ตอนที่ 8
แยกห้องนอน
“รูปพวกนั้นไม่มีอะไรจริงๆ นะวา เชื่อใจผมสิครับ”
สำนักข่าวไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ เพิ่งจะกดส่งไปไม่ถึงชั่วโมง ภาพถ่ายก็กระจายว่อนโลกโซเชียล ลับหลังพี่นทีกลับไปไม่ทันไรตวันก็เข้ามาอธิบายหน้าตาตื่นประหนึ่งพระเอกถูกใส่ร้าย
ผมมองอดีตคนรักอย่างตัดพ้อ แต่ในใจไร้เยื่อใย
“วา...”
ตวันตะลึงเพราะจู่ๆ ผมก็หลั่งน้ำตาออกมา แม่งเอ๊ย ดีนะที่ก่อนออกไปพี่นทีล็อกประตูให้ด้วยความเคยชิน ผมเลยมีเวลาหยอดน้ำตาเทียม!
“ถ้าแค่รูปเดียว...วาก็คงจะเชื่อ แต่รูปหลุดพวกนั้นมีเป็นสิบรูปเลยนะ แถมแต่ละรูปยังไม่ซ้ำวันกันด้วย ตวันสนิทกับพาฝันขนาดนัดเจอเธอที่ร้านอาหารบ่อยกว่ามารับวาไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันอีก”
ตวันอึกอักประหนึ่งโดนหมัดตรงต่อยเข้าให้ที่ลิ้นปี่ เพราะถ้าย้อนไปก่อนผมจะเหยียบย่างเข้ามาในบริษัท ตวันปล่อยให้ผมกินข้าวเที่ยงคนเดียวในวันธรรมดาถึงหนึ่งปีเต็มๆ!
น่าเศร้าที่น้ำตาเทียมทำให้ผมมีน้ำตาแค่สองสามหยดเท่านั้น พูดจบผมเลยยกมือปิดหน้าเหมือนไม่อยากให้ตวันเห็น ตัวสั่นน้อยๆ คล้ายสะอื้นไห้
ตีบทแตกชะมัดนาวาเอ๊ย ผมชมตัวเอง ขณะรู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่ค่อยๆ โอบกอดอย่างสำนึกผิด
“ขอโทษนะครับ ช่วงหลังมานี้...ผมละเลยวาจริงๆ”
ผมลอบกลอกตาอย่างเซ็งจิต
“แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว วาให้โอกาสผมนะครับ ตลอดสองเดือนมานี้ผมก็ดูแลวาอย่างดีไม่ใช่เหรอ ส่วนพาฝัน ผมเลี้ยงข้าวเธอเป็นการขอบคุณเรื่องงานเท่านั้น อย่าคิดมากเลยนะ”
“วาไม่อยากคิดมาก แต่ก็ห้ามความคิดตัวเองไม่ได้”
“วา...”
“เราแยกห้องนอนกันเถอะ”
“วา!”
“ช่วงที่ตวันกลับบ้านดึกบ่อยๆ ก็ขอแยกห้องนอนเพราะไม่อยากทำวาสะดุ้งตื่นไม่ใช่เหรอ อย่าทำเหมือนพวกเราไม่เคยทำเลย ตอนนี้...วายังปรับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่อยากพาลใส่ตวัน ถ้าต้องทะเลาะกันแล้วแย่กว่าเดิมงั้นเราแยกห้องนอนกันดีกว่า ให้เวลาวาได้คิดอะไรเงียบๆ คนเดียวเผื่อทุกอย่างจะดีขึ้น”
“ถ้าวายืนยันอย่างนั้น...” ตวันหน้าเจื่อนลงทันที ไม่บอกก็คงรู้กันใช่มั้ยว่าเป็นเพราะมีชนักติดหลัง เขาเคยทำมาก่อน ทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้
ช่วงที่เขาขอแยกห้องถ้าเทียบกับในอัลบั้มของศศินคือเวลาเดียวกับที่ตวันแวะห้องพาฝันหลายชั่วโมง แม้ไม่มีหลักฐาน แต่ก็คาดเดาได้ว่าพวกเขาน่าจะสานสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขั้นขึ้นเตียงกันพอดี คงจะติดใจมากสินะ ถึงได้รังเกียจไม่อยากนอนกอดผม!
“แต่วาไม่ใช่คนแยกห้องหรอกนะ” ผมเงยหน้าสบตาอดีตคนรัก “คนที่ต้องเก็บของแยกออกไป...คือตวัน ไม่ใช่วา!”
ภาพของตวันที่เมียงมองอยากขอกลับมานอนด้วยแต่โดนผมเมินเป็นอะไรที่สะใจมาก
เพราะพวกเราย้ายมาอยู่คอนโดฯ นี้ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันเลยมีห้องนอนสองห้องแต่แรก พอเขยิบสถานะเป็นแฟน ห้องนอนของตวันซึ่งเล็กกว่าห้องของผมก็กลายเป็นห้องเก็บของแทน นานครั้งตวันจะลุกขึ้นมาทำความสะอาด
นี่ก็เข้าวันที่ห้าแล้ว ตวันพยายามง้อทุกวิธีทางจนแทบหงอย เพราะปกติผมหายโกรธง่าย แค่เขาพูดดี ทำดีเข้าหน่อยก็ยิ้มร่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะผมขี้เกียจคิดเยอะไง ถ้าสะสางปัญหาได้เร็วก็จะได้รีบๆ โยนทิ้ง ไม่เอากลับมาพูดซ้ำให้เสียเวลาและเสียพื้นที่สมอง
ผมกลิ้งจากสุดเตียงริมขวา ไปถึงสุดเตียงริมซ้าย รู้สึกสบายใจชะมัดเมื่อได้ห้องตัวเองคืน!
พอกันทีกับการนอนรอห่วงเขาจะกลับมากี่โมง จะไปงานเลี้ยงแล้วดื่มเหล้าจนขับรถไม่ไหว นับแต่นี้ผมจะตัดตวันออกไป! ใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องยึดเขาเป็นที่ตั้งสักที!
นึกแล้วผมก็ตั้งนาฬิกาปลุกสามเรือนตรงหัวเตียง...พอไม่มีตวันนอนข้างกาย ผมก็ต้องพยายามตื่นเองให้ได้ สามเรือนไม่พอต้องตั้งเวลาในโทรศัพท์ด้วย เพลียกับความขี้เซาของตัวเองจริงๆ
วันแรกที่แยกห้องนอน ผมหลวมตัวนอนจนสายโด่ง ตวันใช้กุญแจสำรองไขเข้ามา ถือโอกาสกดจูบบนหน้าผาก มองด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู คอยลูบศีรษะจนตอนนี้ยังสยิวไปถึงแผ่นหลัง
วันต่อมาผมรีบเรียกช่างคอนโดฯ มาเปลี่ยนกลอนประตูใหม่ ตวันจะได้ใช้กุญแจสำรองไม่ได้ ผลคือวันนั้นเขาเคาะประตูเรียกจนมือแดง ก่อนจะโทรศัพท์มาปลุกผมจนสะดุ้งตื่นทำหน้ามึน
วันที่สามผมซื้อนาฬิกาปลุกมาเพิ่ม ปรากฏว่าโดนผมถีบตกโต๊ะข้างเตียงจนดับดิ้น ร้อนให้ตวันต้องโทรมาปลุกอีกครั้ง ผมไม่อยากให้เขาฉวยโอกาสทำคะแนนขอคืนดีเลยไปซื้อนาฬิกาปลุกที่แข็งแรงดุจเหล็กกล้าแบบมีหูหิ้วสำหรับตั้งโต๊ะ มาตอกตะปูยึดส่วนหูหิ้วนั้นให้ติดกับผนังห้องซะเลย
ผลคือวันที่สี่ผมถีบนาฬิกาไม่ไป แต่ความเพลียสะสมทำให้ผมนอนท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงดัง ตวันโทรเข้ามาก็โดนกลบ กว่าจะทนไม่ไหวจนตื่นเองก็หลังจากนั้นร่วมสิบห้านาที...
ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วเลยไปซื้อนาฬิกาปลุกมาเพิ่ม เผื่อเสียงตีกันเองจนรำคาญแล้วจะตื่น ตอนผมโทรสั่งนาฬิกามาส่งที่บริษัท ตวันมองมาทั้งรอยยิ้มขัน บอกว่าให้เขาไปนอนด้วยก็จบแล้ว
จบกะผีน่ะสิ!
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านึกอุตริอะไร ตอนศศินส่งข้อความมารายงานเรื่องของตวันกับพาฝัน ผมเลยบ่นเรื่องนี้ไป อาจเพราะสายตาที่เขามองมาในวันนั้นทำให้รู้สึกสนิทใจขึ้น แม้เป็นคนรักไม่ได้ เป็นเพื่อนกันก็พอไหว เพื่อนน่ะดีกว่าแฟนเยอะ ทะเลาะกันจนเส้นสมองแทบแตก เกลียดขี้หน้าจนอยากจะไล่ไปพ้นๆ ก็ยอมทนๆ คบได้
แต่ถ้าเป็นคนรักน่ะเหรอ
ขนาดจะมองหน้ายังทนมองไม่ติด!
ศศินเลยส่งไฟล์เสียงมาให้ผม บอกว่าเป็นเพลงปลุกที่ได้ผลดีมาก แต่ห้ามเปิดฟังก่อนนะ ไม่งั้นจะชินหูแล้วตอนเช้าจะไม่ตื่น ไอ้เราแม้จะสงสัยแทบตาย แต่เพราะปัญหาหนักอกเลยยอมฟัง เพื่อความชัวร์ผมจึงตั้งนาฬิกาปลุกหลังเสียงปลุกของศศินให้ห่างกันเครื่องละสามนาที เผื่อว่าไม่ตื่นจริงๆ จะได้มีแผนสำรอง
พูดถึงพาฝัน...เกือบลืมเล่าเลยว่าเธอออกมาแถลงข่าวแล้ว
หลังภาพหลุด ตวันก็รีบมาแก้ตัวกับผมปั๊บ พาฝันเองที่โดนโยนข้อหามือที่สามระหว่างคู่รักไฮโซซึ่งสวีตหวานจนน่าอิจฉาก็ไม่รอช้า ออกสื่อรีบอธิบายว่าการนัดพบกันของเธอและตวันเพื่อปรึกษางานเท่านั้น ความสัมพันธ์คือเพื่อนร่วมงานและเพื่อนปรึกษาปัญหาหัวใจ
ไม่รู้ว่าโดนตวันย้ำมารึเปล่า แต่พาฝันพูดคล้ายท่องสคริปต์ แม้ปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม บอกว่าเธอช่วยให้คำแนะนำตวันเกี่ยวกับเรื่องของผมหลายอย่าง จากมือที่สามกลายเป็นที่ปรึกษาความรัก ข้อหานั้นจึงตกลงไปอย่างรวดเร็ว
ดีแล้ว ยิ่งเธอแก้ตัวได้หมดจดมากเท่าไหร่ แผนการต่อจากนี้ก็ยิ่งได้ผลทบทวี!
ผมหัวเราะลั่นขณะกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง เล่นโทรศัพท์เช็กข่าวสารอีกเล็กน้อย ก่อนจะนอนหลับแบบกางแขนกางขา ไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอไปเตะโดนใครหรือถูกรวบเข้าไปกอด
“วา นอนรึยังครับ”
ก่อนจะสะดุ้งเมื่อตวันเคาะประตูเรียก
“นอนเคลิ้มๆ จนตวันมานั่นแหละ!”
“งั้น...ราตรีสวัสดิ์นะครับ” เป็นอีกวันที่ขอนอนด้วยไม่สำเร็จ น้ำเสียงตวันเจื่อนลงเพราะดันมาง้อไม่ถูกจังหวะ
ถ้าเป็นแต่ก่อน ไม่ว่าผมจะทำอะไรอยู่ก็พร้อมจะเปิดประตูให้ตวันทั้งนั้น แม้เขาจะโอ๋ผมหนัก แต่ผมก็ยอมให้เขาเยอะพอตัว ถือซะว่าเสมอกัน ไม่มีใครติดค้างใคร
ลุ้นก็แต่พรุ่งนี้ผมจะตื่นเองโดยตวันไม่ต้องเคาะประตูรึเปล่าเนี่ยสิ เห็นมือแดงๆ ของเขาแล้วถึงจะไม่ผูกพัน แต่ผมรู้สึกไม่ดี ถ้าเลือกได้ก็อยากจะตัดขาดแบบไม่ต้องมาติดค้างบุญคุณกันอีกเลย!
...คืนนั้นผมหลับสนิท
อาจเพราะเหนื่อยสะสมจากงานที่เริ่มมีโปรเจ็กต์พิเศษจากลูกค้าร้องเรียกให้ผมช่วยออกแบบเครื่องประดับให้ ทั้งที่ผมไม่ใช่นักออกแบบมืออาชีพที่สมองแล่นฉิวตามใบสั่ง ผลคือต้องระดมสมองกับทีมงาน เพราะไอเดียผมเป็นพวกแวบผ่านมาแล้วผ่านไป ใช่ว่าองค์ประทับมันซะทุกครั้งสักหน่อย
ยามเจ็ดโมงตรง ผมกลิ้งตัวจากสุดเตียงฝั่งซ้ายมาซุกหน้ากับหมอนนุ่มนิ่มทางฝั่งขวา ผ้าห่มนวมครึ่งหนึ่งถูกขยำเป็นก้อนขยุกขยุยในอ้อมกอด ช่วงเวลาแสนสุขนั้น...
[ที่รักจ๋า เช้าแล้วนะ ถ้าไม่ตื่น ฉันจะจูบนะ]
เชี่ย!!
ผมสะดุ้งโหยง ลืมตาตื่นจากนิทราหวานในทันควัน ตื่นแบบไม่มีความง่วงงุนหลงเหลือแม้แต่นิดเดียวด้วย ผมใช้พลังทั้งหมดที่มีในการตะกายตัวไปกดปิดโปรแกรมปลุกในโทรศัพท์ก่อนที่เสียงของศศินจะดังซ้ำอีกครั้ง
ก่อนจะนั่งจ๋องบนเตียงแบบตาค้างไม่หาย
...วิธีเวรตะไลแบบนี้แม้ได้ผลดี แต่ไม่อยากได้ยินอีกแล้วโว้ย!
“เป็นไงครับ วันนี้ตื่นสายรึเปล่า”
ผมถลึงตาใส่ศศินขณะจิบโกโก้ดับอารมณ์ เล่นเอาลิ้นแทบพองเพราะยังร้อนอยู่
ศศินรีบส่งกระดาษทิชชูให้ทันที แต่ผมไม่รับ ใช้ผ้าเช็ดปาดซึ่งพับเรียบร้อยบนตักขึ้นซับแทน ตวันนัดพาฝันมาคุยเรื่องงานได้ ทำไมผมจะนัดศศินบ้างไม่ได้ ที่สำคัญพวกเราคุยเรื่องงานจริงๆ ไม่ใช่แค่ข้ออ้างด้วย เพราะหนึ่งในลูกค้าตัวดีที่ยืนยันนอนยันจะให้ผมออกแบบเครื่องประดับให้ได้นั้นแบบทุ่มเงินไม่อั้นก็คือผู้ชายคนนี้เอง
เขาระบุชัดห้ามให้ทีมงานคนอื่นช่วย ต้องเป็นไอเดียผมเพียวๆ ต่อให้ไม่สวยก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเขาก็ดูไม่ออกอยู่แล้ว
คุณครับ ในฐานะเจ้าของดาราลัยจิวเวลรี่นี่โคตรเหมือนโดนดูถูกเลย!
ถึงศศินจะไม่ถือสา แต่ผมปล่อยผลงานออกมาลวกๆ ไม่ได้อยู่แล้ว มันเป็นจรรยาบรรณและศักดิ์ศรีของผมเอง
ศศินเป็นพวกเดียวกับพี่นที
มีตา แต่ดันแยกความสวยงามไม่ออก!
“เราคุยเรื่องงานกันดีกว่ามั้ยครับ”
เพื่อความปลอดภัยและบริสุทธิ์ใจ ผมนัดศศินที่ห้องอาหารวีไอพีในโรงแรมของพี่นที ถ้าไม่นับบอดี้การ์ดสองคนซึ่งมักประกบติดศศินเสมอก็มีบริกรที่พี่นทีส่งมาอำนวยสะดวกด้วย ความจริงนัดที่บริษัทก็ได้ แต่เพราะลูกค้าส่วนใหญ่กระเป๋าหนัก เมื่อสั่งซื้อเครื่องเพชรราคาแพงย่อมมีบริการที่ดีจึงเป็นปกติมากที่พนักงานจะเป็นคนติดต่อประสานงานให้ตามแต่ลูกค้าจะนัดหมาย การเลี้ยงเครื่องดื่ม ขนมกินเล่น หรืออาหารสักมื้อก็รวมอยู่ในงบ
“แหม ที่รักพูดสุภาพด้วย ฟังแล้วเพราะเสนาะหูจังเลย”
“ก็คุณเป็นลูกค้า” ผมกัดฟันตอบ แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวชัดเจน “ผมออกแบบเข็มกลัดไว้สามแบบ คุณลองดู”
ผมเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อให้เขาดูรายละเอียดที่ได้ทีมงานช่วยขึ้นโมเดลให้หมุนดูแบบสามร้อยหกสิบองศา ศศินต้องการเข็มกลัดสำหรับติดสูทออกงาน เน้นดีไซน์เรียบๆ ที่บ่งบอกความเป็นตัวเขาเอง ไม่ว่าเปล่ายังแนบประวัติส่วนตัวทั้งของกินที่ชอบและคนที่ชอบแบบอธิบายลักษณะคร่าวๆ สามบรรทัดถ้าคนอื่นอ่านอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าผมอ่าน...
แจ่มแจ้งว่าเขาหมายถึงนาวา ดาราลัย!
ผมมองเมินประโยคหลัง อิงความหมายของชื่อศศินซึ่งแปลว่าพระจันทร์ออกแบบเข็มกลัดทรงจันทร์เสี้ยว แน่นอนว่าคนอย่างนาวาย่อมไม่มาแค่ทรงโค้งเรียบๆ อยู่แล้ว แบบแรกคือจันทร์เสี้ยวฝังเพชรโดยตรงกลางมีตัวเอสเว้าเข้ามาเป็นตัวอักษรสะบัดคล้ายลายน้ำกึ่งลายเซ็นเก๋ๆ เชื่อมไปยังส่วนเข็มสำหรับติดเสื้อ เหมาะสำหรับเจรจาธุรกิจ แบบที่สองคือจันทร์เสี้ยวที่ส่วนปลายโค้งม้วนเข้าหาคล้ายคลื่นน้ำ ไล่เฉดสีจากไร้สี ฟ้าใส และน้ำเงินเข้ม เหมาะสำหรับงานสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูง และจันทร์เสี้ยวทรงกลวงประดับเพชรตามขอบโดยมีเกลียวคลื่นด้านในคล้ายตัวเอสเกาะเกี่ยวกัน เหมาะสำหรับทุกโอกาส
“...สวยมาก”
ความภูมิใจของผมคือการให้คนแยกแยะเครื่องประดับว่าต่างกันยังไงให้ออกปากว่าสวยเนี่ยแหละ!
เชื่อว่าแม้ปากจะพูดว่าอะไรก็ได้ แต่ศศินก็แอบคาดหวังไม่น้อย เมื่อผลออกมาเกินคาดผมเลยยืดมาก อารมณ์ดีขึ้นทันตา อธิบายถึงที่มาที่ไปและไอเดียของเข็มกลัดทั้งสามแบบ เขาตั้งใจฟังอย่างดี ก่อนจะสรุปจบท้ายด้วยรอยยิ้มพริ้มพรายว่า...
“ฉันเอาทั้งหมด”
ผมอธิบายแทบหอบ เปรียบเทียบของดีข้อเสียและการใช้งานในแต่ละโอกาส ความแตกต่างของเพชรที่ใช้ ระบุละเอียดถึงขนาดกี่กะรัตน้ำหนักกี่กรัม ถ้าจะเอาหมดแต่แรกก็ไม่เห็นต้องให้พูดจนคอแห้งเลยนี่!
ผมจิบโกโก้ที่เริ่มเย็นดับกระหาย แอบส่งสายตาเคืองๆ ให้ศศิน ก่อนจะรีบสรุปงาน เพราะยังไงมียอดขายเพิ่มขึ้นก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
“จบเรื่องงานแล้ว งั้นคุยเรื่องส่วนตัวกันดีกว่า สรุปแล้วเมื่อเช้าตื่นสายมั้ยจ๊ะที่รัก”
ผมยกนิ้วกลางให้เขาเป็นคำตอบ นึกแล้วบัดซบมาก เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากศศิน
“หรือที่รักมีวิธีที่ดีกว่านี้ล่ะ?”
เวรละ ไม่มีจริงๆ ซะด้วย
“ฉันจะลองหาวิธีอื่นดูก่อน”
“ว้า เสียดายจัง”
ผมโคลงศีรษะอย่างขอไปที คนที่ตามจีบแฟนชาวบ้านมาเจ็ดปีเต็มนับว่ามีเกียรติให้เคารพด้วยรึไง
แต่ถ้านับในแง่ความจริงใจ ต้องยอมรับว่าศศินเป็นเพื่อนที่คบได้
น่าเศร้าเหลือเกินนาวาเอ๋ย แทบทั้งชีวิตผมเกาะติดกับตวันตลอด ไม่มีเพื่อนสนิทเลย พอจะสลัดตวันทิ้ง คนที่เหลืออยู่ก็ดันเป็นศศินซะงั้น
“ต่อไปก็เรื่องของ...ไอ้ตวัน”
เมื่อก่อนเวลาคนรักของผมโดนเรียกแบบนี้ ผมโคตรอยากกระโดดถีบศศิน แต่ตอนนี้เหรอ จิบโกโก้สบายอุรา เลิกคิ้วถามเป็นเชิงว่ายังมีความจริงอะไรที่ผมควรจะรู้อีกรึไง
“ดูเหมือนว่าเมื่อสองวันก่อนไอ้ตวันจะตัดสินใจบอกเลิกพาฝันแล้วนะ”
ผมแทบสำลักโกโก้
“ดูเหมือน!?”
“ใช่ครับผม” ศศินยักคิ้วหลิ่วตาแบบทีเล่นทีจริง “พาฝันเก็บตัวตั้งแต่หลังทั้งคู่นัดพบกันลับๆ ที่คอนโดฯ ของเธอเอง และนี่คือภาพล่าสุดของเธอที่กองถ่ายแบบเมื่อวาน”
ศศินวางรูปถ่ายใบหนึ่งบนโต๊ะ แน่นอนว่าเป็นภาพแอบถ่ายเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือใต้ตาพาฝันบวมมาก
เหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน
“แค่นี้พิสูจน์คำพูดนายไม่ได้หรอกนะ”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าที่รักจะพูดแบบนี้ เลยให้คนแสร้งเดินชนพาฝันที่กำลังใจลอยแอบใส่เครื่องดักฟังในกระเป๋าของเธอ...” ศศินพูดหน้าตาเฉยทั้งที่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล ส่วนผมน่ะเหรอ...รับหูฟังมาใส่แบบโยนมโนสำนึกทิ้ง!
[เราต้องคุยกันอีกครั้งนะคะตวัน]
ศศินขยับปาก อธิบายว่านี่เป็นเสียงที่อัดได้ตอนพาฝันคุยโทรศัพท์ ฉะนั้นอย่าแปลกใจหากได้ยินเธอพูดคนเดียว
[ฝันผิดตรงไหน พวกเราสู้ด้วยกันมาตลอด คุณจะทิ้งฝันไว้แบบนี้ไม่ได้ คุณลืมไปแล้วเหรอ วันที่คุณทดท้อสิ้นหวังทำงานโชว์ไม่ได้ คนที่ช่วยคุณก็คือฝันนะ!]
ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะเหยียดยิ้ม ถ้าพาฝันช่วยให้ตวันจัดงานแฟชั่นโชว์สำเร็จโดยอิงจากไอเดียของผมไปประยุกต์ให้ยิ่งสมบูรณ์แบบ งั้นคนที่มอบบริษัทและหุ้นให้ตวันอย่างผมล่ะคืออะไร อย่าให้ลำเลิกบุญคุณเลย ตวันน่ะถูกครอบครัวผมอุปถัมภ์ค้ำชูมากแค่ไหนให้นับนิ้วยังไงก็นับไม่ไหว!
แล้วพาฝันถือสิทธิ์อะไรมาเทียบนาวา ดาราลัย!
[ฝันขอโทษที่คิดทำลายงาน แต่คุณไม่เห็นต้องโกรธขนาดนี้เลย...ฝันสัญญาว่าจะอยู่เงียบๆ เราแอบคบกันเหมือนเดิม มาเจอกันบ้าง กินข้าวด้วยกันบ้าง ฝันขอแค่นี้นะตวัน...]
ช่างเป็นผู้หญิงหวังน้อยจนน่าหัวร่อ ผมไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างพาฝันกับตวันรักกันมากแค่ไหน แต่คงไม่มากพอแน่ ตวันนะตวัน ช่างเป็นผู้ชายที่ได้รับความรักล้นเหลือ ได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่เด็กจนโต แต่ไม่เคยให้ค่าความรักอย่างที่ได้รับเลย
ผมถอดหูฟังออก เมื่อรู้คำตอบที่ต้องการก็เสนียดหูเกินจะฟัง
“ที่รักจะเอาไงต่อ”
น่าแปลก เพราะศศินไม่ยักจะยิ้มยียวน แต่ออกจะลุ้นๆ กับการตัดสินใจของผมมาก
“เอาไงต่อ? ก็แฉต่อน่ะสิ!”
ศศินถอนหายใจเฮือกแบบไม่คิดปิดบังความกังวลสักนิด
“กินยาผิดมารึไง” ผมเลิกคิ้วกับสีหน้าตึงเครียดประหลาดๆ ของเขาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“โธ่ ที่รัก ฉันกลัวว่าถ้าตวันตัดขาดกับพาฝัน ที่รักจะใจอ่อนยอมกลับไปคบกับมันต่อนี่”
ผมแค่นหัวเราะ คนอย่างนาวา ดาราลัย ยอมโง่ครั้งเดียวพอ ไม่โง่ซ้ำโง่ซ้อนหรอกโว้ย!
“ที่รักจะไม่ให้โอกาสไอ้ตวันจริงเหรอ”
“เซ้าซี้ชะมัด สรุปนายอยากให้ฉันเลิกหรือกลับไปคบกันแน่?”
“ก็ต้องอยากให้เลิกอยู่แล้ว” ศศินย้ำเสียงหนักแน่น พยักหน้ายืนยันอีกต่อ
“ถึงจะเป็นการนอกใจครั้งแรก แต่ตวันแอบคบกับพาฝันเป็นปี...ฉันโดนนอกใจเป็นปี! ต่อให้กลับตัวกลับใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ถ้าเขาอยากได้โอกาส ต้องรู้ตัวแต่แรกตั้งแต่ฉันถามเมื่อสองเดือนก่อน ไม่ใช่รอให้ฉันขอแยกห้องนอนแล้วเพิ่งสำนึก!”
พูดแล้วก็แค้น ถ้าตวันคิดว่าขอเลิกกับพาฝันแล้วเรื่องจะจบก็คิดน้อยไปแล้ว
ยิ่งเขาทำแบบนี้ผมยิ่งรังเกียจ เพราะเท่ากับว่าเขาเลือกทิ้งพาฝันแล้วมาง้อผม เหมือนคนไม่เคยทำความผิด หวังฝังกลบเงียบๆ ให้เป็นแค่อดีต ราวกับว่าความสัมพันธ์ลึกซึ้งบนเตียงนั่นไม่เคยเกิดขึ้น...
ไม่เคยกะผีน่ะสิ!! ผมเปิดโน้ตบุ๊กที่ปิดไปแล้วหลังเสนองานกับศศินขึ้นมาเปิดอีกครั้ง ล็อกอินเข้าระบบด้วยตัวตนใหม่ ก่อนจะกดอีเมลฉบับร่างซึ่งมีรูปถ่ายกอดจูบของตวันและพาฝันนับสิบรูปส่งให้สำนักข่าวเจ้าเก่าเจ้าเดิม
เพิ่มเติมคือส่งไปหาตวันด้วย
อยากรู้ชะมัดครั้งนี้จะแก้ตัวยังไง!!
------------------------------
เมื่อวานหนีไปดูหนังมาค่ะ แฮะๆ และขอแจ้งข่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะอัพวันเวันวันทุกหนึ่งทุ่มน้า หากมีเลทหรืออะไรจะแจ้งในทวิต อัพรอรูปเล่มนิดนึงค่า
และในตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาปิดจ็อบแผนลับสลัดแฟนเก่าแล้วค่ะ โฮะๆๆ
ตาหนูนาวาจะได้เล่นบทผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารแล้วทวงคืนบริษัทอย่างสวยๆ สักที ปล่อยให้ตวันกับพาฝันออกมาแก้ต่างแล้วค่อยปล่อยหลักฐานตลบหลังอย่างนี้ก็ร้ายใช่เล่นนะคะ แต่ก็สะใจมากเหมือนกัน! มาร่วมเอาใจช่วยนาวากันเถอะค่ะว่าจะลุล่วงตามแผนรึเปล่า!
#นาวาสไตล์
ตัวอย่างตอนต่อไป ตอกกลับได้เด็ดมากลูก ปรบมือออ
“ผมบอกเลิกพาฝันแล้ววา! ผมเลือกวา!”
“วาไม่ใช่ตัวเลือกของใคร!”
เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja