{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก (แจ้งข่าวตีพิมพ์นิยายหน้า3)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก (แจ้งข่าวตีพิมพ์นิยายหน้า3)  (อ่าน 39740 ครั้ง)

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




One and Only

หวนกลิ่นรัก







รักที่หวนกลับมาอีกครั้ง คงหอมหวาน ตราตรึง...ลึกซึ้งกว่าเดิม
[/i]




#หวนกลิ่นรัก






Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2019 14:49:49 โดย Swanlee »

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 01 - up 17.6.62
«ตอบ #1 เมื่อ17-06-2019 11:49:57 »







01





 

“คุณ ผมขอโทษจริงๆ นะครับ”



เสียงใครบางคนดังขึ้นกับท่าทางกระวนกระวายที่แสดงออกชัดเจน สาวเท้าเดินตามคนตัวสูงต้อยๆ มองโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่กำลังแนบใบหูอีกฝ่าย รู้ทั้งรู้แหละว่าเขาไม่รับฟัง แต่ก็ยังตามตื๊อพนมมือไหว้อีกคนที่อายุมากกว่า เขาถูฝ่ามือที่เปียกชุ่มด้วยความรู้สึกประหม่าล้นอก



“คุณ...”



กำลังจะอ้าป้าพูดอะไรออกมาสักประโยคก็ต้องรีบรูดซิปปากทันทีที่มือหนายกขึ้นห้าม วันศุกร์เครียดจนคิ้วชนกัน แล้วก็เครียดมากกว่าเดิมไปอีกเมื่อเห็นริมฝีปากหยักของผู้ชายตรงหน้าขยับคุยกับปลายสาย



“รับผิดชอบยังไงครับ พวกคุณสายจนผมเสียงาน”



เสียงทุ้มเข้มของคนตรงหน้ากรอกผ่านโทรศัพท์ให้ปลายสายได้ยิน แม้ว่าปากจะคุยกับอีกคน แต่ตาคมกริบที่จ้องมาอย่างคาดโทษทำให้วันศุกร์เกร็งจนเดินหนีไปไหนไม่ได้ สายตาเขาน่ะ...เหมือนเชือกที่กำลังรัดคอให้รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก



(พี่ขอโทษจริงๆ ค่ะคุณชาย คือ รถมันติดจริงมาก แล้ววันนี้ก็วันศุกร์ด้วย...)



“ครับ”



(...)



“มีอย่างอื่นอีกมั้ย”



วันศุกร์เป่าลมออกปากอย่างอึดอัด เขารู้สึกผิดจนพูดอะไรไม่ออกเลยด้วยซ้ำที่มาฟีตติ้งเสื้อผ้าไม่ทันเวลานัดหมาย รู้สึกผิดที่รับงานซ้อนเพราะความโลภอยากได้เงินของตัวเอง รู้สึกผิดจนแทบอยากก้มลงไปกราบเท้าคนตรงหน้าแล้วซ้ำ



แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อคุณชายทรงเพลิงที่เป็นถึงรองประธานบริษัทแบรนด์สินค้าเกรี้ยวกราดขนาดนี้ จะขุดคำขอโทษอะไรมาก็คงไม่ทำให้คนตรงหน้าเลิกคลายความโมโหได้ วันศุกร์เลยต้องยอมยืนว้าวุ่นต่อหน้าอีกฝ่ายทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเสียเวลาทำงานก็ตาม...ถ้าคนตรงหน้าไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ป่านนี้คงได้เริ่มฟีตติ้งเสื้อผ้ากันแล้ว



ก็เขาเป็นลูกค้านี่ วันศุกร์จะทำอะไรได้



วันศุกร์ที่ยืนอยู่ในมุมมืดของสตูดิโอขาวโพลนเหลือบมองทีมงานกำลังยืนเซ็งๆ อยู่อีกฝั่ง คิดอยู่แล้วในหัวว่าถ้าผ่านด่านคุณชายคนนี้ไปได้เมื่อไหร่จะรีบวิ่งไปขอโทษพี่ทีมงานเรียงคนด้วยความรู้สึกสำนึกผิดอย่างสุดซึ้งเลยจริงๆ



(โธ่คุณชายคะ โมขอโทษจริงๆ ค่ะ นี่พอรู้ว่าไม่ทันก็รีบส่งวันศุกร์ขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเลย ตากแดดร้อนๆ ไปสตูฯ แบบด่วนๆ เลยนะคะ วันศุกร์ไปสายแค่สี่สิบห้านาทีเอง...)



เจ้าของชื่อในบทสนทนายิ้มแห้งเมื่อได้ยินเสียงผู้จัดการส่วนตัวดังผ่านลำโพงโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่เจ้าของเครื่องจงใจเปิดให้ได้ยินเสียงไปพร้อมกัน พี่โมทำให้วันศุกร์รู้สึกผิดหลายเท่าตัวตอนที่ย้ำคำว่าสี่สิบห้านาทีเนี่ยแหละ



“งั้นวันนี้เอาคนของคุณกลับไปก่อน” หม่อมราชวงค์ทรงเพลิงกรอกน้ำเสียงที่ฟังแล้วเย็นวาบเสียวสันหลังให้พี่โม “มีคิวว่างสำหรับผมเมื่อไหร่ ค่อยนัดกันใหม่”



“เฮ้ย! ม...ไม่ได้นะคุณ”



วันศุกร์รีบวิ่งอ้อมไปดักหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่หมุนตัวทำท่าจะเดินหนี กางแขนสองข้างออกให้คนตรงหน้าเดินไปไหนไม่ได้ ตากลมมองขนาดร่างกายที่แตกต่างกัน อีกฝ่ายตัวหนากว่าวันศุกร์มากๆ ไหล่กว้าง ยิ่งส่วนสูง180 กว่าๆ ของคนตรงหน้ายิ่งทำให้วันศุกร์ดูตัวเล็กทันตา



“ถอย”



“คือ ผมก็มาแล้วไงครับ เราฟีตติ้งกันก่อนดีมั้ย ผมเกินเวลาให้คุณได้นะครับ กี่ทุ่มก็ได้...ทั้งคืนนี้ก็ได้”



“กำลังบอกว่าคุณจะรับผิดชอบ” คนตัวสูงเลิกคิ้ว ใบหน้าไร้อารมณ์ทำเอาวันศุกร์หายใจไม่ทั่วท้อง



“ครับ?”



เอียงคอหน่อยๆ เหมือนหมาสงสัยเพราะไม่เข้าใจคำถาม ตอนนี้สมองประมวลคำพูดของคนตรงหน้าไม่ทัน วันศุกร์งุนงงไปหมด เขาทั้งเมาแดด เหนื่อยจากงานที่ตะบี้ตะบันรับแบบไม่ดูสังขาร ไหนจะมาเจอลูกค้าเอาหงุดหงิดใส่แบบนี้อีกด้วย



ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วนะ แต่มันก็ต้องเคลียร์อ่ะ



“ไม่ได้เรื่อง”



“คุณ...”



ทั้งที่คิดว่าจะเคลียร์กันได้เพราะยังไงก็เป็นคนที่เคยคุ้นเคยกันมาก่อน แต่วันศุกร์เดาผิดไปจริงๆ



เพลิงที่เคยสงบเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้รุกโชนพร้อมจะเผาให้เขาไหม้ตายคาสตูฯ แล้ว



วันศุกร์ปาดเม็ดเหงื่อที่กลิ้งลงมาบนแก้มขาวๆ ก้มหน้ามองรองเท้าหนังราคาแพงของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง จะพูดขอโทษอีกรอบก็กลัวเขารำคาญ จะยอมรับไปตรงๆ ว่าโลภก็กลัวว่าจะถูกมองไม่ดี



ความจริงเขารับงานวันนี้ไว้ทั้งหมดหกงาน ออกอีเวนต์ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งงานสุดท้ายพรีเซนเตอร์โฆษณาเครื่องสำอางแบรนด์ดังที่ต้องมาฟีตติ้งเสื้อผ้าช่วงบ่ายนี่แหละ เขาพลาดตรงที่คาดคะเนเวลาผิดไป แต่ถึงอย่างนั้นวันศุกร์ก็เร่งตัวเองให้มาถึงไวที่สุดแบบไม่คิดชีวิตเลยด้วยซ้ำ



“ไม่ฟีตติ้งวันนี้ก็ไม่เป็นไรครับ ผมขอโทษจริงๆ”



วันศุกร์แสดงท่าทีอ่อนน้อม ถ่อมตน ใจเย็นกับคนตัวสูงตรงหน้าที่แก่กว่าเขาตั้งหกปีอย่างจริงใจ เขาก้มหน้ารอรับฟังคำด่าทอจากทีมงานและท่านรองประธานบริษัทเครื่องสำอาง ทำใจไว้แล้วว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ แล้วก็ภาวนาให้โดนด่าไวๆ ด้วย จะได้กลับไปนอนร้องไห้คนเดียวในห้อง



“เหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงก็พาน้องไปลองชุดก่อนดิครับคุณชาย มายืนหัวเสียอยู่แบบนี้ได้ประโยชน์อะไรวะ”



แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นเมื่อพนา เจ้าของสตูดิโอที่ถือหุ้นบริษัทเครื่องสำอางนั้นด้วยเดินมาช่วยคุยให้



พนากับทรงเพลิงสูงไล่เลี่ยกัน พอคนที่สูงแค่ 175 เซนติเมตรถูกประกบหน้าหลังโดยผู้ชายตัวสูงทั้งสองคนวันศุกร์เลยเหมือนมดในกองทัพยักษ์ไปกันใหญ่



เอาวะ อย่างน้อยก็มีพนานี่แหละที่อยู่ข้างเขา



ต่อให้คนในสตูฯ จะพากันมองแรงใส่ดาราดังอย่างวันศุกร์ไปแล้วก็ตาม



“มึงทำแบบนี้เดี๋ยวน้องก็เป็นขี้ปากคนอื่นพอดี”



วันศุกร์เหลือบตามองคุณชายทรงเพลิงที่ยืนทำหน้าตึง อันที่จริงเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องเป็นขี้ปากนักข่าวหรือผู้ไม่หวังดีเลยสักนิด เขาอยากจะทำงานให้มันเสร็จๆ เป็นมิตรกับทุกคน และ...ขอโทษคุณชายทรงเพลิงครั้งที่ล้านมากกว่า



“ห่วงแค่เรื่องนี้?” คนตัวสูงเลิกคิ้วถามด้วยใบหน้าที่เฉยเมย แต่คนฟังก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกกันอยู่



“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นเลยครับ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง จะให้ผมทำอะไรก็ได้นะครับ”



“เปลี่ยนพรีเซนเตอร์”



วันศุกร์อ้าปากค้าง ใบหน้าเหลอหลาจ้องมองคนที่โคตรจะใจร้ายสุดๆ ในเวลานี้ ในตอนนี้ที่เสียงทุ้มของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเปล่งออกมาหัวใจของวันศุกร์หล่นวูบไปแล้ว แต่เพียงแวบเดียวก็ต้องกัดริมฝีปากเมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของคุณชายตัวสูง



และนั่นก็ทำให้วันศุกร์สงสัยขึ้นมาทันทีเลยแหละ ว่าที่อีกฝ่ายทำทีเป็นโมโหขนาดนั้น...จงใจแกล้งกันหรือเปล่าก็ไม่รู้



“เฮ้ยไอ้คุณชาย อย่าให้ถึงขั้นเป็นเรื่องใหญ่เลยว่ะ นี่น้องเขาก็สำนึกผิดแล้วไปถ่ายๆ ให้จบก็พอมั้ง”



“..”



“เห็นมั้ยว่าทีมงานกูเขารอทำงานกันอยู่...ไหนๆ น้องเขาก็มาแล้วด้วย ถ่ายไปก่อนมั้ย น้องเขายอมเกินเวลาด้วยนะ”



วันศุกร์อยากขอบคุณพนาสักร้อยครั้งที่ไม่โกรธเขาเหมือนคุณชายคนนี้ แถมยังช่วยพูดให้คุณชายเขาดูเหมือนจะอารมณ์เย็นลงขึ้นมาหน่อยอีกด้วย



“แล้วที่เห็นงานอื่นสำคัญกว่า ทีมงานหลายคนต้องรอนี่ใช้ได้เหรอ”



“เออ รู้ว่าใช้ไม่ได้แต่น้องเขาก็สำนึกผิดแล้วไง คำพูดมึงมันถากถางน้ำใจคนฟังเกินไป ตำหนิอะไรก็เอาที่มันพอดีๆ ดิ มึงดูหน้าน้องเขาด้วยไม่ใช่เอาแต่ใช้อารมณ์”



“...”



“มึงกลับไปทำให้อารมณ์เย็นลงก่อนเถอะไอ้คุณชาย กับน้องเขาเดี๋ยวกูจัดการเอง”



“อืม” เสียงตอบรับเบาๆ ทำเอาดวงตากลมเป็นประกายขึ้นทันที วันศุกร์คลี่ยิ้มบาง กลั้นหายใจรอฟังว่าคุณชายทรงเพลิงจะพูดอะไรอีก “อย่าให้มีครั้งที่สอง”



คุณชายทรงเพลิงพูดแค่นั้นแต่วันศุกร์ก็เดาออกว่าเพลิงยังไงก็เพลิง มันยังร้อนระอุและสามารถเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถ้าเผลอทำอะไรผิดหูผิดตา



วันศุกร์ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบคุณอะไรคุณชายทรงเพลิงก็เดินเฉียดไหล่วันศุกร์พร้อมกับใบหน้าตึงๆ ออกไปไหนต่อไหนแล้ว วันศุกร์เป่าลมออกปากอีกรอบ หันมองตามแผ่นหลังของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่ค่อยๆ หายไปจนไม่แม้แต่เงาแล้วก็ได้แต่คิดคนเดียวในหัว...



ไม่เห็นจะเหมือนเมื่อก่อนเลย

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง ภัสร์ฤทัย ที่เคยรู้จัก เปลี่ยนไปมากจริงๆ



“ไหวมั้ยวันศุกร์ หรือเคยเจอหนักกว่านี้”



พี่พนาก็คือคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้จริงๆ วันศุกร์ผงกหัวคล้ายกับตอบว่าไหวแล้วยกมือไหว้พึมพำเบาๆ ขอบคุณคนตรงหน้าที่กำลังตบบ่าเล็กๆ อย่างเห็นอกเห็นใจ วันศุกร์เผลอถอนหายใจยาวๆ อีกครั้งจนพี่พนาหัวเราะ



“ไม่ไหวก็บอกนะ”



“ไหวครับพี่พนา”



“ไม่เคยเจอโหมดนี้ใช่มั้ย ยังไงเราก็ผ่อนคลายหน่อยนะ เจอบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง”



แล้วก็หายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้งเมื่อพนาบอกแบบนั้น



หมายความว่ายังต้องเจอกับเขาบ่อยๆ อีกใช่มั้ย



วันศุกร์ยกมือลูบอกข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ เมื่อพบว่าหัวใจมันเต้นแรงผิดจังหวะ มันเต้นเพราะกังวลกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับแฟนเก่าที่เลิกกันไปตั้งสองปีแล้ว



แถมเป็นแฟนเก่าที่วันศุกร์เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเองด้วย



แล้วก็ไม่รู้เลยว่ากลับมาเจอครั้งนี้คุณชายทรงเพลิงจะอยากเอาคืนกันหรือเปล่า



ถ้าเป็นแบบนั้นก็โคตรแย่เลยวันศุกร์...









#หวนกลิ่นรัก











เปิดเรื่องใหม่แล้วเย่ะ

พี่ชายของทรงโปรดเขาไม่ธรรมดางับ ._.




ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 02.1 - up17.6.62
«ตอบ #2 เมื่อ17-06-2019 13:38:48 »



02

 



“โอเค วันศุกร์ดีมากครับ!”



“ขอบคุณครับพี่ๆ ทุกคน”



เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมๆ กับแสงสปอร์ตไลต์ที่ดับลงจนเหลือแค่แสงสว่างจากหลอดไฟบนฝ้าเท่านั้น วันศุกร์คลี่ยิ้มกว้าง ยกมือไหว้ทีมงานทุกคนที่ทนเหนื่อยทำงานล่วงเวลาเพราะเขา ในใจยังรู้สึกผิดไม่หายเลยขอโทษทีมงานไปอีกครั้งจนพี่ๆ ทุกคนส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นและยิ้มให้กับความนอบน้อมของดาราดังคนนี้



“ไม่ต้องเครียดแล้ววันศุกร์ บอสเขาก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาตั้งเยอะแล้วนะ แถมเราน่ะทำงานเก่ง ตอนแรกพี่คิดว่าคงลองได้ไม่กี่ชุด แต่ดูสิ วันเดียวจบทุกอย่างทั้งเสื้อผ้าหน้าผม”



“วันศุกร์เนี่ยผิวข๊าวขาว เนียนเว่อร์อ่ะค่ะ จับใส่อะไรก็ดูดีไปหมด”



เสียงจากพี่ๆ ทีมงานในกองทำให้คนถูกชมยิ้มกว้างไม่หุบ จากตอนแรกที่เครียดกลัวว่าทุกคนจะมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เพราะเป็นคนมีชื่อเสียงที่บกพร่องเรื่องเวลาตั้งแต่ทำงานร่วมกันวันแรก แต่ตอนนี้อุ่นใจแล้ว พี่ทีมงานทุกคนใจดีมากจนวันศุกร์อยากยกคิวถ่ายภาพนิ่งมาทำวันพรุ่งนี้ซะเลย



“ไปล้างหน้าล้างตาด้วยนะวันศุกร์ พี่กลับก่อนละ”



“ครับพี่ เดินทางปลอดภัยนะครับ”



พี่ตากล้องที่เป็นผู้ชายไว้หนวดยิ้มให้คนตัวขาวจั๊วะอย่างวันศุกร์ที่ไม่ว่าจะจับใส่อะไรก็ดูเข้ากันไปหมด เสื้อผ้าเซ็ตสุดท้ายที่เขาใส่เป็นเสื้อยืดแขนยาวสีชมพูกับกางเกงขายาวสีขาว ตอนนี้วันศุกร์เลยกลายเป็นผู้ชายที่ดูน่าทะนุถนอมเข้ากับคอนเซ็ปต์เครื่องสำอางที่ตัวเองถูกจ้างให้มาเป็นพรีเซนเตอร์



พอทุกคนแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของก็เหลือแค่วันศุกร์ที่ยืนอยู่ตรงจุดเดิม ดวงตากลมมองไปยังเก้าอี้สองตัวนั้นที่มีผู้ชายตัวโตเท่ากันนั่งอยู่ ในความสลัวเพราะแสงไฟส่องไม่ถึง แต่วันศุกร์ก็ยังเห็นใบหน้าของคนที่หัวเสียใส่กันเมื่อช่วงบ่ายชัดเจนมากทีเดียว



คุณชายทรงเพลิงกำลังนั่งคุยอะไรสักอย่างกับพนาที่เป็นเพื่อนสนิท ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายกว่าเมื่อบ่ายเยอะมากจนเหมือนเป็นคนละคนไปเลย วันศุกร์ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายกลับเข้ามาในสตูดิโอตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตัวเองก็เอาแต่ตั้งใจทำงานจนไม่ได้สนใจใคร



คงมานั่งดูว่าคนที่ถูกจ้างมาอย่างเขาจะทำงานได้ดีแค่ไหนแค่นั้นแหละมั้ง



“วันศุกร์ มีงานที่ไหนต่อมั้ย หรือเราจะกลับบ้านเลย”



เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่เสียงของพนาดังเข้ามาในหู คนที่ถูกชมว่ามีผิวพรรณขาวนวลคลี่ยิ้มบางๆ แล้วเดินตรงเข้าไปหาผู้ชายสองคนที่นั่งหลบมุมอยู่อีกฝั่งของสตูดิโอ



บอกตามตรงว่าตอนนี้เขาไม่ค่อยอยากเห็นหน้าคุณชายทรงเพลิงเท่าไหร่ เหมือนเห็นทีไรภาพตอนบ่ายก็วนกลับมาทำให้ใจห่อเหี่ยวทุกที



“ไม่มีงานต่อครับพี่พนา ว่าจะกลับห้องเลย”



“อ้อ งั้นไปกินข้าวกับพี่ก่อนมั้ย”



ที่คุยกันสนิทสนมขนาดนี้เป็นเพราะว่าวันศุกร์รู้จักกับพนาตั้งแต่สมัยที่ยังคบกับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง และพนาเองก็ไม่ใช่คนถือตัวด้วยเลยทำให้วันศุกร์อุ่นใจที่จะคุยกับอีกฝ่ายมากกว่า ไม่เหมือนคนที่นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ข้างๆ...



“ไม่ดึกใช่มั้ยครับ”



“ไม่ดึกหรอก แค่กินข้าวไม่ได้พาไปนั่งดื่ม”



“งั้นได้ครับ แต่ว่า...ผมไม่มีรถมานะครับพี่พนา”



“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวเอารถไอ้คุณชายไป”



“คุณชายไปด้วยเหรอครับ”



เพราะคิดเอาไว้ในหัวว่าคงได้ไปนั่งกินข้าวเปิดอกคุยกันตามประสาคนรู้จักกับพนาแค่สองคนโดยไม่มีคนอื่นมาร่วมโต๊ะด้วย แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้วันศุกร์หลุดปากถามไปด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องรีบยกมือปิดปากพร้อมกับเบิกตาโตเมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดอีกแล้ว



“สงสัยเขาไม่อยากให้ไป” คุณชายทรงเพลิงปรายตามองเพื่อนที่สูงไล่เลี่ยกัน น้ำเสียงนิ่งๆ ทำเอาวันศุกร์รีบหาคำแก้ตัวแทบไม่ทัน



“ไม่ใช่นะครับ คือ...ผมแค่ถามว่าคุณชายไปด้วยเหรอ ไม่ได้หมายความไม่อยากให้คุณชายไปนะ”



“อย่าเพิ่งตีนะเฮ้ย เดี๋ยวกินมื้อค่ำไม่อร่อย”



พนาพูดไปขำไปจนไหล่สั่น เอาจริงๆ เขายังคิดอยู่เลยว่าสองคนนี้มันคือพรหมลิขิตหรือเวรกรรมอะไรที่ทำให้ต้องมาเจอกันอีก พนายังจำเหตุการณ์ครั้งแรกในห้องประชุมผู้บริหารกับแผนการตลาดได้อยู่เลยว่าตอนที่ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง เมย์ เห็นตรงกับคนอื่นว่าต้องการให้วันศุกร์ที่กำลังโด่งดังมากที่สุดในตอนนี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ แต่ก็มีคนค้านหัวชนฝา จะใครล่ะถ้าไม่ใช่คุณชายทรงเพลิงที่เป็นรองประธานพ่วงตำแหน่งแฟนเก่าของดาราดังคนนี้



จะว่าไปก็ไม่ใช่เพราะว่าสองคนนี้จบไม่สวย พนาไม่รู้เหตุผลว่าทำไมวันศุกร์ถึงได้บอกเลิกทรงเพลิงทั้งๆ ที่เมื่อสองปีก่อนก็ดูรักกันดี ส่วนไอ้คนที่ถูกขอเลิกก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้เขาฟังสักอย่าง อ้อ ทรงเพลิงบอกแค่ว่าวันศุกร์อยากทำงานให้เต็มที่เลยขอเลิก...แต่ใครจะเชื่อวะเนี่ย



คนที่เพอร์เฟ็กต์สุดๆ แต่กลับถูกบอกเลิกเสียศูนย์ไปพักใหญ่ ตอนนั้นหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงอายุยี่สิบแปดหันมาทำงานอย่างบ้าระห่ำ ส่วนวันศุกร์ที่เด็กกว่าทรงเพลิงหกปีก็ดังเป็นพลุแตก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพนาได้แต่ตามข่าววันศุกร์ผ่านสื่อและอินสตาแกรมส่วนตัวของอีกฝ่าย ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าได้ทำงานร่วมกับดาราดังที่เป็นแฟนเก่าไอ้คุณชายจะหรรษามากขนาดไหน



มันก็หรรษาจริงๆ เจอกันครั้งแรกในรอบสองปีทรงเพลิงก็เล่นงานวันศุกร์ซะแล้ว



“งั้นเดี๋ยวผมขอไปเปลี่ยนเสื้อแป๊บเดียวนะครับพี่พนา”



“โอเคครับ พี่นั่งรอตรงนี้แหละ”



คนที่ตัวบางกว่าพนาหลายเท่าเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ และถึงแม้ว่าจะไม่มีเงาของวันศุกร์แล้วแต่พนากลับสัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องไปตรงประตูห้องน้ำไม่กะพริบ



“คิดถึงก็บอกดิ๊”



“เจอหน้าทุกวันจะคิดถึงทำไม”



“ไม่ได้หมายถึงผมครับคุณชาย หมายถึงแฟนเก่าคุณชายต่างหาก...เบื้อจริงจริ๊งพวกแฟนเก่าแต่รักไม่เก่า”



พอโดนแซวเข้าหน่อยหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็มองขวางใส่เพื่อนที่นั่งยิ้มกรุ้มกริ่ม



“อย่าปฏิเสธนะเว้ยว่าไม่ใช่”



“อืม ไม่ใช่”



“สายตามันโกหกกันไม่ได้หรอกคุณชาย”



“ไม่ได้โกหก”



“อ่อ รู้มั้ยว่ามึงโกหกไม่เก่ง”



“...”



ต้อนคุณชายทรงเพลิงจนมุมแล้วก็นั่งยิ้มเย้ย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่ทรงเพลิงโมโหจนจะยกเลิกงานทั้งหมดสาเหตุเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะโกรธที่วันศุกร์มาสาย แต่โกรธเพราะคิดถึงต่างหาก



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะมองเพื่อนที่ชอบขัดเขาทุกเรื่อง ถ้ารู้ดีขนาดนี้แล้วจะมาถามให้ได้อะไรขึ้นมา เขาเบื่อที่จะต้องมาตอบคำถามไร้สาระเลยคว้ากุญแจรถยนต์คันหรูไว้ในมือ ทำท่าจะลุกเดินออกไปเพราะรำคาญเต็มทนแต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยพนาคนเดิม



“มึงแม่ง...รู้ตัวมั้ยว่าปากแข็งสุดๆ ในบรรดาพี่น้องของมึงอ่ะ”



“พี่น้องกูเกี่ยวอะไร”



“ก็มึงปากแข็งสุดไง คนอื่นเขาปากตรงกับใจกันหมด มีแต่มึงนี่แหละไอ้คุณชาย”



“น้อยๆ หน่อยพนา”



“ไม่น้อยเว้ย”



“...”



“กูรู้นะว่ามึงรู้สึกอะไร ไอ้คุณชาย ถ้ากูเป็นมึงบอกเลยว่าหาทางรีเทิร์นตั้งเจอหน้าครั้งแรกแล้ว” คนที่รู้ความคิดเขาไปทุกอย่างร่ายออกมายาวๆ จนทรงเพลิงต้องใช้นิ้วแหย่เข้าไปในรูหูเบาๆ เจ้าของส่วนสูง 181 เซนติเมตรยืนฟังพนาด้วยสีหน้าที่เหมือนฟังกำลังเด็กคนหนึ่งโม้อะไรสักอย่าง



“ไอ้เหี้ย...กูจริงจังนะเนี่ย”



“รู้แล้ว”



“เออ หัดฟังคนอื่นซะบ้าง”



“ฟังอยู่ตลอด”



“นั่นแหละ เป็นกูกูจะขอคืนดี”



“ได้ถามเขามั้ยว่าอยากคืนดีด้วยหรือเปล่า”



“ระดับนี้ไม่ต้องถามเว้ย พุ่งชนอย่างเดียว”



“ไปนอนฝันเอาเถอะ”



บอกแค่นั้นแล้วหมุนตัวเดินออกจากสตูดิโอในจังหวะที่วันศุกร์เปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับหอบกระเป๋าของตัวเองออกมาพอดี เจ้าของเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบหรี่ตามองแผ่นหลังกว้างของคุณชายทรงเพลิงก่อนจะแอบเบ้ปากเล็กน้อย ที่เจอกันวันนี้ยอมรับว่าแอบกลัวทรงเพลิงอยู่หน่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่เหลือความกลัวแม้แต่นิดแล้วเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายก็แค่ขี้เก๊ก แกล้งทำเป็นโหดให้ดูเท่ไปงั้น



อือ แล้วก็ที่พนากับคุณชายเขาคุยกันเมื่อกี้วันศุกร์ได้ยินหมดแหละ



รีเทิร์น ขอคืนดีอะไรนั่น...



ดูเหมือนว่าคุณชายทรงเพลิงจะไม่ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ



ก็ดีแล้วแหละ







[ต่อด้านล่างค่ะ]

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 02.2 - up17.6.62
«ตอบ #3 เมื่อ17-06-2019 13:40:17 »

*****





 

Water Bike Restaurant

 

Friday: พี่โม กลับดึกหน่อยนะ

Friday: พี่กับต้นน้ำกินข้าวไปก่อนเลย

MO: ได้

MO: แล้วนี่อยู่ไหน งานน่าจะเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ กลับมาพักผ่อนอย่าแวบนะเข้าใจมั้ย

Friday: อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ค่อยกลับครับ

Friday: พี่พนาชวนมากินข้าว มีคุณชายด้วย

MO: ห๊ะ นี่กล้าร่วมโต๊ะกับคุณชายด้วยเหรอวะไอ้วันศุกร์ น่ากลัว

Friday: เขาก็ไม่ดูน่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อยพี่โม คิดมากน่ะ

MO: เอาเหอะไม่อยากพูดถึง

MO: อยู่ในช่วงไดเอตอย่าเผลอกินเยอะล่ะ

Friday: ครับพี่โม

Friday: ไปก่อนนะพี่ กดโทรศัพท์จนคุณชายมองแรงแล้ว



วันศุกร์รีบปิดเสียงโทรศัพท์แล้วเก็บใส่กระเป๋าเป้ของตัวเองทันทีที่รู้สึกว่ากำลังถูกจ้องด้วยสายตาคู่หนึ่งจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะพอเขาเงยหน้าขึ้นรับเมนูอาหารจากพนักงานก็พบกับใบหน้าไร้อารมณ์ของคุณชายทรงเพลิงพร้อมกับสายตาที่จ้องมาทางนี้



อยากถามออกไปตรงๆ ว่าจ้องทำไม  หน้าผมเหมือนแฟนเก่าคุณนักหรือไง แต่กลัวจะถูกเขาสวนกลับมาว่า ใช่! เลยทำได้แค่นั่งเงียบๆ แล้วพลิกเมนูหาดูอาหารราคาสบายกระเป๋าไปเรื่อยๆ...แต่ก็ไม่เจอ



“สเต็กเนื้อแกะนิวซีแลนด์ กับไวน์องุ่นครับ”



คนแรกที่สั่งอาการก็คือพนา และเมนูที่ถูกสั่งออกไปวันศุกร์กำลังไล่สายตาดูอย่างตั้งใจก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอช้า เมื่อเห็นว่าราคาสเต็กเนื้อแกะนิวซีแลนด์อะไรนั่นแพงมาก



“พี่สั่งไวน์องุ่นมาให้วันศุกร์นะ มันไม่แรง”



“เอ่อ...ผมไม่ดื่มครับพี่พนา”



“นิดเดียวหน่า ตารางงานแน่นมาทั้งวันคิดว่าดื่มผ่อนคลายก็แล้วกัน”



แล้วคนอย่างเขาจะปฏิเสธอะไรได้บ้างล่ะ นอกจากยิ้มแห้งแล้วก้มหน้าหาเมนูอาการที่ถูกที่สุดในร้าน



“กุ้งชุบแป้งทอด ปีกไก่ทอด ไก่ผัดเม็ดมะม่วงอย่างละที่ครับ”



แล้วก็เป็นหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่ร่ายรายการอาหารตามมาติดๆ พร้อมกับตบท้ายด้วยเครื่องแอลกอฮอล์ ดื่มทั้งๆ ที่ตัวเองต้องยังต้องขับรถกลับบ้าน นี่ถ้ายังคบกันอยู่วันศุกร์คงปากคว่ำใส่อีกฝ่ายไปนานแล้ว



วันศุกร์เลิกคิดเรื่องของคุณชายทรงเพลิงแล้วเปลี่ยนมานั่งเลิ่กลั่กเพราะเหลือตัวเองแล้วที่ยังไม่ได้สั่งอาหาร ในเมนูไม่มีอาหารชนิดไหนที่ราคาต่ำกว่าสองร้อยบาทสักอย่าง คนตัวขาวเม้มปากชั่งใจ ขนาดสลัดผักยังราคาเกินสองร้อยเลย



จะไม่สั่งก็ไม่ได้เพราะคงเป็นการทรมานท้องไส้ตัวเองมากเกินไปถ้าต้องมานั่งดูคนอื่นกินกันอย่างเอร็ดอร่อย นิ้วเรียวไล้ลงบนรูปอาหารที่อยู่ในโหมดสลัดก่อนจะจิ้มลงบนเมนูที่ถูกที่สุดในหน้านั้น



“สลัดผัก น้ำราดโยเกิร์ตรสธรรมชาตินะครับ”



“หือ กินแค่นี้อิ่มเหรอ” พนนั่งเท้าคางหรี่ตามองคนตัวขาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม



ผงกศีรษะทั้งที่ความจริงควรจะส่ายหน้ามากกว่า ในแต่ละวันเขาได้รับสารอาหารครบถ้วนที่ไหน ทั้งที่เป็นผู้ชายควรจะกินอิ่มนอนหลับแล้วตื่นมาออกกำลังกายแบบคนอื่นๆ เขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเวลามีจำกัด แถมยังต้องไว้หุ่นผอมๆ ให้ตรงกับคาแร็กเตอร์ของตัวละครที่รับแสดงอีกด้วย พี่โมที่เป็นจัดการส่วนตัวเลยแนะนำวิธีไดเอต เน้นกินอกไก่กับผักเท่านั้น



มันทรมานมากๆ แต่เขาก็อวบกว่านี้ไม่ได้แล้วจนกว่าละครจะปิดกล้อง



“วันนี้งดหนึ่งวันสิศุกร์ ถือซะว่าเป็นวันฟรีเดย์อะไรงี้”



“อ๋อ ผมฟรีเดย์ไปแล้วเมื่อวานครับ นี่ยังหน้าบวมไม่หายเลย”



“พี่ว่าหน้าเราไม่ได้บวมอะไรเลยนะวันศุกร์ คิดมากหรือเปล่าเนี่ย ตัวขนาดนี้สมส่วนดีแล้ว”



“แหะๆ”



วันศุกร์ปรายตามองคุณชายทรงเพลิงที่กำลังยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นจิบอย่างใจเย็น แล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาคนเดียวเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ...ป่านนี้เขาคงถูกทรงเพลิงดุจนหน้างอแล้วแหละถ้าคิดจะลดน้ำหนักด้วยวิธีแบบนี้



แต่มันก็...ไม่มีแบบนั้นแล้วสำหรับตอนนี้น่ะนะ



“วันนี้ฟรีเดย์กับพวกพี่อีกวัน ร้านอาหารบรรยากาศออกจะดีมันต้องกินเยอะๆ รู้เปล่า พี่การันตีเลยว่าที่นี่อาหารอร่อยทุกอย่าง”



คนถูกคะยั้นคะยอได้แต่ส่งยิ้ม ถึงพนาจะบอกให้ฟรีเดย์ยังไงเขาก็คงกินเยอะกว่านี้ไม่ได้เพราะราคาอาหารที่นี่แพงจนน่าตกใจ วันศุกร์รู้ว่าราคาแพงตามคุณภาพ ที่นี่เป็นร้านอาหารที่มีแต่พวกคนรวยเข้าย่างกรายเข้ามา คนที่จำกัดงบค่าใช้จ่ายวันละสามร้อยอย่างวันศุกร์น่ะ...บอกเลยว่าแค่สลัดผักจานเดียวก็แทบไม่เหลือเงินทอนแล้ว



ถึงแม้ว่าจะหาเงินได้เยอะมากก็ตาม แต่เพราะว่าวันศุกร์อยู่ตัวคนเดียวเขาเลยทำตามที่ผู้จัดการบอกให้เก็บเงินเผื่อวันข้างหน้าไว้บ้าง วันศุกร์เลยเป็นคนที่ประหยัดสุดๆ จนเรียกว่างกเลยก็ได้ เขาใช้เงินเดือนละเก้าพันบาททั้งๆ ที่หาเงินได้มากกว่านั้นหลายเท่าตัว เงินเดือนเท่านี้แค่ค่ากินในแต่ละวันเท่านั้น วันศุกร์ไม่คิดจะซื้อเสื้อผ้าหรือของใช้ต่างๆ ใหม่เพราะส่วนใหญ่ได้ฟรีจากสปอนเซอร์อยู่แล้ว



“เอ้อ ดังพลุแตกขนาดนี้จะไม่มีใครเข้ามาขอลายเซ็นตอนกินข้าวใช่มั้ย” พนาถามไม่จริงจังสักเท่าไหร่ เขาแค่อยากหยอกอยากหยิบเรื่องนู่นนี่นั่นมาพูดให้บรรยายกาศมันไม่อึมครึม



ก็เล่นเงียบกันขนาดนั้น คนกลางอย่างพนาเลยต้องคอยพูดมากให้ดูครื้นเครงย่อยอาหารง่ายๆ หน่อย



“ปกติก็มีนะครับ แต่ถ้าพี่พนาไม่โอเค เวลามีคนเข้ามาขอผมจะปฏิเสธไปนะครับ”



“เฮ้ยพี่ไม่ขนาดนั้น ตามสบายเลยน้อง”



วันศุกร์ยิ้มแหยเพราะพอพนาพูดแบบนั้นเขาก็เรียบกวาดสายตาสำรวจรอบกายตัวเอง ตอนนี้เขานั่งอยู่ในร้านอาหารกลางแจ้ง รับลมเย็นๆ ตอนกลางคืนข้างบ่อน้ำที่มีหงส์ตัวละหลายแสนว่ายอยู่ใกล้ๆ และเพราะว่ามันกลางแจ้งและมีโต๊ะอื่นๆ อยู่รอบข้างนี่แหละ วันศุกร์เลยเริ่มเป็นที่จับตามองจากคนที่นั่งอยู่ในร้านอาหาร



“นี่พี่ก็โชคดีใช่มั้ยที่ได้ดาราดังมานั่งกินข้าวด้วย”



“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่พนา ผมก็คนธรรมดานี่แหละ”



“โอ้โห ตอบแบบดาราจริงด้วย”



“โธ่ พี่พนา”



“เออ ว่าแต่เรียนเป็นยังไงบ้าง รู้สึกตอนนั้นอยู่ปีสองใช่มั้ย นี่คงจะจบแล้วดิ”



ทันทีที่ถามจบหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็เหลือบมองเพื่อนที่ดูท่าจะมีคำถามมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นมุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นเบาๆ เพราะคำถามที่พนาถามออกไป เป็นคำถามที่คล้ายกับในหัวของทรงเพลิงเหมือนกัน



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงทำเป็นไม่สนใจเสียงสนทนาของสองคนนี้ เขาหยิบโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมาเล่นไปพลางๆ แต่หูของเขาฟังทุกอย่างที่ออกจากปากของวันศุกร์



“ผมดรอปครับพี่พนา อยากเต็มที่กับงานมากกว่า...มันได้เงินเยอะดีครับ”



และคำตอบนั้นก็ทำให้คนที่นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต้องเปลี่ยนมาจ้องหน้าวันศุกร์แทน หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมองคนตัวขาวที่มุมปากเปื้อนรอยยิ้มจางๆ รอยยิ้มที่เหมือนกับวันนั้นเมื่อสองปีก่อน คำตอบก็คล้ายคลึงกันจนทรงเพลิงย่นคิ้ว



‘เรา...ลองเลิกกันดูก่อนมั้ยครับ’



‘...’



‘ถ้ายังรู้สึกดีๆ ต่อกันอยู่ อีกสักสองสามปีค่อยกลับมาคุยกันใหม่’



‘ล้อเล่นเหรอ’



‘ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ’



‘ทำไมต้องเลิก’



‘...’



‘ผม...อยากเต็มที่กับงานมากกว่า’



‘...’



‘เพลิง อย่าโกรธกันเลยนะครับ’



ภาพเก่าๆ มันยังฝังลึกอยู่ในหัว และที่ตลกกว่านั้นก็คือ เขาดันตอบตกลงยอมเลิกกับอกฝ่ายทั้งๆ ที่ตอนนั้น...ยังรักหมดใจ



รักมากเลยไม่อยากรั้งเขาไว้ ทรงเพลิงในตอนนั้นยอมวันศุกร์ทุกอย่างแล้ว



“โห กุ้งชุบแป้งทอดน่ากินฉิบหาย”



อาหารที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงสั่งมาเสิร์ฟพร้อมๆ กับสลัดผักและสเต็กเนื้อแกะของพี่พนา วันศุกร์ทำเป็นไม่ได้กลิ่น พยายามไม่มองเพราะกลัวว่าตัวเองจะสติแตกไปซะก่อน เขาหิวมากจนอยากจะฉีกคำว่าไดเอตทิ้งไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอนึกขึ้นได้ว่านั่นมันเป็นของที่คุณชายทรงเพลิงสั่งมากินเอง (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของชอบของวันศุกร์ทั้งนั้น) เจ้าคนตัวขาวเลยต้องกลืนน้ำลายลงคอยกใหญ่ แล้วท่องในใจคนเดียวว่าไม่มีอะไรอร่อยเท่าสลัดผักอีกแล้ว



“กูขอชิ้นหนึ่งนะครับคุณชาย โอ๊ย! เชี้ย...เจ็บนะเว้ย”



พนาร้องเสียงดังเพราะตอนที่จะหยิบกุ้งชุบแป้งทอดใส่จานจู่ๆ ก็ถูกเหยียบเท้าด้วยรองเท้าหนังของทรงเพลิง ยิ่งวันนี้พนาใส่รองเท้าแตะธรรมดาโชว์ห้านิ้วเท้าด้วยแล้ว เมื่อกี้ที่ถูกเหยียบเลยเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด



แต่คนทำก็นั่งเงียบ รินเครื่องดื่มราคาแพงลงแก้วสบายใจเฉิบ



“เหยียบตีนผมทำไมครับคุณชาย”



“แพ้กุ้งแล้วจะกินทำไม”



“ห๊ะ กูเนี่ยนะแพ้กุ้ง” ชี้นิ้วเข้าตัวเองแล้วมองทรงเพลิงหน้าตาเลิ่กลั่ก



“อือ”



“กูแพ้ตอนไหนวะ”



“ตอนนั้น งานเลี้ยงปีใหม่”



“กูเนี่ยนะ”



“อือ”



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงใช้สายตามปรามพนาให้เลิกยิงคำถาม ก่อนจะหันไปจ้องหน้าดาราดังที่นั่งมองพนาด้วยสีหน้างงขั้นสุด



“ผมกับพนาแพ้อาหารทะเล”



เขาบอกวันศุกร์



“คุณไม่แพ้ กินแทนแล้วกัน”



พร้อมกับเลื่อนจานกุ้งชุบแป้งทอดพร้อมๆ กับจานไก่ทอดไปตรงหน้าวันศุกร์



วันศุกร์อ้าปากเหวออยู่อย่างนั้น แปลกใจที่อีกฝ่ายแพ้อาหารทะเลแต่กลับสั่งเมนูนี้มาเหมือนกับลืมว่าตัวเองแพ้ซะอย่างนั้น และหลังจากที่จานอาหารสองจานถูกเลื่อนมาตรงหน้า คุณชายทรงเพลิงก็นั่งจิบแอลกอฮอล์โดยไม่สนใจที่จะสั่งอาหารอื่นๆ



“สัด แพ้ก็แพ้ครับคุณชาย”



พนายิ้มกรุ้มกริ่มแล้วไม่วุ่นวายกับสิ่งที่หม่อมราชวงศ์สั่งมาเลยแม้ปลายเล็บ อือ ก็พอจะรู้แล้วแหละว่าที่ถูกเหยียบเท้า โดนกล่าวหาว่าตัวเองแพ้กุ้งทั้งๆ ที่ชีวิตนี้เกิดมาไม่เคยแพ้อะไรสักอย่าง สาเหตุมันมาจากไหน



“แพ้แล้วสั่งมาทำไมครับ”



“ลืมว่าแพ้”



“ของแบบนี้ลืมได้ด้วยเหรอคุณชาย”



เป็นครั้งแรกที่วันศุกร์สบตาและกล้าจ้องหน้าพ่นคำถามต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา วันศุกร์ไม่ชอบสถานการณ์ที่ถูกทรงเพลิงล่อลวงแบบนี้ เขาไม่ใช่เด็กสักหน่อยถึงจะไม่รู้ว่าเจตนาของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงคืออะไร



“ทำไม”



“เปล่าครับ”



“ถ้าไม่กินก็ปล่อยไว้อย่างนั้น หรือไม่ก็โยนให้หงส์กิน”



“หงส์กินของแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะคุณชาย”



“งั้นคุณก็กินแทนหงส์สิ”



“เรื่องอะไรล่ะครับ ผมไม่ได้สั่งมาสักหน่อย”



“ผมสั่งมา”



“ครับ ผมรู้”



“วันศุกร์”



วันศุกร์มองคนที่เรียกชื่อเล่นออกมาเต็มปากเต็มคำทั้งที่ก่อนหน้าหน้านั้นยังใช้สรรพนามห่างเหิน สายตาคมกริบกับใบหน้าไร้อารมณ์ที่เห็นมาทั้งวันเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ผู้ใหญ่ใช้สายตาดุๆ ปรามเด็กดื้อ วันศุกร์ยกมือถูปลายจมูกตัวเองเบาๆ



“ครับ”



“ฝากคุณด้วย”



“คุณสั่งมา...ก็กินเองสิ” พึมพำเสียงเบาแล้วก้มหน้าเขี่ยสลัดผักของตัวเองในจานอยู่อย่างนั้น จากตอนแรกที่มีแค่เสียงของเขากับเสียงพนาปะปนกันไป ตอนนี้กลายเป็นว่ามีแต่เสียงของทรงเพลิงที่เข้ามาแทนที่พนาซะแล้ว



“ผมกินไม่ได้”



“...”



“หรือคุณจะให้ผมกินแล้วค่อยไปโรงพยาบาล”



พูดแค่นั้นคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ รีบดึงจานกุ้งชุบแป้งทอดมาไว้ฝั่งตัวเองแล้วปัดมือหนาของคุณชายทรงเพลิงที่กำลังทำท่าเอื้อมมาหยิบอาหารที่แพ้ไปกินเอง



“พอเลยคุณชาย เดี๋ยวผมกินเองก็ได้”



“เออ อย่าให้มันกินเลยวันศุกร์ เดี๋ยวช็อกตายคาโรงพยาลแล้วพี่จะแย่”



วันศุกร์ถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไดเอตแต่สุดท้ายก็ต้องตักกุ้งชุบแป้งท้องเข้าปากแต่ถูกกดดันโดยสายตาจากคนทั่งเมนูนี้มา วันศุกร์ช้อนตามองคุณชายทรงเพลิงแล้วก็ต้องรีบหลุบตามองโต๊ะทันทีเมื่อเห็นว่าที่มุมปากหยักสวยได้รูปกำลังยกยิ้มจางๆ อยู่



“แล้วไก่ทอดคงไม่มีใครแพ้ใช่มั้ยครับ”



“พี่ไม่...”



“ไม่แพ้แต่ผมกับพนาไม่กิน”



“เชี่ย กูไม่กินตอนไหนอีกวะ”



“คุณจัดการด้วยแล้วกัน”



วันศุกร์ยกมือปิดปากขำพนาที่ทำหน้างงจัดในขณะที่คุณชายทรงเพลิงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งสิ้น ของที่สั่งมาไม่ยอมกินเอง ยกมาให้วันศุกร์กินหมดแถมพนาจะแตะนิดแตะหน่อยก็ยังไม่ได้



วันศุกร์เริ่มสงสัย...



ที่ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง



ไม่ใช่ว่าตบหัวแล้วลูบหลังหรอกเหรอ



หรือว่า...



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงกำลังจะ ขอคืนดี?



คงไม่ใช่หรอกมั้ง

 





*****







“โลเคชั่นที่พี่ดูไว้อยากได้แนวธรรมชาติสุดๆ ไม่ใช่ทะเลนะ แต่เป็นพวกป่าอะไรแบบนี้ พี่เลือกป่าภาคเหนือไว้แล้ว มันจะได้ดูเย็นๆ โทนอบอุ่นเหมาะกับเราดีนะ ว่าป่ะ” พนาเอี้ยวหลังมาคุยกับวันศุกร์ที่นั่งอยู่เบาะหลัง เพลงเพราะๆ ถูกกลบด้วยเสียงพนาจนเจ้าของรถคันหรูสีดำคันนี้รำคาญถึงกับต้องปิดเพลง



“ก็ดีนะครับพี่พนา ผมยังไม่เคยเข้าป่ากับเขาเลย”



“นี่ไม่ได้พาไปลำบากนะเชื่อพี่ จะดูแลให้ดีที่สุดเลย”



“ขอบคุณครับพี่พนา ผมฝากตัวด้วยนะครับ”



พูดจบพอดีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของพนาก็ดังขึ้น วันศุกร์ร้อง Yes ยาวๆ ในใจ ดีใจที่จะได้นั่งเงียบๆ บ้างสักที ไม่ใช่ว่ารำคาญพนาหรอกนะ แต่พูดเยอะจนเจ็บคอไปหมดแล้ว



วันศุกร์กระแอมไอเบาๆ พร้อมกับนวดคอไปด้วย พนาเนี่ยคุยเก่งเอาเรื่องจนเขาตามไม่ทัน คุยได้ตั้งแต่เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว จนไปถึงเรื่องต้นไม้สาธารณะที่ปลูกเอาไว้ตามข้างทาง



“น้ำ”



“อ่า...ขอบคุณครับ”



จู่ๆ เจ้าของรถก็ยื่นขวดน้ำมาให้ วันศุกร์เงยหน้ามองก่อนจะพึมพำขอบคุณเสียงเบา กำลังจะยื่นมือปรับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเปิดฝาขวดน้ำให้ด้วยตัวเอง



ดีนะที่รถติดไฟแดงอยู่ ไม่อย่างนั้นวันศุกร์คงหัวใจวายตายเพราะคุณเขาดันปล่อยมือจากพวงมาลัยทั้งสองมือ



“ขอบคุณครับ” บอกไปอีกครั้งให้อีกคนรู้ว่าเขาน่ะซึ้งใจจริงๆ



วันศุกร์กระดกน้ำเปล่าลงคอหลายอึกด้วยความกระหาย เพราะตอนที่นั่งอยู่ในร้านอาหารตัวเองแทบไม่ได้ดื่มน้ำเปล่าเลย มีแค่น้ำอัดลมกับไวน์สลับกัน วันศุกร์ดื่มไวน์จนหน้าแดงตัวแดงไปหมด โชคดีที่ไม่เมาเพราะไวน์ที่พนาสั่งมาให้มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์น้อย



ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกวูบวาบ มึนๆ อยู่ดี



“ไหวมั้ย”



“ครับ?”



“สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดี”



“อ่อ...” จับๆ ลูบๆ หน้าตัวเองแล้วหันไปส่องกระจกที่อยู่ข้างๆ ถึงมันจะไม่ใช่กระจกเงาแต่ก็พอเห็นหน้าตัวเองสะท้อนอยู่นิดหน่อย “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ง่วงๆ”



แล้วท่ามกลางเสียงของพนาที่คุยโทรศัพท์เรื่องงานอย่างเอาจริงเอาจังก็มีเสียงทุ้มเข้มของคุณชายทรงเพลิงสอดแทรกกับเสียงนุ่มๆ ของวันศุกร์



คนผิวขาวแอบมองเจ้าของรถผ่านกระจกมองหลัง ตอนนี้คุณชายทรงเพลิงไม่ได้สนใจวันศุกร์แล้วเพราะสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว และนั่นก็เป็นโอกาสที่เขาได้มองผู้ชายคนนี้จากด้านหลัง



ถึงจะเลิกกันไปแล้ว ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วก็ตาม แต่ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาจนกระทั่งตอนนี้ วันศุกร์มีคำถามหนึ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวตลอด อยากถามออกไปแต่ก็กลัวว่าจะได้คำตอบที่ไม่ตรงกับใจ



กลัวว่าจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ กลัวว่าจะอีกฝ่ายจะไม่พอใจ



สบายดีมั้ย



คำถามสั้นๆ แค่นั้นแหละ



“มึงจอดหน้าสตูฯ นี่แหละ เดี๋ยวเมย์มารับ” พนาหันมาบอกทรงเพลิงแบบรีบๆ และพอคุณชายเขาตบไฟเลี้ยวก็ทำให้วันศุกร์ตื่นตัวขึ้นมาทันที รีบหยิบกระเป๋าเป้ที่ใส่สัมภาระกอดแนบอก ทำท่าจะเปิดประตูลงตามพนาตอนที่รถจอดเทียบหน้าสตูดิโอ



“ขอบใจเว้ย พี่ไปก่อนนะวันศุกร์ เดี๋ยวเจอกันใหม่ครับ”



“พี่พนา รอด้วยครับ” วันศุกร์ร้องเรียกพนาที่เดินคุยโทรศัพท์ไม่สนใจเสียงของเขาเลยสักนิด พอเห็นว่าพนาเดินไปไกลเลยรีบเปิดประตูแต่ทว่า...



แกร็ก



ประตูล็อกอัตโนมัติทั้งคันโดยคนที่นั่งประจำที่คนขับ



“จะไปไหน”



พยายามเปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก



“ลงไงครับ” คำตอบสั้นๆ ทำให้ประตูรถถูกปลดล็อก วันศุกร์ฉีกยิ้มเตรียมจะยกมือไหว้คนโตกว่าแต่ก็ต้องชะงัก



“ลงมานั่งข้างหน้า”



“...”



“เดี๋ยวผมไปส่ง”







*****





 

เป็นอีกครั้งที่วันศุกร์ภาวนาให้ถึงคอนโดเร็วๆ ทั้งๆ ที่จุดหมายอยู่ห่างจากตรงนี้ไม่ถึงห้ากิโลเมตร แต่กลับรู้สึกไกลจนเหมือนนั่งรถกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ อย่างไงอย่างงั้น



ตลอดทางวันศุกร์นั่งเงียบๆ เจียมเนื้อเจียมตัวเพราะรองประธานอุตส่าห์ขับรถให้นั่ง ส่งเสียงก็แค่บอกทางเท่านั้น แต่ก็น่าแปลกที่ทรงเพลิงดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าวันศุกร์พักอยู่ไหน เพราะดูเชี่ยวชาญกับการไปคอนโดที่วันศุกร์พักอยู่ซะเหลือเกิน



“เมื่อกี้ทำท่าจะลง อยากไปกับพนาเหรอ”



“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่จะลงไปต่อแท็กซี่กลับห้อง”



“ทั้งๆ ที่ผมจะไปส่งอยู่แล้ว”



“ไม่รู้นี่ครับว่าจะไปส่ง”



หันไปย่นจมูกใส่คุณชายทรงเพลิงที่พูดอะไรก็มีแต่คำถามออกจากปาก ถามทั้งๆ ที่ใบหน้ายังไร้อารมณ์เหมือนเดิม



แต่ก็ช่างเขาเถอะ อยากถามอะไรก็ถามมาเลย



“คอนโดข้างหน้านะครับ คุณจอดหน้าคอนโดได้เลย”



“ครับ”



วันศุกร์คลี่ยิ้มตอนที่เห็นตึกสูงซึ่งเป็นที่พักอยู่ใกล้ๆ คิดถึงหมอนคิดถึงเตียงแทบตาย เหนื่อยมามากตลอดวันทั้งคนทั้งงานจนร่างกายมันล้าไปหมดแล้ว



“เปลี่ยนที่พักแล้วเหรอ” คุณชายทรงเพลิงถามตอนที่จอดเทียบฟุตบาธหน้าคอนโด และมันก็เป็นคำถามที่ทำให้คนถูกถามอย่างวันศุกร์นิ่งไปหลายวินาที



“ครับ”



“ทำไมไม่พักที่เก่า”



“มันแพงครับ ผมจ่ายไม่ไหว”



“คุณทำงานได้เงินตั้งเยอะ”



“ผมตัวคนเดียวครับ เอาเงินไปจ่ายค่าเช่าห้องเดือนละหกเจ็ดหมื่นไม่ไหวหรอก”



แล้วก็ไม่ได้มีใครมาช่วยออกค่าเช่าเหมือนเมื่อก่อนด้วย



“ให้ผมช่วยจ่ายเหมือนเดิมมั้ย”



“นี่คุณ...ตลกแล้ว”



ปากสั่นมือสั่นเพราะประโยคสั้นๆ จนแทบควบคุมไม่ได้ วันศุกร์ทำตัวไม่ถูกผิดกับคุณชายทรงเพลิงที่ไม่แสดงอาการอะไรออกมา



“ผ...ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณที่มาส่ง”



“เดี๋ยว”



“อะไรอีกล่ะคุณชาย” หันไปแยกเขี้ยวใส่ด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อยเพราะเหมือนกับว่าคุณชายทรงเพลิงตั้งใจจะแกล้งกัน แต่พอเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ที่เปลี่ยนไปกับแววตาอ่อนโยนท่ามกลางความมืดก็เหมือนกับมีน้ำเย็นๆ มาสาดลงบนหัว อะไรที่ลุกลี้ลุกลนเมื่อกี้มลายไปหมดแล้ว...เหลือแต่ความหลงใหล



และความคิดถึง



“คุณสบายดีมั้ย”



วันศุกร์เม้มปาก กะพริบตาเบาๆ มองคนตรงหน้า



“สบายดีครับ”



แค่ได้ฟังคำตอบคุณชายทรงเพลิงก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น...ไม่รู้นะว่าคิดไปเองหรือเปล่า



“คุณชายล่ะครับ สบายดีใช่มั้ย”



“คุณรู้คำตอบอยู่แล้ว”



“ครับ?”



คุณชายทรงเพลิงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกดปลดล็อกประตูรถ จากเมื่อกี้ที่ต่างคนต่างกล้าสบตากัน ตอนนี้กลายเป็นคุณชายทรงเพลิงซะเองที่ละสายตาแล้วหันไปมองภาพข้างหน้าแทน



ถ้าวันศุกร์รู้คำตอบ ก็คงเป็นคำตอบที่ว่า...คุณชายทรงเพลิงไม่ค่อยจะสบายดีเท่าไหร่



และต้นเหตุทั้งหมด ก็เพราะวันศุกร์เองนี่แหละ












#หวนกลิ่นรัก









คุณชายเพลิงเขาเป็นพวกแฟนเก่าแต่รักไม่เก่า

:)


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก
«ตอบ #4 เมื่อ17-06-2019 14:14:15 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก
«ตอบ #5 เมื่อ17-06-2019 14:21:28 »

เย้..เรื่องใหม่  :mc3: :mc3: :mc3:
น้องมีความจำเป็นอะไรหนอ ถึงเป็นฝ่ายบอกเลิก รอจ้า
ขอวันที่อัพเดท ท้ายชื่อเรื่องหน้าหลักด้วยจ้า   :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2019 22:14:57 โดย ืniyataan »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก
«ตอบ #6 เมื่อ17-06-2019 14:24:36 »

 :pig2: :pig2: :pig4:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก
«ตอบ #7 เมื่อ17-06-2019 18:04:36 »

คุณชายทรงเพลิง~~~
เปิดเรื่องได้โกรธกรุ่นมากจ้า...น้องเหวอไปเลย ฮือ~~~ สงสาร

แฟนเก่าแต่รักไม่เก่าจะเป็นยังไงต่อน้า...เดินหน้าเลยค่ะ คุณพรี่~~~

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 03.1 - up21.6.62
«ตอบ #8 เมื่อ21-06-2019 08:29:16 »


03




 

Friday: คุณชาย ผมเองนะครับ

Friday: เหมือนผมจะลืมกระเป๋าเป้ไว้บนรถคุณชาย ใบสีน้ำเงินน่ะครับ ช่วยดูให้หน่อยได้มั้ยครับ

Friday: คือว่ามันมีบทละครอยู่ ผมรบกวนคุณชายมาเจอกันคนละครึ่งทางได้มั้ยครับ พรุ่งนี้ผมต้องใช้

Friday: ขอโทษนะครับที่แอดมาไม่บอกก่อน



เสียงข้อความดังรัวติดกันหลายครั้งจนเจ้าของโทรศัพท์ที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ต้องละสายตามอง มันกวนใจเขาแต่ก็ไม่มากเท่ากับเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างของหม่อมราชวงศ์รฐากำลังเดินอุ้มลูกชายตัวเล็กเข้ามาในห้อง



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเงยหน้ามองเงียบๆ คลายยิ้มให้หลานชายที่ยื่นมือทางเขาเหมือนอยากเข้ามาเล่นด้วย



ตึ้ง ตึ่ง



“ปล่อยเสียงดังขนาดนั้นมีสมาธิทำงานหรือไงจ๊ะน้องชายเพลิง” หม่อมราชวงศ์รฐาหันมาถามขณะที่หยิบร่มในห้องเขาติดมือมาด้วย



“ตอนแรกพอมีครับ พอพี่ฐาเปิดประตูเข้ามา...”



“แน่ะๆ จะหาว่าพี่มาทำลายสมาธิเราเหรอ” หม่อมราชวงศ์รฐามองค้อนน้องชายคนรองสุดท้อง อันที่จริงก็ความผิดเธอนั่นแหละที่เปิดประตูห้องมาโดยไม่เคาะก่อน แต่เพราะว่าเป็นความเคยชินตั้งแต่เด็กที่แก้ยังไงก็แก้ไม่หายเลยกลายเป็นเรื่องปกติของทรงเพลิงไปแล้ว



“พี่ไม่กวนแล้วก็ได้ แต่แหม...น่าสงสัยจัง ใครกันส่งแชตรัวๆ มาขนาดนั้น สาวๆ หรือเปล่าเอ่ย”



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงแค่ยกยิ้มแล้วก็จ้องคอมพิวเตอร์ต่อ เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามกับพี่สาวเพราะกลัวว่าจะถูกแซว ปล่อยให้หม่อมราชวงศ์รฐาที่เข้ามายืมพื้นที่ในเพนต์เฮ้าส์ในการหลบฝนยืนจ้องหน้าต่อไป



“เรานี่ง้างปากยากจริงๆ เลยนะชายเพลิง ไม่น่ารักเหมือนชายโปรดเลย”



เขายิ้มอีกครั้งและนั่นก็ทำให้ได้ยินเสียงจิ๊ปากจากพี่สาว หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงนั่งทำงานไปพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าอยู่อย่างนั้น



เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะส่งไปได้อีกนานแค่ไหน



“งั้นพี่กลับก่อนละกัน ไม่กวนเวลาเราแล้ว ชายเล็กธุจ้าคุณน้าหน่อยครับ” เสียงเล็กๆ ของหลานชายทำให้หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเงยหน้าขึ้นจากจอแล้วยกมือรับไหว้



“กลับดีๆ นะครับพี่ฐา ถึงบ้านแล้วโทรบอกผมด้วย”



“เป็นห่วงพี่ก็ไปส่งหน่อยสิ”



“พี่ฐาเอารถมานี่ครับ”



“ก็ขับรถของพี่ไปส่งที่วังไง จากนั้นชายเพลิงก็นอนที่วัง...”



“หลอกผมกลับบ้านอีกแล้ว”



หม่อมราชวงศ์รฐาหัวเราะ แม้จะรู้ว่าทรงเพลิงไม่ใช่คนที่ลืมบ้านไปแล้วแต่เธอก็อยากให้น้องชายคนนี้กลับไปนอนที่วังบ้างเท่านั้นเอง และไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าจะซื้อเพนต์เฮ้าส์ใหญ่โตหลายสิบล้านนี้ทำไมในเมื่อตัวเองก็อยู่คนเดียว สู้กลับไปอยู่วังมีคนคอยปรนนิบัติไม่ดีกว่าหรือไง



จะว่าไปแล้วหนุ่มดีกรีนักเรียนนอกอย่างน้องชายของเธอคงจะอยากอยู่คนเดียวมากกว่า ก่อนที่หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดจะมีคู่หมั้นเธอก็เคยแวะไปที่เพนต์เฮ้าส์ของน้องชายคนเล็กมาด้วยเหมือนกัน หว่านล้อมด้วยวิธีเดียวกันนี่แหละ แต่ก็ไม่ยักว่าจะย้ายกลับไปอยู่วังภัสร์ฤทัยกันสักคน



คนนั้นน่ะพอเข้าใจว่าเจ้าชู้ หยุดอยู่กับที่ไมได้



แต่คนนี้ที่นิ่งๆ นี่สิ...แฟนก็ไม่มี อยู่คนเดียวไม่เหงาตายหรือไง



“รู้ว่าไม่ได้ผลพี่ก็พูดไปงั้นแหละ อย่านอนดึกนะชายเพลิง ฝันดีจ้ะ”



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินตรงเข้าไปหาพี่สาวเพื่อช่วยเปิดประตูให้



กะว่าจะส่งหม่อมราชวงศ์แค่หน้าประตูห้อง แต่เพราะเจ้าหลานชายร้องงอแงอยากอยู่เล่นกับเขาก่อนทรงเพลิงเลยต้องทำหน้าที่อุ้มชายเล็กแทน ปลอบให้เด็กตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนอารมณ์ดี จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องเดินไปส่งหม่อมราชวงศ์รฐากับหลานชายถึงลานจอดรถ



เขามอง BMW สีขาวมุกเคลื่อนออกไปจากคอนโดท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำ



คนตัวสูงเดินกลับเข้าห้องในเวลาต่อมาก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม คุณชายทรงเพลิงมองโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าแล้ว มือหนาหยิบมันขึ้นเปิดอ่านข้อความจากใครบางคนที่ส่งข้อความมาก่อนหน้านั้น



Friday...วันศุกร์



Friday: คุณชาย ผมเองนะครับ

Friday: เหมือนผมจะลืมกระเป๋าเป้ไว้บนรถคุณชาย ใบสีน้ำเงินน่ะครับ ช่วยดูให้หน่อยได้มั้ยครับ

Friday: คือว่ามันมีบทละครอยู่ ผมรบกวนคุณชายมาเจอกันคนละครึ่งทางได้มั้ยครับ พรุ่งนี้ผมต้องใช้

Friday: ขอโทษนะครับที่แอดมาไม่บอกก่อน

Friday: คุณชายครับ ._.

Friday: (ส่งสติ๊กเกอร์หน้าหมีร้องไห้)

Friday: ผมง่วงแล้ว

Friday: (ส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีนอนหลับ)

 

คนอ่านหัวเราะเบาๆ เขาไม่รู้หรอกว่ากระเป๋าของวันศุกร์อยู่ในรถหรือเปล่าเพราะตัวเองก็ไม่ได้สังเกตอะไรขนาดนั้น หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเลยเลือกที่จะไม่ตอบข้อความอีกคน แต่กลับกดส่องดูโปรไฟล์ของวันศุกร์แทนที่จะลงไปที่ลานจอดรถเพื่อเช็กดูว่ามีกระเป๋าอยู่จริงมั้ย



เขามองภาพที่วันศุกร์ถ่ายรูปในห้องนอนซึ่งใช้เป็นภาพโปรไฟล์แล้วก็แต่ย้อนคิดเรื่องเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงอึดอัดใจที่รู้ว่าต้องร่วมงานกับแฟนเก่า ถึงแม้ว่าจะค้านไม่เอาดาราคนนี้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่พอถูกฝ่ายบริหารและคนอื่นๆ ในห้องประชุมจี้ถามเขาก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงคิดว่ามันจะแย่ แต่ก็นั่นแหละ พอเจอกันจริงๆ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น



ไม่ได้แย่ที่ไม่มีเรื่องน่าอึดอัดใจ นับว่าวันศุกร์มีความเป็นมืออาชีพพอที่สามารถร่วมงานกับเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผิดกับตัวเขาเองที่พอเจอหน้ากันครั้งแรกในรอบสองปีก็เข้าโหมดโหดใส่จนวันศุกร์หน้าเสีย



และวันศุกร์ก็ทำให้รู้ว่าที่เขาโมโหวันนั้น มันเป็นแค่ฉากบังความรู้สึกลึกๆ ของตัวเอง



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้สมองผ่อนคลายไปกับเสียงฝน เสียงฟ้าร้องดัง



สงบจิตสงบใจตัวเองไม่ให้นึกถึงกลิ่น เสียง รอยยิ้ม และใบหน้าของคนคนนั้น



เขาทน



ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้



เขาทำแบบนั้น



ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยจะทำได้เลยสักครั้ง







*****





 

“วันศุกร์ ทำไมยังไม่นอนอีก ท่องบทที่ต้องถ่ายพรุ่งนี้อยู่เหรอ”



“เปล่าครับพี่โม”



“งั้นนอนได้แล้ว เดี๋ยวตาเป็นหมีแพนด้านะเว้ย”



“พี่โม”



“อะไร”



“ถ้าเราส่งข้อความไป เขาอ่านแต่ไม่ตอบพี่โมจะทำยังไง” วันศุกร์แหงนหน้ามองผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองที่ยืนกอดอกทำหน้างงอยู่ตรงปลายเตียง ในใจเขาว้าวุ่นเกินกว่าจะข่มตานอนได้ทั้งๆ ที่ตัวเองน่ะหวงเวลานอนมากที่สุด



ต้นเหตุก็คือคุณชายทรงเพลิงนั่นแหละ



“ว่าไงอ่ะพี่โม”



“ไม่รู้ว่ะ ฉันก็เจอจนชิน”



“โห่”



“จะมาโห่อะไรวันศุกร์ นี่ดื้อกว่าต้นน้ำอีกนะ สี่ขวบกับยี่สิบสี่ขวบ ใครเด็กกว่ากันวะเนี่ย” พี่โมพูดถึงลูกชายของตัวเองที่เลี้ยงง่ายยิ่งกว่าวันศุกร์ บอกให้นอนก็นอนตั้งแต่หัวค่ำ ไม่เหมือนเขาป่านนี้ยังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วยซ้ำ



“นี่...อย่าบอกนะว่ามีแฟน”



“เฮ้ย! พี่โม ไม่ใช่ๆ”



“อย่าริเชียว...”



“ไม่ใช่แน่นอนพี่โม ผมรอคุณชายเพลิงเขาตอบแชตอยู่ต่างหาก นี่รอเป็นชั่วโมงแล้ว”



“แล้วไปรอเขาตอบทำไม ถ้าอ่านไม่ตอบอย่างนี้เขาคงไม่อยากคุยแล้วมั้ง”



คนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงฟุบหน้าลงไปกับหมอนนุ่มๆ วันศุกร์ร้องฮือออกมาดังๆ...รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดจริงๆ ที่ทำเป็นใจกล้าแอดไอดีอีกฝ่ายทั้งที่ไม่รู้เลยว่าถ้าเขาเห็นข้อความแล้วจะตอบกลับหรือเปล่า



ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้นี่นา



“แล้วไปคุยกับเขาทำไมไม่ทราบ”



“ผมลืมกระเป๋าไว้บนรถเขาน่ะครับ”



“เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนไปประชุมค่อยถามก็ได้นี่หว่า”



คำตอบของพี่โมทำเอาคนที่ฟุบหน้าอยู่เด้งตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ วันศุกร์ร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าพรุ่งนี้จะมีตารางงานเข้าแทรกเข้ามาอีก



“ทำไมผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มีประชุม พี่แทรกงานอีกแล้วเหรอครับ”



เมื่อครั้งที่แล้วที่ถูกคุณชายทรงเพลิงตำหนิก็เพราะมีงานแทรกมาหลายๆ งานเยอะจนแทบไม่มีเวลาเดินทางไปทำงานชิ้นอื่นๆ ต่อ แต่ครั้งนั้นก็เป็นไปตามความสมัครใจของวันศุกร์ด้วย...ไม่ใช่เพิ่มโดยที่เขาไม่รู้แบบนี้



“นี่ไม่ได้แทรกแบบด่วนนะวันศุกร์ เสร็จงานที่ต้องไปถ่ายตอนเช้าก็ตรงไปประชุมที่ตึกคุณชายเขาได้เลย แล้วมีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงให้แกเดินทางไปถ่ายละครต่อที่บางแค”



คำอธิบายรัวๆ ทำเอาคนฟังนั่งห่อไหล่ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย วันศุกร์จำได้แม่นว่าหลังจากที่ถูกคุณชายตำหนิก็คุยกับพี่โมแล้วว่าต่อจากนี้จะไม่โลภมากรับงานอัดกันเยอะๆ ในหนึ่งวัน แค่เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้าแบรนด์ดังอย่าง เชอรีอัล และแบรนด์ตัวอื่นๆ ก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำอยู่แล้ว



“พรุ่งนี้ประชุมบ่ายโมงตรง”



“พี่โม ผมอัดรายการเสร็จตอนเที่ยงครึ่งนะครับ”



“ระยะทางมันไม่ไกลกันเท่าไหร่ พี่ดูแล้ว”



“...”



“เอาหน่าวันศุกร์ พรุ่งนี้เป็นวันที่แกว่างสุดๆ แล้วนะ ถ้าไม่ประชุมวันนี้พี่ก็หาตารางแทรกให้ไม่ได้แล้วแหละ แล้วก็ นอน ได้ แล้ว”



ผู้จัดการส่วนตัวที่มีศักดิ์เป็นญาติโบกมือลาทันทีที่พูดจบ เธอเดินออกจากห้องนอนของวันศุกร์พร้อมกับปิดประตูปิดไฟให้เหมือนเดิมอย่างที่เคยทำ



พี่โมเป็นลูกพี่ลูกน้องของวันศุกร์ที่เรียนจบด้านดีไซเนอร์ แต่ในตอนที่พี่โมเรียนจบ แม่ของพี่โมกับพ่อแม่ของวันศุกร์ก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ยังไม่ทันได้มาร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่เลยด้วยซ้ำ



พวกเขาไม่มีญาติที่ไหนแล้ว ทั้งครอบครัวก็เหลือกันแค่สามคน พี่โม วันศุกร์ และหลานชายเท่านั้น



วันศุกร์กับผู้จัดการส่วนตัวพักอยู่ในคอนโดห้องเดียวกัน มันเป็นสมบัติชิ้นที่สองที่วันศุกร์เก็บเงินซื้อสดด้วยตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจย้ายออกจากคอนโดที่ราคาเช่าเกือบหลักแสน



พี่โมก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีลูกตัวน้อยติดมาด้วย ถ้าจะให้พี่โมไปอยู่ตามลำพังกับลูกสองคนก็ดูท่าจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ วันศุกร์เลยให้พี่โมย้ายเข้ามาอยู่กัน อีกอย่างมันสะดวกดีด้วยเพราะเวลามีงานอะไรในแต่ละวันพี่โมจะได้แจ้งเขาทันทีโดยไม่ต้องโทรหาให้วุ่นวาย



อยู่ด้วยกันมาเกือบสองปีแล้ว จากตอนแรกที่ห้องมีแต่ของของวันศุกร์จนตอนนี้พื้นที่ 80% มีแต่ข้าวของของพี่โมทั้งนั้น



วันศุกร์ถอนหายใจแรงๆ ล้มตัวนอนบนเตียง มันอ่อนล้าและเหนื่อยบอกไม่ถูก สองปีที่ผ่านมาพี่โมรับงานให้เขาเยอะมากจนหายใจแทบไม่ทัน วันศุกร์รู้อยู่ว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงกอบโกย งานอะไรไปได้ก็ไปหมด แต่เพราะตารางงานที่มันกระชั้นชิดแบบนี้ทำให้หลายต่อหลายครั้งวันศุกร์ต้องทำงานทุกงานอย่างยากลำบาก คอยกระวนกระวายใจกลัวจะไปงานต่อๆ ไปไม่ทัน



ถึงแม้ว่าสองปีมานี้วันศุกร์จะรักษาเวลาไว้ดีมากแค่ไหนก็ตาม แต่พอเจอคุณชายทรงเพลิงหัวร้อนใส่เขาก็ขาดความมั่นใจไปสักพักเลยแหละ



พอมีเรื่องให้นึกถึงคุณชายคนนั้นวันศุกร์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเข้าโปรแกรมแชตอีกครั้ง



ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน หมายถึงคุณชายทรงเพลิงน่ะที่ยังไม่ยอมตอบแชตเขาสักกะหนึ่งตัวอักษร จริงๆ ตอนนี้วันศุกร์ไม่ต้องการอะไรมาก แค่จุดเดียวก็ส่งมาเถอะ ไม่ได้อยากรู้สึกเหมือนคุยคนเดียวแบบนี้



“ขี้เก๊กเยอะขึ้นนะ ทำหน้าตึงตอนถ่ายรูปก็ได้ด้วยเหรอ”



พูดกับภาพโปรไฟล์ของคุณชายทรงเพลิงที่แม้ว่าจะมองกล้องอยู่แต่ก็ไม่แย้มยิ้มเลยสักนิด ไม่รู้ว่าตอนถ่ายรูปไปโกรธใครมาหรือเปล่าถึงได้ทำหน้าแบบนั้นใส่กล้อง



หน้านิ่งๆ ขรึมๆ แต่ก็ดูหล่อและเพอร์เฟ็กต์เหมือนเดิม



วันศุกร์เหลือบมองเวลาจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วคิดไปคนเดียวว่าดึกป่านนี้อีกฝ่ายคงนอนแล้ว



นิ้วเรียวขาวเลยกดพิมพ์ข้อความให้ทรงเพลิงอีกครั้งพร้อมกับอ้าปากหาววอดไปด้วย วันนี้แทบทั้งวันเขารบกวนคุณชายเยอะแล้ว ประโยคที่คิดได้ในหัวก็คงมีแต่คำขอบคุณและคำขอโทษ



Friday: ผมไปนอนนะครับคุณชาย ฝันดีครับ

Friday: ขอโทษจริงๆ นะครับที่มารบกวน

Friday: คุณชาย



วันศุกร์เม้มปากประหม่าเพราะไม่รู้ว่าประโยคถัดไปควรจะพิมพ์ไปดีหรือเปล่า หรือควรเก็บมันไว้ในหัวอย่างนั้นต่อไป



แค่คำถามที่ว่า คุณสบายดีหรือเปล่า เท่านั้นเอง ประโยคสั้นๆ ที่วันศุกร์อยากถามซ้ำ อยากได้คำตอบจากปากของคุณชายทรงเพลิงอีกครั้ง อยากรู้ว่าที่ตอบไปเมื่อตอนค่ำ...มันตรงกับตอนนี้มั้ย



แต่ก็...ไม่ถามจะดีกว่า



ก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์ในระดับที่ถามแบบนั้นได้



วันศุกร์รู้ตัวว่าตัวเองกักกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้เลยตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรก



เพราะคุณคนเดียวเลยเพลิง



ประตูของความคิดถึงถูกเปิดออกเพราะเขา ทั้งที่ตลอดสองปีวันศุกร์ปิดมันเอาไว้อย่างหนาแน่น



วันศุกร์บอกตัวเองเสมอ...เป็นฝ่ายบอกเลิกเอง ไม่มีสิทธิ์คิดถึงนะรู้มั้ย



เฮ้อ



Plerng: ยังไม่นอน



“เฮ้ย!”



จากที่นอนจมอยู่กับความคิดก็สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจเพราะเสียงข้อความเข้า วันศุกร์รีบเปิดดูแล้วก็ต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าคนที่ส่งแชตมาคือคุณชายทรงเพลิง



Plerng: ผมไม่รู้เรื่องกระเป๋าของคุณ

Friday: อ้าว ไม่อยู่ในรถคุณชายเหรอครับ

Plerng: ไม่รู้



วันศุกร์เม้มปากแล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง จากที่เพลียๆ ง่วงๆ ก็หายปลิดทิ้ง แถมยังตาสว่างจ้าเหมือนกินกาแฟมาแล้วหลายแก้วอีกต่างหาก

Friday: น่าจะอยู่เบาะหลังครับ

Friday: คุณชายดูให้หน่อยได้มั้ย

Plerng: ผมไม่สะดวก

Plerng: จะนอนแล้ว

Friday: เมื่อกี้บอกว่ายังไม่นอนนี่นาคุณชาย

Friday: ขอร้องนิดหน่อยหนีไปนอนเลยนะครับ

Plerng: ผมเป็นเพื่อนเล่นคุณเหรอ



วันศุกร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย รู้อยู่เต็มอกว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่ใช่คนเดิมที่จะคุยเล่นด้วยได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่น่าจะใจร้ายกับคนตาดำๆ อย่างเขามั้ยล่ะ



คนตัวบางที่ไดเอตจนเหลือเอวนิดเดียวรีบรัวนิ้วพิมพ์ตอบกลับอีกฝ่าย วันศุกร์จำใส่สมองเลยแหละว่าต่อจากนี้จะไม่นั่งรถคันหรูของคุณชายเขาอีกแล้ว และไม่เข้าใกล้หรือไปไหนมาไหนโดยไม่มีเหตุจำเป็นอีกเป็นอันขาด



ต่อให้พนาชวนอีกข้าอีกครั้ง วันศุกร์ก็ไม่ไปแล้วถ้าคุณชายคนนี้ไปด้วย



Friday: ขอโทษครับคุณชาย

Friday: ผมมั่นใจว่ากระเป๋าอยู่ในรถคุณชายแน่ๆ ครับ ผมไม่ได้ความจำสั้น ถ้าอย่างนั้นผมค่อยรอเอากระเป๋าคืนพรุ่งนี้แล้วกันนะครับ ขอบคุณและขอโทษอีกครั้งครับคุณชาย

Read



วันศุกร์เบ้ปากใส่โทรศัพท์แล้วโยนมันไว้ข้างๆ หมอนหนุนหัวก่อนจะล้มตัวนอนอย่างหงุดหงิด คนตัวขาวดึงผ้าห่มคลุมจนมิดไปทั้งตัว หายใจฟึดฟัดเพราะยังระงับความงุ่นง่านไม่ได้



ไม่น่าคุยดีด้วยก่อนเลย

คนอะไรก็ไม่รู้ มาดเยอะ ขี้เก๊กชะงัด :l

 





[มีต่อด้านล่างค่ะ]


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 03.2 - up21.6.62
«ตอบ #9 เมื่อ21-06-2019 08:30:37 »

*****









วันศุกร์หายใจแฮ่กอยู่ในลิฟต์ที่กำลังจะพาตัวเองขึ้นไปยังห้องประชุมชั้นสิบ ข้างๆ เขามีพี่โมที่ยืนหอบไม่แพ้กัน ต่างคนต่างโกยอากาศหายใจในพื้นที่แคบๆ วันศุกร์มองตัวเองในกระจกลิฟต์ตัวนี้แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ เพราะเหงื่อไหลเต็มหน้าเขาไปหมด



“พี่โม ขอทิชชูหน่อยครับ”









“อ่ะ เอาไป”



วันศุกร์รีบหยิบทิชชู่มาซับเหงื่อออกจากใบหน้า อากาศประเทศไทยร้อนจนตับแลบแถมยังต้องรีบวิ่งเพื่อให้ทันประชุมอีกด้วย เขาเพิ่งเสร็จจากงานอัดรายการทีวีที่อยู่ตึกตรงข้ามกัน โชคดีนะที่ระยะทางไม่ไกลกันเท่าไหร่เลยสามารถวิ่งข้ามถนนมาที่บริษัทเชอรีอัลได้



ตึ้ง



“แกไปก่อนเลย พี่ปวดท้องว่ะ นี่ๆ เอาไปจดรายละเอียดการประชุมด้วย”



“พี่โมรีบตามไปนะ”



“เออออ ไปเหอะๆ ขอเวลาสักแป๊บ”



วันศุกร์ค่อนข้างกังวลกับการเผชิญหน้าต่อหน้าผู้ใหญ่ตัวคนเดียว แค่รู้ว่าวันนี้หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงต้องเข้ามาบรีฟคอนเซ็ปต์ด้วยก็ขนลุกแล้ว ไม่รู้ว่าจะมาโหมดโหดเหมือนเมื่อคืนหรือเปล่า



คนตัวบางก้าวฉับๆ ไปยังหน้าห้องที่แปะป้ายว่า Meeting Room 1 ยกมือเคาะประตูสามครั้งตามมารยาทแล้วค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป วันศุกร์ชะโงกหน้ามองลาดเลาก่อนจะต้องเม้มปากกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ เมื่อเห็นว่าพี่ๆ ฝ่ายมาร์เก็ตติ้งนั่งเท้าคางรอออยู่แล้ว และก็ใช่ ในนั้นมีรองประธานคือคุณชายทรงเพลิงกับผู้บริหารคือคุณเมย์นั่งอยู่ด้วย



“สวัสดีครับ”



“สวัสดีค่ะวันศุกร์ ข้างนอกร้อนแย่เลยใช่มั้ย เหงื่อไหลเต็มหน้าขนาดนี้”



“นิดหน่อยครับคุณเมย์ ผมวิ่งมาด้วยกลัวมาไม่ทันครับ”



“วันศุกร์ตรงเวลาอยู่แล้ว พี่ได้ยินผู้จัดหลายคนชมมาเลยนะคะว่าเราจัดสรรเวลาเก่ง”



วันศุกร์ยกมือไหว้ขอบคุณคุณเมย์ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณชายทรงเพลิง และใช่ วันศุกร์เป็นคนนอบน้อมที่กำลังจะยกมือไหว้คุณชายเขาแต่ก็ต้องยกมือค้างเก้อแบบนั้นเพราะอีกฝ่ายกลับก้มหน้ามองนาฬิกาเหมือนกำลังเบื่อหน่ายกับเวลาซะเหลือเกิน



เข้มซะไม่มี



“มาคนเดียวเหรอน้องวันศุกร์ เมเนเจอร์ไปไหนล่ะคะ” พี่สุที่นั่งควงปากกาเล่นถามขึ้น พี่คนนี้วันศุกร์คุ้นเคยดีเพราะพี่เขาเป็นคนดีลงานวันศุกร์กับพี่โมตลอด



“พี่โมปวดท้องครับ เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ”



“ประชุมเลยมั้ย หรือจะคุยกันก่อน”



น้ำเสียงแสนจะเยือกเย็นดังขึ้น จากที่ร้อนๆ เหงื่อแตกอยู่วันศุกร์ก็หนาวจนขนลุกขึ้นมาทันที คนตัวขาวมองคนแก่กว่ากำลังเงยหน้ามองเขาด้วยสายตานิ่งๆ ออร่าของความโหดแผ่กระจายปกคลุมทั่วทั้งห้อง



“อะไรกันคะคุณชายเพลิง เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีๆ อยู่เลย ร้อนจนเพี้ยนเปล่าเนี่ยคะ”



เออ อะไรของเขาวะ



วันศุกร์มองคุณเมย์กำลังแซวหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พอคุณเมย์พูดนิดพูดหน่อยก็เงียบไม่ตอบโต้สักคำ



“งั้นเริ่มประชุมเลยนะคะ”



ใครสักคนในห้องนั้นพูดขึ้นกลบความอึมครึมในห้อง เป็นเวลาเดียวกันกับที่วันศุกร์กำลังตั้งใจฟังเนื้อหาของการประชุมในวันนี้



วันศุกร์มองโปรเจ็กต์เตอร์ที่ฉายรายละเอียดต่างๆ สำหรับคอนเซ็ปต์งานถ่ายภาพนิ่งที่สตูดิโอและต่างจังหวัด ในนั้นแจ้งเอาไว้ว่าจะมีถ่ายเป็นวีดีโอโฆษณานอกสถานที่ความยาวห้าสิบนาทีตามโลเคชั่นที่หาไว้ด้วย พรีเซนเตอร์คนใหม่อย่างเขาฟังไปก็ตื่นเต้นไป เพราะสถานที่สำหรับถ่ายนอกสถานที่เป็นป่าชื้นที่ให้กลิ่นอายธรรมชาติเอามากๆ



“สินค้าที่น้องวันศุกร์ต้องโชว์หลักๆ คือสินค้าใหม่สามชิ้นนะคะ มีเซรั่มบำรุงผิวหน้า น้ำหอม แล้วก็ลิป”



คนฟังพยักหน้าหงึก อันนั้นเขารู้อยู่แล้วเพราะตอนทำสัญญากันก็อ่านครบถ้วน เป็นสามสินค้าตัวใหม่ที่สำคัญมากสำหรับบริษัท และก็สำคัญมากๆ สำหรับวันศุกร์ด้วย



แต่ทว่าตลอดเวลาที่นั่งฟังและช่วยออกความคิดเห็นวันศุกร์กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีสมาธิขึ้นมาดื้อๆ เหมือนถูกสายตาคู่หนึ่งมองอยู่ตลอด แล้ววันศุกร์ก็คลายความสงสัยโดยการแอบแกล้งทำทีเป็นเมื่อยคอ แกล้งหมุนคอซ้ายขวาก่อนจะเจอกับสายตาต้นเหตุที่ทำให้เขาเสียสมาธิ



แม้จะรู้ว่าถูกจับได้แล้วแต่คุณชายก็ยังไม่ยอมละสายตา แทนที่จะดูทีมงานพรีเซนต์งานแต่กลับมานั่งจ้องหน้าเขาเนี่ยนะ ดีจริงๆ เลยรองประธานที่นี่



‘มองอะไรครับ’



วันศุกร์ขยับปากพูดแบบไม่มีเสียงถามคนตรงข้าม และนั่นก็ทำให้คนที่กำลังมองเขาอยู่ขมวดคิ้วหน่อยๆ วันศุกร์ชี้นิ้วไปที่โปรเจ็กต์เตอร์ กะพริบตาปริบๆ เหมือนจงใจจะกวนคุณชาย



แต่จริงๆ ไม่ได้กวนนะ อะไรมันเข้าตาก็ไม่รู้เลยต้องกะพริบตา



“วันศุกร์มีข้อเสนอมั้ยจ๊ะ พี่เห็นเรานั่งพึมพำคนเดียว”



แล้วจู่ๆ ก็ถูกถามทั้งที่เมื่อกี้ยังไม่ได้ทันได้ฟังอะไรมากนัก วันศุกร์ฉีกยิ้มให้พี่คนที่กำลังบรีฟงานอยู่ ยิ้มแห้งๆ ให้พี่เขา สมองกำลังประมวลภาพบนหน้าจอแล้วก็คิดไปเองว่าเมื่อกี้...พี่เขาต้องคุยเรื่องนี้อยู่แน่ๆ



“มีปีนเขามั้ยครับ ผมว่าถ้าเราขึ้นไปถ่ายบนภูเขาภาพน่าจะสวยดีนะครับ”



“เมื่อกี้คุณพัชบอกว่าอยากได้วิวคู่กับต้นไม้เยอะๆ ไม่ได้ต้องการวิวบนภูเขา”



“...”



“ถ้าคุณต้องการทีมงานจะทำงานลำบาก”



กริบ...



คุณชายทรงเพลิงตอบมาแบบนั้นแล้ววันศุกร์จะทำอะไรได้



คนโตกว่ายืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะนั่งกอดอกมองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเหลือบตาจ้องวันศุกร์อีกครั้ง มุมปากหยักกระตุกเบาๆ และนั่นก็ทำให้วันศุกร์ รู้ว่า...กำลังจะถูกคุณชายโหมดโหดเล่นงานซะแล้ว



“คุณเอาแต่มองหน้าผม ไม่สนใจสิ่งที่คุณพัชกำลังพูด หูทำงานไม่สอดคล้องกับตาของคุณ หรือว่าเหนื่อยมากไปครับ การประชุมเลยไม่มีความหมาย”



วันศุกร์เบิกตากลมๆ กว้าง ตกใจที่อีกคนพูดออกมาได้ว่าเขาเอาแต่นั่งจ้องหน้า วันศุกร์สบถในใจคนเดียวถึงจะโมโหแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่ขมวดคิ้วเท่านั้น



“กลับไปพักผ่อนก่อนมั้ย พร้อมเมื่อไหร่ค่อยสละเวลาให้พวกผม”



“ไม่ใช่นะครับคุณชาย” วันศุกร์ส่ายหน้าก่อนจะหันไปยกมือไหว้คุณพัชที่ยืนยิ้มแหยอยู่หน้าโปรเจ็กต์เตอร์ “ผมขอโทษนะครับพี่พัช ผมฟังพี่พัชพูดตั้งแต่แรกเลยนะครับ เมื่อกี้ผมแค่...”



“ถ้าคิดว่างานที่นี้ไม่สำคัญก็อย่ามาเลยครับ ดาราคนอื่นส่งตัวแทนมาบรีฟงานตั้งเยอะแยะ คุณทำแบบนั้นก็ได้ ผมว่ามันเป็นนิสัยของดาราที่ดังแล้วขาดความรับผิดชอบ”



“คุณชายครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิด ทำไมต้องพูดเองเออเองด้วย” ประโยคที่ออกจากปากคุณชายทรงเพลิงทำเอาวันศุกร์หัวร้อนจนต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้  มือเล็กๆ กำแน่น ยอมรับเลยว่าโกรธมากจนอยากจะเข้าไปเขย่าคอเสื้อเชิ้ตคนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ



คนตัวบางขมวดคิ้วแน่นมองคุณชายทรงเพลิงที่กำลังใช้สายตานิ่งๆ จ้องเขาอยู่



“คุณกำลังเสียมารยาท”



“ก็คุณพูด...”



“นั่งลงครับ”



สายตาของคนทั้งห้องจับจ้องมาที่พวกเขาสองคน วันศุกร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยอมนั่งลงบนเก้าอี้เหมือนเดิม คิ้วสวยขมวดยุ่งในขณะที่ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ คนตัวขาวเหลือบมองหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงแวบเดียวแล้วก็ต้องหลับตาข่มอารมณ์เมื่อเสียงของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง



“คุณใจไม่นิ่งพอ ผมพูดแค่นี้ก็หงุดหงิด”



“ผมขอโทษครับ แต่ผมตั้งใจฟังพี่เขาพูดอยู่จริงๆ”



“ครับ”



“...”



“จะตั้งใจหรือไม่ เดี๋ยวตอนทำงานจริงก็รู้เอง”



คุณชายหมาบ้า! ใครได้ไปเป็นแฟนโคตรจะโชคร้ายเลย







*****





 

ประชุมเสร็จแล้ววันศุกร์ก็ลงมานั่งถอนหายใจอยู่ในห้องรับรองของบริษัท ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตวันศุกร์ไม่เคยรู้สึกหมดแรงกับการประชุมขนาดนี้มาก่อน เครียดจนปวดหัวตัวร้อนไปหมด อยากได้ยาแก้ปวดสักเม็ดแต่กระเป๋าก็ดันอยู่กับคนใจร้ายคนนั้นอีกด้วย อ้อ และก็อีกอย่าง วันศุกร์ยังต้องมาปวดหัวกับพี่โมที่ดันหนีไปรับลูกตั้งแต่บ่าย หนีประชุม ไม่ยอมเข้ามารับชะตากรรมด้วยกัน



“พี่โมจะมาทันมั้ย ผมต้องใช้รถนะครับ”



(ฝนมันตกว่ะแก รถมันติดอยู่อโศกเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย)



“พี่อ่ะ...”



(แกนั่งแท็กซี่ไปก่อนสิ เดี๋ยวฉันส่งลูกเสร็จแล้วจะรีบตามไปที่กองถ่ายเลย)



“พี่โมครับ ค่าแท็กซี่จากพระรามสี่ไปบางแคไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ”



(เออออหน่า ระหว่างเสียเงินค่าแท็กซี่แต่ไปถ่ายละครทันกับรอให้ฉันไปรับแต่สายแกจะเลือกอะไร)



“พี่โมอ่ะ...ก็ได้ๆ ผมไปแท็กซี่เองก็ได้ รถติดด้วยเนี่ย...โอนค่าแท็กซี่มาให้ด้วยเลย”



(ใช้เงินรายเดือนแกไปสิวะวันศุกร์)



“ถ้าผมใช้ก็ไม่ชนเดือนสิครับ”



(แกฟังฉันนะเว้ย ตอนนี้พี่รถติด และเน็ตพี่กากมาก เข้าแอพไม่ได้เลยเนี่ย แกใช้เงินเดือนไปก่อนนะ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันโอนคืนให้ เคป้ะ)



ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้ว วันศุกร์เสียงอ่อนตอบรับพี่โมเบาๆ ก่อนจะนั่งก้มหน้ากุมขมับอยู่คนเดียว ตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว วันศุกร์นั่งรอพี่โมตั้งแต่สี่โมงจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มารับ โชคดีนะที่วันนี้ถ่ายละครสามทุ่ม ไม่อย่างนั้นวันศุกร์คงได้ร้องโฮกลางบริษัทนี้แน่ๆ



“อ้าววันศุกร์ ยังไม่ถึงไหนอีกเหรอ”



แล้วก็เป็นช่วงที่พนักงานทยอยกลับบ้านพอดี วันศุกร์เงยหน้าฉีกยิ้มแห้งๆ ให้พี่พัชที่ชะโงกหน้าเข้ามาทักทายกันในห้องรับรอง ห้องๆ นี้เป็นกระจกใสกิ๊ง ใครลงจากลิฟต์มาที่ชั้นหนึ่งก็จะเห็นห้องนี้อยู่ใกล้ๆ กับประตูทางออก วันศุกร์เลยกลายเป็นจุดสังเกตทั้งๆ ที่ปกติตัวเองก็ดึงดูดสายตาผู้คนอยู่แล้ว



อือ ที่นี่ดีอย่างหนึ่ง คือไม่มีใครเข้าเข้ามาวุ่นวายถึงเนื้อถึงตัวดารา อาจจะเป็นเพราะบริษัทตั้งกฎไว้ด้วยแหละมั้งว่าห้ามขอถ่ายรูปหรือลายเซ็นจากพรีเซ็นต์เตอร์ของแบรนด์ นอกซะจากว่าผู้ใหญ่จะอนุญาตน่ะนะ



“กำลังจะไปแล้วครับพี่พัช”



“เมเนเจอร์มารับแล้วใช่มั้ยคะ”



“อ๋อ เปล่าครับ” คนถูกถามส่ายหน้า “ผมไปแท็กซี่ครับ”



“พี่ก็กลับแท็กซี่ไปด้วยกันมั้ย”



“ผมไปบางแค...พี่พัชไปแถวนั้นเหรอครับ”



พี่พัชส่ายหน้ารัวพร้อมกับยิ้มแหย วันศุกร์เอาก็รีบยกมือปิดปากเพราะรู้ว่าตัวเองถามคำถามโง่ๆ ออกมา พี่พัชทำงานอยู่พระรามสี่ ถ้าให้นั่งแท็กซี่กลับบ้านแถวบางแคก็ดูจะไกลไปหน่อย



“พี่อยู่ใกล้ๆ ออฟฟิศนี่แหละ เอ้อ...แล้วเมเนเจอร์ไปไหน ทำไมไม่มารับ ประชุมก็ไม่เข้า”



“พี่โมรับลูกชายครับ ตอนนี้รถติดอยู่อโศกด้วยผมเลยต้องไปเอง”



“อ่อ...แปลกนะเมเนเจอร์น้องเนี่ย เฮ้ยแท็กซี่มาแล้ว พี่ไปก่อนนะวันศุกร์ ไว้เจอกันใหม่จ้า”



ยังไม่ทันที่วันศุกร์จะได้บอกลาอะไรสักอย่างพี่พัชก็วิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว คนตัวบางทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ถอนหายใจออกมาแรงๆ รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้



วันศุกร์คิดคำนวณค่าแท็กซี่ในหัว กำลังหาวิธีที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายและเดินทางให้รวดเร็วกว่านี้ เขาคิดว่าถ้าไปนั่งแท็กซี่ไปลงรถไฟฟ้าใกล้ๆ แถวนี้คงดีกว่าติดแหง็กอยู่ในแท็กซี่ตั้งหลายชั่วโมง อย่างน้อยโดยสารรถไฟฟ้าไปก็คงเร็วกว่าแท็กซี่แน่นอน ถึงมันจะเบียดๆ คนแน่น เสี่ยงต่อการถูกรุมของถ่ายรูปแค่ไหนก็ตาม



แต่มันก็เวิร์กสุดแล้ว



คนตัวขาวรีบลุกขึ้นแล้วจ้ำอ้าวเดินออกจากห้องรับรองเพื่อไปเรียกแท็กซี่ แต่ยังไม่ได้ก้าวขาออกจากตึกจู่ๆ เสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้น คนที่ติดนิสัยชอบตอบแชตคนอื่นทันควันจึงชะงักฝีเท้าทันที ก้มมองโทรศัพท์ในมือแล้วก็ต้องถลึงตามองเมื่อเห็นว่าคนที่ส่งแชตมาก็คือคนที่เพิ่งสู้กันในห้องประชุม



Plerng: สรุปคุณจะมาเอากระเป๋ามั้ยครับ



วันศุกร์ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยตอนที่คุณชายเขาส่งรูปกระเป๋าของตัวเองที่ลืมไว้มาให้ดู ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นจะโมโหกับความโหดเกินเหตุของคุณชาย แต่ตอนนี้วันศุกร์ก็ยิ้มออกและขอบคุณอีกฝ่ายในใจไปแล้วหลายครั้ง



Friday: เอาครับๆ ตอนนี้คุณชายอยู่ตรงไหนเหรอ ผมยังอยู่ในบริษัทนะ”

Plerng: กำลังอกจากตึก

Friday: อ้าว



ปี๊ด!



“เฮ้ย โห่คุณชายนี่”



วันศุกร์พึมพำคนเดียวเพราะตอนแรกนึกว่าคุณชายเขาจะชิ่งหนีกลับบ้านไปซะก่อน แต่พอได้ยินเสียงแตรรถที่จอดอยู่หน้าตึกก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วรีบก้าวขายาวๆ ฝ่าเม็ดฝนออกจากตึกไป



“ขึ้นรถ”



ทันทีที่ประชิดตัวรถคุณชายก็ลดกระจกแล้วพยักพเยิดหน้าบอกให้วันศุกร์รีบวิ่งขึ้นรถเร็วๆ คนที่ถูกสั่งด้วยเสียงเข้มก็ลนจนทำอะไรไม่ถูกเลยต้องรีบวิ่งอ้อมรถไปเปิดประตูรถอีกฝั่งแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่ง



วิ่งฝ่าฝนแป๊บเดียว หัวกับเสื้อเปียกเหมือนตากฝนมาทั้งวัน



“กระเป๋าอยู่ข้างหลัง”



“ขอบคุณนะครับ”



วันศุกร์ยิ้มบางๆ ให้กับใบหน้าด้านข้างของคุณชายทรงเพลิงก่อนจะเอี้ยวตัวเอื้อมหยิบกระเป๋าเป้คู่ใจมากอดไว้แน่น วันศุกร์เปิดกระเป๋าหาแผงยาแก้ปวด ค้นอยู่พักหนึ่งก็เจอจึงแกะเม็ดยาโยนลงคอแล้วดื่มน้ำจากขวดที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงให้เมื่อคืนตามไปด้วย



รถยังจอดอยู่ที่เดิม วันศุกร์ก็นั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม



ไม่มีใครพูดอะไร คุณชายเงียบ เขาก็เงียบ



“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”



ยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนจะทำท่าเปิดประตูรถแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น



“จะไปไหน”



“ไปทำงานต่อครับ แท็กซี่มาแล้วด้วย...ไปก่อนนะครับ”



“เดี๋ยว”



แค่คำสั้นๆ วันศุกร์ก็นั่งนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว มือแตะที่ประตูอยู่ยังไงก็อยู่อย่างนั้น ตากลมๆ มองแท็กซี่ที่วิ่งผ่านไปตาละห้อย



“ผู้จัดการคุณล่ะ”



“มีธุระครับ”



“เลยปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว”



“ครับ”



“...”



“แล้วคุณจะไปทำงานต่อที่ไหน”



“ผมไปสตูฯ ของช่องที่บางแคครับ มีถ่ายละครตอนสามทุ่ม ดูจากGPSแล้วรถติดหนักมาก ถ้าช้ากว่านี้มีสิทธิ์ไปไม่ทันครับ”



ร่ายไปยาวๆ เหมือนตัวเองเป็นผู้จัดการแล้วคนข้างๆ คือดาราเอง วันศุกร์ไม่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำกับคุณชายเขาแล้ว แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่



ก็ได้แต่ภาวนาให้คุณชายทรงเพลิงรีบถาม แล้วรีบปล่อยเขาลงไปสักที



“คาดเบลท์”



“ครับ?”



