Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 48] 26/11/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 48] 26/11/2020  (อ่าน 21188 ครั้ง)

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 12] 31/10/2019
«ตอบ #30 เมื่อ31-10-2019 22:18:13 »

อยากให้มีแท็คกรี๊ดร้องงง พระเอกของคุณพี่แน่นอน ชีวิตบ้านนี้ผัวพันแต่กับคนใหญ่คนโต


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 13] 1/11/2019
«ตอบ #31 เมื่อ01-11-2019 10:32:01 »

13

หลี่คุนได้รับคำบอกเล่าจากน้องชายว่าแฮ็คส์กำลังเร่งสืบความจริงของเรื่องทั้งหมดอยู่  เห็นว่ามันไปพัวพันกับคนใกล้ตัวทำให้มิอาจทำอะไรผลีผลามได้ ดูเหมือนซูเอ๋อร์จะมั่นใจในตัวหนุ่มลูกครึ่งคนนี้มาก หลี่คุนไม่เร่งรัดอะไร ส่วนหนึ่งเขาอยากให้โอกาสเพราะเห็นแก่ความกล้าที่ยอมกินยาของเขาทั้งๆ ที่ยังไม่บังคับ อีกส่วนหนึ่งเพราะเขารู้ดีว่า ด้วยฤทธิ์ของผงพิษผลาญทวารที่จะสร้างความทรมานให้มากขึ้นเรื่อยๆ ยังไงบุรุษหน้าเหม็นที่คิดแย่งชิงน้องชายผู้อื่นคงต้องเร่งพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเพื่อแลกกับยาแก้พิษโดยไม่ชักช้าแน่

แต่ที่เขาไม่รู้คือกับดักที่เขาวางไว้ทำให้น้องชายเกิดความผูกพันกับนักร้องหนุ่มมากขึ้นทุกที ซูกัสจะคุยวิดีโอคอลกับแฮ็คส์เพื่อให้กำลังใจทุกๆ หกชั่วโมงในช่วงที่อาการกำเริบขึ้น เด็กหนุ่มสงสารจับใจเมื่อเห็นขวัญใจตัวเองอยู๋ในสภาพน้ำหูน้ำตาไหลทั้งแสบทั้งคับไปทั้งหน้า ยิ่งเมื่ออาการหนักขึ้น การล้วงแคะแกะเการ่างกายช่วงล่างก็ยิ่งออกแนวทุเรศหมดสภาพนักร้องรูปหล่อสุดเท่จนไม่มีเหลือ ซูเอ๋อร์ตั้งใจจะไปขอยาบรรเทาอาการจากพี่ชายมาให้หรือไม่ก็เอายาถอนพิษที่อยู่กับตัวเองไปทานก่อน อีกฝ่ายก็ไม่ยินยอมบอกว่าเป็นการลงโทษตัวเองที่ทำให้คนที่เขารักต้องเดือดร้อน แผนทรมานสังขารนี้นับว่าได้ผล จากที่เด็กหนุ่มออกจะไม่แน่ใจตัวเองว่าแค่ปลื้มชื่นชมจนเผลอไผลไปกับความสามารถและเสน่ห์ของอีกฝ่าย ก็เริ่มคิดว่ามันน่าจะเป็นความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันจริงๆ

หลี่คุณไม่ได้ระแคะระคายความในใจที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ของซูเอ๋อร์ เขายังคิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์กึ่งเล่นกึ่งจริงของคนยุคนี้ที่ยังไม่แน่ว่าจะไปไกลได้สักแค่ไหน ก่อนหน้านี้เขาถูกการเล่นใหญ่ของอีกฝ่ายที่ฟุ้งไปถึงเรื่องแต่งงานซึ่งถูกจริตกับคนยุคเขาที่ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้จนไขว้เขวไปหน่อย แต่มาถามๆ คนอื่นดู ถึงเป็นสมัยที่เปิดกว้างนี้ การแต่งงานระหว่างผู้ชายด้วยกันในแคว้นนี้ยังมีน้อยยิ่งนัก แม้กระทั่งการแต่งงานระหว่างชายหญิงก็ดูจะไม่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเหมือนสมัยก่อน เขาจึงคลายใจในเรื่องนี้ลงหันไปสนใจเรื่องอื่นแทน

หลี่กำลังเร่งคิดหาวิธีฝึกฝนกำลังภายในอย่างหนัก เหตุการณ์หลายอย่างที่ผ่านมาทำให้เขารู้ว่าหากไร้ซึ่งกำลังภายใน เขาก็เป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่งที่รังแต่จะถูกรังแก ไม่ต้องมองไปที่ไหนไกล ทุกวันนี้เขายังถูกตินเพื่อนสนิทใช้กำลังบังคับให้ทำโน่นทำนี่อยู่ตลอด ทั้งๆ ที่มวยไทยที่ตินเรียนนั้น หากเป็นยุคโน้นก็จัดเป็นแค่มวยแข็งใช้เพียงกำลังภายนอกซึ่งหัดกันในหมู่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น

ที่ผ่านมาเขาก็พยายามใช้การฝังเข็มและโอสถที่ปรุงขึ้นกรุยช่องทางลมปราณที่อุดตันของร่างนี้ไปได้บ้าง แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะฝึกกำลังภายในเก้ามังกรบรรพกาลเหมือนในอดีตได้ การฝึกฝนลมปราณเก้ามังกรจะต้องเริ่มตั้งแต่ยังเยาว์เพื่อให้จุดตันเถียนที่เป็นแหล่งสะสมลมปราณค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมๆ กับร่างกายที่กำลังเติบโต นั่นเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ผู้ฝึกฝนลมปราณนี้มีกำลังภายในสำรองที่มากกว่ายอดยุทธ์ผู้อื่นหลายเท่านัก ต่อให้ไม่มีปัญหาเรื่องช่องทางโคจรพลังทั่งร่างอุดตันจากมลภาวะในยุคปัจจุบัน คุณานนท์ที่ร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จึงมิอาจฝึกฝนลมปราณลับประจำตระกูลหลี่ได้

ในบรรดาสรรพวิชาที่บรรจุอยู่ในความทรงจำของหลี่คุน กล่าวได้ว่าไม่มีเคล็ดวิชากำลังภายในของสำนักอื่นๆ อยู่เลย ลมปราณเก้ามังกรมีความเหนือล้ำเกินไปจนเขาไม่ได้ให้ความสำคัญวิชากำลังภายที่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย มีเพียงวิชากำลังภายในอีกสายหนึ่งเท่านั้นที่เขาเคยศึกษาทำความเข้าใจเพื่อนำไปถ่ายทอดให้ผู้อื่น

‘เคล็ดวิชากำลังภายในบุปผาเร้นวารี’

เคล็ดวิชานี้มีความแปลกพิสดารจนอาจเรียกได้ว่าเป็นวิชานอกรีต มีส่วนคล้ายลมปราณเก้ามังกรตรงที่เน้นการสะสมกำลังภายในไว้ที่จุดตันเถียน หากต่างกันตรงที่ผู้ฝึกจะอาศัยพลังจากภายนอกไม่ได้สร้างจากการโคจรกำลังภายในด้วยตัวเอง พลังภายนอกที่ว่าคือพลังหยางของผู้อื่น บรรพชนในอดีตกาลได้คิดค้นวิชานี้เพื่อให้สตรีอ่อนแอที่ไม่ได้ฝึกฝนลมปราณสามารถดูดซับพลังหยางของบุรุษใกล้ชิดมาเปลี่ยนเป็นกำลังภายในเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

ในชาติก่อนหลี่คุนเคยลอบเข้าวังหลวงถ่ายทอดเคล็ดวิชาบุปผาเร้นวารีให้กับฮองเฮาเพื่อให้นางใช้ป้องกันตัวเองจากการแก่งแย่งชิงดีประทุษร้ายในราชวงศ์ ฮองเฮาได้รับความรักใคร่ใกล้ชิดสนิทสนมจากฮ่องเต้มากทำให้ดูดซับพลังหยางเข้มข้นของโอรสสวรรค์สะสมเป็นกำลังภายในเก็บไว้ไม่น้อย ในคราที่ถูกยาพิษจากกุ้ยเฟยคู่อาฆาตก็สามารถขับพิษออกได้เองสร้างความประหลาดใจให้กับหมอหลวงเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเคยถึงกับช่วยชีวิตองค์ฮ่องเต้สะกัดการจู่โจมลอบสังหารของนักฆ่าได้อย่างหวุดหวิด ไม่มีใครคิดว่าฮองเฮาผู้เป็นสตรีอ่อนแอไม่เคยฝึกวรยุทธ์จะสามารถปัดลูกธนูดอกนั้นได้ด้วยมือเปล่า

วิชานี้เป็นความลับอย่างยิ่ง หากสตรีอ่อนแอทั่วแคว้นสามารถเพาะบ่มกำลังภายในได้ด้วยวิธีลัดเช่นนี้จะเกิดความวุ่นวายเพียงใด ตลอดทุกยุคตระกูลหลี่จะถ่ายทอดเคล็ดวิชานี้ให้กับสตรีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อแว่นแคว้นและมีคุณธรรมสูงเท่านั้น ผู้ที่ได้รับเคล็ดวิชานี้ไม่อาจถ่ายทอดต่อให้ผู้อื่นได้เพราะต้องใช้การฝังเข็มตามตำแหน่งลับเพื่อปรับสภาพร่างกายด้วย แม้จะเป็นวิชาที่คิดค้นขึ้นมาสำหรับอิสตรี แต่ตระกูลหลี่มีบันทึกไว้ว่าในสมัยราชวงศ์ซ่งเคยมีการถ่ายทอดวิชานี้ให้กับบุตรชายคนรองของตระกูลที่ร่างกายบกพร่องแต่กำเนิดฝึกฝนลมปราณไม่ได้จนสามารถใช้วรยุทธ์ได้ หลี่คุนตัดสินใจอย่างยากลำบาก เขาผู้เคยสำเร็จถึงขั้นเจ็ดของยอดวิชาลมปราณเก้ามังกรย่อมทำใจไม่ได้ที่จะฝึกฝนวิชาลมปราณที่ใช้แล้วหมดไป จะฟื้นฟูเองก็ไม่ได้ต้องพึ่งพาพลังหยางจากผู้อื่น แต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

หลี่คุนเริ่มการฝึกเคล็ดวิชาบุปผาเร้นวารีด้วยการฝังเข็มตัวเองเพื่อปรับสภาพจุดตันเถียนให้พร้อมที่จะซึมซับพลังหยางจากภายนอก การฝังเข็มที่พิสดารซับซ้อนนี้กินเวลาถึงหกชั่วยามและต้องใช้การกระตุ้นด้วยไฟฟ้าร่วมด้วย เมื่อแล้วเสร็จอาณาเขตจุดตันเถียนของหลี่คุนก็เริ่มมีรูปร่างชัดเจนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว แม้จะเล็กยิ่งแต่ก็เป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเริ่มเก็บสะสมกำลังภายใน

บุรุษคนอื่นในยามนั้นก็มีแต่ซูเอ๋อร์เท่านั้น เขาหาข้ออ้างหลอกล่อน้องชายมาจับมือเพื่อดูดซับพลังหยางเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นก็พยายามโคจรพลังไปเส้นลมปราณที่ค่อนข้างตีบตันเพื่อเปลี่ยนสภาพให้กายเป็นกำลังภายในไปเก็บกักไว้ที่จุดตันเถียน เขาพยายามอยู่นานจนซูกัสสงสัย แต่จุดตันเถียนขนาดเพียงเมล็ดถั่วเขียวนั้นก็ไม่เต็มเสียที จะว่าไปความเข้าใจในเรื่องการดูดซับพลังหยางตามเคล็ดวิชานี้ของเขาก็มีไม่มากเท่าไหร่ คราเมื่อถ่ายทอดให้ฮองเฮาในตำรากล่าวไว้ว่าหากเป็นสตรีที่มีสามีแล้วเรื่องพวกนี้ย่อมเป็นไปตามธรรมชาติเขาถึงมิได้ใส่ใจในจุดนี้

หลี่คุนให้ซูเอ๋อร์ตามเจ้าใหญ่เจ้ารองและเจ้าสามมาที่คอนโดโดยบอกว่าจะแจกโอสถบำรุงผิวหน้าให้เพิ่มเติมทำให้ทั้งหมดรีบรุดมาทันที จากนั้นก็ใช้ข้ออ้างว่าจะตรวจสอบสภาพผิวลูบคลำร่างกายส่วนต่างๆ เพื่อทดลองฝึกฝนการดูดซับพลังหยาง หลังจากทดลองกลับไปกลับมาระหว่างหนุ่มรุ่นน้องทั้งสี่จึงค้นพบว่าซูเอ๋อร์อายุน้อยกว่าเพื่อนทำให้มีพลังหยางที่บริสุทธิ์แต่บางเบาเกินไป เจ้ารองและเจ้าสามดีกว่าเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ส่วนเจ้าใหญ่กันดั้มที่สูงวัยกว่าเกือบหนึ่งปีและเป็นนักกีฬาให้พลังหยางที่เข้มข้นกว่าจนเกือบจะใช้การได้ เสียดายที่ปนเปื้อนพลังอื่นมากเกินไป

“พี่คุนเป็นอะไรนี่ มาถึงก็ลูบๆ คลำๆ พวกเราเสียหายนะ”

เด็กสี่คนเขินหน้าแดงจนต้องโวยวายออกมา ถึงแม้ไม่ได้คิดอะไรในแง่นั้นแต่การถูกหนุ่มหล่อระดับเทพมาแตะเนื้อต้องตัวใกล้ชิดก็ทำให้ใจไม่ดีเอาง่ายๆ หลี่คุนได้ยินก็หยุดมืออย่างเสียดาย สงสัยจะทำมากเกินไปจนเจ้าพวกนี้นึกว่าโดนหลอกกินเต้าหู้

“บุรุษด้วยกันแตะเนื้อต้องตัวนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไรไป พี่ชายก็แค่เอ็นดูพวกเรา”

“พี่พูดเองนะ งั้นผมขอแล้วกัน หมั่นเขี้ยวมานาน คนอะไรแก้มใสน่าฟัดเหมือนหลานชายผมเลย”

กันดั้มตรงเข้าไปเอาจมูกถูไถแก้มของหลี่คุนอย่างหยอกล้อ คนอื่นๆ เห็นเข้าก็เอาอย่างบ้าง ต่างแย่งชิงความใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ชายที่ชื่นชมจนหลี่คุนเหมือนถูกรุมแกล้งด้วยเด็กยักษ์กลุ่มใหญ่ พลังหยางจากแต่ละคนแม้ไม่มากนักแต่ก็หลั่งไหลเข้าร่างกายหลี่คุนหมุนเวียนไปตามวงโคจรเปลี่ยนเป็นกำลังภายในไปเก็บสะสมไว้ที่จุดตันเถียนอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็เกินกว่าอาณาเขตขนาดเม็ดถั่วเขียวจะรองรับได้เกิดการระเบิดเบาๆ ขึ้นภายใน

จุดตันเถียนพลันขยายออกจนมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลือง

หลี่คุนเผลอวาดฝ่ามือออกไปกระทบจุดบนร่างใหญ่แบบนักกีฬาที่ทาบมาจนเขาดิ้นไม่หลุด กระแสลมปราณบางเบาไหลออกไปจากปลายนิ้วด้วยความชำนาญที่ติดมาจากชาติก่อน ร่างของกันดั้มแน่นิ่งหยุดเคลื่อนไหวทันทีทำให้หลี่คุนดิ้นหลุดออกมาจากการถูกรุมได้

กำลังภายในบุปผาเร้นวารีครึ่งขั้น?

วิชาสะกัดจุดเขากลับมาใช้ได้แล้ว!!!

หลี่คุนรีบฉวยโอกาสที่เจ้าใหญ่กันดั้มยังงงๆ รีบคลี่คลายจุดให้ทันที เขาทำทีเป็นตำหนิเพื่อกลบเกลื่อน

“เลิกเล่นได้แล้ว พวกนายเป็นเด็กทารกหรือไง”

กันดั้มเกาหัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกช๊อตแล้วเคลื่อนไหวไม่ได้อยู่ช่วงนึงสั้นๆ แม้ตอนนี้จะขยับได้แต่ยังรู้สึกขัดๆ

“พี่คุน เมื่อกี๊เล่นกันเหมือนผมเป็นตะคริวที่หลัง ยังชาหนึบๆ อยู่เลย”

นั่นเป็นอาการปกติหลังจากที่ถูกคลายจุด การสะกัดจุดเป็นการใช้พลังลมปราณไปขัดขวางเส้นทางโคจรพลังพื้นฐานทำให้ร่างกายทั้งหมดหรือบางส่วนขยับไม่ได้ แม้จะขจัดพลังลมปราณภายนอกออกไปแล้ว เลือดลมก็จะยังเดินไม่สะดวกไปอีกระยะหนึ่ง ที่จริงปล่อยไว้สักพักก็จะหายเอง แต่หลี่คุนลอบตรวจสอบกำลังภายในที่สะสมอยู่พบว่าหายไปเกือบหมดแล้วต้องเร่งเติมโดยด่วน

“งั้นถอดเสื้อแล้วนอนคว่ำลง พี่จะนวดเฟ้นให้”

กันดั้มทำตามแต่โดยดี หลี่คุนค่อยๆ นวดคลายเส้นให้พร้อมกับดูดซับพลังหยางของเด็กหนุ่มเข้ามาสะสมอีกรอบ พลังหยางมีความสัมพันธ์กับความมุ่งมั่นอำนาจความเข้มแข็งเป็นผู้นำซึ่งเป็นลักษณะของบุรุษของแต่ละคน พลังหยางของคนยุคนี้บางเบากว่าแต่ก่อนมาก อาจจะเพราะชีวิตค่อนข้างสะดวกสบาย แม้เป็นบุรุษก็ไม่ต้องป้องกันตัวเองจากโจรผู้ร้าย ปกป้องสตรี ออกทัพจับศึก หรือแม้แต่คิดทำการใหญ่ที่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมากมาย ในกรณีของเจ้าใหญ่ น่าจะเพราะเป็นนักกีฬาที่ต้องมุ่งมั่นทุ่มเทฝึกซ้อมแข่งขันเอาชัย ทำให้มีพลังหยางที่เข้มข้นมากกว่าเพื่อนๆ น่าเสียดายที่ปนเปื้อนพลังหยินมากเกินไป ดูถ้าน้องชายผู้นี้จะมีชะตาดอกท้อเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าแม่นางที่ไม่ค่อยสงวนตัวในยุคนี้ไม่น้อย

“เจ้าใหญ่ พี่ชายได้ศึกษาการแพทย์จีนมาบ้าง รู้สึกว่านายจะหมกมุ่นกับการรวมหยินผสมหยางมากเกินไป เวลานี้ยังหนุ่มแน่นอาจไม่เป็นอะไร แต่ต่อไปจะเกิดอาการไตบกพร่อง แก่กว่าวัย ผมหงอก ไม่คึกคะนองเหมือนเดิม ยิ่งนายทำมันกับสตรีมากหน้าหลายตา ผลเสียจะยิ่งมากขึ้น”

กันดั้มตกใจมาก เขาเป็นพวกเงียบๆ แต่ฟาดเรียบไม่เหลือ ตั้งแต่เข้าสู่วัยหนุ่มก็ใช้หุ่นนักกีฬาและหน้าตาที่คมคายสร้างสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดกับสาวๆ รุ่นพี่มาโดยตลอด แม้แต่เพื่อนๆ ก็ไม่รู้ด้านมืดอันนี้ของเขาเท่าไหร่ ถึงจะพูดจาแปลกๆ ตามสไตล์พี่คุน แต่เขาพอเดาได้ว่ากำลังเตือนเขาเรื่องนี้ พี่แกรู้ได้ยังไง

“นายต้องลดการร่วมหอกับสตรีเหล่านั้นลงบ้าง”

หลี่คุนเตือนต่ออย่างหวังดี
 
“เอ่อ อ่า ผมก็ไม่ค่อยได้ทำที่หอหรอกครับ พวกเจ๊ๆ ชอบไปที่โรงแรมมากกว่า ต่อไปผมจะเลี่ยงการร่วม..ที่หอนะครับ”

“จะที่ไหนก็ลดๆ ลงบ้าง เจ้าลูกเต่า!”

พอดูดซับพลังหยางจากกันดั้มจนเต็ม หลี่คุนก็แจกยาเสริมหล่อให้ทุกคนแถมยาจีนบำรุงหยางชุดใหญ่ให้กันดั้มเป็นพิเศษก่อนจะไล่กลับไปเพราะทดลองเรื่องนี้จนเป็นที่พอใจแล้ว กำลังภายในบุปผาวารีครึ่งขั้นเพียงพอให้สะกัดจุดและคลายจุดได้เพียงหนึ่งรอบ ช่างน้อยนิดจนไม่นับเป็นอันใดได้ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็พิสูจน์ว่าเขามาถูกทางแล้วในการนำกำลังภายในกลับมาใช้ในยุคนี้ อย่างน้อยวิชาสะกัดจุดก็สามารถใช้เป็นไม้ตายก้นหีบในยามคับขับได้ดี

ในวันรุ่งขึ้น หลี่คุนก็ไปฝึกงานพร้อมกับกำลังภายในที่เต็มเปี่ยมในจุดตันเถียน เมื่อเจอใบหน้าสุดแสนธรรมดาที่ยอดเยี่ยมของเพื่อนสนิท เขาก็นึกได้ว่านี่คือหนึ่งในเป้าหมายของการแก้แค้น เขาเกร็งฝ่ามือฉาบด้วยกำลังภายในบางเบาตบไปตามแนวขนานของหัวตินแบบที่คนยุคนี้เรียกว่าเบิ๊ดกะโหลกจนอีกฝ่ายหัวคะมำ

“ไอเชี่ยเจ็บ”

“แล้วทีมึงทำกูล่ะ ไอเหี้ยติน”

กับตินเขาพูดภาษายุคนี้ได้คล่องปากมาก

“กูตบมึงแรงขนาดนี้ที่ไหน มึงตาย”

ตินชกท้องอีกฝ่ายอย่างแรง กับเพื่อนคนนี้เขาไม่เคยออมมืออยู่แล้ว ด้วยหน้าตาแบบไอคุนถ้าไม่มีเขาคอยเตือนสติสักคน คนอื่นคงเอาใจจนมันเหลิงกลายเป็นพวกหล่อไม่เห็นหัวคนอื่นแน่ นี่คือความหวังดีที่มาพร้อมกำปั้นของเขา

ปึ่ก!

หมัดของเขากระทบกับหน้าท้องที่แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ นี่มันไม่ต่างอะไรกับกล้ามท้องของนักมวยเจนเวทีที่ฟิตร่างกายมาเป็นอย่างดี จะเป็นไปได้ยังไง คุณานนท์หุ่นดีแบบนายแบบแต่ไม่มีหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ อย่างนี้แน่เขามั่นใจ เขาพยายามถลกเสื้อนักศึกษาสีขาวของเพื่อนออกหวังดูให้หายข้องใจ แต่การปัดป้องของอีกฝ่ายดูจะมีพละกำลังมากกว่าแต่ก่อนจนเขาต้องเอาจริง ไหนเลยเขาจะรู้ว่าหลี่คุนลอบใช้กำลังภายในบางส่วนมาสร้างระฆังทองคุ้มครองกายตามเคล็ดวิชาของวัดเส้าหลิน

“อ้าว เด็กฝึกงานอย่าเล่นกันสิจ๊ะ ถึงเห็นแล้วมันจะกระชุ่มกระชวยดีก็เถอะ เอาไว้ช่วงพักนะหนุ่มๆ เจ๊จะรอดู”

พอได้ยินเสียงกึ่งดุกึ่งแซวดังขึ้นจากพี่พนักงานทั้งคู่ก็พักรบชั่วคราว หลี่คุนลอบถอนหายใจ เพียงการต่อสู้สั้นๆ ที่ไม่จริงจังเขาก็ใช้กำลังภายในที่เก็บไว้จนหมดสิ้น ความสำเร็จของวิชาบุปผาเร้นวารีแค่ครึ่งขั้นนี่ไม่พอที่จะใช้ในการต่อสู้แน่ๆ เขาจำเป็นต้องหาแหล่งพลังหยางดีๆ เข้ามาเยอะๆ ในคราเดียวเพื่อทะลวงอาณาเขตจุดตันเถียนให้ขยายตัวออกไปอีก

“ไปสิวะ จะยืนอยู่ให้พี่เขาด่าอีกเหรอ”

ตินเอาแขนโอบคอเพื่อนแล้วลากตัวออกไปทางโต๊ะเด็กฝึกงาน พลังงานหยางไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายหลี่คุนอย่างต่อเนื่อง เขาถึงกับเอามือไปโอบเอวตินอีกทางเพื่อเพิ่มพื้นที่รับพลัง มันเข้มข้นกว่าของเจ้าใหญ่กันดั้มราวสามส่วนแต่ความบริสุทธิ์สูงกว่ามาก ตินฝึกมวยไทยซึ่งเป็นกีฬาเชิงต่อสู้ไม่แปลกที่จะให้พลังหยางที่คุณภาพดีเช่นนี้ แถมยังไม่ปนเปื้อนพลังหยินด้วย

“เฮ้ยติน พวกนักมวยนี่ไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ หรอกหรอวะ”

“ใช่ที่ไหน นักมวยโคตรเท่เลย สาวตรึม แต่ต้องคอยระวังตัว พวกค่ายมวยไทยส่วนใหญ่จะเคร่งครัดเรื่องพวกนี้ ต่อให้มีแฟนแล้วก็ยังไม่ค่อยได้จู๋จี๋กัน ช่วงฟิตซ้อมก่อนแข่งนี่ ห้ามมีอะไรกันเด็ดขาด ช่วยตัวเองยังไม่ได้เลย”

ตินตอบเพื่อนไปตรงๆ หลี่คุนได้ยินถึงกับตาวาว เหล่าชายฉกรรจ์ที่มุ่งมั่นฝึกยุทธ์ แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ  ห้ามมีอะไรกับสตรี ห้ามปลอดปล่อยพลังหยางเข้มข้นออกจากร่างกาย นี่มันแหล่งพลังงานชั้นยอดชัดๆ

“ตินนนนนน จะไปค่ายมวยอีกเมื่อไหร่”

————————————

Tag เรื่องนี้ #อี้หลงคุน
แท็คที่วังเวงที่สุดในจักรวาลทวิต 55

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 14] 6/11/2019
«ตอบ #32 เมื่อ06-11-2019 15:01:10 »

14

“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ ผู้จัดการผมเขากลัวเรื่องที่ผมหลงน้องมากจะทำให้งานเสีย คิดไปเองว่าน้องจะมาหลอกลวงอะไรผม เลยวู่วามใช้มือถือผมแกล้งส่งข้อความขู่ออกไป แต่เขาไม่ได้คิดจะทำจริงหรอกครับ กะว่าถ้าน้องไม่จริงจังคงจะเงียบหายไปเอง ผมรู้จักพีทมาตั้งแต่มัธยม เขาไม่ใช่คนที่จะทำร้ายคนอื่นหรอกครับ”

แฮ็คส์เล่าเรื่องที่ไปสืบมาได้ให้กับพี่ชายของซูกัสที่นัดมาเจอกันที่ร้านกาแฟอย่างโล่งใจ ทีแรกเขากังวลมากเมื่อลูกน้องแจ้งร่องรอยการใช้โทรศัพท์เขาในช่วงที่โดนเก็บตัวอยู่กับกองถ่ายว่าเป็นเวลาเดียวกับที่พีทผู้จัดการของเขาเป็นคนเก็บรักษาโทรศัพท์ไว้ แถมเมื่อเช็คข้อความข่มขู่แต่ละอันที่ซูกัสได้รับ ก็ตรงกับการใช้ดาต้าบนโทรศัพท์เครื่องนั้นที่เช็คมาจากเครือข่ายผู้ให้บริการ เมื่อไปสอบถามจากพีทที่แรกก็ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง สุดท้ายเมื่อหลักฐานแน่นหนา ก็สารภาพว่าเป็นคนส่งข้อความไปข่มขู่เองเพราะกลัวแฮ็คส์ถูกหลอก แต่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายซูกัสอย่างแน่นอน

นักร้องหนุ่มยังติดใจสงสัยอยู่บ้าง จริงอยู่ที่เขาให้รหัสเข้าโทรศัพท์ไว้กับผู้จัดการเผื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน แต่แอฟที่เขาใช้คุยกับน้องมันมีพาสเวิร์ดต่างหากพีทไม่ควรเข้าไปใช้งานได้ พอถามไปพีทก็บอกว่ามันเข้าใช้งานเองอัตโนมัติ เนื่องจากโทรศัพท์เครื่องนั้นพังไปตั้งแต่ต้นแล้วเลยพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ได้ แต่เมื่อเห็นเพื่อนสมัยเรียนสารภาพเรื่องราวออกมาอย่างน่าเห็นใจ และยืนยันถึงขั้นสาบานว่าไม่มีเจตนาทำร้ายซูกัสเขาเลยมั่นใจว่าเป็นจริงตามนั้น

“ต้องขอโทษทุกคนด้วยครับที่ผมทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ พอดีผมกับแฮ็คส์เป็นทั้งเพื่อนทั้งผู้ร่วมงานกันมานาน เลยออกจะกังวลแทนเขามากไปหน่อย”

ผู้จัดการของแฮ็คส์ค้อมหัวเล็กน้อยเป็นการขอโทษเด็กหนุ่มสองคนที่อ่อนอาวุโสกว่า

“นี่เราพามาเจอซูกัสแล้วนะพีท นายจะได้เห็นกับตาว่าเด็กน่ารักอย่างนี้จะมาหลอกอะไรเราได้ หรือถ้าโดนหลอกจริง เราก็เต็มให้หลอกทั้งตัวทั้งหัวใจ”

นักร้องหนุ่มพูดกับเพื่อนควบตำแหน่งผู้จัดการอย่างสบายใจ แล้วถือโอกาสหยอดใส่เด็กหนุ่มที่หมายปองแถมไปด้วย หลี่คุนได้ยินถึงกับกลอกตามองไปด้านบนอย่างที่เห็นคนสมัยนี้ชอบทำ แม้แต่เขาที่มาจากหกเจ็ดร้อยปีก่อน ยังรู้สึกว่าวาจาเกี้ยวพาราสีนี้เชยจนสุดจะทนจริงๆ

“จริงครับ หน้าตาดีมากทั้งพี่ทั้งน้องเลย ถ้ายังไงพี่พาเข้าวงการให้ได้นะครับ จะดูแลให้เป็นพิเศษเลย”

พีทพูดกับสองพี่น้องอย่างผูกมิตรพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ ซูกัสเห็นท่าทางที่ดูจริงใจในการชักชวนของอีกฝ่ายก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ถ้าพี่คุนของเขาได้เข้าวงการจริงจะโด่งดังขนาดไหน แต่พอนึกถึงนิสัยประหลาดๆ ตั้งแต่หลังอุบัติเหตุของพี่ชายก็รู้สึกว่าเอาไว้ให้หายสนิทก่อนก็แล้วกัน

“ผมยังไม่สนใจครับ ตกลงว่าเรื่องทั้งหมดสรุปจบลงแบบนี้ใช่ไหมครับคุณแฮ็คส์”

“ใช่ครับ พีทเขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ส่วนเรื่องที่น้องต้องมาตกใจเสียขวัญ ผมเองก็ปวดใจครับ ถ้ามีอะไรที่จะให้ผมชดเชยได้ คุณพี่ชายบอกมาได้เลยนะครับ ผมยินดีรับผิดชอบทั้งหมด อ้อ นอกจากการรักน้องให้มากกว่านี้นะครับ เพราะมันเต็มร้อยไปนานแล้ว”

พอเถอะ อย่าได้พ่นวาจาแสนเชยนั้นออกมาอีกเลย แม้แต่สมัยราชวงศ์หมิงของเขาก็ไม่มีใครเกี้ยวสตรีหวานเลี่ยนเช่นนี้ หลี่คุนนึกในใจแล้วก็หันไปมองหน้าซูเอ๋อร์

“งั้นก็ต้องแล้วแต่ซูกัสแล้วกัน ตัดสินใจเอาเอง ยาเม็ดนั้นพี่ให้ไปแล้วจะทำยังไงก็แล้วแต่”

“ผมเชื่อใจพี่แฮ็คส์ครับ พี่เขาก็พยายามเต็มที่จนได้ความจริงมาแล้ว  ที่ผ่านมาทรมานขนาดไหนพี่เขาก็ไม่เคยบ่น พี่แฮ็คส์ ทานยาเถอะครับ”

แฮ็คส์มองเด็กน้อยปากแดงอย่างซาบซึ้ง ใจหนึ่งก็นึกเสียดายที่ช่วงเวลาพิเศษระหว่างกันทุกๆ หกชั่วโมงต้องสิ้นสุดลง แต่ชีวิตยังต้องเดินต่อ เขาต้องกลับไปทำงาน เด็กน้อยพอเปิดเทอมก็ต้องไปโรงเรียน จะมามัวนั่งคันนั่งเฝ้ากันแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ เขารับยาลูกกลอนมาจากมือขาวเนียนเอาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามทันที พีทมองอย่างงงๆ ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เขารู้แต่ว่าแฮ็คส์ขอลางานยาวเพราะปัญหาสุขภาพ

หลี่คุนสีหน้าเรียบเฉยแต่ในใจคิดว่าสุดท้ายเรื่องก็จบไปง่ายๆ อย่างนี้หรือ เขาปล่อยให้น้องชายตัดสินใจด้วยตัวเองเพราะอีกไม่นานซูเอ๋อร์ก็จะเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว จะมามัวพึ่งพาคนอื่นไปตลอดไม่ได้ ซูเอ๋อร์เชื่อใจคนผู้นั้นเขาก็จะเชื่อด้วย เสียดายที่ในบรรดาคนเหล่านี้ มีหนึ่งคนที่โกหก!

ตั้งแต่ที่หลี่คุนฟื้นกำลังภายในมาได้เล็กน้อย ความสามารถในการอ่านการเต้นของชีพจรและอาการทางกายอื่นๆ ของเขาก็พัฒนาขึ้น ผู้จัดการของแฮ็คส์ไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย เรื่องนี้ยังมีเบื้องหลังที่ถูกปกปิดไว้เป็นแน่ เขารู้สึกผิดหวังในตัวนักร้องหนุ่มเป็นอย่างมาก ความคิดตื้นเขินไม่ทันคนเช่นนี้จะดูแลน้องชายเขาได้อย่างไร

“งั้นถือว่าเรื่องทั้งหมดก็เคลียร์กันไปแล้วนะครับ ผมต้องขอโทษแทนผู้จัดการของผมอีกครั้ง ส่วนพีท ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปนายไม่ต้องมาดูแลเราอีกแล้วนะ ค่าชดเชยที่เลิกสัญญาก่อนกำหนดเราจะให้ทนายความจัดการให้ นายได้เต็มที่แน่นอนไม่ต้องห่วง”

หน้าตาที่สุภาพชวนให้สนิทใจของผู้จัดการขึ้นสีเลือดอย่างตกใจแกมโกรธจัด

“นายทำอย่างงี้ได้ไง เราอธิบายเรื่องทั้งหมดไปแล้ว เจ้าตัวเขาก็ไม่เห็นเดือดร้อน เด็กนี่มันสำคัญกว่าเราที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานตรงไหน”

“เรารู้แต่ว่าคงทำงานกับคนที่ทำลายความไว้ใจของเราต่อไปไม่ได้แล้วล่ะพีท ให้จบกันด้วยดีเถอะ ต่อไปเจอหน้ากันยังทักทายตามประสาเพื่อนเก่าได้บ้าง

พีททำท่าระงับอารมณ์ก่อนจะผลุนผลันออกไปจากร้านกาแฟ หลี่คุนนึกในใจว่าเขาอาจดูเบานักร้องลูกครึ่งผู้นี้เกินไป ถึงจะดำเนินการไม่เด็ดขาดอย่างที่เขาอยากเห็น แต่อย่างน้อยก็ยังรู้จักแยกแยะว่าผู้ใดไม่ควรเก็บไว้ใกล้ตัว แต่แน่นอนว่าเขาไม่มีทางพอใจกับผลลัพธ์เพียงแค่นี้ จากการดูโหงวเฮ้งและอ่านอากัปกิริยาของผู้จัดการคนนั้นอย่างละเอียด หลี่คุนรับรู้ได้ถึงความคิดชั่วร้ายที่ซ่อนไว้ไม่มิด คนแบบนี้หากเป็นในชาติก่อนต้องสังหารทิ้งหรือเนรเทศออกไปในทันที แต่ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ในสมัยราชวงศ์หมิงแล้ว ก็ต้องหาวิธีจัดการแบบอื่น ก่อนอื่นเขาควรจะหาทางเพิ่มกำลังภายในให้มากกว่านี้ คิดทำงานใหญ่จะประมาทแบบครั้งก่อนไม่ได้แล้ว

………………………………………………………………………

“นี่คือค่ายมวยที่มึงฝึกมาตั้งแต่เด็กเหรอวะติน”

หลี่คุนมองไปรอบๆ ค่ายมวยไทยที่ตินพามา บรรยากาศที่คล้ายสำนักฝึกยุทธ์ในชาติก่อนทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก นักมวยหลายคนกำลังฝึกซ้อมมีตั้งแต่รุ่นเด็กไปจนถึงหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ แต่ก็จำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับขนาดของโรงฝึก

“ค่ายมวยครูเผด็จ คนในวงการรู้จักทุกคน แต่ก่อนดังมาก มีนักมวยเก่งๆ ระดับแชมป์หลายคน แต่เดี๋ยวนี้ซบเซาลงเยอะ มีค่ายมวยใหญ่ๆ ที่เจ้าของเป็นนายทุนหรือผู้มีอิทธิพลเปิดใหม่เต็มไปหมด พวกนี้แหละมาดูดคนไปทำเป็นธุรกิจเต็มรูปแบบ จะหาค่ายมวยที่เจ้าของเป็นครูมวยเองอย่างนี้ไม่ค่อยได้แล้ว”

หลี่คุนฟังคำอธิบายของตินอย่างสนใจ แค่เห็นการฝึกซ้อมที่ทั้งเข้มงวดมีวินัยแต่ก็ดูสนิทสนมกลมเกลียวกันเขาก็บอกได้ว่าเจ้าของค่ายมวยแห่งนี้มีจิตวิญญานของครูผู้ฝึกยุทธ์อย่างแท้จริง หลี่คุนไม่คุ้นเคยกับศาสตร์แห่งมวยไทยเท่าใดนัก แต่ก็บอกได้ว่าเป็นวิชามวยแข็งที่มีท่วงท่าเด็ดขาดดุดันสามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธในการต่อสู้จริง

ตินพาหลี่คุนไปแนะนำให้รู้จักพี่ๆ น้องๆ ในค่าย ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี แม้จะโดนแซวอยู่บ้างว่าขาวหล่อแบบนี้จะฝึกมวยไหวเหรอ หลี่คุนยิ้มรับไม่ได้ตอบอะไร เขาไม่ได้ตั้งใจจะเรียนมวยไทยอย่างจริงจังอยู่แล้ว พื้นฐานวรยุทธ์เขาในชาติก่อนเป็นวิชามวยอ่อนที่เน้นการใช้กำลังภายใน หากมาเรียนมวยแข็งที่ใช้กำลังภายนอกอย่างมวยไทยจะทำให้แนวทางสับสนได้

หลี่คุนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วทำทีไปฝึกหัดมวยขั้นพื้นฐานพอเป็นพิธี สิ่งที่เขาสนใจริงๆ คือพลังหยางที่แผ่กระจายไปทั่วค่ายมวยมากกว่า ยิ่งนักมวยรุ่นใหญ่เนื้อตัวตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อก็ยิ่งมีไอหยางที่เข้มข้นดึงดูดให้เขาเข้าไปตีสนิท หลี่คุนได้จับเนื้อจับตัวนักมวยหนุ่มที่เปลือยท่อนบนฝึกพวกนั้นไปบ้างเท่าที่พอมีโอกาส พลังหยางของบุรุษเชื้อสายนักรบวัยฉกรรจ์พรั่งพรูเข้าจุดตันเถียนของเขาอย่างรวดเร็ว เสียดายว่าการสัมผัสในช่วงสั้นๆ ไม่นานพอที่จะเติมเต็มจุดตันเถียนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองของเขาได้ จับนานไปนิดก็เริ่มโดยแซวว่าคิดอะไรกับพวกพี่ๆ เขาหรือเปล่า ทำให้ต้องวางมือเพราะกลัวจะถูกมองว่าเป็นต้วนซิ่วหวังกินเต้าหู้นักมวยหุ่นล่ำขึ้นมา

หลี่คุนออกมาเดินเตร็ดเตร่เพื่อคิดหาช่องทางในการดูดซับพลังหยางจากบรรดานักมวยหนุ่มให้แนบเนียนขึ้น เขาเข้าไปตรงด้านในของโรงฝึกโดยไม่รู้ตัวจนไปพบกับแคร่ไม้สี่ห้าตัวเรียงกันเป็นตับ แคร่อันที่ใกล้ที่สุดมีนักมวยผิวเข้มอายุประมาณปลายยี่สิบสวมกางเกงมวยตัวเดียวกำลังนอนหงายให้ชายสูงอายุนวดตัวอยู่จนเนื้อตัวมันละเลื่อมไปด้วยน้ำมันมวย หลี่คุนเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างสนใจ วิธีที่ใช้รีดคลายเส้นมีทั้งส่วนที่เหมือนและส่วนที่ต่างกับวิชาแพทย์ที่เขาศึกษามาในอดีต สังเกตไปสักพักเขาก็เริ่มจับแนวทางการนวดแบบไทยนี้ได้ ไม่นึกว่าจะสามารถใช้การนวดเพียงอย่างเดียวเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นได้โดยไม่ต้องอาศัยพลังลมปราณเข้าช่วย

“ผู้อาวุโส นี่เป็นการนวดเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมออกศึกใช่หรือไม่ครับ”

หลี่คุนทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถามขึ้น

“ผู้อาวุโสอะไรของเอ็งวะ เรียกข้าลุงมีเหมือนคนอื่นๆ แหล่ะ เอ็งมาจากไหนวะไอหนุ่ม หน้าตาไม่คุ้น”

ลุงมีครูมวยสูงวัยของค่ายเห็นหลี่คุนหน้าตาผิวพรรณหล่อเหลาท่วงท่ามีสง่าราศีต่างจากคนหนุ่มทั่วไปก็ไม่กล้าดูแคลน หลี่คุนแนะนำตัวเองบอกว่าเห็นการนวดแบบไทยแล้วรู้สึกสนใจมาก เขาถามในหลายจุดที่สงสัย ได้พูดคุยกันเพียงครู่เดียวครูมีก็รู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มหน้าหล่อเหลาคนนี้มีภูมิรู้ในเรื่องจุดเรื่องเส้นของร่างกายคนตามแนวแพทย์แผนโบราณมากมายนัก ยิ่งได้ถามตอบแลกเปลี่ยนความรู้ก็ยิ่งถูกใจ ไปๆ มาๆ ก็ถ่ายทอดวิชานวดเฟ้นนักมวยที่สั่งสมประสบการณ์มาหลายสิบปีให้โดยสาธิตเอากับนักมวยผิวเข้มที่นอนอยู่ตรงนั้นเอง แม้หลี่คุนจะมีความรู้ในแพทย์แผนจีนโบราณจากในชาติก่อน ก็ยังรู้สึกว่าการนวดแบบไทยนี้ยังมีหลายจุดที่เขาไม่รู้ ยิ่งวิชาการนวดนักมวยที่ทำได้ทั้งเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นชกและทั้งช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังชกโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลังภายในนี้ถือว่าเปิดหูเปิดตาจริงๆ

จริงๆ แล้วหลี่คุนได้พบกับยอดคนโดยไม่รู้ตัว ครูมีเป็นครูมวยที่เชี่ยวชาญการนวดอย่างที่สุดในวงการมวย  สมัยก่อนถ้ามีการชกใหญ่ๆ เป็นต้องถูกค่ายมวยแย่งตัวกันไปนวดให้นักมวยของตน จนตอนหลังอายุมากขึ้นเรี่ยวแรงไม่มากเหมือนเดิมจึงมานวดให้กับค่ายมวยของครูเผด็จที่เป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้น

“ข้าไม่เคยเจอใครหัวไวอย่างเอ็งมาก่อน ยังเด็กอยู่แท้ๆ คุยกันแป๊บๆ เอาวิชาไปได้เกือบหมด แต่ลงมือจริงมันไม่ง่ายเหมือนที่เห็นนะโว๊ย เอ็งจะลองหน่อยไหมล่ะ นวดให้ไอ้เมฆมันนี่แหละ เห็นตัวดำๆ แบบนี้ แต่มันเป็นเบอร์หนึ่งของค่ายเลยนะ ทั้งทนทั้งถึก นวดผิดนิดหน่อยไม่สะเทือน”

นักมวยหนุ่มผิวหมึกร่างกำยำที่ก่อนหน้านี้นอนหลับตานิ่งปล่อยให้ครูมีนวดตัวไปเรื่อยๆ ลืมตาโพลงส่งเสียงประท้วงออกมาทันที

“อ้าวลุง พูดราวกับฉันเป็นวัวเป็นควาย ฉันก็คนนะ เอาเด็กใหม่มานวดผิดท่าฉันไม่เดี้ยงเอาเหรอ”

น้ำเสียงติดเหน่อต่อว่าอย่างทีเล่นทีจริง ก่อนจะหันมายิ้มกว้างเห็นฟันขาวตัดกับสีผิวให้กับหลี่คุน

“โทษที พี่ไม่ใช่ไม่ไว้ใจเรานะไอน้อง แต่พรุ่งนี้พี่จะขึ้นชกแล้ว ถ้าว่างก็ไปเชียร์ได้นะ คู่เอกเลย รู้จักพี่อยู่แล้วใช่ป่ะ เมฆขาว ศ.เผด็จศึก”

หลี่คุนเห็นสายตาคมปลาบที่มองมาก็ทราบว่าชายผู้นี้มิใช่ธรรมดา ภายใต้ใบหน้าที่เป็นมิตรกลับระอุไปด้วยกลิ่นไอของยอดนักสู้ กล้ามเนื้อแน่นคมชัดถูกถูนวดด้วยน้ำมันมวยจนเป็นมันวาวบ่งบอกว่าได้ผ่านการฝึกปรือกำลังภายนอกมาจนถึงขีดสุด เห็นแล้วให้อยากทดสอบความแข็งแกร่งร่างกายนี้ยิ่งนัก

“ให้ผมลองนวดดูนิดนึงนะครับพี่เมฆ รับรองไม่มีปัญหาแน่นอน”

ใบหน้าหล่อเหลาชวนให้รู้สึกดีด้วยเมื่อทำท่าอ้อนวอนก็ยากที่ใครจะต้านทานแม้จะเป็นบรุษเพศเหมือนกัน เมฆขาวรับคำอย่างไม่เรื่องมาก คิดว่าเอาร่างกายเป็นวิทยาทานให้หนุ่มรุ่นน้องได้ลองฝึกปรือฝีมือดู แต่เมื่อหลี่คุนลงมือนวด เขากลับต้องประหลาดใจ ทั้งจุดนวดวิธีการน้ำหนักมือล้วนถูกต้องสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อได้จริงๆ เมฆขาวเป็นนักมวยมาเกือบทั้งชีวิต เขาย่อมรู้ดีว่าการนวดแบบไหนที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งก่อนขึ้นชกอย่างได้ผล ครูมีที่ดูอยู่ข้างๆ ยิ่งไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ไม่คิดว่าเคล็ดลับการนวดนักมวยที่เขาถ่ายทอดไปเมื่อครู่ จะถูกนำมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งกว่าตัวเขาผู้เป็นเจ้าของวิชาเสียอีก

“ไอหนุ่ม!!! เอ็งนี่อัจฉริยะแท้ๆ เลยว่ะ”

“อย่าโกรธกันนะลุง ฉันว่าน้องมันนวดดีกว่าลุงอีก”

“เออสิวะ ข้ามันแก่แล้ว เรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี”

ขณะที่สองคนยังทึ่งกับความสามารถซ่อนเร้นของเด็กหนุ่มหน้าใหม่อยู่นั้น หลี่คุนก็กำลังดูดซับพลังหยางที่ทะลักล้นออกมาจากเนื้อตัวของนักมวยผิวเข้มอย่างแปลกใจแกมยินดี หนุ่มฉกรรจ์เลือดนักสู้ที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับอิสตรีมานานวันเพื่อเก็บตัวขึ้นชกช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ทุกมัดกล้ามที่หลี่คุนใช้มือขาวสะอาดของเขานวดเฟ้นลงไปล้วนปลดปล่อยพลังหยางอันบริสุทธิ์ให้เขาได้ใช้เคล็ดวิชาบุปผาเร้นวารีผันเปลี่ยนเป็นลมปราณเก็บสะสมในจุดตันเถียนมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงชั่วเวลาไม่นานนัก จุดตันเถียนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองของเขาก็เต็มเปี่ยม

หลี่คุนดีใจยิ่งนัก เขานวดไปทั่วกายแกร่งกำยำของนักมวยผิวเข้มต่ออย่างเต็มที่ด้วยความหวังว่าจะสามารถทะลวงขยายจุดตันเถียนได้ในคราวนี้ แม้จะต้องสัมผัสร่างกายที่เต็มไปคราบเหงื่อและน้ำมันมวยของบุรุษเพศด้วยกันก็ไม่นึกรังเกียจ แต่เมื่อนวดต่อไปอีกพักใหญ่ก็ยังไม่สมความตั้งใจ การทะลวงจุดตันเถียนต้องอาศัยพลังหยางจำนวนมากอย่างฉับพลันเพื่อทำลายขอบเขต พลังหยางที่กระจายออกมาจากร่างของนักมวยหนุ่ม แม้จะเข้มข้นกว่าของคนทั่วไปแต่ก็ยังไม่เพียงพอ

อันที่จริงหลังจากได้นวดเฟ้นไปทั่วร่างของชายฉกรรจ์ตรงหน้าหลี่คุนก็มีวิธีแก้ปัญหานี้อยู่ในใจแล้ว เขาสังเกตเห็นว่ายิ่งสัมผัสใกล้จุดกึ่งกลางบุรุษเพศเท่าใดพลังหยางจะยิ่งรุนแรงขึ้น แต่เขาจะหักใจทำเรื่องแบบนั้นได้หรือ ไม่ว่าจะด้วยขนบธรรมเนียมของยุคสมัยใด การแตะต้องพวงหยกของบุรุษอื่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ หลี่คุนตะขิดตะขวงใจเหลือจะกล่าว อยากได้พลังลมปราณก็อยาก แต่หากให้แลกกับศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย เขาหายินยอมไม่

ขณะที่หลี่คุนกำลังคิดหนักอยู่นั้น ครูมีที่เฝ้าจับตาการนวดของเขาอย่างใกล้ชิดก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“คนหนุ่มนี่นะ ถึงจะเก่งยังไงก็ยังด้วยประสบการณ์ เอ็งนวดต้นขายังไม่ถูก ต้นขานี่สำคัญมากสำหรับนักมวยนะ ถ้าไม่นวดคลายเส้นให้ยืดหยุ่นพอ เวลาเตะมันจะไม่คล่องตัว เอ็งต้องยกขาให้ตั้งขึ้นก่อนแล้วนวดรีดกล้ามเนื้อไล่จากหัวเข่าไปถึงขาหนีบ ไม่ใช่ไปสุดแค่ขาอ่อนอย่างที่เอ็งทำ ต้องทำแบบนี้”

ครูมีรู้สึกได้หน้าขึ้นมาเมื่อพบว่าการนวดที่ไร้ที่ติของหลี่คุนยังมีจุดที่เขาช่วยแนะนำได้ เขาจับมือที่ชุ่มน้ำมันของหลี่คุนซึ่งพักอยู่ตรงหน้าขาของเมฆขาวดันอย่างแรงเข้าไปในขากางเกงมวยให้ถึงขาหนีบตามที่ได้พูดไว้ ด้วยความลื่นของน้ำมันมวยทำให้มือของหลี่คุนลื่นพรวดลอดผ่านขากางเกงในเก่าๆ ยานๆ จนสัมผัสกับพวงหยกสีนิลของหนุ่มนักมวยอย่างแรง เมฆขาวงอตัวขึ้นพร้อมกับหุบขาด้วยความจุกแต่กลับกลายเป็นการหนีบให้มือขาวเรียวของอีกฝ่ายแนบชิดกับจุดกึ่งกลางของตัวเองเข้าไปอีก หลี่คุนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก แต่ก่อนที่จะตั้งสติดึงมือออกมา พลังหยางจากจุดกำเนิดที่เข้มข้นกว่าปกติหลายเท่าก็ไหลทะลักเข้าสู่จุดตันเถียนของเขาจนท่วมท้น ต่อให้กระอักกระอ่วนใจเพียงใด แต่เขาก็ไม่อาจหักใจจากการก้าวข้ามขีดจำกัดที่อยู่แค่เอื้อมไปได้

ทันใดนั้นลมปราณของหลี่คุนเกิดการระเบิดขึ้นภายใน จุดตันเถียนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองพลันขยายออกจนมีขนาดเท่าเมล็ดผลท้อ ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ถูกแปดเปื้อนกลับตอบแทนมาด้วยกำลังภายในบุปผาเร้นวารีขั้นที่หนึ่งสมบูรณ์ เขาดีใจอย่างบอกไม่ถูกจนลืมเอามือออกจากจุดสงวนของหนุ่มนักมวยผู้โชคร้าย

“จุกเชี่ยๆ  เอามือออกจากน้องกูซะที แสบน้ำมันมวยไปหมดแล้วนี่”

“โอ๊ะ โทษทีพี่ ท่านลุงดันมือผมเลยลื่นไปโดน เดี๋ยวผมนวดให้รับรองหายจุก”

หลี่คุนรีบนวดเฟ้นบริเวณท้องน้อยของเมฆขาวพร้อมกับแอบส่งผ่านกำลังภายในไปคลายเลือดลมที่ติดขัดบริเวณส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่าย เพียงครู่เดียวนักมวยหนุ่มก็สีหน้าดีขึ้น

“ทีหลังก็นวดระวังๆ หน่อย อย่างอื่นดีแล้ว มึงมีฝีมือขนาดนี้ ต่อไปน่าจะมาช่วยนวดให้นักมวยในค่าย คนแก่ๆ แถวนี้จะได้กลับไปเลี้ยงหลานซะที”

“ไอ้เมฆ ข้านวดให้เอ็งมาจนชกชนะไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ไม่สำนึกบุญคุณ”

“ก็ฉันเป็นห่วงลุงไง อายุขนาดนี้แล้ว”

“แล้วเอ็งไม่แก่เหรอวะ อายุจะสามสิบ ถ้าเป็นนักมวยทั่วไปก็คงแขวนนวมไปแล้ว”

“ร่างกายฉันยังไหวลุงก็เห็น เลิกชกมวยไปก็ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร อีกอย่างนักมวยรุ่นใหม่ๆ ที่มีฝีมือหน่อยก็ถูกฉกไปค่ายอื่นหมด ถ้าฉันกับพวกไอ้แสนไอ้เพชรแขวนนวมไปอีก ทั้งค่ายคงไม่เหลืออะไร เฮ้อ แต่ก็ไม่รู้จะชกต่อไปได้อีกกี่ปี”

“ข้าเข้าใจ ข้าถึงได้ฝืนสังขารอยู่ช่วยกันไป”

“ฉันถึงบอกให้พักบ้างไง ไหนๆ ก็มีคนมารับช่วงแล้ว”

ทั้งคู่หันมามองหลี่คุนอย่างคาดหวัง

“เอ่อ ผมคงไม่ได้มาประจำนะครับ แต่น่าจะช่วยได้บ้างช่วงที่ท่านลุงไม่ว่าง ยังไงก็บอกผ่านไอ้ตินเพื่อนผมมาได้”

หลี่คุนตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เขาไม่แน่ใจว่าต่อไปจะมีเวลามากน้อยขนาดไหน แต่ค่ายมวยเป็นแหล่งพลังหยางชั้นดีขนาดนี้ ยังไงคงต้องแวะเวียนมาบ่อยๆ

“ดีๆ ข้าจะสอนเคล็ดลับให้หมดเลย วิชาข้าไม่ได้มีแค่นี้หรอกนะ เก็บไว้ก็มีแต่จะตายไปกับตัว ต่อไปไอนักมวยพวกนี้จะต้องมาคอยง้อเอ็งแล้ว”

“ขอบคุณท่านลุงมากครับ ไว้วันหลังผมจะมาเรียนใหม่ วันนี้ต้องขอตัวก่อน เพื่อนผมน่าจะรอนานแล้ว ไปนะครับท่านลุง พี่เมฆ”

หลี่คุนรีบลากลับอย่างสุภาพ มาค่ายมวยวันนี้บรรลุผลได้เกินกว่าที่คิดไว้ นอกจากจะได้เคล็ดลับการนวดเสริมความแข็งแกร่งของมวยไทยมาอย่างไม่คาดฝัน ยังสามารถบรรลุกำลังภายในบุปผาเร้นวารีขั้นที่หนึ่งได้ หลี่คุนนึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ทะลวงขอบเขตได้สำเร็จ เขาก็รีบไปล้างมือในห้องน้ำอยู่หลายรอบก่อนจะชวนตินออกจากค่ายมวยไป

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 14] 6/11/2019
«ตอบ #33 เมื่อ06-11-2019 22:40:59 »

กร๊ากกกกกกกกก สงสารพี่คุน ถถถถถ เสียความบริสุทธิ์ทางมือไปเสียแล้วววว

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 14] 6/11/2019
«ตอบ #34 เมื่อ06-11-2019 23:48:47 »

555 จ่อจี้มากคุณพี่ ต้องไปแตะตัวผช.


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 15] 7/11/2019
«ตอบ #35 เมื่อ07-11-2019 16:41:31 »

15

“สวัสดีครับคุณพีท รอนานไหมครับ”
 
หลี่คุนเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวที่ออกจะหรูหราไม่น้อยก่อนจะยกมือไหว้เจ้าของห้องอย่างนอบน้อม พีทอดีตผู้จัดการส่วนตัวของแฮ็คส์มองเด็กหนุ่มหน้าหล่อที่เคยหมายตาไว้ตอนเกิดเรื่องให้ต้องแตกหักกับนักร้องหนุ่มแล้วก็เผยยิ้มที่ดูน่าสนิทชิดเชื้อออกมา
 
“รอเรออะไรกันครับ น้องคุนมาหาถึงที่แท้ๆ อยู่ๆ เมื่อคืนก็โทรมาว่าสนใจอยากเข้าวงการ พี่ก็ยังนึกว่าล้อเล่น วันนั้นเห็นท่าทางไม่สนใจเท่าไหร่ แต่มาถึงนี่ถ้าทางจะเอาจริง แล้วนี่...”
 
สายตามองไปทางชายหนุ่มอีกคนที่มาด้วยกัน
 
“เพื่อนผมชื่อตินครับ”
 
“อยากเข้าวงการเหมือนกันเหรอ แต่พี่ว่าพื้นฐานยังไม่ค่อยมีนะ”
 
พีทอยากจะบอกออกไปตรงๆ ว่า หน้าจืดไร้จุดเด่นอย่างนี้ ไปเล่นเป็นตัวประกอบเดินผ่านกล้องยังไม่ได้เลย ต่อให้หุ่นดีก็เถอะ
 
“มาเป็นเพื่อนเฉยๆ ครับ ปกติมันเป็นนักมวย”
 
ผู้จัดการหนุ่มนึกสาธุอยู่ในใจ หน้าอย่างนี้ไปเป็นนักมวยดีอยู่แล้ว เผื่อโดนต่อยจนจมูกเบี้ยวจะได้ทำให้หน้าตามีจุดเด่นขึ้นมาบ้าง
 
“ก็ดีนะครับ เดี๋ยวนี้เป็นนักมวยก็ดังได้ ว่าแต่น้องคุนสนใจทางด้านไหนล่ะ เป็นนักร้องหรือนักแสดง แต่พี่ว่าอย่างน้องคุนนี้เริ่มจากเป็นนายแบบก็ไม่เลวนะครับ เดินแบบไปซักพัก แล้วค่อยหาโฆษณาหรือเอ็มวีปังๆ ก็ดังได้”
 
“ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย คุณพีทช่วยแนะนำด้วยแล้วกัน”
 
“เรียกพี่พีทสิครับ จะได้สนิทกันไว้ เอ่อ แต่เรื่องที่น้องคุนจะเข้าวงการนี้ แฮ็คส์เขาทราบไหมครับ”
 
“ไม่เกี่ยวกันนี่ครับ เขาแค่คนที่คุยๆ กับน้องชายผม จะจริงจังกับผู้ชายด้วยกันแค่ไหนก็ไม่รู้ อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยถูกชะตากับเขาด้วย ถ้าผมจะเข้าวงการ ก็ขอใช้ความสามารถตัวเอง คงไม่ไปขอให้เขาช่วยหรอกครับ”
 
“ดีแล้วครับ คนแบบนั้นพอได้ดิบได้ดีก็ไม่เห็นหัวคนอื่น น้องก็เห็น พี่เป็นคนวิ่งเต้นหางานให้เขาจนดังขนาดนี้ อยู่ๆ ก็เฉดหัวพี่ทิ้ง ไม่ต้องห่วงนะครับ อยู่กับพี่ พี่จะปั้นให้ดังกว่าแฮ็คส์ซะอีก ไหนๆ วันนี้ก็มาถึงนี่แล้ว พี่ขอถ่ายรูปเราเก็บไว้เลยดีกว่า เผื่อมีงานดีๆ เข้ามา พี่จะได้เอาไปคุยกับเอเยนซี่เลย ถ่ายกันตรงนี้แหละ ง่ายๆ น้องคุนหล่ออยู่แล้ว”
 
“เอ่อ ไม่ต้องมีตากล้อง ช่างแต่งหน้า จัดเสื้อผ้า อะไรพวกนั้นเหรอครับ”
 
กลายเป็นตินที่นั่งฟังแล้วอดสงสัยไม่ได้ ถามขึ้นมา
 
“ถ่ายกับมือถือพี่นี่แหละ เดี๋ยวนี้กล้องมันดีจะตาย เสื้อผ้าก็ไม่ต้องหรอก ยังไงต้องถอดอยู่แล้ว เราจะทำงานนายแบบก็ต้องให้ลูกค้าเห็นหุ่นชัดๆ โชว์เนื้อโชว์ตัวบ้าง ก็เรื่องธรรมดาไม่ต้องตกใจนะ พี่ว่าน้องตินออกไปรอข้างนอกดีกว่า เพื่อนจะได้มีสมาธิ”
 
พีทหยิบมือถือรุ่นล่าสุดขึ้นมาโชว์ พร้อมกับทำท่ากึ่งเชิญกึ่งไล่ให้ตินออกจากห้องไป หลี่คุนยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
 
“เรื่องถ่ายรูปยังไม่ต้องรีบครับพี่พีท พวกเรายังมีเวลาอีกนาน”
 
ขณะที่พูดเขาก็จับข้อมือของพีทที่ถือโทรศัพท์อยู่ไปด้วย ผู้จัดการหนุ่มคล้ายกับโดนไฟซ๊อตตัวแข็งทื่อขยับไม่ได้ ปล่อยให้หนุ่มหน้าหล่อปลดโทรศัพท์ในมือออกไปส่งให้เพื่อนที่มาด้วยกันแต่โดยดี
 
“เอ้า มึงเอาไปจัดการอย่างที่คุยกัน”
 
“มึงต้องให้พี่เขาปลดล็อคให้ก่อน รุ่นนี้ต้องสแกนหน้า”
 
หลี่คุนหยิบโทรศัพท์ไปจ่อหน้าของพีทที่ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ขยับหนีไม่ได้แม้แต่น้อย ตินรีบรับโทรศัพท์ไปจัดการตามที่ได้เตรียมการไว้กับเพื่อน เขาไม่รู้ว่าทำไมพีทถึงยินยอมให้ดูโทรศัพท์แต่โดยดี คิดว่าอาจจะมีข้อตกลงหรือโดนหลี่คุนบีบบังคับด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อนไม่บอกเขาก็ไม่ถาม นี่เป็นนิสัยของตินที่หลี่คุนชอมชอบยิ่งนัก ช่างเหมือนองครักษ์เงาจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่รู้จะอธิบายเรื่องวิชาสะกัดจุดที่ใช้ยังไง
 
ตินจดจ่ออยู่กับการไล่ดูข้อมูลในโทรศัพท์ที่ได้มาก่อนจะเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่นำมาด้วย สำหรับหนุ่มวิศวะคอมอย่างเขา การค้นหาข้อมูลในโทรศัพท์ที่ถูกปลดล็อคแล้วและถ่ายโอนมันออกมาทำได้ง่ายดายมาก ในระหว่างที่รอหลี่คุนก็จุดกำยานมอมจิตอันเล็กที่เตรียมมาวางบนโต๊ะทำงานให้ควันรมตรงหน้าของพีทโดยตรง
 
ตินใช้เวลาอยู่ไม่นานเขาก็ค้นเจอสิ่งที่คุณานนท์ตั้งข้อสงสัยไว้ แถมยังมากมายกว่าที่คิดนัก
 
“เจอไหมวะ ติน”
 
“ยิ่งกว่าเจออีก ถ้าจะก็อปปี้ออกมาให้หมด น่าจะต้องใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง”
 
“ไม่เป็นไร ไม่รีบ จริงไหมครับพี่พีท”
 
ประโยคหลังหันมาพูดกับผู้จัดการหนุ่มที่นั่งไม่กระดุกกระดิกแต่เหงื่อไหลพรากด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับร่างกายของตัวเอง และยิ่งไม่รู้ว่าสองหนุ่มตั้งใจจะทำอะไร พีทพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังแต่คนธรรมดาไม่มีทางที่จะคลายจุดที่ถูกสะกัดด้วยกำลังภายในบุปผาวารีขั้นหนึ่งได้เลย กลิ่นหอมแปลกๆ ของควันประหลาดค่อยๆ ทำให้เขารู้สึกๆ เคลิ้มๆ ลอยๆ ไม่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้นทุกที
 
หลี่คุนกลับไปสนใจสิ่งที่ตินทำก็เห็นเพื่อนกดหน้าจอโทรศัพท์ทั้งของพีทและของตินเองวุ่นวายไปหมด ตินอธิบายคร่าวๆ ว่าเป็นการแคปภาพหน้าจอหลักฐานที่สำคัญๆ ในโทรศัพท์ของพีทก่อนจะส่งออกพร้อมข้อมูลต้นฉบับไปเก็บไว้ที่โน๊ตบุ๊คของตัวเอง
 
“มีประวัติแชทที่เขาคุยกับใครก็ไม่รู้ ดูเหมือนเขาระแคะระคายว่าพี่แฮ็คส์จะถอนตัวออกจากวงการ เลยแอบเข้าโทรศัพท์ของพี่แฮ็คส์ปลอมตัวส่งข้อความไปหลอกจะเอาคลิปซูกัสมา ถ้าพี่แฮ็คส์จริงจังกับซูกัส เขาก็จะเอาคลิปไปต่อรองไม่ให้พี่แฮ็คส์ออกจากวงการจะได้ทำประโยชน์ให้ตัวเองต่อ แต่ถ้าพี่แฮ็คส์ไม่ได้จริงจังกับน้องมึง เขาก็จะให้ซูกัสมันไปขายบริการแบบพรีเมี่ยมกับพวกผู้มีอิทธิพลหาเงินแทน ทำไมชั่วแบบนี้ เห็นหน้าตาดูน่าเชื่อถือแท้ๆ โชคดีที่น้องมึงไหวตัวทันไม่ตกหลุมพลาง จนสุดท้ายพี่แฮคส์จับได้เสียก่อน”
 
ตินตรวจสอบข้อมูลไปก็บ่นไป แต่ไม่รู้ว่าหลี่คุนโกรธจนถึงขั้นไฟลุกแล้ว คนผู้นี้กล้าดียังไงถึงจะเอาซูเอ๋อร์ไปเป็นนายโลมหอโคมเขียว ยังดีที่ข้อมูลนี้ยืนยันได้ว่าแฮ็คส์จริงใจกับน้องเขาจริงๆ ไม่งั้นซูเอ๋อร์คงน่าสงสารมาก
 
“คุน มึงมาดูนี่ รูปเด็กหนุ่มๆ หน้าตาดีๆ ทั้งนั้น บางคนก็คุ้นๆ นะ คนนี้ใช่เดือนมอเราที่เป็นนายแบบด้วยเปล่า โดนถ่ายหวิวโชว์หุ่น เชร็ด ไม่ใส่อะไรเลยก็มี  คงไม่มีใครกล้าขนาดนี้แล้ว เชรี่ย กูถอนคำพูด คนนี้กล้ากว่าอีก มีถ่ายเป็นคลิปด้วย กูไม่กล้าเปิดดูหรอกนะ ก็อปเก็บหลักฐานไปก่อนแล้วกัน ไอคุนเอ๊ย ถ้ามึงอยากเข้าวงการจริง มึงเสร็จแม่งไปแล้ว”
 
ตั้งแต่ที่รู้ว่าพีทเป็นตัวการข่มขู่ซูกัสและยังดูท่าทางว่ายังมีเป้าหมายชั่วร้ายมากกว่าที่สารภาพออกมา หลี่คุนก็สืบข้อมูลของคนๆ นี่เพื่อจะจัดการให้เด็ดขาด เขาไม่ได้เชี่ยวชาญกับเทคโนโลยีสมัยนี้นักแต่ตินเพื่อนเขาที่เรียนด้านนี้นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเลยทีเดียว หนุ่มหน้าตาธรรมดากลับสามารถรวบรวมข้อมูลลับๆ ของพีทจากอินเตอร์เน็ตมาได้อย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าพวกองครักษ์เงาในอดีตเสียอีก แม้ส่วนใหญ่จะเป็นการซุบซิบนินทาในโซเชียล แต่ก็เป็นเบาะแสอย่างดีว่าอดีตผู้จัดการของแฮ็คส์มีพฤติกรรมเป็นนายหน้าจัดหาชายหนุ่มในวงการส่งให้กับลูกค้ากระเป๋าหนักในแวดวงสังคม แถมยังได้ยินว่าใช้การบังคับข่มขู่บางอย่างจนทำให้ดารานายแบบพวกนั้นตกอยู่สภาวะจำยอมด้วย
 
แน่นอนว่าเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้นใช้เล่นงานคนผู้นี้ไม่ได้ หลี่คุนต้องการหลักฐานที่หนักแน่น หากเป็นในอดีตเขาคงใช้วิทยายุทธ์ลอบเข้าจวนของอีกฝ่ายเพื่อค้นหาสมุดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ออกมา แต่เมื่อปรึกษากับตินแล้วก็พบว่าง่ายดายยิ่งนัก เขาไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าของที่ต้องการจะเก็บอยู่ในตู้กลไกลห้องลับหรือเรือนหลบภัยที่ไหน ยุคนี้ผู้คนล้วนเก็บความลับไว้ในโทรศัพท์ แม้จะถูกปกป้องด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสอันซับซ้อน แต่เมื่อมองในมุมของหลี่คุนกลับเป็นเรื่องโง่เง่าจนน่าขัน พวกเขานำความลับของตัวเองติดตัวไปทุกที่ ส่วนกุญแจที่จะไขมันออกมาก็คือลายนิ้วมือหรือใบหน้าของตนเอง ขอเพียงจับกุมคนได้ย่อมสามารถเปิดเผยความลับทั้งหมดได้ในทันที ไม่นึกว่าในโลกนี้จะมีสิ่งสะดวกสบายถึงเพียงนี้
 
ข้อมูลที่ตินดึงออกมาได้จากโทรศัพท์ย่อมมีทั้งรายชื่อดารานายแบบจำนวนมากที่ตกอยู่ใต้อาณัติของพีท คลิปที่ใช้ข่มขู่ รายชื่อลูกค้าที่ใช้บริการ หลักฐานการโอนเงิน รหัสเข้าระบบสำรองรูปและคลิปตัวเต็มที่พีทเก็บไว้ตามที่ต่างๆ เขายังค้นเจอฮาร์ดดิสก์ที่เก็บข้อมูลพวกนี้ในตู้เอกสารของพีทและจัดการยึดไว้ พีทอาศัยชื่อเสียงความน่าเชื่อถือในฐานะผู้จัดการส่วนตัวของแฮ๊คส์ซึ่งเป็นนักร้องนักแสดงชื่อดังมาล่อลวงชายหนุ่มที่อยากเข้าวงการพวกนี้ หลายปีที่ผ่านมาสามารถรวบรวมไว้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หลายคนที่มีความสามารถจริงๆ ก็ก้าวหน้าจนมีชื่อเสียงไม่เลว แต่บางคนก็ไปไม่ถึงไหนเป็นได้แค่ชายขายบริการภายใต้สังกัดของพีทหรือต้องไปถ่ายหนังสือวาบหวิวอย่างไม่เต็มใจ
 
“ไอคุนๆ มีคลิปพี่แฮ็คส์ตอนอาบน้ำด้วยว่ะ สงสัยถูกแอบตั้งกล้อง เอิ่ม กูว่า มึงไปบอกซูกัสให้เลิกกับพี่เขาเถอะว่ะ น้องมึงก็ตัวแค่นั้นเอง”
 
หลี่คุนมองผ่านๆ ไปที่คลิปแอบถ่ายของนักร้องหนุ่มแล้วก็อดสมเพชแฮ๊คส์ในใจไม่ได้ ไหนว่าเป็นเพื่อนกัน รู้จักนิสัยกันดีไง ไม่รู้ว่าคลิปลับนักร้องดังนี้จะถูกขายออกไปหรือยัง ไม่ทันคนไม่ว่านี่จะพาเอาน้องชายเขาโชคร้ายไปด้วย หลี่คุนพยายามระงับความโกรธที่ประทุขึ้นมาอีกครั้ง
 
พอตินทำงานของตัวเองเสร็จ หลี่คุนก็เอาโทรศัพท์กลับไปยัดคืนในมือของพีทที่ขยับไม่ได้ก่อนจะบอกให้ตินเปิดแชทหรือคลิปที่เป็นหลักฐานสำคัญๆ แล้วถ่ายวิดีโอเก็บไว้ทำทีเหมือนว่าพีทเป็นคนเปิดให้ดูเอง เขาถามที่มาที่ไปของเรื่องที่พีทไปล่อลวงนายแบบแต่ละคนมาอย่างสั้นๆ ที่ละคน เรื่องราวแทบไม่ต่างอะไรกัน เด็กวัยรุ่นพวกนั้นอยากเข้าวงการจนถูกหลอก นี่เท่ากับเป็นหลักฐานในการสารภาพของพีทว่าเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ เมื่อเก็บหลักฐานต่างๆ ครบจนพอใจแล้ว หลี่คุนก็ให้ตินทำลายข้อมูลทั้งหมดของพีทไม่ให้เก็บไปทำร้ายใครได้ เขาเก็บกำยานคืนแล้วก็ชวนตินกลับปล่อยให้พีทนั่งตัวแข็งต่อไป จุดที่เขาสะกัดไว้จะคลายออกเองภายในครึ่งชั่วยาม
 
หลี่คุนส่งหลักฐานที่พีทตั้งใจจะหลอกซูกัสไปขายตัวไปให้แฮ็คส์พร้อมข้อความว่าจัดการให้เรียบร้อย แถมด้วยคลิปที่เจ้าตัวโดนแอบถ่ายตอนอาบน้ำ อีกทางหนึ่งเขาก็ทยอยติดต่อกับดารานายแบบที่เป็นเหยื่อของพีทแต่ละคนแจ้งว่าเขาได้จัดการเรื่องนี้แล้ว พีทไม่สามารถข่มขู่ใครได้อีกต่อไป เขาส่งคลิปสารภาพความผิดของพีทไปให้ดูด้วยพร้อมบอกว่าหากใครต้องการดำเนินคดีกับพีทเขาก็ยินดีมอบหลักฐานเพิ่มเติมให้ กว่าจะเสร็จก็กินเวลาอยู่หลายวัน ไม่น่าเชื่อว่าในไม่กี่ปีที่ผ่านมา พีทจะใช้ชื่อเสียงในฐานะผู้จัดการของแฮ็คส์หลอกเด็กหนุ่มที่อยากเข้าวงการมาได้มากมาย หลี่คุนเห็นใจคนเหล่านี้มาก หากตอนนั้นซูเอ๋อร์ไหวตัวไม่ทันก็อาจตกเป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน ในบรรดาคนเหล่านี้มีส่วนหนึ่งที่ได้เข้าวงการไปจริงๆ ที่ประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงก็มีอยู่หลายคน ที่เหลือถ้าไม่ดิ้นรนอยู่ในวงการต่อ ก็กลับไปเรียนหรือไปทำมาหากินอย่างอื่นตามทางของแต่ละคน แต่เรื่องที่เคยถูกหลอกลวงไว้ยังเป็นอดีตที่ดำมืดอยู่ในใจของทุกคน ไม่รู้ว่าพีทจะหยิบเรื่องนี้มาข่มขู่หรือเผลอปล่อยคลิปหลุดมาเมื่อไหร่ พอมีคนติดต่อพร้อมส่งหลักฐานมาว่าจัดการพีทจนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ทุกคนก็มีแต่ความรู้สึกขอบคุณอย่างที่สุด
 
หลี่คุนไม่รู้ว่าแฮ็คส์ทำอะไรกับอดีตผู้จัดการตัวเอง แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน พฤติกรรมเลวร้ายของพีทก็ถูกแฉออกมาทั้งในโซเซียลและจากสื่อหลักจนหมดเปลือก มีคลิปอนาจารที่เห็นใบหน้าของเจ้าตัวอย่างชัดเจนกระจายออกไปทั่วอินเตอร์เน็ต ไม่นานก็มีหมายจับพีทออกมาในข้อหาค้าประเวณีเด็กชายอายุต่ำกว่าสิบแปดปี แต่โชคไม่ดีที่พีทดิ้นรนหลบหนีออกนอกประเทศไปได้สำเร็จแม้จะต้องทิ้งสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไว้เพราะถูกอายัด
 
ถึงแม้ตำรวจจะพูดชัดเจนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการกระทำส่วนตัวของพีทไม่ได้เกี่ยวกับแฮ็คส์ แต่นักร้องหนุ่มลูกครึ่งก็ออกมาแถลงข่าวขอโทษประชาชนอย่างเสียใจที่ไม่สอดส่องพฤติกรรมของผู้จัดการตัวเองจนถูกนำชื่อเสียงไปใช้จนเกิดความเสียหายกับคนอื่น เขาประกาศให้ความร่วมมือกับทางราชการอย่างเต็มที่ในคดีของพีท พร้อมทั้งจะให้การช่วยเหลือเยียวยาคนที่ได้รับความเสียหายจากเรื่องนี้โดยเงินส่วนตัว การกระทำของแฮ็คส์ได้รับความชื่นชมเป็นอันมาก แทนที่ชื่อเสียงจะมัวหมองลงจากที่เคยร่วมงานกับพีทกลับกลายเป็นได้รับความนิยมมากกว่าเดิมเสียอีก ช่างเป็นคนที่รับมือกับกระแสสังคมได้เก่งจริงๆ หลี่คุนอดชื่นชมไม่ได้และตั้งใจที่จะเรียนรู้เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดเหมือนตอนที่ขี้ผึ้งขายขี้ผึ้งมหัศจรรย์แล้วเกิดปัญหาขึ้น
 
หลี่คุนรับทราบเรื่องที่พีทหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศไปอย่างน่าสมเพช สายตาเขามองยาแก้ฤทธิ์ผงพิษผลาญทวารที่เตรียมไว้แล้วก็ถอนใจ เช่นนี้แล้วคงจะส่งไปให้ไม่ได้แล้ว เขาได้แพร่พิษตัวนี้ให้กับพีทตั้งแต่ตอนที่ค้นมือถือวันนั้น กะว่าจะปล่อยให้ทรมานอยู่สักเดือนหนึ่งโทษฐานที่คิดชั่วกับซูเอ๋อร์ แต่ในเมื่อหนีออกไปโพ้นทะเลแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะส่งยาถอนพิษตามไปให้ที่ไหน เขาคาดว่าคงใช้เวลาเป็นปีกว่าที่ยาตำหรับใหม่นี้จะเสื่อมลง เวรกรรมจริงๆ
 

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 16] 11/11/2019
«ตอบ #36 เมื่อ11-11-2019 13:32:42 »

 16

การฝึกงานในบริษัทโฆษณาที่เน้นการตลาดดิจิทัลนับว่าไม่เลวเลยจริงๆ ถ้ามองข้ามความปวดหัวของเทคโนโลยีที่ซับซ้อนไป ก็นับว่าหลี่คุนได้เรียนรู้การทำการค้าของโลกยุคใหม่มาได้ไม่น้อย โดยทั่วไปนักศึกษาฝึกงานไม่ได้เข้าไปมีส่วนในการสร้างสรรค์งานให้ลูกค้ามากนักได้แต่ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ  แต่โชคดีที่โปรเจ็คใหม่ของบริษัทกลับเปิดกว้างให้นักศึกษาฝึกงานที่มีอยู่เพียงสองคนได้เข้าร่วมด้วย
 
“น้องคุนกับน้องตินโชคดีมากเลยนะคะ ปีก่อนๆ นี่ทางฝ่ายบริหารไม่เคยให้น้องฝึกงานเข้ามาเป็นสมาชิกในทีมเต็มตัวแบบนี้หรอก แถมยังมีมิสเตอร์จางที่โคตรเทพจากบริษัทแม่มาร่วมให้คำแนะนำด้วย บริษัทเราก็เล็กๆ เอง ไม่นึกว่าจะได้รับความสำคัญแบบนี้”
 
พนักงานสาวที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงพูดกับสองหนุ่มอย่างปลาบปลื้ม แต่กลับถูกพนักงานชายอีกคนแขวะขึ้นมาลอยๆ
 
“เข้าไปก็เกะกะเปล่าๆ คนหนึ่งยังดียังพอรู้เรื่องระบบไอทีบ้าง แต่อีกคนไม่ไหว แค่ถ่ายเอกสารยังเสียเวลาเป็นชั่วโมง”
 
หลี่คุนหันขวับไปทางคนพูด บุรุษผู้นี้มิรู้ไม่ถูกชะตาเขามาจากไหน ใช้งานก็มีแต่ให้ทำพวกถ่ายเอกสาร ยกของ ซื้อกาแฟ เขาไม่ได้รังเกียจเพราะในอดีตเด็กฝึกงานของพวกช่างฝีมือต่างๆ ฐานะต่ำต้อยนักก็ต้องเริ่มจากงานจิปาถะเยี่ยงนี้ แต่เอ่ยวาจาดีๆ กันก็ได้ ไม่ใช่หน้าเชิดชอบมองด้วยหางตาคอยจ้องจับผิดกันแบบนี้ ตอนโดยใช้ให้ถ่ายเอกสารปึกใหญ่ก็เหมือนกัน ใครไม่รู้ทำกระดาษติดเครื่องถ่ายเอกสารทิ้งไว้ เขาต้องมาเปิดช่องโน้นดึงแป้นนั้นหมุนแกนนี้ตามที่หน้าจอเครื่องแนะนำกันจนเหงื่อตก ทำเอาเขาที่เคยชื่นชอบเครื่องกลมหัศจรรย์นี้ที่สามารถคัดลอกตำราได้อย่างรวดเร็วกลายเป็นขยาดมันไปเลย
 
“จะพูดให้น้องเสียกำลังใจทำไมกันยะ มีน้องคุนมาอยู่ในทีม ก็เท่ากับมีอาหารตาหล่อๆ ให้ดู จะให้มีผู้ชายเฉพาะพวกแก ชั้นก็เฉาตายสิ อ้อ ลืมคุณจางอี้หลงไปได้ไง นั่นก็เท่สุดๆ เห็นแล้วก็รู้เลยว่าถ้ามีคนๆ นี้อยู่ ยังไงโปรเจ็คก็สำเร็จ แต่ขอดูอยู่ห่างๆ แล้วกัน ท่าทางเก่งขนาดนั้นไม่กล้าเข้าใกล้”
 
นั่นเป็นผลจากปราณอำนาจที่มีต่อผู้คนทั่วไป ยกเว้นหลี่คุนที่อ่านมันออกและคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าตัดเรื่องนี้ไป ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยจีนผู้นั้น ก็นับว่าอัธยาศัยดีไม่น้อย ถ้าจะกล่าวตามภาษาของคนยุคนี้ก็ต้องบอกว่าออกจะเนียนตีซี้ทำตัวสนิทสนมเกินไปสักหน่อย เขาพูดจากที่เคยเจอมาด้วยตัวเองตอนที่อีกฝ่ายกลายเป็นผู้มีพระคุณช่วยเขาไว้ที่สนามบิน ก่อนที่จะยอมปล่อยเขาลงจากรถก็โดนบังคับให้เป็นเพื่อนกันบนแอพแชทชื่อดังของจีน ขนาดว่าเครื่องเขาไม่มีโปรแกรมแชทที่ว่า มิสเตอร์จางอี้หลงหรือที่เขาถูกมัดมือชกให้เรียกว่าพี่อี้หลงก็เป็นคนลงให้ด้วยตัวเองก่อนที่จะแอ็ดตัวเองให้เป็นเพื่อนคนเดียวของหลี่คุนบนแอพแชทดังกล่าว
 
หลังจากนั้นหลี่คุนก็เริ่มเข้าใจว่าเหตุใดผู้คนยุคนี้ถึงได้ชอบพูดคุยกันผ่านทางข้อความ มันทั้งง่ายทั้งสะดวกรวดเร็วและมีเวลาให้คิดก่อนจะตอบอะไรลงไป ยิ่งในกรณีของเขา การคุยผ่านแชทที่ไม่โดนกดดันด้วยปราณอำนาจของอีกฝ่ายทำให้รู้สึกสนิทใจกว่ากันมากนัก ถึงแม้ว่าเขาจะมีอคติตั้งแต่ชาติก่อนว่าคนที่มีปราณอำนาจมักไม่ค่อยจริงใจชอบหาประโยชน์จากผู้อื่น แต่จางอี้หลงคุยสนุกกว่าที่เขาคิด การที่มีเชื้อสายวัฒนธรรมชาวฮั่นเหมือนกันแม้จะผ่านมาหลายร้อยปีแต่ก็ทำให้รู้สึกเข้าอกเข้าใจเหมือนเจอเพื่อนเก่า คนผู้นี้มีความรู้กว้างขวาง ทั้งการทำธุรกิจ การใช้ชีวิต หรือแม้แต่ประวัติศาสตร์จีนโบราณก็เล่าได้เป็นฉากๆ หลี่คุนติดการแชทกับจางอี้หลงไปเสียแล้ว การพูดคุยผ่านแป้นพิมพ์ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยจนเปิดใจปรึกษาเรื่องต่างๆ ไปไม่น้อย
 
แต่นั่นก็เป็นเพียงความสนิทสนมกันผ่านโลกออนไลน์เท่านั้น หากมีเหตุให้ต้องเจอกันที่บริษัท หลี่คุนจะพยายามหลบหน้าหลบตาไม่ต่างอะไรกับเมื่อก่อน หนึ่งเพราะไม่อยากโดนครอบงำด้วยปราณอำนาจที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา ประการที่สองคือไม่อยากเป็นจุดเด่นที่อยู่ๆ นักศึกษาฝึกงานจะมาสนิทสนมกับผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทแม่ที่แม้แต่พนักงานเองยังไม่ค่อยได้มีโอกาสพบปะพูดคุยด้วย เรื่องนี้เขาที่มาจากอดีตย่อมเข้าใจได้ถึงสถานะชนชั้นที่ยังมีอยู่แม้ในบริษัทยุคใหม่
 
“อย่างที่ทราบกันนะครับว่าโจทย์ของลูกค้ารายนี้ต่างจากที่เราเคยทำมามาก ปกติเรามักจะใช้การตลาดดิจิทัลจากจุดเด่นที่สามารถเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ครั้งนี้สินค้าคือบ้านพักตากอากาศระดับหรูใจกลางเขาใหญ่ที่มีพื้นที่ส่วนกลางหลักร้อยไร่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่นับหมื่นต้นล้อมรอบทะเลสาบ เจ้าของโครงการไม่ต้องการให้กระพือโฆษณาไปทั่วจนเสียระดับของสินค้า แต่จะต้องให้เป็นที่รู้จักของคนระดับสูงสุดของประเทศซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย เรื่องนี้จึงยากมาก”
 
หัวหน้าโครงการสรุปความต้องการของลูกค้าให้ทีมฟังอีกรอบ การประชุมครั้งนี้เขาค่อนข้างเกร็งเล็กน้อยเพราะมีคนจากบริษัทแม่มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
 
“ปกติการลงโฆษณาในเฟสบุ๊ค มันก็กลั่นกรองกลุ่มที่จะเห็นแอดตัวนั้นได้ระดับหนึ่งนะครับ ถ้าเราเจาะจงเป้าหมายให้เป็นกลุ่มระดับสูง ก็น่าจะตรงกับที่เจ้าของสินค้าต้องการ”
 
“แต่จากการวิจัยบอกว่าลูกค้าระดับสูงสุดเป็นกลุ่มที่ไม่ได้มีเวลาเล่นเฟสบุคเป็นประจำนะคะ จะให้เขาเห็นโฆษณาที่ว่าก็ยากแล้ว แถมกลุ่มพวกนี้ก็ไม่ค่อยสนใจอะไรจากโฆษณาด้วย”
 
พนักงานในทีมเริ่มออกความเห็นอย่างกระตือรือล้น หลี่คุนกับตินที่เป็นแค่นักศึกษาฝึกงานได้แต่นั่งสงบเสงี่ยบฟังเขาหารือกัน
 
 “งั้นต้องใช้พวกอินฟลูเอนเซอร์ ให้คนที่เป็นที่สนใจมาพูดถึงสินค้าออกสื่อ จะได้กระตุ้นความสนใจ”
 
“แต่กลุ่มเป้าหมายเป็นคนระดับท็อปของประเทศนะ ใครจะมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้ล่ะ เน็ตไอดอลนี่ไม่ต้องพูดถึง ขนาดเอาพวกดารามาคนกลุ่มนั้นยังอาจไม่สนใจเลย”
 
การออกความเห็นดำเนินต่อไปพักใหญ่แต่ก็ยังไม่ได้แนวทางที่น่าพอใจ พนักงานชายคนที่ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับหลี่คุนเท่าใดจึงออกความเห็นขึ้นมา
 
“เราน่าจะให้นักศึกษาฝึกงานออกความเห็นบ้างนะครับ ไม่ใช่มานั่งฟังเฉยๆ ว่าไงครับ คุณานนท์ พอมีความคิดอะไรดีๆ หรือเปล่า”
 
หลี่คุณทำหน้าเหรอหรา เขากำลังนั่งฟังและคิดตามเพลินๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกโยนเรื่องนี้มาได้ ยังดีที่หัวข้อที่คุยกันไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีดิจิตอลอะไรที่เขายังไม่ค่อยซาบซึ้งกับมันนัก หลี่คุนจึงพอมีความเห็นของตัวเองอยู่บ้าง
 
“ผมคิดว่าอินฟลูเอนเซอร์ของคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นพวกเขาด้วยกันเองครับ พวกเขาคือคนระดับสูงสุดของประเทศ สิ่งที่เขาสนใจคือ คนในระดับเดียวกันมีอะไรใช้อะไร เขาสามารถครอบครองสิ่งที่คนอื่นในสังคมเดียวกันสนใจได้ก่อนคนอื่นหรือไม่ หรือถ้าได้เป็นเจ้าของในสิ่งที่คนอื่นยังหามาไม่ได้ย่อมเชิดหน้าชูตาที่สุด”
 
หลี่คุนอาจไม่เชี่ยวชาญด้านการค้าของยุคสมัยนี้ แต่ถ้าพูดเรื่องชนชั้นทางสังคม ไม่มีใครซาบซึ้งเท่าคนจีนโบราณอย่างเขาอีกแล้ว ในอดีตร้านค้าระดับสูงล้วนแต่แบ่งออกเป็นชั้นๆ ชั้นล่างสำหรับลูกค้าทั่วไป ชั้นสองสำหรับลูกค้าประจำ ชั้นบนๆ ขึ้นไป สำหรับคนชั้นสูงหรือราชวงศ์ แต่ละชั้นการตกแต่งและความพิเศษของสินค้าจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ หลี่คุนนึกถึงภาพเหล่าองค์หญิงท่านหญิงหรือคุณหนูตระกูลใหญ่ ต่างแย่งชิงทุ่มเทเงินทองแสดงความอิจฉาใส่กันเพื่อจะมีโอกาสใช้บริการในชั้นสูงกว่าเดิม
 
“อินฟลูเอนเซอร์ก็คือคนพวกเดียวกัน แหม ตอบแบบนี้ก็เหมือนกำปั้นทุบดินหรือเปล่าครับ คุณานนท์”
 
“ไม่นะ ผมว่ามันเข้าเค้ามากเลย คนพวกนี้มีอิทธิพลสูงสุดอยู่แล้ว ไม่มีระดับบนกว่าให้แหงนมอง เขาก็ต้องเปรียบเทียบกันเองอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือเราจะทำการตลาดกับคนพวกนี้ยังไง เขาคงไม่มีเวลามาเล่นโซเชียลละมั๊ง”
 
หัวหน้าโครงการออกปากชม แต่ก็ตั้งคำถามเพิ่มเติมกลับมาอีก
 
หลี่คุณอึ้งไป เรื่องนี้เขาก็ตอบไม่ได้ ในสมัยก่อนหาได้มีสื่อสารพัดช่องทางแบบในยุคนี้ นอกจากประกาศของทางการและการสืบเสาะข่าวสารกันเองแล้วก็เห็นจะมีเรื่องซุบซิบนินทาตามโรงน้ำชานี่แหล่ะที่แพร่ข่าวไปได้เร็วยิ่ง และเท่าที่เขาเห็น แหล่งซุบซิบนินทาคล้ายลับคล้ายไม่ลับที่คนสมัยนี้นิยมกันมากที่สุด ย่อมไม่พ้นช่องทางนี้
 
“น่าจะต้องเป็นวงเฉพาะที่เขาคุยกันเองนะครับ พวกไลน์กลุ่มอะไรอย่างงี้ เราอาจเชิญคนบางกลุ่มในนั้นแบบให้เกียรติอย่างที่สุดไปเยี่ยมชมโครงการ ถ้าเขาประทับใจ ย่อมจะพูดถึงในทางดีต่อกันไปในกลุ่ม ยิ่งถ้ามีเอกลักษณ์อะไรบาง”
 
ความเห็นของหลี่คุนทำให้คนในห้องประชุมถกเถียงกันว่าใช่หรือไม่และจะหาทางต่อยอดได้อย่างไรดังเซ็งแซ่ไปหมด จนจางอี้หลงที่นั่งฟังนิ่งๆ มาโดยตลอดต้องสรุป
 
“ความคิดของน้องคุน เอ่อ คุณคุณานนท์ถือว่าใกล้เคียงกับที่ผมคิด ส่วนการต่อยอดนั้นผมอยากแชร์ความเห็นไว้หน่อยว่า ถึงบริษัทนี้จะเน้นด้านการตลาดดิจิตัล แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันตรงๆ เสมอไป พวกคุณในทีมลองไปคิดดูแล้วเอามาคุยกันครั้งหน้าว่าจะประยุกต์ใช้กับโครงการนี้ได้ยังไง เสนอความเห็นที่เป็นของตัวเองดูบ้าง อย่าให้แพ้นักศึกษาฝึกงานนะครับ”
 
พนักงานหนุ่มที่โยนภาระการออกความเห็นมาให้หลี่คุนก่อนหน้านี้หน้าเจื่อน เขาไม่ชอบหน้านักศึกษาฝึกงานคนนี้มาตั้งแต่แรกเจอเพราะอิจฉาใบหน้าหล่อเหลาและท่าทางที่สง่างาม หลังจากจางอี้หลงออกไปโครงการก็แจกงานกัน หลี่คุนถูกบางคนในทีมกีดกันจนได้เพียงงานเล็กๆ น้อยๆ ไม่สำคัญ แต่ถึงอย่างไรการที่ความเห็นของเขาได้รับการยอมรับในวันนี้ก็นับว่าได้หน้ามากแล้วสำหรับนักศึกษาฝึกงาน
 
หลี่คุนไม่ถือสา ไม่ให้เขาทำก็ไม่เห็นเป็นอะไร เอาเวลาว่างไปคิดหาเงินหาทองให้ตัวเองดีกว่า เขากลับไปทำสิ่งที่ถนัดที่สุดนั่นคือการปรุงยา เขาพัฒนาสูตรขี้ผึ้งลดริ้วรอยบำรุงผิวหน้าขึ้นมาใหม่ ใช้วัตถุดิบเป็นสมุนไพรจีนสำเร็จรูปที่สกัดโดยเทคโนโลยีของยุคนี้แต่นำมาปรุงตามสูตรลับโบราณผสานด้วยสมุนไพรไทยตามที่เขาคิดค้นขึ้น
 
ด้วยกำลังภายในบุปผาเร้นวารีขั้นหนึ่งทำให้เขาสามารถใช้ลมปราณในการตรวจสอบวัตถุดิบแต่ละแหล่งแต่ละล๊อตทำให้ปรับสัดส่วนในการปรุงยาได้อย่างเที่ยงตรง ผลที่ได้น่าทึ่งมาก ทั้งประหยัดเวลาในการเคี่ยวสมุนไพร ต้นทุนที่ใช้ก็ถูกกว่าการซื้อสมุนไพรจริงมาทำเองตั้งแต่ต้น แถมสรรพคุณยังเหนือล้ำไปกว่าเพราะความเข้มข้นไร้สิ่งเจือปนของสมุนไพรที่สกัดมาแล้ว โอสถที่ปรุงขึ้นมาด้วยวิธีนี้มีความบริสุทธิ์ถึงห้าส่วนแถมช่วยบำรุงแก้ไขปัญหาผิวพรรณได้เกือบจะครอบจักรวาล
 
หลี่ใช้เวลาเกือบสองอาทิตย์ในการปรับปรุงสูตรขี้ผึ้งบำรุงรักษาผิวหน้าจนเป็นที่พอใจ เขาให้พวกซูเอ๋อร์และตินมาเป็นหนูทดลองให้ผลที่ได้ก็เกินคาด เด็กๆ ที่เดิมหน้ามันบ้างหน้าสิวบ้างตามธรรมชาติของวัยรุ่นตอนนี้กลายเป็นหล่อสวยยิ่งกว่าเดิมจนซูเอ๋อร์บอกว่าเหมือนใช้แอพแต่งรูป ส่วนตินนั้นคงพอพูดชมได้แค่ว่าเป็นคนธรรมดาที่หน้าใสที่สุด
 
ในระหว่างนั้นโครงการทำการตลาดให้กับบ้านพักตากอากาศระดับหรูใจกลางเขาใหญ่ก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ หลี่คุนพยายามเสนอไอเดียต่างๆ เข้าไป แม้จะไม่มีประสบการณ์การค้าขายในยุคนี้แต่เขาก็พยายามศึกษาแหล่งข้อมูลความรู้ต่างๆ มาผสมผสานกับประสบการณ์ในชาติที่แล้ว จางอี้หลงที่เขาได้คุยผ่านแชทอยู่เรื่อยๆ ก็คอยช่วยแนะนำเคสต่างๆ ในโลกธุรกิจให้เขาไปศึกษาดู
 
ความเห็นของหลี่คุนมีคนเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้าง สุดท้ายไม่รู้ว่าได้ถูกนำไปใช้หรือเปล่า เพราะช่วงหลังๆ ดูเหมือนเขาจะถูกกันออกจากทีมโครงการจนแทบไม่ได้มีส่วนร่วม หลี่คุนเข้าใจว่าพอจะเป็นงานที่ส่งลูกค้าจริงอาจจะไม่เหมาะที่จะให้นักศึกษาฝึกงานมารับรู้สิ่งที่อาจเป็นความลับ แม้กระทั่งเมื่อแผนการดำเนินงานเสร็จสมบูรณ์ทีมงานก็ไม่ได้บอกอะไรเขา กลายเป็นหลี่คุนทราบจากจางอี้หลงที่ตอนหลังแทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการแทน
 
ZYL : พี่เห็นแผนงานโครงการที่ทีมเสนอขึ้นมาแล้วนะ มีไอเดียเราอยู่เยอะเลย
 
LK : อ้าว เสร็จแล้วเหรอครับคุณจาง ผมยังไม่เห็นเลย
 
ZYL : พี่อี้หลง!
 
LK : ??
 
ZYL : บอกให้เรียกพี่อี้หลงไง
 
LK : ก็เวลาพิมพ์คุณจางมันง่ายกว่าอ่ะ ผมพิมพ์ช้าอยู่ด้วย พี่เป็นคนจีนแท้ๆ ยังพิมพ์ไทยเร็วกว่าผมเลย
 
ZYL : งั้นไม่คุยก็ได้ครับ
 
LK : พี่อี้หลง พี่อี้หลง พี่อี้หลง พี่อี้หลงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
ZYL : ว่าไงครับน้องคุน
 
LK : โครงการเอาไอเดียผมไปใช้เหรอครับ ไม่น่านะครับ ตอนผมเสนอไป ก็บอกว่าไม่เข้าท่าตลอดเลย ตอนสรุปกันก็ไม่ให้ผมเข้าด้วย
 
ZYL : เรื่องเชิญแขกระดับท๊อปแบบเอ๊กซ์คลูซีพ เรื่องจำกัดจำนวนคนในรอบแรกๆ เรื่องให้กระจายภาพคนมีชื่อเสียงที่ถ่ายกับป่าที่เป็นแลนด์มาร์คโครงการออกไปแบบไม่ตั้งใจ พวกนี้เป็นความคิดเราหรือเปล่าล่ะ
 
LK : ของผมครับ ก็อย่างที่เคยคุยๆ กับพี่ไว้แล้วส่งร่างให้ดู
 
ZYL : ไอเดียพวกนี้ถูกเอาไปใช้ในโครงการหมดเลย ไม่ใช่แค่คอนเซ็ปท์นะ แต่รายละเอียดปลีกย่อยที่น้องคุนร่างไว้ก็เอามาใช้เกือบหมด สุดท้ายไม่มีเครดิตให้เรานะ เป็นชื่อคนอื่น
 
LK : อ้าว ไหนพี่เค้าบอกว่าผมคิดมันเด็กๆ ใช้ไม่ได้
 
ZYL : ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จัดการให้ ยังไงเราต้องมีชื่ออยู่ในผลงานนี้
 
LK : ไม่ต้องล่ะครับ อีกไม่กี่วันผมก็ฝึกงานจบแล้ว พี่ๆ ส่วนใหญ่ก็ดี ผมไม่อยากให้มีปัญหา อีกอย่างถึงพี่จะมาจากบริษัทแม่  ไม่ควรไปล้วงลูกการทำงานงานของฝ่ายบริหารบริษัทลูกหรือเปล่า เดี๋ยวระดับสูงเขาจะว่าเอา
 
ZYL : น้องคุนเป็นห่วงพี่เหรอครับ
 
LK : ก็พี่อี้หลงช่วยผมหลายเรื่องแล้ว ไม่อยากให้พี่มีปัญหากับเรื่องเล็กๆ
 
ZYL : โอเคครับ ยังไงซะพี่ก็รู้แล้ว คนอื่นในบริษัทก็ไม่สำคัญหรอก
 
LK : แหม พูดยังกะเป็นประธานบริษัทซะเอง 55
 
ZYL : หึหึ ใช่ซะที่ไหน
 
แม้จะรู้ว่าตัวเองถูกนำไอเดียไปใช้หลี่คุนก็ไม่ได้ไปวุ่นวายอะไร เขาได้รับความรู้เกี่ยวการค้าในยุคนี้จากการฝึกงานก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่คิดว่าวันสุดท้ายของการฝึกงาน เขาจะได้รับเช็คมูลค่าห้าหมื่นบาทจากหัวหน้าเป็นค่าตอบแทนพิเศษจากการทำงานในโครงการดังกล่าว และดูเหมือนว่าทีมโครงการที่ต้องไปทำงานต่อจะถูกปรับเปลี่ยนคนขนานใหญ่ หลี่คุนแอบหัวเราะร่าในใจด้วยความดีใจ เครดิตอะไรไม่ได้ไม่เป็นไร เงินนี่แหละดีที่สุด เขาจะได้เอาไปต่อยอดทำมาหากินต่อ
 
หลี่คุนมีเวลาอีกพอสมควรก่อนที่จะเปิดเทอม เขาเร่งคิดหาทางทำเงินทำทองจากขี้ผึ้งบำรุงผิวพรรณตำหรับใหม่ที่อุตส่าห์คิดค้นขึ้น ด้วยสรรพคุณยอดเยี่ยมที่เทียบเคียงได้กับสิ่งที่ใช้กันในวังเมื่อยุคก่อนหลี่คุนจึงตั้งชื่อว่าขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิ จริงๆ เขายังเข็ดขยาดความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในครั้งที่แล้วอยู่มาก แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หลี่คุนวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในคราวที่แล้วอย่างละเอียด สินค้าไม่มี อ.ย. ไม่อาจวางขายโดยทั่วไปได้ ถูกของเลียนแบบตัดราคา โดนโจมตีทางโซเซียลจนเสียชื่อเสียง เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่ต้องหาทางแก้ไขก่อนจะออกสินค้าชุดใหม่
 
จริงๆ แล้วหลี่คุนไม่ต้องการขึ้นทะเบียน อ.ย. เพราะไม่ต้องการเปิดเผยสูตรออกไป แต่เมื่อคิดจะทำอาชีพนี้จริงจังก็ต้องทำตามกฎหมายให้ถูกต้อง เขาไปปรึกษาเรื่องนี้คร่าวๆ กับนายแพทย์ภีมหมอฝังเข็มชื่อดังที่หลี่คุนรู้จักตอนอยู่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลังข้ามเวลามา หมอภีมพอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างบอกว่าถ้าเป็นเครื่องสำอางค์ที่ใช้แต่สมุนไพรไม่ได้มีสารเคมีออกฤทธิ์ควบคุมก็จะไม่ได้เข้มงวดมากนัก ขอแค่ไม่ได้ผสมสารอันตรายหรือโฆษณาเกินจริงก็พอ เขาแนะนำให้หลี่คุนใช้บริการคนที่รับจ้างจด อย. ในที่สุดก็สามารถขึ้นทะเบียนได้โดยแจกแจงสมุนไพรที่ใช้เป็นชื่อรวมๆ ไม่ละเอียดมากพอที่ใครจะลอกเลียนแบบได้
 
เมื่อแก้ปัญหาเรื่อง อ.ย. ได้แล้ว เขาก็เริ่มคิดแผนการขาย เดิมสินค้าเขาเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วผ่านทางไอจีของซูเอ๋อร์  นั่นดูเหมือนจะดีแต่กลับทำให้สินค้าของเขาเข้าไปอยู่ในตลาดล่าง ตลาดล่างมีดีแค่ปริมาณแต่นำปัญหาสินค้าปลอมและการตัดราคาที่ยากจะป้องกันมาให้
 
การฝึกงานที่บริษัทโฆษณาของหลี่คุนไม่เสียเปล่า แม้จะไม่ได้ทำงานสำคัญ แต่เขาก็ได้เรียนรู้พฤติกรรมของคนยุคนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก บริบทเงื่อนไขอาจเปลี่ยนไป แต่เนื้อแท้แล้วคนก็ยังเป็นคนไม่ต่างจากในอดีต พอจับหลักได้ หลี่คุนก็เอาความรู้ในสองชาติภพมาผสมผสานเป็นแผนการตลาดที่แตกต่างขึ้นมา ขี้ผึ้งบำรุงตัวใหม่ของเขาจะต้องจับตลาดบน มีแต่สมาชิกเท่านั้นที่จะซื้อได้ ราคาต้องวางไว้ในระดับสูงแม้ต้นทุนจะต่ำเพียงใด สินค้าเพื่อความงามมิอาจตั้งราคาต่ำได้ผู้คนจะไม่เชื่อถือ บรรจุภัณฑ์ต้องหรูหราสวยงามยากต่อการปลอมแปลง ทั้งหมดเป็นเงื่อนไขที่เขาวางไว้
 
ขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิถูกแจกจ่ายไปให้กับผู้คนในวงจำกัด คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่เขารู้จักหรือมีส่วนเกี่ยวข้องที่เขาคาดว่าจะช่วยแนะนำสินค้าของเขาไปให้กลุ่มเป้าหมายได้ เขามีประสบการณ์แล้วว่าลูกค้ายุคนี้เชื่อคนที่เขาสนใจมากกว่าโฆษณา คนพวกนี้เรียกว่าอินฟลูเอนเซอร์เหมือนตอนที่คนในเน็ตใช้ขี้ผึ้งตัวเก่าตามซูเอ๋อร์ หลี่คุนไม่คิดที่จะใช้น้องชายตัวเองอีกเพราะไม่อยากให้เปลืองตัวและคนที่ติดตามซูเอ๋อร์อยู่ก็คงมีแต่วัยรุ่นที่กำลังซื้อไม่สูง เขาจึงมองหาคนอื่นถึงได้พบว่าคนรอบตัวเขามีทั้งคนหน้าตาดีมีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ยอดเยี่ยมได้ทั้งนั้น
 
คนแรกที่ได้รับขี้ผึ้งคือหมอภีม นายแพทย์หนุ่มเชื่อถือในวิชาฝังเข็มของหลี่คุนอยู่แล้วจึงนำไปใช้กับตัวเองในทันที ผลที่ได้น่ามหัศจรรย์มาก เขารีบแนะนำให้กับคนไข้สาวน้อยสาวใหญ่ไฮโซที่สนิทกันอย่างไม่ลังเล รายที่สองคือแฮ็คส์นักร้องนักแสดงหนุ่มว่าที่น้องเขยของหลี่คุนเอง แฮ็คส์ได้รับการรับรองแข็งขันจากซูกัสจึงนำเอาไปบังคับขายกับกลุ่มเพื่อนดาราเพื่อเอาใจพี่แฟน นอกนั้นก็มีพวกนายแบบที่หลี่คุนช่วยไว้จากพีทหลายคนที่อาสาเอาไปช่วยแนะนำให้กับคนในวงการบันเทิง ไฮโซแบ๊งค์นักเปียโนชื่อดังก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในแวดวงคนชั้นสูง เขากลัวว่าหลี่คุนจะไม่ช่วยฝังเข็มให้มือของเขาอีก จึงถึงกับยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกมาเดินสายขายขี้ผึ้งอยู่เป็นเดือนๆ จนได้ยอดสูงกว่าคนอื่นทั้งหมด
 
หลังจากใช้เวลาเกือบเดือนในการกระจายสินค้าล๊อตแรกไป หลี่คุนก็ได้แต่รอลุ้นว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไร ถึงแม้ซูเอ๋อร์ หมอภีม ไฮโซแบ๊งค์ หรือคนอื่นๆ จะยืนยันว่าขี้ผึ้งของเขามีสรรพคุณที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจ คนกลุ่มนี้สนิทกับเขา หรือไม่ก็มีเหตุให้ต้องพยายามเอาอกเอาใจเขาจึงไม่อาจนับเป็นผลตอบรับที่เที่ยงตรงได้ ประสบการณ์ขาดทุนในครั้งที่แล้วยังทำให้เข็ดขยาดอยู่ไม่น้อย

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 16] 11/11/2019
«ตอบ #37 เมื่อ12-11-2019 17:17:34 »

พี่อี้หลงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

วี้ดว้ายยยยย เอาใจน้องคุณออกหน้ามากกกก

ผจก. นั่นไม่เลิกง่าย ๆ แน่ ๆ  เดี๋ยวต้องมาแว้งกัดชัวร์ แต่ระหว่างนั้นก็คันคะเยอะแสบร้อนไปก่อนละกัน ฮ่าๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 16] 11/11/2019
«ตอบ #38 เมื่อ12-11-2019 22:53:19 »

พี่อี้หลงจะเป้นพระเอกใช่มะ ดูห่างไกลเรื่องความรักละเกิน เงินสำคัญใช่มะหลี่คุน

ออฟไลน์ Icegemini04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 16] 11/11/2019
«ตอบ #39 เมื่อ12-11-2019 22:55:48 »

โอ้ยยยย เพลินมากกก สนุกมากค่ะ อ่านไปยิ้มไปขำไป รอมาต่อนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 16] 11/11/2019
« ตอบ #39 เมื่อ: 12-11-2019 22:55:48 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 16] 11/11/2019
«ตอบ #40 เมื่อ13-11-2019 07:24:12 »

สนุกมากกก ล่าสุดเกณฑ์คนไปขายครีม 555


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 17] 13/11/2019
«ตอบ #41 เมื่อ13-11-2019 12:14:01 »

 
หลังจากที่เขากระจายสินค้าล๊อตแรกไปไม่กี่วันมหาลัยก็เปิดเทอม หลี่คุนกลับไปร่วมเรียนปีสี่คณะนิเทศภาคโฆษณาร่วมกับเพื่อนๆ ของคุณานนท์โดยไม่เครียดอะไรเพราะความทรงจำของร่างเดิมได้ฟื้นคืนมาพอสมควรและเขาก็ปรับตัวกับยุคนี้ได้ดีแล้ว หลี่คุนมีแต่ความตื่นเต้นที่จะได้เรียนในสำนักศึกษาที่เกิดขึ้นหลายร้อยปีหลังจากยุคที่แท้จริงของตัวเอง เขาถอดผ้าปิดปากที่ใส่เป็นประจำระหว่างเดินทางออกเมื่อเข้ามาในคณะ คนที่ตกตะลึงจริงๆ กลับเป็นเพื่อนๆ กำลังคุยกันเซ็งแซ่หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน
 
คุณานนท์ในความทรงจำของพวกเขาเป็นคนหน้าตาดีก็จริงแต่ในคณะที่เต็มไปด้วยคนหล่อๆ สวยๆ ที่พร้อมจะเข้าวงการก็ไม่นับว่าโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่คุณานนท์ที่มาปรากฎตัวในวันเปิดเทอมกลับเปลี่ยนไปจนคนมองแทบจะลืมหายใจ ดวงตาหงส์เรียวยาว ปากแดงฟันขาวผมดำราวหมึก ที่สำคัญคือผิวขาวเนียนราวส่องแสงได้ไร้ตำหนิริ้วรอยแม้แต่น้อย เมื่อรวมกับรูปร่างแข็งแรงท่าทางองอาจผ่าเผยและการเคลื่อนไหวแคล่วคล่องงามสง่าทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้ แม้แต่เพื่อนร่วมรุ่นซึ่งเป็นนักแสดงวัยรุ่นชื่อดังที่เข้าวงการมาแล้วหลายปีก็ยังมีออร่าไม่เท่า
 
การฝังเข็มทะลวงเส้นปราณที่อุดตันและการบรรลุกำลังภายในบุปผาเร้นวารีขั้นที่หนึ่งทำให้สุขภาพของหลี่คุนสมบูรณ์ถึงขีดสุด สิ่งนี้ย่อมสะท้อนออกมายังรูปลักษณ์ภายนอก โอสถบำรุงในตำนานหลากหลายขนานที่หลี่คุนทดลองกับตัวเองยิ่งส่งเสริมให้ความหล่อเหลางดงามเปล่งประกายไร้ที่ติ ท่วงท่าองอาจได้มาจากการฝึกยุทธ์ที่ชายหนุ่มทำเป็นประจำอย่างไม่เกียจคร้าน ดวงจิตที่เป็นของผู้นำตระกูลหลี่แห่งฉางอันครั้งบรรพกาลฉายแววผ่าเผยสูงศักดิ์ที่เกินกว่านักศึกษาธรรมดาจะมีได้ออกมาผ่านแววตาคมกล้า
 
“ไอ้ เอ่อ อ่า คุน ไปทำอะไรมา กู เอ่อ เรา เอ๊ย ผมเกือบจำไม่ได้เลย คะ..ครับ”
 
เพื่อนที่คุ้นเคยกับคุณานนท์เพราะทำงานกลุ่มเดียวกันบ่อยๆ เข้ามาทักด้วยท่าทางฝืนๆ เขารู้สึกไม่กล้าพูดจาไม่สุภาพกับคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
 
“ทำไมพูดจาแปลกๆ วะกอล์ฟ สุภาพซะจนกูตอบไม่ถูกเลย”
 
หลี่คุนสวมรอยเป็นคุณานนท์ตอบกลับได้อย่างแนบเนียน เขาจำเพื่อนร่วมคณะคนนี้ได้จากความทรงจำของคุณานนท์ เมื่อมองว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่งไม่ต่างจากตินปฏิกิริยาของเขาก็เป็นไปอย่างธรรมชาติ
 
เพื่อนคนนั้นตอบกลับด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ยังเหมือนเดิมของคนตรงหน้า
 
“ไอคุนจริงๆ ด้วย ไปทำหน้าที่ไหนมาวะ หล่อเด้งขนาดนี้ เชร็ด นี่กูใจสั่นกับผู้ชายเหรอวะ”
 
เพื่อนคนอื่นๆ ที่หายจากอาการตกตะลึงก็เข้ามารุมล้อมยิงคำถามกับหลี่คุนราวกับอีกฝ่ายเป็นดารา จนหลี่คุนยืนยันหลักแน่นว่าไม่ได้ไปทำศัลยกรรมใบหน้าที่ไหนมาถึงได้ยอมสลายตัว แต่ไม่วายมีสาวสวยเพื่อนร่วมรุ่นอีกคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า
 
“คุน ชั้นตัดสินใจแล้ว ยังไงแกต้องมาแสดงละครนิเทศปีนี้ให้ชั้น หน้าตาท่าทางแบบนี้ทำไมชั้นไม่เห็นแววมาก่อนนะ พลาดไปแล้ว พลาดไปแล้ว”
 
หญิงสาวทำท่าตีโพยตีพายเหมือนเสียใจเสียเต็มประดา หลี่คุนยิ้มน้อยๆ แต่ตอบปฏิเสธในทันที
 
“เราคงไม่เหมาะหรอก ตอนนี้เพิ่งเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ อยู่ด้วย คงไม่มีเวลา”
 
“อุ๊ย ไม่เสียเวลาอะไรเลย บทแกมีไม่เยอะแต่โคตรเด่น เรียนที่นี่แต่ไม่ได้เล่นละครนิเทศสักครั้งถือว่าเสียชาติเกิดนะ ชั้นจะให้แกเล่นเป็นบัณฑิตดีดพิณลึกลับ ที่ออกมาอย่างคาดไม่ถึงเวลาที่พระเอกกับนางเอกเข้าตาจน บทนี้เด่นกว่าวีรบุรุษเจ้าสำราญที่เป็นพระรองอีกนะ บทพูดก็ไม่ค่อยมี แค่ทำท่าดีดพิณจีนโบราณเท่ๆ ชิลๆ  ก็พอแล้ว แต่รับรองสาวกรี๊ด”
 
“หือ ทำไมมีพิณจีนโบราณด้วย ละครเรื่องอะไร”
 
หญิงสาวเห็นหลี่คุนทำท่าสนใจก็รีบขายของ
 
“ละครชื่อยิ้มเย้ยยุทธจักร เรื่องจะย้อนยุคไปสมัยจีนโบราณโน่นเลย ช่วงนี้กำลังฮิต ชุดก็ออกแบบไว้หมดแล้ว ถ้าแกใส่ต้องดูสง่าเหมือนองค์ชายในซีรี่ส์จีนแน่ๆ ว๊ายๆ ชั้นอยากจะจับแกไปฟิตติ้งซะตอนนี้เลย”
 
หลี่คุนลังเล ถึงแม้เขาจะมีความสุขกับโลกปัจจุบันแต่ก็ใช่ว่าใจจะไม่ถวิลหายุคสมัยที่จากมา ถ้าได้สวมชุดที่คุ้นเคยอีกครั้งคงพอบรรเทาความรู้สึกอ้างว้างคิดถึงบ้านไปได้บ้าง ละครเรื่องยิ้มเย้ยยุทธจักรเหรอ เนื้อเรื่องจะเป็นยังไงนะ ในที่สุดเขาก็ตอบตกลง
 
“เราคงไม่มีเวลาซ้อมเท่าไหร่ แต่จะลองดูแล้วกัน ขอเงื่อนไขเดียวว่าชุดเราต้องเป็นสีขาวล้วนนะ”
 
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวดีไซน์ให้พิเศษเลย” 
 
หลี่คุนเริ่มวันแรกของการเรียนปีสี่ด้วยการรับแสดงละครเวทีไปอย่างเผลอตัว โชคดีที่ทีมงานละครอยู่ระหว่างเตรียมการช่วงนี้ยังไม่ต้องทำอะไรมากนัก เขาจึงสามารถทุ่มเทให้กับการเรียนได้อย่างเต็มที่ วิชาปีสี่ส่วนใหญ่เป็นการนำวิชาพื้นฐานไปประยุกต์ใช้ หลี่คุนที่ได้ผ่านการฝึกงานมาอย่างเข้มข้นแถมด้วยการชี้แนะของจากอี้หลงที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจจึงเอาตัวรอดไปได้สบายๆ
 
ในช่วงที่นั่งฟังแลคเชอร์ หลี่คุนจะจดน้อยมาก เขาเขียนแต่หัวข้อที่เป็นประเด็นสำคัญๆ เพราะยังไม่สามารถรื้อฟื้นความแคล่วคล่องในการเขียนภาษาไทยของร่างเดิมออกมาได้เต็มที่ แต่พอกลับถึงบ้าน เขาจะสรุปสิ่งที่เป็นหัวใจของเนื้อหาในวันนั้นลงในสมุดบันทึกส่วนตัวอีกเล่ม
 
แม้จะข้ามเวลามาอยู่ในยุคอีกหลายร้อยปีให้หลัง แต่หลี่คุนก็ยังไม่ทิ้งนิสัยของชาวจีนโบราณที่ชอบจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ สิ่งนี้ทำให้ชนชาติจีนสร้างความยิ่งใหญ่มาได้อย่างยาวนานในยุคประวัติศาตร์ การคิดค้นกระดาษเมื่อสองพันปีก่อนทำให้การจดบันทึกเพื่อรวบรวมความรู้ประสบการณ์สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ศิลปวิทยาการของชาวจีนจึงถูกส่งต่อไปได้อย่างกว้างไกล
 
หลี่คุนมีพู่กันจีนที่มีหมึกในตัวซึ่งซูเอ๋อร์ไปหาซื้อมาให้ เขาใช้มันคู่กับสมุดที่มีหน้ากระดาษขาวล้วนเล่มหนาจดบันทึกเรื่องราวที่พบเจอ มีทั้งเนื้อหาที่เรียนในมหาลัย ความเป็นมาและนิสัยของเพื่อนๆ แต่ละคน กลยุทธ์การค้าที่ได้จากจางอี้หลง ส่วนมากจะเขียนถึงสิ่งแปลกใหม่ต่างๆ ที่พบเจอในยุคนี้ เขาเปรียบเทียบความแตกต่างกับยุคโบราณที่เขาเกิดมา และด้วยความกลัวว่าความทรงจำที่ติดมาจากอดีตชาติอาจจะจางหายไปในวันใดวันหนึ่ง เขาจึงค่อยๆ บันทึกเรื่องราวของตัวเองสมัยราชวงศ์หมิงตั้งแต่เด็กจนโตไว้ในสมุดเล่มนั้น
 
หลี่คุนใช้อักษรของอาณาจักรเซี่ยตะวันตกในการจดบันทึก แม้แต่ในยุคราชวงศ์หมิงที่เขาเกิดก็ไม่เหลือผู้คนที่สามารถอ่านภาษาของอาณาจักรที่ล่มสลายไปแล้วหลายร้อยปีนี้ออก แต่หลี่คุนในฐานะผู้สืบทอดของตระกูลหลี่แห่งฉางอันได้เรียนอักษรที่สาบสูญนี้มาตั้งแต่เด็กจึงใช้มันในการจดบันทึกสิ่งที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้มาโดยตลอด ยิ่งในยุคนี้ภาษาเซี่ยตะวันตกคงเป็นดั่งรหัสลับที่ไม่อาจถอดความได้ เขาจึงเขียนสิ่งที่เป็นความลับลงไปได้โดยไม่ต้องกลัวว่าผู้ใดจะมาอ่านพบ
 
ในขณะที่การเรียนเป็นไปอย่างราบรื่น การค้าที่เริ่มไว้ก่อนเปิดเทอมยังไปได้ไม่ดีนัก ยอดขายของขี้ผึ้งในเดือนแรกน้อยนิดจนน่าปวดใจ ส่วนใหญ่สั่งซื้อเพราะเกรงใจคนที่แนะนำ หมอภีมช่วยหาลูกค้าในแวดวงคนมีเงินที่ชอบแนวแพทย์แผนโบราณมาได้พอสมควร แต่จะรุกหนักกว่านี้ก็ไม่ได้ด้วยจรรยาบรรณที่ยังค้ำคออยู่ กลุ่มนายแบบเองก็พอจะเจาะตลาดดารานางแบบระดับกลางๆ ได้บ้าง ส่วนแฮ็คส์ก็ใช้การบังคับขายกลุ่มนักร้องนักแสดงที่สนิทสนมกันดื้อๆ แต่คนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจที่สุดคือแบ็งค์ หลังจากเลื่อนทัวร์คอนเสิร์ตของตัวเองออกไป เขาก็กลับไทยมาวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านคุณหญิงคุณนายในแวดวงไฮโซเพื่อแนะนำขี้ผึ้งอย่างไม่ห่วงหน้าตาตัวเอง ที่จริงเขาอยากจะเหมาซื้อเอาไว้เองทั้งหมดด้วยซ้ำแต่หลี่คุนไม่ยินยอม
 
ขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิอาศัยแค่การแนะนำบอกต่อในวงแคบไม่มีการโฆษณาขาย วิธีการซื้อก็จำกัดยุ่งยาก ขี้ผึ้งหนึ่งกระปุกใช้ได้หนึ่งเดือนและก็มีอายุการใช้งานแค่หนึ่งเดือนด้วย ทุกตลับจะมีผนึกตราครั่งประทับไว้อย่างวิจิตรบรรจงว่าเป็นของเดือนอะไร หากหมดเดือนก็จะหมดสภาพไม่สามารถใช้ต่อได้ ผู้ซื้อจะต้องสมัครเป็นสมาชิก ทุกๆ เดือนจะได้รับขี้ผึ้งของเดือนนั้นหนึ่งกระปุก ความซับซ้อนนี้ประกอบกับราคาที่สูงกว่าครีมหรูหราของเคาเตอร์แบรนด์ดัง ทำให้หลายคนไม่อยากทดลองแม้จะได้รับคำแนะนำจากคนที่น่าเชื่อถือก็ตาม เรื่องนี้ทำให้บรรดาหนุ่มหล่อทีมขายปวดใจมาก พวกเขาควักเงินตัวเองเป็นลูกค้าของหลี่คุณอย่างต่อเนื่อง ยิ่งใช้ก็ยิ่งหล่อหน้าใสอย่างไม่น่าเชื่อ แต่จนใจไม่รู้จะอธิบายให้คนอื่นฟังยังไง พูดไปก็เหมือนโฆษณาเกินจริง
 
เมื่อเห็นผลในเดือนแรกเป็นเช่นนี้ หลี่คุนที่มั่นใจในสรรพคุณของโอสถที่ตัวเองปรุงกว่าเหนือล้ำกว่าที่มีขายกันมากนักก็ยังชักจะหวั่นใจจนต้องขอคำปรึกษาจากกูรูส่วนตัว
 
LK : พี่อี้หลง ทักๆ
 
ZYL : ว่า?
 
LK : สมมุติถ้าเรามีสินค้าที่ดีมากๆ แต่ราคาสูงหน่อย แล้วคนไม่กล้าลองใช้จะทำยังไงดี
 
ZYL : หาคนน่าเชื่อถือมารีวิว แต่เขาต้องใช้เองจริงๆ นะ
 
LK : ทำแล้ว
 
ZYL : แจกตัวอย่างทดลอง อ้อ เป็นสินค้าราคาสูงใช่ไหม เน้นภาพลักษณ์ด้วยเปล่าครับ?
 
LK : ใช่เลยครับ
 
ZYL : งั้นแจกฟรีอาจจะไม่เหมาะ ภาพลักษณ์สินค้าจะเสีย เอาเป็นรับประกันแบบไม่มีเงื่อนไข ถ้าไม่พอใจไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไร ก็คืนเงินให้หมด
 
LK : อย่างนี้ไม่เจ๊งแย่เหรอพี่
 
ZYL : ก็ถ้าของดีจริงเขาจะมาคืนทำไม
 
LK : จริงด้วย
 

ออฟไลน์ nuja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 17] 13/11/2019
«ตอบ #42 เมื่อ14-11-2019 06:16:20 »

รอค่ะรออออออออ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 18] 17/11/2019
«ตอบ #43 เมื่อ17-11-2019 11:05:20 »

18

หลี่คุนได้เพิ่มแผนประกันความพึงพอใจร้อยเปอร์เซ็นต์ให้กับขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิตามคำแนะนำของจางอี้หลง หากใช้แล้วไม่ชอบไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด เขาจะคืนเงินให้เต็มจำนวนเท่ากับยอดที่ซื้อจริงย้อนหลังไปสูงสุดหกเดือน บรรดาทีมขายหนุ่มหล่อต่างพากันเดินสายโปรโมทสินค้าตัวนี้อีกรอบ ลูกค้าเห็นการรับประกันที่บ้าบิ่นแสดงถึงความมั่นใจในคุณภาพสินค้าก็เริ่มเข้ามาเป็นสมาชิกเพื่อทดลองมากขึ้น ผลตอบรับก็มีแนวโน้มที่ดีแทบจะไม่มีสมาชิกที่ยกเลิกเลย อันที่จริงผู้ใช้ก็เริ่มรู้สึกว่าผิวหน้าดีขึ้นตั้งแต่เดือนแรกๆ แต่หลายคนใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวมากประโคมไปบนใบหน้าตัวเองจนไม่รู้ว่าดีขึ้นจากตัวไหน แต่ผ่านไปสองสามเดือนก็มั่นใจว่าเป็นเพราะขี้ผึ้งของหลี่คุณ
 
หลังจากนั้นยอดขายรายเดือนของขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดารานักแสดงที่ใช้ก็ได้รับคำชมจากช่างแต่งหน้าว่าหน้าใสกระจ่างสุขภาพดีจากภายใน แต่ละคนต่างยิ้มรับแต่เก็บความลับไว้ไม่บอกใครเพราะกลัวดาราคู่แข่งจะสวยเท่า แต่ในหมู่คุณหญิงคุณนายไฮโซดูจะมีมิตรไมตรีกันมากว่าต่างพากันแนะนำให้เพื่อนๆ อย่างไม่หวงแหน
 
ยอดสมาชิกไต่ขึ้นอย่างรวดเร็วทุกเดือน แต่ก็เริ่มมีลูกค้าที่ไม่ซื่อตรงไม่กี่คน พอใช้ไปได้ซักระยะก็มาขอยกเลิกอ้างว่าผลิตภัณฑ์ไม่ดีอย่างที่พูดๆ กัน หลี่คุนคืนเงินให้เต็มจำนวนโดยไม่บิดพริ้ว  ลูกค้ากลุ่มนี้รับเงินคืนไปก็คิดจะกลับไปสมัครใหม่ แต่หลี่คุนกลับประกาศนโยบายใหม่ในการขายขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิที่น่าตกตะลึงขึ้นมาเสียก่อน
 
ขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิจะไม่ขายให้กับคนทั่วไป ผู้ที่จะสมัครสมาชิกใหม่จะต้องได้รับการรับรองจากสมาชิกเดิม สมาชิกแต่ละท่านสามารถรับรองสมาชิกใหม่เพิ่มได้หนึ่งคนต่อปีเท่านั้น
 
ประกาศที่หลี่คุนออกมาสร้างความปั่นป่วนอย่างแท้จริง สิ่งที่คิดว่ามีเงินก็ซื้อได้แม้จะแพงหน่อยกลับไม่สามารถใช้เงินเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป คนที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วต่างคิดว่าตัวเองโชคดีที่เจอขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิก่อนคนอื่น คนที่เพิ่งได้ยินสรรพคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกต่างร้อนรนจะเป็นจะตายกลัวไม่สามารถหาผู้รับรองได้ สิทธิรับรองสมาชิกรายเดียวที่มีในหนึ่งปีมีค่าราวกับทอง ถ้าไม่รักชอบกันจริงไม่มีทางที่ใครจะยกให้ใครโดยเด็ดขาด ไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์สินค้าในทางเสียหายโดยไม่มีมูลเพราะกลัวถูกตัดสิทธิ์สมาชิก คนที่ชอกช้ำที่สุดคือพวกที่เคยใช้อยู่จนรู้สรรพคุณดีแต่ไปยกเลิกเพราะหวังได้เงินคืนแล้วค่อยไปสมัครใหม่ ตอนนี้ทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลับไปเป็นสมาชิกได้
 
มีหลายเสียงเรียกร้องให้หลี่คุนผ่อนปรนการรับสมาชิกมากขึ้น คนค้าขายมิใช่หวังเงินทองหรอกหรือ จะจำกัดยอดขายตัวเองทำไม หลี่คุนไม่ตอบอะไร เขาไม่ได้โง่แต่นี่เป็นแผนการตลาดที่เขาวางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงอย่างไรเขาที่เปิดเรียนแล้วก็ไม่มีกำลังที่จะทำขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิได้พอกับทุกคนที่ต้องการ และการปรุงขี้ผึ้งก็ไม่สามารถให้คนอื่นทำแทนได้ เขาจึงหยุดในระดับที่ทำได้สบายๆ แล้วปล่อยให้การค้าค่อยๆ โตไปทีละนิด จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นและป้องกันไม่ให้กิจการเด่นเกินไปจนโดนโจมตีอีก เพียงแค่นี้เขาก็มีรายได้ที่มั่นคงเข้าทุกๆ เดือนแล้ว ทีมขายรูปหล่อทุกคนถูกปลดกระทันหันเพราะขี้ผึ้งมีแทบไม่พอขาย แต่ทุกคนก็ยังขอเป็นลูกค้าต่ออย่างเหนียวแน่น
 
พอการค้าเริ่มอยู่ตัว ก็เข้าสู่ช่วงการฝึกซ้อมของละครนิเทศพอดี บทพูดของหลี่คุนในบทบัณฑิตดีดพิณลึกลับมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นการทำท่านิ่งๆ เท่ๆ เสียมากกว่าทำให้เขาไม่ต้องซ้อมหนักเท่านักแสดงคนอื่น หลังจากนั้นไม่นานเสื้อผ้าชุดหลักของนักแสดงก็ตัดเสร็จ เขาถูกเรียกให้เข้าไปลองชุดพร้อมกับนักแสดงคนอื่นๆ หลี่คุนเดินเข้าไปในห้องเสื้อผ้าก็เห็นชายหญิงหน้าตาดีหลายคนเดินกันขวักไขว่ไปมาในชุดแบบจีนคล้ายกับยุคที่เขาจากมาก็อดรู้สึกท่วมท้นในใจไม่ได้ ทีมงานเสื้อผ้าเห็นเข้าก็รีบพาเขาไปเปลี่ยนเป็นชุดบัณฑิตสีขาวล้วนทันที พอเขากลับมาในห้องรวมอีกครั้งสายตาทุกคนในห้องก็จ้องมองมาที่หลี่คุนเป็นตาเดียว
 
ไม่ใช่แค่ชุดที่เป็นแบบจีนโบราณ แต่ผมของหลี่คุนก็ถูกต่อจนยาวแล้วมัดเป็นทรงที่บัณฑิตหนุ่มยุคนั้นชอบไว้กัน ความลงตัวสง่าผ่าเผยของบุรุษหนุ่มตรงหน้าทำให้หลายคนอดจินตนาการไม่ได้ว่าคนผู้นี้ได้ข้ามเวลาจากอดีตกาลมาจริงๆ แม้แต่ตัวหลี่คุนเองก็ตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน เขารู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับไปอยู่ในเมืองต้าชิงเมื่อหลายร้อยปีก่อน หลี่คุนยิ้มบางเบาเป็นเชิงทักทายชายหญิงในชุดเสื้อผ้าแบบจีนโบราณพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อผายมือเป็นเชิงให้เกียรติทุกคน ท่วงท่าทรงศักดิ์สง่างามของชนชั้นสูงในอดีตเช่นนี้แม้แต่นักแสดงมากฝีมือของจีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้
 
“กรี๊ด ไอคุน ชั้นว่าแล้วว่าแกต้องเหมาะกับชุดนี้ ขาวออร่าทั้งคนทั้งชุดเห็นแล้วแข้งขาอ่อนไปหมด ตายๆๆๆๆ เจออย่างนี้แล้วใครยังจะมาสนใจพระเอกพระรองของเรื่องอีกเนี่ย”
 
สาวสวยผู้ชักชวนหลี่คุนให้มาแสดงละครเป็นคนแรกที่หาเสียงตัวเองเจอ หลังจากกรีดร้องอย่างปลาบปลื้มจนหนำใจแล้วก็หยิบเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปหลี่คุนอย่างไม่นับ ปากก็พึมพำว่าละครเรื่องนี้ต้องดังแน่ๆ
 
หลี่คุนได้รับรูปพวกนั้นทางไลน์ คนถ่ายบอกว่าคัดมาไม่กี่รูปที่ถ่ายออกมาได้ดีที่สุด หลี่คุนไล่ดูแล้วก็พบว่าไม่เลวเลยจริงๆ บางรูปก็คล้ายกับตัวเขาเมื่อหลายร้อยปีก่อนถึงแปดเก้าส่วน หลังจากนั่งดูอยู่นานก็คลิ้มใจอดไม่ได้ที่จะส่งรูปพวกนี้ไปให้คนอื่นดูบ้าง เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนยุคนี้ที่มีอะไรก็ต้องแชร์ให้ชาวโลกรู้ขึ้นมานิดๆ
 
ไม่ทันไรทั้งซูเอ๋อร์กับเพื่อนๆ ติน จางอี้หลง หมอภีม แบ็งค์ แฮ็คส์ พี่ๆ ที่ค่ายมวย ไปจนบรรดานายแบบที่เคยช่วยขายขี้ผึ้ง ก็ได้รับรูปหลี่คุนในชุดจีนโบราณสีขาวกันโดยทั่วหน้า หลังจากนั้นไลน์ของหลี่คุนก็ลุกเป็นไฟ มีทั้งคำชมทั้งส่งข้อความมาถามว่าอะไรยังไงถึงได้ไปแต่งตัวแบบนั้นได้ หลี่คุนก็ตอบไปคร่าวๆ เป็นชุดของละครเวทีที่ตัวเองจะร่วมแสดงด้วย แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดไปมากกว่านั้นเพราะไม่รู้ว่าทีมงานยังปกปิดอะไรไว้เป็นความลับหรือเปล่า
 
หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ก็มีการนัดถ่ายรูปเพื่อโปรโมทละคร สถานที่ก็ไม่ต้องไปไหนไกลเนื่องจากในมหาลัยมีอาคารวัฒธรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนซึ่งถูกออกแบบให้เหมือนเก๋งจีนอยู่แล้ว กระแสของละครเรื่องนี้กำลังมาแรงในกลุ่มนักศึกษาจากภาพในชุดจีนโบราณสีขาวของหลี่คุนที่เล็ดรอดออกไปทำให้มีคนมารอดูการถ่ายรูปเป็นกลุ่มใหญ่
 
เมื่อทีมงานตั้งกล้องเซ็ทแสงเรียบร้อยก็มีคนผู้หนึ่งสวมชุดขาว แขนเสื้อชายผ้าและเส้นผมยาวพลิ้วไหวลู่ลมดูงดงาม เดินออกมาตรงหน้ากล้อง บุรุษหนุ่มผู้นั้นยืนสงบนิ่งสายตาผลุบมองข้างล่าง แล้วก็ช้อนสายตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นประกายดำขลับสดใสก่อนจะคลี่รอยยิ้มบางเบา เขาแหงนหน้าขึ้นสายตาทอดไปยังฟ้าคราม แสงแดดส่องกระทบใบหน้า สายลมพัดผมม้วนปลิวไสว แลดูสูงส่งดั่งเทพเซียน กลุ่มคนที่มุงดูแทบจะหยุดหายใจ จนเมื่อเห็นตากล้องรัวชัตเตอร์เก็บภาพตรงหน้าอย่างต่อเนื่องก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองควรจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพงดงามนี้เก็บไว้เหมือนกัน
 
หลังจากถ่ายภาพชุดแรกเสร็จ ทางทีมงานก็ยกพิณที่ใช้ประกอบฉากเข้ามา หลี่คุนเห็นแล้วถึงกับตกตะลึง พิณที่ใช้ตอนซ้อมละครเป็นกู่เจิงขนาดเล็กที่ใช้ประดับบ้านอาม่าของใครสักคนหนึ่งในคณะ แต่พิณที่ถูกยกมาวางบนโต๊ะตัวนี้เป็นพิณโบราณกู่ฉินไม่ผิดแน่ ซ้ำยังถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยไม้สีดำมันวาวประดับมุก มิคาดว่าจะได้เห็นกู่ฉินโบราณเช่นนี้ในยุคปัจจุบัน หากพิณตัวนี้ปรากฏขึ้นในสมัยเขา ยังจัดได้ว่าเป็นกู่ฉินอันล้ำค่าตัวหนึ่ง
 
หลี่คุนลูบคลำกู่ฉินตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ตั้งแต่ข้ามเวลามาก็นับว่านานแล้วที่ไม่มีโอกาสบรรเลงเครื่องดนตรีแสนรักชนิดนี้ เขากรีดนิ้วไปบนสายพิณจนเกิดเป็นเสียงหนึ่ง สำเนียงคุ้นเคยเสนาะหูที่ดังขึ้นทำให้ย้อนคิดถึงความทรงจำยามที่ได้หัดเล่นกู่ฉินในวัยเด็ก หลี่คุนพรมนิ้วไปบนสายทั้งเจ็ดอย่างไม่รู้ตัว เขาลืมความคิดที่จะไม่ทำตัวเด่นให้เกิดความสงสัยไปโดยสิ้นเชิง ท่วงทำนองจีนโบราณที่สูญหายไปแล้วกลับถูกนำมาถ่ายทอดอีกครั้งผ่านความทรงจำข้ามชาติภพของหลี่คุน
 
เสียงของกู่ฉินนั้นไม่ดังแต่แฝงไว้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกส่งผ่านถึงใจตรึงผู้ฟังให้ตกอยู่ในภวังค์ นิ้วมือขาวเรียวยาวทั้งซ้ายและขวาบรรเลงประสานกันด้วยท่วงท่าซับซ้อนทว่าสง่างาม เสียงทุ้มต่ำคล้ายคร่ำครวญของเครื่องดนตรีโบราณแฝงความอาวรณ์ถึงอดีตที่ไม่อาจหวนคืน ความรู้สึกที่มีต่อบิดามารดาที่ล่วงลับ พี่น้องที่รักใคร่ มิตรสหายในยุทธภพ หญิงสาวที่เคยให้ใจ หน้าที่ ความรัก ความผูกพัน ที่จบลงด้วยการทรยศในชาติก่อน ถูกหลี่คุนถ่ายทอดผ่านสำเนียงพิณอันโศกเศร้าจนทำให้ผู้ฟังหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
 
หลี่คุนปลดปล่อยอารมณ์ผ่านเสียงดนตรีจนภายในใจสงบขึ้น เขาสังเกตเห็นผู้คนรายรอบที่ตกอยู่ในความเศร้าอาลัยของเสียงเพลงแล้วก็คิดว่าผิดท่า ละครเรื่องยิ้มเย้ยยุทธจักรที่พวกเขาตั้งใจโปรโมทนี้เป็นแนวสนุกขบขัน เป็นเช่นนี้จะขายบัตรได้หรือ ฉับพลันทำนองพิณก็แปรเปลี่ยนเป็นจังหวะสดใสเร่งเร้า ท่อนฮุคของเพลงฮิตร้อยล้านวิวถูกบรรเลงผ่านเครื่องดนตรีโบราณได้อย่างแปลกใหม่ บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนที่เคยสงบนิ่งเปลี่ยนเป็นพูดคุยกันเสียงเซ็งแซ่ ไม่ว่าใครก็มีแต่ชื่นชมความหล่อความเก่งที่ไม่น่าเชื่อของนักแสดงมือสมัครเล่นอย่างหลี่คุน
 
บรรดาทีมงานทั้งตกใจทั้งตื่นเต้น คุณานนท์ไม่เห็นเคยบอกมาก่อนว่าสามารถดีดพิณโบราณได้ไพเราะอย่างนี้ ไม่รู้ไปเรียนจากที่ไหนมา ละครปีนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากนั้นก็เกิดความวุ่นวายจนเกือบจะถ่ายรูปโปรโมทต่อไม่ได้ คนดูมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการไลฟ์สดของเพจคิ้วบอยของมหาลัยที่ถ่ายทอดไปก่อนหน้านี้  มีแต่คนมารุมล้อมขอถ่ายรูปกับหลี่คุนจนทีมงานต้องระดมกำลังช่วยกันออกไป ในที่สุดก็ต้องเอาตัวหลี่คุนไปซ่อนไว้เพื่อเปิดโอกาสให้พระเอกนางเอกและตัวละครอื่นๆ ถ่ายรูปให้เสร็จ
 
หลี่คุนที่เข้ามาหลบอยู่ในห้องที่ใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าถามทีมงานรุ่นน้องสองสามคนอย่างสงสัย
 
“ใครเป็นคนไปหากู่ฉินตัวนั้นมาให้นี่ ของดีจริงๆ นะ”
 
“อ้าว ไม่ใช่เป็นของพี่คุนเองเหรอครับ”
 
รุ่นน้องทำหน้าสงสัย น้องอีกคนก็ช่วยเสริมขึ้น
 
“นั่นสิพี่ เมื่อวานตอนพัสดุมาส่ง เขาก็จ่าหน้าถึงพี่คุนแต่ลงที่อยู่ไว้เป็นห้องชมรม ผมก็คิดว่าเป็นพี่สั่งมาเองให้ใช้กับละคร เห็นมันสวยกว่าตัวเดิมด้วยเลยยกมาประกอบฉากวันนี้ซะเลย พี่เล่นคล่องมือขนาดนั้น จะไม่ใช่ของพี่ไปได้ยังไง ว่าแต่พี่ซุ่มจริงๆ นะ เล่นเก่งขนาดนี้ก็ไม่บอก ไม่งั้นคนเขียนบทคงเพิ่มช่วงดีดพิณให้ยาวขึ้นอีก”
 
“ไม่ใช่ของพี่จริงๆ นะ มาได้ไงเนี่ย”
 
หลี่คุนยืนยัน ทั้งเขาและรุ่นน้องงงไปตามๆ กัน กู่ฉินที่ดูล้ำค่าขนาดนี้ ราคาคงไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าใครในทีมละครเสาะหามาให้ แต่เมื่อหลี่คุนสอบถามกับคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครทราบ สุดท้ายต้องโทรไปที่บริษัทขนส่ง ปรากฎว่าทั้งชื่อผู้ส่งและชื่อผู้รับกลายเป็นคนเดียวกันคือคุณานนท์หรือหลี่คุนนั่นเอง
 
“ตกลงมันของใครกันเนี่ย เราไม่ได้เป็นคนสั่งแน่ๆ”
 
หลี่คุนบ่นออกมาอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ถูกเพื่อนสาวผู้จัดละครตัดบทเอาดื้อๆ
 
“จะของใครก็ช่าง อย่าให้เขามาทวงคืนก่อนแสดงจบก็พอ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนเปย์แกก็ได้”
 
เปย์คือ?

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 18] 17/11/2019
«ตอบ #44 เมื่อ17-11-2019 11:56:25 »

เปย์คือ?   :m20: :m20:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 18] 17/11/2019
«ตอบ #45 เมื่อ17-11-2019 21:48:07 »

ต้องอี้หลงเท่านั้นนนน

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 18] 17/11/2019
«ตอบ #46 เมื่อ17-11-2019 23:09:55 »

หืมมมม

จดลงสมุดไปถามซูเอ๋อร์

เปย์คือ?

คริคริ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 18] 17/11/2019
«ตอบ #47 เมื่อ19-11-2019 00:45:20 »

สนุกมาก
พี่อี้หลงไหม จอมเปย์น่ะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 19] 19/11/2019
«ตอบ #48 เมื่อ19-11-2019 07:41:43 »

19

หลังจากที่มีคลิปหลี่คุนเล่นกู่ฉินเผยแพร่ออกไปก็เป็นกระแสไปทั่วมหาลัย ทีแรกหลี่คุนไม่สบายใจนักว่าจะมีคนสงสัยหรือไม่ที่เขาเล่นกู่ฉินได้ แต่พอค้นข้อมูลของโลกปัจจุบันก็พบว่ามีการสืบทอดกู่ฉินอยู่บ้าง แม้แต่ในประเทศไทยเองก็ยังมีลูกหลานชาวจีนและผู้สนใจที่เล่นเป็นอยู่ เขาจึงอธิบายคนอื่นไปว่าเคยเรียนเมื่อตอนเด็กกับอากงของเพื่อนก็ดูจะไม่มีใครติดใจอะไร
 
ทีมละครซ้อมกันอย่างหนักอยู่เป็นเดือนจนในที่สุดก็ถึงวันแสดง  บัตรที่ออกมาขายล่วงหน้าก็หมดเกลี้ยงอย่างเป็นประวัติการณ์ ขนาดว่ามีการเพิ่มเก้าอี้และออกบัตรเสริมออกมาก็หายวับภายในพริบตา หลี่คุนกลายเป็นคนดังของมหาลัยไปแล้ว  เขาจะไปไหนมาไหนแม้แต่ในมหาลัยยังต้องใส่ผ้าปิดปากไม่งั้นจะถูกคนขอถ่ายรูปจนไม่เป็นอันทำอะไร ผ้าปิดปากสีดำลายมังกรของเขากลายเป็นที่นิยมไปทั้งมหาลัย กลุ่มแฟนคลับที่จัดตั้งขึ้นภายในไม่กี่วันหลังจากการบรรเลงกู่ฉินในตำนานตอนนี้มีสมาชิกหลายพันคนทั้งในและนอกมหาลัย
 
ละครของคณะจัดแบบเรียบง่ายมีเพียงแค่รอบเดียวถ้าพลาดแล้วก็พลาดเลย ที่นั่งในห้องประชุมจึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คนไม่มีที่ว่างแม้แต่ที่เดียว หลี่คุนปรากฎตัวบนเวทีเพียงแค่ไม่กี่ฉากแต่ทุกครั้งก็สร้างความตราตรึงกับผู้ชมจนไม่อาจละสายตา ร่างสมส่วนผมดำยาวงามสง่าในชุดจีนโบราณขาวล้วนโดดเด่นเปล่งประกายท่ามกลางแสงไฟดูราวกับองค์ชายสูงศักดิ์ก้าวออกมาจากพระราชวังต้องห้ามในอดีต แม้จะมีบทพูดไม่มากแต่ฉากดีดพิณที่ทุกคนรอคอยก็สร้างความอิ่มเอมเต็มตื้น พระเอกกับพระรองแอบกอดคอร้องไห้กันอยู่ตรงมุมเวที ทั้งซาบซึ้งกับบทเพลงทั้งพูดไม่ออกที่ถูกแย่งความเด่นไปจนเกือบไม่มีใครสนใจ
 
เมื่อละครจบลงกลุ่มแฟนคลับของหลี่คุนก็ไปออกันอยู่หลังเวที ยังดีที่ทีมละครจัดคนมาดูแลเป็นอย่างดีจึงคุมความเรียบร้อยไว้ได้ ไม่นานหลี่คุนก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าหน้าผมที่ใช้แสดงอย่างเต็มยศ เป็นธรรมเนียมที่นักแสดงจะออกมาทักทายและถ่ายรูปกับผู้ชมหลังจบการแสดง แต่ก่อนที่แฟนคลับจะเข้าไปรุมล้อม ก็มีชายหนุ่มแต่งตัวภูมิฐานเดินถือดอกไม้ช่อใหญ่เดินเข้าไปถึงตัวของหลี่คุนก่อน หลายคนจำได้ว่าชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มคนแปลกหน้าที่นั่งดูละครอยู่แถวหน้าสุด
 
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับคุณคุณานนท์ เป็นการบรรเลงกู่ฉินที่เข้าถึงจิตวิญญาณจริงๆ”
 
หลี่คุนมองช่อดอกไม้มือหนุ่มหล่ออย่างคาดไม่ถึง
 
“คุณแบงค์มาได้ยังไงครับ ไม่ได้ทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ที่ยุโรปเหรอ แล้วรู้ได้ไงครับว่าผมมีเล่นละครวันนี้ อ้อ ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะครับ จริงๆ ไม่ต้องลำบากก็ได้”
 
แฟนคลับสาวของหลี่คุนยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียงกรี๊ดออกมาเกือบไม่ทัน เธอจำได้แล้วว่าคนที่เอาช่อดอกไม้มาให้ไอดอลของตัวเองคือหนุ่มหล่อไฮโซนักเปียโนระดับโลกชื่อดัง ช่อดอกไม้นั้นสวยงามแปลกตาท่าทางจะเป็นดอกไม้นำเข้าราคาแพงทั้งหมด ที่แท้ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่ถึงเอาช่อดอกไม้มามอบให้ถึงที่
 
หลี่คุนมองหน้าชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตร หลังจากที่อนาคตการเป็นนักเปียโนของอีกฝ่ายถูกผูกไว้กับการฝังเข็มของเขา นิสัยพฤติกรรมของแบงค์ก็ปรับปรุงจนดีขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญแบงค์เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิ์ของเขาสามารถเจาะตลาดไฮโซได้ เขาจึงไม่รังเกียจที่จะคบหาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็มิกล้าหักหลังหรือทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างแน่นอน ส่วนนิสัยที่แท้จริงจะเปลี่ยนไปแล้วหรือไม่คงต้องดูกันไปยาวๆ
 
“ได้ยังไงครับ วันนี้เป็นวันสำคัญของคุณคุณานนท์ ยังไงผมต้องมาอยู่แล้ว แต่ลำบากเหมือนกันนะกว่าจะหาบัตรแถวหน้าสุดได้ ต้องให้คณบดีคณะดุริยางค์ของที่นี่ช่วย ได้ฟังคุณเล่นกู่ฉินสดๆ แบบนี้ นับว่าเปิดโลกทางดนตรีของผมจริงๆ”
 
หลี่คุนมีใจรักดนตรีอยู่แล้ว พอได้ยินคำชมจากคนที่เรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ด้านดนตรีของยุคปัจจุบันก็พอใจจนคลายท่าทางสง่าสูงส่งลง เขาเผยรอยยิ้มเห็นไรฟันขาวจนคนที่มองอยู่ใจสั่นไปตามๆ กัน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดอะไรต่อ ก็มีกลุ่มหนุ่มหล่อหลายคนแหวกฝูงชนเข้ามา พร้อมทั้งส่งเสียงเรียกน้องคุนพี่คุนก่อนจะยื่นช่อดอกไม้หลายช่อออกมาให้พร้อมๆ กัน ผู้คนรอบข้างกระซิบกระซาบกันอย่างตื่นเต้น
 
คนกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากกว่านักเปียโนอย่างแบงค์ ทั้งหมดเป็นดารานายแบบที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยในหมู่วัยรุ่น หลี่คุนกวาดตามองแล้วก็จำได้ หนุ่มหล่อกลุ่มนี้ล้วนแต่เป็นอดีตเหยื่อของพีทที่เขาได้เคยช่วยเหลือไว้ หลายคนได้ช่วยแนะนำขี้ผึ้งของเขาให้เป็นที่รู้จักของคนในวงการบันเทิง หลี่คุนไม่ได้สนิทอะไรนักส่วนใหญ่จะติดต่อกันผ่านโซเซียล มีแค่บางคนเท่านั้นที่เคยเจอหน้ากันจริงๆ ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามีละครวันนี้
 
หลี่คุนทักทายถามไถ่กลุ่มนายแบบได้สองสามคำ ตินเพื่อนสนิทก็พาชายฉกรรจ์หุ่นล่ำในชุดวอร์มสามคนเข้ามาหา ทั้งหมดคือนักมวยรุ่นใหญ่ของค่ายมวยครูเผด็จที่คุ้นเคยกันดี นักมวยทั้งสามคนเอาพวงมาลัยมาคล้องให้หลี่คุนเป็นการแสดงความยินดี เด็กวัยรุ่นที่มุงดูกันอยู่เห็นแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ แต่นึกอีกทีก็ดูซื่อๆ จริงใจสมกับพี่ๆ นักมวยหุ่นบึ้กพวกนี้ดี หลี่คุนเห็นเมฆขาวมาด้วยก็ดีใจรีบเข้าไปจับไม้จับมือลูบหน้าลูบหลังแอบซึมซับพลังหยางมาชดเชยกำลังที่อ่อนล้าจากการแสดง สักพักตินที่ไม่ค่อยชอบบรรยากาศที่มีผู้คนเยอะแยะวุ่นวายจึงขอตัวกลับก่อนพร้อมกับนักมวยรุ่นพี่ทั้งสามคนบอกว่าจะไปซ้อมมวยต่อ
 
“พี่คุนๆ พวกผมอยู่ทางนี้”
 
เขาหันไปคุยต่อกับแบงค์และกลุ่มนายแบบได้ซักครู่ หลี่คุนก็ได้ยินเสียงซูกัสตะโกนโหวกเหวกดังมาจากวงนอก พอมองไปก็เห็นน้องชายเขากับเพื่อนๆ วัยมอปลายในชุดจีนย้อนยุคดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนคุณหนูคุณชายจากหนังจีนกำลังภายใน ซูเอ๋อร์ถือดอกไม้มาด้วยช่อหนึ่ง ฝูงคนแหวกทางให้กลุ่มเด็กที่มาทีหลังโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่ารู้จักกันกับหลี่คุน
 
“พวกผมอุตส่าห์เตรียมชุดจีนมาเปลี่ยนด้วยจะได้ใส่ถ่ายรูปกับพี่ ใส่กันไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่เลยเสียเวลาไปหน่อย อ้อ ดอกไม้นี่ไม่ใช่ของผมนะ หมอภีมฝากมาให้บอกว่าติดธุระจริงๆ อย่างผมไม่เสียตังค์ซื้อของที่กินไม่ได้แบบนี้หรอก”
 
หลี่คุนไม่แปลกใจที่เจอเด็กๆ พวกนี้ เขาเป็นคนให้บัตรไปเอง แต่ผู้ชายร่างสูงใหญ่สวมหมวกใส่แว่นดำที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่างนั่นไม่ใช่ว่าเป็นแฮ็คส์นักร้องลูกครึ่งชื่อดังหรอกหรือ ใครเชิญมานี่ ห่างกันสักวันไม่ได้เลยนะ
 
ตอนนี้เขามองไปทางไหนก็มีแต่คนหล่อเหลาหน้าใสกิ๊กเต็มไปหมด คิดดูแล้วทั้งหมดนี่ก็เป็นลูกค้าขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิของเขานี่นา รวมถึงพวกเด็กๆ ที่ได้ใช้ฟรีด้วย มิน่าถึงได้ออร่าพุ่งกันขนาดนี้ หลี่คุนนึกภูมิใจอยู่ในใจ เหล่าแฟนคลับตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเอาตาไปมองทางไหนดี คนนี้ก็หล่อ คนนั้นก็น่ารัก เจ็ดแปดส่วนของแฟนคลับหลี่คุนก็เป็นพวกหลงหน้าตาหนุ่มหล่ออยู่แล้ว ช่างคุ้มค่ากับการที่ทุ่มเทเสาะหาบัตรมาจนได้จริงๆ
 
หลังจากนั้นก็กินเวลาเกือบชั่วโมงกว่าทุกคนจะได้ถ่ายรูปร่วมกับหลี่คุนจนหมด โชคดีที่แฟนคลับน่ารักยอมถ่ายรูปหมู่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ถ้าให้ถ่ายรูปคู่ทีละคนทั้งวันคงไม่เสร็จ ไฮโซแบงค์เห็นโอกาสเหมาะจึงได้ออกปากชวนหลี่คุนไปอาหารเย็นต่อ
 
“วันนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ ผมว่าไปทานดินเนอร์สบายๆ กับผมดีกว่า ผมมีร้านแนะนำอยู่ปกติจองยากมากเลย แต่ถ้าวันนี้ไปลองแล้วติดใจ คุณคุณานนท์อยากทานเมื่อไหร่ ผมจองให้ได้ทันที”
 
หลี่คุนไม่ทันจะตอบอะไรก็มีเสียงทุ้มลึกทรงอำนาจดังขึ้น
 
“จะชวนเขาไปไหน ถามพี่ชายเขาหรือยัง”
 
หลี่คุนสะท้านใจเล็กน้อย ปราณอำนาจที่แฝงมากับคำพูดนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เมื่อมองตามเสียงไปก็พบกับคนที่คิดไว้จริงๆ กลิ่นอายอำนาจตามธรรมชาติที่แผ่ออกมาจากคนผู้นั้นส่งผลต่อกลุ่มคนที่อยู่ที่นั่น เกิดเป็นความรู้สึกที่ทั้งดึงดูดทั้งยำเกรง หลี่คุนลอบโคจรกำลังภายในบุปผาวารีไปทั่วร่างจึงพอต้านอยู่ได้ไม่ต้องเพ่งสมาธิอย่างหนักตลอดเวลาเหมือนครั้งก่อนๆ
 
แบงค์มองชายที่เข้ามาใหม่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่กล้าเสียมารยาทต่อคนผู้นี้ขึ้นมา ความรู้สึกนี้แทบไม่ต่างจากเวลาที่ไปพบคนระดับผู้นำประเทศหรือเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงในประเทศแถบยุโรปที่เขาได้มีโอกาสเข้าพบช่วงที่ตระเวนเล่นคอนเสิร์ต แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามรวบรวมพลังใจถามกลับไป
 
“พี่ชายใครเหรอครับ คุณคุณานนท์ไม่มีพี่ชายสักหน่อย”
 
อีกฝ่ายไม่ตอบเพียงแต่ใช้สายตาคมปลาบมองไปที่หลี่คุน เกิดเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัด คนกลางอย่างเขารู้สึกว่าต้องคลี่คลายสถานการณ์จึงรีบกล่าวทักทาย
 
“พี่อี้หลงมายังไงครับนี่ ไม่ได้อยู่ที่เสิ่นเจิ้นเหรอ”
 
ถึงจะคุยผ่านแชทกันจนรู้สึกคุ้นเคย แต่พอมาเจอตัวจริง ปราณอำนาจที่แผ่ออกมาก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ อยากคุยแบบออนไลน์มากกว่า ไม่อยากเจอตัวจริงเลย
 
“พี่ตั้งใจบินมาดูเรานั่นแหละ”
 
แบงค์เห็นตัวเองถูกมองข้ามไปก็พูดเปรยออกมา
 
“ถ้าตั้งใจมาจริงก็น่าจะมีของติดไม้ติดมือมาให้กำลังใจกันบ้าง ไม่ใช่มามือเปล่าแบบนี้”
 
ไฮโซหนุ่มปรายตาไปทางช่อดอกไม้นำเข้าหรูหราที่เขามอบให้กับหลี่คุน ของเขาทั้งช่อใหญ่ทั้งราคาแพงกว่าของใครทั้งหมดแถมยังไม่เชยเหมือนพวงมาลัยไหว้ศาลของพวกนักมวยจึงรู้สึกได้หน้ามาก จางอี้หลงมองตามอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรจากนั้นก็หันกลับไปเผยรอยยิ้มน้อยๆ อย่างสนิทสนมให้กับหลี่คุน
 
“ของขวัญในโอกาสพิเศษแบบนี้ย่อมต้องมี พี่ส่งมาให้เราก่อนหน้านี้แล้ว ไม่รู้ถูกใจน้องคุนหรือเปล่า แต่พี่เห็นว่าเราบรรเลงของขวัญชิ้นนี้ได้แคล่วคล่องมาก”
 
“เป็นกู่ฉินตัวนั้น? ขอบคุณพี่อี้หลงมากครับ”
 
หลี่คุนลืมตาโพลงพึมพำคำพูดขอบคุณออกมาอย่างประหลาดใจ ที่แท้ผู้ที่ส่งกู่ฉินมาให้ก็คือจางอี้หลงนี่เอง ทำไมถึงกล้าส่งของหายากขนาดนี้มาให้นะ ถ้าเขาเล่นไม่เป็นไม่เท่ากับสูญเปล่าเลยหรือ ว่าแต่การให้ของขวัญเป็นพิณล้ำค่านี่มันคุ้นๆ แปลกๆ ยังไงอยู่นะ
 
แบงค์ผู้ดูคลิปหลี่คุนบรรเลงพิณที่เก๋งจีนมาเป็นร้อยครั้งย่อมคาดเดาได้ถึงคุณค่าของกู่ฉินตัวนั้นดี เขารู้สึกเสียหน้าเรื่องของขวัญจึงเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันไปขอคำตอบที่ค้างไว้จากหลี่คุน
 
“ตกลงเรื่องไปดินเนอร์ว่าไงครับ”
 
“คงไม่สะดวกครับ พอดีผมรับปากน้องชายไว้ว่าจะใส่ชุดนี้เล่นกู่ฉินอัดคลิปเพลงโปรดให้เขา เดี๋ยวจะต้องคืนชุดเขาไปผมคงจะอัดคลิปเย็นนี้เลย”
 
“ดีจริง งั้นผมขอเล่นเปียโนเป็นไลน์ประสานให้ รับรองว่าต้องออกมาเพราะมากๆ แต่ไม่รู้จะไปหาเปียโนได้ที่ไหนนี่สิ”
 
กลุ่มแฟนคลับของหลี่คุนเกือบทั้งหมดยังโต๋เต๋ไม่ไปไหน มีอยู่คนหนึ่งร้องตะโกนออกมาอย่างไม่กลัวว่าคนจะรู้ว่าตัวเองแอบฟัง
 
“ไปใช้ที่ห้องซ้อมของคณะดุริยางค์ได้ครับ มีแกรนด์เปียโนตัวใหญ่ ที่ทางก็กว้างขวาง เดินไปตรงมุมตึกนี่เอง”
 
เด็กหนุ่มนักศึกษาคณะดุริยางค์ตัวสั่นด้วยความยินดีในโอกาสที่เข้ามาอย่างคาดไม่ถึง นี่เขาจะได้ฟังการบรรเลงสดๆ ของแบงค์เชียวนะ ชาวเอเซียเพียงคนเดียวที่ได้การยอมรับจากวงออเคสตร้าระดับโลกอย่างเวียนาฟิลฮาโมนิค คนที่เป็นแรงบรรดาลใจให้กับนักเปียโนไทยทั้งประเทศ
 
หลี่คุนใช้เวลาคิดเพียงเล็กน้อยแล้วก็ตกลง เขาเองก็ชื่นชมในฝีมือของแบงค์จริงๆ จึงให้คนช่วยไปยกกู่ฉินตัวนั้นมา คนทั้งหมดเดินตามเด็กหนุ่มจากคณะดุริยางค์เป็นขบวนใหญ่ แต่ด้วยข้อจำกัดของสถานที่จึงมีแค่คนรู้จักของหลี่คุนที่ได้เข้าไปให้ห้องซ้อม ซูกัสไม่รอช้ารีบหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลงโปรดของตัวเองให้นักดนตรีทั้งสองคนฟัง
 
เพลงที่ชูกัสเลือกมาเป็นเพลงประกอบซีรี่ส์จีนย้อนยุคที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น ท่วงทำนองมีกลิ่นอายจีนโบราณแต่ผสานเข้ากับความเป็นป๊อปทำให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ไม่ยาก เรียกได้ว่าทั้งละครทั้งเพลงก็ดังไม่แพ้กัน ทีมละครที่ช่วยยกกู่ฉินมาเป็นเด็กเอกภาพยนตร์ แถมยังเอากล้องชุดใหญ่มาด้วยจึงอาสาช่วยบันทึกวิดีโอให้ พระเอกนางเอกพระรองนางรองได้ทราบข่าวก็ตามมาดูโดยยังอยู่ในชุดที่ใช้แสดงเต็มยศเช่นกัน
 
แบงค์นั่งลงตรงเปียโนสีดำหลังใหญ่ก่อนจะพรมนิ้วลงเป็นท่วงทำนองในช่วงอินโทรของเพลงขึ้นมา เด็กดุริยางค์ได้ยินก็ถึงกับเคลิบเคลิ้ม นี่ต้องเทพขนาดไหนถึงได้สามารถเรียบเรียงเพลงที่ได้ยินเพียงครั้งเดียวออกมาไพเราะอ่อนหวานได้ขนาดนี้ ทันใดนั้นเสียงกู่ฉินก็ดังขึ้นอย่างเว้าวอนในท่วงทำนองของเมโลดี้หลัก กล้องแพนภาพจากเปียโนไปยังบุรุษผมยาวชุดขาว เสียงเปียโนกับกู่ฉินสอดประสานกันอย่างลงตัวราวกับได้ซ้อมร่วมกันเป็นร้อยๆ ครั้ง
 
กล้องแพนต่อไปยังบรรยากาศด้านผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นคนไหน ก็ล้วนแต่หล่อสวยกันราวกับไม่ใช่เรื่องจริง มีทั้งกลุ่มนักแสดงนำของละครเวทีที่เพิ่งจบไปชุดจีนโบราณเข้ากับท่วงทำนองเพลง ข้างๆ กันก็เป็นเด็กมัธยมหน้าตาดีหลายคนในชุดจีนแบบเดียวกัน ประกบด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมหมวกใส่แว่นดำที่ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็บอกได้ว่าต้องเป็นหนุ่มหล่อเกรดเออีกคนอย่างแน่นอน ชายหนุ่มอีกคนที่ดูอายุมากกว่าคนอื่นแต่ก็เปล่งประกายความหล่อเหลาในแบบผู้ใหญ่ที่ท่าทางเคร่งขรึมนั้นปิดไม่มิด ตบท้ายด้วยนายแบบหน้าตาดีกลุ่มใหญ่ยืนเรียงกันราวกับบอยแบนด์ ช่างเป็นกลุ่มนักดนตรีและคนดูที่ขึ้นกล้องยิ่งนัก
 
ในขณะที่เสียงพิณและเปียโนบรรเลงร่วมกันอย่างเข้าขา หนุ่มฉกรรจ์ผู้เคร่งขรึมคนนั้นก็หยิบขลุ่ยจีนลำใหญ่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้แล้วออกมายืนข้างๆ คนเล่นกู่ฉิน ก่อนจะเอาริมฝีปากหยักได้รูปเป่าออกมาเป็นท่วงทำนองสอดประสานกับเสียงกู่ฉินอย่างลงตัว เครื่องดนตรีจีนโบราณสองชนิดรับส่งกันได้อย่างกลมกลืนจนไม่มีที่เหลือให้กับเสียงเปียโนในทำนองหลัก ฝั่งเปียโนขัดใจไม่น้อยแต่ก็เห็นแก่ความสมบูรณ์ในองค์รวมของบทเพลงจึงได้ลดบทบาทลงมาเล่นทำนองแบล็คกราวด์คลอตามไป การเสียสละนี้ทำให้เสียงเพลงไพเราะงดงามเกินจะกล่าว
 
เสียงกู่ฉินและขลุ่ยไม้ไล่ล้อสอดรับกันเปรียบดั่งคนรู้ใจ เสียงเปียโนคลอประสานโอบอุ้มท่วงทำนองหลัก ในครึ่งหลังของเพลง ดนตรีทั้งสามชิ้นก็ค่อยๆ ดังขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สะท้อนถึงอารมณ์ที่ท่วมท้น ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงจังหวะที่หนักแน่นเร่งเร้าประสานขึ้นมาเป็นเสียงที่สี่ กล้องจับไปที่ภาพของชายร่างสูงใหญ่สวมหมวกใส่แว่นดำที่กำลังทำเสียงบีทบ๊อกซ์เข้าไมค์พร้อมท่าประกอบสไตล์ฮิปฮอป เสียงดนตรีต่างยุคต่างสมัยผสมผสานอย่างลงตัว
 
นักดนตรีทั้งสี่สบตากันอย่างยอมรับฝีมือของกันและกันก่อนจะปล่อยของที่ซ่อนเร้นออกมาในช่วงท้ายเพลง  นิ้วมือขาวพร่างพรมไปมาบนคีย์เปียโนขาวดำมองตามแทบไม่ทันราวกับคนเล่นมีสี่มือ อีกด้านนิ้วเรียวที่ขาวยิ่งกว่ากรีดไล่ไปตามสายทั้งเจ็ดของพิณโบราณด้วยท่วงท่าซับซ้อน เสียงขลุ่ยทั้งกระซิบทั้งออดอ้อนสอดรับกับเสียงพิณราวกับผู้เล่นเป็นคนๆ เดียวกัน บีทบ๊อกซ์หนักแน่นกระแทกกระทั้นเหมือนกับออกมาจากกลองชุดใหญ่ เสียงดนตรีที่ทะยานขึ้นอย่างผ่าเผยจนถึงขีดสุดแล้วก็พลันหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทันใดนั้นเสียงกู่ฉินก็ดังขึ้นอย่างโดดเดี่ยวในท่วงทำนองท่อนจบก่อนจะจางหายไปเหลือเพียงเสียงลมหายใจของผู้คนในห้องดนตรี
 
ท่ามกลางความเงียบสงัดที่แฝงไปด้วยความรู้สึกอันท่วมท้นของทั้งคนเล่นและคนฟังเป็นเวลาชั่วครู่ใหญ่ เสียงตบมือที่เริ่มจากคนๆ หนึ่งแล้วก็ค่อยๆ ดังกระหึ่มขึ้นจากคนทั้งหมดในห้อง ไม่มีใครไม่ซาบซึ้ง ไม่มีใครเข้าไม่ถึงจิตวิญญาณของบทเพลงที่เพิ่งจบลง ตากล้องปาดเหงื่อที่ออกมาท่วมหน้าอย่างโล่งอก ดนตรีที่ทั้งยิ่งใหญ่และงดงามขนาดนี้ หากเขาบันทึกภาพเสียไปแม้แต่วินาทีเดียวคงจะต้องสำนึกผิดไปจนตาย เขาบอกว่าจะรีบเอาไปตัดต่อให้สมบูรณ์แล้วจะส่งให้หลี่คุนโดยไม่เอาไปเผยแพร่ที่ไหน
 
หลี่คุนตั้งใจจะคืนกู่ฉินให้จางอี้หลง เขารู้สึกไม่ดีที่จะรับของมีค่าขนาดนี้จากคนที่ไม่ได้มีสัมพันธ์ใกล้ชิด แต่หลังจากอีกฝ่ายยืนกรานหนักแน่นอยู่พักใหญ่หลี่คุนจึงจำใจรับไว้ ในใจก็แอบดีใจเพราะกู่ฉินที่ดีขนาดนี้คงหาได้ไม่ง่ายนักในยุคปัจจุบัน ไว้เก็บเงินได้มากกว่านี้จะหาทางชดใช้คืน
 
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเกือบทุ่มนึงแล้ว หลี่คุนจึงได้ออกปากช่วนทุกคนไปทานบะหมี่หลังมหาลัยเจ้าประจำของเขากัน น่าแปลกที่ไฮโซอย่างแบงค์กับนักธุรกิจอย่างจางอี้หลงไม่ปฏิเสธที่จะไปทานร้านข้างทาง นั่นรวมไปถึงกลุ่มนายแบบและนักร้องดังที่ยังไม่ยอมเปิดเผยตัวอย่างแฮ็คส์ด้วย บรรยากาศที่ร้านบะหมี่เล็กๆ ก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน คนที่ร้านมีไม่พอที่จะรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ขนาดนี้พร้อมๆ กัน ทุกคนจึงช่วยกันคนละไม้คนละมือทั้งเสิร์ฟน้ำทั้งจัดถ้วยชามทั้งหั่นหมูหั่นผัก ถ้าไม่กลัวว่าจะทานไม่ได้คงจะไปลวกเส้นบะหมี่กันเองแล้ว คุณป้ายิ้มแก้มแดงดีใจที่มีลูกค้าที่ทั้งหล่อทั้งนิสัยดีมากันเต็มร้าน หลี่คุนสังเกตว่าจางอี้หลงกับแบงค์ก็ดูจะไม่เขม่นกันมากเหมือนก่อนหน้านี้ ดูท่าทางว่าดนตรีจะช่วยขัดเกลาผู้คนได้จริงๆ
 
เมื่อเห็นว่าหลี่คุนยืนยันหนักแน่นปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาอาสาว่าจะกลับบ้านพร้อมกับซูกัสไม่จำเป็นต้องให้ใครไปส่ง เหล่าหนุ่มหล่อที่มารวมตัวกันในวันนี้โดยไม่ได้นัดหมายจึงแยกย้ายกันกลับ หลี่คุนส่งคนทั้งหมดด้วยสายตาก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจ บรรยากาศในวันนี้ดูแปลกๆ อย่างไรไม่รู้ ในชาติก่อนเขาก็มีชายหนุ่มมากมายในยุทธภพเป็นมิตรสหาย แต่ก็ไม่เคยเกิดความอึดอัดใจเช่นนี้  รู้สึกราวกับตัวเองกำลังถูกแย่งชิง หลี่คุนหัวเราะเก้อๆ ให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง มันจะเป็นไปได้ยังไง เขาไม่ใช่คุณหนู วัยพร้อมจะออกเรือนเสียหน่อย

ออฟไลน์ Icegemini04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 19] 19/11/2019
«ตอบ #49 เมื่อ19-11-2019 19:57:22 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 19] 19/11/2019
« ตอบ #49 เมื่อ: 19-11-2019 19:57:22 »





ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 19] 19/11/2019
«ตอบ #50 เมื่อ20-11-2019 23:37:43 »

หลี่คุนฉลาดมาก แต่ยังไม่รู้ทันยุคสมัยที่นิยมหนุ่ม มากกว่าสาว

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 19] 19/11/2019
«ตอบ #51 เมื่อ21-11-2019 00:18:42 »

ล้อมรอบไปด้วยคนหน้าตาดี


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 20] 21/11/2019
«ตอบ #52 เมื่อ21-11-2019 17:17:36 »

20

ตอนที่ซูกัสเอาคลิปที่ตัดต่อเสร็จแล้วไปลงในช่องยูทูบและแชร์ผ่านไอจีของตัวเองเขาก็ไม่คิดว่าจะได้รับความสนใจอะไรนัก เขาก็แค่อยากให้เพื่อนๆ ในโซเชียลได้ฟังเพลงจากซีรี่ส์เรื่องโปรดที่พี่คุนอุตส่าห์เล่นให้ฟังตามคำขอ แรกๆ ก็เป็นแฟนคลับของเขากับแฟนซีรี่ส์เรื่องนั้นที่เข้ามาดู แต่ไม่นานคลิปนี้ก็ถูกแชร์ไปถึงแฟนคลับของแบงค์ หลังจากนั้นก็เรียกได้ว่าดังระเบิดจนติดเทรนด์ของยูทูบในวันที่สองและเข้าหลักล้านวิวในวันที่สาม สำหรับคนที่ชื่นชมหรืออยู่ในแวดวงดนตรีคลิปนี้ถือได้ว่าเป็นการรวมตัวของผู้มีฝีมือขั้นปรมาจารย์ที่หาชมได้ยากยิ่ง สำหรับคนทั่วไปเสียงดนตรีก็เพราะดีแต่ความหน้าตาดีของทุกคนในคลิปที่มารวมตัวกันนั่นต่างหากที่น่าสนใจ ความอยากรู้ว่าพวกเขาเป็นใครทำให้เกิดการขุดคุ้ยสืบเสาะขึ้น
 
นอกเหนือไปจากฝีไม้ลายมือทางดนตรีและความหล่อเหลาของทั้งผู้เล่นผู้ชมแล้ว ความมีชื่อเสียงของแบงค์ทั้งในฐานะนักเปียโนและไฮโซคนดัง ความใหม่สดของหลี่คุนที่เป็นแค่นักแสดงสมัครเล่นแต่ความหล่อเหลาสง่างามยังเหนือระดับกว่าดาราดังเสียอีก ความลึกลับของชายหนุ่มผู้เป่าขลุ่ยที่สืบเสาะไม่ได้แม้แต่น้อยว่าเขาคือใคร และความน่าสงสัยของคนเล่นบีทบอกซ์ผู้พรางหน้าตาว่าจะจะใช้แฮ็คส์นักร้องคนดังหรือเปล่า ยิ่งทำให้คลิปนี้มีเสน่ห์น่าค้นหามากกว่าคลิปเพลงทั่วไป ยอดวิวอาจจะไม่ได้วิ่งไปถึงระดับหลายสิบล้านเหมือนคลิปเพลงฮิตอื่นๆ แต่ผู้ชมได้พูดคุยวิเคราะห์วิจารณ์แตกประเด็นออกไปมากมายจนยอดคอมเม้นท์ทะลุขึ้นไปเป็นประวัติการณ์

‘เลียจอรัวๆ’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      .
      .
 
‘ทำไมงานดีอย่างนี้ ทั้งนักดนตรี ทั้งคนดู ไม่รู้จะมองมุมไหนของจอแล้วจ้า ละลานตาไปหมด’
 
‘พี่ชุดจีนสีขาวหล่อสุด ละสายตาไม่ได้เลย ทำไมถึงมีคนหล่อขนาดนี้ได้นะ’
 
‘ใครดูคลิปนี้ก่อนล้านวิวกดไลค์ตรงนี้’
 
‘อย่าดูกันแค่ความหล่อสิ ฟังไม่ออกกันเหรอว่าทั้งสี่คนเล่นได้เทพมาก’
      ‘ฉันเรียนเปียโนอยู่ คนในคลิปเทคนิคสูงมาก บางอย่างครูฉันยังทำไม่ได้เลย’
      ‘รีบนไม่รู้จักแบงค์เหรอ เรียนเปียโนอยู่จริงเปล่า ไปเสิร์ชชื่อแบงค์ภาวิศดูนะ จะได้รู้ว่าเขาระดับไหน’
      ‘พิณจีนกับขลุ่ยเข้ากันดีมาก คงเล่นด้วยกันมานาน ดนตรีจีนนี่เพราะมากๆ ไม่นึกว่าจะเข้ากับเปียโนแล้วก็บีทบ๊อกซ์ได้ดีแบบนี้’
      ‘บีทบ๊อกซ์ก็เทพนะ เสียดายมาแค่ตอนหลัง’
      ‘นี่ดนตรีคนละยุคเลยนะ เอามายำได้เพราะเกินไปแล้ว’
      ‘กู่ฉินนี่เล่นยากนะ ยากกว่ากู่เจิงมาก เห็นว่าแค่ดีดโน๊ตให้ครบ ก็ต้องหัดอยู่สองปีแล้ว’
      ‘ขลุ่ยจีนเพราะขนาดนี้เลยเหรอ คนเป่าก็ดูเท่มากๆ เสียดายเห็นหน้าไม่ชัด เขาหันไปทางคนเล่นจะเข้จีนตลอดเลย’
      ‘ถึงเห็นไม่ชัดยังไงก็หล่อแน่ๆ หุ่นดีขนาดนี้ มีใครบ้างในคลิปนี้ไม่หล่อ หล่อสุดคือชุดขาว’
      ‘ชุดขาวหล่อจริงๆ เห็นสายตาแล้วละลาย’
      ‘เราชอบพี่ที่เป่าขลุ่ยมากกว่า ขลุ่ยลำใหญ่มาก!’
      ‘ทะลึ่ง แต่ก็น่าจะจริง 55’
      ‘เม้นท์นี้ไว้คุยกันเรื่องทางดนตรี ถ้าจะออกทะเล ไปเม้นท์อื่น’
 
‘ใครตามมาจากไอจีของซูเอ๋อร์มารวมกันตรงนี้’
      ‘เรา’
      ‘แฟนคลับอันดับหนึ่งของซูเอ๋อร์อยู่นี่’
      ‘น้องใส่ชุดจีนน่ารักมาก แต่พี่ๆ ที่เล่นดนตรีก็หล่อแบบผู้ใหญ่ ไม่นะ เราจะปันใจจากซูน้อยไม่ได้’
      ‘ซูเอ๋อร์คือน้องผู้ชายชุดสีฟ้าเหรอ ขอวาร์ปหน่อย’
      ‘ไอจีซูเอ๋อร์ตามลิ้งค์นี้ไปเลยจ้า’
      ‘อันนี้แฟนเพจซูเอ๋อร์ ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ล่วงหน้านะ’
      ‘ทำไมเดี๋ยวนี้นางไม่ค่อยอัพไอจี’
     ‘เห็นว่าน้องมีแฟนแล้วค่า กำลังสวีท เลยห่างหายไปหน่อย’
      ‘แฟนนางเป็น ญ หรือ ช? ชั้นว่านางเป็น!!!’
      ‘น้องเป็นไม่เป็นแล้วมันยังไง น้องน่ารัก นิสัยดี ยังไม่พอเหรอ’
 
‘ชุดขาวนี่ พ่อของลูกเลย’
 
‘เชี่ย กูชายแท้นะ ทำไมเห็นชุดขาวแล้วใจสั่น’
 
‘นักดนตรีหล่อกว่านายแบบที่เป็นคนดูอีก’
 
‘ทำไมทุกคนหน้าใส ใช้ฟิลเตอร์อะไรตอนถ่ายเหรอ’
 
‘คนเล่นเปียโนนี่มันคุณแบงค์ภาวิศไม่ใช่เหรอ นักเปียโนคลาสสิคระดับโลก ทำไมมาเล่นเพลงแนวนี้ แต่ก็เพราะแบบไม่น่าเชื่อเลยนะ อัจฉริยะนี่ทำอะไรก็ดีไปหมด ’
      ‘พี่แบงค์มาเล่นแบบนี้ก็โอนะ ดูหล่อแบบชิลๆ ดี เสียดายเปียโนน่าจะเด่นกว่านี้ นี่ดูเหมือนเป็นตัวประกอบให้พิณกับขลุ่ยเลย’
      ‘เรารักแบงค์นะ แต่พี่ชายชุดขาวนี่หล่อกว่าแบงค์ซะอีก’
      ‘มีเพื่อนอยู่ตอนอัดคลิปนี้ บอกว่าพี่แบงค์กับนักดนตรีคนอื่นไม่เคยซ้อมมาก่อน ฟังต้นฉบับแค่รอบเดียวแล้วเล่นเลย’
      ‘จริงดิ เพื่อนนายถ้าไม่โม้ก็โชคดีเกินไปแล้ว ได้ไปฟังแบบสดๆ’
      ‘ชุดขาวนี่หล่อจริงๆ ดีดพิณก็เพราะมาก’
      ‘ทำไมถึงพูดเหมือนแบงค์ลดตัวลงมาเล่นเพลงนี้  ซีรีย์จีนเรื่องนี้ดังจะตาย จะให้ปีนบันไดฟังเพลงคลาสิคกันทุกคนหรือไง’
      ‘มีข่าวลือว่าแบงค์ตกอับแล้ว ตอนนี้ต้องมาเร่ขายครีมอยู่’
      ‘เม้นท์บนท่าจะเพี้ยน คุณแบงค์เขาเป็นใคร ธุรกิจบ้านเขาใหญ่ขนาดไหน’
      ‘ไม่รู้เหรอ เห็นอยู่ดีๆ ก็ยกเลิกคอนเสิร์ตที่ยุโรป’
 
‘ใครคิดว่าคนใส่แว่นดำที่ทำบีทบ๊อกซ์คือพี่แฮ็คส์บ้าง เราว่าชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์ เราเคยเห็นพี่เขาทำบีทบ๊อกซ์แบบนี้ในคอนเสิร์ต’
      ‘แค่คล้ายๆ มั๊ง พี่แฮ็คส์ดังจะตาย คงไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอก’
      ‘รูปร่างทรงผมท่าทางแบบนี้ ไม่น่าใช่คนอื่นนะ’
      ‘ขนาดไฮโซแบงค์ยังมา พี่แฮ็คส์ก็น่าจะมาได้นะ เขาอาจเป็นเพื่อนกัน’
      ‘คนอย่างแฮ็คส์จะมาเป็นตัวประกอบให้คนอื่นเหรอ’
      ‘คนอย่างแฮ็คส์เป็นยังไง พี่เขาเป็นนักร้องที่นิสัยดีที่สุดในโลก ดูอย่างตอนผู้จัดการเขาก่อเรื่องสิ เขาก็ออกมาช่วยผู้เสียหาย ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกับพี่เขาเลย’
       ‘มีข่าวว่าพ่อแฮ็คส์ที่อยู่เมืองนอก เป็นพวกผู้มีอิทธิพล แบบเจ้าพ่อมาเฟียอะไรงี้ จริงป่ะ’
      ‘ถ้าดูแค่มาดพี่เค้าก็ให้อยู่นะ ตัวสูงใหญ่ ดูมีบารมี ถ้าไม่ยิ้มก็อาจจะน่ากลัวนิดๆ แต่ถ้าดูจากนิสัย ไม่ใช่ 100%’
 
‘เหยด แป๊บเดียวจะห้าล้านวิวแล้ว คนดูมาจากไหนกันเยอะแยะ’
 
‘ไอพวกไหนมาเม้นเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน กับภาษาอะไรไม่รู้ กูอ่านไม่ออกเฟ้ย’
 
‘ใครก็ได้ช่วยสรุปให้ที ตกลงหนุ่มหล่อในคลิปนี้มีใครบ้าง เราไม่ค่อยได้ติดตามวงการบันเทิงเท่าไหร่ ขอบคุณล่วงหน้าค่า’
      ‘คนเล่นเปียโนชื่อแบงค์ ภาวิศ เป็นนักเปียโนระดับโลก คนเดียวกับไฮโซแบงค์ที่เคยเป็นข่าวเมื่อก่อน’
      ‘คนชุดขาวที่เล่นกู่ฉินชื่อคุน คุณานนท์ เป็นเด็กนิเทศปีสี่มหาลัยดังแถวๆ สวนสาธารณะที่ใหญ่สุดในกรุงเทพ ชุดที่ใส่มาจากละครนิเทศเรื่องยิ้มเย้ยยุทธจักรที่เล่นเป็นนักแสดงสมทบ’
      ‘คนเป่าขลุ่ย เห็นหน้าไม่ชัด ไม่มีข้อมูล’
      ‘คนทำเสียงบีทบ๊อกซ์ใส่แว่นดำ มีคนเดาว่าคือแฮ็คส์นักร้องนักแสดงลูกครึ่งชื่อดัง แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าใช่’
      ‘คนดูมีเด็กผู้ชายชุดจีนสีฟ้าชื่อซูกัสเคยเป็นเน็ตไอดอล คนชุดจีนที่เหลือเป็นพระเอกนางเอกและนักแสดงจากเรื่องยิ้มเย้ยยุทธจักร คนดูคนอื่นก็เป็นนายแบบในวงการ มีชื่อเสียงกันพอสมควร’
 
‘ตกลงนี่เป็นคลิปโปรโมทละครเรื่องยิ้มเย้ยยุทธจักรเหรอ เล่นเมื่อไหร่ ขายบัตรที่ไหน จะตามไปดู’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      .
      .
 
‘ละครคณะเราเอง มีรอบเดียว เล่นจบไปแล้วจ้า’
      ‘จบไปแล้วได้ไง ไม่ยอม’
      ‘ไม่ยอม +1’
      ‘ไม่ยอม +1’
      ‘ไม่ยอม +1’
      ‘ไม่ยอม +1’
      ‘ไม่ยอม +1’
      .
      .
 
‘พวกเรามารวมพลังรวบรวมเสียง ขอให้เปิดการแสดงละครเรื่องยิ้มเย้ยยุทธจักรอีกรอบเถอะ ใครอยากดูพี่คุนดีดพิณไปลงชื่อกันใน Change.org ตามลิ้งค์เลยนะ’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      ‘+1’
      .
      .
 
ไฮโซแบงค์ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้นัก แต่ก็มีผลดีที่ทำให้ฐานแฟนคลับของเขากว้างขึ้นจากเดิมที่มีแต่คนที่สนใจในเปียโนและดนตรีคลาสสิค จางอี้หลงก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน นอกจากในคลิปจะไม่เห็นใบหน้าตรงๆ ของเขาแล้ว คนที่รู้จักเขาส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักธุรกิจฝั่งประเทศจีนซึ่งไม่ได้มีโอกาสที่จะดูคลิปแบบนี้จากไทยอยู่แล้ว ส่วนกรณีของแฮ็คส์นั่นนับว่ายังเป็นปริศนาอยู่ เวลาไปร้องเพลงหรือออกรายการอะไรก็มักจะมีคนแซวให้เขาลองทำบีทบอกซ์ให้ฟังเพื่อจะจับผิดว่าเขาใช่คนในคลิปหรือไม่
 
คนอื่นที่ปรากฏตัวอยู่ในคลิปนั้นก็พลอยได้รับความสนใจจากโซเชียลอย่างล้นหลามไปด้วย ไอจีของซูกัสมีคนติดตามเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นคน กลุ่มนายแบบก็มีงานเข้ามามากขึ้น ทีมนักแสดงจากเรื่องยิ้มเย้ยยุทธจักรก็เริ่มถูกทาบทามจากเอเจนซี่ต่างๆ ให้เข้าวงการ เรียกได้ว่าชื่นมื่นกันโดยทั่วหน้า
 
คนที่เรียกได้ว่าดังขึ้นมาในชั่วข้ามคืนจริงๆ คือหลี่คุน ผู้คนที่ได้ดูคลิปนั้นต่างก็หลงไหลชื่นชมในตัวชายหนุ่มในชุดจีนโบราณสีขาวกันทั้งนั้น เรียกว่าเพียงคลิปเดียวก็ตกแม่ยกแฟนคลับมาได้เป็นแสนเป็นล้านคน โชคดีที่เรื่องนี้ยังไม่กระทบกับชีวิตประจำวันของเขามากนัก คนทั่วไปที่รู้จักเขาในสภาพบัณฑิตหนุ่มผมยาวสวมอาภรณ์จีนสีขาว ย่อมจำเขาในสภาพปกติที่ผมสั้นมิได้ มีเพียงในมหาลัยเท่านั้นที่เขาดังพอๆ กับดาราคนหนึ่งเลย
 
หลี่คุนตั้งใจดูแลธุรกิจขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิให้เต็มที่ไม่ได้คิดจะรับงานบันเทิงอะไรอยู่แล้ว กลยุทธ์การขายที่เขาวางไว้ให้ผลดีอย่างที่ตั้งใจ ของที่มีจำกัดจึงมีคุณค่า แม้จะตั้งราคาไว้สูงลิ่วแต่คนยังรู้สึกยินดี มันคือความภูมิใจที่ได้ครอบครองในสิ่งที่ผู้อื่นไม่มีโอกาส ชื่อเสียงของขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดินับวันยิ่งเลื่องลือ กระทั่งคนในแวดวงไฮโซบางคนยังได้ยินแค่ข่าวลือ แต่ไม่รู้ว่ามีสรรพคุณยอดเยี่ยมขนาดนั้นจริงหรือไม่ คนที่เป็นสมาชิกแต่ละคนมีขี้ผึ้งแค่พอใช้สำหรับตัวเอง ไม่สามารถแบ่งปันให้ใครได้ ความงามที่ดูเป็นธรรมชาติไม่ต้องฉีดโน่นยิงนี่ให้เจ็บตัวอย่างนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว จะแนะนำให้เป็นสมาชิกเพิ่ม ก็ทำได้แค่ปีละคนเท่านั้น
 
หลี่คุนมีความสุขกับฐานลูกค้าที่มั่นคงและรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอหลายแสนบาทต่อเดือน การหาเงินได้ด้วยตัวเองนี่มันดีจริงๆ อยากใช้อะไรก็ได้ใช้ เขาเก็บเงินไปดาวน์และผ่อนคอนโดห้องหัวมุมข้างๆ เพื่อขยายห้องตัวเองให้ใหญ่ขึ้น รองรับช่วงปลายเดือนที่ห้องเขาจะแน่นขนัดไปด้วยพวกซูเอ๋อร์ที่ถูกเกณฑ์มาช่วยแพ็คของส่งลูกค้า เงินอีกส่วนก็ไปซื้อรถญี่ปุ่นคันเล็กมาจอดไว้ทั้งๆ ที่ตัวเองยังเพิ่งหัดขับ คนในยุคเดิมของเขาที่พอมีฐานะหน่อยก็ต้องมีจวนมีรถม้าใหญ่โตหรูหราเป็นหน้าเป็นตาให้ตัวเองกันทั้งนั้น
 
เขาเล่าเรื่องการค้าที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จนี้ให้กับจางอี้หลงด้วยความภูมิใจ แล้วถือโอกาสที่จะจ่ายเงินค่ากู่ฉินตัวนั้นเสียเลยจะได้กลายเป็นสมบัติของเขาอย่างเต็มภาคภูมิ
 
ZYL :  จะจ่ายเงินทำไม พี่ให้เราเป็นของขวัญ
 
LK : ผมรับมาเฉยๆ ไม่ได้หรอกครับ กู่ฉินตัวนี้ดูก็รู้ว่าราคาคงไม่ใช่ถูกๆ เราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย
 
ZYL : ดื้อ
 
LK : พี่บอกมาเลยว่าราคาเท่าไหร่ ตอนนี้ผมพอมีเงินแล้ว
 
ZYL : กู่ฉิน “หวางหยู่” ตัวนั้นสร้างขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อนโดยปรมาจารย์หม่าเว่ยเฮงศิลปินแห่งชาติของประเทศจีน เมื่อปีที่แล้วมีนายหน้าประมูลมาประเมินราคาขั้นต่ำไว้ที่สองแสนห้าหมื่นหยวน แต่ถ้าออกประมูลจริงก็ไม่รู้ว่าราคาจะวิ่งขึ้นไปขนาดไหน น้องคุนคิดว่าควรจะจ่ายเงินให้พี่เท่าไหร่ดีครับ
 
LK : ผมไม่คิดว่ามันจะแพงขนาดนี้
 
ZYL : ถ้ายังมีเงินไม่พอ พี่ขอเป็นหุ้นแทนแล้วกัน
 
LK : หุ้นอะไรครับ?
 
ZYL : หุ้นบริษัทยาของคุนไงครับ ธุรกิจขนาดนี้ควรจะต้องตั้งเป็นบริษัทแล้ว จะได้แยกความรับผิดชอบทางธุรกิจกับความรับผิดชอบส่วนบุคคลออกจากกัน แล้วจะได้ทำบัญชีจ่ายภาษีให้ถูกต้องด้วย ยังไงถ้าตั้งบริษัทที่ไทยก็ต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อยสามคนอยู่แล้ว พี่ขอเป็นหุ้นสักห้าเปอร์เซ็นต์แล้วกัน นี่ประเมินอย่างเป็นธรรมแล้วนะ ส่วนเรื่องการบริหารน้องคุนมีอำนาจเต็มที่
 
LK : เยอะไปเปล่าครับ ธุรกิจผมต่อไปต้องโตขึ้นกว่านี้แน่ ผมให้ได้แค่สามเปอร์เซ็นต์
 
ZYL : กู่ฉินตัวนั้นจริงๆ ถึงมีเงินก็ไม่แน่ว่าจะหาซื้อได้ ถ้าน้องคุนไม่รับเป็นของขวัญก็คืนมาเถอะ
 
LK : สี่เปอร์เซ็นต์ครับ ผมให้พี่สี่เปอร์เซ็นต์เลย ตกลงนะครับพี่อี้หลง
 
ZYL : หึหึ ก็ได้ครับ
 
LK : แต่ต่อไปถ้าผมมีเงินเยอะๆ ผมขอซื้อหุ้นส่วนนี้คืนน้า
 
ZYL : เอาไว้ค่อยว่ากันครับ แต่เชื่อเถอะ มีพี่เป็นผู้ถือหุ้นด้วย ดีกว่าที่คิด
 
หลังจากตกลงกันได้หลี่คุนก็จัดตั้งบริษัทขึ้นมาตามคำแนะนำของจางอี้หลง เขาคิดอยู่นานแล้วก็ไปเชิญหมอภีมมาเป็นผู้ถือหุ้นคนที่สาม ถึงจะถือแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่การมีนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาเข้าหุ้นด้วย ก็น่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้บริษัทเขาที่ทำทางด้านยามากขึ้น
 
หลี่คุนรวบรวมเอกสารจากผู้ถือหุ้นอีกสองคนมาเพื่อจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อเขาเห็นปีเกิดของจางอี้หลงก็ต้องตกใจรีบส่งข้อความไปหาทันที
 
LK : พี่อี้หลง เอกสารที่ส่งมามันผิดเปล่า!!!
 
ZYL : ก็ไม่นะ มีอะไรเหรอ
 
LK : พี่เพิ่งอายุยี่สิบแปดเองเหรอครับ!!!
 
ZYL : ใช่ครับ น้องคุนจะแฮปปี้เบิร์ธเดย์พี่ย้อนหลังเหรอ
 
LK : ผมนึกว่าพี่สามสิบกว่าแล้ว พี่เพิ่งยี่สิบแปด ทำไมหน้าถึงไปขนาดนี้ งานหนักมากเหรอครับ หรือตากแดดมากไป
 
ZYL : (⊙.⊙*)
 
LK : ไม่ได้นะ!!! ถึงพี่จะหล่อแล้วดูภูมิฐานก็เถอะ แต่พอเทียบอายุแล้วมันส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์
 
ZYL : (╥﹏╥)
 
LK : พี่เอาที่อยู่มา ผมจะส่งขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิไปให้ที่จีน ต้องทาทุกวันนะครับ ริ้วรอยจะได้หายไวๆ
 
ZYL : ริ้วรอยอะไรกัน น้องคุนพูดเกินไปแล้ว
 
LK : หรือจะให้ส่งกระจกไปด้วย
 
ZYL : ไม่ต้องก็ได้
 
LK : ตามนี้นะครับ แล้วคอยถ่ายรูปส่งมาให้ด้วย ผมจะดูความคืบหน้าเป็นระยะ
 
ZYL : ...


##################################

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 20] 21/11/2019
«ตอบ #53 เมื่อ21-11-2019 18:23:48 »

หน้าตาภูมิฐานเกินอายุ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 20] 21/11/2019
«ตอบ #54 เมื่อ22-11-2019 00:02:43 »

 :laugh: 

เจ็บปวดแทนพี่อี้หลง รู้สึกคันตามริ้วรอยยิบ ๆ บนใบหน้าเลย ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 20] 21/11/2019
«ตอบ #55 เมื่อ22-11-2019 01:43:13 »

ฮาๆๆๆ พีอี้ โดดว่าหน้าไปก่อน สนุกมากเลย ปกติแนวเก่ามาใหม่จะไม่ใช่ทาง แต่เรื่องนี้ทำได้ดีมาก

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 21] 24/11/2019
«ตอบ #56 เมื่อ24-11-2019 16:23:25 »

21

หลี่คุนใช้เวลาดำเนินการไม่นานก็จัดตั้งบริษัทที่เขาใช้ชื่อว่า ‘ฉางอันโอสถ’ แล้วเสร็จ เขามีนักบัญชีและนักกฎหมายอย่างละคนคอยให้ความช่วยเหลือ สองคนนี้เคยถูกพีทหลอกลวงมาเช่นเดียวกับกลุ่มนายแบบ พอเกิดเหตุก็เข็ดขยาดกับวงการบันเทิงกลับไปตั้งใจเรียนหนังสือจบออกมาทำงานได้ประมาณสองปีแล้ว  ทั้งคู่ถือว่าหลี่คุนมีบุญคุณเลยมาช่วยงานเป็นพาร์ทไทม์ให้ ค่าจ้างก็รับเป็นขี้ผึ้งโอสถแทน
 
หลี่คุนนึกขึ้นได้ว่าเคยรับปากจะส่งขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิไปให้จางอี้หลงด้วยเหมือนกัน จึงรีบจัดเตรียมของมาใส่กล่องพัสดุ เขารู้สึกว่าตั้งแต่ที่คุยกันวันนั้นอีกฝ่ายดูจะอารมณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่ ตอนแรกเขากังวลว่าการพาดพึงถึงใบหน้าที่เกินวัยจะทำให้จางอี้หลงรู้สึกไม่ดี แต่มานึกอีกที บุรุษที่มีความสามารถยอดเยี่ยมเต็มเปี่ยมไปด้วยปราณอำนาจเช่นนั้น ไหนเลยจะมาใส่ใจกับคำพูดเรื่องรูปร่างหน้าตาที่ออกจากปากอนุชนรุ่นหลังคนหนึ่ง ไม่นับว่าใบหน้าที่ดูอาวุโสไปบ้างนั้นนับว่าคมสันหล่อเหลายิ่งนัก คิดว่าคงมีเรื่องในใจอย่างอื่นมากกว่า
 
ในฐานะหุ้นส่วนการค้าที่ดี หลี่คุนจึงคิดที่จะส่งของไปให้มากหน่อย นอกจากขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิแล้ว เขายังเติมโอสถบำรุงรูปลักษณ์สำหรับบุรุษที่เขาปรุงให้กับซูเอ๋อร์ลงไปด้วย มีทั้งแป้งชาดกระชับรูขุมขน ขี้ผึ้งบำรุงริมฝีปาก น้ำมันฟื้นฟูเส้นผมและขนคิ้ว น้ำสมุนไพรสร้างประกายดวงตา ไปจนถึงผงขัดผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใส เมื่ออีกฝ่ายเห็นรายการยาวเหยียดเช่นนี้ ย่อมต้องซาบซึ้งในน้ำใจของเขาเป็นแน่
 
หลี่คุนกำลังคิดว่าชีวิตตัวเองไม่เลวเลยจริงๆ สำหรับคนหลงยุคผู้หนึ่ง การค้าไปได้ดี ชื่อเสียงหลั่งไหลมา ทรัพย์สมบัติก็เริ่มเพิ่มพูน โดยเฉพาะกู่ฉินล้ำค่าตัวนั้น ซูเอ๋อร์ก็มีเรื่องน่ายินดีมาบอกอีก ดูท่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉ่เสินเย่จะอยู่ข้างเขาจริงๆ
 
“พี่คุน คลิปที่พวกพี่เล่นดนตรีกันที่ลงช่องผมยอดวิวมันสูงมากเลย กูเกิลประมาณรายได้ออกมาแล้วสี่หมื่นกว่าบาทเลยนะ สิ้นเดือนหน้าน่าจะถอนออกมาได้ ดูเหมือนจะโดนหักค่าลิขสิทธิ์เพลงไปแล้วด้วย ไม่งั้นยอดวิวขนาดนี้น่าจะได้เป็นแสน เดี๋ยวถ้าได้เงินแล้วผมจะถอนมาให้นะครับ เพราะพี่เป็นเจ้าของผลงาน”
 
“แค่ลงคลิปเช่นนั้นก็หาเงินได้แล้วหรือ ตกลงยุคนี้มันหาเงินยากหรือง่ายกันแน่ แล้วต้องแบ่งให้คนอื่นในคลิปด้วยเปล่า พี่ไม่รู้ธรรมเนียมของการนี้เลย”
 
“ไฮโซนั่นรวยขนาดนั้นพี่ให้ไปคงเท่าเศษเงินเดี๋ยวก็โดนดูถูกอีกหรอก ส่วนพี่แฮ็คส์ยิ่งแล้วใหญ่ รับงานทีก็เป็นแสนแล้ว  มาเล่นนิดๆ หน่อยๆ ปิดหน้าปิดตาไม่ต้องไปให้เขาหรอก แต่พี่ที่เป่าขลุ่ย ชื่อพี่อี้หลงใช่ไหม ผมไม่รู้  พี่ลองไปถามเขาดูแล้วกัน แต่ผมว่านะ ขนาดพิณที่ดูแพงแบบนั้นเขายังส่งให้พี่เป็นของขวัญหน้าตาเฉยเลย เขาคงไม่มาเอาเงินนิดๆ หน่อยๆ หรอก”
 
“แต่ก็รู้สึกแปลกๆ นะ มันเหมือนไม่ใช่เงินตัวเอง ตอนนี้พี่ก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองอะไร”
 
“งั้นพี่ไม่เอาไปบริจาคล่ะ ถือว่าทำบุญร่วมกัน แต่ก่อนพี่คุนก็ชอบบริจาคโน่นนี่นั่นอยู่เรื่อยๆ ตอนหลังไม่เห็นทำแล้ว”
 
หลี่คุนเย็นวาบไปทั้งร่าง นอกจากเรื่องการพูดจาแปลกๆ ของเขาในช่วงแรกแล้ว ซูเอ๋อร์ก็ไม่เคยทักหรือแสดงความสงสัยว่าเขามีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม แต่เด็กคนนี้เป็นน้องชายที่สนิทสนมกับเจ้าของร่างเป็นที่สุด ถึงจะไม่พูดอะไรแต่ย่อมสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง บางทีเขาอาจจะสวมรอยเป็นคุณานนท์ได้สนิทใจเกินไป จนลืมไปว่าเขาไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ที่แท้จริง
 
หลี่คุนไม่รู้ว่าวิญญาณของคุณานนท์ไปอยู่ที่ไหน ไปเกิดใหม่แล้ว หรือยังวนเวียนอยู่เพื่อรอเวลากลับเข้าร่าง ถ้าไม่มีดวงจิตเขายืมร่างคืนชีพเสียก่อน ซูเอ๋อร์คงจะไม่ต้องพรากจากพี่ชายที่แท้จริง หลี่คุนไม่ได้อยากให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมวิญญาณเขาถึงข้ามเวลามาแสนไกล และยิ่งไม่รู้ว่าจะคืนร่างให้คุณานนท์ได้หรือไม่ เขาทำได้เพียงรักษาร่างนี้ให้ดี ไม่ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงมากเกินไป พร้อมกับดูแลคนรอบข้างของคุณานนท์ไปด้วย นี่เป็นสิ่งที่เขาทำได้ในขณะนี้
 
หลังจากจัดการเรื่องราวจนเรียบร้อย หลี่คุนก็มีเวลาที่จะตามตินไปค่ายมวยครูเผด็จหลังจากหายหน้าไปนาน พอมาถึงตินก็รีบไปซ้อมมวยในขณะที่เขาแยกออกมาเพื่อไปพบลุงมีครูมวยประจำค่ายผู้เชี่ยวชาญการนวดนักมวย
 
“เป็นยังไงบ้างครับ ผมไม่ได้มาช่วยนวดที่ค่ายซะนานเลย วุ่นๆ กับเรื่องละครเวทีของที่คณะ แล้วก็ยุ่งๆ เรื่องอื่นด้วยครับ”
 
“ละครจีนอะไรนั่นใช่ไหม เห็นเจ้าตินพาไอ้สามคนนั้นไปดู กลับมาชมกันเปาะเลยว่าเอ็งแสดงเก่งมาก เรื่องที่ค่ายไม่ต้องห่วง ข้าคนเดียวก็เอาอยู่ เดี๋ยวนี้นักมวยในค่ายก็ลดลงเอ็งก็เห็น นี่ก็เพิ่งออกไปอีกสามคน”
 
หลี่คุนกวาดตามองบรรยากาศในค่ายมวยครูเผด็จที่ดูเงียบเหงากว่าแต่ก่อนแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก ได้แต่พูดปลอบใจออกไป
 
“ยังดีที่รุ่นใหญ่ๆ อย่างพวกพี่เมฆพี่แสนพี่เพชรยังอยู่นะลุง”
 
“เฮ้อ พวกนั้นมันมีน้ำใจ อยู่กันมานานคงไม่ทิ้งกันไปยามลำบากหรอก แต่อายุก็มากขึ้นทุกวันอีกไม่นานก็คงต้องแขวนนวมแล้ว พวกรุ่นกลางๆ ที่พอจะมาแทนก็ออกกันไปเกือบหมด เหลือแต่รุ่นเล็กกับพวกที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์  ครูเผด็จแกก็อายุขนาดนั้นแล้ว ไอแผ่นดินลูกชายมาดูแลค่ายแทนมันก็พอใช้ได้แต่บารมียังไม่ถึง ต่อไปคงมีแต่จะซบเซาลงเรื่อยๆ”
 
“ทำไงถึงจะพลิกฟื้นค่ายขึ้นมาได้นะ”
 
หลี่คุนเปรยขึ้นเบาๆ กับตัวเอง ในใจนึกว่าเขาจะเอาความรู้จากอดีตกาลมาช่วยอะไรค่ายได้บ้างไหม ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าจะเอาวิชาหมัดมวยที่สาบสูญไปแล้วมาถ่ายทอดให้นักมวยในค่ายเพื่อสร้างความได้เปรียบ แต่ดูแล้วพื้นฐานท่าร่างที่ต่างกันเกินไปยังไงก็คงเป็นที่ผิดสังเกต เผลอๆ จะเป็นการทำลายรากเหง้าของมวยไทยแบบดั้งเดิมซึ่งครูเผด็จคงไม่ยอม
 
เมื่อยังนึกอะไรไม่ออก หลี่คุนจึงเปลี่ยนเรื่อง
 
“น้ำมันมวยที่ผมทำมาให้คราวก่อนโน้นใช้แล้วเป็นไงบ้างครับลุง”
 
ครูมีเคยถ่ายทอดสูตรการทำน้ำมันมวยของตัวเองให้กับหลี่คุน แต่เขารู้สึกว่าถึงจะดีกว่าของที่มีขาย แต่ก็ยังมีกลิ่นฉุน ใช้แล้วแสบๆ ร้อนๆ มันเยิ้มติดเสื้อผ้า ใช้นวดให้นักมวยทีไรกว่าจะเสร็จก็ดมกลิ่นจนเวียนหัว จึงได้ปรับปรุงส่วนผสมไปใช้สมุนไพรทั้งไทยและจีนที่ให้กลิ่นหอมและมีฤทธิ์ทางยาที่ดีขึ้น รวมถึงเปลี่ยนเป็นสูตรน้ำที่ให้ความลื่นแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ เมื่อพัฒนาเทียบยาจนเป็นที่พอใจแล้ว เขาก็ได้ผสมออกมาหลายขวดใหญ่มาให้ครูมีทดลองใช้เมื่อสองเดือนก่อน
 
“ใช้ดีมากเลย ดีกว่าที่ข้าทำเยอะ กลิ่นหอม ไม่แสบร้อน แล้วก็ไม่มันเลอะเสื้อผ้าด้วย”
 
“แล้วเวลาขึ้นชกจริงมันลื่นพอไหมครับ พอดีปรับเป็นสูตรน้ำแล้ว ไม่ได้ใช้น้ำมัน ไม่รู้ต่างกันมากเปล่า”
 
นอกจากการนวดน้ำมันจะช่วยเตรียมความพร้อมให้กล้ามเนื้อของนักมวยมีความทนทานแล้ว ความมันลื่นที่ชะโลมอยู่บนเนื้อตัวของนักมวยยังช่วยให้หลุดจากการยึดเกาะของคู่ต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้น จุดนี้จึงเป็นสิ่งที่หลี่คุนให้ความสำคัญ
 
“ข้าว่าดีกว่าแบบที่ใช้น้ำมันอีก ลื่นปรื๊ด คู่ชกเกาะไม่ค่อยอยู่หรอก ขนาดไอพวกนักมวยที่เพิ่งย้ายค่ายออกไป ยังหน้าด้านกลับมาขอปันไปใช้เวลาขึ้นชกนัดสำคัญๆ ด้วย บอกว่านอกจากลื่นแล้ว ยังรู้สึกกล้ามเนื้อแข็งแรงทนเจ็บได้มากกว่าน้ำมันมวยทั่วไป ที่ค่ายมวยซื้อมาจากร้านสู้ไม่ได้เลย”
 
หลี่คุนฟังแล้วก็หูผึ่งด้วยความสนใจ
 
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วลุงให้เขาไปเปล่า”
 
“เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย มาทำตาปริบๆ ข้าก็สงสาร ไอพวกนี้มันก็ไม่ใช่เด็กไม่ดีอะไร ที่มาเป็นนักมวยก็เพราะจะหาเงินส่งทางบ้าน พอพวกค่ายใหญ่ๆ เอาเงินมาล่อ มันก็ปฏิเสธไม่ลง พอดีน้ำมันที่เอ็งทิ้งไว้มันก็เยอะอยู่ ข้าก็เลยแบ่งให้ไปบ้าง แต่ถ้าเอ็งหวง ทีหลังข้าจะได้ไม่ให้อีก”
 
“ผมไม่ได้หวงหรอกครับ แต่กำลังคิดว่าเราน่าจะทำขายเลย ร่วมกันสามฝ่าย ลุง ผม แล้วก็ค่าย ศ.เผด็จศึก ผมมีบริษัททำพวกยาสมุนไพรอยู่แล้วก็เป็นคนดำเนินการไป กำไรก็แบ่งกัน ทางค่ายจะได้มีรายได้เพิ่มด้วย นักมวยที่ทำเงินได้ก็เหลือน้อยลง พวกที่กำลังฝึกหัดต้องเลี้ยงดูกันไปก็ยังมีอยู่มาก”
 
หลี่คุนดีดลูกคิดในใจอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ถือเป็นโอกาสค้าขายที่ไม่เลวเลยจริงๆ ตอนนี้เขามีแค่ขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิซึ่งปรุงขึ้นมาได้ในจำนวนจำกัด แต่น้ำมันมวยสูตรนี้ผสมไม่ยาก ถ้าขายดีขึ้นมาก็ยังสามารถจ้างคนอื่นผลิตก็ได้ วงการมวยไทยในประเทศนี้ก็ใหญ่โตไม่ใช่เล่น  สินค้าแบบนี้คงตั้งราคาสูงไม่ได้ แต่ถ้าขายได้เยอะๆ ความร่ำรวยจะไปไหนเสีย
 
“แต่สูตรนี้เอ็งคิดขึ้นนะ ทำไมต้องมาแบ่งให้ข้ากับทางค่ายด้วย”
 
“ผมปรับปรุงสูตรจากที่ลุงให้มานะ ลุงต้องมีส่วนอยู่แล้ว ผมกะจะให้ลุงเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วย ส่วนทางค่ายก็ต้องได้ส่วนแบ่งเพราะเราจะออกผลิตภัณฑ์นี้ในนามค่าย ถึงตอนนี้ค่ายจะอยู่ในขาลงแต่คนยังจำชื่อเสียงของนักมวยดังๆ ที่เป็นลูกศิษย์ค่ายนี้ในอดีตได้อยู่ มันจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้น้ำมันนวดของเราได้ครับ”
 
ในหัวของหลี่คุนมีแผนการค้าที่ผสมผสานความรู้ทั้งในอดีตและปัจจุบันผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ น้ำมันมวยตำหรับนี้ไม่ได้ซับซ้อนนักในภายหน้าอาจถูกลอกเลียนได้ไม่ยาก เขาจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งตั้งแต่แรกเพื่อให้สินค้าอยู่ได้ในระยะยาว ชื่อเสียงดั้งเดิมของค่ายมวย ศ.เผด็จศึก ถือเป็นจุดตั้งต้นที่ดี
 
ความกระตือรือร้นของเขาเริ่มส่งผลให้ครูมีตื่นเต้นไปด้วย
 
“เอาวะ ข้าไม่รู้จักไอเด้อๆๆ อะไรของเอ็งหรอกนะ แต่ถ้าจะช่วยค่ายได้ จะให้ข้าเป็นอะไรก็ได้ งั้นเอ็งไปเตรียมการฝั่งเอ็งได้เลย ข้าจะไปคุยกับไอ้แผ่นดินให้”
 
หลังจากได้คำยืนยันจากแผ่นดินหรือครูดินซึ่งเป็นคนดูแลค่าย หลี่คุนก็ทำข้อตกลงความร่วมมือการค้านี้กับครูมีและค่าย ศ.เผด็จศึกออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร เขาเร่งดำเนินการเรื่องการจดแจ้ง อย. จนแล้วเสร็จในเวลาไม่นานแล้วจึงเริ่มวางขายน้ำมันมวยสูตรใหม่ที่ค่ายมวย ศ.เผด็จศึก เป็นแห่งแรก
 
สินค้าตัวนี้หลี่คุนตั้งชื่อไปตรงๆ ว่า น้ำมันมวยมีคุณ ค่าย ศ.เผด็จศึก เขาตั้งราคาไว้สูงกว่าน้ำมันมวยเจ้าตลาดอยู่พอสมควรแต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่คนทั่วไปซื้อหามาใช้ได้ ลูกค้ากลุ่มแรกๆ ก็คือพวกนักมวยที่เคยเป็นศิษย์เก่าและรู้จักสรรพคุณของน้ำมันตัวนี้ดี ถึงลูกค้าที่ว่าก็มีไม่มากนัก แต่ครูมีก็สวมวิญญาณนักขายมือทอง หลอกล่อนักมวยกลุ่มนี้ชักจูงให้คนในค่ายมวยที่ตัวเองอยู่ในปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมวยมีคุณด้วย สุดท้ายทุกคนก็ติดใจทำให้ทางค่ายมวยต้องเปลี่ยนมาซื้อของแพงขึ้นตามที่นักมวยเรียกร้อง ครูมีได้ทราบก็หัวเราะชอบใจที่หาทางเอาคืนพวกค่ายมวยที่ดึงคนไปแม้จะแค่เล็กๆ น้อยๆ ค่ายมวยหนึ่งๆ ใช้น้ำมันมวยไม่ใช่น้อย ทั้งทาทั้งนวด ยิ่งมีขึ้นชกด้วยแทบจะชโลมทั้งตัว ทำรายได้กลับมาไม่น้อยเลยทีเดียว
 
หลี่คุนเห็นครูมีหาลูกค้าอย่างแข็งขันก็ยิ่งต้องทำหน้าที่ของตัวเองบ้างไม่ให้เสียชื่อที่เรียนด้านโฆษณามา เขาใช้ครูมีเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างที่ตั้งใจ โดยยกทีมของพวกซูเอ๋อร์มาถ่ายทำคลิปครูมีสอนการนวดนักมวยขั้นพื้นฐานเป็นตอนๆ ครูมีเองมีใจที่จะถ่ายทอดเพื่อรักษาวิชานวดของตัวเองให้คงอยู่สืบไปในแวดวงมวยอยู่แล้วจึงตั้งใจทำเต็มที่ ในคลิปจะเห็นว่าลุงมีใช้น้ำมันมวยมีคุณในการนวดแต่ก็ไม่ได้เน้นจนผิดสังเกต ครูมีอธิบายการนวดไปก็สอดแทรกสรรพคุณของน้ำมันมวยมีคุณเล็กๆ น้อยๆ ออกมาบ้างเหมือนไม่ตั้งใจ หลี่คุนไม่ต้องการให้ออกมาเป็นคลิปขายของ ขอแค่ให้คนที่เข้ามาดูคลิปสอนนวดของครูมีรู้จักน้ำมันมวยมีคุณเท่านั้นก็พอ
 
เจ้ารองปังปอนด์ที่มาเป็นตากล้องถ่ายคลิปก็ทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ นายแบบที่โดนนวดคือนักมวยที่พอมีชื่อเสียงหน่อยของค่ายแน่นอนว่าต้องมีกล้ามเนื้อที่คมชัดสมบูรณ์ ปังปอนด์ใช้การจัดไฟและวางมุมกล้องในการถ่ายให้ภาพออกมาเห็นกล้ามเนื้อที่สวยงามอย่างเป็นศิลปะมากกว่าคลิปสาธิตทั่วไป เมื่อตัดต่อเสร็จ ซูกัสก็ค่อยๆ ปล่อยออกมาทีละตอนทางช่องยูทูบของตัวเอง ส่วนหลี่คุนก็บอกให้นักมวยในค่ายครูเผด็จช่วยกันโปรโมทคลิปพวกนี้ตามช่องทางที่แต่ละคนพอมี
 
เมื่อคลิปแรกออกมาปรากฏว่ายอดวิวไม่เลวเลยทีเดียว ส่วนแรกมาจากชื่อเสียงของค่าย ศ.เผด็จศึกและของครูมีเองที่ยังเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงมวย ส่วนที่สองมาจากช่องยูทูบของซูกัสที่มียอดผู้ติดตามอยู่ไม่น้อยซึ่งเป็นอานิสงส์มาจากการลงคลิปสี่หนุ่มหล่อเล่นดนตรี ส่วนสุดท้ายมาจากการถ่ายทำที่น่าสนใจของปังปอนด์ แม้สาวๆ ที่ไม่สนใจเรื่องมวยหลงเข้ามาดู ก็ยังชมกล้ามงามๆ ของนักมวยไปเพลินๆ ได้จนจบ
 
คนที่ดูคลิปแล้วสนใจน้ำมันมวยมีคุณก็มักจะเสิร์ชหาข้อมูลต่อ ตรงจุดนี้หลี่คุนคาดการณ์ไว้แล้วจึงให้ตินที่เรียนด้านคอมพิวเตอร์ใช้เทคนิคทำเว็บไซต์ให้ตรงตามเกณฑ์การให้คะแนนของกูเกิ้ล ข้อมูลของน้ำมันมวยมีคุณจึงติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้นหา คนที่สนใจจะเจอว่าน้ำมันมวยมีคุณเป็นผลิตภัณฑ์ของค่ายมวย ศ.เผด็จศึก ซึ่งเก่าแก่น่าเชื่อถือ รวมไปถึงลิ้งค์ที่จะสั่งซื้อได้ทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ
 
วิธีการนี้ทำให้สามารถหาลูกค้าที่อยู่ในวงการมวยได้กว้างขึ้น ยอดสั่งซื้อจากค่ายมวยทั่วทั้งประเทศเริ่มทยอยเข้ามา ยิ่งลงคลิปสอนนวดของครูมีเพิ่มขึ้น ยอดขายก็ยิ่งสูงตาม ประกอบกับคนที่ใช้แล้วดีก็บอกต่อกันเรื่อยๆ หลี่คุนพอใจมาก ครั้งนี้ถือว่าเขาประสบความสำเร็จกับการใช้สื่อโซเชียลในการค้าอย่างงดงาม ล้างอายจากที่เคยเจ็บตัวจากการขายขี้ผึ้งรุ่นแรกได้เสียที การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยของเขานับว่าก้าวหน้าไปอีกขั้น ในที่สุดหลี่คุนก็ต้องหาโรงงานข้างนอกมาช่วยผลิตน้ำมันมวยให้ได้ทันกับความต้องการ โชคดีที่หมอภีมซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทช่วยหาโรงงานที่ไว้ใจได้มาให้ปัญหานี้เลยคลี่คลายได้ไม่ยาก
 
หลี่คุนเชื่อว่าการที่เขาเข้ามาอยู่ในร่างนี้เป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับวิถีฟ้าดิน สิ่งที่ผิดธรรมชาติเช่นนี้ไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน ภายหน้าหากคุณานนท์ได้กลับมาอยู่ในร่างนี้อีกครั้ง เขาหวังว่าจะสามารถหลงเหลือการค้าน้ำมันมวยนี้ไว้ให้เป็นการตอบแทน ส่วนขี้ผึ้งโอสถที่มีความซับซ้อนในการปรุงคงไม่สามารถดำเนินต่อได้หากเขาไม่อยู่แล้ว
 
แต่หลังจากที่ยอดขายน้ำมันมวยขึ้นต่อเนื่องมาได้ระยะหนึ่งก็เริ่มอิ่มตัว ที่จริงหลี่คุนเองก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าตลาดเฉพาะอย่างน้ำมันมวยนี้ยังไงปริมาณความต้องการก็คงมีอย่างจำกัด สินค้าของเขามีราคาแพงกว่าของคู่แข่งเจ้าใหญ่คงเจาะตลาดไม่ได้มาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงทางตันเร็วขนาดนี้ ยังดีที่ส่วนแบ่งรายได้ของค่ายมวยตอนนี้อยู่ในระดับที่ช่วยพยุงค่าใช้จ่ายไม่ให้ติดลบได้
 
จริงๆ หลี่คุนก็เสียดายอยู่มาก โรงงานที่เขาจ้างมีกำลังการผลิตที่ค่อนข้างสูง หากมียอดสั่งซื้อน้ำมันมวยมากกว่านี้ก็สามารถผลิตเพิ่มได้ทันที เขาพยายามนึกถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จางอี้หลงเคยสอนแต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้ จริงๆ เขาสนใจที่จะขยายตลาดด้วยการส่งออกเพราะมวยไทยก็เป็นที่สนใจในต่างประเทศ แต่ในทางธุรกิจเขารู้สึกว่ายังไม่พร้อม จะเพิ่มฐานลูกค้าไปยังการออกกำลังกายประเภทอื่น ภาพลักษณ์ของสินค้าตัวนี้ก็ยังดูเฉพาะทางเกินไป
 
หลี่คุนกลุ้มใจกับสินค้าสองตัวที่อยู่ในมือมาก ขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิมีความต้องการท่วมท้นแต่สามารถผลิตได้จำนวนจำกัด ส่วนน้ำมันมวยมีคุณสามารถผลิตเท่าไหร่ก็ได้แต่ยอดขายถึงจุดอิ่มตัว ชีวิตมันช่างไม่มีความพอดีเอาเสียเลย เขาอยากจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาจางอี้หลงแต่ก็อยากพยายามด้วยตัวเองก่อน ตอนนี้อีกฝ่ายมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นด้วยเขาจึงอยากพิสูจน์ตัวเองในฐานะฝ่ายจัดการให้มากกว่านี้
 
ขณะที่หลี่คุนกำลังปวดใจอยู่นั้น ยอดขายของน้ำมันมวยมีคุณที่คงที่มานาน อยู่ดีๆ กลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อจนเกือบจะเป็นสองเท่า เขาดีใจก็จริง แต่ถ้าไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร เป็นแค่ชั่วคราวหรือถาวร ก็คงจะจัดการต่อไม่ถูก หลี่คุนให้ทุกคนช่วยกันหาสาเหตุ ในที่สุดก็เริ่มเข้าเค้าตรงข้อมูลที่ได้จากนักมวยรุ่นหนุ่มกะทงของค่าย
 
เด็กหนุ่มคนนั้นบอกว่า มีเรื่องที่เล่าต่อๆ กันในแวดวงนักมวยว่า มีนักมวยคนหนึ่งเพิ่งชกเสร็จอยู่ในอารมณ์ที่จะปลดปล่อยเต็มที่ นัดเจอกับแฟนสาวได้ก็เข้าไปพัลวันแต่ลืมเอาตัวช่วยมา ฝ่ายชายเห็นว่าน้ำมันมวยมีคุณมันลื่นดีแล้วก็ไม่แสบร้อน จึงเอามาใช้ชโลมแท่งหยกตัวเองช่วยหล่อลื่นแก้ขัด ปรากฎว่าใช้การได้ดีเกินคาด ทั้งลดความเจ็บและทั้งเพิ่มเวลาแห่งความสุขจนอิ่มเอมหลายระลอกไปด้วยกันทั้งฝ่ายบุรุษและสตรี พอข่าวนี้กระจายออกไป ปรากฎว่ามีคนทดลองแล้วได้ผลจริง เทียบราคาแล้วก็คุ้มค่ากว่าซื้อเจลแพงๆ เป็นไหนๆ แถมมีสรรพคุณเสริมความแข็งแรงทนทาน เรื่องนี้จึงถูกบอกต่อๆ กันไปอย่างรวดเร็ว จนน่าจะเป็นที่มาของยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนนี้
 
หลี่คุนฟังแล้วก็รู้สึกว่านี่นับเป็นขนมเปี๊ยะที่หล่นจากฟ้าโดยแท้ เขาพินิจพิเคราะห์สินค้าตัวเองอยู่ในใจ ทั้งความหอมลื่นไม่ระคายผิว ทั้งสรรพคุณที่เสริมความทนทานลดความเจ็บปวดให้กล้ามเนื้อ คุณสมบัติเช่นนี้มันช่าง...พอดิบพอดี มิหนำซ้ำการเชื่อมโยงสินค้าเข้ากับมวยไทยซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกีฬาของลูกผู้ชายที่มีน้ำอดน้ำทนลำหักลำโค่นถึงใจ รวมไปถึงชื่อสินค้าที่มีคำว่าเผด็จศึก ทำให้ภาพลักษณ์สำหรับการใช้งานประเภทที่สองดูเหมาะเจาะราวกับตั้งใจมาตั้งแต่แรก ไม่แปลกใจที่ยอดขายถึงเพิ่มขึ้นถล่มทลาย
 
หลี่คุนต้องคิดหนักว่าจะคงการใช้งานแบบเดิมไว้แล้วสร้างความเข้าใจว่าไม่ควรใช้งานสินค้าผิดวัตถุประสงค์ หรือจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งสินค้าไปเน้นการใช้งานแบบที่สองซึ่งตลาดยังเติบโตได้อีกดี ถึงเขาจะอยากรวยแค่ไหนแต่ก็ยังรักหน้าตาตัวเองตามแบบคนจีนในอดีต กิจการที่เกี่ยวกับเรื่องในห้องหอเป็นสิ่งที่พ่อค้าดีๆ ไม่ทำกัน อย่างเช่นเจ้าของหอโคมเขียวแม้จะทำเงินทำทองได้มากมายแต่ก็ไม่ได้รับการนับหน้าถือตา หากเขาค้าขายสินค้าเสริมโลกีย์เช่นนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เห็นทีจะต้องเพิ่มคำเตือนตัวโตๆ ว่าห้ามใช้เป็นสารหล่อลื่นลงบนฉลาก แต่อีกทางหนึ่งโอกาสใหม่ทางการค้านี้ช่างเย้ายวนใจ ฐานลูกค้าจากที่เคยจำกัดแค่กลุ่มนักมวยจะสามารถขยายเป็นชายไทยวัยเจริญพันธุ์จำนวนยี่สิบเอ็ดล้านคนทันทีหากเขายอมปรับเปลี่ยนตำแหน่งผลิตภัณฑ์
 
หลี่คุนนอนคิดอยู่หลายคืนในที่สุดก็ตัดสินใจได้ หน้าตาของบุรุษยิ่งใหญ่ดังเขาไท่ซานพึงรักษาไว้ยิ่งชีพ เขาเลิกคิดที่ปรับเปลี่ยนอะไรในสินค้าตัวนี้ ยกเว้นการเพิ่มข้อความแบบเน้นๆ ลงไปบนฉลากเพียงข้อความเดียว
 
“เหมาะสำหรับกีฬาในร่มทุกประเภท”
 
####

#อี้หลงคุน

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 21] 24/11/2019
«ตอบ #57 เมื่อ24-11-2019 16:54:47 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 21] 24/11/2019
«ตอบ #58 เมื่อ28-11-2019 21:27:52 »

วลีเดียวชนะทุกศึก "เหมาะกับกีฬาในร่มทุกประเภท"

ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ  ๆ ๆ 

นอกจากเขียนนิยายสนุกแล้ว คุณยังเก่งการตลาดอีกด้วย นับถือค่ะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Blue Dragon in the Red Ocean [บทที่ 22] 29/11/2019
«ตอบ #59 เมื่อ29-11-2019 14:57:07 »

22

หลังจากที่ตั้งบริษัทฉางอันโอสถขึ้น หลี่คุนก็ให้นักกฎหมายที่มาช่วยงานเป็นผู้รับการติดต่อเรื่องทางด้านธุรกิจทั้งหมด ปรากฎว่าเริ่มมีคนขอเจรจาธุรกิจเข้ามาเป็นจำนวนมาก มีทั้งเสนอขอซื้อสูตร ขอร่วมลงทุน ไปจนถึงขอซื้อกิจการทั้งหมด หลี่คุนให้นักกฎหมายตอบปฏิเสธไปทั้งหมด สูตรปรุงยาตำหรับโบราณที่ซับซ้อนนี้มีเขาเพียงผู้เดียวที่สามารถปรุงและใช้ปราณตรวจสอบคุณภาพของมันได้ หรือต่อให้สามารถขายต่อให้ผู้อื่นไปขยายกิจการจนใหญ่โตได้เขาก็คงไม่ยินยอมเพราะเกรงว่าธุรกิจเครื่องสำอางค์บำรุงผิวทั้งหมดคงล่มสลาย คนคงตกงานกันอีกมากมาย เขายังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบเรื่องใหญ่ขนาดนั้น อีกอย่างคนที่ข้ามกาลเวลามาอย่างเขา หากทำตัวโดดเด่นมากเกินไปจะกลายเป็นการนำภัยมาสู่ตัวเอง ข้อคิดนี้ในนิยายทะลุมิติที่เขาอ่านตอนข้ามเวลามาใหม่ๆ ทุกเรื่องก็มีพูดไว้
 
ของมีน้อยแต่คนต้องการมาก ในที่สุดก็เกิดของปลอมของเลียนแบบขึ้น มีทั้งพยายามปลอมให้หน้าตาผลิตภัณฑ์แทบจะไม่แตกต่างกับขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิของจริง แต่ของพวกนี้หลอกลวงได้แค่คนที่ไม่เคยใช้เท่านั้น ต่อให้พยายามอย่างไรก็ไม่สามารถปลอมผนึกตราครั่งประทับที่ระบุว่าเป็นขี้ผึ้งของเดือนอะไรได้ ครั่งที่หลี่คุนใช้ประทับเป็นครั่งแท้ที่ผสมกับผงทองคำตามตำหรับโบราณ พอประทับตราประจำเดือนลงไปรอให้แข็งตัวดีแล้วแล้วจะเกิดลวดลายพิเศษที่ไม่สามารถลอกเลียนได้ ต่อให้นำครั่งตัวจริงไปหลอมใหม่ ผงทองคำก็จะนอนก้นไม่กระจายตัวเป็นลวดลายที่ว่า คนที่พยายามทำของปลอมขึ้นมานอกจากจะยุ่งยากปลอมของออกเป็นล็อตๆ รายเดือนแล้ว ทำอย่างไรตราครั่งก็ไม่เหมือน ยิ่งพอมีคนถ่ายรูปตราประทับครั่งของจริงกับของปลอมชัดๆ กระจายกันไปในกลุ่มไลน์แล้ว ก็ไม่มีใครหลงซื้ออีกเลย
 
ถัดจากของปลอมก็มีของเลียนแบบที่พยายามเคลมว่าเป็นขี้ผึ้งสูตรใหม่ที่สรรพคุณดีกว่าเดิมทั้งยังเก็บรักษาได้นานเป็นปีๆ  ไม่หมดอายุรายเดือนอย่างขี้ผึ้งที่หลี่คุนขาย บ้างก็สร้างเรื่องราวว่าเป็นสูตรต้นตำหรับเดียวกัน แต่ผลิตมาอีกยี่ห้อที่ราคาถูกกว่าเพราะไม่อยากเอาเปรียบลูกค้า แรกๆ ก็มีคนสนใจแต่พอซื้อไปใช้จริงก็รู้ว่าคุณภาพต่างกันราวฟ้ากับเหว มีคนเอามาด่าประจานกันในกลุ่มสองสามทีก็เงียบหายไป
 
หลี่คุนติดตามดูสถานการณ์อย่างใจเย็น เรื่องทั้งหมดยังอยู่ในการคาดคำนวณที่เขาได้คิดป้องกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ประสบการณ์ที่เคยขาดทุนย่อยยับในครั้งก่อนทำให้เขาออกแบบสิ่งที่ยุคนี้เรียกว่าโมเดลธุรกิจไว้เป็นอย่างดีแล้ว ขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิจริงๆ แล้ว ไม่ได้มีอายุการเก็บรักษาสั้นเพียงแค่หนึ่งเดือน แต่เขาจงใจใส่สมุนไพรที่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพลงไป แม้การส่งของให้ลูกค้าแบบรายเดือนเช่นนี้ทำให้งานเพิ่มขึ้นบ้าง แต่วิธีนี้ทำให้ไม่มีใครสามารถกักตุนสินค้าได้ การปลอมแปลงก็ทำได้ยากและไม่คุ้มค่า เช่นนี้เขาจึงควบคุมระบบสมาชิกไว้ได้
 
ยิ่งสินค้าของเขาแข็งแรงลอกเลียนแบบไม่ได้ ความพยายามที่จะครอบครองก็ดูจะรุนแรงขึ้น นักกฎหมายถึงกับได้รับการติดต่อในเชิงข่มขู่จากบุคคลเดิมที่เคยขอซื้อสูตร หลี่คุนรับฟังอย่างไม่สนใจ ถึงแม้ศีลธรรมของคนยุคนี้จะดูหย่อนยานจากสมัยก่อนอยู่มาก แต่การควบคุมให้ทำตามกฎหมายบ้านเมืองนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว การฆ่ากันตาย การค้ามนุษย์ การใส่ความยึดทรัพย์ แม้จะยังไม่หมดสิ้นไป แต่ก็นับว่าลดน้อยลงไปมาก ในเมื่อเขาทำการค้าอย่างถูกต้องซื่อสัตย์สุจริต ยังจะมีใครละเมิดกฎหมายแย่งชิงเอาไปได้
 
ทั้งๆ ที่รายได้ของเขาเรียกว่าเยอะมากสำหรับนักศึกษามหาลัยคนหนึ่งแต่หลี่คุนก็มีเงินเก็บไม่มากนัก เขาเอาเงินที่ได้ในแต่ละเดือนไปตามหาซื้อวัตถุดิบดั้งเดิมอย่างโสมคน อำพันทะเล ยางไม้กฤษณา หรือผงไข่มุกดำทะเลลึก ทั้งหมดหาได้ยากยิ่งในเมืองไทยและราคาแพงยิ่งกว่าทองคำ โชคดีที่หลี่คุนสามารถใช้ปราณตรวจสอบคุณสมบัติของสมุนไพรพวกนี้ได้จึงไม่เคยเสียเงินเปล่าไปกับสมุนไพรปลอมหรือเสื่อมสภาพ
 
หลี่คุนทุ่มเทแรงกายแรงใจและเงินทองมากมายไปกับสมุนไพรพวกนี้เพราะความปรารถนาที่จะปรุงยาระดับที่สูงขึ้น ตำหรับยาโบราณมีข้อได้เปรียบเพียงในเรื่องการบำรุงฟื้นฟูสุขภาพรวมถึงการประทินโฉม แต่ในด้านการรักษาโรคอย่างตรงจุด ไม่อาจเทียบยารักษาโรคสมัยใหม่ของยุคนี้ได้เลย  รวมถึงความภาคภูมิใจของเขาในการปรุงยาถอนพิษร้ายแรงชนิดต่างๆ กลายเป็นสิ่งไม่มีประโยชน์ในยุคนี้ที่ผู้คนไม่ได้ทำร้ายกันด้วยยาพิษอีกแล้ว
 
เขามุ่งหวังที่จะปรุงโอสถระดับปฐพีขึ้นมาอีกครั้ง โอสถสร้างปราณ โอสถทะลวงชีพจร โอสถชำระไขกระดูก เหล่านี้ล้วนเป็นโอสถระดับปฐพีที่สามารถบำรุงลมปราณเสริมสร้างวรยุทธ์ การแพทย์ในยุคปัจจุบันดูเหมือนจะไม่มียาชนิดใดให้ผลในลักษณะนี้ โอสถดังกล่าวแม้ในยุคที่หลี่คุนจากมาก็ยังหาวัตถุดิบปรุงได้ไม่ง่ายนัก ผู้ปรุงที่มีความแตกฉานในการใช้ปราณหลอมรวมโอสถกลับหายากยิ่งกว่า โอสถระดับปฐพีจึงไม่ใช่ของที่คนทั่วไปจะครอบครองได้
 
ความเชี่ยวชาญในการหลอมรวมโอสถของหลี่คุนนั้นหากพูดว่าเป็นที่สองคงไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองเป็นที่หนึ่ง แต่ยามนี้กลับมีข้อจำกัดในเรื่องวัตถุดิบกับลมปราณที่มีเพียงน้อยนิด เขาเอาสมุนไพรหายากที่ได้มาทดลองหาวิธีหลอมรวมที่ใช้ลมปราณให้น้อยที่สุด หลี่คุนใช้เตาไฟฟ้าที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ละเอียดเที่ยงตรงมาช่วยให้การเคี่ยวโอสถง่ายขึ้น แต่ขั้นตอนในการหลอมรวมยังต้องใช้ลมปราณไม่น้อยอยู่ดี
 
ในแต่ละคืนเขาพยายามพลิกแพลงวิธีการหลอมโอสถแบบต่างๆ แต่ก็ยังความก้าวหน้านับว่าเชื่องช้ายิ่งนัก กำลังภายในบุปผาเร้นวารีเมื่อใช้จนสิ้นกำลังแล้วจะไม่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยตัวเอง หลี่คุนทดลองได้แค่ครั้งสองครั้งลมปราณก็มักจะหมดลงเสียก่อน เพื่อนร่วมห้องของเขามีแต่ซูเอ๋อร์ซึ่งมีพลังหยางไม่มากนักไม่สามารถเติมเต็มกำลังภายในบุปผาเร้นวารีขั้นหนึ่งได้ ต้องรอไปรวบรวมพลังหยางจากเพื่อนๆ ที่มหาลัยจนเต็ม ถึงจะกลับมาทดลองฝึกฝนการหลอมโอสถได้ในคืนถัดไป หลี่คุนคิดว่าถ้าได้ตินที่มีพลังหยางค่อนข้างดีมาค้างที่คอนโดด้วยเพื่อใช้เป็นแบตสำรองเขาน่าจะคืบหน้าได้เร็วกว่านี้ แต่จนใจที่อีกฝ่ายเป็นคนติดบ้านไม่ค่อยยอมไปค้างที่ไหนเพราะจะนอนไม่หลับ
 
หลี่คุนไม่รู้เลยว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้เพื่อนที่มหาลัยเข้าใจว่าเขาเป็นพวกสกินชิปติดการสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวกับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน แน่นอนว่าไม่มีใครรังเกียจ มีแต่จะชื่นชมว่าคนที่หน้าตาดีมีชื่อเสียงดูสูงส่งเช่นนี้กลับไม่ถือเนื้อถือตัวแม้แต่น้อย ใครๆ  ก็อยากให้คุณานนท์มาจับมือลูบแขนกอดคอโอบไหล่กันทั้งนั้น หลายคนก็ถือโอกาสเซลฟี่เอาไปลงโซเชียลด้วยถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ใกล้ชิดคนดังของมหาลัย
 
วันนี้หลี่คุนเข้าคณะมาด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก เขาสิ้นเปลืองวัตถุดิบล้ำค่าไปมากมายจนเมื่อคืนเขาทดลองหลอมโอสถด้วยแนวทางใหม่จนน่าจะได้ผลแล้วแต่กำลังภายในกลับหมดลงเสียก่อน วันนี้เขามีเรียนแค่ช่วงเช้า ตั้งใจว่าจะรีบรวบรวมพลังหยางให้เต็มช่วงบ่ายจะได้กลับคอนโดไปฝึกฝนต่อ  สายตาหลี่คุนสอดส่ายหาคนที่พอจะดูดกลืนพลังได้ก่อนจะถึงเวลาเข้าเรียน
 
“ว่าไง คุน ไม่เจอนายตั้งนาน วันนี้เรียนแต่เช้าเหรอ”
 
หลี่คุนหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับบุรุษหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง เขาคุ้นๆ ว่าคนผู้นี้เป็นเดือนคณะแต่เรียนคนละภาคกันไม่ได้สนิทสนมนัก เขายังจำชื่อเล่นไม่ได้ด้วยซ้ำได้แต่ตอบตามน้ำไป
 
“ใช่ นายก็เรียนเช้าเหมือนกันเหรอ”
 
“เรียนสิบโมง แต่กิ๊กเรามีเรียนแปดโมง ตื่นมาก็งอแงให้มาส่ง”
 
หลี่คุนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาไม่แปลกใจนักเพราะเคยดูดซับพลังหยางของอีกฝ่ายมาก่อน พลังหยางที่ปนเปื้อนหยินอันหลากหลายสับสนบ่งบอกว่าเดือนคณะคนนี้คือคุณชายเสเพลเจ้าสำราญผู้หนึ่ง ในครั้งนั้นเขาถึงกับออกปากตักเตือนไปด้วยเป็นห่วงสุขภาพไตของเพื่อนร่วมคณะ มิคาดว่าคนผู้นี้กลับภูมิอกภูมิใจในความเป็นยอดนักรักของตัวเองไม่สนใจคำเตือนของเขาแม้แต่น้อย
 
“เจอนายแต่เช้าก็ดีแล้ว หน้าตายังสดชื่นอยู่ เห็นคนอื่นถ่ายรูปกับนายกันโครมๆ เราขอมั่งสิ คนหล่อๆ ถ่ายคู่กัน คนต้องกรี๊ดยอดไลค์ถล่มทลายแน่”
 
เดือนคณะถือวิสาสะกอดคอหลี่คุนให้ใบหน้าหล่อเหลาของทั้งคู่เข้ามาใกล้กันแล้วหยิบโทรศัพท์เปิดกล้องหน้ายืดแขนจนสุดเพื่อถ่ายเซลฟี่อย่างชำนิชำนาญ หลี่คุนไม่ได้อยากดูดซับพลังหยางที่ปนเปื้อนของอีกฝ่าย แต่เมื่อมีบุรุษเข้ามาสัมผัสก็เผลอเปิดช่องลมปราณของเคล็ดวิชาบุปผาเร้นวารีด้วยความเคยชิน พลังหยางที่ดูดซับได้กลับแตกต่างจากครั้งก่อนจนน่าประหลาดใจ แม้จะยังมีความสับสนอยู่บ้างแต่แทบไม่หลงเหลือการปนเปื้อนของพลังหยินอยู่เลย หรือว่าคนผู้นี้จะเริ่มคิดได้จากคำเตือนที่เขาเคยให้ไป
 
หลี่คุนปล่อยให้อีกฝ่ายถ่ายรูปจนเสร็จแล้วก็เอ่ยปากชม
 
“รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้นายจะทำตัวดีขึ้นนะ ไม่หักโหมหมกมุ่นในเรื่องประเภทนั้นเหมือนเมื่อก่อน ดีแล้วล่ะ บุรุษหนุ่มอย่างนายถนอมกำลังส่วนล่างไว้บ้าง ถึงเวลาแต่งงานสืบต่อวงตระกูลจะได้มีทายาทเร็วๆ”
 
“ฮ่าๆ นายนี่ตลกดีนะ พูดเหมือนแม่เราเลย วัยอย่างพวกเราต้องสนุกกับชีวิตให้มากสิ จะไปรีบคิดเรื่องแต่งงงแต่งงานมีลูกทำไม อย่างเราน่ะนอนคนเดียวไม่ได้แล้ว  ถ้าไม่ได้ออกแรงทำกิจกรรมเข้าจังหวะก่อนนอนทุกคืนหลับไม่ลงหรอก”
 
“ทุกคืนนี่นะ?”
 
หลี่คุนถามอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่เห็นพลังหยางจะปนเปื้อนหยินเหมือนเมื่อก่อนเลย แต่ลักษณะร่างกายอย่างอื่นก็ดูเหมือนจะหักโหมเรื่องอย่างว่ามาจริงๆ หรือว่าอีกฝ่ายจะได้ยาบำรุงร่างกายดีๆ ที่ช่วยชำระหยินตกค้างออกไปได้ เขาไม่กล้าดูแคลนการแพทย์ยุคนี้จริงๆ ท่าทางจะต้องศึกษาให้มากขึ้น
 
“ใช่ แต่จะว่าเราทำตัวดีขึ้นก็ได้นะ เพราะช่วงนี้เราติดเด็กปีหนึ่งเลยไม่ได้เวียนไปหากิ๊กคนอื่นเลย เราว่าบางทีเราอาจจะหยุดที่คนนี้ น้องเค้าดูรักเรามากให้เกียร์มาด้วย เรานอนกับน้องเค้าทุกคืน บางคืนก็หลายรอบเลยเพราะเรามีตัวช่วยดีๆ นี่แอบบอกนายคนเดียวนะ เห็นว่าเป็นหนุ่มหล่อเหมือนกัน”
 
เดือนคณะทำเสียงกระซิบกระซาบในตอนท้ายก่อนจะหยิบขวดเล็กๆ ที่คุ้นตาหลี่คุนจากกระเป๋าสะพายออกมาให้ดูอย่างภูมิใจ
 
“เราอาศัยทาเจ้านี่แหละ น้ำมันมวยมีคุณ อย่าเห็นว่าดูเชยๆ นะ สรรพคุณงี้ยืนหนึ่งเลย นายต้องลองใช้เองถึงจะรู้ความแตกต่าง ไม่อยากจะเล่าละเอียดเดี๋ยวหาว่าทะลึ่ง ราคาก็ไม่แพง ใช้กับถุงยางก็ได้เป็นสูตรน้ำไม่ทำให้มันรั่ว แม่เราบอกว่าใช้นวดแก้ปวดเมื่อยดีกว่ายาที่หมอให้อีกแต่เราว่าใช้แบบนั้นเสียของไปหน่อย คนคิดสูตรนี่เจ๋งจริงน่าจะทำออกมาขายตั้งนานแล้ว แต่นายอย่าไปบอกใครนะเดี๋ยวนี้ชักเริ่มหาซื้อยาก สั่งทางแอพส้มบางทีก็ของหมด ถ้าคนรู้จักเยอะๆ เรากลัวเขาขึ้นราคา ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ท่าทางต้องไปซื้อถึงค่ายมวย ศ.เผด็จศึก อย่าซื้อผิดล่ะ ถ้าเอาน้ำมันมวยธรรมดาไปทาแสบตายชัก”
 
หลี่คุนได้ฟังก็รู้สึกตัวลอย ลูกค้าท่านนี้พูดชมเกินไปแล้ว ในใจรู้สึกสนิทสนมกับอีกฝ่ายขึ้นอีกหลายส่วนจนอยากจะส่งเทียบเชิญให้มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของน้ำมันมวยมีคุณ เขารีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปโดยเร็วอย่างเสียดาย สินค้าของฉางอันโอสถจะเกี่ยวพันกับเรื่องในห้องหอโดยโจ่งแจ้งมิได้
 
“ถ้านายจะซื้อเมื่อไหร่บอกเราได้ ตินเพื่อนเราที่เรียนอยู่ไอทีไปซ้อมมวยที่ค่าย ศ.เผด็จศึกประจำ บางทีเราก็ไปด้วย ที่ค่ายมีของเยอะมาก ไม่ต้องกลัวว่าของจะหมดหรือขึ้นราคา”
 
“อ้าว นายก็รู้จักน้ำมันมวยมีคุณอยู่แล้วเหรอ ไม่เบานี่หว่า เห็นเงียบๆ ไม่มีข่าวคราวกับสาวๆ เราก็ว่าล่ะ หล่อๆ อย่างนี้จะธรรมดาได้ไง แล้วตินเพื่อนนายจะไปที่ค่ายอีกทีเมื่อไหร่ เราว่าจะซื้อมาตุนไว้อุ่นใจดี พอดีต้องใช้ทุกวัน ถ้าซื้อเยอะเขามีส่วนลดให้ไหม”
 
“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวเราคุยกับทางค่ายให้นายเอามาใช้ฟรีๆ เลยสองโหล แค่นายช่วยเอาน้ำมันมวยมีคุณไปโชว์ในพวกไอจีอะไรงี้ นายเป็นเดือนคณะ น่าจะมีคนติดตามเยอะอยู่นะ นายช่วยบอกต่อให้เขามีลูกค้าเพิ่มขึ้น ของเขาขายดีสินค้าก็จะกระจายออกมามาก นายจะยิ่งหาซื้อง่ายนะ แอบใช้อยู่คนเดียวเขาเจ๊งไปนายจะเอาที่ไหนใช้”
 
“ก็ดีนะ ได้ของมาใช้ฟรีๆ ไอจีเรา คนตามไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่อีกแอคในทวิตนี่ดาร์คๆ หน่อยคนตามเพียบ เดี๋ยวเราทำแฮชแทคให้ด้วย เอาอันนี้ไหม #ทนกว่าที่คิส”
 
“จริงๆ มันก็น้ำมันมวยนะ แต่นายไปใช้อย่างอื่นแล้วดี จะบอกอะไรก็แล้วแต่นาย”
 
หลังจากแยกจากเดือนคณะ หลี่คุนก็โทรแจ้งให้เพิ่มการผลิตน้ำมันมวยมีคุนก่อนจะรีบเข้าห้องเรียนไป ระหว่างเรียนเขาจำเป็นต้องไปนัวเนียกับเพื่อนผู้ชายในห้องเพื่อจะเก็บสำรองลมปราณไปเรื่อยๆ นักศึกษาภาคโฆษณาไม่มีใครมีพลังหยางเข้มข้นแบบนักมวยอาชีพอย่างเมฆขาวทำให้ต้องใช้เวลานานและหมุนไปหลายคนกว่าจะเต็ม โชคดีที่ทุกคนคุ้นเคยกับอาการสกินชิปของเขาอยู่แล้วจึงปล่อยให้ลูบๆ คลำๆ ไปจนจบคาบเรียน
 
หลังเลิกหลี่คุนคิดว่าจะหาข้าวเที่ยงทานแล้วค่อยกลับคอนโดไปฝึกฝนการหลอมโอสถตามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ได้รับข้อความจากจางอี้หลงเสียก่อน
 
ZYL : พี่อยู่สิงคโปร์ กำลังจะขึ้นเครื่องไปสุวรรณภูมิ ถ้าว่างช่วยมารับที่สนามบินหน่อยครับ มีเรื่องจะคุยด้วย
 
LK : เงียบไปนานเลยนะครับพี่ ได้ใช้ขี้ผึ้งที่ผมส่งไปเปล่าเนี่ย ไม่เห็นส่งรูปมาให้ดูบ้างเลย
 
ZYL : เดี๋ยวก็เจอตัวจริงแล้ว จะดูรูปทำไม ตกลงลงมารับพี่ได้เปล่าครับ
 
LK : แต่ผมไม่ได้ขับรถนะ ไม่กล้าออกถนนจริง
 
ZYL : เดี๋ยวพี่ให้รถวนไปรับครับ อยู่ที่มหาลัยใช่ไหม
 
LK : อ้าว พี่มีรถแล้วจะให้ผมไปรับทำไม
 
ZYL : พี่อยากเจอน้องคุนเร็วๆ
 
LK : ก็ได้ครับ
 
หลี่คุนรับปากอย่างไม่อิดออด ถึงจะไม่ชอบความกดดันจากปราณอำนาจของอีกฝ่ายเวลาเจอตัวจริง แต่อย่างไรเสียก็เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ต้องรักษาสัมพันธ์ไว้ อีกอย่างเขายังมีปัญหาด้านการค้าบางอย่างที่อยากลอบถามความเห็นโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว รวมถึงอยากตามผลการใช้ขี้ผึ้งโอสถด้วยว่าจะฟื้นฟูสภาพผิวจางอี้หลงได้มากน้อยแค่ไหน
 
รถยนต์คันใหญ่ที่มารับหลี่คุนทั้งหรูหราทั้งวิ่งนุ่มนั่งสบาย แม้จะมีความรู้เกี่ยวกับโลกยุคใหม่นี้ขึ้นมามากแล้วแต่เขากลับไม่คุ้นยี้ห้อรถคันนี้เท่าไหร่ น่าจะไม่เป็นที่นิยมนัก ไม่เหมือนรถคันเล็กของเขาที่ไปไหนก็เห็นยี่ห้อเดียวกันนี้เต็มบ้านเต็มเมือง เขาเข้าไปรอจางอี้หลงตรงชั้นผู้โดยสารขาเข้าบริเวณเดียวกับที่เขาต้องเสียท่าอย่างใหญ่หลวงให้กับบอดี้การ์ดของแฮ็คส์เมื่อหลายเดือนก่อน หลี่คุนที่สวมผ้าปิดปากลายมังกรแบบเดิมหวังว่าจะไม่มีใครในที่นี้จำความอัปยศในครั้งนั้นของเขาได้
 
รออยู่ไม่นานหลี่คุนก็เห็นคนที่เขามารับเดินออกมาจากด้านใน ผู้คนที่ยืนประปรายกันอยู่บริเวณนั้นถูกปราณอำนาจที่แผ่ออกกดดันจนแหวกออกเป็นทางโดยไม่ตั้งใจ สายตาจำนวนมากจับจ้องไปที่บุรุษร่างสูงในเสื้อแจ็คเกตแบบลำลองอย่างไม่รู้ตัว หลี่คุนเห็นจากไกลๆ ยังรู้สึกว่าอาจไม่ใช่ปราณอำนาจเพียงอย่างเดียวแล้วที่ดึงดูดสายตาคน รูปลักษณ์ที่แปลกตากว่าที่เคยเห็นนั้นน่าจะเป็นสาเหตุหลักเสียด้วยซ้ำ จางอี้หลงตัดผมสั้นกว่าปกติและเซ็ทเป็นทรงทันสมัยกว่าเดิม เสื้อผ้าเข้ารูปกว่าทุกทีเผยให้เห็นหุ่นสวยที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้สัดส่วน ใบหน้าที่หล่อเหลาภูมิฐานแบบชายวัยต้นสามสิบบัดนี้ดูอ่อนเยาว์กระจ่างใสขึ้นโดยไม่เสียความคมสันในแบบบุรุษ ถ้าไม่ใช่เพราะความสง่าน่าเกรงขามกว่าปกติที่แผ่ออกมา คาดว่าคงมีคนเข้าไปรุมล้อมเพราะคิดว่าเป็นดาราใหญ่มาจากไหนเป็นแน่
 
หลี่คุนฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจให้จางอี้หลงแต่ไกล เรื่องเสื้อผ้าและทรงผมนั่นช่างเถิด แต่ใบหน้าที่เยาว์วัยลงนั้นต้องเป็นผลงานขี้ผึ้งโอสถจักรพรรดิของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ขึ้นจนหลี่คุนเห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน รอยยิ้มของเขากลับหุบลงทันทีก่อนที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลี่คุนจะขึ้นสีแดงระเรื่อร้อนผ่าวไปด้วยโทสะ
 
“ไปทำอะไรกับหน้ามาครับ พี่อี้หลง!!!”
 
#########################

#อี้หลงคุน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด