[เรื่องสั้น 4 บทจบ : บทส่งท้าย END ] พี่แมวนะหนู [5/3/2020]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น 4 บทจบ : บทส่งท้าย END ] พี่แมวนะหนู [5/3/2020]  (อ่าน 3301 ครั้ง)

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook

-----------------------------------------------------------





ผมเป็นแมว....และสถานะของผมก็คือ เจ้านาย

ส่วนเขาเป็นทาส เป็นเพื่อน เป็นลูกน้อง เป็นเลขาฯ เป็นคนรู้ใจ

และ....เป็นคนที่ผมรัก



----------------------



+ คุยกับนักเขียน +



สวัสดีค่ะ มีเรื่องสั้น 4 บทจบมาให้อ่านกัน

ตอนแรกเรื่องสั้นนี้ถูกส่งให้สำนักพิมพ์แต่ด้วยความผิดพลาดเลยไม่ได้ตีพิมพ์แล้ว ชาลก็เลยนำมาให้ทุกคนได้อ่านกัน

เป็นแนวกึ่งแฟนตาซีนะคะ ไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้เลย มันเป็นครั้งแรก

หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยนะ



#พี่แมวนะหนู



----------------------



สามารถติดต่อข่าวสารได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะคะ

ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2020 20:46:48 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 1 เจ้านายกับทาส



   ‘เร็วสิทาส....ผมหิวแล้วนะ’

   “รู้แล้วครับรู้แล้ว รอก่อนนะคุณเชียร”

   ‘ถ้าทาสช้า ผมจะข่วนทาส!!!’

   “อย่าเพิ่งเกรี้ยวกราดสิครับ”

   ‘ผมทำจริงๆ ด้วยนะ’

   “คุณเชียรนี่ขี้บ่นจริงๆ ”

   ‘ทาสสสส!!!’

   เมี้ยวววว เมี้ยวววว เมี้ยวววว

   ผมแหกปากร้องดั่งลั่นพลางใช้เท้าป้อมๆ เกาะขาทาสของผม เมื่อไหร่เขาจะทำอาหารเสร็จกันนะ คุณเชียรหิวจนตาลายแล้วเนี่ย คอยดูเถอะ ทำอะไรชักช้าจริงๆ เดี๋ยวผมจะตัดเงินเดือนเขา โทษฐานที่ทำให้เจ้านายอย่างผมหิว

   เมี้ยววววววววววว

   “เสร็จแล้วครับคุณเชียร เสร็จแล้ว” มือเรียววางเนื้อปลาดอลลี่ที่ผ่านการนึ่งสุกไว้ด้านหน้าผม หอมจัง ไม่มีอะไรน่าอร่อยไปกว่าปลานึ่งอีกแล้ว

   ‘ทำดีมากทาส’ ผมบอกเขาทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าตัวคงฟังไม่รู้เรื่อง ช่างเถอะ ตอนนี้ได้เวลาอาหารของผมแล้ว

   จะทานแล้วนะครับ

   ผมกินปลานึ่งด้วยความรู้สึกที่มีความสุขสุดๆ พลางมองหน้าทาสไปด้วย ผู้ชายคนนี้ชื่อ ‘ปิติ’ ครับ เขาเป็นมนุษย์ปกติซึ่งต่างจากผมที่เป็นอมนุษย์ สายพันธุ์ของผมคือแมวดำ ปะป๊าเคยเล่าให้ฟังว่าบรรพบุรุษของเราเดินทางมากับเรือขนสินค้าก่อนจะปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ตอนนี้ผมเป็น CEO ของบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการด้านการขนส่งสินค้า ส่วนปิติเขาเป็นเลขาฯ ของผม เป็นเด็กกำพร้าที่ปะป๊ารับมาเลี้ยง

   อายุน้อยกว่าผมตั้ง 4 ปี

   ตอนเด็กๆ เขาน่ารำคาญมากในสายตาของผม คอยวิ่งตามอยู่ต้อยๆ ไม่ลดละ ขนาดผมทำตัวร้ายๆ ใส่เขา เจ้าเด็กนั่นก็ยังยิ้มหวานให้ได้เสมอ เวลาที่ผมกลายเป็นแมวเขาก็จะชอบมาลูบ มากอด แถมยังชอบหาโน่นนี่มาเล่นกับผม คิดว่าคุณเชียรเหมือนแมวตัวอื่นรึไงกัน สมัยก่อนผมข่วนเขาบ่อยมากแต่เจ้าตัวไม่เคยบ่นเลยว่าเจ็บ

   ตอนนี้เขาก็ไม่เคยบ่นเหมือนกัน

   “ผมเตรียมน้ำอุ่นให้คุณเชียรแล้วนะครับ แต่เดี๋ยวรออาหารย่อยก่อน ค่อยไปอาบ”

   เมี้ยว

   “เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้ว รบกวนช่วยดูเอกสารของบริษัท D หน่อยนะครับ ผมว่ามันมีจุดที่แปลกๆ อยู่”

   เมี้ยว

   “เมี้ยวเก่งจังเลยนะครับ”

   “แล้วคุณมีปัญหารึไงปิติ” ผมเอ่ยถามเขาหลังจากที่กลายร่างเป็นมนุษย์เสร็จ ตอนอยู่ในร่างแมวเนี่ยะผมไม่ได้สวมเสื้อผ้า เพราะงั้นเวลากลายเป็นคนก็คือจะชีเปลือยดีดีนี่เอง

   แต่ปิติเห็นจนชินแล้วล่ะ

   “ผมจะไปกล้ามีปัญหากับคุณเชียรได้ยังไงล่ะครับ” ร่างสูงเดินเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมให้ผม “ปลาอร่อยไหมครับ”

   “ก็เหมือนทุกวัน”

   “ถ้าคุณเชียรเบื่อก็บอกนะครับ ผมจะเปลี่ยนให้”

   “อืม เดี๋ยวคุณเอาเอกสารมาให้ผมดูเลยก็ได้”

   “ได้ครับ” เจ้าตัวรับคำก่อนจะละออกไป

   ผมเดินมานั่งรอที่โซฟากลางคอนโดฯ กี่ปีแล้วนะที่เราอยู่ด้วยกันที่นี่ เกือบ 3 ปีได้ล่ะมั้งตั้งแต่ที่ปิติเรียนจบ เด็กนั่นอายุแค่ 25 ในขณะที่ผมใกล้จะ 30 อยู่อีกไม่กี่เดือนเนี่ยะ ผมไม่ได้ซีเรียสที่ตัวเองอายุมากขึ้นหรอก แต่คนที่ซีเรียสแทนคือหม่าม้าผมครับ เขาโทรมาถามแทบทุกวันว่าเมื่อไหร่ผมจะหาแฟนแล้วแต่งงานมีลูกสักที อาจเพราะว่าเป็นพี่ชายคนโตของบ้านและอายุเฉียดเลขสามแล้วล่ะมั้ง ผมก็เลยกลายเป็นที่คาดหวัง

   ขอบอกเลยว่าหม่าม้าผิดหวังแน่

   ร่างสูงเดินเอาเอกสารมาส่งให้ผม รายละเอียดด้านในส่วนใหญ่จะเป็นตัวเลข จำนวนเงินกับจำนวนสินค้าไม่สอดคล้องกันจริงๆ ด้วยแหะ ถ้าไม่ใช่การทำงานผิดพลาดก็แปลว่าทางบริษัท D อาจจะอยากท้าทายอำนาจมืดของเรา ผมไม่ชอบการทุจริตเลยนะ มันทุเรศน่ะ คนเราจะอยากได้ผลประโยชน์อะไรขนาดนั้น อีกอย่างคือเขาไม่นึกเลยสินะว่าการกระทำแบบนี้มันจะส่งผลเสียมากแค่ไหน

   ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ....ไม่เคยจำ

   “ยอดส่งมันแปลกๆ ” ผมส่งเอกสารคืนให้เขา “ให้คุณวิชิตเช็กอีกรอบ”

   “ได้เลยครับ”

   ผมมองคนที่ยืนยิ้มอยู่ “คุณก็ละเอียดดีนะ กับเลขาฯ คนก่อน เขายังทำงานไม่ได้เท่าคุณเลย”

   “เพราะผมอยากรักษาผลประโยชน์ของทางเราให้ได้มากที่สุดนั่นแหละครับ อีกอย่าง....ถ้าผมละเอียดไม่พอ คุณเชียรได้หาเลขาฯ คนใหม่แทนผมพอดี”

   “นั่นสินะ” ผมเท้าคางมองเขาพลางยกยิ้ม “จะว่าไปผมก็ชักจะเบื่อหน้าคุณแล้วเหมือนกัน”

   “พูดแบบนั้นผมเสียใจนะครับ”

   “ผมไม่แคร์คุณหรอก”

   “ใจร้ายจัง”

   “คุณว่าผมเหรอ”

   “ใครจะว่าคุณเชียรได้ล่ะจริงไหม” มือเรียวแตะที่ไหล่ผมผ่านเสื้อคลุมอาบน้ำ “อาบน้ำเลยไหมครับ”

   “ก็ดี....รู้สึกร้อนยังไงก็ไม่รู้” ว่าแล้วผมก็ลุกออกมาจากโซฟาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ น้ำอุ่นที่ปิติเตรียมไว้ให้ มันเป็นอะไรที่ผมชอบมาก ถ้าแช่ได้ทั้งวันก็อยากจะแช่ให้ตัวเปื่อยเลย

   แมวบางตัวไม่ถูกกับน้ำแต่ไม่ใช่แมวตัวนี้แน่นอนครับ ตอนที่ผมอยู่ในร่างแมวแล้วตัวเปียกมันจะรู้สึกหนึบหนับอะ ขนก็แห้งยากมากด้วย ปิติต้องใช้เวลานานมากในการเช็ดตัวผม แต่เขาไม่กล้าบ่นหรอกเพราะผมเป็นเจ้านายไง แต่จะว่าไปมันก็มีบางช่วงเวลาที่ทาสดื้อกับผมด้วยนะ เขาเอาแต่ใจตัวเองจนน่าตีเลยล่ะ แล้วตอนนี้เขาก็กำลังทำแบบนั้นอยู่ บางทีผมก็อยากจะตีเขาแรงๆ ให้สมกับสายตาร้ายๆ ที่เขาใช้มองผม

   เกินไปจริงๆ เลย

   ผมมองร่างสูงที่นั่งอยู่อีกฝั่งของอ่างอาบน้ำ ถือวิสาสะมากเจ้าทาส กล้าลงมาในอ่างที่มีผมแช่อยู่ได้ยังไงกัน สงสัยต้องลงโทษให้เขาได้รู้แล้วล่ะว่าคนเหิมเกริมจะเจอกับอะไร พอคิดได้แบบนั้นผมก็ใช้ปลายเท้าเขี่ยขาเขาเบาๆ คนตรงหน้าเลิกคิ้วมองผมก่อนจะยกยิ้มบางๆ มือเรียวเลื่อนลงไปใต้น้ำก่อนจะลูบขาผม นั่นแน่ะ ทำมาเป็นลูบขา เอาจริงๆ คงอยากลูบมากกว่าขานั่นแหละ

   สีหน้ากับสายตามันบ่งบอกทุกอย่างแล้ว

   “คุณลูบขาผมทำไมปิติ”

   “ก็คุณเชียรเขี่ยขาผมไม่เลิกเลยหนิครับ” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะยกขาผมให้พ้นขึ้นจากน้ำแล้วจูบเบาๆ “ทำแบบนี้ผมคิดดีไม่ได้เลยนะ”

   “คุณทำเหมือนว่าคิดดีกับผมอย่างนั้นแหละ หน้าคุณมันแสดงออกมาหมดแล้ว”

   “แค่คุณเชียรเท่านั้นแหละครับที่จะได้เห็นความตรงไปตรงมาของผม”

   “จะบอกว่ากับคนอื่นคือเสแสร้งว่างั้นสิ”

   “ก็คงแบบนั้นล่ะครับ” ปิติบอกก่อนจะนวดฝ่าเท้าให้ผมเบาๆ อื้ม....ม....สบายจัง ผมชอบที่เขาทำแบบนี้ให้จริงๆ

   “ผมควรจะดีใจรึเปล่า”

   “ควรดีใจสิครับ ผมทำทุกอย่างให้คุณเชียรพิเศษกว่าคนอื่นเลยนะ” มือเรียวลูบขาผมมาเรื่อยๆ จนถึงสะโพกก่อนจะรั้งให้ตัวผมขึ้นไปเกยอยู่บนตักเขา พอท่ากลายเป็นแบบนี้แล้ว อะไรบางอย่างที่มันดุอยู่ใต้น้ำก็สัมผัสที่ร่องก้นผมพอดี

   ขนาดนั้นเลยนะปิติ

   “คุณนี่เหิมเกริมใหญ่แล้วนะ”

   “ผมเหิมเกริมได้มากกว่านี้อีก” เขาบอกก่อนจะเลื่อนมือมาขยำก้นผม ลิ้นร้อนเลียเบาๆ ที่ยอดอกเหมือนหยั่งเชิง อื้มมม....เด็กนี่รู้ไปหมดทุกอย่างจริงๆ ว่าส่วนไหนบ้างที่ทำให้ผมรู้สึกจนเหมือนจะเป็นบ้า

   ผมปล่อยให้ร่างสูงทำตามอำเภอใจ ทุกสัมผัสที่มาจากเขาผมไม่เคยรังเกียจมันแม้แต่น้อย แถมยังต้องการมากขึ้นทุกครั้งเลยด้วยซ้ำ ยังจำครั้งแรกที่ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นได้เลย ตอนนี้ปิติอายุแค่ 18 เองมั้ง ผมควรติดคุกด้วยล่ะโทษฐานพรากผู้เยาว์ แต่เรื่องนี้ผู้เยาว์ก็เห็นดีเห็นงามและยอมให้ผมพรากด้วยนะ เอาจริงๆ คนที่มีแต่ได้กับได้น่ะมันเขาต่างหาก ส่วนผมมีแต่เสียกับเสีย

   เสียตัว....จนเสียสติเลยล่ะ

   มือเรียวลูบไล้ไปทั่วทั้งตัวผม ริมฝีปากบางไล่จูบไปเรื่อยมาจนถึงใต้คาง พอเห็นแบบนั้นผมเลยกดจูบลงไปบนปากเขา คนใต้ร่างเปิดปากรับลิ้นผม อื้มมมม....ดีจัง รสจูบนี้ที่ผมชอบมาตลอด หลายปีแล้วนะที่เราทำเรื่องแบบนี้กัน ผมไม่เคยเบื่อมันเลย แต่ไม่รู้ว่าเด็กที่จูบตอบผมอยู่นี่เขาจะคิดแบบไหน คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าถึงวันที่เขาไม่อยากทำเรื่องแบบนี้กับผมแล้ว วันนั้นสภาพของผมจะเป็นยังไง

   คุณเชียรอาจจะกลายเป็นแมวที่ตายซาก

   “อืม....” ปิติละจูบออกไปก่อนจะมองผมนิ่งๆ “กำลังคิดอะไรไม่เข้าท่าอยู่สินะครับ”

   “คุณรู้ได้ยังไง”

   “ก็เมื่อกี๊ลิ้นเรากำลังเกี่ยวกัน แต่ว่าอยู่ดีดีคุณเชียรก็หยุด ผมเลยคิดว่ามันจะต้องมีอะไรวุ่นวายอยู่ในนี้แน่ๆ ” นิ้วเรียวจิ้มที่ขมับผมเบาๆ “ไหนลองบอกผมซิคุณเชียร”

   “ไม่อยากอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้ว”

   “จะใช่เหรอครับ”

   “อื้ม” ผมเบียดสะโพกยั่วเขา “พาผมไปที่เตียงสิทาส”

   “ได้ครับเจ้านาย” เจ้าตัวรับคำก่อนจะอุ้มผมขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำแล้วตรงไปยังเตียงกว้างกลางห้องนอน ที่ตรงนี้....เราเคยทำเรื่องแบบนั้นมาจนนับครั้งไม่ถ้วน

   เอาจริงๆ ก็มีหลายที่แหละนะ

   ปิติวางผมลงบนเตียงก่อนจะเลื่อนขึ้นมาทาบทับอยู่ด้านบน  มือเรียวเกลี่ยผมที่ปรกหน้าออกให้ รับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่รดหน้าอยู่เลย ร้อนพอๆ กับอารมณ์ที่กำลังใกล้ปะทุ ต่อให้แอร์เย็นแค่ไหนก็ไม่ช่วย และอีกสักพักพื้นที่ตรงนี้ก็จะกลายเป็นสมรภูมิรักที่ดุเดือดเอามากๆ ทาสของผม ยิ่งโตแล้วยิ่งรุนแรง ไม่ว่าจะการสัมผัสหรือความรู้สึกที่ส่งมาให้

   ผมแทบคลั่งเลยล่ะ

   ใบหน้าคมเลื่อนลงมาใกล้ก่อนจะมอบจูบอันเร่าร้อนให้ ผมยกมือโอบรอบคอเขา มือเรียวเลื่อนไปกุมส่วนอ่อนไหวด้านล่างแล้วขยับช้าๆ อื้อออ....ดีจัง ผมชอบเวลาทาสปรนเปรอให้แบบนี้ มันเหมือนตอนที่เขาลูบตัวผมในร่างแมว ความรู้สึกดีนี้มันเยี่ยมไปเลย ผมเอียงคอเพื่อให้เขาซุกไซร้ได้ตามใจชอบ เขาทำแค่จูบเบาๆ แล้วค่อยมาทิ้งรอยคิสมาร์กไว้ใต้ร่มผ้าเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องดีไงถ้าผมไปทำงานแล้วมีรอยจูบโชว์หราอยู่บนคอ

   คนค่อนบริษัทต้องแซวผมแน่ๆ

   “อ๊ะ.....” ผมกัดปากข่มความเจ็บเมื่อนิ้วเรียวแทรกเข้ามาในร่างกาย ปากและลิ้นของเขาก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าท้องผมพลางขบจนเป็นรอย นิสัยเขาเหมือนแมวเด็กที่กำลังคันเขี้ยวยังไงก็ไม่รู้

   “ชอบไหมครับ”

   “ไม่....อ๊ะ”

   “ผมให้พูดใหม่”

   “คุณรู้ดีอยู่แล้วไหมว่าผมชอบตรงไหน” ผมแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะหยิบหมอนที่อยู่ใกล้ๆ ตีหัวให้อีกที พอเป็นแบบนั้น นิ้วเรียวที่อยู่ด้านในก็ขยับถี่ขึ้นเหมือนจะลงโทษที่ผมก้าวร้าวใส่

   “เกรี้ยวกราดจังเลยนะครับ ผมกลัวคุณเชียรไปหมดแล้วนะ” เขายิ้มหวานพลางสอดนิ้วเข้ามาเพิ่มแล้วขยับเข้าออก รอยยิ้มกับคำพูดมันช่างสวนกันจริงๆ

   น่าทุบ

   “อื้อออ....ปิติ....อะ”

   “แค่นี้ก็คงพอแล้วมั้งครับ” ปิติถอนนิ้วออกไปจากตัวผมก่อนจะเอื้อมไปหยิบถุงยางที่อยู่ใต้หมอนออกมา ตอนแรกมันน่าจะอยู่ในลิ้นชักรึเปล่า เอามาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยะ

   ผมมองร่างสูงที่หยิบถุงยางออกมาจากซองก่อนจะสวมเข้าที่ส่วนกลางของตัวเอง ผมมองขนาดของส่วนนั้นอย่างหวั่นใจ เมื่อก่อนเขายังไม่ถึงขนาดนี้เลยอะ ตกใจเหมือนกันตอนที่รับรู้ได้ว่ามันใหญ่ขึ้น เชื่อไหมว่าทุกครั้งที่เรามีเซ็กซ์กัน ผมมักจะนึกถึงครั้งแรกที่เรามีอะไรกันตลอดเลย จากวันนั้นมันมาจนถึงวันนี้ได้ยังไงนะ แต่ช่างมันเถอะ สิ่งที่ผมควรนึกถึงในตอนนี้คือเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้านี่มากกว่า

   มันเข้ามาแล้ว

   ผมจิกไหล่คนบนร่างเพื่อข่มความเจ็บ กายแกร่งแทรกเข้ามาเรื่อยๆ ปิติลูบสะโพกผมเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย เจ้าตัวก้มลงมาจูบแล้วขยับเอวเข้าออกอย่างเนิบนาบ อื้มมมม....เสียวจัง ช่วงธรรมดาก็จะคุกรุ่นอยู่ประมาณนี้ แต่ถ้าช่วงไหนที่ติดสัดผมจะพลุ่งพล่านมาก มีความรู้สึกอยากกินเด็กนี่ตลอดเวลา เอาจริงๆ พวกอมนุษย์แบบผมมียาที่ใช้ระงับอาการช่วงติดสัดด้วย มันดีมากเลยนะเพราะบางครั้งที่มีงานต้องทำฉุกเฉิน มันจะช่วยได้มาก

   ติดสัดทีผมไม่อยากออกจากบ้านเลย

   “อ๊ะ....แรงอีกหน่อยปิติ”

   เจ้าตัวเร่งขยับเอวให้เร็วขึ้น แขนสอดไว้ใต้ขาพับผมเพื่อให้ขาอ้าออกมากกว่าเดิม “รัดแน่นจังเลยนะครับ”

   “อื้มมมม....คุณชอบไหมล่ะ....อะ”

   “ชอบทั้งหมดนั่นแหละครับ” ริมฝีปากบางหยอดคำหวานที่ข้างหู “คุณเชียรล่ะชอบไหม”

   “ไม่รู้สิ....อ๊างง....ปิติ”

   “เวลาแบบนี้ก็ควรปากตรงกับใจบ้างนะครับ” ร่างสูงกระแทกเข้ามาเน้นๆ ที่จุดกระสัน อื้อออ...อ....จุกจัง ดูจากทรงแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องปวดเอวมากแน่ๆ เลย ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะให้ปิติอุ้มผมไปทำงาน

   ผมจะข่วนมือเขาด้วย

   “อื้อออ....ปิติ....อ๊ะ....ตรงนั้น”

   มือเรียวเลื่อนมาจับส่วนกลางของผมขยับไปด้วย เอวก็กระแทกเข้าออกไม่หยุด “ตอดดีจังเลยนะครับ”

   “อย่าพูดนะปิติ....อ๊ะ....”

   “ซี๊ดดด....ผมจะพูดทั้งคืนเลย”

   “เหิมเกริมนะเจ้าทาส.....อ๊า....แรงอีก....อื้อออ....ไม่ไหวแล้ว”

   “งั้นพร้อมกันนะครับ” ปิติขยับเต็มแรงเมื่อใกล้ถึง “อืม....คุณเชียร”

   “อ๊ะ....ปิติ...อื้มมม....อ๊ะ....อ๊าาาาาาาาาาา”

   “ซี๊ดดดด.....ด....”

   ผมนอนหายใจแรงเมื่อถึงฝั่งฝัน คนบนร่างจูบประโลมผมไปทั่วทั้งหน้า ทาสรักผมขนาดนี้เลยนะ ควรดีใจใช่ไหมเนี่ยะ ผมผงกหัวขึ้นไปดูน้ำรักที่เลอะหน้าท้องตัวเองเต็มไปหมด เพราะไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มาสักพักล่ะมั้ง ก่อนหน้านี้มีแต่งาน ช่วงนี้ค่อยมีเวลาให้พักหน่อย ปิติเองก็รู้แหละว่างานผมน้อยกว่าตอนแรก เขาถึงได้อยากทำอะไรแบบนี้ ถ้าช่วงงานเยอะคงไม่ไหวหรอก แค่งานก็เหนื่อยตายแล้ว

   ไม่อยากทำงานจนตายทั้งๆ ที่อายุแค่นี้หรอกนะ

   ร่างสูงถอนกายออกก่อนจะจับผมให้นอนคว่ำ มือเรียวรั้งสะโพกผมให้ยกสูง ตอนนี้เขาคงกำลังเปลี่ยนถุงยางอยู่ ส่วนผมก็ทำได้แค่เอาหน้าซุกหมอนเพื่อเตรียมใจรับแรงกระแทกที่จะสวนเข้ามาในไม่ช้า ผมชอบท่านี้ มันลึกและทำให้รู้สึกดีมากๆ ยิ่งถ้าเขากัดที่หลังคอผมด้วยแล้วล่ะก็นะ แต่ปิติไม่ค่อยทำแบบนั้นสักเท่าไหร่เพราะมันจะทำให้มีรอยทิ้งเอาไว้ เรื่องแบบนี้นอกจากเราสองคนแล้วคงยังให้คนอื่นรู้ไม่ได้

   น่าอึดอัดเหมือนกันเนอะ

   “คุณเชียร” เขาจูบที่ไหล่ผมเบาๆ พลางแทรกกายร้อนเข้ามาด้านในอีกครั้ง “....ผมรักคุณนะครับ รักคุณมากๆ ”

   ตึกตัก

   ผมแพ้เด็กนี่ทุกทางเลยจริงๆ

   “ผมรู้แล้วปิติ....ผมรู้แล้ว”



***



---------- 50% ----------


   

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
----- ต่อจากบทที่ 1 -----


“ตารางงานวันนี้หมดแล้วนะครับคุณเชียร”

   ‘หมดก็หมดสิ’

   “แล้วเอกสารของบริษัท D ที่ผมส่งให้คุณวิชิตเมื่อเช้า เขาตอบกลับมาแล้วนะครับว่ามีจุดทีถูกแก้ไขตัวเลขจริงๆ ซึ่งมันแปลว่าทางนั้นเล่นไม่ซื่อกับเรา เขาคงคิดว่าเราไม่รู้ คุณเชียรจะให้ผมจัดการยังไงดีครับ”

   เมี้ยวววว เมี้ยวววว เมี้ยวววว

   “หึ....” ร่างสูงเดินมานั่งย่อตัวลงตรงหน้าก่อนจะลูบตัวผมเบาๆ “ผมฟังภาษาแมวไม่รู้เรื่องนะครับ แต่ถ้าคุณเชียรสบายใจที่จะอยู่ในร่างนี้ เราค่อยคุยเรื่องงานกันทีหลังก็ได้ครับ”

   ‘มันก็ต้องเป็นแบบนั้นนั่นแหละปิติ’

   ผมบิดขี้เกียจพลางใช้หน้าไถกับมือเรียวของเลขาฯ ตัวเอง ตอนนี้คุณเชียรกำลังนอนทอดน่องอย่างสบายใจเฉิบบนโต๊ะทำงาน คือกำลังอู้งานอยู่ครับ เอาจริงๆ ผมมีเอกสารหลายอย่างที่ต้องจัดการแต่ยังคงลีลาอยู่ ก็แหม อากาศช่วงบ่ายมันน่านอนนี่นา แอร์ในห้องทำงานผมก็เปิดซะเย็นเฉียบ บรรยากาศแบบนี้มันควรค่าแก่การหาอะไรนุ่มๆ ซุกแล้วหลับมากเลยนะ เมื่อคืนผมใช้แรงไปเยอะมากด้วย วันนี้ก็เลยป้อแป้พอตัว

   เกือบมาทำงานไม่ได้แล้วเมื่อเช้าอะ

   กว่าคนเอาแต่ใจจะปล่อยให้ผมนอนก็เกือบตี 3 แน่ะ เขาทำมันเหมือนอดยากปากแห้งเลย วัยรุ่นนี่พลังเยอะจริงๆ เลยอะ ตัวผมเองก็ไม่ได้แก่จนคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเกินไปหรอกแต่ร่างกายมันสู้คนที่หนุ่มกว่าไม่ได้จริงๆ หรือคุณเชียรควรออกกำลังกายให้มากกว่านี้ จะว่าไปผมไม่ได้ออกกำลังกายแบบจริงๆ จังๆ มานานเหมือนกันนะ เช้าตื่นมาทำงาน ตอนเย็นก็กลับไปนอน มีว่ายน้ำตอนวันหยุดบ้างแล้วแต่ปิติจะพาไป

   ว่ายในร่างแมวด้วยประเด็น

   ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อให้ปิติเกาคางให้ เขาทำมันอย่างรู้งาน ทุกครั้งที่ผมอยู่ในร่างแมว ทาสจะอ่อนโยนมาก ผมรู้ได้เลยว่าเจ้าตัวอยากทะนุถนอมผม เวลาเขาเป็นแบบนี้ทีไรผมรู้สึกคันเขี้ยวตลอดเลย ผมอยากจะงับมือเขาซ้ำๆ

   หมับบบบ

   “อื้ออออ....งับมือผมอีกแล้ว”

   แง่ม แง่ม

   “อร่อยเหรอครับ” ปิติมองแล้วอมยิ้ม “มือผมมันดีขนาดนั้นเลยรึไง”

   ‘ก็นิดหน่อย’

   “เริ่มเจ็บแล้วนะครับคุณเชียร คุณตั้งใจกัดผมแบบจริงจังเลยนะ”

   ‘เปล่าสักหน่อย.....แง้งงง’

   “พอแล้วครับ” มือเรียวดึงกลับไป ใบหน้าคมทำหน้ามุ่ยเหมือนจะดุผม “ไว้ผมจะเอาคืนตอนที่คุณเป็นมนุษย์”

   ‘แง้งงงงงงงงงงง’

   “เดี๋ยวเถอะ” เสียงเข้มเอ็ดผมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าตัวเองขึ้นมากดรับสาย “สวัสดีครับ....คุณยุพินมีอะไรรึเปล่าครับ คุณเชียรอยู่ครับ....ครับ....ไม่ทราบว่ากี่โมงครับ....ได้ครับ ผมจะเรียนเขาให้....ครับสวัสดีครับ”

   คุณยุพินคือเลขาฯ ของหม่าม้า

   เขาโทรมาทำไม

   “คุณยุพินบอกว่าคุณหญิงจะเข้ามาพบคุณเชียรตอนบ่าย 2 ครับ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ผมว่าคุณเชียรรีบแต่งตัวดีกว่าครับ”

   ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจอีกรอบก่อนจะกระโดดลงจากโต๊ะทำงานแล้วมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ แปลกๆ เหมือนกันนะ อยู่ๆ หม่าม้าก็อยากเจอผมขึ้นมาเฉยๆ แถมมาเองที่บริษัทเลยด้วย ปกติถ้าเขาอยากเจอผม เขาจะเรียกให้เข้าไปหาที่บ้านไง รู้สึกตะหงิดใจยังไงก็ไม่รู้ เอาน่ะ อาจจะคิดถึงผมมาก อยากเจอหน้าก็เลยแวะเข้ามาหา เหตุผลมันอาจจะแค่นั้น คุณเชียรอย่าเพิ่งคิดไปไกลเลยนะ

   ทำใจร่มๆ เอาไว้

   หลังจากที่กลายร่างกลับเป็นมนุษย์ผมก็หยิบเสื้อผ้ามาสวมก่อนจะเซ็ทผมเป็นทรงให้เรียบร้อย แล้วเสร็จก็เดินออกมานั่งที่โต๊ะทำงาน ปิติยืนรออยู่พร้อมกับเนกไทที่ผมไม่ได้หยิบเข้าไป ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะผูกมันให้ ผมมองใบหน้าคมอย่างพิจารณา เขาหล่อนะ ดวงตาและรอยยิ้มมีเสน่ห์แบบที่สาวใดเห็นก็น่าจะตกหลุมรักไปตามๆ กัน ไหนจะรูปร่างสูงโปร่งนี่อีก ซิกแพ็กก็แน่นมาก

   เรื่องนั้นผมรู้ดีกว่าใครเลยล่ะ

   “มองผมขนาดนั้น”

   “ทำไม”

   “เปล่าครับ” ปิติเลื่อนหน้าลงมาใกล้ “ตอนแรกว่าจะเก็บค่ามอง แต่คิดไปคิดมา....เมื่อคืนก็ได้มาเยอะอยู่”

   “นี่คุณ”

   “ทำอะไรกันอยู่หืม....” เสียงคุ้นหูดังเข้ามา หม่าม้าของผมมองมาทางพวกเราสองคนนิ่งๆ พอเป็นแบบนั้นผมเลยละจากร่างสูงก่อนจะเดินเข้าไปหา

   “ขนตาหลุดนะครับ ปิติเลยเอาออกให้ ว่าแต่หม่าม้ามาหาผม มีธุระด่วนอะไรรึเปล่า หรือว่าคิดถึงผมเหรอ” ผมว่าพร้อมกับยิ้มแฉ่ง

   “ธุระเรื่องดูตัวของแกกับลูกสาวของคุณจิรัช”

   ดูตัวงั้นเหรอ

   “เอ่อ ผมว่า....ผมยังไม่พร้อม”

   “แกจะ 30 อยู่แล้วนะเชียร ฉันอยากอุ้มหลาน” เขาบอกก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา “เอาจริงๆ มันจะเรียกว่าดูตัวก็ไม่ได้หรอก เพราะฉันไปสู่ขอเขาเอาไว้นานแล้ว นี่ก็จะคุยเรื่องงานแต่งงาน”

   “เดี๋ยวนะหม่าม้า หม่าม้าไปสู่ขอลูกสาวเขาโดยไม่ถามลูกชายสักคำเลยเหรอ แค่หน้าเขาผมยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ” ผมตอบกลับอย่างหัวเสีย อยู่ดีดีก็โดนคลุมถุงชนแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย

   คุณเชียรจะบ้าตาย

   “หนูเพียงอรน่ะสวยมาก ตระกูลเขาสืบเชื้อสายแมวพันธุ์สีขาว เป็นพันธุ์แท้ที่สง่างาม”

   “เรื่องสายพันธุ์มันไม่เกี่ยวหรอกหม่าม้า ที่สำคัญคือผมไม่ได้รักเขา หม่าม้าจะให้ผมแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเนี่ยนะ ผมทำไม่ได้หรอก”

   “อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็รักกันเองนั่นแหละ”

   “แต่ว่า....”

   “อย่าขัดใจฉัน” หม่าม้าเอ่ยเสียงแข็ง “วันมะรืน ฉันนัดคุณจิรัชเอาไว้แล้ว เธอจัดการตารางงานของเจ้านายเธอด้วยนะปิติ”

   “ครับคุณหญิง” หลังจากที่ปิติรับคำ คนพูดก็เดินออกไปทันที เหลือแค่ผมที่ยังสับสนมึนงงกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของตัวเอง ต้องแต่งงานกับใครไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก

   นี่มันบ้าเกินไปแล้ว

   ผมทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผมเคยคิดเรื่องนี้เอาไว้นะ คิดไว้ว่าถ้าเจอคนที่ตัวเองรักมากๆ อยากอยู่กับเขาไปตลอดทั้งชีวิตเมื่อไหร่ผมถึงจะแต่งงาน ตอนนี้เหมือนผมจะเจอคนๆ นั้นแล้วแต่เรื่องของเราดูเป็นไปไม่ได้เลย แล้วยิ่งผมโดนจับคลุมถุงชนแบบนี้อีก ไม่รู้ว่าทำไมในหัวมันถึงโล่งไปหมด คิดอะไรไม่ออกเลย ผมรู้ว่าหม่าม้าเป็นคนยังไง เขาเอาแต่ใจจนไม่มีใครขัดได้ด้วยซ้ำ

   ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี

   ความจริงผมมีน้องชายอีกสามคน น้องคนรองมีแฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมฯ ซึ่งมันก็หลายปีแล้วนะ น้องผมอายุเท่ากับปิติ ทำไมหม่าม้าไม่ให้น้องผมแต่งงานไปก่อนล่ะ ไม่ใช่ว่าเจ้าชินไม่อยากแต่งซะหน่อย เคยลองคุยเรื่องแต่งงานด้วยซ้ำแต่หม่าม้าไม่เห็นด้วย บอกว่ายังเด็กเกินไป ไม่เหมาะที่จะรีบสร้างครอบครัว เอาจริงๆ ผมรู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบแฟนเจ้าชินสักเท่าไหร่เพราะเธอเป็นมนุษย์

   หม่าม้าห่วงเรื่องสายพันธุ์เป็นที่สุด

   “ผมเครียดมากเลยปิติ”

   “ผม....ก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” ร่างสูงมองผมนิ่งๆ สีหน้าหม่นหมองแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เขาคงรู้สึกแย่ไม่น้อยที่หม่าม้าบังคับให้ผมแต่งงาน

   “ไม่อยากแต่งเลย”

   “มันยากที่จะขัดคำสั่งของคุณหญิงนะครับ”

   “ใช่มันยาก แต่ถ้าผมยอมให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น ชีวิตผมหลังจากนี้มันจะยากไปหมด” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกเดินไปมองวิวตึกสูงรอบๆ ด้าน “แค่คิดว่าจะได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ผมก็รู้สึกแย่”

   “....”

   “อีกอย่างที่มันจะแย่ที่สุด....ก็คือเรื่องของเรา ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันคงต้องจบลง”

   “....”

   “ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลยปิติ”

   ทั้งๆ ที่ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไปแท้ๆ

   ผมสัมผัสได้ถึงแรงกอดจากด้านหลัง ร่างสูงกำลังสั่น มือเขาเย็นไปหมด คงหวั่นใจเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นสินะ ปิติคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ เมื่อคืนเราทำเรื่องแบบนั้นกันและเขาเพิ่งบอกว่ารักผมอยู่เลย วันนี้คนที่เขารักถูกบังคับให้แต่งงาน ใจผมกำลังเจ็บปวดเอามากๆ และใครอีกคนก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ไม่คิดเลยว่าความสุขเมื่อคืนจะจางหายไปได้ไวถึงขนาดนี้

   เศร้าจัง

   “ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงนะปิติแต่ว่า....มันต้องไม่จบแบบนี้”

   





   

   TBC.

   สวัสดีค่ะ เอาเรื่องสั้นมาให้้อ่านค่ะ ตอนแรกน้องจะได้ออกกับสนพ.แต่ว่าไม่ได้ออกแล้ว ความจริงชาลกะจะขายเป็น E-Book ด้วย แต่ว่าคิดไปคิดมา ลงให้บี๋อ่านฟรีไปดีกว่า

   คือชาลเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว หวังว่าบี๋จะได้อ่านเร็วกว่านี้แต่ว่ามันไม่เป็นไปตามหวัง สำหรับคนที่รอต้องขอโทษด้วยนะ

   จบวันนี้แหละค่ะ เดี๋ยวทยอยลงให้ครบ 4 บท ถึง 3 ทุ่มน่าจะจบแล้ว55555 ไม่มีการปล่อยค้างคาใดใดทั้งนั้น

   ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fictionn Yaoi Th นะค้าบ

   #พี่แมวนะหนู

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 2



   “คุณว่าถ้าผมดื้อมากๆ แล้วก็เบี้ยวนัดหม่าม้า มันจะเป็นยังไง”

   “คุณเชียรน่าจะโดนหนักอยู่พอตัว”

   “แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นก็ต้องยอมเขาน่ะสิ”

   “ทางเลือกมีไม่เยอะเลยนะครับ”

   “หรือผมจะหนีไปดีนะ”

   “ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ อย่าลืมสิว่าคุณเชียรเป็น CEO ของบริษัทนะ มีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่”

   “ก็จริงของคุณ” ผมเงยหน้ามองคนที่เช็ดผมให้ “ผมควรทำยังไงดีล่ะปิติ”

   ทำยังไงให้เราได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม

   ผมนั่งคิดถึงเรื่องแต่งงานที่จะต้องไปคุยวันมะรืน ขอบอกเลยว่าปวดประสาทมาก กับเรื่องงานยังไม่ชวนปวดหัวมากเท่าเรื่องนี้เลย ตอนนี้เกือบทุ่มนึงแล้ว ความจริงเวลาแบบนี้ผมต้องคึกคักอยู่ในร่างแมวแล้ว แต่วันนี้มันห่อเหี่ยวมากเลยอะ กินปลาไปได้แค่ครึ่งชิ้นด้วย นี่ถ้าสมมุติว่าต้องแต่งงานจริงๆ ผมกินได้แค่เศษปลาแน่ๆ

   คุณเชียรจะกลายเป็นแมวที่ผอมโซ

   ว่าที่เจ้าสาวของผมเธอจะเป็นคนยังไงนะ หม่าม้าบอกว่าเป็นลูกของคุณจิรัช ผมคุ้นชื่อเขาแต่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร ตระกูลเขาเป็นแมวสีขาวซึ่งในปัจจุบันเหลือที่เป็นสายพันธุ์แท้อยู่ไม่กี่ตระกูล ผมไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ นี่มันยุคสมัยไหนแล้วก็ไม่รู้ เอาจริงๆ ในสังคมก็ไม่ได้แบ่งชนชั้นของมนุษย์กับอมนุษย์นะ มันเป็นแค่บางกลุ่มเท่านั้นที่มีความคิดแบบนี้ ในสมัยก่อน เหล่าอมนุษย์จะอยู่ในชนชั้นที่เหนือกว่าด้วยเหตุผลหลายอย่าง

   พละกำลังมากกว่า

   สติปัญญาที่เฉียบแหลมมากกว่า....และอื่นๆ

   แต่อย่างที่บอก นี่มันยุคไหนแล้ว สังคมสมัยนี้มันควรเท่าเทียมกันแล้ว หม่าม้าของผมเรียกได้ว่าเป็นพวกคลั่งสายพันธุ์ เขาไม่มีทางยอมรับมนุษย์เข้ามาสืบสกุลและยิ่งผมที่มีความสัมพันธ์แบบนี้กับมนุษย์ที่เป็นผู้ชายอีก ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับมันได้แน่นอน หนทางข้างหน้ามันช่างยากลำบากเหลือเกิน ผมควรจะทำยังไงดีนะ

   คิดไม่ออกเลยจริงๆ

   “เรามีเวลาให้คิดอีก 2 วันนะครับ”

   “คุณทำเหมือน 2 วันมันนานมากเลยนะ”

   “มันยังดีกว่าไม่มีเวลาเลยนะครับ” เจ้าตัวเดินเอาผ้าขนหนูไปตากก่อนจะกลับมาหาผม “ผมว่ามันน่าจะมีทางออกที่ดีสักทาง”

   “ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้น” ผมรั้งเอวคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้ามากอดไว้ก่อนจะซุกหน้าลงกับท้องเขา สัมผัสได้ถึงแรงลูบเบาๆ ที่หัวด้วย ชอบที่ได้ทำแบบนี้แต่ไม่ชอบที่ต้องมารู้สึกแบบนี้เลย

   “ผมขอออกไปทำธุระสักพักนะครับ เดี๋ยวจะกลับมานอนด้วย”

   “รีบมานะ ผมจะรอ”

   เขาก้มลงมาจุ๊บหัวผมเบาๆ “ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะครับ”

   “แปลว่าจะไปนาน”

   “ไม่นานหรอกครับ แต่บอกไว้เผื่อคุณเชียรง่วง”

   “ไม่ง่วงหรอก คุณรีบไปรีบมาละกัน”

   “งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ” เขาเอ่ยก่อนจะละออกไป

   ผมมองร่างสูงที่หยิบกุญแจรถของตัวเองแล้วเดินออกไปจากห้อง ความจริงอยากถามเขาเหมือนกันนะว่าธุระนั่นคืออะไร แต่เจ้าตัวจั่วหัวมาก่อนว่ามันคือธุระ เขาคงไม่อยากให้ผมรู้เท่าไหร่หรอก ช่างมันเถอะ คนเราต้องมีเรื่องส่วนตัวที่บอกใครไม่ได้กันทั้งนั้น มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็ได้ อีกอย่างตอนนี้เรามีเรื่องที่ใหญ่มากที่ต้องหาทางจัดการกับมัน แต่จะทำยังไงนี่สิ

   ปวดหัวจัง

   เลิกคิดสักพักน่าจะดีกว่า....

   

   [บันทึกพิเศษ : ปิติ]

   

   ในชีวิตของผม....มีวันที่รู้สึกแย่อยู่ไม่กี่วันหรอกครับ

   แต่วันนี้กลับเป็นหนึ่งในนั้น

   ผมนั่งมองรถติดด้านนอกพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย วันนี้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับชีวิตของผมด้วย คนที่ผมรัก....เจ้านายของผม เขาถูกบังคับให้แต่งงาน มันน่าตกใจไม่น้อยเลยล่ะ เมื่อคืนเรายังอยู่ด้วยกันและทำเรื่องแบบนั้นอยู่เลย มาวันนี้กลับมีเรื่องซะได้ ผมไม่คิดว่าคุณหญิงจะบังคับคุณเชียรและทำอะไรปุบปับถึงขนาดนี้ เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็ใจไม่ดีเท่าไหร่เพราะเขาเรียกผมออกมาเพื่อคุยธุระ

   มันต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณเชียรแน่ๆ

   เดิมทีผมเคยอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ครอบครัวของคุณเชียรรับผมมาเลี้ยง ให้ผมคอยเป็นผู้ดูแล เป็นเพื่อนและเป็นลูกน้องของลูกชายเขา ผมชอบคุณเชียรมาก ถึงแม้ว่าแววตาที่มองมานั้นดูหยิ่งสโยก็ตาม เอาจริงๆ มันก็เหมาะอยู่เพราะเขาเป็นแมว แมวดำที่ชอบขู่และชอบข่วนผมทุกครั้งที่เผลอ เขาอายุมากกว่าผม 4 ปี แต่นิสัยกลับเด็กกว่าผมมาก ทุกอย่างที่เขาเป็นมันคือสิ่งที่ทำให้ผมหลงรัก

   ผมเป็นทาสของเขา

   ไม่เคยมีใครที่ได้อยู่ในสายตาของผม ไม่มีใครที่ทำให้ผมใจเต้นแรงได้นอกจากเขา สำหรับผมแล้วคุณเชียรคือทุกสิ่ง ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของเรามันเกิดขึ้นตอนที่ผมอายุ 18 มันน่าเหลือเชื่อที่ผมได้มีโอกาสทำเรื่องแบบนั้นกับเขาเป็นครั้งแรก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ผมต้องเก็บเป็นความลับ นั่นก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงของคุณเชียร อีกอย่างคือถ้าครอบครัวของเขารู้มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่

   ความจริงผมหวั่นใจกับเรื่องนี้มาตลอด

   ไม่แน่ว่าครอบครัวคุณเชียรอาจจะรู้เรื่องของเราแล้ว ทางคุณท่านน่ะไม่น่ากลัวเท่าไหร่ครับ เขาใจดีและมีเหตุผล แต่ฝั่งคุณหญิงนี่สิ เธอรับไม่ได้แน่นอนกับเรื่องนี้ เหตุผลสำคัญที่มากกว่าเพราะผมเป็นผู้ชายก็คือการที่ผมเป็นมนุษย์ คุณหญิงยึดติดกับสายพันธุ์มาก ผมยังจำตอนที่คุณท่านคิดจะรับเลี้ยงผมได้เลย ตอนนั้นคุณหญิงไม่เห็นด้วยแต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่คุณท่านเมตตา ดื้อดึงไม่ยอมฟังคำของคุณหญิง

   ผมน่ะโดนเขม่นตั้งแต่เด็กเลย

   รู้อยู่แก่ใจมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับว่าคุณหญิงต้องไม่ชอบขี้หน้าผมแน่ๆ แต่ผมก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับที่ทำต่อทุกคนเพราะยังไงซะ เธอก็คือผู้มีพระคุณอยู่ดี ถ้าไม่ได้ครอบครัวนี้ชุบเลี้ยงเอาไว้ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง อาจจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีแบบในตอนนี้ก็ได้ ที่สำคัญคือผมคงไม่ได้อยู่ใกล้คนที่ผมรัก

   การมีคุณเชียรอยู่ด้วยในแต่ละวันมันดีมากเลยนะครับ

   หลังจากที่ใช้เวลาในการเดินทางมาสักพัก ผมก็เลี้ยวรถเข้ามาในบ้านใหญ่ของตระกูลวิโรจนานันท์ บ้านที่ผมเคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก ผมจำทุกซอกทุกมุมของบ้านนี้ได้ดี และจำได้ด้วยว่าถ้าเล่นซ่อนแอบกัน คุณเชียรจะไปหลบอยู่ที่ไหน

   วันวานอันแสนสุขจริงๆ เลยแฮะ

   ผมเดินเข้ามาในบ้านก็พบกับคุณยุพินที่ยืนรออยู่ เธอเดินนำผมไปหาคุณหญิงที่ห้องทำงาน ผมยกมือไหว้ร่างบางที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาสวยมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าพลางยิ้มเหยียดออกมา ผมชินกับมันซะแล้วเพราะเธอมักมองแบบนี้เสมอ ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะอายุเข้าเลข 5 ไปแล้วแต่ความสวยก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นอมนุษย์ล่ะมั้ง อย่างคุณเชียรเองก็ไม่ได้ดูเปลี่ยนไปเลย

   หน้าเหมือนกับเด็กมัธยมฯ

   “คุณหญิงเรียกผมเข้าพบ มีธุระอะไรเหรอครับ”

   มือบางส่งเอกสารมาตรงหน้าผม “ดูสิ”

   “ครับ” ผมหยิบมันมาก่อนจะเปิดดูด้านใน มันเป็นรูปผู้หญิงที่สวยมากคนนึง ตามประวัติข้อมูล ชื่อของเธอคือ เพียงอร โชตอัศวะพันธุ์ เป็นลูกสาวของคุณจิรัช

   ว่าที่เจ้าสาวของคุณเชียร

   “เธอคิดว่ายังไงล่ะปิติ”

   “คุณเพียงอรเป็นคนสวยและสง่างาม เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างไม่ว่าจะชาติตระกูลหรือการศึกษา”

   “และสายพันธุ์” คุณหญิงยกยิ้มมองผม “พอรู้เหตุผลแล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงเลือกผู้หญิงคนนี้”

   “....ครับ”

   “แล้วเธอก็รู้ใช่ไหมว่าเรื่องของเธอกับลูกชายฉันมันไม่มีทางเป็นไปได้”

   การที่เธอพูดออกมาแบบนี้คงแปลว่า....เธอรู้เรื่องของผมกับคุณเชียรแน่นอน

   ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

   “....”

   “ฉันไม่อยากพูดอะไรมากนะ แต่มีสิ่งนึงที่ฉันต้องการ”

   “อะไรครับ”

   “ฉันอยากให้เธอสนับสนุนเชียรให้แต่งงานกับหนูเพียงอร”

   “แต่ว่า....”

   “ตัวเลือกของเธอมีไม่เยอะหรอกนะปิติ ความจริงฉันเองก็ไม่ได้ยินดีนักหรอกที่ลูกชายไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกน้องของตัวเอง” คุณหญิงเอ่ยเสียงเรียบพลางมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ “ความจริงเธอควรจะเจียมตัวให้มากเข้าไว้นะปิติ เธอก็รู้ตัวเองดีว่าเธอเป็นใครและเชียรเป็นใคร เธอน่าจะสำนึกถึงบุญคุณของครอบครัวเรานะ ถ้าวันนั้นสามีของฉันไม่รับเธอมาเลี้ยง ชีวิตเธอคงไม่ดีขึ้นขนาดนี้หรอก....จริงไหม”

   ผมพยักหน้ารับคำในสิ่งที่เธอพูด “จริงตามที่คุณหญิงพูดทุกอย่างครับ”

   “งั้นก็ดี....ถ้าเธอสำนึกบุญคุณของครอบครัวเรา ก็สนับสนุนให้เชียรแต่งงานซะ ปล่อยให้เขาได้มีครอบครัวที่ดี มีหลานให้กับฉัน แล้วอีกเรื่อง....”

   “.....”

   “ความสัมพันธ์ของพวกเธอมันควรหยุดได้แล้วนะ.....ถ้าเชียรแต่งงานแล้วความสัมพันธ์นี้ยังอยู่ มันคงแย่มาก เธอเองก็คงไม่อยากโดนตราหน้าว่าแย่งสามีใครหรอกนะปิติ หวังว่าจะเข้าใจที่ฉันพูด”

   ต่อให้ไม่เข้าใจ....ก็ต้องยอมเข้าใจอยู่ดี

   “....ครับ”

   

***

   

   “สีหน้าเธอดูแย่มากนะปิติ”

   “ความรู้สึกก็แย่เหมือนกันครับ”

   “ก็รู้สึกได้ตอนที่ติดต่อมาแหละนะ แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้”

   “ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้เหมือนกัน”

   เจ็บปวดหัวใจจัง

   ผมมองน้ำสีอำพันที่อยู่ในแก้วพลางคิดถึงเรื่องที่คุณหญิงพูด น่าน้อยใจนักที่เกิดมาเป็นผู้ชาย เป็นมนุษย์ แถมยังเป็นเด็กกำพร้าไม่มีหัวนอนปลายเท้า ผมไม่มีอะไรเหมาะสมกับคุณเชียรเลยสักอย่างแบบที่เขาว่า เสียใจนะครับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมต้องปั้นหน้ายังไงให้ดูเหมือนว่าตัวเองโอเค ไหนจะต้องสนับสนุนให้คุณเชียรแต่งงานอีก ถ้าสมมุติว่าผมต้องทำแบบนั้นจริงๆ ความเสียใจมันคงเกิดขึ้นกับเราทั้งสองฝ่าย

   เจ้านายอาจจะเกลียดผมก็ได้

   ความสัมพันธ์ของเรา แน่นอนว่าผมไม่อยากให้มันจบลงแต่ดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมให้เป็นไปตามที่คุณหญิงต้องการ เธอบอกกับผมว่าให้เอาร้านชุดแต่งงานให้คุณเชียรเลือก และก็พยายามเล่าเรื่องคุณเพียงอรให้เขาฟัง ทำให้เขารู้สึกว่าเธอคู่ควรกับเขามากกว่าคนอย่างผม แค่คิดว่าต้องทำทั้งหมดนี้ ใจผมก็หม่นหมองไปหมด อยากให้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นแค่ฝันร้ายจริงๆ

   “เกิดอะไรขึ้นหืมปิติ”

   “คุณทิวาทราบเรื่องที่คุณหญิงจะให้คุณเชียรแต่งงานไหมครับ”

   “ฉันเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อวาน พร้อมกับคุณท่านเลยล่ะ” ร่างโปร่งหลุดหัวเราะออกมา “ยอมรับว่าช็อกมากเลยนะ คุณท่านเองก็ด้วย เรื่องแต่งงานนี้ คุณหญิงไม่ปรึกษาคุณท่านสักคำเลย”

   “แล้วคุณท่านว่ายังไงบ้างครับ”

   “ยังเงียบอยู่นะ คงเพราะตอนนี้กำลังติดงานเจรจาธุรกิจ แต่คิดว่าถ้าจัดการงานเสร็จ เขาคงจะทำอะไรสักอย่างล่ะมั้ง”

   “คุณทิวาน่าจะรู้ใช่ไหมครับว่าผมรักคุณเชียรมาก มากกว่าที่เขาเป็นเจ้านาย”

   “รู้สิ ฉันเลี้ยงเธอมากับมือเลยนะปิติ ฉันจะมองไม่ออกได้ยังไงว่าเธอรู้สึกแบบไหนกับคุณเชียร เอาจริงๆ ฉันก็คิดว่าคุณเชียรเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอหรอกนะ”

   “เรื่องนั้นผมพอรู้ครับ” ผมเหลือบมองเขา “คุณหญิงเขารู้เรื่องของเรา เขาบอกกับผมว่าให้หยุดความสัมพันธ์นี้ และสนับสนุนให้คุณเชียรแต่งงาน”

   “เป็นอะไรที่ดูใจร้ายมากเลยนะ แต่คุณหญิงก็ใจร้ายแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ” สีหน้าของคนพูดเศร้าขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยแบบนั้น

   คุณทิวาเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณท่านครับ เป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนผมมาตั้งแต่ยังเด็ก ตอนที่เห็นเขาครั้งแรกผมคิดว่าเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำไปแต่ที่ไหนได้ เขาเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าสวยเอามากๆ ผิวขาวเนียน แถมตอนนั้นยังไว้ผมยาวประบ่าด้วย คุณทิวาเป็นมนุษย์เหมือนกับผม เป็นคนที่ทำงานเก่งและคงเป็นได้ทุกอย่างในชีวิตของคุณท่าน ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยเห็นเขาห่างจากข้างกายของคุณท่านเลย็

   เขาอาจจะเป็นเหมือนผมกับคุณเชียรก็ได้

   “คุณทิวาครับ ถ้าผมขอถามอะไรที่สงสัยมาตลอด จะได้ไหมครับ”

   “เรื่องอะไร”

   “เรื่องของคุณทิวากับคุณท่าน”

   เจ้าตัวยกยิ้มพลางมองผม “เธอคิดว่ายังไงล่ะ”

   “ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนมันอาจจะ....ลึกซึ้ง”

   “ก็ใช่แบบที่เธอคิด แต่ทุกอย่างมันก็จบลงตอนที่คุณท่านแต่งงาน” เขายกเหล้าขึ้นดื่ม “ทำใจยากมากเลยล่ะเพราะฉันรักเขามาก แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างที่ต้องยอม เขาแต่งงานเพราะเรื่องของธุรกิจและสายพันธุ์ อีกอย่างคือตัวคุณหญิงเอง เธอก็ไม่ได้ใจดีที่จะยอมปล่อยให้สามีมีคนอื่น ฉันเคยเกือบโดนไล่ออกตั้งหลายครั้ง เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าตอนนั้นเรื่องของฉันกับคุณท่านจะจบลงไปแล้วก็ตาม”

   “คุณคงเจ็บปวดมากเลยสินะครับ”

   “เจ็บสิ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้จริงไหม ทุกวันนี้ความรู้สึกของฉันมันก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่างถึงแม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้วก็ตาม”

   “ผมก็ต้องอดทนเหมือนกับที่คุณทิวาเป็นใช่ไหมครับ”

   “มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นนั่นแหละ” มือเรียวยกขึ้นแตะที่ไหล่ผม “ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราไปหมดทุกอย่างหรอกปิติ ถึงไม่อยากยอมรับแต่มันเป็นความจริงนะ เรื่องที่ว่า....บางสิ่งไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเรา ถึงแม้ว่าเราจะรักหรือต้องการมันมากแค่ไหนก็ตาม”

   “นั่นสินะครับ”

   บางสิ่งไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเราจริงๆ

   ถึงจะอยู่ในฐานะของคนรักไม่ได้แต่ผมก็ต้องดูแลคุณเชียรในฐานะที่เขาเป็นเจ้านายให้ดีที่สุด มันอาจจะยากสำหรับเรื่องตัดใจแต่ยังไงผมก็ต้องทำอยู่ดี ความรักที่ไม่สามารถครอบครองได้ จริงอยู่ว่ามันทรมานมากและหลังจากนี้ผมจะได้แต่เฝ้ามองมัน สักวันนึงข้างหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จะเหลือแค่การเป็นเจ้านายและทาสเท่านั้น ส่วนความรู้สึกอื่นๆ ผมก็จะเก็บมันไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เหมือนกับที่คุณทิวากับทำคุณท่าน

   ทุกอย่างมันคงดีขึ้น....ตามกาลเวลา

   

***

   

---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------- ต่อจากบท 2 ----------


เที่ยงคืนครึ่งแล้วเหรอเนี่ยะ

   ป่านนี้เจ้านายของผมน่าจะหลับไปแล้ว

   ผมเดินเข้ามาในคอนโดฯ ของคุณเชียร หลังจากที่ไปดื่มย้อมใจกับคุณทิวา พรุ่งนี้ผมจะกลายเป็นปิติที่ตัดความรู้สึกลึกซึ้งที่มีต่อเจ้านายออกจากหัวใจ คืนนี้คงเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ได้นอนกอดเขา ข้าวของต่างๆ ก็คงต้องเอาออกไป ห้องนี้ไม่ควรมีของใช้ของผมอยู่ คิดแบบนั้นก็เศร้าเหมือนกันนะ แต่เศร้าไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

   ทำได้แค่....ทำใจ

   เดินเข้ามายังกลางห้องก็พบกับร่างโปร่งที่นอนซุกอยู่กับหมอนที่โซฟา ในมือเขามีเสื้อเชิ้ตของผมติดอยู่ด้วย แอบไปเอามากอดอีกแล้วงั้นเหรอ ผมเกลี่ยแก้มใสของคนที่หลับอยู่ตรงหน้า หลังจากนี้จะสัมผัสไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าในวันที่เขาจะเป็นของคนอื่น ผมจะมองและฝืนยิ้มได้มากแค่ไหน จะแสดงความยินดีด้วยสีหน้ายังไง

   นึกไม่ออกเลยจริงๆ

   “....กลิ่นเหล้า” คนที่หลับอยู่ลืมตามองผม “ดื่มมาเหรอ”

   “นิดหน่อยนะครับ”

   “แปลก ร้อยวันพันปีไม่เห็นดื่ม”

   “ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ ว่าแต่คุณเชียรเถอะ เอาเสื้อผมมากอดอีกแล้วนะ”

   เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยใส่ “ก็คุณไม่อยู่ตรงนี้หนิ บอกจะรีบกลับ ก็กลับซะดึกเลย”

   “ขอโทษนะครับ” ผมรั้งเขามากอดเอาไว้ “ผม....ขอโทษ”

   “ปิติ....เป็นอะไรรึเปล่า”

   “เปล่าหรอกครับ” ผมละออกมาพลางยิ้มหวานให้เขา “เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อน แล้วเรานอนกันนะครับ”

   “อื้ม....” พอคุณเชียรละคำ ผมก็ผละออกจากเขาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

   ใจผมอยากจะกอดเขาแน่นๆ กอดเขาให้นานมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ มันอาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิตของผมแล้ว พอคิดได้แบบนั้นผมจึงรีบอาบน้ำเพื่อที่จะได้ออกมาหาคุณเชียรให้ไวที่สุด ตอนนี้เจ้านายคงรอผมอยู่บนเตียงแล้วล่ะ หลังจากที่ใช้เวลาในห้องน้ำเสร็จ ผมก็แต่งตัวแล้วเดินไปหาคุณเชียรที่ห้องนอน ร่างโปร่งนั่งมองอยู่ปลายเตียง ผมเดินเข้าไปหาก่อนจะก้มลงจุ๊บขมับเขา

   ผมรักคุณนะครับเจ้านาย

   “ทำไมวันนี้แปลกๆ ”

   “แปลกยังไงครับ”

   “ทำตัวแปลก” เจ้าตัวต้องผมอย่างจับผิด “มีมาจุ๊บหัวด้วย”

   “ก็คุณเชียรทำหน้าเหมือนอยากโดนจุ๊บ”

   “ผมเปล่านะ” เขาบอกก่อนจะมุดผ้าห่มเพื่อหนีผม “คุณทำของคุณเองทั้งหมดเลย”

   “ครับ ผมทำเองนั่นแหละ” ผมนอนลงข้างๆ เขาพลางรั้งเจ้านายเข้ามากอดเอาไว้ “ผม....มีความสุขนะครับที่ได้กอดคุณเชียรแบบนี้”

   “ผมก็รู้สึกแบบคุณแต่ว่านะ....ผมไม่รู้เลยว่าความสุขนี้มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน”

   “นั่นสินะครับ”

   “ปิติ” มือเรียวกุมแก้มผมเอาไว้ “....ไม่เป็นไรนะ”

   ผมยิ้มบางๆ ให้เขา “ผมไม่เป็นไรครับ” ว่าแล้วผมก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

   ขอแค่มีคุณเชียรอยู่ตรงนี้....ผมไม่เป็นไรหรอก

   “ฝันหวานนะทาส”

   “....ฝันหวานครับเจ้านาย”

   

   [จบบันทึกพิเศษ : ปิติ]

   

   อื้ออออ....

   แดดแยงตาคุณเชียร

   “....ปิดม่านทีปิติ” ผมควานหาคนที่นอนอยู่ข้างๆ แต่ก็พบว่ามันว่างเปล่า “ปิติ”

   ผมลุกมาตั้งสติก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนอนของตัวเอง ไร้วี่แววของร่างสูง ไปไหนของเขานะ มองนาฬิกาที่แขวนบนผนังก็พบว่ามันเกือบ 8 โมงแล้ว ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวในการเตรียมตัวไปทำงาน ปกติแล้วทาสต้องปลุกผมตั้งแต่ 7 โมง นี่นับว่าแปลกมากที่เขาปล่อยให้ผมนอนจนเลยเวลามาแบบนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปไหนด้วยเนี่ยะ

   ว่าแต่กลิ่นหอมนี่มันอะไร

   ผมเดินตามกลิ่นหอมออกมาจนถึงห้องครัวก็พบกับใครบางคนที่ยืนทำอาหารอยู่โดยใส่สูทเต็มยศ ปกติแล้วเขาจะทำอาหารก่อนแต่งตัวไปทำงานหนิ เห็นแบบนี้แล้วแปลกๆ เหมือนกันแฮะ ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะกอดร่างสูงจากด้านหลังแล้วเอาคางเกยไว้ที่ไหล่เขา ปิติจับมือผมออกพร้อมกับหันมาประจันหน้าทันที

   สายตาดูแปลกกว่าทุกที

   “ตื่นแล้วเหรอครับ”

   “อืม....” ผมพยักหน้ารับ “ทำไมไม่ปลุกผมล่ะ”

   “ผมเห็นว่าคุณเชียรหลับสบายเลยไม่อยากปลุก อีกอย่างคือวันนี้เรามีธุระต้องไปทำกัน ผมเคลียร์ตารางงานให้แล้วนะครับ”

   “ธุระงั้นเหรอ”

   “ใช่ครับ อาหารจะเสร็จแล้ว คุณเชียรนั่งรอที่โต๊ะได้เลยนะครับ” เขาบอกก่อนจะหันกลับไปทำอาหารต่อ ผมก็เดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว มีแฟ้มอะไรไม่รู้วางอยู่หลายอัน พอหยิบมาเปิดดูก็พบว่าเป็นร้านชุดแต่งงาน

   หมายความว่ายังไงกัน

   ผมมองแฟ้มพวกนี้สลับกับปิติที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว เพราะแบบนี้รึเปล่าเมื่อคืนเขาถึงได้ดื่มก่อนกลับมาที่นี่ ทำตัวแปลกๆ พูดจาแปลกๆ ก็น่าจะเพราะเรื่องนี้ การที่เขาเอาแฟ้มร้านชุดแต่งงานมาวางให้ผมเห็นมันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาอยากให้ผมเลือก ธุระของเขาเมื่อวานมันคงเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของผมแน่ๆ ตอนนี้ถ้าถามไปเจ้าตัวก็คงไม่บอก ดีไม่ดีเรื่องนี้เกี่ยวกับหม่าม้าด้วย มันต้องใช่แน่ๆ ไม่งั้นทาสของผมไม่เป็นแบบนี้หรอก

   น่าหงุดหงิดใจชะมัด

   ความจริงผมอยากจะอาละวาดขว้างปาข้าวของและก็กลายเป็นแมวไปข่วนขาปิติให้เลือดซิบแต่....ทำแบบนั้นไปก็ไร้ประโยชน์ ผมโตมากพอที่จะเข้าใจทุกอย่าง เด็กนั่นคงไม่ได้เต็มใจที่อยากทำแบบนี้หรอก แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เขาคงต้องยอม ให้ผมรู้ให้แน่ก่อนเถอะว่าอะไรมันเป็นยังไง ตอนนี้จะยอมใจเย็นเล่นไปตามเกมก่อนก็ได้ ถ้าหม่าม้าอยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ผมก็จะแกล้งๆ ยอมไปก่อน

   เรื่องนี้ต้องถึงหูปะป๊าแน่

   คิดว่าคนอย่างคุณเชียรจะยอมเหรอ

   “อาหารเสร็จแล้วครับ” ปิติถือชามปลานึ่งมาวางไว้ตรงหน้าผมก่อนที่เขาจะยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมนั่งลงที่เก้าอี้เหมือนอย่างทุกที โอเค สวมบทบาทเป็นลูกน้องแบบสมบูรณ์แบบไปแล้ว

   “ธุระที่คุณบอกผมคือการไปดูชุดแต่งงานสินะ”

   “....ใช่ครับ”

   “งั้นเอาร้านวันวิวาร์ สัก 10 โมง” พอผมบอกแบบนั้น สายตาที่เขามองมาก็หม่นไปในทันที จี๊ดในใจที่ผมยอมเลือกแต่โดยดีน่ะสิ

   เขานี่มันน่าทุบชะมัด

   “ได้ครับคุณเชียร”

   “รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนนะที่ยังไม่ได้เจอเจ้าสาวแต่ดันไปดูชุดแต่งงานก่อนน่ะ” ผมเท้าคางมองเขา “คุณคิดว่าเจ้าสาวของผมเป็นคนยังไง”

   “ในแฟ้มสีขาวเป็นประวัติคร่าวๆ และมีรูปถ่ายของคุณเพียงอรครับ เธอเป็นคนสวย เพียบพร้อมทั้งชาติตระกูและการศึกษา เหมาะสมกับคุณเชียรทุกอย่าง”

   “คุณคิดแบบนั้นใช่ไหม”

   “ครับ”

   “ผมจะติดต่อคุณเพียงอรได้วิธีไหนบ้าง ผมคิดว่าคงดีกว่าถ้าเราได้ไปดูชุดแต่งงานด้วยกัน”

   “ผมจะจัดการให้ครับ”

   “งั้นฝากด้วยล่ะ” พอสิ้นคำสั่งผม ร่างสูงก็เดินเข้าห้องทำงานไปทันที เจ็บปวดหัวใจน่าดูเลยสิถึงทำหน้าแบบนั้นออกมา

   ผมก็รู้สึกไม่ต่างกันไหมล่ะ

   ความรู้สึกของปิติน่าจะแย่พอสมควร แต่ในเมื่อเขาอยากให้ทุกอย่างแบบนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ไหมล่ะ ต่อให้ผมดึงดัน ไม่ยอมโน่นนี่นั่น เขาก็ทำให้ผมยอมอยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เราทั้งคู่ต้องเจ็บปวดก็เถอะ ตอนนี้ผมกำลังลุ้นกับว่าที่จ้าสาวของตัวเองอยู่ ผมอยากรู้ว่าเธอจะเป็นคนยังไง เต็มใจหรือโดนบังคับให้มาแต่งงาน ผมหยิบแฟ้มสีขาวมาดู ผู้หญิงในภาพนี่สวยมากจริงๆ ประวัติดีไปซะทุกอย่าง

   ตัวจริงจะเป็นยังไงนะ

   “เรียบร้อยแล้วนะครับคุณเชียร”

   “อืม ขอบใจ” ผมตักปลาเข้าปาก “เรื่องบริษัท D ได้อะไรเพิ่มอีกไหม”

   “ยังเงียบอยู่ครับ”

   “งั้นผมฝากให้คุณช่วยตามเรื่องนี้ให้หน่อยละกัน เอาวันนี้แหละ ส่วนเรื่องไปร้านชุดแต่งงาน เดี๋ยวผมไปเอง”

   “แต่ว่า....”

   “เอาตามที่ผมสั่ง” ผมเอ่ยเสียงเรียบ “เข้าใจนะปิติ”

   “เข้าใจแล้วครับ”

   ถ้าสมมุติว่าผมให้เขาไปดูตัวเองอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้วกำลังเลือกชุดแต่งงานด้วยกัน มันคงเป็นภาพที่บาดตามากเลยเนอะ ผมไม่อยากให้เขาเห็นอะไรแบบนั้นเลยสักนิด รู้เลยว่าถ้าทาสไปด้วย เขาต้องทำหน้าเหมือนจะขาดใจตาย

   ตอนนี้ก็เหมือนอยู่

   “ผมอิ่มแล้ว” หลังจากที่บอกเขาไปแบบนั้นผมก็เดินหนีเข้ามาในห้องนอนทันที พอเห็นเสื้อเชิ้ตที่ผมแอบจิ๊กมาฟัดเมื่อคืนก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะ

   อยู่ดีดีทุกอย่างก็กลายเป็นแบบนี้ซะได้

   ผมหยิบเสื้อเชิ้ตของปิติมากอดเอาไว้ หลังจากนี้คงกอดได้แต่เสื้อ ไม่ๆ ช่วงนี้เท่านั้นแหละที่จะได้กอดแค่เสื้อ ผมไม่ยอมให้ทุกอย่างมันจบที่การแต่งงานและผมต้องยุติความสัมพันธ์กับเขาหรอก อย่างน้อยมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ คิดแล้วมันน่าเสียดายเหมือนกันนะ....ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยบอกว่าผมรักเขาเลยสักครั้ง ถ้ารู้ว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ ผมจะบอกเขาทุกวัน ให้เสียงผมมันวนซ้ำๆ อยู่ในหัวเขานั่นแหละ

   “ผมรักคุณนะปิติ....แค่คุณเท่านั้น”

   ขอให้คุณเพียงอรเข้าใจในความรักของเราสองคนด้วยละกัน

   

***

   

   ร้านวันวิวาร์

   ผมยืนรออยู่หน้าร้านชุดแต่งงานที่เลือกเอาไว้เมื่อเช้า ตอนนี้ 10 โมงกว่าแล้วแต่คุณเพียงอรยังมาไม่ถึง คนติดตามของเธอแจ้งมาว่ารถติด คงมาถึงช้ากว่าที่นัดกันเอาไว้ ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลานักหรอก ที่กังวลใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเรื่องของทาสนั่นแหละ เขาทำหน้าซึมเหมือนจะตายเลยตอนมาส่งผมที่รถ ปิติต้องคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากพอที่จะจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ในวันเดียวแน่ๆ

   ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลยด้วยซ้ำ

   ตลอดมาผมเคยคิดว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่ สามารถจัดการอะไรหลายๆ อย่างได้ดี แต่เหมือนกับเรื่องนี้คงไม่ใช่ เขาอ่อนแอกับมันมาก ผมยังจำอ้อมกอดสั่นๆ ของเขาได้อยู่เลย วันนี้เหมือนกับว่าเขายอมแพ้ให้เรื่องของเราไปแล้ว ส่วนเหตุผลก็คงมีแค่เจ้าตัวนั่นแหละที่รู้ แต่ผมไม่เหมือนปิติ ไม่มีทางที่คุณเชียรจะยอมใครง่ายๆ อยู่แล้ว

   ถึงอีกฝ่ายจะเป็นหม่าม้าก็เถอะ

   “สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่มาช้า” ผมหันมองตามเสียงก็พบกับผู้หญิงคนนึงที่เดินนำผู้หญิงอีกคนมา “คุณหนูเพียงอรคะ นี่คุณเชียรค่ะ”

   “สวัสดีค่ะ” ร่างบางยกมือไหว้ผม แค่การไหว้ก็ดูรู้แล้วว่าถูกเลี้ยงมาดีมากแค่ไหน กริยาท่าทางโดยรวมก็ดูดี

   “สวัสดีครับคุณเพียงอร” ผมยิ้มหวานให้เธออย่างเป็นมิตรมากที่สุด ดวงตากลมมองผมก่อนจะหลบสายตาไปอย่างเนียมอาย

   “ดิฉันขอฝากคุณหนูด้วยละกันนะคะ”

   “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะดูแลเธอเอง” พอผมบอกไปแบบนั้น ผู้ดูแลของคุณเพียงอรก็เดินกลับไปที่รถ ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนแล้ว

   “ขอรบกวนด้วยนะคะ”

   “ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกครับ” ผมเปิดประตูร้านให้เธอ “เชิญครับ”

   “ขอบคุณค่ะ” เธอเดินเข้าไปในร้าน ส่วนผมก็เดินตามอยู่ด้านหลัง

   คุณเพียงอรเป็นผู้หญิงที่สวยและดูสง่า ทั้งการแต่งตัว น้ำเสียงหรือท่าทางกิริยาต่างๆ คือดีงามไปหมดเลยอะ เธอเป็นคนตัวเล็ก ใบหน้าหวาน ดวงตากลมโต จมูกโด่งรับกับรูปหน้า ริมฝีปากหยักสวย แถมยังมีลักยิ้มที่ข้างแก้ม ผมยาวเป็นลอน ยิ่งมัดทรงหางม้าแบบนี้ยิ่งดูดี ไปๆ มาๆ คือผมไม่เหมาะสมกับเธอเลยสักนิด ว่าที่เจ้าสาวผมสวยเกินไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหม่าม้าถึงอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้

   เพอร์เฟ็กซะขนาดนี้

   “ร้านวันวิวาร์ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานเดินเข้ามาหาพวกเรา “ทางร้านเรามีชุดหลายแบบให้เลือกนะคะ ไม่ทราบว่าได้คิดโทนของงานคร่าวๆ รึยังคะ”

   “ยังเลยครับ” เพิ่งรู้ว่าต้องแต่งงานก็เมื่อวานนี่เอง

   “คือว่าขอดูแค่ชุดแต่งงานได้ไหมคะ ส่วนเรื่องโทนหรืออะไรเดี๋ยวต้องปรึกษาครอบครัวน่ะค่ะ”

   “ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”

   เราสองคนเดินตามพนักงานมานั่งที่โซฟาซึ่งด้านหน้ามีแฟ้มหลายอันวางอยู่ คุณเพียงอรหยิบมันมาดูนิ่งๆ พลางทำหน้าลำบากใจยังไงชอบกล พอเห็นแบบนี้แล้วก็น่าคิดเหมือนกันนะว่าเธออาจจะไม่เต็มใจที่จะแต่งงานก็ได้

   “คุณเพียงอรครับ” ผมเหลือบมองเธอหลังจากที่พนักงานเดินไปแล้ว “ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

   “อะไรเหรอคะ”

   “คุณ....เต็มใจจะแต่งงานไหมครับ”

   ร่างบางส่ายหัวทันที “ไม่อยากค่ะ ฉันไม่อยากแต่งงานเลยสักนิด”

   “เหมือนผมเลยครับ”

   “พวกผู้ใหญ่ไม่น่าบังคับพวกเราเลยนะคะ” เจ้าตัวเอ่ยพลางมองผมอย่างเศร้าๆ “เราควรจะได้แต่งงานกับคนที่เรารัก ไม่ใช่คนที่แม้แต่ชื่อยังเพิ่งได้ยินเมื่อวานเอง”

   “นั่นสินะครับ”

   “คุณเชียรเองก็คงไม่อยากแต่งงานสินะคะ”

   “ครับ ผมไม่ได้อยากแต่งงานเลย ไม่ใช่เพราะว่าคุณไม่ดีนะครับ แต่ผมไม่ได้รักคุณเท่านั้นเอง แต่งงานไปก็คงไม่มีทางรักกันได้อยู่ดี”

   “ฉันก็คิดเหมือนคุณค่ะ อื้อออ....” มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเอง “ขอตัวสักครู่นะคะ....อื้อ....”

   ผมมองคุณเพียงอรที่รีบวิ่งไปทางด้านห้องน้ำ เป็นอะไรรึเปล่านะ เอาจริงๆ ผมรู้สึกได้ว่าเธอหน้าซีดตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาแล้วล่ะ เหมือนจะไม่สบายล่ะมั้ง ไปดูสักหน่อยละกัน เผื่อเป็นลมเป็นแล้งหน้าห้องน้ำ ผมจะได้ช่วยเธอได้ พอคิดได้แบบนั้นผมก็พาตัวเองมารอที่หน้าห้องน้ำทันที ผ่านไปสักครู่นึง ร่างบางก็เดินออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่

   “ไหวไหมครับ”

   “ไม่ไหวค่ะ” เธอบอกก่อนจะเลื่อนมือมาจับแขนผม “ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ”

   “อะไรเหรอครับ”

   “ช่วยพาฉันไปที่ๆ นึงหน่อยได้ไหมคะ”

   

***



   ที่ๆ นึงของคุณเพียงอรคือร้านกาแฟครับ

   ร้านกาแฟที่มีอมนุษย์สายพันธุ์สุนัขเป็นเจ้าของ

   กลิ่นคือเด่นชัดที่สุดเลย

   ผมนั่งมองร่างบางที่นั่งดื่มน้ำมะนาวอัญชันอย่างสบายใจเฉิบ สีหน้าเธอดูดีขึ้นเยอะเลยครับ ผมยกกาแฟขึ้นจิบพลางมองไปรอบๆ ร้าน ร้านนี้ชื่อว่าเพลินเพลง การตกแต่งอยู่ในสไตล์วินเทจ สวยนะ ผมไม่เคยมาที่นี่เลย วันหลังไว้ชวนปิติมาด้วยดีกว่า เออพูดถึงปิติ ป่านนี้เขาจะทำอะไรอยู่นะ แต่ที่แน่ๆ คือเจ้าตัวคงไม่ได้ทำงานแบบเป็นสุขสักเท่าไหร่ เขาน่าจะกระวนกระวายใจเรื่องของผมอยู่ไม่น้อย

   คิดเข้าข้างตัวเองเก่งจริงๆ เลยคุณเชียร

   “กาแฟอร่อยไหมคะ”

   “อร่อยครับ” ผมยิ้มบางๆ ให้เธอ “คุณเพียงอรชอบมาที่นี่งั้นเหรอครับ”

   “ใช่ค่ะ ชอบมากๆ ” มือบางยกแก้วน้ำมะนาวอัญชันขึ้นดื่มจนหมดแก้ว “เพลินคะ ขออีกแก้ว”

   “ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวจะปวดท้อง”

   “แต่ว่า....”

   “ไม่แต่ค่ะ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับเธอพลางมองผมแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของร้านครับ เขาเป็นอมนุษย์สุนัขล่ะ ดูจากดวงตาแวบนึงของเขาที่ผมเห็น น่าจะเป็น.....ไซบีเรียน ฮัสกี้

   คิดว่าใช่นะ

   ผมมองเขาทั้งสองคนมาสักพักละ เอาจริงๆ คือตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านนี่แหละ ตอนแรกสีหน้าของคุณเพียงอรเขาไม่โอเคเลย แต่พอเธอมาเจอคุณเพลิน ทุกอย่างก็ดูโอเคขึ้น แล้วยิ่งพอได้กินน้ำมะนาวอัญชัน อาการแย่ๆ ก็หายไป ผมว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้คงไม่ธรรมดาซะแล้วล่ะ คำพูดคำจานั่นอีก คุณเพลินใช้คะ ใช้ค่ะกับคุณเพียงอรด้วย

   อยากรู้ก็ต้องถาม....จริงไหม

   “คุณเพียงอรครับ”

   “คะ” เธอหันกลับบมาหาผม “เอ่อ....คุณเชียรนี่อายุเท่าไหร่แล้วนะคะ”

   “ผมอายุ 29 แล้วครับ”

   “งั้นขอเรียกว่าพี่เชียรได้ไหมคะ แล้วอรขอแทนตัวเองว่าอร”

   ผมพยักหน้ารับ “ได้สิ งั้นพี่ขอเรียกเราว่าน้องอรนะครับ”

   “ได้ค่ะ ว่าแต่พี่เชียรมีอะไรจะถามอรเหรอคะ”

   “คือคุณเพลินกับน้องอรเนี่ยะ น่าจะเป็นมากกว่าเพื่อนกันใช่ไหมครับ”

   “ใช่ค่ะ ความจริงเพลินเป็นคนรักของอรเอง เราคบกันมาหลายปีแล้วแต่ว่าที่บ้านไม่ทราบน่ะค่ะ” เธอเหลือบไปมองคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ “ครอบครัวของอรคงไม่ยอมรับ ตระกูลเราเป็นแมว แต่ของเพลินเขาเป็นสุนัข ถึงการรักกันข้ามสายพันธ์จะมีให้เห็นทั่วไปแต่ว่า.....เรื่องเราสองคนมันคงยากมากเลยล่ะค่ะ”

   “พี่เข้าใจความรู้สึกนั้นนะ เพราะพี่เองก็หลงรักมนุษย์ธรรมดาเหมือนกัน”

   “พี่เชียรก็มีคนรักแล้วเหมือนกันเหรอคะ”

   “ไม่เชิงว่าเป็นคนรักหรอก สถานะของเรามันไปถึงขั้นนั้นไม่ได้ เอาจริงๆ เขาเป็นเลขาฯ พี่เองน่ะ็นคนร”

   “อย่างนี้นี่เอง พี่เชียรคงลำบากใจมากนะคะเรื่องแต่งงาน”

   “น้องอรก็คงเป็นเหมือนกันสินะ”

   “ใช่ค่ะ เพราะแบบนี้ อรจึงอยากจะขอให้พี่เชียรร่วมมือกับอรในเรื่องการแต่งงานของเรา”

   “ให้ร่วมมือยังไงหืม....”

   “มันไม่ดีที่เราจะหักหน้าผู้ใหญ่แต่อรคิดว่าชีวิตของเรา เราก็ต้องเลือกมันด้วยตัวเอง อีกอย่างคือ....อรต้องทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวเล็กๆ ของอร” มือบางลูบที่หน้าท้องของตัวเองเบาๆ นี่อย่าบอกนะว่าที่หน้าซีดแล้วมีอาการแปลกๆ นั่นคือ....

   “....เบบี๋เหรอน้องอร”

   “ใช่ค่ะ....อรกำลังจะมีเบบี๋”

   “.....”

   “อรท้องได้ 2 เดือนแล้วค่ะ”

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีีค่ะ มาส่งบท 2 นะคะ คือด้วยความที่มันเป็นเรื่องสั้น การคัตฉากก็เลยค่อนข้างเยอะ แต่ชาลคิดว่าเรื่องราวยังคงต่อเนื่องกันอยู่นะ บทนี้สงสารปิติเหมือนกันนะ จะเป็นอย่างไรรอติดตามบท 3 ค่า

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 3 ความรู้สึก



   “ปิติ เดี๋ยวคุณเช็กตารางของช่วงบ่ายนี้ด้วย ผมอยากรู้ว่าตัวเองจะทำงานเสร็จประมาณกี่โมง”

   “มีอะไรรึเปล่าครับ”

   “ผมนัดน้องอรไว้น่ะ ว่าจะกินข้าวเย็นกัน”

   “....ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”

   “ฝากด้วยล่ะ”

   “ครับ” ร่างสูงรับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้องแถมยังทำหน้าซึมกะทือเหมือนโลกจะแตกวันพรุ่งนี้เลยล่ะ เห็นแบบนี้แล้วก็สงสารเหมือนกันนะ

   จากวันที่ไปดูชุดแต่งงานมาก็ผ่านไป 2 อาทิตย์ได้แล้วครับ เป็น 2 อาทิตย์แห่งการเตรียมงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า ตอนแรกระยะเวลาไม่ได้เร่งรัดขนาดนี้หรอกแต่เป็นผมเองที่ต้องการทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น ขืนชักช้าคนที่จะลำบากคือน้องอร ท้องของเธอโตขึ้นทุกวัน ถ้าความแตกว่าเธอกำลังมีเบบี๋ก่อนที่แต่งงานกันก็แย่น่ะสิ เรื่องนี้ทุกคนต้องได้อยู่แล้วล่ะแต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้

   ที่เราวางแผนกันไว้คือวันแต่งงาน

   ปกติแล้วการแต่งงานของอมนุษย์จะเป็นพิธีเฉพาะครอบครัวเท่านั้น การเชิญแขกจะอยู่ในช่วงของงานเลี้ยง ผมกับน้องอรตกลงกันเอาไว้ว่าเราจะบอกกับครอบครัวว่าไม่สามารถแต่งงานได้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย โอเค มันอาจจะไม่ค่อยดีที่เป็นการหักหน้าผู้ใหญ่แต่ว่าฝืนแต่งงานกันไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง อีกอย่างคือน้องอรเขากำลังอุ้มท้องลูกของผู้ชายที่เขารัก เพลินเองก็ดูรักเธอมากเหมือนกัน ยังไงเขาก็คงไม่ยอมให้คนรักของตัวเองแต่งงานหรอก

   จริงไหมล่ะ

   ผมไม่รู้ว่าถ้างานแต่งครั้งนี้ล่มไปจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง กลัวใจหม่าม้าเหมือนกันนะ ผมว่าถ้าแต่งกับน้องอรไม่ได้ เขาน่าจะให้ผมแต่งกับคนอื่นแทน มันต้องใช่แน่ๆ แต่มาคิดดูแล้วนะ สายพันธ์แมวเลือดบริสุทธิ์เริ่มน้อยลงไปทุกที แล้วตระกูลอื่นที่ผมรู้จักก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เดี๋ยวต้องคอยดูครับว่าหม่าม้าจะทำยังไง แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องถึงปะป๊าแน่นอน ผมต้องมีทีมคอยหนุนเพื่อกอบกู้อิสระกลับคืนมา

   ปะป๊าทีมผมชัวร์ๆ

   อยากให้เรื่องทุกอย่างจบและกลับไปใช้ชีวิตแบบสงบๆ กับปิติสองคนจริงๆ ผมชอบความเรียบง่ายในแต่ละวันที่มีเขาอยู่ด้วย เช้ามาทำงาน เย็นกลับไปนั่งรอเขานึ่งปลาให้กิน อาบน้ำ กลายร่างเป็นแมวแล้ววิ่งเล่นไปมา จบลงที่นอนกอดเขา ชีวิตผมมีแค่นี้จริงๆ ส่วนชีวิตของปิติก็จะมีแค่ดูแลและตามใจผมเท่านั้นแหละ ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา สภาพเขาไม่ค่อยโอเคเลย ดูจากรอยยิ้มที่หายไปก็ชัดเจนอยู่

   กลายเป็นคนหน้านิ่งที่ดูไร้อารมณ์สุดๆ ไปเลย

   ผมรู้ว่าปิติกำลังอดทนต่อความรู้สึกหลายๆ อย่างของตัวเองอยู่ เขาตัดใจจากผมไม่ได้ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เขาควรทำ หลายครั้งที่เขายังแอบมาลูบหัวผมตอนหลับ นั่งกุมมือผมอยู่นานสองนาน เขาไม่ทำมากไปกว่านี้เลยครับ ใจนึงผมก็อยากจะบอกเขาเรื่องงานแต่งงานนะ แต่อีกใจคือถ้ามีคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ มันน่าจะทำอะไรได้ง่ายขึ้น อีกอย่าง หม่าม้าอาจจะคิดว่าปิติมีส่วนเกี่ยวข้องที่ผมจะล่มงานแต่งด้วย ถ้าเขาไม่รู้สักอย่าง หม่าม้าจะได้ว่าอะไรเขาไม่ได้

   แต่ถ้าหม่าม้ายังว่าอยู่....ผมจะเถียงให้ขาดใจเลย

   ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในห้อง “ตารางงานของรอบบ่ายผมจัดการให้แล้วนะครับ ถ้าจัดการเอกสารกองนี้เสร็จ คุณเชียรก็เสร็จงานครับ”

   “โอเค” ผมเหลือบมองเขา “ผมว่าช่วงนี้คุณดูแปลกๆ ไปนะปิติ”

   “ผมนอนน้อยมั้งครับ”

   “ดูแลตัวเองหน่อยสิ หน้าคุณหมองหมดแล้ว”

   “เป็นห่วงเหรอครับ”

   “อืม คุณเป็นลูกน้องผมหนิ” ผมมองเขาที่ทำหน้าเรียบเฉย แต่คิดได้เลยว่าในใจนั้นคงเหมือนมีเข็มเป็นพันเล่มปักลงไป มันก็....ไม่ดีเหมือนกันนะที่ผมพูดไปเมื่อกี๊น่ะ

   ไว้จะให้ลงโทษหลังเรื่องจบแล้วกันนะปิติ

   “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คุณเชียรมีอะไรก็ตามผมได้เลย”

   “อื้ม” พอผมรับคำเขาก็เดินออกไป เฮ้อ มันเป็นช่วง 2 อาทิตย์ที่น่าอึดอัดใจชะมัด รักกันแท้ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้เลย

   หลังจากล่มงานแต่งแล้วผมคงจะทำให้อะไรหลายๆ อย่างมันชัดเจนมากขึ้น กลัวเรื่องแตกหักกับครอบครัวเหมือนกันนะ ถ้าหม่าม้ามองว่าผมเป็นลูกอกตัญญู มันจะเป็นยังไงต่อ แต่ว่านะ....ชีวิตคนเรา เกิดมาก็แค่ครั้งเดียว ทำไมเราถึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกชีวิตของตัวเองล่ะ หรือลูกนับว่าเป็นสมบัติของพ่อแม่ที่เขาทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ ย้อนแย้งเหมือนกันนะ ผมรักหม่าม้า แต่ผมก็อยากเลือกคนที่ตัวเองจะใช้ชีวิตด้วยไปจนตาย

   คนที่ผมอยากจะเห็นรอยยิ้มของเขาไปทุกๆ วัน

   “เรื่องของเรา....ผมจะจัดการเอง”

   อดทนรอหน่อยนะปิติ

   

***
   


   “ทานเยอะๆ นะน้องอร หลานพี่จะได้ตัวใหญ่ๆ ”

   “อรทานเยอะอยู่แล้วค่ะ พี่เชียรเถอะที่ต้องทานเยอะๆ พี่ผอมลงไปมากเลยนะจากวันที่เราเจอกันน่ะ”

   “จริงครับ ผมก็ว่าพี่เชียรผอมไปมากเลย”

   ตรอมใจอยู่อะ....ไม่ให้ผอมได้ไง

   “เนี่ยะ เดี๋ยวพี่จะกินให้หมดเลย ดีไหม”

   “ทานเยอะๆ เลยค่ะ”

   “จ้า” ผมรับคำน้องอรก่อนจะตักสลัดข้าปากแล้วเคี้ยวหนุบหนับให้ดู

   ตอนนี้ผมมากินข้าวที่บ้านเพลินครับ คือสนิทกันจนเหมือนพี่น้องแล้วล่ะ ทั้งเพลินทั้งน้องอรเป็นคนน่ารัก สองคนนี้เหมาะสมกันอย่างกับอะไรดี ผมว่าเบบี๋ที่จะได้ลืมตามาดูโลก เขาจะต้องเป็นเด็กที่ร่าเริงและยิ้มเก่งเหมือนแม่เขา ใจดีเหมือนกับคนเป็นพ่อ เด็กๆ น่ะน่ารักนะ แต่ผมไม่คิดอยากมีลูกเลย คงเป็นเพราะผมไม่สามารถมีลูกกับคนที่ผมรักได้ ผู้ชายท้องไม่ได้หนิ ถ้าสมมุติว่าท้องได้นะ ผมมีลูกตั้งแต่ปิติอายุ 19 แล้ว

   คุณพ่อกำลังเป็นเฟรชชี่เลย

   เมื่อเย็นตอนที่แยกกันหน้าบริษัท ปิติทำหน้าซึมให้ผมรู้สึกปวดใจไปด้วยอีกแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะนั่งประสาทเสียอยู่ที่คอนโดฯ นั่นแหละ เชื่อไหมว่าทุกเย็นของช่วงที่ผ่านมา เวลาที่อยู่ในห้องเดียวกัน ทุกอย่างมันเงียบไปหมดเลย ถ้าผมไม่เอ่ยปากพูดก่อน เขาก็ไม่พูด ทั้งๆ ที่ปกติเขาจะพูดมากกว่านี้ อยู่ด้วยกันแต่ว่าเงียบเหงามากเลยครับ ไม่ต่างอะไรจากการอยู่คนเดียวสักนิด อยากให้เรื่องทุกอย่างจบลงไวไว ผมอยากได้โมเม้นท์ที่เคยมีกลับคืนมา

   คิดถึงวันเหล่านั้นจริงๆ

   เราใช้เวลากินข้าวร่วมกันสักพักก่อนที่ผมจะช่วยเพลินเก็บโต๊ะ ส่วนน้องอรถูกสั่งให้นั่งรอนิ่งๆ เท่านั้นเอง สามีของเธอประคบปะหงมยิ่งกว่าไข่ในหินเชียวล่ะ การที่ทั้งสองคนรักกันมากมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะแต่ยังมีสิ่งนึงที่น่ากังวลอยู่นั่นก็คือเรื่องครอบครัวของทั้งสองคน ฝั่งเพลินเนี่ยะไม่มีปัญหาครับ เขาเล่าให้ฟังแล้วว่าครอบครัวรับได้ทุกอย่างและก็รับรู้เรื่องที่คบกับน้องอรมาหลายปีแล้วด้วย ส่วนครอบครัวของน้องอรนั้น....

   ก็น่าหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

   ตระกูลเขาก็ยึดติดกับสายพันธุ์เหมือนกัน ถ้ากับแมวด้วยกันหรือมนุษย์จะยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่กับสายพันธุ์ของสุนัข ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่าเบบี๋ที่เกิดออกมา เขาจะเหมือนฝั่งไหนมากกว่า หรือไม่เขาอาจจะเป็นมนุษย์ธรรมดาก็ได้ มันมีงานวิจัยเรื่องยีนส์ของพ่อแม่อมนุษย์ที่ต่างสายพันธุ์กันแล้วมีลูกด้วยกัน มันมีความเป็นไปได้ถึง 40% เลยที่ลูกจะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่เอาจริงๆ ต่อให้เขาเป็นอะไรก็ตาม ขอให้เขาเป็นเด็กที่น่ารักกับทุกคนด้วยละกัน

   ผมจะเป็นลุงทูนหัวให้เขาเอง

   “พี่เชียรดูมีเรื่องให้คิดมากตลอดเลยนะครับเวลาที่มากินข้าวกับพวกเรา เครียดเรื่องงานแต่งงานเหรอครับ”

   “นิดหน่อยอะนะ พี่ก็กลัวเรื่องผลกระทบฝั่งครอบครัวน้องอรนั่นแหละ กับบ้านพี่ พี่ยังพอคิดหาทางรับมือได้”

   “พี่ไม่ต้องกังวลนะครับ เรื่องนั้นผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด ผมตั้งใจทำลูกสาวเขาท้อง ผมจะรับผิดชอบเอง”

   ผมเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “คิดเอาไว้ไหมว่าถ้าบ้านนั้นไม่ยอมยกน้องอรให้ เพลินจะทำยังไง”

   “เขาต้องยกให้ครับ เพราะว่าครอบครัวของผมเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเขามาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าโน่น อีกอย่างเครดิตของบ้านผมก็ค่อนข้างจะเหนือกว่าในระดับนึง คือถ้าเขาไม่ยึดติดเรื่องสายพันธุ์ เขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่ลูกสาวเขามาเป็นภรรยาผม”

   “ร้ายเหมือนกันนะเราเนี่ยะ” ผมเอ่ยแซวเขา ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ามีเรื่องแบบนี้แอบแฝงด้วย เพลินน่าจะคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้วแน่ๆ เขาถึงได้มั่นใจเรื่องการล่มงานแต่ง

   “บางทีเราก็ต้องร้ายเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการนะครับ ผมน่ะรักอรมาก ลูกในท้องนั่นผมก็ตั้งใจทำให้เขาเกิดมา ผมพร้อมมากพอที่จะมีครอบครัว และพร้อมที่จะดูแลพวกเขาไปตลอดทั้งชีวิตนะครับ”

   “เป็นแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ” ผมวางจานที่เพิ่งล้างเสร็จก่อนจะเดินไปเช็ดมือ “ของพี่นี่จะยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ที่พี่ตามน้ำไปว่าจะแต่งงาน ทุกอย่างดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่”

   “ความสัมพันธ์แย่ลงเหรอครับ”

   “มันก็ไม่เชิงหรอก มันเหมือนว่าเราไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนทุกที”

   “ไม่ลองคุยกันล่ะครับ”

   “เดี๋ยวความแตกน่ะสิ พี่ไม่อยากให้เขารู้ว่าเรากำลังจะล่มงานแต่ง ถ้าเขาไม่รู้เรื่องที่พี่กำลังจะทำ เขาก็จะไม่มีส่วนผิดอะไรเลยซึ่งพี่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”

   “พี่เชียรรักเขามากเลยสินะครับ”

   “รักสิ”

   รักมาตั้งหลายปีแน่ะ

   ไม่รู้ว่าปลายทางของเรื่องนี้จะเป็นยังไง มันจะจบด้วยดีหรือไม่ดี ผมก็อยากทำมันให้เต็มที่ก่อน อย่างน้อยจะได้ไม่เสียใจถ้าสุดท้ายสิ่งที่ตัวเองต้องการมันไม่เป็นไปตามนั้น ปะป๊าสอนผมเสมอว่าคนเราต้องมีหวัง อย่าถอดใจให้กับอะไรง่ายๆ ถ้ายังไม่พยายามมากพอ อีกอย่างผมเองก็ไม่ชอบเป็นฝ่ายยอมแพ้ซะด้วย มีไม่กี่เรื่องและไม่กี่คนหรอกที่ผมยอม เอาจริงๆ ผมแพ้หม่าม้าบ่อยนะแต่ครั้งนี้แหละ....ผมจะชนะ

   ต่อให้ต้องใช้กลโกงก็ตาม

   หลังจากที่จัดการจานตรงซิงค์เสร็จผมก็เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น เห็นน้องอรกำลังปอกผลไม้รอพวกเราอยู่ ผมรู้จักเธอได้ไม่นานแต่รู้สึกได้เลยว่าความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันมันคือมิตรภาพที่ดีเอามากๆ เลย น่าจะเพราะผมไม่มีน้องสาวด้วยล่ะมั้ง ที่มีอยู่ก็น้องชายทั้งนั้น ไม่มีหรอกจะมานั่งปอกผลไม้ให้กินแบบนี้ จะมีก็แต่คนอื่นที่ไม่ใช่น้องชาย เขาปอกผลไม้เก่งมากเลยนะในสายตาผมน่ะ แอปเปิ้ลรูปกระต่ายพวกนั้นโคตรน่ารักเลย

   พูดแล้วก็คิดถึงจัง

   “แค่มองไม่อิ่มหรอกนะคะ” น้องอรเอ่ยบอกผม “เป็นอะไรรึเปล่าคะพี่เชียร”

   “เลขาฯ ของพี่ เขาก็ปอกผลไม้เก่งเหมือนน้องอรเลย”

   “เห็นแบบนี้เลยคิดถึงเขางั้นเหรอ”

   ผมพยักหน้ารับเบาๆ “เขาเพิ่งอายุ 25 เองนะแต่ว่าทำอะไรได้ตั้งเยอะแน่ะ ทำงานก็เก่ง ทำกับข้าวก็เก่ง เขาเป็นทุกอย่างในชีวิตพี่เลย ตลอดเวลาถ้าไม่มีเขา พี่น่าจะลำบากมากกว่านี้”

   “เหมือนเพลินเลยค่ะ” คนตัวเล็กหันไปยิ้มหวานให้คนรักตัวเอง “สามีอรก็เป็นคนแบบนั้น”

   “เดี๋ยวเถอะเรา จะอวดแฟนงั้นเหรอ”

   “พี่เชียรต่างหากที่อวดแฟนก่อน”

   “เรียกแบบนั้นไม่ได้หรอกเพราะว่า....ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน” พูดเองแล้วทำไมรู้สึกหน่วงในใจเองแบบนี้วะ เก่งจริงๆ เลยนะคุณเชียร เรื่องพูดจาทำให้ตัวเองใจฟีบเนี่ยะ

   “แต่ความรู้สึกและความผูกพันที่มีให้กันมันมากกว่าสถานะของคำว่าแฟนไม่ใช่เหรอครับ” เพลินยิ้มหวานให้ผม “ถึงวันนี้อาจจะยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่ใช่แฟนกันนี่ครับ จริงไหม”

   “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะได้เป็นแฟนกันหนิ”

   “พี่เชียร” มือบางตีแขนผมเบาๆ “อย่าคิดเรื่องที่จะทำให้ตัวเองว้าวุ่นใจสิคะ คนสองคนถ้ารักกัน จะคบกันก็ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะยังไงซะ ความรู้สึกต้องมาก่อนอยู่แล้ว ถ้าเรื่องอื่นมีปัญหาก็ค่อยมาตามแก้เอาทีหลัง”

   ที่น้องอรพูดก็มีเหตุผลอยู่

   ผมฟุ้งซ่านมากเกินไปจริงๆ นั่นแหละ

   “เดี๋ยวทุกอย่างมันก็คงดีขึ้นเนอะ”

   “ทุกอย่างมันต้องดีขึ้นอยู่แล้วค่ะพี่เชียร....อดทนไว้หน่อยนะคะ”

   “....อื้ม” ผมยิ้มรับคำน้องก่อนจะยัดแอปเปิ้ลเข้าปาก ตอนนี้คงทำอะไรได้ไม่มากนอกจากอดทนอย่างที่น้องอรว่า อีกอย่างก็ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่ต้องอดทนน่ะ

   ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในวังวนความวุ่นวายนี่ต้องอดทนกันทั้งนั้น อาจจะมีคนที่กำลังพยายามมากกว่าผมด้วยซ้ำไป แย่หน่อยที่ต้องรู้สึกทรมานกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องเชื่อมั่นว่าทุกอย่างมันจะดี ถ้าสิ่งที่คิดเอาไว้มันเป็นไปตามนั้นก็ถือว่าเป็นรางวัลแห่งความอดทนนั่นแหละนะ ความรู้สึกของผมตอนนี้คืออยากกลับไปหาทาสมาก ต่อให้สัมผัสไม่ได้ ขอให้ผมได้นั่งมองเขาทำโน่นทำนี่ก็ยังดี

   หรือจะเนียนเป็นแมวแล้วไปซบเขาดีนะ

   แบบนั้นจะเรียกว่าเนียนเหรอคุณเชียร

   “เดี๋ยวพี่กลับก่อนดีกว่า ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะ” ผมยิ้มหวานให้ทั้งสองคน

   “ขับรถกลับดีดีนะคะพี่เชียร แล้วไว้มาทานข้าวด้วยกันอีกนะ”

   “จ้า ดูแลตัวเองด้วยล่ะทั้งคู่เลย”

   “ครับ พี่เชียรก็ด้วย”

   “รู้แล้วน่า พี่ไปละ” ผมหยิบกุญแจรถก่อนจะเดินออกมาจากบ้านของเพลิน ช่วงนี้ขับรถเองตลอดเลยอะ แล้วพอขับรถเองก็จะหัวร้อนแม่งทุกวันเลย

   ผมคือแมวที่ก้าวร้าว

   ไม่รู้ว่าปิติทนกับความน่าหงุดหงิดบนท้องถนนได้ยังไง เวลาเขาขับรถคือใจเย็นมากๆ อะ เขาไม่เคยสบถแม้จะมีคนขับรถมาปาดหน้าหรือไม่เปิดไฟเลี้ยวเลยนะ ส่วนผมนี่คืออยากจะลงไปซัดหน้าแม่ง ทำตัวเหมือนซื้อใบขับขี่มาฟรีๆ งั้นแหละไอ้เวร หลังจากนี้ผมอาจจะทำตามแผนเดิมแต่คงให้เขามาขับรถให้ ไม่ไหวอะ ถ้าขับเองบ่อยๆ มีหวังได้มีเรื่องกับชาวบ้านชาวช่องแน่ๆ

   ยิ่งเป็นคนไม่ยอมใครด้วยนะ

   ผมใช้เวลาพักใหญ่ในการขับรถกลับคอนโดฯ ตอนนี้เกือบ 4 ทุ่มแล้วครับ ไม่รู้ว่าปิติกลับไปรึยัง ตอนแรกเขาอยู่กับผมแต่พอหลังจากวันที่เขาเอาแฟ้มร้านชุดแต่งงานมาให้ผมเลือก เจ้าตัวก็เก็บเสื้อผ้าและข้าวของออกไปจนหมด ย้ายไปนอนที่ไหนก็ไม่รู้ ถามก็ไม่บอกด้วยนะ น่าหมั่นไส้อยู่พอตัวเลย ปกติเขาจะบอกผมทุกเรื่องไง ไม่มีอะไรปิดบัง พอปิติไม่บอกแบบนี้ผมก็เลยคิดว่าเขานอนที่ป้ายรถเมล์แถวนี้แหละ

   สะดวกจะคิดแบบนี้อะ

   คุณเชียรลากสังขารตัวเองเข้ามาในห้องก็พบกับร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟา ดวงตาคมมองผมนิ่งๆ ได้กลิ่นบุหรี่ค่อนข้างหนักเลยล่ะ ปิติคงนั่งสูบมันมาสักพักใหญ่เพื่อรอผมแน่ๆ ก้นบุหรี่ที่อยู่ในถาดเขี่ยเป็นสิ่งยืนยัน ผมไม่ได้มีปัญหากับการสูบบุหรี่ของเขาเพราะผมเองก็สูบเหมือนกัน แต่ที่แปลกหน่อยคือเด็กนี่เอาบุหรี่ของผมมาสูบนี่สิ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ชอบกลิ่นนั้นแท้ๆ หึ....แค่นั่งรอก็ทรมานใจแล้ว ยังจะทำอะไรที่ทรมานกายอีก

   เขามันน่าทุบจริงๆ

   “คุณยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมถามพลางถอดสูทและปลดเนกไทออก “....ปิติ”

   “ทานข้าวกับคุณเพียงอร เป็นยังไงบ้างครับ”

   “ก็ไม่เป็นยังไง มีอะไรรึเปล่า”

   “ผม....จัดการเรื่องที่คุณเชียรสั่งทั้งหมดแล้วนะครับ เรื่องงานแต่งงานน่ะ”

   ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ขอบใจละกันนะ เออปิติ วันแต่งงาน คุณเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ผมหน่อยสิ”

   “ไม่ได้หรอกครับ” เจ้าตัวปฏิเสธทันที “ผมเป็นลูกน้องคุณเชียร ไม่ใช่เพื่อน”

   “คิดแบบนั้นสินะ” ผมยกยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ “รู้ตัวไหมว่าตัวเองทำหน้ายังไงตอนที่พูดน่ะ”

   “ไม่รู้หรอกครับ” มือเรียวทิ้งก้นบุหรี่ “ผมขอตัวก่อนดีกว่า คุณเชียรจะได้พักผ่อน” ร่างสูงลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปแต่ต้องชะงักเพราะผมรั้งชายเสื้อเขาเอาไว้

   “เตรียมน้ำอุ่นให้ผม”

   “....ได้ครับ” เขารับคำก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป จิ๊....หงุดหงิดชะมัด บางทีเวลาที่เขาทำแบบนี้ผมก็รู้สึกมันเขี้ยวจัง อยากงับแรงๆ สักสี่ห้าแผล

   ผมถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันไว้รอบเอวแล้วเดินข้าห้องน้ำ ปิติกำลังเตรียมน้ำอุ่นให้ เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงวันนั้นที่เรานั่งแช่อยู่ในอ่างด้วยกันเลย คนตรงหน้าผมน่ะเจ้าเล่ห์ขั้นสุด หลอกล่อด้วยรอยยิ้มให้ผมติดกับอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   “ปิติ”

   “ครับ”

   “คุณ....ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ที่ผมปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”

   “ถึงรู้สึก ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” เจ้าตัวหันมองผมก่อนจะคลี่ยิ้มให้ “สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือยินดีที่คุณเชียรจะแต่งงานและมีครอบครัวที่สมบูรณ์”

   “นั่นสินะ” ผมปลดผ้าเช็ดตัวออกก่อนจะเดินลงไปแช่น้ำในอ่าง ร่างสูงหันหลังกลับเพื่อจะเดินออกไปจากห้องน้ำ “เดี๋ยวก่อน....”

   ปิติหยุดอยู่ตรงหน้าประตู “....ครับ”

   “คุณ....ยังรักผมใช่ไหม”

   บอกผมทีสิทาสว่าคุณยังรู้สึกเหมือนเดิม

   “ความรักของผมเป็นของคุณเชียรเสมอครับ....มันจะไม่เปลี่ยนไป”

   

***

   

---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------- ต่อจากบท 3 ----------


เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเลย

   งานแต่งงานของผมกับน้องอรกำลังจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว

   ควรจะรู้สึกยังไงดีวะ

   ผมยืนมองตัวเองในกระจกที่สวมสูทสีขาวเพื่อจะเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณีของตระกูล ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเนี่ยะ ผลลัพธ์ของมันจะออกมาเป็นยังไง แต่ต่อให้มันดีหรือไม่ดีผมก็จะยอมรับนะเพราะว่าเป็นคนเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง โตแล้วก็ต้องรับผิดชอบทุกการกระทำและทุกความคิดของตัวเอง เอาน่ะ คุณเชียรเป็นคนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเก่งอยู่แล้ว แค่ล่มงานแต่งตัวเอง มันคงไม่เท่าไหร่หรอก

   คิดว่านะ

   ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านใหญ่ของตัวเองครับ อยู่มาหลายวันและใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ห้องนอน สงบใจดีเหมือนกันนะเวลาที่ได้อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ห้องนี้มีความทรงจำของผมเยอะแยะเต็มไปหมด ความทรงจำสมัยยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ แล้วห้องนอนของคุณเชียรถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามเลยนะ มีแค่ไม่กี่คนที่ผมยอมให้เข้ามาในนี้ คือสมัยก่อนผมเป็นคนที่ชอบหอบเอางานมาทำแล้ววางไปเรื่อยเลยไง แต่จำได้นะว่างานไหนอยู่ตรงไหน เพื่อป้องกันการงานหายผมก็เลยไม่ให้เข้ามาในห้องเลย

   พูดถึงเรื่องงาน....

   ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาของผมค่อนข้างวุ่นวายในอะไรหลายๆ อย่างโดยเฉพาะเรื่องงาน บริษัท D ที่เคยมีปัญหาเรื่องตัวเลขสินค้าถูกบิดเบือนก็พบว่าพนักงานของทางนั้นคิดจะโกงบริษัทตัวเอง เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยไปแล้วแหละแต่พอนึกถึงทีไรเหมือนไมเกรนจะขึ้น ประสาทแดกนอนไม่ได้ตั้งหลายวัน ถ้าพนักงานคนนั้นโกงสำเร็จก็จะส่งผลเสียเยอะมากเลยล่ะ ดีนะที่เราตรวจเจอเรื่องนี้ซะก่อน

   ต้องยกความดีความชอบให้ปิติ

   “คุณเชียรครับ”

   ตายยากซะด้วย

   “มีอะไร” ผมมองร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้อง “คุณจะดูดีกว่าผมที่เป็นเจ้าบ่าวไม่ได้นะ”

   “ผมเปล่านะ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินมาจัดเสื้อผ้าให้ผม “ตื่นเต้นไหมครับ”

   “นิดหน่อย”

   “ไม่คิดเลยนะครับว่าจะมีวันนี้” ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมา “ผมยินดีกับคุณเชียรด้วยนะครับ”

   “หนิ พูดแบบนั้นออกมาจะดีเหรอ”

   “ดีหรือไม่ดี เรื่องนั้นผมไม่รู้หรอกครับ แต่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรพูด”

   ผมยกมือจิ้มที่อกซ้ายของเขา “ถึงแม้ตรงนี้จะเจ็บปวดงั้นเหรอ”

   “ผมก็เจ็บปวดตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าคุณต้องแต่งงาน” มือเรียวกุมเข้าที่มือผม “....แต่เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นครับ”

   “คุณนี่มันจริงๆ เลยนะทาส” ยิ่งคุณพูดแบบนี้ ผมยิ่งอยากทำให้งานแต่งมันล่มลงเร็วๆ

   ถ้าสมมุติว่างานแต่งล่มแล้ว ปิติเขาจะแสดงท่าทียังไงออกมากันนะ จะดีใจรึเปล่า เขาจะดุผมไหมที่ทำอะไรบ้าระห่ำแบบนั้น แต่ผมคิดเอาไว้แล้วนะว่าถ้าโดนดุผมจะทำยังไง อย่างแรกก็คงฟังนิ่งๆ แล้วค่อยขยับเข้าไปกอด เชื่อสิว่าแค่นั้นก็ทำให้ปิติใจอ่อนแล้วล่ะ เรื่องแบบนี้ยังไงเขาก็ต้องแพ้ทางผม

   คุณเชียรเป็นแมวที่อ้อนเก่งนะ

   เชื่อไหมว่าหลังจากวันนั้นที่ผมถามเขาในห้องน้ำว่ายังรักผมอยู่รึเปล่า มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ เขาตอบคำถามผมก่อนจะออกไป พอวันต่อมาก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นแบบนี้มาทุกวันเลย แต่ผมคิดว่าลับหลังผมเนี่ยะ ปิติคงสงบจิตสงบใจไม่ได้หรอก โมเม้นท์ฟุ้งซ่านต้องเข้าไปอยู่ในหัวบ้างแหละ เออมีวันนึงเขาลางานเพราะแฮงค์ด้วย แล้ววันนั้นมีประชุมสำคัญ ผมคือประสาทแดกมากจริงๆ โทรไปหากะว่าจะด่าให้ได้สติแต่อีกฝ่ายดันเพ้อออกมาว่าคิดถึงผม

   เนี่ยะ คำที่ตั้งใจจะด่าก็หายไปหมดเลย

   “ใกล้ได้เวลาแล้วนะครับ เราไปกันเถอะ”

   “อืม” หลังจากที่ผมรับปาก ร่างสูงก็เดินนำออกไป

   พิธีการต่างๆ จัดที่ห้องรับแขก ในบ้านผมถูกตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาวเต็มไปหมด สวยนะ ผมชอบสิ่งเหล่านี้ แต่ขึ้นชื่อว่างานแต่งแล้ว ถ้าไม่ได้แต่งกับคนที่ตัวเองรัก มันก็ไร้ความหมาย เอาจริงๆ ไม่จำเป็นต้องแต่งงานก็ได้ ขอแค่ผมได้อยู่กับเขา คนที่ผมรัก แค่นั้นก็มากพอแล้ว

   ตัวน้องอรเองก็คงคิดเหมือนกัน

   ผมว่าฝั่งญาติผู้ใหญ่คงจะไม่ใจร้ายกับเพลินและน้องอรหรอก อีกอย่างมันมีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็คงจะคุยง่ายขึ้น หรือถ้าทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายแบบที่เราคิด พอถึงตอนนั้นก็ต้องหาทางออกว่าจะทำยังไงดี พูดกันขำๆ ว่าจะวางแผนหนีไปอยู่เกาะเงียบๆ ด้วยนะ ร้ายป้ะล่ะ ถ้าสมมุติว่าน้องอรต้องหนีไปกับเพลิน ผมเอาปิติหนีไปด้วยดีไหมนะ ไปอยู่เกาะด้วยกัน สร้างกระท่อมไว้ข้างบ้านน้องอร

   ออกทะเลหาปลามีความสุข

   เหมือนจะได้แค่คิดแฮะ

   “ปะป๊าล่ะ” ผมเอ่ยถามคนที่อยู่ข้างๆ ที่เห็นด้านในตอนนี้คือมีแต่ญาติคนอื่นๆ กับหม่าม้าแล้วก็ญาติฝั่งน้องอร ปะป๊าผมยังมาไม่ถึงรึยังไงนะ

   “คงจะกำลังมาครับ ผมว่าคุณเชียรไปนั่งตรงนั้นดีกว่านะครับ”

   “อืม” ผมรับคำก่อนจะเดินมานั่งบนเบาะสีแดงที่ถูกเตรียมเอาไว้ ด้านหน้ามีสินสอดทองมั่นวางเอาไว้อยู่ มูลค่ามันคงมหาศาลแต่ว่าผมไม่ได้สนใจหรอกว่ามันจะสักกี่บาทกัน

   “ตาเชียรนี่ดูดีจริงๆ เลยนะ สมกับเป็นลูกชายคนโตของตระกูล” แม่ของน้องอรเอ่ยบอก ผมก็ยิ้มรับคำ นั่งฟังผู้ใหญ่พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพื่อรอเวลา

   รู้สึกกดดันเหมือนกันนะ ถึงจะบอกว่าพิธีการแต่งงานจะมีแค่ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่ได้แค่สองสามคนไง ก็เยอะในระดับที่นั่งกันเต็มห้องรับแขก ญาติฝั่งน้องอรจะเยอะกว่าฝั่งผมหน่อยและเขาก็มากันครบแล้ว ส่วนฝั่งผมเหลือแค่ปะป๊าคนเดียวที่ยังไม่มา จะว่าไปผมไม่ได้คุยกับปะป๊าเรื่องแต่งงานเลย ไม่ได้คุยแบบลงรายละเอียดอะ แต่บอกเขาไปนะว่าไม่อยากแต่ง ปะป๊ารับรู้แล้วก็บอกให้ผมอยู่เฉยๆ ไปก่อน เดี๋ยวเขาจัดการเองซึ่งวันนี้ก็แต่งแล้ว

   ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาจะจัดการยังไง

   หรือไม่จัดการ....ก็ไม่รู้

   “สวัสดีทุกท่านนะครับ” เสียงเข้มเอ่ยบอกกับทุกคนในห้องรับแขก ผมมองตามก็พบว่าปะป๊าเดินเข้ามาพร้อมกับคุณทิวา มาละคนสำคัญของงาน ทีนี้ก็รอแค่เจ้าสาวเข้ามาในห้องเพื่อบอกกับทุกคนว่าเราสองคนแต่งงานกันไม่ได้

   หายใจเข้าลึกๆ นะคุณเชียร

   ฟู่วววว

   “คุณมาช้า”

   “มาช้าดีกว่าไม่มาจริงไหม” ปะป๊าผมยกยิ้มพร้อมกับมองทุกคน “รีบมาทำให้เรื่องนี้มันจบกันดีกว่า”

   “นี่คุณ!!!!”

   “ก็คุณบอกว่าผมมาช้า ผมก็เลยอยากจะรีบทำให้ทุกอย่างเสร็จก่อนจะเสียฤกษ์ไง ไม่ดีเหรอ”

   หม่าม้าผมแค่นยิ้มออกมา “คิดได้แบบนั้นก็ดีค่ะ ยุพิน....เชิญเจ้าสาวมาได้แล้ว”

   “ค่ะ” คุณยุพินเดินออกไปสักพักก่อนจะกลับมาพร้อมกับร่างบางที่อยู่ในชุดเจ้าสาวแบบชายกระโปรงสั้น ระบายลูกไม้รอบๆ นั่นสวยเหมาะกับเธอจริงๆ ยิ่งอยู่ในสีขาวแบบนั้นด้วย

   คนที่สวมชุดเจ้าบ่าวไม่ควรเป็นผมเลย

   “สวยมากเลยนะคะหนูอร” หม่าม้าเอ่ยปากชม

   “ขอบคุณค่ะ” น้องอรนั่งลงที่เบาะสีแดงข้างผม จากนั้นพิธีการผูกสัมพันธ์ก็เริ่มขึ้น

   มันมีข้อบัญญัติเรื่องสายพันธุ์ของตระกูลที่ต้องให้คู่บ่าวสาวได้รับรู้น่ะครับ คือมนุษย์ทั่วไปแต่งงานกันก็จะมีพิธีการตามหลักศาสนาใช่ไหม แต่อย่างพวกอมนุษย์เนี่ยะจะแตกต่างออกมา ผมว่าเรื่องข้อบัญญัติของสายพันธุ์นี่จำยากมากเลยอะ ยิ่งในกรณีของพันธุ์แท้ทั้งคู่ มันก็จะยิ่งมีข้อบังคับเยอะขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เราสองคนได้ยินในตอนนี้ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในหัวหรอก แต่เพราะต้องรอเวลาอีกหน่อยถึงยังนั่งฟังอยู่

   แต่อีกไม่กี่นาทีคงหลับแล้วล่ะ

   คนที่มาพูดกล่าวถึงข้อบัญญัตินี้คือทนายประจำตระกูลผมเอง ปกติทนายของฝั่งเจ้าบ่าวจะเป็นคนพูดเรื่องพวกนี้ เดี๋ยวพอกล่าวเสร็จก็จะแลกแหวนก่อนที่จะเป็นพิธีขั้นต่อไป ที่ผมกับน้องอรตกลงกันไว้คือเราจะพูดทุกอย่างก่อนที่จะแลกแหวนกัน ซึ่งตามแผนเนี่ยะ น้องอรจะเป็นคนพูดเหตุผลของเธอ ส่วนผมก็จะนั่งทำเหมือนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ตอนแรกผมว่ามันเสี่ยงไม่น้อยที่จะให้เธอพูดทั้งหมด แต่ว่าที่คุณแม่บอกว่าแบบนี้น่ะดีแล้ว

   หน้าที่ของผมคือรับฟังและพูดเหมือนกับยินยอมให้เธอไปใช้ชีวิตกับคนที่เธอรัก

   พระเอกเนอะแต่คือเตี๊ยมกันไว้

   “เข้าใจในบัญญัติใช่หรือไม่”

   “เข้าใจครับ”

   “เข้าใจค่ะ”

   “งั้นเราเริ่มขั้นตอนต่อไปเลยนะครับ” คุณทนายเลื่อนกล่องแหวนมา “เชิญเจ้าบ่าวหยิบแหวนสวมให้เจ้าสาวได้เลยครับ”

   ผมหยิบแหวนแต่งงานมาก่อนจะเลื่อนไปจับมือน้องอรแล้วยิ้มบางๆ “.....มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับน้องอร” ในจังหวะที่ผมกำลังจะสวมแหวนให้ มือบางก็ชักออกไปทันที

   “เอ่อ....คือว่าอร”

   “เป็นอะไรรึเปล่าคะหนูอร” หม่าม้าเอ่ยถาม ใบหน้าหวานตรงหน้าหลบสายตาทุกคนก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา บรรดาญาติในงานต่างสับสนมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

   เดี๋ยวจะได้สับสนมากกว่านี้อีก

   “อรขอโทษทุกคนด้วยนะคะแต่....อรแต่งงานกับพี่เชียรไม่ได้จริงๆ ” สิ้นเสียงน้องอร เหล่าญาติที่นั่งล้อมพวกเราก็ซุบซิบอะไรกันไม่รู้ ส่วนผมก็ทำหน้าตกใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

   “ทำไมล่ะน้องอร”

   “อรไม่ได้รักพี่เชียร อรไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักได้และอีกอย่างคืออรไม่อยากให้พี่เชียรต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น”

   “หมายความว่ายังไงคะหนูอร”

   “อรกำลังท้องค่ะ” เธอเอ่ยพลางยกมือขึ้นกุมท้องตัวเอง “อรท้องได้ 3 เดือนแล้ว”

   “ยัยอร!!!! นี่แกพูดอะไรออกมาน่ะห้ะ” คุณแม่น้องอรเอ่ยออกมาดังลั่น บรรดาญาติคนอื่นๆ คือช็อกกันไปหมดแล้ว หม่าม้าเองก็ไม่ต่างกัน

   “อรพูดความจริงค่ะ อรกำลังจะมีลูกกับผู้ชายที่อรรัก เราคบกันมาตั้งนานแล้ว และคิดจะสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่อรไม่คิดเลยว่าการแต่งงานนี้จะเกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นความผิดของอรเองค่ะ ต้องขอโทษทุกคนจริงๆ ”

   “ไม่ต้องขอโทษใครทั้งนั้นแหละหนูเพียงอร เพราะลุงคิดว่ามันไม่ใช่ความผิดของหนู” ปะป๊ายิ้มบางๆ ก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆ “กำลังจะมีลูกแต่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ คงเครียดมากเลยสินะ เป็นฝั่งลุงมากกว่าที่ต้องขอโทษหนู”

   “คุณลุง”

   “ของที่ใช้เป็นสินสมรสทั้งหมด ลุงขอยกให้เพื่อเป็นของรับขวัญหลาน ยังไงซะ บ้านเราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน” ปะป๊าเอ่ยก่อนจะกวาดสายตามองทุกคน “คงไม่มีใครมีปัญหา ถ้าผมจะขอยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้ อีกอย่างคือขอให้ไม่มีการตำหนิทั้งตัวฝ่ายเจ้าบ่าวหรือตัวเจ้าสาว เพราะถ้าจะให้ตำหนิก็คงเป็นพวกเราที่ไม่รู้ว่าลูกหลานของตัวเอง ต้องการใช้ชีวิตยังไง”

   “คุณพิธาร!!!”

   “หรือว่าผมพูดไม่จริง....เชียร แกมีปัญหาอะไรไหมสำหรับเรื่องยกเลิกการแต่งงาน”

   ผมส่ายหน้าเบาๆ “น้องอรมีคนที่เธออยากใช้ชีวิตด้วยอยู่แล้ว หนำซ้ำกำลังจะมีเบบี๋อีก ผมคงไม่ดันทุรังที่จะแต่งงานกับเธอหรอกครับ”

   “ขอบคุณนะคะพี่เชียร”

   “ไม่เป็นไรครับน้องอร พี่ขอให้น้องอรมีความสุขกับครอบครัวนะ” ผมยิ้มหวานให้ร่างบางอย่างรู้กัน สำเร็จแล้วครับ ในที่สุดงานแต่งงานก็ถูกยกเลิก

   เป็นไปตามแผน

   “แกกำลังทำให้แม่ปวดหัวมากเลยนะยัยอร” แม่น้องอรมองนิ่งๆ “กลับบ้านมีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยนะ”

   “เอาน่ะคุณ” พ่อน้องอรลูบหัวคนเป็นลูกเบาๆ “พ่อถามได้ไหมว่าใครเป็นพ่อของเด็กน่ะหืม....”

   “เขาคือคุณเพลินค่ะ เป็นลูกชายของคุณอเนก ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเราไงคะ”

   “เอาเวลาตรงไหนไปรู้จักกันเนี่ยะ”

   “เรื่องมันยาวมากเลยค่ะ ไว้อรจะเล่าให้ฟังนะคะ” น้องอรหันมายิ้มหวานให้ผมก่อนจะกุมมือคุณแม่ของเธอ “คุณแม่คะ อรเวียนหัวจังเลยค่ะ”

   “ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนใส่เลยนะ ยังไงแกก็ต้องโดนแม่ดุ” ถึงปากจะว่าแบบนั้นแต่สองมือก็ประคองน้องอรให้ลุกขึ้นก่อนจะหันมาทางหม่าม้าผม “ทางเราต้องขอโทษคุณพัชรีด้วยนะคะที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ ต้องขอโทษจริงๆ ”

   “.....ไม่เป็นไรค่ะ ช่างมัน”

   “งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ ไปยัยอร” สิ้นเสียงพูด ครอบครัวของน้องอรก็พากันเดินออกไปพร้อมกับบรรดาญาติของเธอ ตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าหม่าม้ากำลังคิดอะไรอยู่แต่น่าจะไม่พอใจกับเรื่องนี้พอตัวเลยล่ะ

   ผมเหลือบมองร่างสูงที่ยืนมองอยู่ไกลๆ ดวงตานั้นนิ่งมาก นิ่งจนไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย ปิติเขากำลังคิดอะไรอยู่ในหัวกันนะ ทำหน้าแบบนั้นคือไม่ดีใจเหรอที่งานแต่งล่มอะ ความจริงผมอยากจะกระโดดโลดเต้นมากแต่ต้องคีพลุคตัวเองไว้ก่อน ทำหน้าสลดให้มากๆ ชีวิตคุณเชียรนี่น่าสงสารเหมือนกันเนอะ จะแต่งงานทั้งที เจ้าสาวก็ดันมีเบบี๋อยู่ในท้อง งานแต่งล่ม เป็นหม้ายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานเลย

   เศร้าใจจัง

   “ไปที่ห้องทำงานกับป๊า คุณด้วยนะ คุณพัชรี” สิ้นเสียงปะป๊าสั่ง ผมก็เดินตามเขาไปทันที ส่วนหม่าม้าก็เดินตามมาอยู่ด้านหลัง

   ผมว่าที่ปะป๊าบอกจะจัดการนั่นมันคงเกิดขึ้นเมื่อกี๊แล้วล่ะ เขาเป็นคนพูดยกเลิกงานแต่งเอง สินสมรสก็ยกให้ฝ่ายหญิง แถมยังไม่โทษผมหรือน้องอรด้วย สิ่งที่เขาพูดมันเพื่อปกป้องเราทั้งสองคน ดูจากฝั่งครอบครัวน้องอร ถึงคุณแม่เขาจะทำหน้าเหี้ยมแต่ก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจในตัวลูกสาวนะ ส่วนฝั่งคุณพ่อก็ไม่ได้ต่อว่าแถมยังปลอบโยนด้วยซ้ำ คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่หรอก พวกเขาคงเห็นใจลูกสาวที่กำลังท้องด้วยนั่นแหละ

   ยังไงน้องอรก็เป็นลูกของพวกเขาหนิ

   หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของปะป๊า ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ มีแค่สายตากดดันที่มองกันไปมาเท่านั้น ผมควรเปิดประเด็นไหม หรือเงียบๆ ให้ใครสักคนเริ่มพูดดี แต่เชื่อสิ ถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปอีก 5 นาทีต้องอึดอัดเหมือนจะเป็นบ้า และคนที่บ้าก่อนใครก็คงจะเป็นผมเนี่ยแหละ

   กลายเป็นแมวแก้เครียดดีไหมนะ

   “แกรู้เรื่องนี้มาก่อนไหมเชียร” หม่าม้าเหลือบมองผม “เรื่องที่หนูอรท้อง”

   ผมส่ายหัวทันที “ไม่รู้ครับ”

   “แกไปรับไปส่งหนูอรอยู่เป็นเดือน จะไม่รู้เรื่องนี้เลยรึไงห้ะ”

   “แล้วคุณน่ะ ตอนที่ไปจัดแจงขอเขามาเป็นสะใภ้ ไม่ได้ตรวจสอบอะไรก่อนเลยรึไง” ปะป๊าเอ่ยเสียงเรียบ “จะโทษลูกเหรอ”

   “คุณพิธาร”

   “คุณทำตามใจตัวเองทุกอย่างโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น คุณคิดว่าพ่อแม่ทำอะไรกับลูกของตัวเองได้อย่างนั้นเหรอ คิดผิดไปหน่อยรึเปล่า”

   “คุณจะโทษว่าเป็นความผิดของฉันงั้นเหรอ”

   “ไม่ให้โทษคุณ แล้วผมต้องโทษใครล่ะ คุณจัดการเรื่องทุกอย่างเอาเอง ไม่ปรึกษาผมสักคำ สำคัญคือไม่เห็นความสมัครใจของลูกเลย คุณอยากให้ลูกเหมือนตัวเองงั้นเหรอ ที่แต่งงานสร้างครอบครัวแต่ไม่มีความสุขน่ะ คุณอยากให้ลูกเป็นเหมือนที่เราเป็นรึไง”

   “ปะป๊า”

   “แล้วมันยังไง ฉันต้องยอมปล่อยให้ลูกคบกับเด็กนั่นตามใจชอบเหรอ มันเป็นผู้ชายนะ หนำซ้ำยังเป็นมนุษย์” หม่าม้าเบือนหน้าไปทางอื่น “เชียรเป็นลูกคนโต ฉันอยากอุ้มหลานจากลูกชายของฉัน มันผิดตรงไหน”

   “สิ่งที่คุณพูด ถ้าคุณไม่รู้ว่ามันผิดตรงไหนหรือคุณไม่คิดว่ามันผิด ผมก็ไม่มีอะไรจะอธิบายเหมือนกัน” ปะป๊าเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะมองไปทางหม่าม้า “ผมยอมคุณมาตลอด แต่ครั้งนี้คงไม่”

   “คุณหมายความว่ายังไง”

   “ตามบัญญัติของตระกูล คุณก็น่าจะรู้ว่าคนเป็นสามีทำอะไรได้บ้าง กับสิทธิ์ในเรื่องลูกก็เหมือนกัน และถ้าคุณไม่ยอม ละเมิดกฎบัญญัติ คงรู้นะว่ามันจะเป็นยังไงต่อ”

   หม่าม้าหันหน้ามาเผชิญกับปะป๊า สายตาแฝงไปด้วยความโกรธ “คุณขู่ฉันงั้นเหรอ”

   “เปล่า ผมพูดจริงๆ ถ้าคุณอยากอุ้มหลาน ผมก็จะให้เจ้าชินรีบแต่งงาน เขาจะได้มีหลานให้คุณ ถึงเจ้าชินจะเป็นลูกคนรองก็เถอะ” ปะป๊ายกมือแตะไหล่ผม “ไปได้แล้วเชียร ไม่ต้องกังวลใจ ถ้ามีเรื่องอะไร ป๊าจะจัดการเอง”

   “....ขอบคุณนะครับปะป๊า” ผมหันมองหม่าม้า “เชียรขอโทษนะครับหม่าหม่าม้า” ว่าแล้วผมก็เดินออกมาจากห้องทำงานทันที ให้ปะป๊าจัดการต่อแบบที่เขาบอกดีกว่า อย่างหม่าม้าน่ะ ถ้าเจอความจริงจังของปะป๊า สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอม

   คุณเชียรก็จะเป็นไท

   รู้สึกโล่งใจนะที่ได้อิสระกลับคืนมา แต่หลังจากนี้เรื่องของความสัมพันธ์ในบ้านก็อาจจะฝืดเคือง เอาๆ ก็ฝืดมาตั้งแต่จำความได้ ช่างเถอะ ผมไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้มันหนักหนาหรอกตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแล้ว ปะป๊าสอนผมว่าให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เรื่องของผู้ใหญ่ก็ให้ผู้ใหญ่จัดการ ตัวผมเอง หลังจากนี้ก็มีเรื่องที่ต้องจัดการเหมือน หลายเรื่องเลยล่ะ แต่มีเรื่องนึงที่สำคัญเอามากๆ และต้องจัดการก่อนทุกๆ เรื่อง

   “.....ปิติ”

   “เรา....มีเรื่องต้องคุยกันนะครับ”

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งบท 3 แล้ว บทหน้าก็จบแล้วนะคะ

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทส่งท้าย



   รู้อยู่หรอกว่ามีเรื่องต้องคุยกัน

   แต่พามาคุยไกลจัง

   “คุณมาถึงชะอำเพื่อ....”

   “คุยไงครับ”

   “ผมคงอยากคุยกับคุณหรอกนะตอนนี้น่ะ” นั่งรถมาตั้งนาน ปวดหลังไปหมดแล้วเนี่ยะ อีกอย่างคือตอนที่อยู่บนรถด้วยกัน เด็กนี่ก็เงียบอย่างเดียว ไม่พูดอะไรกับผมสักคำ

   น่าทุบ

   ตอนนี้เรามาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของผมเอง ไม่ได้มาที่นี่เป็นปีแล้วเพราะไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ผมชอบบ้านหลังนี้นะ เงียบ สงบ ที่ดินบริเวณนี้เป็นที่ของผมทั้งหมด เพราะไม่มีคนเข้ามายุ่มย่าม ชายหาดและทะเลตรงนี้ถึงได้สวยเอามากๆ บ่อยครั้งที่ผมกลายเป็นแมวแล้วไปย่ำต๊อกบนทราย เคยคิดจะกระโจนลงทะเลหลายครั้งแต่ปิติห้ามไว้ซะก่อน เขาบอกว่าผมในร่างแมวน่ะตัวจึ๋งเดียว ถ้าโดนคลื่นซัดหายไป เขาคงจะบ้าตาย

   คำพูดคำจาโคตรเว่อร์เลย

   ผมถอดเสื้อสูทตัวนอกออกก่อนจะปลดกระดุมเชิ้ตแล้วเดินออกไปนั่งที่เก้าอี้ริมระเบียง เกือบ 6 โมงแล้วครับ พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ฟีลตอนนี้คือน่าจิบเบียร์มาก ไว้คุยเรื่องโน่นนี่กับปิติเสร็จก่อนละกัน ผมจะให้เขาไปซื้อเบียร์กับอาหารทะเลมา อยากกินปูม้าตัวใหญ่ๆ ชะมัด และแน่นอนว่าคนที่แกะมันให้ผมกินก็คือคนที่ยืนเป็นซากอยู่ด้านหลังนี่แหละ

   ดูซิว่าเขาจะเริ่มพูดตอนไหน

   “คุณเชียร”

   “....อะไร”

   “คุณรู้มาก่อนไหมครับว่าคุณเพียงอรกำลังตั้งครรภ์”

   ผมยกยิ้มก่อนจะหันไปมองเขา “คุณถามเหมือนหม่าม้าเลยนะ”

   “คำตอบล่ะครับ”

   “คุณว่าผมรู้เรื่องนี้ไหมล่ะ”

   “ผม....ไม่ทราบสิครับ” ดวงตาคมหลบมองต่ำ ผมว่าเขาต้องคิดว่าผมรู้นั่นแหละ แต่ในใจนั่นก็คงสับสนไม่น้อยเลย ปิติอาจจะน้อยใจที่ผมรู้เรื่องทุกอย่างแต่ไม่ยอมบอกเขา

   “ผมรู้ตั้งแต่วันที่ไปเลือกชุดแต่งงาน”

   “แล้วทำไม....”

   “ขนาดคุณยังไม่บอกผมเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง คุณรู้ดีแหละปิติว่าผมหมายถึงอะไร” ผมถอนหายใจพลางเบือนหน้าหนีเขา “คุณคิดว่าผมรู้สึกยังไงที่อยู่ๆ คุณก็เอาร้านชุดแต่งงานมาให้ผมเลือก รู้ไหมว่าผมอยากจะอาละวาดและก็โวยวายมากแค่ไหน ผมต้องอดทนกับมันมากเพราะคิดว่าสิ่งที่คุณทำไป คุณคงมีเหตุผลที่จำเป็น”

   “.....คุณเชียร”

   “สิ่งที่ผมทำ การที่ผมไม่บอกคุณ ผมก็มีเหตุผลของตัวเอง อย่างน้อยการที่คุณไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ มันก็จะทำให้ใครมาว่าอะไรคุณไม่ได้ หรือถ้ามีคนมาว่าคุณ ผมก็สามารถเถียงแทนได้อย่างเต็มปากเต็มคำ”

   “ทั้งหมดนั่นเพื่อผมเหรอครับ”

   “ไม่ใช่เพื่อคุณ”

   “.....”

   “เพื่อเราต่างหาก”

   ผมรับรู้ได้ถึงแรงกอดจากด้านหลัง หึ....ไงล่ะ ซึ้งล่ะสิเจ้าเด็กบ้า ในใจของเขาคงมีความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกันเต็มไปหมด ทั้งเสียใจที่ต้องทำตัวห่างเหินกับผม ทั้งดีใจที่เรื่องทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ ความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้อย่างแน่นอนก็คือเจ้าตัวคงคิดถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เราอยู่ด้วยกันแน่ๆ ต่อให้เขาไม่ต้องพูดอะไรออกมา แต่การกอดของเขามันทำให้ผมรับรู้ได้ทุกอย่าง

   กอด....เหมือนกลัวว่าผมจะหายไปเลย

   มีอีกสิ่งนึงที่ผมควรบอกกับเขา มันสำคัญและถึงเวลาที่ต้องพูดออกไปได้แล้ว เราไม่มีทางรู้ได้เลยนะครับว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าเรายังชักช้า มัวแต่ลีลา เราอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดหรือได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการก็ได้ เพราะงั้นตอนนี้ที่ยังมีเวลา ยังมีโอกาส เราก็ไม่ควรปล่อยให้มันสูญเปล่า ความรู้สึกในใจของผม....ปิติควรได้รู้สักที

   “มีสิ่งนึงที่ผมไม่เคยพูดกับคุณเลย” ผมเลื่อนมือมาจับมือปิติเอาไว้ “....ผมรักคุณนะปิติ”

   “คุณเชียร”

   “ผมรักคุณมากๆ รักมาตั้งนานแล้ว ผมดีใจที่มีคุณอยู่ด้วยตรงนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมอาจจะทำตัวเป็นเจ้านายที่ดื้อไปสักหน่อย แต่ว่าผมก็อยากให้ทาสทนอยู่กับผมไปเรื่อยๆ นะ ได้ไหม”

   “ต่อให้เจ้านายไล่ ผมก็ไม่มีวันไป” ร่างสูงจับให้ผมหันมาประจันหน้า “ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา เป็นผมเองที่ยอมแพ้ในเรื่องของเรา ผมขอโทษนะครับคุณเชียร”

   “ไม่เป็นไร แต่คุณต้องสัญญาก่อนว่าหลังจากนี้ ต่อให้มีเรื่องเกิดขึ้นกับความรักของเรา คุณห้ามยอมแพ้มันเด็ดขาด อุปสรรคอะไรก็ตามที่เข้ามา คุณก็ต้องสู้ไปด้วยกันกับผม”

   “ผมสัญญาครับ” นิ้วก้อยเกี่ยวเข้าที่นิ้วก้อยผม “....ผมสัญญา”

   “ดีมากเจ้าทาส” ผมกอดคนตรงหน้าเอาไว้พลางซุกหน้าลงกับไหล่เขา หอมจัง นี่แหละกลิ่นที่ผมชอบ กลิ่นที่ทำให้รู้สึกสบายใจ

   “ผมรักคุณนะครับคุณเชียร รักคุณมากๆ .....รัก รักจริงๆ ”

   ถึงจะเคยได้ยินมาก่อนแต่ผมไม่เคยรู้สึกมีความสุขกับมันมากเท่าวันนี้เลย

   “ขอบคุณที่รักผมนะปิติ.....ขอบคุณ”

   

***
   

   การได้แช่น้ำหลังจากที่เรื่องกังวลใจหมดไปนี่มันดีจริงๆ เลยน้า

   คุณเชียรล่ะช้อบชอบ

   ผมใช้มือปาดฟองที่ลอยอยู่ขึ้นมาเป่าจนฟุ้งเต็มไปหมด หลังจากเคลียร์ปัญหาใจกันเสร็จ ผมก็ไล่ให้ปิติไปซื้อของกินกับเบียร์ ต้องฉลองที่กลับมาคืนดีกันหน่อย ไม่รู้ว่าเขาไปซื้อของยันไหนเพราะไปตั้งสักพักใหญ่ละ แต่ช่างเถอะ เรามีเวลาใช้ร่วมกันอีกเยอะ ผมโทรไปขอลางานปะป๊าเรียบร้อย ลาพักร้อนไปอาทิตย์นึงเผื่อของปิติด้วย คือช่วง 2 ปีมานี้ผมไม่เคยลาพักร้อนเลย ทำแต่งานอย่างเดียว

   แลดูเป็นแมวที่ขยันมากเลยเนอะ

   ถ้าหมดช่วงวันหยุดค่อยกลับไปลุยงานต่อ หลังจากที่คุยกันเสร็จปิติก็บอกตารางงานของเดือนหน้าให้ผมฟัง งานใหญ่ที่สุดคือการไปเจรจาธุรกิจที่จีน เลขาฯ ผมบอกมาว่าปะป๊าค่อนข้างคาดหวังกับมันพอสมควรเพราะว่าถ้าได้บริษัทนี้มาเป็นคู่ค้า มันจะสร้างเงินให้กับทางเราได้มหาศาล เอาจริงๆ ตารางงานของเดือนหน้าแน่นมากเลยครับ ปิติบอกว่ามีนิตยสารมาขอสัมภาษณ์ผมในฐานะนักธุรกิจที่น่าจับตามองด้วย คือจะมาจับตามองกันทำไม

   ผมไม่ได้น่ามองขนาดนั้นซะหน่อย

   แล้วคิดดูว่าต้องให้สัมภาษณ์ มันต้องมีคำถามอื่นนอกจากเรื่องธุรกิจแน่เลย ตอนแรกผมจะปฏิเสธด้วยนะแต่ทาสบอกผมว่ามันอาจจะเป็นการดีถ้าผมให้สัมภาษณ์กับเขา อย่างน้อยจะได้ทำให้คนทั่วไปรู้จักกับบริษัทของเรา ผมก็ถามปิตินะว่าถ้ามีผู้หญิงเห็นผมในนิตยสารแล้วพากันหลงรัก เขาจะทำยังไง เจ้าตัวตอบว่าก็ไม่ทำยังไง อาจจจะหึงนิดหน่อย หรือถ้ารู้สึกหงุดหงิดมากๆ เดี๋ยวก็เอาอารมณ์ทั้งหมดมาลงที่ผมเอง

   ฟังจากคำตอบก็รู้เลยนะว่าเป็นคนยังไง

   หึ...เป็นแค่ทาสแท้ๆ

   หลังจากใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นานสองนาน ผมก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อหาเสื้อผ้าใส่ นี่เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ปิติยังไม่กลับมาเลยเดี๋ยวต้องโทรตามแล้วล่ะ ไม่ใช่ไปขับรถตกทะเลอยู่ไหนหรอกนะ พอคิดได้แบบนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากะว่าจะโทรหาทาสแต่มีสายเรียกเข้ามาซะก่อน หน้าจอแสดงชื่อที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เออลืมไปเลยว่าต้องโทรถามว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ไหนๆ ฝั่งนั้นโทรมาก่อนก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ

   “ฮัลโหลน้องอร เป็นยังไงบ้าง”

   (ไม่เป็นยังไงหรอกค่ะพี่เชียร อรกับเพลินเล่าเรื่องทั้งหมดและขอโทษคุณพ่อคุณแม่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเข้าใจค่ะ)

   “เขาไม่ขัดขวางหรือกีดกันอะไรใช่ไหม”

   (มีบ่นนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อดีใจมากเลยที่จะมีหลาน ส่วนคุณแม่ก็ทำมาดดุไปตามประสานั่นแหละค่ะ อีกเรื่องคือคุยกันเอาไว้ว่าจะแต่งงานกันช่วงต้นเดือนหน้าน่ะค่ะ ขอเชิญพี่เชียรมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยนะคะ)

   “ยินดีมากเลยน้อง พี่ดีใจด้วยนะที่ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้”

   (ขอบคุณนะคะ แล้วเรื่องของพี่เชียรล่ะ จัดการรึยัง)

   “เรียบร้อยแล้วล่ะ พี่คุยกับเขาแล้ว บอกรักไปแล้วนะ ตอนนี้เข้าใจกันทุกอย่าง”

   (ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะค่ะ ค่อยหาวันว่างมาทานข้าวด้วยกันนะคะ พาเขามาด้วย)

   “ได้สิ กลับไปวันไหนเดี๋ยวพี่บอกน้องอรละกัน”

   (ได้ค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะพี่เชียร)

   “จ้า” ผมรับคำก่อนจะกดวางสาย เงาในกระจกบ่งบอกว่ามีใครบางคนยืนมองอยู่ด้านหลัง แววตาแสดงความสงสัยออกมาอย่างชัดเจน

   “คุณเพียงอรเหรอครับ”

   “อืม” ผมหันมาหาเจ้าตัว “ไปนานจังอะ”

   “คิดถึงผมสินะ”

   “หิวต่างหาก” ผมทำหน้ามุ่ยใส่เขา “ใครเขาจะคิดถึงคุณกัน”

   “พูดแบบนี้ผมเสียใจแย่เลยนะครับ” ร่างสูงเดินมาใกล้ก่อนจะคุกเข่าต่อหน้าผม “ความจริงที่ผมกลับมาช้าก็เพราะว่าไปหาสิ่งนี้มา” มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบกล่องอะไรบางอย่างออกมา

   ด้านในมันคือ.....

   “หึ....ทำแบบนี้แล้ว ไม่ค่อยสมเป็นคุณเลยนะ”

   “ก็จริงนะครับ แต่ความรู้สึกที่ผมอยากผูกมัดคุณเชียรเอาไว้ มันมากมายเหลือเกิน อย่างน้อย....ใครก็ตามที่ได้เห็นแหวนนี่บนนิ้วคุณ เขาจะได้รู้ว่าคุณมีเจ้าของแล้ว” ปิติหยิบแหวนในกล่องออกมาก่อนจะสวมเข้าที่นิ้วนางให้ผม “มันอาจจะไม่ใช่ของที่มีราคาแต่มันมีค่ามากในความรู้สึกของผม”

   “ขอบคุณนะปิติ” ผมก้มลงไปจุ๊บหัวเขาเบาๆ พลางยิ้มให้ “ผมไม่มีอะไรให้คุณเลยอะ”

   “แค่ตรงนี้มีคุณเชียรอยู่ ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้วครับ”

   “ปากหวานจัง” ผมเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าคมก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากบางนั่นอย่างแผ่วเบา จูบที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรแต่สื่อความรู้สึกถึงกันได้มากมายจริงๆ

   เหตุผลของการกลับมาช้าของปิติก็คือไปซื้อแหวนมาให้ผม ใช้มันเพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกกับคนอื่นว่าตัวเองผูกมัดผมเอาไว้ แสดงความเป็นเจ้าของทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาคงกลัวว่าจะเสียผมไปอีกล่ะมั้ง ความสัมพันธ์ของเราในตอนแรกมันค่อนข้างคลุมเครือ ไม่มีชื่อเรียก สถานะก็แค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น ผูกพันทางกายแต่ไม่มีใครพูดว่ามันอยู่ในฐานะอะไร ผมว่าถ้าไม่มีเรื่องแต่งงานเข้ามา ระหว่างอาจจะยังเหมือนเดิมก็ได้

   ไม่ชัดเจนอยู่แบบนั้น

   คิดๆ ดูแล้วมันอาจจะดีก็ได้ที่หม่าม้าบังคับให้ผมแต่งงาน เพราะถ้าไม่มีอุปสรรคนี้ ผมคงไม่คิดจะแสดงความชัดเจนในเรื่องระหว่างเราแน่ๆ ปิติเองก็คงไม่มีความกล้ามากพอที่จะมาทำอะไรแบบนี้ด้วย พอมาถึงตอนนี้ผมรู้สึกได้เลยว่าช่วงเวลาที่ห่างกันเพื่อจัดการปัญหาต่างๆ มันไม่สูญเปล่า อย่างน้อยในวันนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกัน ตอกย้ำความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ชัดเจนมากกว่าเดิม ไม่ใช่ในฐานะของเจ้านายและลูกน้องอีกต่อไป

   เรา....ต่างเป็นคนรักของกันและกัน

   “อืม....” ผมละออกมาก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง “หน้าผมร้อนไปหมดแล้วปิติ”

   “ผมอยากให้คุณเชียรรู้สึกร้อนไปทั้งตัว”

   “ไม่ต้องเลยนะ” ผมทำหน้าดุใส่แต่เหมือนเด็กนั่นจะไม่สนใจ อ้อมแขนแกร่งอุ้มผมขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะพามาที่เตียง “คุณจะทำอะไรเนี่ยะปิติ ผมกำลังหิวนะ”

   “ผมก็หิวเหมือนกัน” คนเอาแต่ใจจับข้อมือผมตรึงเอาไว้ ดวงตาคมไล่มองอยู่อย่างนั้น สายตาแบบนี้คือเอาจริงแน่นอน และต่อให้ผมไม่ยอม เขาก็จะหาทางต้อนเอาจนได้อยู่ดี

   “แค่....ครั้งเดียวนะ”

   “....ได้สิครับ” มือเรียวเลื่อนเข้ามาลูบใต้เสื้อผม “แค่ครั้งเดียว”

   น้ำเสียงไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

   “อื้ออออ....”

   
***


----- 50% -----

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
----- ต่อจากบทส่งท้าย -----



   ครั้งเดียวไม่มีอยู่จริง

   ไม่มีอยู่จริงๆ

   “อ๊ะ....อื้ออออ....ปิติ....พอก่อน” ผมเอี้ยวไปมองร่างสูงที่ขยับเอวใส่ไม่หยุด ฮืออออ....เขาอดอยากมาจากไหนถึงได้ทำกับผมแบบนี้เนี่ย

   “ทำกันขนาดนั้นแต่ข้างในยังเป็นแบบนี้อยู่เลยนะครับ” เอวสอบชะลอจังหวะก่อนจะสวนเข้ามาอีกครั้ง “จะทำผมคลั่งไปถึงไหน”

   คุณคลั่งของคุณเองทั้งนั้นแหละ

   “อื้อออ....ไม่ไหว....อ๊ะ”

   “อดทนอีกหน่อยนะครับคุณเชียร” เจ้าตัวกระซิบที่ข้างหูพลางงับที่ท้ายทอยผมเบาๆ มือเรียวจับส่วนแข็งขืนขยับไปพร้อมๆ กัน อื้มมม...ม....รู้สึกดีไปหมดทุกทางแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ

   “อ๊า....ปิติ”

   ผมสั่นไปตามแรงกระแทก มือจิกหมอนระบายความเสียว หน้าซุกกับหมอนเพื่อเก็บเสียงครางอยู่อย่างนั้น นาฬิกาที่หัวเตียงแสดงเวลาเกือบตี 2 แล้ว เราทำกันมาหลายชั่วโมงจนผมเปลี้ยไปทั้งตัว อีกอย่างคือหิวมากเลยอะ ป่านนี้อาหารที่ปิติซื้อมาคงเย็นชืดหมดแล้วมั้ง เรื่องนี้เป็นความผิดเขาจริงๆ เด็กนี่ผิดคำพูดที่บอกว่าจะทำแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่าๆ มาจนถึงตอนนี้มันกี่ชั่วโมงแล้วล่ะ

   คุณเชียรจะตายอยู่แล้ว

   “อื้อออ...อ...”

   “ซี๊ดดดด....พร้อมกันนะครับคุณเชียร” เอวสอบขยับเข้ามาสุดแรงเมื่อใกล้ถึง

   “อื้มมม....อ๊ะ”

   “อา....”

   “อ๊ะ....ปิติ....อ๊าาาาาาาาาาาา”

   “อื้มมมม....คุณเชียร” ร่างสูงขยับเอวสองสามครั้งก่อนจะถอนกายออกมา อื้อออ....อ....ผมหมดแรงจนถึงขีดสุด เสียงก็พร่าไปหมด เรื่องนี้ปิติต้องรับผิดชอบ

   “ผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้กับคุณอีก 3 เดือน” ผมพลิกตัวนอนตะแคงก่อนจะแยกเขี้ยวใส่เขา ใบหน้าคมอมยิ้มมองเหมือนไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ผมพูดสักเท่าไหร่

   “คุณเชียรจะทนไหวเหรอครับตั้ง 3 เดือน”

   “ผมไม่ใช่คนมักมากแบบคุณนะทาส” ผมคว้าหมอนมาตีคนที่นอนอยู่ข้างๆ “ทำครั้งเดียวของคุณเหรอห้ะ คนโกหก”

   “อื้ออออ....” มือเรียวรวบผมเข้าไปกอดเอาไว้ “ก็คนมันคิดถึงนี่ครับ ยั้งตัวเองไว้ไม่อยู่จริงๆ ใครให้เจ้านายน่ารักมากๆ กันล่ะ”

   “คุณไม่ต้องมาอ้างเลยนะ”

   ปิติยื่นหน้ามาจูบหน้าผากผมเบาๆ “ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยนะครับและก็ขอบคุณที่สุดท้ายก็ยอมตามใจผม”

   “ผมไม่ได้อยากตามใจคุณเลยสักนิด”

   “ครับ ผมเอาแต่ใจเองแหละ” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะจัดแจงท่านอนให้ผม “หิวใช่ไหมล่ะครับ เดี๋ยวผมยกอาหารมาให้ คุณเชียรยังอยากดื่มเบียร์อยู่ไหมครับ”

   “ดื่ม รีบยกมาเลย”

   “งั้นรอแป๊บนึงนะครับ” ว่าแล้วปิติก็หยิบผ้าเช็ดตัวพันไว้รอบเอวก่อนจะเดินออกไปด้านนอก ส่วนผมก็นอนแผ่อยู่บนเตียงอย่างหมดสภาพ

   ใช้พลังงานชีวิตเยอะชะมัด

   ทำเรื่องแบบนี้มันก็เหนื่อยอะนะ คงเพราะผมหิวข้าวด้วยล่ะมั้ง อีกอย่างคือไม่ได้เตรียมใจที่จะโดนเด็กนั่นง้าบสักหน่อย ถ้าแค่ครั้งเดียวก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่มันนับไม่ถ้วนแลยอะ เอาจริงๆ ใครจะไปนับกันว่าเสร็จไปกี่ครั้ง อา....พอๆ คิดอะไรของผมเนี่ย ลามกว่ะ ที่คุณเชียรเป็นแบบนี้มันต้องเป็นเพราะปิติแน่ๆ เลย ไม่รู้อะ อะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแปลกไปจากทุกทีก็เอาเป็นว่าโทษปิติไว้ก่อน

   ผมต้องเป็นคนถูกเสมอไง

   หลังจากที่นอนรออยู่แป๊บนึง ร่างสูงก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับของกินเต็มไปหมด ปิติลากโต๊ะมาใกล้เตียงก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ผมมองมือเรียวที่กำลังแกะกุ้งกับปูอย่างชำนาญพลางจิบเบียร์ไปด้วย หน้าที่ของเจ้านายคือรอกินอย่างเดียว เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมเคยคิดจะแกะกุ้งเองด้วย แต่พอแกะแล้วมันกระเด็นเข้าตาเท่านั้นแหละ ความตั้งใจทุกอย่างก็ต้องล้มเลิกอะครับ ให้ทาสแกะให้กินจะง่ายกว่า

   “นี่ครับ” ปิติยื่นจานที่มีเนื้อกุ้งเรียงกันเป็นระเบียบมาด้านหน้าผม “ทานเยอะๆ นะครับ”

   “เยอะอยู่แล้วแหละ” ผมหยิบเนื้อกุ้งเข้าปากทันที “อื้มมมม....อร่อยจัง”

   “อันนี้ปูครับ”

   “แล้วคุณไม่กินเหรอปิติ”

   “ผมกินคุณเชียรจนอิ่มแล้วไงครับ”

   “คำพูดคำจา” ผมหยิบเนื้อกุ้งจ่อไปที่ปากคนตรงข้าม “เร็ว”

   “หึ....” ปิติอ้าปากงับเนื้อกุ้งที่ผมป้อน งับมายันนิ้วของผมด้วย แหม่ เรื่องหาเศษหาเลยนี่ต้องยกให้เขาจริงๆ นิดหน่อยก็จะเอา

   “นิ้วผมไม่ใช่กุ้ง”

   “กินได้เหมือนกันครับ”

   “ปิติ” ผมแยกเขี้ยวใส่เขาอีกรอบ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั่นน่าหมั่นไส้ชิบ ไว้ถ้าเขาหลับเมื่อไหร่นะ ผมจะกลายเป็นแมวแล้วไล่งับไล่ข่วนเขาทั้งตัวเลย

   โดนแน่ทาส!!!

   ผมนั่งมองคนตรงหน้าพลางหยิบเนื้อปูเข้าปาก อื้มมมม....อร่อยจัง บางทีความสุขในชีวิตของคนเรามันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากเลยนะ แค่ได้นั่งจิบเบียร์ กินของอร่อย อยู่กับคนที่ตัวเองรัก โมเม้นท์แบบนี้เมื่อก่อนก็เคยมีครับแต่ว่าความรู้สึกของช่วงเวลามันต่างกันพอสมควร คงเพราะเมื่อก่อนเรายังไม่ได้แสดงความรู้สึกชัดเจนเท่ากับตอนนี้ล่ะมั้ง ความคลุมเครือในตอนนั้นมันให้ความสุขได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ

   พอคิดแบบนั้นแล้ว....มันดีจริงๆ ที่ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้

   “ผมอยากไปนั่งข้างนอก คุณพาไปหน่อยสิ” ผมหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่อตัว “ลากโต๊ะนี้ไปด้วย”

   “ได้ครับ” ปิติเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะช้อนตัวผมเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วพาเดินออกมาที่เก้าอี้ริมระเบียง “แป๊บนึงนะครับ”

   “อื้ม....” ผมรับคำเขาพลางมองทะเลในยามกลางคืนเบื้องหน้า

   คืนนี้บนท้องฟ้าเห็นดาวเยอะเป็นพิเศษเลย ไหนจะลมเย็นๆ ที่กระทบผิวนี่อีก บรรยากาศดีจนแทบอยากหยุดเวลาเอาไว้ คอนโดฯ ของผม ต่อให้อยู่สูงแค่ไหน ก็มองเห็นดาวไม่เยอะเท่าที่นี่เลย พอเห็นแบบนี้แล้วนึกถึงสมัยเด็กๆ เหมือนกันแฮะ ผมชอบลากปิติขึ้นไปดูดาวด้วยกันที่ฐานทัพลับ มันเป็นบ้านต้นไม้ที่ปะป๊าสร้างไว้ให้น่ะครับ ตอนนี้ขึ้นไปไม่ได้แล้วล่ะเพราะมันค่อนข้างเก่าและก็ดูเล็กลงไปเยอะเลย

   ก็นะ....ผมโตแล้วนี่นา

   ถึงจะเข้าไปไม่ได้แบบเมื่อก่อนแต่ผมยังเก็บมันเอาไว้นะ มันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำในอะไรหลายๆ อย่าง เวลาผมโดนหม่าม้าดุ ผมก็จะไปแอบที่นั่น เอาจริงๆ ต่อให้ไปแอบที่อื่น เขาก็ตามหาผมเจออยู่ดี ไม่รู้ว่าทำไม จะบอกว่าตามจากกลิ่นก็ไม่น่าจะใช่ เขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจมูกดีสู้แมวแบบผมได้อยู่แล้ว เคยถามเหมือนกันถึงเรื่องนี้แต่เจ้าตัวไม่ยอมบอก

   ทำมาเป็นมีความลับ....หึ

   “คิดอะไรอยู่เหรอครับคุณเชียร”

   “คิดถึงสมัยก่อน ที่ผมชอบหนีหม่าม้าไปซ่อน และคุณก็มักจะตามผมเจอเสมอ”

   “เพราะผมเป็นทาสของคุณไงครับ เจ้านายอยู่ที่ไหนผมต้องรู้อยู่แล้ว”

   “ถามจริงๆ นะปิติ” ผมเท้าคางมองเขา “คุณน่ะ แอบติด GPS ไว้ที่ตัวผมใช่ไหม”

   ร่างสูงหลุดขำออกมา “ผมจะเอาของแบบนั้นติดที่ตัวคุณเชียรได้ไงครับ อีกอย่างตอนนั้นเรายังเด็กอยู่เลย”

   “แล้วทำไมคุณถึงหาผมเจอตลอดเลยล่ะ”

   “เอาจริงๆ มีไม่กี่ที่หรอกนะครับที่คุณเชียรจะไปซ่อน ผมก็แค่เดาถูกเฉยๆ เท่านั้นเอง”

   “ไม่จริง”

   “ความจริงครับ” นิ้วเรียวเลื่อนมาเช็ดมุมปากผม “หรือคุณเชียรจะให้ผมบอกว่าเพราะผมรักคุณเชียรมากๆ พลังแห่งความรักก็เลยทำให้ผมหาคุณเชียรเจอ”

   “ไม่ต้องเลย เหตุผลแรกฟังแล้วเข้าท่ากว่า” ผมป้อนเนื้อปูให้ปิติ เขาก็งับนิ้วผมเหมือนเดิม “นี่คุณ สองรอบแล้วนะ จะเอาใช่ไหมห้ะ”

   “เอาอีกได้เหรอครับ”

   “ปิติ” ผมหยิกมือเขา “ผมจะไม่คุยกับคุณแล้วนะ”

   “อื้อออ...อ....ขอโทษครับ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะเอามือผมไปแนบหน้าตัวเองอย่างอ้อนๆ “เห็นคุณเชียรน่ารัก ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะแกล้งนี่นา”

   “ถ้าผมมันเขี้ยวคุณมากๆ แล้วไล่ข่วนคุณทั้งตัวก็อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกัน”

   “ผมไม่เคยบ่นอยู่แล้วครับ” ปิติยิ้มหวานจนตาปิด ผมชอบเวลาเขายิ้มแบบนี้จริงๆ แต่จะว่าไป....ผมไม่ได้ชอบแค่รอยยิ้มของเขาหรอก ผมชอบเขาทั้งตัวนั่นแหละ

   คิดเองก็เขินเองว่ะ

   บ้าจริง

   ผมหยิบขวดเบียร์ก่อนจะส่งไปให้ร่างสูง มือเรียวรับมันพร้อมกับกระดกลงคอช้าๆ มองจากมุมนี้แล้วกร๊าวใจชะมัด แค่กินเบียร์เองป้ะ ทำไมต้องทำดาเมจใส่กันรุนแรงขนาดนั้นอะ คือปิติก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก มีแต่ผมเนี่ยะที่ตื่นเต้นอยู่คนเดียว อยากรู้เหมือนกันว่าในอนาคตข้างหน้า ผู้ชายคนนี้จะเปลี่ยนไปขนาดไหน วันนึงที่เขาโตมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มันจะเป็นยังไงนะ อายุแค่นี้ยังฮอตขนาดนี้

   ถ้าอายุสัก 30 นี่จะขนาดไหน

   “มองผมแล้วทำหน้าแบบนั้น....ผมเขินนะครับ”

   “เขินอะไรของคุณ” ผมลุกจากเก้าอี้ตัวเองก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนตักของปิติ ฟีลเหมือนเบบี๋ยังไงก็ไม่รู้ มีแค่ผ้าห่มผืนเดียวที่คลุมตัวเองอยู่ ส่วนทาสก็ใส่แค่กางเกงขายาวตัวเดียว

   เห็นรอยข่วนที่อกเขาแล้วผมหน้าร้อนไปหมด

   “มานั่งบนตักผม ไม่กลัวเหรอครับ”

   “ผมต้องกลัวอะไรคุณ”

   “ก็....” จมูกโด่งคลอเคลียที่ข้างแก้มผม “ผมอาจจะกินคุณเชียรอีกก็ได้นะครับ”

   “ดูพูดเข้าสิ” ผมดึงแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว “ทั้งๆ ที่ตอนเด็กออกจะใสซื่อแท้ๆ ทำไมโตมาถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ”

   “ผมอยู่ใกล้ใคร ผมก็ติดมาจากคนนั้นแหละครับ”

   ผมทำตาโตใส่เขา “คุณว่าผมเหรอ”

   “เปล่านะครับ” ปิติเลื่อนมือมาประสานเข้ากับมือผม “ตอนนี้ผมรู้สึกมีความสุขมากเลยครับ มีความสุขแบบที่ไม่เคยมีเลย”

   “ขนาดนั้นเชียว”

   เจ้าตัวพยักหน้ารับเบาๆ “มันดีจริงๆ ที่วันนั้นคุณท่านรับผมมาเลี้ยง ไม่งั้นเรื่องของเราคงไม่เกิดขึ้น ผมคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นยังไงต่อ”

   ผมพยักหน้ารับในสิ่งที่เขาพูด เรื่องราวในวันนั้นผมยังจำได้ ปะป๊าพาผมไปสถานรับเลี้ยงเด็กพร้า ไปเลี้ยงอาหารพวกเขาเนื่องในวันเกิดของผม ทุกคนในตอนนั้นดูสนุก แต่มีเด็กอยู่คนนึงที่ทำแค่แอบมอง ไม่ยอมมาร่วมวงกับทุกคน พอผมเห็นแบบนั้น ผมก็ถือจานเค้กไปให้เขา เด็กคนนั้นมองมันอยู่นานก่อนจะยิ้มให้ผม รอยยิ้มนั้นสดใสมาก ผู้ดูแลบอกว่าไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นรอยยิ้มออกมาจากปิติ

   ได้ยินแบบนั้นแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนพิเศษเลยล่ะ

   ความคิดผมในตอนนั้นคืออยากพาเขากลับบ้านไปด้วย อยากเห็นเขายิ้ม มันแค่นั้นเอง ผมร้องขอปะป๊าให้พาเขากลับไปด้วย ให้เขาเป็นเพื่อนผม อยู่ข้างผม เป็นผู้ช่วยของผม เหมือนกับคุณทิวาที่เป็นผู้ช่วยของปะป๊า ตอนนั้นหม่าม้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เลยแต่สุดท้ายแล้วปะป๊าก็ทำตามคำขอของผม เรารับปิติกลับมาที่บ้านด้วยกัน ปะป๊าส่งเขาเรียนหนังสือ คุณทิวาเป็นคนสอนเรื่องอื่นๆ ให้กับเขา

   กว่าจะมาเป็นปิติในทุกวันนี้ได้ก็หนักพอตัวเลย

   “ทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ไปนั่งกินเค้กกับคนอื่นล่ะ”

   “ในใจผมตอนนั้นรู้สึกหลายอย่างเลยครับ อิจฉา น้อยใจ เศร้า ผมไม่เคยมีงานวันเกิดแบบนั้นเลย เอาจริงๆ แม้แต่วันเกิดผมยังไม่รู้เลยว่ามันวันไหนกันแน่” เขาคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “ตอนนั้นที่ผมยืนมองเค้กที่คนอื่นกินกัน ผมรู้ว่ามันต้องอร่อยมากๆ แต่ผมก็ไม่อยากเข้าไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ มันเหมือนไม่ใช่ที่ของผม”

   “แล้วตอนที่ผมเอาเค้กไปให้คุณล่ะ”

   “ตอนนั้นผมตกใจเหมือนกันนะ เพราะปกติไม่ค่อยมีใครสนใจผมเท่าไหร่ เค้กก้อนนั้นที่คุณเอามาให้ มันอร่อยมากเหมือนกับที่คิดเอาไว้เลย” ปิติกระชับมือเราให้แน่นขึ้น “สำหรับผม....มันพิเศษมากจริงๆ ”

   “ตอนนั้นคุณก็ทำให้ผมรู้สึกพิเศษเหมือนกัน ผู้ดูแลบอกผมว่าคุณไม่ยิ้มให้ใครเลย แต่วันนั้นคุณยิ้มให้ผม เพราะแบบนั้นแหละ ผมถึงขอให้ปะป๊าพาคุณกลับมาด้วย”

   “ผมโชคดีจริงๆ ที่มีคุณเชียรเข้ามาในชีวิต” ปิติจูบหัวผมเบาๆ “ขอบคุณนะครับ....สำหรับทุกอย่างเลย”

   “ถ้าไม่มีคุณอยู่ข้างผมมาตลอด ผมอาจจะไม่ใช่คุณเชียรในตอนนี้ก็ได้” ผมหันมองเขา “คุณเชื่อไหมว่าเพราะโชคชะตากำหนดให้เราต้องมีกันและกันตั้งแต่แรก เรื่องทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้”

   “เชื่อครับ และเพราะเชื่อแบบนั้นมาตลอด ผมถึงอดทนจนผ่านมาได้ถึงตอนนี้ ก่อนหน้าอาจจะทำให้คุณเชียรต้องเสียใจ แต่ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว” เจ้าตัวกุมแก้มผมเอาไว้ “ผมสัญญา”

   “ขอบคุณนะปิติ” ผมก้มหน้าลงไปใกล้เขาจนจมูกเราชนกัน “คุณต้องอยู่เคียงข้างผมไปตลอดชีวิตเลยนะทาส”

   “ครับ.....ผมจะอยู่ดูแลเจ้านายไปตลอดชีวิต”


   สัมผัสนุ่มเกิดขึ้นระหว่างเราเพื่อเน้นย้ำคำสัญญาที่เพิ่งมอบให้กัน ผมเชื่อว่าปิติจะทำทุกอย่างได้ตามที่เขาพูด ตัวผมเองก็ด้วย เราอยู่ด้วยกันมานาน ความผูกพันและความรู้สึกที่มีมันมีความหมายมากจริงๆ ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ผมคิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ แค่ผมมีเขา....ไม่มีอะไรที่ผมต้องกลัวอีกแล้ว

   “ผมรักคุณนะปิติ”

   “ผมก็รักคุณเชียรครับ”


   

   

   

----- END -----



จบแล้วนะคะสำหรับเรื่องสั้นพี่แมวนะหนู ก็เป็นเรื่องที่รวมหลายฟีล หลายอารมณ์ไว้ด้วยกันนะ

ชาลก็หวังว่าบี๋ที่อ่านจะชอบงานเขียนนี้นะคะ ในอนาคตถ้ามีโอกาสก็อยากลองเขียนแนวประมาณนี้เป็นเรื่องราวบ้าง

ก็รอติดตามกันไปนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนุกมากเลยค่าา ชอบมาก นานๆจะได้อ่านแฟนตาซีแบบนี้ ไม่ผิดหวังเลย น้องเหมียวกับเจ้าทาสน่ารักมาก ชอบตอนดูแลคุณเชียรตอนเป็นแมวหยิ่งเสร็จ ตกดึกก็งั่มๆคุณเชียร์ต่อแบบเอาคืนทบต้นทบดอก คืนทุนที่ทำปลานึ่งให้55555 :hao7: ตอนแรกหวั่นใจว่าจะดราม่า สรุปไม่เลย แฮปปี้มากๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เจ้านายกับทาสของเขา สวีทมากค่า โอ๊ยยยยยยสนุกกกกกกกกกก ชอบจริงๆค่ะ อ่านเพลินเลย แนวนี้ ดราม่าพอกรุบกรอบ ดีที่อะไรๆก็ผ่านไปได้ดี สนุกๆค่ะ ชอบๆ ขอบคุณนะคะที่แต่งมาให้อ่าน

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ Piechicofic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจ้าทาส กับ เจ้าแงว น้วยกันน่าร้ากกกกก น้อยใจแทนปิติ เจ่บปัยหมด ;-;

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด