ผู้มาจากร้านขายของเล่นมือสอง ตอนที่ 12 ( 21-11-2019 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้มาจากร้านขายของเล่นมือสอง ตอนที่ 12 ( 21-11-2019 )  (อ่าน 8414 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

____________________________________________________________
สารบัญ
ตอนที่1ร้านขายของเล่นมือสอง
ตอนที่2 เตียงนอนสองชั้นของนายชั้นล่างของฉันชั้นบน
ตอนที่3 สิ่งเดียวในชีวิต
ตอนที่4 ชีวิตมหา'ลัย
ตอนที่5 วันธรรมดา
ตอนที่5 วันธรรมดา(ต่อ)
ตอนที่6ค่ายอาสาครั้งแรกที่เที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน
ตอนที่7ความห่วงใย
ตอนที่8ความรู้สึกเปลี่ยนไปหรือพึ่งรู้ใจตัวเอง
ตอนที่9ที่เดิม
ตอนที่9ที่เดิม(ต่อ)
ตอนที่10 เรื่องที่คนฉลาดไม่เคยรู้
ตอนที่11สิ่งที่เผยออกมา
ตอนที่12 เรื่องในอดีต
____________________________________________________________
ตอนที่ 1 ร้านขายของเล่นมือสอง

        คิมหันต์เด็กชายวัย 8 ขวบเดินตามหลัง ชายหนุ่มผู้เป็นลุงเข้าไปในร้านขายของเล่นแห่งหนึ่ง ร้านขายของเล่นแห่งนี้ขายของมือ2 ที่มาจากการทดลองผิดพลาดทางวิทยาศาสตร์ของระดับหัวกระทิทั้งหลาย มีทั้งปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานได้ไม่เต็มรูปแบบ หุ่นยนต์เลี้ยงเด็กปดระวาง หุ่นยนต์แฟนสาวช่างปรณิบัติที่เหมือนคนเกือบทุกอย่าง

      เขากวาดสายตาไปรอบๆร้าน มีทั้งตุ๊กตายัดนุ่นตัวอ้วนกลมซึ่งดูแล้วไม่ค่อยจะสมส่วนสักเท่าไหร่
"คงเป็นเพราะปัญหาจากการผลิตสินะถึงได้มาอยู่ที่นี่"เด็กชายผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดเกินอายุพึมพำกับตนเอง

"คิมอยากจะได้ตัวไหนก็เลือกเลยนะ เดี๋ยวลุงซื้อให้" เด็กชายยิ้มตอบ

ลุงยังคงใจดีกับเขาเสมอ ตั้งแต่จำความได้ถึงแม้จะไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่น แต่คิมหันต์ก็ไม่เคยรู้สึกว่าขาด เพราะลุงจะช่วยเติมเต็มทุกๆสิ่งในชีวิต ลุงส่งเขาเรียนโรงเรียนดีๆ ส่งเขาไปเรียนพิเศษ พาไปกินอาหารดีๆ หรือแม้กระทั่งซื้อของราคาแพงๆให้ใช้ สิ่งเดียวที่ลุงไม่มีให้คือเวลาที่จะมาเล่นกับหลานชายวัย8 ขวบ มันก็ไม่แปลกที่คิมหันต์จะไม่ค่อยได้เลือกหรือหยิบของเล่นแพงๆซักชิ้น เพราะถึงซื้อไป ก็ไม่มีใครมาเล่นด้วย

     ชื่อคิมหันต์ แปลว่าฤดูร้อน และเจ้าตัวก็เป็นคนที่ใจร้อนสมชื่อ เพราะถ้าเพื่อนคนไหนทำตัวไม่ถูกใจ หรือทำอะไรให้ไม่พอใจ ก็จะพาลไม่เล่นและไม่คุยด้วย

       หลังจากเดินผ่านตุ๊กตาตัวอ้วนกลมที่ดูไม่ผ่านQC จากโรงงานผลิต เด็กชายยังคงเดินไปเรื่อยๆในร้านขายของเล่นมือ2 เขาพบกับตุ๊กตาเสมือนมนุษย์ที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักสดใส เธอดูดีมาก แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงผู้หญิงหลายๆคนที่มาติดพันกับลุงของเขา ที่ตอนแรกก็ดูน่ารัก แต่พอเวลาผ่านไปก็เรียกร้องนู่นนี่จนน่ารำคาญ

"ไม่รู้ว่าความผิดพลาดของตุ๊กตาตัวนี้คือน่ารำคาญมากเกินไปหรือเปล่า"คิมหันต์แอบคิดแล้วก็รีบเดินออกไปจากตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ใครๆก็น่าจะหมายปอง แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กหนุ่มแน่นอน

"ไม่เลือกเอาซักตัวหรอคิม"ผู้เป็นลุงพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กชายยังไม่ได้เลือกของเล่นเลยซักชิ้น

"ไม่ดีกว่าครับ มีแต่ตัวที่ดูน่าจะสร้างปัญหามากกว่า เอามาเล่นสนุก ลุงดูตัวนั้นสิครับ..." คิมหันต์พูดพร้อมชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาผู้หญิงตัวเมื่อครู่

"น่ารักมากเลยนะ แต่ไม่รู้ว่าในระยะยาวจะน่ารำคาญหรือเปล่า"
ผู้เป็นลุงรู้เสมอว่าหลานชายของเขาฉลาดและรอบคอบมากกว่าอายุจริง

"แต่ลุงหาร้านนี้มานานมากเลยนะคิม ของเล่นพวกนี้แม้จะมือ2 แต่ก็มาจากนักวิทยาศาสตร์หัวกระทิ มีตำหนินิดหน่อยก็ถูกส่งมาที่นี่ หรือบางตัวถึงจะปดระวางมาจากที่อื่นก็มาจากบ้านมหาเศรษฐี ที่ใช้แปบเดียวก็เบื่อแล้วก็ส่งมาที่นี่เหมือนกัน คิมเลือกดูซักตัวเถอะลูก"
ลุงหยุดพูดพร้อมพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะกลัวว่าหลานรักจะไม่พอใจ

"อย่างน้อยถึงลุงจะไม่ค่อยมีเวลา แต่ถ้าคิมมีตุ๊กตาแบบนี้มาไว้เป็นเพื่อนเล่นซักตัวก็คงจะไม่เหงา"

"ผมไม่ได้เหงาครับลุง ผมไม่จำเป็นต้องมี..." หืม...ยังพูดไม่ทันจบประโยค คิมหันต์ก็ไปสะดุดตาเข้ากับตุ๊กตาเด็กหนุ่มที่แววตาดูไร้ความรู้สึก แต่พอมองลึกเข้าไปเหมือนเจ้าตุ๊กตามันกำลังมีความรู้สึกเดียวกับเขา ความรู้สึกที่พยายามโกหกตัวเองว่า"ไม่เหงา"

"ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ เหมือนคนมาก เหมือนแบบไม่มีที่ติเลย"เด็กชายพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าหลานเริ่มสนใจของเล่นตรงหน้า ลุงจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อเรียกพนักงานแนะนำสินค้าประจำร้าน
"สวัสดีค่ะ ตุ๊กตาตัวนี้ดูดีมากเลยนะคะ ผิวขาว ใบหน้าคมคาย ผมหยิกสีเทาอ่อน มีเลือดเนื้อ ใช้ชีวิต เติบโตตามวัย และพูดคุยโต้ตอบได้ เป็นตุ๊กตาที่เหมือนมนุษย์มากที่สุดตั้งแต่ที่ทางร้านเคยมีมาเลยค่ะ" พนักงานพยายามอวดอ้างสรรพคุณของสินค้าเพื่อหวังจะได้ส่วนแบ่งจากยอดขาย

"แล้วตุ๊กตาตัวนี้มีตำหนิตรงไหนอ่ะครับ"เด็กชายรีบถามกลับด้วยความอยากรู้

"มันไม่มีความรู้สึกค่ะ หลายครั้งที่มีคู่รักจะซื้อไปเป็นลูก แต่คนเป็นพ่อแม่อย่างแรกที่อยากได้คือความรัก แต่เจ้าตุ๊กตาตัวนี้กลับมีให้เขาไม่ได้ หรือบางครั้งครอบครัวที่มีลูกคนเดียวอยากจะซื้อไปเป็นของเล่นให้ลูก แต่มันก็สร้างความบันเทิงให้เขาไม่ได้ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำไมสู้ซื้อตุ๊กตาเด็กสาวนักปรนิบัติ หรือหุ่นยนต์พี่เลี้ยงน่าจะดีกว่า"พนักงานพูดเสียงแผ่วลงเพราะคิดว่าคงจะปิดการขายไม่ได้และพูดต่อว่า

"เจ้าตุ๊กตาตัวนี้อยู่ที่นี่มา8ปีแล้ว เปลี่ยนชั้นวางมาหลายขนาดเพราะตัวมันโตขึ้นตามอายุ เจ้าของร้านบอกว่าถ้าอีกปีไม่มีคนซื้อก็คงต้องเอาไปทำลาย เก็บไว้ก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำ คงเป็นตัวแรกเลยค่ะที่ถูกส่งไปกำจัดเพราะไม่มีคนต้องการ" พนักงานพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่ทำไมนะเด็กชายกลับเห็นความเศร้า ความเหงาเมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตา ถึงแม้ปากก็พยายามส่งยิ้มน้อยๆมาที่เขา ไหนบอกว่าไม่มีความรู้สึก จริงๆแล้วไม่มีความรู้สึกหรือไม่มีใครใส่ใจ กันแน่

"ของเล่นชิ้นนี้น่าสนใจ" คิมหันต์คิดแบบนั้น

"ผมอยากได้ตัวนี้ครับลุง"เด็กชายพูดขึ้นแล้วชี้ไปที่ตุ๊กตาตัวที่พนักงานบอกว่าไร้ความรู้สึก

"งั้นผมซื้อตัวนี้ครับ"ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าลุงยื่นบัตรเครดิตวงเงินมหาศาลให้กับพนักงาน
ผู้แนะนำสินค้าคนก่อนแสดงท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก เขาหยิบตุ๊กตาไร้ความรู้สึกออกจากชั้นวางแล้วแทนที่ด้วยตุ๊กตาตัวใหม่ ไม่มีความผูกพัน หรือสายใยใดๆ เขาออกจะดีใจมากซะด้วยซ้ำที่เจ้าตุ๊กตาตัวนี้ขายออกซักที
ตุ๊กตาถูกวางบนรถข้างคิมหันต์ คู่มือการใช้งานของเล่นเล่มบาง และใบเสร็จรับเงินยื่นให้กับคนจ่ายเงิน ในระหว่างที่รอลุงขึ้นมาบนรถคิมหันต์รีบเอ่ยทักทายเพื่อนใหม่ ไม่ใช่สิของเล่นชิ้นใหม่ อย่างตื่นเต้นแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

"สวัสดีฉันคิมหันต์นะ เรียกว่าคิมเฉยๆก็ได้" ของเล่นมือ2 ผู้ถูกเจ้าของหมาดๆเอ่ยทักทายก็พยักหน้ารับแล้วตอบกลับในทันที

"ครับคิมหันต์"

ทั้งหนึ่งคน และหนึ่งตัว เอะหรือว่าหนึ่งชิ้น แต่ช่างเถอะไม่สำคัญเท่า แววตาเหงาๆของทั้งคู่เริ่มเจือจางลงไป
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2020 22:31:11 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่2 เตียงนอนสองชั้นของนายชั้นล่างของฉันชั้นบน

รถสปอร์ตของลุงขับเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ ประตูค่อยๆเลื่อนออกอัตโนมัติ เด็กชายคิมหันต์และของเล่นของเขาเดินลงมาจากรถ

      "คิมเดี๋ยวขึ้นไปบนห้องก่อน ลุงต้องออกไปทำงานข้างนอก" ผู้เป็นลุงเดินไปคว้ามือผู้หญิงที่ยืนรออยู่เบื้องหน้า เธอสวยมาก พอๆกับผู้หญิงหลายคนที่มาติดพัน คิมหันต์ส่ายหน้าอย่างเอือมละอา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลุงเอาเวลาไปให้ผู้หญิงพวกนั้น แทนที่จะเป็นหลานอย่างเขา

      "ไปกันเถอะ"เด็กชายเอ่ยชวนของเล่นที่พึ่งซื้อมา ให้เดินออกจากภาพเดิมๆที่แสนน่าเบื่อหน่าย
     มันพยักหน้าตอบรับแล้วอมยิ้มเบา

     เขาพาตุ๊กตาเสมือนมนุษย์ตรงมายังห้องนอนที่เคยเป็นของเด็กชายคิมหันต์แต่เพียงผู้เดียว แต่วันนี้คงต้องแบ่งพื้นที่บางส่วนให้กับของเล่นชิ้นนี้เพื่อไม่ให้มันอึดอัดมากเกินไป ชั้นวางในร้านของเล่นมือสองตลอดระยะเวลา8ปีที่ผ่านมาอึดอัดมากพอแล้ว เขาคิดแบบนั้น
        "นายชื่ออะไร"เขาเอ่ยถามในขณะที่มือข้างหนึ่งหมุนลูกบิดประตู

        "ไม่มีชื่อหรอกครับคิม"มันแทบจะตอบเขามาในทันที


      ก็จริงสินะแม้แต่ตอนที่ถูกซื้อออกมาพนักงานก็ดูดีอกดีใจขนาดนั้น ทั้งยังบอกว่าถ้าไม่มีใครซื้อจะถูกส่งไปทำลาย ไม่แม้แต่จะสนใจ แล้วจะตั้งชื่อเพื่อสร้างความผูกพันไปทำไม คิดได้แบบนั้นเด็กชายก็รู้สึกสงสารของเล่นชิ้นใหม่ของตัวเองขึ้นมาในทันที
    "งั้นชื่อ..."เด็กชายมองไปรอบๆห้อง ดึงผ้าม่านออกเผยให้เห็นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในห้องของเขา
     
      "ชื่อตะวันดีไหม"
     ของเล่นยิ้มและพยักหน้าหงึกๆ ดูตื่นเต้นกว่าทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับผู้เป็นเจ้าของ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้มีชื่อ ตั้งแต่อยู่ในร้านมือสองมาตลอด8 ปี

      "ต่อไปนี้นายมาอยู่ที่นี่มาเป็นเพื่อนกับฉัน อะไรที่เป็นของฉันนายใช้ได้ ห้องนี้ฉันแบ่งให้นายอยู่ด้วย" คิมหันต์ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองใจดีขนาดนี้กับใครมาก่อน แต่กับเพื่อนใหม่ที่น่าสงสารคนนี้ คนที่ไม่เคยมีใครมาเลยในชีวิต ถ้าเทียบกันเขายังโชคดีกว่ามาก เพราะยังมีลุงที่คอยดูแลจัดการทุกอย่างให้

      "ครับ"
        ตะวันชื่อหมาดๆของเจ้าของเล่นมือ2ตอบรับผู้เป็นเจ้าของ

       "นี่เตียงนอนของฉัน ของนายชั้นล่างของฉันชั้นบน" คิมหันต์ชี้ไปที่เตียงนอนตรงมุมห้อง แล้วจัดสรรแบ่งให้เพื่อนใหม่เสร็จสรรพ
      ตะวันหยิบผ้าห่มกับหมอนที่คิมหันต์ยื่นให้แล้วนำมาจัดวางบนเตียงนอนชั้นล่าง เตรียมพร้อมสำหรับคืนนี้ที่จะไม่ต้องนอนอยู่บนชั้นวางที่ร้านมือ2อีกต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2019 13:53:26 โดย Kunnmingkwan »

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่3 สิ่งเดียวในชีวิต

เช้าวันใหม่ แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้อง เตียงนอนสองชั้นสะท้อนด้วยแสงแดด
     เด็กชายคิมหันต์ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาชะโงกลงไปดูผู้ที่นอนอยู่เตียงด้านล่าง แล้วพบกับความว่างเปล่า

    "ตะวันหายไปไหน"เด็กชายพิมพำกับตนเอง แล้วเดินลงมาแต่ยังไม่ทันได้เปิดประตู ก็พบกับคนที่กำลังมองหา เจ้าของเล่นเข้ามาในห้องพร้อมกับอาหารชุดใหญ่ ในมือมีทั้งสเต็กเนื้อ สลัดผัก แซมด้วยมันบด และน้ำส้มแก้วใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี่แม่บ้านจอมขี้เกียจของเขาไม่ได้ทำแน่ๆ เพราะลับหลังผู้เป็นลุง ก็นั่งแต่งหน้า และเล่นแต่โทรศัพท์มือถือ อาหารเช้าของเขาจึงเป็นแค่ขนมปังโง่ๆสองแผ่นกับนมหนึ่งแก้ว แต่ลุงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเพราะเวลาที่มีอยู่ถ้าไม่ทำงานก็คงอยู่กับผู้หญิงน่ารักๆซักคน

      "เอาอาหารพวกนี้มาจากไหน" คิมหันต์เอ่ยถามด้วยความสงสัย

      "ทำเองครับ จากวัตถุดิบที่มีในตู้เย็น"ตะวันตอบพร้อมวางอาหารลงบนโต๊ะข้างเตียงนอน

     "ทำอาหารเป็นด้วยหรอ"

     "เป็นครับ เปิดหนังสือในร้านมือสองอ่าน"

     "วันหลังทำให้อีกนะ ฉันชอบกินสเต็ก"เขาพูดพลางหั่น เนื้อในจานเป็นชิ้นขนาดพอดีคำแล้วลองกิน

     "อร่อยดีนิ" คิมหันต์เอ่ยชมของเล่นของเขา แล้วอมยิ้ม แอบคิดว่าต่อจากนี้คงไม่ต้องกินขนมปังโง่ๆกับนมเป็นอาหารหลักในตอนเช้าอีกแล้ว

      "แล้วของนายล่ะ เอามานั่งกินด้วยกันสิ"

      ตะวันพยักหน้า เดินหายไปชั่วครู่ แล้วกลับมาพร้อมกับ สลัดผักกับน้ำส้มครึ่งแก้ว คิมหันต์ชะโงกหน้าดูแล้วพูดต่อ

      "ทำไมมีแค่นี้"

      "ในตู้เย็นมีเนื้อแค่ชิ้นเดียว เพียงพอสำหรับให้คิมกินอิ่มในตอนเช้า" ของเล่นตอบเจ้าของ แล้วหย่อนผักใบเขียวลงในปาก

     "แค่นี้ไม่อิ่มหรอก"คิมหันต์ทำท่าหั่นสเต็กเนื้อในจานครึ่งหนึ่งเพื่อแบ่งให้ตะวัน

     "แค่นี้เพียงพอครับ ตอนอยู่ที่ร้านมือสองก็กินเท่านี้"

     "นายคงอึดอัดมากเลยสินะ ตอนอยู่ที่นั่น อาหารก็มีจำกัด ที่อยู่ก็จำกัด " เขาถามด้วยความสงสาร ทั้งที่บางครั้งคิดว่าไม่เคยสนใจใครเพราะกับเขาก็ไม่เคยมีใครมาสนใจ

    "ไม่อึดอัดหรอกครับ เพราะตั้งแต่จำได้ก็อยู่ที่นั่นแล้ว"

      ตะวันยังต้องเรียนรู้อีกมาก ต้องแยกแยะให้ได้ระหว่างความอึดอัด กับความไม่อึดอัด ความสุขกับความทุกข์ ความเจ็บกับความสบาย อย่างน้อยก็เพื่อให้การอยู่ร่วมกับเขาเวลาเป็นอะไรจะได้บอกกันได้ เขาอยากมีเพื่อน เพื่อนที่ดูแลเอาใจใส่ ถึงจะพึ่งได้เจอกัน ถึงตะวันจะไม่ใช่คน แต่อย่างน้อยอาหารจานนี้ก็แสดงถึงความใส่ใจแบบที่ไม่เคยได้รับ สเต็กนี่ไม่ใช่อาหารหรูแบบที่ลุงพาไปกิน ไม่ใช่อาหารที่แม่บ้านจอมขี้เกียจทำ แต่เป็นอาหารที่ทำจากหัวใจของสิ่งที่ไม่มีความรู้สึก คิมหันต์คิดแบบนั้น

     บทสนทนาบนโต๊ะอาหารจบลงแค่นั้น ของเล่นเก็บจานไปล้าง เจ้าของอ่านคู่มือการใช้งานเล่มบางที่ลุงยื่นให้
     ~สินค้าชิ้นนี้ เป็นของเล่น ปัญญาประดิษฐ์  หุ่นยนต์ อะไรก็ได้ที่ผู้ใช้จะนิยามเรียก มีความเฉลียวฉลาดและความจำเป็นเลิศ มีทุกอย่างเหมือนมนุษย์ ยกเว้นความรู้สึก~ ในหน้าแรกของสมุดเขียนไว้เพียงเท่านั้น ด้านข้างเป็นบัตรประจำตัวประชาชนที่ถูกทำขึ้น ให้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกได้แบบมนุษย์ปกติ คิมหันต์ดึงมันออกมาจากสมุดแล้วเสียบเข้าไปในกระเป๋าสตางค์ข้างกับบัตรประจำตัวของตนเองที่พึ่งทำมาเมื่อปีที่แล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เด็กชายเดินไปเปิดประตู พบผู้เป็นลุงยืนอยู่เบื้องหน้า

"คิมลุงขอคุยด้วยหน่อย"

"ครับ" คิมหันต์ปิดประตู แล้วเดินนำลุงมานั่งในห้องของตน

ผู้เป็นลุงมีสีหน้าเครียด เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาตะกุกตะกัก
"ลุงถูกส่งตัวให้ไปทำงานต่างประเทศ"

"ครับ" ผู้เป็นหลานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ปกติหน้าที่ลุงของเขาก็ไปกลับต่างประเทศบ่อย บางครั้งไปเป็นอาทิตย์ ทิ้งเงินไว้ให้ ฝากลูกจ้างจอมขี้เกียจให้ดูแล เพราะดูแลตัวเองมาตลอดก็เลยทำให้เขาเข้มแข็ง และดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กคนอื่นๆ

"แต่ครั้งนี้ลุงต้องไป....แบบไม่มีกำหนดกลับ"

โลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ทั้งที่เหมือนอยู่คนเดียวมาตลอด แต่นี่ต้องอยู่คนเดียวจริงๆ เด็กชายก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน จะร้องไห้โวยวายมันก็ไม่ใช่นิสัยของเขา

"ไม่ไป ไม่ได้หรอ"คิมหันต์พูดขึ้นพร้อมก้อนสะอื้น

"ลุงก็ไม่อยากไปแต่ก็ ขัดไม่ได้"ผู้เป็นลุงก็เสียใจไม่ต่างกัน

"ลุงจะมาหาผมบ้างใช่ไหม ถ้าวันไหนว่างจะโทรมาหาผมไหม"

"มาสิ ลุงต้องมาหาคิมอยู่แล้ว"ลุงยิ้มให้เขา น้ำตาคลอ แล้วพูดต่อ
"ลุงฝากพี่แววให้ดูแลคิม เงินในเซฟเพียงพอให้คิมใช้ไปตลอด" ผู้เป็นลุงไม่เคยรู้ว่าเวลาที่ตนไม่อยู่ลูกจ้างขี้เกียจขนาดไหน เขาคิดแค่ว่าลูกจ้างคนนี้อยู่มาตั้งแต่คิมหันต์ยังเล็ก น่าจะดีพอที่จะฝากฝังหลานรักไว้ได้

"ทำไมลุงไม่เอาเงินมาให้คิมเอง"หลานชายเอ่ยถาม

"ลุงอยากให้คิมใช้ได้ตลอดเวลาที่อยากใช้ อยากให้คิมสบาย ตลอดเวลาที่ลุงไม่อยู่" ทั้งคู่กอดกันกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไปมากกว่านี้

      คิมหันต์นั่งนิ่งตั้งแต่ผู้เป็นลุงเดินออกไป จนกระทั่งเจ้าของเล่นเดินกลับเข้ามาในห้อง จัดที่นอนของตน สำหรับคืนที่สองในห้องเตียงสองชั้น แต่ยังไม่ทันเสร็จก็สัมผัสได้ถึง แขนเล็กๆที่โอบเอวเอาไว้ เสียงสะอึกสะอื้นที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว ตะวันจะหันไปดูเจ้าของเสียง แต่ผู้เป็นเจ้าของห้ามเอาไว้

"อย่าหันมา ฉันขออยู่แบบนี้ก่อน"

เจ้าของเล่น ลูบมือเจ้านายแผ่วเบา ไม่มีเสียงปลอบโยนใดๆจากผู้ถูกกอด
      ต่อจากนี้ตะวันจะเป็นเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่คิมหันต์มี จะเป็นดวงตะวันดวงเดียวที่ส่องแสงจ้าทำให้เกิดหน้าร้อน



   
     

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  น่าาาาาสนใจ

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  น่าาาาาสนใจ

ขอบคุณค่าาา มีกำลังใจเลย :mew1:

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 4 ชีวิตมหา'ลัย

คิมหันต์ในชุดนักศึกษา ในมือถือเอกสารการเรียนที่มีแต่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษ เดินขึ้นมานั่งบนรถตรงที่นั่งข้างคนขับ โดยมีชายหนุ่มที่ใส่ชุดนักศึกษาภาคอินเตอร์นั่งรอเป็นสารถีให้เขา

"ไปได้แล้วตะวัน"

"ครับ"

เจ้าของเล่นตอบรับแล้วเอื้อมมือไปหยิบกล่องข้าวตรงเบาะหลัง ยื่นให้เจ้านาย ในนั้นประกอบด้วยสเต็กเนื้อ สลัดผัก ที่แซมด้วยมันบด พร้อมกับน้ำส้มคั้นในกระบอกเก็บความเย็น

"นายดูแลฉันดีมาตลอดเลยนะ"คิมหันต์เอ่ยชมด้วยประโยคสั้นๆ

"ขอบคุณครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว"ตะวันยังคงพูดประโยคซ้ำๆ ตลอดเวลา10กว่าปีที่ผ่านมา หน้าที่ที่ต้องดูแลเจ้าของเหมือนของเล่นที่ต้องให้ความบันเทิง หุ่นยนต์พี่เลี้ยงที่ดูแลเวลาเด็กร้องไห้ แต่นี่เขาก็อายุ 18 ปี ไม่ใช่เด็กแล้ว

คิมหันต์ยิ้มรับคำว่าหน้าที่ของเจ้าของเล่น อย่างน้อยไอ้คำนี้มันก็ทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวตลอดเวลาที่ลุงหายไป ตั้งแต่วันที่ลุงเดินเข้ามาในห้องแล้วบอกว่าจะไปทำงานต่างประเทศ ลุงก็ไม่กลับมาอีกเลย

ตะวันขับรถเข้ามาในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่พวกเขาเรียนอยู่ ทั้งคู่เลือกเรียนบริหาร ภาคอินเตอร์เหมือนกัน
ตะวันมองนาฬิกาในข้อมือ ที่ได้มาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนจาก เจ้าของ เพื่อน ญาติ ทุกสิ่งในชีวิต คนเดียวที่เป็นทุกอย่าง

"ยังไม่ถึงเวลาเรียน คิมจะไปที่ไหนก่อนไหมครับ"

"ฉันอยากไปโรงอาหารใต้ตึกคณะ"
เจ้าของเล่นเดินตามหลังผู้เป็นนาย อย่างไม่คิดจะถามอะไรต่อ ถ้าเป็นมนุษย์ปกติทั่วไปคงจะสงสัยแน่ๆว่ายังไม่อิ่มอีกหรอ

"เอาข้าวผัดหมูพิเศษครับ"
คิมหันต์วางจานอาหาร แล้วเลื่อนไปในตำแหน่งที่ของเล่นของเขานั่งอยู่

"กินซะ ไม่เห็นนายกินอะไรเลยตั้งแต่เช้า"

"ขอบคุณครับ" ตะวันรับมาแล้วรีบกินอย่างตั้งใจ

"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันรอ" คิมหันต์มักจะหงุดหงิดเสมอ ไอ้คำว่าหน้าที่ของตะวัน มันทำให้เจ้าของเล่นดูแลเขาจนลืมตัวเอง

"ถ้ามีผู้หญิงซักคนดูแลฉันได้ดีเท่านาย ป่านนี้ฉันคงมีแฟนไปแล้ว" คิมหันต์พูดทีเล่นทีจริง กับคนอื่นต้องวางมาด แต่กับตะวันไม่จำเป็น

"ขอโทษครับ ที่ไม่ใช่ผู้หญิง"ตะวันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก

"...."

"ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะดูแลคิมได้ดีกว่านี้ อย่างเช่นหุ่นยนต์ช่างปรนิบัต ในร้านมือสองก็จะดูแลเจ้าของได้เป็นอย่างดี ทำอาหารได้ทุกชนิด เลี้ยงลูกได้ ถ้าในอนาคตคิมมีลูกหุ่นยนต์ประเภทนั้นจะช่วยได้ แต่สำหรับผมเป็นผู้ชายไม่ได้ถูกใส่ข้อมูลตรงนั้นมา ถ้าศึกษาเอาเองก็ทำได้ไม่ดีเท่าผู้หญิง" การอธิบายของตะวันเกี่ยวกับความรู้และทฤษฎีต่างๆเหยียดยาวแบบนี้มาตั้งนานแล้ว

"จบลงด้วยคำว่าหน้าที่อีกแล้วสินะตะวัน"คิมหันต์ถอนหายใจ ถึงตอนแรกจะชอบที่ตะวันเป็นสิ่งหนึ่งที่ไร้ความรู้สึก แต่วันนี้ในยามที่อยู่ตัวคนเดียวมาเป็นสิบๆปีเขาเริ่มไม่แน่ใจ อย่างน้อยก็อยากมีญาติ เพื่อน หรือใครซักคน ที่ทำอะไรให้เขาจากหัวใจ ไม่ใช่หน้าที่

"ครับมันเป็นหน้าที่ แล้วก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เจ้าของต้องการ"

"ขี้เกียจจะพูดกับนายแล้ว เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อน"

      จานเปล่าถูกรวบช้อนไว้ด้านข้าง ของเล่นตัวเก่งนั่งรออยู่ที่เดิม หลังจากที่คิมหันต์เดินมาจากห้องน้ำ
"ไปเข้าเรียนกันได้แล้ว" ชายหนุ่มหยิบเอกสารการเรียนบนโต๊ะอย่างรีบๆ สายตาเหลือบไปเห็นมือข้างขวาของตะวันเป็นรอยถลอก มีเลือดไหลซิบ

"มือไปโดนอะไรมาอีกแล้วตะวัน"

"ผมลื่นล้ม แล้วมือไปกระแทกกับพื้นปูน" เจ้าของเล่นเอามืออีกข้างปัดฝุ่นที่ติดมากับแผล

"ตั้งแต่เริ่มโตมาทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย หัดระวังบ้าง"
คิมหันต์พูดพลางหยิบขวดยาสีเหลือง สำลี และปาสเตอร์ยา ที่เอาติดกระเป๋าไว้ออกมาทำแผล ตั้งแต่ขึ้น ม ปลาย ตะวันมักเกิดอุบัติเหตุบ่อย และชอบมีแผลตรงหลังมืออยู่เสมอ

ในคาบเรียนวิชา Marketting

"4P are Product Price Place Promotion"

อาจารย์อธิบายส่วนประกอบของ 4P และให้นักศึกษาจับคู่โดยการจับฉลากเพื่อทำรายงาน

"วัตถุประสงค์ของการทำงานร่วมกับผู้อื่น ในชีวิตจริงการทำงานเราไม่สามารถเลือกได้ว่าอยากทำงานร่วมกับใคร เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้คือต้องทำงานออกมาให้ดีที่สุดแม้ว่าจะทำกับคนที่เราไม่ได้เลือก" อาจารย์อธิบายวัตถุประสงค์ของการทำงาน แล้วให้นักศึกษาเลขที่คู่ออกมาจับฉลาก โดยในโถฉลากเป็นชื่อของนักศึกษาเลขคี่

"คิมหันต์ 535" อาจารย์ประกาศชื่อ แล้วผู้ที่จับชื่อนั้นได้ก็เดินตรงมาหาเขา

"เยส ไอ้พรรษคู่คิมหันต์เว้ยพวกมึง" เสียงเชียร์จากกลุ่มผู้หญิงดังแข่งกับเสียงอาจารย์ที่ประกาศชื่อ

"พรรษถือโอกาส บอกชอบเลยนะ"

"ไอ้พรรษมันทำบุญมาด้วยอะไรว่ะ ได้ทำรายงานกับคนที่แอบชอบ"


พรรษชลหัวเราะกบเกลื่อนบ่งบอกว่าสิ่งที่ถูกแซวเป็นเรื่องจริง

คิมหันต์ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่คนอื่นกำลังพูด เขาแทบไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เลยด้วยซ้ำ ชีวิตเฟรชชี่ปี1 ไม่ต่างจากที่บ้าน ถึงแม้จะมีใครเดินผ่านสวนกันไปมา เพื่อนคนเดียวที่มีก็คือเจ้าของเล่นตัวเก่งของเขา

"สวัสดีเราพรรษชล หรือเรียกสั้นๆว่าพรรษก็ได้" หญิงสาวแนะนำตัวก่อน เธอมีผมยาวมัดรวบหางม้า ผิวขาว ลำตัวสมส่วน แบบพิมพ์นิยมที่ให้คำจำกัดความกับหน้าตาและรูปร่างของเธอว่าสวย

"เราคิมหันต์" เขาไม่ได้ใส่ใจในความเป็นพิมพ์นิยมของเธอ สิ่งที่สนใจคือหัวข้อที่ได้รับบนกระดานไวท์บอร์ดที่อาจารย์เขียน เขาจดมันลงไปในเอกสารประกอบการเรียน

"เราขอไอดีไลน์ คิมไว้ได้ไหม เอาไว้คุยเรื่องรายงานที่ต้องส่ง"

"K-I-M-A-N-D-T-O-Y" คิมหันต์ให้ไปเพราะความจำเป็น เขาคิดว่าไลน์เป็นพื้นที่ส่วนตัวนอกจากตะวัน เขาก็แทบไม่มีไลน์หรือช่องทางการติดต่อกับใคร เขาเบื่อความวุ่นวายในชีวิต เขาไม่อยากเป็นแบบลุงที่มีผู้หญิงเยอะๆมาติดพัน

ไลน์~~~~
สติกเกอร์ไลน์ผู้หญิงยิ้มกว้างส่งเข้ามายังโทรศัพท์ของคิมหันต์ ปรากฏชื่อ Phatsachon แต่รูปโปรไฟล์ เป็นรูปของคิมหันต์ในขณะนั่งเรียนอยู่

"หืม อะไรเนี่ย"เขาสะดุ้งอย่างตกใจ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยโดนจู่โจมขนาดนี้ สิ่งที่อยู่ไกล้ตัวก็ไม่มีความรู้สึก

"คืนนี้เราขอทักหาคิมเรื่องรายงานนะ" คิมหันต์พยักหน้าแทนคำตอบ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรทำตัวไม่ถูก ไม่เคยเจอ ถึงจะมีคนมาชอบบ้างตอน มปลาย แต่แค่เจอท่าทีเย็นชาของเขาคนพวกนั้นก็ถอดใจและหายไปจนหมด

"เหมมันต์ 603" อาจารย์ประกาศชื่อที่ตะวันจับได้ เจ้าของเล่นเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่กำลังส่งยิ้มมาที่เขา ทั้งคู่พยักหน้าให้กันแทนคำทักทาย
...
ตะวัน : พระอาทิตย์
คิมหันต์ : ฤดูร้อน
พรรษชล : น้ำฝน
เหมมันต์ : ฤดูหนาว



ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนวันธรรมดา

      ห้องนอนเตียงสองชั้นในวันหยุด ผู้เป็นเจ้าของตื่นสายกว่าปกติ อาหารเช้าถูกจัดไว้ข้างเตียงเหมือนทุกวัน แม่บ้านจอมขี้เกียจกวาดบ้านแบบลวกๆแล้วมานั่งเล่นโทรศัพท์ที่สวนหลังบ้าน ภาพเดิมๆของวันหยุดฉายซ้ำไปมา ในบ้านหลังใหญ่ที่มีผู้อาศัยเพียง 2 คนกับ 1 สิ่ง

     คิมต์หันงัวเงียตื่นขึ้นมา มองไม่เห็นเจ้าของเล่น มันคงจะเอาผ้าปูที่นอนไปซัก ไปรดน้ำต้นไม้ หรือไปทำอะไรซักอย่างที่มันเรียกว่าหน้าที่
ชายหนุ่มหยิบสมุดโน๊ตเล่มเก่าออมมาจากชั้นเก็บของบนเตียงนอน ค่อยๆเปิดดูรายละเอียดที่เขาจดบันทึกมาตลอด 10 ปี
1.ตะวันเข้ามาอยู่ด้วยวันที่ 6/12/2551 นับเอาวันนี้เป็นวันเกิด
2.ชื่อตะวันตั้งจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง
3.พนักงานบอกว่าของเล่นชิ้นนี้ ไม่มีความรู้สึก
4.ตะวันชอบกินข้าวผัด ต้องสั่งแบบพิเศษด้วยนะ
และอีกหลายข้อที่เขาเขียนถึงเจ้าของเล่น แต่ก็มาสะดุดตากับข้อที่เขียนไว้ว่า ของเล่นเป็นแผลที่หลังมือ บอกว่าเดินชนประตู,วันนี้มีแผลที่หลังมืออีกแล้ว บอกว่าลื่นล้ม หลายครั้งทึ่การจดบันทึกของเขาพูดถึงแผลที่หลังมือของตะวัน แล้ววันนี้เขาก็เขียนเพิ่มว่า แผลที่หลังมือเหมือนทุกครั้ง ให้เหตุผลว่า ลื่นล้ม มือกระแทกกับพื้นปูน
“ซุ่มซ่ามจริงๆนะ” คิมหันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่

      ไม่ใช่แค่เจ้าของเล่นที่ดูแลเขา คิมหันต์ก็ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตอน8 ขวบที่เริ่มบันทึกสมุดเล่มนี้เป็นเพราะความสงสารและในตอนนี้ก็คงยังเป็นเช่นนั้น เขียนเสร็จก็เก็บสมุดไว้ที่เดิม เดินลงมาจากเตียงนอนชั้นบน

แกร็ก...
เจ้าของเล่นเปิดประตูเข้ามาพร้อมตะกร้าผ้า นอกจากตะวันเขาไม่เคยให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวแห่งนี้ แม้กระทั่งแม่บ้าน  มันเอาผ้ามาพับแยกเป็นสัดส่วน เสื้อไว้ชั้นบน กางเกงไว้ชั้นล่าง เกะล่างสุดใส่ชั้นในผู้ชาย การทำงานในวันหยุดแบบนี้เป็นภาพที่คิมหันต์เห็นจนชินตา
 
“วันนี้คิมอยากไปไหนไหมครับ”

“ไม่ล่ะ วันนี้ฉันอยากอยู่บ้าน ว่าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับรายงานเรื่อง 4P”

“งั้นผมขอออกไปข้างนอกนะครับ”

“ไปไหน”คิมหันต์เอ่ยถามเจ้าของเล่น ปกติแล้วมันแทบจะไม่เคยออกไปไหนเลยถ้าไม่มีเขาไปด้วย

“ไปทำรายงานคู่ครับ”

“ไปสิ อย่ากลับดึกนะ เดี๋ยวฉันรอ”คิมหันต์เอ่ยกับตะวันด้วยความเป็นห่วง

“ครับ”
     
      ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงรถเคลื่อนออกไปด้านนอก คิมหันต์วุ่นอยู่กับการหาข้อมูลเรื่อง 4P ในหัวข้อ Product เขาคิดว่าตอนนำเสนอจะยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์เจ๋งๆซักอย่าง เสริมด้วยการนำ Product ที่นำเสนอเปรียบเทียบกับ Productคู่แข่ง และแผนภูมิเรื่องส่วนแบ่งทางการตลาดปิดท้าย ชิ้นงานของเขามักมีแนวคิดแตกต่างจากเพื่อนๆเสมอแต่ก็ไม่หลุดประเด็นสำคัญ เลยทำให้อาจารย์หลายๆคนเอ่ยชม

เหมันต์นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟชื่อดัง เขาชูมือเพื่อแสดงตำแหน่งที่นั่งให้คู่ทำรายงานเห็น

“หัวข้อ Promotion เราจะนำเสนอถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องทั้ง การตลาดทางตรง โฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการทำSale promotion” ตะวันนั่งลงแล้วพูดถึงประเด็นสำคัญในหัวข้อรายงาน อาจจะเป็นเพราะคำว่าหน้าที่ ที่เจ้าของเล่นระลึกอยู่เสมอว่าต้องรีบกลับบ้านไปดูแลเจ้าของ

“เราจะนำเสนอในรูปแบบ Infographic ให้จบในสไลด์เดียว แต่จะอธิบายให้คอบคุมกับทุกอย่างดีไหม” เหมันต์เสนอความคิดที่ตนเองเตรียมมา

“ดี” เจ้าของเล่นตอบสั้นๆ

หัวข้อสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น ทั้งคู่เริ่มทำชิ้นงาน เหมันต์สรุปเนื้อหาทั้งหมด ตะวันออกแบบชิ้นงาน หน้าที่งานถูกแบ่งอย่างลงตัว

 เวลาล่วงเลยจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เจ้าของเล่นทำงานจนลืมดูเวลาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็มองไม่เห็นแสงจากดวงอาทิตย์แล้ว

“ต้องกลับแล้วล่ะ พรุ่งนี้ไปทำต่อที่ มหาวิทยาลัยนะ”

“ได้สิ เราเหมันต์นะ น่าจะรู้จักชื่อตั้งแต่ตอนจับฉลากทำรายงานแล้ว เรียกสั้นๆว่า เหม ก็ได้” เขาพึ่งได้แนะนำตัวก่อนที่จะกลับบ้าน ตลอดทั้งวันพูดกันแทบนับคำได้ เพราะจดจ่อกับงานด้วยกันทั้งคู่
“อื้อ เราตะวันนะ”

เจ้าของเล่นขับรถด้วยความเร็วสูง มันไม่เคยอยู่ห่างจากเจ้าของนานขนาดนี้ แต่วันนี้ทำงานจนลืมดูเวลา ตอนที่ผู้เป็นนายอยู่คนเดียว ในยามที่ท้องฟ้ามืดไร้แสงจากดวงอาทิตย์ เป็นอย่างไรมันรู้ดี

ตะวันกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นมาบนห้องนอน เปิดประตูเข้าไปพบเพียงความมืด และชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง มันเข้าไปใกล้ๆรวบคิมหันต์เข้ามากอดแน่น

“ฮือๆ นายไปไหนมา ฉันคิดว่านายจะไม่กลับมาแล้ว ไปไหนมา” ผู้เป็นเจ้าของร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อนที่ผู้เป็นลุงของเขาหายไปใหม่ๆ

“ผมไปทำรายงานมาครับคิม ผมกลับมาแล้ว ตะวันกลับมาแล้ว” เจ้าของเล่นลูบหัวผู้เป็นนายแผ่วเบา

“ไหนบอกว่าจะรีบกลับไง ไหนบอกจะมาหาไง นายก็คิดจะทิ้งฉันไปเหมือนลุงใช่ไหม”

“ผมขอโทษครับ ผมทำงานจนลืมดูเวลา”

“ฮือ ฮือ ต่อไปถ้าไปนานขนาดนี้ ไม่ให้ไปแล้ว”

      คิมหันต์ร้องไห้ตัวสั่นเทา กับคนอื่นอาจมองว่าเขาเป็นหนุ่มหล่อสุดแสนเย็นชา ผู้ไม่มีหัวใจ เขาไม่เคยมีคนรักเหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่กับเจ้าของเล่นเขาร้องไห้ งอแงเหมือนเด็ก มันเป็นปมในใจ ปมที่กลัวการถูกทิ้งเหมือนครั้งยังเป็นเด็ก ถึงแม้เจ้าของเล่นมันจะไม่มีความรู้สึกแต่มันก็เป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เขามี

       คิมหันต์หลับไปบนตักของตะวัน เหมือนทุกครั้งที่ร้องไห้คิดถึงลุง และเจ้าของเล่นก็นั่งลูบหัวเขา

“คิมตื่นได้แล้วครับ วันนี้มีเรียนคาบเช้า”

เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมา เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนตักเจ้าของเล่น

“นี่นายไม่ได้นอนเลยหรอ”

“ครับ ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ”

“ขอโทษนะที่เมื่อคืน ทำตัวงี่เง่า”

“ไม่เป็นไรครับ”

ทั้งสองยิ้มให้กัน มันเป็นความธรรมดา แบบที่เข้าใจกัน เจ้าของเล่นไม่มีความรู้สึกมันก็ไม่เคยโกรธผู้เป็นนาย ตะวันเองก็ไม่เคยถือโทษเจ้าของเล่นเขากลัวเสียมันไปมากกว่า เหมือนคนที่โตแล้ว แต่ยังติดตุ๊กตาหมีเน่าๆซักตัวไม่ยอมทิ้ง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :L2: :3123: :L1:
 :pig4:

ออฟไลน์ Cheese[C]ake

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ผู้มาจากร้านขายของเล่นมือสอง ตอนที่5(ต่อ)

โรงอาหารตึกคณะ

“แหมยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่เชียวนะ ไอ้พรรษได้เข้าใกล้ผู้ชายที่ชอบ”

“เออ ก็พึ่งมีโอกาสนี่แหละ”


พรรษชลตอบเพื่อนแล้วยิ้มกว้าง แสดงให้เห็นความดีใจ เธอไม่ได้เขินอายเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ก็ไม่ได้เข้าหาจนน่าเกลียด หญิงผู้มีชื่อว่าฤดูฝนคิดแบบนั้น การที่เอารูปคนที่ชอบขึ้นโปรไฟล์ก็เหมือนผู้หญิงที่ชอบดาราเกาหลี หรือกรี๊ดผู้ชายซักคนแล้วเอารูปมาตั้งหน้าจอโทรศัพท์

“แกทำไมไม่จีบให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ นี่ก็ พ.ศ.ไหนแล้ว ผู้หญิงจีบผู้ชายก่อนก็ไม่มีใครว่า”

“นั่นสิ เอารูปเขามาติดในห้อง ตั้งรูปโปรไลน์ ตามถ่ายตอนเขากินข้าว กลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เพื่อนฉันจะคิดว่าแกเป็นพวกโรคจิต”


เพื่อนอีกคนพูดเสริม ทุกคนรอบตัวรู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อมีความหมายว่าฤดูฝนคนนี้ชอบคิมหันต์มากขนาดไหน

“ก็กำลังจะจีบอยู่นี่ไง อย่าพึ่งเร่งสิพวกแก ฉันก็กำลังหาโอกาสอยู่”

“ทำไมแกไม่ลองเข้าทางญาติเขาดูวะ ที่ชื่อตะวันอะ”

“ก็เคยคิด แต่เข้าถึงยากทั้งคู่”

“แล้วก็หล่อแบบวัวตายควายล้มทั้งคู่ด้วย”

บทสนทนาแบบที่ผู้หญิงคุยกันก็คงหนีไม่พ้นพูดเรื่องผู้ชายที่ชอบ พูดคุยสนุกปากตามภาษาผู้หญิงด้วยกัน

ไลน์ไลน์ไลน์~~~~
Phatsachon:เราจะทำงานคู่แบบไหนดีคิม (Read)
คิมหันต์นอนมองข้อความบนโทรศัพท์ แล้วกดตอบแบบเลี่ยงไม่ได้
KIMHUN :เราว่าจะทำเป็นกราฟฟิคแบบหน้าเพจเฟสบุคแล้วให้ข้อมูลผ่านการคอมเม้นต์ตอบไปมาของคนสองคน เพื่อแสดงถึงความทันสมัยของ Markettingที่ทุกวันนี้มี Adsแทรกซึมผ่านทุกๆการใช้ social media (Read)
Phatsachonดีจังเลย คิมนอนหรือยัง เรานอนไม่หลับเลยอะ(Read)

ข้อความสุดท้ายของวันถูกทิ้งไว้แค่นั้น เขาไม่ได้คิดจะตอบอะไรต่อ นอกจากเรื่องงานก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดเรื่องอื่น
คิมหันต์เอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียงพลิกตัวให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่อยากรบกวนการนอนของคนที่อยู่เตียงด้านล่าง พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเจ้าของเล่นควรได้พักมากสักหน่อย ขึ้นมหาวิทยาลัยตะวันต้องเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่า ทั้งทำหน้าที่ดูแลเขา และทำหน้าที่เรียนของตัวเอง เมื่อถึงเวลาได้พักก็ควรที่จะได้พักมากขึ้น

การPresentงานของตะวันกับเหมันต์ผ่านไปด้วยดี ได้รับคำชมและเสียงปรบมือจากเพื่อนๆ เจ้าปัญญาประดิษฐ์ ของเล่น หรืออะไรก็ตามของคิมหันต์มันมีความเฉลียวฉลาดช่างคิด รวมกับได้เรียนหนังสือเพื่อเพิ่มความรู้ จึงไม่แปลกที่ผลงานจะออกมาดีขนาดนี้

“เป็นความคิดที่ดีมากๆเลยค่ะที่นำเสนองานผ่านแนวคิดการทำ Infographic น่าสนใจ ไม่เอาตัวหนังสือเยอะๆมาใส่ใน Powerpointตอนนำเสนอ และทำให้เพื่อนๆได้เข้าใจคำว่า Promotionมากขึ้นเก่งมากค่ะ”สิ้นเสียงคำชมจากอาจารย์ทุกคนต่างพากันปรบมือให้กับผลงานของทั้งคู่

“เก่งมากตะวัน” คิมหันต์กระซิบ ในมือเตรียมเอกสารการนำเสนอ เขาประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งมาจากความที่ไม่เคยยืนข้างคนอื่นต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ อีกส่วนมาจากความอ่อนแอที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนทำให้การเตรียมตัวไม่ดีเท่าที่ควร

“เต็มที่นะครับคิม”

“กลุ่มต่อไปเชิญ คิมหันต์ พรรษชล ออกมานำเสนอเรื่อง Product ค่ะ”

“สวัสดีค่ะวันนี้พวกเราจะมาพูดถึงเรื่อง Product หรือผลิตภัณฑ์ที่เราเห็นคุ้นตาอยู่ในตลาด”


หญิงสาวพูดอย่างคล่องแคล่วแสดงให้ถึงการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เราต้องรู้ว่า สินค้าของเราพิเศษกว่าคนอื่นอย่างไง เพื่อที่จะสามารถต่อสู้กับคู่แข่ง และแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในประเภทของสินค้านั้นให้ได้มากที่สุดครับ”คิมหันต์พูดเสริมคำพูดคู่ของเธอ

“ก็เป็นชิ้นงานที่ดี สื่อความหมายถึงความใหม่ของผลิตภัณฑ์ผ่านหน้าfacebookfanpageแต่อาจารย์ว่ายังไม่คลอบคลุมความหมายของคำว่า Product เพื่อนๆเข้าใจความหมายของคำว่า ผลิตภัณฑ์ แต่ยังไม่เห็นภาพ อาจารย์อยากให้พวกเราไปแก้ไข แล้วนำมาส่งใหม่ในวันพรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้!!”

“ใช่พรุ่งนี้เราเรียนการตลาดเสมือนเป็นนักการตลาด คู่แข่งของพวกเราทำงานอย่างไม่หยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นต้องรีบทำเพื่อนปรับตัวให้เข้ากับสังคมปัจจุบัน ถ้าเอามาส่งสัปดาห์หน้าข้อมูลที่พวกเธอหามาก็จะเก่าไปแล้ว”


อาจารย์สรุปถึงเหตุผลที่ต้องให้รีบทำงานมาส่ง ทั้งคิมหันต์และพรรษชล ก็เข้าใจเป็นอย่างดี และไม่ได้นึกโทษตัวเองที่ชิ้นงานออกมาเป็นแบบนี้เพราะตั้งใจทำอย่างเต็มที่แล้วทั้งคู่ จะกังวลก็แค่คืนนี้คงต้องอดนอนเพื่อทำงานมาส่งให้ทัน

เรื่องความสะดวกในการทำงานโต้รุ่งก็คงไม่มีที่ไหนดีไปกว่าบ้านคิมหันต์

“บ้านคิมใหญ่จัง อยู่กันกี่คนเนี่ย”

“สามคน”


คิมหันต์ตอบส่งๆ แล้วรีบเดินจ้ำไปที่ห้องนอน อยากรีบทำงานให้เสร็จ เขาอยากพักผ่อน อีกใจก็เกรงใจเจ้าของเล่นที่พาคนอื่นเข้ามาในบ้าน ถึงมันจะเข้าใจ แต่มันก็เป็นทั้งญาติ ทั้งเพื่อน ทั้งครอบครัว เขาไม่อยากให้มันต้องรู้สึกอึดอัด
ชายหนุ่มหยิบโต๊ะมากาง วางเอกสารงานคู่ที่อยากทำให้เสร็จ

“ตรงนั้นนั่งไม่ได้!!”
เขาพูดเสียงดัง ในขณะที่พรรษชลกำลังหย่อนตัวนั่งที่เตียงนอนชั้นล่างแต่ยังไม่ทันได้นั่ง ก็ต้องดีดตัวออกมาเพราะตกใจเสียงห้ามเลยต้องเปลี่ยนเป้าหมายมานั่งที่โซฟาข้างเตียงแทน

“นั่นเตียงนอนของตะวัน เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา”

“โทษที เราไม่รู้ คิมนี่ดีจังให้เกียรติญาติมากเลย”


ที่เธอจะเข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิด เขาให้เจ้าของเล่นใช้นามสกุลเดียวกันเพื่อง่ายต่อการดำรงชีวิต ตะวัน อัศวเดช

“ใช่ให้เกียรติ เหมือนที่เขาไม่เคยก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของเรา”

แม้จะนอนอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ตะวันไม่เคยรื้อค้นข้าวของหรือขึ้นมาบนเตียงนอนชั้นที่สอง เขาเองก็ไม่เคย เตียงนอนชั้นล่างใช้เป็นที่เดินผ่านไปที่ประตูเท่านั้น

“ถ้าวันหนึ่งได้เป็นแฟนกัน เราก็นอนเล่นที่เตียงนอนของคิมได้นะ555”

“เพ้อเจ้อ”

“พูดไปเถอะ อย่ามาหลงเสน่ห์สายฝนคนนี้ก็แล้วกัน คุณฤดูร้อน”

“ไร้สาระ จะทำไหมงาน”

“ทำจ้า แต่จีบคนตรงหน้าก่อนได้ไหม”

“…….”


ดูเหมือนบทสนทนาจะยากที่จะไปต่อ แต่หญิงสาวคนนี้ก็เปรียบเหมือนพายุลมฝนที่พร้อมจะพุ่งชนสิ่งตรงหน้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เข้าใกล้เขาได้มากขนาดนี้

“คุกกี้ครับ”

ตะวันเดินเข้ามาพร้อมน้ำสองแก้ว และคุกกี้ มันดูแลเขาดีอย่างนี้เป็นประจำ คำกล่าวอ้างที่พูดบ่อยๆว่าหน้าที่ เจ้าของเล่นก็ไม่เคยบกพร่องกับคำนี้เลย

“สวัสดีตะวัน เราพรรษชลนะเรียกสั้นๆว่าพรรษก็ได้”

แผนการตีสนิทคนใกล้ตัวคิมหันต์เริ่มต้นขึ้น

“สวัสดีครับ"

“นายมานั่งกับฉัน”
เขาเรียกเจ้าของเล่นให้มานั่งข้างตัว มันหยิบแผ่นงานขึ้นมาดู

“คิมลองยกตัวอย่าง Product ซักอย่างดีไหมครับ การนำเสนอผ่านกรณีตัวอย่างจะทำให้สร้างความเข้าใจได้มากขึ้น”

“ก็ดีนะ ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปสนิทเลย”


“ดีจริงๆด้วย Ideaการนำเสนอจากกลุ่มที่โดนอาจารย์ชม ข้าน้อยขอคาราวะ”

พรรษชลทำมือซูฮกแล้วโน้มหัวลง ทีเล่นทีจริง

“หึ หึ เยอะไปและ”

คิมหันต์อดบ่นคู่รายงานของตัวเองไม่ได้
“เราไม่เคยเห็นคิมยิ้มแบบนี้เลย”คนที่ถูกพูดถึงรีบกลับมาเก็กหน้านิ่ง

“แล้วปกติเป็นอย่างไง”

“ก็จะแบบถามคำตอบคำ แล้วก็ทำหน้านิ่งๆ”

“ก็ไม่ขนาดนั้น ใช่ไหมตะวัน”

“ครับไม่ขนาดนั้น”


นาฬิกาชี้ไปที่เลข 3 ผู้หญิงคนเดียวในห้องนี้ฟุบลงไปกับโต๊ะ อดทนกับความง่วงไม่ไหว เหลือเพียงแต่ชายหนุ่มกับเจ้าของเล่นของเขาที่นั่งทำรายงานอย่างเคร่งเครียด
“นายนอนก่อนเลยก็ได้นะ อันนี้งานฉันเดี๋ยวฉันทำเอง”

“ไม่ได้หรอกครับ มันเป็นหน้าที่”

“พูดเป็นอยู่คำเดียว”

“แล้วคิมอยากให้ผมพูดอย่างไง”

“ปกติไม่เถียงนี่”

“ไม่ได้เถียงครับ แค่ถาม”

“ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว
”เขาไม่สนุกเลยซักนิด เวลาที่มันอธิบายอะไรยืดยาวแล้วจบลงด้วยคำว่าหน้าที่ จะเห็นเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว พูดด้วยความเป็นห่วง หรือทำอะไรให้เขาเพราะอยากทำเลยไม่ได้หรือไง เขาตัวคนเดียว แล้วเวลานี้ก็อยากได้กำลังใจจากใครซักคนที่มาจากใจจริง พึ่งโดนอาจารย์ให้แก้งานแล้วมีกำหนดส่งรวดเร็วก็แย่พอแล้ว จะต้องให้รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกไปถึงเมื่อไหร่กัน
“น่ารักดีนะครับ”

“อะไรน่ารัก”


มันเหลือบตาไปมองผู้หญิงที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ

“ก็ดี แต่แปลกๆ ดูน่ารักแบบแปลกๆ อธิบายไม่ถูก”

“เหมาะกับคิมนะครับ”

“หัดเป็นพ่อสื่อพ่อชักตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เปล่านะครับแค่รู้สึกถึงความเหมาะสม และที่สำคัญเธอทำให้คิมยิ้มได้ ในอนาคตจะต้องมีความสุขถ้าตื่นมาและหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม”

“อยากให้มีมากเลยหรือไง แฟนนะ”

“การที่คิมจะมีผู้หญิงสักคนดูแลก็เป็นเรื่องที่ดี ถึงเวลานั้นก็คงจะหมดหน้าที่ของผม”

“นายอยากหมดหน้าที่มากขนาดนั้นเลยหรอ”

“ผมเลือกไม่ได้ว่าอยากหรือไม่อยาก คิมอย่าลืมสิว่าตำหนิของผมคืออะไร เพราะฉะนั้นผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพวกนั้น หน้าที่ของผมคือการดูแลคิม และทำทุกสิ่งที่คิมพอใจ เหมือนของเล่นที่เล่นได้ทุกอย่างตามที่เจ้าของอยากเล่น ปัญญาประดิษฐ์ทำทุกอย่างตามที่ถูกป้อนข้อมูล”


นานมากแล้วที่ไม่ได้พูดกันถึงตำหนิ ข้อบกพร่องของสินค้าร้านมือสอง จนเขาเกือบลืมไปแล้วว่า ตะวันไม่ใช่คน มันพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับเป็นเหมือนวันแรกที่ได้เจอกัน แววตาที่คิมหันต์อาจจะทึกทักเอาเองว่ามันกำลังเจ็บปวด เจ้าของเล่นเดินออกจากประตูอย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรกที่เขารับรู้ได้ถึงการปะทะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีการตะโกนใส่กัน แต่วันนี้มันไม่ปกติ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ฮือ ตะวัน ต้องแอบมีความรู้สึกรักคิมแน่เลย :ling1:

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 6 ค่ายอาสา

“นมร้อนครับคิม”

อะไรที่มันไม่มีความรู้สึกมันก็ดีแบบนี้สินะ แม้สถานการณ์จะขุ่นมัวแค่ไหนแต่มันก็ยังทำไอ้คำว่าหน้าที่ที่มันพร่ำพูดอยู่ตลอด ในขณะที่แม่บ้านที่ลุงเขาฝากฝังนักหนากลับนอนหลับไปตั้งนานแล้ว

“ไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดไป แต่อยากขอโทษ” แม้จะพูดแผ่วเบาแต่เขารู้ว่ามันได้ยิน

“คิมไม่ได้ทำอะไรผิดครับ ผมแค่อธิบายสิ่งที่ผมคิด เราแค่มีความเข้าใจในบางเรื่องไม่ตรงกัน”

“นายก็มีเหตุผลมาพูดให้ฉันรู้สึกดีได้ตลอดเลยนะตะวัน”

เขายิ้ม มันยิ้ม ความทุกข์ในใจเรื่องขุ่นมัวก็เจือจางไป

“Product ผมจะยกตัวอย่างของเล่นชิ้นหนึ่งของผม ที่อาจจะเป็นของเล่นของเด็กในอนาคต มีข้อดีคือ ของเล่นชิ้นนั้น สามารถช่วยดูแลเด็กได้ เหมือนกับหุ่นยนต์พี่เลี้ยง คุยเป็นเพื่อนเวลาเหงา ปลอบใจในยามท้อแท้ ใส่ใจในยามที่ต้องการใครซักคน ”
คิมหันต์มองมาที่เจ้าของเล่นของเขา

“แต่มีข้อเสียคือ ของเล่นยังมีข้อจำกัดคือความรู้สึกที่ไม่สามารถตอบกลับหรือให้ความรักกับผู้เป็นเจ้าของได้”

“ของเล่นของเธอถ้าทำได้ขนาดนี้ จะขายอยูที่เท่าไหร่”

อาจารย์ถามอย่างให้ความสนใจ

“ผมขออธิบายในหัวข้อ Product ที่ผมที่ได้นะครับ ถ้าเป็นเรื่องราคา จะอยู่ในหัวข้อ Priceซึ่งให้คนที่ทำหัวข้อนี้มาอธิบายจะดีกว่า”
คิมหันต์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามอย่างมีชั้นเชิง ไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบ แต่เขาให้ราคากับของชิ้นนี้ไม่ได้เลยต่างหาก ไม่รู้ว่าต้องตีค่าสิ่งที่ได้รับมากว่า 10 ปีเป็นเงินเท่าไหร่ ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ แต่มันจะเห็นแก่ตัวไปไหม ถ้าอยากเป็นแค่หน้าที่เดียวที่มันมี ความรู้สึกนี้คงแค่หวงของเล่นเหมือนตอนเด็กๆนั่นแหละ

“เป็นการแก้งานที่ดีมากค่ะ ทุกวันนี้นวัตกรรมเข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น สินค้าที่เธอนำมาเป็นตัวอย่างให้กับเพื่อนๆ เป็นเรื่องที่ดีมาก”
เพื่อนๆพากันปรบมือแสดงความชื่นชมให้กับผลงานของเขากับพรรษชล

“ถ้าของเล่นที่คิมยกตัวอย่างมามีขายจริงๆ แบ่งให้เราเล่นบ้างนะ”

“เราคงแบ่งให้พรรษไม่ได้หรอก”

“ดีใจจัง คิมเรียกชื่อเล่นเรา”

ดูเหมือนว่าพรรษชลจะสนใจสรรพนามที่เขาใช้เรียกเธอมากกว่าคำตอบ

“ก็เธอบอกให้เรียกแบบนี้ไม่ใช่หรอ”

“จ้า พ่อแฟนในอนาคต”


คิมหันต์ส่ายหัวไปมาด้วยความเอือมระอา

“เก่งมากครับคิม”

“ขอบคุณนะ สำหรับแนวคิดการนำเสนองานผ่านการยกตัวอย่างของนาย”

“ครับ”

ไม่คิดจะถามหรืออยากรู้อะไรมากกว่านี้เลยหรอ เขารู้มาตลอดว่าเจ้าของเล่นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึก แต่อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ อย่างน้อยก็ควรซึมซับความเป็นมนุษย์เข้าไปบ้างความโดดเดี่ยวไม่เคยหายไปจากหัวใจคิมหันต์เลยซักนิด

เมื่อการเรียนมหาวิทยาลัย สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการเข้าร่วมกิจกรรมแต่ชมรมอื่นก็ดันลงชื่อไม่ทัน ทั้งคิมหันต์และตะวันเลยต้องมาโผล่อยู่ในชมรมค่ายอาสาพัฒนาชนบท

“น้องๆทุกคนปีนี้เราจะไปสร้างห้องสมุดกันที่จังหวัดสงขลา”

 “ปีนี้เป็นปีแรกที่พวกเราจะได้ไปค่ายกันที่ทะเล เราจะไปสะมิหรากัน”

“ปีก่อนๆเราจะขึ้นเหนือ ไปดอย ปีนี้พวกพี่ประชุมกันแล้วว่าเราจะเปลี่ยนบรรยากาศลงใต้บ้าง”

พี่ๆชาวออกค่ายพยายามปลุกระดมให้น้องในชมรมรู้สึกตื่นเต้น กับการไปทำกิจกรรมนอกสถานที่

“ทะเล”

“ฉันกับนายไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันเลยนี่เนาะ”


คิมหันต์พูดขึ้น พยายามนึกย้อนกลับไปตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนกับมัน อยู่กันแค่บ้านกับโรงเรียน หรือห้างสรรพสินค้าใกล้ๆเท่านั้น

“ครับ ทะเลเคยเห็นแค่ใน Internet เท่านั้น”

“นายอยากไปไหม”

“ถ้าคิมไปผมก็ต้องไปอยู่แล้วครับ”

“ก็ต้องไปอยู่แล้ว เลี่ยงไม่ได้ ไม่งั้นก็ไม่ผ่านกิจกรรม”

“สวัสดีตะวัน”


เสียงหนึ่งดังขึ้น คิมหันต์และตะวันหันไปมองเจ้าของเสียง

“เหมอยู่ชมรมนี้ด้วยหรอครับ”เจ้าของเล่นเอ่ยถามคนที่เคยทำงานร่วมกันมาหมาดๆ

“เราไม่รู้ว่าจะอยู่ชมรมไหน อันนี้ดูน่าสนุกดีเลยลองสมัครเข้ามา”

“ครับ เห็นพี่ๆเขาบอกว่าปีนี้จะไปทำห้องสมุดที่ใต้”

“ดีสิ เราไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว ถือโอกาสไปพักผ่อนด้วยเลย”


ตะวันยิ้มให้กับคำตอบของเหมมันต์ แล้วหันมานั่งฟังสิ่งที่รุ่นพี่พูดต่อ

“ขอให้น้องๆทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม การไปค่ายไม่ได้สบายเหมือนอยู่บ้าน บางคนพ่อแม่ประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน แต่การไปออกค่ายคือการได้ใช้ชีวิต คือการไปพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นกินต้องกินด้วยกัน นอนต้องนอนด้วยกัน การไปค่ายรอบนี้พวกพี่จะถือโอกาสรับน้องค่ายไปด้วย ใครป่วยมีโรคประจำตัว เตรียมยาไปให้พร้อมนะครับ”

“เข้าใจไหมครับ”

“เข้าใจครับ”

“เข้าใจค่ะ”

ทุกคนตอบรับสิ่งที่พี่ๆชาวค่ายพูด

“เก๊กฮวยถ้วยใหญ่ๆแช่เอาไว้อยู่ในตู้เย็น น้องใหม่เขาผ่านมาเห็น น้องใหม่เขาผ่านมาเห็น แอบเปิดตู้เย็นกินน้ำเก๊กฮวย ชักแหงกๆ ชักแหงกๆ”
รุ่นพี่ค่ายอาสาพาสร้างความบันเทิงให้น้องๆด้วยการร้องเพลง บนรถทัวร์ที่กำลังแล่นไปสู่ภาคใต้

“น้องหล่อสองคนนั้น ออกมาร้องเพลงกับพี่หน่อยครับ”

รุ่นพี่ชี้มาที่คิมหันต์กับตะวัน ทั้งคู่เดินออกมาตามคำชวน แต่ไม่ทันระวังรถเบรคกระทันหัน

“ขอโทษครับหมาวิ่งตัดหน้ารถ”

ถ้าใครไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่าระหว่างที่ตะวันเซกำลังจะล้ม เขาจับเอวมันไว้แน่น รู้ว่ามันซุ่มซ่ามจากร่องรอยบนหลังมือที่ชอบหกล้มจนเป็นแผลเหวอะ

“ระวังหน่อย”

เขาประคองมันไว้จนรถกลับมาวิ่งเป็นปกติ แล้วเดินแทรกตัวมายืนข้างรุ่นพี่ที่เรียก

“เราจะมาสร้างความสัมพันธ์ของพวกเราชาวค่ายกันดีกว่า เอ้าเพลงมา”

“เก๊กฮวยถ้วยใหญ่ๆแช่เอาไว้อยู่ในตู้เย็น น้องใหม่เขาผ่านมาเห็น น้องใหม่เขาผ่านมาเห็น แอบเปิดตู้เย็นกินน้ำเก๊กฮวย ชักแหงกๆ ชักแหงกๆ”

“แต่เพลงอย่างเดียวยังไม่พอ เราจะต้องมีท่าทางประกอบด้วย”


รุ่นพี่ผู้ชายสองคนหันหน้าเข้าหากัน พอเพลงขึ้น เก๊กฮวยถ้วยใหญ่ๆ พวกเขาวาดมือเป็นวงกลมทรงถ้วย เต้นจนมาถึงท่อนสุดท้ายแอบเปิดตู้เย็นกินน้ำเก๊กฮวย ชักแหงกๆๆ พี่สองคนจับเอวแล้วเด้งช่วงล่างใส่กัน เหมือนท่าเต้นในเพลงคืนนี้อยากได้กี่ครั้ง สร้างเสียงหัวเราะให้กับน้องๆและเพื่อนๆในรถคันนี้เป็นอย่างมาก เห็นจะมีก็แต่น้องใหม่สองคนที่พึ่งถูกเรียก พวกเขาแสดงอาการเครียดมากกว่าจะขำกับสิ่งที่ต้องทำเป็นรายต่อไป

“พวกผมร้องเพลงอย่างเดียวไม่ได้หรอครับ”คิมหันต์พูดขอลดสิ่งที่ต้องทำกับรุ่นพี่

“เพื่อนๆว่าอย่างไงครับ” พี่ชาวค่ายหันไปถามความเห็นส่วนมาก และแน่นอนคำตอบคือ

“ไม่ได้”

“เพลงมา”

“เก๊กฮวยถ้วยใหญ่ๆแช่เอาไว้………………...”


ชายหนุ่มหันหน้าเข้าหาเจ้าของเล่นแล้วทำท่าอย่างเก้ๆกังๆ พอมาถึงท่อนสุดท้ายก็ทำไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ผ่านไหมครับเพื่อนๆ”รุ่นพี่หันไปถามความเห็นอีกครั้ง

“ไม่ผ่านเบาไปครับ”

“งั้นขออีกรอบ”

“ฉันขอโทษนะแต่มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ”


เขายังคงให้เกียรติเจ้าของเล่นราวกับว่ามันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆน่าทะนุถนอม แต่ลืมไปหรือเปล่าว่ามันก็อายุ ส่วนสูงและน้ำหนักก็พอกับเขา การที่เพื่อนผู้ชายเล่นอะไรทะลึ่งๆแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติมากถ้าเป็นคู่เพื่อนชายคนอื่นๆ แต่กับเขาไม่ใช่แบบนั้น
“…….แอบเปิดตู้เย็นกินน้ำเก๊กฮวย ชักแหงกๆๆๆ”
ตะวันและคิมหันต์จับเอวกันแล้วทำท่าเดียวกับนักร้องเพลงคืนนี้อยากได้กี่ครั้ง เจ้าของเล่นยังคงร้องเพลงและเต้นอย่างมีสีหน้าเรียบเฉยก็แน่ล่ะมันไร้ความรู้สึก ส่วนเขาร้อนผ่าวไปทั้งหน้า เป็นเพราะอายคนทั้งรถที่ต้องมาเต้นท่าประหลาดๆอะไรแบบนี้ คงไม่ใช่เหตุผลอื่นแน่นอน

“โอเครอบนี้พี่ให้ผ่าน เต้นแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบและ”
เขาเดินตามหลังมันกลับมานั่งที่เดิม

“คิม หิวไหมครับผมเตรียมนี่มาด้วย”เจ้าของเล่นชูกล่องสเต็กของโปรดคิมหันต์ขึ้นมา นี่มันไม่ได้กำลังพยายามเปลี่ยนเรื่องใช่ไหม

“หิวสิ”เขารับกล่องพลาสติกมา ตั้งหน้าตั้งตากิน พยายามกลบเกลื่อนหน้าแดงๆที่ให้เหตุผลกับตัวเองว่าอายคนบนรถ
“ระวังติดคอครับคิม ค่อยๆกิน”มันยื่นกระบอกใส่น้ำส้มคั้นที่ถูกรักษาความเย็นไว้ด้วยขวดเก็บอุณหภูมิ

“เมื่อกี้คิมเต้นน่ารักมากเลย”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น เขากับตะวันอุส่าห์ไม่พูดถึงอดนึกโกรธคนที่รื้อฟื้น
“เธอมาได้ไงเนี่ย”

“ก็อนาคตแฟนเรามาทั้งที ทำไมเราจะมาไม่ได้”

คำพูดคำจาบ่งบอกให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือพรรษชล คนที่แสดงตัวว่าชอบคิมหันต์อย่างไม่อายใคร

“ไร้สาระ”

“ตะวัน คิมว่าเราอีกแล้ว”

พรรษชลเอาหน้ามาแนบตรงเบาะที่ตะวันนั่ง เธอยังไม่ล้มเลิกแผนการเข้าหาผู้ชายที่ชอบผ่านคนสนิทคิมหันต์หัวเราะเบาๆแล้วส่ายหน้าไปมา เขาไม่ได้ปฏิเสธผู้หญิงคนนี้เหมือนทุกครั้ง
“นั่งด้วยคนสิพอดีเบาะหลังโดนรุ่นพี่ยึดไปหมดแล้ว”
เหมมันต์เดินมานั่งข้างผู้หญิงที่ชื่อแปลว่าฤดูฝน โดยที่เบาะหน้าคือตะวันกับคิมหันต์

“นั่งสิเหม นี่คิมหันต์อนาคตแฟนเราเองรู้จักแล้วเนาะอยู่ห้องเดียวกัน”

“หึหึ จริงๆเลยนะพรรษ”


ไม่ใช่แต่คิมหันต์ที่หัวเราะอย่างเอือมระอาให้กับการกระทำของผู้หญิงคนนี้ เหมมันต์ก็เช่นกันเขาเคยคุยกับเธอมาบ้าง และรู้เรื่องที่เธอพยายามประกาศให้ทุกคนรู้ว่าชอบนายฤดูร้อนมากขนาดไหน พอมองไปแล้วดูสดใสมากเกินกว่าจะรำคาญ
รถเคลื่อนมาถึงชุมชนหนึ่งในจังหวัดสงขลา จุดหมายปลายทางที่จะมาสร้างห้องสมุดชุมชนและรับน้องค่าย

“เดี๋ยวคืนนี้เราจะนอนกันที่นี่นะครับน้องๆ”

สภาพที่นอนที่พี่ชาวค่ายพูด เป็นห้องโถงปูนเปลือย ทุกคนนอนรวมกัน มีหมอนกับผ้าห่มที่ชาวบ้านจัดเตรียมไว้ให้ คิมหันต์กับตะวันเลือกนอนตรงมุมห้อง หลังจากจัดของเข้าที่เสร็จก็ออกไปที่ลานกว้างเพื่อร่วมกิจกรรมที่พี่ๆเตรียมไว้

“สวัสดีน้องๆชาวค่ายอาสาทุกคนอย่างเป็นทางการพี่ชื่อ ลมหนาวนะครับ หรือเรียกสั้นๆว่าพี่หนาวก็ได้ เป็นหัวหน้าค่ายในปีนี้ พี่จะคอยดูแลพวกเราตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ กิจกรรมของเราจะแบ่งเป็นรับน้อง และสองวันที่เหลือเราจะสร้างห้องสมุดชุมชนกัน”หัวหน้าค่ายพูดอธิบายรายละเอียดทั้งหมด

“และเราจะไปรับน้องกันที่ชายหาดสะมิหลา”

ทุกคนพากันปรบมือเมื่อสิ้นเสียงพูด นอกจากการรับน้องก็ยังได้ผ่อนคลายด้วยการไปนั่งพักที่ริมทะเลหลังจากที่เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย

“คิมเห็นรูปปั้นนางเงือกตรงนั้นไหมครับ”มันถามเขาตอนนั่งที่ริมชายหาด เสื้อฮาวายสีแดงไม่ได้ติดกระดุมกับเสื้อกล้ามสีขาวด้านในช่างลงตัวกับสีผิวของเจ้าของเล่น ผมเทาอ่อนและหน้าตาหล่อเหลาของมันเป็นที่สะดุดตาของผู้หญิงที่มาออกค่ายต้องเหลียวหลังมอง

คิมหันต์พยักหน้า “เห็นสิ”

“รูปปั้นนั่นเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับนางเงือกที่มาหวีผมด้วยหวีทองคำ บนชายหาดทุกวันวันหนึ่งชาวประมงเดินผ่านมา เงือกเห็นก็ตกใจหนีลงทะเลไป โดยที่ลืมหวีทองไว้”

“แล้วไงต่อ”เขาฟังเจ้าของเล่นอย่างตั้งใจ

“ชาวประมงเก็บหวีนั้นไว้ แล้วก็รอที่จะเจอนางเงือกอีกครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยกลับมาให้เขาเจออีกเลย”

ชายหนุ่มไม่แปลกใจที่มันรู้เรื่องต่างๆรอบตัวมากขนาดนี้ ตะวันฉลาดและชอบหาความรู้อยู่เสมอเขารู้จักมันดีที่สุด

“ถ้าฉันเป็นชาวประมงฉันก็จะรอนะ”
“........”
“การได้รอคอย แล้วมีความหวังว่าจะเจอใครซักคนที่เราอยากเจอมากๆ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่รู้ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไง แต่ก็ยังมีความหวังที่จะได้รอ”
“………”
“เหมือนที่ฉันยังรอลุงของฉันไง”

มันลูบมือเขาแผ่วเบาเหมือนวันนั้นที่ลุงจากไป ไม่มีคำปลอบโยนใดๆ มีเพียงแต่เสียงน้ำทะเลที่ซัดเข้าสู่ชายฝั่ง รูปปั้นนางเงือกที่ปราศจากรูปปั้นชาวประมงนั่งเคียงข้าง และดวงตะวันที่กำลังจะลับจากขอบฟ้า
“เรายังไม่เคยมีรูปคู่กันเลยเนาะ”เขาพูดกับเจ้าของเล่น แล้วยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะถ่ายภาพ

“ยิ้มมมม” คิมหันต์ยิ้มกว้าง แต่คนข้างๆเขาดันยิ้มแบบเก้ๆกังๆเหมือนคนที่ยิงฟันเพื่อเตรียมแปรงฟันในตอนเช้า

“นายยิ้มให้มันดีๆสิ”

“ก็มันไม่ชินนี่ครับคิม”

 “ยิ้มต้องแบบนี้”

คิมหันต์เอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งดันแก้มสองข้างของเจ้าของเล่นยกขึ้น เขากดชัตเตอร์1ครั้ง

“เรามีรูปคู่กันแล้วนะ”

“ครับคิม”

และชีวิตก็ยังเป็นเหมือนเดิม เขายิ้ม มันก็ยิ้ม ถึงแม้จะเป็นยิ้มที่ฝืนธรรมชาติไปหน่อยก็เถอะ


ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่7 ความห่วงใย

“สองคนมานั่งตรงนี้เองพรรษเดินหาตั้งนาน”
แฟนในอนาคตของคิมหันต์มาในชุดว่ายน้ำวันพีชกระโปรงสั้นเข้ารูป ที่ดูเหมือนชุดนี้จะตัดมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
“มีอะไร”
“พรรษจะชวนคิมกับตะวันไปเล่นน้ำด้วยกัน”

เขาหันไปมองเจ้าของเล่น มันพยักหน้าให้เขา
“ไปสิ มาทะเลทั้งที”
ทั้งสามคนเล่นน้ำอยู่ด้วยกัน เสื้อกล้ามของตะวันเป็นสีขาวเมื่อโดนน้ำก็เผยให้เห็นรูปร่างที่อยู่ด้านในประกอบกับหน้าตาอันคมคายก็ยิ่งดึงดูดสายตาของคนที่อยู่ในระแวกนั้นมากยิ่งขึ้น
“ตะวันติดกระดุมเสื้อ”คิมหันต์พูดเสียงแข็ง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของเล่นจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
“ฉันบอกให้นายติดกระดุมไงเล่า”เขาตวาดมันเสียงแข็ง
“คิมไม่เห็นต้องดุขนาดนั้นเลย ตะวันก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”
“ผมทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยหรอครับ”

เจ้าของเล่นมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
“ไม่ผิด แต่มันโป๋ คนอื่นเขาจะมองไม่ดี”
“5555 โป๋อะไรกันคิม ตะวันเป็นผู้ชายนะ ถ้าคิมพูดแบบนี้กับพรรษ พรรษจะคิดว่าคิมกำลังหวงอยู่”
“ไร้สาระ”
“นะๆๆๆ พูดกับพรรษบ้างนะคะคุณอนาคตแฟน”

เขาไม่สนใจสิ่งที่พรรษชลกำลังพูด แต่หันมาบอกให้เจ้าของเล่นติดกระดุมเสื้อจนเสร็จ
“วันหลังถ้านายมาทะเลอีกใส่เสื้อสีอื่นนะ”
มันพยักหน้าตอบรับ
เขาไม่อยากให้คนอื่นมามองเจ้าของเล่นไม่ดีเขาให้เกียรติมันทุกครั้งทั้งตอนอยู่บ้านและนอกบ้าน การที่คนอื่นมามองมันด้วยสายตาเล้าโลมแบบนี้เขาไม่ชอบ
“น้องๆ มารวมกันตรงไม่นี้ครับ”พี่ลมหนาวหัวหน้าค่ายทำหน้าที่เรียกรวมน้องๆไปทำกิจกรรมต่อ
“ทุกคนคงสนุกกับการเล่นทะเล แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องกลับที่พักกันแล้วครับ”
น้องชาวค่ายทุกคนเดินมารวมกันที่จุดนัดหมาย เพื่อกลับไปนอนเอาแรงแล้วเริ่มทำงานอาสาในวันพรุ่งนี้

ห้องนอนรวม
คิมหันต์พลิกตัวหลายครั้งเพราะนอนไม่หลับ ทุกคนรอบตัวดูเหมือนจะหลับกันไปหมดแล้ว เขาคิดถึงคำพูดในคืนแรกที่ ด.ช.ตะวันมาอยู่บ้านเดียวกัน ~โดยปกติแล้วคนเราจะนอนไม่หลับถ้าแปลกที่ ผมเคยอ่านเจองานวิจัยของสหรัฐชิ้นหนึ่งในร้านมือสอง เรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่า First Night Effect อาการแบบนี้จะเกิดขึ้นแค่ในคืนแรกเท่านั้น~
“หึ เราคงเป็นแบบเดียวกับตะวันตอนเด็กสินะ”
เขาพึมพำคนเดียว
“คิมนอนไม่หลับหรอครับ”เสียงกระซิบแผ่วเบาจากคนข้างๆ
“อื้อ นายก็ด้วยหรอ”
“First Night Effect นะครับเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว”

เขาพลิกตัวอีกครั้ง พยายามข่มตานอน เพราะเตรียมใจกับงานหนักที่ต้องเจอในวันพรุ่งนี้ การสร้างห้องสมุด แล้วงานของผู้ชายก็คงหนีไม่พ้นการแบกหามแต่ไม่นานนัก หูฟังก็ถูกเสียบเข้าที่หูของคิมหันต์โดยเจ้าของเล่น พร้อมกับเพลงที่เคยฟังในวัยเด็กจนเกือบลืมไปแล้ว
~หลับเถอะนะ
แก้วตาจงนอนหลับใหล
จะอยู่ตรงนี้ ไม่จากไปไหน
หลับตาพักวางดวงใจ ไว้กับฉัน

เหนื่อยพอแล้ว เจ็บพอแล้ว
สิ่งเลวร้ายล่วงไปเพียงแค่ฝัน
จะกอดเธอไว้ จวบจนสิ้นแสงจันทร์
จากนี้เธอไม่มีวันเดียวดาย~

“ฝันดีนะตะวัน”

มันเอื้อมมือมาลูบหลังมือเขาเหมือนที่เคยทำตอนเด็ก ตอนที่ลุงหายไป มันปลอบโยนเขา ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงสัมผัสแผ่วเบาที่เขารู้สึกได้ว่า “อบอุ่น”
“ทำแบบนี้ได้ไหม”

คิมหันต์พลิกมือตัวเองไปจับมือเจ้าของเล่น ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แต่ถ้าได้ฟังเพลงนี้ แล้วมีมันอยู่ใกล้ๆ การนอนแปลกที่ก็คงไม่แย่จนเกินไป
“ครับ”
“มือนายนุ่มจัง”
เขากระซิบ
เป็นครั้งแรกที่ได้จับมือกัน ได้ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ ไม่มีเตียงสองชั้นที่เขานอนชั้นบนแล้วมันนอนชั้นล่าง
“คงไม่นุ่มเท่ามือผู้หญิงหรือมือหุ่นยนต์ช่างปรณิบัตที่คนสร้างจะใส่ใจรายละเอียดตรงนี้มากกว่าสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเพศชายแบบผม”
“ฉันไม่รู้”
“…………….”
“เพราะฉันไม่เคยจับมือใคร”

ถ้าเป็นคำพูดที่พูดกับผู้หญิงซักคน เธอคงจะคิดว่าเป็นคำพูดหลอกลวงที่ทำให้รู้สึกดีใจ จะมีที่ไหนผู้ชายที่ไม่เคยจับมือผู้หญิง แต่ถ้าเป็นคิมหันต์หนุ่มหล่อ แม้จะน้อยกว่าเจ้าของเล่น เขาไม่เคยมีแฟน ไม่เคยแม้แต่จะคิด มันคือเรื่องจริง
“ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เป็นคู่ชีวิตของคิมถือว่าโชคดีนะครับ”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะคิมจะให้เกียรติเขามากๆ”
“นายรู้จักฉันดีเสมอ”
“ครับ”
“นอนเถอะ”

เขาหลับตาลงไปพร้อมๆกับเสียงเพลงที่เกือบลืมไปแล้วว่าเคยฟัง และมือนุ่มๆมือเดียวที่เรียกได้ว่านุ่มที่สุดที่เคยสัมผัสมา

ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นสู่ขอบฟ้า ตัดกับสีน้ำทะเล ใครบางคนแอบเดินจากที่พักเพื่อมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น
เขาลั่นชัตเตอร์รัวๆ เพราะหลงใหลเสน่ห์ในยามเช้าของสะมิหลาแห่งนี้
“หลบไปหน่อยได้ไหมน้อง”
ลมหนาวหัวหน้าค่าย ไล่ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่า ออกจากเฟรมภาพ กำลังถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ดีๆก็มีใครบางคนดินมาบัง
“ขอโทษครับ”
“อ้าวน้องที่มาค่ายนิ”
“ครับพี่ โทษทีผมเดินเพลินไปหน่อย”
“พี่ชื่อหนาวนะ เราคงรู้จักแล้ว”
“ผมชื่อเหมันต์ หรือเรียกสั้นๆว่าเหมก็ได้”
“ครับน้องมันส์”
“เหมครับพี่”

ไอ้เด็กตัวสูง แต่น้อยกว่าเขา พอยืนใกล้ๆกัน มันดูตัวเล็กกว่ามาก
“ก็พี่อยากเรียกว่าน้องมันส์อ่ะ”
“เฮ้ยอะไรว่ะพี่”

มันหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ลมหนาวแกล้ง แต่มีหรือที่ผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า1ปี จะเลิก
“นี่ขึ้นว่ะกับรุ่นพี่หรอ”
“ก็พี่แม่งกวนอ่ะ”
“พี่ไปกวนอะไร มีแต่เรานั่นแหละ ยืนถ่ายรูปอยู่ดีๆก็มาบังเฟรม”
“เออ ก็ขอโทษไปแล้วไงจะเอาอะไรอีก”
“เป็นแบบถ่ายรูปให้บ้างสิ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรให้ถ่าย”
“ไม่”

เหมันต์พูดจบก็รีบเดินกลับที่พัก โดยไม่หันมามองคนที่ทำให้หัวเสีย อุส่าห์ออกมาเดินรับลมทะเลตอนเช้ายังจะมายั่วโมโหกันอีก
“555555ผู้ชายอะไรวะแม่งโคตรขี้งอน”เขาพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในวันนี้

การสร้างห้องสมุดเริ่มต้นขึ้น โดยที่ผู้ชายมีหน้าที่แบกไม้ตอกตะปู ผู้หญิงแยกและจัดหมวดหมู่หนังสือ
คิมหันต์กับตะวันแบกไม้มาด้วยกัน เพื่อไปส่งต่อให้รุ่นพี่ตอกตะปูทำหลังคา แสงแดดส่องลงมาที่พื้นมองไม่เห็นเงา ระบุว่าเป็นเวลาเที่ยงตรงที่แดดร้อนจัด ตัวของเจ้าของเล่นแดงจัดราวกับไม่เคยโดนแดดเป็นเวลานาน
“ตะวันร้อนไหม”
“ร้อนครับคิม แต่ว่าทนได้”
“ถ้าไม่ไหวนายต้องบอกฉันนะ”
“ครับ”
เจ้าของเล่นยิ้มรับให้กับคำพูดของเขา
“หนุ่มๆดื่มน้ำกันก่อนจ่ะ” หญิงสาวที่ตอนนี้กลายเป็นฝ่ายบริการน้ำให้กับคนที่แบกไม้ และตอกตะปู อย่างพรรษชล เดินตรงเข้ามาที่เขาและเจ้าของเล่น
“อืม ขอบคุณนะพรรษ”
“ตะวันไหวไหมเนี่ยตัวแดงไปหมด กินน้ำก่อน”
“ไหวครับ ขอบคุณครับ”
“เราว่าตะวันไปนั่งพักก่อนไหม เดี๋ยวให้อนาคตแฟนเรากับเหม และเพื่อนๆคนอื่นช่วยกันก่อนก็ได้”
เธอพูดเมื่อเห็นว่าอาการของเพื่อนไม่สู้ดีนัก
“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว”
คิมหันต์มองดูอาการของเจ้าของเล่น และคิดว่ามันต้องไม่ไหวแน่ๆเขาส่ายหัวไปมา
“ไปนั่งพักเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง”
“ไม่เป็นไรครับ เดินอีกไม่กี่รอบก็เสร็จแล้ว”
“ก็ได้ แต่ถ้าไม่ไหวต้องรีบบอกนะ”


ทางฝั่งของเหมันต์ที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าที่แบกไม้ แต่เพิ่งถูกเรียกมาช่วยส่งตะปูให้กับช่างกล้องที่ทำให้หงุดหงิดเมื่อเช้า สีหน้าบูดบิ้งบอกบุญไม่รับแต่ก็ปฏิเสธคำขอจากรุ่นพี่ไม่ได้
“น้องมันส์ทำหน้าดีๆหน่อยสิ”
“ผมบอกว่าผมชื่อเหมไงพี่”
“พอดีพี่เป็นคนโง่อะ พอสมองจำอะไรไปแล้วก็เปลี่ยนยากด้วยสิ”
“พี่จะกวนผมไปถึงเมื่อไหร่”
“ก็เราน่าแกล้ง”
“คนตัวควายๆอย่างผมเนี่ยนะน่าแกล้ง”
“ถ้าเทียบกับพี่อย่างเราเรียกว่าตัวเล็ก”
“พี่จะไม่จบง่ายๆใช่ไหม”
“ก็มาเป็นแบบให้ถ่ายรูปสิ”
“บอกแล้วไงว่าไม่”

คนตัวใหญ่แต่เล็กกว่าลมหนาว ทำงานแบบไม่สบอารมณ์นัก ไม่เคยมีใครยั่วโมโหเขาได้มากขนาดนี้
“เหมกินน้ำก่อน”หญิงสาวเดินแจกน้ำทั่วค่ายอาสา เธอเดินมาถึงเหมันต์ ที่ตอนนี้เพื่อนของเธอดูอารมณ์ไม่ดี ปกติเขาจะใจเย็น อบอุ่นสมชื่อที่แปลว่าฤดูหนาว แต่อะไรกันทำให้เป็นแบบนี้
“เป็นอะไรหน้าบูดเชียว”
“มีคนยั่วโมโห”
“ใครกันทำให้เหมันต์ ผู้ใจเย็นดั่งฤดูหนาวเกรี้ยวกราดได้ขนาดนี้”

เขาไม่ตอบคำถามของพรรษชลแต่ส่งสายตาไปทางคนที่กำลังตอกตะปู เหงื่อเปียกโชก
“พี่ลมหนาวหัวหน้าค่ายเนี่ยนะ”หญิงสาวทำหน้าตาตกใจ
“อือ”
“ไม่น่าใช่ ปกติพี่เขาไม่ใช่คนที่เฟรนลี่นะ น่าจะเข้าถึงยากพอๆกับตะวันกับคิมหันต์เลย”
“………………..”
“ขนาดกับเรายังแค่รับไหว้เลย ไม่มีพูดเล่นหรืออะไรเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ”
“มันคงเป็นโชคร้ายของเราเอง”

เหมันต์ตอบเพื่อนอย่างปลงๆ โชคร้ายจริงๆสินะที่ดันไปเดินมึนๆผ่านกล้อง ของนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ที่หลงใหลการถ่ายรูปแบบไอ้พี่ลมหนาว จะมีอะไรที่มันซวยไปกว่านี้ไหม

“เฮ้ยตรงนี้ มีคนเป็นลม”
ชาวค่ายคนหนึ่งตะโกนขึ้นหลังเห็นตะวันล้มพับไปกับพื้นทุกคนวิ่งเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
“ตะวันได้ยินฉันไหม”
คิมหันต์เขย่าตัวตะวันแรงพอๆกับความตกใจของเขาตอนนี้ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมามันไม่เคยป่วย หรือเป็นอะไรแบบนี้ จะมีก็แต่ความซุ่มซ่ามที่ชอบเป็นแผลที่หลังมือ เขาอุ้มมันเข้ามาในล่มและนั่งกอดอยู่แบบนั้นกลัวว่าเจ้าของเล่นจะเป็นอะไร แต่โชคดีที่มันยังหายใจ
“คิมใจเย็น”
พรรษชลพูด แต่ตัวของคิมหันต์ยังสั่นเทากลัวมันจะเป็นอะไรไป กลัวว่ามันจะไม่ฟื้นขึ้นมา เขาไม่ได้เรียนหมอไม่มีความรู้อะไรเรื่องพวกนี้ เจ้าของเล่นของเขาจะรักษาหายเหมือนคนปกติหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความรู้สึกกลัวถาโถมเข้ามาในจิตใจ
“ใครมียาดมผมขอหน่อยครับ”
เหมันต์คนที่ตอนนี้ดูน่าจะมีสติมากกว่าเขา พยายามหาทางช่วยระหว่างรอหน่วยปฐมพยาบาลไปเอากล่องยา ชาวค่ายคนหนึ่งส่งยาดมมาให้ พรรษชลหยิบกระดาษลังใกล้ๆมาพัดให้เพื่อน
“คนไข้ไม่เป็นอะไรมาก ให้นอนพักในพื้นที่ถ่ายเทอาการจะดีขึ้น น่าจะไม่เคยโดนแดดร้อนเป็นเวลานานอ่ะค่ะ แล้วอีกอย่าง….เพื่อนคนไข้ต้องไม่นั่งกอดแน่นขนาดนั้น ร่างกายคนไข้ต้องการอากาศถ่ายเทค่ะ”
คิมหันต์ยังตัวสั่นไม่เลิก ถึงแม้หน่วยพยาบาลจะบอกไม่เป็นอะไร แต่เจ้าของเล่นของเขาไม่เหมือนคนอื่นๆ จะไม่เป็นอะไรจริงๆหรอ
“คิมปล่อยก่อน คิม”
พรรษชลพยายามเรียกสติคนที่ตัวเองกล่าวอ้างว่าเป็นแฟนในอนาคต พอได้ยินแบบนั้นเขาก็ผละออกจากเจ้าของเล่น แต่นั่งดูมันไม่ห่างตัว ไม่กอดแต่ยังจับมือไว้แน่น
“พี่ๆหน่วยปฐมพยาบาลดูแลตะวันแล้ว พวกเราออกไปทำงานกันก่อนเถอะ”เหมันต์เรียกเพื่อนไปทำงานอาสาที่ยังค้างอยู่ เพราะงานนี้มีเวลาจำกัด ตะวันเองก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว
“นายไปก่อนเหม เดี๋ยวเรากับคิมตามออกไป”
เหมันต์พยักหน้าตอบรับพรรษชลเธอวางมือบนไหล่ของคนที่ยังจับมือเจ้าของเล่นไว้ไม่ห่างตัว รับรู้ถึงความห่วง ความกลัวที่มีอยู่ในจิตใจผู้ชายคนนี้
“ไม่เป็นไรนะคิม ตะวันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“เรากลัวอะพรรษ”

ผู้ชายที่เข้าถึงยากและเย็นชาในสายตาของทุกๆคน เผยพูดความรู้สึกออกมาให้เธอได้ยิน ถึงแม้จะชอบพูดเล่นแค่ไหน แต่ไม่ใช่เวลาแบบนี้
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะเดี๋ยวก็ฟื้นแล้ว”
“ตะวันไม่เคยเป็นแบบนี้เลย เราควรทำอะไรได้มากกว่านี้”

ความรู้สึกพรั่งพลูออกมา จากคนที่ถามคำตอบคำ แต่เวลาแบบนี้ดูเหมือนพรรษชลจะทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี
“คิม”เวลาผ่านไปไม่นานเจ้าของเล่นก็ได้สติ
“นายฟื้นแล้วหรอ เป็นอย่างไงบ้าง เจ็บตรงไหน รู้สึกแปลกๆบ้างไหม”
ผู้เป็นเจ้าของยิงคำถามใส่เป็นชุด ทั้งหมดทั้งมวลหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้วยแต่ไม่มีบทบาทอะไรตีความว่ามันเกิดขึ้นเพราะความเป็นห่วงญาติเท่านั้น
แต่ยังไม่ทันที่เจ้าของเล่นจะตอบอะไรเขาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆแล้วดึงมันเข้ามากอดแนบอก
“ฉันนึกว่านายจะเป็นอะไรไปแล้ว”
คิมหันต์ยังตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ถึงแม้จะลดลงเมื่อเจ้าของเล่นฟื้นแต่ความรู้สึกกลัวก็ยังไม่หายไป
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ ไม่เป็นอะไรแล้ว”มันลูบหลังผู้เป็นเจ้าของแผ่วเบาปลอบใจเขาเหมือนตอนเด็กๆที่เคยร้องไห้
“จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไงก็นายล้มไปเลย อย่ามาโกหกกัน”
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับคิม”
มันพูดประโยคซ้ำๆ ปลอบโยนคนที่กำลังกอดแน่นให้หายกลัว
“อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบๆปีไม่เคยป่วยเลย ฉันกลัวนายจะรักษาไม่หาย”
“มันเป็นอาการเพลียแดดครับคิม ผมเคยอ่านเจอ แค่นำผู้ป่วยเข้าในที่ๆมีอากาศถ่ายเท แล้วพอได้สติก็ดื่มน้ำมากๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วล่ะครับ”
“ฉันไม่รู้ว่านายรักษาได้เหมือนคนอื่นหรือเปล่า ฉันไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลย”
“รักษาเหมือนกันแหละครับคิม”

เจ้าของเล่นพูดเตือนสติเขา พยายามบอกเป็นนัยๆว่าสิ่งเดียวที่มันไม่เหมือนคนก็คือเรื่องความรู้สึก ส่วนอย่างอื่นเหมือนหมด เพราะฉะนั้นถ้าป่วยก็สามารถรักษาได้เหมือนกัน คิมหันต์ใจเย็นลงเขาผ่อนอ้อมกอดออกจากมัน แต่ก็ยังจับมือไว้
“เห็นคิมห่วงตะวันขนาดนี้ พรรษล่ะอยากเป็นแฟนคิมจริงๆ อยากรู้ว่าคิมจะห่วงแค่ไหน”
หญิงสาวพูดทีเล่นทีจริงเพราะเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเป็นปกติ
“เราก็ไม่รู้สิ”
“…………”
“เพราะเราก็ไม่เคยห่วงใคร แบบนี้”

เจ้าของเล่นไม่ได้ดึงมือผู้เป็นเจ้าของออก มันปล่อยให้เขาจับไว้แบบนั้น
“จ้าๆๆๆ ซักวันเราจะทำให้คิมห่วงเราแบบนี้บ้าง”
“………….”
“ตะวันต้องช่วยพรรษนะ”

หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วออกไปช่วยเพื่อนๆชาวค่ายทำงานต่อ

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขอกำลังใจ
«ตอบ #13 เมื่อ18-10-2019 23:51:41 »

ขอกำลังใจหน่อยค่าาา อ่านแล้วเป็นอย่างไงบอกกันได้น้าาา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :L2: :3123: :L1:
รออ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่8 ความรู้สึกเปลี่ยนไป หรือพึ่งรู้ใจตัวเอง

การทำงานอาสาเสร็จสิ้นไป สิ่งที่เหลืออีกอย่างของการมาค่ายครั้งนี้คือการรับน้องค่ายที่จะช่วยสร้างสัมพันธ์และความสนิทสนมให้กับชาวค่ายอาสา 

“นี่เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะอยู่กันที่สะมิหลาแห่งนี้และกิจกรรมสุดท้ายในวันนี้คือการรับน้องค่ายที่ปฏิบัติต่อกันมาหลายปี ”ลมหนาวหัวหน้าค่ายพูดอธิบายกิจกรรมทุกคนนั่งกันเป็นวงกลมเหมือนกิจกรรมการเล่นรอบกลองไฟ แต่ไม่มีการก่อกองไฟและเล่นละครเหมือนตอนเป็นลูกเสือสามัญ

“โดยที่กิจกรรมของเราคือให้น้องๆทุกคนจับคู่ผูกขาและแขนติดกันเป็นเวลา1ชั่วโมงพี่ซ่อนสัญลักษณ์ของพวกเราชาวค่ายอาสาไว้ ใครหาเจอแล้วกลับมาพบกันที่นี่นะครับ”

“โห ผูกมือและขาติดกันจะเดินอย่างไงคะพี่”
น้องชาวค่ายคนหนึ่งถามขึ้น

“พี่ไม่สนใจวิธีการว่าน้องจะทำอย่างไง แต่สุดท้ายแล้วเป้าหมายของพวกเราคือสัญลักษณ์ค่ายอาสา”
ตะวันรับผ้าสองผืนที่รุ่นพี่ยื่นให้เตรียมจะผูกขาตัวเองกับคิมหันต์

“คิมคู่กับพรรษนะ”

“……..”

“นะๆๆๆๆ”
พรรษชลเดินตรงมาหาเขาด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“คิมคู่กับพรรษก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหาคู่ใหม่”

“ขอบคุณนะตะวันน่ารักที่สุด”
เจ้าของเล่นเดินออกไป เปิดโอกาสให้ผู้เป็นเจ้าของได้คู่กับคนที่มันคิดว่าเหมาะสมกับเขา

“ตะวันคู่กับเรานะ”

“ได้ครับเหม”

กิจกรรมหาสัญลักษณ์ค่ายเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะการผูกแขนและขาติดกันที่พี่ๆคิดขึ้น บางคนเดินเร็วแต่คู่เดินช้าก็หกล้ม บางคนเดินช้าแต่คู่ไม่ออกแรงก็ไปไม่ถึงไหน

“คิมว่าสัญลักษณ์ค่ายจะอยู่ตรงไหน”

“ไม่รู้สิลองเดินดูรอบๆก่อน”

“ปกติคิมกับตะวันสนิทกันมากใช่ไหม”


“ก็มากนะ”

“นั่นสิเนาะ เป็นญาติกันเรียนที่เดียวกัน ก็สนิทกันมากเป็นธรรมดา”

“จริงๆแล้วไม่ได้เป็นญาติกันหรอก”

อยู่ดีๆเขาก็ตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกมา

“อ้าว”

“เรากับตะวันอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กแค่สองคน แต่ก่อนมีลุงอยู่ด้วย วันหนึ่งลุงก็ไปทำงานแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลยเขาบอกจะกลับมานะ แต่ก็ไม่กลับ”

“แล้วไม่คิดจะตามหาหรอ”

“เคยสิแต่ก็ไม่รู้จะไปตามที่ไหน เราเชื่อว่าลุงคงมีเหตุผล และซักวันเขาต้องกลับมา”


“ไม่เป็นไรนะคิมยังมีพรรษไง ผู้หญิงน่ารักๆทั้งคนนะ”
หญิงสาวพยายามพูดให้บรรยากาศรอบตัวไม่หม่นหมองจนเกินไป เธอไม่อยากให้ผู้ชายที่ตรงหน้าเศร้าจนเกินไป

“วันนี้ตอนที่เราเห็นว่าตะวันล้มลงไป เรากลัวมากเลย กลัวว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมา แล้วถ้าเป็นอย่างงั้น เราจะอยู่อย่างไง ก็คิดไม่ออก มันตื้อไปหมด”
มาดของผู้ชายเข้าถึงยาก ถามคำตอบคำ ค่อยๆลบออกไปดูเหมือนใครบางคนจะเริ่มรู้ใจตัวเองมากขึ้น แต่ก็พร้อมๆกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังรวบรวมความกล้าเพื่อทำอะไรบางอย่าง

“คิม”

“……”

“พรรษรู้ว่าอะไรแบบนี้ผู้หญิงไม่ควรเริ่มพูด”
พรรษชลก้มหน้ามันไม่ปกติกับผู้หญิงเปิดเผยแบบเธอ อาการบ่งบอกถึงความเขินอาย

“คิมดูแลพรรษแบบที่ทำกับตะวันได้ไหม”

“หมายความว่าไง”

“เป็นแฟนกันนะ”


เสียงหายใจแรง มาจากความตื่นเต้นที่ขอคบผู้ชายตรงหน้า ให้ก๋ากั่นแค่ไหน แต่เรื่องความรักสร้างความประมาทให้ทุกคนได้เสมอ
“………”
~ฟอด~

พรรษชลหอมแก้มคนตรงหน้า แล้วเอื้อมมาจับมือเขา มันคือการแสดงความรักของหนุ่มสาว เธอคงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี จริงของตะวันว่ามือผู้หญิงนุ่มแต่จะมีประโยชน์อะไรถ้ามันไม่ได้มาจากความต้องการของเขาคนหนึ่งรวบรวมความกล้าเพื่อจะบอกความในใจ แต่ทำไมอีกคนถึงรู้สึกผิด ผิดที่ให้คนอื่นมาหอมแก้มทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ

“เราไปหาของที่รุ่นพี่บอกกันต่อเถอะ”

“แล้วคำถามของพรรษล่ะคิม”

“………”

“ทำไมอะ เรายังรู้จักกันน้อยเกินไปหรอ หรือว่าพรรษมีอะไรที่คิมไม่ชอบ มีอะไรที่ต้องเปลี่ยนตรงไหนบอกได้เลยนะ”

คนที่ชอบพูดเล่นแต่ในเวลานี้กลับจริงจังขึ้นมาพูดด้วยแววตาที่เริ่มแดงคล้ายจะร้องไห้

“พรรษเป็นเพื่อนที่ดีนะ”

“เพื่อนที่ดีหรอ เป็นเพื่อนที่ดีก็ต้องเป็นแฟนที่ดีได้เหมือนกัน”

“เราชอบพรรษ ตอนที่เราเป็นเพื่อนกับพรรษ”

“ไม่มีทางเลยใช่ไหมคิม”


“........”
เขาไม่ตอบอะไร เพียงแต่ก้มหน้า ไม่แม้แต่จะหันไปมองผู้หญิงที่พึ่งสารภาพรัก

“ตะวันนายว่าสัญลักษณ์ค่ายจะซ่อนอยู่ที่ไหน”

“สัญลักษณ์ของสะมิหลาคือรูปปั้นนางเงือก”

ทั้งสองเดินไปยังรูปปั้นที่ว่าสะดุดตากับวัตถุสีเงินที่วางไว้ใกล้ๆ เจ้าของเล่นหยิบขึ้นมาดู เป็นรูปมือสองข้างจับกัน ข้างล่างสลักคำว่า ค่ายอาสา62 มันชูขึ้นมาให้เหมันต์ดู

“เจอแล้ว เราก็กลับไปจุดนัดพบกันเถอะ”

“ขอหาอีกอันได้ไหมครับ”

“ให้คิมหันต์หรอ”

เจ้าของเล่นพยักหน้าแทนคำตอบ
“นายสองคนดูเป็นห่วงกันมากเลย”

“………..”

“ตอนที่นายป่วย เขากอดไว้ไม่ห่างตัวเลยนะ”

“……….”

“มาตอนนี้นายก็ยังกลัวที่เขาจะหาของไม่เจอ”

“........”

“เพื่อนกัน หรือแม้กระทั่งญาติ เขาไม่นอนจับมือกันหรอก”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ”

ตะวันพยายามปฏิเสธ ตามความเข้าใจของมัน คิมหันต์แค่กลัวที่จะนอนแปลกที่ กลัวการอยู่คนเดียว มันแค่ทำให้เขาหายจากความรู้สึกเหล่านั้น ตามหน้าที่ แต่เจ้าของเล่นก็ไม่ได้พูดหรือย้ำคำว่าหน้าที่ ที่มีแก่ผู้เป็นเจ้าของเวลาอยู่กับคนอื่น
“วันนั้นเราตื่นกลางดึกไปห้องน้ำ แล้วเห็นพอดี”

“ไม่พูดเรื่องนี้กับใครได้ไหม”
เจ้าของเล่นกลัวว่าใครๆจะมองผู้เป็นเจ้าของไม่ดี

“นายเป็นเพื่อนในไม่กี่คนที่เรามี ทำไมเราต้องเอาเรื่องของนายไปพูดให้คนอื่นฟังด้วยล่ะ”

“ขอบคุณครับ”
เจ้าของเล่นยิ้มให้เพื่อนที่เริ่มสนิทใจกับมิตรภาพที่มอบให้

“ไปหาไอ้นี่ อีกชิ้นกัน”
เหมันต์ชี้ไปที่สัญลักษณ์ชาวค่าย เจ้าของเล่นยิ้ม มันนึกถึงเจ้าของที่อยู่กับผู้หญิงอีกคน รู้ว่าคิมหันต์เก่ง แต่เกือบจะทุกครั้งที่ทำงานก็จะมีมันอยู่ด้วย แต่ครั้งนี้ไม่มีเขาจะเป็นอย่างไง

“น้องๆทุกคน หมดเวลาในการหาสัญลักษณ์ของพวกเรากันแล้ว มารวมกันที่จุดนัดหมายได้แล้วครับ”
สิ้นเสียงของลมหนาว ไม่นานนักทุกคนก็มารวมกันที่จุดนัดหมาย

“มีใครหาสัญลักษณ์ไม่เจอบ้างไหมครับ”
บางคู่ยกมือขึ้นมาบ่งบอกถึงเวลา1ชั่วโมงที่สูญป่าวแต่คู่ของพรรษชลกับนั่งเฉย เพราะเจ้าของเล่นยื่นสัญลักษณ์อีกอันที่หาได้ใส่มือคิมหันต์ตั้งแต่เขาเดินมาถึง

“ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะหาไม่เจอ ถ้าพวกน้องพยายามกันมากพอ พี่ๆชาวค่ายเอาไปไว้ตามจุดต่างๆ มากกว่าจำนวนคู่ที่มีวันนี้” หัวหน้าค่ายว่าเสียงเข้ม

“ทำไมถึงหาไม่เจอครับ”

“เพราะว่าการเดินมันลำบากมากเลยคะ กว่าจะไปถึงแต่ละที่ต้องใช้เวลานาน”

“เพราะว่าการเคลื่อนไหวร่างกายตอนถูกผูกติดกันมันยากมาก”

“รู้ไหมทำไมพี่ถึงให้พวกเราผูกแขนกับขาติดกันตอนหาสัญลักษณ์”

“…………”

“ที่พี่ให้ทำแบบนั้นเพราะว่า แทนการทำงานของพวกเรา ถ้าทำคนเดียวในงานใหญ่ๆ ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เราต้องช่วยกันร่วมแรงร่วมใจ แต่ถ้ามีใครคนหนึ่งที่อ่อนแอกว่าเรา หรือไม่ได้มีความเห็นตรงกันกับเรา น้องจะคิดว่าเขาเป็นภาระไหม”


“ก็แอบคิดนะคะ”น้องชาวค่ายคนหนึ่งตอบขึ้น

“แล้วน้องจะทิ้งเขาไว้ หรือเลิกคิดว่าเขาเป็นทีมเดียวกับเราไหม”

“ไม่เลยค่ะ”

“ถูกต้องครับ ไม่ว่าเพื่อนเราจะเป็นอย่างไง แต่เมื่อได้มาร่วมทีมกันแล้ว เราจะทิ้งเขาไม่ได้ต้องไปด้วยกัน งานของเราถึงจะสำเร็จ”
“………”


“ประคับประคองกันไว้ เหมือนวันนี้ที่เราผูกแขนขาติดกัน ล้มด้วยกัน ลุกด้วยกัน คนใดเดินช้า อีกคนต้องเตือนสติ คนไหนวิ่งเร็วไปจนลืมเพื่อนก็ช่วยสะกิดให้คิด”

“พูดดีๆกับเขาก็เป็นแฮะ”
เหมันต์พึมกำกับตัวเอง

“ยินดีต้อนรับน้องๆชาวค่ายอาสา62 ทุกคนนะครับ”
ชาวค่ายพากันปรบมือให้กับคำพูดลมหนาว ที่ทั้งเข้าใจง่าย และน้องๆผู้หญิงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เท่ห์”

“เก็บผ้าผูกมือผูกขาไว้ ให้น้องๆปีหน้า ในกิจกรรมรับน้องค่ายนะคะ”รุ่นพี่อีกคนพูดเสริมคำพูดของหัวหน้า

“ผ้าถูกส่งต่อมาหลายรุ่น เกี่ยวโยงผูกพันความสามัคคีน้องพี่”
ตะวันแกะผ้าในข้อมือออก เหมันต์แกะผ้าที่ผูกขาออก คู่เพื่อนที่หาสัญลักษณ์เจอถึงสองอันต่างเก็บไว้คนละผืนเพื่อส่งต่อให้น้องรุ่นต่อไป

หลังเสร็จกิจกรรมรับน้องค่ายทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน สะมิหลาในยามค่ำคืน เสียงคลื่นกระทบฝั่งกับภาพนางเงือก เป็นที่คุ้นตาของคนละแวกนี้ แต่สวยงามมากสำหรับผู้มาเยือน ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นสองคนที่เข้าที่พักช้ากว่าคนอื่นเพราะตั้งใจจะเก็บบรรยากาศคืนสุดท้ายของที่แห่งนี้

“ตอนที่ผูกแขนติดกันจับมือหรือเปล่า”คนที่ค่อยๆรู้ความรู้สึกตัวเอง แต่ยังไม่เปิดเผยเริ่มเปิดประเด็น

“ครับ”เจ้าของเล่นมีสีหน้าสงสัยกับคำถาม

“เหมันต์จับมือหรือเปล่า”

“เปล่าครับ โดนแค่หลังมือ”

“คราวหน้า นายคู่กับฉัน”

“แล้วพรรษชล”

“อย่าพูดถึงคนอื่น”

“ครับ”
เจ้าของเล่นยังมีคำตอบและสีหน้าที่เรียบเฉยเสมอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็รู้สึกดีที่มันไม่น่ารำคาญ แต่ตอนนี้เขากลับอยากให้มันแสดงออกมากกว่านี้สักนิดก็ยังดี

“ขอมือหน่อย”

“………”

ไม่มีคำถามใดๆออกจากมัน มีแต่การยื่นมือไปให้คนตรงหน้า เขาถูแรงที่หลังมือราวกับอยากเช็ดอะไรซักอย่าง
“พรรษ เอาจมูกมาโดนแก้มฉัน”
คำสารภาพออกจากปากคนที่ไม่รู้ว่าจะรู้สึกผิดไปทำไม

“พรรษชล ชอบคิมนะครับ”

“แล้วอย่างไง”

“เหมาะกับคิม”

“แล้ว”

“ผมเคยบอกไปแล้ว ว่าคิมจะมีความสุขถ้าตื่นมาและหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม”

“จริงที่นายบอกว่ามือของผู้หญิงนุ่ม”

“........”

“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ”

“ผู้ชายที่ดีเหมาะสมกับผู้หญิงที่น่ารัก ผมเคยได้ยินในโทรทัศน์ที่คิมเปิดเรียกว่า ศีลเสมอกัน”

“ไม่รู้สึกอะไรหน่อยหรอตะวัน!”

“คิมอย่าลืมสิครับว่าตำหนิของผม ของตะวันคนนี้คืออะไร”
เป็นอีกครั้งที่มันพยายามจะเตือนสติเขาซึ่งได้ผลอารมณ์ของคิมหันต์สงบลง

“ไม่รู้สึกอะไรก็ไม่เป็นไรฉันควรจะเป็นคนที่เข้าใจนายที่สุด”

“………”

“ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”


“คิมก็รู้ว่าขออะไร ผมก็มีหน้าที่ต้องให้อยู่แล้ว”

“ไม่พูดคำว่าหน้าที่ซักวันเถอะนะ”เขากระซิบแผ่วเบา

“ครับ”

“หลับตาสิ”
เขายื่นหน้ามาตรงจมูกเจ้าของเล่น มันไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะผู้ชายที่ชื่อคิมหันต์ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ไม่เพียงแต่จมูกที่โดนแก้มปากก็เช่นกัน มือของเขาบีบมือเจ้าของเล่นแน่น ตะวันไม่ได้ขัดขืนอะไรมันเชื่อเสมอว่าเจ้าของของมันมีเหตุผลเสมอ

“ที่พรรษชลทำ ไม่ใช่ความต้องการของฉัน” เขาไม่ได้อยากจะพูดให้ผู้หญิงดูไม่ดี แต่ต้องอธิบายให้ตะวันฟัง ไม่งั้นก็คงไม่สบายใจ

“ครับ”

“ฉันอยากจะเช็ดสิ่งที่พรรษทำด้วยความต้องการของฉัน”

“……….”


“เชื่อฉันนะ”

“ถ้าคิมบอกให้ผมเชื่อผมก็จะเชื่อ”

“ฉันขอโทษ”

“คิมไม่ได้ทำอะไรผิด แม้แต่อย่างเดียว”
เจ้าของเล่นพูดให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้ทำผิดทั้งเรื่องที่พรรษชลหอมแก้ม และเรื่องที่ทำกับมัน

“ต่อไปฉันจะระวังตัวมากกว่านี้เรื่องพรรษชล”

“ครับ”

มือสองมือที่จับกันไว้แน่น ไม่มีความรู้สึกใดๆบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ มีเพียงเขากับตะวันและความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนไป

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 9 ที่เดิม
การรับน้องค่ายจบลง และสิ่งที่รอคอยอยู่คือฤดูการสอบที่ทุกคณะต้องเคร่งเครียดต่อการอ่านหนังสือ

“เรียนเสร็จไปห้องสมุดกันนะ” คิมหันต์พูดกับเจ้าของเล่นในคาบเรียนสุดท้าย

“ได้ครับ”

“นักเรียนคะ การสอบในปีนี้ของเราจะเป็นอัตนัยทั้งหมด เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้ดี และโชคดีในการสอบนะคะ”

“ค่ะ/ครับ”

เมื่ออาจารย์พูดจบทุกคนแยกย้ายกันออกจากห้องเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบรูปแบบใหม่

“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคิม” พรรษชลดักรอคิมหันที่หน้าห้องเรียน หน้าตาและรอยยิ้มของเธอไม่สดใสเหมือนทุกวัน
เจ้าของเล่นพยักหน้าให้ผู้เป็นเจ้าของแล้วเดินแยกตัวออกไป
“พรรษมีอะไร”

“วันนั้นพรรษขอโทษ ที่ทำเรื่องน่าไม่อาย”

“เราไม่ได้โกรธอะไรเลย อย่าคิดมาก”

หญิงสาวก้มหน้า กำมือแน่น เหมือนกำลังกลัวหรือตื่นเต้นกับอะไรซักอย่าง

“พรรษยังพอมีหวังอยู่บ้างไหม”

“………”

“ยังพอที่จะรอแล้วหวังได้ไหม”
หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเปิดเผยและสดใส แต่ในเวลานี้เธอดูสิ้นหวังหม่นหมอง

“ตอนอยู่ที่สะมิหลาเราตอบอย่างไง ตอนนี้คำตอบของเราก็ยังเป็นเหมือนเดิม”

“.......”

“เราชอบที่เราเป็นเพื่อนกับพรรษนะ”
เขายังคงตอกย้ำคำพูดเดิม

“คิมมีคนที่ชอบอยู่แล้วใช่ไหม” พรรษชลถามในสิ่งที่ตัวเองข้องใจมาตลอด พยายามที่จะเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ผู้ชายที่ชื่อคิมหันต์ พยายามสร้างความประทับใจ แต่ทำไมเหมือนมีใครอีกคนที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างเธอกับเขา

“ถึงเราจะมีหรือไม่มี สุดท้ายเราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”

“มีอยู่แล้วใช่ไหม”
เธอยังคงย้ำคำเดิม เพื่อบอกว่าเขาตอบไม่ตรงคำถาม
“ใช่”

“เป็นผู้หญิงที่โชคดีจัง ที่เขาได้จับมือ ได้รับความรัก ได้ถูกดูแล”
พรรษชลเริ่มพูดไม่เป็นภาษา ควบคุมคำพูดไม่ได้ และทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความเสียใจ

“เราต่างหากที่โชคดี”

“………..”

“เรายังเห็นพรรษเป็นเพื่อนเหมือนเดิมนะ”
คิมหันต์ยังคงหนักแน่นกับคำพูด และหญิงสาวก็รู้ว่าเธอไม่มีหวังแล้วจริงๆ

“เราขอกอดเพื่อนซักครั้งได้ไหม”

“อย่าเลยดีกว่า”
จริงๆแล้วการกอดเพื่อนซักครั้งก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่เคยสัญญากับมันว่าจะระวังตัว ถึงแม้จะเป็นสัญญาที่ทึกทักไปเองว่ามันรับรู้ ก็ยังอยากจะรักษาไว้อยู่ดี

“เฮ้อ คิมก็ยังเป็นคิมสินะ”
เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มระหว่างเพื่อน ที่อีกคนพยายามทำใจกับคำนี้ ถึงจะต้องใช้เวลาหน่อยก็เถอะ

“รอนานไหม” คิมหันต์ที่พึ่งแยกตัวจากพรรษชล เดินมาหาเจ้าของเล่น

“ไม่เลยครับ ไปห้องสมุดกัน”

“เดี๋ยวตะวัน”
เขาเหลือบไปเห็น รอยแผลที่หลังมือมันอีกแล้ว

“……..”

“ทำไมมือเป็นแผลอีกแล้ว”

“เดินชนขอบประตูเมื่อกี้”

“นายนี่จริงเลย เมื่อไหร่จะหายซุ่มซ่าม ความจริงแล้วข้อบกพร่องของตะวันเป็นความซุ่มซ่ามมากกว่าอย่างอื่นอีก”
คนที่เริ่มรู้ใจตัวเองไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่มีความรู้สึกมาตอกย้ำ คิมหันต์พูดพลางหยิบอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมาทำจนเสร็จ
“คิมนี่ช่างสรรหานะครับ”

“นายชอบพูดว่าจะทำทุกอย่างที่ฉันต้องการใช่ไหม”

“ก็มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วนี่ครับ”


“งั้นฉันขอสั่งให้นายจับมือฉันเวลาเดิน จะได้ไม่ต้องไปชนนู่นชนนี่ให้เป็นแผลอีก”
คนที่เป็นห่วงของเล่นของตัวเอง ไม่เคยออกคำสั่งเลยซักครั้ง แต่ครั้งนี้ต้องทำเพื่อมันจะได้ไม่เจ็บตัวบ่อยๆ แล้วอีกอย่างก็อยากตามใจตัวเองบ้าง

“แต่ มันจะดูแปลกๆนะครับคิม”

“สนใจด้วยหรอ”
ตั้งแต่ลุงหายไปก็มีแต่เจ้าของเล่นที่อยู่ด้วยกันมา เพราะฉะนั้นสายตาของคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิด
“ครับ ผมต้องตามใจคิมอยู่แล้ว”

“หืม”
คำพูดมันแปลกๆ ปกติจะเป็นคำว่าจะทำทุกอย่างที่ต้องการ หรือไม่ก็หน้าที่อะไรทำนองนั้น

“ก็มันเป็นหน้าที่”ยังไม่สิ้นคำสงสัย มันก็พูดออกมาจนได้

“เลิกพูดคำว่าหน้าที่ด้วย ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ตลอดไปเลย เบื่อจะฟังแล้ว”

“ได้ครับ”

ผู้ชายสองคนเดินตรงไปที่ห้องสมุด แต่ถ้าสังเกตดีๆ มือของทั้งคู่เกี่ยวกันด้วยนิ้วก้อย เจ้าของเล่นไม่อยากให้ใครมองเจ้าของมันไม่ดี แต่ก็ขัดใจไม่ได้ เลยเอานิ้วก้อยเกี่ยวไว้เวลาเดิน ได้จับมือกันและถ้าไม่มองดีๆก็คงไม่เป็นที่สะดุดตาเท่าไหร่นัก

ห้องสมุด
“คิมไม่ไปตรงหมวดการตลาดหรอครับ”เจ้าของเล่นเห็นคิมหันต์เดินมาหยุดที่วิทยานิพนธ์หมวดวิทยาศาสตร์

“ฉันอยากได้วิทยานิพนธ์พวกปัญญาประดิษฐ์กับหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์”

“จะเอาไปทำไมหรอครับ ผมนึกว่าคิมจะมาหาหนังสือสอบอ่านเพิ่ม”

“ฉันอยากรู้จักนายมากกว่านี้”

“........”

“เวลาที่นายเป็นอะไร ฉันจะได้รับมือได้ ไม่ใช่ขาดสติแบบตอนไปค่ายอาสา”

“ครับ”

“ไม่อยากเห็นนายป่วย แล้วฉันทำอะไรไม่ได้เลย”

“……..”
เจ้าของเล่นตั้งหน้าตั้งตาฟังคำตอบจากเขา

“ปัญญาประดิษฐ์กับการทำงานแทนมนุษย์ เล่มนี้ยังใช้ไม่ได้” เขาไล่สายตาดูชื่อของวิทยานิพนธ์ แต่ก็ยังไม่มีเล่มไหนที่ตรงตามความต้องการ

“ให้ผมช่วยหาไหมครับ”

“การทำนายผลโดย AI เล่มนี้ก็ยังไม่ใช่”
คิมหันต์ยังไม่หยุดที่จะหาวิทยานิพนธ์ ถึงแม้จะระบุไม่ได้ว่าเจ้าของเล่นของเขาจัดอยู่ในประเภทไหน ของเล่น ตุ๊กตา หุ่นยนต์ หรือปัญญาประดิษฐ์ แต่คงไม่มีใครทำวิทยานิพนธ์ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของตุ๊กตาหรือของเล่น เพราะฉะนั้นเป้าหมายของ คิมหันต์ก็มีแต่การศึกษาเรื่อง หุ่นยนต์กับ AI

“ลองการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อการค้า เล่มนี้ไหมครับ”คิมหันต์พลิกเล่มวิทยานิพนธ์ที่ตะวันยื่นให้ไปมา ค่อยๆอ่านทีละหน้า

“เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาหุ่นยนต์ เพื่อความเป็น Number 1 ของสิ่งประดิษฐ์”

“เอาเล่มนี้ไหมครับคิมเดี๋ยวผมไปถ่ายเอกสารให้”


“ไม่เอาตะวัน สุดท้ายจุดมุ่งหมายของการทำวิทยานิพนธ์เล่มนี้ ก็ยังหนีไม่พ้น การค้า หรือว่าผลประโยชน์”

“ก็จริงนะครับ”

“จะไม่มีซักเล่มเลยหรอ ที่จะสร้างขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์ที่ชำรุด”


“……….”

“หรือว่าสุดท้ายแล้ว ถ้าไอ้คำว่า Number1 ของเขาพังไป ก็จะสร้างตัวใหม่ขึ้นมาทดแทน”

“แต่มันก็เป็นธรรมดาของโลกนะครับคิม ถ้าของซักชิ้นของเราพัง เราก็จะหาซื้ออันใหม่มาทดแทน มากกว่าหาหนทางในการซ่อม เพราะถึงซ่อมไปสุดท้าย ก็อาจจะไม่ดีเหมือนเดิม”

“ถ้ามีตัวใหม่ขึ้นมาแทน แล้วความรู้สึกของตัวเก่าล่ะจะเป็นอย่างไง”

“อย่าลืมสิว่าของพวกนี้ส่วนมากไม่มีความรู้สึกหรอกครับ”


“แล้วส่วนน้อยละ จะรู้สึกอย่างไง”

“ผมก็ไม่รู้”

“เฮ้อ ดูเหมือนวันนี้จะเสียเวลาเปล่า”
เขาพูดเพราะว่าวิทยานิพนธ์มีไม่ตรงกับความต้องการซักเล่ม

“กลับเถอะตะวัน”
เมื่อผู้เป็นเจ้าของพูดแบบนั้นตะวันจึงเดินตามหลังเขาออกไป แต่คิมหันต์ก็ยังไม่ลืมข้อตกลงที่ตัวเองพึ่งสร้างเมื่อครู่ เขาเอานิ้วก้อยเกี่ยวกับมือของเจ้าของเล่น ที่มันเองก็คงเข้าใจว่าคิมหันต์ไม่อยากให้มันเอามือไปชนนู่นชนนี่แค่นั้น
   ตะวันเลี้ยวรถเขามาในบ้านหลังใหญ่หลังเดิม ที่ดูจะเงียบเหงาเกินไปสำหรับ2คนกับ1สิ่ง

“คิมอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ เดี๋ยวผมไปทำให้ก่อน แล้วจะเอาผ้าจากค่ายลงมาซัก” ตั้งแต่กลับมาจากค่ายอาสาทั้งสองยังไม่ได้พัก เสื้อผ้าก็ไม่ได้เอาออกมาจากกระเป๋า
“เดี๋ยวรอกินข้าวเย็นพร้อมนายเลยแล้วกัน”เขาและมันเดินขึ้นมาที่ห้องนอนที่ในนั้นมีเตียงสองชั้น

แกร๊ก
เมื่อเปิดประตูเข้ามา แทนที่ห้องจะว่างเปล่า แต่คิมหันต์ได้พบกับลูกจ้างแสนขี้เกียจของลุง

“พี่แววเข้ามาในห้องทำไม เคยบอกไปแล้วไงว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว”

“ขอโทษค่ะ เห็นคุณคิมกับตะวันไม่อยู่หลายวัน พี่เลยจะมาทำความสะอาดให้”

“ขอบคุณครับ แต่คราวหลังไม่ต้อง”

“ค่ะ”
เธอทำหน้าเจื่อนแล้วรีบเดินออกไปเพราะเห็นว่าเจ้าของห้องดูเหมือนจะไม่พอใจ แล้วถ้าอยู่ต่อก็คงไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอแน่ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับคิม พี่แววแค่อยากจะทำตามหน้าที่”

“ห้องนี้ฉันไม่ให้ใครเข้า ถ้าไม่จำเป็น”
คำว่าจำเป็นเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวคือตอนที่ต้องทำงานให้เสร็จในเวลาจำกัด เลยทำให้พรรษชลต้องมานั่งทำงานในนี้

“ครั้งหน้าพี่เขาคงไม่กล้าเข้ามาแล้วนะครับ”

“….และถ้าไม่ใช่นายคนอื่นฉันก็ไม่อยากให้เข้ามา”
เขาไม่ได้หมายถึงแค่ห้องนี้ แต่หมายถึงการใช้ชีวิตในทุกๆวัน

“ผมเอาผ้าไปซักก่อน แล้วจะได้มาทำอาหารเย็น”

“วันนี้อยากกินข้าวผัดหมู”

“………….”

“เอาแบบพิเศษด้วย ทำเยอะๆเลยนะ”

“ครับ ไม่ได้กินมาหลายวันแล้ว”
เหมือนเขาจะแอบเห็นเจ้าของเล่นอมยิ้ม มีไม่กี่เรื่องที่ทำให้ของที่มันไม่มีความรู้สึกดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา และหนึ่งในนั้นก็ข้ามผัดหมูพิเศษนี่แหละ
“ใครบอกจะให้นายกินด้วย”

“คิมกินไม่หมดหรอกครับ”

“ก็เอาไว้อุ่นกินพรุ่งนี้เช้าก็ได้”

“ตอนเช้าคิมกิน สเต็กหมู มันบด แล้วก็น้ำส้มเย็นครับ”

“ก็จะกินข้าวผัดหมูด้วย”

“ก็ได้ครับ”

“555 ไม่แกล้งนายแล้ว ถ้าอยากกินหัดเอาแต่ใจบ้างก็ได้นะตะวัน”

“ปกติคิมไม่แกล้งผมนี่ครับ”
จริงของเจ้าของเล่น เขาไม่ชอบแกล้งหรือทำให้ใครหัวเสีย
“ก็ตอนนี้ไม่ปกติแล้ว”คำตอบของเขาดูมีความหมายแฝง ซึ่งตำหนิที่ไร้ความรู้สึกของตะวันก็คงคิดไม่ได้ว่าหมายถึงอะไร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2019 19:27:55 โดย Kunnmingkwan »

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ผู้มาจากร้านขายของเล่นมือสอง
«ตอบ #17 เมื่อ21-10-2019 21:51:09 »

ความรักของตะวันกับคิมหันต์ เป็นความรู้สึกแบบผูกพันธ์ค่อยเป็นค่อยไป รักแบบให้เกียรติคนที่ตัวเองรัก ต่อไปจะมี nc เล็กๆ แต่คิมจะไม่ทำร้ายตะวันแน่นอน อ่านแล้วรู้สึกอย่างไงบอกกันได้น้าา :mew1:

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนแรกตั้งใจจะเขียนให้คิมหันต์ลองเป็นแฟนกับพรรษชล แต่ก็ลบทิ้ง รู้สึกทำใจไม่ได้ ถ้าคิมมีแฟนแล้วเจ้าของเล่นจะอยู่อย่างไงในสถานะไหน เราอยากเห็นคิมหันต์ที่มั่นคงและแน่วแน่กับความรู้สึกตัวเอง อยากเห็นความรักที่ค่อยๆเติบโต ความจริงแล้วคิมก็เป็นผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวมาตั้งแต่ต้น   :mew1:  :mew6:

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คิมหันต์กับตะวัน ตอนที่เริ่มเขียนเรื่องนี้ อยากจะให้เจ้าของเล่นมีรูปคู่กับเจ้าของบ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:




 o13

ออฟไลน์ palette_burgundy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รออ่านตอนต่อไปนะครับ ส่งกำลังใจให้คุณคนเขียน   :L2:

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รออ่านตอนต่อไปนะครับ ส่งกำลังใจให้คุณคนเขียน   :L2:

ขอบคุณนะคะ ดีใจจัง

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เมื่อเจ้าของเล่นเดินออกไปจากห้อง คิมหันต์หยิบสมุดโน๊ตเล่มเก่าที่ใช้บันทึกรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับมันออกมา ตั้งแต่ที่วุ่นอยู่กับการทำรายงาน และไปค่ายอาสา สมุดเล่มนี้ก็ถูกวางทิ้งไว้ที่เดิม เขาหยิบปากกาออกมาเขียนสิ่งที่เขารู้จักเจ้าของเล่นมากขึ้น ทั้งการป่วยครั้งแรก ตะวันมือนุ่มมาก จับมือกันนอนแล้วหลับในสถานที่ไม่คุ้นเคยง่ายขึ้น และอีกข้อที่เพิ่มขึ้นมา ความรู้สึกของเราที่มีกับมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

“ไม่รู้ว่ารักคนที่เค้าไม่รักเรา หรือรักคนที่ไม่มีความรักอันไหนแย่กว่ากัน”เขาพูดกับตัวเองแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดออกไป แต่สุดท้ายก็แอบคิดไม่ได้ว่าอย่างหลังดีกว่า เพราะมันก็คงไม่มีวันไปรักคนอื่น

“ข้าวผัดหมูมาแล้วครับ”หลังจากที่ซักผ้าเสร็จแล้ว เจ้าของเล่นเดินมาพร้อมอาหารที่คิมหันต์สั่ง

“หอมจังเลย ต้องอร่อยมากแน่ๆ” มันเทน้ำส้มใส่แก้วแล้วจัดโต๊ะข้างเตียงให้เขานั่ง ทำไมนะภาพเดิมๆที่เห็นมาตลอด10กว่าปี แต่เวลานี้รู้สึกว่าพิเศษ รู้สึกถึงความน่ารัก

“เอ่อ ผมว่าช่วงนี้คิมเป็นหนุ่มขึ้น”

“หืม”
คิมหันต์สงสัยในสิ่งที่มันกำลังพูด

“ก็เมื่อกี้ตอนแยกกางเกงข้างในออกมาซักมือผมเห็นคราบ เอ่อช่างเถอะครับ”

“พูดมาเถอะตะวัน มีอะไรก็บอกกัน”

“วัยรุ่นเพศชายจะมีอาการทางร่างกายที่เรียกว่าฝันเปียก เป็นอาการที่เกิดขึ้นตอนหลับจะขับบางอย่างออกมาตามกลไกธรรมชาติครับ”
แม้มันจะชอบอธิบายอะไรยืดยาว แต่เขาก็ไม่เบื่อที่จะฟัง ครั้งนี้ก็เหมือนกันไม่แปลกที่มันจะพูดติดๆขัดๆ และมีท่าทีไม่อยากพูด เขาไม่เคยพูดถึงหนังที่ผู้ใหญ่ดู หรือมองผู้หญิงที่มีสรีระหน้ามอง อะไรพวกนั้นไม่ใช่บทสนทนาระหว่างคิมหันต์กับตะวัน

“ต่อไปแยกชิ้นในสุดไว้ในตะกร้า”

“.........”

“เดี๋ยวฉันซักเอง”

“ไม่เป็นไรครับ ที่บอกแค่อยากให้คิมระวังตัว เผื่อไปนอนที่ไหนที่ไม่ใช่บ้าน คนอื่นจะมองไม่ดีนะครับ”
ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเจ้าของเล่นยังดูแลผู้เป็นเจ้าของดีเสมอ

“ฉันจะไปนอนที่ไหนล่ะ”

“ก็ถ้าไปค่ายอีกไงครับ”

“นานๆไปที”

“ครับ”


“เอาเป็นว่าถ้าไปที่อื่นฉันจะพกเชดชู่ไปเยอะๆ ถ้าร่างกายเป็นไปตามกลไกธรรมชาติอีก จะได้ไม่มีใครมองไม่ดี”ถึงจะอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหน แต่ก็อดเขินไม่ได้จริงๆแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติในตอนหลับ แต่เกิดขึ้นตอนเอาแก้มไปโดนจมูกกับปากของมันที่หาดสะมิหราต่างหากคิมหันต์อยากจะให้เกียรติเจ้าของเล่นเหมือนเดิม ไม่อยากใช้คำพูดที่รู้สึกว่าทะลึ่งกับมัน เลยให้คำตอบไปแบบนั้น

“ครับคิม กินข้าวเถอะครับ”

“โอเค แล้วไหนของนาย”

“คิมกินให้อิ่มก่อน”
ถึงปากจะว่างั้น แต่สายตาก็ไม่ละออกจากข้างผัดหมูของโปรด

“มากินด้วยกัน”

“ไม่เป็นไรครับ”

“งั้นฉันสั่ง”

“ช่วงนี้เอาแต่ใจนะครับ”

“ใครเลี้ยงมาคนนั้นก็รับผิดชอบแล้วกัน นิสัยเอาแต่ใจเนี่ย”
ก็อยู่ด้วยกันมาสองคนตั้งแต่เด็ก ผลัดกันเลี้ยงผลัดกันดูแลเท่าที่จะทำได้ พูดแบบนี้ก็หมายถึงใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของเล่นของเขา

“ก็รับผิดชอบอยู่นี่ไงครับ”

“หืม”
ไม่ใช่แค่เขาที่พักหลังมีนิสัยเอาแต่ใจ แต่มันก็มีนิสัยชอบเถียง

“รับผิดชอบด้วยการตามใจ ไม่เคยขัดใจเลยสักครั้ง”คำพูดที่ไม่มีคำว่าหน้าที่ ทำให้คนฟังรู้สึกดี แม้จะเป็นคำสั่งของเขาเองที่ให้มันเลิกพูด

“จ้าๆเชื่อๆ มานั่งนี่เลย”ตะวันหย่อนตัวลงนั่งข้างๆเขา

“ครับ”

“กินได้แล้ว”

“…………”

“ขอทำแบบนี้นะ”
คิมหันต์เอื้อมมือไปจับมือของเจ้าของเล่น มืออีกข้างก็จับช้อนตักข้าวใส่ปาก

“ครับ”

“แบบนี้กินข้าวอร่อยขึ้นเยอะ”

หลังจากอาหารมื้อเย็น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มากไปกว่าการอ่านหนังสือเตรียมสอบกับข้อสอบสุดหินที่มีแต่ข้อเขียน

       เหมันต์กำลังเดินไปที่ใต้ตึกคณะเพื่อทบทวนหนังสือสอบ แต่ก่อนจะถึงคณะบริหารเอกการตลาด ก็ต้องเดินผ่านนิเทศก่อน

“สวัสดีครับน้องมันส์ทำไมหน้าเครียดจัง” เสียงแซวดังมาจากคณะที่เขาเดินผ่าน และคนที่เรียกเหมันต์แบบนี้ก็มีแค่คนเดียว

“ผมจะสอบพี่”คนที่ถูกทักหน้าบูดบึ้งไม่ชอบชื่อที่อีกฝ่ายเรียก เลยเลือกที่จะตอบส่งๆให้จบไป

“พี่หนาวคนนี้ก็ขอให้น้องมันส์ สอบได้เกรด AAAทุกวิชาเลย”

“………”

“สอบเสร็จมาเป็นแบบถ่ายรูปให้ด้วยนะครับ”

“ไม่มีทาง”

“ทำไมพูดตัดเยื่อใยขนาดนั้น ไม่ลองคิดสักนิดหรอ”

“ไม่”

ดูเหมือนอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของเหมันต์ จะทำให้ลมหนาวมีความสุขกว่าปกติ

“เฮ้ยไอ้หนาวทำไมมึงคึกจังวะ”เพื่อนลมหนาวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดถามขึ้นด้วยความสงสัย

“กูก็ปกติ”

“ปกติอะไร กูไม่เคยเห็นมึงจะแซวผู้หญิงคนไหน”

“มึงก็สงสัยไปเรื่อย”

“มึงแม่งนิ่งอย่างกับก้อนหิน แต่พอเจอไอ้น้องเหมันต์อย่างกับกระดี่ได้น้ำ”

“ก็แม่งน่ารัก”

“คนอย่างมึงชมผู้ชายว่าน่ารักผู้หญิงแม่งก็อกหักทั้งมหาลัย”

“เออ เรื่องของกู”
คำว่าน่ารักของลมหนาว หมายถึงน่ารักทั้งตอนเจอตัว และทั้งตอนที่อยู่หลังเลนส์ของเขา ผู้ชายที่บังเอิญเดินผ่านกล้องแล้วก็เผลอกดชัตเตอร์มาได้รูปหนึ่ง มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าได้ถ่ายตอนไม่เผลอก็คงจะดี
ใต้ตึกคณะเจ้าของเล่นนั่งติวอยู่กับคิมหันต์สองคนเหมันต์จึงเลือกที่จะนั่งอ่านหนังสืออีกมุมหนึ่ง เพราะไม่อยากเป็น ก ข ค ของคนที่เขาก้พอรู้ๆมาบ้างว่ามีความรู้สึกอย่างไง

“คิมครับอ่านตรงนี้หรือยังความหมายและสำคัญของการตลาด”

“อ่านแล้ว”
เขาตอบกลับแล้วหยิบน้ำส้มในกระติกเก็บความเย็นขึ้นมาดื่ม

“ผมว่าลองอ่านเรื่อง SWOT ไว้ด้วยก็ดีนะครับเพราะว่าอาจารย์อาจจะเอาเรื่องนี้มาออกข้อสอบให้เราวิเคราะห์ swot ของแต่ละองค์กร”

“ทำไมนายคิดแบบนั้น”

“เพราะว่าการออกข้อสอบอัตนัยส่วนมากจะเป็นการวิเคราะห์โดยอ้างอิงความคิดของผู้เรียนผสมกับทฤษฎี แล้วอีกอย่างอาจารย์พูดย้ำเรื่องนี้หลายรอบตอนเรียนคาบสุดท้ายครับ”
ตะวันพูดอย่างมีหลักการ

“พรรษขอติวด้วยคนได้ไหม”หญิงสาว ที่ดูเหมือนจะทำใจได้แล้ว เดินเข้ามา

“……..”

“ได้ครับ”
เมื่อผู้เป็นเจ้าของเงียบ หน้าที่ในการตอบคำถามก็ตกเป็นของเจ้าของเล่น

“พรรษจะไม่อึดอัดใช่ไหม”

“คิมกับตะวันก็เป็นเพื่อนพรรษนี่ ทำไมต้องรู้สึกแบบนั้นด้วย”
พรรษชลยิ้มกว้าง ตอกย้ำให้รู้ว่าเธอทำใจเรื่องที่เสียใจได้แล้ว

“อื้อ”เขาตอบรับคำพูดของหญิงสาวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

“SWOT คือ Strengths Weaknesses OpportunitiesและTreats ครับ”

“การวิเคราะห์ Swotจะเกิดขึ้นกับหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆที่ต้องการรู้จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ของตน”
คิมหันต์พูดเสริมเจ้าของเล่น

“เพราะฉะนั้นเราต้องลองอ่านกรณีตัวอย่างการวิเคราะห์ SWOT”

“อยู่กับคนเก่งทั้งสองของคณะ เราไม่ต้องอ่านอะไรเยอะเลย ดีจัง”
ไม่ผิดที่เธอจะพูดแบบนั้น เพราะในคณะนี้ถ้าพูดถึงความเก่งในด้านวิชาการ นอกจากตะวันก็มีคิมหันต์นี่แหละที่คะแนนและความโดดเด่นไล่เลี่ยกัน
ทั้งสามอ่านหนังสือ และติวกันจนค่ำ พรรษชลมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเข็มสั้นก็ชี้ไปที่เลข9แล้ว

“คิมกับตะวันกลับอย่างไงอะ พรรษขอติดรถไปลงปากซอยได้ไหม”

“ได้ครับ”

พวกเขาเดินไปที่ลานจอดรถหน้าตึก โดยที่ตะวันกับคิมหันต์เดินนำและพรรษชลเดินตาม เธอสังเกตเห็นผู้ชายทั้งสองตรงหน้าเอานิ้วก้อยเกี่ยวกัน

“ทำไมตะวันกับคิมเกี่ยวมือกัน”ปากที่พูดออกมาโดยที่สมองยังไม่ทันคิด

“อ๋อ ปกติตะวันเขาชอบเอามือไปชนนู่น ชนนี่เป็นแผล เราก็เลยแก้ปัญหาแบบนี้”

“น่ารักดีเนาะ นี่ถ้าตะวันเป็นผู้หญิง พรรษจะคิดว่าที่คิมไม่ตกลงกับพรรษ เพราะว่าตะวัน”
หญิงสาวกลับมายิ้มสดใส และพูดทีเล่นทีจริงเหมือนเดิม

“ไม่ตกลง?”เจ้าของเล่นทำหน้าสงสัยกับสิ่งที่พรรษชลพูด

“กลับบ้านเถอะ หิวข้าวแล้ว”ผู้ที่ไม่อยากให้บทสนทนา ยืดยาวไปกว่านี้เป็นฝ่ายตัดบท
รถยนต์เคลื่อนไปช้าๆไร้บทสนทนาของผู้ที่อยู่บนรถ

“ส่งพรรษตรงนี้ก็ได้”หญิงสาวพูดเมื่อถึงปากซอยจุดหมายที่เธอจะต่อรถกลับบ้าน
เมื่อเธอลงไป ก็มีบางคนอยากจะอธิบายสิ่งที่ตอนนั้นสารภาพไม่หมด

“ที่พรรษพูด”คิมหันต์อึกอัก

“ครับ”เจ้าของเล่นทำหน้าเรียบเฉย แบบทุกครั้ง

“นายไม่อยากถามอะไรหน่อยหรอ”

“ก็ถ้าคิมไม่อยากเล่า ผมก็ไม่มีหน้าที่ต้องถาม”

ปกติคำว่าหน้าที่จะถูกพูดขึ้นกับสิ่งที่มันทำให้เขา แต่ทำไมวันนี้คิมหันต์กลับรู้สึกว่ามันกำลังยอกย้อน

“ฉันบอกว่ามีอะไรก็พูดกันตรงๆไม่ใช่หรอตะวัน”

“ก็พูดตรงๆอยู่นี่ไงครับ”

“จะรีบขับไปไหน”
อารมณ์ที่โมโหกับการกระทำที่เขาทึกทักเอาเองว่า มันกวนประสาท

“ก็คิมบอกว่าหิวข้าว ผมก็รีบกลับบ้าน ไปทำกับข้าวให้กิน”

“ไปหัดเอานิสัย ประชดประชันแบบนี้มาจากไหน”

“อย่าลืมสิครับว่าผม ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่จะส่งผลให้เกิดอาการต่างๆเหมือนมนุษย์ รวมทั้งอาการประชดประชันที่คิมกำลังกล่าวหาด้วย”
มันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มีแต่เขาเองที่เก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหว

“ตะวัน!!!”

รถหรูถูกขับเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่เหมือนทุกวัน เจ้าของเล่นหยิบกระเป๋าทั้งของมันและคิมหันต์ลงจากรถไปวางที่ห้องนอน ไม่มีคำพูดใดๆออกจาก ปล่อยให้อีกคนเครียดจนแทบบ้า

“อาหารมาแล้วครับ”เมื่อผู้เป็นเจ้าของบอกว่าหิว ตะวันก็รีบเอาอาหารมาเตรียมให้ตามหน้าที่ จริงที่มันไม่รู้สึกอะไรเลย

“ไม่หิวแล้ว”

“ก็คิมบอกพรรษชลว่าหิว”

“ฉันไม่ได้บอกพรรษ ฉันบอกนาย”

“ก็ทำมาให้แล้วไงครับ”

“นายไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับฉันบ้างเลยหรอ”

“ผมก็รู้เรื่องของคิม เกือบทั้งหมดที่ควรจะรู้ คิมชอบกิน สเต็กมันบดและน้ำส้มในตอนเช้า ใส่เสื้อไซค์M ไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นฉุน ชอบผ้าที่ถูกซักด้วยผลิตภัณฑ์แบบน้ำมากกว่าแบบผง และถ้าไม่ได้กินอาหารตรงเวลาก็จะหิวมาก แบบตอนนี้”
มันรู้ในสิ่งที่ควรรู้หมดแล้วจริงๆ หน้าที่ที่ต้องดูแล มันก็ทำเกินกว่าคำว่าของเล่นหรือ ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกป้อนข้อมูลไว้ แต่จะทำเกินกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ คิมหันต์ในตอนนี้เหมือนคนที่ซื้อแซนวิชที่มีแค่แฮม แต่อยากได้ชีส ได้ผักเพิ่ม

“ไม่อยากรู้จริงๆหรอว่าวันนั้นฉันไม่ตกลงอะไรกับพรรษ”

“ถ้าอยากให้รู้คิมคงเล่าให้ผมฟังตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ”

“นายก็รู้ว่าปกติเราไม่มีความลับต่อกัน”

“……….”

“วันนั้นฉันทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าพรรษชลจะเอาจมูกมาโดนแก้มฉัน สิ่งแรกที่คิดได้คืออยากบอกนาย”
คนที่รอให้เจ้าของเล่นถามทนไม่ไหว จนต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง

“เรื่องนั้นผมรู้ คิมบอกแล้ว”

“จนฉันลืมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลืมว่พรรษขอคบกับฉัน”

“ครับ”

“แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไรไปนะ ซึ่งพรรษรู้ว่ามันคือการปฏิเสธ”

“........”

“ไม่เคยอยากมีความลับอะไรด้วยเลยนะ”

“ผมก็ไม่เคยไม่เชื่อในสิ่งที่คิมพูด”

คิมหันต์รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก รู้นะว่าสิ่งที่พูดไปมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เขาอยากพูดอะไรกับมันมากกว่านี้ แต่การจะมีแฟนหรือคนรักซักคน มันต้องมาจากความรู้สึก ไม่ใช่แค่หน้าที่ เพราะฉะนั้นก็ขอเก็บความรู้สึกดีๆแบบนี้ไว้ก็แล้วกัน ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกไป แต่เขาก็มั่นใจในตัวเองว่าจะไม่เอาไปพูดกับใครคนอื่นอย่างแน่นอน

“กินข้าวกันเถอะ”

“อาหารเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวผมเอาไปอุ่นให้ก่อนนะครับ”
เจ้าของเล่นยกจานอาหารออกไป แต่หลังมือของมันก็แปะไปด้วยปาสเตอร์ยา

“หรือต้องจับกันไว้ตลอดเวลาจะได้ไม่ซุ่มซ่ามอีก”เขาพูดเบาๆกับตัวเอง และทั้งหมดเกิดจากความเป็นห่วง

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เขียนไปก็เขินไป :mew1: พอรู้ใจตัวเองคิมหันต์ก็จะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากชื่อของเขาจะแปลว่าฤดูร้อนแล้ว คิมหันต์คนนี้ก็ยังเป็นตัวแทนของความรักเดียวใจเดียวด้วยนะ
-ปมต่างๆจะค่อยๆถูกคลี่คลาย ทั้งเรื่องลุง เรื่องตะวัน เรื่องความน่าหมั่นใส้ของพรรษชล
-เอาใจช่วยความรักของคู่รอง พี่หนาวกับน้องมันส์ :mc4:
***ฝากติดตามเรื่องผู้มาจากร้านขายของเล่นมือสองด้วยนะคะ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะสร้างรอยยิ้มเล็กๆให้กับคนอ่านได้

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ผู้มาจากร้านขายของเล่นมือสอง
«ตอบ #25 เมื่อ24-10-2019 17:52:44 »

อ่านแล้วใครหลงรักเจ้าของเล่นบ้าง  :z1: :z1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :3123: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูท่าปัญหาจะอยู่ที่การยึดมั่นกับคำว่าหน้าที่ของตะวันนี่ละ

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่10 เรื่องที่คนฉลาดไม่เคยรู้

ไลน์ไลน์ไลน์
ไลน์กรุ๊ปค่ายอาสาดังขึ้นในเช้าวันสอบ

ลมหนาว:พี่อยากนัดน้องๆชาวค่ายทุกคนมาที่ร้าน xxx หลังจากสอบเสร็จ

Phatsachon :ได้ค่า เจอกันนะคะ

ลมหนาว :น้องเหมันต์มาด้วยนะครับ

เหมันต์ : ครับ

เหมันต์ตอบไปอย่างหมดหนทางหลีกเลี่ยง ถูกเจาะจงเป็นรายบุคคลขนาดนี้

“อยากไปไหม”คิมหันต์ถามเจ้าของเล่นของเล่นของเขา

“พี่เขาบอกว่าต้องไปทุกคนนะครับคิม”

“ดีเหมือนกันไม่ได้กินข้าวนอกบ้านกับนายนานแล้ว”

“ครับ”


TAWAN:ไปครับ

KIMHUN :ครับ


9.00 น.ขอให้นักศึกษาทุกคนเตรียมตัวเข้าห้องสอบในคาบเช้า
เสียงตามสายประกาศเรียกนักศึกษาเข้าห้องสอบดังทั่วมหาวิทยาลัย

“สู้ๆนะครับคิมทำเต็มที่”เจ้าของเล่นพูดให้กำลังใจ ไม่ให้คิมหันต์เครียดจนเกินไป

“นายก็เต็มที่นะ”
เหมันต์ยืนอยู่ด้านหลังรอเข้าห้องสอบ ก็แอบอมยิ้มกับสิ่งที่ทั้งสองทำให้กันไม่ได้

“กระดาษเปล่า”พรรษชล พูดเบาๆขณะเห็นกระดาษคำถามในห้องสอบ

“กระดาษที่นักศึกษาได้รับ จะเป็นโจทย์เดียวกันหมด ให้ทุกคนทำ SWOT Analysis ของบริษัทXX จะนำเสนอออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ ให้คนตรวจข้อสอบเข้าใจง่านที่สุดเริ่มทำข้อสอบได้”

“เป็นอย่างที่ตะวันคิดจริงๆ”คิมหันต์คิด
ตะวันวาดรูปอธิบายโดยเขียนกำกับเพียงเล็กน้อย บริษัท XX มีจุดแข็งคือ มีการคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ สินค้าได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกชิ้น
คิมหันต์ อธิบายโดยใช้แผนผังความคิดแตกย่อยออกไป จุดอ่อนของบริษัท XX คือการตัดสินใจผลิตสินค้าบางชนิดผ่านหลายบุคคลส่งผลให้สินค้าล่าช้า
ทุกคนตั้งใจทำข้อสอบ ในห้องสอบเงียบสนิท จนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ

11.00 หมดเวลาทำข้อสอบ

“ตะวันกับคิมเก่งจัง เดาแนวข้อสอบแม่นมาก”พรรษชลยิ้ม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอทำข้อสอบได้

“ขอบคุณครับ”เจ้าของเล่นตอบคำถามหญิงสาว ในขณะที่คิมหันต์พยายามปลีกตัวไปอีกที่ เพราะกลัวว่าถ้าอยู่ตรงนั้นพรรษชลจะพูดอะไร แบบที่เขาคิดไปเองว่า เจ้าของเล่นมันจะไม่พอใจ

“พรรษไปละ เย็นนี้เจอกันที่ร้าน XXX นะ”

“เจอกันครับ”


ร้านXXX

“ทำไมมึงนัดมากระทันหันแบบนี้วะไอ้ลม”เพื่อนลมหนาวถามในสิ่งที่ทุกคนสงสัย

“ก็กูพึ่งคิดได้ ว่าตั้งแต่กลับจากค่ายทุกคนก็วุ่นวายจากการสอบ จนแทบไม่ได้มาเจอกัน แล้วก็อยากมาเลี้ยงน้องๆด้วย”

“เยสป๋าจัดนะมึง”

“เผื่อคนแถวนี้จะใจดีมาเป็นแบบถ่ายรูปให้กูบ้าง”

“ใครหรอคะพี่”
พรรษชลถามด้วยความสงสัย ปกติเธอก็ไม่เคยเห็นหัวหน้าค่ายพูดจาแซวใคร ในสายตาเธอออกจะนิ่งๆด้วยซ้ำ

“ก็ใครบางคนบนโต๊ะนี้แหละครับ”เขาพูดแล้วมองไปที่เหมันต์

“ช่างแม่งเหอะครับ น้องพรรษ ว่าแต่วันนี้สวยเป็นพิเศษเลยนะ”เพื่อนลมหนาวแซวรุ่นน้องในชมรม และวันนี้เธอก็สวยจริงแบบที่ว่า ผู้หญิงผิวขาวกับเสื้อแขนกุด และกระโปรงเข้ารูปช่างเข้ากันมาก

“ขอบคุณค่ะ”นอกจากชุดแล้ว สิ่งที่เข้ากับเธอสุดๆก็คือรอยยิ้มบนใบหน้า

“ปาร์ตี้ หลังสอบเสร็จแบบนี้จะ No แอลกอฮอล์ได้อย่างไงไอ้ลมมึงจัดมาดิ”

“เออๆๆ”
ลมหนาวสั่งน้ำที่เพื่อนว่ามาเพื่อสังสรรค์ พนักงานเทใส่แก้วของสมาชิคในโต๊ะจนเกือบครบ

“ตะวันดื่มไม่ได้นะ”ผู้เป็นเจ้าของกลัวว่าเจ้าของเล่นจะเป็นอะไรแบบตอนไปค่ายอีก เขาเป็นห่วงมัน

“ครับ ผมต้องขับรถกลับบ้าน”

“เออถูกของน้องมันขับรถต้องไม่เมาดิวะ”ลมหนาวเป็นห่วงความปลอดภัย น้ำในแก้วของตะวันจึงกลายเป็นน้ำเปล่าแทน

“คิมอย่าดื่มเยอะนะครับ ปกติไม่เคย..”ตะวันเตือนสติเจ้าของ

“ฉันรู้แล้ว”
พอกินอาหาร ดื่มเครื่องดื่มไปซักพัก เพื่อนของลมหนาวก็เสนอให้เล่นเกมเพื่องานจะได้สนุกขึ้น

“หาเกมเล่นกันเหอะวะ แบบนี้แม่งน้องๆแม่งหงอยกันหมด”

“เออ เกมตามใจคนโชคดีแล้วกัน”

“เกมอะไรของมึงวะ”

“ก็ถ้าหัวของขวดเหล้าหันไปที่ใคร คนนั้นก็มีสิทธิ์ทำอะไรกับคนบนโต๊ะได้หนึ่งอย่าง”
คนคิดเกม ดูเหมือนจะมีแผนอะไรบางอย่างให้กับตัวเอง
เกมแรกเริ่มขึ้น ขวดเหวี่ยงไปตามแรงหมุน

“เฮ้ยๆๆๆ ใครจะเป็นผู้โชคดี”

แล้วก็มาหยุดที่คิมหันต์
“เอ้าน้องคิมอยากทำอะไรทำเลย”ลมหนาวพูดเปิดทางให้ผู้ชนะในเกมแรก
เขาค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือเจ้าของเล่นที่วางไว้บนตักใต้โต๊ะ ค่อยๆกระชับจนแน่น

“ทำแล้วครับ” แม้ทุกคนจะสงสัยว่าเขาทำอะไรแต่ก็อยากจะเล่นเกมต่อ

“คิมผมไปห้องน้ำก่อนนะครับ”เขาพยักหน้าตอบรับ
เกมที่สองเริ่มขึ้น ขวดยังคงทำหน้าที่เหวี่ยงไปตามแรงหมุน
แล้วก็หยุดที่พรรษชล
จริงที่เขาบอกกันว่า เหล้าทำให้คนขาดสติ สามารถทำในสิ่งที่ใครๆไม่คาดคิดได้พรรษชลค่อยๆประทับจูบลงบนปากของคิมหันต์ ซึ่งทำให้รู้เลยว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่เธอเคยจูบ น้ำลายค่อยๆไหลออกข้างๆปากของชายหนุ่มเขาทำอะไรไม่ถูกพอคิดได้ก็รีบเบือนหน้าหนี
ทุกคนในโต๊ะตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวทำ
“พรรษ เธอทำอะไร”เหมันต์ถามเพื่อน

“คิม เราขอโทษคือเราไม่ได้ตั้งใจ”

“………..”
คิมหันต์ไม่พูดอะไร สิ่งแรกที่ทำคือมองหาคนที่บอกว่าไปห้องน้ำ แล้วก็โล่งใจที่มันไม่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ ถึงจะต้องบอกทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่ที่จะต้องมาเห็นคาตาเขาลาพี่ๆที่โต๊ะแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ คิดว่าจะชวนเจ้าของเล่นกลับบ้านเลย
“เลิกเล่นเหอะพี่ เกมอะไรเนี่ย”เหมันต์ไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้

“ขอเล่นอีกเกมได้ไหมเหมันต์”ปกติเรียกน้องมันส์ แต่วันนี้มาแปลก

“ครับ”
ลมหนาวไม่หมุนขวดเหมือนทุกครั้ง แต่จับปากขวดหันมาที่ตัวเอง

“เหมันต์ เทอมหน้าพี่ต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ อย่างไงก็มาเป็นแบบถ่ายรูปให้หน่อยนะ”

“………..”
ถึงจะไม่ค่อยชอบที่ไอ้พี่หัวหน้าค่ายชอบยั่วโมโห แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้า

“นะครับ นะครับ”ลมหนาวยังไม่เลิกตื้อ แม้จะรู้ว่าความหวังช่างริบหรี่ แต่สิ่งที่ได้ยิน

“ก็ได้ๆพี่”

“ขอบคุณครับน้องมันส์”


“จะไม่เลิกเรียกจริงๆใช่ปะ ชื่อนี้เนี่ย”ดีได้ไม่ถึงสามนาที ก็กลับมากวนประสาท

“น่ารักดี”

“อะไรน่ารัก”

“ก็เวลาน้องมันส์โมโหไง 555”

“พี่บ้าเปล่าวะ”

“ขอไลน์ หน่อยสิ เอาไว้นัดวันถ่าย”

“ก็เอาในไลน์กลุ่มดิพี่”

“ก็อยากขอน้องก่อน เดี๋ยวพี่แอดไปแล้วเราไม่คุยด้วยทำไง”

“แอดๆมาเหอะ เห็นก็ตอบเองแหละ”
เหมันต์พูดตัดความรำคาญ แต่คนฟังยิ้มกว้าง

“ขอบคุณครับบบ”เรื่องที่พูดมีแค่เหมันต์กับลมหนาวเท่านั้นที่ได้ยิน คนอื่นๆหลับฟุบคาโต๊ะ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปหมดแล้ว

“ตะวันอยู่ในนั้นไหม”คิมหันต์ตะโกนเรียกเจ้าของเล่น ตามจุดหมายที่มันบอกจะมา

“………”

“หายไปไหนของเขานะ”
เขายังเดินวนเข้าออกห้องน้ำ ในใจคิดแต่อยากกลับบ้าน

“คิมพรรษขอโทษ”หญิงสาวที่เดินตามพยายามอธิบาย
“เดี๋ยวค่อยคุยวันอื่นนะพรรษ”

“คิมเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“……..”
เขาไม่ได้ตอบอะไรพรรษชล ในใจตอนนี้คิดแต่ว่ามันหายไปไหน คิมหันต์กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่หน้าร้านแต่รถก็ไม่ได้จอดอยู่แล้ว

“คิมกลับไงอะ”เหมันต์ถามเพราะเห็นคิมหันต์ดูกระวนกระวายใจ แล้วตอนนี้ก็ดึกมากแทบจะไม่มีรถผ่านมาซักคัน

“ฉันรอแท๊กซี่”

“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวเราไปส่ง”

“บ้านฉันอยู่อโศก”
คิมหันต์รีบเดินขึ้นรถตามคำชวน ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรมากไปกว่าการกลับบ้านให้เร็วที่สุด ความสงสัยถาโถมเข้ามา ทำไมมันกลับบ้านก่อน ปกติไปไหนก็ไปด้วยกัน เป็นห่วงกัน แต่ตอนนี้ทิ้งให้กลับคนเดียว ไหนจะเรื่องพรรษชลที่ต้องบอกให้รู้ ถึงแม้มันจะไม่มีความรู้สึกอยากฟังก็ตาม

“ตะวันไปไหน ไม่กลับด้วยกันหรอ”

“ฉันก็ไม่รู้”

“พวกนายมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”

“ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้”

“ตะวันก็เพื่อนเรา ทำไมจะรู้ไม่ได้”

“.......”

“คิมชอบพรรษหรือเปล่า”

“ไม่ได้ชอบ”

“แล้วตะวันล่ะ”
เหมันต์ถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไป
“ไม่ได้ชอบ”

“………”

“แต่รัก”
คำที่เขาไม่เคยคิดจะพูดออกไป แต่ในเวลาแบบนี้มีใครซักคนรับฟังสิ่งที่อึดอัดมาตลอดก็ดีเหมือนกัน เขาเองก็ไม่เคยอายที่จะพูดแบบนี้

“เราว่าตะวันก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน”

“เป็นไปไม่ได้”
นั่นคือความจริงที่คิมหันต์ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเจ้าของเล่นมันมีตำหนิอะไร

“ตะวันขอให้เราไม่พูดเรื่องที่ พวกนายนอนจับมือกันที่ค่ายให้ใครฟัง”ถึงจะอยากรู้อยู่บ้างว่ามันพูดอะไรกับเหมันต์บ้าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาซักไซ้หาความจริง

“เขาไม่รู้สึกอะไรแบบนี้หรอก”

“คิมในโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความรู้สึก ต้นไม้ยังต้องการน้ำเพื่อหล่อเลี้ยง หรือแม้แต่สิ่งของที่ใช้ไปนานๆมันยังรู้สึกว่าซักวันหนึ่งมันต้องพัง”


“ขอบใจนะ”ถึงแม้คำพูดจะสวยหรูขนาดไหน แต่เขารู้ทุกอย่างดีทั้งหมด บนโลกนี้ถ้ามีอะไรซักอย่างที่ไม่มีความรู้สึกก็คงเป็นเจ้าของเล่นของเขา
รถของเหมันต์จอดที่ประตูหน้าบ้าน ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกัน คิมหันต์ก็รีบเดินไป ไม่ใช่อยากจะเสียมารยาท แต่อยากรู้ว่าคนที่กำลังตามหาจะอยู่ที่นี่ไหม มีหลายอย่างที่อยากพูด อยากทำ ถ้าเดินเข้าไปแล้วไม่เจอจะไปหาที่ไหน ตะวันไม่ได้มีเพื่อนหรือมีญาติเขาต้องเครียดมากแน่ๆ

“พี่แววมาทำอะไรที่หน้าห้องผม”คิมหันต์ถามคนที่เขาไม่อยากเจอ

“ตอนแรกแววนอนไปแล้ว แต่ได้ยินเสียงดังที่ห้องคุณคิมเลยมาดู”

“เกิดอะไรขึ้น”

“ตะวันทำอะไรไม่รู้ในห้องค่ะ เสียงดังมากแววเรียกเท่าไหร่ก็ไม่เปิด”

คิมหันต์หยิบกุญแจในกระเป๋ามาไขห้องนอนแล้วบอกให้แม่บ้านลงไปข้างล่าง เขาไม่รู้ว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ก็อยากให้เป็นเรื่องระหว่างเขากับมันแค่สองคน เมื่อเปิดประตูลูกบิดออกก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เตียงนอนสองชั้นล้มระเนนละนาด ข้าวของกระจัดกระจาย ไม่เรียบร้อยเหมือนตอนออกไป คนที่กำลังมองหานั่งอยู่มุมห้องมือชกไปที่กำแพงเป็นแผลเปิดที่หลังมือเหมือนที่มันชอบอ้างว่าหกล้ม เจ้าของเล่นยังไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาแล้ว
“ตะวันเป็นอะไร”

“ฮือ ฮือ ฮือ”

“ระบบปฏิบัติการในตัวนายมีปัญหาหรอ”
คิมหันต์ตกใจกับสิ่งที่เห็น น้ำเสียงตะกุกตะกัก มันไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยป่วย หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนว่าเจ้าของเล่นกำลังจะพัง แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะอยู่อย่างไง

“ฮือออออ”มันยังไม่พูดอะไร มีเพียงเสียงร้องไห้ที่ได้ยิน มือก็ยังไม่หยุดต่อยกำแพง

“ตะวันพอแล้ว พอแล้ว”เขาดึงมันเข้ามากอดแน่น แต่ดูเหมือนอีกฝั่งจะไม่เหลือสติอะไรอีกแล้ว

“ฮึก ฮึก ฮือ”เสียงร้องไห้ปนกับก้อนสะอื้น คนที่ฟังรู้สึกสงสารจับใจ

“ฉันจะทำอะไรได้บ้าง เห็นนายเป็นแบบนี้ ฉันโคตรรู้สึกแย่”

“ฮือ ฮื้อ”

“จะมีงานวิจัย หรือหนังสือเล่มไหนบ้างไหมที่จะแก้ปัญหา คนที่เป็นแบบนายเวลาป่วย หรือมีปัญหา”

“ฮึ๊กๆ ฮือ”
เจ้าของเล่นประกบปากตัวเองกับคิมหันต์ มันพยายามจูบเขา แบบที่เห็นในละคร แต่ไม่ได้มีอะไรมากกว่าแค่เอาปากโดนกัน ผู้เป็นเจ้าของปล่อยให้มันทำแบบนั้นจูบนี้เป็นสิ่งที่รอคอยมาตลอด ไม่ใช่การกระทำที่ต้องรู้สึกผิดและไร้ความรู้สึกแบบที่พรรษชลทำ

“ไม่เป็นไรแล้ว ตะวันไม่เป็นไรแล้ว”

“ฮือ ผม ไม่ได้อยากทำ แบบนี้”

“ไม่เป็นไรเลยตะวัน ไม่มีใครว่าอะไรเลยนะคนดี ไม่มีใครว่าอะไรนายเลย”
เขายังคงกอดมันไว้ในอก มือลูบหัว พยายามปลอบใจให้คนในอ้อมกอดสงบลง

“……..”

“เคยบอกไปแล้วไงว่ามีอะไรก็บอกฉัน อยากได้อะไรก็บอกกันนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”
ปากพูดแต่มือก็ยังลูบหัว สลับกับเช็ดน้ำตาให้เจ้าของเล่น

“ผม ฮือ ไม่อยากเห็นใครมาจูบคิม ฮือ ฮึก”แสดงว่ามันเห็นทั้งหมดที่ผู้หญิงคนนั้นทำแบบต่อหน้าต่อตา เขาประกบปากไปที่ปากเจ้าของเล่นอีกครั้ง อีกมือกอดมันไว้แน่น พยายามทำให้มันหยุดร้องไห้แต่ในใจมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มันพูดความรู้สึกตัวเองออกมา

“นายเช็ดให้ฉัน ฉันก็เช็ดอีกครั้ง ที่เขาทำมันหลุดออกไปหมดแล้ว หยุดร้องได้แล้วนะคนดี หยุดได้แล้ว”คิมหันต์ไม่อยากพูดชื่อพรรษชลออกมาให้เหตุการณ์มันแย่ลง

“ฮือ ฮือ ฮึกๆ”

“ยิ่งร้องเข้าไปใหญ่เลยตะวันของฉัน”ไม่ใช่แค่เขาที่กอดมันไว้ เจ้าของเล่นที่พึ่งเผยความรู้สึกตัวเองออกมาก็กอดเขาไว้แน่น แน่นพอที่จะไม่อยากแบ่งให้ใคร

“ฮือ ฮือ คิมอยากจูบ เขาหรือเปล่าฮึก” เจ้าของเล่นพรั่งพรูความรู้สึกตัวเองออกมา ไม่ได้เป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่เป็นเพราะไม่สามารถเก็บทั้งหมดไว้ในหัวใจได้อีกแล้ว พื้นที่ในหัวใจเล็กเกินไปสำหรับ10กว่าปีที่ผ่านมา

“ถ้าอยากจูบ จะรีบกลับมาเช็ดทำไมกันเล่า”

“ฮืออ ไม่ให้ทำแบบนั้นแล้วได้ไหม ฮือ”
เจ้าของเล่นผู้น่าสงสารบทจะเอาแต่ใจขึ้นมา ทำให้เขาอดอมยิ้มไม่ได้จริงๆ

“ไม่ทำแล้วนะคนดี หยุดร้องได้แล้ว”

“ฮือ ผมไม่อยาก ฮือ เห็นแก่ตัวกับคิม ฮือ ฮือ ไม่อยากปิดโอกาสให้คิมได้เจอคนดีๆ แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำใจไม่ได้”
ไม่ใช่แค่น้ำตา แต่เจ้าของเล่นร้องไห้จนน้ำมูกเลอะไปหมด

“ไม่เป็นไรเลย ฉันเป็นคนอนุญาตให้นายทำได้ทุกอย่างที่อยากทำ เคยบอกไปแล้ว”
มันหอมแก้มผู้เป็นเจ้าของ จับมือเขาแน่น จูบแล้วจูบอีกที่ปากเขา คิมหันต์รู้ดีว่าเจ้าของเล่นอ่อนหัดกับเรื่องแบบนี้ อาการสะอึกสะอื้นของมันลดลงแต่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล

“คืนนี้นอนได้แล้วนะ เหนื่อยมามากแล้ว”ตะวันทำท่าจะพยุงร่างกายด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่มีแต่เขาก็ดึงมันไว้

“ไม่ใช่…นอนตรงนี้นะ”คิมหันต์ ตีมือลงที่ตักของตัวเอง ถ้าเป็นวันก่อนๆเจ้าของเล่นคงดื้อดึงเพราะกลัวว่าเขาจะเมื่อย และยกเอาคำว่าหน้าที่นู่นนี่มาอ้าง แต่ไม่ใช่วันนี้ที่มันอยากจะแสดงอาการเอาแต่ใจกับเขาบ้าง

หลับเถอะนะ แก้วตาจงนอนหลับไหล
จะอยู่ตรงนี้ ไม่จากไปไหน หลับตาพักวางดวงใจ ไว้กับฉัน

เหนื่อยพอแล้ว เจ็บพอแล้ว สิ่งเลวร้ายให้แล้วล่วงไปเป็นเพียงแค่ฝัน
จะกอดเธอไว้ จวบจนสิ้นแสงจันทร์ จากนี้เธอไม่มีวันเดียวดาย
คิมหันต์ร้องเพลงกล่อมเจ้าของเล่น เหมือนที่มันเคยทำกับเขา มืดเช็ดคราบน้ำตาที่เริ่มแห้ง

“ทำไมต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจมากมายขนาดนี้”ถ้าให้นอนหลับตอนนี้ เขาก็คงข่มตาหลับไม่ลง อยากจะนั่งมองมันอยู่แบบนี้ กลัวมันตื่นก่อนแล้วยังไม่เลิกคิดมาก เขาอยากจะอธิบายให้มันฟังในทุกๆเรื่องและมันคงพูดในสิ่งที่เขาเองก็อยากได้ยิน

ออฟไลน์ Kunnmingkwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ผู้มาจากร้านขายของเล่นมือสอง
«ตอบ #29 เมื่อ25-10-2019 21:24:18 »

บอกความรู้สึกกันซักที วางความหนักอึ้งลงไป




 o13
[/quote]

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด