8
คุณเคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งที่อัดแก๊สเข้าไปเต็มที่จนพองตัวขยายใหญ่เตรียมระเบิดไหม นั่นล่ะคือความรู้สึกของทรอยในตอนนี้
ออมเล็ตสีเหลืองหอมกรุ่นพึ่งลงจากกระทะร้อนๆ ถูกจัดวางไว้ในจานพลาสติกดูสวยงามน่าทาน ทรอยและแม่แทบจะกลั้นหายใจจนตัวเกร็งในตอนที่ออมเล็ตชิ้นหนึ่งถูกตักเข้าปากของแขกผู้มาเยือนยามค่ำคืน
ทรอยเผลอมองรอยบุ๋มข้างแก้มของชายที่นั่งใกล้ๆ เวลาที่เคี้ยวข้าว ลักยิ้มสองข้างของคุณเจย์จะปรากฏขึ้นชัดเจน ดูน่ามองจนเขาอดไม่ได้ที่จะแอบคิดว่าสักวันอยากลองขอจิ้มลักยิ้มนั้นดู
“อร่อยมากครับ”
พอคุณเจย์พูดแบบนั้น ทั้งทรอยและแม่ต่างถอนใจกันเฮือกใหญ่ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเกร็งต้องลุ้นกันตัวโก่งขนาดนี้
ตั้งแต่คุณเจย์เข้ามา บรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่ห้องเป็นอพาร์ทเม้นโทรมๆเปรียบเหมือนกับไม้ยืนต้นที่ขาดน้ำมาบำรุงหลายวัน ตอนนี้คุณเจย์กลับทำให้บรรยากาศของห้องกลายเป็นไม้ยืนต้นที่ตั้งตระหง่านหลายต้นขึ้นติดๆกัน รกชัน เขียวครึ้ม คล้ายกับป่าสนที่มีไอหมอกกระจายปกคลุม ทั้งชุ่มฉ่ำแต่ก็วังเวง
หลังจากสร้างความประหลาดใจด้วยการปรากฏตัวกลางดึกแบบไม่มีที่มาที่ไป คุณเจย์ก็ทำให้ทรอยประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อแม่ของเขาถามว่าทานอะไรมาหรือยัง คำตอบที่เขาคาดว่าจะเป็น ทานมาแล้ว กลับกลายเป็น ยังครับ กำลังหิวพอดี
แม่ของเขาเลยเลือกจะทำเมนูง่ายๆเพื่อไม่ให้คนหิวต้องรอนาน โดยระหว่างที่รอแม่ทำอาหารในครัว คุณเจย์กับทรอยก็ไม่มีบทสนทนาใดๆทั้งสิ้น มีเพียงความเงียบน่าอึดอัด กับดวงตาที่แทบไม่ยอมละจากใบหน้าของทรอยเลย
“ไม่กินล่ะทรอย”แม่ของเขาถามขึ้นเพราะเห็นว่าทรอยยังนั่งนิ่งอยู่หน้าจานข้าวตัวเอง
“เอ่อ”ทรอยอึ่กอั่ก เพราะทุกครั้งที่ร่วมโต๊ะกัน เขาต้องรอให้เจย์ทานเสร็จก่อนแต่ครั้งนี้ แม่เขาที่ไม่รู้อะไรกลับตักข้าวใส่ปากทานพร้อมกับแขก ทรอยเหลือบมองปฏิกิริยาของเจย์ว่าจะพูดอะไรไหม จะห้ามไม่ให้เขากินพร้อมกันหรือเปล่า แต่สุดท้ายเจย์ก็ทำเพียงสนใจอาหารตรงหน้าเท่านั้น ทรอยจึงลงมือจัดการออมเล็ตตรงหน้าด้วย
เมื่อทานกันเสร็จ แม่ของเขาก็ขอตัวไปดูเจ้าชิวาว่าน้อยที่ยังส่งเสียงเห่าไม่เลิก แม้ตัวเองจะถูกขังอยู่ในห้อง
“คุณเจย์มีอะไรเหรอครับ”เมื่อเห็นว่าความเงียบกินเวลานานเกินไปแล้ว เขาจึงเป็นฝ่ายถามขึ้น
“ไปคุยข้างนอกดีกว่า ลูกน้องเธอดูจะเกลียดฉันมาก”เจย์ลุกขึ้นจากโซฟาเก่าแล้วเดินออกจากบ้านไปโดยไม่รอฟังคำตอบของทรอยด้วยซ้ำ
ทรอยรีบก้าวยาวๆตามผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านาย ได้ยินเสียงแม่ตะโกนบอกให้ใส่หมวกด้วยเดี๋ยวน้ำค้างโดนหัวจะไม่สบาย ทรอยจึงหยิบหมวกแก๊บสีแดงที่วางยัดๆอยู่บนชั้นวางหนังสือมาใส่โดยไม่ลืมที่จะปัดหยากไย่และคราบฝุ่นบนหมวกออกก่อน
เมื่อเปิดประตูออกมาทรอยถึงกับอ้าปากค้าง
รถสปอร์ตซีดานสุดหรูสัญชาติอเมริกาอย่างคาดิลแลค สีดำเงาวับโดดเด่นสู้แสงไฟของถนน จอดหราอยู่หน้าบ้านของเขา มันสวยมากจนทรอยเผลออุทานเป็นคำไม่สุภาพในภาษาไทย เขามัวแต่สนใจรถหรูโดยไม่ได้สังเกตุเลยว่ามุมปากของเจ้าของรถนั้นกระตุกยกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
“คุณเจย์ซื้อรถใหม่เหรอครับ”ทรอยถามขึ้น สายตายังคงวนเวียนชื่นชมรถหรูที่ตัวไม่มีทางได้เป็นเจ้าของ
“เปล่า ซื้อมานานแล้ว” เจย์ยืนพิงรถของตนก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบตามความเคยชิน
“สวยมากเลยครับ”ทรอยชมจากใจ
“เธอชอบมั้ย”
“ชอบสิครับ”
“อยากลองขับมั้ย”
คำถามของเจย์ทำให้ทรอยชะงักไปนิด ก่อนจะรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ล่ะครับ”เขาไม่ได้ขับรถยนต์มานาน ขืนขับไปทำเจ้าสปอร์ตซีดานคันนี้เป็นรอย มีหวังได้เป็นหนี้ไปตลอดชั่วชีวิต
เจย์พ่นควันบุหรี่ออกมา ดวงตาสีฟ้าหม่นนั้นมีแววเหนื่อยล้าจนคนมองสังเกตเห็น
“วันนี้คุณเจย์ไม่ได้หยุดเหรอครับ ผมนึกว่าทีมของเราได้หยุดทุกคน”เพราะเห็นว่าหัวหน้าทีมยังแต่งกายด้วยชุดทำงานเต็มยศจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยปนกับความเป็นห่วงเพียงนิด
“ไม่เคยได้หยุดเลย”น้ำเสียงนั้นฟังดูราบเรียบไร้ความรู้สึก แต่แววตาที่มองประสานกับทรอยนั้นมีแววอ่อนล้าอยู่จริงๆ
“แล้วคุณเจย์มาหาผม เอ่อ มีธุระด่วนหรือเปล่าครับ”ทรอยเห็นว่านี่ก็ดึกมากแล้ว หากไม่มีอะไรเร่งด่วนเจย์ก็ไม่น่าจะมาหาเขา เพราะยังไงซะพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันที่ทำงานอยู่แล้ว
“ทำไมไปยืนซะห่าง ขี้เกียจตะโกนคุย”เจย์ตำหนิ แต่ทรอยกลับไม่เห็นด้วย เขาไม่ได้ยืนห่างขนาดนั้น และไม่ได้ตะโกนคุยเสียหน่อย ก็พูดกันปกติ แต่ทว่าขาสองข้างก็ยอมเดินเข้าไปใกล้เพื่อถือวิสาสะยืนพิงรถคาดิลแลคคันงามนั้นอีกคน
ยิ่งมาดูใกล้ๆก็ยิ่งชื่นชม รถสวยชะมัด คุณเจย์มีจากัวส์อยู่แล้ว แถมมีคาดิลแลคอีกคัน ที่บ้านคงมีฐานะมากแน่ๆ เพราะลำพังเงินเดือนของเบคเทลไม่น่าจะสูงจนซื้อรถหรูพวกนี้ได้ ยังไม่รวมนาฬิกาคริสทอพ คลาเรต์ที่ใส่อยู่เป็นประจำอีกนะ ต้องรวยขนาดไหนเนี่ย
“แล้วสรุปว่า…”ทรอยลากเสียงยาวเพื่อถามสิ่งที่เขาคาใจ
“….”เจย์ยังไม่ตอบอะไร แต่กลับล้วงมือเข้าไปด้านในของเสื้อสูทราคาแพง ก่อนจะยื่นบางอย่างให้ทรอยที่ยืนพิงรถอยู่ข้างๆ
“คุณเจย์ไปเอามาได้ยังไงครับ ผมทำหล่นไว้ที่ห้องนั้น…”ทรอยหยิบโทรศัพท์มือถือของตนที่ทำหล่นไว้ที่ห้องของจาเร็ดในโรงแรมคืนนั้น
“ก็ไม่ได้ยากอะไร”เจย์ตอบสั้นๆ
ทรอยรู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีที่โทรศัพท์ของตนกลับมาอยู่กับตัวแล้ว จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ แต่ตอนนั้น เขาจำได้ว่าโทรศัพท์มันหล่นจนจอน่าจะแตกไปแล้วนี่นา
“คุณเจย์เอาไปซ่อมมาเหรอครับ”ทรอยถามคนที่ยังยืนสูบบุหรี่อยู่ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเช่นเดิม
“เท่าไรครับ ค่าซ่อม”ทรอยถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้คุณเจย์ยอมหันกลับมามอง
คุณเจย์มองเข้ามาในตาของเขานานเกือบนาทีก่อนจะพูดประโยคสั้นๆ
“ไม่เท่าไรหรอก เอาไว้ให้ตอนเงินเดือนออกแล้วกัน”เจย์ตัดบทง่ายๆ
“ขอบคุณครับ”ทรอยก้มหน้าลงมองโทรศัพท์ในมือตัวเอง มันเปิดไม่ติดซึ่งเขาคาดว่าแบตคงจะหมด
ทรอยถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะหันกลับไปมองหน้าคนข้างๆอีกครั้ง
“คุณเจย์ ขอบคุณนะครับ ทุกเรื่องเลย ผมขอบคุณจริงๆ”ทรอยไม่พูดเปล่า เขายกมือขึ้นไหว้ขอบคุณด้วย เขารอดตายก็เพราะคนๆนี้ช่วย เขาได้งานก็เพราะคนๆนี้ช่วย เขาอยากตอบแทนมากกว่าคำขอบคุณ แต่ติดที่ว่าสภาพการเงินของเขา คงไม่มีปัญญาไปซื้อของเพื่อขอบคุณหัวหน้าทีมได้แน่
ใจของทรอยกระตุกหวิวทันทีเมื่อบนศีรษะสัมผัสกับฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มีไออุ่นเกือบร้อน ขนาดเขาใส่หมวกอยู่ยังรู้สึกได้ถึงความอุ่นนั้นเลย
หัวหน้าทีมลูบหัวเขาเบาๆแล้วละมือออกไป ทรอยรีบยืดตัวตรงแล้วหันหลังพิงรถเช่นเดิม อาการทำตัวไม่ถูกกลับมาครอบงำทรอยอีกครั้ง เขาบีบมือตัวเองเบาๆสลับกับยกขึ้นเกาจมูกแก้เก้อ
“ดาวสวยจังครับ ถ้าคืนนี้ดาวตกคงจะดี”ทรอยพูดก่อนที่สมองจะทันคิด แล้วต้องมานึกอยากตีปากตัวเองเพราะคำพูดพวกนี้มันสุดแสนจะเห่ย เหมือนบทสนทนาของวัยรุ่นที่เอาไว้จีบสาวน้อยด้อยประสบการณ์เลย
ทรอยใช้หางตาแอบมองดูคนข้างๆว่ามีทีท่าอะไรไหม แต่เจย์ก็เอาแต่กอดอกแล้วแหงนหน้ามองไปบนฟ้า
“นั่นสิ ดาวสวยจริงอย่างที่เธอว่า”เจย์พูดเหมือนคนกำลังเหม่อลอย น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นมีเสน่ห์น่าฟังสะกดให้คนคล้อยตามได้ไม่ยาก
ทรอยเผลอมองใบหน้าด้านข้างที่เขากล้าเปรียบได้ว่าพระเจ้าเสกสรรให้มันงดงามรับกันไปทุกส่วนของเจย์ แล้วอดคิดในใจไม่ได้ว่า ชายคนนี้ ช่างเหมือนเทวดาที่มาโปรดเขา หรือบางที อาจจะเป็นปิศาจที่มาล่อลวงเขาก็ได้
“คุณเจย์ครับ ที่โรงแรมคืนนั้น ผมถูกหลอกไป ผมไม่ได้ขายตัว คุณเชื่อผมมั้ยครับ”ทรอยไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากจะพูดเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องบอกด้วยซ้ำ
“เชื่อสิ”น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนจนคนฟังเผลอยิ้มให้
“ห้ามไปที่โรงแรมนั้นอีก”น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้ทรอยปรับอารมณ์ตามไม่ทัน มันไม่ใช่คำพูดทั่วไป สิ่งที่คุณเจย์พูด มันคือคำสั่ง และทรอยรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องทำตาม
“ครับ”ทรอยรับคำแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย รู้สึกเหมือนตัวเองถูกดุ
“ยกเว้นว่าจะไปกับฉัน”
ทรอยหันขวับกลับมามองผู้พูดที่ยังทำสีหน้าจริงจัง จากนั้นทรอยจึงสรุปเอาเองว่าทรอยคงฟังผิด ต้องฟังผิดแน่ๆ แต่เขาไม่คิดจะถามซ้ำให้มันชัวส์หรอกนะ
“’เรื่องที่ทำงาน”เจย์พูดเสียงนิ่งๆ ดวงตาของหมาป่าหันไปมองกลุ่มชายวัยรุ่นสามสี่คนที่เดินผ่านหน้า พวกนั้นเพ่งความสนใจมาที่รถสปอร์ตของเขา เจย์กระตุกยิ้มเยาะพลางนึกในใจว่าหากพวกมันมีความชั่วและความกล้าสักนิด คืนนี้เขาอาจได้ทำกิจกรรมที่เขาชอบ
การล่า
“อะไรครับ?”เมื่อเห็นว่าเจย์เงียบไป ทรอยจึงถามขึ้น
“เล่าให้ฟังหน่อยสิ”เจย์ละความสนใจจากพวกนั้นเพราะคนที่อยู่ข้างๆน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ เจย์มองใบหน้าด้านข้างของทรอยแล้วเผลอกัดปากตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่ นึกขัดใจนิดๆที่ตอนนี้ตัวของทรอยมีกลิ่นของไอ้ลูกหมาจิ๋วนั้นติดอยู่บนเสื้อผ้า ทั้งที่ปกติแล้ว ทรอยน่ะตัวหอมมาก
ทรอยขมวดคิ้วทำหน้างง เล่าให้ฟังหน่อยสิ? จะให้เล่าอะไรล่ะ เรื่องที่ทำงานเหรอ?
แม้จะไม่เข้าใจแต่ทรอยก็จำเป็นต้องพูด ยังไงซะคนๆนี้ก็ตำแหน่งสูงกว่าเขา สั่งอะไรก็คงต้องทำตาม
“ก็ดีครับ เพื่อนในทีมทุกคนขยัน ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ทีมของเรามียอดขายมากกว่าทีมอื่นในบริษัทเลยครับ”
“แล้วทีมอื่น แผนกอื่นล่ะ เธอได้ไปทำความรู้จักมั้ย”
“ก็มีบ้างครับ แต่ส่วนใหญ่ผมก็อยู่แต่ในห้องของเรา เอ่อ หมายถึงห้องทำงานของทีมเรา ก็เลยไม่ค่อยเจอใคร มีตอนพักที่เจอคนอื่นบ้างตามแคนทีน แล้วก็คุยกับลุงเบนจามินที่เป็นยามบ้าง แกบอกว่าทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่หนุ่มๆ แกตลกมากเลยครับคุณเจย์ คุยสนุก แล้วก็มีป้าหัวหน้าแม่บ้านอีกคน แกชอบทำขนมแปลกๆมาฝากผมครับ แต่อร่อยทุกอย่างเลย แกเป็นคนอินเดียครับ เคยเอารูปตอนสาวๆมาโชว์ผมด้วย ป้าแกสวยมากเลยครับ หน้าคม แล้วก็….”
ทรอยที่ตอนแรกไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแต่ตอนนี้กลับพูดเจื้อยแจ้วเพลินปาก ดวงตาของทรอยเป็นประกาย ยิ่งเวลาเผลอหัวเราะหรือยิ้มยิ่งดูน่ามอง จนคนที่ยืนฟังอยู่ไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย
“เมื่อเย็นพวกผมไปนั่งกินกาแฟที่คาเฟ่ตรงข้ามบริษัทด้วยครับ มีผม โทนี่ แพททริคกับอลัน แอนนี่คงออกไปพบลูกค้า ร้านนั้นบรรยากาศดีมากเลยครับ แต่งร้านเรียบๆ โทนสีอบอุ่น มีต้นไม้เยอะ เค้กกับขนมก็เยอะ แต่ผมไม่รู้ว่าอร่อยมั้ย ผมยังไม่เคยลอง แบบว่า ไม่มีตังค์ครับ แต่เงินเดือนออกผมจะไปลอง”
“ไปด้วยได้มั้ย”
“อะไรนะครับ?”ทรอยมัวแต่พูดจนไม่ได้ฟังอีกคน
“ร้านที่เธอบอกว่าอยากไปน่ะ ไปด้วยได้มั้ย”เจย์พูดพร้อมกับยิ้มนิดๆ มือที่เคยกอดอกเปลี่ยนเป็นล้วงกระเป๋ากางเกงแทน
“เอ่อ ได้สิครับ ใครก็ไปได้ทั้งนั้นแหล่ะ”ทรอยไม่รู้ตัวว่าตนพูดเสียงเบาลง
เสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มหญิงสาวที่เดินผ่านหน้าพวกเขาไปเรียกความสนใจจากทรอยให้มองตาม พวกเธอเป็นกลุ่มเด็กสาววัยรุ่นที่สวยสะพรั่ง และแน่นอน พวกเธอทุกคนกำลังส่งสายตาเชื้อเชิญมาทางเขา ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าส่งมาให้หัวหน้าทีมของเขามากกว่า
ทรอยถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาในตอนนี้ที่ใส่ชุดนอนกับหมวกแก๊บสีแดงเปื้อนๆจะไปเทียบรัศมีของคุณเจย์ที่มีครบทุกกอย่างทั้งหน้าตาที่หล่อเหลาคมคาย ความสูงไม่ต้องเทียบเพราะเจย์สูงกว่าเขาเยอะมาก ขาก็ยาว แถมยังรวยอีกต่างหาก ในสายตาพวกเธอคงมองเห็นเจย์เป็นเทพบุตรส่วนเขาคือคนรับใช้
รู้สึกหงุดหงิด ซึ่งทรอยก็ไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไรนัก แล้วทำไมพวกเธอไม่เลิกส่งสายตามาเสียที รีบกลับบ้านไปได้แล้ว เป็นผู้หญิงยังกลับบ้านดึกขนาดนี้ พ่อแม่พวกเธอคงเหลาไม้เรียวรออยู่
ทรอยพ่นหายใจฮึดฮัดแล้วยืนกอดอก
“เป็นอะไร”เจย์ถามขึ้นเมื่ออยู่ๆก็รู้สึกเหมือนทรอยแปลกไป
“เปล่าครับ”ทรอยตอบกลับทันทีพร้อมส่งเสียงจิ๊ปากเบาๆอย่างห้ามไม่อยู่
หมาป่าอย่างเจย์แม้จะฉลาดแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเข้าใจอารมณ์แปรปรวนของมนุษย์ได้หมด เจย์สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบบุหรี่ออกมาอีกมวน
“คุณสูบเยอะมากเลย มันอร่อยเหรอครับ”อารมณ์หงุดหงิดยังไม่คลายเลยเผลอแขวะไปเบาๆ แต่เจย์ทำแค่ปรายตามองแล้วจุดไฟที่ปลายมวนบุหรี่ตามเคย
เจย์หลับตาลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้าก่อนจะพ่นควันสีขาวออกมากระจายคละคลุ้งร่วมกับไอหมอก ทรอยนึกสงสัยในใจว่าบุหรี่ที่เจย์สูบมันยี่ห้ออะไร ทำไมไม่เหม็นเลย
“อยากลองมั้ย?”เจยคีบบุหรี่ไว้ในมือก่อนจะหันมาถามด้วยรอยยิ้มที่ทรอยขอเรียกมันว่ายิ้มของพวกเพลย์บอย
“ผมไม่สูบบุหรี่”ทรอยตอบกลับทันที
“ฉันก็ไม่ได้หมายถึงบุหรี่”เจย์เอียงคอนิดๆเหมือนกำลังหยอกล้อให้ลูกแมวโมโห แต่ดวงตาที่มองทรอยนั้น ทำให้ทรอยเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่
มันร้อนแรง และจริงจัง ไม่ใช่การพูดเล่น
“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากคนตัวเล็ก
เจย์เฝ้ามองคนข้างๆไม่วางตา ทุกท่าทาง ทุกการกระทำของทรอย ไม่อาจรอดพ้นสายตาของหมาป่าได้
มือเล็กๆนั้นบีบเข้าหากัน เท้าสองข้างที่ยืนอยู่ขยับยุกยิกอยู่ไม่สุขใบหน้าหวานนั้นก้มลงมองพื้นถนนเหมือนว่าพื้นคอนกรีตนั้นน่าสนใจกว่าอะไรทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ทำให้เจย์เผลอเลียริมฝีปากอย่างห้ามไม่ได้คือแก้มเนียนๆและใบหูที่ขึ้นสีแดงชัดเจน
ถูกใจเขาชะมัด
เจย์คิดในใจ ขณะที่ร่างกายส่งกลิ่นฟีโรโมนเฉพาะตัวออกมานิดๆ
ในช่วงชีวิตนี้มีเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาควบคุมกลิ่นหอมของตนเองไม่ได้ อย่างเช่นในตอนนี้ ที่เขารู้สึกถูกใจคนตรงหน้า หรืออย่างครั้งก่อนที่เขาเขินอายเพราะคนตัวเล็กเอ่ยขอบคุณเขาหลังจากช่วยชีวิตไว้
เจย์กระตุกยิ้มในตอนที่ทรอยสูดหายใจเข้าลึกเพราะได้กลิ่นของเขา
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เสียงนาฬิกาข้อมือดังขึ้นทำลายความเงียบและช่วยฉุดทรอยให้พ้นจากภวังค์ของกลิ่นหอมน่าหลงใหล
เจย์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ก่อนจะดับบุหรี่ในมือ
“ต้องไปแล้ว”เจย์พูดสั้นๆขณะที่พยายามควบคุมตนเองไม่ให้ส่งกลิ่นหอมนั้นออกมา
“อ่อ ครับ”ทรอยมองหัวหน้าทีมที่จัดแจงเสื้อสูทตัวเองให้เรียบร้อย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว
“คุณเจย์เหมือนซินเดอเรลล่าเลยครับ”
เจย์เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนไม่เข้าใจ
“ก็พอนาฬิกาดัง เวลาเที่ยงคืน นางซินก็ต้องรีบจากเจ้าชายไป”ทรอยพูดยิ้มๆแต่นัยน์ตาดูหมองลงเล็กน้อย
“อ่อ”เจย์พยักหน้า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับนิทานเรื่องนี้เหมือนกัน
ผู้เป็นจ่าฝูงมองหน้าที่หวานกว่าผู้ชายทั่วไปของคนข้างๆแล้วตัดสินใจย่นระยะห่างให้ใกล้ขึ้น สองเท้าเดินเข้าหาคนข้างๆช้าๆ
ทรอยที่เห็นว่าเจย์เดินเข้ามาใกล้ก็ยืดตัวตรงโดยอัติโนมัติเตรียมจะถอยหนีหากแต่ถูกวงแขนแข็งแรงกักตัวไว้ไม่ให้ขยับ ฝ่ามือใหญ่ของเจย์ยันที่รถหรูโดยมีทรอยอยู่ตรงกลาง ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเกือบฟุต
ยิ่งเห็นทรอยทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เจย์ก็ยิ่งนึกอยากแกล้ง
“ฉันไม่ใช่ซินเดอเรลล่า ฉันเป็นหมาป่าที่จ้องจะกินหนูน้อยหมวกแดงต่างหาก” ไม่พูดเปล่า ดวงตาสีฟ้าหม่นจากที่จดจ้องใบหน้าหวานแกล้งมองเลื่อนขึ้นไปด้านบนซึ่งเป็นหมวกแก๊บสีแดงใบเก่าแทน
พลันสายตาของที่ทรอยแสร้งมองไปยังพื้นถนนกลับมองประสานดวงตาของหมาป่า
มันเป็นเสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างรอบกายละลายหายไป เหลือไว้แค่เรา…
เจย์เป็นฝ่ายหลับตาลงเสียเอง กลิ่นกายหอมฟุ้งพุ่งเข้าโจมตีทรอยอีกครั้ง เจย์เปิดรับสัญชาตญาณดิบของตน รับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจเต้นของอีกฝ่ายที่มันเต้นเร็วขึ้น แรงขึ้น พอๆกับหัวใจของเขาที่เต้นแรงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หมาป่าหนุ่มพยายามสะกดอารมณ์ดิบของตนเองไว้ เขาหายใจเข้าลึกหลายครั้ง แต่นั่นกลับทำให้ทุกอย่างแย่กว่าเก่า เพราะดันได้กลิ่นหอมของทรอยด้วย
“คุณเจย์ ตาคุณเปลี่ยนสี…”ทรอยพูดขึ้นอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆดวงตาสีฟ้าหม่นนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข็มชัดเจนมาก
เจย์หลับตาแน่น มือสองข้างจับที่ไหล่ของทรอยพยายามยั้งแรงตัวเองไว้จนสุดความสามารถ ไม่เช่นนั้นเขาอาจบีบไหล่ของทรอยจนระบมได้ จากนั้นจึงเลื่อนกายของทรอยให้เอนออกห่างตัวรถ
เจ้าของรถเปิดประตูรถแล้วหยิบบางอย่างออกมา เจย์เดินเข้าไปประชิดเสียจนแผ่นอกกว้างสัมผัสหลังของทรอย ดวงตาหมาป่าที่กลับมาเป็นสีฟ้าหม่นแล้วก้มมองคนตัวเล็กที่ยังยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก ก่อนจะใช้มือขวาของตนโอบไปด้านหน้าเพื่อยัดบางสิ่งใส่มือซ้ายของทรอย ทำให้ตอนนี้เหมือนทรอยถูกโอบกอดจากด้านหลัง
และนั่นยิ่งทำให้ทรอยเสียอาการยิ่งกว่าเดิม หนุ่มเอเชียยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้นเหมือนยินยอมที่ถูกสวมกอด
“ฝันดีครับ ทรอย”เจย์โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูของคนตัวเล็ก ทรอยสะดุ้งนิดๆเมื่อรู้สึกได้ว่าริมฝีปากอุ่นๆนั้นมันสัมผัสกับใบหูเขาด้วย
ทรอยไม่ตอบอะไรทั้งนั้น พอคุณเจย์คลายอ้อมกอดก็รีบวิ่งเข้าบ้านแบบไม่เสียเวลาหันมามองแม้แต่วิเดียว
ทรอยวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตน ปิดประตูล็อกกลอนเรียบร้อยแล้วนั่งลงพิงประตูห้องเหมือนหมดแรง มือเล็กๆจับเข้าที่หัวใจซึ่งมันเต้นแรงจนเกรงว่าจะหลุดออกมาจากอก
ในหัวยังวนเวียนคิดถึงแต่เสียงนุ่มๆของเจ้านาย และสิ่งที่ทำให้ทรอยหวั่นใจมากขึ้น คือเรื่องกลิ่น
ทรอยมั่นใจแล้วว่ากลิ่นหอมที่ตนรับรู้นั้นมันมาจากตัวคุณเจย์ แต่ที่แย่ไปกว่านั้น คือทรอยรู้ตัวแล้วว่าเขาแพ้กลิ่นนั้น ไม่ใช่การแพ้ธรรมดา แต่เป็นการแพ้แบบยอมจำนนให้ กลิ่นของคุณเจย์มีอิทธิพลกับร่างกายของทรอย
ส่วนอ่อนไหวที่กำลังตื่นตัวเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี
เขาแพ้กลิ่นของคุณเจย์ ไม่สิ เขาแพ้คุณเจย์ แพ้ผู้ชายคนนั้นหมดทุกทาง
“ทรอย ตั้งสติ”ไม่ใช่ว่าไม่เคยตกหลุมรัก แต่ครั้งนี้ มันมากเกินไปจนทรอยกลัวใจตัวเอง
“หยุดเลยทรอย อย่าคิด เค้าเป็นเจ้านาย มันไม่ได้ หยุดดิวะ”ทรอยทึ้งหัวตัวเองขณะที่หัวใจยังคงเต้นแรงสวนทางความตั้งใจ
ทรอยยกมือข้างซ้ายที่ถือบางอย่างอยู่ขึ้นมาดู บางอย่างที่ทำให้ทรอยรู้ตัวแล้วว่า
คงห้ามไม่ทันแล้ว
ถุงขนมสีฟ้าที่ทรอยเคยฝากโทนี่ไปให้คุณเจย์ บัดนี้มันกลับมาอยู่ในมือเขา เพียงแต่ในนั้นไม่มีขนมอยู่และด้านหน้าของถุง มีรอยปากกาหมึกซึมเขียนด้วยลายมือที่ทรอยจำได้ทันทีว่าเป็นของคุณเจย์
Thank.
ให้ตายสิ เขากำลังเขินตัวหนังสือสั้นๆแค่นี้เหรอ
ทรอยจ้องมองถุงขนมสีฟ้าในมือพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจ วางมันไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือ จากนั้นทรอยก็วิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง เพื่อไปหยิบเครื่องเล่นดีวีดีอันเก่าซึ่งตั้งอยู่ในห้องรับแขก แล้ววิ่งกลับมาห้องนอนของตน ไม่สนใจเสียงตะโกนของแม่ที่ห้ามไม่ให้ทรอยวิ่งขึ้นลงบันได
ทรอยจัดแจงต่อเครื่องเล่นดีวีดีกับลำโพงขนาดกลางที่เขาไม่ได้ใช้นานแล้วและหวังว่ามันจะยังไม่เสีย จากนั้นก็ยัดแผ่นดีวีดีกลมๆซึ่งเป็นของแม่ใส่ลงไปในเครื่องแล้วกดเล่นเพลง
ทรอยกระโดดขึ้นเตียงแล้วนอนคว่ำเอาหน้าซุกหมอขณะที่เสียงเพลงดังขึ้น
ตอนนี้ทรอยไม่แน่ใจแล้วว่า การที่เขานอนฟังเพลงรักที่ตัวเองเคยเกลียด กับการที่เขายิ้มเขินให้ถุงขนมสีฟ้า อะไรมันบ้ากว่ากัน