The Wolf and Beauty มนุษย์หมาป่า มันเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก ไม่ใช่เหรอ?
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Wolf and Beauty มนุษย์หมาป่า มันเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก ไม่ใช่เหรอ?  (อ่าน 4447 ครั้ง)

ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

12

ผู้เป็นจ่าฝูงจ้องหน้าประสานสายตากับผู้ชายที่ต่อจากนี้ เขาจะเรียกมันว่า ไอ้เวร

จากเดิมที่เขานั่งโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ ตอนนี้กลับเอนหลังพิงโซฟายกมือขึ้นกอดอก แล้วตวัดเท้านั่งไขว้ห้างแทน ดวงตาสีฟ้าหม่นแปรเปลี่ยนให้เข้มขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ขุ่นมัว เจย์เกลียดที่สุดคือการที่มีคนมาสู้สายตากับเขาเหมือนท้าทาย และไอ้เวรนี่ก็กำลังทำอยู่

หมาป่าหนุ่มพินิจมองใบหน้าที่จัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีสไตล์จีน มองจากศีรษะ จากนั้นก็มองกวาดไล่ลงมาที่ปลายเท้าแล้ววกกลับไปมองหน้าอีกครั้ง มุมปากของเจย์กระตุกยิ้มเพียงนิดเมื่อเห็นว่าคนที่ถูกเขามองเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้ามีอาการไม่พอใจ

“อ่อ คุณเจย์คะนี่หลง เอ่อ แฮปปี้เป็นเพื่อนของทรอยค่ะ หลงนี่เจ้านายของทรอย” แม่ของทรอยหลังจากนึกขึ้นได้ว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย ก็รีบแนะนำให้สองฝ่ายรู้จักกัน

“ยินดีที่ได้รู้จัก” หลงพูดตามมารยาท เพราะเห็นว่าเป็นเจ้านายของทรอย รู้สึกไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น ยิ่งตอนนี้ที่เจ้านายของทรอยเมินคำพูดทักทายของเขาแล้วหันกลับไปมองทรอยแทน หลงก็ยิ่งรู้สึกเกลียดในความเสียมารยาทของชายคนนี้

จากตอนแรกที่ยังจ้องหน้ากัน มาจนตอนนี้ ชายคนนี้แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการผูกมิตรกับเขา และสายตาที่เย่อหยิ่งนั้นทำให้หลงกำหมัดแน่น มันเหมือนเขากำลังถูกสบประมาท ถูกดูแคลนอย่างที่ในชีวิตนี้ไม่เคยโดนมาก่อน

“คุณเจย์ ไปเจอทรอยได้ยังไงคะ” แม่ของทรอยถามขึ้น

“ทรอยโทรหาผม บอกว่าหลงทาง ผมเลยไปรับครับ” เจย์ตอบเสียงเรียบ นัยน์ตากกลับมาเป็นสีฟ้าหม่นเช่นเดิม

“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าทรอยอยู่ตรงไหน” หลงเอ่ยขัด แล้วก็ต้องขบกรามแน่นเมื่อเจ้านายของทรอยทำเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด อันที่จริง หมอนี่ทำเหมือนกับหลงเป็นอากาศธาตุเลยก็ว่าได้

“เอาไว้ถามทรอยตอนเขาตื่นเถอะครับ พรุ่งนี้ผมจะลางานให้ แล้วก็เรื่องค่ารักษา ผมจัดการให้แล้ววันนี้คงต้องขอตัว ผมมีธุระ” เจย์พูดรวบรัดตัดความเพื่อไม่ให้ใครถามอะไรเขาต่อ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนซึ่งนั่นทำให้หลงหงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า เพราะไอ้หมอนี่สูงกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด

“ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อ” หลงถามเสียงเบาลงเพราะไม่ต้องการให้แม่ของทรอยได้ยิน

เจ้านายของทรอยเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เบายิ่งกว่าหลงเสียอีก

“เสือก”

“ว่าไงนะ!” หลงเดือดจัดใบหน้าขึ้นสีแดงเข้ม โมโหจนควันแทบจะออกหู แม่ของทรอยรีบหันมาดูก็พบว่าทั้งสองกำลังจ้องหน้ากันนิ่งเหมือนกับจะมีเรื่อง ก่อนที่เธอจะทันห้าม คุณเจย์ก็หันมาก็ก้มหัวให้เธอเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป

หลงถอนหายใจหงุดหงิดหลายครั้ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่เขาจึงได้แต่ข่มความโมโหไว้ แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้คนเจ็บที่นอนหลับอยู่ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพียงนิดเมื่อได้มองใบหน้าของทรอยที่ตอนนี้มันนิ่งสงบราวกับเจ้าชายนิทรา

“เธอกลับไปก่อนก็ได้นะ นี่มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวน้าดูทรอยเองค่ะ” แม่ของทรอยไล่แขกอย่างสุภาพ เพราะเวลานี้ เธออยากอยู่กับลูกชายเพียงลำพัง หลงหน้าเสียไปเล็กน้อยแต่ก็ยอมเอ่ยลาและบอกว่าพรุ่งนี้จะเข้ามาเยี่ยมทรอยใหม่

เธอจ้องมองลูกชายที่หลับลึกอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลเอกชนราคาแพง นึกใจหายที่ทรอยต้องมาเจ็บตัวจนเข้าโรงพยาบาลอีก เพราะเมื่อตอนเด็ก ทรอยร่างกายไม่แข็งแรงจนต้องเข้ารักษาบ่อยๆ แต่หลังจากนั้น สุขภาพของทรอยก็ดีขึ้นแทบไม่เคยเจ็บป่วยอะไรอีกเลย

“แม่รักลูกนะ ทรอย” เธอลูบใบหน้าของลุกชายแผ่วเบา น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อมองเห็นความคล้ายกันของทรอยและผู้เป็นสามี

ผู้เป็นสามีและพ่อของทรอยได้ทิ้งเราสองแม่ลูกไป หากต้องสูญเสียทรอยไปอีกคน ใจของเธอคงจะรับไม่ไหวแล้ว





เจย์ถอนหายใจขณะอยู่ในลิฟต์กับนางพยาบาลที่จัดได้ว่าสวยมากคนหนึ่ง

เขาหงุดหงิดเพราะตนนั้นไม่ได้พกบุหรี่มาด้วย มือสองข้างยกขึ้นกอดอกแล้วมองตรงไปข้างหน้า เห็นว่า ไอ้เวร ที่รู้จักทรอยกำลังเดินมาทางเขา มันวิ่งเหยาะๆ เหมือนต้องการจะเข้ามาในลิฟต์

เจย์กดปิดประตูลิฟต์ทันที

เขาได้ยินเสียงอุทานเบาๆ จากนางพยาบาลที่อยู่ร่วมลิฟต์ เธอคงตกใจที่เห็นเขาชิงปิดประตูไม่ต้อนรับให้ใครเข้ามา เขาหันไปมองเธอแล้วยกยิ้มให้เล็กน้อย เธอหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นหน้าเขาชัดๆ

เจย์เลือกที่จะหันกลับไปมองประตูลิฟต์ที่ปิดสนิทเพื่อทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ชายหนุ่มที่ดีย่อมต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัวว่าถูกสาวสวยแอบมองรูปร่างเขาอยู่

เจย์ยกแขนขึ้นกอดอกพลางคิดถึงเรื่องเมื่อครู่

ไอ้เวรนั่น ชอบทรอย เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย แววตาของมันแสดงออกชัดเจนว่าห่วงใยทรอย แต่ทว่าเจย์กลับไม่รู้สึกอะไร เขาไม่จำเป็นต้องลดตัวเองไปสู้กับคนที่เทียบเขาไม่ได้ ต้องเรียกว่า ไม่อยู่ในสายตาเขาด้วยซ้ำ

หลังจากประเมินแล้วว่า ไอ้เวรนั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขา เจย์ก็เลิกให้ความสนใจ ตอนนี้เขาอารมณ์ดีเกินกว่าจะใส่ใจคนที่มองยังไงก็เทียบเขาไม่ติด

“คุณมีแผลด้วย ให้ฉันล้างแผลให้นะคะ ที่ห้องของฉันมีอุปกรณ์ทำแผลอย่างดีเลย” เสียงใสๆ จากหญิงสาวข้างตัวทำให้เจย์หันไปมอง เขามองรอยแผลตรงหน้าอกและไหล่ จะเรียกว่ารอยแผลก็ไม่ได้เพราะมันเหมือนรอยเล็บเล็กๆ มากกว่า แต่พอมองแววตาของเธอบวกกับรอยยิ้มเชิญชวน เจย์ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ได้ชวนเขาไปทำแผลหรอก เธออยากจะสร้างรอยแผลฝากไว้บนหลังของเขาต่างหาก

เจย์ยิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปด้วยประโยคสั้นๆ ภาษาฝรั่งเศส ให้เหมือนกับว่า เขาฟังที่เธอพูดไม่ออก อย่างน้อย เจย์ก็คิดว่านี่เป็นการปฏิเสธที่ดีที่สุดแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องเสียหน้าที่เขาไม่รับคำชวนของเธอ

เจย์ขับรถที่ยืมมาออกจากโรงพยาบาลแล้วตรงไปยังโรงแรมWทันที

ชั้นบนสุดของหนึ่งในโรงแรมที่เจย์เป็นเจ้าของ ผู้ที่ได้รับอนุญาตมีเพียงพวกพ้องของเขาเท่านั้น

“แอนนี่เป็นยังไงบ้าง” เจย์เปิดประตูห้องขนาดใหญ่ที่มีโทนี่ แพททริคและอลัน นั่งกันอยู่ ส่วนแอนนี่ ตัวเมียคนเดียวในฝูงถูกแยกออกไปพักในห้องพักพิเศษที่มีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาโดยพวกเขาเอง ช่วงนี้เธอกำลังอยู่ในช่วงอันตราย แอนนี่ติดสัตว์ เธอกกำลังฮีท ซึ่งเป็นอาการของตัวเมียที่ห้ามไม่ได้ เจย์จึงต้องคอยดูแลไม่ให้มีหมาป่าตัวไหนเข้ามาล่วงล้ำเธอ

ปกติแล้วหากเป็นช่วงที่อ่อนไหวแบบนี้ เจย์จะให้เธออยู่ใกล้ๆ เขาเพื่อปกป้องแทบจะตลอดเวลา เขาจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด แอนนี่เป็นเหมือนน้องสาวของทุกคนในฝูง และพวกเราได้ฝึกฝนตัวเองให้สามารถข่มสัญชาตญาณสัตว์ป่าไร้สามัญสำนึกได้ แอนนี่จึงปลอดภัยเมื่ออยู่กับพวกเราแต่กับหมาป่าตัวอื่น พวกหมาป่าทั่วไปไม่คู่ควรที่จะผสมพันธุ์กับเธอ

แต่บางครั้ง อากการฮีทก็รุนแรงมาก มากจนเขาสงสาร จึงต้องมีมาตรการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับอาการของเธอหากเธอทนไม่ไหว หมาป่าตัวผู้ที่เขาคัดเลือกมาอย่างดีเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ช่วยเธอได้ และแน่นอนว่าต้องไม่ทำให้เธอท้อง ทุกอย่างเป็นเพียงการซื้อบริการเท่านั้น

“ให้กินยาหลับไปแล้ว” โทนี่เป็นคนตอบ เจย์จับบรรยากาศในห้องได้ว่ามันดูอึดอัด เขามองตาอลันที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ อลันกรอกตาไปทางโทนี่และแพททริคที่ยั่งอยู่คนละมุมห้อง

ทะเลาะกันอีกแล้ว

เจย์คิดในใจและเลือกที่จะปล่อยผ่านไป การทะเลาะกันของโทนี่และแพททริคนั้นเป็นเรื่องปกติของฝูงเขาเสียแล้ว ผู้เป็นจ่าฝูงเดินไปยังตู้นิรภัยขนาดเท่าตู้เย็น เมื่อเปิดเข้าไปข้างในมีขวดยามากมายวางอยู่ เจย์หยิบกล่องที่วางอยู่มุมขวาของเซฟ ในนั้นมีบุหรี่อยู่ไม่ถึงยี่สิบมวน

“พรุ่งนี้นายไปเอายาให้ฉันด้วย โทนี่” เจย์ออกคำสั่งซึ่งโทนี่ก็พยักหน้ารับแล้วก้มหน้าอ่านนิตยาสารในมือต่อ

“ไปหาทรอยมาเหรอครับ” อลันที่นั่งเล่นเกมส์ถามขึ้น นึกโล่งใจเมื่อมองหน้าจ่าฝูงที่ไม่มีวี่แววของความเกรี้ยวกราด หนำซ้ำเจย์ยังดูอารมณ์ดีอีกด้วย คงไม่ได้ไปตีทรอยหรอกมั้ง

“มีเรื่องให้พวกนายทำ ตอนนี้ทรอยอยู่ในโรงพยาบาล” เจย์พ่นควันบุหรี่แล้วจึงพูดต่อ

“ทรอยถูกจาเร็ดล่อไป มันกับพวกของมันแอบล่ามนุษย์” ทั้งสามคนดูตกใจและโกรธเกรี้ยว

“ไอ้หมาขี้เรื้อนนั่น” แพททริคสบถด่า ส่วนโทนี่ก็ปิดหนังสือในมือลงทันที

“ทรอยเป็นยังไงบ้างครับ” โทนี่ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะตนนั้นสนิทกับทรอยมากพอที่จะกล้าเรียกว่าเพื่อนได้

“เจ็บนิดหน่อย ตอนนี้ปลอดภัย”

“จะให้ทำยังไงกับพวกมันครับ” อลันหมายถึงพวกของจาเร็ด แต่เจย์กลับส่ายหัวแล้วอัดบุหรี่ที่มีส่วนผสมพิเศษเข้าปอด

“ฉันจัดการหมดแล้ว พรุ่งนี้ นายกับแพททริคเอารถที่ไปคืนเจ้าของรถ” เจย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดส่งแผนที่ตำแหน่งจีพีเอชของร้านมินิมาร์ทนั้นให้กับแพททริคและอลัน

“รถมอเตอไซต์ของนายอยู่ที่นั่น แล้วก็ ไปตีสนิทเจ้าของร้านมินิมาร์ท เอาข้อมูลทุกอย่างมาให้หมด อะไรก็ได้ที่น่าสงสัย มันเป็นหมาเฝ้าต้นทางอยู่นอกเมือง น่าจะรู้อะไรดีๆ บ้าง” เจย์ทิ้งก้นบุหรี่ลงในถังขยะ แล้วหยิบมวนใหม่ขึ้นมาสูบต่อ

“ครับ” อลันและแพททริครับคำสั่งและตีความได้ว่า คำว่าตีสนิทของเจย์นั้นหมายถึงการไปข่มขู่ข่มขวัญ

“ผมไปเยี่ยมทรอยได้มั้ย พรุ่งนี้” โทนี่ขออนุญาต

“นาย แอนนี่ พรุ่งนี้ไปกับฉัน ไปเอายาแล้วค่อยไปเยี่ยมทรอย ส่วนคืนนี้ อลันไปนอนห้องตรงข้ามกับแอนนี่ แพททริคกับโทนี่ นอนห้องนี้” เจย์รวบรัด เขาเห็นโทนี่กับแพททริคมองหน้ากันเหมือนอยากจะอ้าปากด่าแล้วต่างคนต่างก็หันไปมองอย่างอื่นแทน

“พรุ่งนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทเหรอครับ” อลันยืนขึ้นเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า พอเห็นว่าเจย์ส่ายหน้าก็ผงกหัวแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป

พวกนายสองคน อย่ากัดกัน เข้าใจมั้ย” เจย์มองหน้าทั้งแพททริคและโทนี่เพื่อบอกให้รู้ว่าหากทั้งคู่กัดกัน เขาลงโทษแบบเอาจริงแน่

ผู้เป็นจ่าฝูงเดินไปยังห้องนอนส่วนตัวของตนบ้าง ภายในห้องนั้นกว้างขวางเป็นพิเศษ เจย์ถอดกางเกงออกแล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำ

น้ำร้อนจากฝักบัวสาดลงมาที่กาย รอยเลือดและคราบฝุ่นดินไหลออกจากร่างลงไปยังพื้น เจย์ทำความสะอาดร่างกายตามแบบฉบับของมนุษย์ เขาปล่อยให้น้ำที่อุ่นจัดจนแทบจะเรียกว่าน้ำร้อนเทลงมาบนศีรษะ ปล่อยให้สายน้ำช่วยดับความกระหายในกาย

มันนานมากแล้วที่ไม่ได้ลงสนามต่อสู้ ความกระหายอยากปลดปล่อยสัญชาตญาณของหมาป่าพุ่งพล่านขึ้นมาจนเจย์แทบจะคุมสติไม่อยู่

เขากระหายการล่า เขากระหายเลือด

เมื่อรู้ตัวว่าความดิบเถื่อนแล่นเข้ามาคลุมกาย เจย์รีบปิดน้ำจากฝักบัวแล้วเดินออกจากห้องน้ำโดยเร็ว มือหนาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วข่มความเป็นตัวตนเอาไว้

ตัวยาในมวนบุหรี่ช่วยกดความเป็นหมาป่าของเจย์เอาไว้ สายพันธุ์โบราณอย่างเขานั้นแข็งแกร่งในด้านพละกำลังและการตอบสนองมากกว่าหมาป่าสายพันธุ์ไหนแต่ข้อเสียของมันก็คือ เขาจะมีสัญชาตญาณของหมาป่ามากกว่าสายพันธุ์อื่น หากไม่ควบคุมให้ดี สามัญสำนึกจะถูกความเป็นสัตว์ป่าครอบงำ ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์

เจย์มองตัวเองในกระจก ดวงตาสีฟ้าหม่นมองตอบกลับมา

ร่างมนุษย์ของเขานั้นคือชายที่สมบูรณ์แบบ ทุกส่วนบนกายสร้างสรรค์ให้สวยงามเพื่อดึงดูดผู้อื่น มนุษย์ผู้หญิงต่างชื่นชมอยากครอบครองเขา ส่วนมนุษย์หมาป่าตัวเมีย ต่างก็อยากผสมพันธุ์กับเขา

แต่หากใครได้เห็นร่างสุนัขหมาป่าของเขา ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าช่างน่ากลัวราวกับปิศาจ เป็นผีร้ายในแดนมนุษย์

เขา…สวยมากเลยครับ ผมยังไม่เคยเห็นอะไรที่สวยงามขนาดนั้นมาก่อน…

เจย์แทบไม่รู้ตัวเลยว่าตนกำลังยิ้มกว้าง

ช่างไร้เดียงสา ผู้เป็นจ่าฝูงหวนคิดถึงใบหน้าดื้อรั้นของทรอย ที่บางครั้งก็เย่อหยิ่ง บางคราวก็สดใสจนเขาแสบตา

เจย์ยังคงจ้องมองเงาร่างของตนเองในกระจก ผมสีวอลนัทเปียกชุ่ม หยาดน้ำเกาะตามผิวกายขาวสว่าง กล้ามเนื้ออกและช่วงท้องมันขึ้นรูปทรงแข็งแรงเพราะเขาออกกำลังกายเป็นประจำ เจย์เป็นคนหล่อที่รู้ตัวว่าตนนั้นงดงาม เขามั่นใจว่าเสน่ห์ของเขาทำให้เหยื่อคลั่งได้เสมอ

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เหยื่อทำให้เขาเป็นฝ่ายคลั่ง

เจย์มองรอยเล็บของทรอยที่ปรากฏอยู่บริเวณหน้าอกและไหล่ ตอนนี้มันรอยที่โดนจิกแทบจะจางหายไปแล้วเพราะร่างกายของพวกเขา รักษาฟื้นฟูตัวเองได้เร็วกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก

เจย์ใช้นิ้วของตนสัมผัสที่รอยแผลเล็กๆ อย่างเผลอไผล ความแข็งแกร่งกลางลำตัวชูชันขึ้นเมื่อในหัวจินตนาการถึงเจ้าของรอยข่วนนี้

เจย์กระตุกยิ้มมองเงาสะท้อนของตนเอง พลางคิดถึงภาพที่ปลุกเร้าแรงอารมณ์

หากเขาได้ทรอยมาอยู่ใต้ร่าง ทรอยจะฝังรอยเล็บลงไปบนแผ่นหลังของเขาไหม…

ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0


ทรอยลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงและเบลอเล็กน้อย เพราะฤทธิ์จากยาคลายเครียดบวกยาแก้ปวดยังคงทิ้งค้างไว้ ทรอยได้ยินเสียงกดชักโครกดังมาจากห้องน้ำไม่กี่นาทีต่อมา แม่ของเขาก็เดินออกมา

“เป็นไงบ้างลูก” แม่ของเขาถามไถ่พร้อมกับเดินมารินน้ำเปล่าใส่แก้วน้ำของโรงพยาบาลจากนั้นจึงยื่นให้ทรอย

“มึนๆ ครับ” ทรอยยอมรับ เขาหาวออกมาหลายครั้งจนน้ำตาซึมจากหางตาเล็กน้อย ทรอยขยับก้าวลงจากเตียงด้วยความระมัดระวัง แผลที่ขาของเขามีอาการตึงและปวดนิดๆ ทรอยจึงต้องให้แม่คอยพยุงเพื่อพาเขาไปเข้าห้องน้ำ

เมื่อจัดการธุระส่วนตัวและล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย ก็มีพยาบาลเข้ามาตรวจอาการ ทรอยบอกเธอว่าต้องการกลับบ้าน แต่เธอรีบปฏิเสธเพราะต้องให้นายแพทย์เป็นผู้อนุญาตเท่านั้น ทรอยจึงได้แต่นั่งพิงหลังบนเตียงผู้ป่วยโดยที่ตามองไปยังโทรทัศน์ที่เปิดฉายรายการข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่องดัง แต่สมาธิกลับเหม่อลอยคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้แทน

“แล้วทำไมลูกถึงไปโดนหมากัดได้ล่ะ” แม่ถามทรอยด้วยความสงสัย

“ก็…ผมทำเฮกเตอร์หลุดมือ น้องเลยวิ่งเตลิดไป ผมวิ่งตามแล้วเราก็หลงไปเจอหมาป่าครับ ก็เลยโดนกัด แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แม่ไม่ต้องห่วง” ทรอยฉีกยิ้มสดใส แต่แม่ก็ดูออกว่าเป็นการเสแสร้ง ทรอยไม่อยากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้แม่ฟัง หากแม่รู้ว่าเขาเจออะไรมาบ้างแม่จะต้องวิตกกังวลจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่

“วันนี้แม่ไม่ได้ทำงานเหรอครับ” ทรอยพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“แม่ลาแล้ว วันนี้จะอยู่กับทรอย ว่าแต่ เฮกเตอร์ล่ะเป็นยังไงบ้าง” เธอพูดพร้อมกับหาวนิดๆ

“คุณเจย์ให้สัตว์แพทย์ที่รู้จักเอาไปรักษาครับ คงไม่เป็นไร”

“เจ้านายของลูกนี่ ใจดีมากเลยนะ” แม่ของทรอยพูดพร้อมพยักหน้านิดๆ

“ก็…ครับ” ทรอยตอบรับแล้วนึกถึงหน้าคนที่แม่เขาชม ตอนนี้คุณเจย์คงทำงานอยู่ แล้ววันนี้จะมาเยี่ยมเค้ามั้ย คงไม่มาหรอกมั้ง คุณเจย์งานยุ่งจะตาย เขาก็แค่ลูกน้องในทีมเท่านั้นคงไม่เสียเวลามาหาหรอก ป่านนี้คงอยู่กับแอนนี่ แต่โทนี่น่าจะมาเยี่ยมแน่ แต่…คุณเจย์อาจจะมาก็ได้ เพราะบอกไว้ว่าจะจัดการเรื่องค่ารักษาของเขานี่

“เค้าเอ็นดูลูกมากเลยนะ แม่ล่ะโล่งใจที่เค้าใจดีกับทรอย”

“ห๊ะ อะไรครับแม่ คิดไปเองแล้วครับคุณนาย” ทรอยยิ้มเจื่อนพร้อมหัวเราะแห้งทั้งที่ไม่มีอะไรน่าขำ

“จริงๆ นะ แม่เห็นตอนเค้าแอบมองทรอย เหมือนมองลูกหมาเลย แบบอยากลูบหัว” แม่ของทรอยยังคงยืนยัน แต่ทรอยกับทำเป็นไม่ได้ยินซะ ลูกหมาเหรอ คุณเจย์เนี่ยนะ ไม่มีทาง

“แม่หาข้าวกินก่อนก็ได้นะครับ” ทรอยตัดสินใจชวนคุยเรื่องอื่นแทน

“แม่ว่าจะกลับบ้านก่อน จะไปเอาเสื้อผ้ากับของใช้ เมื่อคืนแม่รีบมาหาทรอยจนลืมหยิบติดมา ไปไม่นานหรอก ลูกอยู่คนเดียวก่อนได้มั้ย”

“ได้ครับ” ทรอยพยักหน้ารับ

“เดี๋ยวครับแม่!” ทรอยตะโกนเรียกทันก่อนที่แม่จะออกจากห้องไป

“อะไรเหรอ”

“แม่ช่วยหากระดาษกับดินสอให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”

“ตอนนี้เหรอ”

“ใช่ครับ ผมอยากได้จริงๆ” ทรอยทำหน้าตาอ้อนวอนจนแม่ยอมใจอ่อนออกไปขอยืมกระดาษขาว1แผ่น ดินสอกดและนางพยาบาลยังใจดีให้ยืมสีไม้มาอีกด้วย

ทรอยจดจ้องแผ่นกระดาษในมือ ก่อนจะร่างดินสอสีลงไปด้วยน้ำหนักที่เบามือมากที่สุดเพราะแผ่นกระดาษมันวางอยู่บนที่นอนซึ่งไม่มีกระดานรอง หากกดน้ำหนักมากไปกระดาษอาจทะลุได้

ทรอยหลับตาหลายครั้งเพื่อนึกถึงสิ่งที่อยู่ในหัว มือที่จับดินสอยังคงร่างภาพไปเรื่อยๆ ทีละนิด หากแต่สมาธิกลับต้องแตกกระเจิงเมื่อประตูห้องถูกเปิดพรวดเข้ามาโดยไม่มีเสียงเคาะ

ทรอยสะดุ้งพร้อมกับแอบสบถเบาๆ เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดจัดหวะเวลาวาดรูป

ชายหนุ่มชาวจีนก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ในมือหอบช่อดอกทานตะวันสีเหลืองสดใสมาด้วย

“เป็นไงบ้างทรอย” หลงก้าวเข้าไปหาจนชิดขอบเตียง แอบสังเกตเห็นว่าทรอยหน้าบึ้งจึงคิดว่าน่าจะเจ็บแผล

“ก็ ดีครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ทรอยทำหน้าไม่ถูกเมื่อช่อดอกไม้นั้นถูกยื่นมาให้เขา ทรอยรับมันมาแล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนจะวางเอาไว้ที่โต๊ะใกล้เตียง

“พี่ตกใจมากเลย เมื่อคืนอยู่ๆ นายก็หายไป พี่ขับรถหาตั้งนานก็ไม่เจอ เป็นห่วงแทบแย่”

“อ่อ ขอโทษครับ เฮกเตอร์มันวิ่งหนีผมเลยวิ่งตามมันไป แล้วก็ไปถูกหมากัดมา”

“หมาจรจัดเหรอ”

“หมาป่าครับ” ทรอยส่ายหน้า รู้สึกอึดอัดนิดๆ ที่หลงทำหน้าเหมือนเป็นห่วงเป็นใยเขามากมายเกินพอดี

“โชคดีแล้วที่ไม่เป็นไรมาก แล้วทำไมไม่โทรหาพี่ ไปโทรหาไอ้…โทรหาเจ้านายทำไม เขาอาจมาช่วยไม่ทัน”

“ผมไม่มีเบอร์พี่ ผมมีแต่เบอร์เขา”

“ทำไมมีแต่เบอร์มันล่ะ” หลงถามกลับทันทีแล้วก็ต้องหน้าเสียเมื่อทรอยทำหน้าเหมือนไม่อยากจะตอบ

“แล้วทำไมพี่แต่งตัวแบบนี้อ่ะ” ทรอยเปลี่ยนเรื่องขณะสายตากวาดมองคนที่มาเยี่ยมซึ่งปกติแล้วจะไม่แต่งตัวแบบนี้ วันนี้พี่หลงใส่แว่นตาเลนส์ใส เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็ค แต่งตัวคล้ายนักธุรกิจ

“อ่อ พี่มีประชุมน่ะ แต่แวะมาหานายก่อน เพราะไม่รู้งานจะเสร็จเมื่อไร” หลงยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน ตัวเขาเองก็ไม่ชินที่ต้องแต่งตัวแบบนี้เหมือนกัน แต่วันนี้ที่บริษัทมีประชุมสำคัญ พ่อเลยบังคับให้แต่งตัวให้สมกับที่จะเข้ามาบริหารธุรกิจต่อ

“พี่ไปทำงานเลยก็ได้นะ ผมไม่ได้เป็นไรมากหรอก” ทรอยเอ่ยอย่างเกรงใจ เกือบลืมเสียสนิทว่าหลงต้องรับช่วงต่อธุรกิจของที่บ้าน

“เดี๋ยวเลิกงานพี่จะมาอีกที เป็นห่วงนายมากนะ” ไม่พูดเปล่า หลงยกมือขึ้นลูบหัวทรอยเบาๆ

“ขอบคุณครับ” ทรอยยิ้มให้นิดๆ สายตามองตามหลังพี่หลงที่กำลังเดินไปที่ประตู อยู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว เหมือนตอนที่เขาเลือกหยิบคุกกี้เสี่ยงทายในจาน

“หมาป่าที่ผมเจอเมื่อคืน เป็นหมาป่ายักษ์ครับ”

“หมาป่ายักษ์เหรอ?” หลงทำหน้างง

“ครับ ตัวใหญ่มาก ใหญ่กว่ารถยนต์อีกครับ” ทรอยสังเกตมองหลงที่ทำหน้าไม่เข้าใจ

“ใหญ่กว่ารถยนต์อีกเหรอ ไม่น่าจะมีหมาป่าพันธ์ไหนใหญ่ขนาดนั้นนะ”

“นั่นสิครับ ผมก็คิดแบบนั้น แต่เป็นหมาป่าแน่ๆ ครับ พี่หลงคิดว่าไง”

“อืม…ไม่รู้สิ พี่จะลองหาข้อมูลดู แต่ไม่น่าจะมีหรอกนายคงคิดไปเอง หรือไม่ก็เพราะความเครียดเลยเห็นภาพหลอน”

“นั่นสิครับ บางทีผมอาจจะคิดไปเอง” ทรอยยกยิ้มแต่ดวงตานั้นดูว่างเปล่า เมื่อพี่หลงออกจากห้องไป ทรอยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่นึกอยากเขกหัวตัวเองที่เล่าให้หลงฟัง ดูก็รู้ว่าหลงคิดว่าเขานั้นเพ้อเจ้อ

แต่เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง

ทรอยจับดินสอแล้วลงมือวาดอีกครั้ง นึกดีใจที่ฝีมือการวาดรูปของเขาไม่ได้ถดถอยลง พรสวรรค์ในด้านศิลปะของเขายังคงอยู่ แต่คงต้องยกความดีให้กับโรงเรียนสอนศิลปะชื่อดังด้วยที่ขัดเกลาฝีมือเขาจนได้ทักษะด้านนี้มามากมาย

ทรอยวาดโครงร่างสรีระของสุนัขไว้คร่าวๆ จากนั้นจึงค่อยๆ เติมผิวหนังและเส้นขนทีละนิด เขาหลับตาหลายครั้งเพื่อระลึกความทรงจำเมื่อคืนที่มันเริ่มจะเลือนหายไปบ้างแต่ก็ยังถือว่าชัดเจนอยู่

ทรอยจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า พยายามเค้นภาพความน่าเกรงขามที่แสนสง่างามซึ่งเขาได้พานพบเมื่อคืน เพื่อถ่ายทอดลงไปบนกระดาษแผ่นบางให้ใกล้เคียงมากที่สุด เพราะกลัวเหลือเกินว่าเวลาที่ผ่านพ้นจะลบเลือนความประทับใจที่ฝังอยู่ในหัว หากเป็นเช่นนั้นเขาคงนึกเสียดายไปชั่วชีวิต

กว่าจะวาดเสร็จสมใจ ก็ใช้เวลาพักใหญ่แต่ผลงานที่ออกมาก็คุ้มค่าจนทรอยเผลอยิ้มกว้างเมื่อมองภาพในมือ

สุนัขหมาป่าร่างยักษ์ ขนสีดำขลับกลืนกับสีของรัตติกาล แต่ดวงตาสีน้ำเงินนั้นแวววาวสะท้อนสู้แสงจันทร์ดูงดงามเหมือนอัญมณีมีค่าที่ทุกคนอยากครอบครอง

เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นใกล้ตัว เรียกความสนใจจากทรอยให้ละจากกระดาษในมือ เป็นข้อความจากเพื่อนร่วมงานที่เขาสนิทที่สุดนั่นเอง โทนี่บอกว่าอีกสักพักจะเข้ามาหา ทรอยจึงส่งข้อความตอบกลับไปว่าอยากกินแอปเปิ้ลซื้อมาฝากด้วย

อีกด้านของเมืองซึ่งเป็นสถานที่ที่คนทั่วไปไม่อยากเข้ามาเยือน เพราะที่นี่คือย่านค้าขายของพิเศษหลายอย่าง เช่นของอันตรายที่หาซื้อทั่วไปไม่ได้ ตลาดมืดMSSp

รถยนต์เชฟโรเลตสีดำขับเคลื่อนมาหยุดอยู่หน้าตึกเก่าๆ ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับการแสดงมายากล

“คุยกับใคร แพททริคเหรอ” แอนนี่ หญิงสาวคนเดียวในรถยื่นหน้ามาถามพี่ชายฝาแฝดที่นั่งตรงเบาะข้างคนขับ

“คุยกับทรอย หมอนั่นบอกว่าอยากกินแอปเปิ้ล” โทนี่พูดขณะกดส่งข้อความตอบกลับไปให้ทรอย

“แวะซื้อได้มั้ยคะ” คราวนี้แอนนี่หันไปถามคนขับรถบ้าง

“ได้ เธอกับโทนี่ลงไปซื้อยา ฉันจะรอในรถ” เจย์ที่เป็นผู้ขับพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมากดโทรออกบ้าง

“ไป แอนนี่” โทนี่พยักหน้าเรียกน้องสาวฝาแฝด แต่แอนนี่บอกว่าขอเติมลิปก่อน โทนี่จึงเดินเข้าไปในร้านคนเดียว

ภายในร้านนั้นต้องเรียกว่าแออันยัดเยียดไปด้วยอุปกรณ์มายากลมากมายที่วางไม่เป้นระเบียบ ไฟในร้านเป็นสีส้มสลัว ดูมืดเกินกว่าจะเป็นร้านขายของ โทนี่ก้าวเข้าไปหาหญิงชราที่แต่งตัวคล้ายคนอินเดียวแดงซึ่งนั่งอยู่หลังเคาเตอร์ไม้เก่าๆ

“ผมมาเอายาที่สั่งไว้ครับ” โทนี่ยิ้มให้เธอแล้วยื่นกระดาษใบเล็กที่เป็นรายการสั่งของให้ เธอรับมันไปดูแล้วมองหน้าโทนี่

“เอ๊ะ เธอไม่ใช่ผู้หญิงเหรอ ปกติเธอเป็นผู้หญิงนี่” หญิงชราหลี่ตาแล้วเพ่งมองหน้าโทนี่อยู่อย่างนั้นโดยไม่สนว่ามันคือการเสียมารยาท เสียงเปิดประตูดังอีกครั้ง หญิงชราเจ้าของร้านเหลือบตาไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่คุ้นหน้าก็อ้าปากหวอแล้วหุบลง

“อ๋อ ฝาแฝดอีกแล้วเร๊อะ! พวกหมาป่าขยันออกลูกแฝดกันยั้วเยี้ย!” หญิงชราทำหน้ามุ่ยอย่างที่เคยชิน ซึ่งโทนี่และแอนนี่ได้แต่แอบส่งยิ้มให้กันไม่คิดถือสาคำพูดของหมาป่าแก่นางนี้

เจ้าของร้านซึ่งเป็นมนุษย์หมาป่าที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้มานานเดินหายเข้าไปหลังร้านเพียงครู่เดียว ก็มีชายหนุ่มที่ดูอายุน่าจะใกล้เคียงกับคุณเจย์เดินออกมา ชายคนนี้สวมเสื้อคลุมสีขาวที่ดูคล้ายเสื้อกาวน์ของแพทย์ ในมือถือลังยาขนาดเท่ากล่องใส่ไมโครเวฟออกมาด้วย

“นี่ครับของที่สั่ง”

“สบายดีมั้ยคะ” แอนนี่เอ่ยทักทายนักวิจัยคนเก่งที่ทำงานให้กับคุณเจย์อยู่ โดยผลงานเด่นก็คือการวิจัยตัวยาที่ออกฤทธิ์กดระงับความเป็นสัตว์ป่าไร้สำนึกสำหรับมนุษย์หมาป่าที่มีสัญชาติญาณและความเป็นหมาป่ามากเกินควบคุม เช่นคุณเจย์

“ก็เรื่อยๆ แล้วคุณล่ะ เขาด้วย เป็นยังไงบ้าง” นักวิจัยหนุ่มพูดพร้อมกับรับกระเป๋าหนังใบเขื่องที่โทนี่ส่งให้ซึ่งภายในนั้นบรรจุธนบัตรเอาไว้เกือบเต็ม

“ฉันสบายดีค่ะ คุณเจย์ก็ดี ช่วงนี้อารมณ์ดีมากขึ้นด้วยค่ะ”

“ก็ดีแล้ว แต่สีหน้าคุณยังไม่ค่อยสดชื่นเท่าไร ยังไม่หายเหรอครับ” นักวิจัยหนุ่มมองหน้าหญิงสาวสวยแล้วอดเสียดายไม่ได้ เขาพยายามตามจีบแอนนี่มานานแต่เธอไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขาสักนิด อาจเป็นเพราะเขาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สายพันธ์เดียวกับเธอ

“ยังเลยค่ะ แต่ยาของคุณก็ช่วยฉันได้มาก ขอบคุณนะคะ” แอนนี่ยิ้มหวาน ยาที่นักวิจัยผู้นี้คิดค้นเพื่อระงับอาการฮีทนั้น ได้ผลก็จริงแต่ก็ไม่เต็มร้อยเธอจึงต้องทนทรมานกับอาการที่เลี่ยงไม่ได้เช่นนี้ต่อไป

“พวกเราขอตัว มีธุระครับ” ยังไม่ทันที่นักวิจัยหนุ่มจะพูดตอบ โทนี่ก็พูดขัดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แม้จะไม่ได้สดใสเท่าแอนนี่ แต่ก็ทำให้คนมองถูกดึงดูดให้หลงใหลรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรเหมือนเด็กน้อยแต่ดวงตากลับเร่าร้อนจนยากจะเบือนหนี

“คุณเป็นฝาแฝดกัน” นักวิจัยหนุ่มมองแอนนี่สลับกับโทนี่ ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจโทนี่เลยจนกระทั่งอีกฝ่ายพูดขึ้น

“นี่โทนี่ พี่ชายฝาแฝดของฉันค่ะ” แอนนี่แนะนำ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ…”

“ผมรู้ครับ คุณคือแมทธิว นักวิจัยหนุ่มหล่อที่คิดค้นตัวยารักษาให้กับคนแบบพวกผม ขอตัวนะครับ” โทนี่ส่งยิ้มทิ้งท้ายแล้วตัดบทเอาดื้อๆ เขาเห็นสายตาคาดหวังของอีกคนแล้วนึกสะใจบอกไม่ถูก

“หว่านเสน่ห์อีกแล้ว ไม่ดีนะ” แอนนี่แอบหยิกเอวพี่ชายขณะเดินออกจากร้าน

“ฉันโสดนะ ไม่ผิดซะหน่อย” โทนี่ยกยิ้มกวนประสาทให้น้องสาวแล้วก้าวเข้าไปนั่งในรถ

“ฉันรู้นะว่าเธอทำประชด…”

“หยุดเลยแอนนี่ ฉันกำลังอารมณ์ดี อย่าทำให้หมดมู๊ดน่า” โทนี่รีบยกมือห้ามไม่ให้น้องสาวฝาแฝดพูดต่อ

เจย์ไม่สนใจการถกเถียงกันของพี่น้อง เขาขับรถไปตามถนนในตลาดมืดที่รอบข้างแออัดไปด้วยของแปลกตามากมาย บ้างก็ขายเพื่อบังหน้าธุรกิจจริงๆ ของตน จนสายตาของจ่าฝูงเหลือบไปเห็นบางอย่างที่วางขายอยู่บนพื้นริมถนน เจย์ขับรถไปจอดทันที

“จอดรถทำไมเหรอคะ” แอนนี่ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจย์หยุดรถ

“นายไปซื้อแอปเปิ้ลร้านนั้นมาที เธอนั่งรอในรถ” เจย์ชี้มือไปอีกฟากของถนนซึ่งเป็นร้านขายผลไม้ โทนี่พยักหน้าแล้วทำตามคำสั่ง ส่วนแอนนี่ก็ได้แต่สงสัย แล้วก็ต้องยิ้มเขินเมื่อเห็นว่าคุณเจย์เดินลงไปเลือกดอกไม้ที่วางขายอยู่มากมาย

“ซื้อให้ทรอยเหรอคะ” แอนนี่อดไม่ได้จริงๆ ที่จะแอบแซวจ่าฝูงของเธอ เจย์ไม่ตอบอะไรแต่กลับยกมือขึ้นยีหัวเธอเสียแรง ซึ่งแอนนี่ก็ยิ่งยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าผู้เป็นจ่าฝูงเองก็กลั้นยิ้มจนหูเริ่มแดง




ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :กอด1:อื้อเขินนนมากน่ารัก ติดมากเรื่องนี้รอนะคะ

ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
13



 


               แอนดริวจัดการเรียงของที่รถขนส่งนำมาให้เมื่อตอนช่วงเช้าเข้าชั้นวางเป็นที่เรียบร้อย แม้สินค้าที่เข้ามาใหม่จะมีไม่มาก แต่เพราะความขี้เกียจและไร้ความกระตือรือร้นในการทำงานอันน่าเบื่อนี้ กว่าทุกอย่างจะจัดเรียงเข้าที่เข้าทาง ก็ปาไปบ่ายคล้อยแล้ว

               เสียงจากภาพยนตร์ที่ฉายฟรีในช่องโทรทัศน์ดังไปทั่วร้าน ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็จะได้ยินกันหมด หากที่นี่เป็นในเมือง เขาคงถูกลูกค้าโวยว่าเหตุใดจึงเปิดทีวีเสียงดังจนน่ารำคาญขนาดนี้ แต่ทว่าร้านนี้ตั้งอยู่ห่างไกลนอกเมืองนัก และที่สำคัญมันคือร้านของเขา แอนดริวจึงไม่แคร์ว่าลูกค้าจะหนวกหูหรือไม่เพราะอันที่จริง ร้านนี้ก็แทบจะไม่มีลูกค้าเข้าอยู่แล้ว ในแต่ละวันร้านมินิมาร์ทของแอนดริวจะมีลูกค้าที่หลงเข้ามาเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่แอนดริวก็ใช่ว่าจะเดือดร้อนใจนัก เพราะรายได้หลักของเขาไม่ได้มาจากการเปิดร้านมินิมาร์ทโทรมๆนี้หรอก

               มันเป็นเพียงฉากบังหน้า หลังม่านหน้ากากของพ่อค้าเจ้าของร้านมินิมาร์ท เขามีอีกอาชีพหนึ่งซึ่งทำเงินให้เขาได้มากมาย นั่นคือการขายข่าวให้แก่ลูกค้าที่ต้องการข้อมูล ถ้าถามว่าข้อมูลอะไรก็ต้องบอกว่า ข้อมูลทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ และส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาจนถึงดำสนิท หรือบางครั้งเขาก็รับจ๊อบเป็นหมาเฝ้าต้นทางให้แก่กิจกรรมการล่าลับๆของกลุ่มหมาป่าที่อยากจะกระตุ้นสัญชาตญาณตนเองคล้ายกับการได้เสพสิ่งมอมเมาที่ทำให้คึกคัก

               แต่ทว่าต่อจากนี้คงไม่มีอีกแล้ว

               แอนดริวนึกเซ็งเมื่อแหล่งรายได้หายไปหนึ่งช่องทาง แต่อย่างน้อย เขาก็ยังมีชีวิตรอดไม่ถูกตัดสินประหารอย่างเช่นกลุ่มของจาเร็ด

               “อันนี้เท่าไร”

               เสียงของลูกค้าขาจรเพียงคนเดียวในร้านตะโกนถามแอนดริวที่นั่งจ้องจอทีวีอยู่หน้าเคาเตอร์คิดเงิน

               “ราคาก็ติดอยู่ ไม่เห็นรึไง”แอนดริวไม่ปิดบังน้ำเสียงหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะในการดูภาพยนต์ห่วยๆที่ทำรายได้น้อยนิด เขาไม่สนว่าลูกค้าที่เป็นมนุษย์จะหน้าเสียรึไม่พอใจในความไม่มีเซอร์วิสมายของเขาหรือไม่

               แอนดริวเกาหลังหูอย่างเบามือ แผลที่เจย์ฝากไว้แม้จะฟื้นฟูแล้ว แต่ในหูก็ยังรู้สึกแปล๊บๆอยู่ดี เขายืดคอเอนไปดูนอกร้านเพราะได้ยินเสียงเครื่องยนต์คุ้นหู นั่นเป็นเสียงรถของเขาเอง พอเห็นว่ารถยนต์ของตนขับมาจอดหน้าร้านพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งตลบกระจาย แอนดริวรีบผุดลุกขึ้น เขาภาวนาให้วันนี้เจย์อารมณ์ดี เพราะหากไม่ใช่ เขาอาจจะได้แผลเพิ่มอีก

               แต่ทว่าผู้ที่ก้าวออกมาจากรถไม่ใช่เจย์ แต่เป็นหมาป่าสองตนที่อยู่ในฝูงของเจย์

               แพททริคและอลัน เขาจำชื่อทุกคนในฝูงของเจย์ได้ และเคยเห็นมากับตาว่าสองคนนี้ก็มีความร้ายกาจไม่ต่างจากจ่าฝูงของพวกมัน

               แพททริคกับอลันก้าวเข้ามาในร้าน ทั้งสองคนจ้องมองไปที่แอนดริวเป็นเชิงข่มขู่ สายตาไม่เป็นมิตรแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง
               “เอ่อ สวัสดี วันนี้เจย์ไม่มาเหรอ”แอนดริวพยายามยกยิ้มเป็นมิตร

               “ร้านปิดแล้ว ออกไป!”แพททริคตะโกนบอกลูกค้าคนเดียวในร้านที่ยังเลือกซื้อของไม่เสร็จ แต่ลูกค้าคนนั้นพอได้เห็นก็รีบออกไปแต่โดยดี เพราะรู้สึกได้ว่าพวกนี้กำลังจะมีเรื่องกัน

               แอนดริวหน้าตาตื่นเมื่อเห็นว่าอลันเดินไปดึงประตูร้านลงมาเพื่อปิดไม่ให้คนข้างนอกเห็น จากนั้นทั้งสองก็เดินมาจ้องหน้าแอนดริวต่อ

               “รถฉันอยู่ไหน”อลันถามเสียงเรียบ นัยน์ตาที่ปกติจะมีความเบื่อหน่ายฉายออกมาตลอดบัดนี้กลับแผ่ท่าทีคุกคามอย่างเห็นได้ชัดต่างจากแพททริคที่มองแอนดริวด้วยสายตาเหยียดหยามเหมือนเศษขยะสักชิ้น

               “ยุ อยู่ข้างหลัง เดี๋ยวผมไปขับมาให้”แอนดริวกุลีกุจอหยิบกุญแจรถที่เขาเก็บไว้ตรงชั้นวางหลังเคาเตอร์แต่ขาที่วิ่งตรงไปหลังร้านต้องชะงักเพราะถูกฝ่ามือร้อนของอลันจับเข้าที่ไหล่แล้วออกแรงบีบแน่นจนเจ็บ

               “แกขับรถฉันเหรอ?”ดวงตาของอลันหรี่ลงคล้ายกับเสือที่ย่อขาเพื่อที่จะออกแรงกระโจนพุ่งตัวใส่เหยื่อ

               “เปล่า! ผมไม่ได้ขับ! ผมจูงไปจอดข้างหลังร้านเฉยๆ!”แอนดริวรีบปฏิเสธ แม้เขาจะตัวใหญ่แต่เขาก็ไม่ใช่หมาป่าที่ใจสู้นัก ยิ่งกับฝูงของเจย์เขายิ่งไม่อยากลองดี

               “แกอยู่นี่ ไม่ต้องเสือกไปไหน”แพททริคจับคอเสื้อของแอนดริวแล้วลากกลับมาใกล้เคาเตอร์เช่นเดิม จากนั้นจึงโยนกุญแจในมือของแอนดริวให้อลัน

               “รถอยู่ไหน”อลันถามเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าแอนดริวชี้มือไปทางประตูหลังร้าน ก็รีบเดินไปทางนั้นทันที

               “พวกคุณต้องการอะไร”แอนดริวเสียงสั่น เขาหวาดกลัวเพราะจำได้ว่าแพททริคนั้นเป็นหมาป่าที่เลือดร้อนที่สุดในฝูงของเจย์ บางทีมันอาจจะคลั่งทำร้ายเขาขึ้นมาเมื่อไรก็ได้

               “เราอยากรู้ทุกอย่าง อะไรที่แกรู้ บอกมาให้หมด ทุกเรื่อง”แพททริคมองจ้องโดยไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย

               “ไม่รู้ คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่รู้”แอนดริวส่ายหน้าปฏิเสธ ถ้าหากพวกนี้รู้ว่าเขาขายข้อมูลอะไรให้กับลูกค้าคนใด เขาต้องตายแน่ๆ

               แพททริคถอนหายใจคล้ายเหนื่อยหน่ายก่อนจะหยิบปืนพกที่เหน็บไว้ด้านหลังขึ้นมาจ่อที่หน้าผากของแอนดริว

               “เดี๋ยว! คุณจะฆ่าผมเหรอ แต่เมื่อวานเจย์ปล่อยผมนะ เขาไว้ชีวิตผม!”แอนดริวพยายามข่มความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นทุกที จริงอยู่ที่ร่างกายหมาป่าอย่างพวกเขานั้นฟื้นฟูได้ไว แต่หากแพททริคยิงเข้าที่หัวใจยังไงเขาก็ไม่รอด บางทีเขาควรจะกลับคืนร่างเป็นสุนัขหมาป่าแล้ววิ่งหนี อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสที่กระสุนจะยิงไม่เข้าจุดตาย

               “เมื่อวานเจย์มากับมนุษย์ใช่มั้ย แกคิดว่าเขาจะลงมือฆ่าแกต่อหน้ามนุษย์มั้ยล่ะ”แพททริคกระตุกยิ้มเมื่อเห็นแววตาหวาดกลัวของแอนดริว หมอนี่ขี้ขลาดชะมัด

               “แต่วันนี้มีแค่ฉัน”

               “และฉัน”อลันขับมอเตอร์ไซค์ดูคาติคันโปรดเข้ามาในร้านโดยทิ้งรอยล้อไว้ที่พื้นเป็นทางยาว

               “กับแก”แพททริคใช้ปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่หน้าผาก ส่วนอลันก็เดินไปเปิดตู้แช่เพื่อหยิบเบียน์เย็นๆมาสามขวด ใช้ฝาขวดหนึ่งเปิดฝาอีกสองขวดอย่างคล่องแคล่วก่อนจะยกขึ้นดื่มไปหลายอึก แล้วส่งให้แพททริคอีกขวด

               “แกคิดอะไรอยู่ อลันนายเดาออกมั้ยว่ามันคิดอะไร”แพททริคทำเสียงหยอกล้อหันไปคุยกับอลันที่ยืนกระดกเบียร์เข้าคอ

               “ง่ายจะตาย มันคิดว่ามันจะกลายร่างเป็นหมาแล้ววิ่งหนี ถึงโดนยิงก็ไม่น่าจะเข้าหัวใจ”อลันตอบเสียงเรียบคล้ายคนง่วงนอนแต่ในน้ำเสียงเจือไปด้วยความคึกคะนอง

               “แกคิดแบบนั้นรึเปล่า”แพททริคแสร้งทำเสียงประหลาดใจ

               “….”แอนดริวไม่ตอบอะไร เหงื่อที่หน้าผากไหลรินหยดลงมาเปียกเสื้อจนเป็นดวง ในหัวนึกกลัวที่พวกนี้เดาความคิดเขาออก

               “อลันเพื่อนของฉันมีนิทานสนุกๆมาเล่าให้แกฟังด้วย”แพททริคลดปืนลงแล้วเดินเลี่ยงไปมองชั้นขนมหน้าเคาเตอร์

               “มันเป็นนิทานที่ดังในหมู่หมาป่าแบบพวกเรา แม่แกอาจจะเคยเล่าให้ฟัง ย้อนกลับไปในอดีต มนุษย์หมาป่าดุร้ายตนหนึ่งต่อสู้กับมนุษย์แล้วพ่ายแพ้ แกคงพอจะนึกออกใช่มั้ยว่าทำไมหมาป่าตัวนั้นถึงตาย”อลันหยุดพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของเหยื่อ

               “มนุษย์หมาป่าตนนั้นไม่ได้ถูกยิงที่หัวใจด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขาถึงตาย”อลันเดินเข้าหาแอนดริวจากนั้นก็หยิบปืนพกรูปร่างเหมือนปืนของแพททริคออกมาจากด้านในของเสื้อสูทแล้วยกขึ้นเล็งไปที่หัวของแอนดริว

               “เพราะมนุษย์คนนั้นใช้กระสุนเงินยิง มนุษย์หมาป่าถึงได้ตาย”อลันหัวเราะเยาะเหมือนเป็นเรื่องชวนขำ

               “มันไม่ใช่นิทาน มันเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นตอนสงครามโลกครั้งที่1นี่เอง มนุษย์หมาป่าตัวนั้นตายเพราะโดนกระสุนเงินยิงที่แขนซ้าย เป็นเรื่องที่ทำให้บรรดามนุษย์หมาป่าตัวอื่นขลาดกลัวกระสุนเงินไปช่วงหนึ่ง แต่…มีการพิสูจน์แล้วว่า มนุษย์หมาป่าแบบพวกเรานั้น ต่อให้โดนกระสุนเงินยิงก็ไม่ตาย เราฟื้นฟูตัวเองได้ เรื่องนี้แกรู้มั้ย?”อลันถามแอนดริวคล้ายกับถามคำถามของนักศึกษาที่นั่งฟังการบรรยาย

               แอนดริวผวาเมื่อมีเสียงดังเกิดขึ้น เขารีบหันไปมองพบว่าต้นเหตุของเสียงมาจากแพททริคที่กำลังกวาดช็อคโกแลตอัดแท่งยี่ห้อดังจากญี่ปุ่นลงในกระเป๋าใบใหญ่โดยไม่ได้จ่ายเงิน

               “แล้วทำไมมนุษย์หมาป่าตนนั้นที่โดนกระสุนเงินยิงถึงได้ตายล่ะ นายเคยสงสัยมั้ย”อลันถามแต่แอนดริวรีบส่ายหน้าไม่เคยนึกสงสัยว่าทำไมหมาป่าตนนั้นถึงตาย มันอาจจะบังเอิญยิงเข้าหัวใจก็ได้แต่เรื่องเล่าที่เล่าต่อๆกันมาเนื้อหาอาจจะถูกดัดแปลงไป

               “เพราะมันไม่ใช่กระสุนเงินธรรมดา แต่เป็นกระสุนเงินที่มี Hydragyrum ผสมลงไปด้วย เรื่องนี้มีแค่หมาป่าไม่กี่ตัวที่รู้เพราะไม่อยากให้ข้อมูลนี้แพร่กระจาย แต่ฉันอุตส่าห์เอาความลับนี้มาบอกแกเลยนะว่ามนุษย์หมาป่าอย่างเรา แพ้โลหะไฮดราเจอรัม แค่โดนผิวหนังภายนอกก็แสบร้อนจนผิวไหม้ ถ้าโดนยิงก็ซวยหน่อย เราขับโลหะชนิดนี้ออกจากตัวเองไม่ได้ ต้องใช้วิธีผ่าตัดเอาออกแบบพวกมนุษย์ทำ ซึ่งกว่าจะเสร็จก็ตายห่าเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหวแล้ว”อลันกระตุกยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดของแอนดริว ดวงตาของแอนดริวมองจ้องกระบอกปืนที่อลันถืออยู่แบบไม่กระพริบ

               “เดาออกแล้วใช่มั้ย ว่าปืนของฉันใช้กระสุนแบบไหน”ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอลันอารมณ์ดีขนาดนี้

               “ฉันเสริมให้อีกนิด”แพททริคที่กวาดช็อกโกแลตแบรนด์ดังจนเกลี้ยงร้านพูดขึ้น

               “กระสุนอันนี้พิเศษหน่อย พอถูกยิง โลหะไฮดราเจอรัมที่ดัดแปลงเป็นของเหลวตรงหัวกระสุนจะกระจายตัวออกสูบฉีดเข้าไปในเลือดของแก ไม่มีทางผ่าตัดออกได้ เยี่ยมใช่มั้ยล่ะ”แพททริคยืนพิงถของอลันที่จอดไว้ ยิ่งเห็นว่าแอนดริวทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ก็ยิ่งรู้สึกสนุก

               “ยอมแล้ว ผมยอมทุกอย่าง ต้องการอะไรอยากรู้อะไรถามมาได้เลย ไว้ชีวิตผมเถอะ”แอนดริวไม่ปกปิดความกลัว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่พวกนี้พูดจะเป็นเรื่องจริงหรือเพียงแค่ข่มขู่ แต่ลางสังหรณ์ของเขามันกรีดร้องตะโกนบอกว่าอย่าลองดี พวกมันพูดจริง

               “เราพูดภาษาเดียวกันสักที”แพททริคยิ้มกว้างตบมือให้สองสามครั้ง ส่วนอลันก็หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า แล้วเขวี้ยงใส่หน้าแอนดริวที่ยืนตัวสั่นเทา

               แอนดริวคลี่กระดาษขนาดเท่าเอสี่สองสามแผ่นออกดู ทุกแผ่นมีรูปสุนัขสายพันธ์ดีโชว์หราอยู่พร้อมกับข้อความประกาศให้รางวัลแด่ผู้ที่หาตัวสุนัขในรูปแล้วนำมาส่งคืนเจ้าของ 

 









 



               ช่วงเวลายามบ่ายท้องถนนของเมืองนิวยอร์ควันนี้เนืองแน่นไปด้วยบรรดามนุษย์หลากหลายอาชีพและอายุ มากกว่าในทุกๆวัน เพราะวันนี้มีการชุมนุมของม็อบเพื่อประท้วงให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาพลเมืองไม่มีงานทำ เจย์จึงเลือกเลี่ยงเส้นทางหลักสายนั้นเพราะรถคงจะติดอีกนาน

               แม้ถนนเส้นนี้จะค่อนข้างคับแคบ แต่ด้วยความชำนาญในการขับรถของผู้เป็นจ่าฝูงจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร แม้ข้างทางจะมีสิ่งกีดขวางอยู่ค่อนข้างเยอะก็ตาม

               เจย์เผลอเคาะนิ้วร่วมไปกับจังหวะเพลงร็อคคลาสสิคซึ่งโทนี่ที่นั่งข้างคนขับเป็นคนเลือกเปิด ในบางครั้งเจย์ก็ลอบมองผ่านกระจกไปยังด้านหลังซึ่งมีสมาชิกเพศเมียตัวเดียวในฝูงนั่งพิงอยู่ อาการฮีทของแอนนี่แม้จะเริ่มดีขึ้นแล้วแต่สีหน้าของเธอยังคงซีดและมีร่องรอยความอ่อนเพลียทิ้งไว้

               พลันดวงตาสีฟ้าหม่นมองที่ตรงไปยังถนนเบื้องหน้าหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังขับสวนทางมาใกล้ เจย์กระตุกยิ้มพร้อมกับเหยียบคันเร่งให้จมกว่าเดิมทำให้ความเร็วรถเพิ่มขึ้น เมื่อถึงจังหวะที่มอเตอร์ไซค์คันนั้นขับสวนมาใกล้เจย์ก็เปิดประตูรถออกกว้างทำให้รถที่สวนมาล้มกลิ้งลงไปนอนบนพื้นถนน เสียงปะทะของประตูรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่พุ่งชนมันดังลั่นจนคนที่เดินผ่านไปมาต่างตื่นตกใจ

               แม้แต่โทนี่และแอนนี่เองก็ตกใจในสิ่งที่จ่าฝูงทำ แต่คนต้นเหตุกลับยิ้มเยาะสะใจ ยิ่งเห็นไอ้เวรนั่นที่ล้มกลิ้งไปกองกับพื้นกำลังลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเพราะโดนมอเตอร์ไซค์ตัวเองทับ เจย์กลับยิ่งอารมณ์ดี

               ตรงกันข้ามกับคนที่ถูกกระทำ หลงโคตรจะอารมณ์เสีย พยายามลุกขึ้นยืน ขาข้างที่โดนรถของตัวเองทับเจ็บแปล๊บจนต้องเอามือไปบีบคลึง ปากสบถคำหยาบนับไม่ถ้วนแล้วตรงไปทุบกระจกรถที่เป็นสาเหตุให้ตนบาดเจ็บ

               “ขับรถส้นตีนอะไรวะ! ลงมาเคลียร์เลยนะ!”หลงทุบกระจกรัว ใบหน้าถมึงทึงทั้งโกรธและอายจะอ้าปากด่าอีกครั้งแต่ก็ต้องรีบถอยหลังแทบไม่ทันเมื่อคนในรถเปิดประตูออกมาอย่างแรง หากถอยไม่ทันหลงคงโดนประตูรถกระแทกร่างเข้าจังๆ

               ยิ่งเห็นว่าคนที่ก้าวลงมาจากรถเป็นใครหลงก็ยิ่งหัวเสีย มือปลดหมวกกันน็อคออกจากหัว นี่ถ้าไม่ได้ใส่สงสัยหัวเขาคงกระแทกพื้นจนอาจแตกได้

               “แกเองเหรอ ขับรถเหี้*ยชิบหาย! ไปตายซะ!!”หลงชี้หน้าด่าตะโกนเสียงดังก้องไม่อายใคร อารมณ์โกรธยิ่งปะทุเมื่อเห็นว่าเจ้านายของทรอยเหยียดยิ้มเหมือนสะใจ

               “ใครเหรอครับคุณเจย์”โทนี่และแอนนี่ลงจากรถแล้วเดินมายืนเคียงข้างจ่าฝูงของตนที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

               “ไม่ต้องใส่ใจหรอก”เจย์ตอบเรียบๆดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร แต่คนที่มองกลับยิ่งเดือดดาล

               “ไม่ใส่ใจเหรอ? แกทำฉันรถคว่ำนะ ถ้าไม่ได้ใส่หมวกคอฉันอาจจะหักไปแล้ว แกยังบอกว่าไม่ต้องใส่ใจอีกเหรอ!!”หลงหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ ยิ่งได้ยินสิ่งที่เจ้านายของทรอยตอบกลับมาเขายิ่งโมโหจนทนไม่ไหว

               “ไปฟ้องแม่แกสิ”เจย์พูดพร้อมกับยกยิ้มเหมือนเยาะเย้ย

               “ไอ้..!!”หลงโกรธจนควันแทบออกหูเดินรี่เข้าไปหาเจย์ แต่ยังไม่ทันจะจะถึงตัวก็ถูกผลักอกอย่างแรงจนกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบ

               “คิดจะทำอะไร?”เป็นโทนี่ที่รีบเข้ามาขวาง คนระดับนี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือจ่าฝูงของเขาหรอก

               “พวกมึง!”หลงตะโกนด่าลุกขึ้นแล้วเดินเข้าหาอีกครั้งหากแต่มีเสียงตะโกนจากตำรวจท้องที่ห้ามไว้

               “พวกคุณมีเรื่องอะไรกัน”นายตำรวจสองคนเดินเข้ามาห้ามเพราะดูเหมือนว่ากำลังจะมีการวิวาทในที่สาธารณะ

               “เราแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”คราวนี้เป็นแอนนี่ที่รับหน้าคุยกับนายตำรวจพร้อมส่งยิ้มหวานที่ผู้ชายคนไหนได้เห็นก็ต้องใจกระตุกสั่นไหว

               “ผมเห็นพวกคุณทำท่าเหมือนจะตีกัน”

               “ไม่นี่คะ พวกเราคุยกันเฉยๆค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ เราดูเหมือนคนทะเลาะกันขนาดนั้นเลยเหรอคะ พวกเราแค่ล้อเล่นกันเอง”แอนนี่ยกมือขึ้นทาบอกแล้วทำตาโตคล้ายตกใจแล้วตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะน่ารัก

               “เอ่อ งั้นเหรอครับ”นายตำรวจพูดพร้อมกับเผลอหลบตาหญิงสาว ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นมาดื้อๆ

               ไม้ตายของแอนนี่เค้าล่ะ โทนี่ได้แต่คิดในใจ

               “ผมไม่ได้เล่นกับพวกเขา พวกนี้เปิดประตูรถมาชนผมทำให้รถผมล้ม!”หลงรีบอธิบายด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว

               “พวกเราไม่ได้ตั้งใจค่ะ ทางมันแคบมากแล้วเขาก็ขับมาเร็ว มาชนประตูรถของเราค่ะ”แอนนี่ทำหน้าซึม

               “เธอโกหก!!”หลงแย้ง

               “หุบปากน่า”โทนี่หันไปจ้องตากับหลงส่วนคนที่เป็นต้นเหตุกลับยืนพิงรถยกมือกอดอกมองท่าทางโกรธแค้นของไอ้เวรตรงหน้าเหมือนกำลังดูละครฉากที่มีนักแสดงตลกออกมาเล่นมุขที่ทำให้ขำ

               “เราแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ คุณตำรวจอย่าใส่ใจเลยนะคะ”แอนนี่ยิ้มหวานพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนนิดๆ เมื่อเห็นนายตำรวจทั้งสองมีท่าทีลังเล พี่ชายฝาแฝดของเธอจึงเข้ามาสมทบ

               “มันไม่มีอะไรจริงๆ พวกผมขอโทษนะครับที่ทำให้เสียเวลา งานของพวกคุณก็เยอะอยู่แล้ว เรื่องจุกจิกเล็กน้อยแบบนี้ปล่อยผ่านไปเถอะครับ แล้วก็…”โทนี่คว้ามือนายตำรวจคนหนึ่งที่เขาสังเกตว่าลอบมองตนหลายครั้ง

               “ไปพักกันเถอะครับ หากาแฟร้อนๆดื่ม ขนมอร่อยๆกิน ขอบคุณมากครับที่ดูแลประชาชนอย่างเรามาตลอด”โทนี่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ ทำเอาคนที่มองหน้าแดงก่ำ เมื่อปล่อยมือก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ถูกยัดเข้ามา

               มันคือธนบัตรดอลล่าห์ที่ถูกพับจนเป็นชิ้นเล็กๆ

               จากเดิมที่ลังเล แต่ตอนนี้นอกจากจะหลวมตัวหลงเสน่ห์ของคู่แฝดที่ยังโปรยยิ้มไม่หยุด ยังได้ของขวัญเล็กๆน้อยๆอีก การตัดสินใจเลยง่ายขึ้น

               “พวกคุณแยกย้ายกันไปได้แล้ว ถ้ามีเรื่องกันผมคงต้องจับกุม”

               “ขอบคุณนะคะ”แอนนี่ก้มหัวสองสามครั้ง ท่าทางของเธอนั้นน่ารักจนนายตำรวจเผลอยิ้มตาม

               “เฮ้ยเดี๋ยวสิ! แล้วที่ผมเจ็บตัวล่ะ ผมจะเอาเรื่อง!”หลงรีบแย้งขึ้นเมื่อเห็นว่านายตำรวจทั้งสองกำลังจะเดินจากไป

               “เรายินดีชดใช้ค่าเสียหายค่ะ”แอนนี่หันกลับมาบอกหลงด้วยรอยยิ้มก็จริงแต่ดวงตานั้นเฉยชาและหยิ่งผยองชัดเจน

               “ผมไม่ต้องการค่าเสียหาย!”

               “เอ้า งั้นก็ดีเลย เราเคลียร์กันได้แล้วครับคุณตำรวจ”โทนี่หันไปบอกด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

               “ผมต้องการเอาเรื่อง ถ้าผมไม่ใส่หมวกคงคอหักตายไปแล้ว!”

               “แต่ก็ไม่ตายนี่ จะฟ้องอะไรนักหนา”เจย์พูดเสียงเรียบจ้องหน้าหลงแบบตาไม่กระพริบ

               “แก...”หลงกัดฟันเตรียมจะด่าอีกครั้งหากแต่ถูกนายตำรวจทั้งสองห้ามปราม

               “คุณอย่าเรื่องเยอะเลยน่า คุณไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย อย่าให้เรื่องมันยาวเลยครับ เสียเวลากันเปล่าๆ”นายตำรวจคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีเบื่อหน่ายเพราะไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องเล็กๆแบบนี้

               “ผมไม่!!”ก่อนจะพูดแย้งจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำให้หลงต้องยอมหุบปากแล้วรีบรับสายสำคัญที่โทรเข้ามา

               “ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ”หลงกดวางสาย ในใจร้อนระอุด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้การประชุมสำคัญกว่า เขาไม่ควรเข้าประชุมสายตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน

               หลงเดินเข้าไปหาเจย์ที่ยืนกอดอกพิงรถแต่ก็เช่นเดิมถูกโทนี่เดินเข้ามาขวางอีก เขาไม่อยากจะยอมรับนักหรอกว่าหากมีเรื่องกันเขาอาจจะเจ็บหนักเพราะเมื่อครู่ที่โดนผลักก็ทำให้รู้ว่าไอ้ผู้ชายหุ่นบางตรงหน้ามันแรงเยอะขนาดไหน

               “แกกับฉัน ไม่จบแค่นี้แน่”หลงจำใจต้องเดินกลับไปคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปเหมือนผู้แพ้ ในใจเดือดพล่านอยากเอาคืนให้สาสม





               เมื่อเอ่ยขอบคุณและขอโทษคุณตำรวจแล้ว ทั้งสามก็กลับขึ้นรถโดยที่คราวนี้จ่าฝูงให้โทนี่เป็นคนขับแทนเพราะตนเองนั้นอารมณ์ไม่ค่อยคงที่เท่าใดนัก เนื่องจากถูกท้าทาย ความกระหายอยากต่อสู้ที่กดไว้เลยปะทุขึ้น เจย์จึงหยิบบุหรี่ประจำตัวขึ้นมาสูบอารมณ์เริ่มกลับมาดีอีกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องสนุกที่พึ่งทำ

               ไม่นานนักทั้งสามก็ขับมาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่โทนี่และแอนนี่ถือหุ้นจำนวนหนึ่งอยู่ และผู้ที่เป็นเจ้าของก็คือพันธมิตรชาวมนุษย์คนหนึ่งของเจย์นั่นเอง

               แอนนี่เคาะประตูสองสามครั้ง รอเพียงไม่กี่วินาทีประตูก็เปิดออก

               “สวัสดีครับ”โทนี่เป็นคนเริ่มทักทายก่อน แม่ของทรอยเมื่อเห็นว่าเป็นโทนี่ก็ยิ้มกว้างแล้วรีบเชื้อเชิญให้ทั้งสามเข้ามาในห้อง

               ทรอยที่นั่งวาดรูปอยู่บนเตียง เมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยมก็รีบเก็บกระดาษที่ตนวาดเสร็จยัดไว้ใต้หมอน แล้วแอบใช้นิ้วเช็ดหัวตาเพราะเกรงว่าจะมีขี้ตาติดอยู่แม้ว่าจะล้างหน้าแปลงฟันแล้วก็ตาม

               ทรอยมองแขกทั้งสามที่เดินเข้ามาเหมือนกับจะมาเจรจาธุรกิจ แอนนี่ใส่เสื้อเชิ้ตเรียบๆคู่กับกระโปรงสีน้ำตาล วันนี้สีหน้าเธอดูดีขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา แม้ดวงตาจะยังดูอิดโรยแต่เมื่อเธอเผยรอยยิ้มอ่อนหวานให้ ทรอยก็รู้สึกว่าโลกรอบข้างนั้นสดใสขึ้น ข้างๆเธอคือพี่ชายฝาแฝดที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของเขารวมถึงเป็นลูกชายปลอมๆสุดรักของแม่เขาด้วย โทนี่แต่งกายด้วยชุดสูทสีเทาเตรียมพร้อมสำหรับทำงาน ในมือถือกระเช้าแอปเปิ้ลผลสีแดงมาด้วย

               ส่วนคนที่เดินนำเข้ามานั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทรอยใจเต้นผิดจังหวะไปจากเดิม

               คุณเจย์ในชุดสูทสีดำสนิทกับเนคไทลายทางช่างดูเข้ากับทรงผมเซตเสยไปด้านหลังขับให้ใบหน้าคมเข้มและดวงตาสีฟ้าหม่นนั้นโดดเด่นจนไม่อาจละสายตาได้ ยิ่งวันนี้ที่คุณเจย์ถือช่อดอกกุหลาบสีแดงมาด้วย ยิ่งทำให้ทรอยนึกถึงสายลับจารชนในเรื่อง007

               มีเสน่ห์และอันตราย...

               ว่าแต่คุณเจย์ถือดอกไม้มาทำไม เอามาให้ใคร หรือว่า...ให้เขาเหรอ

               จากเดิมที่ใจเต้นแรงตอนนี้กลับมีอาการหน้าแดงเสริมขึ้นมาด้วย ทรอยรีบเบนสายตาไปมองโทนี่แทนเมื่อเผลอสบตากับเจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

               “ทรอย เป็นยังไงบ้างคะ”แอนนี่เป็นฝ่ายเอ่ยทักทาย

               “ดีครับ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ขอบคุณที่เป็นห่วง”ทรอยรีบตอบหญิงสาวที่มีสีหน้ากังวลเป็นห่วงเขา

               “หมอให้กลับได้วันไหนเหรอ อ่อ นี่แอปเปิ้ลที่นายอยากกิน พวกเรา...คุณเจย์ซื้อมาฝาก”โทนี่พูดพร้อมกับส่งกระเช้าผลไม้ให้แม่ของทรอย

               “กลับพรุ่งนี้ เอ่อ ขอบคุณครับ คุณเจย์”ทรอยอ้อมแอ้มตอบ เขายิ้มนิดๆแต่ยังไม่กล้ามองหน้าตรงๆ ยิ่งเห็นว่าเจย์เดินเข้ามาใกล้ไอ้อาการประหม่าก็ยิ่งมากขึ้น

               “ทรอย”เสียงทุ้มต่ำน่าฟังที่เรียกเขา ทำให้ทรอยจำเป็นต้องมองหน้าคนพูด

               “หายเจ็บไวๆนะครับ”เจย์อมยิ้มพร้อมกับยื่นช่อกุหลาบสีแดงเข้มให้คนที่กำลังหน้าแดงแข่งกับดอกไม้ในมือเขา

               “ขอบคุณครับ”ทรอยตอบเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบแล้วรับช่อดอกไม้นั้นมา เอาล่ะ ถ้าตอนนี้มีใครตอกไข่ดิบใส่หน้าเขา ทรอยมั่นใจเลยว่าไข่ฟองนั้นคงเกือบจะสุกเพราะตอนนี้หน้าเขาร้อนมากจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

               “แหม ใจตรงกันเลย”แม่ของทรอยพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เจย์หันไปมองด้วยความสงสัย

               “ใจตรงกันเหรอครับ?”โทนี่เป็นคนถามขึ้น

               “ก็เมื่อเช้าน่ะ เพื่อนทรอยมาเยี่ยมแล้วซื้อดอกไม้มาให้เหมือนกันค่ะ”แม่ของเจย์ชี้ให้ดูช่อดอกทานตะวันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง

               “ใครเหรอครับ”เจย์ถามกลับทันที แต่ไม่ต้องตอบเค้าก็เดาได้ เพราะเมื่อเช้า ไอ้เวรนั่นที่ขับรถสวนทางมามันก็น่าจะขับออกมาจากโรงพยาบาลนี้เนี่ยแหล่ะ

               “พี่หลงครับ”ทรอยเป็นคนตอบเอง เขาก้มมองช่อดอกกุหลายในมือแล้วพยายามอย่างหนักที่จะกลั้นยิ้ม

               “แล้วทานข้าวกันมาหรือยังคะ”แม่ของทรอยชวนคุย ทั้งโทนี่และแอนนี่ต่างพูดจ้อสนทนากับเธอไม่หยุด ต่างจากคนเจ็บกับจ่าฝูงหมาป่าที่ยังหุบปากไม่พูดไม่จาอะไร

               

ออฟไลน์ chittaphone23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0


“แอนนี่ เธอหน้าซีด อาการกำเริบอีกแล้วเหรอ” อยู่ๆ เจย์ก็หันกลับมองหน้าแอนนี่แล้วถามขึ้น แอนนี่ที่ถูกถามตกใจจนตาโตไม่คิดว่าเจย์จะกล้าถามเรื่องอาการฮีทของเธอต่อหน้ามนุษย์ อีกอย่าง อาการเธอก็ไม่ได้กำเริบตอนนี้เสียหน่อย

“เอ๊ะ เป็นอะไรเหรอคะ” แม่ของทรอยมองหน้าแอนนี่ด้วยความสงสัย

“แอนนี่แพ้เกสรดอกทานตะวันครับ ถ้าอาการกำเริบจะจามไม่หยุดและผื่นขึ้นเต็มตัว” เจย์พูดแล้วปรายตามองไปยังแอนนี่

“ตายจริง” แม่ของทรอยอุทานเบาๆ แล้วรีบยกมือทาบอกเมื่อแอนนี่จามออกมาแล้วยกมือขึ้นขยี้ตาด้วย

“แอนนี่แพ้เกสรดอกทานตะวันเหรอ” ทรอยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นหญิงสาว จามออกมาสองสามครั้ง

“แพ้มากค่ะทรอย เริ่มคัยตัวแล้วค่ะ” แอนนี่ยกมือขึ้นเกาที่แขนเบาๆ ทรอยและแม่ต่างสนใจอาการของหญิงสาว จนไม่ได้สังเกตว่าโทนี่แอบขยิบตาให้จ่าฝูงของตัวเองที่ปั้นหน้านิ่งอยู่

“แม่เอาไปทิ้งเถอะครับ เดี๋ยวแอนนี่จะเป็นมาก” ทรอยรีบบอกเพราะเกรงว่าหญิงสาวจะเกิดอาการแพ้หนักขึ้น ซึ่งแม่ของทรอยก็รีบทำตามลูกชายทันที

“แม่เอาไปทิ้งถังขยะข้างนอกนะ” แม่ของทรอยรีบหยิบช่อทานตะวันขึ้นมาแล้วใช้มืออีกข้างหยิบทิชชู่เปียกเช็ดโต๊ะเพราะเกรงจะมีละอองเกสรหล่นค้างอยู่

“ผมไปด้วยครับ” โทนี่รีบกุลีกุจอตามแม่ของทรอยออกจากห้องไป

“ฉันไปขอยาแก้แพ้จากคุณพยาบาลดีกว่า เดี๋ยวมานะทรอย” พูดจบแอนนี่ก็จามออกมาอีกครั้ง ซึ่งทรอยเผลอคิดไม่ได้ว่าขนาดจามยังดูเป็นผู้ดีเลย น่ารักแฮะ

พอแอนนี่ออกไปทรอยถึงได้รู้ตัวว่าในห้องเหลือแค่เขากับคุณเจย์เท่านั้น แต่น่าแปลกว่าอาการประหม่ามันกลับลดน้อยลงกว่าเดิม ทรอยมองช่อดอกไม้ในมือแล้วกลั้นยิ้มจนเมื่อหน้าไปหมด ดอกกุหลาบเป็นสิบดอก ทุกดอกเป็นสีแดงเข้ม แต่มีอยู่ดอกหนึ่งที่เข้มกว่าใครแทบจะกลายเป็นสีดำอมแดงด้วยซ้ำ

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” เจย์ที่ยืนอยู่ข้างเตียงเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าทรอยทำหน้าแปลกๆ

“ห๊ะ อะไรครับ” ทรอยหันไปมองผู้พูด คิ้วของคุณเจย์ขมวดนิดๆ เหมือนสงสัยอะไรสักอย่าง

“เธอทำเหมือนหน้าจะเป็นตะคริว เกร็งหน้าทำไม”

“อ่อ เอ่อ ผมแค่เกร็งหน้าแบบ เอ่อ เป็นการบริหารใบหน้าแบบจีนครับ ทำให้หน้าเด็ก” ทรอยอ้างไปเรื่อย ในหัวคิดอะไรก็พูดๆ ออกมาก่อน จะให้บอกได้ไงว่ากลั้นยิ้มจนจมูกบานเพราะดีใจที่คุณเจย์ให้ดอกกุหลาบ แถมเป็นสีแดงเข้มอีก คุณเจย์รู้ความหมายของมันรึเปล่านะ

“เหรอ แล้วเป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมากมั้ย”

“ก็ปวดนิดหน่อยครับ แต่คุณหมอบอกว่าให้ผมออกจากโรงพยาบาลได้พรุ่งนี้ วันมะรืนผมจะไปทำงานนะครับ”

“ยังไม่ต้อง พักให้แผลหายดีก่อน เดี๋ยวอักเสบ”

“โห รอจนแผลหายผมก็โดนไล่ออกสิครับ ผมยังไม่ได้ทำเรื่องลางานเลย”

“ฉันจัดการแล้ว เลิกกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วรักษาตัวดีๆ”

“ครับ แล้วหมาของผมล่ะ เฮกเตอร์เป็นไงบ้าง” ทรอยถามขึ้นเพราะเป็นห่วงชิวาว่าของตัวเอง อาการมันไม่ค่อยดีเท่าไร

“พักรักษาตัวอยู่ ต้องพักสักระยะ ลูกน้องเธอร่างกายอ่อนแอมาก แต่ไม่ถึงตายหรอก อยู่ในมือหมอแล้วไม่ต้องห่วง” เมื่อเห็นว่าทรอยหน้าเสีย เจย์ก็รีบพูดให้กระจ่าง

“แล้วเรื่องค่ารักษาล่ะครับ ทั้งผมทั้งเฮกเตอร์เลย ห้ามบอกว่าไม่ต้องนะครับ ผมเกรงใจ” ทรอยรู้สึกกังวลอีกครั้งเพราะค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลลหรูแบบนี้คงจะแพงมาก

“ค่าใช้จ่ายของเธอ เบคเทลจะรับผิดชอบ มันเป็นสวัสดิการพนักงานอยู่แล้ว ส่วนเรื่องลูกน้องเธอ...ยังไม่รู้เท่าไร”

“จะแพงมากมั้ยครับ” ทรอยหน้าหมองเพราะค่ารักษาสัตว์ต้องไม่ใช่ถูกๆ แน่ แต่ยังไงเขาก็ต้องหามาให้ได้ เจ้าเฮกเตอร์คือครอบครัวของเขา เมื่อคิดจะเลี้ยงก็ต้องมีความรับผิดชอบมากพอที่จะดูแลมัน

“ก็คงมากหน่อย ถ้าเธอไม่มีฉันออกให้ก็ได้”

“คุณเจย์ อย่าแบบนี้สิครับ ผมลำบากใจ” ทรอยพูดออกมาตรงๆ เรื่องเงินทองมันละเอียดอ่อนและเขาก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใครอีก

“ค่ารักษา ผ่อนจ่ายได้มั้ยครับ” ทรอยลองหยั่งเชิงถาม เห็นคุณเจย์บอกว่าสัตวแพทย์คนนั้นเป็นเพื่อนก็น่าจะคุยกันง่ายหน่อย

“ก็คงได้ ฉันจะคุยให้ เธอเลิกห่วงเรื่องพวกนี้ได้แล้ว” เจย์ไม่ปกปิดน้ำเสียงหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจมนุษย์ ไม่สิ เขาไม่เข้าใจทรอยมากกว่า มนุษย์คนอื่นที่เขาเคยเจอ หากเสนอผลประโยชน์แบบนี้จะรีบตะครุบไว้ทันที แต่กับทรอยนั้นตรงกันข้าม ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไร้หนทางแต่ก็ยังเย่อหยิ่งไม่ยอมรับความช่วยเหลือเรื่องเงิน มันทั้งน่าหงุดหงิดและก็น่าประหลาดใจไปด้วย

“คุณเจย์ไม่นั่งเหรอครับ” ทรอยเมื่อเห็นว่าทำให้เจ้านายอารมณ์ไม่ดีก็หน้าเสีย พยายามชวนอีกฝ่ายคุย เจย์ไม่ตอบแต่กลับลากเก้าอี้เข้ามาใกล้แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียงคนเจ็บ สองมือกอดอกและยกเท้าขึ้นไขว่ห้างตามความเคยชิน

“อะไร?” เจย์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทรอยจ้องมองตนด้วยแววตาแปลกๆ เหมือนพวกลูกหมาที่หูหางตกเพราะโดนดุเลย

“เปล่าครับ ผมจะกลายเป็นมนุษย์หมาป่ามั้ยครับ?” ทรอยหัวเราะนิดๆ ต่างจากคนฟังที่ทำหน้าตื่นตระหนก

“ทำไมเธอพูดแบบนั้น” เจย์ยืดหลังตรง ถามกลับด้วยน้ำเสียงคาดคั้นคล้ายระวังภัย

“เอ่อ ก็ผมโดนสุนัขหมาป่ากัด ผมอาจกลายเป็นมนุษย์หมาป่าก็ได้ แบบในหนังไงครับ” ทรอยเลิ่กลั่กไม่รู้ว่าทำไมคุณเจย์ต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นด้วย เขาพูดอะไรผิดเหรอ

“ผมพูดเล่นครับ คุณเจย์อย่าซีเรียสขนาดนี้สิ คือ ผมกลัว” ทรอยยอมรับตามตรงตอนนี้ใบหน้าที่แต่เดิมก็ดุอยู่แล้วตอนนี้กลับดูน่ากลัวเหมือนคุณเจย์กำลังโกรธจัด ไม่ใช่สิ เหมือนคุณเจย์ตื่นกลัว ตื่นตระหนกมากว่า

ผู้เป็นจ่าฝูงพอรู้ตัวว่าตนเองเผลอแสดงออกมากไปก็รีบปรับอารมณ์ เจย์ถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นคนตรงหน้าคอตกเพราะถูกดุ แม้ความจริงเขาจะไม่ได้ดุอะไรก็ตาม

“เธอไม่เป็นหรอก” เจย์พูดแค่นั้นแล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้นิดๆ เหมือนต้องการปลอบขวัญ เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองได้ทำลายบรรยากาศดีๆ ไปเสียแล้ว เพราะตอนนี้ทรอยหน้าเสียแถมปิดปากเงียบสนิทเหมือนไม่อยากสนทนากับเขา

“เธอชอบมั้ย” เจย์ลองเป็นฝ่ายชวนคุยบ้าง

“ครับ?”

“ดอกไม้น่ะ ชอบรึเปล่า” เจย์มองไปที่ช่อกุหลาบบนตักของทรอย

“อ่อ ใครเลือกมาให้เธอครับ แอนนี่ โทนี่ หรือเจ้าของร้านดอกไม้” ทรอยถามกลับ

“ฉันเลือกเอง”

พอได้ยินคำตอบก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี ทรอยผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคุณเจย์มีสีหน้าอ่อนลง

“ทำไมถึงเป็นดอกกุหลาบล่ะครับ ทำไมต้องเป็นสีนี้” ทรอยลองถามลึกลงไปอีกหน่อย

“ฉันคิดว่ามันเหมาะกับเธอ” เจย์ตอบมาสั้นๆ เขาแค่รู้สึกว่าทรอยเหมาะกับสีแดงเข้มและดอกกุหลาบที่ทั้งสวยและมีหนามแหลมคม

“ดอกนี้แดงเข้มจนแทบจะกลายเป็นกุหลาบสีดำเลยครับ” ทรอยชี้ให้ดูซึ่งเจย์ก็เห็นด้วยว่าดอกนั้นมีสีเข้มมากจริงๆ

“รู้ความหมายของมันมั้ยครับ” ทรอยถามสิ่งที่ค้างอยู่ในใจ แต่ทว่าคนถูกถามกลับส่ายหน้า ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทรอยคาดไว้ไม่ผิด

“ฝากเอาวางไว้บนโต๊ะทีครับ” ทรอยยื่นช่อดอกไม้ให้เจย์นำไปวางไว้ที่โต๊ะ ส่วนตนเองนั้นล้วงมือไปใต้หมอนเพื่อหยิบกระดาษแผ่นบางที่ตนซ่อนไว้ออกมา จากนั้นจึงลงมือวาดรูปในกระดาษด้านที่ยังว่างเปล่า

“เมื่อคืน...ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่น” เจย์กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม มองคนเจ็บที่กำลังวาดรูปบางอย่าง

“ผมจะพาเฮกเตอร์ไปหาหมอครับ แต่ดันหลงทาง” ทรอยตอบสั้นๆ เวลาวาดรูปเขียนงาน สมาธิทรอยจะจดจ่ออยู่กับงานมากกว่าสิ่งใด

“ไปกับใคร” เจย์ถามทั้งที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ไปกับพี่หลงครับ เขาเข้าไปถามทางในร้านค้า ส่วนผมก็วิ่งตามเฮกเตอร์ไปแล้วก็ไปเจอหมาป่าเวรนั่น” ทรอยพูดโดยไม่ละสายตาจากที่สิ่งตัวเองกำลังวาด

“มันทิ้งเธอ” เจย์พูดขึ้นทันที

“อืม จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ เขาติดคุยจนลืมผม” ทรอยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบคล้ายกับไม่เดือดร้อนอะไร

“หมอนั่นมันไม่ได้เรื่อง เธอไม่ควรให้มันมายุ่งอีก อย่าไว้ใจคนอื่นมากเกินไปอันตรายจะถึงตัว”

มือที่กำลังวาดอยู่ชะงักทันที ทรอยเบนสายตาจากกระดาษหันมามองหัวหน้าทีมที่กำลังจ้องเขาอยู่

“อย่าไว้ใจใคร รวมถึงคุณด้วยรึเปล่าครับ” ทรอยยิ้มนิดๆ เพราะได้หยอกล้อคุณเจย์ แต่คนถูกหยอกกลับกระตุกยิ้มมุมปากเพียงนิดก่อนจะตอบ

“โดยเฉพาะฉัน”

ทรอยเผลอยิ้มเมื่อได้ฟังคำตอบ แม้จะฟังดูเหมือนเป็นการพูดเล่น แต่เมื่อมองเข้าไปลึกข้างในดวงตาสีฟ้าหม่น ทรอยกลับรู้สึกว่าคุณเจย์นั้นพูดจริง

“คุณเจย์ครับ” ทรอยวางดินสอในมือแล้วหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ ความประหม่าเขินอายหายไปสิ้น ตอนนี้รู้สึกแค่เพียงว่า เขาอยากมองประสานนัยน์ตาสีฟ้านั้นให้นานเท่าที่จะนานได้

“ฉันฟังอยู่” เจย์ขยับกายเข้าไปใกล้อีกนิดโดยที่ไม่ยอมหลบสายตาเช่นกัน

“ถ้าผมหายแล้ว เราไปร้านกาแฟนั่นด้วยกันมั้ยครับ”

“เราเหรอ?”

“ครับ แค่เราสองคน”

ทรอยช่างไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางและคำพูดของตนเองนั้นเชื้อเชิญเขาแค่ไหน

“ได้สิ แค่เราสองคน”

น้ำเสียงของคุณเจย์ที่เอ่ยออกมานั้น มันทั้งทุ้มและนุ่มแต่ก็เร่าร้อนคล้ายกับตอนที่เขาดื่ม วิสกี้เป็นครั้งแรกในชีวิต

และสุดท้ายก็เป็นทรอยที่ยอมแพ้ให้กับสงครามสู้สายตาในครั้งนี้ หากคุณเจย์มองเขาด้วยแววตานิ่งๆ เหมือนเคย เขาคงจะขอสู้ แต่นี่คุณเจย์เล่นมองเขาด้วยแววตาที่มัน..หวานฉ่ำ หยาดเยิ้มขนาดนี้ เขาไม่อาจเอาชนะได้หรอก

“คุณเจย์ทานแอปเปิ้ลกันมั้ยครับ” ทรอยกระแอมสองสามครั้งแล้วเปลี่ยนเรื่อง

“เธอหิวเหรอ” เจย์ยืนขึ้นแล้วเดินไปหยิบแอปเปิ้ลที่ตนสั่งให้โทนี่ซื้อมา

“อยากกินน่ะครับ” ทรอยโกหก เขาแค่จะหาอะไรทำแก้เขินเฉยๆ

“ฉันก็อยากกิน” เจย์หยิบแอปเปิ้ลสีแดงสดมาหนึ่งลูก

“อ่อ งั้นกินด้วยกันมั้ยครับ” นี่เขากำลังชวนคุณเจย์กินแอปเปิ้ลที่คุณเจย์ซื้อมาให้เนี่ยนะ

“เอาสิ…” เจย์เดินมาข้างเตียงตามเดิม ดวงตาของหมาป่ามองหน้าคนที่นั่งรออยู่

 

 

 

 

เจย์อ้าปากกัดผลแอปเปิ้ลในมือหนึ่งคำจนเกิดรอยแหว่งขนาดใหญ่ ฟันคมเคี้ยวเนื้อผลไม้ที่เขาไม่ค่อยจะชอบรสชาติเท่าไรนักขณะที่ตาก็ยังมองหน้าทรอยแบบไม่กระพริบเช่นเดิม

“…” ทรอยมองสิ่งที่คุณเจย์แสดงออกอย่างสงสัย จากนั้นความสงสัยกลับกลายเป็นความร้อนลุ่มขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่รู้สาเหตุ เมื่อจู่ๆ เจย์ก็ยื่นผลแอปเปิ้ลด้านที่มีรอยกัดส่งให้ทรอย

ทรอยมองแอปเปิ้ลที่ยื่นมาให้ แล้วมองหน้าคุณเจย์ที่มองตอบกลับมาด้วยแววตาที่ทรอยเข้าใจว่า เป็นการหยอกล้อและท้าทาย และแน่นอน ทรอยรับคำท้านั้น

ทรอยหยิบผลไม้ในมือของหัวหน้าทีมแล้วเลือกที่จะกัดซ้ำรอยเดิมที่คุณเจย์ได้สร้างเอาไว้ เขาไม่แน่ใจว่าตนตีความหมายของแววตาที่คุณเจย์มองมาผิดหรือไม่

คุณเจย์กำลังพึงพอใจในสิ่งที่เขาตอบสนอง

“ฉันกินด้วยได้มั้ย?” เจย์ถามด้วยน้ำเสียงที่คนฟังต้องขนลุกซู่ มันเหมือนคำกระซิบที่ออดอ้อนให้ยอมศิโรราบแต่โดยดี ซึ่งทรอยก็ทำได้เพียงพยักหน้าน้อมรับแล้วยกมือข้างที่ว่างกุมหัวใจตนเองเพราะเกรงว่าจะหลุดออกมา

ในตอนที่คุณเจย์นั่งลงบนเตียงข้างกายเขา ในยามที่มือของคุณเจย์โอบกุมมือของเขาที่กำผลแอปเปิ้ลอยู่ หรือแม้แต่ในยามที่คุณเจย์เอียงหน้าเคลื่อนเข้ามาใกล้และอ้าปากกัดผลไม้สีแดงก่ำนั้น

ดวงตาของเราทั้งคู่ยังคงประสานกันตลอดเวลาราวกับเรากำลังตกอยู่ในวังวนของมนต์สะกดที่ยังไม่คลาย

ทรอยอ้าปากหอบหายใจเพียงนิด คุณเจย์เคี้ยวเนื้อผลไม้นั้นแค่สองสามครั้งก็กลืนลงคอ ทรอยเผยอปากหอบหายใจโดยไม่รู้ตัวในยามที่เจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นออกแรงผลักให้ผลแอปเปิ้ลในมือเราทั้งสองมาจรดที่ริมฝีปากของเขา

คำพูดใดๆ ในโลกนี้ มันไม่จำเป็นสำหรับเราสองคน

ทรอยรู้ว่าคุณเจย์ต้องการให้ทำอะไรและคุณเจย์ก็รู้ดีในสิ่งที่ทรอยเองก็ต้องการเช่นกัน

เราสองคนค่อยๆ กัดกินผลแอปเปิ้ลสีแดงสดนั้นช้าๆ ละเลียดรสหวานฝาดลิ้นไปด้วยกัน

 

 

 

“อุ๊ย!” เสียงตกใจของแม่เรียกสติของทรอยให้หลุดจากภวังค์ ทรอยดีดตัวผละออกห่างคุณเจย์จนหัวไปกระแทกขอบเตียงทันที

“ระวังหน่อยสิ” คุณเจย์ดุนิดๆ แต่คนถูกดุกลับทำหน้าดื้อเพราะที่เขาเจ็บตัวมันก็เพราะคุณเจย์นั่นแหล่ะครับ

แม่ของทรอยทำหน้าบอกไม่ถูก เธอจึงเดินเข้าห้องน้ำไปก่อน ส่วนโทนี่และแอนนี่ที่มาเห็นก็ไม่ได้มีทีท่าเขินอายอะไร เป็นทรอยเสียอีกที่แทบไม่กล้ามองหน้าใครแล้ว

“ทรอย ซื้อขนมมาฝาก เอ๊ะ แต่ว่า กินได้รึเปล่า คุณหมอจะดุมั้ย” แอนนี่เดินตรงรี่เข้ามาหาทรอยพร้อมกับถุงขนมสามสี่ห่อที่เธอเคยเห็นทรอยกิน

“กินได้ ไม่ดุหรอกก็หมอไม่รู้ แอนนี่หายแล้วใช่มั้ย ที่ไม่สบาย วันนี้ดูสวยเป็นพิเศษเลย” ทรอยยิ้มกว้างและเอ่ยชมตามมารยาทของชายหนุ่มส่วนคนถูกชมก็หัวเราะร่วน

“ทรอยได้ตาของคุณแม่มาเหรอคะ ดูสิ ตอนทรอยยิ้มมันจะเป็นเสี้ยวพระจันทร์เหมือนของคุณแม่เลยค่ะ”

“ใช่ครับ ปากผมก็เหมือนแม่นะยิ่งเวลายิ้มมีแต่คนบอกว่าถอดกันมาเลย”

“คุณแม่ของทรอยยิ้มสวยมากค่ะ”

“งั้นก็แปลว่าผมยิ้มสวยด้วยใช่มั้ยครับ” ทรอยยิ้มกว้าง

“ไม่ค่ะ ทรอยยิ้มได้หล่อมากต่างหาก”

ทั้งสองหัวเราะร่วนโดยมีโทนี่ร่วมวงสนทนาอีกคน

“เฮ้ยทรอย แมลงเกาะหัวนาย” โทนี่ชี้ไปที่ผมของทรอย ส่วนแอนนี่ที่ยืนอยู่ใกล้พอเห็นตัวแมลงก็รีบยื่นมือไปเพื่อจะหยิบออก

แต่ก่อนที่ฝ่ามือนิ่มของหญิงสาวจะสัมผัสโดนผมของทรอย มือของเธอกลับต้องชะงักค้างเพราะถูกฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่ข้อมือก่อน

ทรอย โทนี่และแอนนี่ต่างหันไปมองคุณเจย์ที่อยู่ๆ ก็จับข้อมือแอนนี่แล้วดึงออกมาเบาๆ

ใจของทรอยมันหวิวเหมือนตอนที่หิวข้าวจัดๆ แต่ไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย เมื่อมองเห็นว่าคุณเจย์และแอนนี่มองตากัน จากนั้นแอนนี่ก็ลดมือลงพร้อมกับถอยออกไปยืนด้านหลังคุณเจย์เล็กน้อย

ทรอยกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน การกระทำของคุณเจย์นั้นมันแสดงออกให้รู้เลยว่า คุณเจย์กำลังหวงแอนนี่

ทรอยรู้สึกเหมือนมีใครมาบีบหัวใจเขา

“เอ่อ...เรากลับกันเลยมั้ยครับ มีงานต่อ” โทนี่พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทรอยเห็นคุณเจย์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหาตน ก่อนจะยกมือขึ้นเหมือนต้องการจะจับหัวเขา

ทรอยปัดมือคุณเจย์ออกทันที

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง โดยที่ทรอยรับรู้ได้ว่าสายตาของคุณเจย์กำลังมองตนอยู่ แต่ทรอยเลือกที่จะไม่สนใจกลับลงมือวาดงานที่ค้างไว้อย่างหวัดๆ แล้วส่งยื่นให้คุณเจย์

“ขอบคุณที่มาเยี่ยม ไว้เจอกันที่ทำงานครับหัวหน้าทีม” ทรอยพูดโดยที่ไม่มองหน้าใครทั้งนั้น

“…” จ่าฝูงหมาป่ายืนงงกับพฤติกรรมของทรอยที่ปัดมือเขาออกแล้วก็มามึนตึงใส่ทุกคน แต่เจย์ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรอีก เขารับกระดาษที่ทรอยส่งมาให้แล้วเดินหันหลังออกจากห้องไปทันที

เมื่อทั้งสามกลับไป ทรอยก็ไม่ปกปิดความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอก

คุณเจย์ทำแบบนี้อีกแล้ว มาหว่านเสน่ห์ให้เขาแพ้ทางแต่สุดท้ายก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่คุณเจย์สนใจ ยิ่งเห็นท่าทางที่คุณเจย์หวงแอนนี่จนไม่อยากให้เธอมาถูกตัวผู้ชายอื่น ทรอยก็ยิ่งอยากร้องไห้ เขากำลังอิจฉาแอนนี่เหรอ ไม่หรอก เขาไม่ได้อิจฉาเธอ เขาชอบเธอด้วยซ้ำ แอนนี่ไม่ได้ผิดอะไร คนที่ผิดคือคุณเจย์ต่างหาก

คนเจ้าชู้...

“น่าโมโหชะมัด” ทรอยหัวเสีย

“อ้าว กลับกันไปแล้วเหรอ” แม่ของทรอยที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งห้องมีเพียงลุกชายที่นั่งอยู่บนเตียงคนป่วย

“ครับ”

“เป็นอะไรทรอย” แม่จับน้ำเสียงความไม่พอใจของลูกชายเธอได้

“เปล่านี่ครับ” ทรอยตอบแค่นั้นเหมือนไม่ต้องการพูดอะไรต่อแต่อยู่ๆ ก็นึกเปลี่ยนใจขึ้นมาดื้อๆ เมื่อความสงสัยมันมีมากกว่าความหงุดหงิด

“เจ้านายของผม คุณเจย์ แม่ว่าเขาคิดยังไงกับผมครับ” นี่เป็นนิสัยเสียอย่างหนึ่งที่แก้ไม่หายของทรอย เวลาโมโหทรอยจะพูดจะบอกอะไรไปตรงๆ ซึ่งบางครั้งคำพูดที่ตรงกับใจเกินไปก้ไม่ส่งผลดีนัก

“อืม...แม่ว่าเค้าน่าจะชอบลูกนะ” แม่ของทรอยทำท่าคิด

“ผมก็คิดแบบนั้นครับ” ทรอยยอมรับตามตรง

“แล้วยังไงต่อจ๊ะ” แม่ถามย้ำเพราะต้องการให้ทรอยบอกสิ่งที่ติดค้างในใจ

“ประเด็นคือ เขาทำเหมือนจีบผม แต่ไม่ได้จีบผมคนเดียว เขาดูเหมือนกำลังคบกับแอนนี่ด้วย” ทรอยโพล่งสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาให้แม่รับรู้ ขอบตาร้อนผ่าวนิดๆ ไม่คิดว่าตนเองจะอ่อนแอขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าตนจะชอบคุณเจย์ได้มากขนาดนี้

“แอนนี่ แม่หนูคนสวยเมื่อกี้เหรอ”

“นั่นล่ะครับ”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”

“ก็เขาดูแลเธอ เขาไปไหนมาไหนกับเธอ เขาดูห่วงใยเธอ ไม่รู้สิครับ ผมบ้าไปแล้ว พอแล้วครับผมเลิกคิดดีกว่า” ทรอยเกาหัวแล้วล้มตัวลงนอนพยายามไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น

“เขาบอกเหรอว่าคบกันอยู่” แม่ทรอยเดินมาใกล้แล้วทิ้งตัวนั่งข้างๆ ลูกชายเธอ

“ไม่ได้บอกครับ แต่ใครๆ ก็ดูออก”

“ใครล่ะ มีใครมาบอกลูกเหรอว่าเขาคบกัน”

“…” ทรอยนิ่งเงียบ

“ที่แม่เห็น สายตาที่คุณเจย์มองแม่หนูคนนั้น กับที่มองลูกมันต่างกันนะ”

“ยังไงครับ” ทรอยหันมามองหน้ามารดาของตน

“ก็ แหม...ไม่รู้สิ แม่อธิบายไม่ถูก แต่ว่าถ้าลูกอยากรู้ทำไมไม่ถามเค้าล่ะว่าเค้าคบกันหรือเปล่า”

“ใครจะไปกล้าถาม ผมอาย ถ้าเค้าบอกว่าคบกันผมก็หน้าแตกสิครับ แค่นี้ก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว” ทรอยทำปากยื่นเหมือนเด็กงอแงซึ่งคนเป็นแม่ก็ได้แต่ส่ายหัวอ่อนใจ แต่อย่างน้อยลูกชายเธอก็ยอมรับหัวใจตัวเอง

“งั้นลูกก็ตัดใจสิ ลูกใจแข็งอยู่แล้ว”

“...” ทรอยไม่ตอบแต่ในหัวนั้นคิดวนเวียนไม่รู้จบ

“ลูกตัดใจได้แต่ไม่ยอมตัดสินะ” แม่ของทรอยรู้ใจลูกชายเธอเสมอ ทรอยชอบเขามาก และที่ยังไม่ยอมตัดใจจริงๆ ก็เพราะยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าสองคนนั้นคบกันหรือเปล่า

“ไม่ว่าใครก็ต่างเคยทำเรื่องโง่ๆ เพราะความรักกันทั้งนั้น…”

“ลอกมาจากหนังเรื่อง Predestination ครับ”

“รู้ทันอีก ลูกคนนี้” แม่ของทรอยหัวเราะร่วน ดีใจที่ทำให้ทรอยคลายจากความหงุดหงิดได้บ้าง

“ถ้าเป็นแม่ จะทำยังไงครับ” ทรอยมองหน้าหญิงสาวที่ตนรักมากที่สุดในชีวิต

“ถ้าเป็นแม่ แม่จะถามให้รู้กันไปเลยว่าเขาคบกันหรือเปล่า จะได้รู้ว่าเราควรจะทำยังไงต่อไป”

“ผมไม่กล้าถามเขา ผมอาย”

“ไม่จำเป็นต้องถามเจ้าตัวหรอกทรอย เรามีเพื่อนไว้เพื่อการนี้แหล่ะ สืบจากคนรอบตัวเขาก็ได้ มันไม่ยากเลย”

ทรอยทำหน้าประทับใจ นั่นสินะ ทำไมเขาลืมวิธีนี้ไปได้ มันโคตรจะง่ายเลยที่จะรู้

เมื่อนึกขึ้นได้ทรอยก็ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าโทรศัพท์ของตนกดเข้าอีเมลทันที เขาพิมพ์ข้อความไม่ยืดยาวนักเพราะไม่อยากเสียเวลาจากนั้นจึงกดส่งเมลแล้วเฝ้ารอคอยคำตอบที่จะถูกส่งกลับมา

 

 

เจย์หงุดหงิดเล็กน้อยเพราะตนไม่อาจเข้าใจอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของทรอยได้

เขาเลือกขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับตามเดิม ฝาแฝดนั่งยังเบาะหลังทั้งคู่ เพราะเบาะข้างคนขับไม่ว่างเสียแล้ว

“เอาดอกไม้มาทำไมเหรอ” แอนนี่ถามขึ้นเพราะเห็นว่าช่อดอกทานตะวันที่เธอแกล้งแสดงว่าแพ้เกสรของมันวางอยู่บนเบาะ

“ไม่รู้ เจย์ให้เอามาด้วย” โทนี่ยักไหล่ ยื่นมือไปยังเครื่องเล่นเพลงของรถแล้วกดเล่นเพลงที่ตนชอบฟัง ส่วนแอนนี่ก็ยื่นหน้าไปถามจ่าฝูงอย่างสงสัย

“ทรอยให้กระดาษอะไรมาเหรอคะ”

เมื่อแอนนี่ถามขึ้น เจย์ถึงนึกออกว่าตนเก็บแผ่นกระดาษนั้นใส่กระเป๋าสูทไว้โดยที่ยังไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ นึกได้จึงล้วงหยิบออกมาดูเพราะตนก็สงสัยเช่นกัน

บนกระดาษที่มีรอยยับนั้น ทรอยวาดดอกกุหลาบหนึ่งดอกเอาไว้ พร้อมกับเขียนข้อความกำกับว่า Black Rose…

“กุหลาบสีดำเหรอคะ?” แอนนี่มองรูปวาดของทรอยไม่วางตาจนผู้เป็นจ่าฝูงต้องใช้มือดันหัวของเธอให้หดกลับไปนั่งเบาะหลังตามเดิม

เจย์ขมวดคิ้วนึกสงสัยว่าทรอยให้รูปวาดนี้แก่เขาทำไม เมื่อเขาลองพลิกกลับไปอีกด้านของกระดาษก็ยิ่งทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิมเสียอีก แต่ทว่านอกจากความไม่เข้าใจเจย์กลับรู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว

สุนัชหมาป่าสีดำที่ดวงตาถูกระบายด้วยสีฟ้า ซึ่งเจย์รู้ได้ทันทีว่าเป็นตัวเขาเอง

ทรอยบรรจงวาดร่างหมาป่าของเขา ถ่ายทอดมุมมองที่มีต่อเขาในร่างนั้นออกมาได้ชัดเจน

ในสายตาของทรอย เขาสวยงามและสง่างามได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

คำถามผุดขึ้นในหัวพร้อมกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่แรงมากกว่าปกติหลายเท่า นี่สินะ ที่พวกมนุษย์เรียกมันว่า ความยินดี ความสุขสม เขาเข้าใจแล้ว

“คุณเจย์ครับ” โทนี่เรียกเขาด้วยเสียงหวาดหวั่นจนเจย์ต้องละสายตาจากกระดาษในมือไปมอง พบว่าโทนี่กำลังกอดร่างน้องสาวเอาไว้แน่น ตัวของแอนนี่สั่นเทาและหน้าซีดขาว แม้แต่โทนี่เองก็มีอาการบ้างเล็กน้อยแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง

“กลิ่นของคุณ มันแรงมาก มากเกินไปครับ” โทนี่รีบเตือนและกอดร่างน้องสาวไว้แน่น กลิ่นฟีโรโมนของเจย์กระตุ้นอาการของแอนนี่จนเธอปวดร้าวไปทั้งตัว แม้แต่โทนี่ยังหวั่นใจ จริงอยู่ว่าทุกตัวในฝูงเคยได้กลิ่นของเจย์ในยามที่เจย์ปล่อยฟีโรโมน แต่ที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบนัก แต่กับครั้งนี้ มันมากเกินไป มากจนเขาเองยังใจสั่น ไม่ต้องพูดถึงแอนนี่ เธอกำลังอยู่ในช่วงฮีท การถูกกระตุ้นแบบนี้ทำให้ร่างของเธอเจ็บจนร้าวไปหมด

เจย์เมื่อรู้ตัวว่าตนนั้นทำอะไรลงไป ก็รีบควบคุมกลิ่นหอมของตนแต่ทว่าก็ยังทำได้ไม่ดีนัก เจย์จึงหยิบบุหรี่แล้วออกจากรถไป เจย์พยายามวิ่งออกห่างตัวรถให้มากที่สุด เขาไม่ได้ต้องการให้แอนนี่ต้องทรมานแบบนี้

เมื่อออกห่างมามากพอ เจย์ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สาธารณะ โชคดีนักที่ไม่มีมนุษย์หมาป่าแถวนี้ เจย์รวบรวมสติให้มั่นคงจากนั้นจึงอัดตัวยาจากบุหรี่เข้ากายต่อเนื่อง ผ่านไปสักพักหัวใจที่เต้นเร็วแรงจึงกลับมาเป็นปกติ ตอนนี้เขาควบคุมกลิ่นหอมของตนได้แล้ว

เจย์ปาดเหงื่อที่ไหลชุ่มไปทั่วใบหน้า เขาคลายเนกไทออกเล็กน้อยเพราะรู้สึกอึดอัด หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหาโทนี่ เพื่อถามว่าอาการแอนนี่ดีขึ้นหรือยัง เมื่อรู้ว่าดีขึ้นแล้วเจย์จึงกดวางสาย หน้าจอปรากฏการแจ้งเตือนเข้า เจย์กดดูทันทีเพราะชื่ออีเมลคือชื่อของคนที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองแทบไม่ได้อย่างนี้

เมื่ออ่านข้อความเจย์ก็เผลอยิ้มกว้างอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาระวังตัวมากขึ้น ควบคุมตัวเองมากขึ้น

 

 

“ฉันมีเรื่องจะถาม คุณเจย์คบกับแอนนี่อยู่หรือเปล่า เฮ้โทนี่ นายอย่าไปบอกใครนะว่าฉันถาม ขอบคุณมาก”

 

 

 

 

 

 ------------------------------------------------------

สวัสดีรีดเดอร์ทุกคนนะคะ  ^^

บทนี้คือยาวมาก แบบมากที่สุดเท่าที่เคยเขียนเลย หมดพลังงานไปเยอะ

ปวดหลังมากเลยค่ะไรเตอร์อ้อนขอคอมเม้นมาแทนยาแก้ปวดได้มั้ยคะ 555+

ต่ายขอแจ้งนิดนึงว่า ว่าเรื่องนี้ เป็นเรท PG - 13 นะคะ มีฉากความรุนแรงอยู่

หากฉากไหนที่ค่อนข้างส่งผลต่อใจหรือความเครียดของผู้อ่าน

ต่ายจะขึ้นแจ้งเตือนให้ก่อนนะคะ

และต่ายกำลังแก้ไขคำผิดตั้งแต่ตอนที่1มาจนถึงตอนนี้ ต้องขออภัยนักอ่านที่บางทีมันมีคำผิดหลายจุด T^T

เจอกันบทหน้านะคะทุกคน อย่าลืมคอมเม้นให้กันบ้างนะคะ ไรท์จะได้มีแรงมาอัพต่อ อ้อนๆ


ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: :pig4:เนื้อหาเยอะมากคะชอบมากรออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
สนุกมากค่ะ
ตอนแรกนึกว่าคุณเจย์จะขรึมๆซะอีก ที่ไหนได้ รุกหนักอ่ะคนนี้
แล้วนิดๆหน่อยๆก็ปล่อยกลิ่นทำให้น้องทรอยหวั่นไหว
สงสารใจน้องบ้างเถอะ
ปล.คู่แฝดน่ารักจังเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ premierfour

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ FaX

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากเลยค่ะ อ่านไปแล้วฟินไป เขาอ่อยกันด้วยละตัวเธอออออ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปกติจะไม่ค่อยอ่านเรื่องาาวที่เป๋น ตปท นะ เพราะจะนึกสภาพ แวดล้อมไม่ออก  แต่เรื่องนี้แต่งดีมากนะคะ  ชิบมากร่ะ มีบางตอนที่เราถูกดูดไปในซีนนั้นเลย  ตอนที่ทรอยถูกหมาป่าไล่ต้อน   งื้อออ สนุกอ่ะ รอตอนต่อไปนะคะ


ชอบทุกตอนเลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด