Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 48] 26/11/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 48] 26/11/2020  (อ่าน 21204 ครั้ง)

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 39] 21/6/2020
«ตอบ #120 เมื่อ21-06-2020 23:42:33 »

พระเอกมาทวงน้องคืนแล้ววววว

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 39] 21/6/2020
«ตอบ #121 เมื่อ21-06-2020 23:55:21 »

ถึงเวลาเปิดใจแล้ววว

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 39] 21/6/2020
«ตอบ #122 เมื่อ22-06-2020 11:01:59 »

น้องจะตอบว่ายังไงนะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 40] 26/6/2020
«ตอบ #123 เมื่อ26-06-2020 20:36:16 »

หลี่คุนหน้าเสียทันทีที่ได้ยินคำถาม เขาชิงเป็นผู้ถามคำถามก่อนก็เพื่อที่ว่าหากจางอี้หลงเป็นคนที่ข้ามเวลามาจริง เขาก็จะเปิดเผยความลับของตัวเองออกมาเหมือนกัน แต่ในเมื่อไม่ใช่ ควรจะตอบอย่างไรดีไม่ให้ผิดคำสาบานที่ร้ายแรงนั้น เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะเสียความผูกพันที่สร้างขึ้นในฐานะคุณานนท์ไป
 
“ทำไมพี่ถึงถามคำถามนี้กับผม พี่สงสัยอะไร”
 
“ไม่ได้สงสัยอะไรนี่ครับ ก็เห็นน้องคุนถามพี่แบบนี้ก่อน พี่ก็แค่ลอกคำถามน้องคุน”
 
“ถ้าไม่สงสัย งั้นผมขอดื่มแล้วกันครับ”
 
หลี่คุนประกาศแล้วก็ยกแก้วใบไม่เล็กตรงหน้าขึ้นซดทีเดียวหมดอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาลอบโคจรกำลังภายในบุปผาเร้นวารีบรรเทาพิษสุราจากข้างใน ยกแรกเขาเพลี่ยงพล้ำไปแล้วแต่ยังดีที่มีตัวช่วย หมากกระดานนี้เขาเป็นคนวางย่อมเหลือทางออกให้ตัวเองเสมอ ถ้าคำถามแรกยังไม่อาจเปิดเผยที่มาของจางอี้หลงได้ คำถามต่อไปต้องรู้อะไรเพิ่มเติมแน่
 
“คำถามที่สอง พี่รู้จักท่าเท้าท่องคลื่นทั้งเจ็ดสิบสองตำแหน่งได้ยังไง และใช้วิธีไหนในการปรับปรุงมันขึ้นมา”
 
“นี่นับเป็นสองคำถามหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไร พี่จะบอกให้หมดเลย มันชื่อท่าเท้าท่องคลื่นเหรอ ฟังดูคุ้นๆ พี่รู้จักก็เพราะลอกตำแหน่งท่าเท้ามาจากน้องคุนนั่นแหละ”
 
“เป็นไปไม่ได้ ถึงท่าเท้านี้จะมีแค่เจ็ดสิบสองตำแหน่ง แต่เวลาร่ายรำออกมา ความผันแปรในการผสานทิศเรียงตำแหน่งก่อนหลังมีเป็นพันเป็นหมื่นกระบวนท่า ถึงจะเห็นกับตาก็ไม่มีทางรู้ถึงตำแหน่งพื้นฐานที่แท้จริงได้”
 
“น้องคุนอย่าโกรธพี่นะ คือพี่ไม่ได้ดูด้วยตาหรอก แต่ในรองเท้าผ้าใบที่พี่เคยให้น้องคุนสวมตอนร่ายรำกระบวนท่าพวกนี้ มันติดเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบละเอียดไว้ พอพี่กลับมาจีนก็เอาข้อมูลที่ได้มาเข้าเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ให้วิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหวออกมา ไม่น่าเชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่ดูซับซ้อนไร้รูปแบบอย่างนั้น จริงๆ กลับถูกกำหนดด้วยกฎเกณฑ์ที่น่าทึ่งมากๆ ขนาดซุปเปอร์คอมพิวเตอร์พลังประมวลผลอันดับต้นๆ ของจีน ยังใช้เวลาเกือบเดือนถึงจะได้รูปแบบที่สมบูรณ์ออกมา และทุกอย่างพี่เก็บเป็นความลับให้น้องคุนหมด”
 
หลี่คุนฟังแล้วบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ในเมื่อท่าเท้าท่องคลื่นถูกปรับปรุงด้วยวิทยาการสมัยใหม่ จางอี้หลงก็ไม่ใข่คนที่ข้ามเวลามาอย่างที่เคยคิด ความหวังที่จะมีเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจชะตากรรมร่วมกันหายไป แต่จางอี้หลงเป็นคนธรรมดาอย่างนี้เขาก็ไม่มีเหตุให้ต้องระแวงอีกฝ่ายอีก
 
“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าควรจะปรับแก้ตรงตำแหน่งไหน”
 
“หลังจากรู้กฎเกณฑ์การเคลื่อนไหวทั้งหมดแล้ว พี่ก็เอาไปเข้าระบบจำลองการต่อสู้ที่พัฒนาขึ้นจากเกม พูดง่ายก็เหมือนกับจำลองให้มีคนสองคนที่ใช้กระบวนท่านี้มาต่อสู้กันเอง พอต่อสู้เสร็จครั้งหนึ่งก็เอาผลที่ได้มาวิเคราะห์แล้วให้ปัญญาประดิษฐ์ปรับปรุงรูปแบบการเคลื่อนไหวแล้วส่งเข้าไปสู้กันใหม่ ทำอย่างนี้ซ้ำๆ เราก็จะได้กระบวนท่าที่ดีขึ้นเรื่อยๆ พี่เห็นว่ามันปรับปรุงขึ้นพอสมควร เลยส่งให้น้องคุนเอาไปลองใช้ดู”
 
“ไม่น่าเป็นไปได้ การปรับเปลี่ยนกระบวนท่าที่เกือบจะสมบูรณ์อยู่แล้วนั้น ต่อให้คนผู้หนึ่งหมกมุ่นกับมันทุกวัน ก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอในสิบหรือยี่สิบปี”
 
“แต่บนคอมพิวเตอร์ เราทำเรื่องที่ว่าได้เร็วกว่านั้นเยอะครับ ในหนึ่งเดือน ระบบจำลองที่ว่าทำการต่อสู้ไปทั้งหมดแปดแสนกว่าครั้ง เท่ากับคนที่น้องคุนพูดถึงทำอย่างนั้นทุกวันเป็นเวลาสองพันกว่าปี ไม่นับว่าเอไอจะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เอาผลมาวิเคราะห์นะครับ หรือถ้าน้องคุนไม่เชื่อลองหาข่าวเมื่อหลายปีก่อนที่ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถโค่นแชมป์โลกหมากล้อมลงได้สิครับ นั่นก็ใช้วิธีการเดียวกัน”
 
ดวงตาของหลี่คุนลุกโพลง กลยุทธ์การเล่นหมากล้อมเป็นศาสตร์โบราณของจีนที่ซับซ้อนยิ่ง และเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดต่อยอดกันมาโดยไม่หายสาบสูญเหมือนศาสตร์หลายๆ แขนง เขาเคยดูการเล่นหมากล้อมระดับโลกของคนยุคนี้ ต้องยอมรับมีกลยุทธ์ลึกล้ำพิศดารหลายอย่างที่ไม่เคยปรากฏในสมัยของเขา แล้วเครื่องกลคำนวณเครื่องหนึ่งจะสามารถเอาชนะคนระดับแชมป์โลกได้อย่างไร โกงชัดๆ ในหัวของหลี่คุนเห็นภาพเป็นลูกคิดรางหนึ่งกำลังวางหมากไล่ต้อนปรมาจารย์หมากล้อมชื่อดังในยุคของตัวเองแล้วรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา
 
“ตอบคำถามนี้หมดแล้ว ตาพี่บ้างนะครับ”
 
หลี่คุนหมดอาลัยตายอยากอยู่บ้าง เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องถามถึงที่มาของท่าเท้าท่องคลื่น ต่อให้เขาหลบเลี่ยงอย่างไรก็คงต้องเผยความลับออกไปหลายส่วนถ้าไม่อยากละเมิดคำสาบานที่น่ากลัวนั้น เห็นทีจะต้องดื่มสุราคำโตอีกแล้ว
 
“พี่จะถามว่า น้องคุนพูดภาษาจีนได้ใช่ไหม ช่วยลองพูดกับพี่หน่อยสิครับ”
 
ใบหน้าอึมครึมของหลี่คุนสดใสขึ้นมาทันที เป็นคำถามที่ตอบง่ายมาก แม้เขาจะไม่เคยบอกคนตรงหน้าเพราะกะจะแอบไว้ฟังเวลาจางอี้หลงคุยโทรศัพท์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร หลี่คุนรีบตอบคำถามนี้เป็นภาษาจีนทันที
 
“ผมพูดได้ครับ อี้หลงเก่อเกอ คือว่าเคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว แต่สำเนียงจะไม่ค่อยเหมือนที่คนจีนตอนนี้เขาพูดกันนะครับ”
 
เรียนมาเมื่อหกร้อยปีก่อนก็ถือว่านานจริงๆ นะ ไม่ได้พูดโกหก หลี่คุนคิดในใจ พอมองหน้าอีกฝ่ายก็เห็นดวงตาทั้งเยิ้มทั้งเป็นประกายวิบวับ ปากก็อมยิ้มจนแก้มตุ่ยนิดๆ พิลึกคน จากนั้นก็ตอบกลับเป็นภาษาจีนเช่นกัน
 
“เวลาคุนเอ๋อร์พูดภาษาจีนแล้วน่ารักมากๆ ดูอ้อนนิดๆ  เหมือนเป็นคนละคนเลย ไหนเรียก อี้หลงเก่อเกออีกทีสิครับ ฟังแล้วระทวยมากๆ”
 
หลี่คุนได้ยินก็ทำปากยื่น เปลี่ยนกลับมาพูดภาษาไทยทันที
 
“ไม่เรียกคุนเอ๋อร์สิพี่ มันฟังดูเหมือนคุณเอ๋อในภาษาไทย ถ้าอย่างนั้นก็ด่าผมว่าไอ้เอ๋อมาเลยเถอะ ไปต่อข้อที่สามแล้วนะครับ พี่เป็นคนแอบเอาขี้ผึ้งโอสถผมไปแกะสูตรใช่เปล่า แล้วก็เป็นคนส่งไปขอใบรับรองจากประเทศต่างๆ จนเอามาใช้ช่วยผมตอนที่โดนโจมตีทางโซเชียลใช่ไหมครับ”
 
“ใช่ครับ พี่เห็นสรรพคุณมันดีกว่าเครื่องสำอางปกติไปมาก เป็นห่วงว่าน้องคุนจะใช้ส่วนผสมอันตรายโดยไม่รู้ตัว เลยส่งไปวิเคราะห์เอาผลไปขออนุมัติจากประเทศต่างๆ ไว้ก่อน กันน้องคุนมีปัญหาทีหลัง ที่สูตรรั่วออกมา เป็นความทุจริตข้างในสถาบันวิจัยแห่งนั้น พี่ต้องขอโทษน้องคุนด้วยจริงๆ”
 
“ถ้าไม่เห็นว่าเรื่องนี้พี่ช่วยผมไว้ในตอนหลัง ผมคงไม่ยกโทษให้ง่ายๆ อย่างนี้หรอกนะครับ ทีหลังอย่าทำอีก มีอะไรก็คุยกันตรงๆ”
 
“พี่ไม่ทำแล้วครับ งั้นพี่ขอถามต่อจากเรื่องนี้เลย ยาลูกกลอนที่เราให้ตินทาน มีสรรพคุณยังไงครับ”
 
“ไอตินมันบอกพี่เหรอ ก็เป็นยาที่ทำจากสมุนไพรนี่แหละ”
 
“พี่ถามถึงสรรพคุณครับ”
 
“ไม่บอกหรอก ผมดื่มเหล้าก็ได้ เก่งจริงก็ไปวิเคราะห์หาเอาเอง”
 
หลี่คุนเทเหล้าใส่แก้วก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด ความลับเกี่ยวกับโอสถระดับปฐพีย่อมบอกออกไปไม่ได้
 
“ข้อที่สี่ บริษัทโฆษณาที่ผมไปฝึกงาน เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ครับ”
 
“พี่ถือหุ้นอยู่บางส่วน”
 
“เท่าไหร่ครับ”
 
“เจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์”
 
“ตั้งสามในสี่ แล้วตอนนั้นพี่บอกว่าเป็นแค่ที่ปรึกษาจากบริษัทแม่”
 
“ก็พี่เป็นที่ปรึกษาด้วยจริงๆ นี่ครับ เวลาซื้อบริษัทมา พี่ต้องเอามาดูว่าจะปรับปรุงตรงไหนได้บ้าง หรือมีทางร่วมมือต่อยอดอะไรกับบริษัทอื่นที่พี่ถือหุ้น ตาพี่บ้าง น้องคุนรู้สึกยังไงที่ผู้ชายจะคบกันเอง แบบคนรัก”
 
“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนี่ครับ ซูกัสก็มีแฟนเป็นผู้ชาย แอนฟิลด์เพื่อนเขาก็ดูเหมือนจะเป็นเกย์ พี่หมายถึงผมจะรับไม่ได้หรือเปล่า ทำไมถึงคิดอย่างนั้น อ้อ ที่จีนตอนนี้ค่อนข้างปิดกั้นเรื่องนี้สินะครับ พี่คิดว่าตัวเองอาจจะเป็นเกย์เลยกังวล พี่รู้เปล่าจีนเมื่อก่อน อย่างยุคราชวงศ์ซ่งหรือราชวงศ์หมิง คู่รักที่เป็นบุรุษเหมือนกันก็มีอยู่ไม่น้อยและก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่คนสมัยนั้นยังให้ความสำคัญกับการมีบุตรสืบทอดวงศ์ตระกูล ก็เลยไม่มีการแต่งงานออกหน้าออกตาเหมือนสมัยนี้ที่บางประเทศให้จดทะเบียนสมรสได้”
 
“น้องคุนรู้ประวัติศาสตร์จีนดีจัง แต่ที่พี่ถามหมายถึงตัวน้องคุนเองครับ คิดยังไงถ้าจะคบกับผู้ชาย หรือว่าชอบแต่ผู้หญิงจนยังไงก็ไม่เปิดรับเรื่องแบบนี้”
 
“เอ ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ถ้าถามตอนนี้ผมรู้สึกว่าเรื่องเพศไม่ได้สำคัญมากเท่าที่ผมเคยคิด เมื่อนานมากแล้วผมเคยมีใจให้ผู้หญิงคนนึง แต่พอถูกหักหลังอย่างเจ็บแสบ ผมก็ไม่ค่อยมองผู้หญิงในแง่นั้นสักเท่าไหร่แล้ว กับผู้ชายเหรอ ผมมองแบบเพื่อนมากกว่า แต่ถ้ามีใครที่ผมสนิทมากๆ จนอยากอยู่ด้วยตลอดเวลาก็ไม่รู้สิ อาจยังไม่ถึงเวลาด้วยมั๊ง ตอนนี้รู้สึกว่าอยากหาเงินมากกว่า ฮ่าๆ พูดถึงเรื่องเงิน ผมถามต่อเลยนะครับ เป็นนักลงทุนอย่างพี่นี่รวยขนาดไหนกันแน่ อยากรู้มากๆ”
 
“คำตอบคือ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เงินเกือบทั้งหมดของพี่ ลงไปในบริษัทสตาร์ทอัพต่างๆ ซึ่งกำลังตั้งไข่อยู่ ถ้ามีบริษัทไหนประสบความสำเร็จมากๆ ขึ้นมา พี่ก็อาจรวยมหาศาล แต่ถ้าล้มเหลวกันหมด พี่ก็ถังแตก ต้องใช้เงินปันผลจากฉางอันโอสถเลี้ยงชีวิตไปวันๆ เพราะงั้นน้องคุนต้องดูแลบริษัทของเราให้ดีนะครับ”
 
“ขนาดนั้นเลย ลงทุนแบบพี่นี่มันน่าหวาดเสียวจริงๆ”
 
“พี่ชอบแบบนี้ครับ ได้ก็ได้ เสียก็เสีย คำถามต่อไปของพี่คือ จำตอนที่น้องคุนฝังเข็มฟื้นฟูร่างกายให้พี่ได้ไหมครับ พอพี่หลับไป น้องคุนจับอี้หลงน้อยกับดราก้อนบอลของมันทำไมครับ”
 
“พี่อี้หลง!! พี่รู้ได้ยังไง”
 
“คือพี่สนใจวิชาฝังเข็มของเราเลยเอาโทรศัพท์ตั้งถ่ายคลิปได้แต่แรก ไม่นึกว่าจะจับเด็กซุกซนได้ พี่ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ แค่สงสัยว่าทำทำไม”
 
หลี่คุนอายจนหน้าแดง ตอนนั้นเขาไม่น่าเห็นแก่การทะลวงขั้นเคล็ดวิชาจนทำเรื่องแบบนี้ลงไป นึกว่าจะไม่มีใครรู้ แต่กำแพงมีหูจริงๆ
 
“ผมไม่ตอบ ผมยอมดื่มแก้วนี้แล้วพี่ช่วยลืมๆ มันไปเถอะครับ”
 
“ดื่มเหล้ามันแค่ค่าปรับที่ไม่ยอมตอบคำถาม แต่เรื่องที่พี่โดนล่วงเกินขนาดนั้น น้องคุนจะชดเชยยังไง”
 
“ก็… ก็เราสนิทกัน จะถูกเนื้อต้องตัวกันนิดหน่อย พี่ไม่น่าจะถือสา”
 
“อืม ถูกเนื้อต้องตัวกันได้ไม่ถือสา แน่ใจนะครับ เห็นชอบมาจับกล้ามท้องพี่ บอกว่าอยากมีบ้าง ฟิตของตัวเองไปถึงไหนแล้วครับ มา พี่ช่วยดูให้”
 
จางอี้หลงดึงตัวหลี่คุนที่เริ่มตึงๆ จากฤทธิ์สุรามานั่งข้างๆ แล้วเอามือโอบเอวจากทางด้านหลัง เขาค่อยๆ ขยับมือล้วงเข้าไปในเสื้อลูบที่หน้าท้องอีกฝ่ายเบาๆ
 
“อื้อหือ กำลังพอดีเลย รู้สึกว่าแข็งแรงแต่ก็ยังเนียนมือ ไม่ต้องมากไปกว่านี้แล้วนะครับ”
 
“พี่อี้หลง อย่าจับพุง มันจั๊กกะจี้ พอแล้ว”
 
“ก็สนิทกันไง น้องคุนบอกเองว่าจับได้ไม่ถือสา ที่พี่ยังโดนมากกว่านี้เลย”
 
จางอี้หลงเนียนอยู่สักพักถึงได้ยอมปล่อยมือ
 
“พอเถอะพี่ ผมจะถามคำถามซีเรียสแล้วนะ ทำไมตอนนั้นที่ผมโมโหใส่พี่ พี่ถึงเสนอให้เราห่างกันซักพัก แล้วพอผมไม่กลับไปคุยกับพี่อีก พี่ก็ยอมง่ายๆ พี่ทิ้งผม”
 
“ก็ตอนนั้นเราดูโกรธมาก พี่ก็อยากให้เย็นลงก่อน อีกอย่างพี่ก็น้อยใจนิดๆ เหมือนกันที่น้องคุนไม่คิดจะมองพี่ในแง่ดีเลย”
 
“เพราะงั้นพอผมบล๊อคการติดต่อ พี่ถึงทิ้งผมไปเลยใช่ไหม”
 
“พี่ไม่เคยทิ้งเราไปไหนนะ ตอนนั้นพี่มีเหตุให้เสียความมั่นใจบางอย่าง เลยรู้สึกยังไม่ค่อยพร้อมที่จะกลับไปเจอน้องคุนก็พอดีกับที่เราบล๊อคพี่มา แต่พี่ก็ให้พรรคพวกที่ไทยคอยดูแลติดตามน้องคุนแล้วรายงานพี่ตลอดนะครับ พี่เป็นห่วง”
 
“ผมไม่ชอบเลย ทั้งที่พี่หายไป แล้วก็ให้คนอื่นมาคอยสืบเรื่องของผม ถ้าเป็นห่วงก็มาดูเองสิ”
 
“แน่นอนครับ เปลี่ยนเป็นพี่ถามบ้าง ตอนนั้นที่จะโดนกลุ่มคนร้ายลักพาตัวแถวค่ายมวย น้องคุนสู้กับพวกมันด้วยวิธีไหนครับ ท่าเท้าท่องคลื่นของน้องคุนมันร้ายกาจมากก็จริงแต่คงทำได้แค่หลบหลีก แต่จากที่พี่สืบได้พวกคนร้ายสลบหมดทุกคนเลย
 
“ข้อนี้ขอผ่านครับ”
 
หลี่คุนตอบหน้าตาเฉยก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เริ่มตึงๆ หน้าขึ้นมาเหมือนกัน กำลังภายในเขาไม่ได้สูงส่งมากขนาดจะกำจัดพิษสุราได้ อย่างมากก็ยืดเวลาเมาออกไป แต่จะให้ตอบคำถามนี้คงไม่ได้ ท่าเท้าท่องคลื่นถูกเปิดเผยออกมาจนหมดเปลือกก็แย่แล้ว เป็นตายยังไงเขาก็ไม่ยอมเอ่ยถึงฝ่ามือเมตตาบารมีหรอก
 
“น้องคุนไม่ค่อยตอบคำถามพี่เลย ทีพี่ยังตั้งใจตอบทุกคำถาม”
 
“ก็ผมกินเหล้าเป็นค่าปรับแล้วไง ตาผมถามอีก เห็นมีข้อมูลว่าคนร้ายพวกนั้นส่วนใหญ่โดนมาเฟียล่าจนต้องหนีออกนอกประเทศ ตำรวจก็พูดคล้ายๆ กันเป็นพวกอิทธิพลต่างชาติสั่งเก็บ ฝีมือพี่ใช่ไหมครับ”
 
“ไม่ใช่ครับ พี่คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของแฟนซูกัส เขาคงโมโหมากที่น้องโดนทำร้าย”
 
หลี่คุนอึ้งไปเล็กน้อย ทำไมคนรอบๆ ตัวเขาถึงไม่มีใครธรรมดาเอาเสียเลย เมื่อคิดถึงฝีมือบอดี้การ์ดของแฮ็คส์ที่เขาเคยประมือด้วย ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
 
“คำถามต่อไปของพี่ อะไรคือความสุขจริงๆ ของน้องคุนครับ”
 
“ก็เงินสิครับ ถ้ามีเงินเยอะๆ เราก็เอามาซื้อความสุขได้ ยุคนี้ทุกอย่างมีขาย”
 
“พี่ให้โอกาสตอบใหม่ครับ เรื่องเงินไม่นานน้องคุนก็จะมีเยอะแยะแน่ แต่สิ่งที่ทำให้น้องคุนมีความสุขในชีวิตคืออะไร สิ่งที่น้องคุนปรารถนาจะได้มามากที่สุด”
 
หลี่คุนนิ่งคิด วิญญาณเร่ร่อนข้ามชาติภพอย่างเขาจะปรารถนาอะไรได้อีก ย้อนกลับไปเป็นหลี่คุนในยุคราชวงศ์หมิงเหรอ ไม่มีใครรอเขาอยู่ที่นั่น บิดา มารดา สตรีที่รัก ไม่ตายจากกายก็ตายจากใจไปหมดแล้ว คนที่เขาเริ่มผูกพันด้วยอยู่ที่ชาติภพนี้ เพียงแต่เป็นความผูกพันสำหรับคุณานนท์ไม่ใช่หลี่คุน ไม่แน่ว่าความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการได้กลายเป็นคุณานนท์อย่างแท้จริง แต่นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เราเป็นวิญญาณคนละดวงกัน ต่อให้ไม่มีใครรู้แต่ตัวเขาก็รู้
 
“ผมตอบไม่ได้ครับ ขอดื่ม”
 
หลี่คุนยกเหล้าดีกรีแรงขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วรู้สึกมึนหัวขึ้นมาทันที  ดูเหมือนกำลังภายในบุปผาวารีจะยื้อฤทธิ์สุราหลายแก้วก่อนหน้านี้ไว้ไม่ไหวแล้ว
 
“ผมสงสัยอย่างนึง ทำไมพี่ไม่ถามว่าผมได้สูตรยามาจากไหน แล้วก็ที่มาของท่าท่องคลื่นด้วย”
 
“น้องคุนจะมีความลับกับพี่แค่ไหนพี่ก็ไม่ว่าหรอกครับ ขอแค่ไม่ใช่ความลับที่ส่งผลร้ายกับตัวน้องคุนเอง พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกพี่ ไม่พร้อมก็ไม่ต้องบอก คนเราก็ต้องมีความลับกันบ้าง”
 
“แสดงว่าพี่ยังมีอะไรปิดบังผมอยู่อีก”
 
หลี่คุนถามเสียงอู้อี้ หน้าแดงหูแดงตาปรือ
 
“ฮ่าๆ ก็มีบ้าง ยังจะถามต่ออีกหรอครับ เมาจนตาจะปิดอยู่แล้ว ให้พี่พาเราไปนอนนะ”
 
“ไม่เอา ผมจะถามอีก มาคิดดูตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมา เหมือนผมจะได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว บางเรื่องพี่คอยช่วยอยู่ลับหลัง ไม่คิดจะบอกผมด้วยซ้ำ นักลงทุนอย่างพี่ทำอย่างนี้ได้อะไรเหรอครับ ขนาดผมยังรู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบพี่อยู่”
 
ฟังดูเหมือนการระบายความในใจของคนเมามากกว่าจะเป็นคำถาม
 
“ก็เอาเปรียบไปสิครับ พี่ไม่ติด”
 
“พี่อี้หลง พี่…จีบผมอยู่เหรอครับ”
 
“ใช่ครับ คนดี”
 
จางอี้หลงมองหลี่คุนที่ผลอยหลับไปก่อนจะได้ยินคำตอบสุดท้ายแล้ว แต่นั่นมันไม่สำคัญหรอก เขามีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะตอบคำถามนั้น
 
ในที่สุดก็รู้ตัวเสียทีนะ

#############

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 40] 26/6/2020
«ตอบ #124 เมื่อ26-06-2020 22:25:07 »

สมเป็นคนไอทีจริงๆนะ อี้หลง

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 40] 26/6/2020
«ตอบ #125 เมื่อ26-06-2020 23:45:44 »

บางเรื่องมันก็บอกให้คนอื่นฟังยากจริงๆน่ะแหละ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #126 เมื่อ19-07-2020 07:18:16 »

-41-

หลี่คุนตื่นนอนตอนเช้าด้วยความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอย่างน่าประหลาด รู้สึกเหมือนมีกำลังภายในบริสุทธิ์ไหลเข้าร่างตลอดทั้งคืน สติแจ่มใสไม่มีอาการเมาค้างแม้แต่น้อย
 
“เจ่าซ่างห่าว พี่อี้หลงตื่นนานยังครับ”
 
หลี่คุนทักทายจางอี้หลงที่เดินไปมาในห้องนอนใหญ่ แต่พอเห็นสายตาที่มองกลับมาเขาก็นึกถึงคำพูดเมื่อคืนก่อนที่จะเมาหลับไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ จนต้องหลบสายตา
 
จางอี้หลงเดินเข้ามาใกล้หลี่คุนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
 
“ตื่นก่อนน้องคุนไม่นานครับ เรานอนเล่นไปก่อนได้ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวพี่เข้าไปอาบน้ำก่อน”
 
หลี่คุนเห็นประกายวิบวับอย่างไม่ซ่อนเร้นก็ทราบว่าจางอี้หลงรู้ว่าเขาจำเรื่องเมื่อคืนได้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็สลัดความรู้สึกเคอะเขินทิ้งไป แล้วยังไง ก็แค่มีบุรุษมาจีบ จะให้เขาแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ราวกับเป็นคุณหนูไร้เดียงสาจนดูโง่งมไม่ได้หรอก อย่างนั้นยิ่งน่าอายกว่าเป็นไหนๆ
 
“วันนี้พี่จะพาไปดูอาณาจักรธุรกิจของพี่ใช่ไหมครับ อยากรู้จังว่าจะมีอะไรบ้าง”
 
“น้องคุณพูดเกินไปอีกแล้ว อาณาจักรอะไรกัน ก็แค่กลุ่มบริษัทเล็กๆ ไม่กี่แห่ง”
 
จางอี้หลงตอบพลางถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดแล้วเอาผ้าเช็ดตัวผืนย่อมมาคล้องคอไว้ หลี่คุนที่ยังนอนอยู่บนเตียงจึงเห็นอี้หลงน้อยที่ไม่เกรงกลัวต่ออากาศเย็นยามเช้าในระดับสายตาพอดี
 
“พี่อี้หลง แก้ผ้าอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปถอดในห้องน้ำ”
 
“น้องคุนจะตกใจทำไม คนจีนอยู่กับเพื่อนผู้ชายก็แบบนี้ ไม่ได้หน้าบางเหมือนคนไทย”
 
“แต่พี่ไม่ได้มองผมเป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ”
 
“งั้นยิ่งต้องเชิญชวนให้ดูเข้าไปใหญ่ น้องคุนจับก็จับมาแล้วนะครับ อีกอย่างพี่ก็รับปากไว้แล้วว่าจะไม่ปิดบังอะไรเราอีก”
 
หลี่คุนไร้คำพูดจะโต้ตอบกับบุรุษเช่นนี้ เขาเบือนสายตาจากแท่งหยกของคนหน้าไม่อายแล้วนึกแปลกใจตัวเอง ชาติก่อนเขาก็ออกเดินทางรอนแรมกับพี่น้ององครักษ์เงากลุ่มใหญ่ หากโชคดีเจอลำธารใสสะอาดก็มักจะเปลื้องผ้าลงไปชำระร่างกายพร้อมๆ กัน ชาตินี้การเปลือยกายอาบน้ำของนักมวยในค่ายก็เป็นสิ่งที่เขาเห็นจนชินตา ไม่ว่าจะยุคใดเขาไม่เคยต้องเขินอายกับเรื่องเช่นนี้ แต่กับจางอี้หลงมันแปลกออกไป เพียงเพราะทราบว่าตนกำลังถูกคนผู้นี้หมายปองอยู่เช่นนั้นหรือ
 
เมื่อทั้งคู่อาบน้ำแต่งตัวและทานอาหารเช้าง่ายๆ จากร้านค้าละแวกนั้นแล้วจางอี้หลงก็พาหลี่คุนไปยังย่านอาคารสำนักงานด้านไอทีของเซินเจิ้นที่เปรียบเสมือนซิลิกอนวัลเลย์แห่งประเทศจีน ตึกแต่ละตึกมีบริษัทเล็กบริษัทน้อยอยู่มากมายส่วนใหญ่เป็นสตาร์ทอัพทางด้านเทคโนโลยี จางอี้หลงพาชมธุรกิจหลากหลายที่เขาเป็นเจ้าของหรือร่วมถือหุ้นอยู่  ไม่ว่าจะเป็นการค้าออนไลน์ การโฆษณาดิจิตอล อุปกรณ์ไฮเทคต้นแบบ บริการด้านไอทีที่เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคน ส่วนใหญ่หลี่คุนก็ดูไปอย่างนั้นเอง เขาไม่ได้มีความเข้าใจลึกซึ้งกับวิทยาการของโลกยุคใหม่เช่นนี้ แต่ยังดีที่มีพวกห้องแลบวิจัยด้านสมุนไพรและยาให้เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง
 
หลังจากดูบริษัทที่สิบซึ่งชวนให้หาวนอนไม่ต่างอะไรกับบริษัทก่อนหน้านั้น หลี่คุนก็พูดเปรยๆ ขึ้น
 
“ทำไมบริษัทเยอะจังครับ ยังเหลืออีกเยอะไหม”
 
“เอาเฉพาะที่เซินเจิ้นนี้ก็ยังไม่ถึงครึ่งเลยครับ นี่ขนาดหลายๆ บริษัทที่ซื้อมาพี่ก็ปิดไปเยอะแล้ว”
 
จางอี้หลงเล่าให้ฟังว่าบริษัทสตาร์ทอัพพวกนี้จำนวนมากที่ไปต่อไม่ได้ เขาก็ไปเลือกซื้อมาในราคาถูก แยกเอาสิ่งที่ยังมีประโยชน์ เช่น สิทธิบัตร ผลงานวิจัย หรือข้อมูลลูกค้า ออกมาแล้วปิดบริษัททิ้งไป
 
“บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีแข่งขันกันรุนแรงมาก ในแต่ละตลาดมีแต่จะต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอดและทำเงินได้ การเป็นที่สองที่สามแทบจะไม่ได้อะไรเลย พี่ยังอยากขยายการลงทุนไปพวกธุรกิจบันเทิงบ้าง อุตสาหกรรมบันเทิงก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ หากสามารถสร้างคอนเท้นต์ดีๆ ได้ ก็อาจจะได้รับความนิยมไปทั่วโลกและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ไม่รู้จบ ต่อให้ไม่ได้เป็นที่หนึ่งก็ยังทำเงินได้เยอะอยู่ดี แต่ตอนนี้พี่ก็ยังเข้าลงทุนในธุรกิจบันเทิงของจีนไม่ได้เพราะมีนักลงทุนแข่งขันกันสูงมากจริงๆ”
 
พอช่วงบ่ายที่จางอี้หลงพาไปดูบริษัทเกมซึ่งเป็นบริษัทแรกที่เขาตั้งขึ้นและประสบความสำเร็จจนตอนนี้มีขนาดใหญ่โต หลี่คุนก็รู้สึกทึ่งกับส่วนงานที่วิจัยและพัฒนาเกมต่อสู้และเกมกีฬาที่เน้นความสมจริง
 
เพื่อนคนหนึ่งของจางอี้หลงเป็นผู้ดูแลงานส่วนนี้ เขาเป็นลูกครึ่งจีนอเมริกันที่เชี่ยวชาญด้านการศึกษาการเคลื่อนไหวของมนุษย์และเอามาประยุกต์ใช้กับเกมสมัยใหม่ได้อย่างประสบความสำเร็จและมีแผนจะพัฒนาต่อไปใช้งานด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและการช่วยเหลือการเคลื่อนไหวสำหรับผู้พิการ
 
“คนนี้ใช่ไหม ใช่แน่ๆ ฉันจำรูปร่างเขาได้”
 
เพื่อนของจางอี้หลงเข้ามาทักทายหลี่คุนราวกับรู้จักกันมานาน
 
“ใช่ คนนี้แหล่ะเจ้าของการเคลื่อนไหวต้นแบบของโปรเจ็ค ‘เอ็กซ์แดนซ์’ ที่นายอดหลับอดนอนทำ’
 
หนุ่มหน้าฝรั่งแต่ตาตี่พาหลี่คุนดูห้องปฏิบัติการอย่างภูมิใจ แม้แต่หลี่คุนก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกันการเคลื่อนไหวของมนุษย์ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการฝึกวรยุทธ์นัก เขาสนใจเป็นพิเศษกับระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวที่สามารถแปลงท่วงท่าของการเล่นกีฬาการเต้นหรือแม้แต่ศิลปะป้องกันตัวต่างๆ ให้กลายเป็นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ได้ นอกจากนั้นระบบวีอาร์หรือเวอร์ชัลเรียลลิตี้ที่ทำให้ผู้ใช้เข้าไปฝึกท่าทางเหล่านี้ภายใต้การช่วยเหลือของโลกเสมือนจริงก็เป็นอีกอันที่หลี่คุนสนใจ
 
“การเคลื่อนไหวพวกนั้น น้องชายทำได้จริงๆ หรือ คอมพิวเตอร์ของเราสามารถถอดรูปแบบการเคลื่อนไหวและปรับปรุงมันได้ก็จริง แต่พอเอาไปให้นักกีฬาเก่งๆ หรือแม้แต่อาจารย์ด้านศิลปะป้องกันตัว ก็ไม่มีใครทำตามได้ จนเราคิดว่ามันเป็นผลงานที่ผิดพลาด ถึงเรามีตัวที่พัฒนาบนคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ก็ไม่กล้าให้อี้หลงไป”
 
“ไหนขอผมดูหน่อยสิครับ”
 
หลี่คุนนับถือความทุ่มเทของชายคนนี้อยู่แล้ว เขาจึงอยากรู้ว่าของใหม่มันจะดีกว่าเดิมยังไง หลี่คุนดูผังตำแหน่งท่าเท้าใหม่จากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วรู้สึกว่ามันแก้ปัญหาที่เขาเคยติดอยู่ได้หลายอย่าง เขาจินตนาการตำแหน่งท่าเท้าพวกนั้นในใจแล้วก็ร่ายรำออกมาต่อหน้าจางอี้หลงและเพื่อนทันที หลี่คุนเห็นความจริงใจของจางอี้หลงที่เปิดเผยทุกอย่างออกมาเมื่อคืน จึงไม่ปิดบังในสิ่งที่ไม่สามารถสาวต่อไปยังความลับของเขาโดยตรงอีกต่อไป
 
“ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว การเคลื่อนไหวนี่มันอะไรกัน”
 
หนุ่มลูกครึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวร้องชมไม่ขาดปากเมื่อเห็นท่วงท่าที่พลิกพริ้วจนขัดกับสามัญสำนึกของคนธรรมดา จนเมื่อหลี่คุนร่ายรำจนจบกระบวนท่า จางอี้หลงจึงได้เสนอขึ้นมา
 
“ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นมากจริงๆ นะน้องคุน เพื่อเป็นที่ระลึกในการทำงานร่วมกันครั้งนี้ พี่ขอตั้งชื่อกระบวนท่านี้ว่า ‘ท่าเท้าท่องคลื่นสองจุดศูนย์บีพรีเมียมเอดิชั่นไฟนอลรีลีส’ น้องคุนจะว่ายังไงครับ”
 
หลี่คุนทำเป็นไม่ได้ยิน เขาชอบท่าเท้าที่ปรับปรุงใหม่มาก แต่ชื่อน่าเกลียดแบบนี้ อย่าได้เอ่ยถึงเป็นครั้งที่สองจะประเสริฐกว่า
 
…………………………
 
จอมกับเด่นพยายามทำทุกอย่างให้ค่ายมวยเพื่อชดใช้ความผิดอย่างเต็มที่ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นงานที่คนอื่นรังเกียจอย่างงานล้างห้องน้ำหรือซักผ้าให้ลูกศิษย์วีไอพี ขณะเดียวกันก็รักษาวินัยการฝึกซ้อมไม่เคยขาดถึงแม้ความหวังที่จะได้ขึ้นชกนั้นริบหรี่เหลือเกิน นักมวยส่วนใหญ่ในค่ายก็ค่อยๆ ให้อภัยและกลับมาสู้ร่วมกันเหมือนเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่ถอดใจและเริ่มถอนตัวไปอยู่ค่ายคู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้ในตอนนี้ค่ายจะมีเงินเลี้ยงดูนักมวยให้กินอิ่มนอนหลับ แต่ถ้าไม่ได้ขึ้นชกก็เท่ากับไม่มีทางไปถึงความฝัน
 
จอมกับเด่นได้รับมอบหมายจากหลี่คุนให้โพสต์รูปและคลิปที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ลงในแอคเคาท์โซเชียลที่สร้างขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แม้ไม่เข้าใจแน่ชัดว่าทำไปเพราะอะไรแต่ก็ตั้งใจกันเต็มร้อย แรกๆ จอมจะเน้นไปเรื่องวิธีการต่างๆ ที่เขาใช้สร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย ส่วนเด่นจะชอบเล่าเรื่องเทคนิคการฝึกมวยไทย พวกเขาโพสต์ด้วยกันบ้างแยกกันบ้างจนคนติดตามที่เริ่มมีบ้างรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน ต่อมาไม่ค่อยมีเรื่องจะเล่าก็โพสต์เรื่องการใช้ชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ เพื่อนของซูกัสจะคอยเข้าไปดูแล้วแปลข้อความที่ลงหรือใส่คำบรรยายคลิปเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้คนต่างชาติเข้าใจได้
 
คลิปและโพสต์ที่ทั้งคู่ลงเป็นเรื่องเรียบง่ายของวัยรุ่นไทยสู้ชีวิตบ้านๆ แต่ก็มีเสน่ห์ในความซื่อไม่ปรุงแต่ง เรื่องธรรมดาของคนไทยหลายอย่างกลับน่าสนใจในสายตาของคนต่างชาติ หน้าตาของทั้งคู่อยู่ในระดับที่ถูกทาบทามไปถ่ายแบบนู้ดมาแล้วเรียกว่าดูได้ทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างแบบนักมวยที่ผ่านการฝึกอย่างหนักมาตั้งแต่เด็ก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จอมหรือเด่นทำ เช่นการวิ่งเป็นกิโลๆ ไปตลาดเพื่อซื้อหมูปิ้งข้าวเหนียวมาแบ่งกินกันคนละไม้ก็เรียกคอมเม้นท์มากมายว่ามันคืออะไร
 
‘อาหารเสียบไม้นั้นดูน่าอร่อยมาก มันคืออะไร เผ็ดหรือเปล่า’
 
‘มันคือหมูปิ้ง หรือบาบีคิวพอร์คแบบไทย รสชาติออกหวานไม่เผ็ดเลย คนไทยชอบทานมาก มีขายริมทางทั่วไป’
 
‘ฉันดีใจที่อาหารไทยมีอะไรที่ไม่เผ็ดด้วย ฉันทานเผ็ดไม่ได้ และสิ่งนั้นดูดีมาก ถ้าฉันได้ไปประเทศไทยฉันจะลองมัน’
 
‘จอมกับเด่นดูมีความสุขนะที่ได้ทานมัน เหมือนกับเป็นอาหารพิเศษของพวกเขา สตรีทฟู้ดของไทยมีเสน่ห์จริงๆ’
 
‘ทำไมถึงซื้อมาทานแค่คนละไม้ มันแพงมากเหรอ ไม้นึงมันเล็กนิดเดียว จอมกับเด่นจะอิ่มเหรอ ฉันเป็นห่วงพวกเขาจริงๆ’
 
‘ที่ประเทศฉันก็มีอาหารที่คล้ายๆ แบบนี้ พรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อมันมาทานพร้อมกับดูคลิปนี้ไปด้วย’
 
คนเข้ามาติดตามดูขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นฐานแฟนคลับขึ้นมา จอมกับเด่นโพสต์เกือบจะทุกวันจนไม่รู้จะลงอะไรใหม่ คลิปสอนล้างห้องน้ำ คลิปกินข้าว คลิปรดน้ำต้นไม้ คลิปวิ่งริมแม่น้ำ คลิปตักบาตรไปวัด คราวนี้แม้แต่การบ้านที่โรงเรียนก็ยังเอามาโพสต์ขอให้แฟนคลับช่วยสอน ทุกคนตามติดชีวิตที่แสนจะไม่มีอะไรของสองนักมวยเหมือนดูหมีแพนด้าในรายการเรียลลีตี้เมื่อหลายปีก่อน จอมกับเด่นตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษกับเควินฝรั่งวัยรุ่นที่ครูดินรับเข้ามาเป็นศิษย์ในจนเริ่มอัดคลิปเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ ได้บ้าง แม้จะกะท่อนกะแท่นอยู่มากแต่ก็ดูออกถึงความพยายามเรียกเสียงเอ็นดูจากแฟนคลับอินเตอร์ไม่น้อย ยิ่งทั้งคู่โพสต์เกือบทุกวันก็ยิ่งได้ฝึกฝนภาษาไปในตัว บางครั้งที่อยากเล่าเรื่องที่ซับซ้อนขึ้นก็ใช้วิธีพูดเป็นภาษาไทย แล้วให้เควินที่รู้ภาษาไทยพอใช้มาเล่าต่อเป็นภาษาอังกฤษให้ เมื่อเห็นแขกรับเชิญตาฟ้าผมบลอนด์คนนี้ แฟนคลับก็รู้ว่าสองหนุ่มไทยที่เรียนโรงเรียนวัดติดสำเนียงบริติชมาจากไหน
 
‘ฉันชอบที่จอมกับเด่นพยายามพูดภาษาอังกฤษ ฉันจะเป็นกำลังใจให้พวกเขา’
 
‘ฉันลุ้นไปกับพวกเขาจริงๆ ฉันคิดว่าเด่นพูดเก่งกว่าจอมอยู่นิดหน่อยนะ’
 
‘เควินก็เป็นนักมวยเหรอ มันดูแปลกที่มีนักมวยไทยหน้าตาเป็นชาวตะวันตกขนาดนี้’
 
สองหนุ่มนักมวยรากหญ้าสร้างกระแสในสังคมชาวเน็ตอย่างเงียบๆ แต่ตัวเลขผู้ติดตามน่าตกใจไม่น้อย สังเกตจากคอมเม้นท์แล้วเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด นอกนั้นยังมีกระแสคู่จิ้นของนักมวยทั้งสองที่ส่งให้ความนิยมในตัวสองหนุ่มเพิ่มขึ้นทั้งที่เป็นแค่เพื่อนสนิทกันธรรมดาที่ผ่านช่วงวิกฤตของชีวิตมาด้วยกัน
 
หลังจากกลับมาจากจีน หลี่คุนก็ได้รับรายงานจากพวกซูเอ๋อร์ว่าจอมกับเด่นได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดจึงได้ต่อยอดความนิยมตรงนี้ทันที เขาปรึกษากับพรรคพวกดารานายแบบที่เคยช่วยขายขี้ผึ้งให้ตอนเริ่มธุรกิจแล้วพบว่ากระแสในแวดวงบันเทิงตอนนี้ที่กำลังมาแรงคือซีรีส์วาย ละครที่ตัวเอกเป็นผู้ชายทั้งคู่ของไทยกำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่ด้วยความที่สังคมยังไม่เปิดกว้างเต็มที่ทำให้ซีรีส์หลายเรื่องที่ฟอร์มไม่ใหญ่มากยังขาดสปอนเซอร์อยู่
 
พวกเขาใช้เส้นสายช่วยกันหาจนเจอละครเรื่องหนึ่งจากสดูดิโอเล็กๆ ถ่ายทำเกือบเสร็จใกล้จะออนแอร์แล้วแต่ยังไม่มีโฆษณารายใหญ่เข้า เมื่อไปพูดคุยแล้วก็พบว่าบทดีนักแสดงมีฝีมือแม้จะเป็นหน้าใหม่ หลี่คุนไม่ได้สนใจว่าเป็นซีรีส์วายหรืออะไร แต่เชื่อที่พรรคพวกดารานายแบบบอกว่าค่าสปอนเซอร์ไม่แพงและผู้จัดละครคุยง่าย หลี่คุนสั่งการให้ไฮโซบรูคเอาขี้ผึ้งสมุนไพรฮองเฮามาขอเป็นสปอนเซอร์หลักของซีรีย์เรื่องนี้แลกกับการเพิ่มบทขึ้นมาสำหรับจอมและเด่น ผู้จัดละครรับข้อเสนอนี้ทันทีอย่างไม่ต้องคิดมาก แค่นัดกองถ่ายและคนเขียนบทมาถ่ายทำฉากเพิ่มสองสามฉากวันเดียวก็เสร็จแต่ได้เครื่องสำอางที่กำลังดังมาเป็นสปอนเซอร์แบบนี้คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
 
กลุ่มดารานายแบบที่ช่วยประสานงานตั้งแต่ต้นพาหลี่คุนมาที่กองถ่ายนัดพิเศษของ ‘นิโคติน เดอะซีรีส์’ เพื่อยืนยันบทที่แก้ไขและดูการถ่ายทำ ซูกัสก็ตามมาดูด้วยเพราะนึกสนุก นอกนั้นก็มีไฮโซบรูคในฐานะเจ้าของผลิตภัณฑ์สปอนเซอร์โดยมีแบงค์น้องชายพ่วงมาด้วย คนในกองถ่ายตั้งแต่ผู้จัดละครผู้กำกับไปถึงคนเขียนบทกรีดร้องในใจเมื่อเห็นหน้าตาของแต่ละคนในคณะสปอนเซ่อร์ ไม่ว่าจะใครก็งานดีไปหมดโดยเฉพาะซูกัส หลี่คุน และบรูค ครบเครื่องทั้งรุ่นเล็กกลางใหญ่ เห็นแล้วอยากอันเชิญทั้งคณะมาแสดงซีรีส์วายสักเรื่อง คนเขียนบทหัวเล่นคิดพล็อตเรื่องได้เป็นสิบๆ ฉากเพียงแค่มองหน้าคนกลุ่มนี้ ด้วยเหตุนี้คำขอของหลี่คุนจึงได้รับการตอบรับจากกองถ่ายเป็นอย่างดีด้วยหวังจะสร้างสัมพันธ์ในอนาคต
 
ผู้จัดละครสาววัยสามสิบเลียบๆ เคียงๆ เข้ามาคุยกับหลี่คุน นอกจากไฮโซรูปหล่อเจ้าของแบรนด์สินค้าแล้วเธอก็ไม่ทราบว่าใครเป็นใครในคณะสปอนเซอร์ที่มากันมากมายหลายคนนี้ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มชุดขาวคนนี้จะมีบทบาทในการกำหนดฉากที่ถ่ายทำเพิ่มมากที่สุด
 
“คุณคุณานนท์เห็นเบื้องหลังการถ่ายทำแล้วรู้สึกยังไงคะ ชอบหรือเปล่า”
 
เธอลอบมองหลี่คุนอย่างชื่นชม หน้าเนียนใสอะไรขนาดนี้ ดูใกล้ๆ ยังมองไม่เห็นรูขุมขนสักนิด อยากรู้จริงๆ ว่าเหงื่อออกทางไหน พอเธอนึกภาพหลี่คุนทำอะไรสักอย่างจนเหงื่อซึมก็เขินจนหน้าแดง ถ้าได้เล่นละครวายๆ สักเรื่องจะชวนจิ้นขนาดไหน
 
“ก็แปลกใหม่นะครับ ผมเคยแต่ร่วมเล่นละครเวทีของคณะ พอมาเห็นกองถ่ายจริง หลายๆ อย่างก็ดูน่าสนใจดี”
 
“อุ้ย อย่างนี้ไม่รู้ว่าในอนาคตจะพอมีโอกาสร่วมงานกันบ้างไหมคะ ทางเราเองก็กำลังดูโปรเจ็คต่อไปอยู่”
 
หน้าตาอย่างนี้จะให้เธอปล่อยไปได้ไง เวลานิ่งๆ ก็ดูองอาจมีราศีน่าเกรงขามเหมือนท่านชาย แต่พอยิ้มเท่านั้นแหละความน้องมาเต็มจนใจเหลวไปหมด นี่มันตัวเอกวายในฝันชัดๆ จับคู่กับนักแสดงตัวเล็กๆ หน่อยออร่าพระเอกคงพุ่งปรี๊ด แต่ถ้าไปแสดงกับคนตัวสูงใหญ่น่าจะออกแนวนายเอกที่ฟาดฟันกับพระเอกได้แบบสมน้ำสมเนื้อ
 
“สนใจสิครับ สนใจมากๆ เลย ผมอยากถามเหมือนกันตั้งแต่แรกแล้วว่าพอมีโอกาสไหม แต่เจอกันแป๊บๆ ดูจะเสียมรรยาทไปหน่อย”
 
ผู้จัดสาวได้ฟังก็ตื่นเต้นแทบร้องกรี๊ด ที่แท้ก็คิดตรงกัน ไม่นึกว่างานดีระดับเพชรยอดมงกุฎแบบนี้ก็สนใจแสดงซีรีส์วายด้วย ไม่รู้ว่าทักษะการแสดงของน้องเป็นยังไง แต่ต่อให้เล่นออกมาแข็งทื่อเป็นตอไม้ เธอก็จะปรับบทให้เข้ากันเอง เป็นเจ้าชายเย็นชาหรือแวมไพร์ชาเย็นอะไรก็ว่าไป
 
“งั้นคุณคุณานนท์ว่างวันไหนเรานัดคุยเรื่องสัญญากันเลยดีไหมคะ ยิ่งเร็วยิ่งดี เราเป็นสตูดิโอเล็กๆ รับรองว่าไม่เรื่องมากค่ะ”
 
“ทำไมต้องรอวันหลังด้วยล่ะครับ ผมต้องอยู่ดูการถ่ายทำอีกนาน เดี๋ยวผมโทรตามนักกฎหมายที่บริษัทให้เขาร่างสัญญามา ถ่ายเสร็จเราก็คุยต่อให้จบวันนี้เลย”
 
ผู้จัดสาวดีใจเหมือนเห็นคู่จิ้นที่ติดตามอยู่มาจูบกันตรงหน้า รีบไปกำชับกองถ่ายให้ทำตามที่หลี่คุนบอกทุกอย่างเพื่อที่งานจะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเธอจะได้สัญญามากอดไว้กับตัว
 
บทที่เพิ่มขึ้นมาในซีรีส์นิโคตินจะเป็นตอนที่พระเอกซึ่งเป็นคนที่คิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านต้องการเรียกร้องความสนใจจากคนที่ตัวเองชอบ จากเดิมที่พระเอกแค่ขอให้เพื่อนช่วยชกหน้าตัวเอง ในบทใหม่จะปรับให้พระเอกไปที่ชมรมชกมวยของมหาลัยเพื่อขอขึ้นซ้อมกับนักชกมือดีจนหน้าปูดตาเขียว จอมกับเด่นเล่นเป็นตัวประกอบนักมวยในชมรมที่กำลังซ้อมกันอยู่ดีๆ ก็มีรุ่นพี่แปลกๆ มาขอขึ้นชกด้วย บทนี้ไม่ต้องใช้ความสามารถทางการแสดงใดๆ เหมือนเล่นเป็นตัวเอง สองคนแค่ถ่ายฉากที่ซ้อมมวยกันอย่างดุเดือด ก่อนที่จะทำท่าซื่อๆ งงๆ ที่จู่ๆ ก็มีคนมาขอให้ชกหน้าตัวเอง จอมกับเด่นแสดงท่าทางเด๋อด๋าแปลกใจกับรุ่นพี่ประหลาดๆ อย่างพระเอกได้สมจริงไม่น้อย นี่ไม่ใช่เพราะตีบทแตก แต่เพราะทั้งคู่มึนจริงๆ กับการถ่ายละครในกองถ่ายครั้งแรก
 
ค่ำวันนั้นผู้จัดละครสาวก็ได้สัญญามากอดไว้จริงๆ ไม่ใช่สัญญานักแสดงของหลี่คุน แต่เป็นสัญญาที่ระบุว่าหลี่คุนได้ร่วมลงทุนและจะได้รับส่วนแบ่งห้าเปอร์เซ็นต์ของผลประโยชน์จากละครเรื่องนี้ รวมทั้งมีสิทธิร่วมลงทุนในโครงการต่อไปของสตูดิโอ เธอมองเช็คเงินลงทุนในมืออย่างงงงวย ถึงเงินก้อนนี้จะช่วยเพิ่มงบประชาสัมพันธ์ให้กับซีรีส์ที่กำลังจะฉายได้มาก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไว้ ทำไมเธอถึงปฏิเสธไม่ออกนะ เพราะแววตาคมกล้าแฝงแววดอกท้อคู่นั้นเหรอ หรือจะเป็นปากแดงฟันขาวที่เจรจาได้อย่างพลิกพริ้ว นี่ยังไม่ได้พูดถึงจมูกได้รูปเป็นสัน คิ้วกระบี่องอาจ ผิวขาวเนียนเหมือนหยกสลัก รวมๆ คือความผิดของใบหน้าที่หล่อเหลางดงามล่อลวงผู้คน
 
หลี่คุนรู้สึกว่าตัวเองนำหน้าจางอี้หลงขึ้นมานิดหน่อย หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมกิจการของจางอี้หลงที่จีนแล้วเขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเท่มากๆ ที่เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จขนาดนั้น เขาเห็นแล้วก็อยากเป็นนักลงทุนเช่นกัน คอยเฟ้นหากิจการที่ดูมีอนาคตน่าสนใจ ซื้อหุ้นหรือร่วมทุนแล้วอัดฉีดเงินเข้าไป ดูแลออกความคิดในช่วงต้นจนกิจการเติบโต หลังจากนั้นก็นอนรับผลตอบแทนไม่ต้องลงมือทำเอง แต่เขาไม่ได้มีความเข้าใจในวิทยาการของยุคนี้ที่จะลงทุนในธุรกิจไฮเทคอย่างจางอี้หลง โชคดีที่ได้แนวคิดจากจางอี้หลงว่า นอกจากพวกบริษัทด้านเทคโนโลยีแล้วอุตสาหกรรมบันเทิงก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ หากสามารถสร้างคอนเท้นต์ดีๆ ได้ ก็อาจจะได้รับความนิยมไปทั่วโลกและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ไม่รู้จบ แต่ขนาดจางอี้หลงเองก็ยังไม่สามารถเข้าลงทุนในธุรกิจบันเทิงของจีนได้เพราะมีนักลงทุนแข่งขันกันสูงมาก
 
ทีมงานนิโคตินเดอะซีรีส์ใช้เวลาตัดต่อเพิ่มเติมไม่นานละครก็พร้อมออนแอร์ตอนแรก ฉากของจอมและเด่นอยู่ในตอนที่สี่ เมื่อถึงตอนที่ทั้งคู่ได้ปรากฏตัวสั้นๆ ในฉากชมรมมวย ซีรีส์นอกกระแสเรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างเกินคาดไปก่อนหน้าแล้ว มีคนจำจอมกับเด่นที่เล่นเป็นตัวประกอบในเรื่องนี้ได้จึงแชร์ต่อๆ กันไป ความดังของซีรีส์กับฐานแฟนคลับเดิมของจอมกับเด่นที่ช่วยกันสร้างกระแส ทำให้ตัวตนของทั้งคู่เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นอย่างน่าตกใจ
 
แต่โชคร้ายที่เมื่อเริ่มติดเทรนด์โซเชียล ก็มีคนไปขุดคุ้ยอดีตของนักมวยทั้งสองตามประสาคนไทยที่ชอบใส่ใจเรื่องของคนอื่น ในที่สุดเรื่องที่จอมกับเด่นเคยถ่ายหนังสืออนาจารก็ถูกลากขึ้นมาประจาน รูปนู้ดในธีมมวยไทยของทั้งคู่ที่เคยกระจายแค่ในแวดวงเฉพาะก็ถูกนำมาเป็นหลักฐานเผยแพร่ไปทั่ว คอมเมนท์วิพากษ์วิจารณ์ด่าทอว่าทำตัวไม่เหมาะสมสิ้นคิดไร้ศักดิ์ศรีผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการมวยยิ่งออกมาประนามและกดดันค่าย ศ.เผด็จศึกมากขึ้นที่ทำให้ภาพลักษณ์มวยไทยแปดเปื้อน ดราม่าที่ถกกันในกลุ่มคนไทยเริ่มกระจายออกไปในกลุ่มโซเชียลต่างชาติทำให้การถกเถียงความเห็นต่างทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดก็เกิดดราม่าซ้อนดราม่าเรียกความสนใจไปทั่วจนกลายเป็นหัวข้อไวรัลอันร้อนแรง
 
จอมกับเด่นรู้สึกแย่มากที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่โตนี้ขึ้น เขาไม่ได้เสียใจที่ถูกใครก็ไม่รู้มานั่งด่าหลังคีย์บอร์ดทั้งที่พวกเขาไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้คนอื่น แต่ผิดหวังที่หลี่คุนอุตส่าห์ตั้งใจจะสร้างภาพลักษณ์ดีๆ ให้กับพวกเขาเพื่อช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของค่ายให้กลับคืนมา ไม่คิดว่าความผิดพลาดในอดีตจะทำให้ความพยายามนี้ต้องพังลง

#####

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #127 เมื่อ19-07-2020 07:19:35 »

-42-

กระแสดราม่านี้ดึงดูดความสนใจให้ชาวเน็ตมากมายเข้ามาดู พอรู้เรื่องก็ตามไปสนใจเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเรื่องของค่ายมวย ศ.เผด็จ ที่ถูกแบน หรือตัวซีรีส์ที่กำลังออนแอร์ พอเข้าไปดูซีรีส์ก็ติดกันงอมแงมแชร์ต่อให้เพื่อนเข้ามาดู คนใหม่ๆ ที่เข้ามาดูซีรีส์ก็กลับไปสนใจดราม่านักแสดงตัวประกอบ ซีรีส์ทำให้คนสนใจดราม่า ดราม่าเพิ่มยอดคนดูซีรีส์ เป็นอย่างนี้วนเวียนทวีคูณเพิ่มผู้ติดตามไปเรื่อยๆ จนซีรีส์มียอดผู้ชมสูงอย่างที่ไม่เคยมีละครวายค่ายเล็กเรื่องไหนประสบความสำเร็จอย่างนี้มาก่อน
 
ในขณะที่ดราม่ากำลังพีคถึงขีดสุด แอคเคาท์โซเชียลของจอมและเด่นก็มีการโพสต์คลิปที่ถ่ายจากบ้านเกิดของแต่ละคนที่หลี่คุนให้กลับไปเยี่ยมได้เป็นกรณีพิเศษ ครอบครัวของจอมมีกันแค่สองคนกับยายที่เคยป่วยหนัก หลังจากได้เงินที่ได้จากการถ่ายนู้ดไปผ่าตัดใหญ่ในครั้งนั้นอาการก็ดีขึ้นมากแต่ยังต้องระวังสุขภาพอยู่ คลิปนี้ถ่ายอย่างง่ายๆ จากโทรศัพท์มือถือของจอมแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันของยายหลานได้เป็นอย่างดี ยายถามจอมว่าความฝันที่จะได้เป็นนักมวยมีชื่อเสียงไปถึงไหนแล้ว จอมตอบเพียงว่ายังอีกไกล ยายได้แต่ให้ศีลให้พรและบอกให้จอมตั้งใจฝึกซ้อมต่อไปรวมทั้งต้องกตัญญูต่อครูบาอาจารย์และค่ายมวยที่ให้โอกาส คลิปที่จอมอัดได้ถ่ายทอดสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบากของเด็กยากจนในชนบทแต่ก็เรียบง่ายบริสุทธิ์และกลมกลืนกับธรรมชาติ จอมเล่าผ่านกล้องในตอนท้ายว่ายายเป็นคนที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก ถ้าเพื่อยายเขาทำได้ทุกอย่างแม้จะต้องขายศักดิ์ศรีตัวเองก็ตาม
 
‘สงสารจอมนะ อยากให้กลับไปขึ้นชกได้ไวๆ’
 
‘นี่คือบ้านจอมเหรอ โอเอ็มจี ฉันไม่คิดว่ามันจะเล็กและดูบอบบางอย่างนี้ ตอนวินเทอร์ถ้าหิมะตกจะอยู่กันยังไง’
 
‘เมืองไทยไม่มีหิมะนะ’
 
‘จอมมีความจำเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็คุณยายของเขาป่วยนะ จะให้ทำยังไง’
 
บ้านที่ต่างจังหวัดของเด่นมีคนเยอะกว่าของจอมมากแต่ก็ยากจนไม่ต่างกัน มีญาติพี่น้องที่อาศัยที่ดินของครอบครัวช่วยกันทำนาเลี้ยงชีวิตอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ด้วยปัญหาราคาข้าวตกต่ำต่อเนื่องกันมาหลายปีและภัยแล้งที่ซ้ำเติมทำให้ที่ทำกินของบรรพบุรุษเกือบหลุดจำนอง ญาติพี่น้องทุกคนช่วยกันสุดชีวิตแทบจะขายสมบัติหมดทั้งบ้านเพื่อที่จะรักษาที่ดินผืนนี้ไว้ เงินที่ได้จากการขายศักดิ์ศรีของเด่นมีส่วนช่วยให้ครอบครัวผ่านวิกฤตินั้นมาได้ เด่นพาชมที่ดินเขียวขจีจากต้นกล้าที่คนทั้งครอบครัวร่วมใจปลูกผ่านกล้อง มันทั้งสวยงามทั้งสะท้อนความลำบากของชาวนาออกมาได้โดยไม่ต้องมีคำบรรยาย
 
‘ชกมวยไทยนี่ได้เงินมากไหม ถ้าเด่นได้ขึ้นชกและเป็นแชมป์เขาจะกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาหรือเปล่า ฉันอยากให้เด่นสร้างบ้านหลังใหม่ คนเยอะขนาดนี้เขาควรมีที่อยู่ที่ดีกว่านี้’
 
‘อยากให้คนที่ว่าเด่นได้เข้ามาดู พวกที่บอกว่าทำไมไม่พยายามหาวิธีอื่น ถ้าทำได้คงทำไปแล้ว หรือจะให้ขายไต?’
 
‘ฉันชอบข้าวหอมๆ จากประเทศไทยมาก ไม่นึกว่าชาวนาไทยจะลำบากขนาดนี้ นักมวยก็เหมือนกัน เด่นซ้อมหนักมากทุกวัน เขาควรจะได้พิสูจน์ตัวเองบนเวที’
 
คลิปเรียบง่ายที่จอมและเด่นโพสต์เปิดเผยเรื่องราวสู่สายตาชาวโลกอย่างตรงไปตรงมา พวกเขาไม่ได้พยายามแก้ตัว ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ได้โอดครวญว่าชีวิตลำบากแค่ไหน ทั้งคู่แค่ถ่ายทอดชีวิตตัวเองออกมาอย่างที่เป็น ใครจะเห็นอะไรในนั้นก็สุดที่จะมอง มันได้เปิดมุมมองของคนจำนวนมหาศาลที่กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ ความจริงที่ว่าคนเราเกิดมาไม่เท่ากัน มีบางคนที่ได้รับโอกาสน้อยกว่าคนอื่น มีหลายคนไม่ได้มีทางเลือกในชีวิตมากนัก ใครกันที่จะมีสิทธิ์ทำลายอนาคตของคนๆ หนึ่งโดยใช้การกระทำเพียงครั้งเดียวของเขามาตัดสิน
 
กระแสตอนที่เกิดเรื่องรุนแรงและรวดเร็วขนาดไหนตอนที่พลิกกลับก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แฮชแทก #saveจอมเด่น ถูกตั้งขึ้นและมีคนร่วมสนับสนุนอย่างมหาศาลจนติดเทรนด์โซเชียลทั่วโลกอยู่หลายวัน นักแสดงในซีรีส์นิโคตินที่สองคนไปเล่นเป็นตัวประกอบทยอยกันออกมาให้กำลังใจผ่านสื่อโซเชียล คนที่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนตอนนี้ก็ได้ทราบกันโดยถ้วนหน้า คนต่างชาติเห็นแฮชแท็กภาษาแปลกๆ มาติดเทรนด์ประเทศตัวเองก็แปลกใจ ในที่สุดก็มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติเข้ามาออกความเห็นเต็มไปหมด
 
‘ก็รู้นะว่ามวยไทยเป็นศิลปะการป้องกันตัวเก่าแก่ แต่ไม่เห็นจำเป็นว่าคนในวงการจะต้องคร่ำครึหัวโบราณไปด้วยนี่ #saveจอมเด่น’
 
‘ผมเป็นนักมวยเก่า ถึงจะไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่แรก แต่อยากบอกว่าชีวิตนักมวยไทยลำบากมาก ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเป้าหมายชีวิตของหลายๆ คนที่จะพาให้ครอบครัวหลุดพ้นจากความยากจน การทำลายความฝันของเด็กสองคนนั้นด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้มันโหดร้ายเกินไป #saveจอมเด่น’
 
‘ในฐานะคนต่างชาติที่ชื่นชมมวยไทย ฉันผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ #saveจอมเด่น’
 
‘ถ้าเราปล่อยให้เรื่องนี้ทำลายอนาคตของน้องๆ ต่อไปใครจะยอมถ่ายนู้ดให้เราดูอีก เก้งกวางบ่างชะนี ช่วยกันปั่นแท็กนี้ค่ะ  #saveจอมเด่น’
 
‘ฮือ สงสารน้องนักมวย อยากวอนให้ผู้มีอำนาจลงมาช่วยดูแลด้วยค่ะ #saveจอมเด่น #nicotinetheseries’
 
‘ฉันมาจากประเทศในเซ้าท์อีสท์เอเชียเหมือนกัน ในประเทศฉันก็มีเรื่องคล้ายๆ แบบนี้ ฉันเคยคิดว่าประเทศไทยเปิดกว้าง แต่ดูแล้วก็ไม่ต่างกันนัก #saveจอมเด่น’
 
‘ไม่รู้เราคิดต่างจากคนอื่นหรือเปล่านะ แต่ถ้าวงการมวยจะกีดกันคนเพราะเรื่องแบบนี้ เราก็อยากให้น้องทั้งสองเปลี่ยนเป้าหมายไปเลย อะไรที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนก็ปล่อยให้เสื่อมไปกับกาลเวลาเถอะ จอมกับเด่นควรไปหาอย่างอื่นทำตั้งแต่ตอนที่ยังไม่สาย เห็นเล่นเป็นตัวประกอบในซีรีส์ก็น่ารักดี ไม่แน่ว่ามาทางสายบันเทิงอาจจะรุ่งก็ได้นะ #saveจอมเด่น #nicotinetheseries’’
 
‘ตามมาจากซีรีส์นิโคตินนะคะ ไม่รู้ว่าดราม่าอะไรกัน แต่ก็ขอเป็นกำลังให้ทุกคนเลย #saveจอมเด่น #nicotinetheseries’
 
‘ถ้าเป็นที่ประเทศฉันคงโดนฟ้องทั้งวงการแล้ว #saveจอมเด่น’
 
‘ก็แค่ถ่ายรูปโป๊ อวัยวะส่วนตัวของเขา คนอื่นก็ทำกันเกลื่อนเน็ต ไม่ได้ฆ่าใครตาย #saveจอมเด่น’
 
‘เห็นคนประเทศนี้ชอบพูดกันว่า คนไทยแปลว่าอิสระ แล้วนี่มันอะไร ล้าหลัง #saveจอมเด่น’
 
‘ทำไมประเทศไทยถึงมีเรื่องแบบนี้ มีสิทธ์อะไรไปห้ามไม่ให้พวกเขาขึ้นชก แล้วยังลามไปถึงค่ายมวยต้นสังกัดด้วย มันมีกฎหมายรองรับด้วยเหรอ หรือเป็นกฎหมู่ #saveจอมเด่น’
 
ไม่มีใครคิดว่าเรื่องเล็กๆ ในวงการมวยไทยจะลุกลามใหญ่โตขึ้นมาจนกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาคนต่างชาติ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องถึงกับเต้นผางเมื่อตกเป็นเป้าและโดนโจมตีถึงความใจแคบในวงการ สื่อมวลชนเริ่มทำข่าวนี้ในแง่มุมต่างๆ การกีฬาแห่งประเทศไทยให้เจ้าหน้าที่มาสอบถามสมาคมมวยไทยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ละคนบ่ายเบี่ยงว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีใครอยากออกตัวปะทะกับกระแสสังคมระดับโลกขนาดนี้ ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็ร่วมมือกันคนละนิดละหน่อยใช้เหตุนี้สะกัดดาวรุ่งค่ายมวย ศ.เผด็จศึก เพื่อกำจัดคู่แข่งและแย่งตัวนักมวย
 
โปรโมเตอร์มวยที่อ่านทิศทางลมออกรีบติดต่อ ค่าย ศ.เผด็จศึก เพื่อจัดคิวขึ้นชกให้นักมวยของค่าย แม้แต่ค่าตัวก็เพิ่มให้มากกว่าอัตราปกติ โปรโมเตอร์อื่นก็รีบตามมาเป็นทิวแถว ครูดินเลือกร่วมงานกับโปรโมเตอร์ที่ดูจริงใจมากที่สุดสามสี่ราย ในเวลาไม่นานนักมวยตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนรุ่นใหญ่ของค่ายก็มีกำหนดการขึ้นชกกันคนละหลายเวทีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแม้ในยามที่ค่ายยังรุ่งเรืองอยู่ ยิ่งมีประกาศออกมาว่าทางค่ายจะไม่หักค่าตัวนักมวยเพราะมีรายได้จากทางอื่นมากพอแล้ว แต่ละคนที่อัดอั้นจากการไม่ได้ขึ้นสังเวียนมานานก็ยิ่งฮึกเหิม การฝึกซ้อมอย่างหนักและการแช่สมุนไพรในช่วงที่ผ่านมาทำให้ร่างกายสมบูรณ์ถึงขีดสุด โอกาสครั้งใหม่นี้มีจุดพลิกผันมาจากแฮชแทก #saveจอมเด่น เพียงแฮชแทกเดียว
 
จอมกับเด่นขึ้นชกในวันเดียวกันท่ามกลางกองเชียร์กลุ่มใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนกันมากมายสร้างความคึกคักให้กับสนามมวยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งป้ายไฟทั้งเสียงเชียร์จากกลุ่มวัยรุ่นที่ปกติจะไม่ค่อยพบเห็นมากนักตามเวทีมวยทำให้กำลังใจของทั้งคู่พุ่งทะยาน กองเชียร์ที่เป็นชาวต่างชาติก็มีไม่น้อย กลุ่มนี้มาจากการรวมตัวกันแบบนานาชาติทางอินเตอร์เน็ตเพื่อจัดทริปเที่ยวเมืองไทยให้ตรงกับการขึ้นชกของนักมวยหนุ่มทั้งสอง หลังจากนั้นคงมีการตระเวนไปสถานที่และหาทานอาหารตามรอยคลิปโซเชียลของจอมเด่นรวมถึงนิโคตินเดอะซีรีส์กันต่ออีกหลายวัน
 
ด้วยการฟิตซ้อมอย่างดีและกำลังใจท่วมท้นจากแฟนคลับทั้งจอมและเด่นก็เอาชนะคู่ชกของตัวเองได้อย่างขาวสะอาด ทั้งคู่แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อเจอกับหลี่คุนในห้องพักนักมวย
 
“พี่คุน สำเร็จแล้ว ผมกลับมาชกมวยได้อีกแล้ว ชนะด้วย”
 
“ใช่พี่คุน ทั้งพวกผม ทั้งคนอื่นๆ ในค่ายด้วยก็มีคิวขึ้นชกกันหมด ไม่ต้องมาเดือดร้อนกับสิ่งที่ผมกับไอ้จอมทำแล้ว”
 
ความรู้สึกผิดในใจของนักมวยวัยรุ่นทั้งสองที่สร้างปัญหาให้กับค่ายมวยและเพื่อนร่วมค่ายได้ถูกยกออกแล้ววันนี้
 
“ก็ผลจากความพยายามของพวกเราทุกคนแหล่ะ จอมกับเด่นทำได้ดีมาก ทั้งการชกวันนี้ ทั้งความอดทนไม่ย่อท้อตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา”
 
หลี่คุนรู้ว่าความกดดันที่ทั้งคู่ต้องแบกรับมันไม่ง่ายเลยสำหรับเด็กวัยรุ่นที่ไม่ได้มีโอกาสในชีวิตมากนัก
 
“ต้องขอบคุณคนในเน็ตจริงๆ นะพี่ ไม่นึกว่าเขาจะมาช่วยอะไรคนที่ไม่รู้จักกันจริงๆ ได้ขนาดนี้  วันนี้เขาก็มีมากันตั้งเยอะ ผมทั้งไหว้ทั้งขอบคุณบนเวทีจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”
 
จอมยังไม่อยากเชื่อว่าสุดท้ายสิ่งที่มาช่วยแก้ปัญหาที่ไม่มีทางออกของค่ายมวยได้ จะไม่ใช่คนใหญ่คนโตหรือผู้มีอำนาจจากที่ไหน แต่เป็นเสียงเล็กๆ ของคนทั่วไปที่รวมกันเป็นแสนเป็นล้านจากทั่วทุกมุมโลก
 
“ใช่อย่างที่ไอ้จอมว่าแหล่ะพี่ แต่มานึกดูแล้ว ที่พวกผมเป็นที่รู้จักจนได้รับแรงสนับสนุนจากทุกคนขนาดนี้ก็เพราะทำตามที่พี่บอกใช่เปล่า พี่คุนคือเทพตัวจริง พี่รู้ได้ยังไงว่าทำแบบนั้นแล้วคนในเน็ตตั้งเยอะแยะจะมาเข้าข้างเรา”
 
“พี่ไม่ได้มั่นใจหรอก แต่ก็แอบหวังอยู่เหมือนกัน จริงๆ ก็เพราะพวกเราด้วยที่ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจและจริงใจ คนเขาเลยชอบและติดตามกันมากขนาดนี้”
 
“ถึงยังไงก็เพราะพี่คุนนั่นแหละที่ทำให้ผมมีวันนี้ ยายต้องดีใจมากแน่ๆ เลย”
 
หลี่คุนพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างก็เพื่อวันนี้ นี่เป็นการเดินหมากซับซ้อนต่อเนื่องครั้งแรกในโลกยุคใหม่ที่เขาก็ไม่มั่นใจว่ามันจะประสบความสำเร็จ เริ่มจากการสร้างตัวตนบนโลกโซเชียลให้กับจอมเด่น ให้คนเห็นว่าทั้งคู่เป็นแค่เด็กธรรมดาๆ ที่ตั้งใจพยายามเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นไม่ต่างจากคนทั่วไป ด้วยเสน่ห์ตามธรรมชาติในความซื่อของจอมเด่น ทำให้ขั้นตอนนี้ไปได้ดีกว่าที่คิด
 
หมากต่อไปเป็นการชูจอมเด่นขึ้นเป็นเป้าสายตาด้วยการส่งทั้งคู่ไปปรากฏในที่ที่ไม่ควรอยู่อย่างการเป็นตัวประกอบซีรีส์วาย โชคดีที่กระแสละครเรื่องนั้นดังกว่าที่คาดไว้มาก หลังจากนั้นพฤติกรรมมนุษย์ก็ทำหน้าที่ของมัน หลี่คุนเห็นใจจอมเด่นที่ดูเหมือนจะถูกใช้เป็นเครื่องมือจนโดนประนามยิ่งกว่าเดิม แต่ขั้นตอนนี้มันจำเป็นเหมือนการผ่าฝีให้หนองที่อักเสบอยู่ได้ระบายออกมา
 
การให้จอมเด่นลากลับบ้านเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังอย่างซื่อตรงเป็นการเดินหมากรุกฆาตของหลี่คุน ถ้าหลังจากเปิดให้เห็นความจริงของเหรียญทั้งสองด้านแล้วสังคมยังคิดว่าสิ่งที่ทั้งคู่ทำไปไม่ควรค่าแก่การให้อภัย หลี่คุนก็พร้อมที่จะถอย เขาคงช่วยหาเส้นทางชีวิตใหม่ให้กับจอมเด่นถึงแม้ทั้งคู่จะต้องทิ้งในสิ่งที่รักก็ตาม
 
โชคดีที่ว่าแม้สิ่งที่เกิดขึ้นมันจะหลุดการควบคุมและขยายตัวรุนแรงจนหลี่คุนนึกกลัว แต่ผลสุดท้ายของมันก็ออกมาเป็นบวกและช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดของค่ายมวยได้ อาจจะดูเหมือนหลี่คุนเดินหมากอยู่ข้างหลังอย่างมั่นใจ แต่จริงๆ เขากังวลเป็นอันมาก การเล่นกับกระแสสังคมมันเหมือนการใช้พิษรักษาพิษ ทั้งเสี่ยงทั้งอันตราย ความผิดพลาดเพียงน้อยนิดก็ทำให้ถึงชีวิตได้ ยิ่งหลี่คุนมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการโจมตีทำร้ายกันทางโซเชียลมาหลายครั้งหลายคราอยู่แล้วด้วย แต่เขาถือคติว่ายิ่งกลัวก็ต้องยิ่งบุกตะลุย เคยพ่ายแพ้ก็ต้องกลับไปแก้แค้น ถ้าโซเชียลเน็ตเวิร์คเคยทำร้ายเขา เขาก็จะต้องหาทางใช้ประโยชน์จากมัน
 
นอกจากกระแสดราม่าที่เกิดขึ้นจะกดดันวงการมวยจนต้องกลับตัวพลิกลิ้นกันแทบไม่ทันแล้ว มันยังทำให้ค่ายมวย ศ.เผด็จศึกเป็นที่รู้จักกันในระดับนานาชาติยิ่งขึ้นไปอีก ผลการชกของนักมวยคนอื่นๆ ในเวลาต่อมาแม้จะไม่ถึงกับชนะรวดทั้งค่ายแต่ก็ใกล้เคียง ค่ายมวย ศ.เผด็จศึก พุ่งทะยานจากความตกต่ำขึ้นเป็นค่ายมวยอันดับต้นๆ ของประเทศในเวลาไม่กี่เดือน

คอร์สเรียนมวยไทยของทางค่ายเต็มจนไม่รู้จะเต็มอย่างไรโดยเฉพาะคอร์สกินอยู่ประจำที่ต้องจองกันข้ามปี ร้านอาหารคนแน่นเอี๊ยดจนต้องมีเซ็ทข้าวกล่องพรีเมียมขายให้ไปนั่งทานกันตรงท่าน้ำริมเจ้าพระยาที่ทำขึ้นใหม่ โซนนวดแผนไทยก็ก็ต้องขยายออกไปหลายสิบเตียง ร้านขายของที่เคยมีแค่น้ำมันมวยมีคุณจำหน่าย ตอนนี้มีทั้งกางเกงมวย นวม ผ้าพันมือ มงคลประเจียด และอุปกรณ์ของที่ระลึกที่เกี่ยวกับมวยไทยสาระพัดอย่าง ไม่ว่าจะทำอะไรออกมาก็ขายได้ทั้งนั้น แม้แต่เสื้อยืดธรรมดาที่พิมพ์คำว่า #saveจอมเด่น ตัวละพันก็ยังขายดิบขายดี
 
ถ้าจะมีอะไรที่ดังกว่าค่ายมวย ศ.เผด็จศึกในนาทีนี้ก็เห็นจะมีแต่นิโคตินเดอะซีรีส์ ส่วนแบ่งห้าเปอร์เซ็นต์จากละครที่หลี่คุนได้รับมากมายกว่าเงินลงทุนไปหลายเท่านัก หลี่คุนยิ้มแก้มปริ เขารีบส่งผลงานการลงทุนครั้งแรกในธุรกิจบันเทิงไปอวดจางอี้หลงทันทีให้อีกฝ่ายอิจฉาเล่น
 
LK : พี่อี้ พี่อี้
 
ZYL : ครับ
 
LK : ส่งไฟล์ให้ดู รีบเปิดเลย
 
ZYL : ไม่เอา จะหลอกเอาคำปรึกษาฟรีๆ อีกละสิ นี่ค่าตัวแพงนะ
 
LK : พี่อี้หลง อย่าแกล้งน้องสิ
 
ZYL : ขี้เกียจอ่า
 
LK : อี้หลงเก่อเกอ เปิดไฟล์นะครับ
 
ZYL : 555 ไม่แกล้งแล้ว ขอดูแป๊บ
 
LK : เป็นไงล่ะ พี่ดูอัตราผลตอบแทนได้เลย
 
ZYL : พี่ยอมๆ เก่งมากครับ น้องคุน เดี๋ยวเจอครั้งหน้า พี่มีรางวัลให้
 
LK : ก็แค่นี้  อย่าลืมชาหลงจิ่งด้วย ไปล่ะพี่
 
แต่เงินก้อนใหญ่จริงๆ ที่หลั่งไหลเข้ากระเป๋าหลี่คุนอย่างไม่ขาดสายมาจากยอดขายของขี้ผึ้งสมุนไพรฮองเฮาที่เขาเป็นเจ้าของอย่างลับๆ กระแสความดังของซีรีส์นิโคตินทำให้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องติดลมบนกันหมด ไม่ว่าจะนักแสดงหลัก นักแสดงรอง หนังสือนิยายต้นฉบับ เพลงประกอบละคร แน่นอนว่ารวมถึงสปอนเซ่อร์หลักอย่างขี้ผึ้งสมุนไพรฮองเฮาด้วย เดิมทีผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็มีชื่อเสียงอยู่แล้ว แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สนใจเท่าไหร่ แต่หลังจากถูกเป่าหูจากโฆษณาในซีรีส์แต่ละตอนและอยากจะสนับสนุนนักแสดง หลายคนก็ตัดสินใจกัดฟันซื้อมาลอง พอใช้จริงก็ติดใจกับผลลัพธ์ที่เกินราคากลายเป็นลูกค้าต่อกันไปยาวๆ แถมยังไปชักชวนแฟนคลับคนอื่นๆ มาลองใช้ด้วย จนยอดขายพุ่งอย่างก้าวกระโดด
 
แฟนคลับอินเตอร์ก็ตามกระแสมาติดๆ เรียกร้องให้ส่งขี้ผึ้งฮองเฮาไปวางจำหน่ายในประเทศของตนบ้าง หลี่คุนตัดสินใจขยายตลาดไปต่างประเทศทันที ต้องขอบคุณที่จางอี้หลงที่สืบรู้อย่างลับๆ ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าของขี้ผึ้งฮองเฮาถูกเปลี่ยนมือเป็นหลี่คุน จึงแอบส่งตัวอย่างไปทดสอบจนได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศต่างๆ มาแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ได้บอกเพราะหลี่คุนยังโกรธเขาอยู่ พอหลี่คุนมาขอคำปรึกษาเรื่องจำหน่ายและกระจายสินค้าในต่างประเทศก็ดำเนินการได้ทันทีไม่ต้องรอขั้นตอนอนุมัติที่ยืดยาวอีก
 
หลี่คุนประมาณการรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นแต่ละเดือนแล้วกับตกตะลึง ขนาดไฮโซบรูคที่ได้ส่วนแบ่งเล็กน้อยยังเอาเงินไปซื้อแหวนเพชรน้ำงามไปเซอร์ไพรส์ภรรยาได้ จนฝ่ายนั้นโทรมาคาดคั้นหลี่คุนว่าแอบปรับเพิ่มเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งให้สามีของนางหรือเปล่า หลี่คุนรู้สึกเป็นครั้งแรกนับจากข้ามเวลามาว่าตัวเองรวยแล้วจริงๆ ระยะห่างระหว่างเขากับจางอี้หลงที่เคยมองว่าไกลก็ดูจะไม่มากมายถึงขนาดนั้น ต่อไปเขาจะต้องเสพสุขกับชีวิตที่เพียบพร้อมไปด้วยเงินทองให้ยิ่งกว่าฮ่องเต้เสียอีก ก่อนอื่นจะต้องหาซื้อสิ่งที่เขาอยากได้มานานแล้ว สิ่งที่จะเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของเขาเสียที

#######

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #128 เมื่อ19-07-2020 07:24:18 »

-43-


“พี่คุนซื้อรถคันใหม่แล้วจริงๆ เหรอครับ”

ซูกัสร้องออกมาอย่างดีใจ เมื่อรู้พี่ชายกำลังจะพาเขาไปดูรถคันใหม่ที่แอบซื้อมาตอนไหนไม่รู้ไม่ยอมให้เขาช่วยเลือก ถึงพี่แฮ็คส์จะมีรถหรูๆ หลายคันแต่ก็ไม่เหมือนกับรถพี่ชายตัวเอง อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะทำไปขับขี่ได้แล้ว ถึงตอนนั้นจะได้ยืมรถคันใหม่ไปขับเล่นอวดเพื่อนๆ ให้หนำใจ

“อื้อ เขาเพิ่งเอาไปส่งที่ค่ายมวย”

ทั้งคู่นั่งอยู่เบาะหน้าของรถญี่ปุ่นคันเท่ากระป๋องนมคันเดิม โดยมีตินนั่งห่อตัวเพราะความคับแคบของเบาะหลัง

“แหม น่าจะให้ศูนย์มาส่งที่คอนโดเลยจะได้ลองนั่งเร็วๆ คันนี้เท่าไหร่ครับ เกินล้านหรือเปล่า”

“เดี๋ยวนี้พี่ไม่ซื้อของถูกๆ หรอก เกือบห้าล้านแหนะ ค่ายยุโรปมันแพงหน่อย”

“โอโห พี่ตินรู้เปล่าเนี่ย”

เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวไปถามตินที่ด้านหลัง อีกฝ่ายส่ายหน้าแล้วก็ไม่สนใจสองคนพี่น้องอีก

ซูกัสจินตนาการถึงรถสปอร์ตคันสวย ถึงห้าล้านบาทจะไม่พอกับค่าตัวของซุปเปอร์คาร์ตัวท็อปๆ แต่อย่างน้อยความเป็นรถสปอร์ตก็ต้องเรียกสายตาคนได้แน่

ช่วงก่อนนี้ซูกัสเข้ามาช่วยถ่ายวิดีโอที่ค่ายมวยค่อนข้างบ่อย แต่หลังจากที่ค่ายมวยกลับมามีชื่อเสียงแล้ว การถ่ายวิดีโอโปรโมทก็ว่างเว้นไป ตอนนี้รถที่พวกเขานั่งมากำลังวิ่งเข้าไปในบริเวณลานจอดรถที่แม้จะขยายพื้นที่ออกไปอีกเท่าตัว

“โห ผมไม่ได้มาหน่อยเดียว ทำไมมันคึกคักอย่างนี้ ทัวร์ลงใช่เปล่าเนี่ย”

บริเวณลานจอดมีทั้งรถส่วนตัวรถสองแถวรถบัสจอดเต็มไปหมด ผู้คนก็พลุกพล่านเดินซื้อข้าวซื้อจากร้านค้าบริเวณรอบๆ ค่ายมวยกันยกใหญ่ ตั้งแต่ที่ดังขึ้นมาในระดับนานาชาติ ค่ายมวยแห่งนี้ก็กลายเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ในพื้นที่นี้ จางอี้หลงแนะนำหลี่คุนว่าการทำธุรกิจต้องดูแลชุมชนรอบข้างด้วย ยิ่งทำมาหากินประสบความสำเร็จก็ต้องยิ่งเผื่อแผ่ชุมชนจะได้อยู่ข้างเราคอยสนับสนุนให้ธุรกิจยั่งยืนต่อไป หลี่คุนจึงได้จัดพื้นที่โดยรอบซอยเป็นร้านค้าย่อยๆ ให้ชาวบ้านใกล้เคียงเอาของมาขายให้กับนักท่องเที่ยวโดยไม่คิดค่าเช่าแต่ต้องมีคุณภาพและความซื่อสัตย์ ปรากฎว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอันมาก สามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชุมชนทำให้ความสัมพันธ์ของคนในพื้นที่กับค่ายมวยที่ดีอยู่แล้วดีขึ้นไปอีก มีอะไรชาวบ้านก็คอยช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้ แม้นักท่องเที่ยวจะทำให้ดูวุ่นวายหรือการจราจรพลุกพล่านไปบ้างก็ไม่มีใครบ่น

“ไหนล่ะรถคันใหม่ของพี่คุน หรือเอาไปจอดแอบคนไว้ข้างในค่าย”

“ทางนี้ซูเอ๋อร์ คันใหญ่สุดนี่เลย พอจอดเทียบกับรถคันอื่นแล้วโดดเด่นจริงๆ แฮะ กระเรียนในฝูงไก่แท้ๆ”

ซูกัสมองหลี่คุนที่ทำท่าผายมือโชว์ไปทางรถบัสวีไอพีสองชั้นใหม่เอี่ยมสีสันแสบทรวงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาเห็นมันผ่านๆ แต่แรกแล้วแต่สายตาที่สอดส่องแต่รถสปอร์ตไม่ได้ให้ความสนใจ

“นี่มันรถทัวร์ไม่ใช่เหรอ มันคือรถทัวร์พี่คุน!!! คน-ปกติ-เขา-ไม่-ซื้อ-รถทัวร์-กัน-หรอก”

หลี่คุนไม่สนใจเสียงโวยวายของน้องชาย เขาเดินไปรอบๆ พาหนะขนาดใหญ่อย่างภูมิใจ สิ่งนี้เติมเต็มความใฝ่ฝันและความอัดอั้นในวัยเด็กของเขาจนล้นปรี่ ตระกูลหลี่ที่ยิ่งใหญ่กลับเร้นกายอยู่ในคราบตระกูลค้าขายตระกูลหนึ่ง การกระทำใดๆ ล้วนแต่คิดอย่างถี่ถ้วนไม่ให้ตกเป็นเป้าความสนใจของผู้คน รถม้าตระกูลหลี่ทุกคันเป็นแบบเรียบง่ายรวบรัด ไหนเลยจะเทียบกับรถม้าอันใหญ่โตหรูหรากว้างขวางนั่งสบายภายในมีทั้งเบาะหนานุ่ม เตาอุ่นขา ผ้าขนสัตว์ ลิ้นชักเก็บของว่างผลไม้เชื่อมถั่วต่างๆ ของบรรดาขุนนางใหญ่และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงได้ หลี่คุนตัวน้อยเห็นรถม้าบ้านตัวเองไม่อาจทัดเทียบกับของเพื่อนฝูงลูกขุนนางก็ได้แต่น้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งๆ ที่ผู้นำตระกูลของคนเหล่านั้นเวลามาขอความช่วยเหลือจากบิดาเขาก็ได้แต่คำนับแล้วคำนับอีก เขาคิดว่าเมื่อเติบใหญ่จะต้องสั่งทำรถม้าที่ทั้งสูงใหญ่กว้างขวางทั้งหรูหรากว่าที่เคยเห็นให้ได้

ยามเมื่อหลี่คุนกลายมาเป็นผู้นำตระกูลหลี่ เขาแทบจะไม่มีโอกาสนั่งรถม้าอีกต่อไป ภารกิจอันเร่งเร้าทำให้การเดินทางส่วนใหญ่ของเขาอยู่บนอานม้าที่แข็งกระด้าง แม้จะสร้างรถม้าอย่างที่เคยฝันมาไว้ชื่นชมก็มิอาจทำได้ ชนชั้นพ่อค้าถือว่าต่ำศักดิ์ไม่สามารถมีพาหนะที่เกินหน้าเกินตาขุนนางและเชื้อพระวงศ์ สิ่งนี้ไม่ได้จารึกไว้เป็นกฎแต่ก็ไม่มีใครกล้าละเมิด แม้แต่หลี่คุนก็ไม่อาจสนองความต้องการของตัวเองจนทำให้โดนจับจ้องจนเสี่ยงแก่การเผยตัวตนได้

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาข้ามเวลามายังยุคสมัยที่ผู้คนมีอิสระ ไม่มีทาส ไม่มีชนชั้นที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ขอเพียงมีความสามารถ ไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถไขว่คว้ามาได้ด้วยตัวเอง หลี่คุนที่มีเงินในกระเป๋ามากพอจนอุ่นใจแล้วก็ไม่รีรอที่จะครอบครองสุดยอดพาหนะที่เขาหมายตาตั้งแต่ข้ามเวลามาใหม่ๆ ดูรถบัสที่สูงใหญ่ราวกับตำหนักเคลื่อนที่นี่สิ มันบรรทุกคนได้เป็นสิบๆ คน กว้างขวางกว่ารถม้าที่เขาเคยอิจฉาไม่รู้ตั้งกี่เท่า ภายในมีทั้งเครื่องปรับอากาศ เบาะนวดเจ็ดจุดปรับเอนได้ เครื่องเสียง ทีวี คาราโอเกะ ตู้เย็น ส่วนท้ายมีห้องน้ำ ชั้นล่างปรับเป็นเตียงนอน ด้านนอกทำสีเป็นโฆษณาค่ายมวย ศ.เผด็จศึกกับน้ำมันมวยมีคุณ รอบตัวรถติดไฟกระพริบแอลอีดีหลากสีเรียกสายตา เครื่องจักรที่ใช้น้ำมันดินกลั่นให้กำลังเท่ากับอาชาสามร้อยหกสิบตัว ถ้าคนในยุคเดียวกับเขามาเห็นคงต้องกระอักเลือดตายด้วยความอิจฉาเป็นแน่

“พี่คุนอ่ะ ซื้อรถทั้งที ทำไมไม่เอารถสปอร์ตเท่ๆ แบบคันนั้น”

ซูกัสประท้วงพร้อมกับชี้ไปที่รถสปอร์ตสีดำสนิทรูปทรงโฉบเฉี่ยวที่จอดอยู่ไม่ไกล หลี่คุนหันไปมองแล้วทำเสียงดูถูก

“เหอะ ทั้งเตี้ยทั้งแคบแบบนั้นใครจะอยากนั่งกัน รสนิยมของน้องนี่แย่จัง”

“พี่ติน ช่วยพูดให้พี่คุนเข้าใจหน่อยสิ”

ซูกัสหันไปสบตากับตินอย่างมีความหวัง

“พี่ว่ารถบัสก็ดีนะ เวลาพานักมวยไปขึ้นชก จะได้ไปคันเดียวกันได้หลายๆ คน”

ความฝันที่จะยืมรถพี่ชายไปขับโฉบเฉี่ยวในคณะยามเข้ามหาลัยของซูกัสต้องพังทะลายลง คนพวกนี้แปลกเกินไปแล้ว

หลังจากส่งซูกัสไปนั่งสงบสติอารมณ์ด้วยของกินที่ร้านอาหารของค่ายมวย หลี่คุนกับตินก็เข้าไปคุยกับครูดินในเรื่องที่ทั้งคู่หารือกันมาก่อนหน้านี้แล้ว

“พวกพี่ๆ รุ่นใหญ่ของค่ายเขามากันหรือยังครับ”

“ใกล้ถึงเวลาที่นัดไว้แล้ว เดี๋ยวคงเข้ามากัน”

“ที่พี่ดินไปคุยมา พวกเขาวางแผนไว้ยังไงครับ”

“ก็คงทยอยแขวนนวมกันไปเรื่อยๆ ว่ะคุน อายุก็มากขึ้นเรื่อยๆ มวยไทยมันใช้ร่างกายหนัก ต้องหนุ่มแน่นจริงๆ ถึงจะไหว เสียดายที่ค่ายเรามีช่วงตกต่ำอยู่พักใหญ่ ไอพวกนี้มันเลยยังเก็บเงินได้ไม่มากนัก เหมือนพวกไอ้เมฆไอ้แสนไอ้เพชรที่ออกจากค่ายไปก่อนหน้านี้ จริงๆ พี่ก็อยากให้ช่วยเป็นครูฝึกต่อเหมือนกัน แต่พวกมันก็อิ่มตัวเรื่องมวยพอควรแล้ว อยากลองไปหางานประจำที่มั่นคงดูมั่ง แล้วค่อยมาช่วยสอนมวยวันเสาร์อาทิตย์ที่ลูกค้าเยอะๆ ยังดีนะที่คุนยืนยันให้นักมวยทุกคนเรียนภาษาอังกฤษกับไอ้เควิน เลยยังพอมีภาษาติดตัวกันไปมากบ้างน้อยบ้าง”

“ที่จริงพี่สามคนเขามาทำงานกับพวกผมครับ”

“จริงดิ ไม่เห็นพวกมันบอกพี่เลย”

“ฮ่าๆ สงสัยพี่เขายังไม่มั่นใจว่าจะไปรอด ไอติน มึงเล่าสิ”

“คือพ่อผมมีบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ทำกับเพื่อนตำรวจด้วยกันอยู่ ปกติเพื่อนพ่อเขาก็บริหารไปพ่อผมภารกิจเยอะกว่าแทบไม่ได้เข้าไปยุ่ง แต่เพื่อนพ่อเขาก็อยากจะวางมือเหมือนกัน ถ้าผมรับช่วงต่อ เขาก็จะขายหุ้นทั้งหมดมาให้ผม แต่ถ้าผมไม่เอา พ่อกับเพื่อนก็จะขายทั้งบริษัทคนอื่นไปเลย”

“แล้วไงวะ”

“ผมเลือกจะทำต่อครับ จริงๆ ผมก่อนหน้านี้ผมก็เข้าไปดูอยู่บ้าง ตอนนี้งานส่วนใหญ่ก็เป็นพวกจัดหา รปภ. ไปตามห้างตามออฟฟิศ ผมคุยกับไอ้คุนแล้วอยากขยายบริการอย่างอื่นบ้างแต่ยังขาดคนอยู่”

“พวกไอเมฆมันจะไปทำงานเป็น รปภ. เหรอ เป็นครูฝึกมวยที่นี่ต่อยังจะดีซะกว่า รายได้เลี้ยงตัวเองสบาย”

“พวกพี่เขาเข้าไปเป็นระดับหัวหน้าอ่ะพี่ ต่อไปคงมีงานอย่างอื่นให้ทำด้วย”

“ใช่ครับพี่ดิน ผมเข้าไปร่วมหุ้นในบริษัทนี้กับตินด้วย ถ้าไม่ดีผมไม่กล้าเอามาเสนอหรอกครับ ที่จริงหลังขึ้นชกครั้งสุดท้าย พวกพี่เขาก็เริ่มฝึกทักษะด้านการรักษาความปลอดภัย ตอนนี้ฝีมือพัฒนาไปมากเลย”

“อ้าว ก็ไม่บอกแต่แรกว่าน้องคุนทำด้วย ถ้าเป็นแค่บริษัทเอ็ง ไอติน ใครจะมั่นใจวะ”

ทั้งสามคนคุยกันต่อได้ไม่นาน นักมวยรุ่นใหญ่ของค่ายก็เข้ามาในห้องสำนักงานกันจนครบ หลี่คุนให้ตินเป็นคนออกหน้าเล่าเรื่องบริษัทรักษาความปลอดภัยนี้ให้กับพวกนักมวยฟัง

“ตามที่ผมเล่าไปครับ พี่ๆ นักมวยค่าย ศ.เผด็จศึกคนไหนแขวนนวมโดยความเห็นชอบของทางค่าย บริษัทสำนักคุ้มกันของผมกับไอ้คุนจะรับเข้าทำงานต่อทันที รายได้สวัสดิการไม่ต่ำกว่าตอนชกมวยแน่นอน แถมยังโอนแต้มคุณูปการไปใช้ต่อที่สำนักคุ้มกันได้ด้วย”

เสียงฮือฮาดังออกมาจากกลุ่มนักมวย พวกเขาเป็นรุ่นใหญ่มีประสบการณ์ ถึงไม่ได้ดังมากแต่รายได้รวมๆ ก็คนละหลายหมื่น บางคนเริ่มชกตั้งแต่อายุยังน้อยร่างกายเริ่มเสื่อมแล้วแต่ยังตัดใจแขวนนวมไม่ได้เพราะไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไรดีที่จะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ มีแต่จะต้องทนขึ้นชกเก็บเงินไว้ให้ได้มากที่สุดจนกว่าร่างกายจะหมดสภาพจริงๆ

“เป็น รปภ. ตามห้างมันจะได้เงินขนาดนั้นเลยเหรอวะติน”

“ต่อไปบริษัทผมจะไม่รับงานแบบนั้นแล้วครับ จะเน้นพวกงานรักษาความปลอดภัยบุคคลมีชื่อเสียง หรือต่อให้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ก็จะเป็นร้านแบรนด์เนมไฮโซที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษมีบุคลิคภาพดีรู้จักมารยาทสากลอะไรพวกนี้ ค่าจ้างสูงมากนะครับ”

“แล้วพวกข้าจะทำได้เหรอวะ”

“ทางบริษัทมีอบรมหลักสูตรเร่งรัดให้ครับ ภาษาอังกฤษพวกพี่ก็เรียนจากเควินมาพอใช้การได้แล้ว ฝึกพวกมารยาทสากล กับทักษะเฉพาะของบอดี้การ์ดอีกหน่อยก็รับงานได้ นอกจากนั้นยังมีพวกงานภารกิจพิเศษเวลาว่างจากงานประจำที่จะได้แต้มคุณูปการเยอะมาก พี่เอาไปแลกเป็นเงินหรือสินค้าพิเศษได้เลย ถ้าใครยังไม่มั่นใจก็ลองคุยกับพวกพี่เมฆพี่แสนพี่เพชรดูก่อนได้ พวกพี่เขามาทำกับผมหลายเดือนแล้ว แต่รับรองถ้างานนี้ไม่ดีจริงผมไม่เอามาบอกพวกพี่หรอก เราก็รู้จักกันมาเป็นสิบปีแล้ว ผมไม่มาทำให้เสียอนาคตอยู่แล้ว บริษัทสำนักคุ้มภัยนี้ไอ้คุนก็มาช่วยด้วย พวกพี่ก็รู้ฝีมือมันอยู่ที่ช่วยพี่ดินพลิกฟื้นค่ายมวยได้ขนาดนี้”

หลายเดือนก่อนหน้านี้ เมฆแสนและเพชรและนักมวยรุ่นใหญ่อีกจำนวนหนึ่งได้เข้ามาเป็นพนักงานรุ่นบุกเบิกของบริษัทสำนักคุ้มกันและเริ่มฝึกกันอย่างหนักมาโดยตลอด หลี่คุนผสมผสานทักษะที่ใช้ฝึกจากศาสตร์หลายแขนงเพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัย เขาเชิญคนของนายพลหยางมาช่วยฝึกทักษะการต่อสู้ประชิดตัวแบบทหาร ส่วนเทคนิคจำเพาะของการเป็นบอดี้การ์ดได้ลูกน้องของแฮ็คส์มาถ่ายทอดให้ หลี่คุนสั่งระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวและระบบวีอาร์ช่วยฝึกการเคลื่อนไหวแบบเดียวกับแลบวิจัยบริษัทเกมของจางอี้หลงแต่เป็นรุ่นถูกกว่ามาใช้ เขาป้อนข้อมูลวรยุทธ์พื้นฐานขององครักษ์เงาที่ดัดแปลงให้ไม่ต้องต้องใช้กำลังภายในลงไป แล้วให้พนักงานมาฝึกตามผ่านระบบวีอาร์

วิชามวยไทยซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ประชิดตัวชั้นยอดที่เน้นใช้งานจริงอยู่แล้ว เมื่อผสมผสานกับทักษะเฉพาะทางอื่นๆ ที่หลี่คุนคัดสรรมาและการแช่สมุนไพรเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย ก็ทำให้พนักงานชุดแรกของบริษัทสำนักคุ้มกันมีความสามารถไม่ต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นต้น เมื่อรวมกับอุปกรณ์ไฮเทคบางอย่างของจางอี้หลง เช่นแว่นตาดำที่ทำหน้าที่เป็นทั้งอุปกรณ์สื่อสารเครื่องดักฟังเครื่องช่วยมองและบันทึกภาพในที่มืด ก็ทดแทนวิชาแบบเดียวกันที่ต้องใช้กำลังภายในได้ ในที่สุดองครักษ์เงาของโลกสมัยใหม่ชุดแรกก็ถือกำเนิดขึ้นโดยมีตินเป็นผู้ดูแลควบคุมกองกำลังนี้

ความสำเร็จนี้ทำให้หลี่คุนต้องการรับและฝึกพนักงานรุ่นสองอย่างเร่งรีบ สมัยนี้ไม่สามารถไปหาซื้อทาสแบบทำสัญญาขายตัวหรือรับเด็กกำพร้ามาฝึกหัดได้เหมือนชาติก่อน เขาจึงได้ขอครูดินเปิดรับสมัครนักมวยเพิ่มเติมขึ้นในวันนี้ ลูกศิษย์จากค่าย ศ.เผด็จศึก นอกจากจะมีฝีมือพร้อมที่จะต่อยอดเป็นองครักษ์เงาแล้วยังซื่อสัตย์เชื่อใจได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าความสามารถด้านการต่อสู้เสียอีก

หลังจากอธิบายรายละเอียดของงานต่ออีกเล็กน้อย นักมวยที่มาฟังส่วนใหญ่ก็ลงชื่อสมัครเข้าบริษัทสำนักคุ้มกันทันที มีเพียงส่วนน้อยที่ขอกลับไปคิดก่อน จริงๆ ทางเลือกอาชีพหลังแขวนมวยก็มีไม่มากอะไร คนไหนที่ไม่ได้เรียนปริญญาตรีไปด้วยระหว่างที่ชกมวยก็อาจต้องเอาเงินที่สะสมไว้มาลงทุนค้าขาย ไม่งั้นก็ไปเป็นเทรนเนอร์หรือพนักงานขายเครื่องกีฬาตามห้าง ถ้าจะให้ได้เงินเยอะจริงๆ ก็ต้องไปทำงานต่างประเทศ เป็นการ์ดตามผับตามบาร์หรือดีหน่อยก็ได้เป็นครูสอนมวยไทยในยิม งานที่ตินและหลี่คุนเสนอจึงถือว่าดีมากและไม่ต้องจากบ้านจากเมืองไปไหน หลี่คุนยิ้มแก้มแทบปริ ถึงพวกพี่นักมวยเหล่านี้จะอยู่ในช่วงปั้นปลายของอาชีพมวยไทย แต่จริงๆ ก็เพิ่งอายุยี่สิบห้ายี่สิบหก ยังมีเวลาฝึกฝนและทำงานในฐานะบอดี้การ์ดระดับสูงหรือองครักษ์เงาได้อีกไม่รู้ตั้งกี่ปี

ถึงการรับคนเพิ่มจำนวนมากจะทำให้สิ้นเปลืองสมุนไพรสำหรับแช่ตัวมากขึ้น แต่โชคดีที่หลังจากที่ได้รู้จักพวกของปรมาจารย์หาน หลี่คุนก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวนี้เขาให้ผู้อาวุโสตู้แห่งสมาคมการค้าเป่ยจิงช่วยจัดหาสมุนไพรจากเมืองจีนให้โดยตรงแลกเปลี่ยนกับความร่วมมืออื่นๆ ปัญหาเรื่องสมุนไพรหายากจึงหมดไป เงินค่าสมุนไพรก็ไม่ได้เป็นประเด็นเนื่องจากเขามีแหล่งรายได้จากขี้ผึ้งบำรุงความงามและน้ำมันมวยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่เริ่มมีปัญหาน่ารำคาญคือบริษัทขี้ผึ้งฮองเฮาประสบความสำเร็จมากเกินไป จนทำให้ไฮโซบรูคซึ่งเป็นเจ้าของหุ่นเชิดเริ่มเกิดความคิดฟุ้งซ่านอยากจะขยายธุรกิจไปทำอย่างอื่นทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้มีความถนัด พอเสนอมาหลายครั้งหลี่คุนไม่เอาด้วย ก็แอบไปสั่งการให้ลูกน้องในบริษัททำโน่นทำนี่สิ้นเปลืองทรัพยากรของบริษัทไปโดยไม่จำเป็น หลี่คุนระแคะระคายเรื่องนี้มาบ้างแต่ยังไม่มีเวลาจัดการอย่างจริงจัง จะทำอะไรรุนแรงไปก็ยังเกรงใจอาซ้อภรรยาของบรูคซึ่งเป็นนักธุรกิจหญิงแกร่งที่เขานับถือและถูกชะตาด้วย

สมุนไพรล้ำค่าที่ผู้อาวุโสตู้จัดหาให้นอกจากจะใช้ปรุงยาสำหรับแช่ให้กับองครักษ์เงาฝึกหัดแล้ว หลี่คุนยังพยายามหลอมโอสถชนิดใหม่ๆ ขึ้นมา นอกจากพวกโอสถบำรุงปราณระดับปฐพีเทียมที่เขาปรุงให้ตินแล้ว เขายังประสบความสำเร็จในการหลอมโอสถอายุวัฒนะความบริสุทธ์แปดเก้าส่วนขึ้นมา ถึงจะไม่ใช่โอสถระดับปฐพีแต่ความบริสุทธิ์ในระดับสูงและส่วนผสมของรากเหอโส่วอูอายุร้อยปีนี้ทำให้มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกายคืนความเยาว์วัยได้ไม่น้อยเลย

คนรอบข้างของหลี่คุนล้วนอยู่ในวัยหนุ่มแน่นไม่ค่อยได้ประโยชน์จากโอสถตำหรับนี้ หลี่คุนจึงส่งไปให้บิดามารดาของคุณานนท์ที่ต่างประเทศซึ่งเขาก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงได้แต่ทักทายพูดคุยกันบ้างผ่านทางวิดีโอคอลหรือโปรแกรมแชท ดูเหมือนว่างานที่นั่นจะยุ่งมากจนไม่มีเวลากลับไทย แต่ทั้งคู่ก็แสดงความห่วงใยและส่งเงินมาให้คุณานนท์อยู่ตลอด นึกแล้วหลี่คุนก็รู้สึกสงสารสามีภรรยาคู่นี้นักที่ไม่รู้ความจริงว่าบุตรชายเพียงคนเดียวของตัวเองไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกผูกพันกับคนทั้งคู่นัก แต่ก็ตั้งใจจะช่วยดูแลคนทั้งคู่ให้ดีที่สุดเป็นการตอบแทนคุณานนท์ที่เขาได้มาอาศัยร่างอยู่ นอกจากโอสถอายุวัฒนะหลี่คุนยังส่งโอสถบำรุงร่างกายและเสริมความงามต่างๆ ที่เขาทำขึ้นไปให้เป็นประจำ

ทีมองครักษ์เงารุ่นแรกของบริษัทสำนักคุ้มกันได้กระจายกันไปรับงานเป็นบอดี้การ์ดให้กับดารานักร้องที่มีชื่อเสียง หลี่คุนเจาะตลาดวงการบันเทิงก่อนเพราะเขามีเส้นสายอยู่บ้างจากทางแฮ็คส์และฐานลูกค้าสมาชิกขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิ์ ส่วนตลาดลูกค้าไฮโซก็กำลังให้แบงค์หาช่องทางอยู่เพราะส่วนใหญ่จะเน้นใช้คนของตัวเอง ฝีมือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับอาชีพบอดี้การ์ดแต่ในยุคปัจจุบันที่บ้านเมืองสงบสุขอาจจะไม่ได้มีโอกาสแสดงออกมามากนัก หลี่คุนจึงสร้างความโดดเด่นให้กับบริการของสำนักคุ้มกันโดยการยกระดับรูปลักษณ์ของบอดี้การ์ดให้ดูดีราวกับออกมาจากภาพยนตร์ ความต้องการของผู้บริโภคยุคนี้ก็เป็นเช่นนี้ สินค้าต่างๆ นอกจากคุณภาพสูงแล้วยังต้องสวยงามชวนมองด้วย

องครักษ์เงาแต่ละคนรูปร่างดีอยู่แล้ว ส่วนผิวพรรณใบหน้าส่วนใหญ่ก็เรียบเนียนใสด้วยอานิสงส์จากขี้ผึ้งฮองเฮาที่ใช้บำรุงมาก่อนหน้านั้น หลี่คุนฟื้นฟูเคล็ดวิชาผลัดกระดูกย้ายเส้นเอ็นซึ่งในยุคโน้นเป็นศาสตร์ลับทางการแพทย์ชั้นสูงที่ใช้กำลังภายในมหาศาลปรับสัดร่างกายให้เหมาะสมกับการฝึกวรยุทธมากขึ้น แม้ชาติก่อนเขาจะมีกำลังภายในเก้ามังกรบรรพกาลถึงขั้นเจ็ดก็ยังใช้เคล็ดวิชานี้ได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงชาตินี้ที่กำลังภายในบุปผาเร้นวารีของเขายังไม่บรรลุถึงถึงขั้นสี่ด้วยซ้ำ แต่หลี่มิได้หมายใจจะใช้เคล็ดวิชานี้ปรับสัดส่วนร่างกายเพื่อการฝึกยุทธ เขาใช้มันปรับสัดส่วนองคาพยพบางจุดบนใบหน้าขององครักษ์เงาเท่านั้น

พวกซูเอ๋อร์ถ่ายรูปใบหน้าขององครักษ์เงาแต่ละคนเอามาทดลองแต่งภาพบนคอมพิวเตอร์ให้ดูดีขึ้นแล้วพิมพ์ออกมา หลี่คุนใช้รูปพวกนี้เป็นแนวทางใช้เคล็ดวิชาลับแอบดึงสันจมูกขึ้นนิด ตบปีกจมูกเข้าไปหน่อย ลบเหลี่ยมโหนกแก้มสันกรามอีกเล็กน้อย ด้วยข้อจำกัดด้านกำลังภายในทำให้ผลที่ได้ไม่ต่างจากใบหน้าเดิมนักแต่รวมๆ ก็ดูดีขึ้น หลี่คุนไม่ได้คิดจะแข่งกับวิชาแพทย์ยุคใหม่ของอาณาจักรโคกรูยอนที่เป็นยอดฝีมือในการแปลงโฉมผู้คนให้งดงามอย่างน่าตกตะลึงอยู่แล้ว

ใจจริงหลี่คุนยังชื่นชอบเครื่องแต่งกายสีดำล้วนมีเกราะอ่อนทำจากหนังสัตว์ขององครักษ์เงาในยุคก่อนมากกว่าแต่แบบนั้นคงสะดุดตาเกินไป เขาให้มารดาของแชมเปญเพื่อนซูเอ๋อร์ซึ่งเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังออกแบบชุดสูทสำหรับบอดี้การ์ดให้ ผลงานที่ได้เป็นสูทสีดำเรียบหรูทรงเข้ารูปฟิตพอดีตัวเน้นรูปร่างที่มีมัดกล้ามสมบูรณ์แต่สวมแล้วเคลื่อนไหวสะดวกด้วยเนื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่นสูง เมื่อรวมกับแว่นตาดำซึ่งเป็นอุปกรณ์ไฮเทคจากบริษัทของจางอี้หลงก็ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกขององครักษ์เงากลายเป็นบอดี้การ์ดระดับสูงที่ทั้งเท่ทั้งน่าเกรงขาม

แม้จะเริ่มทำงานได้ไม่นาน บริษัทสำนักคุ้มกันก็ได้รับเสียงชื่นชมจากลูกค้ากลับมาเป็นอย่างมาก บอดี้การ์ดแต่ละคนรูปร่างเป็นเลิศหน้าตาก็ใช้ได้ ไม่พูดมาก ไม่มีท่าทีสอดรู้สอดเห็น พูดภาษาอังกฤษได้ รู้มรรยาทสากล เมื่อเกิดเหตุคับขันก็แสดงฝีมือที่ยอดเยี่ยมออกมา องครักษ์เงารุ่นแรกซึ่งมีจำนวนไม่มากนักถูกว่าจ้างจนหมดไม่มีเหลือด้วยค่าตัวสูงลิ่ว ดาราสาวรุ่นใหญ่แทบจะตบกันตายเพียงเพื่อจะแย่งตัวบอดี้การ์ดจากบริษัทรักษาความปลอดภัยเล็กๆ แห่งนี้

ไม่มีใครจะปลาบปลื้มใจไปมากกว่าหลี่คุน เขาได้พิสูจน์ว่าตัวตนขององครักษ์เงาไม่ใช่สิ่งที่ตกยุคตกสมัย ในชาติก่อนที่ไร้ญาติพี่น้องใกล้ชิด เหล่าองครักษ์เงาซึ่งเป็นสหายร่วมรบถือเป็นกลุ่มคนที่เขาไว้ใจที่สุด นั่นทำให้เขาอยากสร้างกองกำลังนี้ขึ้นมาใหม่ในโลกยุคปัจจุบัน

แต่ตอนนี้หลี่คุนกำลังมีปัญหากับการฝึกฝนองครักษ์เงารุ่นสองซึ่งมีจำนวนมากกว่ารุ่นแรกหลายเท่าตัว นอกจากนักมวยที่กำลังจะแขวนนวมจากค่าย ศ.เผด็จศึกแล้ว เขายังรับพวกนายแบบที่เขาเคยช่วยไว้จากการถูกแบล็คเมลโดยอดีตผู้จัดการของแฮ็คส์มาฝึกอีกหลายคน คนพวกนี้ไม่ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงแล้วก็ไปได้ไม่ดีนักกับอาชีพอื่น เมื่อเห็นหลี่คุนมาทำบริษัทรักษาความปลอดภัยระดับสูงแล้วมีแนวโน้มไปได้ด้วยดีก็สนใจมาสมัคร หลี่คุนเห็นใจรับไว้ ยังไงสมัยที่ยังลำบากคนพวกนี้ก็เคยช่วยวิ่งขายขี้ผึ้งจักรพรรดิด้วยกันมา หลายคนก็เป็นนักกีฬาหรืออย่างน้อยก็ต้องเข้ายิมเพื่อฟิตหุ่นน่าจะพอฝึกได้บ้างถึงจะไม่ทรหดเท่านักมวย

ปัญหาคือด้วยจำนวนองครักษ์ฝึกหัดที่เพิ่มขึ้นมากในรุ่นสอง ทำให้สถานที่ฝึกฝนซึ่งใช้ตึกแถวที่เป็นสำนักงานของบริษัทรักษาความปลอดภัยไม่เพียงพอ เครื่องฝึกกระบวนท่าด้วยระบบวีอาร์ที่มีอยู่เพียงเครื่องเดียวผลัดกันใช้แทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ยังได้ฝึกกันไม่ถึงครึ่ง หลายคนก็มีปัญหาเรื่องที่พักหลังจากย้ายออกจากค่ายมวย ปัญหานี้ยิ่งปล่อยทิ้งไว้ก็จะทำให้การสร้างองครักษ์เงารุ่นสองล่าช้าออกไปเรื่อยๆ จะไปขอความช่วยเหลือเรื่องสถานที่จากค่ายมวย ศ.เผด็จศึก หลี่คุนก็เกรงใจครูดิน ทางโน้นก็เพิ่งรับลูกศิษย์รุ่นใหม่เข้ามาทดแทนคนที่เขาดึงตัวออกมาคงไม่มีที่ทางมากพอ

ในช่วงที่หลี่คุนกำลังกลุ้มใจกับปัญหาเรื่องสถานที่อยู่นั้น จางอี้หลงก็บอกว่าเคลียร์วันหยุดได้ช่วงหนึ่งกำลังจะมาหาที่กรุงเทพ หลี่คุนถึงได้สบายใจขึ้น เรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการทางธุรกิจแบบนี้ ยังไงอีกฝ่ายย่อมมีคำแนะนำดีๆ ให้แน่

………

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #129 เมื่อ19-07-2020 07:25:38 »

-43- [ต่อ]


“พี่อี้หลง ทางนี้ครับ”

หลี่คุนโบกไม้โบกมืออย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นจางอี้หลงเดินออกมาจากโซนผู้โดยสารขาเข้าด้วยมาดอย่างกับดาราใหญ่ นี่ถ้ามีองครักษ์เงาจากบริษัทสำนักคุ้มกันของเขาเดินตามสักสองคนจะต้องเท่มากแน่ๆ

“เดี๋ยวเราเดินไปรอรถตรงโน้นนะครับ ไกลหน่อยวันนี้ผมเอารถมารับพี่เองมันเข้ามาถึงข้างในไม่ได้”

ทั้งคู่รออยู่ไม่นานรถบัสวีไอพีสองชั้นคันใหญ่มีลวดลายนักมวยในท่าแม่ไม้มวยไทยสีสรรสดใสเต็มรอบคันก็เข้ามาจอดเทียบฟุตบาทพร้อมเปิดประตูออก จางอี้หลงแหงนหน้าค้างมองความใหญ่โตของพาหนะตรงหน้า

“เรากำลังจะไปทัวร์ต่างจังหวัดเป็นหมู่คณะกันเหรอครับน้องคุน”

“ไปเที่ยวหัวหินกันไหมครับ ใช่ที่ไหนล่ะพี่ ก็เอามารับพี่ไง มาขึ้นมา ผมจะพาชมว่ารถคันนี้นั่งสบายขนาดไหน เป็นไงแอร์เย็นฉ่ำใช่ไหมพี่ เบาะนั่งทุกตัวนวดได้นะ ถ้าหิวน้ำก็มีแช่ไว้ในตู้เย็น”

จางอี้หลงอมยิ้มเดินตามหลี่คุนที่กำลังแนะนำพาหนะสุดรักอย่างมีความสุข ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายซื้อรถคันนี้มาและชื่นชอบมันมากขนาดไหน เพียงแต่ไม่คิดว่าของจริงสีสรรมันจะแสบสันเล่นใหญ่ไฟกระพริบขนาดนี้ แต่ถ้าบอกออกไปก็อาจจะโดนข้อหาสอดส่องเรื่องส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก ได้แต่ทำเป็นไม่รู้ส่งเสียงอือออตามอย่างใสซื่อ

“นั่งเครื่องมาตั้งนาน ปวดฉี่จัง ถ้ารถคันนี้มีห้องน้ำด้วยคงสุดยอดไปเลยนะ”

หลี่คุนดวงตาเป็นประกายสดใส

“ทำไมจะไม่มีล่ะ พี่ตามผมมาเลย ห้องน้ำอยู่ตรงด้านท้าย ทั้งสะอาดทั้งสะดวก”

“น้องคุนเข้าไปช่วยพี่หน่อย พี่ไม่เคยใช้”

“เฮ้ย มันก็เหมือนห้องน้ำปกติแหละพี่”

“นั่นแหละ พี่ไม่คุ้น เดี๋ยวทำอะไรพังไปเสียดายแย่ รถใหม่เอี่ยมขนาดนี้”

“ไม่ได้นะพี่ ห้ามทำพัง รอผมเข้าไปช่วยก่อน”

“มาช่วยพี่ถือหน่อย หนักมาก เมื่อยมือมาก”

“ไอ้พี่อี้หลง %#&*&%@#!”

หลี่คุนโวยวายอย่างอับอาย แต่ถามว่าไม่จับเหรอ ไม่...ปฏิเสธ ตอนนี้กำลังภายในเขาเหือดแห้งเต็มทีจากการหักโหมหลอมโอสถความบริสุทธิ์สูงจำนวนมากให้กับบิดามารดาของคุณานนท์ในทีเดียวเพื่อจะได้ประหยัดค่าส่ง เมื่อมีแหล่งพลังหยางจุดที่เข้มข้นที่สุดมาอยู่ตรงหน้าเขาจะปฏิเสธไปทำไม

แต่พอเสร็จธุระออกมาจากห้องน้ำทั้งสองคนหลี่คุนก็รู้สึกเขินอายคนขับรถอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรแค่ไหน

“พี่อี้หลงครับ บริษัทของพี่มีที่ทำพวกปัญญาประดิษฐ์อยู่ด้วยใช่เปล่า แบบว่าสามารถทำให้เก่งกว่าคนเลยได้เปล่า ผมอยากใช้บ้าง”

จางอี้หลงยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจ

“พี่ก็ไม่ได้อยากจะอวดนะครับ แต่บริษัทของพี่นับว่าเป็นระดับต้นๆ ของจีนเลยในเรื่องนี้ น้องคุนอยากใช้กับระบบอะไรครับ”

“อยากได้ระบบรถยนต์ไร้คนขับครับ จะได้เอามาใช้กับเจ้าคันนี้”

จางอี้หลงถึงกับอึ้ง เขามองสภาพการจราจรในกรุงเทพที่มีทั้งปาดเบียดแซง มอเตอร์ไซค์โฉบไปโฉบมาแถมมีวิ่งสวนเลน ถนนที่เดี๋ยวปิดเดี๋ยวกั้น เปิดเลนเสริมมั่งเดินรถทางเดียวมั่ง แล้วก็ปาดเหงื่อ

“เอ่อ ยังน่าจะไม่ได้นะครับ เทคโนโลยีทางด้านนี้ยังต้องพัฒนาต่ออีกเยอะ”

“เอ แต่ผมเห็นในข่าวว่ามีเอามาใช้งานแล้วนะครับ แสดงว่าของบริษัทพี่ยังสู้คนอื่นไม่ได้ ไม่เป็นไรนะครับ สู้ๆ ผมเอาใจช่วย”

จางอี้หลงรู้สึกหน้าแตกยับเยินจริงๆ จะแก้ตัวอะไรไปก็เกรงใจว่าจะกระทบถึงประเทศที่น้องคุนรัก ได้แต่เปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องอื่น

“น่าจะใกล้ถึงตำแหน่งที่พี่อี้หลงส่งให้แล้วครับ เที่ยวนี้พี่ไม่มาค้างคอนโดผมเหรอ”

“เดี๋ยวว่ากันครับ พอดีพี่อยากพาเรามาแวะดูตรงนี้ก่อน”

รถบัสเลี้ยวเข้าไปจอดในอาคารขนาดกลางที่มีบริเวณกว้างขวางไม่น้อย ด้านหน้ามีลานจอดรถ และดูเหมือนจะอีกแห่งตรงชั้นใต้ดินด้วย พื้นที่ด้านข้างมีแนวต้นไม้บังตา แต่จากที่นั่งระดับสูงบนรถบัสทำให้มองข้ามไปเห็นเป็นสนามหญ้าโล่งๆ และสระว่ายน้ำสีฟ้าเย็นตา

“ที่นี่คืออะไรเหรอครับ”

“ของขวัญ”

หลี่คุนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ ของขวัญอะไร ใครให้ใคร แล้วอาคารสิบกว่าชั้นแบบนี้เอามาเป็นของขวัญก็ได้หรือ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำถามขณะมองหน้าจางอี้หลง

“ขึ้นไปดูข้างบนตึกก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”

 เมื่อลงไปที่ชั้นล่างของตึก ก็มีคนเอาคีย์การ์ดมายื่นให้และนำทางไปส่งยังลิฟท์พิเศษที่แยกจากลิฟท์ตรงโถงหลักก่อนจะขอตัวจากไป ภายในอาคารดูเหมือนจะเพิ่งตกแต่งเสร็จยังได้กลิ่นสีจางๆ จางอี้หลงพาขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นสิบสองซึ่งเป็นชั้นบนสุด เมื่อเปิดประตูลิฟท์ออกมาก็เหมือนมาอยู่ในบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่ง

“เหมือนกับเพนเฮ้าส์ของคุณแฮ็คส์เลย นี่เป็นที่พักของใครกันครับ”

“ของน้องคุน....กับพี่”

“แต่ว่า...”

“อย่าเพิ่งถามอะไร ลองเดินดูก่อนว่าชอบไหม”

จางอี้หลงไม่สนใจอาการงงงวยของหลี่คุน เขาพาอีกฝ่ายเดินชมไปตามจุดต่างๆ ห้องนอนขนาดใหญ่ ห้องน้ำหรูหรากว้างขวางพร้อมอ่างแช่สปา ตู้เสื้อผ้าแบบเดินเข้าไปได้ ห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์บันเทิงครบครัน ห้องออกกำลังกายที่เหมือนยิมขนาดย่อม ห้องทำงานโต๊ะคู่ ที่ทำให้หลี่คุนต้องตาลุกวาวคือห้องครัวที่แบ่งออกเป็นสองส่วนคือส่วนที่ทำอาหารปกติ กับส่วนที่มีเตากับที่ดูดควันแยกต่างหากพร้อมตู้ขนาดใหญ่ที่มีลิ้นชักเล็กๆ เป็นร้อยอันเหมือนตามร้านขายยาจีน

“พี่อี้หลง นี่มัน..”

“เอาไว้ให้น้องคุนเคี่ยวยาสมุนไพรไง”

“สุดยอดมาก”

“ลองออกไปดูตรงระเบียงสิ”

หลี่คุนรีบเปิดประตูเลื่อนออกไปตรงระเบียงด้วยความตื่นเต้น เขาเห็นสวนขนาดย่อมที่มีสมุนไพรไทยจีนที่เข้ากับอากาศเมืองไทยปลูกไว้อย่างสวยงาม

“มีบันไดตรงนั้นด้วยนะ น้องคุนขึ้นไปดูเลย”

บันไดสิบกว่าขั้นนั้นพาทั้งคู่ขึ้นไปยังดาดฟ้าของตึก บนนั้นกลายเป็นสวนจริงๆ ที่มีทั้งสนามหญ้าต้นไม้ใหญ่สระน้ำเล็กๆ และศาลาทรงเก๋งจีน หลี่คุนปลาบปลื้มดีใจจนบอกไม่ถูก พี่อี้หลงเป็นเทพลงมาจุติเหรอ ทำไมถึงรู้ว่าเขาชอบอะไรราวกับพยาธิในท้อง ถ้าเขาได้มาอยู่ในสถานที่แห่งนี้จริงๆ จะมีความสุขสักแค่ไหน

แต่นี่มันไม่ถูกต้อง!!!

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับ ไม่ชอบเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ชอบครับ แต่ก็ไม่เกี่ยวเปล่า ตึกของพี่ พี่อยากจะทำแบบไหนก็แล้วแต่พี่สิ”

“แต่พี่ทำตึกนี้ให้น้องคุนนะครับ เป็นของขวัญไง”

“จะได้ยังไงครับ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“น้องคุนจำไม่ได้เหรอ ว่าพี่จีบเราอยู่”

“แต่ผม...”

“อย่าเพิ่งปฏิเสธครับ ลองฟังดูก่อนว่าตึกนี้มีอะไรอีกบ้าง ชั้นสิบสองเป็นบ้านของเราอย่างที่น้องคุนเห็นแล้ว ส่วนชั้นสิบเอ็ดก็เป็นบ้านเหมือนกันเผื่อน้องคุนจะให้ครอบครัวมาอยู่ด้วย สามชั้นแรกเป็นสำนักงาน รับรองมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับบริษัทสามแห่งของน้องคุน ชั้นสี่กับห้าเป็นเหมือนยิมขนาดใหญ่ใช้เป็นพื้นที่ฝึกซ้อมของพนักงานบริษัทสำนักคุ้มกันได้ ตอนนี้พี่ติดตั้งระบบวีอาร์ฝึกการเครื่องไหวไว้ห้าเครื่อง ไม่นับอุปกรณ์ยิมอื่นๆ ชั้นหกเป็นพื้นที่ส่วนกลางไว้ทานอาหารและพักผ่อนของพนักงาน ชั้นเจ็ดชั้นแปดยังว่างเผื่อขยายในอนาคต ชั้นเก้าและสิบเป็นห้องพักย่อยๆ สำหรับพนักงานที่ต้องอยู่ประจำ ส่วนด้านนอกน้องคุนคงเห็นแล้วว่ามีลานฝึกและสระว่ายน้ำ ที่สำคัญลานจอดรถด้านหน้าใช้จอดรถบัสได้ ไม่ต้องไปฝากไว้ที่ค่ายมวยอีก”

จางอี้หลงสาธยายราวกับกำลังใช้ขนมหลอกล่อเด็กสามขวบ

“มันดีมากจริงๆ ครับ ถ้างั้นผมขอเช่าได้ไหม”

“ไม่ได้ครับ ตึกที่ทำขึ้นมาอย่างพิเศษนี้ เงินลงทุนจะขนาดไหนครับ ถึงจะไม่ได้อยู่ในย่านตัวเมือง แต่ที่ดินในกรุงเทพก็ไม่มีที่ไหนถูก น้องคุนคิดว่าต้องให้เช่าเดือนละเท่าไหร่ถึงจะคุ้มครับ ต้องมีความสัมพันธ์กับเจ้าของตึกเท่านั้นถึงจะใช้ได้”

“แต่ผมยังไม่ได้คิดกับพี่แบบนั้น”

“พี่ก็ไม่ได้ขออะไรมากนี่ครับ  แค่น้องคุนเปิดใจให้พี่ก็พอแล้ว คบๆ ดูๆ กันไป มั่นใจแล้วค่อยเป็นแฟนกันทีหลังก็ได้”

“ผมยังไม่รู้สึกว่าตัวเองจะเป็นต้วน.. เอ่อ เกย์นะครับ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจพี่ในแง่นั้นด้วย บางทีมันอาจจะดีก็ได้ แต่ผมต้องบอกพี่ไว้ก่อนว่ามันคงไม่ยั่งยืน”

“ทำไมครับ น้องคุนกลัวว่าพี่จะเปลี่ยนใจทีหลังเหรอ ไม่มีทาง ถึงพี่จะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่พี่มั่นใจว่าจะไม่ทำให้น้องคุนเสียใจแน่นอน”

หลี่คุนมองหน้าอีกฝ่าย เห็นแววตาที่มั่นคงนั้นแล้วก็รับรู้ถึงความจริงใจที่มีอย่างท่วมท้น

“ผมไม่สงสัยความรู้สึกของพี่เลย แต่เป็นที่ตัวผมเองครับ”

“น้องคุนกลัวว่าต่อไปตัวเองจะเปลี่ยนใจใช่ไหมครับ ไม่ต้องห่วงนะ มันเป็นหน้าที่ของพี่เองที่จะทำให้น้องคุนมีความสุขมากที่สุดจนไม่คิดจะไปไหน”

“ไม่ใช่ครับ คนอย่างผมถ้ามั่นใจความรู้สึกตัวเองเมื่อไหร่ก็จะไม่ทางเปลี่ยนใจเหมือนกัน แต่ผมกลัวว่าต่อไปจะมีความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้ผมอยู่กับพี่อีกไม่ได้ แล้วพี่จะเสียเวลาที่ควรเอาไว้สร้างอนาคตกับคนที่จะอยู่กับพี่ไปได้ตลอด”

จางอี้หลงรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ายังมีปมอะไรบางอย่าง

“หมายถึงครอบครัวของน้องคุนเหรอ เราเป็นลูกคนเดียวนี่นะ จะกังวลเรื่องนี้พี่ก็เข้าใจ แต่พี่คิดว่าไม่มีอะไรที่ความรักอย่างมีเหตุผลจะหาทางออกไม่ได้ เมื่อไหร่น้องคุนมั่นใจในความรู้สึกตัวเองเราก็เข้าไปคุยกับพ่อแม่น้องคุนด้วยกัน รับฟังความคิดของท่าน เล่าความรู้สึกของเรา พี่เชื่อว่าจะต้องมีจุดที่พวกท่านยอมรับได้”

“แต่ถ้าคนที่จะตัดสินเรื่องนี้ไม่อยู่แล้วล่ะครับ เราจะไม่มีวันรู้ว่าเขาคิดยังไงไปตลอดกาล”

“พี่ไม่เข้าใจครับ หมายถึงพวกคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายเหรอครับ”

“ไม่ใช่ครับ ผมคงบอกอะไรพี่ตอนนี้ไม่ได้ แต่หากมีวันที่ผมต้องไปเพราะเรื่องนี้จริงๆ ผมจะบอกพี่ทั้งหมดครับ”

ที่แท้ก็เกี่ยวกับความลับที่น้องคุนไม่เคยปริปากนี้เอง จางอี้หลงตัดสินใจที่จะไม่ซักไซร้เรื่องนี้ต่อ ตอนนี้เขาขอแค่โอกาสเท่านั้น

“งั้นพี่มีเวลาเท่าไหร่ครับ”

“ประมาณห้าปีหรืออาจจะนานกว่านั้นไม่มากครับ”

จางอี้หลงจับไหล่ทั้งสองข้างของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วมองตรงๆ ไปยังดวงตาเรียวยาวที่ตอนนี้มีแววสั่นระริกด้วยความไม่แน่ใจ

“ฟังพี่นะครับ เวลาห้าปีนี้ของน้องคุนพี่ขอรับมาดูแล แล้วหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นเราจะฝ่าฟันไปด้วยกัน ผลสุดท้ายจะเป็นยังไงพี่ก็ไม่เสียใจ ขอแค่คุนมีความสุขก็พอ”

“แต่ผมเอาเปรียบพี่อย่างนั้นไม่ได้”

“เอาเปรียบที่ไหนครับ นี่มันดีกว่าน้องคุนไม่ให้โอกาสพี่เลยตั้งหนึ่งพันแปดร้อยยี่สิบหกเท่าแล้ว”

“เวลาแค่ห้าปีมันสำคัญกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ถ้าเป็นเวลาของเราก็ใช่ครับ”

แววตาของหลี่คุนส่งประกายมั่นคงขึ้นราวกับตัดสินใจอะไรได้แล้ว

“ตกลงครับ งั้นพี่ต้องจีบผมให้ติดเร็วๆ แล้วล่ะ จะได้ใช้มันให้คุ้มค่าหน่อย”

จางอี้หลงฉีกยิ้มกว้าง น้องคุนที่สลัดท่าทีจริงจังเคร่งเครียดออกอย่างนี้น่ารักเป็นบ้าเลย

“รับปฏิบัติครับ งั้นเริ่มจากพี่พาไปลองเรือนหอของเราก่อนเลย”

“พี่อี้หลง!!!”

##########

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
« ตอบ #129 เมื่อ: 19-07-2020 07:25:38 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #130 เมื่อ19-07-2020 07:26:49 »

-44-


 
หลี่คุนเตรียมการย้ายเข้าไปที่พักแห่งใหม่แต่คงรอให้จางอี้หลงได้หยุดยาวมาไทยรอบหน้า ระหว่างนี้ก็ให้พนักงานของบริษัทสำนักคุ้มกันเป็นกลุ่มแรกที่ย้ายเข้าไปในส่วนของออฟฟิศ หลี่คุนเกือบจะลมจับเมื่อทราบว่าค่าใช้จ่ายรายเดือนในการดูแลตึกๆ หนึ่งมันสูงขนาดไหน โชคดีที่ตึกนี้ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานการประหยัดพลังงานขั้นสูง มีการติดตั้งฉนวนความร้อน ใช้แสงสว่างธรรมชาติร่วมกับหลอดไฟพลังงานต่ำ ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง กระจกที่ใช้เป็นแผงโซลาร์เซลล์ในตัว  และเทคโนโลยีล่าสุดอีกหลายตัวจากบริษัทในกลุ่มของจางอี้หลง ทำให้ค่าไฟฟ้าไม่สูงมากนัก แต่ลำพังค่าแม่บ้าน ค่า รปภ. คนสวน ช่างซ่อมบำรุง เดือนหนึ่งๆ ก็ไม่ใช่น้อย หลี่คุนจึงนำระบบจากค่ายมวย ศ.เผด็จศึกมาใช้ แบ่งเวรให้องครักษ์เงาฝึกหัดมาช่วยดูแลทำความสะอาดอาคารสถานที่แลกกับแต้มคุณูปการช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก
 
พอมีอุปกรณ์และพื้นที่ฝึกเกินพอการฝึกฝนองครักษ์เงารุ่นสองก็เข้าที่เข้าทาง หลังจากหลี่คุนใช้เครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวป้อนกระบวนท่าต่างๆ ที่ใช้ฝึกฝนเข้าไปในระบบงานที่เหลือก็ปล่อยให้ตินและองครักษ์เงารุ่นหนึ่งจัดการต่อ เห็นหน้านิ่งๆ อย่างนั้นแต่เวลาคุมการฝึกตินโหดกว่าหลี่คุนเสียอีก ถึงเคยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ค่ายมวยแต่เวลาฝึกซ้อมก็ไม่ผ่อนปรนให้แม้แต่น้อย กำลังภายในแท้จริงที่ตินมีอยู่ทำให้เกิดราศีผู้ฝึกยุทธ์ที่ทำให้คนยำเกรงโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องพูดถึงฝีมือที่เหนือล้ำกว่าองครักษ์เงาทั้งหมดจนทำให้คนมาใหม่ตาค้างไปตามๆ กัน หลี่คุนเห็นก็ได้แต่แอบชื่นชมเพื่อนตัวเองที่มีคุณสมบัติเป็นหัวหน้าองครักษ์เงาชั้นยอดระดับที่แม้ในยุคก่อนก็ยังหาได้ยากเย็นนัก
 
พอวางมือจากสำนักคุ้มกันได้หลี่คุนก็คิดหาช่องทางทำเงินต่อ กำไรที่ได้จากการลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิงครั้งแรกทำให้เออกจะติดใจไม่น้อย ตอนนี้พวกซูเอ๋อร์ก็ทำโปรเจ็คเล็กๆ ร่วมกับภาคฟิล์มที่คณะของหลี่คุนเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์เรื่องใช้ชีวิตช่วงเก็บตัวการฝึกซ้อมลดน้ำหนักของจอมเด่นก่อนจะขึ้นชกในแต่ละครั้งฉายเป็นตอนๆ ทางอินเตอร์เน็ต แน่นอนว่าต้องมีน้ำมันมวยมีคุณเป็นสปอนเซ่อร์ รายการนี้ช่วยให้จอมเด่นซึ่งยังคงมุ่งมั่นกับการเป็นนักมวยไม่ได้หลงไปกับชื่อเสียงทางโซเชี่ยล มีรายได้เสริมไปช่วยเหลือทางบ้านนอกเหนือจากค่าตัวที่ได้จากการชกแล้ว หลังจากปล่อยฉายทางอินเตอร์เน็ตก็ได้รับความสนใจจากแฟนคลับของจอมเด่นรวมถึงคนที่ยังจำทั้งคู่ได้จากดราม่าครั้งก่อนซึ่งมีอยู่ไม่น้อย เมื่อถึงวันขึ้นชกจริงก็มีคนติดตามไปดูทั้งในสนามจริงและทางออนไลน์ทำให้บรรยากาศคึกคักกว่ามวยคู่ปกติ ไม่นานสมาคมมวยก็สนใจรายการลักษณะนี้ที่ทำให้คนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติมาสนใจมวยไทยให้มากกว่าเดิมจนถึงกับส่งเสริมให้ค่ายมวยอื่นๆ ทำตาม แต่รายการของพวกซูเอ๋อร์ที่มีจอมกับเด่นเป็นแม่เหล็กดึงดูดก็ยังมียอดวิวและโฆษณาเข้ามากที่สุด
 
รายการเรียลลิตี้โชว์แบบนี้ถือเป็นธุรกิจบันเทิงที่หลี่คุนสนใจ แต่เขาเห็นเด็กๆ ทำได้ดีอยู่แล้วก็ปล่อยให้หาค่าขนมกันต่อไป ส่วนตัวเขายังติดใจกับความสำเร็จของซีรีส์วายอยู่ก็พอดีผู้จัดละครสาวจากสตูดิโอเดิมก็ติดต่อเข้ามา
 
“วันนี้พี่นัดคุณคุณานนท์มา ก็อยากจะหารือเรื่องโปรเจ็คต่อไปของสตูดิโอเราค่ะ เนื่องจากความสำเร็จของซีรีส์นิโคติน เราเลยเตรียมจะทำอีกสองเรื่องเลย ไม่เชิงว่าเป็นภาคต่อของนิโคตินนะคะ แต่เหตุการณ์สถานที่อาจมีเชื่อมกันบ้าง รวมถึงนักแสดงเรื่องที่แล้วอาจได้มาเล่นเป็นนักแสดงรับเชิญบางฉากเพื่อดึงแฟนคลับเดิม”
 
“อืม ฟังดูน่าสนใจนะครับ ตามข้อตกลงครั้งก่อนผมต้องได้สิทธิ์ร่วมลงทุนด้วยใช่ไหมครับ”
 
“ใช่ค่ะ แต่สัดส่วนและจำนวนเงินยังไม่ได้ระบุไว้ แล้วจริงๆ ก็สิทธิ์นั้นก็สำหรับเรื่องเดียวด้วย เราจึงต้องมาเจรจากันอีกที คือพี่อยากจะคุยเป็นภาพใหญ่ไปเลยค่ะ ทั้งเรื่องสิทธิ์การร่วมทุน สปอนเซ่อร์ แล้วก็ตัวนักแสดง ไม่ทราบคุณคุณานนท์พอจะนำข้อเสนอเรื่องสปอนเซ่อร์ของทางเราไปเรียนถามคุณบรูคให้ด้วยได้ไหมครับ”
 
“คุยกับผมได้เลยครับ ยังไงคุณบรูคก็ตกลงตามผม ว่าแต่สองเรื่องนี้เป็นแนวไหนบ้างครับ”
 
ทำไมประธานบริษัทอย่างบรูคถึงจะทำตามเด็กมหาลัยคนหนึ่งง่ายๆ  หรือว่าคนตรงหน้าจะมีความสัมพันธ์ต้องห้ามกับคนมีครอบครัวแล้ว เรือบาปในใจผู้จัดสาวแล่นมาอย่างรวดเร็ว
 
“เรื่องแรกชื่อกาเฟอีนเดอะซีรีส์ค่ะ จะเป็นแนวน่ารักใสๆ อ่อนโยนกว่านิโคติน ธีมของเรื่องจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่รักในการเต้นโคฟเวอร์ ตัวแสดงหลักจะอยู่ในวัยมอหกเตรียมเข้าปีหนึ่ง เน้นความความสัมพันธ์ของเพื่อนบ้านในวัยเด็กที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเติบโตที่คาบเกี่ยวกับความเป็นผู้ใหญ่ คือจะมีอะไรขมๆ ขึ้นมานิดหน่อยแต่หอมเย้ายวนเหมือนกาแฟ ส่วนอีกเรื่องชื่อมอร์ฟีนเดอะซีรีส์อันนี้จะฉีกไปเลย เป็นดราม่าหนักๆ ของนักธุรกิจผู้สมบูรณ์แบบไปทุกด้านที่ใช้อำนาจของตัวเองเล่นสนุกกับคนที่บังเอิญผ่านเข้ามาในชีวิตเพื่อลบปมในใจ สุดท้ายก็ทั้งรักทั้งเกลียดเสพติดซึ่งกันและกันจนถอนตัวไม่ขึ้น เปรียบเหมือนมอร์ฟีนที่เป็นสารเสพติด แต่ถ้าใช้ให้ถูกก็เป็นยารักษาความเจ็บปวดของคนทั้งคู่ได้เช่นกัน”
 
“อืม ก็น่าจะโอเคนะครับ แต่ไม่มีแบบเรื่องจีนโบราณฝึกวิทยายุทธ์ปรุงยาบ้างเหรอครับ จะได้มีสีสันไม่เรียบๆ แบบนี้”
 
ผู้จัดละครสาวสะกัดกั้นอาการมองบนของตัวเองได้ทัน
 
“เอ่อ คือหนังจีนโบราณ ต้นทุนสูงมากเลยนะคะ ทั้งฉากทั้งเสื้อผ้า และถึงเราทำขึ้นมาก็คงสู้ทางฝั่งจีนฝั่งฮ่องกงหรือไต้หวันไม่ได้”
 
“น่าเสียดายจัง งั้นเอาสองเรื่องนี้ตามที่ว่าก็ได้ครับ ขี้ผึ้งสมุนไพรฮองเฮาจะเป็นสปอนเซอร์ให้ทั้งสองเรื่อง ราคาก็ตามเดิม ส่วนผมขอลงทุนยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะครับ”
 
“ราคาเดิมคงไม่ได้แล้วค่ะ เรื่องที่แล้วที่ช่วยกรุณามาเป็นสปอนเซ่อร์ให้ทางเราต้องขอบคุณจริงๆ แต่เนื่องจากเรื่องนั้นดังมากเรตค่าโฆษณาของสองเรื่องนี้ที่เราใช้ทีมงานเดิมทั้งผู้กำกับกับและคนเขียนบทก็ต้องขึ้นตาม นี่เป็นเรื่องปกติของธุรกิจนี้จริงๆ นะคะไม่ใช่ว่าเราจะโก่งราคา ตอนนี้ก็มีเจ้าของผลิตภัณฑ์ติดต่อมาหลายเจ้าแล้วแต่เราอยากให้ทางคุณพิจารณาก่อนในฐานะที่สนับสนุนกันมาก่อน”
 
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ แต่ยังไงคงให้ได้แค่เรตเดิม ขอแค่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักแล้วกันครับ ใช่ว่าสปอนเซ่อร์ต้องมีรายเดียวนี่ เลือกสินค้าที่ไม่แข่งกันมาหลายๆ ตัว ถ้าซีรีส์ดีจริง ช่วงแนะนำสปอนเซ่อร์จะยาวขึ้นอีกนิด คนดูก็ไม่ว่าหรอกครับ”
 
“ทำไมพี่ถึงนึกไม่ถึงนะ ขอบคุณมากค่ะ งั้นทางเราจะขอดำเนินการที่คุณคุณานนท์แนะนำ แต่ยังไงช่วยเก็บอัตราค่าสปอนเซ่อร์ที่ได้ไว้เป็นความลับนะคะ เพราะมันต่ำมากจริงๆ ส่วนเรื่องการลงทุนที่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ดูแล้วลำบากค่ะ โครงการทั้งสองเรื่องนี้ มีนักลงทุนสนใจกันเยอะ ต่างชาติก็เข้ามาด้วย  แล้วไม่ได้ลงแต่เงินนะคะ หลายเจ้าที่เสนอยังมีคอนเน็กชั่นต่างๆ แถมให้อีก แต่ในฐานะที่เคยร่วมงานกันมาก่อน ถ้าคุณคุณานนท์พอจะสนับสนุนเรื่องตัวนักแสดงได้ซักสองคน ทางเรายินดีที่จะพิจารณาให้ที่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ”
 
“ไม่มีปัญหาเลยครับ จะเอาจอมเด่นก็ได้ หรือไม่งั้นที่ค่ายมวยตอนนี้ยังมีให้เลือกอีกเป็นร้อยคน รับรองมีครบทุกช่วงอายุ”
 
ถ้าไม่เกรงใจหนังหน้าหล่อๆ ผู้จัดสาวก็อยากจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ ตัวเองก็ร่วมลงทุนในเรื่องนิโคติน ได้เคยดูบ้างไหมว่าแนวละครของสตูดิโอนี้มันเข้ากับนักมวยหุ่นล่ำๆ เอะอะถีบเอะอะต่อยที่ตรงไหน ไม่ใช่แนวรักด้วยลำแข้งนะ
 
“เอ่อ คือ นักมวยในค่ายอาจจะไม่เหมาะกับบทในเรื่องเท่าไหร่ นักแสดงที่เราอยากจะขอคือคุณคุณานนท์กับน้องชายเองค่ะ บังเอิญว่าคุณน้องชาย ชื่อน้องซูกัสใช่ไหมคะ บุคลิกเหมาะกับบทนายเอกในเรื่องกาเฟอีนมาก เราไปดูผลงานสมัยเป็นเน็ตไอดอลแล้ว ตรงกับตัวละครจริงๆ”
 
“ซูเอ๋อร์นะเหรอ น้องยังเด็กอยู่เลยนะครับ”
 
“มอหกนี่ไม่เด็กแล้วนะคะ หลายคนเข้าวงการตั้งแต่อายุน้อยกว่านี้อีก ส่วนคุณคุณานนท์เองก็ตรงกับทั้งสองบทเลย รูปร่างหน้าตาบุคลิกอย่างนี้ จะเล่นเป็นพระเอกคู่กับน้องซูกัสในเรื่องกาเฟอีนก็ได้ หรือจะรับบทนายเอกในเรื่องมอร์ฟีนก็เหมาะสม เลือกมาได้เลย ใจจริงอยากให้รับทั้งสองบทเลยนะคะ แต่กลัวคนดูสับสน”
 
“ผมนี่นะ ถ้าเลือกกาเฟอีนจะต้องเล่นกับซูเอ๋อร์”
 
ก็เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากการจิ้นพวกนายทั้งคู่ที่เป็นพี่น้องกันนี่ไง ผู้จัดละครสาวอยากตะโกนออกมาดังๆ เรือบาปอีกลำแล่นเข้ามาตีคู่กับเรือบาปลำแรก
 
“ไม่ดีหรือคะ ถึงเรื่องกาเฟอีนจะออกแนวใสๆ แต่ก็จะมีบทจูบบทถึงเนื้อถึงตัวนิดหน่อย คุณคุณานนท์มาเล่นเองจะได้ดูแลน้องชายได้เต็มที่ไงคะ แต่ถึงพระเอกจะเป็นคนอื่น เราก็ดูแลให้อย่างดีค่ะ ไม่มีอะไรเสื่อมเสียแน่นอน”
 
“แล้วถ้าเลือกเรื่องมอร์ฟีนจะให้เล่นกับใครครับ”
 
“ยังไม่ได้ตัวนักแสดงค่ะ แต่ที่คิดไว้ บุคลิกจะประมาณคุณบรูคประธานบริษัทของคุณคุณานนท์นั่นแหละค่ะ พระเอกในเรื่องโปรไฟล์แบบเดียวกันเป๊ะ หน้าตาและหุ่นดีมากๆ ชาติตระกูลดี เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ประสบความสำเร็จด้วยความสามารถของตัวเอง อยู่ในวัยสามสิบกว่าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดูดีที่สุดของผู้ชาย มีลูกสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ต่างกันแค่ในซีรีส์พระเอกจะหย่าขาดจากภรรยาไปนานแล้ว”
 
จะไม่ให้เหมือนยังไงล่ะ ก็พล๊อตเรื่องนี้นักเขียนร่างขึ้นมาโดยมีบรูคกับคุณานนท์เป็นต้นแบบตัวละคร หากได้มาเล่นคู่กันจริงๆ ทั้งเธอทั้งนักเขียนคงตายอย่างสงบศพสีชมพู แต่คนระดับบรูคจะมาเล่นละครแบบนี้ได้ยังไง ความหวังเพียงหนึ่งเดียวคือใช้ผลประโยชน์เข้าล่อเพื่อทาบทามคุณานนท์มาแสดงให้ได้
 
ใจจริงหลี่คุนไม่ค่อยอยากให้ซูเอ๋อร์มาทำอะไรอย่างนี้ เขาเห็นความดังของนักแสดงนำเรื่องนิโคตินหรือแม้แต่จอมเด่นที่เป็นแค่ตัวประกอบแล้วรู้สึกว่ามันกระทบชีวิตมากเกินไป แต่น้องชายเขาไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว ถ้าเป็นในยุคก่อนบุรุษวัยนี้ที่ตบแต่งภรรยาหรือยกทัพจับศึกก็มีให้เห็น เขาควรให้ซูเอ๋อร์ตัดสินใจด้วยตัวเอง อาชีพนักแสดงงิ้วในยุคนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี ซูเอ๋อร์ก็ดูจะชอบทางนี้อยู่ไม่น้อย
 
“เอาอย่างนี้นะครับ ผมมีข้อเสนอแค่อย่างเดียว ผมขอลงทุนยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วจะจัดหานักแสดงที่คุณต้องการให้หนึ่งคน”
 
“ถ้าแค่หนึ่งคน ไม่ว่าจะเป็นน้องซูกัสหรือคุณคุณานนท์เองเราก็ให้เต็มที่แค่สิบเปอร์เซ็นต์นะคะ”
 
“ผมไม่แสดงละครแน่นอนครับ พอดีไม่สะดวกใจออกสื่อขนาดนั้น ส่วนซูกัสผมจะถามน้องให้ว่าเขาสนใจหรือเปล่า แต่จะไม่เกี่ยวอะไรกับข้อตกลงของเรา”
 
“อ้าว แล้วนักแสดงหนึ่งคนในเงื่อนไขคือใครล่ะคะ ถ้าไม่ใช่คนที่ทางเราต้องการ น่าจะคุยกันต่อลำบากค่ะ”
 
“อย่าบอกนะครับว่านักธุรกิจไฮโซอย่างคุณบรูค ไม่ใช่คนที่คุณอยากให้มาแสดงนำในเรื่องมอร์ฟีน ด้วยชื่อเสียงภาพลักษณ์ขนาดนี้มาร่วมงานกับสตูดิโอคุณ ยังต้องกลัวอีกเหรอครับว่าเวลาคุณไปเชิญนักแสดงรายอื่นๆ พวกเขาจะปฏิเสธ”
 
“แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ คุณบรูคเขาเป็นตั้งคนระดับนั้น”
 
ถ้าคนที่สมบูรณ์แบบในทุกด้านอย่างบรูคมาเล่นซีรีส์วายจริง เท่ากับภาพลักษณ์ของวงการนี้จะถูกยกระดับขึ้นเป็นอย่างมาก นักแสดงมีฝีมือที่เคยตะขิดตะขวงใจจะรับบทชายรักชายแบบนี้คงไม่ปฏิเสธอีก ซีรีส์วายจะไม่ใช่สำหรับดาราเกรดรองหรือนักแสดงหน้าใหม่อีกต่อไป
 
“ถ้าผมบอกว่าได้ก็ได้ครับ แต่ขอผมเช็คอะไรอีกนิดนึง”
 
หลี่คุนกดโทรศัพท์คุยเรื่องนี้กับใครคนหนึ่งต่อหน้าผู้จัดละครสาว แวบแรกเธอนึกดีใจว่าอีกฝ่ายจะโทรไปขอกับบรูคโดยตรง แต่เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงจากปลายสายดังแว่วมาความหวังก็กลับริบหรี่ หลี่คุนคุยอยู่สักครู่ก็วางสายแล้วหันมาบอกผู้จัดละครสาว
 
“ตกลงตามนั้นครับ คุณรีบไปเตรียมสัญญามาได้เลย เราจะลงนามพร้อมกันทีเดียวทั้งสัญญาร่วมทุนสัญญาสปอนเซอร์และสัญญานักแสดงของคุณบรูค”
 
ง่ายๆ แค่นั้นนะเหรอ ผู้จัดสาวตกตะลึง!!!
 
แม้จะเซ็นสัญญากันไปแล้ว แต่ผู้จัดละครสาวก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ซีรีส์ทั้งสองโปรเจ็คเตรียมการในเรื่องต่างๆ อย่างรวดเร็วรวมถึงการหาและคัดตัวนักแสดง ทุกฝ่ายอยากให้มีอย่างน้อยหนึ่งเรื่องสามารถออนแอร์ได้ทันในระหว่างที่กระแสจากเรื่องแรกยังไม่จางหาย
 
พอได้ตัวนักแสดงครบ ก็มีการจัดเวิร์คช็อปขึ้นเพื่อให้นักแสดงเกิดความคุ้นเคยกันทันที
 
“สวัสดีค่ะ คุณบรูค”
 
ผู้จัดละครสาวออกไปต้อนรับนักแสดงหน้าใหม่ที่จะมารับบทพระเอกของมอร์ฟีนเดอะซีรีส์อย่างประหม่าอยู่บ้าง จะไม่ให้เธอเกร็งได้อย่างไรในเมื่อฐานะของคนๆ นี้เหนือกว่าคนในกองถ่ายทั้งหมดแถมยังเป็นหนึ่งในสปอนเซ่อร์หลักของละครเรื่องนี้ด้วย นักแสดงคนอื่นก็มองมาเป็นตาเดียวกัน จากความนิยมของเรื่องนิโคตินซึ่งเป็นซีรีส์ก่อนหน้าและงบประมาณที่ได้รับมากขึ้น ทำให้ซีรีส์ทั้งสองเรื่องที่กำลังจะเปิดกล้องเต็มไปด้วยนักแสดงหน้าตาดีมีความสามารถมารวมตัวกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการละครวาย
 
ขณะที่คนส่วนใหญ่เข้าไปรุมล้อมแนะนำตัวกับไฮโซคนดัง ยังมีบางคนสังเกตเห็นการมาอย่างเงียบๆ ของคนสองคนที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาแต่ยังดูโดดเด่นท่ามกลางนักแสดงหน้าตาดี
 
“สองคนนั้นใครครับพี่”
 
นักแสดงวัยรุ่นที่รับบทเป็นพระเอกคู่สองของกาเฟอีนเดอะซีรีส์ถามผู้ช่วยผู้กำกับ เขาแสดงซีรีส์วายในบทนำมาหลายเรื่องจนมีแฟนคลับหลายแสนคน
 
“คนเด็กๆ หน่อยก็น้องซูกัส ตัวเอกของเรื่องกาเฟอีนไง ส่วนคนใส่มาสก์นั่นรู้สึกจะพี่ชายเขา คงพามาส่ง หน้าตาดีมากทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ”
 
“ซูกัสอะไรนั่นหน้าตาดีจริงผมไม่เถียง แต่เป็นหน้าใหม่แล้วได้บทตัวเอกเลย นี่คัดตัวมาดีแล้วเหรอ”
 
“ไม่มีการคัดตัวนะบทนี้ ข้างบนระบุซูกัสมาตั้งแต่แรก ดูเหมือนจะเป็นญาติกับนักลงทุนที่ลงในโปรเจ็คทั้งสองเรื่องเลย”
 
“เด็กเส้นนี่หว่า จะแสดงเป็นเหรอพี่ ซีรีส์วายไม่ใช่หมูๆ นะ เดี๋ยวผมรับน้องให้เอง”
 
นักแสดงรุ่นพี่อดแสดงสีหน้าดูถูกออกมาไม่ได้ การที่ผู้ชายแท้ๆ จะมาแสดงความรักกับผู้ชายด้วยกันมันไม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เดี๋ยวเจอของจริงจะรู้สึก แต่ก่อนที่จะมีใครได้ลงมือทำอะไร ผู้จัดละครสาวก็ได้เรียกนักแสดงมารวมตัวกันก่อน
 
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่โปรเจ็ค กาเฟอีนเดอะซีรีส์ และมอร์ฟีนเดอะซีรีส์ นะคะ เวิร์คช็อปนี้เป็นวันแรกที่นักแสดงทุกคนได้มาเจอกัน เดี๋ยวเราจะแบ่งกลุ่มกันไปสร้างความคุ้นเคยต่อไป วันนี้ทีมงานจะดูเคมีความเข้ากันของแต่ละคู่ด้วย ถ้าดูไม่เหมาะกันจริงๆ ก็อาจมีปรับได้อีกค่ะ และอย่างที่น่าจะทราบกันแล้วนะคะ ทั้งสองโปรเจ็คนี้มีเวลาจำกัดกว่าปกติและจะเป็นแบบถ่ายไปออนแอร์ไป  ข้อดีคือเราสามารถปรับเปลี่ยนบทตามกระแสคนดูได้แลกกับการที่พวกเราจะต้องทำงานกันหนักหน่อย แต่เรามีตัวช่วยให้บรรดานักแสดงนะคะ”
 
ผู้จัดละครสาวหยิบกระปุกกระเบื้องเคลือบสีขาวแวววาวเหมือนหยกเนื้อดีตรงฝาผนึกไว้ด้วยครั่งสีแดงเป็นลวดลายวิจิตรบรรจงขึ้นมาโชว์ให้ทุกคนเห็นชัดๆ
 
“หลายคนที่อยู่ในวงการน่าจะเคยได้ยินเรื่องเครื่องสำอางบำรุงผิวหน้าในตำนานที่ดาราเกรดเอสกับไฮโซใช้กันนะคะ ข่าวลือบอกว่าสรรพคุณในการฟื้นฟูและบำรุงผิวมันคือที่สุดแต่มีขายแค่ในวงจำกัด คนที่ใช้ถึงไม่มีใครพูดถึงมันเพราะกลัวจะเกิดการแย่งชิงไปมากกว่านี้ สิ่งที่อยู่ในมือดิฉันคือขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิกตัญญูของแท้ในตำนานค่ะ ทางผู้ลงทุนที่ไม่ประสงค์จะออกนามในโปรเจ็คของเราให้ความอนุเคราะห์มอบให้กับนักแสดงทุกคนคนละหนึ่งกระปุกต่อเดือนตลอดระยะเวลาถ่ายทำและโปรโมทละคร รับรองว่ากองถ่ายเราจะประหยัดเวลาแต่งหน้าไปได้โข”
 
เสียงพึมพำอย่างสนใจดังขึ้นไปทั่ว หลายคนได้ยินชื่อเสียงของขี้ผึ้งในตำนานมาก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หลายคนยังคลางแคลงใจอยู่
 
“ใครต้องการรับขี้ผึ้งตัวนี้เรามีเงื่อนไขว่าต้องนำไปใช้เองเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่ต้องการก็แจ้งมาได้เลย”
 
บรูคเป็นคนแรกที่ตอบขึ้นมา
 
“ของผมไม่ต้องครับ ปกติก็ใช้ตัวนี้อยู่แล้ว”
 
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีก ที่แท้ความลับของไฮโซหนุ่มรูปหล่อวัยสามสิบที่ยังคงความเนียนใสของผิวหน้าไว้ได้ก็คือสิ่งนี้นี่เอง พอเป็นคำพูดของบรูคเจ้าของบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ก็ไม่มีใครสงสัยในสรรพคุณของขี้ผึ้งอีก ซูกัสมองนักแสดงที่เฮโลกันลงชื่อรับขึ้ผึ้งโอสถแล้วทำปากยื่นอย่างไม่ค่อยพอใจ นับรวมๆ ปาเข้าไปตั้งกี่สิบกระปุกแล้วนั่น เสร็จแล้วใครกันที่ต้องมาลำบากช่วยพี่คุนหั่นสมุนไพรช่วยกวนช่วยตักแบ่งใส่กระปุกจนเมื่อยไปหมด
 
หลังจากผ่านความวุ่นวายในการแย่งชิงขี้ผึ้งไปได้ บรรดานักแสดงก็ถูกทีมงานแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ตามบทที่ต้องร่วมงานกัน หลี่คุนพาซูกัสเดินตามทีมงานไปที่ห้องเวิร์คช็อปของซีรีส์กาเฟอีน
 
“ตื่นเต้นเหมือนกันนะพี่คุน ไม่เคยทำอะไรอย่างนี้เลย”
 
“แล้วคุณแฮ็คส์เขาโอเคแล้วใช่ไหมที่เรามาเล่นละครแบบนี้”
 
“ผมโตแล้วเถอะพี่ พ่อแม่ยังไม่ว่าอะไรเลย”
 
“ตกลงเขารู้ยัง”
 
“พี่เขาไปถ่ายหนังที่ต่างประเทศยาวเลย กลับมาผมค่อยบอก”
 
“ทำไมไม่รู้จักรีบบอกๆ ไป ช่างเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว เรารับงานมาก็ต้องตั้งใจทำงานล่ะ พี่จะนั่งดูอยู่ริมๆ ห้อง จะได้ไม่เกะกะทีมงานเขา”
 
ซูกัสเข้าไปรวมกลุ่มกับทีมงานและนักแสดงคนอื่นของซีรีส์อย่างกระตือรือล้นสดใสเรียกสายตาเอ็นดูจากคนในกลุ่มทันที
 
“เข้ามาเลยจ่ะน้องซูกัส พี่ชายน่ารักนะ ตามมาดูแลตลอด”
 
“ร่ำลาอะไรกันนักหนา พี่ชายหรืออะไรกันแน่ จริงๆ ทีมงานไม่น่าจะปล่อยให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาข้างในแบบนี้นะครับ ถ้ามาแอบถ่ายอะไรเอาไปลงในเน็ต โปรเจ็คเสียหายแย่”
 
พระเอกคู่สองของเรื่องพูดขึ้นมาลอยๆ ทำเอาคนในกลุ่มทำหน้าไม่ถูก จะค้านก็พูดไม่เต็มปาก ความจริงก็ไม่ควรให้คนนอกเข้ามาดูจริงๆ นั่นแหละ แต่ผู้จัดละครเป็นคนอนุญาตเอง และคู่พี่น้องนี้ก็ดูนิสัยดีด้วย ไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไร
 
“รับรองไม่มีปัญหาแน่นอนครับพี่ๆ มีอะไรก็แนะนำซูกัสคนนี้ได้เลยนะครับ”
 
ซูกัสไม่ถือสากลับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ทุกๆ คน ทำให้ความรู้สึกดีต่อนักแสดงหน้าใหม่คนนี้พุ่งขึ้นไปอีก
 
“งั้นเริ่มเลยนะครับ กลุ่มนี้เรามีหกคนสามคู่ ได้ร่วมงานกันเป็นครั้งแรกหมดเลย เดี๋ยวจะขอให้จับคู่กันตามบทและผลัดกันเล่าเรื่องส่วนตัวให้กันนะครับ เดี๋ยวเราจะมีคำถามมาเช็ค คู่ไหนตอบได้มากที่สุดชนะไปเลย”
 
พระเอกของเรื่องคู่ของซูกัสดูเป็นพี่ชายอบอุ่นเหมาะกับบทมาก เรื่องนี้เป็นละครวายเรื่องแรกของเขาเช่นกันแต่มีงานแสดงอื่นมาหลายเรื่องแล้ว ทั้งคู่เข้ากันได้อย่างรวดเร็วจนทีมงานเบาใจที่เห็นเคมีตรงกัน เวิร์คชอปช่วงแรกเน้นให้นักแสดงได้ลองเต้นร่วมกันเพราะเป็นธีมหลักของซีรีส์นี้ หลังจากนั้นกิจกรรมก็เข้มข้นถึงเนื้อถึงตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้นักแสดงเกิดความคุ้นเคยกับความใกล้ชิดระหว่างผู้ชายด้วยกัน เวลาเข้าบทตอนถ่ายจริงจะได้ไม่เคอะเขินกันเอง
 
ผู้กำกับที่คอยเดินไปคำแนะนำกลุ่มต่างๆ เข้ามากระซิบถามทีมงาน
 
“กลุ่มนี้เป็นยังไงบ้างวะ พี่เห็นตอนซ้อมเต้นด้วยกันแล้วดูใช้ได้เลย เหลือแค่ฝีมือแสดง คู่รองทั้งสองคู่ไม่น่าเป็นห่วงมั๊ง ผ่านงานแบบนี้กันมาแล้วทั้งนั้น แต่คู่หลักพายุกับซูกัส เพิ่งเล่นซีรีส์วายเป็นเรื่องแรกทั้งคู่ ไหวไหมวะ”
 
“เคมีเข้ากันดีอยู่ครับพี่ แต่พอเริ่มสนิทกันมันดันกลายเป็นอารมณ์พี่น้องเฉยเลย คือไม่ใช่ไม่น่ารักนะ แต่พอเข้าเลิฟซีนจริงกลัวจะเหมือนพี่น้องหยอกกันมากกว่า”
 
“งั้นลองให้ประกบกับคนอื่นดูบ้างว่าเป็นอย่างนี้กับทุกคนไหม”
 
เมื่อได้แนวทางจากผู้กำกับ ทีมงานก็เอากิจกรรมใหม่ขึ้นมาเล่นทันที
 
“เดี๋ยวแบ่งออกเป็นทีมนายเอกกับทีมพระเอกนะครับ ให้ทุกคนเอาผ้าปิดตาไว้ ทีมนายเอกมายืนเรียงกันสามคนตรงนี้ ส่วนทีมพระเอกจะเข้ามาเล่นทีละคน โดยจะต้องจับๆ คลำๆ ทีมนายเอกไปเรื่อยๆ นะครับ เอาให้มั่นใจแล้วก็ทายออกมาเลยว่าคู่ของเราคือคนไหน ใครทายไม่ถูกต้องโดนทำโทษนะ เสร็จแล้วค่อยสลับฝั่งกัน”
 
นักแสดงทั้งหกคนทำกิจกรรมใหม่ร่วมกันอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อถึงตาพระเอกคู่สองเป็นคนปิดตาทาย เขากลับลูบคลำร่างกายของซูกัสอยู่นาน พอเดินออกไปหานายเอกคนอื่นยังไม่ทันที่ซูกัสจะโล่งใจ ก็วนกลับมาอีก คราวนี้เอาหน้าเข้ามาใกล้จนซูกัสรู้สึกอึดอัด มือที่เปะป่ายไปมาเริ่มเลื่อนลงต่ำ จนเมื่อลงมาถึงก้นและถูกเป่าร้อนๆ ลมเข้าหู ซูกัสก็รู้ว่ามันเป็นการล่วงละเมิดแล้ว ปฏิกิริยาป้องกันตัวเองของเด็กหนุ่มเกิดขึ้นทันที เขาจับร่างกายใหญ่ที่กำลังจาบจ้วงตัวเองอยู่เหวี่ยงออกไปอย่างไม่รู้ตัว เสียงกระแทกพื้น เสียงคนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เสียงระเบิดดังสนั่น ตามด้วยไฟทั้งอาคารดับพรึบจนทั้งห้องตกอยู่ในความมืด
 
คนในห้องแตกตื่นไม่น้อย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานก็มีคนใช้โทรศัพท์ส่องไฟเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทีมงานวิ่งติดต่อทางอาคารวุ่นวายไปหมด ไม่นานไฟฉุกเฉินก็เริ่มทำงานแต่ก็นับว่าไม่สว่างเท่าไหร่ พระเอกคู่สองที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของเสียงร้องหายไปจากห้อง หลี่คุนอาศัยประสาทสัมผัสของผู้ฝึกยุทธ์เข้าไปดูซูกัสและพูดคุยก่อนหน้านี้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พอรู้ว่าน้องไม่เป็นอะไรก็กลับเข้าไปยืนแอบอยู่ตรงมุมห้อง มีร่างในชุดสูทดำจากไหนไม่รู้มาปรากฏตัวข้างๆ
 
“ฝีมือใคร”
 
“น่าจะเป็นบอดี้การ์ดของคุณแฮ็คส์ ระเบิดตู้จ่ายไฟซะเละเลย”
 
“คนล่ะพี่เมฆ”
 
“ถูกเอาตัวขึ้นรถไปแล้ว”
 
“พี่ช่วยติดต่อไปว่าให้ยั้งมือไว้ไมตรีหน่อย เดี๋ยวละครมีปัญหา”
 
เมฆหายไปอย่างเงียบเชียบเหมือนตอนที่มา มีองครักษ์เงานี่มันสะดวกสบายเสียจริง หลี่คุนนึกในใจ เมื่อกี้ซูเอ๋อร์คงใช้กำลังภายในบุปผาวารีโดยไม่รู้ตัวจับนักแสดงคนที่ตั้งใจแกล้งทุ่มลอยละลิ่วไปที่อีกมุมของห้องโถงขนาดใหญ่ โชคดีที่ไฟดับเสียก่อนเลยไม่มีใครรู้สึกผิดสังเกต
 
หลี่คุนนึกเป็นห่วงนักแสดงคนนั้นอยู่บ้าง ไม่ใช่อะไร แค่กลัวว่าจะบาดเจ็บจนงานถ่ายทำล่าช้าแล้วละครของเขางบจะบานปลาย อยู่ดีๆ ไปยุ่งกับสิ่งที่น่ากลัวอย่างคู่รักถังหูลู่ทำไม
 
#############

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #131 เมื่อ19-07-2020 07:28:06 »

-45-

ไม่กี่วันหลังจากเวิร์คช็อปที่ต้องเลิกก่อนเวลาเพราะไฟฟ้าดับ โปรเจ็คคู่กาเฟอีนเดอะซีรีส์และมอร์ฟีนเดอะซีรีส์ก็มีการปรับบทและเปลี่ยนแปลงตัวละครบางส่วน ผู้จัดละครสาวมาขอยกเลิกสัญญานักแสดงนำของซูกัสอย่างกังวลใจ เธอบอกว่าผู้ใหญ่ในบริษัทถูกกดดันจากผู้มีอิทธิพลในวงการให้เอาเด็กหนุ่มออก นั่นยังไม่น่ากลัวเท่ากับการถูกข่มขู่จากบุคคลที่ท่าทางเหมือนมาเฟียจนทั้งบริษัทประสาทเสียไปตามๆ กัน หลี่คุนปลอบใจไปตามสมควรแล้วบอกว่าแค่เอาซูกัสออกก็ไม่มีปัญหาแล้ว ให้เริ่มถ่ายทำได้เลย
 
เนื่องจากมีนักแสดงบทนำหายไปคนหนึ่งจึงต้องมีการปรับตัวนักแสดงกันใหม่ ตัวแสดงคู่สองของกาเฟอีนเดอะซีรีส์ถูกปรับเปลี่ยน นายเอกของคู่นั้นถูกเลื่อนมาแทนซูกัส ส่วนพระเอกคู่สองที่มีอาการฟกช้ำพอสมควรจากอุบัติเหตุตอนที่ไฟดับถูกย้ายไปเล่นมอร์ฟีนเดอะซีรีส์แทน แต่จากที่เคยรับบทเป็นพระเอกหรือบทรุกในซีรีส์วายมาโดยตลอด คราวนี้กลับต้องกลายเป็นฝ่ายรับในความสัมพันธ์มาโซเข้มข้นตบจูบกับตัวเอกร่างสูงใหญ่ในคู่สามของเรื่อง แต่นอกจากเรื่องนี้แล้วการเปิดกองถ่ายของซีรีส์ทั้งสองเรื่องก็เป็นไปได้ด้วยดี ทีมนักแสดงเริ่มงานกันด้วยอารมณ์และใบหน้าที่สดใสกว่าปกติด้วยอานิสงส์ของขี้ผึ้งจักรพรรดิ
 
หลังจากเปิดตัวอย่างอลังการและออนแอร์ไปได้แค่สามตอน กาเฟอีนเดอะซีรีส์ก็ดังจนติดกระแสโลกไปอย่างสบายๆ เสียงชื่นชมในความน่ารักของนักแสดงระดับฟินจิกหมอนทำให้ยอดคนดูพุ่งตามนิโคตินเดอะซีรีส์ไปติดๆ ซูกัสตอนแรกก็บ่นอุบที่ตัวเองโดนถอดออกจากเรื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่พอเห็นเพื่อนนักแสดงที่มารับบทแทนดังจนแทบไปไหนมาไหนไม่ได้ก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย เขาอยากมีชื่อเสียงเอาไว้อวดเพื่อนเท่ๆ แต่ถ้าต้องแลกกับชีวิตส่วนตัวขนาดนั้นไม่เอาด้วยดีกว่า เขาแค่เกาะกระแสความดังไปขอถ่ายรูปด้วยเอาไปโชว์คนอื่นว่ามีเพื่อนเป็นดาราก็พอแล้ว
 
ความดังระดับโลกของซีรีส์วายสามเรื่องติดๆ กันของสตูดิโอแห่งนี้ทำให้วงการบันเทิงต้องหันมาจับตามอง แม้แต่ซีรีส์วายของค่ายอื่นๆ ก็พลอยได้รับความสนใจมากขึ้นจนกลายเป็นกระแส จากที่ละครวายเคยถูกมองว่าเป็นงานเกรดรองๆ ทำออกมาจับตลาดเฉพาะกลุ่มใช้แต่นักแสดงหน้าใหม่ที่จำใจเล่นกลับกลายมาเป็นเทรนด์ระดับโลก ยอดวิวที่ท่วมท้น ของที่ระลึกที่ขายดิบขายดี บัตรแฟนมีตที่ขายหมดในพริบตา สปอนเซอร์ที่หลั่งไหลเข้ามา และช่องทางทำเงินผ่านกิจกรรมออนไลน์จากฐานแฟนคลับทั่วโลก ทำให้ผู้สร้างละครแนวอื่นมองด้วยความอิจฉา
 
“พี่คุน วันนี้เพื่อนๆ ผมที่เล่นเรื่องกาเฟอีนได้รับเชิญไปออกรายการสารพันโชว์อ่า ผมเพิ่งรู้ตะกี้นี้ รายการนี้ดังมากเลยนะ เราตามไปเชียร์เขาในห้องส่งดีไหม”
 
ซูกัสเกาะแขนพี่ชายแล้วเขย่าอย่างออดอ้อน หลี่คุนอดใจอ่อนไม่ได้ ซูเอ๋อร์ก็อัธยาศัยดีเกินเหตุ ไม่ได้ถ่ายงิ้วเรื่องนี้กับเขาเสียหน่อย แค่เคยไปเวิร์คช็อปร่วมกันเพียงครั้งเดียว ไฉนถึงได้คบหาเป็นมิตรสหายกันมาจนถึงตอนนี้ ถึงอย่างไรวันนี้เขาก็ไม่ได้มีงานด่วนอะไร นักแสดงของซีรีส์ที่เขาร่วมลงทุนด้วยก็กึ่งๆ เป็นคนของเขา จะตามไปดูเสียหน่อยก็คงจะดี หลี่คุนโทรหาผู้จัดละครสาวก็ได้ความว่ารายการทอล์คโชว์นี้ติดต่อมากระทันหัน แต่เธอก็ตอบรับไปเพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์กับละครที่กำลังออนแอร์อยู่ พอรู้ว่าหลี่คุนจะไปดูที่ห้องส่งผู้จัดละครสาวก็เลยถือโอกาสฝากฝังทีมนักแสดงไว้ด้วยเลยด้วยเหตุผลว่าสตูดิโอเล็กๆ มีคนน้อยงานเยอะต้องช่วยๆ กัน
 
หลี่คุนที่ต้องรับเป็นพี่เลี้ยงให้นักแสดงไปด้วยถือโอกาสนี้เอารถบัสวีไอพีที่ตัวเองภูมิใจออกมาใช้งาน ไม่คิดว่าซูเอ๋อร์จะเริ่มเห็นความสะดวกสบายของรถคันนี้ที่สามารถขนนักแสดงหลักทั้งหกคนรวมกับพวกเขาสองพี่น้องและผู้จัดการของนักแสดงบางคนที่ขอตามไปด้วยได้ในคราวเดียว เด็กหนุ่มอวดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ติดตั้งไว้อย่างเต็มพิกัดกับเพื่อนๆ นักแสดงของตัวเองอย่างภูมิใจ ใครจะอยากนั่งขดตัวอยู่ในรถสปอร์ตแคบๆ ที่ก็วิ่งได้เร็วแค่ตามจังหวะรถติดกันล่ะถ้ามีรถคันใหญ่ๆ กว้างๆ ยืดเหยียดแขนขาได้เต็มที่แบบนี้ รู้สึกตัวอีกทีซูเอ๋อร์ก็เหมือนว่าตัวเองถูกล้างสมองไปแล้ว
 
ขณะที่รถบัสสีแสบสันกำลังจะจอดเทียบเพื่อส่งผู้โดยสารลงตรงหน้าอาคารของสตูดิโอถ่ายทำขนาดใหญ่ย่านชานเมือง รถตู้สีดำเรียบหรูก็ปาดเข้ามาจอดตรงด้านหน้าก่อน ทำเอาคนขับรถบัสต้องเบรคกระทันหันจนคนบนรถหน้าคะมำไปตามๆ กัน ผู้โดยสารที่ลงจากรถตู้เป็นหนุ่มสาววัยรุ่นหน้าตาดีแต่งตัวโฉบเฉี่ยวหลายคน คนกลุ่มนั้นหันมามองรถบัสด้านหลังอย่างแปลกใจแล้วชี้มือชี้ไม้พูดคุยกันซึ่งพวกหลี่คุนและนักแสดงกาเฟอีนลงจากรถบัสทันได้ยินพอดี
 
“คณะทอดกฐินผ้าป่าที่ไหนหลงมาเปล่าเนี่ย”
 
“พวกนายดูลายนักมวยไทยอะไรไม่รู้รอบรถสิ สีแปร๋นมาก เชยโคตรๆ”
 
“อย่าพูดดัง เขาลงจากรถกันมาแล้ว สงสัยเป็นวงดนตรีนักร้องลูกทุ่งมากันจากต่างจังหวัด”
 
ดูแล้ววัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ยังพอมีมารยาทอยู่บ้างถึงแค่หันมามองหลี่คุนที่ลงจากรถเป็นคนแรกผ่านๆ ด้วยแววตาดูถูกเล็กน้อยแล้วก็เดินเข้าสตูดิโอไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่คุนเบ้ปากที่อยู่ใต้มาสก์ผ้าสีดำแล้วก็มองฝ่ายนั้นกลับด้วยสายตาดูแคลนเหมือนกัน  คนตั้งเยอะเบียดกันมาในรถสีทึมๆ คันแค่นั้นนะ เบาะนวดก็ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า พวกเจ้าน่าสงสารยิ่งนัก
 
“พี่คุน พวกนั้นที่เล่นซีรีส์เรื่องจังหวะทะลุฝันนี่ กำลังดังเลย เป็นแนวเต้นเหมือนกาเฟอีนด้วย บังเอิญจังน้า”
 
บรรดานักแสดงเรื่องกาเฟอีนพยักหน้าให้กันว่าพวกเขาก็จำดารากลุ่มนั้นได้ แต่เมื่อเข้าไปที่สดูดิโอซึ่งเป็นที่ถ่ายทำรายการสารพันโชว์ พวกเขาก็พบว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
 
“พี่จะให้นักแสดงจากซีรีส์สองเรื่องมาถ่ายรายการเดียวกันเลยเหรอคะ หนูว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะนะคะ แนวเรื่องมันก็ดูแข่งๆ กันอยู่”
 
ถึงหลี่คุนจะเป็นคนพาบรรดานักแสดงมา แต่เขาก็ไม่รู้เรื่องการดีลงานในวงการบันเทิงนัก จึงให้ผู้จัดการสาวของพายุพระเอกของเรื่องที่มาด้วยกันไปสอบถามจากผู้ประสานงานรายการแทน
 
“ออกพร้อมกันสองเรื่องจะเป็นไรจ๊ะ ทางนั้นเขาค่ายใหญ่ยังไม่เห็นจะมีปัญหาเลย ถึงซีรีส์ของนักแสดงหนูจะเริ่มดังแต่ก็ไม่น่าจะเรื่องมากนะ”
 
“หนูก็ไม่ได้จะว่าอะไร แต่น่าจะบรีพกันก่อนค่ะ น้องๆ นักแสดงฝั่งหนูจะได้เตรียมตัวมา”
 
“จะต้องเตรียมอะไรมากมายจ๊ะ ก็แค่ให้นักแสดงจากสองซีรีส์เต้นประชันกันสนุกๆ ตามโจทย์ของทางรายการ ไหนๆ ธีมเรื่องก็เกี่ยวกับการเต้นทั้งคู่ เห็นในละครก็มีฉากเต้นตั้งหลายฉากอย่าบอกนะว่าเด็กๆ กาเฟอีนเต้นกันไม่ได้ ทางฝั่งจังหวะทะลุฝันเขาก็เพิ่งทราบเหมือนกัน น้องๆ เขาก็เตรียมตัวกันเดี๋ยวนั้น มืออาชีพสุดๆ”
 
ผู้จัดการสาวเถียงไม่ออกได้แต่กลับมาบอกเรื่องนี้ให้กับทีมนักแสดงทราบ ทุกคนดูกังวลอยู่บ้างเพราะไม่ใช่นักเต้นอาชีพ แต่เป็นพายุพระเอกของซีรีส์ที่ออกมาให้กำลังใจทุกคน
 
“ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่เต้นไปตามที่เราซ้อมกันมา พี่จะคอยนำให้เหมือนทุกทีไง ทำของเราเองให้ดีที่สุด อย่าไปคิดว่าต้องแข่งกับใคร”
 
เมื่อเห็นพี่ใหญ่ที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงและทักษะการเต้นแข็งแรงมากที่สุดพูดอย่างมั่นใจทุกคนก็รู้สึกดีขึ้น ซูกัสเองก็ช่วยให้กำลังใจเพื่อนๆ
 
“พี่พายุพูดถูก พวกนายอย่าไปซีเรียสว่าเป็นการแข่งกับฝ่ายโน้น แค่คิดว่าแฟนคลับจะต้องดีใจมากแน่ๆ ที่เห็นพวกนายได้มาเต้นในรายการดังขนาดนี้”
 
ยิ่งได้ยินซูกัสพูดถึงแฟนคลับทุกคนก็มีกำลังใจขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม แฟนคลับของพวกเขาน่ารักกันมากจริงๆ
 
ก่อนที่จะบันทึกเทปจริง ทางรายการก็มีให้ทีมนักแสดงจากทั้งสองซีรีส์ได้ขึ้นมาซ้อมเต้นบนเวทีคนละหนึ่งรอบก่อนที่ผู้ชมจะเข้ามาในห้องส่ง ฝั่งกาเฟอีนเห็นการเต้นระดับมืออาชีพของฝั่งจังหวะทะลุฝันแล้วต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายเหนือกว่าจริงๆ ถ้าไม่บอกว่าเพิ่งได้รับโจทย์เต้นมาพร้อมๆ กันก็คงคิดว่าได้ซ้อมตามโจทย์นี้ล่วงหน้ามาเป็นสัปดาห์ๆ แล้ว แถมยังมีสเต็ปท่ายากในตอนพีคก่อนจบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครท้อ ทุกคนไม่ได้คิดจะแข่งกับอีกฝ่ายแค่อยากทำให้เต็มที่เพื่อบรรดาแฟนคลับ
 
เมื่อถึงคิวซ้อมของตัวเอง ทีมนักแสดงจากกาเฟอีนเดอะซีรีส์ก็ทำได้ดี ไลน์การเต้นอาจจะไม่ได้พร้อมเพรียงเท่ากับทีมจังหวะทะลุฝัน แต่ภายใต้การนำของพายุ กลับทำให้ลูกทีมแต่ละคนแสดงสไตล์ความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เมื่อรวมกับการเต้นที่โดดเด่นทรงพลังของพายุในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ก็ยากจะชี้ขาดได้ว่าการเต้นของทีมไหนดีกว่ากัน
 
ซูกัสที่นั่งอยู่ข้างๆ หลี่คุนชมความสามารถในการเต้นของกลุ่มเพื่อนนักแสดงของตัวเองไม่ขาดปาก เด็กหนุ่มซึ่งชื่นชอบในการเต้นคอยอธิบายถึงความยากและเทคนิคการเต้นที่แต่ละคนใช้โดยเฉพาะของพายุให้พี่ชายฟังอยู่ตลอด
 
แต่ก่อนจะเริ่มอัดรายการจริงเพียงนิดเดียวก็มีเหตุไม่คาดฝันขึ้น พายุที่ยืนอยู่ดีๆ เกิดอุบัติเหตุถูกทีมงานกองถ่ายเข็นรถเข็นเหล็กที่บรรทุกของมาหนักอึ้งชนเข้าที่ขาข้างหนึ่งอย่างจังจนล้มไปนอนกับพื้นแล้วลุกขึ้นยืนไม่ได้อีก ทีมงานของซีรีส์กาเฟอีนรีบเข้าไปดูอาการของพายุที่กัดฟันเหงื่อแตกด้วยความเจ็บปวดอย่างกังวล หลี่คุนตรวจสอบอาการที่ขาของนักแสดงหนุ่มแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปบ้าง ถ้าเป็นแค่อุบัติเหตุบาดแผลไม่น่ารุนแรงขนาดนี้ แม้จะไม่ถึงขั้นกระดูกหักแต่กล้ามเนื้อเส้นเอ็นก็เสียหายไม่น้อย เขาลอบใช้กำลังภายในคลี่คลายอาการเลือดครั่งแล้วใช้ขี้ผึ้งสมุนไพรรักษาแผลครอบจักรวาลที่พกติดตัวมาพอกให้เพื่อลดความเจ็บปวดและอาการฟกช้ำ พายุมีสีหน้าดีขึ้นแต่การขึ้นเวทีเต้นในสภาพเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน
 
ในระหว่างที่ดูอาการของพายุอยู่นั้น ประสาทหูผู้ฝึกยุทธ์ของหลี่คุนที่ไวกว่าคนปกติ ก็ได้ยินบทสนทนาของทีมงานรายการสองคนที่กระซิบกระซาบกันอยู่ตรงมุมหนึ่งที่ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุ
 
“ทำเกินไปหรือเปล่า ท่าทางกระแทกแรงมากเลยนะ”
 
“ทำไงได้ ก็บอสเล็กของมายากรุ๊ปสั่งลงมาเองแบบนี้ ใครจะกล้าขัด”
 
หลี่คุนไม่ได้ตามไปเอาเรื่องทีมงานที่พูดลอยๆ สองคนนั้น เขาเพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความสั้นๆ
 
‘สืบเรื่องนายน้อยของมายากรุ๊ปและอุบัติเหตุวันนี้ที่ห้องส่งรายการสารพันโชว์’
 
ผู้กำกับรายการรู้สึกว่าพายุจะไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างอาการที่เห็นตอนแรกก็สอบถามขึ้นมา
 
“ตกลงน้องเขาจะไหวไหมนี่ หรือจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวจะเรียกรถให้ แต่ยังไงรายการก็ต้องอัดต่อตามคิวนะ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว”
 
“น้องพายุขึ้นเต้นไม่ไหวแน่ๆ ค่ะ ยังไงพี่ช่วยตัดพาร์ทที่จะเต้นแบทเทิลอันออกไปเลยได้ไหม เหลือแค่ช่วงทอล์ค ดูอาการหลังปฐมพยาบาลแล้วน้องพายุน่าจะทนได้จนอัดรายการเสร็จ”
 
“ไม่ได้สิ ทุกอย่างวางไว้หมดแล้วจะปล่อยให้พังเพราะอุบัติเหตุแค่นี้ได้ยังไง โปรดิวเซอร์ไม่ยอมแน่ เหลือห้าคนก็เต้นไปสิ”
 
ผู้จัดการสาวรู้ดีว่านักแสดงของเธอเป็นคนพยุงทีมในเรื่องการเต้นมาโดยตลอด ถ้าพายุไม่ได้ขึ้นเต้นด้วยถึงไม่ล่มก็คงดูไม่จืด
 
“น้องๆ เขาเต้นเป็นทีมกันมาตลอด อยู่จะให้ขาดคนไหนไปไม่ได้หรอกนะคะ ทางเราคงต้องขอให้พี่ช่วยปรับพาร์ทเต้นจริงๆ ถึงยังไงเรื่องที่นักแสดงของหนูต้องมาเจ็บตัวก็น่าจะเป็นความรับผิดชอบของรายการ”
 
ผู้จัดการสาวพยายามปกป้องประโยชน์ของนักแสดงในสังกัดอย่างเต็มที่เท่าที่ผู้จัดการตัวเล็กๆ อย่างเธอกล้าที่จะพูดกับผู้กำกับรายการใหญ่ขนาดนี้
 
“ก็มันเป็นอุบัติเหตุไง มีแต่จะต้องช่วยกันแก้ไขไปตามสถานการณ์ จะมาเรียกร้องอะไรตอนนี้ คนอื่นเขาเสียเวลานะ ไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย”
 
ผู้จัดการสาวหน้าแดงที่โดนต่อว่าแบบไม่ไว้หน้า เธอหันไปมองหลี่คุนอย่างขอความช่วยเหลือ มาถึงขั้นนี้เธอในฐานะผู้จัดการของพายุก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่สิ่งที่จะเกิดต่อไปอาจทำให้ซีรีส์กาเฟอีนเสียหาย เธอจึงต้องส่งต่อให้หลี่คุนซึ่งเป็นตัวแทนฝั่งซีรีส์เป็นผู้ตัดสินใจ
 
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็อัดรายการไปตามแผนเดิม แต่ทางผมจะขอเอาทีมมาแทนนักแสดงที่บาดเจ็บนะครับ”
 
“ก็แล้วแต่ทางซีรีส์แล้วกัน แต่คุณจะอธิบายคนดูยังไงที่มีคนนอกเข้ามาร่วมเต้นด้วย”
 
“ไม่ต้องห่วงครับ คนที่มาเสริมก็เป็นนักแสดงร่วมในซีรีส์นี่แหละครับ แต่ยังไม่ออกอากาศ”
 
ทีมนักแสดงของกาเฟอีนเดอะซีรีส์เหลือเวลาแค่สั้นๆ ที่จะเตรียมตัวก่อนขึ้นเต้นจริงต่อหน้าผู้ชมในห้องส่ง แต่ละคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กไม่รู้ว่าคนที่จะมาเสริมคือใคร แล้วจะมาทันได้ยังไง มีแต่ซูกัสที่มั่นใจในตัวพี่ชายอย่างเต็มที่
 
“พี่คุน คนที่จะมาเสริมทีมเราเป็นใครครับ ต้องเต้นเก่งมากแน่ๆ”
 
“ก็เราไง ซูเอ๋อร์ ตอนที่นั่งดูด้วยกัน เรายังพากย์ท่าเต้นของพายุให้ฟังเป็นฉากๆ เลย”
 
ซูกัสเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น คนอื่นๆ ก็ตะลึงกับคำตอบของหลี่คุนไม่ต่างกัน
 
“พี่คุน อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิ ผมนึกว่าพี่มีไม้เด็ดอะไร แค่พูดเฉยๆ กับให้เต้นจริงมันต่างกันนะ ไม่เคยซ้อมอะไรเลยจะมาเต้นได้ไง”
 
“อ้าว ไม่ได้เหรอ ก็เมื่อกี๊นั่งดูตั้งแต่ต้นจนจบมาด้วยกัน ไม่น่าจะร่ายรำยาก กระบวนท่าพื้นฐานแบบนี้”
 
หลี่คุนถามกลับด้วยความรู้สึกแปลกใจจริงๆ
 
“พี่คุน เอาดีๆ ไม่ขำนะ”
 
“ใช่ครับพี่ ดูแค่รอบเดียวไม่มีใครจำท่าได้หมดหรอก หรือถึงจำได้จริงแต่ร่างกายมันก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวตามสมองสั่งได้ขนาดนั้น มันต้องซ้อมจนร่างกายชินกับท่าแล้วเคลื่อนไหวไปเอง”
 
พายุช่วยเสริมให้ในฐานะคนที่มีประสบการณ์เรื่องการเต้นมากที่สุด
 
“ก็แค่เต้นให้เหมือนที่พายุเต้นเมื่อกี๊ไม่ใช่เหรอ งั้นพี่แทนเอง ไม่มีเวลาแล้ว พวกเราเตรียมขึ้นเวทีกันเถอะ”
 
หลี่คุนตัดบทเมื่อเห็นทีมงานเดินมาตามรอบสองแล้ว นักแสดงคนอื่นได้แต่จำยอม ถึงอย่างไรก็คงไม่ต่างกับการเต้นโดยไม่มีเซ็นเตอร์อย่างพายุหรอก
 
แต่การได้ยินเสียงกรี๊ดชื่นชมอย่างล้นหลามของผู้ชมในห้องส่งที่มีต่อการเต้นของทีมนักแสดงจังหวะทะลุฝันก็ทำให้กำลังใจน้อยนิดของทีมฝ่อลงไปอีก หลี่คุนไม่สนใจว่าฝ่ายที่เพิ่งแสดงจบไปจะได้รับเสียงเชียร์ขนาดไหน เขาขยับมาสก์ผ้าปิดปากสีดำให้กระชับขึ้นก่อนเข้าไปยืนตรงตำแหน่งของพายุแล้วโพสต์ท่าเริ่มต้นได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน สมาชิกที่เหลือก็เข้าประจำที่ตามหลี่คุนโดยอัตโนมัติ ท่าทางที่มั่นใจของเซ็นเตอร์คนใหม่และเสียงเชียร์จากแฟนคลับซีรีส์ทำให้ความมุ่งมั่นของทุกคนกลับมา
 
ทันทีที่เสียงเพลงเริ่มขึ้น การขยับร่างกายของหลี่คุนก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง ทุกสเตปการเต้นของพายุถูกลอกเลียนออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เพียงแต่รูปแบบท่าเต้นเท่านั้นที่เหมือน แม้แต่ระยะการขยับ องศาการหมุน รายละเอียดเล็กๆ น้อยของร่างกายทุกส่วน ก็ถูกเก็บมาหมดราวกับพายุมาเต้นด้วยตัวเอง สมาชิกคนอื่นถูกการเคลื่อนไหวของหลี่คุนชักนำให้ปลดปล่อยฝีมือของแต่ละคนอย่างเต็มที่ ในที่สุดการเต้นที่มีเอกลักษณ์ของกาเฟอีนเดอะซีรีส์ก็ถูกแสดงออกมาอย่างท็อปฟอร์ม แม้แต่ต้นตำหรับอย่างพายุที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ซูกัสก็ยังต้องยอมรับว่าท่วงท่าที่รื่นไหลทว่าสง่างามของหลี่คุนนั้นดูดีมากเมื่อเทียบกับการเต้นที่เน้นพลังอันดุดันของตน
 
ทีมงานรายการสารพันโชว์ที่รู้สายสนกลในเรื่องนี้และมารอดูความน่าอับอายของทีมนักแสดงเรื่องกาเฟอีนเดอะซีรีส์ต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน ชายหนุ่มมาสค์ดำที่มาเต้นแทนพายุนั่นไม่ใช่แค่คนที่สตูดิโอผู้ผลิตซีรีส์ส่งมาดูแลนักแสดงเหรอ ทำไมถึงเต้นได้ยอดเยี่ยมไม่ต่างจากพายุหรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ
 
หลี่คุนเคลื่อนไหวร่างกายไปตามท่วงท่าที่ปรากฏชัดเจนในความจำ ในฐานะทายาทผู้รับสืบทอดสรรพวิชาของตระกูลหลี่แห่งฉางอัน หลี่คุนได้รับการฝึกฝนด้านการจดจำตั้งแต่ยังเด็ก คัมภีร์ลับของเคล็ดวิชาที่ผู้คนทั่วหล้าเข้าใจว่าสูญหายไปแล้วมิใช่สิ่งที่จะนำติดตัวไปได้ ผู้นำตระกูลหลี่ทุกรุ่นมีแต่จะต้องอ่านและจำสรรพวิชามากมายเหล่านั้นไว้ในหัวให้พร้อมที่จะนำมาใช้เมื่อบ้านเมืองเกิดเหตุคับขัน ส่วนการเคลื่อนไหวร่างกายให้สอดคล้องกับความจำในหัวนั่นยิ่งเป็นเรื่องง่ายดาย กระบวนท่าพิศดารซับซ้อนของวรยุทธ์นับไม่ถ้วนเขายังฝึกปรือได้สำเร็จ นับประสาอะไรกับการเคลื่อนไหวร่างกายง่ายๆ เช่นนี้
 
ก่อนจบมีช่วงที่เป็นการเต้นเดี่ยวสั้นๆ ของพายุ แต่หลี่คุนกลับไม่ได้เต้นตามต้นฉบับ เขาใช้สเต็ปท่ายากที่สุดของทีมนักแสดงจังหวะทะลุฝันที่เห็นเพียงครั้งเดียวมาดัดแปลงให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกจนเจ้าของท่าหน้าถอดสีไปตามๆ กัน ขนาดพวกเขาเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์ด้านการเต้นกันทุกคนยังซ้อมเกือบตายเป็นเดือนถึงจะทำได้
 
เมื่อการแสดงของทีมกาเฟอีนจบลงเสียงเชียร์ก็ดังสนั่นจนเพดานของสตูดิโอกระเทือน แม้แฟนคลับจะผิดหวังที่พายุไม่ได้ขึ้นมาเต้นด้วยแต่สมาชิกลึกลับที่หล่อทะลุมาสก์และเต้นได้สง่างามน่าหลงไหลก็เรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี นักแสดงหลักหกคนของเรื่องก็ถือว่าครบคู่ แล้วคนๆ นี้มาจากไหน รับบทเป็นใคร จะเคะหรือเมะ นับว่าในส่วนของการเต้นแบทเทิลทีมซีรีส์วายทำคะแนนนำซีรีส์นอร์มอลไปอย่างขาดลอยถ้าวัดจากความดังของเสียงเชียร์
 
เมื่อมาถึงช่วงทอล์คโชว์ความสนใจก็ยังวนเวียนอยู่ที่ทีมนักแสดงจากกาเฟอีนเดอะซีรีส์ เริ่มจากการเล่าถึงอุบัติเหตุในกองถ่ายที่เกิดขึ้นกับพายุจนทำให้ไม่สามารถขึ้นเต้นกับเพื่อนๆ ได้ทำให้คนในห้องส่งทั้งเห็นใจทั้งเป็นห่วงไปตามๆ กัน หลังจากไปพูดคุยกับนักแสดงจากเรื่องจังหวะทะลุฝันอยู่ครู่หนึ่ง พิธีกรรายการก็รีบกลับมาถามคำถามที่ทุกคนอยากรู้กับพายุผู้เหมือนพี่ใหญ่ของเด็กๆ จากเรื่องกาเฟอีน
 
“ตกลงคนที่มาเต้นแทนน้องพายุคือใครครับ ใช่นักแสดงในกาเฟอีนเดอะซีรีส์หรือเปล่า”
 
“ผมยังยืนยันเรื่องนี้ของพี่เขาไม่ได้ครับ คงต้องคอยติดตามกาเฟอีนกันต่อไป”
 
พายุยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต่อไปหลี่คุนจะมีบทบาทอะไรหรือไม่ ซีรีส์นี้เป็นแบบถ่ายไปฉายไปอะไรก็เกิดขึ้นได้
 
“ตกลงว่าเป็นนักแสดงรุ่นพี่ของพายุ”
 
“ก็ไม่เชิงครับ จริงๆ ก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผมหรืออาจจะแก่กว่าแค่นิดหน่อย แต่พอดีเขาเป็นพี่ชายของน้องอีกคนที่ทีมนักแสดงในเรื่องสนิทด้วย ก็เลยเรียกพี่ตามน้องเค้าทุกคน”
 
“ถ้าไม่ใช่นักแสดงในเรื่อง ทำไมถึงได้ซ้อมเต้นกับพวกเรามาจนเข้าขากันอย่างนี้”
 
“พูดไปก็เหมือนโกหกครับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เขาเต้นกับพวกเราจริงๆ ไม่เชื่อถามน้องๆ ดูก็ได้”
 
เด็กๆ คนอื่นในทีมต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ได้เต้นกับหลี่คุน
 
“โห แย่งกันพูดขนาดนี้ผมเชื่อก็ได้ มาอีกคำถามนึงที่สาวๆ ในห้องส่งน่าจะอยากรู้ ใต้มาสก์สีดำอันนั้น หล่อไหมครับ”
 
“ถามกันตรงๆ อย่างนี้เลยเหรอครับ พี่เขายังนั่งดูอยู่เลย ฮ่าๆ เขาหล่อครับ เขาหล่อมาก เขาควรมาเป็นพระเอกแทนผม”
 
“อื้อหือ ลองถ้าพระเอกขวัญใจสาวๆ ที่ตอนนี้คงรวมหนุ่มๆ เข้าไปด้วยอย่างน้องพายุพูดแบบนี้แสดงว่าหล่อจริงจัง งั้นให้เขามารับบทพระเอกเรื่องนี้แทนเราไปเลยดีไหมล่ะ”
 
“คิดอีกทีก็ไม่ดีหรอกครับ พอดีว่าคนนี้ผมหวง”
 
พายุโอบไหล่ของนายเอกคู่จิ้นตัวเองที่นั่งข้างกันให้เอนเข้ามาหาแล้วหัวเราะแบบทีเล่นทีจริง เรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับห้องส่งแทบแตก
 
“หวานกันออกสื่ออีกแล้ว เดี๋ยวเราจะมาคุยกันถึงความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ในช่วงถัดไป แต่ตอนนี้ขอถามถึงหนุ่มปริศนาอีกนิดแล้วปัจจุบันเขามีบทบาทอะไรในซีรีส์นี้ ทางทีมงานแจ้งว่าวันนี้เขามาในนามของสตูดิโอต้นสังกัด”
 
“ผมก็ไม่ทราบแน่ชัดครับ แต่เข้าใจว่าเหมือนจะเป็นผู้ร่วมทุนหรือสปอนเซ่อร์ของกาเฟอีนนี่แหล่ะ”
 
“น่าสนใจจริงๆ ครับคุณผู้ชม หนุ่มหล่อลึกลับที่ดูเหมือนจะมีพื้นเพที่ไม่ธรรมดาคนนี้คือใครกันแน่ น่าเสียดายที่เขาปฏิเสธคำเชิญของทางทีมงานที่จะให้ขึ้นมาร่วมพูดคุยกับเราในวันนี้”
 
“วันนี้ยังไม่รู้จักพี่เขาไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ช่วยติดตามกาเฟอีนเดอะซีรีส์กันเยอะๆ นะครับ ไม่แน่ว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์จากพี่เขาก็ได้”
 
พายุไม่วายฝากละครแถมท้ายไว้อย่างคนที่เป็นงาน
 
ด้วยการกอบกู้สถานการณ์ช่วงเต้นแบทเทิลของหลี่คุน ความน่ารักของทีมนักแสดง ทัศนคติที่ดีต่อความรักในทุกรูปแบบของซีรีส์ และความพลิกแพลงลูกล่อลูกชนในการให้สัมภาษณ์ของพายุ ทำให้ความสนใจในสารพันโชว์เทปนี้เทไปทางกาเฟอีนเดอะซีรีส์เกือบหมด แม้จะมีทีมงานบางส่วนของสารพันโชว์จะแอบเข้าข้างซีรีส์จังหวะทะลุฝันโดยตัดต่อให้น้ำหนักเทไปทางด้านนั้น แต่พอไปถึงโปรดิวเซอร์พาร์ทที่น่าสนใจก็ถูกเอากลับเข้ามาซึ่งเป็นส่วนของกาเฟอีนแทบจะทั้งนั้น บทสัมภาษณ์ที่แฝงความเหยียดเพศอยู่บ้างของนักแสดงซีรีส์จังหวะทะลุฝันก็ถูกตัดออกเกือบหมด ในเทปที่จะออนแอร์เลยดูเหมือนว่าฝ่ายหลังจะเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น
 
มายากรุ๊ปต้นสังกัดของซีรีส์จังหวะทะลุฝันเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ที่ผลิตละครป้อนให้ทั้งช่องมากสีและช่องน้อยสีมาอย่างต่อเนื่อง สมัยก่อนการเสพสื่อละครของผู้ชมจำกัดอยู่ทางทีวีเสียเป็นส่วนใหญ่ทำให้อิทธิพลของมายากรุ๊ปในวงการนี้สูงมากถึงขั้นกำหนดทิศทางธุรกิจละครไทยได้เลย แต่ในช่วงไม่กี่ปีหลังการเข้ามาของสื่อบันเทิงและแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งรายเล็กรายใหญ่ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของสื่อกระแสหลักอย่างฟรีทีวีเริ่มลดลงรวมถึงบทบาทในฐานะผู้นำของมายากรุ๊ปด้วย
 
ภาคินทายาทรุ่นสามของมายากรุ๊ปมองการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆ เกิดขึ้นนี้อย่างไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด เขาคิดว่าละครที่ทำออกมาฉายทางอินเตอร์เน็ทหรือช่องดิจิตอลเล็กๆ ล้วนแต่เป็นงานด้อยคุณภาพทุนต่ำใช้แต่นักแสดงโนเนมที่ไม่มีทางเลือกอื่น ยิ่งเห็นซีรีส์นอกกระแสพวกนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่ยอมรับมากขึ้นเท่านั้น และสิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือพวกละครวายที่กำลังดังอยู่ตอนนี้นี่เอง
 
ภาคินไม่ชอบเพศที่สามอย่างฝังหัว แต่ด้วยความที่อยู่ในธุรกิจบันเทิงทำให้เขาพยายามที่จะไม่แสดงมันออกมา เป็นที่รู้กันว่าวงการนี้มีเพศทางเลือกซึ่งมักมีพรสวรรค์ด้านศิลปะมากกว่าคนทั่วไปทำงานอยู่ทั้งเบื้องหน้าเบื้องมากขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นในใจเขาก็เต็มไปด้วยอคติที่มีต่อคนพวกนี้ มีแนวปฏิบัติที่รู้กันทั่วว่านักแสดงชายที่รับบทในซีรีส์วายไม่ว่าของค่ายไหนจะถูกแบนจากมายากรุ๊ปทันที ภาคินให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของภาพลักษณ์นักแสดงที่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีกับเยาวชน
 
ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครพยายามจะฝืนข้อห้ามนี้ ถึงอย่างไรดาราค่ายใหญ่ก็ไม่มีใครคิดจะไปแสดงละครวายซึ่งถูกมองว่ามีแต่นักแสดงเกรดบีเล่นอยู่แล้ว แต่กระแสความดังของซีรีส์วายและการเข้ามารับบทนำในมอร์ฟีนเดอะซีรีส์ของนักธุรกิจหนุ่มไฮโซอย่างบรูคทำให้ภาพมุมมองในเรื่องนี้เปลี่ยนไป นักแสดงมีฝีมือหลายคนเริ่มมีท่าทีสนใจที่จะรับบทในซีรีส์วายซึ่งมีการพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
 
ภาคินมองเรื่องนี้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจอย่างชัดเจน มายากรุ๊ปไม่เคยและไม่คิดจะทำแนวละครที่น่ารังเกียจอย่างนี้แน่ ถ้าปล่อยให้ซีรีส์วายได้รับความนิยมเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ใครจะรับรองได้ว่าคนดูจะไม่ถูกล้างสมองจนหมด เขากำลังมีโปรเจ็คละครเจาะกลุ่มผู้ชมรุ่นใหม่โดยมีธีมเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ตามฝันของตัวเองในเรื่องการเต้นซึ่งชนกับกาเฟอีนเดอะซีรีส์ของสตูดิโอที่เขากำลังจับตามองด้วยความไม่ชอบใจเข้าอย่างจัง
 
ถ้าจะวัดตัวเลขเรตติ้ง ละครเรื่องจังหวะทะลุฝันของเขาที่ฉายผ่านฟรีทีวีช่องหลักมีสัดส่วนผู้ชมมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในโซเชียลเนตเวิร์กและในหมู่ผู้ชมต่างประเทศกลับเป็นกาเฟอีนเดอะซีรีส์ที่ได้รับความสนใจมากกว่า ภาคินยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ นักแสดงวัยรุ่นชายจริงหญิงแท้ที่เขาคัดมาทั้งหล่อทั้งสวยและมีความสามารถในการเต้นอย่างแท้จริง ทำไมจะสู้พวกตุ๊ดเกย์หรือคนที่ยอมแสดงเป็นเกย์เพื่อเงินของอีกฝ่ายไม่ได้
 
ภาคินทราบจากสายว่ากับดักในรายการสารพันโชว์ที่เขาวางไว้ให้กับนักแสดงซีรีส์กาเฟอีนถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี เรื่องนี้ต้องโทษเด็กเมื่อวานซืนที่เขาเพิ่งสืบได้ว่าชื่อคุณานนท์ ข้อมูลเบื้องต้นบอกว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดาอยู่บ้าง ทั้งเป็นผู้ร่วมลงทุน ทั้งสามารถดึงเครื่องสำอางชื่อดังมาเป็นสปอนเซอร์ ไม่นับครีมในตำนานที่แจกจ่ายให้นักแสดงราวกับหาได้ง่ายมาก ทำให้ค่ายละครหลายแห่งสนใจจะร่วมงานด้วย บางเรื่องถึงกับแก้บทให้มีคู่วายเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปเสนอให้ ทุกอย่างที่คุณานนท์ทำเหมือนตั้งใจท้าทายอิทธิพลของมายากรุ๊ป ถ้าปล่อยให้เติบโตต่อไปอาจจะ ภาคินคิดว่าเบื้องหลังของเด็กคนนี้อาจไม่เรียบง่าย แต่เรื่องสกปรกของวงการบันเทิงแบบไหนล่ะที่เขาไม่เคยผ่าน วงการบันเทิงเป็นอาณาจักรของเขา การที่จะทำลายชื่อเสียงคนๆ หนึ่งมันง่ายนิดเดียว

#############

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #132 เมื่อ19-07-2020 07:30:25 »

-46-


‘อกอีแป้นจะแตกค่ะคุณขา ซ้อว่าซ้อเห็นพวกวอนน่าบีในวงการนี้มาเยอะแล้ว ยังไม่เห็นใครมั่นหน้ามั่นโหนกอุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นนักลงทุนใหญ่อย่างคนๆ นี้มาก่อนเลย เสนอหน้าไปตามกองถ่ายเรื่องโน้นเรื่องนี้ว่าเป็นผู้สนับสนุนบ้างล่ะเป็นหุ้นส่วนบ้างล่ะ ซ้อฟังแล้วอยากจะหัวเราะเป็นภาษาอูกานด้า ใครจะหน้ามืดเชื่อกันลงเจ้าคะ อายุเพิ่งจะเท่าไหร่กันเชียว ถ้าจะหัดเป็นจอมลวงโลก บอกว่าเป็นกิ๊กผู้กำกับหรือน้องชายเมียน้อยผู้อำนวยการสร้างยังจะน่าเชื่อซะกว่า เผื่อจะใช้เบ่งกับพวกตัวประกอบหรือเด็กยกไฟในกองถ่ายได้บ้าง

เม้าท์มอยมาถึงตรงนี้ แฟนคลับที่ไม่ได้อยู่ในวงการเริ่มสะกิดถาม ซ้อๆ ซ้อหมายถึงใครคะ? จะใครที่ไหน ก็นักลงทุนชื่อย่อ ค. นี่ไง เห็นปล่อยข่าวลือว่าตัวเองร่วมลงทุนในละครวายตลาดล่างอยู่สองสามเรื่อง และมีโปรเจ็คใหม่ที่จะลงกับอีกหลายค่าย มีคนถามซ้อว่าจริงไหม โธ่คุณขาปลอมจนไม่รู้จะปลอมยังไง ได้ข่าวว่ายังเรียนไม่จบ พื้นเพทางบ้านก็ธรรมดา จะเอาเงินที่ไหนมาลงขนาดนั้นคะ ต่อให้เป็นซีรีส์เกรดบีก็เถอะ ไหนๆ จะสตรอว์กันหน้าด้านๆ แบบนี้ ไม่มโนตัวเองว่าเป็นนักลงทุนในละครฟอร์มใหญ่น้ำดีชายจริงหญิงแท้อย่างของมายากรุ๊ปไปเลยล่ะคะ

ถึงน้องนักลงทุน ค. ถ้าผ่านมาอ่านเจอ ซ้อจะแนะนำให้เอาบุญนะหนู อายุแค่นี้ เห็นว่าหน้าตาก็พอใช้ได้ คงผ่านมีดผ่านหมอมาเยอะ อยากจะเสนอหน้าในวงการนี้จริง ก็เข้ามาเป็นดาราตัวประกอบเลยค่า ยอมรับมาเถอะว่าจริงๆ ก็อยาก ไม่งั้นคงไม่สร้างเรื่องจนได้ขึ้นไปเต้นกระย่องกระแย่งในทอล์คโชว์ชื่อดังหรอก เอาซีรีส์วายผู้ชายได้กันแบบที่ชอบนั่นแหละ แล้วค่อยใช้ของดีของตัวเองไต่เต้าไป ในวงการพวกที่ชอบแบบนี้มันมีเยอะ ถ้าไม่โทรมซะก่อนคงพอได้รับบทเพื่อนพระเอกให้คนรู้จักหน้าบ้าง เอ หรือว่าไฮโซชื่อดังมีลูกมีเมียแล้วที่แอบกิ๊กกันอยู่เขาจะไม่ยอมคะ เลิกได้ก็เลิกเถอะซ้อขอเตือน หาคนเกาะคนใหม่ดีกว่า หนามต้นงิ้วมันแหลมนะเออ’

อยู่ๆ เพจกอสซิปวงการบันเทิงชื่อดังก็ออกมาแฉคนๆ หนึ่งที่ว่ากันว่าเป็นนักลงทุนของซีรีส์วายที่กำลังดังอยู่ในขณะนี้ มีลูกเพจวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนักเพราะเป็นเรื่องของนักลงทุนซึ่งเป็นเบื้องหลังไม่ใช่ดาราดังที่ทุกคนรู้จัก ที่คนสนใจกันจะเป็นเรื่องของไฮโซชื่อดังที่มีลูกมีเมียแล้วมากกว่าว่าหมายถึงใคร

คุณานนท์กำลังเป็นนักลงทุนเนื้อหอมที่ผู้จัดละครค่ายต่างๆ กำลังให้ความสนใจ เมื่อเกิดข่าวลือแบบนี้ขึ้นมาทำให้พวกเขาชะงักไปบ้าง ไม่ใช่เพราะเชื่อเนื้อหาในข่าวแต่เพราะรู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้หมายถึงมีผู้มีอิทธิพลในวงการต้องการเล่นงานนักลงทุนหนุ่มหน้าใหม่คนนี้ วงการบันเทิงไทยไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากพอรู้กันอยู่ว่าใครเป็นพวกใคร ค่ายละครที่มีความสัมพันธ์อันดีกับมายากรุ๊ปจึงเริ่มถอนตัวไป แต่นั่นไม่ได้กระทบกับคนที่เหลือที่ยังต้องการร่วมมือกับหลี่คุน

หลี่คุนเองก็ไม่ได้ให้ค่าอะไรกับเรื่องนี้ เขาผ่านประสบการณ์เรื่องการโจมตีกันทางโซเชียลมาหลายครั้งหลายคราแล้ว วาจาดั่งผายลมพวกนี้มาแล้วก็ไป เขาไม่ได้เป็นดาราที่ต้องมานั่งแก้ข่าวด้วยซ้ำ ใครจะถอนตัวไปเพราะเหตุนี้เขาก็ถือว่าไม่เป็นมืออาชีพพอที่เขาจะทำธุรกิจด้วย

ในบรรดาโครงการที่นำมาเสนอให้เขามีละครฟอร์มใหญ่ที่น่าสนใจอยู่บ้าง แต่ด้วยเงินลงทุนที่สูงทำให้ความคุ้มค่าไม่น่าจะเท่ากับพวกละครวายที่เคยลงทุน หลี่คุนจำได้ว่าจางอี้หลงสนใจที่จะเข้าธุรกิจบันเทิงจีนมาโดยตลอดแต่ยังเข้าไม่ได้เพราะการแข่งขันที่สูงจึงส่งข้อเสนอนี้ไปให้ดูจางอี้หลงสนใจมาก เขามองว่าธุรกิจบันเทิงไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีในตลาดโลกแม้กระทั่งที่จีนเอง ทั้งคู่นัดแนะกันว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงใหญ่ของวงการบันเทิงไทยที่จัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างค่ายบันเทิงผู้สร้างนักแสดงตลอดไปจนถึงสปอนเซอร์และนักลงทุนที่กำลังจะมีขึ้น

เมื่อถึงวันงาน หลี่คุนและจางอี้หลงที่ได้รับบัตรเชิญจากโควต้าของต้นสังกัดซีรีส์นิโคตินก็ได้ไปถึงโรงแรมสุดหรูที่จัดงานด้วยรถบัส นักข่าวที่รอถ่ายรูปอยู่ด้านนอกถึงกับงงไปตามๆ กัน ที่ผ่านมาดาราและคนในวงการต่างใช้พาหนะที่โดดเด่นในการเรียกความสนใจจากพื้นที่สื่อ รถสปอร์ตตัวท็อป รถลีมูซีนคันหรู รถยนต์โบราณหายาก มอเตอร์ไซค์ไฮโซคันโต ไปจนถึงรถแฮมเมอร์ทหารหน้าตาดุดัน แต่ไม่เคยมีใครมางานแบบนี้ด้วยรถบัสคันใหญ่มาก่อน แต่เมื่อเห็นใบหน้าไม่คุ้นตาของชายหนุ่มต่างรุ่นสามคนที่ลงจากรถคันดังกล่าวนักข่าวก็หมดความสนใจ แม้ทั้งสามคนจะมีหน้าตาและบุคลิกดีที่ดีมากแต่วงการบันเทิงไม่เคยขาดแคลนคนเช่นนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าคงเป็นแค่ดาราหางแถวสองสามคนที่โชคดีได้มาร่วมงานใหญ่เช่นนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง

“พี่คุน งานใหญ่มว๊ากกก ดาราเต็มไปหมดเลย”

ซูกัสในชุดสูทสีขาวผูกหูกระต่ายสีแดงทำให้ดูหล่อน่ารักมากหันไปหันมาอย่างตื่นเต้น ส่วนอีกสองหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำเชิ้ร์ตตัวในสีขาวเรียบๆ ไม่ได้เน้นแฟชั่นสะดุดตาเหมือนคนในวงการบันเทิงแต่ก็ดูดีด้วยรูปลักษณ์ของคนใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่คุนที่ปกติจะใส่แต่สีขาวพอมาสวมชุดสีดำยิ่งขับผิวที่ขาวใสไร้ตำหนิออกมาเหมือนจะเรืองแสงได้

“ใจเย็นๆ ซูเอ๋อร์ เพียงแค่คนมากสักหน่อย ไม่เห็นต้องตื่นเต้นอย่างนี้เลย”

หลี่คุนไม่ได้มีอาการอะไร ด้วยฐานะผู้นำตระกูลหลี่ในชาติก่อน งานเลี้ยงใหญ่โตแบบไหนล่ะที่เขาไม่เคยผ่าน จางอี้หลงก็เช่นเดียวกัน ประสบการณ์ที่เขาเข้าสู่วงการธุรกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้งานเลี้ยงเช่นนี้ไม่นับเป็นอะไรได้

ด้วยรูปแบบของงานคอกเทลทำให้การพบปะสร้างสัมพันธ์ทำได้อย่างคล่องตัว หลี่คุนพาจางอี้หลงไปแนะนำตัวกับผู้บริหารค่ายต้นสังกัดของซีรีส์วายสามเรื่องที่เขาร่วมลงทุนด้วย อีกฝ่ายดูจะประทับใจกับท่าทางแบบนักธุรกิจผู้คร่ำหวอดที่แผ่ออกมาอย่างปิดไม่มิดใครๆ ก็ทราบว่าประเทศจีนมีทุนมหาศาลขนาดไหน แต่ปัญหาด้านการสื่อสารและความเข้าใจในแนวคิดวัฒนธรรมยังเป็นอุปสรรคอยู่มากสำหรับการร่วมมือกันในธุรกิจบันเทิง การได้พบกับนักธุรกิจจีนลูกครึ่งที่พูดไทยและเข้าใจคนไทยอย่างจางอี้หลงจึงเป็นโอกาสอันดีในอนาคต

ค่ายละครอื่นๆ ก็คิดอย่างเดียวกัน ตอนแรกพวกเขาสนใจขี้ผึ้งจักรพรรดิของหลี่คุนที่จะช่วยเสริมสภาพผิวพรรณของนักแสดงในเรื่องอย่างที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะสิ่งนี้ทำให้ภาพที่ออกมาเวลาซูมหน้านักแสดงใกล้ๆ ต่างกันราวฟ้ากับเหว เหล่าดาราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ หากหลี่คุนรับปากลงทุนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหานักแสดงดีๆ มาร่วมงานไม่ได้ ยิ่งในคืนนี้หลี่คุนมาพร้อมกับนักธุรกิจจีนที่ดูจะมีทุนหนาอย่างแท้จริง ทำให้กลุ่มเล็กๆ ของหลี่คุนถูกรุมล้อมด้วยผู้บริหารของค่ายละครต่างๆ ที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้

ซูกัสเริ่มรู้สึกว่าเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันจะน่าเบื่อมากขึ้นทุกทีจึงขอตัวออกไปหาอะไรทาน หลี่คุนกับจางอี้หลงคุยต่อกับคนอีกหลายคนทั้งแลกเปลี่ยนนามบัตรทั้งฟังไอเดียโครงการจนแทบจะหูชา เมื่อได้จังหวะทั้งคู่ก็ปลีกตัวมาอีกมุมเพื่อจะพักเหนื่อยก่อน จางอี้หลงโบกมือเรียกบริการที่ถือถาดเครื่องดื่มเดินเฉียดมา มีแก้วทรงสูงบรรจุเครื่องดื่มสีเหลืองอ่อนใสมีฟองเกาะดูสวยงามเหลือเพียงสามแก้ว จางอี้หลงหยิบมาส่งให้หลี่คุนหนึ่งใบแล้วจึงหยิบให้ตัวเองด้วย

“แชมเปญก็ดีเหมือนกันนะ ไม่แรงมาก เหมาะกับงานเลี้ยงแบบนี้”

หลี่คุนรู้สึกสนใจขึ้นมา นี่หรือคือสุรามีฟองที่มาของชื่อเพื่อนซูเอ๋อร์ เขาดมกลิ่นและลิ้มลองรสชาติเล็กน้อย มีความคล้ายกับสุราที่หมักจากองุ่นของชาวปอสืออยู่บ้าง ด้วยความคอแห้งเขาจึงดื่มต่ออีกครึ่งค่อนแก้ว รสออกเปรี้ยวเล็กน้อยทำให้สดชื่นฟองก็นุ่มไม่บาดคอ เขาจิบต่ออีกเล็กน้อยเพื่อวิเคราะห์รสชาติ เห็นอีกทีจางอี้หลงก็ดื่มของตัวเองหมดแก้วแล้ว

“เอาอีกแก้วไหมครับน้องคุน”

“ไม่เอาดีกว่าพี่ ทีแรกก็อร่อยดีนะ แต่เหมือนออกเค็มๆ ตอนปลายๆ ไม่ค่อยชอบ”

“อ้าวเหรอ พี่ยกทีเดียวหมดแก้วเลยคอแห้งจัด”

จางอี้หลงรับแก้วที่ยังมีเครื่องดื่มเหลืออยู่บางส่วนจากหลี่คุนมาดื่มจนหมดอย่างไม่รังเกียจ เขาชูแก้วเปล่าในมือขึ้น บริกรที่ถือถาดเครื่องดื่มอยู่บริเวณนั้นปรี่เข้ามาทันที แต่เมื่อเกือบถึงตัวชายหนุ่มทั้งสอง บริกรหนุ่มกลับเซถลาเข้ามาทำให้ไวน์แดงสีเข้มในถาดกระฉอกรดเสื้อของจางอี้หลงเข้าอย่างจังในขณะที่หลี่คุนใช้ท่าเท้าท่องคลื่นหลบหลีกไปได้ แต่ไม่คาดว่าบริกรอีกคนที่วิ่งจากจุดไหนไม่รู้พยายามเข้ามาช่วยจะสะดุดเข้าอย่างจังจนสาดไวน์ที่ถืออยู่กระจายทั่วบริเวณ แม้แต่หลี่คุนที่มีท่าร่างพลิกพริ้วยังไม่สามารถหลบพ้นได้

แววตาคมปลาบของหลี่คุนฉายแววดุดันออกมา บ่าวไพร่ไม่รู้ความเช่นนี้ต้องถูกโบยตีจนลุกไม่ขึ้นอยู่หลายวันแน่ บริกรทั้งคู่ถูกสายตาทรงอำนาจของหลี่คุนสะกดไว้รู้สึกตัวสั่นอย่างบอกไม่ถูก หันไปอีกทางก็เหมือนจะมีรังสีกดดันอีกแบบแพร่ออกมาจากชายร่างใหญ่ข้างๆ

“ขออภัยด้วยครับคุณท่าน ขออภัยจริงๆ”

“คุณท่านเลอะไวน์ไปทั้งตัวแล้ว ออกไปทำความสะอาดก่อนเถอะครับ ทางเราจะช่วยดูแลให้เต็มที่”

บริกรทั้งคู่ยกมือไหว้ขอโทษด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มที่จนอารมณ์หลี่คุนเริ่มอ่อนลงเล็กน้อยเขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบสั่งลงโทษอะไรพร่ำเพรื่อ เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่ในยุคที่มีข้าทาสบ่าวไพร่อีกแล้วใครทำความผิดอะไรก็แก้ไขชดใช้กันไป ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาโบยตีกัน

“คุณท่านทั้งสองตามผมมาทางนี้ครับ ทางโรงแรมมีเตรียมห้องไว้สำหรับแขกอยู่ ท่านเข้าไปทำความสะอาดตัวได้ เรามีเสื้อเชิ้ตให้เปลี่ยน สูทตัวเดิมเป่าให้แห้งหน่อยน่าจะยังใช้ได้ ส่วนตัวที่เลอะเราจะซักรีดแล้วส่งกลับไปให้ภายหลังนะครับ”

หลี่คุนรู้สึกว่ากลิ่นไวน์แดงที่หกตามเสื้อทำให้รู้สึกมึนหัวขึ้นมาเล็กน้อยก็ดึงจางอี้หลงให้เดินตามบริกรทั้งสองไป หลังจากเดินลัดเลาะออกทางประตูหลังของห้องจัดงานชั่วครู่ ก็มาถึงห้องที่ดูเหมือนห้องพักตามโรงแรมทั่วไปที่มีห้องน้ำในตัว

“เชิญตามสบายเลยนะครับคุณท่าน ต้องขออภัยจริงๆ ถ้ายังไงช่วยถอดสูทกับเสื้อเชิ้ตให้เลยได้ไหมครับ สวมเสื้อคลุมอาบน้ำตรงนั้นไว้ก่อนก็ได้ เราจะเอาสูทไปเป่าแห้งแล้วกลับมาพร้อมกับเชิ้ตตัวใหม่ รับรองไม่เกินสิบห้านาทีครับ”

แววตาซื่อๆ ของบริกรทั้งสองบ่งบอกว่าอยากจะแก้ไขปัญหาที่ตัวเองทำขึ้นให้ดีที่สุด หลี่คุนรีบเข้าไปเปลี่ยนถอดเสื้อผ้าในห้องน้ำ ส่วนจางอี้หลงดูเหมือนจะหลบมุมถอดเสื้อออกตรงในห้องเลย พอหลี่คุนออกจากห้องน้ำก็ส่งเสื้อที่เปื้อนไวน์ให้กับบริกรที่ยืนรออยู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะยกมือไหว้อย่างสุภาพแล้วออกจากห้องไป

แม้จะเช็ดเนื้อเช็ดตัวจนแทบไม่เหลือกลิ่นไวน์แล้วแต่อาการมึนๆ ของหลี่คุนก็ยังคงอยู่ เขาหันไปหาจางอี้หลงก็เห็นอีกฝ่ายนอนแผ่ไปบนเตียงทั้งๆ ยังเปลือยท่อนบนอยู่ หลี่คุนรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง เขารีบโคจรพลังให้หมุนวนทั่วร่างแต่ปรากฏว่าเกิดความติดขัดอย่างไม่ทราบสาเหตุ

โอสถพิษ!!!

หลี่คุนรีบตรวจสอบอาการของจางอี้หลงก็พบว่าอยู่ในอาการสะลึมสะลือที่ไม่คล้ายว่าเมาสุราลมหายใจถี่ๆ ที่เริ่มติดขัดบอกว่าอีกฝ่ายก็ถูกพิษจนอาการหนักกว่าเขาเสียอีก

เป็นพิษเยี่ยงใด!!!

หลี่คุนมองหาโทรศัพท์เพื่อจะติดต่อองครักษ์เงาแต่มันไม่อยู่ที่ๆ เขาวางไว้เสียแล้ว เขากวาดตาดูรอบห้องและค้นในกระเป๋ากางเกงของจางอี้หลงที่เริ่มไม่ได้สติก็ไม่พบโทรศัพท์ของอีกฝ่ายเช่นกัน หลี่คุนฝืนความรู้สึกมึนงงที่มากขึ้นทุกทีเคลื่อนกายไปที่ประตูทันที แต่เขาไม่สามารถเปิดออกไปได้เหมือนถูกล็อคจากข้างนอก เขาทุบมันดังๆ อยู่หลายทีแต่ก็ไม่มีสัญญาณว่าจะมีคนด้านนอกสนใจ ยามนี้ร่างกายเขาอ่อนแรงเกินกว่าจะทะลวงออกไปโดยใช้กำลังได้

หลี่คุนรู้ว่าผิดท่าแล้ว เขารีบนั่งสมาธิตรงหน้าประตูแล้วโคจรพลังไล่พิษทันที ไม่นานเขาก็พบว่าพิษน่ารังเกียจนี้ไม่คล้ายกับพิษใดในหนึ่งพันตำหรับที่เขาเชี่ยวชาญแม้แต่น้อย อาการมึนงงสะลึมสะลือจนสติขาดความยั้งคิดที่เพิ่มขึ้นทุกทีทำให้เขารู้ว่าต้านมันไม่อยู่ หลี่คุนรีดเค้นกำลังภายในมาใช้อย่างเต็มที่ เขาเปิดช่องลมปราณที่มีทั้งหมดแล้วหมุนวนกำลังภายในอย่างบ้าคลั่งเพื่อเร่งการกำจัดสิ่งแปลกปลอมตามธรรมชาติของร่างกาย วิธีการนี้ได้ผลอยู่บ้าง หลี่คุนประคองสติตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง แต่หากจะกำจัดพิษนี้ออกไปอย่างสิ้นเชิง เกรงว่าระดับขั้นของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ

ประสาทหูผู้ฝึกยุทธ์ของหลี่คุนจับเสียงสนทนาเบาๆ จากด้านนอกประตูได้

“เราเข้าไปได้หรือยังว่ะ”

“ถ้าจะให้ชัวร์ต้องน่าจะต้องรออีกซักสิบนาที ไอ้ยามอมสาวเสียสาวอะไรนี่ช่วงที่ยังไม่หลับ คนที่โดนจะมีอารมณ์แบบยาปลุก กูไม่อยากเปิดเข้าไปเห็นพวกเกย์แม่งเอากันอยู่”

“แต่กูใส่ไปเกือบสองเท่าเลยนะ ป่านนี้คงไม่ได้สติกันหมดแล้ว”

“ใส่มากขนาดนั้นเดี๋ยวก็ตายห่ากันพอดีหรอก รอก่อนแล้วกัน ยังไงแม่งก็หนีไปไหนไม่ได้ เดี๋ยวเราค่อยเข้าไปจัดฉากถ่ายรูปส่งให้นาย”

“แล้วเด็กที่มาด้วยอีกคนล่ะ”

“นายไม่ได้สั่งไว้ เอาไงดีวะ หรือจะจัดการไปพร้อมกันทีเดียว”

“เอาทางนี้ให้เสร็จก่อนแล้วกัน เด็กนั่นอยู่ในงานไม่หนีไปไหนหรอก หน้าตาไม่เลว ค่อยวางยาแบล็คเมล์บังคับให้เซ็นสัญญาทาสเป็นนักแสดงในสังกัดของนายน่าจะดี”

ฟังมาถึงตรงนี้หลี่คุนก็ใช้กำลังภายในที่สะสมไว้จนหมด เขารู้สึกดีขึ้นบ้างแต่ก็รู้ว่ามันเป็นแค่ชั่วคราว เขาไม่มีทางรอดจากสถานการณ์นี้เพื่อไปช่วยซูเอ๋อร์และจางอี้หลงได้ถ้าไม่บรรลุถึงขั้นสี่ของเคล็ดวิชาบุปผาเร้นวารี

หลี่คุนทั้งปลอบทั้งขู่ซูเอ๋อร์มาก่อนหน้านี้จนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในคืนที่น่าจะทำให้น้องชายบรรลุขั้นสี่ได้ก่อนเขา ตอนนี้เขาไม่สามารถปล่อยตัวเองให้ลังเลได้อีกแล้ว

หลี่คุนประคองตัวลุกขึ้นไปยืนต่อหน้าจางอี้หลงที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง เขาประสานมือคารวะไปที่ชายหนุ่มก่อนจะเปล่งวาจาออกมาอย่างตั้งใจและหนักแน่น

“ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าหลี่คุนประมุขรุ่นที่ยี่สิบเอ็ดของตระกูลหลี่แห่งฉางอัน มีความจำเป็นที่จะต้องหยิบยืมพลังหยางจากคุณชายจางอี้หลง ข้าหาได้มีเจตนาหมิ่นเกียรติของคุณชายจางแม้แต่น้อย การใดที่ข้าจะกระทำต่อไปนี้อาจจะดูล่วงเกินไปบ้างแต่ก็ทำไปเพื่อพิทักษ์ความปลอดภัยของทุกคน ภายหน้าข้าจักมอบฐานะที่เหมาะสมให้กับคุณชายจางอย่างแน่นอน”

หลี่คุนใช้เวลาเพียงเล็กน้อยก็ปลดเปลื้องอาภรณ์ที่เหลือของคนตรงหน้าออกจนหมด พี่ชายท่านนี้ช่างได้รับพรฟ้าประทานไปทุกส่วนจริงๆ เขาใช้สองมือปลุกปล้ำอยู่เพียงครู่เดียวแท่งหยกเย็นก็กลายเป็นหยกอุ่นร้อนผ่าว ความรู้สึกแปลกๆ คล้ายอารมณ์วาบหวามระหว่างชายหญิงเกิดขึ้นในใจ มิรู้ว่าเป็นอาการของยาหรือว่าอย่างไร เพ่งดูอีกครั้งความอหังการ์ที่อยู่เบื้องหน้ายากจะรับได้อยู่บ้าง หลี่คุนเปิดช่องลมอ้าปากกว้างเปล่งเสียงออกมาในเคล็ดวิชาราชสีห์คำรามโดยไม่ใส่กำลังภายใน หลังจากผ่านไปสามครั้งสามคราเขาก็มั่นใจว่าขากรรไกรของตัวเองได้รับการขยายอย่างเต็มที่แล้ว หลี่คุนก้มหน้าลงด้วยความเด็ดเดี่ยวอย่างทหารที่พร้อมออกศึก หลังจากนั้นสายตาของเขาก็เสไปจับจ้องอยู่ที่โคมไฟหัวเตียงปล่อยให้ความรู้สึกในปากและลำคอนำทางไป

………

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #133 เมื่อ19-07-2020 07:32:31 »

-46- [ต่อ]

ในเวลาไม่เร็วไม่ช้านักแสดงตัวประกอบมากฝีมือสองคนในคราบบริกรก็ไขกุญแจเข้ามาในห้อง พวกเขาแปลกใจอยู่บ้างที่ได้กลิ่นหอมสดชื่นอันคุ้นเคยอบอวลอยู่

“กลิ่นอะไรวะ”

“กลิ่นมิ้นท์ๆ เหมือนยาสี..”

ชายหนุ่มคนหลังหยุดพูดไปเฉยๆ เขาเกิดอาการเย็บวาบไปทั้งตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ มันคืออาการกลัว คล้ายกับความทรงจำในวัยเด็กที่เคยถูกเสือในสวนสัตว์คำรามใส่

ในวินาทีถัดมาเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกดาบฟาดฟันจนร่างกายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาขาสั่นจนลงไปนั่งกับพื้นแล้วก็ขยับตัวไม่ได้อีกเลย เพื่อนที่มาด้วยกันดูเหมือนจะทรุดตัวไปก่อนหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ

ร่างๆ หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาใกล้สร้างความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวราวกับการคืบคลานของมัจจุราชเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง ได้แต่ปล่อยให้ร่างกายตัวเองถูกค้นจนโทรศัพท์ที่แอบหยิบมาถูกนำกลับคืนไป

หลี่คุนมองบริกรปลอมสองคนที่ตัวสั่นอยู่กับพื้นราวกับเศษสวะ พลังระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นกลางที่ได้จากการทะลวงขั้นสี่ของเคล็ดวิชาบุปผาเร้นวารีมันต่างจากขอบเขตขั้นสามมากจริงๆ เพียงแค่จิตสังหารก็ทำเอาพวกมันหมดสภาพถึงเพียงนี้ นับว่าเขาเป็นหนี้วารีพิสุทธิ์อันเต็มไปด้วยพลังหยางของพี่อี้หลงจริงๆ

หลี่คุนรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาซูเอ๋อร์เพื่อยืนยันความปลอดภัยตามด้วยการติดต่อไปที่องครักษ์เงาเพื่อสั่งความหลายอย่าง ชุดแรกรีบไปประกบดูแลความปลอดภัยให้ซูกัส ชุดที่สองให้กลับไปเอาสิ่งของบางอย่างมาส่ง

ในระหว่างที่รอหลี่คุนก็ถ่ายกำลังภายในบุปผาเร้นวารีขั้นสี่ชักนำการโคจรลมปราณในร่างของจางอี้หลงเพื่อขับพิษออก บัดนี้เขามีความเข้าใจในโอสถพิษยุคใหม่ตัวนี้ขึ้นมาไม่น้อย นี่คล้ายว่าจะเป็นผงกำหนัดผสมกับผงนิทรา เพียงสรรพคุณไม่ว่าจะด้านใดล้วนต่ำต้อยเทียบไม่ได้เลยกับโอสถประเภทเดียวกันในอดีต แถมยังมีผลข้างเคียงที่อันตรายจากฤทธิ์กดประสาท จางอี้หลงที่ดื่มไปมากกว่าเขาโดนพิษหนักจริงๆ ถ้าไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงและพลังฟื้นตัวของผู้ที่เปี่ยมไปด้วยปราณอำนาจเช่นนี้ อาจเกิดอาการหายใจผิดปกติอย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตไปแล้วก็ได้

ไม่นานหลี่คุนก็ได้รับถุงโอสถและสิ่งของอื่นที่ต้องการจากองครักษ์เงาพร้อมๆ กับที่จางอี้หลงได้สติขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้นครับน้องคุน ทำไมพี่มานอนอยู่ตรงนี้”

หลี่คุนชี้ไปทางบริกรปลอมที่ถูกทัณฑ์ทรมานเค้นความลับจนนอนหายใจรวยรินอยู่กับพื้น

“มีคนวางยาครับ สองคนที่กองอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ พี่ทานสมุนไพรฟื้นกำลังตัวนี้ก่อนแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยครับ”

จางอี้หลงตาลุกวาวไปด้วยความโกรธ เขาไม่ได้ระวังตัวกับเรื่องแบบนี้เช่นทุกทีเพราะเห็นว่าเป็นงานเลี้ยงในไทยซึ่งไม่มีใครรู้จักเขา

“พวกไหนที่กล้าขนาดนี้ น้องคุนไม่ได้ถูกมอมไปด้วยใช่ไหม ไม่งั้นพี่เอาพวกมันตายแน่”

“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังครับ เราต้องรีบกลับเข้างานก่อน ไฮไลต์ในงานกำลังจะเริ่มแล้ว ทางนี้ผมให้คนของสำนักคุ้มกันจัดการต่อเอง”

หลี่คุนหยิบชุดสำรองที่องครักษ์เงาเตรียมมาส่งให้กับอีกฝ่าย ไม่นานทั้งคู่ก็กลับเข้าไปปรากฎตัวที่งานในสภาพหล่อเหลาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บนเวทีกำลังเป็นช่วงที่สปอนเซอร์หลักของงานซึ่งเป็นค่ายละครใหญ่สามสี่บริษัทสลับกันมานำเสนอโปรเจ็คที่อยู่ในแผนงานปีหน้าของตัวเอง และค่ายยักษ์ใหญ่อย่างมายากรุ๊ปก็เป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอยในฐานะผู้กำหนดกระแสหลักของวงการละครไทย ภาคินผู้กุมบังเหียนคนต่อไปของมายากรุ๊ปเป็นคนขึ้นไปนำเสนอด้วยตัวเอง เขาอยู่ในชุดสูทพอดีตัวที่เสริมบุคลิกให้ดูดีสมกับเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ ท่าทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในระหว่างที่พูดทำให้หญิงสาวในห้องหลายคนส่งสายตาให้ด้วยความชื่นชม

หลี่คุนกลับมองคนบนเวทีด้วยสายตาที่ต่างกันออกไป ข้อมูลที่องครักษ์เงาสืบมาได้ก่อนหน้านี้ตรงกันกับที่เขาใช้ทัณฑ์ทรมานบีบคั้นเอาจากคนร้ายวางยา นายน้อยของมายากรุ๊ปคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด เรื่องการกลั่นแกล้งทีมนักแสดงกาเฟอีนกับการออกข่าวนินทาเสียหายในอินเตอร์เน็ตยังพอมองได้ว่าเป็นการขัดขากันทางธุรกิจ แต่การวางยาในคืนนี้มันคือการแตะเกล็ดย้อนมังกรของเขาโดยแท้ 

หลี่คุนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ถูกทำน้ำชาหกใส่กลางงานเลี้ยงชมบุปผา จากนั้นต้องตามบ่าวไพร่แปลกหน้าของเจ้าภาพไปยังเรือนห่างไกลเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยมิรู้ว่ามีบุรุษเสเพลผู้หนึ่งเร้นกายอยู่เพื่อทำลายชื่อเสียงของนางตามที่ได้ถูกว่าจ้างมา อุบายเช่นนี้ปรากฎอยู่ในงิ้วหลายเรื่องตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง จนถึงยุคราชวงค์หมิงของหลี่คุนนักประพันธ์ก็มิใคร่จะผูกเรื่องให้มีฉากซ้ำซากโง่งมเยี่ยงนี้อีกแล้ว ไม่คาดว่าเวลาผ่านมาถึงหลายร้อยปีจะยังมีผู้ใช้อุบายสิ้นคิดนี้ออกมาจริงๆ ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือเขาผู้เป็นถึงผู้นำของตระกูลหลี่แห่งฉางอันกลับตกลงไปในกับดักอันตื้นเขินนี้เสียได้ ความน่าอับอายใหญ่หลวงเช่นนี้หากมิได้ระบายความแค้นออกมาเขาจะหลับตาลงในยามค่ำคืนได้อย่างไร

ลูกเต่าบัดซบ กล้าสั่งวางยากำหนัดชั้นต่ำกับเซียนโอสถเช่นบิดา บิดาจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย

ภาคินที่ยืนโดดเด่นอยู่บนเวทีกำลังเปิดตัวโปรเจ็คละครของมายากรุ๊ปสำหรับปีหน้ามากมายหลายเรื่อง ไล่ตั้งแต่ละครรีเมกเรื่องดังที่วนเวียนสร้างกันมาเกือบสิบรอบอันเป็นการรับประกันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ตามด้วยละครสะท้อนปัญหาครอบครัวที่เข้มข้นด้วยฉากริษยาอาฆาตเชือดเฉือนฝีปากตบตีแย่งผัวแย่งเมียตลอดทั้งเรื่อง อีกเรื่องเป็นละครซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่นางเอกติดหนวดปลอมตัวเป็นผู้ชายเข้าไปอยู่ใต้จมูกพระเอกอย่างชวนลุ้นระทึกในการเอาตัวรอดไม่ให้ถูกจับได้ ต่อด้วยพล๊อตเรื่องของนางเอกผู้แสนรันทดที่วิญญาณหลุดออกจากร่างเดินทางข้ามเวลาไปเข้าร่างใหม่ในอดีตแล้วสร้างเรื่องสร้างราวต่าง ๆ จนได้พบรักหวานชื่นกับพระเอก

แขกในงานปรบมือแสดงความชื่นชมต่อละครเรื่องแล้วเรื่องเล่าของมายากรุ๊ปตามมรรยาทแต่ในใจหลายคนเบื่อหน่ายสิ้นดี เป็นสิบปีแล้วก็ไม่มีอะไรใหม่ อาศัยอิทธิพลเบียดบังช่วงเวลาออกอากาศของละครดีๆ ไปตั้งเท่าไหร่ ไม่รู้ที่เรตติ้งยังพอไปได้เพราะคนดูก็ไม่รู้จะหนีไปช่องไหนหรือเปล่า ใครใช้ให้มายากรุ๊ปครอบครองทั้งดาราทั้งทีมงานเบื้องหลังดีๆ ไว้แทบจะคนเดียว ไม่แปลกที่คนรุ่นใหม่ถึงได้หันไปหาสื่อบันเทิงและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีความหลากหลายกว่าแทน

ธุรกิจละครไม่เพียงแต่จะทำเงินได้มากแต่ยังสร้างอำนาจและความสุขให้ภาคินไม่รู้จบ ดาราสาวสวยมีชื่อเสียงมาจากไหนก็ต้องคอยออดอ้อนเอาใจเขาถ้าอยากได้บทดีๆ ไฮโซชั้นสูงหรือนักธุรกิจต่างอยากคบค้าสมาคมกับเขาเพื่อเข้าถึงชื่อเสียงในวงการ ระหว่างที่นำเสนอผลงานแต่ละเรื่องอย่างภูมิใจ เขารู้สึกเย็นวาบราวกับมีสายตาอำมหิตจ้องมองมาจากด้านล่างเวที แต่ด้วยแสงสปอร์ตไลท์เจิดจ้าทำให้ไม่รู้ว่ามันมาจากใคร ในเสี้ยววินาทีนั้นมีบางอย่างขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวลอยเข้าปากเขาไป การนำเสนอของภาคินชะงักไปเล็กน้อย แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพทำให้เขาพูดต่อได้โดยไม่ติดขัด สิ่งนั้นคล้ายจะละลายเหลือเพียงกลิ่นหอมรัญจวนอบอวลอยู่ในปาก

ภาคินกำลังพูดถึงเรื่องสุดท้ายซึ่งเป็นไฮไลต์ของมายากรุ๊ปในปีหน้า ละครวัยรุ่นเอาใจตลาดเรื่องนี้สร้างความแปลกใหม่ด้วยพล๊อตแนวฮาเร็มที่รวบรวมดารานักแสดงเพศหญิงหน้าตาดีอายุน้อยที่ล้วนแต่เป็นลูกผสมลูกครึ่งหรือลูกเสี้ยวถึงสิบกว่าคนไว้ได้ในเรื่องเดียว

“เรื่องนี้เป็นเดบิวต์ของนักแสดงสาวหน้าใหม่หลายคนเลยครับ นมใหญ่ๆ กันทั้งนั้น”

ภาคินแนะนำดาราในเรื่องกับผู้ชมโดยไม่รู้ว่าตัวเองได้หลุดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปแล้ว

“คนนี้ลูกครึ่ง จุกสีชมพูเลย ซี๊ดมาก”

ครั้งแรกผู้เข้าร่วมงานยังนึกว่าตัวเองฟังผิด แต่เมื่อคำพูดจาบจ้วงไม่ให้เกียรตินักแสดงเพศแม่หลุดออกมาอีกครั้งก็รู้ว่าไม่ได้หูฝาดกันแน่

“ยังไม่ทันเปิดกล้องจริง ตัวพ่ออย่างผมก็ฟาดไปสองคนแล้ว กำลังอ่อนๆ สิบแปดสิบเก้า กว่าจะถ่ายทำจบน่าจะครบคนพอดี”

จากแสงไฟสว่างจ้าบนเวทีทำให้ทุกคนเห็นถนัดตาว่ายิ่งพูดเป้ากางเกงทรงฟิตของภาคินก็ยิ่งโป่งพองขึ้นทุกที นอกจากเจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวแล้วยังเอามือไปบีบๆ ถูๆ ตรงบริเวณนั้นจนนูนใหญ่ขึ้นสร้างความอุจาดตาขึ้นไปอีก ทีมออร์แกนไนเซอร์ที่จัดงานมองหน้ากันเลิกลั่กว่าจะจัดการอย่างไรดี

“เสียวโว้ย”

มือที่ลูบๆ คลำๆ อยู่ข้างนอกตอนนี้เข้าไปขยุกขยิกอยู่ด้านในกางเกงอย่างน่าบัดสี ทีมงานผู้ชายสามสี่คนวิ่งขึ้นไปบนเวทีฉุดกระชากตัวคนกลับไปทางด้านข้างเพื่อหลบเข้าไปหลังเวที เสียงดนตรีบรรเลงดังกระหึ่มเพื่อกลบเกลื่อนความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงโวยวายอย่างตกใจในพฤติกรรมอนาจารของภาคินที่เกิดขึ้นหลังเวทีดังแทรกขึ้นมา

หลี่คุนยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจใจ นี่สิถึงจะเป็นผงกำหนัดชั้นเลิศที่มอมเมาได้ทั้งร่างกายและจิตใจแม้แต่ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูง มิเสียแรงที่ได้ทำออกมาเพื่อลองทบทวนวิชาเมื่อสองเดือนก่อน นี่ถ้าทำลายทิ้งไปตามที่ตั้งใจไว้เดิมคงไม่สามารถล้างอายได้ทันใจเยี่ยงนี้แน่

ผู้บริหารที่เหลือของมายากรุ๊ปมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจแทบสิ้นสติ ทุกคนย่อมรู้ถึงพฤติกรรมสำส่อนใช้อิทธิพลแลกเปลี่ยนหรือบีบบังคับดาราสาวๆ มาเป็นคู่นอนของนายน้อยมาไม่มากก็น้อย โชคดีที่ภาคินไม่ได้ชอบกินในที่ลับไขในที่แจ้งประกอบกับเส้นสายที่ไม่ธรรมดาของมายากรุ๊ปทำให้รอดพ้นจากการซุบซิบนินทาและข่าวหลุดต่างๆ ไปได้ แต่วันนี้มีนักข่าวมาร่วมงานไม่น้อยคงปิดไม่ได้อีกต่อไป ในฐานะที่เป็นทั้งบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทผลิตสื่อบันเทิงระดับแนวหน้า เกิดเรื่องอื้อฉาวจนชื่อเสียงย่ำแย่เช่นนี้ต้องส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างแน่นอน

หลังจากวันนั้นมายากรุ๊ปก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นทันที ภาคินออกมาขอโทษอย่างน่าสงสารว่าพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่แสดงออกไปเกิดจากอาการสมองมึนงงเนื่องจากการทานยาแก้แพ้หลายชนิด เขามีอาการแพ้อากาศอย่างหนักแต่ต้องขึ้นเวทีงานใหญ่เมื่อคืนจึงอัดยาจนเบลอ คำพูดและอาการตื่นตัวทางกายที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการออกฤทธิ์ของยาหลายตัวผสมกันทั้งสิ้น

การทำงานอย่างมืออาชีพของบริษัทที่ออกมาชี้แจงทันทีก่อนที่ข่าวฉาวนี้จะแพร่กระจายออกไปวงกว้างเสียอีกทำให้สามารถควบคุมความเสียหายได้ระดับหนึ่ง แต่กระนั้นดาราสาวหลายคนที่มีรายชื่อเป็นนักแสดงในละครวัยรุ่นแนวฮาเร็มเรื่องก็พร้อมใจกันถอนตัวด้วยเหตุผลว่าถูกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

ในขณะที่คนในบริษัทคิดว่านี่เป็นจุดต่ำสุดของภาคินและมายากรุ๊ปแล้ว เรื่องราวโสมมของภาคินที่เคยถูกซุกซ่อนไว้ก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด การล่อลวงหญิงสาวที่อยากเข้าวงการ การจัดปาร์ตี้มั่วยาและเซ็กส์ระหว่างดารากับคนชั้นสูง การติดสินบนพนักงานสถานีโทรทัศน์ เพื่อให้ได้เวลาออกอากาศ ไม่นับอาการที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ทางเพศของตัวเองในที่สาธารณะครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องราวที่ถูกนำมาแฉทั้งชัดเจนทั้งมีเบาะแสเพียงพอให้นักข่าวและชาวเน็ตผู้กระหายจะเป็นพิทักษ์ความยุติธรรมไปสืบต่อได้อย่างง่ายดาย ฝ่ายสื่อสารองค์กรของมายากรุ๊ปต้องทำงานกันยี่สิบสี่ชั่วโมงจนเข้าโรงพยาบาลไปนอนให้น้ำเกลือกันหลายคน

ข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังในวงการบันเทิงเช่นนี้มิใช่จะได้มาง่ายๆ แต่ตอนนี้ดาราไม่รู้กี่คนล้วนใช้บริการบอดี้การ์ดจากบริษัทสำนักคุ้มกันของตินด้วยกันทั้งนั้น คนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เคร่งขรึม ไม่พูดมาก ไม่มีท่าทีสอดรู้สอดเห็น ยามไม่มีเรื่องอันใดก็จะทำตัวราวท่อนไม้ท่อนหนึ่งที่คอยระวังภัยให้กับนายจ้าง ดาราส่วนใหญ่จึงไว้ใจเผลอพูดเรื่องลับๆ ออกมาอยู่ตลอด โดยไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดเหล่านี้มีอีกบทบาทเป็นองครักษ์เงาคอยรวบรวมข่าวสารต่างๆ ไปให้ตินซึ่งเป็นหัวหน้ากองกำลัง

ในอีกด้านหนึ่งดารานักร้องที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายคนก็ออกมาประนามและบอยคอทพฤติกรรมน่ารังเกียจของภาคิน คนพวกนี้อยู่ในวงการภาพยนตร์และดนตรีจึงไม่ต้องไว้หน้ามายากรุ๊ปซึ่งมีอิทธิพลแค่ในวงการละคร ปฏิกิริยาของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ฝีมือของหลี่คุน เขาเพียงฝากองครักษ์เงาไปเล่าเรื่องที่คนโฉดพวกนี้คิดจะวางยาซูเอ๋อร์ไปให้บอดี้การ์ดของแฮ็คส์ซึ่งสนิทสนมกันอยู่พอสมควร

แม้เรื่องส่วนใหญ่จะไม่สามารถต่อยอดให้กลายเป็นคดีความใหญ่โตได้ แต่ก็ได้ทำลายชื่อเสียงของภาคินลงอย่างไม่มีชิ้นดี ชายหนุ่มที่ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านได้แต่โทษอารมณ์ทางเพศที่มากล้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาหมกตัวอยู่ในห้องกับตุ๊กตายางเหมือนจริงที่ได้สั่งซื้อด้วยราคาสูงลิ่วมาเพื่อใช้ในช่วงที่ถูกบิดาให้พักงานโดยไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

แต่ด้วยความร่วมมือที่เกิดจากความแค้นของหลี่คุนและแฮ็คส์มีหรือที่ชื่อเสียงของมายากรุ๊ปจะฟื้นคืนมาง่ายๆ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทตกต่ำอย่างน่าใจหาย นี่แสดงให้เห็นว่าสำหรับธุรกิจบันเทิงที่ต้องอาศัยฐานผู้ชมทั้งประเทศแล้ว ชื่อเสียงสำคัญกว่าผลประกอบการที่แท้จริงเสียอีก

จางอี้หลงที่ต้องรีบกลับจีนไปก่อนตั้งแต่หลังเกิดเรื่องโดยไม่ได้มีส่วนร่วมในการแก้แค้นถึงกับคอลมาหาหลี่คุนด้วยเรื่องนี้

“พี่อี้หลง มีอะไรด่วนครับ ปกติเห็นชอบคุยทางข้อความ”

“น้องคุนเห็นราคาหุ้นของมายากรุ๊ปแล้วใช่ไหมครับ”

“ฝีมือผมเองแหละ ขอโทษทีนะครับที่ไม่ค่อยเหลืออะไรให้พี่แก้แค้นแล้ว ทั้งๆ ที่พี่โดนหนักที่สุดแท้ๆ ก็ใครใช้ให้พี่งานยุ่งตลอดเลยล่ะ”

หลี่คุนบอกอย่างภูมิใจในผลงานตัวเอง

“พี่จะคุยเรื่องนี้แหละ น้องคุนช่วยวางมือจากเรื่องนี้ได้ไหมครับ”

“อ้าว ทำไมล่ะพี่ หรือผมยังลงมือได้ไม่โหดพอ พี่จะจัดการเองใช่ไหมครับ ก็ดีครับ ผมจะรอดูว่านักธุรกิจเลือดเย็นอย่างพี่จะใช้วิธีไหน”

ตอนที่หลี่คุนไปดูงานธุรกิจของจางอี้หลงที่เซินเจิ้น เขาก็ทราบว่านอกจากจะลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่ตั้งใหม่แล้ว อีกฝ่ายยังใช้วิธีการซื้อบริษัทที่ผลประกอบการไม่ดีมาในราคาถูกๆแล้วเอามาแยกสินทรัพย์เป็นชิ้นๆ ขายออกไปเพื่อทำกำไรก่อนจะปิดส่วนที่เหลือของบริษัททิ้ง หลี่คุนจึงล้อจางอี้หลงว่าเป็นนักธุรกิจเลือดเย็นอยู่หลายวัน

“ไม่ใช่ครับ คือพี่ว่าราคาหุ้นมายากรุ๊ปมันต่ำไปแล้ว อย่างนี้ไม่ดีเลย”

หลี่คุนสะอึกในใจ ในขณะที่เขาคิดแต่การแก้แค้นจนถึงกับชวนอีกฝ่ายมาร่วมวงด้วย พี่อี้หลงกลับคิดถึงภาพใหญ่กว่านั้น นี่คงจะเป็นห่วงนักลงทุนรายย่อยที่ถือหุ้นของมายากรุ๊ปอยู่สินะว่าราคาหุ้นที่ตกต่ำจะทำให้พวกเขาลำบากขนาดไหน จะว่าไปคนพวกนี้ก็ไม่ได้มีความผิดอันใด หลี่คุนหน้าชาอยู่บ้าง ช่างตรงกับคำกล่าวที่ว่าอย่าใช้ความคิดคนทรามมาประเมินน้ำใจวิญญูชนเสียจริงๆ

“คือว่าพี่กำลังไล่ซื้อหุ้นมายากรุ๊ปในตลาดอยู่นะครับ ขาดอีกก้อนหนึ่งก็จะได้สิทธิ์บางส่วนในการร่วมบริหารกิจการแล้ว แต่พอราคาหุ้นมันต่ำขนาดนี้และบริษัทมีแต่ข่าวแย่ๆ รายย่อยที่ถือหุ้นก้อนใหญ่หน่อยเขาจะมองว่าบริษัทกำลังอยู่ในจุดต่ำสุดและทำใจไม่ได้ที่จะขายออกมา ถ้ามันมีข่าวดีอะไรบ้างให้หุ้นมันขึ้นมาสักยี่สิบสามสิบเปอร์เซ็นต์ พวกนี้จะรีบปล่อยออกมาทันทีเพราะกลัวมันจะลงไปที่จุดต่ำสุดอีก พี่จะไปคอยดักซื้อตอนนั้นเพื่อยึดอำนาจบริหารบางส่วนมาครับ”

พ่อค้าหน้าเลือด!!! คนๆ นี้เป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่กินคนไม่คายกระดูกโดยแท้!!!

######

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #134 เมื่อ19-07-2020 11:39:58 »

โหดออกหน้า กะ โหดหลบใน

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #135 เมื่อ19-07-2020 17:24:40 »

มาจุใจ และสะใจมากๆๆๆ
สนุก ตื่นเต้น น่าติดตาม คอยตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ :pig4:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #136 เมื่อ22-07-2020 23:13:19 »

สนุกมากๆเลย  :o8: พี่เค้าเล่นใหญ่มากเลย ทั้งตึกเลย อมก

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #137 เมื่อ01-08-2020 00:45:54 »

หน้าเลือดทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #138 เมื่อ08-08-2020 14:07:12 »

คู่สร้างคู่สมที่แท้

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #139 เมื่อ08-08-2020 18:15:15 »

มาที่ละตอนก็ได้นะ อยากอ่านต่อแล้วค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
« ตอบ #139 เมื่อ: 08-08-2020 18:15:15 »





ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #140 เมื่อ08-08-2020 19:02:00 »

 :katai5: รออยู่นะคะ คูมคนเขียนนนน  :katai5:

ออฟไลน์ nizxx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #141 เมื่อ18-10-2020 16:43:54 »

อีพี่แฮคไปหลอกล่ออะไรลูกชั้นถึงเลื่อนขั้นเป็นขั้น4คะ น้องคุนงง ต้อง...พี่อี้เลยทีเดียว 55555555555 พี่อี้ก็ลงมือจริงจังสักทีค่า ขอร้องงงงงง

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #142 เมื่อ19-10-2020 00:44:08 »

คิดถึงหลี่คุนแล้วอ๊ะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 41-46] P.5 19/7/2020
«ตอบ #143 เมื่อ08-11-2020 22:32:10 »

คิดถึงพี่คุนจัง

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 47] 21/11/2020
«ตอบ #144 เมื่อ21-11-2020 21:47:53 »

-47-

“พี่อี้หลงดูหุ้นมายากรุ๊ปอยู่เหรอ วันนี้ได้เพิ่มเท่าไหร่ล่ะครับ ใกล้ได้ตามเป้าหรือยัง”

“พี่ดูไปอย่างนั้นเอง ไม่เก็บเพิ่มแล้วล่ะ คงหยุดแค่ที่ยี่สิบสี่เปอร์เซ็นต์ที่ได้ไว้ตั้งแต่เดือนก่อน เหมือนทางโน้นจะรู้ตัวก็เลยเริ่มมาซื้อแข่ง รายย่อยที่อยากขายก็ดูจะขายออกมากันหมดแล้ว ต่อไปคงซื้อได้เพิ่มยาก”

“เสียดายนะพี่ ต้องได้อย่างน้อยยี่สิบห้าเปอร์เซนต์ไม่ใช่เหรอถึงจะใช้อำนาจในฐานะผู้ถือหุ้นได้”

หลี่คุนออกความเห็นตามสิ่งที่ได้รู้มาตอนนักกฎหมายวิเคราะห์โครงสร้างผู้ถือหุ้นของฉางอันโอสถให้ฟัง

“นั่นมันสำหรับบริษัทจำกัดที่มีผู้ถือหุ้นไม่กี่ราย ไม่เหมือนมายากรุ๊ปที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีผู้ถือหุ้นรายเล็กรายน้อยที่ถือทิ้งๆ ไว้อีกตั้งเยอะ พวกนี้เวลาประชุมผู้ถือหุ้นก็ไม่ได้เข้าร่วมหรอก เขาคิดว่าถือหุ้นอยู่นิดเดียวมาก็ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไร ประชุมผู้ถือหุ้นแต่ละครั้ง อย่างเก่งก็มากันแค่แปดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นหุ้นยี่สิบสี่เปอร์เซนต์ของพี่ในวันประชุมจริงคิดเป็นอย่างน้อยก็ยี่สิบหกเปอร์เซนต์ของผู้ที่มาประชุมแล้วนะ ใช้คัดค้านวาระที่สำคัญได้สบาย”

“แต่เราก็ยังเป็นแค่ผู้ถือหุ้น ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารอยู่ดีนี่ครับ”

“ใครบอก พี่จะเอาฐานะผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์คัดค้านการตัดสินใจที่สำคัญบริษัทไปงัดข้อให้ได้ไปนั่งในบอร์ดสักที่หนึ่ง ทีนี้ก็เข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการบริหารงานของมายากรุ๊ปได้ซะที ด้วยข้อมูลและการวิเคราะห์ที่พี่มีอยู่ พี่มั่นใจว่าจะดึงบอร์ดอิสระให้เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารได้แน่ๆ มายากรุ๊ปควรจะเลิกใช้คนในครอบครัวมาบริหารได้แล้ว บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็ควรจะมีการบริหารแบบมืออาชีพจริงๆ”

ในที่สุดจางอี้หลงก็ได้เข้าไปนั่งเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทของมายากรุ๊ปได้จริงๆ หลังจากนั้นเขาก็ใช้ข้อเท็จจริงและการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเฉียบคมโน้มน้าวให้คณะกรรมการอิสระเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลงวิธีบริหารมายากรุ๊ป ความตกต่ำของบริษัททำให้ประธานและกรรมการที่เป็นคนจากตระกูลผู้ถือหุ้นใหญ่ทานไว้ไม่ไหว อันที่จริงพวกเขาก็ทนดูไม่ได้ที่จะเห็นราคาหุ้นของมายากรุ๊ปซึ่งเป็นสินทรัพย์หลักของครอบครัวต้องประสบหายนะเช่นนี้ จนต้องยอมเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ แม้จะแลกมาด้วยอำนาจควบคุมที่ลดลง

ในเวลาไม่นานหลักเกณฑ์การบริหารฉบับใหม่ก็คลอดออกมาและประกาศใช้ทั่วทั้งองค์กรในทันที ผู้ที่ดำรงตำแหน่งบริหารในระดับต่างๆ จะพิจารณาจากฝีมือและผลงานไม่ได้ดูจากความเป็นเครือญาติอีกต่อไป แน่นอนว่าภาคินในฐานะตัวปัญหาก็ถูกปลดไปอย่างรวดเร็ว กระบวนการทำงานต่างๆ ก็ถูกปรับให้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้โดยใช้ระบบไอทีเข้าช่วย ในขณะเดียวกันก็ยังคงความอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานให้กับทีมงานอันเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตสื่อบันเทิง จางอี้หลงซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่โดยไม่มีค่าจ้างจนทำให้หลี่คุนรู้สึกเหนื่อยแทน

“ทำไมพี่ไม่ให้พวกเจ้าของใหญ่เขาเข้ามาทำเองล่ะ ยังไงก็บริษัทเขา ทำอย่างนี้เหมือนพี่ไปช่วยให้เขารวยฟรีๆ เลย”

“คนที่เขาทำอยู่เดิมเห็นไม่ชัดเท่าคนนอกหรอก เขาเคยทำแบบไหนมา เขาก็รู้สึกว่ามันดีอยู่แล้ว อีกอย่างแต่ละคนก็คงมีพวกพ้องของตัวเอง การตัดสินใจต่างๆ มันจะไม่เป็นกลาง ให้คนใหม่อย่างพี่มาทำดีกว่า แล้วก็อย่างที่พี่เคยบอกน้องคุนแหละ บริษัทนี้มีทรัพยากรดีๆ อยู่ตั้งเยอะ ทั้งทีมงานเก่งๆ ทั้งโรงถ่ายดีๆ ไหนจะลิขสิทธิ์ที่ถืออยู่ในมืออีก ดารานักแสดงในสังกัดก็ไม่เลว แค่ปรับปรุงระบบการบริหารให้ดีบริษัทต้องเติบโตไปได้อีกหลายเท่าแน่ๆ แล้วคนที่ช้อนซื้อหุ้นไว้ตอนราคาถูกๆ อย่างพี่จะไม่รวยได้ยังไง”

ดวงตาของจางอี้หลงเปล่งประกายเป็นเงินหยวน

“แต่มันก็เอาเปรียบกันเกินไป พี่รวยเขาก็รวยด้วยทั้งๆ พี่ทำอยู่คนเดียว ไม่งั้นก็ให้เขาเสียตังค์จ้างบริษัทที่ปรึกษาจากข้างนอกก็ได้ ค่อยยุติธรรมหน่อย””

“แล้วใครบอกว่าพี่ทำงานนี้ฟรีๆ ล่ะ ช่วงนี้เป็นการประเมินและวางตัวคนในตำแหน่งต่างๆ ตามโครงสร้างใหม่ตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงระดับสูง พี่เข้ามาทำตรงนี้ก็เท่ากับได้ส่งคนมีความสามารถให้เข้าไปนั่งในตำแหน่งที่เหมาะสม ผู้บริหารรุ่นใหม่พวกนี้ก็เท่ากับเป็นคนของพี่ไปครึ่งตัว ทนทำงานเหนื่อยแค่ไม่กี่เดือนแต่ได้วางฐานอำนาจไว้ทั่วทั้งบริษัทธุรกิจบันเทิงระดับประเทศ ไม่คุ้มเหรอครับ”

“ข้าน้อยขอคารวะท่านเทพ”

หลี่คุนตอบอย่างซูฮกหมดใจ

เพื่อที่จะพลิกฟื้นมายากรุ๊ปขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง จางอี้หลงต้องมาทำงานที่เมืองไทยบ่อยขึ้นจนเป็นเกือบทุกเดือน แต่ละครั้งที่มาก็พักอยู่หลายวัน แน่นอนว่าจางอี้หลงต้องเข้ามาพักในบ้านใหม่ที่อุตส่าห์สร้างไว้อย่างงดงาม หลี่คุนก็คิดว่าเป็นฤกษ์งามยามดีที่ตัวเองจะย้ายเข้าไปอยู่ด้วยเช่นกัน ที่จริงส่วนที่พักทั้งสองชั้นก็พร้อมให้เข้าอยู่นานแล้วแต่เขาคิดว่าน่าจะรอเจ้าของห้องเสียหน่อยจะได้ไม่น่าเกลียด

เมื่อคนรอบตัวทราบเรื่องก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะต้องมีจัดงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ครื้นเครง หลี่คุนที่เป็นชาวจีนจากยุคโบราณย่อมไม่ปฏิเสธเรื่องเสริมมงคลเพิ่มความมีหน้ามีตาเช่นนี้ คนที่ตั้งตัวเป็นแม่งานมีสองคนคือตินซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับซูกัสญาติใกล้ชิด หลังจากที่ทั้งคู่หารือกันไปมาเรื่องรูปแบบการจัดงานอยู่หลายวันก็ดูเหมือนจะตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดก็แยกการจัดงานตามกำลังคนออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกนำโดยตินที่ใช้คนจากค่ายมวยจะอยู่ในคณะที่เดินทางไปพร้อมกับหลี่คุน ส่วนอีกฝ่ายเป็นซูเอ๋อร์และเพื่อนๆ ดูแลการจัดงานที่สำนักงานใหม่ มีคนช่วยกันคนละไม้คนละมือเจ้าของงานอย่างหลี่คุนเลยสบายแทบจะไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไร

เมื่อถึงวันงาน ตินและนักมวยจากค่าย ศ.เผด็จศึกหลายสิบคนก็เอารถบัสวีไอพีไปรับหลี่คุนที่คอนโด ด้วยจำนวนคนที่เยอะขนาดนั้นแถมยังร่างกายแข็งแรง ข้าวของจำเป็นของหลี่คุนที่ต้องขนไปที่พักแห่งใหม่จึงถูกลำเลียงมาเก็บใต้ท้องรถรวดเดียวจบ หลี่คุนเห็นแต่ละคนที่มาช่วยแต่งกายด้วยเสื้อลายดอกสีสดใสก็รู้สึกถึงบรรยากาศมงคลเหมาะกับการย้ายบ้านใหม่ยิ่งนัก แต่ก่อนที่รถบัสจะเริ่มเดินทางออกจากคอนโด ซูเอ๋อร์แล้วกลับนั่งรถคันหรูเข้ามาจอดตรงหน้าทางเข้าคอนโดเสียก่อน

“อ้าว ไม่ใช่น้องไปรออยู่ที่ตึกใหม่แล้วเหรอ”

หลี่คุนทักด้วยความแปลกใจ

“พี่อี้หลงบอกว่าผมเป็นญาติผู้ชาย ต้องเป็นคนมาพาพี่ไปส่ง”

หลี่คุนแปลกใจเล็กน้อย ธรรมเนียมนี้มันคุ้นแบบแปลกๆ ยังไงไม่รู้ อาจเป็นธรรมเนียมขึ้นบ้านใหม่ของไทยที่มีคนแนะนำจางอี้หลงมาก็เป็นได้

“พี่มีพวกที่ค่ายมวยเอารถบัสมารับแล้วนี่ไง ถึงเบียดหน่อยเพราะมากันเยอะเลยแต่ก็ไปกันได้”

“ไม่เป็นไรพี่คุน พี่อี้หลงบอกว่าให้ผมนั่งรถนำหน้าไปก็ใช้ได้แล้ว รีบออกเถอะเดี๋ยวจะถึงช้า”

ซูเอ๋อร์ลงมาคุยปุ๊บปั๊บก็กลับขึ้นรถไปอีก แล้วก็โผล่หน้าออกมาเร่งยิกๆ ให้รถบัสรีบขับตามมา

การเดินทางใช้เวลาเกือบชั่วโมงในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดของกรุงเทพ ในที่สุดขบวนรถเก๋งหนึ่งรถบัสหนึ่งก็มาถึงอาคารสำนักงานแห่งใหม่ หลี่คุนเห็นการตกแต่งสถานที่แล้วก็อึ้ง มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีแดง ทั้งผ้าแพรสีแดงที่ผูกที่ห้อยไปทั่วบริเวณ กระดาษสีแดงตัดเป็นตัวอักษรจีนมงคลคู่ขนาดใหญ่แปะไว้ตรงตัวอาคารตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นสิบสอง นอกจากนั้นยังมีดอกไม้โคมไฟแบบจีนและริ้วธงล้วนแต่เป็นสีแดงตกแต่งอยู่เต็มไปหมด

ตินและเพื่อนๆ นักมวยที่ทยอยลงจากรถบัสก็อึ้งไปเหมือนกัน

“คนละธีมเลยเว้ย ทางนี้เขาจีนจ๋า แต่ไม่เป็นไร จีนไทยก็พี่น้องกัน เอ้า พวกเราตั้งขบวน”

ตินตะโกนบอก บรรดานักมวยในเสื้อลายดอกขนของออกมาจากใต้ท้องรถแล้วมายืนตั้งเป็นแถวยาว แต่นอกจากลังใส่ของของหลี่คุนแล้ว ยังมีของที่หลี่คุนไม่เห็นในตอนแรก ทั้งเครื่องดนตรีอย่างกลองยาวเป็นสิบใบฉิ่งฉาบกรับโหม่ง เครื่องเสียงชุดใหญ่ พานเงินพานทองหลายใบใส่หมากพลูข้าวตอกดอกไม้ถุงเงินถุงทอง ต้นกล้วยต้นอ้อยอย่างละสองต้น ปิดท้ายด้วยกล่องใส่ของของหลี่คุนอีกเป็นสิบๆ ใบ เรียกว่ามีของให้ได้ถือกันถ้วนหน้าทุกคน

หลี่คุนเข้าไปอยู่ในขบวนอย่างงงๆ ซูเอ๋อร์กับเพื่อนๆ เห็นความคึกคักก็เข้ามาร่วมด้วย แชมเปญเอาเสื้อแจ็คเก็ตและหมวกแก๊ปสีแดงมาสวมให้หลี่คุนทำให้ชุดขาวล้วนนั้นดูสดใสขึ้น

“เสื้อแดงเลยเหรอแชมเปญ ข้างหลังเป็นลายอะไรนะครับ”

หลี่คุนถามเมื่อเห็นลายปักงดงามเพียงแวบเดียว

“ลายนกฟินิกซ์ค่า”

พอทราบว่าเป็นสัตว์ในตำนานของทางตะวันตกหลี่คุนก็ไม่ได้สนใจอีก คลุมทับด้วยอาภรณ์สีแดงเช่นนี้ก็น่าจะเสริมกลิ่นอายมงคลได้ดีอยู่เหมือนกัน

เมื่อตินตั้งแถวเสร็จ เสียงโห่ก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงดนตรีจากวงกลองยาวฟังดูคึกครื้นยิ่งนัก

“โห......ฮิ้ว

เอ้ามาละเว้ย เอ้ามาละเว้ย เอ๋ยมาละวา เอ๋ยมาละวา

มาแต่ของเขา ของเราก็ไม่มา

ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว

ใครมีลูกสาว มาแลกลูกเขย

เอาวะเอาเหวย ลูกเขยกลองยาว ตาลาลา...

หุย..ฮา..โห่..ฮี้ว”

จอมเด่นและพวกนักมวยที่ไม่ต้องถือของรำเฉิบๆ นำหน้าขบวน พวกซูกัสก็ไม่น้อยหน้าเข้าไปร่วมทันที ถึงจะรำแบบไทยไม่เป็นแต่ก็เอาท่าเต้นแนวโคพเว่อร์มาผสมโรงได้อย่างแนบเนียน หลี่คุนชมชอบความครื้นเครง แต่ในชาติก่อนตระกูลหลี่ระมัดระวังตนจึงไม่ค่อยจัดงานออกหน้าออกตาบ่อยนัก เขาสังเกตท่ารำของจอมและเด่นอยู่สักครู่ก็ออกท่าออกทางรำลอยหน้าลอยตาเข้ากับจังหวะจะโคนกระแทกกระทั้นของกลองยาวได้ไม่แพ้กัน

คนของสำนักคุ้มกันซึ่งช่วยพวกซูกัสจัดเตรียมสถานที่เสร็จได้ยินเสียงอึกทึกก็ออกมาดูแล้ววิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ

“ขบวนขันหมากนี่หว่า”

“ไหนน้องซูกัสบอกว่าให้เราตกแต่งสถานที่รอรับขบวนเจ้าสาวไง”

“เขาพูดขำๆ ไม่ใช่เหรอ”

“แล้วเราต้องไปช่วยกั้นประตูเงินประตูทองด้วยเปล่า”

“คุณจางอี้หลงสูงใหญ่ขนาดนั้นเอาอะไรคิดวะว่าจะเป็นฝ่ายโดนสู่ขอ”

“แต่พวกเราควรเชียร์น้องคุนกันไม่ใช่เหรอ”

“ให้เขาตกลงกันเองไหม”

เป็นความคิดของตินที่ไม่อยากให้เพื่อนเสียเปรียบ การย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันในมุมมองของคนรุ่นใหม่มันก็ไม่ต่างกับการแต่งงาน ถึงหลี่คุนจะตัวเล็กกว่าจางอี้หลงอยู่บ้างแต่ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้เพื่อนเป็นฝ่ายเจ็บตัวจึงต้องชิงลงมือข่มสถานะของอีกฝ่ายก่อน

ในเรื่องนี้ซูกัสกลับเห็นตรงข้าม ในเมื่อเห็นๆ กันอยู่ว่าใครเป็นใครก็ไม่ควรฝืนธรรมชาติ อีกอย่างเขาก็อยากให้พี่คุนเป็นพวกเดียวกันกับตัวเองด้วย สุดท้ายตกลงกับตินไม่ได้เลยต้องแยกการจัดงานมาชนกันแบบนี้

ขบวนขันหมากเดินวนตรงลานจอดรถอยู่สามรอบก็เข้าไปตรงบริเวณลอบบี้ของอาคาร ด้านในก็ตกแต่งด้วยป้ายมงคลจีนดอกไม้และผ้าแพรสีแดงเช่นกัน ด้านหนึ่งเป็นที่นั่งของแขกที่มาร่วมงาน หลี่คุนเห็นใบหน้าคุ้นเคยอย่างหมอภีม ไฮโซแบงค์ ไฮโซบรูคและครอบครัว ครูแผ่นดินกับพี่ๆ นักมวยรุ่นใหญ่ และอีกหลายๆ คนที่เขารู้จักสนิทสนมด้วย

ตรงกลางเป็นพรมสีแดงทอดยาวเป็นทางเดิน มีพนักงานสำนักคุ้มภัยใส่สูทยืนเรียงกันเป็นแถวซ้ายขวาเสริมความภูมิฐานให้บุรุษชุดแดงที่ยืนรออยู่ด้านในราวกับเป็นฉากเปิดตัวเจ้าพ่อในหนังฮ่องกง

“พี่อี้หลง.. อ๊ะ!”

หลี่คุนส่งเสียงเรียกบุรุษในเสื้อคอจีนสีแดงตกแต่งด้วยลวดลายมังกรสีทอง แต่ที่ทำให้หลี่คุนตกใจจนหลุดเสียงร้องออกมาคือจำนวนเล็บของมังกรที่เพิ่งเห็นชัดๆ

นี่ถึงกับเป็นมังกรห้าเล็บ!!!

เห็นแล้วให้เสียวศีรษะจะหลุดจากบ่าแทนยิ่งนัก มังกรห้าเล็บสงวนไว้สำหรับโอรสสวรรค์เท่านั้น

หลี่คุนตั้งสติสูดลมหายใจ กาลเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนาน ราชวงศ์หมิงล่มสลายแล้ว ระบอบกษัตริย์ในดินแดนจงหยวนก็สูญสิ้นไปกว่าร้อยปี ถ้ามองในมุมของคนยุคปัจจุบันนี่ก็เป็นแค่การคอสเพลย์ฮ่องเต้ แถมยังเป็นฮ่องเต้หนุ่มที่ดูดีมากๆ

“น้องคุนเหงื่อแตกพลั่กเลย เต้นเยอะไปล่ะสิ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ว่าแต่พี่นึกยังไงตกแต่งสถานที่ซะแดงเลย ชุดก็ด้วย อย่างกับมีงานมงคลเลย”

“ฝีมือพวกน้องๆ ของเรานั่นแหละ แต่งออกมาได้จีนซะคนจีนอย่างพี่ยังงงเลย นึกว่าจัดงานแต่ง ถ้าอย่างนั้นขบวนยาวเหยียดหลังน้องคุนนี่ก็ขบวนสินเดิมเจ้าสาวล่ะสิ”

จางอี้หลงพูดขำๆ หลี่คุนหันไปมองนักมวยที่ยืนถือลังใส่ของย้ายบ้านเรียงแถวกันเป็นสิบๆ คนก็รู้สึกว่าคล้ายขบวนสินเดิมอยู่เหมือนกัน

ตินที่ตามหลังมาด้วยรีบแย้งขึ้นมา

“ใช่ที่ไหน ขบวนขันหมากต่างหาก ทั้งกลองยาว พานดอกไม้หมากพลู ต้นกล้วย ต้นอ้อย พร้อมขนาดนี้”

หลี่คุนนึกมาโดยตลอดว่าพิธีรื่นเริงที่ตินจัดคือธรรมเนียมการขึ้นบ้านใหม่แบบไทยเพิ่งรู้ว่าคือขบวนขันหมากที่กำลังจะไปสู่ขอพี่อี้หลง เขาคิดอีกทีก็รู้สึกว่าอย่างนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน เขาแอบล่วงเกินคุณชายท่านนี้ไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว ควรยกสถานะให้สามารถออกหน้าออกตาได้เสียที เวลาของเขากับพี่อี้หลงก็มิใช่จะเหลือมากมายอะไร

จากประสบการณ์ในฐานะนักลงทุนซีรีส์วายมาแล้วถึงสามเรื่อง หลี่คุนทราบดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายคล้ายว่าจะแบ่งเป็นฝ่ายรุกกับฝ่ายรับ โดยทั่วไปฝ่ายรุกจะรูปร่างสูงใหญ่กว่าแต่ก็ไม่เสมอไป ละครบางเรื่องตัวเอกทั้งสองคนตัวเท่าๆ กัน เผลอๆ ฝ่ายรับจะตัวหนากว่าด้วยซ้ำ สุดท้ายต้องวัดที่การกระทำ ซึ่งหลี่คุนมองว่าที่ผ่านมาอีกฝ่ายถูกเขากระทำมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายรุกอย่างมิต้องสงสัย

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หลี่คุนก็ปั้นหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดด้วยเสียงเป็นการเป็นงาน

“พี่อี้หลงครับ วันนี้ผมมาสู่ขอพี่นะครับ”

จางอี้หลงยิ้มไปถึงดวงตาอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ แล้วพยักหน้าช้าๆ อย่างมีความสุขโดยไม่สนใจเสียงตะโกนของซูกัสที่ร้องว่าผิดโพแล้วๆๆๆ

“จะขบวนขันหมากหรือขบวนเจ้าสาว แค่เราได้อยู่ด้วยกัน พี่ก็มีความสุขแล้วครับ”

กองเชียร์เห็นทั้งคู่ตกลงกันได้ก็ส่งเสียงเฮดังลั่น เสียงกองยาวฉิ่งฉาบกรับโหม่งประโคมกันอื้ออึงไปหมด

หลี่คุนกับจางอี้หลงหันหลังทำพิธีเคารพฟ้าดินคู่กัน คนที่รู้วัฒนธรรมจีนอยู่บ้างก็จะเห็นว่านกฟีนิกซ์ที่ปักอยู่ด้านหลังเสื้อแจ็คเก็ตของหลี่คุนที่แท้คือนกเฟิงหวงของจีน เมื่อยืนเคียงข้างกับชุดลายมังกรของจางอี้หลง ก็กลายเป็นหงส์คู่มังกรตามประเพณีนั่นเอง ภาพน่ารักที่เข้าคู่กันนี้ทำให้หลายคนที่เห็นอมยิ้มไปตามๆ กัน ยิ่งคนออกแบบชุดทั้งคู่อย่างแชมเปญก็ยิ่งปลื้มปริ่ม

จากนั้นก็ไม่มีพิธีรีตองอะไรกันมาก แค่เลี้ยงอาหารเที่ยงคนที่มาร่วมงานด้วยเมนูอาหารไทยธรรมดาไม่ได้หรูหราอะไร แต่เน้นที่รสชาติอร่อยด้วยสั่งมาจากเจ้าดังหลายๆ เจ้ามารวมกัน มีทั้งขนมจีบ ขนมจีน ลาบ ข้าวเหนียว ห่อหมก ผัดถั่วงอก ส่วนของหวานก็มี ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ฟักทองแกงบวด กินกันจนพุงกางไปตามๆ กัน

“อาหารอร่อยดีนะ ว่าแต่ใครจัดนี่ ทำไมมันดูไม่เข้ากันเท่าไหร่”

แม้จะกำลังล้อมวงทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก็มีคนเจ้าปัญหาถามขึ้นมา

“อาหารมงคลทั้งนั้น เน้นความหวานชื่น โชคลาภ เงินทอง ความปรองดอง เออออห่อหมก เจริญงอกงาม”

ซูกัสตอบอย่างภาคภูมิใจในรายการอาหารที่ตัวเองคัดสรรมา

หลังจากทานอาหารกันเสร็จ คนที่สนิทๆ ก็ช่วยกันขนของของหลี่คุนขึ้นไปจัดเข้าที่ให้เรียบร้อยจนเสร็จภายในวันนั้นเลย

ส่วนที่หลี่คุนชอบมากที่สุดในบ้านหลังใหม่คือมุมปรุงยา พอจัดสมุนไพรชนิดต่างๆ เข้าเก็บในตู้ที่สั่งทำเฉพาะจนเป็นระเบียบแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะลองใช้อุปกรณ์ใหม่ในการหลอมโอสถขึ้นมาสักตำหรับหนึ่ง หลี่คุนหลอมยาอายุวัฒนะเตรียมจะส่งให้กับบิดามารดาของคุณานนท์ที่ต่างประเทศ คราวก่อนเขาได้รับคำชมว่าทานแล้วรู้สึกสุขภาพดีกระชุ่มกระชวยขึ้นจริงๆ จึงตั้งใจจะหลอมให้มากหน่อย ด้วยกำลังภายในบุปผาเร้นวารีขั้นสี่ทำให้เขาหลอมยาลูกกลอนอายุวัฒนะออกมาได้รวดเดียวหลายสิบเม็ดกว่ากำลังภายในจะหมด

แม้จะมีเครื่องดูดควันอย่างดี แต่หลี่คุนรู้สึกว่ามีกลิ่นสมุนไพรติดตัวอยู่บ้างจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอออกมาอีกทีก็เห็นจางอี้หลงกำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจก็เดินเข้าไปหา

“เครียดเปล่าพี่ ผมเล่นกู่ฉินเบาๆ ให้ฟังไหมครับ จะได้ผ่อนคลาย”

จางอี้หลงพยักหน้ายิ้มๆ หลี่คุนจึงเดินไปนั่งตรงกู่ฉินที่ตัดวางไว้ในบริเวณเดียวกัน

หลี่คุนเริ่มบรรเลงเพลงที่มีท่วงทำนองเรียบง่ายทว่างดงาม หลังจากดีดไปได้พักใหญ่เขาถึงรู้สึกตัวว่าเขากำลังเล่นเพลงในความทรงจำที่ท่านแม่บรรเลงอยู่บ่อยๆ นัยน์ตาของหลี่คุนพร่าเลือน ในห้วงคำนึงเขาเห็นภาพท่านพ่อที่กำลังนั่งอ่านตำราภายใต้แสงตะเกียง ท่านแม่นั่งดีดฉินอยู่ข้างๆ ตัวเขาในวัยเด็กพิงหลังกับเอวของท่านแม่ ขาสั้นป้อมพาดวางไปบนหัวเข่าของท่านพ่ออย่างไม่รู้ประสา บรรยากาศที่แสนอ้อยอิ่งนั้นกลับเต็มไปด้วยความสุข และแล้วสายตาของเขาก็กลับมายังภาพปัจุบัน พี่อี้หลงกำลังนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก เสียงฉินจากการบรรเลงของเขาดังแผ่วเบา กลิ่นหอมสมุนไพรเจือจางในอากาศ แม้จะเป็นยุคสมัยที่ห่างกันหลายร้อยปี แม้จะไม่มีคนในความทรงจำอีกต่อไป แม้สถานที่แห่งนี้จะไม่มีอะไรเหมือนจวนที่เขาเติบโตขึ้นมา แต่หลี่คุนรู้สึกเหมือนเขาได้กลับ ‘บ้าน’ ในที่สุด

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 47] 21/11/2020
«ตอบ #145 เมื่อ23-11-2020 19:07:03 »

มาแล้วๆๆ ดีใจมาก…ก
ยิ่งหลี่คุณได้กลับ “บ้าน” แล้ว…ว ปลื้มปริ่มมากค่ะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 47] 21/11/2020
«ตอบ #146 เมื่อ25-11-2020 22:49:23 »

ดีใจมาก ได้อ่านต่อ
ได้ส่งหลี่คุนเข้าหอ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 48] 26/11/2020
«ตอบ #147 เมื่อ26-11-2020 11:00:40 »

ที่บ้านใหม่ของจางอี้หลงกับหลี่คุนก็มีห้องของซูกัสเช่นกัน พี่น้องจึงได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่เอาเข้าจริงซูกัสก็ไม่ได้อยู่ที่นี่มากเท่าไหร่ ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบเข้ามหาลัยซูกัสต้องออกไปติวกับเพื่อนๆ แล้วค้างคืนอยู่บ่อยๆ ส่วนจะไปนอนที่คอนโดเดิมหรือค้างที่เพนเฮ้าส์ของแฮ็คส์นั้น หลี่คุนก็ไม่ได้เข้มงวดกับน้องชายขนาดนั้น
 
หลังจากคร่ำเคร่งอยู่กับการวางระบบงานใหม่ให้กับมายากรุ๊ปอยู่เป็นเดือนๆ ในที่สุดจางอี้หลงก็ค่อยวางมือได้บ้าง ผู้บริหารชุดใหม่เริ่มแสดงฝีมือให้เห็นบ้างแล้ว ทีมงานละครที่ไม่ถูกเรื่องเส้นสายมาครอบงำก็ทะยอยกันผลิตงานดีๆ ออกมาเรื่อยๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาดีนี้ทำให้จางอี้หลงไม่มีข้ออ้างที่จะยืดเวลาอยู่เมืองไทยออกไปเรื่อยๆ เขายังมีธุรกิจทางเซินเจิ้นที่ต้องไปจัดการด้วยตัวเองตามรายการยาวเหยียดเป็นหางว่าว การกลับไปจีนเที่ยวนี้คงต้องใช้เวลาอยู่ที่โน่นอีกค่อนข้างนาน
 
หลังจากอยู่ร่วมกันมาเป็นเดือนๆ บ้านที่ขาดจางอี้หลงไปก็ดูจะไม่เหมือนเดิม ซูกัสกลัวพี่ชายจะเหงาจึงเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนมากขึ้น อันที่จริงในแต่ละวันหลี่คุนก็มีเรื่องให้ทำมากมาย แต่ในช่วงหลายวันนี้ เขามุ่งมั่นอยู่กับการบรรเลงกู่ฉินแทบจะตลอดเวลาจนกระทั่งซูกัสอดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้
 
“ทำไมพี่คุนนั่งเล่นพิณจีนทั้งวันเลย ไม่เห็นเคี่ยวยาสมุนไพรแล้ว”
 
“พอดีพี่ว่าจะไปร่วมงานแข่งกู่ฉินที่เมืองจีนอ่ะ มีคนชวน เลยต้องซ้อมมากหน่อย”
 
“โห พี่จะไปเที่ยวจีนอีกแล้ว ไม่เห็นชวนผมไปด้วยเลย”
 
“ก็เรายังต้องเตรียมสอบอีกนี่ แล้วก็เห็นตัวติดกับน้องเขยจะตาย ถึงพี่ชวนจะไปได้เหรอ”
 
“น้องเขยอะไร พี่บ้า ไม่คุยด้วยล่ะ พี่เขามารับแล้ว ผมไปก่อนนะ กลับพรุ่งนี้เย็นๆ เลยครับ”
 
หลี่คุนมองซูเอ๋อร์ที่ทำท่ากระเง้ากระงอดแล้วก็ออกจากบ้านไปด้วยความเอ็นดู แล้วจะไม่ให้มองว่าแฮ็คส์เป็นน้องเขยได้อย่างไรในเมื่อพูดยังไม่ขาดคำก็มารับกันถึงที่อีกแล้ว เขากลับไปซ้อมกู่ฉินอย่างตั้งใจ ยังมีรูปแบบการเล่นซับซ้อนหลายกระบวนท่าที่ร่างกายนี้ยังไม่คุ้นชิน ประเทศจีนกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น แม้เวลาผ่านมาเนิ่นนานก็คงไม่ไร้ผู้สืบทอดศาสตร์ดนตรีโบราณแขนงนี้ เขามิอาจปล่อยให้ตัวเองขายหน้าได้
 
หลี่คุนบินไปเมืองจีนเพียงลำพังคนเดียว จากการไปปักกิ่งและเซินเจิ้นครั้งที่แล้ว ทำให้เขาคุ้นชินกับการเดินทางทางอากาศจนทำตัวกลมกลืนไปกับคนยุคปัจจุบันได้ค่อนข้างแนบเนียนแม้ยังอดจะใช้กำลังภายในช่วยอยู่บ้างไม่ได้ตอนเครื่องขึ้นและเครื่องลง หลี่คุนทราบว่าจางอี้หลงกำลังยุ่งอยู่กับธุระอย่างอื่นจึงไม่ได้รบกวนให้อีกฝ่ายต้องเดินทางข้ามเมืองมารับที่สนามบิน เดี๋ยวนี้เขามีเส้นสายความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสสองสามท่านในประเทศจีนที่สร้างไว้ตั้งแต่คราวก่อน เพียงเขาแจ้งไปก่อนออกเดินทางนายพลหยางก็ส่งนายทหารมารอรับถึงด้านในสนามบินปักกิ่ง นายทหารผู้นี้คอยดูแลหลี่คุณตลอดตั้งแต่การจัดให้เข้าพักในโรงแรมหรูหรา พาไปทานอาหารค่ำมื้อใหญ่กับนายพลหยาง รวมถึงมารับไปส่งยังสถานที่แข่งขันกู่ฉินเพื่อลงทะเบียนรายงานตัวในวันรุ่งขึ้น ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนการต้อนรับขับสู้ของชาวจีนก็ล้วนแต่ต้องกระทำอย่างเต็มที่เช่นนี้จนหลี่คุนอดนึกเกรงใจไม่ได้
 
เมื่อไปถึงสถานที่แข่งขันหลี่คุนก็ขอร้องไม่ให้ทหารนายนั้นคอยติดตามอำนวยความสะดวกให้ตัวเอง เขาอยากซึมซับบรรยากาศการชุมนุมกันของเหล่าบัณฑิตกู่ฉินในอีกหลายร้อยปีให้หลังโดยไม่เกิดความแบ่งแยก หลี่คุนรู้สึกปลื้มใจที่เห็นคนยุคปัจจุบันไม่น้อยยังให้ความสนใจในดนตรีโบราณนี้ เขาแอบฟังบทสนทนารอบตัวถึงได้เพิ่งทราบรายละเอียดว่าการแข่งครั้งนี้เป็นการแข่งใหญ่ทั่วประเทศที่ไม่ได้จัดขึ้นมานานแล้ว เกิดจากความร่วมมือกันของสมาคมและสมาพันธ์กู่ฉินที่มีชื่อเสียงหลายแห่งเพื่อเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์นำไปเพาะบ่มสืบทอดสมบัติชาติแขนงนี้ รวมถึงจะได้รับการชี้แนะเป็นพิเศษจากเหล่าปรมาจารย์ต่อไป มิน่าเล่าถึงได้มีคนหนุ่มสาวจากทั่วประเทศมากันหลายร้อยคน
 
หลี่คุนกำลังคิดถึงอนาคตของกู่ฉินในโลกยุคนี้อย่างเพลินๆ ก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง
 
“นายๆ นายนั่นแหล่ะ แถวด้านหน้าเลื่อนไปแล้ว เดี๋ยวก็มีคนมาแทรกคิวหรอก”
 
“ขอโทษครับ ข้า เอ่อ ผมไม่ทันมอง”
 
หลี่คุนเดินตามคนอื่นจนเข้ามาอยู่ในแถวลงทะเบียนโดยไม่รู้ตัว เขาตอบกลับเป็นภาษาจีนอย่างขอโทษขอโพยพร้อมหันไปมองตามเสียงเรียก คนข้างหลังเป็นเด็กหนุ่มคิ้วเข้มหน้าตาเข้าที ท่าทางหยิ่งยโสยิ่งทำให้ดูคล้ายคุณชายตระกูลใหญ่ในยุคก่อน คนผู้นี้ยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงแฝงการดูหมิ่นอยู่บ้าง
 
“หึ สำเนียงจีนกลางเหน่อๆ มาจากมณฑลไหนกันละนี่”
 
“ผมไม่ได้อยู่ที่จีนครับ มาจากไท่กั๋ว”
 
“คนจีนโพ้นทะเล? ที่โน่นเขารู้จักกู่ฉินด้วยเหรอ นึกยังไงถึงมาแข่งงานใหญ่ขนาดนี้ แล้วจะไปสู้คนจีนแท้ๆ ได้ยังไง นายไม่รู้เหรอ คนที่มาแข่งเที่ยวนี้ถูกคัดมาตั้งแต่ระดับมณฑลกันทั้งนั้น อย่างฉันนี่เป็นหนึ่งในตัวแทนของเซี่ยงไฮ้เลยนะ”
 
“แม้ความสามารถน้อยนิด แต่ได้มาแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นเป็นการเปิดหูเปิดตาก็นับว่าไม่เลวแล้ว”

หลี่คุนตอบลอยๆ ไม่รู้ว่าหมายถึงใคร
 
“ถึงเวลาเห็นฝีมือฉันก็อย่าฝ่อจนเลิกเล่นไปตลอดชีวิตแล้วกัน”
 
คนผู้นี้กล้าคุยโวขนาดนี้คงมีดีอยู่บ้าง หลี่คุนปราดตามองมือทั้งสองข้างของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วอดทักขึ้นมาไม่ได้
 
“นิ้วนางข้างขวาคล้ายมีความยืดหยุ่นไม่พอ ก่อนการบรรเลงประคบร้อนเฉพาะนิ้วนั้นแล้วนวดข้อนิ้วเบาๆ น่าจะช่วยได้”
 
“พูดบ้าอะไรของนาย ฉันจับกู่ฉินมาตั้งแต่สี่ขวบ ฝึกซ้อมขัดเกลาทุกวันสิบกว่าปี จะไปมีจุดอ่อนได้ไง”
 
“งั้นก็ช่างเถอะ”
 
หลี่คุนไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรอีก เผลอหลุดปากแนะนำไปแต่ถ้าไม่เชื่อก็ปล่อยไป
 
ชายหนุ่มคิ้วเข้มตัวแทนของเซี่ยงไฮ้มองหลี่คุนที่หันกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ คนอย่างเขาใช่ว่าจะทักคนอื่นก่อนง่ายๆ แค่บังเอิญรู้สึกว่าชายหนุ่มด้านหน้ารูปร่างหน้าตาโดดเด่นท่าทีสง่าผ่าเผย เพียงแค่ปรากฎตัวขึ้นมาก็เป็นเป้าสายตาของคนนับไม่ถ้วน แม้จะไม่เป็นที่รู้จักในวงการกู่ฉินมาก่อน ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพยัคฆ์ซ่อนมังกรเร้นผู้หนึ่ง สุดท้ายพื้นเพกลับธรรมดาไม่น่าสนใจ เมื่อมีโอกาสได้รู้จักเขาผู้เป็นตัวเก็งในการแข่งแทนที่จะรีบมาซูฮกสร้างโอกาสให้ตัวเองกลับทำตัวเพิกเฉย ไม่เรียกว่าโง่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ถ้าจับสลากได้อยู่สายเดียวกันเขาจะจัดการอย่างไม่ออมมือเสียให้เข็ด
 
เมื่อมาถึงคิวคนทั้งคู่ถูกแยกไปโต๊ะลงทะเบียนคนละโต๊ะ ชายหนุ่มจากเซี่ยงไฮ้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนจากการที่เขาเป็นนักดนตรีกู่ฉินรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว หลังจากรับฟังคำชื่นชมอยู่พักใหญ่เขาก็จับสลากได้สายการแข่งขันที่สองจากทั้งหมดแปดสาย เขาหันไปมองทางโต๊ะลงทะเบียนอีกโต๊ะเพื่อดูว่าผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทยคนนั้นจับได้สายไหนแต่ก็ไม่พบตัวคนเสียแล้ว ถ้าอยู่คนละสายกันเขาก็หวังว่าจะไม่ตกรอบเสียก่อนที่จะมาเจอเขา ไม่แน่ว่าด้วยหน้าตาหล่อเหลาเช่นนั้นกรรมการอาจใจอ่อนให้ผ่านรอบแรกๆ มาก็เป็นได้
 
.........
 
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ไฮโซแบงค์ก็เดินทางมาถึงประเทศจีนเช่นเดียวกัน เขาเพิ่งทราบจากการติดต่อทางข้อความว่าตอนนี้หลี่คุนก็อยู่ที่จีนเพื่อเข้าร่วมงานแข่งกู่ฉินระดับชาติ ความที่เขาเป็นนักดนตรีเช่นกันจึงอยากไปร่วมชมการแข่งขันที่ว่าด้วยแต่เสียดายที่จัดขึ้นคนละเมือง การเดินทางมาจีนเที่ยวนี้เขาต้องเข้าร่วมงานสัมนาด้านอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับชาติของจีนที่เซี่ยงไฮ้ นอกจากนั้นยังมีนัดประชุมกับนักธุรกิจชาวจีนอีกหลายคนเพื่อหาลู่ทางในการนำเครื่องดื่มของธุรกิจตระกูลเข้ามาทำตลาดในจีนหรือไม่ก็หาเครื่องดื่มชนิดใหม่ๆ จากจีนเข้าไปทำตลาดในไทย นึกๆ ไปก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน ทำไมไฮโซเจ้าของบริษัทในละครวันๆ ไม่ต้องทำอะไร แค่เซ็นเอกสารสองสามแก๊กก็มีเวลาไปยุ่งเรื่องผัวๆ เมียๆ ชิงรักหักสวาทได้ตลอด หรือจะเป็นเจ้าของแต่ในนามเหมือนพี่ชายเขา
 
ไฮโซแบ็งค์ตรวจสอบโปรแกรมการแข่งขันแล้วยังใจชื้นว่าการแข่งขันนี้จัดขึ้นยาวต่อเนื่องหลายวันเพื่อให้สามารถเฟ้นหาผู้มีความสามารถจากผู้เข้าแข่งจำนวนมากออกมาอย่างยุติธรรรม ถึงจะไม่รู้เรื่องกู่ฉินมากนัก แต่แบ็งค์ก็มั่นใจว่าฝีมือของหลี่คุนที่เขาเห็นต้องผ่านเข้าไปรอบลึกๆ ได้แน่นอน หากเขาเร่งการประชุมพบปะทางธุรกิจให้เร็วขึ้น อาจมีเวลาบินไปดูการแข่งขันของหลี่คุนในรอบท้ายๆ ที่ปักกิ่งได้ทัน
 
ในช่วงหลังคนทั้งคู่ได้ติดต่อกันมากขึ้น หลี่คุนที่เป็นเจ้าของและผู้บริหารตัวจริงของขี้ผึ้งสมุนไพรฮองเฮาได้แสดงความสนใจในเรื่องการบริหารซัพพลายเชนธุรกิจเครื่องดื่มของแบงค์อย่างเห็นได้ชัด หลี่คุนถึงกับขอไปศึกษาดูงานที่บริษัทและโรงงานของอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง แบงค์ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ถึงอย่างไรตอนนี้หลี่คุนก็เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจยา ธุรกิจเครื่องสำอาง ธุรกิจค่ายมวย ธุรกิจรักษาความปลอดภัย ยังไม่นับการลงทุนในธุรกิจบันเทิงอีก เด็กหนุ่มไม่ได้เรียนมาทางสายธุรกิจย่อมสนใจที่จะหาความรู้เพิ่มเติมเป็นธรรมดา
 
ในช่วงค่ำของวันสัมนาใหญ่ ทางสมาพันธ์อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแห่งประเทศจีนได้จัดเป็นงานค็อกเทลการกุศลที่จำหน่ายบัตรด้วยราคาสูงลิ่ว กิจกรรมการกุศลก็เรื่องหนึ่ง แต่วัตถุประสงค์จริงๆ ของงานนี้คือเพื่อสร้างสัมพันธ์ธุรกิจของผู้เล่นในวงการเครื่องดื่มจีนเป็นหลัก แบงค์แต่งกายด้วยชุดสูทที่ดีที่สุดของตัวเองไปร่วมงาน แม้จะเป็นเบอร์ต้นๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในประเทศ แต่ขนาดตลาดของไทยที่เล็กมากเมื่อเทียบกับจีน ทำให้แบงค์เกือบจะมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะร่วมงานนี้
 
แบงค์วางตัวในงานด้วยท่าทีอ่อนน้อมแบบคนไทยแต่ก็มิได้กดตัวเองลงต่ำ ถึงเป็นผู้ประกอบการรายเล็กเมื่อเทียบกันคนอื่นแต่เขาก็มีศักดิ์ศรีของประเทศที่ต้องรักษา โชคดีที่เขายังมีชื่อเสียงในฐานะนักเปียโนระดับโลกทำให้ไฮโซในแวดวงธุรกิจนี้ที่วางตัวเองเป็นผู้มีรสนิยมยังคงไว้หน้าเข้ามาพบปะพูดคุยอยู่บ้าง แบงค์ใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เขาพยายามต่อยอดจากคนรู้จักเข้าไปแนะนำตัวเองกับคนใหม่ๆ ในวงสนทนา แผนการนี้นับว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย แต่ก็มีคนบางจำพวกที่เขาเอื้อมไม่ถึงจริงๆ
 
ธุรกิจเครื่องดื่มถึงเป็นธุรกิจใหญ่ ยิ่งในประเทศจีนซึ่งมีคนเป็นพันล้านคน มูลค่าของมันย่อมมหาศาลจนนึกไม่ถึง แต่ส่วนแบ่งเค้กส่วนใหญ่กลับถูกครอบครองโดยคนไม่กี่ตระกูล และไม่ใช่แค่ธุรกิจเครื่องดื่มเท่านั้น ตระกูลต่างๆ ที่ว่ายังมีขอบข่ายธุรกิจกว้างไกลครอบคลุมไปถึงธุรกิจการเงิน อสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง โรงแรม สินค้าอุปโภคบริโภค ค้าปลีก ค้าส่ง มากมายจนบรรยายไม่หมด เรียกว่าเป็นตระกูลชั้นผู้นำที่ฝังรากลึกอยู่กับเศรษฐกิจของประเทศมายาวนาน ไม่ใช่อะไรที่เศรษฐีใหม่หรือทายาทรุ่นสองรุ่นสามจะมาเทียบเคียงได้ ตระกูลเช่นนี้แค่ส่งลูกหลานสักคนมาร่วมงานดินเนอร์วันนี้ก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว
 
แต่คนที่มาปรากฏตัวในวันนี้กลับเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งของตระกูลซ่งหนึ่งในตระกูลที่ทรงอิทธิพลทางธุรกิจมากที่สุด ท่านสามตระกูลซ่งผู้นี้เรียกได้ว่ากึ่งๆ วางมือไปแล้วไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้มาร่วมงานนี้ได้ แบงค์เห็นระดับของคนใหญ่คนโตที่เข้าไปรุมล้อมท่านสามแล้วก็ได้แต่ถอดใจหลบออกมาสังเกตการณ์อยู่รอบนอก เขาจิบไวน์ไปเรื่อยๆ พลางนึกทบทวนโอกาสทางธุรกิจจากการพูดคุยที่ผ่านมา เขาตั้งใจว่าช่วงท้ายของงาน พอคนเริ่มหายตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของท่านสามกันแล้ว เขาอาจจะเข้าไปคุยกับบางคนในกลุ่มนั้นเพื่อสร้างความชัดเจนในความร่วมมือขั้นต่อไปอีกที
 
แบงค์ดื่มไวน์จนหมดแก้วหันไปอีกทีก็เห็นความเปลี่ยนแปลงในกลุ่มคนที่อยู่รอบตัวท่านสามตระกูลซ่ง ท่านสามมีท่าทีให้ความสนใจพูดคุยกับคนหนุ่มสองคนต่างไปจากก่อนหน้านี้ที่ดูเบื่อหน่ายกับการพยายามเข้าหาของคนมากมาย ท่านสามถึงกับรับเครื่องดื่มที่ชายหนุ่มสองคนนั้นยื่นให้มาดื่มจนหมดแก้ว เรื่องนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างถึงกับตะลึง แต่แบงค์กลับตกใจยิ่งกว่าเพราะหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอในงานนี้
 
“จางอี้หลง?”
 
แบงค์พึมพำกับตัวเอง เขารู้คร่าวๆ ว่าจางอี้หลงมีธุรกิจหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นธุรกิจด้านไอที หรืออย่างน้อยก็ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องดื่ม แบงค์บอกตัวเองว่าอาจจะจำคนผิด แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ขึ้นก็ลงความเห็นรูปร่างหน้าตาที่หล่อเข้มและบุคลิคที่เหมือนมีอำนาจแผ่ออกมาเช่นนี้ไม่น่าเป็นคนอื่นได้ เขาลอบมองผ่านกลุ่มคนจากจุดที่ไม่เป็นที่สังเกตนักไม่งั้นอาจจะเป็นการล่วงเกินท่านสามได้
 
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกหลายประโยค จางอี้หลงก็ยื่นนามบัตรให้กับท่านสาม ไม่รู้ว่ามีคนมากมายขนาดไหนวาดหวังจะทำเช่นนี้ แต่ดูท่าว่าโอกาสนี้จะเกิดขึ้นกับคนเพียงผู้เดียว ในที่สุดจางอี้หลงและคนที่อยู่ข้างกายก็ทำความเคารพท่านสามและแยกตัวออกมา แบงค์สังเกตเห็นท่าทีที่สนิทสนมจนเกินปกติของจางอี้หลงกับเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นแล้วก็สะกิดใจจนต้องหลบไปยืนหลังซุ้มน้ำแข็งแกะสลักเพื่อลอบมองพฤติกรรมของคนทั้งคู่ ยิ่งดูเขาก็ยิ่งโมโหเมื่อเห็นท่าทีเล็กๆ น้อยๆ ที่จางอี้หลงแสดงออกถึงความดูแลเทคแคร์เด็กหนุ่มหน้าใสคนนั้น การโอบไหล่โอบเอวแตะมือแตะไม้แม้จะไม่นานแต่ก็ไม่ใช่การกระทำของคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ต้องพูดถึงการจิบไวน์จากแก้วเดียวกัน หรือการป้อนของทานเล่นชิ้นเล็กๆ ให้กัน ที่เขาเห็นอยู่ตำตาในตอนนี้
 
แบงค์โมโหจนเลือดขึ้นหน้า เขาเองก็ได้ไปร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ในวันนั้นจนต้องกล้ำกลืนฝืนทนกลายเป็นสักขีพยานในการอยู่ร่วมกันของคนทั้งคู่ ผ่านมาได้ไม่เท่าไหร่ จางอี้หลงกล้าดียังไงถึงได้หักหลังน้องคุนแบบนี้ ไม่รู้หรือว่าตอนนี้น้องคุนก็อยู่ในประเทศจีนเหมือนกันถึงจะคนละเมืองก็เถอะ ยิ่งนึกถึงว่าขณะที่น้องคุนกำลังตั้งใจอยู่กับการแข่งขันกู่ฉิน แฟนหนุ่มก็มาหลงระเริงพลอดรักกับเด็กหน้าใสคนใหม่ต่อหน้าธารกำนัล เด็กคนนั้นถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ อาจจะไม่หล่อเหลาราวหยกสลักไร้ที่ติแบบหลี่คุน แต่ใบหน้าโดดเด่นที่คล้ายแต่งหน้าสไตล์ผู้ชายมาบางๆ จนโฉบเฉี่ยวนั้น เรียกว่าดูดีกว่าดาราทั่วไปเสียอีก ท่าทางที่ดูอ้อนนิดๆ นั้นดูตรงข้ามกับท่าทีองอาจสง่าผ่าเผยของหลี่คุน แต่เมื่ออยู่ข้างกันกับจางอี้หลงก็ดูมีเคมีตรงกันไม่น้อย
 
แบงค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ในฐานะคนสนิทและพระรองที่แสนดีของน้องคุนเขามีหน้าที่ต้องกระชากหน้ากากของคนลวงโลกอย่างจางอี้หลงออกมา โชคดีที่เขาเพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นรุ่นใหม่ที่ทั้งซูมไกลและถ่ายในที่แสงน้อยได้ดี หลักจากหลบมุมแอบถ่ายรัวๆ จากระยะไกลไม่นาน เขาก็ถ่ายภาพความใกล้ชิดสนิทสนมที่ไม่สมควรของคนทั้งคู่ไว้ได้เกือบร้อยภาพ แต่ละภาพชัดแจ๋วสมราคาครึ่งแสนของโทรศัพท์ เขายังไม่คิดจะส่งภาพพวกนี้ไปให้น้องคุนในตอนนี้เพราะอาจกระทบต่อการแข่งขัน แต่ก็ใช่ว่าคนอื่นจะรู้ไม่ได้
 
แบงค์สร้างกลุ่มแชทเฉพาะกิจขึ้นมาแล้วเพิ่มรายชื่อไปทีละคนขณะเหยียดยิ้มจางๆ
 
SpideyTin
 
ChewyYummyFruity
 
hacks.the.immortal!
 
PAcupuncturistMD
 
เมื่อใส่ชื่อจนครบเขาก็ส่งรูปที่เพิ่งถ่ายมาสดๆ ร้อนๆ ชุดใหญ่เข้าไปอย่างไม่ลังเล
 

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 48] 26/11/2020
«ตอบ #148 เมื่อ26-11-2020 21:44:51 »

จางอี้หลง ทำอะไร
เดี๋ยวน้องคุนรู้ล่ะก็ ......

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 48] 26/11/2020
«ตอบ #149 เมื่อ27-11-2020 18:24:47 »

ผู้ช่วยให้ยุ่งนะนี่………

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด