ลมหายใจจะรวยรินก็ตาม
ไอ้มั่นแอบลอบตามมาดูเหตุการณ์ทั้งหมด สงสารไอ้เกลอจับใจที่ต้องโทษแบบนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วมันผิดแค่รักเจ้านาย มิได้ลวงคุณปราณไปอย่างที่แอบได้ยินคำสารภาพ ใจหนึ่งก็โกรธที่คุณปราณโบ้ยความผิดมาให้ไอ้หาญเพียงคนเดียว แต่อีกใจก็เข้าใจว่าเพราะความน่ากลัวของท่านออกญาฯ ที่คุณปราณเกรงกลัวมาเสมอ ทำให้มิกล้ารับผิดในครั้งนี้ ไอ้หาญจึงต้องรับกรรมมาโดนเฆี่ยนหลังแทบขาดแทน
“ไอ้หาญ... มึ...มึง...ยังไม่ตายใช่หรือไม่”
ไอ้มั่นแอบปีนหน้าต่างกระท่อมเพราะประตูติดแม่กุญแจแน่นหนา ทำให้ไม่สามารถเข้ามาได้ กลิ่นชื้นของดินผสมกลิ่นเหงื่อและเลือดโชยเข้าจมูก ไอ้หาญทรุดขาลากอยู่กับพื้นไม่มีแม้แต่แรงยืน มือมันถูกโยงอยู่กับขื่อทำให้ไม่ล้มลงไปกองกับพื้นเสียก่อน น้ำตาแห่งความสงสารเอ่อคลอก่อนไอ้มั่นจะกะพริบตาไล่มันไป ตอนนี้มันต้องคิดหาทางช่วยไอ้หาญก่อน จะมาอ่อนแอร้องห่มร้องไห้ราวหญิงสาวได้เยี่ยงไร
“กูจะพามึงหนี ไอ้หาญ...มึงรอกูก่อน กูจะพามึงหนีให้ได้” ไอ้มั่นให้สัญญากับเพื่อนรักด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ บาดแผลตามร่างกายเหลือจะกล่าว มันมากมายเสียจนแทบหาส่วนที่เป็นเนื้อดีไม่เจอ
“ยะ...อย่า...มึงจะเดือด...เดือดร้อน”
“ช่างมันสิวะ กูจะไปกับมึงด้วย เข้าป่าไปก่อนให้เรื่องเงียบ จากนั้นก็ค่อยออกมาก็ยังได้ มึงกับกูเอาตัวรอดได้อยู่แล้วไอ้เกลอ” ไอ้หาญพูดเสียงสั่น มือแก้เชือกที่มัดตรึงเพื่อนรักของมันอยู่ออก จนกระทั่งเชือกหลุดไอ้หาญก็ล้มลงไปในทันที ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาได้อย่างเคย
“ไม่...ไม่ได้ คุณปราณจะอยู่อย่างไรหากไม่มีกู” ใจของมันห่วงคนที่ต้องอยู่กับท่านออกญาฯ เสียมากกว่า ป่านนี้คงหวาดกลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
“คุณปราณ...เป็นอย่างไรบ้าง มึงพอรู้รึไม่”
“คุณปราณหรือจะเป็น มีแค่มึงนั่นแหละที่กำลังจะตาย ดูมึงตอนนี้สิ ต่างจากหมาโดนทุบขาเสียที่ไหน”
ไอ้หาญเงียบไปพักใหญ่ ไอ้มั่นไม่ได้รั้งร่างกำยำของไอ้เพื่อนเกลอขึ้นมานั่ง เพราะรู้ดีว่าให้มันพักอยู่ในท่านี้คงดีกว่าขยับเขยื้อน ไม่งั้นคงระบมช้ำหนักกว่าเดิม
“มีคนรู้เรื่องนี้นอกจากไอ้คมกับลุงขำหรือไม่” แต่ท้ายสุดความห่วงใยถึงยอดดวงใจนั้นหรือจะห้ามได้ ต่อให้ไม่ได้ไปอยู่ข้างกายก็ขอปกป้องชื่อเสียงอีกฝ่ายสักหน่อยก็ยังดี
“เท่าที่กูเห็นยังไม่มี แต่คิดว่าคงไม่มีใครรู้หรอก เพราะตอนที่มึงลงเรือนมาทางด้านหลัง ไม่มีบ่าวคนใดอยู่บนเรือนเลยนอกจากยายอาบ และท่านออกญาฯ คงไม่ยอมให้บ่าวคนใดรู้เรื่องนี้เป็นแน่”
ไอ้หาญพยักหน้ารับเบาๆ ตอนนี้สิ่งเดียวที่มันขอคืออย่าให้คุณปราณต้องมีเรื่องแปดเปื้อนเพราะคำพูดของคนอื่น มันไม่อยากให้คุณปราณต้องมาอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
ไอ้มั่นรีบกลับออกไปก่อนเพราะมันมาขลุกตัวอยู่กับไอ้หาญนานเกินไปแล้ว อีกทั้งได้ยินเสียงสวบสาบดังใกล้เข้ามา คาดว่าไม่ไอ้คมก็ลุงขำกลับมาดูไอ้หาญเป็นแน่ ไอ้หาญสั่งให้ไอ้มั่นผูกเชือกตรงสองมือของตนโยงเข้ากับขื่อเช่นเดิม
“ค่ำนี้กูจะหาข้าวมาให้มึงกิน อดทนไว้ไอ้เกลอ” ไอ้มั่นทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบเผ่นออกทางเดิมที่มันเข้ามา ก่อนจะซ่อนตัวอยู่ในกอกล้วยเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของไอ้คม จากนั้นก็รีบกลับไปที่เรือน เห็นพวกบ่าวกำลังตั้งวงกินข้าวกันอยู่พอดี มันจึงเข้าไปร่วมด้วย
“ท่านออกญาฯ โกรธมากเลยรึ” หนึ่งในบ่าวผู้หญิงถาม
“เออสิวะ เมื่อครู่กูจะขึ้นไปเช็ดถูกระไดเรือนยังโดนไล่ตะเพิดลงมา ไม่มีใครกล้าสู้หน้าท่านสักคน”
“มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นวะ คุณปราณกระทำอันใดมาถึงทำให้ท่านออกญาฯ โกรธเยี่ยงนี้”
ไอ้มั่นลอบฟังไม่ได้ถามตอบอะไรออกไป อย่างน้อยก็วางใจได้ว่าเรื่องคาวโลกีย์ของคุณปราณยังไม่ถึงหูบ่าวคนไหนในเรือน นอกจากยายอาบ ไอ้คม ลุงขำ และมันอีกคนที่แอบรู้เรื่องราวตั้งแต่แรกทั้งหมด
เวลาการทรมานของไอ้หาญผ่านไปไม่ได้นับวันคืน เหมือนกับคุณปราณที่โดนขังไว้ในห้องแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ความเสียใจไม่อาจเทียบได้กับความเจ็บปวดที่ไอ้หาญต้องรับ แต่กระนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้างยามนึกถึงไอ้บ่าวซื่อ ป่านนี้มันจะเป็นอย่างไร เจ็บปวดเจียนตายแล้วหรือไม่ ต้องทรมานกับสิ่งที่มันไม่ผิดเลยไปถึงเมื่อไหร่
“คุณปราณ...คุณปราณขอรับ”
หากแต่คนทั้งสองก็ยังมีไอ้มั่นคอยช่วยเหลือ ไอ้บ่าวผู้ซื่อสัตย์ปีนต้นกันเกราหลังห้องคุณปราณ ทางที่ไอ้หาญมักใช้ขึ้นมาหายอดดวงใจของมัน แต่อีกไม่นานคงมีคำสั่งจากท่านออกญาฯ ให้โค่นทิ้งเป็นแน่
“ไอ้มั่น! เอ็ง...ทำไม...”
“บ่าวขอเข้าไปนะขอรับ”
เพราะคนที่เข้าห้องคุณปราณได้มีแต่ยายอาบที่คอยส่งข้าวส่งน้ำให้เท่านั้น แม้แต่มันที่เป็นบ่าวคนสนิทของคุณปราณยังโดนสั่งห้าม วันนั้นเกือบโดนหางเลขไปด้วยซ้ำ แต่ยังเคราะห์ดีที่มันให้ข้ออ้างว่าท้องเสีย จึงไม่ได้ตามคุณปราณไปด้วย
“ไอ้มั่น เอ็งรู้ข่าวของไอ้หาญบ้างหรือไม่ มันเป็นอย่างไรบ้าง ยะ...ยัง...ยังไม่...”
“ยังไม่ตายขอรับ แต่ก็ใกล้เต็มทน วันนี้เข้าวันที่สี่แล้ว ท่านออกญาฯ สั่งให้ลุงขำลงหวายมัน แต่ยังดีที่ลุงแกยังสงสารเลยเฆี่ยนๆ หยุดๆ ตอนกลางคืนบ่าวก็แอบเอายาไปใส่ให้มันนะขอรับ พอให้ความเจ็บปวดทุเลาลงได้บ้าง”
“มันคงเกลียดข้าแล้วกระมัง ที่ทำให้มันต้องรับโทษเพียงผู้เดียว” ใบหน้าหวานเศร้าลงอีกครา น้ำตาที่เพิ่งทิ้งคราบไว้เมื่อครู่ไหลรินอาบปรางอีกครั้ง
หลังจากเขาตอบเจ้าคุณพ่อไปในตอนนั้น พอเห็นว่าไอ้หาญโดนกระทำอย่างไร หัวใจที่เคยหวาดกลัวกลับกล้ามากขึ้น เขาคลานเข่าเข้าไปรั้งขาของบิดาที่กำลังจะกระทืบไอ้บ่าวซื่อซ้ำอีกครั้ง อ้อนวอนร้องขอและบอกไปว่าแท้จริงแล้วตนเป็นคนล่อหลอกไอ้บ่าวซื่อเอง
แต่ทุกอย่างสายเกินไป เจ้าคุณพ่อไม่ฟังคำแก้ตัวใดอีก สั่งขังเขาไว้ในห้องราวสัตว์ตัวหนึ่ง และลงโทษไอ้บ่าวซื่อเพราะมันคือคนต่ำต้อยที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ต้องผิด
ความไม่ยุติธรรมแรกของท่านออกญาศรีรัตนกรแสดงออกมาไม่มีใครกล้าขัด ความเจ็บช้ำระกำใจของผู้เป็นบุพการีไม่อาจมีสิ่งใดเทียบ เหมือนอกกลัดหนองทรมานแต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เจ็บช้ำใจว่าเหตุใดลูกชายของตนถึงได้เอาตัวลงไปให้ไอ้บ่าวจัญไรกระทำย่ำยีได้
“มันลวงเจ้าไปอย่างไร ถึงได้เชื่อมันหมดใจจนออกโรงปกป้องเช่นนี้!”สายตาดุดันที่เต็มไปด้วยความผิดหวังทำให้ผู้เป็นลูกชายหลบสายตา แม้แต่คำว่ารักที่เคยเอื้อนเอ่ยกับไอ้หาญอย่างเต็มปากก็มิกล้าที่จะเปล่งออกไป
เขากลัวเจ้าคุณพ่อมาแต่ไหนแต่ไร กลัวจนมิกล้าขัดมิว่าเรื่องอันใดก็ตาม เจ้าคุณพ่อว่าเช่นไรเขาก็ต้องทำตาม แม้สิ่งนั้นจะขัดใจเขาอยู่มาก ทั้งเรื่องงานแต่งกับแม่นวลจันทร์ หรือเรื่องเรียนดาบเรียนอาวุธก็เช่นกัน
เพราะอยู่ใต้อาณัติมาทั้งชีวิต พอจะรวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดมันจึงใช้เวลา จนกลายเป็นว่าตอนนี้ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจจนหมดสิ้น ไม่มีคำตอบอื่นใดให้ได้ความ ท่านออกญาฯ จึงสั่งกักขังบุตรชายเพียงคนเดียวไว้ให้ห้อง ห้ามมิให้ผู้ใดได้เข้ามายุ่มย่ามจนกว่าจะถึงวันงานแต่งงานที่ถูกกำหนดขึ้นในเดือนหน้า
คุณหญิงราตรีที่พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากผู้เป็นสามี เธอเป็นลมล้มพับไปหลายรอบจนต้องให้หมอมาดูแล ความเสียใจยากจะยั้งได้ทำให้หญิงสูงวัยกินไม่ได้นอนไม่หลับ โกรธลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แต่เพราะรักของแม่ที่มีมากกว่าสิ่งอื่นใดวันต่อๆ มาจึงคอยหุงหากับข้าวกับปลามาให้ลูกแทน
“พ่อปราณ แม่เข้าไปนะลูก” เสียงคุณหญิงราตรีดังขึ้นที่หน้าห้อง ไอ้มั่นที่มาส่งข่าวเสร็จแล้วรีบปีนหน้าต่างออกไปทันที แต่มิวายคุณปราณยังสั่งความไว้
“ฝากบอกมันว่าข้าขอโทษในสิ่งที่ทำ หากมีสิ่งใดที่ข้าจะทดแทนความผิดนี้ได้ ข้ายินดีจะทำให้มัน” หมดแล้วถ้อยความที่อยากบอก ไอ้มั่นพยักหน้ารับคำเจ้านายก่อนจะดูลาดเลาว่าไม่มีใครจึงปีนออกทางหน้าต่างไป
“อยู่แต่ในห้อง อุดอู้จะแย่ประเดี๋ยวแม่จะให้ยายอาบพาบ่าวขึ้นมาทำความสะอาดใหม่ เจ้าจะได้อยู่ได้ พ่อเจ้านี่ก็กระไร ใจไม้ไส้ระกำขังลูกตัวเองได้ลงคอ”
ท้ายประโยคอดที่จะค่อนขอดสามีตัวเองไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ลูก จะลงโทษอะไรก็ไม่ควรให้เกินอาทิตย์ แต่นี่ผ่านไป 4 วันแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะลดความโทสะลงแม้แต่นิด
ร่างบางสูบผอมเพราะกินข้าวกินปลาไม่ลง คุณหญิงราตรีสงสารลูกชายจับใจ แต่ไม่ว่าจะคะยั้นคะยออย่างไร คุณปราณก็กินได้ไม่เกินสามคำ ชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพเหมือนคนตรอมใจทำให้ผู้เป็นมารดาช้ำหนัก เธอออกจากห้องของลูกได้ก็เข้าไปคุยกับสามี
“ปล่อยให้พ่อปราณได้ออกมาเดินเหินข้างนอกบ้างเถิดคุณพี่ ไยต้องขังไว้ตลอดเช่นนี้”
“ข้าไม่ตีตรวนมันเช่นทาสก็ดีเท่าไหร่แล้ว! หึ! ทำดีไม่ได้ดันทำเรื่องอับอายขายขี้หน้า รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น ปล่อยให้มันอยู่ในห้องไปนั่นแหละ ถึงวันแต่งงานกับแม่หนูนวลจันทร์ค่อยปล่อยมันออกมา”
“แต่ลูกไม่ผิดคุณพี่ก็รู้ ไอ้ทาสชั่วนั่นต่างหากที่ลวงพ่อปราณไป ไยไม่ลงโทษที่มันเพียงฝ่ายเดียว”
“หึ! คุณหญิงคิดหรือว่าถ้าไม่มีเสี้ยวใจของลูกเราสมยอม ไอ้ชาติชั่วนั่นมาจะลวงพ่อปราณไปได้! ข้าเห็นมานักต่อนักไอ้พวกลักกินขโมยกินแบบนี้ อย่าให้ต้องพูดให้อายปากอีกเลย คุณหญิงจะไปทำอันใดก็ไปเถอะ ข้าจะได้ทำงานของข้าเสียที”
จบคำท่านออกญาฯ คุณหญิงก็เชิดหน้าเดินจากมาทันที ก่อนจะหันไปสั่งยายอาบให้จัดบ่าวไพร่มาสักสองคนให้มาทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูห้องลูกชายเสียให้เรียบร้อย เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้ให้เสร็จ นำดอกพุดน้ำบุษย์ที่พ่อปราณชอบผูกด้วยใบหญ้าช่อเล็กๆ มาวางไว้สร้างกลิ่นหอม
::::::::::::
ไอ้มั่นบอกว่าเจ้าคุณพ่อ สั่งหยุดเฆี่ยนแล้ว นี่ถือเป็นข่าวดีที่สุดที่เขาได้รับ รอยยิ้มแรกตั้งแต่พบเจอเรื่องร้ายมาเริ่มแสดงออก แต่แล้วก็ต้องเศร้าลงอีกครั้งเมื่อไอ้มั่นส่งข่าวในตอนกลางคืนว่าอาการไอ้หาญทรุดหนัก มันใส่ยาให้แล้วแต่ไอ้บ่าวซื่อได้ไข้ ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ความร้อนใจทำให้คุณปราณอยู่ไม่ติดห้อง ใจร่ำๆ ว่าอยากออกไปหาไอ้หาญเหลือเกิน
“ข้าจะไป”
“มิได้ขอรับ การปีนต้นไม้ขึ้นลงเช่นนี้มันอันตราย เกิดคุณปราณตกลงไปคงไม่ดีแน่ขอรับ”
ไอ้มั่นห้ามเจ้านายไว้ แต่คุณปราณมีหรือจะฟัง ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อพรางตัวไม่ให้ผิดสังเกต ไม่ลืมหยิบยาในตู้ติดมือมาด้วยเพื่อจะได้เอาไปป้อนให้ไอ้หาญ ก่อนจะสั่งให้ไอ้มั่นปีนลงไปก่อน ส่วนตนจะตามลงไปทีหลัง ไอ้มั่นที่ไม่มีทางเลือกจำต้องยอมทำตาม เพราะมันก็อยากให้ไอ้เกลอได้เห็นคุณปราณเสียหน่อย เผื่อว่ามันจะได้มีกำลังใจในการอยากมีชีวิต
คุณปราณลงมาถึงพื้นดินได้สำเร็จ แม้หวิดจะหล่นต้นไม่อยู่หลายรอบก็ตาม ไอ้มั่นรีบพาเจ้านายลัดเลาะไปตามสวน ใช้แสงตะเกียงเป็นแสงน้ำทางเพราะตอนนี้ค่ำแล้ว อีกทั้งฟ้ามืดไม่มีแสงจันทร์แม้แต่เสี้ยวเดียว เดินเลียบริมน้ำมาไม่นานก็พบกระท่อมท้ายสวน ตรงนี้มีต้นกล้วยขึ้นชุม ทำให้อำพรางสายตาผู้อื่นได้บ้าง อีกทั้งท่านออกญาฯ ออกคำสั่งกำชับไม่ให้บ่าวไพร่ผู้ใดก็ตามมาวุ่นวายบริเวณนี้เด็ดขาด บริเวณนี้จึงปลอดผู้คน
“ทางนี้ขอรับคุณปราณ” ไอ้มั่นกระซิบบอก ก่อนจะช่วยยกตัวคุณปราณปีนเข้ากระท่อมไป
ทันทีที่เข้ามากลิ่นสาบกลิ่นเลือดคลุ้งไปหมด ผสมกับกลิ่นสมุนไพรที่คาดว่านำมาใส่แผลให้ไอ้หาญ คุณปราณกวาดตามองหาคนที่ตนต้องการเจอ เห็นมันโดนล่ามโซ่ที่ขาซึ่งนอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ผุๆ สภาพเหมือนคนใกล้ตายเต็มทน
“หาญ!” คุณปราณปรี่เข้าไปหาไอ้บ่าวซื่อ อยากกอดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตัวของมันเต็มไปด้วยแผลและยาที่ไอ้มั่นโปะไว้ หน้าตาซีดเซียวและสูบผอมดูราวกับไม่ใช่ไอ้หาญที่ตนเคยรู้จัก น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง ก่อนจะสุดกลั้นปล่อยเสียงสะอื้นออกมา
“คุ...คุณปราณหรือขอรับ” ไอ้คนเจ็บรวบรวมแรงเอ่ยถาม เสียงคุ้นหูนักแต่เพราะตามันบวมปูดทำให้ลืมไม่ขึ้น มันโดนไอ้คมซ้อมจนน่วมทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดนัก
“อึก...ข้าเอง” คุณปราณตอบเสียงแผ่ว กลืนก้อนสะอื้นลงคอพยายามไม่ร้องไห้ แต่ก็อยากเหลือเกิน
“คุณปราณ...ท่...ท่านออกญาฯ ให้อภัยแล้วใช่...หรือไม่ขอรับ ออกมาได้เยี่ยงนี้ ท่านออกญาฯ ยกโทษให้คุณปราณแล้วหรือขอรับ” ไอ้หาญถามเสียงขาดห้วง ใจมันต้องการถามอะไรมากกว่านี้ แต่ร่างกายของมันกำลังเจ็บแทบทนไม่ไหว
“อึก...ฮึก...หาญ...ฮือ... ข้าเอง ข้าออกมาได้แล้ว” คุณปราณพูดปดไปเพื่อให้คนเจ็บได้สบายใจ
“ข้อขอโทษที่ทำให้เอ็งต้องเจอเรื่องแบบนี้...ฮึก” เขาจับมือของไอ้บ่าวซื่อที่พยายามจะยกขึ้นมาลูบแก้มเขา ก่อนจะแนบแก้มลงไปใกล้ไม่คิดรังเกียจ น้ำตาไหลรินไม่ขาดสายเพราะความเสียใจที่เอ่อล้นอก
“ยะ...อย่าร้องไห้ขอรับ อย่าร้องไห้เพราะบ่าวเลยขอรับ” เพราะแค่คุณปราณมาหามันแค่นี้ก็ดีมากแล้ว มันรู้สึกราวกับได้เรี่ยวแรงกลับมา
ใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำค่อยๆ คลี่ยิ้มออก แม้จะบูดเบี้ยวดูไม่น่ามอง แต่มันก็สื่อให้รู้ว่าไอ้บ่าวซื่อคนนี้ยินดีสุดใจที่ได้เจอยอดดวงใจของมันอีกครั้ง
คุณปราณอยู่ดูแลไอ้หาญได้ไม่นานอย่างใจก็ต้องกลับ กำชับไอ้มั่นเรื่องยาลูกกลอนที่ตนพกมาด้วยว่าอย่าลืมเอาให้ไอ้หาญกิน เขามองคนที่หลับไปแล้วเพราะพิษไข้ ก้มลงจูบจุมพิตที่หน้าผากของมันเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาหยดลงที่กลุ่มผมของมันก่อนคนเป็นนายจะกระซิบใกล้ๆ
“หากวันใดฟ้าเป็นใจให้เราได้คู่กัน วันนั้น...ข้าจะอยู่กับเอ็งจนวันสุดท้ายของลมหายใจ ข้าสัญญา”
โปรดติดตามตอนต่อไปดีใจที่ทุกคนชอบกลอนนะคะ
เป็นกำลังใจให้ผอบแต่งเรื่องนี้ต่อมากๆ เลยค่ะ