“เดี๋ยวผมไปส่ง”













#หวนกลิ่นรัก

















คุณชายเพลิงใจเย็นๆ นะ

 


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 03.2 - up21.6.62
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-06-2019 08:30:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 03 - up21.6.62
«ตอบ #10 เมื่อ21-06-2019 08:41:29 »

 o13
 :katai2-1:
 :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 03 - up21.6.62
«ตอบ #11 เมื่อ21-06-2019 11:57:18 »

หมั่นไส่ชายเพลิง..ชายโปรดน่ารักกว่าจริงๆ    o3 o3 o3

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 03 - up21.6.62
«ตอบ #12 เมื่อ21-06-2019 15:36:57 »

คุณชายเพลิงนี่ก็ซึนจนน่าฟาดเหลือเกิน~~~
เหนื่อยใจแทนน้อง...และ ใช่ค่ะ น้องกำลังจะเจอโชคร้ายตัวเบ้อเร่อ!! สงสาร~~~

คุณชายมัวแต่ปากไม่ดีใส่เขา เดี๋ยวน้องเลิกงกเงินถอนตัวขึ้นมาล่ะก็.....หึหึ

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 04.1 - up28.6.62
«ตอบ #13 เมื่อ28-06-2019 08:40:49 »


04



“ถ้าไม่อยากอึดอัดคุณควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน”



“ครับ?”



“คุณยังโกรธผมอยู่ใช่มั้ย เรื่องตอนบ่าย”



“...”



วันศุกร์สบตากับคนตรงหน้าที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาทั้งที่ก่อนหน้านั้นเงียบมาตลอด คุณชายทรงเพลิงที่กำลังหั่นสเต็กเหลือบตามองวันศุกร์เช่นกัน ตาคมกริบของคนตัวสูงจ้องมาเหมือนรอคำตอบ ส่วนตัวเขาน่ะก็ได้แต่นั่งจิ้มสลัดผักที่ไม่ชอบกินเลยสักนิด นั่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ



“เงียบแสดงว่าใช่”



“...”



ปล่อยให้คุณชายเขาพูดเองเออเองโดยไม่คิดที่จะตอบโต้ ถ้าเป็นปกติป่านนี้วันศุกร์คงปกป้องตัวเองด้วยการอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจไปแล้วว่าเขาน่ะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะแยกแยะเรื่องพวกนั้นออกจากกันได้ แต่ตอนนี้วันศุกร์เหนื่อย ล้า และปวดหัวมากเลยไม่อยากต่อบทสนทนากับคุณชายเขา



“คุณชายยังไม่อิ่มใช่มั้ยครับ”



“ยัง”



“งั้นกินไปคนเดียวนะครับ ผมจะไปที่กองถ่ายแล้ว”



พูดจบก็ควักแบงค์ออกจากกระเป๋าสตางค์วางไว้บนโต๊ะหนึ่งใบ วันศุกร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที คว้าสัมภาระของตัวเองแนบอกแล้วจ้ำอ้าวเดินออกจากร้านโดยไม่ลาคนอายุมากกว่าสักคำ



“เดี๋ยว วันศุกร์”



ทั้งๆ ที่ก้าวขาให้ยาวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จนแทบวิ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันคุณชายทรงเพลิงที่ก้าวขายาวๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็สามารถประชิดตัววันศุกร์ไว้ได้ คนตัวสูงคว้าแขนเล็กๆ ไว้ในมือหนา ออกแรงกระตุกนิดเดียววันศุกร์ก็เดินหนีไปไหนไม่ได้แล้ว



“กลับไปกินให้หมด”



“คุณชาย” วันศุกร์ถอนหายใจเหนื่อยๆ เรียกอีกคนเสียงอ่อน “ตอนนี้สองทุ่มครึ่งแล้วครับ ผมมีถ่ายละครตอนสามทุ่มเป๊ะ ปกติตอนนี้ผมต้องนั่งซ้อมที่กองแล้วด้วยซ้ำ ผมกลับเข้าไปกินไม่ได้แล้วแหละ”



วันศุกร์พยายามรั้งแขนตัวเองกลับมาแนบลำตัวตามเดิมแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะมือคุณชายเหนียวยิ่งกว่ากาว คนฟังเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วสุดท้ายหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็ยอมปล่อยแขนเล็กๆ ได้สักที



“งั้นแวะซื้อของไปกินที่กอง”



“ที่กองมีกับข้าวให้กินครับ ไม่ต้องเปลือง”



“อือ”



“...”



“งั้นไปขึ้นรถ”



“เฮ้ย! เดี๋ยวนะคุณชาย ผมไปแท็กซี่เองได้ไม่ต้องลำบากหรอกครับ มาส่งแค่นี้ผมก็ขอบคุณมากๆ แล้ว”



คนตัวบางตกใจยิ่งกว่าอะไรตอนที่ถูกดันหลังให้เดินไปข้างหน้าพร้อมกับคุณชายทรงเพลิงที่ควักกุญแจรถออกจากกระเป๋ากางเกง



ไม่เอาแล้ว ไม่อยากนั่งรถร่วมทางกับคุณชายเขาแล้ว...



วันศุกร์นั่งน้ำลายบูดตลอดทาง ตั้งแต่พระรามสี่ถึงบางแคไม่ได้คุยอะไรกันเลย จริงๆ ก็คุยกันแค่ประโยคเดียวตอนที่คุณชายเขาบอกว่าหิวแล้วก็เลี้ยวเข้าห้างใกล้ๆ สตูดิโอ



มันก็อึดอัดนั่นแหละ เขาไม่พูด...วันศุกร์ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร



“เดินดีๆ หน่อย คนอื่นมองแล้ว”



“คุณก็เลิกดันหลังผมสักทีสิครับ”



หันมาแยกเขี้ยวใส่คนตัวสูงที่เอาแต่ดันหลัง จุดตรงที่คุณชายทรงเพลิงใช้นิ้วแตะลงมามันเป็นจุดบ้าจี้ของวันศุกร์เลยต้องพยายามหลบอยู่ตลอด พอหลบไม่ได้ก็สะดุ้งตัวโยนจนถูกสายตาคนอื่นๆ มองมาแบบแปลกๆ



อือ พอถูกมองมากๆ ผู้คนก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน ชี้นิ้วมาที่เขา เรียกชื่อเขากันเต็มไปหมด



“วิ่งมั้ยคุณชาย” วันศุกร์ที่กอดกระเป๋าเป้เอี้ยวตัวไปคุยกับคุณชายทรงเพลิง กระซิบถามให้ได้ยินกันแค่สองคน



ปกติถ้าวันศุกร์มีอีเวนต์ที่ห้างไหน ห้างนั้นจะเต็มไปด้วยแฟนคลับและคนอื่นๆ ที่อยากเห็นหน้าซูเปอร์สตาร์ของเมื่อไทยคนนี้มากๆ วันศุกร์เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสออกมาเที่ยวห้างตามประสาคนธรรมดาเพราะเคยพิสูจน์แล้ว...ผลปรากฏก็ไม่ต่างจากมีงานอีเวนต์เลยด้วยซ้ำ



แย่กว่านิดหน่อยก็คือวันศุกร์ไม่มีบอดี้การ์ดคอยตามในชีวิตประจำวัน ตอนนั้นเขากับพี่โมโดนรุมขอถ่ายรูปจนแทบหาทางออกไม่ได้เลย



“วิ่งทำไม”



“อีกแป๊บหนึ่งคุณจะไม่มีทางเดินนะ เดี๋ยวคนจะเข้ามารุมผม”



“ทำตัวปกติ คุณไม่ได้หนีใครมา”



บอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไม่ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ วันศุกร์ยู่ปากแล้วผงกศีรษะรับคำสั่งจากคุณชาย ก่อนจะสะดุ้งเบาๆ เมื่อมือที่คอยดันหลังเปลี่ยนมาโอบไหล่วันศุกร์เอาไว้



วันศุกร์เหลือบมองมือหนาข้างนั้นที่กุมหัวไหล่กลมๆ แล้วก็ปล่อยให้ความรู้สึกบางอย่างมันถาโถมเข้ามาในหัว



ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว...แต่ทำไมถึงยังทำแบบนี้



ถึงจะมีคำถามแบบนั้นเกิดขึ้นในใจ แต่วันศุกร์ก็ยอมรับเลยว่า...สัมผัสของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน



อบอุ่น อ่อนโยน ปลอดภัย



แต่ทั้งหมดนั้น...มันไม่ใช่ของของวันศุกร์มาตั้งนานแล้ว



คนตัวบางเงยมองเสี้ยวหน้าของคุณชายทรงเพลิงตอนที่เดินมาถึงลานจอดรถได้อย่างปลอดภัย นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่วันนี้ไม่มีใครเข้ามารุมขอถ่ายรูปขอลายเซ็นเหมือนครั้งที่ผ่านมา และก็แปลกใจมากๆ ด้วยที่มุมปากของคุณชายเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย



อย่าคิดว่าไม่เห็นก็แล้วกัน



“ปล่อยได้แล้วคุณชาย”



พูดจบก็หมุนตัวหนีออกจากอ้อมแขนแกร่งแล้วรีบเข้าไปนั่งในรถคันหรูทันทีที่คุณชายเขาปลดล็อกรถแล้ว วันศุกร์ยกมือลูบอกตัวเองเบาๆ เป่าลมออกปากบอกกับตัวเองให้ใจเย็นกว่านี้



จู่ๆ หัวใจก็เต้นไม่มีสาเหตุ



“ไม่เห็นมีใครมารุม”



“แต่ปกติมีนะครับ”



“ผมรู้แล้วว่าคุณดังมาก”



“นี่คุณชายประชดผมอยู่หรือเปล่า”



“เปล่าครับ”



เจ้าของออดี้คันหรูที่เพิ่งขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งคนขับตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม วันศุกร์ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะกลัวว่าจะเป็นเรื่องให้ได้เถียงกันไม่หยุด คุณชายเห็นเงียบๆ นิ่งๆ อย่างนั้นน่ะยอมคนซะที่ไหน ใครพูดอะไรไม่เข้าหูก็พร้อมแย้งกลับเสมอ



แล้วก็กลับเข้าสู่สภาวะเงียบทั้งรถเหมือนเดิมตอนที่ล้อเคลื่อนออกจากอาคารจอดรถของห้าง วันศุกร์คลายความอึดอัดด้วยการให้ความสนใจกับฝนที่เทกระหน่ำลงมาจนน้ำท่วมทั้งถนน มือเล็กๆ เกาะประตูรถฝั่งที่ตัวนั่งอยู่ก่อนจะเอาคางไปเกยไว้ กะพริบตามองถนนตอนกลางคืนที่ดูสวยงามเพราะแสงสีนวลจากไฟตามทาง



“ไม่สบายหรือเปล่า ตัวคุณร้อน” หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้างเขาสัมผัสกับไอร้อนๆ ที่แผ่ออกจากตัวของวันศุกร์ผ่านเนื้อผ้า ปกติตัวก็ไม่ได้ร้อนขนาดนี้ แต่นี่...



“สบายดีครับ แค่ปวดหัวนิดหน่อย”



“คุณมียาใช่มั้ย”



“ครับ”



“เอามากิน”



“ผมกินไปแล้วครับคุณชาย”



“ตอนไหน”



“ตอน...” วันศุกร์ชะงักแล้วเม้มปากแน่น หันหน้ามองคุณชายทรงเพลิงที่ดูเหมือนจะสวมร่างเป็นเจ้าชีวิตเขาทีละนิด “ตอนไหนก็เรื่องของผมครับ”



รู้ว่าถ้าตอบแบบนั้นไปอาจจะถูกมองด้วยตาไม่พอใจกลับมา วันศุกร์รู้ว่าตัวเองควรจะมีสัมมาคารวะมากกว่านี้ กับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงถึงแม้ว่าจะเคยเป็นแฟนกันมาก่อน...แต่เขาก็โตกว่าตั้งหกปี



“ขอโทษครับ ผมลืมตัว”



แล้วก็รู้ว่าตัวเองเสียมารยาท เลยขอโทษคนที่โตกว่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด



“ผมไม่น่าเคารพใช่มั้ยถึงพูดเล่นๆ ได้”



“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ผมลืมตัวจริงๆ นะคุณชาย”



“ลืมตัวอะไร”



“ก็...”



“ลืมว่าเลิกกันไปแล้ว?”



วันศุกร์เบิกตามองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความตกใจ ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ คุณชายทรงเพลิงจะพูดเรื่องนี้ล่ะ ขนาดเขาที่เป็นคนบอกเลิก...ได้ยินยังใจหายเลย



แล้วนั่นก็ทำให้คำถามที่ติดอยู่ในใจวันศุกร์มานานตลอดสองปีผุดขึ้นมาในหัวขึ้นมาอีกครั้ง คำถามที่ว่าคุณเพลิงทรงเพลิงเกลียดเขาหรือเปล่า



ที่วันศุกร์บอกเลิกวันนั้น คุณชายทรงเพลิงเจ็บช้ำ...เหมือนที่เขาเจ็บมั้ย



วันศุกร์รีบหันหน้าหนีทรงเพลิงตอนที่อีกฝ่ายหันกลับมามอง จู่ๆ ขอบตาก็ร้อนผ่าว อาการมันเหมือนตอนที่เขากำลังแสดงซีนดราม่าที่ต้องนึกถึงเรื่องเศร้าๆ



และก็จบด้วยน้ำตาไหลอาบสองแก้ม



ในด้านการแสดงวันศุกร์คงได้รับคำชมมากมาย



แต่ในชีวิตจริงน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา...



มันคือเครื่องหมายของคนที่อ่อนแออย่างเขา







*****





 

ออดี้สีดำคันหรูจอดหน้าสตูดิโอที่ถูกเช็ตให้เป็นคฤหาสน์สมัยคุณปู่คุณย่า วันศุกร์ปลดล็อกเบลท์ในตอนที่รถจอดสนิท แต่ก็ต้องชะงักแล้วหันไปมองคนสูงกว่าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็ปลดล็อกเบลท์เช่นกัน แถมยังดับเครื่องดิบดี ทำท่าเหมือนจะลงตามไปด้วย



“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”



“...”



พอเห็นว่าคุณชายทรงเพลิงเงียบไม่ตอบรับอะไรวันศุกร์เลยถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวลงจากรถคันหรูทันที แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูรถดังห่างกันภายในไม่กี่วินาที



คนที่หันหลังให้รถรีบหมุนตัวกลับไปมอง วันศุกร์อ้าปากเหวอทำหน้างงกว่าเดิมเพราะเห็นคุณชายทรงเพลิงเดินลงจากรถมาด้วย และเสียงหลังจากที่ประตูรถปิด ก็คือเสียงล็อกรถพร้อมกับร่างสูงๆ ของคุณชายเขาที่กำลังเดินมาซ้อนหลัง





“ข้างในมีที่นั่งมั้ย”



“มีครับ”



“พาเข้าไปหน่อย”



“เข้าไปทำไมครับ”



“หลบฝน”



“...”



ถึงจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกๆ ก็เถอะ แต่วันศุกร์ก็พยักหน้ายอมให้คุณชายทรงเพลิงเข้าไปหลบฝนในสตูดิโอที่เซ็ตขึ้นมาให้เป็นบ้านเมื่อสมัยเก่า วันศุกร์เดินนำคุณชายเข้าไปข้างใน เหลือบมองคนตัวสูงด้วยความสงสัยเต็มหัวไปหมด



“ไงพ่อพระเอก มาแล้วก็รีบไปแต่งหน้าแต่งตัวเลยเร็ว...อ้าวเฮ้ย! สวัสดีครับคุณชายเพลิง” ยังไม่ทันคุยกับดาราดังที่รับบทตัวเองของเรื่องนี้เสร็จ พี่ออย ผู้กำกับเบอร์หนึ่งของช่องเบนความสนใจจากวันศุกร์แล้วยกมือไหว้คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ



แล้วคุณชายเขาก็ยิ้มมุมปากเป็นการทักทายพี่ออย ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงเท่ๆ หล่อๆ อย่างนั้น



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงอยู่ในชุดสูทสีดำเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมบนหนึ่งเม็ด กางเกงสแลคสีดำทำให้ขาของคุณชายทรงเพลิงดูยาวและดูเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างเพอร์เฟ็กต์ (ทั้งที่จริงๆ ก็เพอร์เฟ็กต์มากอยู่แล้ว) ผมสีดำขลับของคุณชายเขาถูกเซ็ตเป็นทรงคอมม่าดูดีซะเหลือเกิน



จะบอกว่าผมทรงนี้ วันศุกร์เป็นคนสอนให้คุณชายทำเองกับมือ



เมื่อสองปีก่อนน่ะนะ



 “ไปไงมาไงถึงมากับวันศุกร์ได้ครับเนี่ยคุณชาย อย่าบอกนะว่า....”



“ผมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์ของคุณชายครับพี่ออย พอดีเพิ่งประชุมเสร็จ คุณชายเลยอาสามาส่ง”



“อ้อ แหมมึงนี่ฮอตจริงนะวันศุกร์”



วันศุกร์ฉีกยิ้มกว้างให้พี่ออยแล้วเหลือบมองคนตัวสูง ที่ยืนสอดส่องสตูดิโอ พี่ออยทักทายคุณชายเสร็จก็ชวนคุยต่อ วันศุกร์ไม่แปลกใจหรอกที่พี่ออยจะรู้จักกับคุณชายเขา เพราะคนคนนี้ก็เป็นที่รู้จักในวงบันเทิงเหมือนกัน



แต่ถึงอย่างนั้นคุณชายเขาก็ไม่ได้รู้จักไปทั่วหรอกนะ รายนั้นน่ะ...เลือกคบคนเก่งที่หนึ่ง



“วันนี้คุณชายมาดูฝีมือการแสดงของวันศุกร์ใช่มั้ยครับ เชิญนั่งก่อนเลยคุณชาย เดี๋ยวมาดูในจอกับผมเลยครับ”



พี่ออยวิ่งไปจัดแจงที่นั่งข้างผู้กำกับให้คุณชายทรงเพลิงทันที ส่วนคนที่ถูกชวนก็ยืนนิ่งๆ อยู่ข้างเขา ใบหน้าของคุณชายทรงเพลิงยังเรียบเฉยเหมือนเดิม



จะว่ายังไงดี ที่พี่ออยไม่ตกใจกับการปรากฏตัวของคุณชายทรงเพลิงเป็นเพราะพี่เขารู้อยู่แล้วว่าวันศุกร์เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของแบรนด์นี้ และอีกอย่างก็คือคุณชายเขาเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับละครของช่องนี้แทบทุกเรื่อง...รวมถึงเรื่องนี้ด้วย



นั่นแหละ เหตุผลที่พอเห็นคุณชายมาหาถึงที่ ผู้กำกับคนนี้เลยรีบต้อนรับอย่างดีไง



“ผมไปแต่งตัวนะครับ”



“ฝากกระเป๋าไว้ที่ผมมั้ย”



“ไม่ดีกว่า ผมถือไปในห้อง...” ยังไม่ทันขาดคำกระเป๋าในอ้อมกอดวันศุกร์ก็ถูกดึงออกไปโดยคนตัวสูงตรงหน้า พอคุณชายทรงเพลิงได้ของที่อยากได้แล้วก็หมุนตัวเดินหนีวันศุกร์ไปนั่งข้างๆ ผู้กำกับ



พอเห็นว่าคุณชายมีที่นั่งเป็นหลักเป็นแหล่งแล้ววันศุกร์ก็ค่อยโล่งอก คนตัวขาวรีบเดินเข้าไปนั่งในห้องแต่งตัวที่มีพี่ๆ ช่างแต่งหน้ากวักมือรออยู่ตั้งนานแล้ว



“มานี่ๆ เลย นั่งลงเลยจ้ะน้องวันศุกร์” ทันทีที่ก้าวเข้าห้องพี่ช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมก็รีบจับไหล่วันศุกร์ให้นั่งลงหน้ากระจก วันศุกร์ยิ้มแหยให้พี่ๆ กับคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นลิลิน นางเอกที่เล่นคู่กันเลยโบกมือทักทาย



“มองกระจกแล้วตอบพี่มาค่ะ ผู้ชายคนนั้นคือใคร มาด้วยกันได้ยังไง พี่เห็นนะ ขับออดี้รุ่นใหม่มาอ่ะ...เห็นด้วยว่าเราเดินลงจากรถผู้ชายคนนั้น”



กรอบหน้าของวันศุกร์ถูกประคองด้วยมือของพี่จิ๊บช่างแต่งหน้าประจำกองถ่าย คนตัวขาวทำหน้าเหวอไปพักหนึ่งเพราะกำลังตั้งสติประมวลคำถามที่ถูกถามมา



“หล่อมากเลยนะวันศุกร์ หุ่นโคตรแซ่บอ่ะ ขนาดใส่สูทยังรู้เลยว่าแซ่บมากกก” พี่มี่ช่างทำผมของกองที่กำลังม้วนผมให้ลิลินหลับตาหวีดคุณชายทรงเพลิงหนักพอๆ กับพี่จิ๊บ



วันศุกร์ถอนลมหายใจยาวๆ แล้วสบตากับพี่จิ๊บผ่านกระจก ถ้าไม่ตอบคำถามพี่จิ๊บก็จะจ้องตาเขาอยู่อย่างนั้นจนไม่ได้แต่งหน้าทำผมแน่ๆ



“แต่งหน้าไปเล่าไปได้มั้ยครับพี่จิ๊บ”



“ไม่เอา”



“นี่สายแล้วก็ครับพี่จิ๊บ”



“ลิลินรู้ป่ะว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร” พอถามวันศุกร์ไม่ได้ก็หันไปถามลิลินที่นั่งสัปหงก นางเอกสาวดาวรุ่งที่ดังคู่มาพร้อมๆ วันศุกร์ปรือตามองพร้อมกับส่ายหน้าอ้าปากหาวหวอด



“ไม่รู้ค่ะพี่ หนูไม่ได้ชะโงกหน้าไปมองด้วยสักหน่อย”



พี่จิ๊บกับพี่มี่ถอนหายใจฟึดฟัดเพราะไม่ได้คำตอบที่ตรงใจเลยสักอย่าง วันศุกร์นั่งเม้มปากนิ่งๆ ทำเป็นไม่สนใจพวกพี่สองคนนั้น



ก็มันไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อยที่ต้องบอก



“จ้ะ พระเอกนางเอกของดิฉันเป็นใบ้กันไปหมดแล้ว เออ ช่างมันก็ได้วะ” พี่จิ๊บหน้างอ “แต่แบบ หล่อว่ะอยากได้เป็นแฟน”



“หือออ ไหวเหรอเธอ ระดับนั้นน่าจะมีเมียไปแล้วมั้ง”



“บางคนโสดก็มีนะเว้ย เอาหัวเป็นประกันว่าคงยังไม่มีแม้แต่แฟน...ถ้ามีไม่มาทำอะไรที่กองดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้หรอก”



“ใครจะไปรู้วะ อาจจะแอบกิ๊กกับใครในนี้แล้วมาเฝ้าก็ได้”



“คุณคนนั้นเขามากับวันศุกร์ แสดงว่าต้องรู้จักวันศุกร์ ใช่มั้ย”



“มากับวันศุกร์แต่อาจจะกิ๊กกับคนอื่นก็ได้มั้ยวะ”



“นี่อีมี่! ขัดทุกคำเลยนะ มึงคิดว่าคุณเขากิ๊กกับใครพูดมาเลยดีกว่า”



“กูว่าลิลิน”



“โอ๊ยพี่! หนูไม่รู้จักเขานะเว้ย”



อือ และนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายของนางเอกที่ดังขึ้น



พร้อมกับเสียงของพี่ๆ สองคนนั้นที่เงียบลง



และรอยยิ้มปนขำของวันศุกร์







[มีต่อด้านล่างค่ะ]





 


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 04.2 - up21.6.62
«ตอบ #14 เมื่อ28-06-2019 08:41:15 »

12.00 am



“คุณชายดื่มชามั้ยครับ ผมมีชาที่เพิ่งไปซื้อมาจากญี่ปุ่นเมื่ออาทิตย์ก่อน” หลังจากจบซีนสำคัญของตอนไปแล้วพี่ออยก็รีบดึงหูฟังออกแล้วหันมาเทคแคร์คุณชายทรงเพลิงที่นั่งขมวดคิ้วมองจอมอนิเตอร์



“ไม่เป็นไรครับพี่ออย ขอบคุณครับ”



“เอาหน่อยหน่าคุณชาย ดึกแบบนี้ได้ชาร้อนๆ สมองจะโล่งเลยนะครับ” พี่ออยมองใบหน้าด้านข้างของคุณชาย จดๆ จ้องๆ แล้วก็ได้แต่สงสัยว่าดึกป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้านกลับช่อง



“ทำไมต้องมีฉากจูบ ขายได้เหรอครับ”



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงนั่งขมวดคิ้วคาใจกับภาพบนจอมอนิเตอร์ที่กำลังฉายฉากที่วันศุกร์เพิ่งแสดงกับลิลิน มันเป็นฉากที่พระเอกพยายามปรับความเข้าใจแต่นางเอกไม่รับฟัง และเป็นฉากที่ทำให้คุณชายตัวสูงแสดงอาการไม่พอใจออกมาเล็กน้อย



แต่ถึงอย่างนั้นคุณชายทรงเพลิงก็ยังเก็บอาการได้



ถึงแม้ว่าจะนิดหน่อยก็เถอะ



“ยิ่งกว่าขายได้อีกครับคุณชาย ยังมีอีกเยอะครับ นี่น่ะแค่น้ำจิ้ม” พี่ออยป้องปากกระซิบบอกคุณชายตัวสูงเบาๆ ยิ้มกรุ้มกริ่มเพราะคิดว่าคุณชายทรงเพลิงคงจะชอบฉากนี้



“ฉากต่อไปมีอีกมั้ยครับ”



“มีครับ เดี๋ยวไอ้วันศุกร์ต้องไปตามง้อนางเอกในห้องนอน แล้วก็--”



“ไม่ต้องจูบจริงได้ใช่มั้ยครับ”



“ก็ ก็...”



เพราะน้ำเสียงกับสีหน้าที่สุดแสนจะขรึมเย็นชาของคุณชายเขาเอาพี่ออยเกิดอาการน้ำอึกอัก ตอนแรกก็นึกว่าชอบฉากแบบนี้ซะอีก แต่ที่ไหนได้...ดูตาคมกริบของคุณเขาก่อนแล้วจะรู้เลยว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่ได้ชอบฉากจูบอย่างที่พี่ออยคิดไว้ตั้งแต่แรก



ผู้กำกับที่ปั้นกี่เรื่องก็ดังพลุแตกรู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้ใช้มุมกล้องมันก็ดูสมจริงเพราะฝีมือการแสดงของพระนาง แต่หัวใจของคนกำกับน่ะ ยังไงก็ต้องอยากขายอะไรที่เป็นความจริงมากกว่าสมจริง



“ได้มั้ยครับ” คุณชายย้ำถามอีกครั้ง และครั้งนี้เขาใช้น้ำเสียงที่ต่ำกว่าเดิม



“ได้สิครับคุณชาย” จำใจกัดฟันตกลงไปเพราะยังไงคุณชายทรงเพลิงก็คือสปอนเซอร์ใหญ่ของละครแทบทุกเรื่อง “เฮ้ย! วันศุกร์ มาหาพี่หน่อยดิ เดี๋ยวมีแก้ฉากนิดหน่อย”



พี่ออยเรียกวันศุกร์ที่กำลังเติมแป้งบนหน้าผ่านวิทยุสื่อสาร พอเจ้าของชื่อได้ยินก็รีบหันมาส่งยิ้มให้แล้วชูนิ้วโอเคกลับมาทันที



“เดี๋ยวผมมานะคุณชาย ไปคุยเรื่องฉากจูบกับไอ้วันศุกร์แป๊บหนึ่ง”



“ครับ”



คำตอบรับสั้นๆ ทำให้พี่ออยรีบลุกขึ้นเดินออกตรงนั้นพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ชอบยิ้มอยู่บ่อยๆ



ทำงานกับวันศุกร์มาตั้งหลายเรื่องแต่ไม่เห็นจะมีใครมานั่งเฝ้าแบบนี้ หนำซ้ำยังสั่งเปลี่ยนฉากเด็ดๆ อีกต่างหาก



ในฐานะที่เขาทำงานวงการบันเทิงมาหลายปีน่ะ แค่นี้ก็รู้แล้ว...ว่าคุณชายทรงเพลิงไม่ได้นั่งเฝ้าวันศุกร์ในฐานะลูกค้าที่อยากดูผลงานการแสดงของพรีเซ็นเตอร์



แต่อยากมาเฝ้าเพราะเรื่องอื่นมากกว่า : )







*****





 

หลังจากที่คุยเรื่องเปลี่ยนฉากเข้าพระเข้านางเสร็จวันศุกร์ก็ร้องเยสในใจดังๆ เขาดีใจจะตายที่ไม่ต้องจูบจริงแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นมืออาชีพมากแค่ไหนแต่วันศุกร์ก็ไม่ได้อยากเสียจูบพร่ำเพรื่อ



และก็ดีใจมากๆ ด้วยที่ลิลินคิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะลิลินมีแฟนแล้วและตัวเธอเองก็ลำบากใจที่ต้องเข้าฉากนี้กับผู้ชายคนอื่นบ่อยๆ แฟนของเธอก็เป็นดาราดังที่รับบทพี่ชายของพระเอกในเรื่อง



วันศุกร์ขนลุกตัวเกร็งทุกครั้งที่ต้องเข้าฉากจูบจริง ไม่ใช่ว่ารังเกียจลิลินนะ แต่เกรงใจสายตาของแฟนลิลินมากกว่า



“ฝนหยุดตกนานแล้วนะครับ ยังไม่กลับบ้านไปพักผ่อนอีกเหรอคุณชาย”



คนตัวบางเดินห่อไหล่กอดตัวเองมานั่งลงบนที่นั่งผู้กำกับ ความจริงแล้ววันศุกร์ไม่ได้อยากจะเข้าใกล้คุณชายทรงเพลิงเท่าไหร่ แต่เพราะว่าทุกครั้งที่อยู่ในช่วงเบรกมักจะชอบมาเช็กผลงานการแสดงของตัวเองอยู่เสมอ ก็เลยต้องเดินดุ่มๆ มานั่งข้างคุณชายเขาตรงหน้าจอมอนิเตอร์นี่แหละ



วันศุกร์หนาวปากสั่นจนต้องกัดริมฝีปากเอาไว้ ถึงแม้ว่าฝนจะหยุดแล้วแต่ก็ยอมรับเลยว่าคืนนี้อากาศหนาวมาก ขนาดเขาใส่เสื้อแขนยาวที่ต้องใส่เข้าฉากแล้วยังไม่คลายความหนาวได้เลย



เจ้าของร่างขาวไม่ได้สนใจจะเอาคำตอบจากคนข้างๆ เท่าไหร่ เพราะมัวแต่จ้องอยู่กับจอตรงหน้า วันศุกร์นั่งตัวงอกว่าเดิมเมื่อมีคนเปิดประตูบ้านให้ลมแรงๆ พัดเข้ามาในนี้



“ใส่ไว้” จู่ๆ สูทตัวหนาสีดำก็ถูกคลุมบนแผ่นหลังของวันศุกร์จนคนที่นั่งสั่นอยู่สะดุ้ง



“ไม่เอาครับ หนาวจะตาย คุณชายใส่ไว้เถอะ”



“คุณหนาวกว่าผม”



“เดี๋ยวผมก็ต้องไปทำงานต่อแล้วครับ คุณเอาคืนไปเถอะ”



“ตอนนี้คุณยังไม่ไป ใส่ไว้ครับ”



เพราะเสียงทุ่มต่ำกับแววตาที่ดูเหมือนจะบังคับกันให้ได้ทำให้วันศุกร์ยอมนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้คุณชายเขาจัดระเบียบสูทตัวหนาบนร่างกายของตัวเองต่อไป



วันศุกร์เหลือบมองคนข้างกายเล็กน้อย ในหัวมีเรื่องต่างๆ ให้คิด และเรื่องพวกนั้นก็ล้วนแต่เป็นเรื่องเก่าๆ ที่วันศุกร์เคยพยายามไม่คิด...แต่ก็เผลอคิดถึงมันอยู่เรื่อย



คิดว่าคุณชายทรงเพลิงยังจำได้ว่าวันศุกร์ขี้หนาว



คิดว่าคุณชายเขายังจำได้ ว่าวันศุกร์มักจะงอแงเวลาที่ฝนตกหนักๆ



ก็มีแต่เรื่องที่คิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น



“ขอบคุณครับ” พึมพำขอบคุณเบาๆ พลางกระชับสูทให้แนบตัวมากกว่าเดิม



วันศุกร์หลับตาสูดกลิ่นหอมจางๆ มันเป็นกลิ่นเดียวกันกับเมื่อสองปีก่อนบนสูทตัวนี้ แล้วก็ต้องเผลอต้องกัดริมฝีปากอีกครั้งเมื่อพบว่าคุณชายทรงเพลิงยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมที่วันศุกร์เป็นคนเลือกให้



คนตัวบางยกมือขึ้นกุมอกซ้ายที่หัวใจมันสั่นรัวผิดปกติ ต่อให้จอมอนิเตอร์กำลังฉายฉากสำคัญที่ตัวเองเพิ่งแสดงจบไปหลายต่อหลายรอบแล้วแต่วันศุกร์ก็ยังไม่มีสมาธิที่จะดูมันเลยสักนิด



แล้วความทรงจำเก่าๆ มันก็หวนกลับมาจนได้



วันศุกร์ก้มหน้า หลับตา และยิ้มรับกับมันคนเดียว



‘ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบน้ำหอม แต่ลองกลิ่นนี้ดูมั้ยครับ มันเฟรชๆ แมนๆ เหมาะกับคุณดีนะ’



‘ชอบแล้วทำไมไม่ฉีดเอง’



‘เอ้าคุณ ผมก็ฉีดอยู่แล้วนี่ไง แต่กลิ่นที่ผมใช้มันหวานกว่านี้นิดหนึ่ง แบบคุณใช้กลิ่นนี้เหมาะแล้ว’



‘...’



‘ไม่ชอบเหรอครับ’



‘ชอบ แต่ใช้ด้วยกันดีกว่า’



‘ผมมีของผมอยู่แล้วไง’



‘งั้นไม่ใช้’



‘เพลิง’



‘อย่าอ้อน’



‘ไม่ได้อ้อนครับ’



คิดถึง



มากๆ เลย



“เป็นอะไร”



แล้วเสียงทุ้มของใครบางคนก็ดึงให้วันศุกร์กลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้ง เขาส่ายหน้าให้กับคนที่ถามโดยไม่หันไปมองหน้าหรือสบตาอะไรทั้งนั้น ตอนนี้มันยากเกินไปจริงๆ



“คุณชายอยากดื่มชามั้ยครับ”



“ชา?”



“ใช่ครับ ชาญี่ปุ่น”



“ครับ ก็ได้”



“งั้นรอแป๊บหนึ่งนะครับ เดี๋ยวผมไปชงมาให้”



วันศุกร์เป่าปากใส่อุ้งมือแรงๆ สองครั้งแล้วรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ของผู้กำกับทันที คนตัวเล็กรีบสาวเท้าเดินหนีเข้าไปในห้องครัวที่ใช้เป็นฉากถ่ายละครและเป็นห้องครัวจริงๆ สำหรับคนในกองด้วย วันศุกร์หัวใจเต้นถี่ทุกครั้งที่เขาก้าวเท้า คิดไว้ในหัวแล้วว่าถ้าขืนนั่งอยู่ต่อไป อาจจะเป็นเขาเองก็ได้ที่หันไปสารภาพความในใจทั้งหมดให้ทรงเพลิงรับรู้



ถ้าเป็นอย่างนั้น สองปีที่ผ่านมามันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย







****





 

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกตัวเดิม หลายต่อหลายครั้งที่เขาถามตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่ ดึกป่านนี้แล้วคนที่หาเวลาพักผ่อนยากอย่างเขาควรจะกลับนอนแผ่ตัวสบายๆ ที่ห้องดีกว่าหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ได้คำตอบ



หรือบางที คำตอบอาจจะอยู่ที่สายตาของเขาเอง



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจ้องเข้าไปในห้องครัวเกือบห้านาทีได้แล้ว เขามองคนผิวขาวจัดที่อยู่ในสูทดำตัวใหญ่กำลังยืนพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์และก้มหน้ากรองน้ำชาแบบคนใจลอย ดีที่วันศุกร์ไม่ได้ใจลอยจนซุ่มซ่ามเผลอทำอะไรหล่น



ไม่กี่วินาทีต่อมาวันศุกร์ก็เหมือนคนที่หลุดจากภวังค์ คุณชายทรงเพลิงจ้องอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นไม่วางตา เขามองตั้งแต่ตอนที่วันศุกร์เดินหนีเข้าไปในห้องครัว ยืนอยู่ในนั้นราวห้านาที และจนถึงตอนนี้ที่วันศุกร์ถือถ้วยน้ำชาออกมาเขาก็ยังมองอยู่



วันนี้อากาศหนาว มีลมเย็นๆ จากภายนอกพัดเข้ามาในบ้านที่ถูกเซ็ตให้เป็นฉากถ่ายละคร เพราะผู้กำกับต้องการที่จะประหยัดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทีมงานเลยเปิดประตูบ้านและเปิดหน้าต่างทุกบานให้ลมพัดเข้ามาแทนการใช้เครื่องปรับอากาศและพัดลม โดยที่ไม่มีใครรู้หรอกว่าพระเอกของเรื่องนี้หนาวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว



“ได้แล้วครับคุณชาย” ก่อนที่จะว่างถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะเล็กๆ คุณชายทรงเพลิงเห็นว่าวันศุกร์แอบใช้อุ้งมือแนบไปกับถ้วยร้อนๆ



มือวันศุกร์คงเย็นเฉียบมากจนไม่กลัวเลยว่ามันจะพองหรือเปล่าถึงได้กล้าเอามือไปจับถ้วยตรงๆ แบบนั้น



“หนาวมากมั้ย”



“นิดหน่อยครับ”



“ไม่นิดแล้วมั้งแบบนี้”



ตาคมมองวันศุกร์ที่กำลังหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกของพี่ออย เขายกชาญี่ปุ่นขึ้นมาจิบเบาๆ แล้ววางถ้วยไว้กับที่ตามเดิม



“อร่อยมั้ยครับ”



“เหมือนเดิม”



“...”



“พูดได้ใช่มั้ย เมื่อก่อนคุณเคยชงให้ รสชาติก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”



“ครับ”



วันศุกร์นั่งตัวลีบอยู่อย่างนั้นหลังจากที่ฟังเขาพูดจบ ทรงเพลิงเดาเล่นๆ ว่าอีกฝ่ายคงตกใจที่จู่ๆ เขาก็หยิบเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูด



เขาเองก็ตกใจเหมือนกัน



“ผมถามไปเมื่อกี้คุณชายยังไม่ตอบเลย ฝนหยุดตกแล้วทำไมไม่กลับบ้านครับ จะตีหนึ่งแล้วนะคุณ”



“ง่วง กลับไม่ไหว”



“อ้าว”



“ว่าจะงีบสักหน่อย”



“นี่ผมมากวนคุณชายหรือเปล่าครับ”



“ไม่ครับ”



หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเหลือบมองเสี้ยวหน้าของวันศุกร์ เขารับรู้ได้ถึงความประหม่าจากคนข้างกาย มือเล็กๆ ของวันศุกร์อยู่ไม่สุขเลยถึงแม้ว่าจะวางไว้บนตักและบีบกันแน่นก็ตาม แต่ทรงเพลิงก็ยังเห็นอยู่ดีว่าวันศุกร์พยายามบีบนวดมือและนิ้วของตัวเองให้คลายความประหม่าอยู่ตลอด



“แถวนี้ยังมีแท็กซี่ช่วงดึกนะครับ เผื่อคุณจะ...”



“ผมไม่ชอบนั่งแท็กซี่”



“...”



“งานคุณจะเสร็จเมื่อไหร่”



“ประมาณหกโมงเช้าครับ”



เขาพยักหน้าตอบรับเบาๆ จับหูถ้วยน้ำชายกขึ้นมาจิบเป็นพักๆ ตอนนี้ตาของเขากำลังโฟกัสไปที่จอมอนิเตอร์อีกครั้ง กำลังมองฉากเก่าๆ ที่วันศุกร์เพิ่งแสดงเสร็จไปเมื่อกี้อีกรอบ



“ครับ”



“...”



“เดี๋ยวผมรอ”



และคำตอบสั้นๆ ของคุณชายทรงเพลิงก็ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อ้าปากเหวอ วันศุกร์เบิกตาโตมองเขา ริมฝีปากเล็กๆ พะงาบเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็กลืนลงคอแล้วเม้มปากแน่น



“นักแสดงทุกคนเข้าฉากด้วยครับ อีกห้านาทีเราจะเริ่มถ่ายฉากที่สามแล้วนะครับ นางเอกตื่นยัง มาเข้าฉากได้แล้วครับลิลิน”



เสียงทีมงานตะโกนเรียกผ่านวิทยุสื่อสาร คนที่นั่งเม้มปากอยู่หันมามองหน้าคุณชายอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมองเข้าไปในฉากตรงหน้าที่มีนักแสดงดังๆ ประมาณสี่-ห้าคนกำลังยืนอยู่แล้วก็เงยหน้ามองคุณพระเอกคนเก่งที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น หันซ้ายทีขวาที เหมือนกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรต่อไป



คุณชายทรงเพลิงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ยกแขนแกร่งสองข้างขึ้นสอดท้ายทอยรองแทนหมอน มองผู้กำกับที่กำลังเดินดุ่มๆ ตรงเข้ามาสลับกับมองวันศุกร์ที่เหมือนจะไม่ยอมขยับไปไหนสักที



แต่แล้วจู่ๆ สูทตัวหนาบนร่างกายของวันศุกร์ก็ถูกคลุมเป็นผ้าห่มบนตัวคุณชายทรงเพลิงอย่างเบามือ วันศุกร์ค่อยๆ ย่อตัวจัดระเบียบสูทบนอกของคุณชายเขาด้วยอาการประหม่า



ไม่กล้าสบตา ไม่กล้ามองหน้า



“คุณชายพักผ่อนไปเถอะครับ”



วันศุกร์กล้ามองแต่คางที่มีไรหนวดสีเขียวจางๆ ของคุณชายเท่านั้น



“ถ้าผมทำงานเสร็จแล้วจะมาปลุกอีกทีนะ”



เพราะมีความกล้าแค่นั้น เลยทำให้วันศุกร์เห็นว่า...



คุณชายทรงเพลิงเขายิ้มหน่อยๆ ให้วันศุกร์ด้วยแหละ : )













#หวนกลิ่นรัก
















ต้องเป็นแฟนเก่าประเภทไหนถึงได้มานั่งเฝ้าแฟนเก่าทำงาน @_@



ps.อย่าดุพี่เพลิงงงงง พี่เขาขี้แกล้งจริงๆ นะ ._.

ps.เรื่องนี้ไม่เครียดนะคะ 5555 ทุกคนอย่าเครียดเลยค่า

 


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 05.1 - up21.6.62
«ตอบ #15 เมื่อ28-06-2019 08:44:05 »

05


 
วันศุกร์มองตารางงานบนหน้าจอไอแพดด้วยความดีใจเพราะมันแน่นเอียดไปจนถึงสิ้นปีแบบที่ไม่มีเวลาให้พักผ่อนหายใจกันเลยทีเดียว นั่นก็หมายถึงผลตอบแทนที่จะตามมาด้วย

เขาคิดไว้แล้วว่าปีหน้าจะหาเรื่องใช้เงินโดยการไปเที่ยวต่างประเทศสักหน่อย ถือเป็นการให้รางวัลตัวเองที่ทำงานหนักมาตลอด

“แต่งตัวแบบนี้จะไปเที่ยวที่ไหนน่ะเรา” หันหน้าตามต้นเสียงที่ได้ยินอยู่ทุกวัน พี่โมยืนกอดอกดูดนมเปรี้ยวโยเกิร์ตใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี ก็แหง วันนี้อารมณ์ดีทั้งเขาทั้งพี่โมนั่นแหละ

“นัดเพื่อนไว้ครับพี่โม จะออกไปวิ่งที่สวนตรงคอนโดด้วยกันครับ”

“ไม่มีงานทั้งทีแทนที่จะนอนให้เต็มอิ่ม”

“ผมนอนมาทั้งวันแล้วพี่โม ไปก่อนนะพี่ ปันมันส่งข้อความมาตามแล้วครับ”

“เออ ขับรถดีๆ นะเว้ย”

วันศุกร์รีบคว้ากุญแจรถฮอนด้าคันละล้านกว่าบาทของตัวเองมาไว้ในมือ แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับรอยยิ้ม

จะว่ายังไงดี ที่เขาอารมณ์ดีขนาดนี้ไม่ใช่แค่ว่าวันนี้เป็นวันว่างๆ เท่านั้น แต่เพราะว่าจะได้ออกไปเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบปีด้วยแหละ มันเลยทำให้วันศุกร์ดูมีพลังมากกว่าทุกวัน

แล้วก็เหมือนได้ไปใช้ชีวิตของคนอายุยี่สิบสี่จริงๆ ด้วย วันศุกร์นับนิ้วไม่ได้เลยว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ขับรถของตัวเองออกไปเที่ยวเล่นแบบนี้ เพราะในทุกๆ วันเขาจะเป็นคนนั่งข้างคนขับตลอด หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้นั่งรถตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องไปใช้บริการแท็กซี่ รถไฟฟ้า หรือวินมอเตอร์ไซค์แทน

Punnathorn: อยู่ไหนแล้ววะพ่อพระเอก
Punnathorn: แล้วมึงกินข้าวยังอ่ะ ถ้ายังกูจะได้สั่งข้าวไว้รอ

“ไม่ต้องสั่งนะปัน เดี๋ยวก็จุกพอดี” วันศุกร์ใช้อัดเสียงแทนพิมพ์ข้อความตอบกลับเพราะตอนนี้เขาไม่สะดวกที่จะรัวนิ้วพิมพ์เท่าไหร่ “เดี๋ยวเจอกัน ขับรถก่อน”

Punnathorn: โอเคๆ
Punnathorn: ขับรถดีๆ แล้วกันมึงน่ะ

เพราะปันนี่แหละคือเพื่อนที่วันศุกร์สนิทที่สุด วันว่างๆ ของเขาวันนี้ที่ยังเหลือเวลาอยู่อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง วันศุกร์ก็ยกให้เพื่อนคนนี้เต็มที่ไปเลย
 


*****




“กูย้ายมาอยู่ที่นี่ปีกว่าแล้วแหละ แม่ซื้อทิ้งไว้เพราะที่ทำเลมันสวยดี มึงลองดูดิ มีพื้นที่วิ่งเล่นบนตึกไม่พอ ยังมีที่ให้พักผ่อนริมแม่น้ำอีกต่างหาก”

วันศุกร์นั่งกอดสเก็ตบอร์ดบนเก้าอี้ตัวยาวสีน้ำตาล ฟังเพื่อนขี้โม้เล่าชีวิตที่ผ่านมาให้ฟัง รวมทั้งคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยานี้ด้วย ยอมรับเหมือนกันว่าตกใจมากที่รู้ว่าปันพักอยู่ที่นี่ คอนโดเดียวกับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเขานั่นแหละ

“แต่มึงก็แจ๋วใช้ได้ ไม่เปิด GPS ก็ยังมาถูก...แสดงว่าเคยมาหลายครั้งแล้วอ่ะดิ”

“ก็เคยผ่านมาบ้าง คอนโดดังจะตาย”

ใช่ วันศุกร์เคยมาที่นี่ และมาหลายครั้งแล้วตอนที่ยังคบกับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงอยู่ ตอนนั้นปันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีแฟน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ วันศุกร์เก่งเรื่องกุมความลับจะตาย แนบเนียนขนาดที่เพื่อนคุณชายทรงเพลิงมารู้เอาว่าคบกันก็ตอนใกล้ๆ จะเลิกกันแล้วด้วยซ้ำ

วันศุกร์ชอบที่นี่ มันส่วนตัวดีมากๆ...ครั้งหนึ่งเคยคิดเอาไว้ว่าอยากจะซื้อห้องที่ถูกที่สุดในคอนโดแห่งนี้เอาไว้สักห้อง แต่พอเห็นราคาห้องที่ถูกที่สุดแล้วก็ต้องส่ายหน้า มันแพงเกินเอื้อมเลยแหละ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีกำลังซื้อได้ก็ตาม แต่คนประหยัดจัดอย่างวันศุกร์ก็ยังไม่กล้าซื้ออยู่ดี

“ไม่เจอมึงนานมากนะเนี่ย จะว่าไปมึงก็ผอมลงเยอะเลยว่ะ”

“ก็ต้องทำหุ่นให้มันขึ้นกล้องได้ไง กินเยอะเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”

“โอ้โห ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วเมื่อกี้มึงเล่นสเก็ตบอร์ดเหมือนคนจะหน้ามืดอยู่ตลอด กูนี่ผวาเลย”

“คิดมาก อากาศมันอบอ้าวเฉยๆ” คนที่แก้มแดงจัดเพราะอากาศร้อนยกมือขึ้นปาดเหงื่ออกจากหน้าเบาๆ

วันศุกร์กับปันชอบสเก็ตบอร์ดที่สุดในบรรดากีฬาทั้งหลาย สมัยยังเรียนอยู่ปีหนึ่งก็หนีซ้อมเชียร์ไปเล่นด้วยกันบ่อยๆ พอวันนี้นัดเจอกันเลยได้โอกาสเหมาะเหม็ง หยิบสเก็ตบอร์ดที่ต่างคนต่างซื้อไว้แต่ไม่ค่อยได้เล่นมาปัดฝุ่นรำลึกความหลังกันสักหน่อย

แต่จะว่าไปวันนี้อากาศมันร้อนอบอ้าวมากจริงๆ และขนาดที่วันศุกร์เป็นคนเหงื่อออกยากยังต้องยอมแพ้ เพราะตอนนี้ทั้งใบหน้าขาวๆ ของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เช่นเดียวกับปันที่นั่งหอบเหงื่อไหลย้อยหน้าเต็มคอไปหมด

“แล้วนี่มึงจะกลับไปเรียนอีกเมื่อไหร่วะวันศุกร์”

“คงอีกสักพัก”

“กูรู้นะเว้ยว่าตอนนี้มึงดังมากๆ แต่กูก็อยากให้มึงกลับไปเรียนเหมือนกันว่ะ แทนที่จะรับงานจนไม่มีเวลาหายใจแบบนี้อ่ะ มึงเจียดเวลาไปเรียนด้วยดีมั้ย”

“ก็เคยคิดอยู่แหละ แต่ตอนนี้มันไม่ได้จริงๆ...มึงไม่เข้าใจหรอก”

“เฮ้ย! เข้าใจดิวะ กูรู้ มองตามึงก็ดูออกแล้วว่ามีแต่เงินประกายวับๆ”

หันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนเพราะรู้ว่าปันกำลังจะสื่ออะไร รายนั้นคงไม่พ้นกำลังจะบอกเขามันหน้าเงิน เห็นแก่เงินอะไรประมาณนั้น อือ แต่มันก็จริงนั่นแหละ สำหรับวันศุกร์ในตอนนี้เงินสำคัญที่สุดแล้ว

“เออ มึงจำน้องรหัสกูได้ป่ะ ที่เป็นหม่อมหลวงอ่ะ”

วันศุกร์พยักหน้าหงึกเพราะเขารู้จักและจำหน้าน้องรหัสของปันได้ดี คนตัวขาวสนใจฟังในสิ่งที่เพื่อนกำลังพูด ไม่ใช่ว่าอยากฟังเรื่องในเชิงนินทาคนอื่น แต่วันศุกร์เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เวลาใครจะเล่าอะไรให้ฟังหรือเรียกเขาไปคุยด้วย วันศุกร์จะตั้งใจฟังเป็นพิเศษ มันเป็นนิสัยโดยแท้ของวันศุกร์เลย

“นั่นน่ะโคตรพลิกล็อก จู่ๆ ก็ไปหมั้นกับคุณชายทรงโปรดเฉยเลย”

“คุณชายทรงโปรด?” วันศุกร์ขมวดคิ้วทำหน้างง คุณชายทรงโปรด...ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นน้องชายของคุณชายทรงเพลิง

“นี่มึงรู้จักคุณชายทรงโปรดใช่ป่ะ ทำหน้าหมางงไปอีก”

“เออๆ แล้วไงอ่ะ มึงไปยุ่งเรื่องของเขาทำไม”

“เปล่าเว้ย กูกำลังจะบอกว่าสองคนนั้นโคตรจะคนละขั้ว คุณชายทรงโปรดร้ายจะตาย ส่วนน้องกูนี่ก็หงิมๆ ไปหมั้นกันได้ยังไงก็ไม่รู้”

“เนี่ย ใส่ร้ายคนอื่นเก่ง”

“ม่ายยย กูพูดความจริง”

“...”

“แต่แม่ง คุณชายทรงโปรดโคตรเจ๋ง มีคู่หมั้นตัดหน้าพี่ๆ ไปเลย มึงคิดดูนะ พี่ชายคุณชายทรงโปรดอายุสามสิบอัพไปแล้ว ยังหาแฟนไม่ได้เลยว่ะ”

“ปากมึงนะปัน ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาทำไม”

วันศุกร์มองค้อนเพราะปันน่ะชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แล้วก็เป็นคนที่ให้รู้ความลับอะไรด้วยไม่ได้หรอก คนนี้ได้ฉายาปันรู้โลกรู้เลยแหละ

“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่ชายของคุณชายทรงโปรดไม่มีแฟน” ถึงจะบอกไม่ให้ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นแต่จู่ๆ วันศุกร์ก็เกิดนึกอยากรู้เรื่องของใครบางคนขึ้นมา เลยหลอกถามปันไปแบบนั้น ซึ่งมันก็ได้ผลเลยแหละ ปันดูกระตือรือร้นมากๆ ที่จะเล่าให้เขาฟัง

“ก็กูอยู่คอนโดเดียวกันกับพี่ชายคุณชายทรงโปรดไง ชื่อคุณชายทรงเพลิงอ่ะ กูไม่ได้ขี้เสือกนะเว้ย แต่กูไม่เคยเห็นเขาพาสาวขึ้นห้องเลยว่ะ เห็นบ่อยๆ ก็แค่พี่สาวกับหม่อมแม่เขาอ่ะ”

“รู้ลึกขนาดนี้เลย? ถามจริงนะ มึงเป็นพวกโรคจิตแอบมองใช่มั้ย”

“กล่าวหากูไปอี๊กกก กูอ่ะรู้มาจากแม่ส่วนหนึ่ง แล้วก็เห็นด้วยตาตัวเองส่วนหนึ่งหรอก”

“คุณชายทรงเพลิงอยู่เพนต์เฮ้าส์ชั้นบนสุดนู้น ส่วนกูอ่ะอยู่ต่ำกว่าเขาสองชั้น กูเห็นหมดแหละวันศุกร์”

“อือ โรคจิตชัดๆ”

เหลือบตามองเพื่อนที่ไม่สะทกสะท้านอะไรกับการถูกหาว่าเป็นโรคจิต วันศุกร์หัวเราะเบาๆ เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาปันก็เลิกให้ความสนใจกับการพูดถึงคนอื่นแล้วเปลี่ยนไปไถสเก็ตบอร์ดบนพื้นปูนเรียบๆ แทน

แล้วก็เป็นวันศุกร์เองที่ต้องมานั่งอมยิ้มแบบไม่มีเหตุผล

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เหมือนกับว่าเรื่องราวที่ปันเล่ามาเมื่อกี้มันมีผลกับความรู้สึกของวันศุกร์อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น

มันน่าดีใจตรงไหนที่รู้ว่าคุณชายทรงเพลิงยังไม่มีใคร...ที่ปันเล่ามาอาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้

หล่อ สุขุม ภูมิฐานขนาดนั้น...อะไรอีกดีที่ต้องบรรยายให้ออกมาเป็นคุณชายทรงเพลิง เป็นไปได้เหรอที่คนเพอร์เฟ็กต์อย่างนั้นจะไม่มีใครเข้ามาในชีวิต

วันศุกร์ส่ายหน้ากับตัวเองในระหว่างที่สายตาก็จับจ้องแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย

รู้เต็มอกว่าตอนนี้ในหัวกำลังคิดถึงแต่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมากเกินไป

นึกถึงทั้งๆ ที่ไม่สิทธิ์

แล้วก็ได้แต่บอกตัวเองอีกครั้ง...รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

ว่าอย่าไปคิดถึงเขา

ถึงมันจะยากสักหน่อย แต่ก็ทำมาได้ตั้งสองปีแล้ว

วันศุกร์ไล่ความฟุ้งซ่านของตัวเองด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเล่นไปพลางๆ เน้นถ่ายรูปปันที่โชว์ฝีมือด้านการเล่นสเก็ตบอร์ดแบบมือโปร ก่อนจะกดอัดเป็นคลิปแล้วแพลนกล้องไปรอบๆ บริเวณภายในรั้วคอนโดแห่งนี้

แต่จู่ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังวิ่งเหยาะๆ สลับกับเดินอยู่ในสวนใกล้กับจุดที่เขานั่ง

คนที่มีท่าทางการเดินเหมือนนายแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนั้น…เป็นใครไม่ได้หรอกนอกจากคุณชายทรงเพลิง

คนตัวขาวจัดเม้มปากพลางกดสิ้นสุดการอัดคลิป ในหัวเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกขึ้นมา วันศุกร์รีบกดเข้าแอพพลิเคชั่นสำหรับส่งข้อความ ดวงตากลมเรียวจดๆ จ้องๆ บนหน้าจอที่ขึ้นหน้าแชตของใครคนหนึ่งสลับกับมองคนตัวสูงที่กำลังวิ่งอยู่ตรงนั้นก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความส่งไป

Friday: ฝนจะตกแล้วคุณชาย
Friday: ขึ้นไปที่ฟิตเนสข้างบนดีกว่ามั้ยครับ
Read

ได้ผล หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่กำลังเสียบหูฟังกับโทรศัพท์ราคาแพงชะงักแล้วก้มมองหน้าจอทันที วันศุกร์เดาว่าเสียงแจ้งเตือนมันคงดังจนคุณชายต้องหยุดอ่าน

วันศุกร์เม้มปากกลั้นยิ้ม พอเห็นว่าคุณชายทรงเพลิงเหมือนกำลังจะขมวดคิ้วหน่อยๆ ก็ยิ้มกว้าง

Friday: อยู่นี่คุณชาย เงยหน้าก็เจอแล้วครับ

มีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของคนที่ชวนคุยก่อนรอต้อนรับคุณชายทรงเพลิงอยู่แล้ว และมันกลับทำให้คนรออย่างวันศุกร์ใจกระตุกขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตา แม้จะห่างกันในระยะหลายสิบเมตร แต่วันศุกร์กลับตื่นเต้นราวกับได้จ้องในระยะใกล้

ราวกับว่ามันเหมือนครั้งแรกที่รู้จักกัน

Plerng: ครับ
Plerng: แล้วคุณมานั่งทำอะไรตรงนี้

คุณชายทรงเพลิงไม่ได้ขยับตัววิ่งต่อ แต่กลับยืนนิ่งๆ หันหน้ามาทางวันศุกร์แล้วก้มหน้าพิมพ์ข้อความตอบกลับ พอพิมพ์เสร็จคุณชายเขาก็เงยหน้ามองวันศุกร์อีกครั้ง

Friday: เดี๋ยวผมก็กลับแล้วครับ

วันศุกร์มองคุณชายทรงเพลิงที่แต่งตัวธรรมดาๆ เหมือนคนทั่วไปแต่กลับดูหล่อดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ แค่เสื้อยืดสีดำพอดีตัวกับกางเกงขายาวสีเดียวกันเข้ากับรองเท้าผ้าใบสีขาวก็ทำให้คุณชายทรงเพลิงดูเป็นนายแบบขึ้นมาซะอย่างนั้น ไหนจะทรงผมที่ไม่เซ็ตของคุณชายเขาอีก

วันนี้วันศุกร์ก็แต่งตัวโทนเดียวกับคุณชายเขานั่นแหละ แต่ให้ความรู้สึกต่างกันสิ้นเชิง

Plerng: มาหาเพื่อน?
Friday: ใช่แล้วครับ
Friday: วันนี้ผมว่างครับ ไม่มีงานหนึ่งวันเต็มๆ เลย
Plerng: เลยออกมาเที่ยวเล่น
Friday: เรียกว่าผ่อนคลายดีกว่าครับคุณชาย
Friday: เห็นสเก็ตบอร์ดในมือผมมั้ยครับ ซื้อมาตั้งนานแล้วยังไม่เคยได้หยิบมาเล่นเลย
Friday: วันนี้เลยพามาประเดิมสนามครับ
Plerng: ครับ

วันศุกร์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าคุณชายตอบกลับมาแค่นั้นแล้วก็กลับไปวิ่งต่อ คนอะไรจะเมินกันได้ดีขนาดนี้ทั้งๆ ที่ก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว

วันศุกร์นั่งห่อไหล่ ยู่ปากมองคุณชายทรงเพลิงวิ่งเหยาะๆ ไปตามทาง

Friday: ร้อนนะคุณ ไปวิ่งในที่ที่มีแอร์ดีกว่ามั้ย
Friday: เดี๋ยวเป็นลมเอานะครับ
Friday: กินข้าวยังเนี่ยคุณชาย ผมยังไม่ได้กินเลย
Friday: เมื่อกี้เล่นสเก็ตบอร์ดเหมือนจะเป็นลมด้วยเลยมานั่งพัก
Friday: 55555

คุณชายทรงเพลิงชะงักก้มหน้ามองโทรศัพท์มือถือ วันศุกร์มองไม่เห็นว่าตอนนี้สีหน้าของคุณชายเป็นยังไงเพราะอีกฝ่ายยืนหันหลัง ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีร่างสูงของคุณชายทรงเพลิงก็เดินตรงมาทางที่เขากำลังนั่งกินลมชมวิวอยู่ และตอนนั้นแหละที่ทำให้วันศุกร์ค่อยๆ เห็นสีหน้าของคุณชายในระยะที่ใกล้ขึ้น

สีหน้าขรึมๆ โหดๆ เหมือนไปโกรธใครมา ประมาณนั้น

“แล้วทำไมคุณถึงไม่กินข้าว”

จนตอนนี้...วันศุกร์เห็นหน้าคุณชายทรงเพลิงชัดเจนกว่าเดิม

“ผมถาม” น้ำเสียงนิ่งๆ แบบนั้นทำให้วันศุกร์รู้สึกไม่พอใจอยู่นิดหน่อย มันเหมือนกับว่าถูกอีกคนบังคับให้ตอบทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของคุณชายทรงเพลิงเลย

“ก็กินไปแล้วไงคุณ ผมต้องไดเอต...” แต่วันศุกร์ก็ตอบออกไป

“ไดเอตอะไรของคุณ ข้าวปลาไม่กินสักมื้อ”

“รู้ได้ไงครับคุณชาย ผมกินมื้อเช้าแล้วต่างหาก”

วันศุกร์เม้มปากเบาๆ เมื่อกี้ดันไปเผลอต่อปากต่อคำกับคุณชายเขาจนได้ ทั้งๆ ที่คิดเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ในสถานะของคนที่ต้องร่วมงานกันเท่านั้น แต่พอเจอหน้ากันจริงๆ ขึ้นมา วันศุกร์ก็อดไม่ได้เลยจริงๆ ที่จะเอาตัวตนของตัวเองเมื่อตอนที่ยังคบกันอยู่ออกมา

มันเหมือนความเคยชิน และในความเคยชินนั้นหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็มีส่วนทำให้เกิดขึ้น

“คุณควรกินให้ครบทุกมื้อ”

“อย่างนั้นก็แย่สิครับ”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงใช้สายตาแข็งกร้าวจ้องมาที่คนช่างต่อล้อต่อเถียง วันศุกร์แอบเห็นว่าคุณชายเขาถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเบาๆ ด้วย

“อ้าวสวัสดีครับคุณชายทรงเพลิง ผมปันนะครับ พี่รหัสของเอ็นดูน่ะครับ” แล้วจู่ๆ คนที่ไถสเก็ตบอร์ดอยู่ไกลๆ ก็มาโผล่หน้าอยู่ข้างๆ วันศุกร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ปันยกมือไหว้คุณชายทรงเพลิงพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางของปันตอนนี้ไม่ต่างกับพวกอยากรู้อยากเห็นเท่าไหร่

ปันชะโงกหน้ามองวันศุกร์สลับกับคุณชายตัวสูงแล้วเลิกคิ้วเหมือนกับจะถามว่ารู้จักกับคนตรงหน้าด้วยเหรอ

“สวัสดีครับ”

ขอบคุณคุณชายทรงเพลิงจริงๆ ที่ไม่เย็นชากับคนอื่น อย่างน้อยก็ยังเอ่ยปากสวัสดีและยกมือรับไหว้ปันน่ะนะ

“นี่คุณชายรู้จักกับไอ้วันศุกร์เหรอครับ โลกกลมสุดๆ เลยครับเนี่ย”

“ครับ”

“ตอนนี้วันศุกร์มันดังมากเลยครับคุณชาย มีคนชอบมาตีเนียนว่ารู้จักกับมันเยอะเลยครับ คุณชายดูน่าเชื่อถือ...คงไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่มั้ยครับ แหะๆ”

“ไอ้ปัน” วันศุกร์กัดฟันเรียกชื่อเพื่อนเสียงแข็ง พลางเหลือบตาจ้องปันที่ยืนกอดสเก็ตบอร์ดถามคุณชายทรงเพลิงหน้าตาเฉยราวกับรู้จักกันมาตั้งหลายปี เขาพยายามบอกให้ปันเงียบผ่านทางสายตาก่อนที่ปันจะพูดอะไรที่ดูเป็นการเสียมารยาทไปมากกว่านี้

“ฝนจะตกแล้ว คุณชายจะ...อื้อ! อื้อ!”

“กลับห้องกันเหอะ อย่าไปรบกวนเวลาส่วนตัวของคุณชายเลย...ผมไปก่อนนะครับคุณชาย สวัสดีครับ”

เสียงอื้ออึงจากปันเกิดขึ้นเพราะวันศุกร์รีบเอามือปิดปากอีกฝ่าย วันศุกร์ก็หอบสเก็ตบอร์ดพร้อมกับลากเพื่อนตัวดีให้รีบเดินออกจากผู้ชายคนนั้นให้เร็วที่สุด

วันศุกร์จ้ำอ้าวก้าวเท้ายาวๆ จนถึงล็อบบี้ของคอนโดทันก่อนที่ฝนจะตกลงมา ก่อนจะรีบปล่อยมือออกจากปากเพื่อนเพราะอีกฝ่ายทำท่าจะใช้ฟันซี่คมๆ งับเข้าที่ฝ่ามือ

“ถุ้ย ไอ้วันศุกร์ มือมึงเค็มเหงื่อขนาดนี้เอามาปิดปากกูได้ไงวะ”

“ก็มึงพูดมาก ไม่รู้เหรอไงว่ากำลังเสียมารยาทอยู่ นั่นคุณชายทรงเพลิงนะไอ้ปัน...ไม่ใช่เพื่อนเล่น”

ทั้งสองคนที่ส่วนสูงไล่เลี่ยกันสลับกันยืนหอบหายใจอยู่ตรงล็อบบี้ มือเรียวพัดเอาลมเข้าหน้าเพื่อให้หายเหนื่อยเร็วขึ้น

วันศุกร์มองกลับไปตรงจุดที่พวกเขาเพิ่งวิ่งเข้ามาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคุณชายทรงเพลิงกำลังวิ่งตากฝนเข้ามาในล็อบบี้ ไม่ได้วิ่งเร็วๆ เหมือนที่คนอื่นวิ่งกัน แต่คุณชายทรงเพลิงวิ่งเหยาะๆ เหมือนไม่กลัวเปียก ไม่กลัวฟ้ากลัวฝนเลย

“นิสัยกูก็แบบนี้แหละ แต่มึงเถอะ รู้จักกับคุณชายเขาหรือไง กูเห็นนะว่ายืนคุยกันอยู่”

“รู้จักสิ ก็คุณชายเขาเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางที่กูจะไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ไง”

“ว้าวว แบบนี้นี่เอง มึงถึงได้เอามือเค็มๆ มาปิดปากกู...ไม่อยากให้กูพูดมากก็ไม่บอกตั้งแต่แรก”

“แล้วมันน่ามั้ยล่ะ ไปทำตัวสนิทสนมกับเขาเฉย”

“กูขอโทษครับพ่อพระเอก กูไม่รู้นี่นา”

วันศุกร์หัวเราะให้กับท่าทางกวนๆ ของปัน มันน่ะรู้สึกผิดจริงๆ ซะที่ไหน ก็แค่ขอโทษส่งๆ ไปเท่านั้นแหละ

“เหนียวตัวฉิบ...นี่มึงจะเอาไง ฝนตกละ ขึ้นไปเล่นห้องกูก่อนมั้ย”

คำถามของปันทำให้วันศุกร์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าวันนี้จะใช้เวลาอยู่กับปันจนถึงสามทุ่มแล้วค่อยกลับไปพักผ่อนเตรียมรบกับงานของวันพรุ่งนี้ต่อ ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้ว...แต่กลับไม่อยากอยู่กับปันขึ้นมาซะอย่างนั้น

“กลับเลยดีกว่า แต่เดี๋ยวขึ้นไปส่ง”

“จะขึ้นไปส่งทำไมวะ...อ๋อ อยากเห็นห้องหรูของกูอ่ะดิ” คนขี้อวดเชิดหน้าชวนให้หมั่นไส้ วันศุกร์ไม่ได้ถือสาอะไรกับท่าทีของปันเพราะรู้ว่าเป็นนิสัยติดตัวไปแล้ว เขาเลยได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ตามไปด้วย

“เออๆ อยากเห็น เดี๋ยวกูขึ้นไปส่งนะ”

“ได้มึง เดี๋ยวกูพาชมทุกมุมห้องเลย”

วันศุกร์ดันหลังของปันให้รีบเดินเข้าลิฟต์พร้อมกับหันไปมองเจ้าของร่างสูงที่กำลังจะเดินเข้ามาในล็อบบี้ เนื้อตัวของคุณชายทรงเพลิงเปียกปอนเพราะตากฝน ในตอนที่อีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาในล็อบบี้ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดสนิท วันศุกร์มองคุณชายทรงเพลิงผ่านช่องว่างของประตูจนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดสนิทเขาถึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ

และนั่นก็ทำให้วันศุกร์รู้แล้วว่าที่เขาไม่อยากอยู่กับปันต่อเพราะอะไร

มันคงเป็นเพราะว่า...จู่ๆ วันศุกร์ก็ไม่กล้าสู้หน้าคุณชายทรงเพลิงขึ้นมา

เลยอยากกลับ อยากหนี ทั้งที่รู้ว่าก็ทำได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายยังไงก็ต้องเจอกันอีก

มันคือความงี่เง่าของเขาเอง



[มีต่อด้านล่างค่ะ]



 







ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 05.2 - up21.6.62
«ตอบ #16 เมื่อ28-06-2019 08:44:31 »

9:00 pm

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงในชุดไพรเวทสบายตาเดินออกจากประตูเพนต์เฮ้าส์ในช่วงเวลาสามทุ่ม รองเท้าแตะแบรนด์ดังย่ำลงบนพื้นหินอ่อนเงาวับก่อนจะชะลอเท้าเมื่อถึงหน้าลิฟต์

ทั้งที่เวลานี้เขาควรจะพักผ่อนอยู่ในห้อง เปิดแอร์เย็นๆ ฟังเพลงเบาๆ คลอไปกับเสียงฝนที่กระหน่ำลงมา แต่คุณชายทรงเพลิงกลับคว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกจากห้องหน้าตาเฉย

เขาไม่ได้หิว ไม่ได้อยากออกไปไหน แต่เป็นในหัวของเขามีเรื่องให้คิดจนรู้สึกรำคาญ ใจมันสั่งร่างกายให้เดินออกมาสงบสติอารมณ์แทนก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้

พอนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นคุณชายทรงเพลิงก็ได้แต่หัวเราะในใจ ยอมรับว่าหงุดหงิดที่รู้ว่าวันศุกร์ยอมอดข้าวอดน้ำเพื่อลดน้ำหนักทั้งที่ตัวเองกินเก่งยิ่งกว่าอะไร เขาสงสัยไม่หายว่าหุ่นอย่างวันศุกร์จะกลัวอ้วนอะไรนักหนา ขนาดตัวของวันศุกร์บางกว่าเขาตั้งเยอะ แขนขาเล็กเรียวเกือบเท่ากับผู้หญิง หุ่นแบบนั้นลมพัดเบาๆ ก็คงปลิวแล้ว

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าคนสมัยนี้ชอบพระเอกรูปร่างผอมบางอย่างกับนางเอกนักหรือไง

ตึ้ง

ยืนจมอยู่กับความคิดสักพักลิฟต์ก็เคลื่อนตัวมาถึงชั้นบนสุดของคอนโด วันนี้หม่อมราชวงศ์เลือกใช้ลิฟต์ของส่วนรวมแทนลิฟต์ส่วนตัวที่ตั้งอยู่คู่กัน

ขายาวก้าวเข้าไปในลิฟต์ตัวนั้น คุณชายทรงเพลิงกดเลขหนึ่งและกดปิดลิฟต์ ก่อนที่ลิฟต์จะเคลื่อนลงไปยังชั้นสี่สิบเก้า และไม่กี่อึกใจก็เลื่อนลงไปชั้นสี่สิบแปดก่อนที่มันจะหยุดไว้อย่างนั้นสักพักเพื่อรอเปิด

คุณชายทรงเพลิงขยับตัวไปทางขวาเล็กน้อยตอนที่ประตูลิฟต์กำลังจะเปิดออก และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดกว้าง ร่างของใครบางคนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า

คนที่เขาอยากเจอ และไม่อยากเจอในเวลาเดียวกัน

“คุณชาย...”

ริมฝีปากสีชมพูขยับเรียกพึมพำ คนที่ตากลมเรียวดูตกใจมากที่เห็นเขายืนอยู่ในลิฟต์ วันศุกร์ทำอะไรไม่ถูกผิดกับคุณชายทรงเพลิงที่ดูนิ่งเฉยเป็นปกติ

“เชิญครับ”

“...”

ขยับตัวอีกครั้งเพื่อให้คนที่ตัวเล็กกว่าเดินเข้ามาในลิฟต์ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมองวันศุกร์ที่จ้องเขาไม่วางตา เหมือนช็อกไปแล้วที่ต้องเจอกันอีก

“คุณ โอเคหรือเปล่า”

“โอเคครับๆ ขอบคุณนะครับ” พูดจบคนตัวขาวก็รีบแทรกตัวเข้ามาในลิฟต์ อาการลนๆ แบบนั้นทำเอาคนมองอย่างเขาเกือบหลุดขำ

“เป็นอะไร”

“เปล่านี่ครับ”

ลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนลงไปชั้นล่าง หลังจากที่จบบทสนทนาสั้นๆ นั้นแล้วในลิฟต์ก็ตกอยู่ในความเงียบ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงยีนสีดำด้วยอาการสงบ เช่นเดียวกับวันศุกร์ที่นิ่งเกร็งแทบไม่หายใจ

“เฮ้ย คุณ...ไฟดับ” วันศุกร์ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ลิฟต์ก็เกิดไฟดับขึ้นมา

ทรงเพลิงรีบหันมองคนตัวขาวในความมืด ก่อนจะคว้าแขนเล็กๆ ของอีกคนมาจับไว้แน่น ในนี้มันมืดมากจนเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ทรงเพลิงรับรู้ได้ก็คืออาการสั่นของวันศุกร์

“ใจเย็นๆ”

“คุณ!”

ไม่กี่วินาทีต่อมาลิฟต์ก็เกิดกระชากรุนแรงจนเขาเกือบล้มเพราะทรงตัวไม่อยู่ เช่นเดียวกับวันศุกร์ที่ล้มคะมำไปแล้วทั้งๆ ที่แขนก็ยังถูกมือหนาจับไว้

เสียงอะไรสักอย่างกระแทกลิฟต์ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องตกใจของวันศุกร์ พอได้สติเขาก็รีบดึงคนตัวเล็กเข้ามาโอบไว้

“เป็นอะไรหรือเปล่าวันศุกร์”

“ไม่เป็นไรครับ”

ทรงเพลิงสำรวจตามร่างกายของวันศุกร์ผ่านความมืด ถึงจะมองไม่เห็นว่าอีกคนเจ็บตรงไหนหรือเปล่าแต่เขาก็ยังจะอยากเช็กให้แน่ใจ

 ถ้าตอนนี้มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาสักหน่อย วันศุกร์คงได้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดกับคิ้วหนาที่ขมวดแน่นของคุณชายทรงเพลิงแน่นอน

“จับผมไว้แน่นๆ ถ้าลิฟต์กระชากอีกจะได้ไม่เจ็บตัว”

“ยังจะกระชากอีกเหรอครับ”

“ไม่แน่ครับ ระวังตัวไว้ก่อน”

บอกคนที่ตัวสั่นในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำก่อนจะใช้มือคลำหาปุ่มฉุกเฉิน หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงกดปุ่มนั้นแล้วกรอกน้ำเสียงทุ้มที่เจือความแข็งกร้าวลงไป

“มีคนติดอยู่ในลิฟต์ชั้นที่สามสิบครับ”

รอไม่กี่วินาทีก็มีเสียงเจ้าหน้าที่ตอบกลับมา วันศุกร์ถอนหายใจยาวเพราะรู้ว่าอย่างน้อยก็กำลังจะมีคนเข้ามาช่วย แต่กลับต้องร้องเสียงหลงตกใจเมื่อลิฟต์เกิดกระชากอีกครั้งจนเกือบทรงตัวไม่อยู่

“คุณ! กระชากอีกแล้ว...” มันรุนแรงกว่าครั้งแรกจนคนขี้กลัวหัวใจหล่นวูบ

วันศุกร์เผลอพิงหน้าผากไว้กับอกแกร่งของคุณชายทรงเพลิงพร้อมกับหอบหายใจเหมือนกับเด็กเสียขวัญ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงรู้ดีกว่าใครว่าวันศุกร์คิดมากและขี้กลัวเก่งที่หนึ่งแต่ไม่ค่อยแสดงออกให้ใครเห็น ใช่ มีเขาคนเดียวที่รู้ว่าวันศุกร์เป็นคนยังไง

“ไม่ต้องกลัว”

“ผมไม่ชอบแบบนี้เลย”

“เดี๋ยวมีคนมาช่วยแล้ว”

“คุณชายรู้มั้ย ผมเพิ่งดูหนังผีกับเพื่อนจบมาหมาดๆ ในเรื่องมันมีฉากที่ลิฟต์ตกจากชั้นสิบสองด้วย เราจะเป็นอย่างนั้นมั้ยคุณ”

“คิดมาก ก็แค่หนัง”

“...”

“นั่งลงก่อน ถ้าลิฟต์กระชากอีกตัวคุณจะได้ไม่ไปกระแทกโดนขอบ”

สองครั้งที่ลิฟต์กระชากเขารับรู้ได้ว่าวันศุกร์ทรงตัวไม่อยู่จนเผลอไปกระแทกกับขอบมุมเหลี่ยมภายในลิฟต์ ที่รู้เพราะตัวเขาเองก็โดนเหมือนกัน และพรุ่งนี้ตามเนื้อตัวคงมีแต่รอยช้ำ

ตัวเขาไม่ค่อยเท่าไหร่ ผิวหนังถลอกตรงไหนก็ไม่ต้องสน แต่คนที่เป็นดาราดังนี่สิ ต้องถนอมไว้ให้ดีเลย

“ขาผมแข็งมากเลยคุณ ขยับไม่ได้แล้ว”

“ค่อยๆ ย่อลง”

“ผมกลัวลิฟต์มันตกครับ”

“ไม่หรอก”

“คุณมั่นใจได้ยังไง ผมไม่กล้าขยับหรอกนะ”

“วันศุกร์”

“อย่าเพิ่งทำเสียงดุตอนนี้ได้มั้ยครับ ผมกลัวจริงๆ นะคุณชาย”

ม่านตาที่ปรับให้เข้ากับแสงในความมืด ทำให้หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเห็นสีหน้าและแววตาของวันศุกร์ชัดขึ้นกว่าเดิม

วันศุกร์หน้าซีดปากสั่น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามกรอบหน้าจนคุณชายทรงเพลิงต้องใช้มือเช็ดออกให้  คนตัวสูงพยักหน้าอ่อนใจ รู้ดีว่าตอนนี้เขาบังคับให้วันศุกร์นั่งไม่ได้แล้ว

“งั้นกอดผม”

“...”

“ถ้าลิฟต์กระชากอีกคุณจะได้ไม่บาดเจ็บ”

น้ำเสียงเข้มปรับระดับให้อ่อนนุ่มตามความรู้สึกที่ต้องปลอบโยนใครสักคนเพราะรู้ว่าหากตึงแข็งไปมากกว่านี้ คนที่กำลังหวาดกลัวอยู่อาจจะสติแตกไปเลยก็ได้

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงผ่อนลมหายใจช้าๆ เมื่อแขนของคนเด็กกว่าค่อยๆ โอบคล้องรอบเอวหนา เขาสัมผัสได้ถึงความประหม่าของวันศุกร์ ถึงแม้ว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสองคนกอดกัน แต่มันก็เป็นการกอดกันครั้งแรกในรอบสองปีตั้งแต่เลิกรากันไป

เป็นครั้งแรกในตลอดสองปี ที่ได้ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้

แล้วกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของวันศุกร์โชยแตะจมูกจนหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเผลอสูดเข้าปอด

เขาข่มใจ บอกให้ตัวเองสงบ

แต่จู่ๆ คุณชายทรงเพลิงกลับรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เลือดในกายสูบฉีดขึ้นมากะทันหัน ร่างกายร้อนผ่าวกว่าเดิมตอนที่เขาเลื่อนแขนที่โอบไหล่กลมๆ ลงมาโอบกลางแผ่นหลังของวันศุกร์แทน

เสียงหอบหายใจแผ่วเบาของคนในอ้อมแขน ผิวกายนุ่มนิ่มของวันศุกร์...ที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเป็นแบบนี้ก็เพราะแฟนเก่า

“ขอบคุณนะครับ”

“...”

“ถ้าอึดอัดคุณชายรีบบอกผมเลยนะ”

“กอดไปเถอะ”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงวางคางไว้บนศีรษะของคนในอ้อมกอด พลางผ่อนลมหายใจเบาๆ เมื่อภาพวันเก่ามันย้อนกลับมาอีกครั้ง...ตอนที่ยังคบกันเขากับวันศุกร์กอดกันจนนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งกอดยิ่งอบอุ่นจนไม่อยากปล่อย อยากกอดไว้แน่นๆ ทุกวัน

ใช่ ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ทะนุถนอมวันศุกร์ด้วยสองมือของตัวเอง

ได้รัก ได้ดูแลคนคนนี้อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

 “คุณชาย…คุณกลัวเหมือนกันใช่มั้ยครับ”

จนถึงวันนี้ ตอนนี้ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมั่นใจว่าตัวเองก็ยังทำแบบนั้นได้

“กลัวอะไร”

แต่มันขึ้นอยู่กับว่าวันศุกร์จะเต็มใจให้เขากลับไปดูแลเหมือนเดิมหรือเปล่า

“ผมก็ไม่รู้”

ก็ยอมรับเลย ว่าหัวใจของคุณชายทรงเพลิง...

“หัวใจคุณเต้นแรงมาก เลยนึกว่าคุณชายกลัวน่ะครับ”

มันยังเป็นของวันศุกร์...เหมือนเดิม
 




#หวนกลิ่นรัก


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 06 - up28.6.62
«ตอบ #17 เมื่อ28-06-2019 08:46:36 »

06

 
มันคือความจริงที่ว่า กาลเวลาเปลี่ยน ใจคนเราก็มักจะเปลี่ยนไปด้วย

แต่มันก็ค้านกับความรู้สึกของเขา มันไม่ใช่เลย ใจของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามเวลาอย่างที่ใครเขาพูดกัน

วันศุกร์ยอมรับว่าตัวเองยังรัก ยังคิดถึงคุณชายทรงเพลิงเสมอ

คนขาวจัดยืนกอดอกพิงสะโพกบนพนักพิงโซฟา ดวงตาเรียวมองไปที่กระจกใสจากชั้นบนสุดของคอนโด มองน้ำฝนเม็ดเล็กๆ ที่เกาะอยู่ตรงนั้น รวมทั้งสายฝนที่ดิ่งตัวลงพื้น

มือขาวๆ กระชับเสื้อคลุมสีน้ำตาลที่สวมทับชุดนอนสีเทา มันเป็นชุดนอนของเจ้าของเพนต์เฮ้าส์ เป็นชุดนอนของคนที่วันศุกร์กอดเอวเขาซะแน่นตอนที่ติดอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน

คนนั้นแหละที่วันศุกร์ยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

Friday: พี่โม วันนี้คงไม่กลับห้องนะครับ

ฝนตกหนักแบบนี้ต่อให้ขับรถเก่งยังไงคุณชายทรงเพลิงก็ไม่ปล่อยให้เขากลับไปได้ง่ายๆ

ยิ่งคนพักผ่อนน้อยและมีปัญหาเรื่องการมองในที่มืดๆ อย่างวันศุกร์ด้วยยิ่งแล้วใหญ่ คืนนี้วันศุกร์เลยถูกคุณชายทรงเพลิงสั่งให้ค้างที่นี่ แล้วค่อยกลับพรุ่งนี้เช้า

และคนที่บอกให้เขาค้างที่นี่กำลังอาบน้ำอยู่ เพิ่งเข้าไปอาบเมื่อกี้หลังจากที่ทำแผลที่แขนให้วันศุกร์เรียบร้อย แถมยังอยู่รอให้เขาอาบน้ำเสร็จอีกต่างหากถึงได้ยอมเข้าไปจัดการส่วนของตัวเองบ้าง

นั่นแหละคือเหตุผลที่ทำให้หัวใจและความรู้สึกของวันศุกร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะคุณชายทรงเพลิงทั้งนั้น

ความอบอุ่น อ่อนโยน เอาใจใส่กันดีแบบนั้น วันศุกร์สงสัยไม่หายว่าทำไมยังมอบให้ทั้งๆ ที่เลิกกันไปตั้งนานแล้ว

นาทีที่ตัดสินใจเดินหันหลังให้คุณชายทรงเพลิงเมื่อสองปีก่อน วันศุกร์คิดอยู่ในหัวตลอดเลยว่า...ถ้าถูกอีกคนโกรธเคืองหรือเกลียดหน้ากันไปเลยเขาก็จะยอมรับ แต่ทว่าเมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้งจนถึงตอนนี้...วันศุกร์ยังไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะแสดงท่าทางหรืออาการว่าโกรธเกลียดกันสักนิด

มันก็ยิ่งทำให้คนที่เป็นฝ่ายบอกเลิกอย่างเขารู้สึกผิดจนต้องโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง

วันศุกร์ผ่อนลมหายใจเบาๆ เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะความไม่หนักแน่นของตัวเขาเอง ความเห็นแก่ตัว ความกลัว และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ถาโถมเข้ามาในตอนนั้น...วันศุกร์ไม่อยากนึกถึงมันเท่าไหร่ แต่พอเห็นหน้าคุณชายทรงเพลิงทีไรก็รู้สึกจุกทุกที

ยิ่งเมื่อคุณชายเขาทำดีด้วยแล้ว...ยิ่งไปกันใหญ่เลย

“ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่เข้าไปนอน”

“คุณชาย...ตกใจหมดเลย” วันศุกร์ลูบหน้าอกปอยๆ กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ก็เกือบสะดุ้งโหยงเพราะเสียงของเจ้าของเพนต์เฮ้าส์ที่ดังขึ้นแบบไม่มีสัญญาณเตือนก่อน

วันศุกร์แอบไล่สายตามองคนตัวสูงที่เดินมายืนข้างๆ หัวจรดเท้า ตอนนี้คุณชายทรงเพลิงอยู่ในชุดเตรียมเข้านอนแล้ว เสื้อยืดสีขาวธรรมดาทำให้เห็นช่วงไหล่ที่กว้างเอามากๆ กางเกงขายาวสำหรับใส่นอนสีดำก็ทำให้เห็นช่วงขายาวๆ ของคุณชายเขาอีกเช่นกัน

ชุดธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดามันเป็นแบบนี้แหละ

แล้วก็ต่างจากวันศุกร์ที่เป็นถึงดาราดังแต่ใส่ชุดธรรมดาแล้วยังดูดีสู้คุณชายทรงเพลิงไม่ได้เลยด้วย

“จะให้ผมนอนที่ไหนล่ะครับ เจ้าบ้านยังไม่บอกเลย”

“ที่เดิม”

“ห้องคุณชายเนี่ยนะ”

“ครับ”

วันศุกร์ตาโตอ้าปากเหวอ...บ้าไปแล้ว

คนที่ตกใจเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก วันศุกร์จ้องหน้าคุณชายทรงเพลิงอย่างอึ้งๆ ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าบอกให้เข้าไปนอนในห้องของคุณชายเขาเอง ที่เดิมของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่วันศุกร์เข้าใจ...ก็คือห้องนอนห้องนั้นที่เคยนอนด้วยกันตอนที่ยังคบกันอยู่

แต่ตอนที่วันศุกร์ขมวดคิ้วจ้องหน้าอีกคน คุณชายทรงเพลิงกลับยิ้มมุมปาก

“คุณนอนได้หรือเปล่า”

“งั้นผมกลับดีกว่า”

“ดึกแล้วจะกลับไปไหน”

“...”

คำพูดธรรมดาๆ ของคุณชายทรงเพลิงแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงเหมือนจะอ้อนกันแบบนั้นทำเอาคนฟังชะงัก

จากที่เลิ่กลั่กอยู่แล้วก็แทบไปไม่เป็นเลยคราวนี้ วันศุกร์เม้มปากเบาๆ ถึงจะถูกพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นจากคุณชายทรงเพลิงแต่ก็ยังทำใจกล้าจ้องหน้าเขาต่อ

ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเขินหน้าแดงก่ำไปแล้ว

แต่นี่วันศุกร์ไง พระเอกเบอร์หนึ่งของเมืองไทย การแสดงเป็นเลิศ เจอแค่นี้เรื่องจิ๊บๆ

มั้งนะ...

 “คอนโดคุณออกจะใหญ่มีตั้งหลายห้อง ทำไมต้องให้ผมไปห้องคุณด้วยล่ะครับ” แล้วก็ก้มหน้าพึมพำถามคนที่ตัวโตกว่า วันศุกร์บีบมือตัวเองแน่นเพราะตอนนี้นอกจากจะประหม่าแล้ว...ก็ยังเขินอีกด้วย

ถ้าต้องเข้าไปนอนห้องคุณชายก็เท่ากับว่าเราสองคนต้องนอนด้วยกัน

อือ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าต้องกลับไปนอนด้วยกันอีก...มันจะเป็นยังไง

“จะได้ไม่ต้องเปิดแอร์หลายเครื่อง เปลือง”

“นี่คุณชายพูดจริงเหรอครับเนี่ย”

“ครับ”

แล้ววันศุกร์แทบหลุดขำกับคำตอบอ้อมๆ ของคุณชายเขา

มองดูก็รู้แล้วว่าคนที่รวยล้นฟ้าอย่างหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง ภัสร์ฤทัย ไม่ได้อยากจะประหยัดค่าแอร์ในเพนต์เฮ้าส์ถึงขั้นให้แฟนเก่าเข้าไปนอนในห้องนอนเดียวกัน วันศุกร์ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา เคยรัก เคยคบจนรู้นิสัยกันแล้ว...เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริงๆ ของคุณชายเขาคืออะไร

“คุณขำอะไร” หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยืนกอดอกเอียงหน้าถามวันศุกร์ที่หลุดขำออกมาแล้ว วันศุกร์เลยต้องรีบกลั้นขำด้วยการเม้มปาก มองหน้าคุณชายทรงเพลิงแบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่าอยู่นิดหนึ่ง

“ขำคุณชายไงครับ”

“ผมมีอะไรน่าขำ”

“คุณชายเนี่ย จะปากแข็งไปถึงไหน”

“...”

“ถามตรงๆ เลยนะ คุณชายอยากนอนกับผมใช่มั้ย...ไม่ใช่เพราะกลัวเปลืองใช่มั้ยครับ” วันศุกร์ยกยิ้ม คิดไว้ในหัวแล้วว่าคุณชายทรงเพลิงต้องตอบเลี่ยงๆ เพราะกลัวว่าจะเสียฟอร์ม แต่ว่า...

“ใช่”

มันก็ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด

“ผมอยากนอนกับคุณ”






*****


 
“ไม่น่าเป็นห่วง มีแค่ฟกช้ำไม่กี่วันก็หาย” หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์ที่มีศักดิ์เป็นพี่เขยบอกกับน้องชายของภรรยาด้วยท่าทางสบายๆ ต่างจากหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อเท่าไหร่

“มีแค่นั้นเหรอครับ แล้วแผลถลอกที่แขนล่ะครับ”

“ก็แค่ถลอกไงชายเพลิง เราก็ทำแผลให้เขาไปแล้วนิ”

หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์มองคนที่สูงไล่เลี่ยกันยืนพิงกรอบประตูกระจกบริเวณสระว่ายน้ำในเพนต์เฮ้าส์ เขาอมยิ้มให้กับความกังวลที่เห็นชัดเจนทั้งใบหน้าของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง ชนิดที่ดูก็รู้ว่าคนเจ็บที่เจ้าตัวเรียกให้เขามาตรวจอาการกลางดึกสำคัญมากแค่ไหน

“ก่อนที่พี่มินทร์จะมาผมเห็นเขาจับแขนเหมือนปวด พี่มินทร์เช็กละเอียดแล้วใช่มั้ยครับ”

เป็นปกติอยู่แล้วที่หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์ไม่เคยได้ยินคำว่า ‘พี่ชายมินทร์’ ออกจากปากของทรงเพลิง ทรงโปรด หรือทรงคุณ สามพี่น้องจากวังนี้ไม่ได้เคร่งเรื่องการใช้ศัพท์กับยศตำแหน่งอะไร ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ถือสา

“ถ้าละเอียดกว่านี้พี่ว่าคงไปพาไปโรงพยาบาลแล้วเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ ดีมั้ย”

ถามปนขำไปด้วยเพราะไม่คิดว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจะจริงจังกับการตรวจร่างกายให้วันศุกร์ขนาดนี้

เขาถามอาการจากวันศุกร์แล้วถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายแค่มีอาการตกใจที่ลิฟต์ขัดข้องเท่านั้น ส่วนแผลฟกช้ำที่ได้มาตามแขนก็เพราะทรงตัวไม่ได้ตอนที่ลิฟต์กระชาก เลยไปกระแทกโดนขอบเหล็กแข็งๆ ในลิฟต์ ไม่ได้รุนแรงตรงไหนเลย

ทรงเพลิงเดือดร้อนแทนวันศุกร์ชนิดที่เรียกได้เกินเบอร์

ขนาดตัวคนเจ็บอย่างวันศุกร์ยังไม่ซีเรียสเท่านี้เลย

“ได้มั้ยล่ะครับพี่มินทร์ ผมก็อยากพาเขาไปตรวจเหมือนกัน”

“ใจเย็นนะชายเพลิง วันศุกร์ไม่เป็นอะไร เชื่อพี่” เขาขำเพราะเมื่อกี้แค่พูดไปเล่นๆ เท่านั้น ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะจริงจังขนาดนี้

“ครับ”

“พี่ถามเราได้ใช่มั้ย”

“ครับพี่มินทร์”

หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์มองขึ้นไปบนชั้นสองของเพนต์เฮ้าส์ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าเรียบเฉยของคุณชายทรงเพลิง พลางถอนหายใจเบาๆ

“กลับมาคบกันแล้วเหรอ”

คำถามสั้นๆ กับความเงียบเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าของร่างสูงของทรงเพลิงไหวไหล่ ก้มหน้ามองพื้นแล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเงยหน้ามองหม่อมราชวงศ์ภูมินทร์ที่เอียงคอรอคำตอบ

“เปล่าครับ”

“แล้วทำไมถึงอยู่ด้วยกัน”

“เขาป่วย ฝนตกหนักด้วยครับ ผมเลยให้พักที่นี่ก่อน”

“ไม่ใช่ว่าจะรีเทิร์นกันหรอกเหรอ”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหัวเราะเพราะพี่เขยเขาดันมีความคิดคล้ายๆ กับพนา  อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้น แค่เห็นแฟนเก่ากลับมาวนเวียนในชีวิตของกันและกันมันเหมือนคนที่กำลังจะรีเทิร์นขนาดนั้นหรือไง

“พี่มินทร์คิดว่ายังไงล่ะครับ”

“ก็ดีสิ ชายเพลิงกับน้องเขาดูรักกันดีจะตาย นี่สรุปเลิกกันยังไง สองปีแล้วชายเพลิงยังไม่เล่าให้พี่ฟังสักที”

ถ้าวันศุกร์คิดว่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ผ่านมามีแค่เขา วันศุกร์ และพนาที่รู้เรื่องก็บอกเลยว่าไม่ใช่ เพราะหม่อมราชวงศ์ภูมินทร์เองก็รู้เรื่องเหมือนกัน และมากไปกว่านั้น หม่อมราชวงศ์รฐา พี่สาวของเขาก็รู้เรื่องด้วย

เขาไม่ได้ตั้งใจให้คนอื่นรู้เยอะ แต่ก็ยังไม่รอดพ้นสายตาพี่ทั้งสองคนไปได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงนี่แหละที่รีบขอร้องให้เก็บเรื่องนี้ไว้ให้เงียบที่สุด

ทั้งที่ก็ไม่ได้อยากเก็บเป็นความลับ หม่อมราชวงศ์รฐาเองก็เอ็นดูวันศุกร์มากๆ แต่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อความสบายใจของวันศุกร์ทั้งนั้น

“ไม่ได้รีเทิร์นหรอกครับ”

“ตอบคำถามไม่ครบนะชายเพลิง”

หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์แซวคนตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ถ้าทรงเพลิงยังไม่พร้อมเล่าเขาก็ไม่บังคับ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวด้วยแหละ

“แต่ผมก็คิดอยู่เหมือนกันนะครับ”

“คิดเรื่องอะไร เรื่องรีเทิร์นหรือเปล่า”

ทรงเพลิงยิ้มบางๆ พยักหน้าเบาๆ และนั่นก็ทำให้คนมองอย่างหม่อมราชวงศ์ภูมินทร์ยิ้มกว้างทันที

“ถ้ามันไม่ผิดก็คิดไปเถอะชายเพลิง คิดแล้วลงมือทำ ทำตามที่ใจเราบอก” วางมือบนไหล่กว้างของอีกฝ่าย ออกแรงตบเบาๆ

“พี่ไม่รู้ว่าเราสองคนเลิกกันเพราะอะไร แต่ตอนนี้ สิ่งที่พี่รับรู้ได้จากแววตาของชายเพลิงก็คือ...ชายเพลิงยังรักวันศุกร์อยู่ ถูกมั้ย”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่ตอบแต่ยกยิ้มกลับมาให้ เขาไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าแววตาคู่นี้มันสื่ออารมณ์และความรู้สึกได้ง่ายขนาดนั้น

ขนาดหม่อมราชวงศ์ภูมินทร์ยังรู้

แล้วเจ้าตัวที่นอนอยู่ในห้องคุณชายทรงเพลิงล่ะ...

จะรู้อะไรบ้างมั้ย

“ถ้ายังรู้สึกดี ยังรู้สึกรัก ก็เดินหน้าเลยนะชายเพลิง พี่เป็นกำลังใจให้”

“แล้วถ้าเขาไม่ต้องการล่ะครับพี่มินทร์”

“ไม่ต้องการก็แย่แล้วชายเพลิง ฟังนะ ถ้าพี่มองไม่ผิด”

“...”

“ดูเหมือนว่า...วันศุกร์ก็ยังความรู้สึกดีๆ ไม่ต่างกับเรานะชายเพลิง”






[มีต่อด้านล่างค่ะ]






 

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 06.2 - up28.6.62
«ตอบ #18 เมื่อ28-06-2019 08:47:06 »

(ไอ้พระเอกครับ มึงลืมสเก็ตบอร์ดไว้ที่ห้องกูรู้เรื่องมั้ยครับ) เสียงแหลมๆ ดังออกมาจากโทรศัพท์จนวันศุกร์ต้องดึงโทรศัพท์ให้ออกจากหู

(ขี้ลืมจังวะมึง ยังไม่แก่เลยนี่)

“เออ ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวนัดเจอกันอีกที”

(พูดมาได้ เหมือนมึงมีคิวว่างให้กูเดือนละสามครั้งงี้)

“แล้วทำไมต้องพูดมากด้วย แค่ฝากของนะไม่ได้ยืมเงิน”

(ไอ้สัด เข้าใจเปรียบเทียบ)

วันศุกร์นั่งตัวลีบๆ บนโซฟาราคาแพงที่ตั้งอยู่ปลายเตียงคิงไซส์ เขาหลบเข้ามาอยู่ในห้องนอนของคุณชายทรงเพลิงได้สักพักหลังจากที่หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์มาตรวจร่างกายให้ ปล่อยให้พี่น้องได้อยู่คุยกันตามลำพัง

จะว่าไปแล้ว คุณชายทรงเพลิงเนี่ยเว่อร์มากๆ วันศุกร์ไม่รู้สึกเจ็บปวดตรงไหนเลยด้วยซ้ำแต่กลับเรียกหมอมาตรวจ

(แล้วนี่มึงถึงคอนโดแล้วใช่ป่ะ วันนี้วันศุกร์รถติดมั้ยวะ)

“อ่อ อื้อ...ติดนิดหน่อยมั้ง”

(เอ้า อะไรของมึงวะ)

วันศุกร์เอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันไว้ตอนที่ตอบคำถามของปัน ไม่อยากบอกไปตรงๆ หรอกว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวได้คุยกันยาวไม่จบไม่สิ้น

(สรุปติดไม่ติด)

“ติดๆ เพิ่งถึงเนี่ย จะอะไรนักหนา”

(มึงโม้เปล่าวะ วันนี้คนทั้งประเทศรีบกลับบ้านไปดูละครที่มึงเล่น...มันไม่น่าติดป่ะ)

“ก็วันนี้วันศุกร์ไง รถติดธรรมดา”

วันศุกร์กลั้นใจตอบด้วยอาการที่นิ่งสงบที่สุดเพื่อไม่ให้ถูกจับได้

(ตลก ตั้งแต่ละครมึงฉายวันศุกร์แห่งชาติรถก็ไม่ติดอีกต่อไป ไว้ละครมึงจบเมื่อไหร่เถ๊อะ ผมนี่ร้องเลยครับ)

“...”

(เฮ้ยมึง คือกูอยู่ล็อบบี้ว่ะ แล้วเมื่อกี้เห็นคุณชายทรงเพลิงลงมากับผู้ชายคนหนึ่งอ่ะ โห มีรถหรูรับผู้ชายคนนั้นถึงหน้าคอนโดเลยว่ะ)

วันศุกร์ฟังน้ำเสียงตื่นเต้นแบบโอเว่อร์ของปันด้วยความตลก แต่ก็ต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้เพราะกลัวว่าปลายสายจะสงสัย รายนั้นไม่ได้สนใจเรื่องรถติดหรือไม่ติดแล้ว วันศุกร์เบาใจไปได้ตั้งเยอะ

(ญาติเขาเหรอวะ ดูดีกันทั้งบ้าน กูนี่อยากเห็นหมาบ้านเขาเลยว่าจะดูดีด้วยมั้ย)

“วังคุณชายไม่เลี้ยงหมา มีแต่ปลาคาร์ฟตัวละหลายแสนอ่ะ”

(มึงรู้ได้ไง ไปเกาะกำแพงวังเขามาหรือไง)

ก็คุณชายทรงเพลิงเคยบอกไง

วันศุกร์ตอบปันในใจไปแบบนั้น ตอนที่ยังคบกันอยู่คุณชายทรงเพลิงเคยเล่าเรื่องในวังให้ฟังหลายครั้ง หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องสัตว์เลี้ยงด้วย

วังภัสร์ฤทัยไม่เลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นเลยนอกจากปลาคาร์ฟที่ว่ายอยู่ในบ่อสุดหรูหลังวัง คุณชายทรงเพลิงบอกท่านพ่อของเขาชอบปลาคาร์ฟมากๆ เลยทำเป็นบ่อเลี้ยงเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย

อือ ก็มีหลายเรื่องเลยแหละที่วันศุกร์รู้

มันเป็นเรื่องของคุณชายทรงเพลิงทั้งนั้น

วันศุกร์รู้อย่างดีเลย

“ก็เดาเอา คิดว่าคนรวยๆ แบบนั้นน่าจะเลี้ยงอะไรแพงๆ”

(มึงอย่าเอาคำว่ารวยเป็นมาตรฐานดิวะ บ้านกูก็รวยไม่เห็นจะต้องเลี้ยงปลาคาร์ฟเลย)

“จ้า พ่อคนรวยมาก”

ปลายสายหัวเราะกลั้วใส่เพราะได้ยินเสียงถอนหายใจจากเขา วันศุกร์เงียบไปพักหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรต่อ อยากกดวางสายแต่ก็กลัวว่าเพื่อนจะน้อยใจไปซะก่อน

ถึงปันจะเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมแต่ก็ขี้เหงา เพื่อนเยอะแต่ก็ไม่มีใครที่คุยด้วยแล้วสบายใจเท่าเขา...ไม่ได้คิดไปเองนะ ปันเคยบอกวันศุกร์แบบนี้จริงๆ

“แล้วมึงลงไปทำอะไรที่ล็อบบี้”

(มืดๆ ค่ำๆ แบบนี้อ่ะ กูชอบลงมานั่งส่องเว้ย)

“นั่งส่อง? ส่องอะไร”

(ก็ส่องไปเรื่อย เห็นอะไรดีๆ เยอะแยะ)

“โรคจิตรึเปล่าไอ้ปัน ขึ้นห้องไปได้แล้วไป”

(มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว นั่งตรงล็อบบี้มุมดีสุดๆ เมื่อสามวันก่อนกูเห็นดาราที่เล่นเป็นน้องสาวมึงมาที่นี่ด้วยนะเว้ย แต่ไม่รู้มาห้องใครว่ะ)

“เขาอาจจะพักที่นี่ก็ได้ มึงนี่น่ากลัวขึ้นทุกวันเลยนะ”

ยิ่งกว่าปาปารัชซี่ก็ปันนี่แหละ นิสัยขี้เหงาแต่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็ยกให้ปันที่หนึ่งเหมือนกัน

วันศุกร์ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของคุณชายทรงเพลงขณะที่มือก็ยังคงจับโทรศัพท์แนบหูอยู่ รู้สึกคอแห้งเพราะมัวแต่คุยกับปัน คนตัวขาวค่อยๆ ก้าวลงบันไดมาที่ชั้นล่างของเพนต์เฮ้าส์ก่อนจะรีบสาวเดินไปตรงแพนทรี่แล้วเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำมารินใส่แก้ว

ปันกำลังบ่นอะไรสักอย่าง วันศุกร์ฟังไปดื่มน้ำไปด้วยก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเหมือนกับว่ามีสายซ้อนเข้ามา

วันศุกร์ผละโทรศัพท์ออกจากใบหูมาเพ่งดูบนหน้าจอ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ามีคนโทรเข้ามาอีกสายจริงๆ แถมยังเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้อีกด้วย

คนตัวขาวรีบกดรับทันทีเพราะคิดว่าเป็นพี่ๆ โทรเข้ามาติดต่อเรื่องงาน วันศุกร์คลี่ยิ้มพร้อมกับเปล่งเสียงนุ่มๆ ให้ปลายสาย

“สวัสดีครับ”

(ผมเอง)

คนฟังย่นคิ้ว ในหัวกำลังคิดอยู่ว่า ผมเอง เขาคือใคร

(เพลิงครับ)

“ชะ...” เชี่ย

คนตัวขาวรีบเม้มปากแน่นเพราะรู้ว่าคำที่มันจะหลุดออกไปคือคำที่ไม่เหมาะสม ในตอนนั้นเองเจ้าของเบอร์ที่เขาไม่ได้เมมชื่อไว้เปล่งเสียงบอกชื่อตัวเองทำให้คนฟังหัวใจสั่น วันศุกร์เกือบจะทำแก้วน้ำหลุดมือไปแล้ว

“คุณชายมีเบอร์ผมได้ยังไงครับ”

แล้วก็ถามคำถามโง่ๆ ออกไปเพราะความอยากรู้จากใจจริง วันศุกร์เปลี่ยนเบอร์มือถือ เปลี่ยนไลน์ เปลี่ยนทุกอย่างหลังจากที่จบความพันธ์กับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง ตัดช่องทางติดต่อทุกอย่าง มีแต่คุณชายเขาที่ยังไม่เปลี่ยนอะไรเลยสักอย่าง

วันศุกร์เพิ่งนึกออกเมื่อกี้ เบอร์นี้ก็เบอร์เดิมของคุณชายเขา ไลน์ก็ใช้ไลน์เดิม

ขนาดรูปโปรไฟล์ ยังเป็นรูปเดิมที่วันศุกร์ถ่ายให้ตั้งแต่ตอนที่ยังคบกันอยู่

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

(ผมขอมาจากเลขา)

“ขอตอนดึกเนี่ยนะครับ”

(เปล่า ขอไว้นานแล้ว)

“...คุณชายมีอะไรเหรอครับ”

วันศุกร์ไม่อยากถามต่อว่าขอมาทำไม เขาไม่ได้อยากรู้เพราะกลัวว่าอาการจะแย่ไปกว่านี้ แค่นี้ก็แทบจะยืนไม่ไหวแล้ว

(ผมเพิ่งนึกได้ว่าคุณต้องกินยา เลยจะออกไปหาซื้อของกินรองท้องให้ คุณอยากกินอะไร)

“ผมไดเอตอยู่ครับ กินตอนนี้น้ำหนักขึ้นแน่”

(กินอะไร)

“นี่คุณชาย”

(วันศุกร์)

“ผัดไทได้มั้ยล่ะครับ”

(เจ้าเดิมใช่มั้ย)

“คุณชาย ผมพูดเล่น กลับขึ้นมาเถอะครับ ดึกป่านนี้แล้วคุณชายจะออกไปทำไม”

(คุณต้องกินอะไรรองท้องก่อนกินยา)

“ฝนตกนะคุณชาย ลำบากเปล่าๆ”

วันศุกร์ส่ายหน้า คุณชายทรงเพลิงทำเกินเหตุตั้งแต่ให้คุณหมอมาดูอาการเขาแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรเลยก็ยังยืนยันว่าจะให้หมอมาตรวจ ทำอะไรไม่ปรึกษากันเลย ตอนนี้ก็ด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเป็นคนบอกวันศุกร์เองแท้ๆ ว่าไม่ให้กลับคอนโดเพราะฝนตก ขับรถตอนนี้อันตราย...แต่กลายเป็นคุณชายเองที่จะฝ่าฝนออกไปข้างนอก

“คุณชาย ผมไม่กินครับ แล้วคุณชายก็กลับขึ้นมาพักผ่อนด้วย”

(...)

“ถ้าคุณชายออกไปผมงอนนะ” ประโยคสุดท้ายวันศุกร์ไม่ได้ตั้งใจพูดออกไปแบบนั้น เขาจะพูดว่าถ้าคุณชายออกไปผมจะกลับบ้าน แต่ในหัวเขามีแต่คำว่างอนเต็มไปหมด มันเลย...

(งอนไปก่อน เดี๋ยวผมกลับไปง้อ)

วันศุกร์อ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อปลายสายก็ตัดสายทิ้งไปซะดื้อๆ ทิ้งให้คนที่ได้ยินประโยคนั้นเต็มสองหูยืนนิ่งหน้าร้อนผ่าว

จู่ๆ คุณชายทรงเพลิงก็เล่นงานกันแบบนี้

บอกตรงๆ เลยว่าตั้งตัวไม่ทัน เขาไม่แข็งแรงพอที่จะรับมือกับคุณชายทรงเพลิง

คำพูด การกระทำ ทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำให้ ถ้ามันดีมากเกินไป สุดท้ายมันอาจจะเป็นวันศุกร์ที่แพ้ภัยตัวเอง






*****




 
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวันศุกร์เพิ่งจะเคยดูละครที่ตัวเองเล่นผ่านจอทีวีที่ฉายออกสู่สาธารณะครั้งแรก เป็นเพราะว่าเขายุ่งเกินกว่าที่จะมานั่งดูละครแบบนี้ได้ พอมีเวลามาทำอะไรแบบนี้มันเลยรู้สึกไม่ชิน

แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูละครที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่ใจก็ไม่ได้โฟกัสอยู่กับทีวีเลยสักนิด วันศุกร์เหม่อลอยและมีสติเป็นพักๆ ก็ตอนที่ก้มหน้ามองเวลาในโทรศัพท์ หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้วที่คุณชายทรงเพลิงออกไปข้างนอกแล้วยังไม่กลับเข้ามาสักที

ละครที่เรตติ้งดีที่สุดในประเทศไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลย วันศุกร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ละครตรงหน้ากำลังเข้มข้นมากแค่ไหน เขาแค่เห็นว่าตัวเองกำลังเล่นซีนดราม่ากับดารารุ่นใหญ่ที่รับบทเป็นแม่ก็เท่านั้น จิตใจมันลอยไปอยู่กับใครบางคนที่ออกไปกลางดึกเพื่อหาซื้อของกินให้

คุณชายทรงเพลิงชอบเอาตัวเองไปลำบากเพื่อเขาจริงๆ ตอนคบกันก็เป็นแบบนี้ประจำ

ภาพของคนที่กำลังนึกถึงกับน้ำเสียงทุ้มที่บางทีก็แข็งกร้าวลอยเข้ามาในหัว วันศุกร์ยังสงสัยไม่หายว่าทำไมคุณชายทรงเพลิงรั้งให้เขาอยู่ที่นี่ด้วยทั้งๆ ที่จะปล่อยให้กลับบ้านแล้วไม่ได้สนใจกันก็ยังได้ ทำแบบนี้แล้วไม่คิดบ้างหรือไงว่าทำให้คนที่จิตใจอ่อนไหวง่ายอย่างเขากำลังแย่ลงไปทุกที

วันศุกร์รู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ สักวันเถอะ...ความรักมันต้องก่อขึ้นในใจเขาอีกครั้งแน่ๆ

แล้วถ้าถึงตอนนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นตัวเองมั้ยที่เอ่ยปากขอร้องให้คุณชายกลับมารักกันอีก ทั้งที่ก็เป็นฝ่ายบอกเลิก เป็นฝ่ายตัดความสัมพันธ์ทั้งที่ทุกอย่างในตอนนั้นเรียกได้ว่า...ระหว่างเรามันดีมากๆ

วันศุกร์หลับตาลงช้าๆ เอนศีรษะพิงโซฟาเหมือนคนที่อ่อนล้าจากการคิดอะไรในหัววุ่นวายมาทั้งวัน

มาจนถึงตอนนี้แล้ว คงต้องยอมรับแบบคนแพ้

ว่ายังรัก และอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมจริงๆ             

ที่ผ่านมามันเป็นอะไรที่เขาคงพูดได้แค่คำว่าเสียใจ และผิดหวังที่ตัวเองไม่กล้าพอที่จะจับมือคุณชายให้แน่นกว่านี้

ทั้งๆ ที่คุณชายทรงเพลิงเป็นฝ่ายจับมือเขาแน่นมาโดยตลอด

ช่วงเวลาปีกว่าที่คบกัน คุณชายทรงเพลิงเสียสละให้เขามากมายจนบางครั้งวันศุกร์ก็ดูเหมือนเป็นคนที่เห็นแก่ตัว

เขารู้ดีว่าคนที่เป็นแฟนกันมันไม่มีอะไรที่พิเศษไปกว่าการที่ให้คนรอบข้างรับรู้ถึงความสัมพันธ์ดีๆ แบบนี้ แต่วันศุกร์ก็ให้คุณชายไม่ได้ เขาขอให้คุณชายเก็บเรื่องนี้ไว้ให้เงียบมากที่สุด ซึ่งคุณชายก็ยอมแต่โดยดี

ชีวิตของวันศุกร์ไม่มีอะไรพิเศษ ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ ไม่ได้รวยล้นฟ้า ไม่ได้เป็นคนที่เหนือกว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงสักอย่าง

แต่คนคนนั้นก็ยังให้เกียรติ และยอมเขาไปซะทุกเรื่อง

ยิ่งคิดยิ่งรู้ว่าตัวเองโง่เง่ามากแค่ไหน

“...”

มันเป็นตอนที่เสียงจากทีวีดังขึ้นในความดังคงที่ แต่มีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกขึ้นมาจากประตูของเพนต์เฮ้าส์ วันศุกร์ยังนั่งอยู่ที่เดิมและไม่ได้ลุกขึ้นไปดู ดวงตาเรียวรีจับจ้องทางเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับประตู ตอนแรกที่ได้ยินเป็นเหมือนเสียงสแกนนิ้ว แต่ตอนนี้วันศุกร์ได้ยินเป็นเสียงคนเปิดประตูเข้ามาแทน

เขาวางรีโมททีวีที่อยู่ในมือไว้บนโซฟาก่อนจะลุกขึ้น วันศุกร์กระชับเสื้อคลุมเล็กน้อยแล้วสาวเท้าที่กำลังสวมด้วยสลิปเปอร์ราคาแพงไปยังประตู แต่ไม่ทันไรก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบางคนเดินหิ้วถุงเข้ามาใกล้ๆ

แววตากับสีหน้าเรียบเฉยทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนดูดีจนหาที่ติไม่ได้ เวลาที่ไม่ยิ้มหรือทำหน้านิ่งแบบนี้ก็ดูหยิ่งแบบที่ถ้าใครไม่รู้จักคงคิดว่าในชีวิตนี้คงไม่เคยมีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนหน้า ดวงตาคมเฉียบของคุณชายทรงเพลิงน่ะแทบจะฆ่าคนมองได้เลย

แต่เชื่อเถอะว่าบทจะอ่อนโยน
ดวงตาของคุณชายเขาก็ฆ่าให้วันศุกร์ตายได้เหมือนกัน

“เดี๋ยวผมช่วยถือครับ”

“ไม่เป็นไร คุณไปนั่งรอที่โต๊ะก็พอ”

วันศุกร์หลีกทางให้เจ้าของเพนต์เฮ้าส์เดินเข้ามา คนสูงกว่าสาวเท้าไปยังแพนทรี่ แผ่นหลังของคุณชายทรงเพลิงอยู่ในสายตาของวันศุกร์ตลอด

เดาว่าคุณชายทรงเพลิงคงไม่ได้พกร่มไปด้วยผมถึงได้เปียกแบบนั้น วันศุกร์ค่อยๆ ย่ำเท้าเดินตามคุณชายทรงเพลิง ก่อนจะยืนอยู่ห่างๆ ตรงเคาน์เตอร์แล้วปล่อยให้เจ้าบ้านหยิบจับถ้วยชามด้วยตัวเอง

ผัดไทที่ถูกหิ้วมามีสองห่อ นอกจากนั้นในถุงอื่นๆ ยังมีขนมไทยที่วันศุกร์ชอบกินอีกด้วย คนตัวขาวขมวดคิ้ว นึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าดึกป่านนี้แล้วคุณชายเขาไปหาซื้อของพวกนี้มาจากที่ไหน

“ผมขอช่วยนะครับ”

ทนยืนดูเฉยๆ ไม่ได้หรอก แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว

วันศุกร์เดินเข้าไปช่วยแกะหนังยางที่รัดห่อกระดาษใส่ผัดไทออกก่อนจะเทมันลงจานทั้งสองใบ เขาหันไปยิ้มแหยให้คุณชายทรงเพลิงที่ถูกแย่งงานแล้วกำลังยืนกอดอกมองดูเงียบๆ

“ตากฝนมาเหรอครับ ผมเปียกเชียว”

“ผมลืมเอาร่มไป ตอนลงไปสั่งผัดไทเลยเปียกฝน”

“งี้ก็แย่เลย เดี๋ยวคุณชายต้องไม่สบายแน่ๆ”

“...”

“งั้นคืนนี้ก็มีคนกินยาเป็นเพื่อนผมแล้ว”

พูดไปแบบนั้นแล้วเงยหน้าส่งยิ้มบางให้คนตัวโต คุณชายทรงเพลิงแค่ยกยิ้มตอบกลับแล้วเข้ามาช่วยวันศุกร์แกะบรรดาขนมหวานใส่จานกับถ้วย

ยิ้มแค่นี้คนมองก็ดีใจแล้ว

“เจ้าเดิมเหรอครับ ผมไม่ได้กินนานแล้วนะเนี่ย”

“ผัดไทเจ้าเดิม แต่พวกขนมผมแวะซื้อหน้าคอนโด”

“หน้าคอนโดมีขายด้วยเหรอครับ”

 “ขายสักพักแล้ว แต่ไม่เคยลองซื้อมากิน”

วันศุกร์พยักหน้าตาม แล้วก็เดาเอาเองว่าคุณชายไม่ได้ชอบขนมไทยมากมายขนาดนั้น ถ้าไม่มีคนชวนกินคงไม่กิน ถ้าไม่มีคนที่กินเก่งอย่างเขาอยู่ด้วย...คุณชายคงไม่ซื้อมา

เนี่ย ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปหมด

“ถ้าอร่อยเดี๋ยวผมไปอุดหนุนบ่อยๆ” บอกแบบนั้นแล้วส่งยิ้มตามสไตล์วันศุกร์ตบท้าย ก่อนจะหมุนตัวเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเหยือกน้ำมาวางบนเคาน์เตอร์อีกที

วันศุกร์หยิบถาดมาใส่จานอาหาร ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคุณชายทรงเพลิงที่กำลังยืนเทขนมหวานใส่ถ้วย ทุกซอกทุกมุมในแพนทรี่วันศุกร์จำได้หมดว่าอะไรวางอยู่ตรงไหน หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่เคยเปลี่ยนตำแหน่ง ของมันอยู่ยังไงก็อยู่อย่างนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม

“ไปนั่งกินหน้าทีวีได้ใช่มั้ยครับ ตรงนี้มันไกลทีวีมากๆ...คือผมอยากดูละครที่ผมเล่นด้วยน่ะครับ”

“ตามสบายครับ”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยกถาดมาถือไว้เองหลังจากที่จัดการกับขนมหวานเสร็จแล้ว คนตัวสูงถือถาดอาหารไปวางบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา ก่อนจะหันมาเหลือบมองวันศุกร์ที่ถือเหยือกน้ำกับแก้วเปล่าเดินตามมาติดๆ

ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อไม่มีใครฝืนก็ไม่มีใครอึดอัด หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงพอใจที่วันศุกร์ไม่ต่อต้าน และวันศุกร์เองก็พอใจที่คุณชายทรงเขาไม่บึ้งตึงใส่เหมือนครั้งแรกที่เจอกันในรอบสองปี ถึงจะมีเส้นบางๆ ของคำว่าแฟนเก่ากั้นอยู่ แต่วันศุกร์ก็เบาใจมากกว่าเก่าที่ยังสามารถคุยกันได้แบบไม่ต้องเกร็งจนตัวสั่น

“คุณชายเคยดูมั้ยครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่ถ่ายไปออนแอร์ไป มันทำงานลำบากกว่าถ่ายไว้ก่อนแล้วค่อยออนแอร์...แต่พอเห็นเรตติ้งแล้วก็หายเหนื่อยเลยครับ”

น้ำเสียงสดใสกับใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนกำลังภูมิใจกับความพยายามที่เห็นผลสำเร็จทำให้คุณชายทรงเพลิงมองไม่ละสายตา พอเห็นแบบนั้นแล้วเขาก็ยิ้มตาม

“คุณแม่กับพี่สาวผมชอบดู ติดงอมแงม”

“เหรอครับ ดีใจจัง”

ในขณะที่ดวงตาสวยๆ ทอประกายความดีใจออกมา หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็จ้องแววตาคู่นั้นไปด้วย สลับกับก้มหน้าปรุงผัดไทไปด้วยเช่นกัน เขาปรุงรสเดิมที่วันศุกร์ชอบกิน ใช่...ทุกครั้งที่กินอะไรที่ต้องปรุงรสวันศุกร์มักจะให้เขาปรุงตลอด เพราะอีกฝ่ายเคยบอกว่าฝีมือการปรุงของเขาอร่อยถูกปาก

“เสร็จแล้ว” สะกิดคนที่เอาแต่จ้องทีวีให้หยิบจานผัดไทขึ้นไปตักกิน หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงวางส้อมกับช้อนไว้ให้วันศุกร์แล้ว เหลือก็แต่น้ำที่ยังไม่ได้เทลงแก้ว

“ขอบคุณนะครับคุณชาย”

คนโตกว่าเหลือบตามองคนที่หันมาขอบคุณ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเทน้ำจากเหยือกใส่แก้วเปล่าแล้วหยิบไปตั้งไว้บนโต๊ะกระจก วางลงบนตำแหน่งที่คิดว่าอีกฝ่ายจะหยิบขึ้นมาดื่มง่ายๆ ก่อนที่เขาจะค่อยก้มหน้ามาปรุงผัดไทของตัวเองบ้าง

วันศุกร์ลืมเรื่องไดเอตไปชั่วคราวเพราะทนของอร่อยไม่ไหว เอาจริงๆ ต้องบอกว่าเมื่อไหร่ที่อยู่กับคุณชายทรงเพลิงเรื่องปากท้องไม่ต้องพูดถึงเพราะคุณชายเขาจะพากินให้ครบสามมื้อ แถมยังพากินไม่อั้น พากินของที่ชอบอีกด้วย

อือ ก็คุณชายทรงเพลิงเคยบอกวันศุกร์แล้วครั้งหนึ่งว่าถ้าจะลดน้ำหนักให้ออกกำลังกายเอา ห้ามอดอาหาร...แต่วันศุกร์ก็ไม่เคยฟังเลยสักครั้ง

“...”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงตักเส้นผัดไทเข้าปาก เขาเหลือบตามองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังตั้งใจกินและตั้งใจดูไปพร้อมกัน ละครเรื่องนั้นที่กำลังฉายหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเคยดูแล้ว ไม่ใช่แค่หม่อมปนัดดากับหม่อมราชวงศ์รฐาที่ติดงอมแงม เขาเองก็ด้วย

“เป็นพระเอกแต่ร้องไห้เก่งกว่านางเอก อย่างนี้จะปกป้องคนรักได้เหรอ”

“ได้สิครับ ตัวของบดินทร์ในเรื่องเจออะไรแย่ๆ ในชีวิตตั้งมากมาย แต่ที่เขาร้องไห้ก็ร้องเพราะนางเอกกับแม่นี่นา”

“งั้นปลายปีนี้คุณคงได้รับรางวัลพระเอกร้องไห้เก่งแห่งปี”

“เว่อร์แล้วคุณชาย ชีวิตจริงผมไม่ได้ร้องไห้เก่งขนาดนั้นสักหน่อย” ทำหน้ายุ่งๆ ใส่คุณชายที่จู่ๆ ก็วิจารณ์ตัวละครตัวเอกที่เขาแสดง ก่อนจะก้มหน้ากินผัดไทต่อจนมันพร่องไปเกินครึ่ง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหิวหรือเพราะว่าอยากกินมานาน วันศุกร์เลยกินไม่คิดว่าวันพรุ่งนี้ยังมีถ่ายละครตอนเช้า เขารู้ตัวว่าการกลับมากินแบบพายุเข้ามันเสี่ยงต่อการเกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์มากเลยทีเดียว แต่ให้ทำยังไงได้ พออาหารเข้าปากวันศุกร์ก็พ่ายแพ้ไปหมดแล้ว

แล้วในที่สุดผัดไทก็หมดห่อในเวลาอันรวดเร็วจนเขาเองยังตกใจ วันศุกร์เหลือบมองคุณชายทรงเพลิงที่ค่อยๆ ตักกินแบบผู้ดีของแท้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้นั่งอยู่ในท่าที่สุภาพเพราะดันยกข้าข้างหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนเบาะ แม้ว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจะไม่ได้นั่งหลังตรงแต่ก็ยังดูดีมีชาติตระกูลสมกับที่เป็นคุณชายจริงๆ

“มองอะไร” คนกำลังกินถามขึ้นเพราะถูกจ้องจะๆ แบบนั้น วันศุกร์ยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าพัลวัน ละสายตาจากคุณชายทรงเพลิงแล้วไปจดจ้องกับละครที่ตัวเองเล่นต่อ

“อิ่มมั้ย”

“แน่นเลยครับ” ยกมือลูบพุงน้อยๆ ของตัวเอง

วันศุกร์คิดไว้แล้วว่าถ้าปิดกล้องละครเรื่องนี้เมื่อไหร่เขาจะไปออกกำลังฟิตหุ่นให้มีซิกซ์แพ็กส์แบบบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไปเลย

“ช่วยกินหน่อย ผมอิ่มแล้ว”

“อ้าวคุณชาย อิ่มแล้วซื้อมาทำไมตั้งสองห่อครับ”

“ตอนแรกหิว”

“เฮ้อ เอามาครับ เสียดายของนะเนี่ย”

วันศุกร์ปากไม่ตรงกับใจเขารู้ตัวดี ความจริงตอนนี้ให้กินสักสี่ห่อก็ยังได้ แต่ในเมื่อเอ่ยปากบอกไปแล้วว่าไดเอตอยู่วันศุกร์เลยต้องทำฟอร์มไปสักหน่อย

และไม่ว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจะรู้หรือไม่ แต่วันศุกร์ก็ส่งสายตาขอบคุณไปหลายครั้งแล้ว

“ฝากขนมด้วย ผมจะขึ้นไปอาบน้ำ”

“อ้าว ไม่กินสักนิดเหรอครับ”

“ไม่ ผมง่วง อยากนอนแล้ว”

คนที่บอกว่าง่วงพูดแค่นั้นแล้วหยิบจานผัดไทของวันศุกร์ที่กินหมดไปแล้วรอบแรกขึ้นมาถือไว้ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังแพนทรี่ วันศุกร์หันมองตามช้าๆ ก็พบกับคุณชายทรงเพลิงกำลังแช่จานผัดไทอยู่

“คุณชาย”

คนผิวขาวเรียกเจ้าของร่างสูงที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ความประหม่าเกิดขึ้นตอนที่สบสายตากับเขา หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเลิกคิ้วเชิงถามว่ามีอะไร และนั่นก็ทำให้คนที่กำลังรวบรวมความกล้าเกิดความไม่แน่ใจขึ้นมาทันที

ไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปดีมั้ย

แต่ก็

“คุณชายจะนอนก่อนมั้ยครับ”

พูดออกไปแล้ว

“ทำไม”

“ก็...ผมจะได้รีบกินรีบขึ้นไปนอน”

เพราะเมื่อก่อนเรานอนหลับไปพร้อมๆ กัน วันศุกร์ยังจำอ้อมแขนอุ่นๆ ใต้ผ้าห่มของคุณชายทรงเพลิงได้ดี ยังจำเสียงทุ้มที่กระซิบบอกว่าฝันดีได้ มันชัดเจนอยู่ในหัวเหมือนว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“ไม่ต้องรีบ”

“...”

“ผมรอได้”






*****




 
หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมองคนที่นอนอยู่บนเตียงคิงไซส์ผ่านแสงไฟสลัวสีเหลืองนวลที่เขาตั้งใจเปิดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบแบบนี้ ไม่มืดจนมองไม่เห็น ไม่สว่างจนนอนไม่ได้

ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะหลับไปแล้วแต่คุณชายทรงเพลิงก็ยังไม่วายทำตามใจวันศุกร์อยู่ดี

วันศุกร์เข้านอนเร็วกว่าที่คิดไว้ ทีวีภายในห้องนอนถูกปิดหลังจากที่พระเอกตัวจริงของเรื่องหลับปุ๋ย เขาจำได้ว่าวันศุกร์รีบกินผัดไท ขนมหวาน แล้วล้างปากรีบขึ้นมานั่งหลังตรงแด่วบนเตียงและเอ่ยปากขอให้หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเปิดทีวีช่องที่ยังออนแอร์ละครแม้จะดูบ้างไม่ดูบ้างก็ตาม

สุดท้ายคงง่วงจนสู้ต่อไม่ไหว ตอนนี้เลยนอนขดตัวใต้ผ้าห่มบนตำแหน่งเดิมที่เคยนอน

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานที่อยู่อีกมุมของห้อง ประสานมือบนตักเอนกายไปกับเก้าอี้มองคนตัวขาวนอนนิ่งๆ อย่างนั้น

ที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงบอกว่าอยากนอนกับวันศุกร์คือเรื่องจริง หัวใจเขาเรียกหาแต่ความนุ่มนิ่มอบอุ่นจากร่างกายของวันศุกร์ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันดีแค่ไหนตอนที่เนื้อกายสัมผัสกัน

“คุณชาย...คุณชาย”

แล้วเสียงเล็กๆ กับมือสองข้างที่ยกขึ้นปัดป่ายอากาศทำให้เจ้าของร่างสูงที่นั่งเอนกายบนเก้าอี้รีบลุกขึ้นยืนแล้วแทบจะถลาตัวไปที่เตียงทันที หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงขยับตัวนั่งลงบนเตียงข้างวันศุกร์ที่นอนละเมอ มือไม้ของคนตัวขาวกำลังไขว่คว้าอะไรบางอย่าง

“วันศุกร์...” เรียกชื่ออีกคนพร้อมกับจับมือวางลงบนเตียงไปด้วย แต่พอปล่อยมือไม่ทันไรคนที่หลับตาย่นคิ้วอยู่ก็หันมาคว้าเอวหนาของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเข้าไปกอดไว้หลวมๆ คนตัวเล็กกว่าขยับตัวเข้าใกล้ก่อนจะเกยแก้มกลมๆ ไว้บนตักของคุณชายทรงเพลิง

เจ้าของดวงตาคมกริบนั่งนิ่ง ยกมือค้างไว้เพราะไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน

“เพลิง” คนละเมอเรียกชื่อเล่นของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง เป็นคำที่เขาคุ้นหูมากที่สุด

“ครับ”

รู้ดีว่าวันศุกร์ไม่มีสติ คนที่หลับฝันถึงอะไรบางอย่างในห้วงสีดำคงไม่รู้ว่าเขากำลังตั้งใจคุยด้วย

“เพลิงโกรธผมมั้ย”

“...”

“ผมขอโทษนะ” เสียงอู้อี้บนตักที่พอจะฟังออกทำให้คุณชายทรงเพลิงตัดสินใจวางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะกลมๆ ของคนที่กำลังนอนละเมออยู่ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงส่ายหน้าแทนคำตอบ ก้มลงต่ำมองคนที่หลับตาแน่น คิ้วขมวดไม่ยอมคลายออกสักที

“ผมเสียใจ เพลิงอย่าโกรธผมได้มั้ย”

“...”

“ผมกลัวนะเพลิง กลัวตลอดเลยว่าจะไม่มีคุณอยู่ข้างๆ”

“กลัวแล้วทำไมถึงทิ้งผม”

“...”

คำถามที่ไม่ได้คำตอบทำให้คนถามยกยิ้มมุมปาก แขนที่คล้องเอวแกร่งของเขาไว้แน่นตั้งแต่แรกค่อยๆ คลายออกแล้วตกลงบนฟูกในเวลาต่อมา แค่นั้นก็รู้แล้วว่าป่านนี้วันศุกร์คงหลุดจากฝัน

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงลูบผมที่คลอเคลียแก้มใส เขาจับเส้นผมบางกลุ่มทัดใบหูคนเด็กกว่า มองใบหน้าที่อ่อนเยาว์ด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม

ไม่ได้ลดน้อยลง แต่มากขึ้นเรื่อยๆ

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงโน้มใบหน้าลงต่ำเรื่อยๆ จนปลายจมูกเฉียดแก้มนุ่มๆ ของคนที่หลับไม่รู้เรื่อง เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าสถานะตอนนี้คืออะไร รู้แค่ว่าตอนนี้...เขาอยากทำตามใจตัวเองมากมายเหลือเกิน

ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของวันศุกร์ต่างจากลมหายใจร้อนๆ ของคุณชายทรงเพลิง กระทั่งความร้อนจากปลายจมูกแนบลงบนแก้มใสจนเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงสูดดมความหอม ความโหยหาตามที่ใจตัวเองต้องการก่อนจะผละออกช้าๆ แล้วกระซิบตอบคำถามคนที่กำลังหลับฝัน

“ผมไม่เคยโกรธคุณ”

“...”

แม้ว่าคนที่อยากฟังคำตอบจะไม่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของวันศุกร์ก็ยกขึ้นช้าๆ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงรวบตัวคนผิวขาวขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะประคองให้คนที่ตัวเล็กกว่านอนลงบนเตียง แขนแกร่งของคุณชายทรงเพลิงสอดใต้ท้ายทอยทำหน้าที่แทนหมอน มืออีกข้างยังคงลูบเส้นผมนุ่ม

ตาคมมองคนที่หลับไปแล้วอย่างนั้นเรื่อยๆ

“ฝันดีครับ”

เขาไม่รู้ว่าจะเป็นคืนเดียวหรือเปล่าที่เกือบจะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้

และไม่รู้ว่าจะเป็นคืนเดียวหรือเปล่าที่ได้กอด ได้ทำในสิ่งที่อยากทำให้วันศุกร์อีกครั้ง

แต่คืนนี้ ก็เป็นคืนที่ดีที่สุดสำหรับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงแล้ว

คืนวันศุกร์ของเขา






#หวนกลิ่นรัก








ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 07.1 - up28.6.62
«ตอบ #19 เมื่อ28-06-2019 08:49:23 »

07

 
ด้วยพลังของแฟนคลับที่มักจะส่งของซัพพอร์ตมาให้ตามกองถ่าย สตูดิโอ หรือแม้กระทั่งตามอีเวนต์ทำให้พี่ๆ ทีมงานทุกคนที่ทำงานกับวันศุกร์กินอิ่มกันทั่วหน้า วันศุกร์ไม่ได้ดังแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ชื่อ Friday ของเจ้าตัวน่ะโด่งดังไปทั่วเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน

วันนี้ก็ด้วย ของกินที่สตูดิโอของพนาเยอะมากจนตาลาย วันศุกร์ยืนมองด้วยความดีใจปนอึ้ง วันนี้แฟนคลับของเขาส่งอาหารมาซัพพอร์ตทีมงานกับตัวเขาเองเยอะเป็นพิเศษ ก็เพราะว่า...

‘สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องวันศุกร์ ขอให้โด่งดังทั่วโลกเลยนะคะ พี่จะอยู่เคียงข้างน้องเสมอค่ะ’
‘ขอบคุณที่เกิดมานะคะ ขอให้วันศุกร์มีแต่ความสุขนะคะ’

“กำลังใจเต็มเลยดิน้อง สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

อือ วันนี้วันเกิดเขา

วันศุกร์กดปิดคลิปอวยพรจากแฟนคลับที่พี่โมออกไปถ่ายมาให้เมื่อสิบนาทีที่แล้ว คนตัวขาวจั๊วะผิวพรรณดีเหมาะสมกับการเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางหันมองตามเสียง

“ขอบคุณครับพี่พนา”

ยกมือไหว้คนแก่กว่าที่อวยพรวันเกิดสั้นๆ ให้พร้อมกับแจกยิ้มกว้าง วันศุกร์มาที่สตูดิโอของพนาตั้งแต่เช้า แต่งหน้าทำผมเพิ่งเสร็จเมื่อกี้นี้ พอออกจากห้องแต่งตัวก็มาเจอกับกองทัพของขวัญ ของกิน และอะไรอีกมากมายที่แฟนคลับเอามาให้

พี่ๆ ทีมงานก็ยิ้มแฉ่งกันเลยแหละ เพราะนอกจากจะมีของของวันศุกร์ แฟนคลับยังใจดีซื้อของกินให้ทีมงานในสตูดิโออีกด้วย

แต่ว่าถ่ายโฆษณาเช้าวันนี้วันศุกร์กลับไม่เห็นเงาของใครบางคนที่เคยหัวเสียเพราะเขามาเริ่มงานสาย คนตัวบางกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นแต่ทีมงานของพนาเท่านั้น

ก็ไม่ได้เห็นหน้าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมาตั้งอาทิตย์กว่าแล้ว มันเลยรู้สึกแปลกๆ ไปนิด

“มองหาใครวันศุกร์”

“เปล่าครับพี่พนา”

“ฮั่นแน่...พี่รู้นะเว้ย”

“อะไรเหรอครับ”

“มองหาไอ้คุณชายมันใช่มั้ย วันนี้มันไม่มาหรอก”

“ผมไม่ได้มองหาเขานะครับ ไม่ได้อยากสนใจสักหน่อย”

คนไม่ยอมรับเม้มปาก วันศุกร์กรอกตาไปมาเพราะถูกพี่พนายิ้มล้อเลียน ใครมันจะไปกล้ายอมรับกันล่ะว่ากำลังมองหาคุณชายขี้เก๊ก

พนายิ้มกรุ้มกริ่มกอดอกมองคนเด็กกว่าที่ยืนทำหน้าหงิก ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่ได้อยากสนใจเพื่อนของเขา แต่ก็เอาเถอะ ระดับพนาแค่มองตาสองคนนี้ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

“มันไปอยู่ปารีสได้สามสี่วันแล้ว น่าจะกลับวันนี้ไม่ก็มะรืนมั้ง”

“ไปทำงานเหรอครับ”

“เอ้า ไหนบอกไม่สนใจไงน้อง ปากแข็งนี่หว่า” พูดไปก็กลั้นขำไป วันศุกร์เลิ่กลั่กไปหมดแล้ว แถมยังปากแข็งไม่ต่างจากหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงอีกด้วย

“พี่พนาอ่ะ...”

“เฮ้ย ถ้าคิดถึงก็บอกมาก็ได้ เดี๋ยวพี่จะได้รายงานให้ว่าตอนนี้มันทำอะไรที่ไหนบ้าง”

“ไม่ขนาดนั้นครับพี่พนา ก็พี่บอกว่าเขาไปปารีสผมเลยถามต่อ เป็นมารยาทไงครับ”

“อยู่กับพี่ไม่ต้องมีมารยาทก็ได้เว้ย ฮ่าๆๆ”

“งั้นผมไม่คุยกับพี่แล้วนะ ถ้าจะล้อกันแบบนี้อ่ะ”

แกล้งทำเป็นงอนแล้วต่อยเข้าไปหนักๆ บนแขนของพนา คนโตกว่าส่ายหน้าไปหัวเราะไป พนาเอ็นดูวันศุกร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อก่อนตอนที่สองคนนี้ยังไม่เลิกกันพนาก็แกล้งวันศุกร์บ่อยๆ จนถูกหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงบ่นใส่ แต่พนาแคร์ที่ไหน ก็น้องมันน่าแกล้งเอง

แล้วคนถูกแกล้งเวลางอนตุ๊บป่องก็ชอบไปฟ้องหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงด้วย ในสายตาพนามันเป็นภาพที่น่ารักจะตาย

จนตอนนี้เขายังสงสัยไม่หาย ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงเลิกกัน ทั้งที่ในตอนนี้คุณชายทรงเพลิงกับวันศุกร์ก็ดูรักกันดี

มันเป็นความอยากรู้ที่พนาไม่อยากถาม

ไม่ใช่ว่าไม่เคยถาม พนาลองถามหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้คำตอบ พอนานวันเข้าเขาเลยเบื่อที่จะถามและปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมาจนถึงวันที่สองคนนี้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

“อย่าทำหน้างอดิน้อง พี่ไม่ง้อนะเว้ย...ไปๆ พร้อมถ่ายแล้วใช่มั้ยเนี่ย”

พนาคว้าคอคนเด็กกว่ามาคล้องไว้หลวมๆ แล้วพากันเดินไปตรงฉากสีเขียวที่เซ็ตไว้สำหรับถ่ายงาน วันนี้วันศุกร์ต้องถ่ายกับสินค้าตัวใหม่หลายตัวเลยเคลียร์คิวว่างให้พนาทั้งวัน

เมื่อสองวันก่อนมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่วันศุกร์ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกนี้ถูกปล่อยออกไป แน่นอนว่าหลังจากที่มีข่าวแบบนั้นวันศุกร์ก็มีงานโฆษณาเข้าอีกหลายตัวจนพี่โมรับโทรศัพท์แทบไม่ทัน

ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นก็เพราะว่าแบรนด์เชอรีอัลดังมาก และในประเทศไทยเพิ่งจะเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ในรอบสิบปี จากรุ่นพี่นางเอกที่ดังค้างฟ้า มาเป็นวันศุกร์ที่ดังระเบิดในตอนนี้

จริงๆ ไม่เชิงถึงขั้นเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ไปเลยหรอก เพียงแต่ว่าวันศุกร์ได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในสินค้าที่ผู้ชายใช้ได้ด้วยก็เท่านั้นเอง

ก็ต้องขอบคุณหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงอย่างสุดซึ้งเลยแหละที่อนุมัติให้วันศุกร์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์

“เอ้อ ที่ถามเรื่องไอ้เพลิงอ่ะ”

“...”

“มันไปเที่ยวนะ”

“ครับ”

“อยากได้อะไรลองบอกมันดิ อ้อนนิดหน่อยก็แทบจะขนทั้งปารีสมาให้น้องแล้วมั้ง”

“พี่พนา!” มองค้อนกดเสียงต่ำเรียกชื่อคนสูงกว่า

“อ่าฮะ ไม่แซวแล้วครับผม :)

พี่พนาก็เป็นแบบนี้ตลอด ชอบแกล้งอยู่เรื่อย : [



*****


 
“พักได้! เจ๋งมากวันศุกร์”

เสียงของตากล้องที่เป็นเจ้าของสตูดิโอแห่งนี้ดังขึ้น พี่พนายิ้มกว้างให้วันศุกร์ที่สามารถถ่ายงานออกมารวดเดียวจบไปแล้วสามเซ็ต ก่อนจะชูนิ้วโป้งให้คนที่มีความเป็นมืออาชีพสมกับที่ได้รับความชื่นชอบจากคนทั้งประเทศ

“จบงานนี้ก็ไม่มีอะไรต่อแล้ว วันนี้พี่ให้แกว่าง จะได้ไปฉลองวันเกิด”

“หือ ขนาดนั้นเลยเหรอพี่โม”

“เอ้า ก็เผื่อปีนี้แกอยากจะไปกินข้าวกับใคร หรืออยากจะอยู่ฉลองกับพี่ที่ห้องล่ะ”

“ผมไม่ได้ฉลองวันเกิดมาหลายปีแล้วนะพี่โม อืม...ถ้างานเสร็จเร็วเดี๋ยวผมแวะไปทำบุญที่วัดดีกว่า”

“พี่ว่าคงเร็วอยู่หรอก รู้รึเปล่าว่าทีมงานแห่ชื่นชมแกกันทั้งกองว่าเก่ง ชมแฟนคลับแกด้วย ที่ใจดีเอาของมาให้อ่ะ”

คนที่ถูกชมยิ้มแฉ่งจนตาหยี วันนี้ถือว่าเป็นวันเกิดในรอบสองปีที่วันศุกร์มีความสุขสุดๆ จนสามารถยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจ

ระหว่างบทสนทนาก็เดินไปคุยไป พอวันศุกร์เจอใครก็ยกมือไหว้เขาหมดถึงได้เป็นที่รักของคนในกองถ่ายมากขนาดนี้

“เดี๋ยวเข้าไปพักกินข้าวในห้องแต่งตัวแล้วกัน แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษป่ะ”

“ไม่ครับพี่โม วันนี้ผมจะกินของจากที่แฟนคลับให้หมดเลย”

“อย่าลืม ไดเอต”

“วันนี้วันเดียวพี่โม”

“หน้าอ้วนขึ้นรู้ป่ะ คุณบดินทร์เขาผอมบางนะเว้ย”

คนที่รับบทเป็นคุณบดินทร์ยิ้มแหยก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าห้องพักส่วนตัวที่พนาจัดไว้ให้ วันศุกร์อมยิ้มเมื่อเห็นอาหารวางเรียงเต็มโต๊ะและโซฟา มีของขวัญวางอยู่บนพื้นจนเกือบจะเต็มห้องอีกด้วย

พี่โมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตอนที่วันศุกร์กำลังวิ่งเข้าไปจับของขวัญ ถ่ายไปยิ้มไปเพราะเห็นว่าน้องชายดูดีใจมากๆ กับของขวัญวันเกิด

“เดี๋ยวพี่ส่งรูปให้ อย่าลืมอัพลงตอนสองทุ่มด้วย”

“โอเคครับพี่โม”

“นี่ กินข้าวแล้วก็นอนพัก อย่าเอาแต่เล่นโทรศัพท์นะวันศุกร์ ส่วนของขวัญแฟนคลับค่อยกลับไปแกะที่ห้อง”

วันศุกร์พยักหน้ารับทราบก่อนจะหยิบอาหารที่แฟนคลับส่งให้ขึ้นมากิน มองตามแผ่นหลังเล็กของลูกพี่ลูกน้องที่เดินออกไปจากห้องพักส่วนตัวของวันศุกร์ พอเห็นว่าในห้องนี้ไม่มีใครแล้วเจ้าตัวก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเซลฟี่กับของที่แฟนคลับส่งมาให้

คนตัวขาวนั่งบนเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงข้ามโซฟา ปลายนิ้วเรียวสัมผัสบนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะกดเข้าอินสตาแกรมและเลือกรูปที่ตัวเองเพิ่งถ่ายเมื่อกี้พร้อมกับพิมพ์แคปชั่นสั้นๆ สามภาษาขอบคุณแฟนคลับที่ส่งของมาให้และร่วมอวยพรวันเกิด

friday__
#ขอบคุณครับ #谢谢 #ThankU

กดโพสต์แล้วก็นั่งยิ้มกว้างกับรูปภาพและแคปชั่นอยู่คนเดียว วันศุกร์ยังอยู่ในหน้าไทม์ไลน์ส่องดูรูปคนอื่นที่อัพไปเรื่อยๆ แต่จู่ๆ ก็ชะงัก เจ้าของวันเกิดทำปากมุบมิบกรอกตาไปมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายแล้วปลายนิ้วโป้งก็พิมพ์ชื่อแอคเคาท์ของบางคนลงไป

plerng.1231

“ไม่เห็นอัพรูปอะไรเลย นานแล้วนี่นา”

แอคเคาท์ของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงขึ้นว่ายังติดตามแอคเคาท์ของวันศุกร์อยู่เหมือนเดิม แต่วันศุกร์เดาว่าเจ้าของคงไม่ได้เข้ามาเล่นเลยมากกว่า เพราะนอกจากรูปที่ลงล่าสุดเมื่อสองปีที่แล้ว จำนวนการกดติดตามก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยสักนิด ทั้งแอคเคาท์ของคุณชายทรงเพลิงกดติดตามแค่คนคนเดียวก็คือวันศุกร์

หรือเขาหนีไปเล่นแอคเคาท์อื่น วันศุกร์ก็ไม่รู้เหมือนกัน

“น้องวันศุกร์ พี่รบกวนเวลาพักแป๊บหนึ่งนะคะ”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกจากคนข้างนอกทำเอาวันศุกร์ที่กำลังดูรูปเก่าๆ ในอินสตาแกรมของคุณชายทรงเพลิงสะดุ้งเฮือก คนตัวขาวรีบกดล็อกหน้าจอก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องพักส่วนตัว พอเห็นว่าเป็นพี่ทีมงานก็ยิ้มตอบรับ

“คุณเมย์กับคุณชายเพลิงฝากของมาสุขสันต์วันเกิดน้องวันศุกร์ค่ะ คุณเมย์ฝากขอโทษด้วยนะคะที่เอาของขวัญมาให้เองไม่ได้”

“ขอบคุณนะครับ แค่นี้ผมก็ดีใจมากๆ แล้ว...ฝากขอบคุณคุณเมย์ด้วยนะครับ”

“จ้ะ สุขสันต์วันเกิดนะ พี่ไม่รบกวนแล้วแหละ พักผ่อนเยอะๆ นะจ๊ะ”

รับช่อดอกไม้มาไว้ในมือแล้วโค้งตัวขอบคุณพี่ทีมงานที่ดูเหมือนว่าจะเป็นแฟนคลับเขาด้วย วันศุกร์ปิดประตูลงก่อนจะเดินเอากระเช้ามาตั้งไว้บนโต๊ะที่ใช้วางเครื่องสำอาง หยิบโทรศัพท์เครื่องเดิมมาถ่ายรูปช่อดอกไม้ ในหัวคิดอะไรได้ขึ้นมาอย่างหนึ่งว่าต้องส่งรูปไปขอบคุณคนที่ส่งของขวัญมาให้สักหน่อย

เมื่อกี้ฝากพี่ทีมงานขอบคุณคุณเมย์ไปแล้ว ก็เหลือแต่...

Friday: (send a photo)
Friday: คุณชาย
Friday: ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้นะครับ
Friday: มีการ์ดอวยพรลายมือคุณชายด้วยนี่นา
Plerng: ผมเขียนการ์ดให้พรีเซ็นเตอร์ทุกคน
Plerng: ไม่ได้เขียนให้คุณคนเดียว
Plerng: ข้อความในการ์ดผมถามคนอื่นเอา

วันศุกร์ปิดปากตกใจเพราะทันทีที่ส่งข้อความไปก็ขึ้นอ่านทันทีและไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ได้รับข้อความจากคุณชายทรงเพลิงอย่างรวดเร็วซะด้วย

แต่ถึงจะตกใจก็ยังมีเรื่องให้วันศุกร์หลุดขำอยู่เหมือนกัน ก็คุณชายทรงเพลิงเหมือนคนร้อนตัวยังไงไม่รู้ เขาแค่จะขอบคุณที่เขียนการ์ดและส่งช่อดอกไม้มาให้ไม่เห็นต้องอธิบายอะไรเยอะแยะขนาดนั้นเลย

Friday: อ่า
Friday: ลายมือสวยดีนะครับ
Friday: ตอนเด็กๆ เคยแข่งคัดลายมือใช่มั้ยเนี่ย
Plerng: วันนี้คุณมีงานที่สตูพนาใช่มั้ย
Plerng: ทำไมไม่ไปทำงาน
Friday: โหคุณชาย พักบ้างอะไรบ้างสิครับ
Friday: ถ่ายมาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจนจะเที่ยงอยู่แล้วเนี่ย
Friday: เหนื่อยจะแย่ :(
Plerng: แค่นั้นยังน้อยไป
Friday: โห ใจร้าย
Friday: แต่เชื่อใจได้เลยครับ ถึงจะบ่นว่าเหนื่อยแต่งานต้องออกมาดีแน่นอน
Friday: ขอบคุณคุณชายนะครับที่ไว้ใจเลือกผม
Friday: เที่ยวปารีสสนุกมั้ยครับ

Read

วันศุกร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะจู่ๆ อีกฝ่ายก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ถึงจะไม่ได้อยู่ต่อหน้าคุณชายทรงเพลิงแต่ก็กลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่เมื่อกี้ยังแอบกวนคุณชายเขาอยู่เลย ในหัวของวันศุกร์คิดไปเองหมดว่าที่อีกฝ่ายอ่านแต่ไม่ตอบคงเป็นเพราะว่าไม่พอใจที่ไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวแน่ๆ

Friday: ผมไปกินข้าวก่อนนะครับ
Friday: เที่ยวให้สนุกนะครับคุณชาย
Plerng: ไม่ได้มาเที่ยว

“อ่าว”

วันศุกร์กัดปากเบาๆ เมื่อเห็นข้อความจากคนที่อยู่ปารีส นึกจะตอบก็ตอบ นึกจะไม่ตอบก็ทำซะใจหายใจคว่ำ

Plerng: ผมมาทำงาน
Friday: อ่อออ ทราบแล้วครับ
Friday: ทำงานไกลจังนะคุณชาย
Friday: ปารีสอากาศหนาวมั้ยอ่าครับ
Friday: ไทยนี่ร้อนแบบแทบทนไม่ได้ :(
Plerng: (send a photo)
Plerng: (send a photo)

วันศุกร์เพ่งรูปที่คุณชายทรงเพลิงส่งมา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารูปที่ส่งมาให้รูปแรกเป็นชายหาดกับทะเลสีฟ้า ส่วนรูปที่สองเป็นรูปที่วันศุกร์จำได้ดีเลย เพราะนั่นคือรูปอาคาร Palais Des Festival ที่ใช้จัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์

วันศุกร์ไม่เคยไป แต่เขาก็ใฝ่ฝัน มันเป็นอะไรที่คนอย่างเขาอยากจะลองไปสักครั้ง ไม่ต้องถึงขั้นเดินพรมแดงก็ได้ แค่ได้ไปเที่ยว ได้ไปเดินเฉียดก็ดีใจมากๆ แล้ว

Friday: คุณชายอยู่เมืองคานส์เหรอครับ
Plerng: คุณว่างใช่มั้ย
Friday: ว่างครับ ผมพักอยู่

Read

อีกครั้งที่ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ก็ไม่ได้รับข้อความอะไรกลับมา วันศุกร์ทำหน้าเซ็งๆ กำลังจะโยนโทรศัพท์ทิ้งบนโซฟาแล้วหันมาก้มหน้าตั้งใจกินข้าวแล้ว แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้ปล่อยโทรศัพท์ออกจากมือก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อคนที่อยู่เมืองคานส์โทรผ่านแอพพลิเคชั่นเข้ามาจนโทรศัพท์ร้องดังลั่น

วันศุกร์กลั้นหายใจ มองหน้าจอมือถือของตัวเอง ในหัวกำลังคิดอยู่ว่าจะกดรับหรือปล่อยให้มันหลุด missed call ไปเอง

แต่มันก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทไปหน่อย วันศุกร์เลยกลั้นหายใจครั้งสุดท้ายแล้วกดรับสายอย่างรวดเร็ว

“กดผิดเหรอครับ”

(เปล่า ไม่ถนัดพิมพ์ยาวๆ)

“อ่อ ครับ”

(ผมอยู่คานส์])

“...”

วันศุกร์นั่งตัวเกร็งคนเดียวในห้อง ก็เสียงทุ้มๆ ของอีกคนมันทำให้คนฟังอย่างเขารู้สึกจั๊กจี้จนต้องเผลอจิกเท้า วันศุกร์กัดริมฝีปากเบาๆ อีกครั้ง อยากรู้ว่าที่คุณชายทรงเพลิงโทรมามีธุระอะไร แต่จะรอให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดก่อนคงอีกนาน สู้ถามไปตรงๆ เลยดีกว่า

“คุณชายมีอะไรหรือเปล่าครับ”

(คุณรู้จักเทศกาลภาพยนตร์ที่จัดที่นี่ใช่มั้ย)

“รู้จักสิครับ พี่พลอยพิมพ์ไปเดินพรมแดงในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ทุกปีเลยนี่นา...ปีหน้าไปอีกใช่มั้ยครับ”

(ใช่)

พลอยพิมพ์ที่วันศุกร์พูดถึงก็คือพรีเซ็นเตอร์ตลอดกาลของแบรนด์เชอรีอัล ดาวค้างฟ้าของประเทศไทยที่ได้ไปเดินพรมแดงในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ทุกปี นั่นก็เป็นเพราะเชอรีอัลเป็นผู้สนับสนุนหลักของงานนี้ด้วย และทุกครั้งที่พลอยพิมพ์เฉิดฉายในงาน สื่อต่างชาติก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

(ปีหน้าคุณต้องมาด้วย)

“อะไรนะครับ ล้อผมเล่นหรือเปล่า”

(เห็นผมเป็นคนชอบพูดเล่นเหรอ)

“โหคุณชาย มาพูดแบบนี้ผมก็ตกใจสิครับ”

(เตรียมตัวไว้ คุณเดินคู่กับพลอยพิมพ์)

“ง่ะ ผมร้องไห้ได้มั้ยเนี่ย”

(เป็นอะไร)

“ก็...ผมอยากไปเมืองคานส์มาตั้งนานแล้วนี่นา”

(ผมให้โอกาสแล้วก็ตั้งใจด้วย)

“แน่นอนครับ คุณชายจะไม่ผิดหวังเลย”

วันศุกร์น้ำตารื้นไปแล้ว คนตัวบางรีบใช้นิ้วนางกดหัวตาเอาไว้ ถ้าปล่อยโฮร้องไห้ตอนนี้คุณชายต้องหัวเราะเยาะให้ความเด็กน้อยของเขาแน่ๆ นี่เรียกได้ว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่พิเศษสุดยอดไปเลยมั้ง ความฝันของวันศุกร์มันกำลังจะเป็นจริงอีกเรื่องแล้ว

(คุณพักกี่ชั่วโมง)

“พี่พนาให้ผมพักชั่วโมงครึ่งครับ”

(กินข้าวหรือยัง)

“ยังเลยครับ แต่ก่อนจะรับสายคุณชายผมกินกล้วยหอมไปแล้วนะ อร่อยมาก”

(งั้นก็กินข้าว ผมจะวางแล้)

“เฮ้ย! เดี๋ยวดิครับคุณชาย โทรมาบอกแค่นี้เหรอ”

(คุณจะให้ผมบอกอะไรอีกล่ะ)

“เอ้า นี่มันก็ไม่ได้ยาวอะไรสักเท่าไหร่ พิมพ์บอกก็ได้นี่ครับ”

(...)

“เอ้อคุณชาย วันนั้นผมลืมของไว้ที่ห้องคุณด้วยนะ”

(วันไหน)

“วันนั้นอ่ะครับ”

(วันไหนครับ)

“วันที่เรากินผัดไทด้วยกันอ่ะคุณชาย”

(จำไม่ได้)

“วันที่ผมไปนอนที่ห้องคุณชายไง!”

แล้วก็ต้องทุบอกตัวเองแรงๆ เพราะไม่ได้อยากจะพูดออกมาเลยสักนิด ตอนนี้วันศุกร์หน้าแดงและร้อนผ่าวไปหมด จู่ๆ คุณชายก็เกิดความจำเสื่อมจำไม่ได้ขึ้นมาซะงั้น

(ลืมอะไรไว้)

“น้ำหอมอ่ะครับ แต่ช่างมันเถอะ จะหมดอยู่แล้ว ถ้าคุณชายเห็นก็หยิบทิ้งได้เลยนะครับ”

(ครับ)

“ว่าแต่...ฝากซื้อขวดใหม่ได้มั้ยอ่าคุณชาย ชาแนลกลิ่นเดิม”

(คุณคิดว่าผมจำได้เหรอ)

“ก็ไม่รู้สิครับ ในห้องแต่งตัวของคุณชายผมก็เห็นว่ามีวางอยู่ขวดนึงน้า...”

น้ำหอมชาแนลกลิ่นเดิมที่วันศุกร์เคยเลือกให้คุณชายตั้งแต่ตอนที่ยังคบกันนั่นแหละที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยังใช้อยู่ตลอดจนถึงตอนนี้ ที่มั่นใจเพราะทุกครั้งที่เจอกันวันศุกร์จะได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นนั้นจากกายของคุณชายเขาตลอด และมั่นใจมากไปกว่านั้นก็ตอนที่ไปเจอขวดน้ำหอมกลิ่นนี้ในห้องแต่งตัวของอีกฝ่าย

(ได้ เดี๋ยวผมซื้อให้ เอากี่ขวด)

“สามขวดครับ สเปรย์น้ำหอมแบบพกพาด้วย...คุณชาย ผมอยากได้โลชั่นหลังโกนหนวดด้วยอ่ะครับ”

(งั้นลิสต์มาแล้วส่งให้ผม)

“คุณชายครับ”

(อะไรอีกครับ)

“ช็อกโกแลตด้วยได้มั้ยอ่ะ”

ฝรั่งเศสน่ะเมืองของแบรนด์เนมทั้งนั้น อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องของกินอย่างไวน์ ช็อกโกแลตและขนมมาการองด้วย วันศุกร์นั่งเลียริมฝีปากกลืนน้ำลายดังเอื้อกตอนที่พูดถึงช็อกโกแลต เอาจริงๆ มันก็หาซื้อได้ในไทย แต่เพียงแค่ราคามันอาจจะสูงไปนิดหน่อยและหาซื้อยากเท่านั้นเอง

คุณชายทรงเพลิงอยู่ฝรั่งเศสทั้งทีก็ลองฝากดูหน่อยแล้วกัน

(ได้ข่าวว่าคุณไดเอตอยู่)

“แล้วใครที่บังคับให้ผมกินผัดไทตอนดึกนะครับ อย่างนั้นไม่ต้องไดเอตแล้วก็ได้มั้ง”

ถ้าไม่หูฝาดไปเอง...เมื่อกี้เหมือนวันศุกร์ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากปลายสายด้วย ไม่แน่ใจว่าใช่เสียงของคุณชายหรือเปล่า แต่เสียงทุ้มปนเข้มขึงอย่างนั้น...ก็มีอยู่คนเดียว

“คุณชาย ของทั้งหมดผ่อนจ่ายได้มั้ยอ่ะครับ มันน่าจะเกินเงินเดือนผมแล้ว”

(ที่ฝากซื้อยังไม่ถึงหมื่น เงินเดือนคุณเท่าไหร่)

“ใครเขาให้พูดเรื่องเงินเดือนกันครับ คุณชายอ่ะเงินเดือนเท่าไหร่”

(คุณย้อนผมอยู่นะ)

“ไม่ได้ย้อนนะครับ ก็คุณชายดันถามอะไรแบบนี้อ่ะ”

(คุณหาเงินได้เยอะ พูดอย่างกับได้เงินเดือนแค่แปดเก้าพัน)

“เฮ้ย! รู้ได้ไงครับ”

(ผมเดา)

“...”

(คุณได้เงินเดือนแค่นั้นเหรอ)

“ใช่ครับ ผมใช้เงินเก่งมั้ยคุณ เดือนนึงใช้แค่นี้เอง ฮ่าๆ”

หัวเราะกลบเกลื่อนไปอย่างนั้นเพราะบรรยากาศมันครึ้มแปลกๆ เรื่องใช้เงินน้อยของวันศุกร์ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกใหม่ของคุณชายทรงเพลิง เพราะตอนที่คบกันเขาก็ใช้เงินน้อยมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแต่ว่า...มันไม่ได้น้อยเท่าตอนนี้

(วันศุกร์)

“คุณชายจะกลับเมื่อไหร่เหรอครับ ผมจะได้เตรียมเงินไว้จ่ายค่าของ”

คนที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหันกลั้นหายใจอีกครั้งตอนที่ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคุณชายทรงเพลิง มันเป็นเสียงหายใจที่ดังพอๆ กับเสียงทุ้มเวลาเปล่งคุยกันเลยด้วยซ้ำ วันศุกร์เดาเอาเล่นๆ ว่าตอนนี้คุณชายเขาคงไม่พอใจที่รู้ว่าวันศุกร์ใช้เงินได้น้อยกว่าเดิม

ซึ่งไอ้อาการแบบนั้นน่ะ มันเคยเกิดขึ้นแล้วตอนที่ยังคบกันอยู่

แต่เหมือนหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจะลืมไป

ตอนนี้ระหว่างเราไม่มีความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นแล้ว

ไม่มีเหตุอะไรที่คุณชายต้องถอนหายใจใส่วันศุกร์เลยสักนิด

(ผมกำลังไปสนามบิน)

“กลับเร็วจังเลยครับ”

(ผมมาอยู่ที่นี่เกือบห้าวันแล้ว)

“แล้วพรุ่งนี้คุณชายจะมาที่สตูฯ มั้ยครับ ถ้ามาผมจะได้เอาเงินมาด้วย”

(อาจจะเข้าไป)

“อ่า งั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ”

(ครับ)

“...”

(อย่าลืมกินข้าวด้วย)

วันศุกร์อมยิ้มกับประโยคสั้นๆ ของคุณชายทรงเพลิง ถึงน้ำเสียงของอีกฝ่ายจะไม่ได้อ่อนนุ่ม แต่ก็ทุ้มน่าฟังจนคนที่ได้ยินอย่างวันศุกร์แอบเคลิ้ม แล้วไหนจะประโยคธรรมดาๆ นั่นอีก มันอาจจะไม่ได้พิเศษเลิศเลอสำหรับคนอื่น แต่มันก็ดีที่สุดสำหรับวันศุกร์

“คุณชายก็เหมือนกัน”

(...)

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

และวันศุกร์ไม่มีทางรู้หรอกว่าคำอวยพรสั้นๆ ของตัวเองที่บอกออกไปก็ทำให้ใครบางคนที่อยู่เมืองคานส์อมยิ้มด้วยเหมือนกัน





[มีต่อด้านล่างค่ะ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 07.1 - up28.6.62
« ตอบ #19 เมื่อ: 28-06-2019 08:49:23 »





ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 07.2 - up28.6.62
«ตอบ #20 เมื่อ28-06-2019 08:50:01 »













 
วันศุกร์กึ่งหลับกึ่งตื่นในรถหลายครั้งจนกระทั่งถึงคอนโดของตัวเอง ทั้งเขาและพี่โมแทบจะลากร่างออกจากรถไปไม่ได้เพราะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด ก็การจราจรในกรุงเทพฯ เมื่อค่ำที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นอัมพาตไปเลยเถอะ

วันศุกร์ออกจากห้างสรรพสินค้าในกลางกรุงเทพฯ ตอนสามทุ่มกว่า แล้วก็ติดแหง็กกลางสายฝนบนถนนอยู่อย่างนั้นราวสองชั่งโมงกว่า นี่ก็เพิ่งถึงคอนโดตอนเที่ยงคืนนิดๆ

“รถติดก็ยอมเลยว่ะ แลกกับการที่พ่อดาราดังยอมไปดูหนังด้วย”

“ผมยังไงก็ได้อยู่แล้วถ้าพี่โมเลี้ยง”

“แหม เห็นแก่ของฟรีนี่หว่า”

“ของขวัญวันเกิดน้องไงพี่โม”

สองพี่น้องเดินกอดคอกันขึ้นลิฟต์ วันนี้พอทำงานที่สตูดิโอของพนาเสร็จพี่โมก็ชวนวันศุกร์ไปผ่อนคลายที่ห้างด้วยกัน และเผอิญว่ามีหนังฟอร์มยักษ์ระดับโลกเข้าโรงพอดี เขากับพี่โมก็เลยตัดสินใจดูหนังด้วยกันในรอบหลายปี

ตอนแรกวันศุกร์ก็เป็นห่วงกลัวว่าต้นน้ำหลานชายของตัวเองจะงอแงคิดถึงแม่ แต่ตอนที่พี่โมโทรเช็กกับพี่เลี้ยงเด็กก็เบาใจไปได้เลย รายนั้นหลับปุ๋ยไปแล้ว

“ไปพักผ่อนได้แล้วไป ของขวัญแฟนคลับแกค่อยขนขึ้นห้องพรุ่งนี้ก็ได้”

“ครับพี่โม”

พอถึงห้องก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตส่วนตัวในห้องนอนของตัวเอง วันศุกร์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเข้ามาอาบน้ำก่อนแล้วค่อยออกไปขนของที่แฟนคลับให้จากหลังรถมาเก็บไว้ในห้อง แต่ตอนนี้เขาขอพักก่อน เพราะเหนื่อยกับการนั่งรถนานๆ เอามากๆ เลย

คนตัวบางนอนตากแอร์เย็นๆ ในห้องพร้อมกับฟังเสียงฝนตกไปด้วย ถึงแม้ว่าห้องของเขาจะไม่ได้อยู่ชั้นบนสุดหรือแพงสุด แต่เพราะฝนที่กระหน่ำตกลงมาก็ทำให้คนที่อยู่ชั้นกลางๆ ได้ยินเสียงชัดเจน

ครืด ครืด

กำลังนอนเพลินๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นแรง วันศุกร์ที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือลุกขึ้นคว้าเอาโทรศัพท์มาถือไว้ ก่อนจะถอนหายใจแล้วกดรับสายโดยไม่ดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามาดึกดื่นป่านนี้

“สวัสดีครับ”

(นอนหรือยัง)

“หือ...เฮ้ย!”

พอตั้งสติได้แล้วดึงโทรศัพท์มาดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามาวันศุกร์ก็ร้องเสียงหลง เบอร์ที่เขายังไม่ได้เมมชื่อไว้แต่ตอนนี้จำหมายเลขได้ขึ้นใจ...หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง

“ยังไม่นอนครับ ผมเพิ่งกลับจากโรงหนังเมื่อกี้เอง”

(อยู่ที่คอนโดใช่มั้ย)

“อ่า ครับ คุณชายมีอะไรหรือเปล่าครับ”

(ลงมาข้างล่างหน่อย)

“...”

(ผมเอาของที่คุณฝากซื้อมาให้)

“อ้าว...”

(ผมเพิ่งถึงไทยเลยแวะเอามาให้)

“...”

(เร็วๆ)

ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลยสักอย่างวันศุกร์ก็ต้องรีบเด้งตัวจากเตียงนอนเปิดประตูแล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“ผมกำลังลงไปนะครับ ตอนนี้คุณชายอยู่ตรงไหน”

(หน้าคอนโดคุณ จอดเลยมาหน่อย)

“ทำไมไม่เข้ามาจอดรถในคอนโดล่ะครับ”

(คุณไม่สะดวกลงมาใช่มั้ย ผมจะได้เอาขึ้นไปให้)

“สะดวกสิคุณชาย งั้นรอแป๊บนะครับ...จะรีบลงไปตอนนี้เลย”

ส่ายหน้าให้กับคนที่ตอบไม่ตรงคำถามก่อนจะรีบวิ่งขึ้นลิฟต์แล้วใช้เวลาสั้นๆ อยู่ในนั้น ทันทีที่ถึงชั้นล่างเจ้าตัวก็รีบวิ่งออกจากลิฟต์ทันที เพราะฝนข้างนอกตกหนักจนเห็นน้ำเอ่อนองตรงถนนใหญ่หน้าคอนโดวันศุกร์เลยเบรกเท้าแล้วฉีกยิ้มเดินไปขอยืมร่มจากพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เดินเข้ามาในล็อบบี้พอดี

“คุณชาย ผมอยู่ข้างล่างแล้วนะ”

(รถผมจอดอยู่ข้างนอก)

“ครับ กำลังเดินออกไปแล้ว”

คนตัวเล็กเม้มปากแน่นตอนที่เดินออกจากอาคารคอนโดแล้วย่ำพื้นที่มีน้ำฝนกระเด็นใส่เท้า วันศุกร์กังวลว่าร่มจะปลิวเพราะลมแรงมากเลยค่อยๆ เดินอย่างใจเย็นจนกระทั่งถึงบริเวณหน้าคอนโด

“ผมเห็นรถคุณชายแล้วครับ”

(ครับ)

วันศุกร์เดินต่อไปจนกระทั่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูฝั่งคนนั่ง รถของคุณชายจอดเทียบริมฟุตบาธที่ถูกน้ำจากท่อระบายน้ำท่วมล้อรถไปแล้วเกือบครึ่ง คนตัวขาวก้มหน้ามองคนในรถผ่านกระจกที่ติดฟิล์มดำสนิท ก็ไม่ได้ว่าจะมองเห็นคุณชายทรงเพลิงหรอก แค่จะยื่นหน้าให้คนในนั้นเห็นก็เท่านั้นเองว่าเขาน่ะมาถึงแล้วนะ

“คุณชายจะลงมามั้ยครับ”

(ผมไม่มีร่ม)

“อ่า”

(คุณขึ้นรถมาก่อน)

สั่งเสร็จก็ตามด้วยเสียงปลดล็อกประตู วันศุกร์พูดอะไรไม่ออกเลย ไม่ได้อยากเข้าไปนั่งด้วยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ สถานการณ์ในตอนนี้บังคับเขาทุกอย่าง

บังคับให้ตัดสายทิ้งแล้วยื่นมือไปเปิดประตูรถเร็วๆ

บังคับให้หุบร่มแล้วรีบแทรกตัวเข้าไปในรถหรูคันนี้

บังคับเขาปิดประตู แล้วนั่งตัวลีบอยู่ข้างๆ คุณชายทรงเพลิง

เฮ้อ

วันศุกร์หันไปยิ้มแหยๆ ให้คนที่เพิ่งกลับจากฝรั่งเศส คุณชายทรงเพลิงมองหน้าเขาแค่แวบเดียวก็เอี้ยวตัวไปเบาะหลังก่อนจะหยิบถุงกระดาษประมาณสี่ห้าถุงยื่นให้

“ของคุณ”

“ผมไม่ได้ฝากซื้อเยอะขนาดนี้นี่ครับ”

วันศุกร์จำได้ว่าที่ฝากซื้อหลักๆ ก็น้ำหอมกับโลชั่นหลังโกนหนวดของชาแนล กับช็อกโกแลตแค่นั้นเอง แต่ไม่รู้ว่าทำถึงได้ถุงใส่ของมาเยอะแยะขนาดนี้ แถมในถุงยังมีของอย่างอื่นอยู่อีกด้วย

“มีของฝากด้วย”

“คุณชายซื้อให้ผมเหรอครับ”

“ใช่”

ตอบแบบนั้นแล้วคนฟังก็นิ่งไปสักพัก วันศุกร์ถอนหายใจช้าๆ ก้มมองของที่ตัวเองฝากซื้อในถุงกระดาษแล้วหยิบมาใส่รวมกันไว้ในถุงเดียว ก่อนจะยื่นถุงที่ตัวเองไม่ได้ฝากซื้อคืนหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่กำลังนั่งเอียงตัวมาทางด้านซ้าย

“อะไร”

“คืนครับ ขอบคุณนะครับที่มีน้ำใจ แค่ฝากซื้อของผมก็เกรงใจคุณชายจะแย่แล้ว” ตอนที่พูดวันศุกร์ก็ส่งยิ้มบางๆ ไปด้วย เขาไม่กล้ารับของฝากที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงให้ไม่ว่าจะเนื่องในโอกาสอะไรก็ตาม มันดูไม่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์แบบนี้...หมายถึงในรถที่มีกันแค่สองต่อสอง นอกเวลาทำงาน

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงย่นคิ้วมองวันศุกร์ด้วยสายตานิ่งๆ เหมือนกำลังจะกดดันและถามทางสายตาว่าทำไมถึงรับของพวกนี้ไว้ไม่ได้

วันศุกร์จ้องหน้าอีกคนอยู่อย่างนั้นไม่ได้หลบตา และก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ทำไม”

“ที่คุณชายให้มันเยอะเกินไปครับ แล้วก็แพงๆ ทั้งนั้นด้วย ผมไม่กล้ารับไว้หรอก...”

“คุณจะคิดมากทำไม ผมแค่ให้ไม่ต้องคิดถึงจำนวนเงินก็ได้”

“คิดมากสิครับ อยู่ดีๆ คุณชายจะซื้อของพวกนี้ให้ผมทำไม”

ของพวกนี้ที่วันศุกร์หมายถึงก็คือของแบรนด์เนมจากฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อผ้า เข็มขัด ไหนจะรองเท้าอีก

วันศุกร์เม้มปากแน่นเพราะเห็นว่าคุณชายทรงเพลิงนิ่งไปสนิท ดวงตาคมกริบจ้องถนนข้างหน้าที่มีแต่สายฝนกับไฟสลัวข้างทาง ผมสีเข้มปรกหน้าคุณชายเพราะไม่ได้เซ็ตขึ้นเหมือนวันธรรมดาที่ไปทำงาน ความเย็นชา เรียบเฉย แผ่ออกจากตัวของคนที่โตกว่าจนวันศุกร์รู้สึกผิดไปเลยที่ปฏิเสธไม่รับของฝาก

ก็รู้ตัวแล้วแหละว่าไปหักหน้าคุณชายเขาอย่างจัง

แถมยังทำร้ายน้ำใจคนตรงหน้าอีกด้วย

“ที่คุณพูดก็ถูก ผมจะซื้อของให้คุณทำไม”

เสียงทุ้มที่เปล่งออกจากปากของคุณชายทรงเพลิงทำเอาวันศุกร์ต้องนั่งบีบมือตัวเองแน่น ความรู้สึกผิดมันประเดประดังเข้ามาจนวันศุกร์อยากย้อนเวลากลับไปแล้วรับของจากคุณชายทรงเพลิงมาโดยที่ตัวเองไม่ต้องคิดมากอะไรทั้งนั้น

“ผมขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไร คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”

“...”

พอโดนไล่วันศุกร์ก็ใจแป้ว ถึงหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจะไม่ได้ใช้คำที่ถากถางใจแต่มันก็เป็นคำธรรมดาที่สามารถกรีดแทงหัวใจคนฟังได้ คนตัวขาวค่อยๆ หลับตาลงก่อนจะเปิดเปลือกตาสีอ่อนขึ้นแล้วหันไปยกมือไหว้ขอบคุณคนแก่กว่าที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ขับรถปลอดภัยนะครับคุณชาย ขอบคุณมากๆ นะครับ”

“ครับ”

ถ้าดูผิวเผินแค่ภายนอกแน่นอนว่าใครก็คงดูไม่ออกหรอกว่าคุณชายทรงเพลิงกำลังโกรธ แต่ระดับวันศุกร์แล้วหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่รอดสายตาของเขาไปได้หรอก คนเคยรู้ใจกันทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้วันศุกร์ไม่ยอมลงจากรถไปสักที

“คุณชายโกรธผมใช่มั้ย”

“อะไรของคุณ”

“ผมขอโทษจริงๆ ครับ”

“ช่างมันเถอะ ไม่ต้องคิดมาก”

“ไม่ ผมคิดมาก”

“คุณนี่คิดมากเก่งทุกเรื่อง ผมให้ของก็คิดมาก ไม่รับของผมก็ยังคิดมากอีก”

“...”

“ทำไม เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาหรือไง”

คุณชายตัวสูงเลิกคิ้วถาม มองหน้าวันศุกร์สลับกับถุงของฝากที่ยังวางอยู่ตรงคอนโซลกลางรถ วันศุกร์เป่าลมออกจากปากก่อนจะกัดริมฝีปากเบาๆ มองค้อนคุณชายทรงเพลิงที่จู่ๆ ก็หันหนีไปอีกทาง

“ถ้าผมเปลี่ยนใจล่ะครับ”

“คุณก็เอาไปสิ”

แล้วนั่นก็ทำให้คุณชายทรงเพลิงหันกลับมามองหน้าวันศุกร์อีกครั้ง ตาคมๆ สบกับดวงตาหวานฉ่ำของวันศุกร์ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า...ในความเรียบนิ่งของตาคู่นั้นเหมือนกำลังขอร้องให้วันศุกร์ช่วยหยิบของฝากทั้งหมดที่ตั้งใจจะให้กลับไปด้วย

ไม่รู้จริงๆ ว่าคิดไปเองมั้ย

แต่ถึงจะไม่รู้อะไรเลย วันศุกร์ก็ไม่อยากให้คุณชายทรงเพลิงเสียใจหรือโกรธเพราะเขาอีกต่อไปแล้ว คนตัวเล็กค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบถุงกระดาษทั้งหมดที่คุณชายยื่นให้เมื่อกี้มากอดไว้หลวมๆ วันศุกร์ก้มหน้ามองพื้น จู่ๆ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

“ผมไปก่อนนะครับ กลับบ้านดีๆ นะครับคุณชาย”

บอกลาอีกครั้งก่อนจะยื่นมือข้างที่ว่างเปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ดันประตูออกไปก็ต้องชะงักเมื่อเสียงทุ้มของเจ้าของรถคันนี้ดังขึ้น

“วันศุกร์”

คนถูกเรียกชื่อหันมองตาแป๋ว ขยับปากตอบรับด้วยเสียงที่พึมพำอยู่ในคอ

“สุขสันต์วันเกิดครับ”

“...”

มันคงเป็นประโยคประโยคเดียวที่ทำให้คนที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันยิ้มได้อย่างเต็มที่ แล้ววันศุกร์ก็คงจะเสียใจไปตลอดชีวิตที่ตัวเองไม่ยอมรับของของคุณชายทรงเพลิงไว้

เหมือนคุณชายเขารอ รอให้วันศุกร์เอาของพวกนี้กลับไปด้วย เพื่อที่จะพูดส่งท้ายด้วยคำว่าสุขสันต์วันเกิด

แม้มันจะเป็นคำอวยพรสั้นๆ ที่ใครต่อใครก็พูดให้วันศุกร์ได้ยินมาทั้งวัน แต่เขายอมรับเต็มอก…

“ขอบคุณนะครับ คุณชาย”

ว่าไม่มีใครพูดประโยคนี้ได้พิเศษ...เท่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงอีกแล้ว





#หวนกลิ่นรัก












 


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 08.1 - up28.6.62
«ตอบ #21 เมื่อ28-06-2019 08:52:03 »



08


หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงนั่งจ้องภาพถ่ายของพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ที่พนาส่งมาให้เมื่อคืนวานนี้ ภาพที่มีทั้งหมดสิบกว่าภาพออกมาดูดีสมคำล่ำลือที่ว่ากันว่าวันศุกร์เป็นมืออาชีพในการทำงาน ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา

ปกติแล้วหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงใช้เวลาแป๊บเดียวในการเลือกภาพถ่ายของพรีเซ็นเตอร์ที่จะใช้โปรโมต แต่ครั้งนี้เขากลับนั่งนิ่งๆ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จนปวดตาก็ยังเลือกไม่ได้สักรูป

รูปของวันศุกร์ทุกรูปที่พนาส่งมา...มันดี เพอร์เฟ็กต์ไปหมดจนเขาเลือกไม่ได้

“ได้ข่าวว่ายังไม่กินข้าวเที่ยง เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาเอาหรอก”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงละสายตาจากจอเงยหน้ามองใครบางคนที่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหัวเราะในลำคอ รู้ชะตาตัวเองแล้วว่ากำลังจะถูกบังคับให้กินข้าวมื้อเที่ยงเหมือนหลานชาย

“กินเลยนะชายเพลิง แล้วพวกเราเป็นอะไรกันไปหมด ข้าวปลาไม่ค่อยจะกินให้ตรงเวลา”

พวกเรา ของหม่อมราชวงศ์รฐาก็คือน้องชายทั้งสามคนที่ไม่ค่อยจะกินข้าวครบสามมื้อ เธอมักจะมองค้อนน้องชายทุกครั้งที่ให้เหตุผลว่ายังไม่หิว หรือทำงานจนลืมเวลากินข้าว

หม่อมราชวงศ์รฐาวางกล่องข้าวไว้บนโต๊ะทำงานของน้องชายก่อนจะเดินอ้อมมายืนข้างๆ คุณชายทรงเพลิงที่กำลังนั่งจ้องหน้าจออยู่ แล้วภาพที่เห็นก็ส่งผลให้หม่อมราชวงศ์รฐาอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เหลือบตามองน้องชายที่เงยหน้าขึ้นมาสบตา

“พรีเซ็นเตอร์คนใหม่เหรอ”

“ครับ”

“เลิกกันแล้ว...ทำงานด้วยกันได้ด้วยเหรอชายเพลิง”

“ได้สิครับ ไม่เห็นมีปัญหา”

“อื้มมม อ๋อๆ”

หม่อมราชวงศ์รฐามองภาพวันศุกร์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คนคนนี้แหละที่ทำให้น้องชายของเธอซึมไปพักใหญ่ตอนที่เลิกรากันไป เธอที่ใกล้ชิดกับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมากที่สุดรู้ว่าในตอนนั้น...น้องชายคนนี้ก็อาการแย่ไม่เบา ถึงจะไม่ได้แสดงอาการเสียใจออกมาผ่านการกระทำ แต่แววตา สีหน้า และอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ดูออก

“นี่ แล้วมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่ายังไง”

“อะไรครับพี่ฐา”

“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะชายเพลิง...ยังอาวรณ์เขาอยู่ล่ะสิ”

ล้อน้องชายไปแบบนั้นเพราะดันไปเห็นสายตาของคุณชายทรงเพลิงพอดี มันเป็นสายตาแบบเดียวกันกับที่เธอเคยเห็นตั้งแต่ตอนที่ทรงเพลิงยังคบกับวันศุกร์ สายตาที่น้องชายของเธอใช้มองใครสักคนด้วยความรู้สึกที่พิเศษมากกว่านั้น

อบอุ่น อ่อนโยน ไม่แข็งกร้าวหรือเรียบเฉย สายตาที่แสดงออกว่าเอ็นดู ทะนุถนอมคนในรูปมากแค่ไหน

ก็สายตาแบบนี้แหละ ที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงใช้มองกับวันศุกร์แค่คนเดียว

“กินข้าวดีกว่า พี่ฐากินมาแล้วใช่มั้ยครับ”

“เปลี่ยนเรื่องเก่งนะชายเพลิง” หัวเราะเบาๆ เพราะน้องชายคนนี้เวลาจนมุมมักจะชอบหาเรื่องอื่นมาคุยเสมอ

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นเดินมานั่งบนโซฟารับแขกแทน คนตัวสูงหยิบโทรศัพท์กับข้าวกล่องติดมือมาด้วย

“คนนี้คุณแม่ชอบนะ” พูดแล้วพเยิดหน้าไปที่คอมพิวเตอร์ หม่อมราชวงศ์รฐายังอมยิ้มอยู่ ยิ่งเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของน้องชายเธอยิ่งอยากแกล้ง

“คนไหนครับ”

“ก็คุณบดินทร์ไง คุณบดินทร์ของน้องวรรณา”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พอนึกขึ้นได้ว่าคุณบดินทร์ที่พี่สาวกำลังพูดถึงคือชื่อพระเอกที่วันศุกร์รับบทอยู่ก็ยกยิ้มจางๆ

“ไว้เดี๋ยวผมขอลายเซ็นให้”

“ไหนๆ ก็ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว ต้องให้คุณแม่มาเจอตัวจริง”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“หรือจะไปกินข้าวที่วังดี...”

หม่อมราชวงศ์รฐาที่แกล้งน้องชายได้สำเร็จฉีกยิ้มกว้าง เสือยิ้มยากอย่างคุณชายทรงเพลิงยอมกระตุกมุมปากแล้วถือว่าประสบความสำเร็จเลยแหละ

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงกินข้าวหน้าเป็ดทั้งที่มันยังอยู่ในกล่อง กินไปก็เหลือบมองพี่สาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟาใกล้ๆ

ตึ่ง ตึ๊ง

แล้วเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้น โทรศัพท์ของคุณชายทรงเพลิงสั่นถี่ติดกัน เขารีบวางกล่องข้าวลง เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความนั้น

“กินข้าวก่อนก็ได้มั้งจ๊ะ”

“งานด่วนครับ”

เขาพูดปัดๆ ไปเพราะไม่อยากให้พี่สาวมาบังคับกันมาก หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ กดดูแชตที่แจ้งเตือนเมื่อกี้

Friday: คุณชาย
Friday: ขอเลขที่บัญชีหน่อยสิครับ

คนตัวสูงเหลือบมองพี่สาวที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปแล้ว เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วก้มหน้าตอบแชตคนบางคน

Plerng: เอาไปทำไม
Friday: โอนค่าชาแนลไงคุณชาย
Friday: โห ไม่ทันไรก็ลืมแล้ว

คุณชายทรงเพลิงนึกหน้าคนที่ปากเก่งแค่ในแชตออก ป่านนี้วันศุกร์คงแลบลิ้นปลิ้นตาหัวเราะที่เขาทำเป็นลืม ทีแบบนี้น่ะเก่งนัก พออยู่ต่อหน้าทีไรก็กลายเป็นหมาหงอยๆ

Plerng: โอนมาเบอร์ผม
Friday: โอเคครับ
Friday: ยอดเท่าไหร่อ่าคุณชาย ._.
Plerng: จำไม่ได้
Friday: เฮ้ยยยย ได้ไงครับ
Friday: บิลยังอยู่มั้ย ผมค้นในถุงแล้วไม่เจอนะ
Plerng: ไม่รู้ คงหายไปแล้ว
Friday: อ้าววววว

เขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าบิลอยู่ที่ไหนจำได้แค่ว่าซื้อเสร็จก็รีบไปสนามบินทันที ไม่ได้สนใจราคาเลยสักนิดเพราะคุณชายทรงเพลิงเดินซื้อของในเวลากระชั้นชิดเกินกว่าที่จะมาสนใจว่าอันไหนราคาเท่าไหร่

Friday: แล้วงี้ผมจะโอนเงินให้คุณชายถูกได้ยังไงล่ะครับ
Friday: งั้นเอางี้
Friday: เดี๋ยวผมไปดูในราคาในเว็บนะ
Plerng: ผมซื้อราคาพิเศษ
Plerng: คุณดูในเว็บมันแพงกว่าที่ผมซื้อ
Friday: ไม่เป็นไรเลยคุณชาย แพงกว่าก็คือค่าหิ้วไงครับ
Plerng: ถ้าจะเสียค่าหิ้วให้ผมขนาดนั้นทำไมไม่ซื้อในไทยไปเลย
Plerng: ฝากผมซื้อทำไม

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเอาลิ้นดุนแก้ม ใครอีกคนที่เขากำลังคุยผ่านแชตเงียบไปหลายนาทีทั้งๆ ที่ขึ้นว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความนั้นแล้ว

ที่ถามไปเพราะอยากรู้จริงๆ แต่วันศุกร์จะไม่ตอบก็ได้ เขาจะได้จบเรื่องยอดเงินค่าของที่ฝากซื้อ คุณชายทรงเพลิงไม่ได้อยากได้เงินจากวันศุกร์สักนิด ของพวกนี้ถึงแม้ว่าวันศุกร์ไม่ฝากซื้อ เขาก็ตั้งใจจะซื้อให้อยู่แล้ว

Friday: ก็ของมันหมดพอดีนี่นาคุณชาย
Plerng: ช็อปที่ไทยก็มี
Friday: ผมออกไปซื้อตามช็อปได้ง่ายๆ ที่ไหนล่ะครับ
Friday: นี่ไม่ได้อวยตัวเองนะ ผมฮอตมากคุณชายก็รู้นี่นา
Plerng: เดี๋ยวนี้มีบริการสั่งออนไลน์ส่งถึงบ้านเยอะแยะ
Friday: โหคุณชาย
Friday: ก็ผมพอใจที่จะฝากคุณชายซื้ออ่ะครับ ไม่ได้เหรอ
Plerng: ได้ครับ

“อมยิ้มอะไรคนเดียวชายเพลิง”

คุณชายทรงเพลิงที่อมยิ้มไม่รู้ตัวรีบทำหน้าตายทันที เขาส่ายหน้าเบาๆ ให้พี่สาว ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะหม่อมราชวงศ์รฐาที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อก็ไม่ได้สนใจจะเอาคำตอบจากเขา

Friday: ผมให้เวลาคุณชายหาบิลนะครับ ไม่งั้นผมจะโอนราคาที่ผมเจอในไทย
Plerng: ครับ
Plerng: แต่นานหน่อยนะ
Plerng: ผมไม่มีเวลาหา
Friday: โห่ทำงี้ได้ยังไงคุณชาย
Friday: โดนโกงได้เลยนะเนี่ย ผมแกล้งทำเป็นลืมไม่จ่ายตังเลยดีมั้ย
Plerng: ครับ
Friday: ถามจริงงงง
Plerng: แล้วแต่คุณ เงินแค่นี้ผมไม่อยากได้อยู่แล้ว
Friday: อันนี้คือจะอวดว่ารวยหรือยังไงอ่ะครับคุณชาย
Friday: (ส่งสติ๊กเกอร์หน้าหมีทำท่าสงสัย)

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหัวเราะในลำคอเบาๆ เด็กปากกล้าคนนี้ใช่คนเดียวกันกับที่เขาเจอเมื่อคืนหรือเปล่า คนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตอนที่เขาบอกว่าสุขสันต์วันเกิด

Friday: แน่ะ อ่านไม่ตอบ
Friday: เลิกเถอะครับนิสัยนี้ คนที่คุณชายคุยด้วยอาจจะรู้สึกหงุดหงิด
Plerng: ปกติผมไม่ค่อยได้คุยกับใคร

“พักนี้ขอบตาคล้ำมากเลยชายเพลิง อาทิตย์นี้ไปนวดหน้ากับพี่มั้ย”

จู่ๆ หม่อมราชวงศ์รฐาก็เอามือมาจับคางของคุณชายเพลิงแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คนที่กลัวว่าพี่สาวจะเห็นแชตเลยรีบกดล็อกหน้าจอทันทีทั้งๆ ที่เสียงแจ้งเตือนยังดังต่อเนื่อง

“ปกติของคนทำงานครับ”

“ก็ทำงานมาตลอดไม่เห็นจะคล้ำขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าไปตามเฝ้าใครที่กองถ่ายจนโต้รุ่งหรอกเหรอจ๊ะ :)

ประโยคหลังสุดส่งผลให้คิ้วเข้มของคุณชายทรงเพลิงขมวดแน่น เขามองหน้าพี่สาวด้วยความสงสัยปนตกใจเล็กน้อย คุณชายทรงเพลิงไม่เคยบอกใครว่าตัวเองไปอยู่เฝ้าวันศุกร์ถ่ายละครจนเช้า

“พี่ฐารู้ได้ยังไงครับ”

“คุณออยบอกพี่จ้ะ”

“อ่อ”

“เขาแค่บอกเฉยๆ ไม่ได้สงสัยอะไรหรอก”

หม่อมราชวงศ์รฐาตบบ่าน้องชายตัวเองเบาๆ เท่าที่เธอพอจะรู้มา...ในตอนนั้นวันศุกร์ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์เพราะกลัวว่าจะกระทบต่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลภัสฤทัย กลัวว่าจะทำให้ทรงเพลิงเดือดร้อนเลยขอให้เก็บเอาไว้ให้เงียบที่สุดทั้งๆ ที่ไม่เคยมาถามกันเลยว่าคนที่วังต้องการให้ปิดหรือเปล่า

แต่ก็เอาเถอะ น้องชายของเธอตามใจวันศุกร์ขนาดนั้น อะไรที่ทำให้วันศุกร์สบายใจก็ทำให้ทุกอย่าง คนนอกอย่างเธอจะขัดอะไรได้ล่ะ

เธอรู้ว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมีแฟนจากปากของสามี หม่อมราชวงศ์ภูมินทร์เล่าให้ฟังว่าทรงเพลิงให้ไปช่วยดูอาการคนป่วยหน่อย ซึ่งคนป่วยคนนั้นก็คือวันศุกร์

ตอนแรกทรงเพลิงก็ดูอึกอักไม่อยากบอกว่าวันศุกร์คือใคร กว่าจะรู้ก็เค้นถามกันจนเหนื่อย

“ชายเพลิง”

“ครับ”

“รักเขาแล้วทำไมถึงปล่อยเขาไปล่ะ”

“...”
“ถ้าเป็นพี่จะรั้งเขาไว้นะ จะไม่ยอมเสียเขาไปเลย”

“คงเพราะรักมากเกินไปมั้งครับ”

“...”

“ผมอยากให้เขามีความสุข”

“พูดเหมือนตอนอยู่กับชายเพลิงไม่มีความสุขงั้นแหละ”

“ทำตามที่เขาต้องการน่าจะมีความสุขมากกว่า”

“ก็ดีเกินไปเลยเสียเขาไง แบบนี้ไม่เอาแล้วนะชายเพลิง ความรักมันก็ต้องมีเห็นแก่ตัวกันบ้าง”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงพยักหน้าเบาๆ มันก็ใช่ รักมากเลยยอมจนเสียวันศุกร์ไป แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อความสุขของเขาคือการได้เห็นคนที่รักอยู่อย่างสบายใจมากกว่านี้

“แล้วพาเขาขึ้นห้องอีกคืออะไรจ๊ะ สรุปเราสองคนยังไงกันแน่”

“พี่มินทร์บอกเหรอครับ”

“ใช่จ้ะ” หม่อมราชวงศ์รฐาพยักหน้า “หรือว่าจะรีเทิร์น”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยกยิ้มมุมปาก เขาไม่ได้ตอบคำถามพี่สาวและปล่อยให้หม่อมราชวงศ์รฐานั่งจ้องเขาเคี้ยวข้าวอยู่อย่างนั้น ทำตัวนิ่งๆ เหมือนไม่ได้สนใจคำถามเมื่อกี้ เพราะเขาเบื่อที่จะตอบแล้ว

เอาจริงๆ ทรงเพลิงไม่ชอบคำถามนี้เลยด้วยซ้ำ

“ยังไงชายเพลิง” หม่อมราชวงศ์รฐาขมวดคิ้วถามเสียงสูงใส่ เธอเริ่มหงุดหงิดกับท่าทางไร้อารมณ์ชวนกวนของน้องชายแล้ว “ตอบพี่สิ”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเลิกคิ้วก่อนจะชี้นิ้วไปที่กล่องข้าวในมือ หนำซ้ำยังตักข้าวคำโตใส่ปากจนพูดไม่ได้ ท่าทางจงใจกวนโอ๊ยกันแบบนั้นทำให้ต้นแขนแกร่งของคุณชายโดนฝ่ามือหนักๆ ของพี่สาวฟาดเข้าอย่างจัง

“ไม่บอกก็ตามใจ แต่พี่เตือนไว้เลยนะ”

“...”

“วันศุกร์ทั้งหล่อทั้งน่ารักดูดีขนาดนั้น ระวังมีคนมาคาบไปกินก่อนนะจ๊ะ หรือว่า...”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเคี้ยวข้าวไปตาก็เหลือบมองพี่สาวไปด้วย ไม่รู้ทำไมถึงต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่จัดการกับพี่สาวของตัวเองไม่ได้

ใช่ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจนมุมแล้ว

“จะให้คุณออยช่วยหาคนมาดูแลหัวใจวันศุกร์แทนคนแถวนี้ดีน้า...”

“ถ้าวันศุกร์เอา ก็ลองดูครับ”

จนมุมเพราะคำถามที่เกี่ยวกับวันศุกร์ คำถามที่เกี่ยวกับหัวใจของเขา



[มีต่อด้านล่างค่ะ]


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 08.2 - up28.6.62
«ตอบ #22 เมื่อ28-06-2019 08:52:43 »










 
วันศุกร์ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมฝนถึงชอบมาตกตอนบ่ายแล้วตกยาวไปจนมืดค่ำ เขาชอบฤดูฝนนะ บรรยากาศมันเหมาะสำหรับคนที่กำลังเข้าฉากดราม่าอย่างเขา ชอบกลิ่นดินที่โชยแตะจมูก แต่ไม่ชอบที่มันตกแรงขนาดนี้

ต้นไม้ใหญ่ในบ้านซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำแทบโค่นล้มเพราะมีพายุ วันศุกร์ที่นั่งพับเพียบตาแป๋วอยู่บนพื้นหน้าโซฟาตัวใหญ่วางคางบนโต๊ะกระจก ไม่กล้าชะเง้อมองแต่ฟังเอาจากพี่ๆ ในกองที่พูดกัน เมื่อกี้มีฟ้าแลบลงมาด้วย แบบนี้น่ะน่ากลัวเลย

Friday: แล้วมาคุยกับผมทำไมอ่ะครับ
Friday: รู้สึกเป็นเกียรติเลยนะเนี่ยที่คุณชายมาคุยด้วย
Friday: คุณชาย แต่ผมจริงจังนะครับ
Friday: บอกยอดเงินมาเถอะครับ พร้อมโอนจะแย่แล้ว

ไม่อ่าน ไม่ตอบ ไม่เคลื่อนไหว

วันศุกร์ใช้ปลายนิ้วโป้งเลื่อนดูแชตเมื่อสิบนาทีที่แล้ว มีที่ไหนที่โดนทวงยอดเงินแล้วหนีไม่ตอบ เขาเป็นหนี้คุณชายทรงเพลิงอยู่แต่อีกฝ่ายดูไม่ค่อยอยากจะรับมันไปเท่าไหร่เลย

วันศุกร์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วฟุบหน้าลงบนแขน ตาเรียวๆ มองนู่นมองนี่ระหว่างที่รอเข้าฉาก อีกนิดจะเคลิ้มหลับแล้วถ้าเสียงพี่ออยผู้กำกับของเรื่องไม่ดังขึ้นซะก่อน

“เฮ้ยวันศุกร์ เปลี่ยนไปถ่ายฉากกลางฝนเลยดีกว่าว่ะ ฝนตกจริงไม่ต้องใช้น้ำสายยาง”

“พี่ออย ฝนตกหนักเลยนะครับ”

“เออดิวะ ไป เตรียมตัวเลยเดี๋ยวแสงหมด”

“พี่ออย เมื่อกี้ฟ้ามันแลบ”

“มึงกลัวเหรอ”

“ผมแค่ตกใจง่ายครับพี่ออย”

“ป๊อดไอ้ห่า ตกใจอะไรของมึงไอ้วันศุกร์...ฟ้าไม่ผ่าหรอก”

“...”

“กูให้มึงห้านาทีนะ เสร็จแล้วไปซ้อมกับกู”

พี่ออยหมุนตัวเดินออกไปพร้อมกับเสียงตะโกนบอกคนในกองให้เตรียมตัวออกไปถ่ายนอกบ้าน

คำว่ามืออาชีพมันค้ำคอจนหันไปไหนไม่ได้ จะปฏิเสธก็ยังไม่หนักแน่นพอเลย วันศุกร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเป็นนักแสดงมันดียังไงนอกจากได้เงินและชื่อเสียง ตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงไม่มีงานไหนที่ง่ายเลย

วันศุกร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ปลายนิ้วกดเข้าไปที่โปรแกรมเดิมที่เพิ่งใช้เมื่อกี้ ห้านาทีสุดท้ายที่เหลือเขาอยากคุยกับใครบางคน

ใครคนนั้นที่อาจจะช่วยให้วันศุกร์ลดความกลัว ความกังวลลงได้บ้าง

Friday: คุณชาย
Friday: ผมชอบฝน แต่ไม่ชอบฟ้าแลบ
Friday: แล้วทำไมผมต้องออกไปถ่ายตอนที่ฝนตกแรงขนาดนี้ด้วยอ่ะครับ
Friday: อยากแกล้งป่วยเลยเนี่ย
Friday: อ่านแล้วๆ
Friday: ตอบด้วยนะครับคุณชาย
Plerng: คุณแค่บ่น?
Friday: เปล่าครับ เล่าให้ฟังเลย
Friday: ขอกำลังใจสักหนึ่งประโยคได้มั้ยอ่าครับ ._.
Plerng: ผมจะช่วยอะไรคุณได้
Friday: นี่คือกำลังใจเหรอครับ
Friday: คุณชาย ไม่เอางี้สิ
Plerng: ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก
Plerng: จัดการตัวเองครับ

วันศุกร์สะอึกไปเลย คำตอบที่ดูเหมือนตอบปัดๆ มันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นสักนิด แต่กลับทำให้คนที่อ่านรู้สึกว่าคิดผิดที่มาคุยกับคนคนนี้

Friday: โอเคครับ
Friday: ขอโทษนะครับที่รบกวนเวลา
Friday: บายครับ



*****


 
“พี่ออย ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

“เออ เล็กน้อย เทียบกับที่วันนี้มึงเล่นให้กูดีมาก จะให้ไปส่งที่พารากอนยังได้เลย”

“ก็ตามหน้าที่ไงครับ เพื่อเรตติ้งผมทำได้อยู่แล้ว”

“ไอ้วันศุกร์ กูได้ยินที่มึงทะเลาะกับผู้จัดการนะ ไม่ได้อยากเสือก แต่นั่นรถมึงนะเว้ย ทวงสิทธิ์บ้าง”

พี่ออยขมวดคิ้วแล้วพูดใส่อารมณ์จัดเต็มเมื่อนึกถึงเรื่องที่ได้ยินก่อนจะพาวันศุกร์ออกมาส่งที่บีทีเอส

เด็กคนนี้มันยอมคนเกินไป รถที่ซื้อมาไว้ใช้งานของตัวเองก็ถูกคนอื่นเอาไปขับรับส่งลูกจนเจ้าของรถแทบไม่ได้แตะ ตั้งแต่รู้จักกับวันศุกร์มา เขาเคยเห็นวันศุกร์นั่งรถตัวเองแบบนับครั้งได้

จะพูดยังไงดี ก็รู้แหละว่าญาติกัน แต่มันก็ไม่สมควรเท่าไหร่ วันศุกร์เหนื่อยงานไม่พอยังต้องมาเหนื่อยกับการเดินทางอีก

แล้วผู้จัดการคนนี้ได้เรื่องที่ไหน เขาเดาเอาเองว่าที่วันศุกร์ยังจ้างอยู่เพราะคำว่าญาติค้ำคอ ดูๆ แล้วผู้จัดการคนนี้ทำงานไม่ถึงเสี้ยวที่วันศุกร์ทำด้วยซ้ำ

“พี่ออยได้ยินเหรอครับ”

“ได้ยินกันทั้งกองเลยมั้ง ก็มึงลืมปิดไมค์”

“แหะๆ ดูแย่เลยพี่ออย”

“เออ ดูแย่เพราะมึงโง่นี่แหละ”

“แหะๆ ...ผมไปก่อนนะครับพี่ออย เดี๋ยวสาย” วันศุกร์ยกมือไหว้พี่ออยอีกครั้ง เขารีบลงจากรถที่จอดเทียบฟุตบาธเพราะไม่อยากให้พี่ออยต่อว่าพี่โมมากไปกว่านี้

“เออ โชคดี”

วันศุกร์รีบกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งขึ้นบันไดเลื่อนของรถไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ถ้าช้ากว่านี้เขาจะตัวเปียกโชกจนอยู่ร่วมกับคนอื่นในรถไฟฟ้าไม่ได้

คนตัวเล็กหอบแฮ่กอยู่บนชานชาลาเพราะรีบเดินมากเกินไป วันศุกร์ในตอนนี้ไม่ได้ใส่หมวกปิดบังใบหน้า อยู่ในชุดธรรมดาๆ ที่ไม่สะดุดตาผู้คนบนนี้ แต่แล้วสุดท้ายเพราะผิวที่ขาวจั๊วะกับหุ่นบางๆ ดูดีนั่นแหละที่ทำให้ใครต่อใครเหลียวมอง บางคนพอรู้ว่าเป็นวันศุกร์ก็รีบโบกมือให้ บางคนก็สะกิดคนข้างๆ แล้วชี้มาที่เขา

วันศุกร์ที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรระหว่างรอรถไฟฟ้า ยืนมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย ก่อนจะอมยิ้มตอนที่เห็นภาพตัวเองบนจอ LED ที่ติดอยู่บนชานชาลา โฆษณาน้ำดื่ม ประกันชีวิต รถยนต์ เครือข่ายมือถือที่เขาได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ สื่อโฆษณาบนนี้มีแต่รูปของเขาทั้งนั้น

พอเห็นแบบนี้แล้วก็หายเหนื่อยเลย

ยืนรอรถไฟฟ้าอยู่พักหนึ่งโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดติดต่อกัน มือสวยๆ ล้วงมันออกมา พอเห็นว่าเป็นใครโทรเข้าก็รีบกดรับสายทันที

“สวัสดีครับพี่ขวัญ”

(ตอนนี้อยู่ไหนแล้วคะน้องวันศุกร์)

“อยู่บนบีทีเอสบางหว้าครับ กำลังรอรถไฟอยู่เลย” วันศุกร์ก้มหน้ามองนาฬิกา แปลกใจที่ยังไม่ใกล้ถึงเวลา พี่ขวัญ โปรดิวเซอร์นิตยสาร ‘ศิมา’ ก็โทรตามซะแล้ว

(โอเค ไม่ต้องรีบนะคะ สายได้พี่ไม่ว่า)

“ไม่สายครับพี่ขวัญ อีกสามสิบนาทีผมก็ถึงแล้วครับ”

(นั่นแหละค่ะ คือวันศุกร์ไม่ต้องรีบนะ กับพี่สบายๆ เลย)

“ครับพี่ขวัญ”

(เดินทางปลอดภัยค่ะ เดี๋ยวเจอกันนะ)

“ขอบคุณครับพี่ขวัญ สวัสดีครับ”

กับนิตยสารศิมาที่ไม่เคยร่วมงานกันเลยแต่กลับรู้สึกเป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก นี่ครั้งแรกที่เขาถูกเชิญให้ไปออกรายการของนิตยสารที่นี่ มันเป็นรายการในยูทูบ ที่ให้ดาราหรือเซเลปดังๆ มาเลือกซื้อเสื้อผ้า ลองชุดต่างๆ ให้เข้ากับตัวเอง

วันศุกร์ล็อกหน้าจอโทรศัพท์ในตอนที่รถไฟฟ้าจอดเทียบชานชาลาพอดี คนตัวเล็กรีบเดินเข้าไปก่อนจะหามุมดีๆ ยืนคนเดียว พอมีคนทยอยเข้ามายืนด้วยก็รู้สึกเขินหน่อยๆ เพราะแต่ละคนเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ยืนล้อมหน้าเขาไว้ แถมยังส่งยิ้มให้กันอีกต่างหาก

“น้องวันศุกร์ตัวจริงน่ารักมากเลยนะครับ”

“...ขอบคุณครับ”

“แม่ผมชอบละครที่น้องเล่นมากนะครับ ยกนิ้วให้เลยที่ทำให้เย็นวันศุกร์แห่งชาติรถไม่ติด”

คนที่ถูกชมว่าน่ารักยิ้มแก้มแทบปริ วันศุกร์ถูกชมว่าหล่อและน่ารักแบบนี้เยอะมากจนมีข้อถกเถียงกันในอินเตอร์เน็ตว่าสรุปแล้วเขาหล่อหรือน่ารักกันแน่ แต่ก็มีบางคนที่มองกลางๆ เหมือนกัน ประเด็นนั้นวันศุกร์จำได้ดี ว่าเมื่อหลายปีก่อนก็นั่งเถียงกับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงแบบนี้เหมือนกัน

ในหัวข้อที่ว่าวันศุกร์น่ารักหรือหล่อ คนที่บอกว่าน่ารักคือคุณชายทรงเพลิง ส่วนเขาก็ต้องตอบว่าตัวเองน่ะหล่ออยู่แล้ว

วันศุกร์หลับตาพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ สมองไม่รักดีไปนึกถึงคนคนนั้นอีกแล้ว เอาจริงๆ วันนี้ที่วันศุกร์เล่นซีนดราม่ากลางสายฝนได้ดีก็เพราะคุณชายทรงเพลิงนั่นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุ คนที่จู่ๆ ก็ทำให้เขาหงุดหงิด น้อยใจ อารมณ์ดิ่งลงบอกไม่ถูก

วันศุกร์เหนื่อยล้าไปหมด แค่ร่างกายไม่พอแต่มันรวมถึงหัวใจ ยอมรับว่าเมื่อคืนหลังจากที่ได้รับคำอวยพรสั้นๆ จากคุณขายทรงเพลิงเขาก็เก็บไปฝันจนไม่อยากตื่น หรือถ้าตื่นขึ้นมา...ก็ขอให้ทุกอย่างในความเป็นจริงมันหอมหวานเหมือนในฝัน

แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น วันศุกร์ก้มหน้ายอมรับ

ที่คุณชายทรงเพลิงตอบมาแบบนั้นก็ถูกแล้ว

เขาต้องจัดการกับตัวเองในทุกๆ ส่วนของความรู้สึก

ต่อให้กลัว ดีใจ เสียใจ หรือรู้สึกว่ารักใครสักคน...หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็ช่วยอะไรไม่ได้

เพราะเรา...ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว



*****


 
ลมเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศในห้างสรรพสินค้ากับฝนที่ตกลงมาอย่างรุนแรงเข้ากันได้ดี บรรยากาศดีๆ แบบนี้วันศุกร์ควรยิ้มแย้มได้เต็มที่แต่ก็ต้องนั่งยิ้มบ้างเป็นบางครั้งให้ดูไม่น่าเกลียดทั้งๆ ที่ความจริงอยากจะทำหน้างอใส่บางคนแทบตาย

“ที่จะถ่ายวันนี้พี่ขวัญจะเน้นไปที่ช็อปแบรนด์เชอรีอัลนะคะ แบบว่าพอลองชุดเสร็จวันศุกร์ก็แกล้งทำเป็นเดินไปเจอช็อปพอดี เลยเลี้ยวเข้าไปแล้วก็แนะนำผลิตภัณฑ์ไปด้วย ส่วนเสื้อผ้าเนี่ยวันศุกร์หยิบได้ทุกแบรนด์เลยนะคะ จะได้ช่วยพีอาร์แบรนด์ไปด้วย คุณชายเพลิงบอกว่าส่วนนี้ไม่ซีเรียสค่ะ”

อือ แล้วทำไมต้องเป็นคนคนนี้ด้วย

วันศุกร์มองพี่ขวัญที่หันไปยิ้มให้ผู้ชายตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สาบานได้...วันศุกร์ไม่รู้มาก่อนเลยว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเป็นสปอนเซอร์ให้กับนิตยสารศิมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้ต้องมาทำงานในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของเชอรีอัล

“ตกลงมั้ยคะน้องวันศุกร์”

“ครับพี่ขวัญ”

“ส่วนเรื่องรายละเอียดผลิตภัณฑ์ของเชอรีอัลน้องวันศุกร์รู้ใช่มั้ยคะว่าตัวไหนเป็นตัวไหน ใช้เรื่องอะไร”

“ก็พอรู้นิดหน่อยครับ พวกตัวที่ดังๆ”

“ได้ข่าวว่าวันศุกร์ก็ใช้เครื่องสำอางของผู้หญิงบางตัวเนาะ เรื่องนี้พี่จะได้ไม่ต้องห่วง”

“ถ้าไม่รู้เดี๋ยวผมอธิบายคร่าวๆ ให้ฟัง”

“งั้นดีเลย...”

“ไม่เป็นไรครับพี่ขวัญ ผมพอรู้อยู่แล้ว...ไม่ต้องรบกวนคุณชายหรอกครับ”

ให้วันศุกร์กัดลิ้นตายดีกว่ามานั่งฟังเสียงคุณชายทรงเพลิงอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ วันศุกร์ยังนอยด์คุณชายเขาอยู่ บอกตามตรงเลยว่าคงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะหายนอยด์ไปเอง

“โอเคจ้ะ งั้นตามนี้เนอะ เริ่มถ่ายกันเลยมั้ยคะ”

วันศุกร์เหลือบมองคุณชายทรงเพลิงที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ตรงข้ามก่อนจะหันไปพยักหน้าตอบรับพี่ขวัญ

คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวทำท่าจะเดินออกไปพร้อมๆ กับพี่ขวัญ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ข้อมือของตัวเองก็ถูกกุมไว้โดยใครบางคน

วันศุกร์หันไปมองคนที่รั้งเขาไว้ พอเห็นว่าเป็นใครก็ค่อยๆ บิดข้อมือออก แต่ก็ไม่ได้ผลหรอก คุณชายทรงเพลิงจับซะแน่นเชียว

“เสร็จแล้วรอก่อน เดี๋ยวผมไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้”

“คุณเป็นอะไร”

“เปล่านี่ครับ”

วันศุกร์ได้ยินเสียงหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงถอนหายใจเบาๆ คงเหลืออดเหลือทนกับเขาแล้วแน่ๆ วันศุกร์ภาวนาให้คุณชายปล่อยข้อมือเขาเร็วๆ สักที เพราะไม่อยากจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นานนัก

คนตัวขาวเหลือบมองมือหนาของอีกฝ่ายด้วยท่าทีนิ่งๆ แต่คงไม่นิ่งเท่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหรอก พอคนสูงกว่าเห็นแบบนั้นเลยค่อยๆ คลายมือออกจนกระทั่งข้อมือของวันศุกร์เป็นอิสระ

วันศุกร์รีบชักมือตัวเองกลับมา สัมผัสที่เย็นเฉียบ ความสากหน่อยๆ ตามแบบฉบับผู้ชายบนฝ่าของคุณชายเขาทำให้วันศุกร์หายใจไม่ทั่วท้อง

“กินยาหรือยัง” คนตัวสูงยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสแลคสีดำของเขา เปล่งเสียงทุ้มต่ำถามพร้อมกับใบหน้าไร้อารมณ์

คุณชายทรงเพลิงก็อยู่ในชุดทำงานชุดประจำนั่นแหละ เชิ้ตสีขาวกับเนกไทสีดำ แล้วทับด้วยสูทสีดำพอดีตัว เป็นชุดที่ใครๆ ใส่ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องดูดี

อือ คุณชายคนนี้ก็ดูดีเอาซะมากๆ ด้วย

“ผมสบายดีจะกินยาทำไมครับ”

“คุณบอกว่าคุณมีถ่ายฉากตอนที่ฝนตก ต้องไปตากฝนถูกมั้ย”

“ครับ”

ตอบไปสั้นๆ แบบนั้นเพราะยังเคืองไม่หายจริงๆ ก็ในเมื่อบอกให้วันศุกร์จัดการกับตัวเองไปแล้ว แล้วตอนนี้จะมาสนอกสนใจอะไรกันกับไอ้เเค่เรื่องกินยาหรือไม่กินยา

“วันศุกร์”

“น้องวันศุกร์คะ มาถ่ายได้แล้วค่ะ ทุกคนพร้อมแล้ว”

คุณชายทรงเพลิงที่ใช้เสียงแข็งๆ ทุ้มๆ ปรามเด็กดื้อก็ไม่สู้เสียงแหลมๆ ของพี่ขวัญได้หรอก และแน่นอนว่าวันศุกร์ต้องหันไปสนใจเสียงพี่ขวัญมากกว่าเสียงของคุณชายอยู่แล้ว

“เดี๋ยว”

“เฮ้ยคุณชาย! ปล่อยเลยนะ”

กำลังจะหันหน้าหนีแท้ๆ แต่ก็โดนคนตัวโตกว่ารั้งไว้อีกรอบ คราวนี้คุณชายทรงเพลิงไม่ได้จับข้อมือเหมือนตอนแรก แต่กลับรั้งไหล่ของวันศุกร์ไว้แล้วดึงเข้ามาประชิดกับอกกว้างๆ

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงล็อกวันศุกร์ด้วยการใช้แขนโอบร่างเล็กไว้มันเลยกลายเป็นว่าตอนนี้คนตัวขาวกำลังถูกแฟนเก่ากอดอยู่ ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่ยอมปล่อยด้วย

“วันศุกร์จ๊ะมาถ่ายได้แล้วนะ”

วันศุกร์รีบผลักอกของคุณชายทรงเพลิงออก คนตัวสูงเองก็ไม่ได้ดื้อรั้นที่จะกอดต่อและยอมปล่อยวันศุกร์ออกแต่โดยดี มันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่ขวัญเดินกลับเข้ามาในร้าน

โต๊ะที่นั่งอยู่มันอยู่ในมุมมืดด้านในสุดของร้าน โชคดีที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน วันศุกร์มั่นใจว่านอกจากเขาและคุณชายก็ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น

“ครับพี่ขวัญ”

“เฮ้ย เป็นอะไรทำไมหน้าแดงขนาดนี้”

“...เหรอครับ”

วันศุกร์ยกมือจับหน้าตัวเอง เขาไม่เห็นหรอกว่าหน้ามันแดงมากแค่ไหน รู้แต่ว่า...ตอนนี้ไม่กล้าหันหน้ากลับไปมองคุณชายตัวสูงคนนั้นแล้ว

“รบกวนคุณขวัญช่วยเอายาแก้หวัดกับยาแก้ปวดให้วันศุกร์กินด้วยครับ”

“ทำไมคะ วันศุกร์ไม่สบายเหรอ”

“เขาเพิ่งตากฝนมาครับ”

“อ้อ ได้ค่ะคุณชาย เดี๋ยวขวัญจัดการให้ค่ะ” พี่ขวัญยิ้มให้คนที่อยู่ข้างหลังวันศุกร์ เธอรีบเดินเข้ามาจับมือดาราดังคนนี้ให้เดินตามมาเอายาแล้วกินก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำรายการ

วันศุกร์ทำอะไรไม่ได้เลยเพราะตอนนี้เหมือนกับว่าสติเขามันหลุดไปตั้งแต่ถูกกอดแล้ว ฝ่ามือของเขาเปียกชุ่มเพราะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้มากๆ

จะว่ายังไงดี ระยะเวลาสั้นๆ ที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของคุณชายทรงเพลิง เขาอบอุ่น ปลอดภัย และสบายใจทั้งๆ ที่มันเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที

มันทำให้วันศุกร์เหมือนจะโหยหาความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว

ความรู้สึกที่อยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

“ตัวร้อนจริงๆ นะคะเนี่ยน้องวันศุกร์ ไปตากฝนที่ไหนมา”

“ที่กองถ่ายครับพี่ขวัญ”

“หือ ถ่ายละครกลางฝนเหรอ”

“ใช่ครับ”

“ลงทุนจริงๆ เลยนะพ่อคุณ กลัวเรตติ้งตกหรือไงถึงได้ทุ่มเทขนาดนี้ ระวังเป็นไข้จนรับงานไม่ได้นะคะ...อ่ะนี่ กินยาดักไปก่อนเลย”

วันศุกร์แกะยาออกจากพลาสติกที่ห่อยาไว้ก่อนจะจับเข้าปากแล้วดื่มน้ำตาม พอกินยาเสร็จก็ยิ้มบางๆ ให้พี่ขวัญที่ยืนกอดอกมองตัวเองอยู่

“คุณชายเพลิงดูท่าจะชอบวันศุกร์นะ”

“แค่กๆ” คนที่กำลังกรอกน้ำเข้าปากแทบสำลักออกมา ดีนะที่วันศุกร์ไม่ได้สำลักรุนแรงมากเลยสามารถกลืนทุกอย่างลงคอได้โดยไม่ปล่อยให้น้ำมันพุ่งออกจากปากซะก่อน

“ใจเย็นๆ นะคะ ค่อยๆ กินก็ได้พี่ไม่รีบขนาดนั้น” พี่ขวัญลูบหลังให้คนที่สำลักน้ำจนหน้าแดงก่ำ

เธอหัวเราะเบาๆ ก็เธอเอ็นดูพระเอกคนนี้เอาซะมากๆ ถึงแม้ว่าในละครจะรับบทพระเอกมาดแมนปกป้องน้องวรรณาที่เป็นนางเอกได้สมบทบาทมากแค่ไหนก็ตาม แต่ใครๆ ก็รู้ว่าตัวจริงของวันศุกร์นิสัยต่างจากในละครจะตาย

เป็นคนที่ดูเรียบร้อย นุ่มนิ่ม แต่ก็แอบมีมุมกวนๆ ขี้แกล้ง ที่เธอชอบที่สุดก็คงเป็นรอยยิ้มเขินๆ ของวันศุกร์นี่แหละ กระชากใจสาวทั้งประเทศไปเป็นที่เรียบร้อย

“ขอโทษครับพี่ขวัญ”

“อะไรกันคะ พี่พูดแค่นี้สำลักน้ำเลยเหรอ น่ารักจริงๆ”

“ผมตกใจนี่ครับ”

“แต่พี่พูดจริงๆ นะคะ”

วันศุกร์หยิบกระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะมาเช็ดปาก ตาใสๆ จ้องหน้าพี่ขวัญก่อนจะทำหน้ายู่เหมือนไม่ค่อยเชื่อที่อีกฝ่ายพูดเท่าไหร่

“ปกติคุณชายเคยมาบรีฟงานเองที่ไหน น้องวันศุกร์เป็นคนแรกเลยนะที่คุณชายมาดูงานถึงที่ แถมยังบอกให้พี่โทรบอกเราอีกต่างหากว่าถ้ามาสายก็ไม่เป็นไร”

“คงไม่หรอกมั้งครับ”

ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนั้นที่เขาสายยังทำเหมือนจะฆ่ากันให้ได้ แต่ตอนนี้กลับบอกว่ามาสายได้เนี่ยนะ

คุณชายเป็นไบโพลาร์หรือเปล่าวะเนี่ย

“จริงๆ นะคะ...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่ไม่ได้โกหกนะ” พี่ขวัญย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าทั้งหมดมันคือความจริง

วันศุกร์เลิ่กลั่กเพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงออกไป เขาแค่กำลังสับสนอยู่ว่าตอนนี้คุณชายทรงเพลิงกำลังต้องการอะไรกัน

อยู่ๆ ก็ทำเหมือนจะสนใจ เทคแคร์จนหวั่นไหว แต่ไปๆ มาๆ ก็เหมือนจะไม่สนใจ ไม่แคร์ไปซะดื้อๆ

เป็นแบบนี้ตามอารมณ์ไม่ทันหรอกนะคุณชาย

ถ้าจะครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ ก็ทำให้ชัดเจนสักอย่างไปเลยดีกว่ามั้ง






#หวนกลิ่นรัก

 


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 09.1- up28.6.62
«ตอบ #23 เมื่อ28-06-2019 08:54:32 »

09

 
เพราะว่าตอนมาถึงฟ้าก็มืดแล้ว กว่าจะถ่ายทำรายการของนิตยสารศิมาเสร็จก็เล่นซะห้างเกือบปิด

วันศุกร์โล่งใจที่วันนี้คนมาเดินห้างไม่เยอะ อาจเป็นจะเพราะว่าอยู่ในช่วงกลางเดือนและใกล้เดือนสุดท้ายของปีเข้าไปทุกที คนเลยไม่ค่อยนิยมเดินห้างเท่าไหร่ คงเก็บเงินไปเที่ยวช่วงปีใหม่ด้วยแหละมั้ง

นั่นมันก็ส่วนหนึ่งที่เขาโล่งใจ แต่ที่ไม่โล่งใจก็มี

“ขอบคุณมากนะคะน้องวันศุกร์ คลิปนี้พี่จะอัพลงยูทูบสิ้นเดือน ยังไงเราช่วยโปรโมตให้พี่ด้วยนะคะ”

“ได้เลยครับพี่ขวัญ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“คุณชายเพลิงไปส่งใช่มั้ย”

“...ครับ”

“โอเค พี่จะได้หายห่วง เดินทางปลอดภัยค่ะ”

วันศุกร์โน้มตัวขอบคุณพี่ขวัญอีกครั้ง ที่บอกว่าวันนี้คุณชายทรงเพลิงจะไปส่งน่ะเป็นเรื่องจริงที่วันศุกร์ไม่ต้องการเลยสักนิด

แต่จะให้ทำยังไงได้ ก็คุณชายเขาเล่นให้คนหิ้วถุงเสื้อผ้าที่สปอนเซอร์มอบให้วันศุกร์ขึ้นรถตัวเองไปหมดแล้ว ก็กลายเป็นว่าบังคับทางอ้อมนั่นแหละว่าคืนนี้เขาต้องกลับกับคุณชายเท่านั้น

วันศุกร์เป่าลมออกปากอย่างเหนื่อยๆ ถือว่าวันนี้ดีกว่าวันอื่นๆ ที่ไม่ต้องทำงานโต้รุ่ง แต่ก็เป็นอีกวันที่เขาไม่อยากจะกลับห้องไปพบเจอกับปัญหาที่มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเช้าและยังเคลียร์ไม่จบสักที

มันก็มีอยู่เรื่องเดียว พี่โมกับรถของเขาที่นานๆ ครั้งจะได้ใช้

คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์หนึ่งใบติดมือ ที่เหลือสัมภาระแค่นี้ก็เพราะว่าคุณชายเขาขนขึ้นรถหมดแล้ว วันศุกร์เดินตรงไปหาใครบางคนที่ยืนล้วงกระเป๋าหันหน้าเข้าประตูอัตโนมัติที่เชื่อมระหว่างห้างสรรพสินค้ากับลานจอดรถรออยู่แล้วตั้งแต่แรก

แผ่นหลังกว้างที่ใครเห็นคงอยากจะเข้าไปสวมกอดทำให้วันศุกร์เกิดรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมานิดหน่อย เขารู้ว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงดูแลตัวเองดีถึงได้มีร่างกายที่เพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้

ทั้งร่างสูง ตัวหนา ขายาว และความแข็งแรงกำยำสมกับที่เป็นผู้ชายนั่นแหละที่ทำให้วันศุกร์อยากมีบ้างเหมือนกัน

แต่ติดที่ตัวเองเป็นคนไม่มีความอดทนในการออกกำลังกายพอ ส่วนสูง 175 เซนติเมตรก็ไม่ได้เรียกว่าแย่ ติดแค่ไม่ได้ขายาวน่ามองเหมือนคุณชาย วันศุกร์ก็สูงนะ แต่พอไปยืนข้างหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเมื่อไหร่ก็กลายเป็นคนตัวเล็กไปซะงั้น

“ยืนนานๆ ไม่เมื่อยเหรอไงคุณชาย”

ถามเสร็จก็ยืนเม้มปากมองคุณชายตัวสูงหันตัวกลับมาสบตา ใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ของคนตรงหน้าไม่ได้แปลกใจที่จู่ๆ วันศุกร์ก็มายืนตรงนี้ไม่ให้สุ่มให้เสียง คุณชายทรงเพลิงแค่พยักหน้าตอบรับเบาๆ

วันศุกร์กำลังจะเบ้ปากให้ความนิ่งของคนตรงหน้าแต่ก็ต้องตกใจกับมือหนาที่ยื่นมาแตะหน้าผากของตัวเองซะก่อน คนตัวเล็กถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วรีบปัดแขนแข็งๆ ของคุณชายทรงเพลิงออกทันที ถลึงตาโตใส่อีกคนที่จู่ๆ ก็มาแตะเนื้อต้องตัวกัน

เขาไม่ได้หวงตัวอะไรขนาดนั้นนะ แต่คุณชายเนี่ยชอบทำให้ตกใจอยู่เรื่อย

“นี่คุณชาย จะทำอะไรอีกครับ”

“จะดูว่าตัวร้อนมั้ย”

“ไม่ร้อนครับ ปกติดี”

พูดจบก็ใช้หลังมืออังหน้าผากตัวเองแทน วันศุกร์มองค้อนคุณชายทรงเพลิงใหญ่เลย ตัวเขาเขาดูแลเองได้

วันนี้คุณชายก็ทำเกินเหตุไปแล้วด้วยจนวันศุกร์ต้องคอยระวังตัว ไหนจะตอบแชตด้วยถ้อยคำที่เหมือนไม่สนใจกัน แล้วก็มาทำเป็นสนใจกันทีหลัง ไหนจะฉวยโอกาสกอดเขาอีก ไว้ใจได้ที่ไหน

“จะกลับได้หรือยังคุณชาย ถ้าไม่กลับผมขออนุญาตขนของลงจากรถคุณชายแล้วกลับแท็กซี่เองนะครับ”

“คุณโกรธผมจริงๆ”

“ผมจะโกรธคุณชายทำไมล่ะครับ”

“เรื่องในแชต”

“ล้อเล่นขำๆ น่าคุณชาย ลืมๆ มันไปเถอะ”

“ผมขอโทษ”

“...”

วันศุกร์ชะงัก เงยหน้าสบตาคนที่สูงกว่าด้วยอาการที่เหมือนจะช็อกไปสักพัก อยากลองแคะหูตัวเองดูว่าเมื่อกี้ที่ได้ยินไม่ได้หูแว่วไปเอง แต่ประโยคที่ลอยเข้ามามันก็ชัดเจนเกินไป เพราะเสียงทุ้มๆ เข้มๆ แบบนั้นคงไม่ใช่เสียงของคนอื่นนอกจากหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง

“ผมผิดที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี”

“ผมรู้สึกไม่ดีตรงไหน ผมก็ปกติ แล้วผมก็บอกแล้วด้วยว่าเรื่องในแชตผมล้อเล่น”

“คุณโกรธ ไม่มองหน้าผม”

มันเหมือนปัญหาเด็กน้อยทะเลาะกัน แต่ถ้าย้อนกลับไปในตอนที่ยังคบกันอยู่คุณชายเขามักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่รู้ตัวว่าทำให้วันศุกร์โกรธ งอน หรือน้อยใจ เขาไม่เคยปล่อยปัญหาทิ้งไว้ข้ามวัน ตามง้อตามขอโทษด้วยความรู้สึกผิดที่แสดงออกมาอย่างจริงจังจนกว่าวันศุกร์จะหายรู้สึกไม่ดี

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงรู้ดีว่าวันศุกร์ขี้ตกใจ เสียงพลุ เสียงฟ้าร้อง หรืออะไรก็ตามที่มันดังน่ากลัวเกินไปก็ตัวสั่นเหมือนลูกหมาตกน้ำแล้ว เขายังนั่งโทษตัวเองอยู่เลยที่ตอบข้อความทำนองไม่แยแสไปแบบนั้นทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองอยากปลอบ อยากให้กำลังใจวันศุกร์มากแค่ไหน

“ตอนนี้ผมมองหน้าคุณชายอยู่นะ ไม่มีอะไรแล้วครับ”

ตอบไปแบบนั้นเพราะไม่ได้โกรธอะไรคุณชายจริงๆ วันศุกร์โกรธตัวเองนั่นแหละที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คนตัวเล็กยิ้มบางๆ ให้คนโตกว่า พอได้คุยกันแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจแล้ว ไม่ได้อึดอัดเหมือนตอนแรก

เพราะว่าวันศุกร์ผ่อนคลายลงล่ะมั้งคุณชายเขาเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหมุนตัวเดินเข้าในอาคารจอดรถ จังหวะก้าวเดินของคนสูงกว่าไม่ได้เร็วจนวันศุกร์ตามไม่ทัน แต่ค่อยๆ ก้าวด้วยจังหวะที่พอดี พอที่จะให้วันศุกร์เดินตามหลังไปได้ติดๆ

เพราะว่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงจอดรถไว้ตรงที่จอดรถวีไอพี เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงรถออดี้สีดำเงาแล้ว คุณชายปลดล็อกรถด้วยรีโมทก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับ เห็นแบบนั้นแล้ววันศุกร์เลยรีบวิ่งอ้อมหน้ารถไปเปิดประตูอีกฝั่งแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งพร้อมๆ กับเจ้าของรถ

วันศุกร์ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องระบบการทำงานของรถหรูราคาแพงเท่าไหร่ แต่ที่รู้มาก็คือรถระดับนี้มันมีระบบตั้งเวลาเปิดแอร์ก่อนจะใช้รถได้ คุณชายเขาคงทำแบบนั้นแหละ เพราะทันทีที่วันศุกร์เข้ามานั่งก็หนาวไปทั้งตัวเลย

ดึกก็ดึก ฝนก็ตก อากาศเย็นขนาดนี้แล้วไม่รู้จะรีบเปิดแอร์ไปทำไม

“ใส่ไว้”

“ขอบคุณครับ”

หลังจากที่สตาร์ทรถแล้วคนตัวสูงก็ขยับตัวถอดสูทหนาๆ ของตัวเองยื่นมาให้เขา พอวันศุกร์ยื่นมือไปรับสูทสีดำมาคลุมตัวไว้คุณชายเขาถึงได้เอื้อมมือไปเพิ่มอุณหภูมิแอร์

“ถ้าร้อนก็ไม่ได้ต้องเพิ่มหรอกครับ”

“คุณหนาวไม่ใช่เหรอ”

“สูทคุณชายตัวหนามาก พอคลายหนาวได้อยู่ครับ”

วันศุกร์ลืมไปว่าอีกฝ่ายขี้ร้อน ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษมาตั้งแต่เด็กจนโต พอกลับมาไทยเจออากาศร้อนๆ แบบนั้นเลยติดนิสัยเร่งแอร์ให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในรถนี่ก็เปิดแอร์ยี่สิบสององศาเอง คงเย็นสบายสำหรับคุณชายเขาแหละ แต่สำหรับวันศุกร์มันคือความหนาวจนมือแข็งแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของรถคันนี้ก็ยังจะเพิ่มแอร์อยู่ดี จากยี่สิบสองเป็นยี่สิบห้าองศา วันศุกร์แอบหันมองใบหน้าด้านข้างของคนตัวสูงในตอนที่คุณชายเขาเข้าเกียร์แล้วออกรถ ท่าทางนิ่งๆ ขี้เก๊กแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายประดิษฐ์มันขึ้นมา แต่เป็นบุคลิกจริงๆ ที่แก้ไม่ได้ต่างหาก

วันศุกร์เลือกที่จะนั่งนิ่งๆ แล้วมองทางข้างหน้าที่มีฝนโปรยปรายเบาๆ ทุกครั้งที่เวลาผ่านไปแต่ละวินาทีมีคำถามเกิดขึ้นในหัวอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกร็งเหมือนตอนที่เจอกันครั้งนั้นแล้ว แต่กราฟความสัมพันธ์ในมุมมองของวันศุกร์ก็ยังเป็นเส้นเหวี่ยงที่ไม่มั่นคงอยู่ดี

เหวี่ยงเพราะความย้อนแย้งของคุณชายเขานั่นแหละ เดี๋ยวดีด้วยเดี๋ยวร้ายใส่ งงจะตายแล้ว

“หิวมั้ย”

“เฉยๆ ครับ"

บทสนทนาสั้นๆ ทำให้ในเวลาต่อมาออดี้คันหรูเลี้ยวเข้าไดร์ฟทรู วันศุกร์ยิ้มเจื่อนเพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าถูกถามแบบนี้ต่อให้ตอบว่าไม่หิวไปยังไงคุณชายก็ต้องหามื้อดึกให้กินอยู่ดี

“คุณเอาอะไร”

“พายผักโขมครับ”

“อย่างเดียว?”

“ครับ ผมไม่ค่อยหิว”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงพยักหน้าก่อนจะลดกระจกสั่งเมนูที่วันศุกร์บอกมาสองชิ้น และยังมีเบอร์เกอร์หมูอีกสองชิ้น อือ...ของชวนอ้วนที่คุณชายชอบเลยแหละ

ในตอนที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหันหน้าไปจ่ายเงินกับแคชเชียร์วันศุกร์ก็แอบมองใบหน้าด้านข้างของคุณชายเขาไปด้วย มือหนาข้างซ้ายที่มีรอยเส้นเลือดขึ้นวางอยู่บนพวงมาลัยทำให้คุณชายที่หล่อเหลาอยู่แล้วดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

วันศุกร์สงสัยไม่หาย มันเป็นอีกเรื่องที่ค้างคาใจว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาในหัวใจของคุณชายไม่ได้มีใครครอบครองไปแล้วจริงๆ ใช่มั้ย

คนตัวเล็กกะพริบตาปริบๆ ตอนที่คุณชายยื่นของที่เพิ่งสั่งมาให้ก่อนจะขับรถออกจากช่องไดร์ฟทรู กลิ่นหอมๆ ของอาหารพวกนั้นแตะจมูกให้ท้องวันศุกร์ร้องเล่นๆ คนตัวเล็กเลือกที่จะหยิบเบอร์เกอร์หมูขึ้นมาแกะออกจากห่อแล้วยื่นไปให้คนที่ควักเงินจ่ายของกินมื้อนี้

แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเหลือบตามองแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ผมขับรถอยู่”

“ผมเห็นคุณชายขับรถมือเดียว อีกมือก็ว่างนี่นา”

“กินไม่ถนัดหรอก” หันไปจ้องหน้าตอบสั้นๆ แล้วก็หันไปมุ่งมั่นกับการขับรถต่อเหมือนเดิม วันศุกร์ถอนหายใจเบาๆ ไม่ลดละความพยายามที่จะยื่นเบอร์เกอร์ให้คุณชาย แต่คราวนี้ไม่ได้ยื่นไปที่มือ เปลี่ยนไปจ่อตรงระดับปากของคนตัวสูงแทน

“เดี๋ยวผมป้อนก็ได้...เห็นว่าคุณชายขับรถอยู่หรอกนะ”

แล้วก็ได้ผลจริงๆ นั่นแหละ เพราะพอพูดจบคนที่ขับรถอยู่ก็ก้มหน้าลงมางับเบอร์เกอร์เข้าปาก ตั้งหน้าตั้งตาเคี้ยวจนหมดแล้วก้มลงมากัดอีกคำสลับอยู่แบบนี้

“ไม่ร้อนเหรอครับ โห ควันลอยเลยนะเนี่ย”

วันศุกร์มองควันที่ลอยออกจากเบอร์เกอร์หมูหลังจากที่คุณชายกัดไปได้ไม่กี่คำ คนกำลังเคี้ยวอยู่ไม่ได้ตอบอะไร แต่วันศุกร์ก็รับรู้ได้ว่าคงร้อนมากๆ แต่คงไม่อยากบอกให้วันศุกร์ช่วยเป่า

จริงๆ เลยนะคุณชาย

“ไม่ได้ร้อนขนาดนั้น”

“ปากพองพอดีสิครับ เดี๋ยวผมเป่าให้”

หันไปแง้วๆ ใส่คุณชายเพราะดูยังไงก็ร้อนอยู่ดี วันศุกร์ค่อยๆ เป่าลมออกปากใส่เบอร์เกอร์ให้พอที่จะมีความอุ่นสำหรับกินได้ พอแน่ใจว่าคนข้างๆ จะไม่ปากพองเลยยื่นไปจ่อที่ปากคุณชายทรงเพลิงอีกครั้ง

“เป็นไงครับ ดีกว่าเมื่อกี้ใช่มั้ย”

“ครับ”

“ในรถไม่มีน้ำเลยเหรอเนี่ย...” ระหว่างที่รอให้หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเคี้ยวคำล่าสุดหมดปากวันศุกร์ก็เริ่มหันซ้ายหันขวาหาดูน้ำในรถ พอเจอก็เอี้ยวตัวไปข้างหลัง แต่เพราะว่าไม่ทันระวังเบอร์เกอร์ที่ถืออยู่ในมือเลยพลาดไปโดนแก้มคุณชายเข้าให้

“เฮ้ย! ขอโทษนะครับ”

มายองเนสเปื้อนแก้มคุณชายจนคนมองต้องกลั้นขำ วันศุกร์วางเบอร์เกอร์ลงบนถุงกระดาษที่อยู่บนตักก่อนจะเอื้อมมือหยิบทิชชูเปียกในกระเป๋าเป้ของตัวเองที่อยู่เบาะหลัง มันทุลักทุเลไปหน่อยนั่นแหละ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของวันศุกร์เลย

“โห กินเป็นเด็กเลยนะคุณชาย เปื้อนยันแก้ม”

“ทำดีๆ”

“โธ่ พูดเล่นไม่ได้เลยนะ...มาครับ เดี๋ยวเช็ดให้”

อยากจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปหน้าคุณชายตอนนี้เอาไว้จะตาย แต่ก็กลัวว่าจะถูกดุขึ้นมา

คนตัวเล็กค่อยๆ ปาดมายองเนสออกช้าๆ วันศุกร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพราะในรถมันมืดพอสมควร แอบยิ้มคนเดียวตอนที่เห็นไรหนวดบนคางกับสันกรามของคุณชายเขา คงยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์รอวันศุกร์ถ่ายรายการเสร็จจนดึกดื่น

“เห็นเลขหรือยัง”

“ครับ?”

“คุณถูจนหน้าผมขึ้นตัวเลขแล้ว”

วันศุกร์รีบถอยตัวออกห่างคุณชายเขาทันที ก็ไม่รู้ว่าเผลอเช็ดไปนานแค่ไหนคุณชายถึงได้พูดแบบนั้น คนตัวเล็กแอบยู่ปากในความมืด ก่อนจะก้มหน้าหยิบเบอร์เกอร์มาป้อนคนตัวโตให้หมดๆ ไปสักที

พอเสร็จแล้ววันศุกร์ก็เอี้ยวตัวไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนเบาะหลังมาเปิดให้คุณชายดื่มตามแล้วหันมาจัดการกับของกินของตัวเองบ้าง ตลอดทางพวกเขาอยู่ในความเงียบ ทั้งที่มันไม่ใช่ระยะทางที่ยาวไกล แต่การเดินทางครั้งนี้มันก็เนิ่นนานสำหรับวันศุกร์อยู่พอสมควร

อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าของออดี้คันนี้ไม่ได้ขับรถเร็วเพื่อให้ถึงที่หมายไวๆ ความเร็วที่สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงมันช้าจะตาย ถนนในกรุงเทพฯ ตอนนี้ก็โล่งเอาซะมากๆ รถคันที่ใช้ความเร็วมากกว่านี้ก็อยู่เลนขวากันหมด

วันศุกร์ไม่รู้เลยว่าคุณชายเขาจงใจขับช้าเพราะไม่อยากให้ถึงคอนโดตอนนี้ หรือว่าขับขี่ปลอดภัยไว้ก่อนกันแน่

“ปกติคุณชายมาดูงานเองแบบนี้ตลอดเลยเหรอครับ” เปิดปากถามออกไปเพราะจู่ๆ ก็นึกถึงคำของพี่ขวัญได้ เป็นถึงรองประธานจะส่งใครมาบรีฟงานดูงานแทนยังได้เลย

วันศุกร์ก็ไม่เคยเจอเจ้าของแบรนด์สินค้าเจ้าไหนลงทุนเท่ากับคุณชายเขาอีกแล้ว

“เปล่า”

“อ้าว...”

“ผมแค่ตามดูแลคุณเหมือนเมื่อก่อน”

คนได้ยินคำตอบหันหน้ามองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายเงียบๆ คำตอบแบบนั้นทำให้คนขี้สงสัยกระจ่างจนไม่ต้องถามอะไรต่อ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็แค่ตามดูแลเขาเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ

หัวใจดวงน้อยในอกเต้นแรงขึ้นกว่าเก่าในตอนที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหันหน้ามาสบตากันตอนที่รถติดไฟแดง วันศุกร์กะพริบตาเบาๆ ความรู้สึกเดิมมันย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่เจอหน้ากัน

“แล้วคุณชายไม่เหนื่อยเหรอ ถ้าเป็นผมผมเหนื่อยนะ”

“ไม่ครับ”

“ไม่จริงหรอก”

“ผมพูดจริง”

“...”

เสียงเข้มๆ ดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่สื่อให้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดคือเรื่องจริง วันศุกร์เม้มปากแน่นก่อนจะหันไปมองถนนข้างหน้า เขาหายใจเข้าลึกแล้วบอกตัวเองว่าไม่ต้องดีใจอะไรขนาดนั้นก็ได้

แต่หัวใจมันกลับไม่ฟังกันเลยสักนิด

“ถ้าชัดเจนไม่พอผมจะเปลี่ยน ต่อจากนี้คุณคอยดูเองแล้วกัน”

“ครับ ผมจะรอดู”

ในเมื่อคุณชายเลือกที่จะทำแบบนี้ สองปีที่ผ่านมา วันที่เขาบอกเลิกวันนั้น

มันก็ไม่มีความหมายแล้วจริงๆ






[มีต่อด้านล่างค่ะ]

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 09.2 - up28.6.62
«ตอบ #24 เมื่อ28-06-2019 08:55:06 »





 
ภายในรถออดี้คันเดิมเงียบสนิท หลังจากจอดเทียบฟุตบาธหน้าคอนโดของดาราดังซึ่งวันนี้นั่งอยู่ในรถของเขาด้วย ทรงเพลิงมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้หลับปุ๋ยไปแล้ว

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงปลดสายเบลท์ออกก่อนจะขยับไปมองคนตัวขาวที่ซุกตัวอยู่ในสูทตัวหนา เขากดปุ่มปรับเบาะให้เอนลงกว่าเดิมเพื่อให้วันศุกร์นอนสบายกว่านี้ คุณชายทรงเพลิงเท้าแขนกับพนักพิงของเบาะ มือหนาข้างซ้ายลูบผมนุ่มของวันศุกร์เบาๆ

เขาไม่เคยเหนื่อยกับการที่ต้องตามดูแลวันศุกร์

ถ้าความสุขของวันศุกร์คือการมีงาน มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของทุกคน

ความสุขก็เขาก็คงเป็นวันศุกร์ เป็นคนที่นอนหลับอยู่ตอนนี้

“วันศุกร์”

“...”

เสียงกระซิบเบาๆ ไม่ทำให้คนที่หลับตื่นขึ้นมาหรอกเขารู้ดี แต่ที่เรียกชื่อออกไปแบบนั้นแค่เพราะอยากเรียก

ข้อนิ้วหนาของคุณชายเกลี่ยแก้มนุ่มของคนที่หลับอยู่ไปมาเล่นๆ เขาเคยถนอมวันศุกร์ยังไงตอนนี้ก็ยังทำอย่างนั้น

คนที่เปราะบางแบบนี้ควรค่าแก่การให้เขาคอยดูแล นั่นคือความจริงที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยอมรับกับตัวเอง

เขายังรักวันศุกร์อยู่

คนที่ถูกบอกเลิกอย่างเขาควรจะโกรธหรือเกลียดไปเลยด้วยซ้ำ แต่คุณชายทรงเพลิงไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาเขารับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับวันศุกร์มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยปริปากเล่าให้ฟังเลยก็ตาม

เขายอมเลิกเพราะรักวันศุกร์มาก ยอมเลิกเพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย

และในตอนนั้นเขาก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวัน...

เขาจะเอาวันศุกร์คืนมา

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงค่อยๆ ขยับตัวเข้าใกล้คนที่หลับอยู่มากขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากแก้มขาวของวันศุกร์แค่ไม่กี่เซ็นต์

กลิ่นหอมอ่อนๆ จากคนตัวเล็กทำให้คุณชายทรงเพลิงกดจมูกลงบนแก้มนุ่ม มือหนาอีกข้างเลื่อนไปจับไหล่กลมของวันศุกร์ไว้เบาๆ ...หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้

ระหว่างที่ตักตวงความคิดถึงจากแก้มขาวๆ คุณชายก็ไม่รู้เลยว่าคนที่หลับอยู่รู้สึกตัวปรือตาขึ้นมาแล้ว วันศุกร์ที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะถูกรบกวนกะพริบตาเบาๆ ค่อยๆ หันหน้ามองคนที่กำลังคลอเคลียอยู่กับแก้มของตัวเองก่อนจะกลั้นหายใจไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าคนคนนั้นคือใคร

“เพลิง” คำเรียกเดิมๆ หลุดออกจากปาก และนั่นก็ทำให้เจ้าของชื่อชะงักไปเล็กน้อย

คุณชายทรงเพลิงผละใบหน้าออกก่อนจะสบตากับคนที่นอนตาแป๋วตรงหน้า

“ครับ”

มันเป็นเสียงทุ้มติดแหบที่ทำให้คนฟังร้อนวูบวาบ วันศุกร์เม้มปากเบาๆ ก่อนจะหันมองว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าเป็นหน้าคอนโดตัวเองก็ทำท่าจะยกตัวขึ้นแต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกมือหนากดไหล่เอาไว้

“ผมจะลงแล้วครับ”

“เดี๋ยวก่อน”

วันศุกร์ยกมือจับแขนแกร่งข้างที่กุมหัวไหล่ตัวเองไว้ ออกแรงดันเบาๆ เป็นเชิงบอกให้ปล่อยได้แล้วแต่ก็ไม่ได้ผล หนำซ้ำคุณชายเขายังโน้มหน้าลงมาใกล้จนแทบชิดกันอีก

หัวใจของวันศุกร์เต้นแรงจนน่ากลัว ก่อนหน้าที่เขาจะตื่นเกิดอะไรขึ้นไปแล้วบ้างก็ไม่รู้เลย รู้แต่ว่าตื่นมาก็ถูกหอมแก้มไปแล้วเต็มๆ

วันศุกร์กำลังจะอ้าปากถามคุณชายว่าถึงนานแล้วหรือยัง แต่คำถามพวกนั้นก็ถูกกลืนลงคอเมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวลงมาจูบ วันศุกร์เบิกตากว้าง มือที่จับแขนแข็งแรงอยู่ออกแรงบีบระบายความตกใจ จูบที่ไม่ได้ลุกล้ำแต่เป็นการขบเม้มริมฝีปากล่างเบาๆ ทำให้คนที่นอนอยู่เกร็งไปหมดทั้งตัว

วันศุกร์ค่อยๆ หลับตาลงตอนที่คุณชายทรงเพลิงขยับปากช้าๆ จูบอ้อยอิ่งแบบนั้นทำให้วันศุกร์แทบบ้า เหมือนคุณชายเขากำลังบอกความรู้สึกผ่านจูบนี้ว่าที่ผ่านมาต้องอดทนมากแค่ไหน เหมือนเป็นจูบที่เคล้าบทลงโทษไปด้วยที่วันศุกร์บอกเลิกกันในวันนั้น

เขายอมแล้ว ยอมแพ้ผู้ชายคนนี้

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงถอนริมฝีปากออก ย้ำจูบหนักๆ อีกครั้งบนกลีบปากบางก่อนจะสบตากับคนที่นอนนิ่ง ในหัวของวันศุกร์ว่างเปล่า เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าควรจะทำอะไรต่อจากนี้เลยได้แต่สบตากับคุณชายอยู่อย่างนั้น

เพราะหน้าที่การงานของวันศุกร์ทำให้เขาต้องจูบกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่รู้สึกพิเศษเท่ากับคนตรงหน้าเลยสักครั้ง

คนตัวเล็กเลิ่กลั่กเพราะถูกจ้องตาไม่กะพริบ แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้จริงๆ เพราะยังถูกกักตัวไว้แบบนี้ มือเล็กค่อยๆ ยกขึ้นแตะอกกว้างของคุณชายเบาๆ ออกแรงดันนิดหน่อยให้คุณชายเขารู้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยากอยู่ในท่าทางแบบนี้แล้ว

“ผมขอตัวก่อนนะครับ”

พูดจบได้เพียงแป๊บเดียวฝนที่ตกเบาๆ ในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นเทกระหน่ำลงมาจนน่ากลัว เสียงเม็ดฝนเม็ดใหญ่กระทบกับหลังคารถจนเกิดเสียงดังน่ากลัว วันศุกร์ที่ขี้ตกใจอยู่แล้วก็แทบผวา รีบยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างแล้วหลับตาปี๋

เมื่อกี้เขาเห็นฟ้าแลบด้วย เหมือนตอนที่ต้องออกไปเล่นซีนดราม่ากลางฝนเมื่อตอนบ่ายไม่มีผิด

“ไม่ต้องกลัว”

“คุณชาย เอารถขึ้นไปจอดใต้คอนโดก่อนดีกว่ามั้ย จอดตรงนี้อันตรายนะคุณ”

ถึงจะเคยลองสู้กับเสียงฝนและเสียงฟ้าร้องมาแล้วแต่วันศุกร์ก็ยังเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี ฝนตกหนักน่ากลัวแบบนี้เขาสู้ไม่ไหวหรอก ยังจำได้อยู่เลยว่าตอนที่กำลังถ่ายละครกลางฝนตัวเองน่ะขาสั่นมากแค่ไหน เขาเกือบจะจำบทไม่ได้เพราะเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ตามที่พี่ออยตะโกนบอก

“ครับ”

ตอบเบาๆ แล้วลูบผมปลอบคนที่ซุกหน้ากับอกเขาเพื่อหนีภาพฟ้าแลบเป็นช่วงๆ พอคุณชายทรงเพลิงจะผละตัวออกไปประจำที่นั่งของตัวเองก็ถูกมือเล็กๆ รั้งไหล่เอาไว้

วันศุกร์ขมวดคิ้วส่ายหน้า ไม่ยอมให้คุณชายออกห่างเพราะกลัวฟ้า แต่ก็อยากให้คุณชายเขาขับรถเข้าคอนโดเพราะไม่อยากเห็นฟ้าแลบอีกแล้ว

“ขอโทษนะครับคุณชาย ผมทำคุณชายลำบากไปด้วยเลย”

“ไม่เป็นไร”

“เดี๋ยวผมเอาสูทของคุณชายมาปิดหน้าไว้ก็ได้”

“ถ้ากลัวก็กอดผมไว้”

“...”

ใครจะกล้า

วันศุกร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่อาศัยช่วงที่ฝนตกในจังหวะสม่ำเสมอหยิบคีย์การ์ดสำหรับแตะเข้าคอนโดตรงป้อมยามออกจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นให้หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง คนตัวเล็กรีบดึงสูทขึ้นมาปิดหน้าปิดตาทันที ขดตัวเองอยู่ในสูทตัวหนาที่เป็นตัวแทนของคุณชายเขา

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงผละตัวออกจากวันศุกร์กลับมานั่งตรงที่ของตัวเองดีๆ อีกครั้ง เขาเคลื่อนรถเข้าคอนโดใหม่ของวันศุกร์ที่ไม่เคยขึ้นไปเหยียบมาก่อน

“จอดชั้นสี่นะครับ ข้างๆ รถผมเลย”

เสียงอู้อี้ดังออกมาทำเอาคนที่ประคองพวงมาลัยอยู่เหลือบมอง ทรงเพลิงไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอก แต่ทว่าพอขับรถขึ้นมาบนชั้นสี่กลับไม่เห็นรถของวันศุกร์จอดอยู่

“รถคุณอยู่ไหน”

เสียงฝนเบาลงแล้วเพราะอยู่ในอาคาร วันศุกร์โผล่หน้าออกมาจากสูทแล้วปรับเบาะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนจะชะเง้อคอมองหารถของตัวเอง ที่ที่จอดประจำคือจุดที่ใกล้กับลิฟต์ ซึ่งตอนนี้รถของคุณชายก็จอดอยู่ใกล้ๆ กับลิฟต์แต่กลับไม่เห็นรถฮอนด้าสักคัน

แล้วชั้นสี่ก็ไม่ค่อยมีรถมาจอดเท่าไหร่เพราะเป็นชั้นที่อยู่สูงและรถขึ้นยาก จะมีจอดจริงๆ ก็เป็นพวกรถที่เครื่องยนต์หนึ่งพันแปดร้อยขึ้นไปเท่านั้น

ซึ่งก็มีอยู่ไม่ถึงสิบคันในชั้นนี้

“คุณชายจอดตรงนี้เลยก็ได้ครับ”

ระหว่างที่ออดี้คันหรูกำลังถอยหลังเข้าซอง วันศุกร์ก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูไอจีของพี่โมว่าตอนนี้ได้เช็กอินอยู่ที่ไหนหรือเปล่า ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ พี่โมเอารถไปเที่ยวผับอีกแล้วทั้งๆ ที่เขาควรจะได้ใช้งานด้วยซ้ำ และก็คงจะปล่อยต้นน้ำไว้กับพี่เลี้ยงอีกตามเคย

คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาดังๆ จนคนที่เพิ่งจอดรถเสร็จหันมามอง คราวนี้คุณชายทรงเพลิงยื่นมือมาอังหน้าผากวันศุกร์ไว้โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ผลักไสแถมยังหันไปมองหน้าคุณชายเขาอีกต่างหาก

“เป็นอะไร”

“ไม่มีอะไรครับ คุณชายยังไม่รีบกลับใช่มั้ย ขึ้นไปบนห้องผมก่อนมั้ยครับ ฝนหยุดตกแล้วค่อยกลับ”

“ครับ”

หลังคำตอบสั้นๆ ดังขึ้นรถออดี้ก็ถูกดับเครื่องยนต์ วันศุกร์ลงจากรถพร้อมคุณชายแล้วรีบไปเปิดประตูหลังหยิบถุงเสื้อผ้าที่ได้จากสปอนเซอร์มาถือไว้เอง

“ผมช่วย”

“ไม่เป็นไรคุณชาย แค่ขับรถมาส่งก็ขอบคุณมากๆ แล้วครับ”

แต่ฟังกันที่ไหน สุดท้ายสัมภาระต่างๆ คุณชายก็ดึงไปถือเองแบบดื้อๆ วันศุกร์เลยต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่อยากยืนแย่งของกับเขาตรงนี้เท่าไหร่

และมันก็คงเป็นภาพที่ตลกน่าดูเลยแหละ ถ้าใครมาเห็นเข้าคงต้องต่อว่าวันศุกร์แน่ๆ ที่ใช้ให้รองประธานเจ้าของแบรนด์เชอรีอัลมาถือของแบบนี้ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์แท้ๆ

วันศุกร์เดินนำหน้าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงหนึ่งก้าวก่อนจะรีบวิ่งไปกดลิฟต์ให้เพราะกลัวว่าคุณชายจะต้องถือของรอลิฟต์นาน ไม่กี่วินาทีต่อมาลิฟต์ก็เปิดออก วันศุกร์แทรกตัวเข้าไปก่อนที่คุณชายจะตามเข้ามาติดๆ

“หนักก็บอกได้นะคุณชาย”

“ผมแข็งแรงกว่าคุณ”

“ใช่เวลาอวดความแข็งแรงมั้ยครับเนี่ย กะจะช่วยถือสักหน่อย”

วันศุกร์กอดสูทสีดำของคุณชายไว้อย่างนั้นแล้วหันไปเบะปากใส่คนขี้อวด ถึงจะกลับมาคุยแบบปกติกับคุณชายเขาได้แต่วันศุกร์ก็ไม่ลืมเรื่องในรถหรอกนะ ที่จู่ๆ ก็มาหอมแก้มมาจูบกันแบบนั้น

พอนึกถึงแก้มก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที คนตัวเล็กกลั้นยิ้มด้วยการเม้มปาก ยืนเก็บความอัดอั้นไว้อย่างนั้นจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นสิบสี่ วันศุกร์เดินออกจากลิฟต์โดยมีคุณชายเดินตามมาต้อยๆ

วันศุกร์หันมาช่วยถือของทั้งหมดจริงๆ ก็ตอนที่เข้ามาในห้องแล้ว คนตัวขาวเดินเอาของไปวางรวมกันไว้กับกองของขวัญวันเกิดที่ยังไม่ได้แกะ

“ห้องผมรกหน่อยนะครับ ยังไม่มีเวลาเคลียร์ของเลย” วันศุกร์บอกคุณชายที่ยืนอยู่ข้างๆ “คุณชายไปนั่งตรงนู้นก่อนครับ เดี๋ยวผมเอาน้ำไปให้ เปิดทีวีดูก็ได้นะครับ”

เพราะว่าอยากจะล้างหน้าล้างตาซะก่อนเลยบอกให้คุณชายไปนั่งรอแทนที่จะยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น วันศุกร์ยื่นสูทคืนหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก่อนที่คนตัวสูงจะเดินไปพักตรงโซฟาตามที่เขาบอก

คนตัวเล็กเทน้ำเย็นๆ ใส่แก้ว พร้อมกับหยิบโค้กกระป๋องในตู้เย็นออกมาเสิร์ฟด้วย วันศุกร์ส่งยิ้มบางๆ ให้คนตัวสูงก่อนจะเดินหนีไปล้างหน้าล้างตา

ฝนตกหนักขนาดนี้วันศุกร์คิดไว้แล้วว่าคงไม่ปล่อยให้คุณชายเขาขับรถกลับคอนโดตัวเองไปหรอก ยังไงทรงเพลิงก็ต้องค้างที่นี่

พอล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วก็เดินเข้าห้องไปดูชุดนอนตัวใหญ่ๆ ที่เคยได้จากสปอนเซอร์อีกเช่นกัน ปกติแล้วคุณชายมักจะใส่เสื้อไซส์ใหญ่เพราะมีช่วงไหล่ที่กว้างเอามากๆ ความจริงใส่ไซส์ L ก็ได้แหละ แต่มันจะพอดีตัวเกินไปเลยอัพเพิ่มไปให้อีกไซส์

เกิดเป็นคุณชายเขาก็ลำบากเรื่องเสื้อผ้าอยู่ประมาณหนึ่ง เพราะหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมีช่วงขาที่ยาวมากๆ ทำให้การซื้อกางเกงสำเร็จรูปมาใส่เป็นเรื่องยาก ส่วนไซส์พอดีกับเอวของคุณชายส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องขาลอย พอใส่ไปแล้วเหมือนบ้านคุณชายเขาน้ำท่วมแปลกๆ เลยต้องสั่งตัดกางเกงทุกครั้งเวลาอยากได้กางเกงใหม่

ก็นั่นแหละ วันศุกร์จำทุกเรื่องของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงได้ เพราะที่ผ่านมาเคยใช้ชีวิตร่วมกัน

แล้วเสื้อสำหรับใส่นอนไซส์ใหญ่จริงๆ ก็มีแค่เสื้อยืดไซส์ L พอดีตัวคุณชายเขานั่นแหละ ส่วนกางเกงวันศุกร์ก็หยิบตัวที่เป็นยางยืดขายาวมาให้


คนตัวเล็กเดินออกจากห้องแต่งตัวไปยังโซฟาตัวเดิมที่อยู่กลางห้อง แล้วก็ต้องอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนตัวโตนั่งสัปหงกอยู่หน้าทีวี

วันศุกร์ค่อยๆ ย่องไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าทรงเพลิง ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าในมือหนายังถือกระป๋องโค้กไม่ยอมปล่อยทั้งๆ ที่หลับไปแล้ว

เหนื่อยขนาดนี้ก็ยังจะตามดูแลกันอีกเหรอ

ก็อย่างที่บอก ถ้าเป็นเขาคงเหนื่อยจนเลิกสนใจไปแล้ว

แต่คุณชายก็ยังทำ

“คุณชายครับ...เข้าไปนอนในห้องดีกว่า”

“...”

คนที่เผลอหลับไปลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องหน้าวันศุกร์ที่ส่งยิ้มบางให้ คนตัวโตผงกหัวเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับวันศุกร์

“อาบน้ำก่อนมั้ยครับ หรือจะนอนเลย”

“คุณมีเสื้อผ้าให้ผมยืมมั้ย”

“นี่ครับ ผมเตรียมให้แล้ว แต่เสื้อมันค่อนข้างจะพอดีตัวไปหน่อย ผมไม่มีไซส์ใหญ่กว่านี้แล้ว”

“ผมใส่ได้”

คนตัวโตรับเสื้อผ้าจากมือของวันศุกร์ไปถือไว้แต่ก็ยังไม่เดินเข้าห้องไปสักที วันศุกร์เองก็เลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกเพราะถูกคุณชายเขาจ้องหน้าแบบนั้นอีกแล้ว

“ห้องผมอยู่ตรงนู้นนะ”

“วันศุกร์”

“อ่า ว่าไงครับ”

แล้วก็ต้องยืนตัวแข็งอีกครั้งเมื่อจู่ๆ คุณชายก็โน้มตัวลงมาจูบปากเบาๆ แม้จะไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนตอนที่อยู่ในรถแต่ก็พอจะทำให้วันศุกร์เกือบขาอ่อนไปเลย คุณชายทรงเพลิงย้ำจูบบนริมฝีปากอีกครั้งก่อนผละออก ต่างคนต่างสบตากันและกัน

ทุกอย่างมันมีความหมาย ไม่ว่าจะกี่วินาทีก็ตาม

“ถ้าทำแบบนี้อีกผมให้คุณชายนอนนอกห้องนะ”

“เอาสิ”

“นี่คุณ!”

ไม่ทันขาดคำก็ทำท่าจะโน้มตัวมาฉวยโอกาสกันอีกแล้ว แต่คราวนี้วันศุกร์หลบทันเลยฟาดเข้าที่แขนแกร่งแรงๆ หนึ่งที

“เข้าไปอาบน้ำเลย ดึกแล้ว”

พูดจบก็เดินหนีคุณชายไปพร้อมกับแก้มร้อนๆ คนตัวเล็กไปสงบจิตสงบใจในแพนทรี่เพราะไม่รู้จะไปหลบอยู่ตรงไหนแล้ว

แอบอมยิ้มคนเดียวเพราะความเจ้าเล่ห์ของคุณชายเขา เห็นนิ่งๆ แบบนั้นน่ะร้ายใช่เล่นจนวันศุกร์ตามไม่ทันเลยแหละ

วันศุกร์ยกมือลูบอกตัวเองเบาๆ ตอนที่กำลังรินน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม ความคิดวิ่งวนในหัวว่านี่ใช่มั้ยคือความชัดเจนที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงบอกให้เขาคอยดู

ถ้าใช่ ก็คงเป็นความชัดเจนที่แสดงออกมาได้ดีมากเลยแหละ






#หวนกลิ่นรัก




อย่าเพิ่งดุน้องนะคะทุกคน 555
ค่อยเป็นค่อยไป เหวี่ยงบ้างอะไรบ้างตามความสับสนของตัวละครนะคะ


 


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 10.1 - up28.6.62
«ตอบ #25 เมื่อ28-06-2019 08:57:32 »


10

เป็นเช้าวันธรรมดาอีกวันที่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไม่ได้ไปทำงานเพราะถูกหม่อมปนัดดาเรียกตัวให้กลับวังตั้งแต่เช้า ตอนแรกก็กะว่าจะอยู่บอกลาวันศุกร์ก่อน แต่เจ้าของห้องหลับลึกชนิดที่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเลยจูบลาที่แก้มเบาๆ กระซิบบอกคนตัวเล็กว่าเขาต้องไปแล้ว

เจ้าของร่างสูง 181 เซนติเมตรเดินออกจากห้องในชุดทำงานของเมื่อวานที่ถูกซักและรีดไว้แล้ว ทรงเพลิงเดาว่าตอนที่เขาหลับ วันศุกร์คงซักรีดให้เสร็จสรรพ เสื้อผ้าเขาถึงได้แขวนใหม่เอี่ยมอยู่ในตู้แบบนั้น

Ratha: ตามมาที่วัดเลยนะชายเพลิง
Ratha: คุณแม่ถามหาแต่เราคนเดียวแล้วนะ
Plerng: คนอื่นไปที่วัดกันหมดแล้วเหรอครับ
Ratha: จ้ะ ออกจากวังไปที่วัดกันหมดแล้วด้วย
Ratha: แต่ชายโปรดไม่มานะ
Plerng: ผมไม่ไปก็ได้ใช่มั้ยครับ
Ratha: ถ้าไม่อยากมาก็หาแฟนสิคะน้องชายเพลิง
Ratha: คุณแม่อนุโลมชายโปรดเพราะมีคู่หมั้นต้องดูแล
Ratha: ส่วนคนโสดอย่างชายเพลิงกับชายคุณก็ออกทริปกับคุณแม่เอานะจ๊ะ :)

มุมปากของคุณชายทรงเพลิงยกขึ้นเล็กน้อย เขาเดินไปตามทางเล็กๆ ในคอนโดตอนตีห้ากว่าๆ

มือขวาถือโทรศัพท์ก้มมองหน้าจอสลับกับทางข้างหน้า มือซ้ายล้วงกระเป๋าซึ่งถ้าใครเห็นคงคิดว่าคุณชายคนนี้กำลังเดินแบบอยู่ แต่จริงๆ มันคือท่าเดินปกติของเขา

Ratha: หรือจะรีเทิร์นกับดาราคนนั้นดีน้า
Ratha: คุณแม่ยิ่งชอบๆ อยู่ด้วย

แล้วความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ หม่อมปนัดดาจะไม่ให้หม่อมราชวงศ์รฐาโทรตามไปไหนมาไหนด้วยเลยถ้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว เห็นได้ชัดๆ ก็ทรงโปรดนั่นแหละ ที่พอมีคู่หมั้นก็แทบจะไม่ถูกเรียกให้กลับวังหรือออกไปไหนกับคุณแม่เท่าไหร่ เหลือแค่เขากับหม่อมราชวงศ์ทรงคุณที่ยังไปไหนไม่รอดสักที

Ratha: อยู่ไหนแล้วชายเพลิง คุณแม่ถามพี่รอบที่สิบแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบจากเราเลยนะ
Plerng: คอนโดครับ
Ratha: งั้นรอมั้ย ทางผ่านพอดีเดี๋ยวพี่แวะรับ ไปรถตู้ด้วยกันชายเพลิงจะได้ไม่ต้องขับรถ
Plerng: ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้อยู่คอนโดตัวเอง
Ratha: อ้าว แล้วอยู่คอนโดใครคะ
Plerng: ผมขับรถก่อนนะครับพี่ฐา
Ratha: เดี๋ยวนะชายเพลิง

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงรีบกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ทันทีตอนที่ลิฟต์เลื่อนลงมาถึงชั้นลานจอดรถ เขาเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามพี่สาวเพราะไม่รู้ว่าจะตอบยังไง มันไม่ใช่ความลับ แต่ก็ไม่ได้อยากบอกใคร

ถือเป็นการรักษาชื่อเสียงของวันศุกร์ด้วย

คนตัวสูงปลดล็อกประตูรถออดี้คันหรู และในตอนที่เขาดึงประตูรถเปิดออกจู่ๆ รถฮอนด้าซีวิคสีขาวมุกก็แล่นขึ้นมาจอดเทียบ ถึงจะไม่เคยเห็นรถของวันศุกร์มาก่อน แต่เพราะคนในรถที่ดูสติไม่เต็มร้อยกำลังถอยรถเข้าซองอยู่ทำให้เขามั่นใจว่านี่คือรถของวันศุกร์ที่หายไปเมื่อคืน

คนในรถก็ผู้จัดการของวันศุกร์

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงยืนมองคนที่สภาพไม่ต่างจากคนเมาลงจากรถด้วยสภาพอ้อแอ้ โมพยุงตัวเองโดยการจับประตูฝั่งคนขับไว้ ยืนก้มหน้านิ่งๆ สักพักก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปโดยที่ยังไม่ล็อกรถด้วยซ้ำ

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงมองตามผู้จัดการส่วนตัวคนนั้นจนลับตา กลิ่นเหล้าฟุ้งออกมาจากรถและจากตัวของผู้หญิงคนนั้นทำให้เขามั่นใจว่าคงเมาแน่ๆ

ขับรถกลับมาในสภาพนั้นได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

คนตัวสูงส่ายหน้าเบาๆ เขาทิ้งเรื่องผู้จัดการคนนั้นไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปในออดี้ของตัวเอง ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่งขับรถออกจากคอนโดไป



*****



 
“อันนี้เป็นกำไลแคล้วคลาดจ้ะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ทำงานเสี่ยงๆ จ้ะ”

“น่าซื้อไปให้ชายโปรดใส่ ช่วงนี้ยิ่งเดินทางบ่อยๆ อยู่ด้วย”

“ชายโปรดไม่ใส่หรอกค่ะคุณแม่ เชื่อเรื่องแบบนี้ซะที่ไหนล่ะคนนั้น”

“แต่สวยดีนะหญิงฐา สีหินวาวมากๆ แม่จับดูเนื้อดูละเอียดดีด้วยนะ เราสนใจมั้ย”

“ไม่เอาหรอกค่ะคุณแม่”

หม่อมราชวงศ์รฐาส่ายหน้าพัลวัน ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อเรื่องพวกนี้แต่เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใส่เลยปฏิเสธไป แต่มองๆ ดูแล้วกำไลหินที่วางขายอยู่หน้าโบสถ์ก็สวยอย่างที่คุณแม่พูดจริงๆ นั่นแหละ แถมราคาก็ไม่ได้แพงเลยสักนิด

“เราเอามั้ยชายคุณ เดินทางบ่อยเหมือนกันนี่”

พอลูกสาวคนโตไม่สนใจหม่อมปนัดดาก็หันไปถามลูกชายตัวโตที่ยืนอยู่ข้างๆ หม่อมราชวงศ์ทรงคุณส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มแหย หันไปพยักหน้าใส่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างหลัง

“เพลิงครับคุณแม่” พอโบ้ยให้น้องชายได้แล้วก็ดึงแขนของหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงให้มายืนข้างคุณแม่

หม่อมราชวงศ์ทรงคุณตบบ่าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเบาๆ คนที่สูง 181 เซนติเมตรทำหน้างงเพราะจู่ๆ ก็ถูกดึงให้มายืนอยู่หน้าตู้เครื่องราง

“ชายเพลิงชอบเส้นไหน เดี๋ยวแม่ซื้อให้”

“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมไม่ใส่ครับ”

“ไม่ใส่ได้ยังไง เดินทางบ่อยต้องมีติดตัวไว้นะคะ”

กำไลหินสีขาวที่ไม่ได้เข้ากับคนชอบสีดำอย่างคุณชายทรงเพลิงถูกหยิบออกจากตู้โชว์ หม่อมปนัดดายิ้มกว้างตอนที่หยิบกำไลหินเส้นนั้นมาถือไว้ ทาบลงบนข้อมือลูกชายแล้วหันไปตกลงซื้อกับคนขายทันที

“พี่เอาเส้นนี้ค่ะน้อง...ชายเพลิงใส่ไว้เลย”

ก็โดนบังคับซะขนาดนั้นแล้วหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเลยไม่อยากขัดใจคุณแม่ คนตัวสูงยอมสวมกำไลหินที่หม่อมปนัดดาเลือกให้เองกับมือท่ามกลางพี่ๆ ที่กำลังมองเขาแล้วหัวเราะเบาๆ ไปด้วย

“เส้นนี้หกพันสี่ร้อยบาทจ้ะ”

“ผมจ่ายเองครับ”

“ซื้อแล้วต้องใส่นะคะชายเพลิง ไม่ใช่เอาไปทิ้งไว้ที่อื่น” คุณแม่ย้ำในตอนที่ทรงเพลิงกำลังก้มหน้าหยิบแบงค์พันจากกระเป๋าสตางค์ คนถูกบังคับก็ได้แต่พยักหน้าส่งๆ ตามไปอย่างนั้นแหละ

เขาเป็นคนชอบใส่เครื่องประดับเช่นสร้อยข้อมือแบรนด์แนมหรือสร้อยคอก็จริง แต่ไม่ได้ชอบใส่กำไลหินที่เหมาะกับผู้หญิงแบบนี้ ยิ่งเป็นสีขาวด้วยอีก...เขาคิดไว้แล้วว่าถ้าไม่ได้อยู่กับคุณแม่ก็คงจะถอดทิ้งไว้ในห้อง

“หรือจะทิ้งไว้ที่ข้อมือคนรู้ใจก็ได้นะจ๊ะน้องชายเพลิง” หม่อมราชวงศ์รฐาชะโงกหน้าพูดแซวน้องชาย เพราะมีเธอที่รู้เรื่องอยู่คนเดียว พอคุณแม่กับหม่อมราชวงศ์ทรงคุณได้ยินแบบนั้นก็หันมองหน้าหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงทันที

“หือ คนรู้ใจ? นี่ชายเพลิงมีแฟนแล้วเหรอ ไม่เห็นพามาแนะนำให้แม่รู้จักเลย”

“...”

“เปล่าหรอกค่ะคุณแม่ ฐาก็แซวเล่นไปงั้น”

“ถ้ามีแล้วไม่บอกกันแม่โกรธนะ” หม่อมปนัดดาถลึงตามองคุณชายทรงเพลิงที่ถอนใจหายออกแรงๆ “ทั้งสองคนเลย ชายคุณชายเพลิง”

พูดทิ้งไว้แค่นั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่มีอะไรในใจอย่างทรงเพลิงสะเทือนได้หรอก มีแฟนมาแล้วตั้งหลายปีแต่ไม่เคยบอกให้คุณแม่รู้จนเลิกกันไปแล้วด้วยซ้ำ

“ปกติพี่ฐาไม่แซวหนักขนาดนี้ มีอะไรหรือเปล่าเพลิง”

ไล่หลังคุณแม่กับพี่สาวหม่อมราชวงศ์ทรงคุณก็ใช้ไหล่สะกิดหลังน้องชายเบาๆ แต่ก็ได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าจากคนตรงหน้าแทน

“แน่ใจ?”

“ครับ”

รู้ว่าคาดคั้นเอาอะไรจากน้องชายคนนี้มากไม่ได้หรอก หม่อมราชวงศ์ทรงคุณตบบ่าคนที่สูงไล่เลี่ยกันเบาๆ ตอนแรกเขาก็ไม่ทันสังเกตหรอกว่าในสายตาของทรงเพลิงมีอะไรแปลกไป แต่พอหม่อมราชวงศ์รฐาเริ่มแซวก็เหมือนเขาจะพอรู้แล้วแหละ

“งั้นพี่ไปก่อน ไม่อยากให้คุณแม่ตากแดดนานๆ ช่วงนี้ยิ่งพักผ่อนน้อยอยู่ด้วย”

“ทำไมถึงพักผ่อนน้อยล่ะครับ”

“ติดละครไง พรางรักพรางกรรมอะไรสักอย่าง”

เจ้าของร่างสูง 181 เซนหลุดยิ้ม ชื่อละครที่พี่ชายเขาพูดออกมาก็คือละครที่โด่งดังมากๆ ในตอนนี้นั่นแหละ ละครที่ทำให้เกิดฉายาวันศุกร์แห่งชาติ

“ได้ข่าวว่าไปคว้าตัวพระเอกเรื่องนี้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ครับพี่คุณ”

ทรงเพลิงอมยิ้ม เขามักจะเป็นแบบนี้ตลอดเวลาที่มีใครสักคนพูดถึงวันศุกร์

“ว่างๆ ก็ขอลายเซ็นมาให้คุณแม่หน่อย”

“ถ้าเขายอมให้นะครับ”

“ทำไมจะไม่ให้ล่ะ นี่ใคร หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเลยนะ”

คุณชายทรงเพลิงก้มหน้าหัวเราะ เขายังไม่รู้เลยว่าวันศุกร์จะยอมมาเจอหน้ากันอีกหรือเปล่าถ้านอกเหนือจากเรื่องงาน ก็เมื่อคืนเขาเล่นกอดอีกคนไม่ปล่อยซะขนาดนั้น

ดีแค่ไหนที่วันศุกร์ไม่ไล่ให้ออกไปนอนนอกห้อง

อือ แต่ยอมจริงๆ ว่าเขาแพ้วันศุกร์ตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากันจนกระทั่งตอนนี้ แพ้คนที่ตัวหอมๆ นุ่มๆ กอดอุ่นจนไม่อยากปล่อย

ที่ผ่านมาเขาพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเพราะสถานะแฟนเก่ามันค้ำคอ คิดไปเองด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านไปนานถึงสองปีวันศุกร์คงมองเขาเป็นแค่คนคนหนึ่งที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต คงหมดรักกันไปแล้ว

แต่พอได้เข้าใกล้ ได้สบตา เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าวันศุกร์ยังเหมือนเดิม

ก็เป็นเพราะแบบนี้ แล้วจะให้เขาปล่อยมือวันศุกร์ไปอีกได้ยังไง




[มีต่อด้านล่างค่ะ]

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 10.2 - up28.6.62
«ตอบ #26 เมื่อ28-06-2019 08:58:12 »







 
เป็นอีกวันที่วันศุกร์มาถ่ายโฆษณาให้เชอรีอัลโดยไร้เงาของผู้จัดการ เมื่อเช้าเขาถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ตอนที่เห็นสภาพเละเทะของพี่โมกับกลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งห้อง ไหนจะเศษซากที่พี่โมอาเจียนออกมาอีก

ไม่รู้ไปเมามาจากที่ไหน วันศุกร์เลยให้พี่โมพักผ่อน ทำเป็นลืมเรื่องที่ทะเลาะกันเมื่อวานไปสักแป๊บ

“วันศุกร์ค่อยๆ เดินไปนั่งแล้วทำเป็นเล่นเปียโนนะ มองกล้องแบบผ่อนคลายด้วย เอาสวยๆ เลยน้อง”

“สวยได้ไงครับพี่พนา ผมเป็นผู้ชายนะ”

“เออหน่า ให้ฟีลเหมือนอยู่บนสวรรค์แล้วเจอนางฟ้าเล่นเปียโนอ่ะ”

“พี่พนา”

“ล้อเล่นๆ เทวดาก็ได้”

วิดีโอโฆษณาชิ้นที่สามของวันนี้ต้องถ่ายในห้องสีขาว และโชว์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า

วันศุกร์รู้มาว่าอาทิตย์หน้าเขามีถ่ายโฆษณากับพลอยพิมพ์เป็นเครื่องสำอางชิ้นใหม่แกะกล่องของเชอรีอัลด้วย เป็นตัวท็อปที่คุณชายทรงเพลิงตั้งเป้าไว้ว่าต้องตีตลาดได้แน่นอน

ถึงจะเป็นการถ่ายโฆษณาที่อยู่นอกเหนือข้อตกลงในสัญญาจ้าง แต่คุณชายก็ยินดีจ่ายค่าตัวส่วนต่างให้วันศุกร์ด้วยจำนวนเงินที่เยอะกว่าเดิมตั้งสามเท่า

วันศุกร์ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องถ่ายงานนอกเหนือสัญญาอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณชายเขาเต็มใจจ่ายขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นโชคดีของวันศุกร์แล้วแหละที่เจอลูกค้าใจปล้ำ

“เจ๊จู มาเติมแป้งตรงจมูกหน่อยดิ ขึ้นกล้องแล้วมันแปลกๆ”

“จ้าาาาพ่อ”

เจ้าของสตูดิโอกับช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองคุยเล่นกันได้เหมือนเพื่อนเลยทำให้บรรยากาศในการทำงานของวันศุกร์ผ่อนคลาย

จริงๆ พี่พนาก็คุยเล่นกับคนในกองทุกคนนั่นแหละ

วันศุกร์ยื่นนิ่งๆ ให้เจ๊จูกับพี่ช่างแต่งหน้าอีกคนแต่งหน้าเพิ่มเติม

ตอนนี้วันศุกร์อยู่ในเชิ้ตกับกางเกงขาวล้วนเข้ากับคอนเซ็ปต์สเปรย์น้ำแร่ เขาต้องทำให้เฟรชที่สุดเท่าที่จะทำได้ วันศุกร์ต้องฝึกยิ้มบางๆ หน้ากระจกหลายครั้งกว่าจะยิ้มออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

“พร้อมแล้วเข้าฉากเลยน้อง เดี๋ยวไอ้คุณชายมันเข้ามาเจอจะหาว่าโอ้เอ้กัน”

“วันนี้คุณชายจะเข้ามาหรอครับ”

“ใช่ครับ...แน่ะ คิดถึงมันใช่มั้ยล่ะ”

“ผมจะไปคิดถึงเขาทำไมล่ะครับ”

“อ้าว ใครจะไปรู้ล่ะครับ”

วันศุกร์ส่ายหน้าก่อนจะเดินหนีคนที่ชอบล้อ ยืนทำสมาธิคนเดียวสักพักเสียงพี่พนาก็ดังขึ้น คนที่รับหน้าที่เป็นทั้งเจ้าของสตูดิโอ ช่างภาพ และผู้กำกับให้สัญญาณสำหรับการเริ่มถ่ายทำ

“ดี ค่อยๆ เดินไปครับ”

วันศุกร์ค่อยๆ ก้าวเท้าไปหาเปียโนตามที่พนาบรีฟไว้

ทุกการแสดงของวันศุกร์ราวกับเป็นมนต์สะกดให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ต้องชะงักเท้าแล้วหยุดมอง

ใช่ คนคนนั้นคือหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง คนตัวสูงเพิ่งฝ่าฝนที่โปรยลงมาอย่างหนักเข้าสตูดิโอมาเมื่อกี้ เขาตั้งใจมาดูผลงานของวันศุกร์เองกับตาทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดไว้แล้วว่าจะโดดงานไปเลยทั้งวัน

“ดีมากวันศุกร์ นุ่มมาก ช้อนตาหน่อย สุดยอด!”

คนตัวขาวที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเปียโนหันมาสบตากับกล้องแวบหนึ่งก่อนจะละสายตาแล้วมองมาที่เขา คุณชายทรงเพลิงยืนกอดอกมองวันศุกร์ด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือเปล่า

แล้วเสียงเปียโนก็ดังขึ้นในตอนที่วันศุกร์ละสายตาจากเขาไปแล้ว นิ้วสวยๆ บรรเลงอยู่บนแป้นของเปียโนด้วยความเคอะเขินแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ความสามารถพิเศษที่ไม่มีใครรู้ทำเอาพนาอ้าปากค้างด้วยความอึ้ง คิดไม่ถึงว่าวันศุกร์จะเล่นเปียโนเป็นด้วย

ยกเว้นหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงไว้หนึ่งคน เขารู้ดีอยู่แล้วว่าวันศุกร์เล่นเปียโนได้เพราะสอนมาเองกับมือ

“คัท! เฮ้ยเจ๋งมาก นี่พี่ไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าน้องเล่นเปียโนได้”

“เล่นได้แต่ไม่เก่งนะครับ”

“ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว ไปเรียนที่ไหนมา”

“เอ่อ...”

วันศุกร์อ้ำอึ้งกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วมองไปยังคนตัวสูงที่พักสะโพกกับขอบโต๊ะ พอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมาเหมือนกันเลยต้องรีบยกมือสวัสดี

“อ้อ...ไอ้นี่นี่เอง”

เพราะจู่ๆ ก็ยกมือไหว้ใครบางคนจากด้านหลังพนาเลยหันมองตามด้วยความสงสัย แต่พอเห็นว่าเป็นหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงเพื่อนของเขาก็หันขวับกลับมาแซวคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“นี่นัดกันไปเดตที่ไหนหรือเปล่า...”

“เปล่านะครับ”

“ฮั่นแน่”

วันศุกร์ส่ายหน้ายืนยันอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คนตัวเล็กอมยิ้มมองคุณชายที่ยังนั่งอยู่ในมุมมืดสลับกับมองพนาที่ไม่ยอมปล่อยตัวเขาสักที

“จริงๆ วันนี้ไอ้คุณชายมันไม่ได้เข้าบริษัทนะ น้องสาวพี่บอกมา แต่ไหงมาโผล่ที่นี่ได้วะ พี่ยังแปลกใจ”

“ก็มาดูงานไงครับ”

“ปกติมันไม่มาดูงานเลยเว้ยวันศุกร์ เราอ่ะเจ้าแรก”

“ถ้าอย่างนั้นเขาคงยังไม่ไว้ใจผมมั้งครับ”

“เพื่อนพี่ไว้ใจพรีเซ็นเตอร์ทุกคนอยู่แล้ว มันมาแบบนี้พี่ดูออกนะว่าไม่ได้มาเพราะเรื่องงาน”

“...”

“แต่ไอ้คุณชายมาเพราะน้องอ่ะ รู้ตัวเปล่า”

“มะ ไม่ใช่หรอกครับพี่พนา”

ถูกแซวแบบนั้นก็ทำเอาเขวเหมือนกัน วันศุกร์ยังไม่ลืมเรื่องเมื่อคืน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าคุณชายทรงเพลิงเอาซะเลย มันบอกไม่ถูกกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น

วันศุกร์ถามตัวเองหลายครั้งตั้งแต่ตื่นขึ้นมาว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใช่มั้ย

มันเหมือนย้อนกลับไปตอนที่ยังคบกันอยู่จริงๆ

“ไปดูมันหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวมันจะน้อยใจ”

“อะไรอ่ะครับพี่พนา”

วันศุกร์หน้างอเพราะยังถูกแซวไม่เลิก คำพูดของพนาอาจจะฟังดูธรรมดา แต่สายตากับสีหน้ากวนๆ นั่นน่ะ...วันศุกร์ไม่อยากมองเลย

พี่พนาเดินหนีไปแล้ว ตอนนี้คนในสตูดิโอก็แยกย้ายเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน วันศุกร์ที่ยังยืนอยู่ในฉากมองคนตัวสูงนิ่ง กำลังชั่งใจอยู่เหมือนกันว่าจะเดินไปหาดีมั้ย หรือจะเดินหนีเข้าห้องแต่งตัวไปเลย

แต่สุดท้ายสมองกับหัวใจก็สั่งให้สาวเท้าออกไปหาใครบางคนที่นั่งหลบอยู่ในมุมมืดๆ วันศุกร์กุมมือตัวเองอย่างประหม่า เขายังตื่นเต้นทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง

“เหนื่อยมั้ย”

“ไม่หรอกครับ สนุกดี”

ประโยคที่ถามตอนเจอหน้ากันทำให้วันศุกร์อยากรู้เหลือเกินว่าคุณชายเขาจะรู้สึกตื่นเต้นหรือประหม่าบ้างมั้ย

ก็คุณชายเขาเป็นธรรมชาติเอาซะมากๆ

ไม่เหมือนกับวันศุกร์ที่ต้องกักกลั้นความรู้สึกจนแทบจะกลั้นไม่ไหว

“คุณมีงานที่ไหนอีกมั้ย”

“อ่า...วันนี้ไม่มีแล้วครับ”

“ครับ”

วันศุกร์ยิ้มบางๆ วันนี้เขาไม่มีงานอะไรเลยนอกจากถ่ายโฆษณาในสตูดิโอ เพราะว่าต้องถ่ายหลายเซ็ตและถ่ายกันตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นอีกด้วย พี่โมเลยจะไม่ค่อยรับงานอื่นเวลาที่ต้องทำงานกับลูกค้าเจ้าใหญ่

“ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย”

“ที่ไหนอ่ะคุณชาย สองทุ่มร้านไม่ปิดหมดแล้วเหรอครับ”

“ที่ห้างไงครับ”

“คุณชาย แกล้งผมหรือเปล่าเนี่ย”

“งั้นคุณเลือกมา”

ใบหน้าผ่อนคลายของคุณชายเขาทำเอาวันศุกร์ยิ้มมุมปาก ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้ยิ้มแย้มอะไรแต่ก็ดีกว่าทำหน้านิ่งๆ ขรึมๆ ตั้งเยอะ

“คุณชายกินข้าวเย็นมาหรือยังล่ะครับ”

“ผมกินแล้ว กับที่บ้าน”

“ง่ะ แล้วจะมาชวนทำไม”

“คุณยังไม่ได้กินไง”

“อืมมม ผมลดน้ำ...”

“วันศุกร์ ถ้าจะลดน้ำหนักก็ลดให้ถูกวิธี ออกกำลังกายบ้างไม่ใช่อดอาหาร”

ก็รู้ว่าคุยเรื่องนี้ไม่ได้เพราะยังไงคุณชายเขาก็ยึดมั่นในการลดน้ำหนักแบบถูกวิธีอยู่แล้วแต่วันศุกร์ก็ยังเผลอหลุดปาก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกนอยด์ที่อีกฝ่ายทำน้ำเสียงดุๆ ใส่ แค่นี้ไม่สะทกสะท้านคนหัวดื้ออย่างวันศุกร์หรอก

“ถ้าผมถ่ายละครเสร็จแล้วสัญญาเลยว่าจะไม่ลดน้ำหนักแบบนี้อีกแล้ว”

“ไม่เห็นเกี่ยวกัน”

“เกี่ยวสิคุณชาย คาแร็กเตอร์คุณบดินทร์ต้องผอมแห้งนะครับ”

“พระเอกอะไรผอมแห้ง แบบนี้จะปกป้องนางเอกได้ยังไง”

“ปกป้องได้สิครับ ถึงคุณบดินทร์จะฐานะยากจนไม่มีเงินซื้อข้าวกินก็เลยผอม แต่เขามีหัวใจปกป้องน้องวรรณาเต็มร้อยที่สุดในโลกเลยนะครับ...”

หยุดพูดตอนที่เห็นว่าคุณชายเขากำลังเลิกคิ้วให้เหมือนกำลังตั้งใจฟังเด็กโม้แล้วต้องทำหน้าตาเหลือเชื่อตาม

“นี่คุณชายได้ดูละครที่ผมเล่นบ้างมั้ยเนี่ย”

“ผมไม่เคยดูละครของคุณสักเรื่อง”

“โห ที่บ้านคุณชายก็มีทีวี เปิดดูสักนิดไม่ได้เหรอครับ”

“ผมไม่ชอบดูละคร”

วันศุกร์รู้อยู่แล้วแต่ก็แกล้งถามเล่นไปงั้น แค่อยากกวนให้คุณชายรำคาญเล่นๆ

“เห็นพี่พนาบอกว่าวันนี้คุณไม่ได้ทำงานเหรอครับ แล้วไหงถึงมาที่นี่ได้”

“มาหาคุณไง”

“ตอบอ้อมๆ ก็ได้นะครับ”

“ทำไมต้องอ้อม”

“ก็กั๊กไง ให้ผมตื่นเต้นบ้างคิดไปเองบ้าง”

“เพราะคุณเป็นคนคิดมากเก่งไงผมเลยตรงไปตรงมา วันศุกร์ มันไม่ดีเหรอที่ผมแสดงออกว่ากำลังขอคุณคืนดี”

ถูกถามแบบนั้นวันศุกร์ถึงกับไปไม่เป็นพักใหญ่ เขาประมวลคำพูดที่คุณชายพูดเมื่อกี้ไม่ทันทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดเร็ว และย้ำชัดทุกคำ

คุณชายชัดเจนมากแล้ว ทุกอย่างเลย

“ขอคืนดีมันต้องใช้กับคนที่เป็นฝ่ายบอกเลิกไม่ใช่เหรอครับ”

“ถ้าให้รอ ผมต้องรอถึงเมื่อไหร่”

“...”

“คุณไม่ต้องคิดมากว่าใครเป็นฝ่ายบอกเลิก รู้แค่ว่าตอนนั้นผมไม่ยอมรั้งคุณไว้เอง ผมผิด”

“ไม่นะครับ คุณชายไม่ผิดเลย ผมเอง”

วันศุกร์ขมวดคิ้วแน่นส่ายหน้ารัวเพราะยังไงหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็ไม่ใช่คนที่ผิด จะว่ายังไงดี คนที่ยืนมองหน้าเขาด้วยสายตาที่ฉายความเสียใจในตอนนั้นจะผิดได้ยังไง

“ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เดี๋ยวมันจะดึกไปกว่านี้”

“อะไรกันคุณชาย ยังไม่เคลียร์เลย”

“เคลียร์แล้ว”

“คุณชาย”

“ครับ”

“นี่ไม่ได้จะมาแกล้งผมเล่นๆ ใช่มั้ย”

“หมายถึงเรื่องอะไร ถ้าเรื่องขอคืนดี…”

“...”

“ผมเอาจริง”

ก็รู้แล้วว่าเอาจริงแต่ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลยก็ได้ ยิ่งสีหน้าตอนที่คุณชายเขาตอบกลับมานั่นน่ะ เข้มขึง จริงใจ หนักแน่นซะจนวันศุกร์ขนลุกไปหมดแล้ว

คนตัวเล็กยืนเม้มปากตรงหน้าคนตัวสูงอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน อยากจะพูดอะไรสักอย่างกับคุณชายแต่ก็นึกไม่ออก

จนกระทั่งคุณชายเขาเอื้อมมือมาจับไหล่กลมๆ ของวันศุกร์ทั้งสองข้าง ก่อนจะออกแรงผลักไหล่เบาๆ ให้หมุนตัวหันหน้าไปที่ฉากอีกครั้ง

“ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”


“รีบเหรอคุณ”

“ผมรอคุณทั้งคืนได้ แต่ทีมงานเขาจะรอคุณด้วยมั้ย”

“ไปก็ได้ครับคุณชาย รอผมแป๊บหนึ่งนะ”

เอี้ยวตัวไปบอกอีกฝ่ายแบบนั้นแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินหนีเข้าห้องแต่งตัวไปด้วยความรู้สึกที่คงบอกใครต่อใครเป็นคำพูดไม่ได้

แค่แก้มมันร้อนๆ แล้วเหมือนจะต้องอมยิ้มกลั้นเขินตลอด เหมือนหัวใจมันจะระเบิดออกมา

แค่นั้นเอง



*****



 
วันศุกร์ขับรถมายังร้านกาแฟที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงตามหลังออดี้สีดำคันหรู จริงๆ คุณชายบอกให้จอดรถทิ้งไว้ที่สตูดิโอของพี่พนานั่นแหละ แต่วันศุกร์ก็รั้นอยากขับมาเอง คุณชายเขาเลยต้องยอม

คนตัวเล็กปล่อยให้คุณชายเดินเข้าไปในร้าน สั่งเครื่องดื่ม แล้วก็หาโต๊ะนั่งไปก่อน ซึ่งหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็เลือกมุมได้ไพรเวทมากๆ มันเป็นมุมมืด เงียบๆ ที่ไม่เป็นจุดสังเกตของคนอื่น

Plerng: ลงมาได้แล้ว
Friday: คุณชายอึดอัดมั้ย เปลี่ยนโต๊ะได้นะครับ
Plerng: ผมชอบตรงนี้
Plerng: หรือคุณจะเปลี่ยนก็ได้ ตามใจครับ
Friday: แง่ะ
Friday: ก็คุณชายชอบแล้วจะเปลี่ยนทำไมล่ะครับ
Plerng: ลงมาได้แล้ว เดี๋ยวน้ำชาหายร้อน
Friday: กำลังไปแล้วครับ

วันศุกร์รีบดับเครื่องยนต์แล้วเดินเข้าร้านท่ามกลางสายฝนที่ตกปรอยๆ โดยไม่มีหมวกหรือหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า

แต่ถึงอย่างนั้นคนในร้านที่นั่งอยู่ประปรายตามมุมต่างๆ ก็ไม่ได้สนใจคนที่มีออร่าเด่นมาแต่ไกลอย่างวันศุกร์เท่าไหร่นักหรอก บางคนเห็นก็แค่หันมายิ้มให้แล้วก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ อาจจะเพราะรู้ด้วยแหละมั้งว่านี่เป็นเวลาส่วนตัวของเขา

คนตัวเล็กที่ใบหน้าไร้เครื่องสำอางนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามหม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง พอเห็นเครื่องดื่มที่อยู่ในแก้วของคุณชายก็ถึงกับหลุดขำ

“ดึกป่านนี้ยังจะดื่มอเมริกาโน่อีกเหรอคุณ”

“ไม่รู้จะสั่งอะไรดี”

“ดื่มชากับผมมั้ย อร่อยนะคุณชาย”

พเยิดหน้าไปทางถ้วยน้ำชาที่ฝากคุณชายสั่งก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายก็ถูกคนตรงหน้าจ้องด้วยสายตานิ่งๆ กลับมาอีกแล้ว

“คุณควรกินข้าวมากกว่าดื่มแค่ชา มันไม่อยู่ท้อง”

“ขอวันเดียวนะครับ ถ้ากินของหนักๆ เข้าไปพรุ่งนี้ผมโดนพี่ออยดุแน่เลย”

เพราะว่าพรุ่งนี้มีคิวถ่ายละครยาวเหยียดไปถึงเช้าของอีกวัน วันศุกร์เลยไม่กล้าแม้แต่จะกินอะไรเลยสักนิดเพราะกลัวว่าหน้าจะบวม ก็ต้องรักษาคาแร็กเตอร์ของตัวละครไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อความสมจริงเลยลำบากแบบนี้

ทั้งทรมานทั้งมีความสุขไปพร้อมๆ กันเขาเลยไม่คิดอะไรมาก

“พนาส่งรูปคุณมาให้ผมเลือกหลายวันแล้วแต่ยังเลือกไม่ได้ คุณอยากเลือกเองมั้ย”

“ได้เหรอครับ”

“ได้”

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงพยักหน้าแล้วหยิบไอแพดที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นมาถือไว้ เปิดรูปภาพเซ็ตที่พนาส่งมาให้

คุณชายใช้สายตาเรียกให้วันศุกร์มานั่งข้างๆ ซึ่งก็ได้ผล คนตัวเล็กรีบขยับตัวมานั่งข้างเขาทันที

“โห ภาพสวยมากเลย”

“เลือกมาสี่ภาพ คุณชอบภาพไหน”

“ทุกภาพครับ”

“เอาดีๆ ครับ”

“...รูปนี้ก็ได้”

“ผมก็ชอบรูปนี้”

“สลับกันเลือกได้มั้ยครับ ผมเลือกเองหมดสี่รูปไม่ไหวหรอก”

คนที่ยืนขาแข็งถ่ายรูปเป็นร้อยๆ รูปมาทั้งวันแต่กลับต้องมาคัดให้เหลือแค่สี่รูปเหมือนจะตาลายไปชั่วขณะ วันศุกร์อยากได้ทุกรูปจริงๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ยังไงคุณชายเขาก็ต้องเลือกรูปเท่าที่ต้องไปใช้โปรโมต

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงติ๊กเลือกรูปที่ตัวเองชอบเงียบๆ ตามที่วันศุกร์ขอให้สลับกันเลือกคนละรูป

“อืมมมม”

“ค่อยๆ เลือกก็ได้”

“ผมกลัวคุณชายเมื่อยแขนนี่ครับ ให้ผมถือมั้ย”

“แขนคุณเล็กกว่าผม”

“เกี่ยวอะไรกับแขนเล็กกว่าครับ คนแขนใหญ่ๆ อย่างคุณชายเมื่อยไม่เป็นเหรอ”

หันไปทำเสียงแง้วๆ ใส่คนโตกว่าที่ดูแล้วจะอำนวยความสะดวกให้วันศุกร์มากเกินไปจนเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย

วันศุกร์เอื้อมมือไปหยิบไอแพดมาถือไว้เอง แล้วแทนที่คุณชายเขาจะปล่อยมือออกจากไอแพดแต่ก็เปล่าเลย มือหนาของคุณชายทรงเพลิงกลับเลื่อนมาประคองหลังมือของวันศุกร์เอาไว้

“ไม่เนียนนะคุณชาย” มองค้อนคุณชายเขาแล้วก็ยิ้มมุมปาก อยากจับมือกันก็บอกดีๆ ก็ได้นี่นา “ผมถือเองได้ครับ”

“คุณอยากถือก็ถือไป ผมก็จะถือด้วย”

“ไอแพดเครื่องแค่นี้จะถือทำไมตั้งสองคนล่ะครับ”

วันศุกร์ยู่ปากบ่นเบาๆ ดูเหมือนคุณชายทรงเพลิงคงไม่อยากเถียงกับเขาต่อแล้วเลยเลือกที่จะนั่งเงียบๆ และใช้สายตาจดจ่อกับการจ้องรูปภาพวันศุกร์บนหน้าจอไอแพด

ถึงตาที่คุณชายต้องเลือกภาพบ้างแล้ว ในตอนที่คนตัวสูงกำลังตั้งใจดูอยู่วันศุกร์ก็หันหน้าจอไอแพดไปทางคุณชายเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นชัดๆ มากกว่านี้

หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงใช้นิ้วจากมืออีกข้างเลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ ด้วยความสงสัย อยากรู้อยากเห็นว่าคุณชายเขาจะเลือกรูปไหนวันศุกร์เลยขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ คนตัวโตแล้วชะโงกหน้ามองหน้าจอไอแพดโดยไม่สนใจเลยว่าแก้มของตัวเองเกือบจะเฉียดกับปลายจมูกของคุณชายทรงเพลิงเพราะอีกฝ่ายหันหน้ามามองพอดี

ถึงแม้ว่าตอนนี้ควรจะเลือกภาพมากกว่าแต่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็ไม่สามารถโฟกัสสายตากับหน้าจอได้อีกต่อไปแล้ว เขาเหมือนคนโรคจิตที่อยากจะสูดกลิ่นหอมจากแก้มนิ่มของวันศุกร์มากกว่า อยากให้จมูกได้กลิ่นหอมๆ จากตัวของวันศุกร์ และอยากมองแต่ตัวจริงของวันศุกร์มากกว่ารูปในหน้าจอ

“คุณชายเลือกได้...”

เพราะว่านิ้วชี้เรียวสวยของคนตัวโตหยุดสัมผัสหน้าจอไปสักพักแล้ว วันศุกร์จึงถามพร้อมกับหันหน้ามามองบางคนที่นั่งอยู่ใกล้กัน แต่กลับต้องชะงักเพราะไม่คิดว่าจะใกล้กันมากขนาดนี้ ปลายจมูกของพวกเขาเฉียดกันเบาๆ ใบหน้าห่างกันแค่ไม่กี่เซ็นต์

หัวใจของวันศุกร์หยุดเต้นชั่วขณะก่อนที่มันจะกลับมาเต้นอีกครั้งและรุนแรงจนแทบระเบิด

สิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ทำให้วันศุกร์ถึงกับทำตัวไม่ถูก วันศุกร์รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดอยู่บริเวณเหนือริมฝีปาก เขากำลังถูกคุณชายสะกดให้จ้องอยู่แบบนี้แน่ๆ

วันศุกร์กะพริบตาเบาๆ ตอนที่สายตาคมกริบของคุณชายทรงเพลิงเลื่อนลงมองริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อนของตัวเอง แล้ววันศุกร์ก็เกร็งจนตัวสั่นเมื่อคุณชายเอียงหน้าน้อยๆ ก่อนขยับเข้ามาใกล้จนกระทั่งริมฝีปากสัมผัสกันแผ่วเบา

ถึงแม้จะไม่ได้ลุกล้ำเข้ามาแต่หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิงก็ทำให้คนตัวเล็กขนลุกและวูบวาบในท้องเพราะถูกคุณชายงับริมฝีปากบนเบาๆ สองครั้ง ก่อนจะผละออกแล้วหันไปสนใจหน้าจอไอแพดต่อโดยทิ้งให้วันศุกร์ค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น

หลังจากที่ถูกแกล้งโดยการจูบแล้วทำเป็นไม่สนใจวันศุกร์ก็หน้าเหวอ คนตัวเล็กกัดริมฝีปากเบาๆ ทั้งเขินทั้งอยากเอาคืนคุณชายเขาเดี๋ยวนั้นเลยด้วยซ้ำ

“ผมเลือกรูปนี้ หน้าคุณเอาเรื่องดี”

“คุณชาย! ลบไปเลยนะรูปนี้อ่ะ”

วันศุกร์ฟุบหน้าลงบนโต๊ะตอนที่เห็นรูปตัวเองกำลังหันหน้าจ้องใบหน้าด้านข้างของคุณชายทรงเพลิงผ่านหน้าจอไอแพด...อือ ถูกแล้ว รูปที่คุณชายเขาเลือกก็คือรูปที่อีกฝ่ายเพิ่งแอบถ่ายไปสดๆ ร้อนๆ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรูปงานเลย

“เดี๋ยวผมส่งรูปนี้ให้คุณก่อนแล้วค่อยลบ”

ดูเอาเหอะ :[







#หวนกลิ่นรัก









คุณชายรุกต่อไม่รอแล้วนะ







 


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 10 - up28.6.62
«ตอบ #27 เมื่อ28-06-2019 09:32:00 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 10 - up28.6.62
«ตอบ #28 เมื่อ28-06-2019 16:51:58 »

 :L1: :L1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { yaoi } • One and Only หวนกลิ่นรัก - 10 - up28.6.62
«ตอบ #29 เมื่อ28-06-2019 21:02:17 »

อ่านจุใจเลย พี่โมนี่สรุปเป็นคนยังไง ติดตามจ้า  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด