‘เราต่างกันเกินไป’
ประโยคบอกเลิกสุดคลาสสิกที่ผมทำได้เพียงแค่เดินออกมาจากชีวิตของเขาก็เท่านั้น
ทั้งที่ในใจอยากจะโวยวายแทบตาย ต่างบ้าต่างบออะไร พระอภัยมณีก็พูดแบบนี้กับผีเสื้อสมุทร สุดท้ายก็เห็นไปได้กับนางเงือก กูงง
แต่เอาจริงๆความรักครั้งนี้มันก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนๆที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ จริงๆก็น่าจะทำใจให้ชินได้แล้วว่าชาตินี้คงไม่มีใครที่จะคบกับผมยาวๆได้หรอก
ก็ผิดที่ผมเอง ที่ดันไปหวังว่าครั้งนี้มันจะต่างกับครั้งก่อนๆ คิดว่าคนนี้ใช่แล้วเชียว ไม่น่าเลย
‘ต่อไปนี้จะเข็ดแล้วจริงๆ’
ผมกดอัพข้อความลงสตอรี่ไอจี ไม่นานเพื่อนๆก็พากันรีพลายมาหาทำนองว่าเกิดอะไรขึ้น เลิกกันแล้วหรอ ซึ่งผมก็ทำได้เพียงตอบกลับไปว่าอือ
‘อยู่ไหน’
รีพลายจากไอ้ธาดา เพื่อนสนิทที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน หรือแค่เพียงพูดคุยกันเล็กๆน้อยๆก็รู้สึกผ่อนคลาย
‘มึงอยู่ไหนอะ’
‘บ้าน’
‘มามอกูได้ปะ ร้านกาแฟABX’
‘40นาทีถึง’
ผมกับมันเรียนมัธยมด้วยกัน บ้านเราก็ไม่ไกลกันนัก แต่ตอนนี้อยู่คนละมหาลัยทำให้มาเจอกันได้ไม่บ่อย คนหัวดีอย่างมันก็ไปเรียนมหาลัยสีชมพูแถวๆสามย่านนู่น ส่วนผมตัดสินใจซิ่วหนึ่งปีเพราะคะแนนแอดมิชชั่นค่อนข้างต่ำ พอสอบใหม่แบบตั้งใจจริงๆก็ได้มาเรียนมหาลัยสีเหลืองแดงย่านรังสิต ไม่ใช่ว่าคะแนนไม่ถึงมหาลัยเดียวกับมันหรอก แต่ไม่ชอบอยู่กรุงเทพ คนเยอะวุ่นวายเลยไม่ยื่นที่นั่นไป
ธาดามันเป็นคนติดบ้าน ถึงอยู่หอก็กลับบ้านบ่อย อ้อ ก่อนหน้านี้มันมีแฟนด้วยก็เลยต้องคอยมาหาแฟน แต่ก็เลิกกันไปแล้ว ต่างกันกับผม บ้านก็อยู่แค่นี้ แต่ไม่ค่อยกลับ อยู่แต่หอ จนแม่แทบจะจ้างให้กลับบ้านแล้ว
ผมนั่งรออีกฝ่ายที่ร้านกาแฟไม่นานมันก็โผล่หัวมาไวกว่าที่คิด สงสัยรถไม่ติด
“เดี๋ยวนี้มึงกลับมาใส่แว่นแล้วหรอวะ” สมัยมัธยมเป็นที่รู้กันว่าผมสายตาสั้น แต่ไม่ใส่แว่น ไม่ใส่คอนแทค เพราะเมื่อยตา ทำให้มองหน้าเพื่อนไกลๆก็ไม่ชัด มองกระดานก็ไม่เห็น ต้องลอกเอาจากสมุดคนข้างๆซึ่งก็คือไอ้ธาดานี่แหละ พอขึ้นปีหนึ่งก็เริ่มสายตาสั้นมากขึ้นเลยต้องยอมใส่แว่น แต่พอคบกับพี่ฟลุ๊คก็เปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์
“อือ หยิบคอนแทคทิ้งเมื่อกี๊ เมื่อยตา ดีที่เอาแว่นมาด้วย”
“เมื่อก่อนไม่เห็นเคยบ่น” ก็นะ พวกมันประหลาดใจแทบตายที่เห็นคนอย่างผมใส่คอนแทคช่วงนั้น
“พี่ฟลุ๊คบอกใส่คอนแทคดูดีกว่า กูก็ใส่มั้ยล่ะ”
“แล้วความจริงมึงชอบใส่มั้ย”
“เคืองตาจะตายห่า”
“ควาย ก็ฝืนใส่มาเป็นปีเนอะมึงเนี่ย”
“อืม..เหมือนที่เขาก็ฝืนคบกูมาเป็นปีแหละ”
“เอ้า เศร้าเฉย ไปครับแดกเหล้า”
“ขี้เกียจไปร้านอะ” ผมส่ายหน้า คนเยอะ วุ่นวาย
“ห้องมึงนั่นแหละ ลุก”
“อื้อ ถ้างั้นก็ด้ะ” ผมเดินตามไปยังรถของอีกฝ่าย เหลือบตาไปเห็นขวดเหล้าที่เบาะหลัง “ก็คือเตรียมพร้อมมามอมกูเลย” ผมว่า มันหัวเราะ
“คนอกหักเขาให้พักหัวใจแล้วใช้ตับ”
“แข็งแล้วมั้งของมึงอะ” ด้วยความที่มันเรียนวิศวะ เห็นอัพสตอรี่ดื่มกันอย่างบ่อย ทั้งไปร้าน ทั้งดื่มที่หอ
“คำพูดคำจา!”
“อะไรอะ” ผมหันไปทำหน้างง
“มาบอกของกูแข็ง แหนะ! แอบมอง” มันมองเป้าตัวเองแล้วหันมาหรี่ตามองผม
“ใช่ก็เหี้ยแล้ว หมายถึงตับมึงแข็งโว้ยไอ้เวร” ผมฟาดมันไปที อีกฝ่ายหัวเราะร่าเมื่อแกล้งผมสำเร็จ
เราแวะซื้อขนมกับมิกเซอร์ที่เซเว่นกันครู่หนึ่งก่อนจะเข้าหอ ธาดาเอาของทุกอย่างไปถือให้ทั้งหมด มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยมัธยม ดูแลเพื่อนดีเสมอ ผมเดินตัวปลิวโคตรสบาย
เคยถามมันนะว่าทำไมชอบดูแล มันบอกว่ามันเป็นลูกคนเดียว อยากมีน้อง เห็นผมง่อยๆเลยรับอุปถัมภ์เป็นน้องในใจ ไอ้ห่าจะซึ้งแล้วถ้าไม่บอกว่ากูง่อย แต่ก็ดี มีมันคอยดูแลโคตรสบาย ความแย่ก็คือพอขึ้นมหาลัยแล้วห่างกันก็อดคิดถึงไม่ได้ ปกติสมัยมัธยมจะทำอะไรก็มีมันคอยซัพพอร์ตลอด ตั้งแต่ม.1อะคิดดู เรียกว่าโตมาด้วยกันเลยก็ว่าได้
ขึ้นลิฟต์มาถึงห้องแล้วผมก็ปล่อยให้มันจัดการหาแก้วหาถังน้ำแข็งและกางโต๊ะญี่ปุ่นให้ ส่วนตัวผมอะหรอ เดินตัวปลิวไปอาบน้ำสบายใจ
“มองไร” ผมขมวดคิ้วเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองค้างเลย
“เปล่า” มันหลบตาแล้วก้มหน้าชงเหล้า
“อะไรวะ มองนมกูหรอ” ผมแกล้งทำสะดีดสะดิ้งปิดหน้าอกตัวเอง
“รู้ว่ามองแล้วยังไม่รีบไปแต่งตัวดีๆอีก” อ้าว เชี่ย มันมองจริง จากแกล้งมันกลายเป็นผมนี่แหละเขิน ไอ้เวร
ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่เรียบร้อยก็ไปนั่งฝั่งตรงข้ามมัน รับแก้วที่อีกฝ่ายชงไว้ให้มาดื่ม ผมกินเหล้ามิกซ์สไปรท์เท่านั้น อีกฝ่ายรู้ดีและชงอร่อยเสมอ
“เล่ามั้ย” มันถาม
“อีกสองแก้วจะเล่า”
“มึงเมาหลับพอดี”
“แหะๆ เอาเลยก็ด้ะ แต่แลกกันนะ” ตั้งแต่มันเลิกกับแฟนมัน ผมกับมันก็ยังไม่มีโอกาสมานั่งคุยกันเลยเพราะต่างฝ่ายต่างติดงานที่มหาลัย พึ่งว่างตรงกันนี่แหละ “พี่เขาบอกกูว่าเราต่างกันเกินไป เลยขอเลิก”
“แล้วมึงก็เลิก?”
“อือ”
“ไม่รั้ง?”
“อย่างกับมึงรั้งน้อง”
“เออ ก็ไม่รั้ง” นั่นไง เดาผิดที่ไหนอะ
“ก่อนเขาจะพูดคำนี้เขาคงคิดมาหลายวันแล้วแหละ กูไม่รู้จะรั้งให้ได้อะไร หมดใจก็ปล่อย แค่เจ็บ เดี๋ยวมึงก็มาดูแล กูรู้” ผมหันไปยิ้มให้ มันส่งมือมายีหัว ผมขยับไปนั่งข้างอีกฝ่าย เอนหัวพิงไหล่แล้วค่อยๆแล้วไล่ลงหนุนตัก
“เลื้อยอีกแล้ว” มันบ่นไปงั้น เพราะก็ยอมให้ผมเลื้อยใส่ทุกที ผมจับมืออีกฝ่ายมากอดไว้ที่อก ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง อุ่นใจดี
“แล้วมึงกับน้องเลิกกันเพราะอะไร”
“เขาบอกว่าเขาไม่รู้สึกแล้ว” โห..ตรงดี แต่แรงใช้ได้
“แล้วมึงอะ”
“ก่อนหน้านี้กูก็รู้สึกบ้างแล้วแหละ ว่าความรู้สึกระหว่างกันมันจางลง”
“ขอโทษที่กูไม่ว่างมาโอ๋ตอนนั้น”
“ไม่เป็นไร ตนนั้นกูก็ไม่ว่างเหมือนมึงแหละ ก็ถือว่าดี มีทั้งไฟนอลโปรเจกต์ทั้งหนังสือวุ่นวายจนกูแทบไม่มีเวลาเสียใจ” น้องแม่งบอกเลิกไอ้ธาดาตอนพวกผมสอบไฟนอล ทั้งผมทั้งมันคืออยากเจอกันชิบหายแต่ไฟนอลมันค้ำคอ
“กอดมั้ย” ผมลุกขึ้นจากตักอีกฝ่าย อ้าแขนกว้าง
“หึ” มันส่ายหน้า แต่ก็โน้มเข้ามากอด ผมโยกมันซ้ายขวาช้าๆ อีกฝ่ายก็ลูบหัวผมเหมือนเล่นกับหมา
“แล้วตอนนี้มึงโอเคมั้ย”
“โอเคดิ โอเค กูเฉยแล้ว มึงนั่นแหละที่ต้องโดนปลอบ”
“อือ นั่นสิ ยังเคว้ง ๆ อยู่เลย”
“ก็มีกูตรงนี้แล้วนี่ไง ไม่ต้องเคว้ง”
“พูดน่ารักจังวะ จับทำผัวเลยได้มั้ย ของขาด”
“ตีน” มันเคาะหัวผมด้วยความหมั่นไส้
นั่งดื่มกันไปสักพักผมก็เริ่มหัวหนักเลยโดนไล่ไปนอน ผมนอนมองมันเคลียร์ของต่างๆให้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ดูแลดีแบบนี้แฟนมันทิ้งได้ไงวะ โง่สัส
“น้องเขาทิ้งมึงได้ไงวะ” ผมบ่นพึมพำ เพื่อนผมนี่สุดยอดแฟนที่น่ารักเลยนะ ดูแลก็ดี ไม่นอกใจ ไม่นอกลู่ ไม่นอกทาง
“บ่นไร”
“บ่นแฟนเก่ามึงน่ะแหละ”
“ฮะ?”
“ทิ้งมึงได้ไง ดูแลดีจะตายห่า ดูแลดีกว่าแฟนเก่ากูอีก”
“กูมีเวลาให้เขาน้อย”
“ก็มึงเรียนมั้ยล่ะ”
“อือ”
“อยากได้คนว่างๆไปหาแฟนที่ไม่เรียนดิ”
“มึงโกรธอะไรเนี่ย” มันหัวเราะ
“โกรธแทนมึงไง กูน่ารักปะ” เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกแล้วคนแบบผมเนี่ย
“เออ น่ารัก”
“คราวหน้าจะมีแฟนก็หาคนที่เข้าใจมึงได้เท่ากู จำไว้” ผมกับมันไม่ค่อยมีเวลาให้กัน แต่ถ้าว่างตรงกันก็จะเป็นแบบวันนี้ รีบมาหา ดูแลเต็มที่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่ใช่จ้องแต่จะเอานั่นเอานี่ จะเจอแม่งให้ได้ทุกวัน บ้าป่าว คนเขาก็ต้องเรียนมั้ย ไม่ใช่งอมืองอเท้าว่างไปวันๆ
“จะหาจากไหนได้ล่ะวะ” ไอ้ธาดาบ่นพลางส่ายหัวปลงๆ
“เออ หาไม่ได้หรอก คนแบบกูอะลิมิเต็ทอิดิชั่น”
“อือ ก็ถึงได้มานั่งดูแลมึงอยู่นี่ไง” มันทิ้งตัวลงนอนข้างๆหลังจากเก็บกวาดเรียบร้อย ผมหันไปนอนตะแคงมองอีกฝ่าย
“ไอ้ควาย”
“ทำไมเมาแล้วด่าเก่งจังห้ะ” มันคีบจมูกผมอย่างมันเขี้ยว
“ไม่ได้ด่าเก่งอย่างเดียวนะ”
“ทำไมอีก”
“จูบก็เก่ง” ผมโน้มตัวไปจุ้บปากอีกฝ่าย อ้าวอึ้งไปเลยอะ
“ไอ้ห่า กูตีตายเลย” มันตีหน้าผากผมเบาๆ โห กูคงตายหรอก
----------------to be conฯ---------------
xแก้คำผิดรอบที่ 2x ชื่อตัวละครไม่นิ่ง ขอโทษค่ะ แง 55555555555555 คือเขียนไปแล้วมันรู้สึกว่าเฮ้ยคนนี้มันต้องชื่อนี้อะ เลยแก้ แต่ดันแก้ไม่หมด เราเบลอเอง ฮือ บอกเค้าได้ตลอดดดด ขอบคุณคนอ่านที่เตือนเค้าา
แอบมาเปิดเรื่องฟีลกู้ดซะหน่อยยย
ไม่แน่ใจว่าจะมีคนไม่โอเคมั้ยเวลาเราเลือกใช้โลเคชั่นจากม.ใกล้ตัวด้วยความเรียนที่นี่แล้วเพื่อนอยู่มอสีชมพูเยอะมาก เลยเกิดเป็นเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ แหะๆ หวังว่าทุกคนจะชอบน้าาา