ขั้นที่ 5 เครป
[น่านฟ้า] “หืม~ วันนี้ตื่นเร็วจังนะ”
“ก็ใครเป็นคนปิดแอร์ห้องฟ้าล่ะ ไม่ต้องมาพูดเลย” ไอ้พี่ชายตัวดีของผมยิ้มเยาะไปพลาง นั่งจิบกาแฟไปพลางอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“เปลืองไฟ…” หน่อย ปกติวันหยุดผมจะตื่นประมาณสิบโมง ทุกทีก็ปล่อยให้ผมนอนสบาย แต่ถ้าวันไหนพี่เค้าอยากแกล้ง พี่แกจะเข้ามาปิดแอร์ห้องผม ผมเป็นพวกที่ถ้าร้อนแล้วจะนอนไม่หลับ วันนี้ก็เลยตื่นมาตั้งแต่แปดโมงว่าจะลงมาเฉ่งไอ้พี่ชายสักหน่อย แต่เห็นอีกฝ่ายทำตัวโนสนโนแคร์แล้วผมก็ปลง…ช่างมันขี้เกียจขึ้นไปนอนต่อแล้ว
ผมคิดได้อย่างนั้นก็ย้อนขึ้นไปบนห้อง หยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป จัดการกิจวัตรประจำวันตอนเช้าเสร็จก็เดินลงไปนั่งโซฟาที่ห้องนั่งเล่น
“วันนี้มีนัดอะไรปะ”
“ไม่มีนะ ถามฟ้าทำไมเหรอ”
“เปล่าถ้ามีจะได้ไปส่ง แต่ถ้าไม่มีก็ดีแล้วขี้เกียจขับออกไปส่ง” พี่ภูขยับเขยื้อนร่างกายเอาขาทั้งสองข้างไปพาดไว้กับที่วางมือของโซฟาแล้วทิ้งหัวของตัวเองลงมาบนตักผมแล้วก็ยกมือถือขึ้นมาจิ้มๆ
“…หนัก” คุณพี่ช่วยดูความต่างของร่างกายเราสองคนด้วย ไม่ใช่อยู่ๆก็ทิ้งหัวลงมา อีกอย่างหมอนก็มีไม่ใช่เหรอ
“ทนเอาหน่อยดิ ขนาดกูยังทนหนุนตักมึงเลยนะแข็งจะตาย” แน่ะ…เป็นคนมาหนุนแล้วยังมาพูดเดี๋ยวก็ตบหน้าผากสักทีเลย
“หมอนตรงนั้นก็มี พี่ก็ไปใช้อันนั้นดิ” ผมชี้นิ้วไปยังหมอนที่วางอยู่บนเก้าอี้ไม่ไกลจากโซฟามาก
“ขี้เกียจหยิบ…”
“…” เอาตามสบายเลยครับคุณท่าน ไม่สนละหยิบมือถือขึ้นมาส่องโซเชียลหน่อยดีกว่า
“พี่ภูจำไอ้ทีได้มั้ย”
“ลูกน้าจันทร์อะนะ”
“ใช่ๆ ที่มันย้ายไปตอนป.3”
“อือหึ ทำไม”
“ไอ้ทีมันย้ายมาอยู่โรงเรียนชายล้วน แถวๆโรงเรียนฟ้าอะ แถมน้องสาวมันมาอยู่ม.4 โรงเรียนฟ้าด้วย”
“ทำไมอยู่ๆถึงย้ายกลับมาล่ะ ตอนนั้นก็ไปไม่บอกเลยนิ” จะว่าไปผมก็ยังไม่ได้ถามเหตุผลเลยว่าทำไมอยู่ๆมันถึงย้ายกลับมา แต่ตอนที่มันย้ายออกไปตอนนั้นผมเศร้ามากเลยด้วยตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่แล้วอยู่ๆเพื่อนที่สนิทกันย้ายออกไปโดยไม่บอกกันเลยสักคำ ตอนนั้นผมก็อารมณ์ตกไปเป็นอาทิตย์เลยล่ะ
ตื้อดึง
ตายยากจริงๆ…ไอ้ทีหัวข้อการสนทนาทักมาได้จังหวะพอดี
Nathi : วันนี้มึงว่างไหม
NaanFah : ก็ว่างนะ ทำไม
Nathi : ไอ้ไนท์มันจะชวนไปห้าง
NaanFah : ชวนไปห้าง?
Nathi : เออเห็นมันบอกว่ามีจัดงานอะไรสักอย่าง มันบอกให้ชวนมึงไปด้วย
NaanFah : กูไปก็ได้นะ วันนี้กูไม่มีธุระอะไร
ยังไงวันนี้ผมก็วางแผนจะนอนเรื่อยเปื่อยทั้งวันอยู่แล้ว ไหนๆมันก็ชวนไปเที่ยวทั้งทีงั้นไปสักหน่อยก็ได้มั้ง
“พี่ภูเดี๋ยวฟ้าจะไปข้างนอกนะ”
“เอ้าไหนมึงบอกว่าวันนี้มึงจะไม่ออก”
“ไอ้ทีมันพึ่งทักมาชวนไปข้างนอก”
“ไปไหน?”
“ห้างเปิดใหม่ใกล้ๆมหาลัยพี่อะ”
“อ่อตรงนั้นน่ะเหรอ แล้วจะไปกี่โมง”
“ไม่รู้อะ ถามแปป” ผมเปลี่ยนความสนใจจากพี่ชายผมตักไปเป็นโทรศัพท์มือถือแทน
NaanFah : มึงจะไปกี่โมงอะ
Nathi : น่าจะประมาณ 10 โมงมั้ง
“มันบอกว่าประมาณ 10 โมงอะ”
“อือ แล้วตกลงจะให้กูไปส่งไหม” จะว่าไปก็จริงแฮะ ระยะทางจากบ้านไปห้าง ห่างจากระยะทางไปโรงเรียนปกติไม่น่าจะปั่นจักรยานไปไหวแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นก็มีแต่ต้องให้พี่ภูขับรถไปส่งอย่างเดียวแล้วมั้ง
Nathi : จะว่าไปมึงขับรถไม่ได้นิ งั้นให้กูไปรับมึงมะ
เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้าง ไอ้ทีทักมาเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ชวนมาอย่างนี้ก็ต้องตอบรับสิครับรออะไร
NaanFah : จริงดิ
Nathi : เออยังไงกูก็ผ่านหน้าบ้านมึงเหมือนกัน ไว้เดี๋ยวถ้ากูไปถึงเดี๋ยวกูจะทักไปบอก
NaanFah : โอเคร~
“แล้วตกลงมึงจะให้กูไปส่งมั้ยเนี่ย” พี่ภูที่สนิทอยู่บนตักทักขึ้นมาหลังจากเห็นผมไม่ตอบสักที
“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวไอ้ทีมันจะมารับ”
“มันขับรถได้?” พี่ภูเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“มอไซค์ดิ อายุมันยังทำใบขับขี่ไม่ได้เลย”
“เออก็จริง…แล้วมึงไม่เป็นไรเหรอ มึงไม่ชอบใส่หมวกกันน๊อคนิ”
“อือไม่เป็นไรหรอก ของไอ้ทีมันไม่มีบังลมก็ยังพอทนๆใส่ได้แหละ อีกอย่างฟ้าก็เคยให้มันมาส่งหลายครั้งแล้วด้วย”
“งั้นก็ตามใจ” อีกฝ่ายถามแล้วเปลี่ยนไปเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือในมือแทน
ไม่นานนักราชรถมาเกยก็ส่งเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงดับเครื่องในเวลาไม่นานหนัก จังหวะเดียวกันเสียงข้อความเข้าก็ดังเตือนบนหน้าจอมือถือของผม
Nathi : กูมาถึงหน้าบ้านมึงแล้วมึงออกมารับกูหน่อย
NaanFah : ขับมาจอดขนาดนี้แล้วมึงก็เข้ามาเลยดิ
Nathi : กูไม่ได้มาตั้งนาน กูไม่กล้าเข้าอะดิ
ก็จริงของมัน ถ้าเป็นสมัยก่อนผมกับมันเข้าออกบ้านของกันและกันบ่อยๆจนบ้านทั้งสองหลังแทบจะเชื่อมกันเป็นหลังเดียวไปเลยด้วยซ้ำ แต่พอไม่ได้มานานเป็นปีๆแล้วมันจะเกร็งก็ไม่แปลก
NaanFah : เออๆ เดี๋ยวกูออกไปรับก็ได้
“พี่ภูลุกออกไปหน่อย ฟ้าจะออกไปรับไอ้ที”
“ออกไปรับทำไม ก็ให้มันเข้ามาเลยดิ สมัยก่อนก็เข้าออกบ่อยกว่าบ้านมันอีก”
“ก็ไอ้ทีมันไม่ได้มาตั้งหลายปี มันก็เกร็งๆไม่กล้าเข้า พี่ภูลุกได้แล้วฟ้าหนัก” หัวก็ไม่ใช้หนักๆ ทิ้งลงมาได้ ขาผมจะเป็นตะคริวอยู่แล้วเนี่ย ไว้วันหลังต้องเอาคืน
“เออๆ” ร่างสูงกว่าเกินหนึ่งฟุต ค่อยๆยกหัวของตัวเองขึ้นมาพลางทำหน้ามุ่ยเป็นเด็กไปซะได้ ดูอายุตัวเองหน่อยเถอะ ปล่อยขาบางๆของผมให้เป็นอิสระ ผมจึงเดินมุ่งหน้าไปยังประตูเพื่อไปรับไอ้เพื่อนสนิทที่ไม่กล้าเข้ามาในบ้าน
[นที] “มึงจะมาเกรงใจอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนมึงเข้าออกบ้านกูเป็นว่าเล่นเลยนิ” เจ้าของบ้านเปิดประตูออกมารับปุ๊บก็เปิดปากแซวปั๊บ
“ก็ตอนนั้นกูมาบ่อยนิ แต่ตอนนี้กูไม่ได้มาตั้งหลายปี มันก็ต้องมีเกร็งๆกันบ้างเปล่าวะ” ผมไม่ได้มาที่บ้านไอ้ฟ้าตั้งหลายปี อะไรหลายๆอย่างมันก็เปลี่ยนไป ตอนเด็กๆก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอโตแล้วต่อมความเกรงใจมันก็เลยเติบโตขึ้นมาบ้าง
“ฮะๆ เออเข้ามาๆ”
“แล้วนี้พ่อแม่มึงอยู่ปะ” ไม่ได้เจอพ่อแม่ไอ้ฟ้าตั้งนาน ตอนเด็กๆพวกท่านเอ็นดูผมกับไอ้ฟ่างอย่างดีเลย…อะจะว่าไปลืมเอาของฝากมานี้หว่า
“ไม่อะ ไปทำงานต่างจังหวัด” จะว่าไปพ่อแม่มันไม่ค่อยอยู่ติดบ้านมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่เกร็งๆ…
“วันนี้มีแค่พี่ภูที่อยู่บ้าน” …ไม่ล่ะขอถอนคำพูด เกร็งยิ่งกว่าเจอพ่อแม่ไอ้ฟ้าอีก
เจ้าของบ้านเดินนำหน้าพาผมมุ่งไปสู่ห้องนั่งเล่นที่มีร่างสูงที่นั่งบนโซฟาโดยที่มองมาทางพวกผมอยู่
“พี่ภู ไอ้ทีมาแล้วนะ”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ทักทายพี่ชายเจ้าของบ้านตรงหน้า
“อืม” แต่อีกฝ่ายก็ตอบด้วยคำสั้นๆเพียงเท่านั้น
“งั้นเดี๋ยวกูขึ้นไปเปลี่ยนชุดข้างบนก่อนนะ”
“อ้าวมึงไปทั้งชุดนี้ก็ได้นิ” ชุดมันก็ไม่ได้แปลกเท่าไหร่ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวนึง เดี๋ยวนี้มันก็เป็นแฟชั่นปกติแล้วนะ สมัยนี้ไม่ต้องใส่ขายาวก็เดินห้างได้ไม่แปลกแล้ว ถึงผมจะใส่ขายาวมาก็เถอะ ฮะๆ
“มึงอย่าบ้า กางเกงยางยืดเนี่ยนะมึง”
“อ้าวเหรอ กูนึกว่าไม่ใช่ซะอีก” พูดจบผมก็เดินไปจับขอบกางเกงของมันยืดออกมาดู ร่างเล็กกว่าก็พยายามคว้าข้อมือผมไว้ข้างกับจับขอบกางเกงอีกข้าง แต่พอสบโอกาสผมก็เลยปล่อยจนขอบกางเกงดีดกลับไปจนร่างเล็กต้องร้องซี้ดออกมาเบาๆ
“ทำไรของมึงเนี่ย”
“ฮะๆ โทดทีๆ”
“กูไม่สนมึงละ” ว่าจบไอ้ฟ้าก็หมุนตัวเดินขึ้นไปชั้นเปลี่ยนชุดที่ห้องมัน แต่ก็ยังไม่แคล้ว ตะโกนบอกผมว่าไปรอที่ห้องนั่งเล่นก่อนด้วย ไอ้ฟ้ามันชินกับผมแล้วแหละสมัยก่อนผมก็แกล้งมันเล่นๆบ่อย
“เล่นกันสนุกเลยนะ” ชิบหายล่ะ ผมลืมไปว่าตอนนี้ยังมีผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกคนหนึ่ง
“ครับ ผมไม่ได้เจอมันนานก็เลยคิดถึงไปหน่อย” ผมพูดไปขณะเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่อีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นท่านั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟา
“เหรอ…” ผมตรงไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ไม่ห่างจากโซฟามากนัก
บรรยากาศตอนนี้ดำเนินไปอย่างอึดอัด ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วที่ผมไม่ค่อยถูกกับพี่ภูเท่าไหร่ พี่ภูเป็นพวกหวงน้องแบบสุดๆ เวลาผมมาเล่นอะไรกับไอ้ฟ้าก็ชอบจะมาจับตามองดู บางทีผมก็รู้สึกถึงสายตามองแรงจากพี่เขาบ่อยๆ พวกกับนิสัยพี่เขาที่ตอนนั้นรู้สึกจะค่อนข้างเกเรผมก็เลยรู้สึกกลัวๆพี่เขาตามประสาเด็กๆ…เอ๊ะ จะว่าไปตอนแรกพี่เขาก็ไม่ได้หวงไอ้ฟ้าขนาดนั้นนี้ แต่อยู่ๆก็มีช่วงนึงพี่เขาเริ่มประคบประงมไอ้ฟ้าสุดๆ มันเพราะอะไรนะ…
“เป็นไงบ้าง…”
“ครับ…” อยู่ๆบทสนทนาก็เริ่มขึ้นโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมต้องตอบไปตามอัตโนมัติโดยที่หูผมยังฟังคำถามไม่ชัด
“ที่ย้ายกลับมาเนี่ยเป็นยังไงบ้าง ชินรึยังล่ะ”
“ก็ชินแล้วครับ เพราะแต่เดิมผมก็อยู่ที่นี้อยู่แล้วด้วย ก็มีบางทีเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็โอเคอยู่ครับ”
“เหรอ…แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะ”
“อยู่ถัดจากที่นี่ไปประมาณสอง-สามซอยครับ”
“อือ ไว้วันหลังจะแวะไปเยี่ยม จะได้ไปเจอกับน้าจันทร์สักหน่อย”
“อ่อครับ แต่ช่วงนี้พ่อกับแม่ไม่ค่อยอยู่บ้าน” พ่อแม่ของผมกับไอ้ฟ้าทั้งสี่คนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่มหาลัยเดียวกัน ทำงานก็สายงานใกล้ๆกันทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างอยู่บ้านกัน พอมีเวลาว่างคู่หนึ่งอีกคู่หนึ่งก็ต้องออกไปทำงานข้างนอก พวกท่านก็เลยผลัดกันดูแลพวกเราสี่คนไปด้วย
“อ้าวงั้นตอนนี้ก็อยู่กันแค่สองคน”
“ครับ”
“…เหรอ อยู่กันดีๆล่ะ ถ้ามีอะไรก็มาบ้านนี้ได้”
“…ครับ” ดูเหมือนว่าผมจะอคติไปสินะ ไม่ได้เจอกับพี่เขาหลายปี พี่เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว อารมณ์ความคิดอะไรก็มากกว่าพวกผมเยอะเลย ตอนนี้พี่เขาก็ดูจะผ่อนคลายกว่าเมื่อก่อนเยอะน่าดูแฮะ…
“คุยอะไรกันอะ” ฟ้าโผล่มาจากข้างหลังเงียบๆ พลางเอามือทั้งสองจับไหล่ผมไว้ ทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อย
“เดี๋ยวเหอะ อย่าโผล่มาเงียบๆดิ”
“เอาคืนเรื่องเมื้อกี้ไง” ร่างเล็กที่เกาะพนักเก้าอี้อยู่ ยกยิ้มระรื่นไปด้วย
“เออๆ ไปได้ละเดี๋ยวไอ้ไนท์มันบ่น” ผมพูดพลางลุกขึ้นยืน เป็นสัญญาณให้คนตัวเล็กกว่าเตรียมตัวลุกตามมา
“งั้นพี่ภูเดี๋ยวฟ้าไปแล้วนะ”
“อือ ดูแลตัวเองดีๆล่ะ” ร่างสูงเดินเข้ามาลูบหัวน้องชายที่ตัวเล็กกว่าด้วยท่าทางขี้เล่น แฝงด้วยความทะนุถนอม
“โถ่ผมยุ่งหมดเลยอะพี่ภู” ร่างเล็กบ่นก่อนจะหันหนีการขยี้ผมของร่างสูง แล้วมุ่งออกจากห้องนั่งเล่น
“งั้นผมไปแล้วนะครับ”
“เออ ขับดีๆล่ะ” ผมกำลังจะเดินมุ่งออกจากห้องนั่งเล่นไป แต่ก็ต้องหยุดเมื่อร่างสูงกว่าส่งเสียงเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“ครับ…” ผมหันไปยังต้นเสียง ก็ต้องขนลุกซู่เมื่ออีกฝ่ายจะทำปากเป็นประโยคสั้นๆแต่ได้ใจความ…‘ถ้าน้องกูเป็นอะไรไป มึงตาย’พร้อมกับทำท่าปาดคอประกอบ…ครับ
ผมขอถอนคำพูดที่คิดไว้เมื่อห้านาทีที่แล้ว พี่ภูเขาไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยสักนิดเผลอๆจะหนักขึ้นด้วยซ้ำ นี้ผมเคยไปทำกรรมอะไรให้พี่เขารึเปล่าเนี่ย
“พวกมึงกว่าจะมากันนะ” มาถึงก็บ่นเลยนะ
“มึงนั้นแหละจะรีบอะไรขนาดนี้ ห้างพึ่งจะเปิดเองนะเว้ย” ตอนนี้ก็สิบโมงกว่าๆ ห้างพึ่งจะเปิดมาได้ไม่ถึงสิบนาทีเลย ไม่รู้ว่าไอ้ไนท์มันจะรีบอะไรหนักหนา
“อ้าว แล้ววินอะ” ไอ้ฟ้าถามขึ้นมาเมื่อมันเห็นว่าที่รออยู่มีแค่ไอ้ไนท์เท่านั้น
“มันน่าจะตื่นสายแหละ ปกติกว่ามันจะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายแล้ว”
“แล้วตกลงมึงรีบนัดพวกกูมาทำอะไร” ผมทวนถามมันอีกครั้งหลังจากที่โดนไอ้ฟ้าชิงถามคำถามใหม่ไปซะก่อน
“อ่อ วันนี้มันมีงานเทศกาลของหวานนานาชาติ กูก็เลยนัดพวกมึงมาด้วยเพื่อความสบายใจของกู” อ่อ…อย่างนี้นี่เอง
“ความสบายใจ?” ร่างเล็กยังคงทำหน้างงกับคำตอบตอนท้ายของไอ้ไนท์ ไม่เป็นไรมึงเดี๋ยวมึงก็จะรู้คำตอบเองแหละ
“มึงก็เลยลากพวกกูมาตั้งแต่ห้างเปิดเนี่ยนะ”
“เออดิ กูดูแล้วมีร้านดังๆมาเพียบเลย ถ้าไม่รีบมาเดี๋ยวของมันจะหมด โดยเฉพาะเครปป้าเอื่อยคราวนี้ป้ามาเองเลยนะเว้ย” โอ้โห้ขนาดร้านเครปในตำนานยังมา คนคงจะแห่กันมาเยอะชัวส์
จิ้มๆ หือ...
“มีไร” ผมหันไปหาร่างเล็กที่เอานิ้วเรียวๆจิ้มเรียกผมที่แขน
“กูพึ่งรู้ว่าไอ้ไนท์มันชอบของหวานขนาดนี้”
“ก็นะตอนกูรู้ครั้งแรกก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน” ก็เล่นหน้าตามาซะแนวโหดเลย ของหวานเลยไม่เข้ากับลุคมัน ลุคมันเหมาะกับปลอกคอแล้วก็กระดูกมากกว่า ฮะๆ
“นั้นดิกูก็แปลกใจ”
“แต่พอมารู้ว่าบ้านมันทำเรื่องนี้กูก็ไม่แปลกใจเลย”
“บ้านมันทำร้านขนม?”
“อ่อ มะ…” ก่อนที่ผมจะได้พูดตอบ ก็มีแรงดันขึ้นที่หลังของผม
“พวกมึงอย่ามัวแต่คุยกัน เครปป้ากำลังรอกูอยู่” ไอ้ไนท์ดันหลังผมกับฟ้าเข้าห้างไปด้วยแรงมหาศาลอันเนื่องมาจากความว้อนในเครปในตำนาน
“แล้วมันจัดชั้นไหนอะ” ผมหันไปถามไอ้หน้าโหด
“รู้สึกจะชั้นสิบนะ ชั้นที่มีสวนในร่มอะ” ไอ้ไนท์พูดพลางเปิดดูโปสเตอร์งานในโทรศัพท์ของตัวเอง
“งั้นก็ไปขึ้นลิฟต์ตรงนั้นแล้วกัน” ผมชี้ไปยังทิศทางที่ป้ายบอกทางไปยังลิฟต์
“อุ…”
“มีไรเหรอ” ผมหันไปถามไอ้ฟ้าที่อยู่ๆก็ทำเสียงประหลาดออกมา
“ปะ…เปล่า…พวกมึงสองคนขึ้นไปก่อนก็ได้นะ กูกะว่าขึ้นบันไดเลื่อนเดินดูร้านค้าสักหน่อย”
“เดินดูร้านค้า? ห้างพึ่งเปิดเองนะไอ้ฟ้า ร้านส่วนใหญ่ยังไม่เปิดกันหรอก” ร้านค้าในห้างส่วนใหญ่ก็เปิดกันประมาณ 11 โมง ไม่รู้คนตรงหน้าอยากเดินดูอะไรกัน
“อะ…เออ มันก็มีบางร้านที่เปิดอยู่แหละกูอยากดูร้านพวกนั้น”
“แต่ขึ้นลิฟต์มันไวกว่านะ” ผมยังคะยั้นคะยอให้ขึ้นลิฟต์ไปอยู่ดี แต่นี้บันได้เลื่อนบางชั้นยังไม่เปิดด้วยซ้ำ ให้เดินขึ้นบันไดตั้งสิบชั้น อย่างผมกับไอ้ไนท์น่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ไอ้ร่างเล็กที่บอกอยากขึ้นบันไดที่ไม่เลื่อนนี่สิจะไหวเหรอ…ไม่รู้วันนี้มันเป็นอะไรอะเลิทเหรอ?
“พวกมึงอย่าพึ่งเถียงกัน ขึ้นบันไดเลื่อนก็ได้ ไปได้แล้วเร็วๆ” ไอ้ไนท์พูดเร่งขึ้นมา เมื่อเห็นว่าร่างเล็กตรงหน้ายังยืนยันจะขึ้นบันไดเลื่อนอยู่ ทำให้พวกผมต้องเดินขึ้นบันไดไม่เลื่อนขึ้นไปยังชั้นสิบโดยมีไอ้ไนท์คอยเร่งอยู่ตลอดเวลา…เป็นไงล่ะไอ้ฟ้า หอบใหญ่เลยมึง
“ถึงซะที” พวกเราเดินขึ้นมาถึงชั้นสิบด้วยเวลาไม่ถึงสิบนาที ด้วยฝีมือการเร่งของใครบางคนที่ตอนนี้กำลังมองหาร้านเป้าหมายอยู่ ส่วนอีกคนตอนนี้หอบแฮ่กๆ เหมือนลูกหมาเลยดูๆไปแล้วก็น่าเอ็นดูอยู่เหมือนกันนะ
“มึงไหวไหม” ผมหันไปถามลูกหมาน้อยที่กำลังใกล้ตาย
“อะ…อือ…ก็พอไหว” แต่สภาพมึงดูไม่ค่อยไหวเลยนะเพื่อน
“ไปนั่งพักตรงโน้นก่อนไหม” ผมชี้ไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่
“อือ” ผมกับไอ้ฟ้าเดินตรงมาพักตรงโต๊ะที่ว่างอยู่ส่วน ไอ้ไนท์มันกำลังเดินวนสำรวจหาร้านของมันอยู่…อะไรมันจะอยากขนาดนั้น เครปที่ไหนๆก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ
“พวกมึงก็เจอแล้ว รีบไปต่อแถวเหอะ ตอนนี้มีประมาณสิบคิวแล้ว” เชี่ยจริงดิ ห้างพึ่งเปิดมายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมีอยู่สิบคิวแล้ว คนจะเห่ออะไรขนาดน้านนน
“อือ รีบไปต่อดีกว่ามั้ง ป้าเขายิ่งทำช้าอยู่” เดี๋ยวๆ....มึงพื้นตัวไวไปมั้ยไอ้ฟ้า เมื่อกี้มึงพึ่งอยู่ในสภาพร่อแร่นะ
“มึงพักก่อนดีกว่ามั้ย เดี๋ยวกูไปต่อคิวให้”
“ไม่เป็นไรกูอยากไปเลือกใส่เอง นานๆทีกูจะได้กิน เห็นในคลิปแล้วกูอยากกินมาตั้งนานแต่พี่ภูไม่ให้ออกมาซื้อ” ก็แหงล่ะ พี่คนไหนจะปล่อยให้น้องออกมาซื้อเครปตอนกลางค่ำกลางคืนล่ะ บางคิวรอข้ามคืนด้วย โดยเฉพาะอย่างพี่ภูน่ะเหรอ อย่าหวัง
“แล้วมึงไม่ไปด้วยเหรอ” ฟ้าหันมาถามผม
“ไม่ล่ะกูไม่ได้ชอบขนาดนั้น เดี๋ยวกูนั่งเฝ้าที่ให้ พวกมึงไปเถอะ” ตอนนี้รอบข้างก็มีคนทยอยมาจองโต๊ะกันแล้ว ถ้าไม่มีคนเฝ้าไว้เดี๋ยวโดนแย่งที่นั่งไป จะวางของทิ้งไว้ก็ไม่ปลอดภัย ผมนั่งจองเองไปเลยดีกว่าปล่อยให้พวกสาวกเครปไปต่อคิวกัน
“โอเค งั้นเดี๋ยวพวกกูกลับมา”
“เออ”
[น่านฟ้า] “ขนาดมาเช้าแล้วคิวยังเยอะเลยว่ะ”
“ก็แปลว่าของป้าเขาอร่อยจริงไง”
แต่จำนวนคิวมันก็เยอะเกินไปจริงๆ ตอนผมกับไอ้ไนท์เดินมาต่อคิวเพิ่มเป็น 15 คิวแล้ว พอเราต่อแถวปุ๊บมีลูกค้ามาต่อคิวเพิ่มจนผมไปยินแว่วๆแล้วว่าตอนนี้คิวทะลุไปถึง 50 คิวแล้ว พลังของร้านในตำนานน่ากลัวจริงๆ
“น่าเสียดายแทนไอ้ทีมันนะ อุตส่าห์มาถึงทั้งทีน่าจะมาลองกินสักหน่อย” ผมรู้สึกเสียดายแทนเพื่อนสนิทผมจริงๆก็รู้แหละว่ามันไม่ได้อินตามกระแส แต่นานๆทีจะมีโอกาสได้ลองกินก็ควรจะลองสักหน่อยนะ
“ปล่อยมันไปเถอะก็ปกติของมันอยู่แล้ว…จะถึงคิวเราสั่งแล้วนะไอ้ฟ้า”
“อือ” เราเริ่มเคลื่อนเข้าไปใกล้จุดสั่งเมนูเครปแล้ว แต่ขอย้ำว่าแค่สั่งนะครับ ยังต้องรอป้าแกทำอีก แล้วก็ตามชื่อแล้วก็วีรกรรมของป้าเขา อยากรู้จริงๆว่าพวกผมยังต้องรออีกกี่ชั่วโมงเนี่ย
“ค่า เชิญคิวต่อไปสั่งออเดอร์ได้เลยนะคะ” พี่พนักงานเดินมาพร้อมยื่นเมนูมาให้ผมดู
“มึงจะเอาไส้ไรอะ”
“กูยังไม่รู้เลยอะ…มึงมีไรแนะนำมั้ย” ผมกะว่าจะสั่งแยมส้มกับเครื่องอะไรสั่งอย่างที่น่าจะเข้ากัน แต่ไหนๆก็จะได้กินของหายากทั้งที ก็อยากจะลองกินเมนูซิกเนเจอร์ของร้านนี้ดูบ้าง
“งั้นพี่ขอแนะนำเป็นนูเทลล่า ฝอยทองกับกล้วยนะคะ เป็นเมนูขายดีของร้านเลยล่ะค่ะ” พี่พนักงานที่ได้ยินพวกผมก็พูดแนะนำเมนูพลางชี้รูปภาพที่อยู่ในเมนูประกอบไปด้วย
น่ากินเหมือนกันนะดูจากรูปแล้วก็มีนูเทลล่าเยิ้มๆ โป๊ะด้วยฝอยทองพูนๆ ตามด้วยกล้วยฝานใส่ลงไปจนไส้ทะลุ พูดแล้วก็น้ำลายสอ
“งั้นผมเอานูเทลล่า ฝอยทอง กับกล้วยแล้วกันครับ”
“ได้ค่ะ”
“แล้วมึงอะไนท์”
“งั้นกูเอาเหมือนกันก็ได้”
“เอ๊ะ…ค่ะ?” พี่พนักงานทำหน้างงๆ
“ครับ…” ผมทำหน้างงๆตอบกลับพนักงานไป
“อะ…เออ คือว่า เมนูเมื่อกี้เป็นของหวานนะคะ”
“ครับ” ผมก็ยังคงทำท่างงต่อไป แต่คราวนี้คนตอบกลับเป็นไนท์ที่กำลังยืนทำหน้ายิ้มเจื่อนๆตอบกลับไปแบบโคตรจะไร้อารมณ์
“ซะ…ซื้อแล้วไม่รับคืนนะคะ”
“พี่จะจดได้รึยังครับ” ไอ้ไนท์ยิ้มตอบพี่เขาไปด้วยรอยยิ้มที่…โคตรจะเสแสร้งและไม่เป็นมิตรที่สุดที่ผมเคยได้เห็น ผมแค่รู้สึกเฝื่อนๆ แต่สำหรับพี่พนักงานคงเหมือนโดนกดดันอยู่ล่ะมั้ง
“คะ…ค่ะ ขอโทษค่ะ สรุปเป็นนูเทลล่า ฝอยทอง กับกล้วย 2 ที่นะคะ” พี่พนักงานทวนออเดอร์อย่างลนลานก่อนจะรีบเดินไปจดออเดอร์คนอื่นต่อ
“กูพอจะรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมมึงถึงเรียกพวกกูมาด้วย”
“เออ กูโดนแบบนั้นประจำอะ แม่งน่าเบื่อชิบหาย กูรู้ว่าหน้ากูมันไม่เข้ากับของแบบนี้ แต่ไม่ต้องมาตอบย้ำกูขนาดนั้นก็ได้มั้ย” ไอ้เพื่อนใหม่ผมพูดไปพลาง บ่นไปพลาง ทำเอาผมหลุดขำออกมาเป็นระยะ ไม่นึกเลยว่ามันจะโดนแบบนี้บ่อย ถ้าผมโดนแบบมันบ้างคงได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆอะ ลองคิดดูดิ แค่ไปซื้อขนมกลับโดนคนขายกลัว…โคตรฮาเลย โดยเฉพาะเมื่อกี้ ‘ซื้อแล้วไม่รับคืนนะคะ’ ไว้ต้องไปเมาท์ให้ไอ้ทีฟังหน่อยแล้ว
“หืม…ไอ้นี้มัน” สายตาผมไปสะดุดตากับอะไรบางอย่างในเมนู ก่อนที่จะตัดสินใจยกมือเรียกพนักงานกลับมาอีกครั้ง
“พี่ครับๆ”
“ค่ะ?” พนักงานเดินกลับมาโดยที่ผมสังเกตเห็นว่าพี่แกไม่มองหน้าไอ้ไนท์เลย แหงล่ะเจอรอยยิ้มพิฆาตเข้าไป
“ผมขอไอ้นี่กับไอ้นี่ด้วยครับ”
“มึงเอาจริงดิไอ้ฟ้า”
“อือ”
[นที] ช้า…ช้าชิบหายเลย
ตั้งแต่ที่พวกมันสองคนออกไปต่อแถวซื้อเครปนี่ก็ผ่านมาตั้งชั่วโมงกว่าแล้วนะ เครปอะไรจะนานขนาดนั้น ป้าแกไปเก็บวัตถุดิบอยู่หรือไง
ว่าแล้วผมก็เปิดเข้าไปดูรีวิวร้านป้าแกในเว็บออนไลน์สักหน่อยดีกว่า…เชี่ย คิวที่ 7 รอไป 2 ชั่วโมงครึ่ง…โห รอเข้าไป 5 ชั่วโมง รอกันได้ยังไงว่ะ…แล้วนี่พวกมันจะกลับกันมาตอนไหนว่ะเนี่ยผมเลื่อนดูกระทู้รีวิวไปเรื่อยๆ อ่านไปอ่านมาก็เพลินดีเหมือนกันแฮะ บางคนก็รีวิวประสบการณ์การรอเลย บางคนพกหมอนผ้าห่มมาด้วย โหโคตรลงทุนอะ
ถือว่าเป็นการฆ่าเวลาที่ดี เพราะตอนนี้ผมลืมไปเลยว่ากำลังเบื่อกับการรอเพื่อนสองคน แต่แล้วก็มีสัมผัสพร้อมกับเสียงเรียกดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง แถมเป็นสัมผัสที่มาพร้อมกับ…
“เป็นไงมึง รอจนรากงอกเลยดิ” แรงตบอันแรงกล้า…หัวแทบหลุดไอ้ไนท์ ทักดีๆก็ได้มั้ย
“เออ พวกมึงแม่งทำกูรอนานชิบหาย”
“นี้ยังเร็วนะมึง วันนี้ป้าเขามีผู้ช่วยมาด้วย” นี้ชั่วโมงกว่าถือว่าเร็วแล้วเหรอมึง
“ไงล่ะมึง เครปในตำนานของมึง พอใจมะ” ผมแซวถามไอ้เพื่อนจอมว้อนท์ของผม
“เออ นิพพานอะ” จริงดิพูดเป็นเล่น
“งั้นมึงก็ลองดิ”
“มึงจะแบ่งให้กู”
“เรื่องไรล่ะ กูอุตส่าห์ไปต่อ” แล้วคุณมึงจะบอกให้กูลองอะไรล่ะ เครปอากาศเหรอ…
“เอ้า…” พริบตานั้นก็มีมือเล็กๆยื่นมาให้ตรงหน้าพร้อมกับเครปอีกชิ้นหนึ่ง
“…”
“เอาไปดิ” ร่างเล็กพูดขึ้นพลางสะบัดเครปขึ้นลง
“อะ…อือ แต่ของมึงอะ” ผมถามไปตามความจริง ไอ้ฟ้าอุตส่าห์ไปต่อมาอยู่ๆก็ยื่นมาให้ผมซะงั้น เหมือนผมไปขู่เอามาจากมันอะ
“ตามึงอยู่ไหน ของกูก็อยู่นี้ไง” เออว่ะ…ในมือมันอีกข้างยังมีเครปอีกชิ้น ดูท่าผมจะเบลอไปหน่อย
ผมรับเครปมาจากร่างเล็ก สำรวจเครปในมือตัวเอง มันไม่ได้พูนด้วยกล้วยกับฝอยทองเหมือนพวกมันทั้งคู่ ไส้อะไรว่ะ หรือว่าไอ้ฟ้ามันจะแกล้ง ไม่หรอกมั้ง ผมตัดสินใจกัดลงไปเต็มๆคำ
“เชี่ย อร่อยสัส” ผมไม่ได้โม้นะ แป้งเครปกรอบๆมันเข้ากับไส้ข้างในมากเลย
“ใช่มั้ยล่ะมึง” ไอ้ไนท์กับไอ้ฟ้ามองหน้ากันเหมือนผู้ชนะเลย เออกูยอมก็ได้ กูยอมบอกว่าอร่อยก็ได้ ชิเสียฟอร์มหมด
หือ…จะว่าไปรสแบบนี้นี่มัน
“…นี่มึงจำไส้ที่กูชอบได้ด้วยเหรอ” ใบหน้าผมมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาเล็กน้อย
“ต้องจำได้ดิ ไส้ประหลาดแบบนี้มีมึงคนเดียวแหละที่กิน ไส้แยมสตรอเบอร์รี่กับพริกเผาเนี่ย”
“อร่อยออกนะมึง ลองปะ”
“พอเลยมึง กูไม่ชอบแบบนั้นนี้หว่า”
“ฮะๆ” ถ้าเกิดว่าตอนเด็กๆผมไม่เคยสั่งแบบนี้ผมก็คงไม่คิดจะสั่งหรอก มันดูโคตรจะไม่เข้ากันเลย แต่ด้วยความที่ตอนนั้นผมยังเด็กมากๆไง ผมก็เห็นพริกเผาแล้วนึกว่าเป็นเยลลี่สตรอเบอร์รี่อะ…ขนาดแม่ค้าถามแล้วนะ ผมยังยืนยันจะเอาให้ได้ ผลสุดท้ายเลยออกมาเป็นไส้ที่น่าเหลือเชื่อ แต่ที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือมันดันอร่อยด้วยเว้ยยย ตั้งแต่นั้นมามันเลยเป็นไส้ประจำที่ดูท่าจะมีแค่ผมเท่านั้นที่สั่ง ฮะๆ ส่วนพวกไอ้ฟ้าก็ต้องงุนงงๆในรสชาติต่อไป มึงต้องลองเว้ยไอ้ฟ้า
ผมค่อยๆจัดการเครปไส้โปรดตรงหน้า ตอนนี้อารมณ์ผมมีความสุขมาก ไม่ใช่แค่ความสุขจากการได้กินเครปรสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ผมมีความสุขมากที่ไอ้ฟ้ามันจำได้ว่าผมชอบไส้นี้ แถมยังสั่งมาให้ผมเองซะด้วย หุบยิ้มไม่ได้เลย ไม่คิดเลยว่ามันยังจำได้อยู่ หึหึ มีความสุขว่ะที่มันยังจำได้อยู่
*****************************************************************************************************************************
❤ Update Profiles ❤
*****************************************************************************************************************************
นภดล (น่านฟ้า)อายุ : 17
ส่วนสูง : 155 cm
น้ำหนัก : 43 kg
วันเกิด : ???
อาหารที่ชอบกิน : ส้ม, ของเปรี้ยวหวาน
อาหารที่เกลียด : ???
สิ่งที่ชอบ : ???
งานอดิเรก : ???
ความสามารถ : เย็บปักถักร้อย
สถานะ : เพื่อนสนิท
ศศิน (นที)อายุ : 17
ส่วนสูง : 182 cm
น้ำหนัก : 70 kg
วันเกิด : ???
อาหารที่ชอบกิน : เครปไส้แยมสตอเบอร์รี่และพริกเผาอาหารที่เกลียด : ???
สิ่งที่ชอบ : ???
งานอดิเรก : ???
สถานะ : เพื่อนสนิท
*เป็นไส้เครปที่ขอสารภาพว่าเป็นการเข้ากันอย่างงุนงงจริงๆ (สารภาพจากใจเลย ฮะๆ) แต่อร่อยนะต้องลอง