--------- ต่อจากบท 2 ----------
เที่ยงคืนครึ่งแล้วเหรอเนี่ยะ
ป่านนี้เจ้านายของผมน่าจะหลับไปแล้ว
ผมเดินเข้ามาในคอนโดฯ ของคุณเชียร หลังจากที่ไปดื่มย้อมใจกับคุณทิวา พรุ่งนี้ผมจะกลายเป็นปิติที่ตัดความรู้สึกลึกซึ้งที่มีต่อเจ้านายออกจากหัวใจ คืนนี้คงเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ได้นอนกอดเขา ข้าวของต่างๆ ก็คงต้องเอาออกไป ห้องนี้ไม่ควรมีของใช้ของผมอยู่ คิดแบบนั้นก็เศร้าเหมือนกันนะ แต่เศร้าไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ทำได้แค่....ทำใจ
เดินเข้ามายังกลางห้องก็พบกับร่างโปร่งที่นอนซุกอยู่กับหมอนที่โซฟา ในมือเขามีเสื้อเชิ้ตของผมติดอยู่ด้วย แอบไปเอามากอดอีกแล้วงั้นเหรอ ผมเกลี่ยแก้มใสของคนที่หลับอยู่ตรงหน้า หลังจากนี้จะสัมผัสไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าในวันที่เขาจะเป็นของคนอื่น ผมจะมองและฝืนยิ้มได้มากแค่ไหน จะแสดงความยินดีด้วยสีหน้ายังไง
นึกไม่ออกเลยจริงๆ
“....กลิ่นเหล้า” คนที่หลับอยู่ลืมตามองผม “ดื่มมาเหรอ”
“นิดหน่อยนะครับ”
“แปลก ร้อยวันพันปีไม่เห็นดื่ม”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ ว่าแต่คุณเชียรเถอะ เอาเสื้อผมมากอดอีกแล้วนะ”
เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยใส่ “ก็คุณไม่อยู่ตรงนี้หนิ บอกจะรีบกลับ ก็กลับซะดึกเลย”
“ขอโทษนะครับ” ผมรั้งเขามากอดเอาไว้ “ผม....ขอโทษ”
“ปิติ....เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าหรอกครับ” ผมละออกมาพลางยิ้มหวานให้เขา “เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อน แล้วเรานอนกันนะครับ”
“อื้ม....” พอคุณเชียรละคำ ผมก็ผละออกจากเขาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
ใจผมอยากจะกอดเขาแน่นๆ กอดเขาให้นานมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ มันอาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิตของผมแล้ว พอคิดได้แบบนั้นผมจึงรีบอาบน้ำเพื่อที่จะได้ออกมาหาคุณเชียรให้ไวที่สุด ตอนนี้เจ้านายคงรอผมอยู่บนเตียงแล้วล่ะ หลังจากที่ใช้เวลาในห้องน้ำเสร็จ ผมก็แต่งตัวแล้วเดินไปหาคุณเชียรที่ห้องนอน ร่างโปร่งนั่งมองอยู่ปลายเตียง ผมเดินเข้าไปหาก่อนจะก้มลงจุ๊บขมับเขา
ผมรักคุณนะครับเจ้านาย
“ทำไมวันนี้แปลกๆ ”
“แปลกยังไงครับ”
“ทำตัวแปลก” เจ้าตัวต้องผมอย่างจับผิด “มีมาจุ๊บหัวด้วย”
“ก็คุณเชียรทำหน้าเหมือนอยากโดนจุ๊บ”
“ผมเปล่านะ” เขาบอกก่อนจะมุดผ้าห่มเพื่อหนีผม “คุณทำของคุณเองทั้งหมดเลย”
“ครับ ผมทำเองนั่นแหละ” ผมนอนลงข้างๆ เขาพลางรั้งเจ้านายเข้ามากอดเอาไว้ “ผม....มีความสุขนะครับที่ได้กอดคุณเชียรแบบนี้”
“ผมก็รู้สึกแบบคุณแต่ว่านะ....ผมไม่รู้เลยว่าความสุขนี้มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน”
“นั่นสินะครับ”
“ปิติ” มือเรียวกุมแก้มผมเอาไว้ “....ไม่เป็นไรนะ”
ผมยิ้มบางๆ ให้เขา “ผมไม่เป็นไรครับ” ว่าแล้วผมก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
ขอแค่มีคุณเชียรอยู่ตรงนี้....ผมไม่เป็นไรหรอก
“ฝันหวานนะทาส”
“....ฝันหวานครับเจ้านาย”
[จบบันทึกพิเศษ : ปิติ]
อื้ออออ....
แดดแยงตาคุณเชียร
“....ปิดม่านทีปิติ” ผมควานหาคนที่นอนอยู่ข้างๆ แต่ก็พบว่ามันว่างเปล่า “ปิติ”
ผมลุกมาตั้งสติก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนอนของตัวเอง ไร้วี่แววของร่างสูง ไปไหนของเขานะ มองนาฬิกาที่แขวนบนผนังก็พบว่ามันเกือบ 8 โมงแล้ว ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวในการเตรียมตัวไปทำงาน ปกติแล้วทาสต้องปลุกผมตั้งแต่ 7 โมง นี่นับว่าแปลกมากที่เขาปล่อยให้ผมนอนจนเลยเวลามาแบบนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปไหนด้วยเนี่ยะ
ว่าแต่กลิ่นหอมนี่มันอะไร
ผมเดินตามกลิ่นหอมออกมาจนถึงห้องครัวก็พบกับใครบางคนที่ยืนทำอาหารอยู่โดยใส่สูทเต็มยศ ปกติแล้วเขาจะทำอาหารก่อนแต่งตัวไปทำงานหนิ เห็นแบบนี้แล้วแปลกๆ เหมือนกันแฮะ ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะกอดร่างสูงจากด้านหลังแล้วเอาคางเกยไว้ที่ไหล่เขา ปิติจับมือผมออกพร้อมกับหันมาประจันหน้าทันที
สายตาดูแปลกกว่าทุกที
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“อืม....” ผมพยักหน้ารับ “ทำไมไม่ปลุกผมล่ะ”
“ผมเห็นว่าคุณเชียรหลับสบายเลยไม่อยากปลุก อีกอย่างคือวันนี้เรามีธุระต้องไปทำกัน ผมเคลียร์ตารางงานให้แล้วนะครับ”
“ธุระงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ อาหารจะเสร็จแล้ว คุณเชียรนั่งรอที่โต๊ะได้เลยนะครับ” เขาบอกก่อนจะหันกลับไปทำอาหารต่อ ผมก็เดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว มีแฟ้มอะไรไม่รู้วางอยู่หลายอัน พอหยิบมาเปิดดูก็พบว่าเป็นร้านชุดแต่งงาน
หมายความว่ายังไงกัน
ผมมองแฟ้มพวกนี้สลับกับปิติที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว เพราะแบบนี้รึเปล่าเมื่อคืนเขาถึงได้ดื่มก่อนกลับมาที่นี่ ทำตัวแปลกๆ พูดจาแปลกๆ ก็น่าจะเพราะเรื่องนี้ การที่เขาเอาแฟ้มร้านชุดแต่งงานมาวางให้ผมเห็นมันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาอยากให้ผมเลือก ธุระของเขาเมื่อวานมันคงเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของผมแน่ๆ ตอนนี้ถ้าถามไปเจ้าตัวก็คงไม่บอก ดีไม่ดีเรื่องนี้เกี่ยวกับหม่าม้าด้วย มันต้องใช่แน่ๆ ไม่งั้นทาสของผมไม่เป็นแบบนี้หรอก
น่าหงุดหงิดใจชะมัด
