08
8
สิบสาม
สิบสี่
สิบห้า
ผมวาดยิ้มก่อนจะหยิบเอาปากกาขึ้นมาขีดค่าทับตัวเลขบนปฏิทิน
สิบหก
อ่าา
นี่ผมคบกับเขามาสิบหกวันแล้ว แม้จะเป็นการคบกันแบบงงๆ ก็เถอะ แต่เขาน่ะ น่ารักกับผมมากเลย
เขาไม่คิดปิดบังใครเลยว่าผมอยู่ในสถานะแฟนของเขา เวลาใครถามว่าเราเป็นอะไรกันเขาก็มักจะตอบสั้นๆ
'ฟองเป็นแฟน'
'น้องเป็นคนของผม'
ใจผมฟูฟ่องยิ่งกว่าลูกโป่งอัดแก๊ส คล้ายจะลอยขึ้นฟ้าทะลุไปอวกาศแต่ก็ได้มือของเขาคอยฉุดรั้งผมเอาไว้ให้อยู่ข้างๆ
"จะไปกันได้หรือยังไอ้ฟอง ยืนยิ้มให้ปฏิทินอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน เป็นบ้าหรอ"ผมตวัดสายไปมองไอ้เพื่อนเวรแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินไปผลักหัวมันที่ยืนกอดอกทำหน้าเซ็งอยู่ตรงประตูด้วยความรำคาญ
"เบื่อมึง"
"จ้า จ้า ก็กูไม่ใช่เฮียเหนือเนอะ"
พอมาถึงหน้าหอผมกับไอ้กาวก็แยกกันไปคนละทางเหมือนเดิม วันนี้เขาก็ยังนั่งรอผมเหมือนเดิม สูบหรี่กลิ่นเดิม เล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม
"เฮียเหนือครับ"เขาหันมา ก่อนจะโยนมวลบุหรี่ในมือทิ้ง
"ขอโทษที่ช้านะครับ"
"ก็ไม่ได้ช้าอะไร"เขาว่าพลางหยิบเอาหมวกกันน็อคมาสวมให้ผม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทุกเช้ามันเหมือนวนลูปซ้ำๆ จนเกิดเป็นความเคยชิน
ผมปีนขึ้นคล้อมเจ้านินจาสีดำที่สองอาทิตย์หลังมานี่นั่งบ่อยกว่ารถไอ้กาวแล้ว เขาเคลื่อนบิ๊คไบค์คันใหญ่ทะยานออกสู่ถนน ผมขยับมือที่โอบเอวเขาก่อนจะค่อยๆ เอนตัวซบหลังแผ่นหลังกว้างๆ ก่อนจะระบายยิ้มซุกซ่อนใต้หมวกกันน็อคใบใหญ่
ผมชอบเขามาจริงๆ
"ตอนเที่ยงผมมีประชุมกับสโม"
"ครับ"
"ส่วนตอนเย็นผมมีนัดกับเพื่อน"
อ่า
ความหมายของเขาคือวันนี้เราคงไม่ได้เจอกันแล้วสินะ
ผมเก็บหมวกกันน็อคใส่กระเป๋าแล้วยื่นมันให้เขา ตาคมมองผมนิ่งๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าทรง
"ฟอง! ไอ้กั้งบอกอาจารย์จะล็อคห้องแล้ว!"เสียงไอ้กาวดังขึ้นพร้อมกับมันที่วิ่งหายเข้าไปในตึก ผมถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว
"ฟองไปเรียนก่อนนะครับ"
"อืม"หลังเสียงตอบรับสั้นๆ ก็เกิดเดตแอร์เบาๆ เราสบตากันนิ่งๆ ก่อนจะเป็นผมยอมล่าถอยออกมาแล้ววื่งเข้าตึกเรียน แต่ผมก็ชะงักตอนได้ยินเสียงท่อดังขึ้น หันมองก็เห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปเรื่อยๆ
"หิวข้าวเว้ย พวกมึงไปกินไหนวะ"ไอ้กั้ง เพื่อนในคณะที่ผมค่อนข้างสนิทในระดับหนึ่งมันถามพลางยกมือขึ้นมากอดผมกับไอ้กาวคนละข้าง และแน่นอนว่าไอ้กาวปัดมือมันทิ้งทันที
"ที่นี่แหละ ขี้เกียจไปไกล"ผมตอบพลางล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าโปรแกรมแชท
Fong : ฟองเลิกเรียนแล้วนะครับ
Fong : กำลังจะไปกินข้าวเพื่อน
ข้อความที่ส่งไปมีสัญลักษณ์ขึ้นว่าเปิดอ่านแล้วแทบจะทันที แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา เขาอาจจะยุ่งกับการประชุมเลยไม่ว่างตอบ ผมก็เลยไม่ได้ส่งข้อความอะไรไปเซ้าซี้อีก
แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรตอบมา มันทำให้ผมรู้สึกเซ็งๆ ไม่มีใจจะเรียนเพราะมั่วแต่รอข้อความจากใครบ้างคน แต่ก็ไม่มี คือเขาประชุมยังไม่เสร็จหรือโยนโทรศัพท์ทิ้งไปแล้ว
"เฮ้ออ"
"เป็นไร"
"เปล่า"ผมตอบกลับไอ้กาวแล้วเก็บโทรศัพท์ก่อนจะกลับมาตั้งใจเรียน แต่ก็ระแวงเอามือจับโทรศัพท์ตลอดว่าจะมีแจ้งเตือนเข้ามามั้ย
จนเรียนเสร็จโทรศัพท์ผมก็ยังนิ่ง ผมเดินจ้องหน้าจอที่เปิดห้องแชทค้างเอาไว้ จนสุดท้ายแบตมันก็หมดเครื่องดับไปต่อหน้าต่อตา
"จะกลับพร้อมกูหรือเขามารับ"
"พร้อมมึง"
"งั้นไปกินชาบูมะ ไอ้กั้งมันให้ส่วนลดมา"ไอ้กาวว่าพลางชูกระดาษใบเล็กๆ ขึ้นมาโชว์
"อื้อ"
พอตกลงกันได้ไอ้กาวก็รับหน้าที่คนขับเหมือนเดิม ผมก็ขับรถเป็นนะครับ แต่แค่ขับไม่ค่อยแข็งไอ้กาวเลยไม่ค่อยไว้ใจให้ผมแตะน้องส้มจี๊ดของมัน
กว่าเราสองคนจะกินกันอิ่มก็ล่อกันไปเกือบสองทุ่มเพราะทางร้านไม่ได้จำกัดเวลาเราเลยนั่งกันเพลิน และพากันกลับหอด้วยสภาพท้องตึงเกิดจากการการกินกันเกินกำลังไปหน่อย ก็แหม มันอร่อยนิครับ อีกอย่างผมก็ไม่ได้กินชาบูมากนานแล้วด้วย ผมเอนเบาะนอนตาปิดเปลือกตาลง เข้าตำราหนังท้องตึงหนังตาหยอน หูก็ฟังเพลงสากลที่ไอ้กาวเปิดคอลเอาไว้มันเหมิอนเพลงกล่องอย่างดี
กว่าจะถึงหอก็ใช้เวลาพอสมควร เพราะรถที่โคตรติดขยับไม่ได้ช่วงหนึ่งเพราะข้างหน้ามีอุบัติเหตุ น้องส้มจี๊ดเลี้ยวเข้ามาจอที่หอตอนเกือบๆ สี่ทุ่ม พอมาถึงห้องผมก็รีบเอาไปโทรศัพท์ชาร์จแบต รอสักพักก็เปิดเครื่องดู
ผมเบ้ปากใส่เมื่อไม่มีแจ้งเตือนใดๆ เข้ามา ผมเข้าเฟสบุ๊คไปดูความเคลื่อนไหวของเขา แต่เขาก็ไม่ได้อัพเดตใดๆ ลามไปถึงเพื่อนๆ ก็พบว่าทุกคนพร้อมใจกันเงียบหายไป
Fong : ฟองถึงห้องแล้วนะครับ
ผมกดส่งข้อความ แต่คราวนี้มันมันไม่ได้ถูกเปิดอ่าน รออยู่นานจนไอ้กาวอาบน้ำเสร็จแล้วไล่ผมไปอาบน้ำนั้นแหละ ผมถึงยอมลุกขึ้นจากเตียง
Fong : เฮียเหนือทำอะไรอยู่หรอครับ
ผมนอนกลิ้งเกลือกบนเตียง พลางส่งข้อความไปหาเขา แต่มันก็เหมือนเดิม พอลองโทรไปปรากฏว่าโทรไม่ติด
จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ
"กูปิดไฟนะ"
"อื้อ"ไฟห้องปิดลงในตอนเกือบเที่ยงคืน ผมนอนมองจอโทรศัพท์ที่ไร้การแจ้งเตือนจากเขามาทั้งวัน จนกระทั่งเริ่มง่วงผมเลยเลิกสนใจ กดล็อคโทรศัพท์แล้ววางมันลงข้างเตียง
ครืดดดดด ครืดดดดด
"อื้อ"ผมสะเปะสะปะควานมือหาโทรศัพท์ หรี่ตาขึ้นมองชื่อคนโทรเข้ามาก่อนจะกดรับสายแทบจะทันที
"ครับ"ผมกรอกเสียงไปสั้นๆ เอาจริงรู้สึกเคืองหน่อยๆ ที่เขาหายไปทั้งวันติดต่อไม่ได้
(...)
แต่ปลายสายก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมามีเพียงแค่เสียงลมหายใจเข้าออก
"เฮียเหนือครับ"
(...)
"..."
พอเข้าไม่ยอมตอบอะไรกลับมาผมก็เลยเงียบบ้าง เราสองคนต่างเงียบและฟังเสียงลมหายใจของกันและกันผ่านสายโทรศัพท์
(ตอนเที่ยงคุณกินข้าวกับอะไร)ผมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของเขาดังขึ้น
"ตอนเที่ยงฟองกระเพราะกับน้ำกระเจี๊ยบ"แน่แหละ มันคือเมนูโปรดของเขา
(ตอนเย็นล่ะ)
"ตอนเย็นฟองไปกินชาบูกับไอ้กาว"
(อืม)
"แล้วเฮียเหนือละครับ ตอนเที่ยงเฮียเหนือกินอะไรหรอครับ"
(เหมือนคุณ)
"ตอนเย็นละครับ"
(ผมยังไม่ได้กิน)
"แต่นี่มันจะตีสองแล้วนะครับ"
(...)
(คุณ)
"ครับ"
(ไปกินข้าวต้มโต้รุ่งตรงตลาดกับผมมั้ย)
"ครับ"ผมตอบรับอย่างไม่ต้องคิด ผมวางโทรศัพท์ที่ยังไม่วางสายลงกับเตียงก่อนจะลุกขึ้นเดินไปล้างหน้าล้างตา แล้วเดินไปคลำหากระเป๋าตัง
"จะไปไหน"ไอ้กาวสลึมสลือขึ้นมาถาม เมื่อผมทำเสียงดังจนมันตื่น
"ไปหาเฮียเหนือ เดี๋ยวมา"มันพยักหน้ารับก่อนจะพลิกตัวไปอีกทาง
"ฟองกำลังลงไปนะครับ"
(อย่าวิ่ง)เขาบอกเสียงทุ้มเหมือนรู้ว่าผมจะต้องรีบวิ่งลงไปหาเขา ผมสายตัดก่อนจะเปิดประตูออกมาแล้ววิ่งตรงดิ่งไปที่ลิฟต์
พอออกมาหน้าหอก็เห็นเขาจอดรถอยู่ตำแหน่งเดิม กายสูงใหญ่ กำยำนั่งคล่อมรถบิ๊คไบค์ลูกรัก ผมยิ้มกว้าง หัวใจที่ห่อเหี่ยวมาทั้งวันฟูฟ่อง แต่พอเดินเข้าไปใกล้เขาผมก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นประดับไปด้วยรอยฟกซ้ำ
อย่าบอกนะว่าที่ว่านัดเพื่อนไว้ตอนเย็นคือการไปยกพวกต่อยตีกันอีกน่ะ
"เฮียเหนือ"
"ทำไมหน้าเป็นแบบนี้ล่ะครับ"
"มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ"เขาตอบดูไม่ใส่ใจกับแผลแตกซ้ำตรงมุมปากที่ผมเห็นแล้วถึงกับซี๊ดปากเบาๆ เพราะเจ็บแทน ตาคมมองผมนิ่งๆ ก่อนจะถอดเสื้อยีนส์ที่สวมอยู่กายออก
"เสื้อคุณบาง คุณใส่นี้ทับไว้เถอะ"เขาว่าพลางเอาเสื้อยีนส์มาวางคลุมบนไหล่ของผม ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะจัดการสวมเสื้อของเขาดีๆ ไปพร้อมๆ กับที่เขาเอาหมวกกันน็อคมาสวมใส่ให้ผม
เขาพาผมมายังร้านข้าวต้มตรงตลาด มันค่อนข้างเงียบมีลูกค้านั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะ
"คุณอยากกินอะไร"ชาบูเมื่อเย็นยังไม่ย่อยเลยครับ ที่มาเพราะอยากเจอล้วนๆ
"อะไรก็ได้ครับ"เขาพยักหน้า ดูชินชากับคำตอบของผม ไม่นานก็มีพนักงานมารับออเดอร์ส่วนเขาก็สั่งกับข้าวไปสองสามอย่าง พร้อมข้าวต้มสองถ้วย
ผมนั่งมองเขาเงียบๆ จับจ้องทุกการกระทำ มองรอยฟกซ้ำบนใบหน้าของเขาลืมตัว จนกระทั่งพนักงานเดินออกไปแล้วเขาหันหน้ามาและตาเราสบกัน มันทำให้ผมสะดุ้งแล้วรีบเสสายตาหลบไปทางอื่น
หมับ
!
"ผมขอโทษที่ไม่ได้ตอบข้อความคุณนะ"
"..."
"เพื่อนผมมันแกล้งยึดเอาโทรศัพท์ผมไป"
มือที่วางเก้ๆ กังๆ บนโต๊ะก็ถูกมือใหญ่ของเขาทาบทับลงมา ก้านนิ้วเขานวดวนเบาๆ บนหลังมือพร้อมเอ่ยขอโทษออกมาเสียงทุ้มน่าฟัง ผมเขินจนหน้าร้อน กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม จนต้องแสร้งเอาอีกมือขึ้นมาท้าวคางแต่ความจริงต้องการใช้มันปิดรอยยิ้มเอาไว้ต่างหาก
พออาหารมาเสริฟ์ เขาก็ลงมือกินทันทีเหมือนคนหิวจัด ส่วนผมก็ละเลียดกินอย่างเชื่องช้า เขาสั่งข้าวต้มเข้าถ้วยที่สี่แล้วแต่ผมยังกินถ้วยแรกไม่หมดเลยด้วยซ้ำ
"ถ้าอิ่มก็ไม่ต้องกิน"พอเขาพูดแบบนั้นผมเลยวางช้อนลง เขาก็เอื้อมมือมาดึงถ้วยข้าวต้มผมไปแล้วเทมันรวมใส่ในถ้วยของตัวเอง ผมยิ้มเพราะชอบความเจริญอาหารของเขา เขาเป็นคนกินเยอะมาก อาหารตามสั่งอย่างน้อยต้องสองจานหรือไม่ก็ต้องสั่งพิเศษจนข้าวพูนจาน เขากินเยอะแต่เขาก็ออกกำลังกายเยอะ วันไหนว่างๆ เขาก็มักจะไปเขายิมกับเพื่อนๆ ส่วนผมน่ะหรอ กินแล้วก็นอนอย่างเดียว
พอกินเสร็จเขาจัดการค่าอาหารทั้งหมด ก่อนพวกผมจะเดินมาที่รถ เขาตวัดขาขึ้นคล่อมลูกรัก เอื้อมหยิบหมวกกันน็อคของผมขึ้นมา แต่ก่อนที่เขาจะใส่มันให้ผม ผมก็ยกมือห้ามเขาเอาไว้ก่อน
"รอฟองแปบนึงนะครับ"ผมว่าก่อนจะวิ่งไปที่ร้านสะดวกซื้อ หยิบเอาอุปกรณ์ทำแผลไปจ่ายตังแล้วก็วิ่งออกมาหาเขาที่มองตามผมนิ่งๆ
"เดี๋ยวไปถึงที่หอแล้วฟองทำแผลให้นะครับ"เขามองของในมือผมก่อนจะพยักหน้าตกลง ผมก็วาดยิ้มบางๆ ออกมา
ผมมาถึงหอตอนเกือบๆ ตีสี่ หลังจากเขาจอดรถเสร็จผมก็ถือวิสาสะจูงมือเขามานั่งตรงบันไดขึ้นหอ เพราะมันสว่าง ผมหยิบเอาอุปกรณ์ทำแผลออกมา แล้วจัดการเทเบนตาดีนใส่สำลี
"ถ้าเจ็บก็บอกนะครับ"ผมพูดพลางกดสำลีรอบๆ บาดแผลของเขาเบาๆ และเพราะตั้งใจไปหน่อยเลยไม่ทันได้รู้สึกสายตาคมๆ ดุๆ ที่จ้องมองผมอยู่ใกล้ๆ แต่พอรู้ตัวผมก็รู้สึกเขิน จนต้องเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเสสายตาไปมองทางอื่น
"หน้าผมอยู่ตรงนี้ คุณมองอะไร"
"..."
"มองหน้าผมสิ"ผมส่ายหน้า กดมือจิ้มลงมั่วๆ ลงบนใบหน้าของเขา โดนแผลหรือเปล่าผมไม่รู้หรอก แต่จะให้ผมมองหน้าเขาใกล้ตอนนี้น่ะนะ ฆ่ากันง่ายกว่า
หมับ
!!
เขาจับข้อมือผมให้หยุดนิ่ง อีกมือก็เลื่อนมาจับคางผมแล้วบังคับให้หันไปมองหน้าเขา
"..."
"..."
ผมเงียบ เขาเงียบตาของเราสองคนมองสบกัน ใบหน้าเราสองคนค่อยๆ เลื่อนเข้ากันหาช้าๆ จนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่เปารดลงบนใบหน้า ก่อนผมจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง
"อะแฮ่ม! พวกเอ็งไม่เห็นข้าเรอะ"ผมกับเขาดีดตัวออกจากกันแทบจะทันทีเมื่อมีเสียงดังขัดขึ้นแทรก พอหันไปมองก็เจอพี่บิ๊ก ยามประจำหอนั่งทำหน้าเอื่อมระอาอยู่ข้างหลัง
ผมหน้าร้อนผ่าวๆ พูดอะไรไม่ออกรีบกอบโกยเอาอุปกรณ์ทำแผลใส่ถุงแล้วยัดใส่มือเขาก่อนจะวิ่งหนีเข้ามาด้านในโดยไม่หันไปมองใครอีกเลย พอเข้าลิฟต์ได้ผมทรุดตัวนั่งพลางกุมแก้มที่ร้อนแทบไหม้ของตัวเองทันที
เมื่อกี้...เราเกือบจะจูบกันหรือเปล่านะ
ผมตาสว่างยันพระอาทิตย์ขึ้น ยันไอ้กาวตื่นขึ้นมาตอนเกือบแปดโมง มันหันมามองผมที่นั่งกอดตุ๊กตาทพหน้าละเมอเพ้อแล้วถอนหายใจใส่ก่อนจะเดินไปอาบน้ำ
พอจัดการตัวเองกันเสร็จ ผมกับไอ้กาวก็ลงมาข้างล่างตอนแปดโมงกว่าเนื่องจากอาจารย์แจ้งว่าจะเขาสอนเลทครึ่งชั่วโมงเลยไม่มีจำเป็นต้องรีบอะไร ผมส่งข้อความไปบอกเขาแล้วแหละ ซึ่งเขาก็ตอบมันทันที ความจริงผมก็รู้สึกเกรงใจเขาอยู่เพราะเพิ่งกลับไปตอนตีสี่เอง ยังต้องตื่นมารับผมแต่เช้าทั้งที่วันนี้เขาไม่มีเรียน
"เอ็ง ผัวเอ็งน่ะยังไม่ได้กลับไปเลย"พี่บิ๊กแกพูดขึ้นเมื่อเห็นผมสแกนบัตรออกมา ผมหยุดชะงักกับประโยคของเขาเพราะไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกมั้ย
"อะไรนะพี่"
"ผัวเอ็งน่ะ นั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนตีสี่ ข้าละงงทำไมเอ็งไม่ให้ผัวเอ็งขึ้นไปนอนด้วย เอ็งนี่ใจดำชะมัด"พี่บิ๊กแกพูดเรื่อยเปื่อยพลางมองไปยังโต๊ะม้าหินใต้ต้นมะม่วงที่ประจำของเขา เขายังอยู่ในชุดเดิม หน้านิ่งไร้อารมณ์นั่งสูบบุหรี่อยู่เหมือนเดิม
"ผัว...ผมหรอครับ..."
"ก็เออน่ะสิ! จะจูบกันตำตาข้านี่ไม่ใช่ผัวเอ็งรึไง"
"อ่า..."ผมยิ้มเก้อให้พี่บิ๊ก ส่วนไอ้กาวขำคิกคักจนผมอดไม่ได้ที่จะหยิกเข้าที่แขนมัน จนมันร้องโอดครวญแล้วตีเข้าที่หลังผมดังปั่กคืนมา
"เจอกันที่มอ"มันว่าแล้วเดินลูบแขนตัวเองออกไป ผมปั้นหน้ายิ้มให้พี่บิ๊กก่อนจะเดินไปหาเขา
"เฮียเหนือ"
"ทำไมไม่กลับไปนอนครับ"
"ผมกลัวตื่นมาส่งคุณไม่ทัน"
"โถ่..."เขาโยนบุหรี่ลงพื้นก่อนจะหยิบเอาหมวกกันน็อคกันมาสวมใส่ให้ผม ไอ้ผมที่กำลังจะอ้าปากต่อว่าเขาก็จำต้องกลืนคำพวกนั้นลงคอไป
แล้วเขาก็ไม่คิดจะบอกผมว่ายังไม่กลับ
บางทีผมก็อาจจะชวนเขาขึ้นมานอนบนห้องสักตื่นก็ได้
ผมน่ะ ไม่ใช่คนใจดำซะหน่อย
"เย็นนี้ผมไปกินเหล้ากับเพื่อนนะ"เขาบอกหลังจากรับกระเป๋าใส่หมวกกันน็อคไปแขวนไว้ที่แฮนด์รถ
"ครับ"
"คุณ...อยากไปกับผมมั้ย"
"ฟองไปได้หรอครับ"
"ทำไมจะไปไม่ได้ คนของผมไปกับผมได้ทุกที"
"..."
คน ของ ผม
ผัวะ!
"เดินดูทางบ้างไอ้สัส"สติผมกลับเข้าร่างหลังจากโดนไอ้กาวตบหัวจนหน้าแทบคะม่ำ
"มึงตบหัวกูทำไม"
"มึงจะเดินชนเสาอยู่แล้ว"มันว่า ผมหันมองข้างหน้าก็เห็นเสาต้นใหญ่อยู่ห่างจากหน้าผมไม่กี่คืบ เอาจริงผมไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเดินเข้าตึกมายังไง เพราะหลังจากประโยคนั้นของเขา ผมก็เหมือนคนหูอื้อตาบอดไร้การรับรู้ใดๆ
เขานี่ไม่เคยอ่อนโยนกับผมเลย
North : ผมเพิ่งตื่น
ผมอ่านข้อความที่ส่งมาให้ตอนบ่ายสอง นั่งยิ้มกับข้อความสั้นๆ เสียงอาจารย์ที่กำลังบรรยายอยู่ห้องนั้นแทบไม่อยู่ในความสนใจอีกเลย
Fong : อย่าลืมหาข้าวกินนะครับ
North : อืม
North : คุณเรียนเถอะ ผมไม่กวนแล้ว
Fong : *สติกเกอร์หมียิ้ม*
วันนี้ผมไม่ได้ให้เขามารับตอนเรียนเสร็จเพราะเกรงใจเขามากจริงๆ ผมเถียงกับเขาเรื่องนี้ผ่านทางแชทจนเขาต้องยอมแพ้ไปในที่สุดแต่ก็แลกเปลี่ยนกับที่คืนนี้ผมต้องไปกับเขา
ในฐานะคนของเขา
แม่งเอ้ย
เขินฉิบหาย
-----