ความจริงผมอยากจะอาละวาดขว้างปาข้าวของและก็กลายเป็นแมวไปข่วนขาปิติให้เลือดซิบแต่....ทำแบบนั้นไปก็ไร้ประโยชน์ ผมโตมากพอที่จะเข้าใจทุกอย่าง เด็กนั่นคงไม่ได้เต็มใจที่อยากทำแบบนี้หรอก แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เขาคงต้องยอม ให้ผมรู้ให้แน่ก่อนเถอะว่าอะไรมันเป็นยังไง ตอนนี้จะยอมใจเย็นเล่นไปตามเกมก่อนก็ได้ ถ้าหม่าม้าอยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ผมก็จะแกล้งๆ ยอมไปก่อน
เรื่องนี้ต้องถึงหูปะป๊าแน่
คิดว่าคนอย่างคุณเชียรจะยอมเหรอ
“อาหารเสร็จแล้วครับ” ปิติถือชามปลานึ่งมาวางไว้ตรงหน้าผมก่อนที่เขาจะยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมนั่งลงที่เก้าอี้เหมือนอย่างทุกที โอเค สวมบทบาทเป็นลูกน้องแบบสมบูรณ์แบบไปแล้ว
“ธุระที่คุณบอกผมคือการไปดูชุดแต่งงานสินะ”
“....ใช่ครับ”
“งั้นเอาร้านวันวิวาร์ สัก 10 โมง” พอผมบอกแบบนั้น สายตาที่เขามองมาก็หม่นไปในทันที จี๊ดในใจที่ผมยอมเลือกแต่โดยดีน่ะสิ
เขานี่มันน่าทุบชะมัด
“ได้ครับคุณเชียร”
“รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนนะที่ยังไม่ได้เจอเจ้าสาวแต่ดันไปดูชุดแต่งงานก่อนน่ะ” ผมเท้าคางมองเขา “คุณคิดว่าเจ้าสาวของผมเป็นคนยังไง”
“ในแฟ้มสีขาวเป็นประวัติคร่าวๆ และมีรูปถ่ายของคุณเพียงอรครับ เธอเป็นคนสวย เพียบพร้อมทั้งชาติตระกูและการศึกษา เหมาะสมกับคุณเชียรทุกอย่าง”
“คุณคิดแบบนั้นใช่ไหม”
“ครับ”
“ผมจะติดต่อคุณเพียงอรได้วิธีไหนบ้าง ผมคิดว่าคงดีกว่าถ้าเราได้ไปดูชุดแต่งงานด้วยกัน”
“ผมจะจัดการให้ครับ”
“งั้นฝากด้วยล่ะ” พอสิ้นคำสั่งผม ร่างสูงก็เดินเข้าห้องทำงานไปทันที เจ็บปวดหัวใจน่าดูเลยสิถึงทำหน้าแบบนั้นออกมา
ผมก็รู้สึกไม่ต่างกันไหมล่ะ
ความรู้สึกของปิติน่าจะแย่พอสมควร แต่ในเมื่อเขาอยากให้ทุกอย่างแบบนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ไหมล่ะ ต่อให้ผมดึงดัน ไม่ยอมโน่นนี่นั่น เขาก็ทำให้ผมยอมอยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เราทั้งคู่ต้องเจ็บปวดก็เถอะ ตอนนี้ผมกำลังลุ้นกับว่าที่จ้าสาวของตัวเองอยู่ ผมอยากรู้ว่าเธอจะเป็นคนยังไง เต็มใจหรือโดนบังคับให้มาแต่งงาน ผมหยิบแฟ้มสีขาวมาดู ผู้หญิงในภาพนี่สวยมากจริงๆ ประวัติดีไปซะทุกอย่าง
ตัวจริงจะเป็นยังไงนะ
“เรียบร้อยแล้วนะครับคุณเชียร”
“อืม ขอบใจ” ผมตักปลาเข้าปาก “เรื่องบริษัท D ได้อะไรเพิ่มอีกไหม”
“ยังเงียบอยู่ครับ”
“งั้นผมฝากให้คุณช่วยตามเรื่องนี้ให้หน่อยละกัน เอาวันนี้แหละ ส่วนเรื่องไปร้านชุดแต่งงาน เดี๋ยวผมไปเอง”
“แต่ว่า....”
“เอาตามที่ผมสั่ง” ผมเอ่ยเสียงเรียบ “เข้าใจนะปิติ”
“เข้าใจแล้วครับ”
ถ้าสมมุติว่าผมให้เขาไปดูตัวเองอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้วกำลังเลือกชุดแต่งงานด้วยกัน มันคงเป็นภาพที่บาดตามากเลยเนอะ ผมไม่อยากให้เขาเห็นอะไรแบบนั้นเลยสักนิด รู้เลยว่าถ้าทาสไปด้วย เขาต้องทำหน้าเหมือนจะขาดใจตาย
ตอนนี้ก็เหมือนอยู่
“ผมอิ่มแล้ว” หลังจากที่บอกเขาไปแบบนั้นผมก็เดินหนีเข้ามาในห้องนอนทันที พอเห็นเสื้อเชิ้ตที่ผมแอบจิ๊กมาฟัดเมื่อคืนก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะ
อยู่ดีดีทุกอย่างก็กลายเป็นแบบนี้ซะได้
ผมหยิบเสื้อเชิ้ตของปิติมากอดเอาไว้ หลังจากนี้คงกอดได้แต่เสื้อ ไม่ๆ ช่วงนี้เท่านั้นแหละที่จะได้กอดแค่เสื้อ ผมไม่ยอมให้ทุกอย่างมันจบที่การแต่งงานและผมต้องยุติความสัมพันธ์กับเขาหรอก อย่างน้อยมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ คิดแล้วมันน่าเสียดายเหมือนกันนะ....ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยบอกว่าผมรักเขาเลยสักครั้ง ถ้ารู้ว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ ผมจะบอกเขาทุกวัน ให้เสียงผมมันวนซ้ำๆ อยู่ในหัวเขานั่นแหละ
“ผมรักคุณนะปิติ....แค่คุณเท่านั้น”
ขอให้คุณเพียงอรเข้าใจในความรักของเราสองคนด้วยละกัน
***
ร้านวันวิวาร์ ผมยืนรออยู่หน้าร้านชุดแต่งงานที่เลือกเอาไว้เมื่อเช้า ตอนนี้ 10 โมงกว่าแล้วแต่คุณเพียงอรยังมาไม่ถึง คนติดตามของเธอแจ้งมาว่ารถติด คงมาถึงช้ากว่าที่นัดกันเอาไว้ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลานักหรอก ที่กังวลใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเรื่องของทาสนั่นแหละ เขาทำหน้าซึมเหมือนจะตายเลยตอนมาส่งผมที่รถ ปิติต้องคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากพอที่จะจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ในวันเดียวแน่ๆ
ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลยด้วยซ้ำ
ตลอดมาผมเคยคิดว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่ สามารถจัดการอะไรหลายๆ อย่างได้ดี แต่เหมือนกับเรื่องนี้คงไม่ใช่ เขาอ่อนแอกับมันมาก ผมยังจำอ้อมกอดสั่นๆ ของเขาได้อยู่เลย วันนี้เหมือนกับว่าเขายอมแพ้ให้เรื่องของเราไปแล้ว ส่วนเหตุผลก็คงมีแค่เจ้าตัวนั่นแหละที่รู้ แต่ผมไม่เหมือนปิติ ไม่มีทางที่คุณเชียรจะยอมใครง่ายๆ อยู่แล้ว
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นหม่าม้าก็เถอะ
“สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่มาช้า” ผมหันมองตามเสียงก็พบกับผู้หญิงคนนึงที่เดินนำผู้หญิงอีกคนมา “คุณหนูเพียงอรคะ นี่คุณเชียรค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” ร่างบางยกมือไหว้ผม แค่การไหว้ก็ดูรู้แล้วว่าถูกเลี้ยงมาดีมากแค่ไหน กริยาท่าทางโดยรวมก็ดูดี
“สวัสดีครับคุณเพียงอร” ผมยิ้มหวานให้เธออย่างเป็นมิตรมากที่สุด ดวงตากลมมองผมก่อนจะหลบสายตาไปอย่างเนียมอาย
“ดิฉันขอฝากคุณหนูด้วยละกันนะคะ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะดูแลเธอเอง” พอผมบอกไปแบบนั้น ผู้ดูแลของคุณเพียงอรก็เดินกลับไปที่รถ ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนแล้ว
“ขอรบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกครับ” ผมเปิดประตูร้านให้เธอ “เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเดินเข้าไปในร้าน ส่วนผมก็เดินตามอยู่ด้านหลัง
คุณเพียงอรเป็นผู้หญิงที่สวยและดูสง่า ทั้งการแต่งตัว น้ำเสียงหรือท่าทางกิริยาต่างๆ คือดีงามไปหมดเลยอะ เธอเป็นคนตัวเล็ก ใบหน้าหวาน ดวงตากลมโต จมูกโด่งรับกับรูปหน้า ริมฝีปากหยักสวย แถมยังมีลักยิ้มที่ข้างแก้ม ผมยาวเป็นลอน ยิ่งมัดทรงหางม้าแบบนี้ยิ่งดูดี ไปๆ มาๆ คือผมไม่เหมาะสมกับเธอเลยสักนิด ว่าที่เจ้าสาวผมสวยเกินไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหม่าม้าถึงอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้
เพอร์เฟ็กซะขนาดนี้
“ร้านวันวิวาร์ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานเดินเข้ามาหาพวกเรา “ทางร้านเรามีชุดหลายแบบให้เลือกนะคะ ไม่ทราบว่าได้คิดโทนของงานคร่าวๆ รึยังคะ”
“ยังเลยครับ” เพิ่งรู้ว่าต้องแต่งงานก็เมื่อวานนี่เอง
“คือว่าขอดูแค่ชุดแต่งงานได้ไหมคะ ส่วนเรื่องโทนหรืออะไรเดี๋ยวต้องปรึกษาครอบครัวน่ะค่ะ”
“ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
เราสองคนเดินตามพนักงานมานั่งที่โซฟาซึ่งด้านหน้ามีแฟ้มหลายอันวางอยู่ คุณเพียงอรหยิบมันมาดูนิ่งๆ พลางทำหน้าลำบากใจยังไงชอบกล พอเห็นแบบนี้แล้วก็น่าคิดเหมือนกันนะว่าเธออาจจะไม่เต็มใจที่จะแต่งงานก็ได้
“คุณเพียงอรครับ” ผมเหลือบมองเธอหลังจากที่พนักงานเดินไปแล้ว “ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“อะไรเหรอคะ”
“คุณ....เต็มใจจะแต่งงานไหมครับ”
ร่างบางส่ายหัวทันที “ไม่อยากค่ะ ฉันไม่อยากแต่งงานเลยสักนิด”
“เหมือนผมเลยครับ”
“พวกผู้ใหญ่ไม่น่าบังคับพวกเราเลยนะคะ” เจ้าตัวเอ่ยพลางมองผมอย่างเศร้าๆ “เราควรจะได้แต่งงานกับคนที่เรารัก ไม่ใช่คนที่แม้แต่ชื่อยังเพิ่งได้ยินเมื่อวานเอง”
“นั่นสินะครับ”
“คุณเชียรเองก็คงไม่อยากแต่งงานสินะคะ”
“ครับ ผมไม่ได้อยากแต่งงานเลย ไม่ใช่เพราะว่าคุณไม่ดีนะครับ แต่ผมไม่ได้รักคุณเท่านั้นเอง แต่งงานไปก็คงไม่มีทางรักกันได้อยู่ดี”
“ฉันก็คิดเหมือนคุณค่ะ อื้อออ....” มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเอง “ขอตัวสักครู่นะคะ....อื้อ....”
ผมมองคุณเพียงอรที่รีบวิ่งไปทางด้านห้องน้ำ เป็นอะไรรึเปล่านะ เอาจริงๆ ผมรู้สึกได้ว่าเธอหน้าซีดตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาแล้วล่ะ เหมือนจะไม่สบายล่ะมั้ง ไปดูสักหน่อยละกัน เผื่อเป็นลมเป็นแล้งหน้าห้องน้ำ ผมจะได้ช่วยเธอได้ พอคิดได้แบบนั้นผมก็พาตัวเองมารอที่หน้าห้องน้ำทันที ผ่านไปสักครู่นึง ร่างบางก็เดินออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่
“ไหวไหมครับ”
“ไม่ไหวค่ะ” เธอบอกก่อนจะเลื่อนมือมาจับแขนผม “ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ”
“อะไรเหรอครับ”
“ช่วยพาฉันไปที่ๆ นึงหน่อยได้ไหมคะ”
***
ที่ๆ นึงของคุณเพียงอรคือร้านกาแฟครับ
ร้านกาแฟที่มีอมนุษย์สายพันธุ์สุนัขเป็นเจ้าของ
กลิ่นคือเด่นชัดที่สุดเลย
ผมนั่งมองร่างบางที่นั่งดื่มน้ำมะนาวอัญชันอย่างสบายใจเฉิบ สีหน้าเธอดูดีขึ้นเยอะเลยครับ ผมยกกาแฟขึ้นจิบพลางมองไปรอบๆ ร้าน ร้านนี้ชื่อว่าเพลินเพลง การตกแต่งอยู่ในสไตล์วินเทจ สวยนะ ผมไม่เคยมาที่นี่เลย วันหลังไว้ชวนปิติมาด้วยดีกว่า เออพูดถึงปิติ ป่านนี้เขาจะทำอะไรอยู่นะ แต่ที่แน่ๆ คือเจ้าตัวคงไม่ได้ทำงานแบบเป็นสุขสักเท่าไหร่ เขาน่าจะกระวนกระวายใจเรื่องของผมอยู่ไม่น้อย
คิดเข้าข้างตัวเองเก่งจริงๆ เลยคุณเชียร
“กาแฟอร่อยไหมคะ”
“อร่อยครับ” ผมยิ้มบางๆ ให้เธอ “คุณเพียงอรชอบมาที่นี่งั้นเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ชอบมากๆ ” มือบางยกแก้วน้ำมะนาวอัญชันขึ้นดื่มจนหมดแก้ว “เพลินคะ ขออีกแก้ว”
“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวจะปวดท้อง”
“แต่ว่า....”
“ไม่แต่ค่ะ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับเธอพลางมองผมแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของร้านครับ เขาเป็นอมนุษย์สุนัขล่ะ ดูจากดวงตาแวบนึงของเขาที่ผมเห็น น่าจะเป็น.....ไซบีเรียน ฮัสกี้
คิดว่าใช่นะ
ผมมองเขาทั้งสองคนมาสักพักละ เอาจริงๆ คือตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านนี่แหละ ตอนแรกสีหน้าของคุณเพียงอรเขาไม่โอเคเลย แต่พอเธอมาเจอคุณเพลิน ทุกอย่างก็ดูโอเคขึ้น แล้วยิ่งพอได้กินน้ำมะนาวอัญชัน อาการแย่ๆ ก็หายไป ผมว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้คงไม่ธรรมดาซะแล้วล่ะ คำพูดคำจานั่นอีก คุณเพลินใช้คะ ใช้ค่ะกับคุณเพียงอรด้วย
อยากรู้ก็ต้องถาม....จริงไหม
“คุณเพียงอรครับ”
“คะ” เธอหันกลับบมาหาผม “เอ่อ....คุณเชียรนี่อายุเท่าไหร่แล้วนะคะ”
“ผมอายุ 29 แล้วครับ”
“งั้นขอเรียกว่าพี่เชียรได้ไหมคะ แล้วอรขอแทนตัวเองว่าอร”
ผมพยักหน้ารับ “ได้สิ งั้นพี่ขอเรียกเราว่าน้องอรนะครับ”
“ได้ค่ะ ว่าแต่พี่เชียรมีอะไรจะถามอรเหรอคะ”
“คือคุณเพลินกับน้องอรเนี่ยะ น่าจะเป็นมากกว่าเพื่อนกันใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ ความจริงเพลินเป็นคนรักของอรเอง เราคบกันมาหลายปีแล้วแต่ว่าที่บ้านไม่ทราบน่ะค่ะ” เธอเหลือบไปมองคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ “ครอบครัวของอรคงไม่ยอมรับ ตระกูลเราเป็นแมว แต่ของเพลินเขาเป็นสุนัข ถึงการรักกันข้ามสายพันธ์จะมีให้เห็นทั่วไปแต่ว่า.....เรื่องเราสองคนมันคงยากมากเลยล่ะค่ะ”
“พี่เข้าใจความรู้สึกนั้นนะ เพราะพี่เองก็หลงรักมนุษย์ธรรมดาเหมือนกัน”
“พี่เชียรก็มีคนรักแล้วเหมือนกันเหรอคะ”
“ไม่เชิงว่าเป็นคนรักหรอก สถานะของเรามันไปถึงขั้นนั้นไม่ได้ เอาจริงๆ เขาเป็นเลขาฯ พี่เองน่ะ็นคนร”
“อย่างนี้นี่เอง พี่เชียรคงลำบากใจมากนะคะเรื่องแต่งงาน”
“น้องอรก็คงเป็นเหมือนกันสินะ”
“ใช่ค่ะ เพราะแบบนี้ อรจึงอยากจะขอให้พี่เชียรร่วมมือกับอรในเรื่องการแต่งงานของเรา”
“ให้ร่วมมือยังไงหืม....”
“มันไม่ดีที่เราจะหักหน้าผู้ใหญ่แต่อรคิดว่าชีวิตของเรา เราก็ต้องเลือกมันด้วยตัวเอง อีกอย่างคือ....อรต้องทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวเล็กๆ ของอร” มือบางลูบที่หน้าท้องของตัวเองเบาๆ นี่อย่าบอกนะว่าที่หน้าซีดแล้วมีอาการแปลกๆ นั่นคือ....
“....เบบี๋เหรอน้องอร”
“ใช่ค่ะ....อรกำลังจะมีเบบี๋”
“.....”
“อรท้องได้ 2 เดือนแล้วค่ะ”
TBC.
สวัสดีีค่ะ มาส่งบท 2 นะคะ คือด้วยความที่มันเป็นเรื่องสั้น การคัตฉากก็เลยค่อนข้างเยอะ แต่ชาลคิดว่าเรื่องราวยังคงต่อเนื่องกันอยู่นะ บทนี้สงสารปิติเหมือนกันนะ จะเป็นอย่างไรรอติดตามบท 3 ค่า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