#เกิดเป็นสิงโตทะเล *จบ* (3/06/2019)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เกิดเป็นสิงโตทะเล *จบ* (3/06/2019)  (อ่าน 18784 ครั้ง)

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2020 18:40:01 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig2:
 :3123:

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
บทนำ


ใครว่าเกิดใหม่จะได้ทะลุไปโลกแฟนตาซี บ้างก็หวนอดีตไปสมัยย้อนยุค แล้วเหตุใดข้าจึงได้เกิดใหม่เป็นสิงโตทะเล !   

ใช่ !! เจ้าอ่านไม่ผิดหรอก ข้าเกิดใหม่เป็นสิงโตทะเลตั้งแต่ลืมตาดูโลก โผล่หัวมาอยู่ในยุคปัจจุบัน ตั้งถิ่นฐานอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวอย่างอควาเรียมเป็นต้น พวกเจ้ามนุษยหน้าโง่ทั้งหลายแหล่มักจะใช้สายตาเมียงมองมาทางเรา จับจ้องอิริยาบถการเคลื่อนไหวของพวกข้า หรือไม่ก็ข้าที่เพิ่งจะหย่านมมาหมาดๆ

ข้าเป็นสิงโตทะเลเพศผู้ เป็นญาติพี่น้องกับแมวน้ำ บ้างก็ถูกสับสนว่าพวกเรานั้นคล้ายคลึงกัน แต่สิ่งที่ต่างกันนั้นคือข้ามีหู ส่วนแมวน้ำนั้นไม่มีหู มีแค่รูเล็กๆ เท่านั้นให้ได้ยิน อีกทั้งตัวข้าเองก็สามารถใช้ครีบเดินได้ ยืนได้ดั่งมนุษย์ แตกต่างจากแมวน้ำอย่างสิ้นเชิงที่มีครีบขนาดเล็กแต่เล็บที่ยาวกว่าและอ่อนแอ อาศัยการเคลื่อนไหวบนบกโดยการกระดึ้บไปมาข้างหน้า

พวกเรานั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สามารถดำน้ำได้ถึงหนึ่งพันเมตร หายใจที่นั่นได้ถึงยี่สิบนาที และความเร็วในการว่ายน้ำอยู่ที่สี่สิบถึงหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

หากถามว่ารู้ได้ยังไง…

แน่นอน… ก็เจ้าพิธีกรมันบอกอยู่

สมัยก่อนข้าไม่เคยแทนตัวเองว่า ‘ข้า’ เช่นนี้หรอก แต่ภาษาเผ่าพันธุ์ทำให้ข้าเข้าใจและถูกปรับเปลี่ยน การใช้คำว่า ‘ผม’ หรือไม่ก็ ‘ฉัน’ จึงถูกท่านแม่ขู่คำรามอยู่บ่อยครั้ง หาว่าเปรียบเทียบตนเองเป็นดั่งมนุษย์ ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง พวกพี่ๆ สิงโตทะเลก็มักกรอกหูข้าอยู่เสมอ ว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์ที่แสนเชื่อง ให้อาหารและความอยู่เย็นสบายแก่พวกเราอย่างดิบดี ดั่งเป็นข้าทาสบริวารก็ไม่ปาน

หากแท้จริงนั้นข้ารู้ดีว่าพวกเราเป็นสัตว์ที่ถูกกักขัง วันๆ ได้แต่นอนกินนอนกิน ข้าเองก็แสนจะเบื่อหน่าย ไม่อยากจะลงไปว่ายน้ำเล่น หยอกล้อกับผู้คนเหมือนกับตัวอื่นๆ

ให้มาร้องอุ๋งๆ หดคอขึ้นลงเป็นการทักทาย….

ข้าไม่ทำหรอก !!

อ้อ ลืมไป พวกเจ้าอยากรู้เรื่องอดีตของข้าใช่ไหมล่ะ ? ฉะนั้นข้าจะเล่าให้ฟัง….

ข้าเคยเป็นหนุ่มหล่อที่มีสาวพัวพันตั้งมากมาย เป็นหนุ่มเพอร์เฟคมากความสามารถ การเงินเข้ามาไม่เคยขาด ถอนหายใจออกมาทีก็มีเงินร่วงหล่นอยู่ตรงหน้า

เปล่าหรอก… ข้าโกหก แท้จริงแล้วข้าเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาเท่านั้น ใช้ชีวิตเรียบง่าย วัน ๆ เอาแต่นั่งดูอนิเมะ เล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ค่อยเข้าสังคมใด ๆ ทั้งสิ้น ปากคอเราะร้าย มาตายตอนถูกรถชนเพราะไปช่วยคนแก่ที่กำลังข้ามถนน ไม่รู้ว่าดีหรือซวยจึงโดนผลักอีกทอดหนึ่ง รถที่จะชนทีแรกหยุดชะงักกลางคัน ส่วนข้าที่ถลาไปข้างหน้าจึงโดนรถอีกเลนกระแทกชนตาย…

เออดี… ชีวิตบัดซบสิ้นดี

มึงจะผลักกูมาทำมายยยยย !!

ไปๆ มาๆ ข้าจึงรู้สึกว่ามนุษย์นั้นมีนิสัยโง่งมเหมือนที่ตัวอื่นๆ มักกรอกหู

“อุ๋งๆ” เสียงเรียกทัก ขณะที่ข้ากำลังนอนงุดอยู่บนพื้น พลันชะโงกศีรษะดูบุคคลที่ย่างกรายเข้ามา

เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาภายในพร้อมกับครอบครัวหนึ่ง คาดว่าคงจ่ายเงินเพื่อให้อาหารแก่สิงโตทะเล โดยมีผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยคอยให้คำแนะนำ เว้นระยะห่างให้พวกเขาไม่ใกล้ชิดข้ามากจนเกินไป

อาจเพราะว่าตัวข้าค่อนข้างเล็กด้วยละมั้ง ในสายตาของพวกเขาจึงมองข้าว่าน่ารักน่าชัง

“แม่ครับ มันน่ารักจังเลยยย” เด็กคนนั้นเอ่ยชม ยิ้มโชว์ฟันน้ำนมที่เรียงสวย ซากปลาตายเริ่มโยนมาทางข้า ทั้งที่ตัวอื่นๆ ก็เรียกร้องความสนใจ รอรับประทานอาหารอย่างใจจดใจจ่อ

เหตุฉะไหนถึงเป็นข้า…

ข้าจะนอน ได้โปรดอย่ามายุ่งกับข้าเลย มันจะทำให้ตัวอื่นนึกหมั่นไส้ข้าตามไปด้วย
 
“อุ๋งๆ”

ปึก! เสียงแรงตกกระแทกพื้น

 “…” ข้าเงียบ เริ่มตงิดๆ เมื่อซากปลาตายมารวมอยู่ตรงหน้า

แบ่งปันให้ตัวอื่นๆ บ้างก็ได้

ข้าอิ่มแล้ว

ข้าไม่กินหรอก

ข้าได้แต่ส่ายหน้าเป็นการบอกใบ้

ทว่า…

“กินสิ”

“…”

“เอ้า!! กินเร็ว” เด็กน้อยโยนปลา เหวี่ยงมากระแทกโดนหัวของข้าเสียดังปึก!

ข้าพยายามไม่สนใจ แต่เจ้ามนุษยหน้าโง่ก็ยังโยนปลามาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย

พรึ่บ!!

ข้าลุกขึ้นยืน ใช้เท้าเขี่ยปลาด้านข้างทิ้ง ก่อนจะคลานมาทิศทางเบื้องหน้า ก้มลงดูปลาสลับไปที่เด็กชายขึ้นๆ ลงๆ เหมือนลังเล

เจ้ามนุษย์คล้ายดีอกดีใจที่เห็นปฏิกิริยา ส่วนข้านั้นจ้องด้วยแววตากลมโตใสแจ๋ว ลูกตาดำคงดูออดอ้อนน่ารักใคร่

“กินสิ”

ไม่…

ปึก!

ข้าเอาครีบสะบัดปลาทิ้งกระจุยกระจาย เล่นเอาผู้ดูแลและมนุษย์ที่เหลือตกตะลึงพรึงเพริด แต่ตัวข้านั้นไม่สาแก่ใจ ปัดเท้าด้านหน้าของตัวเองอย่างฉุนเฉียวดังพรึ่บพรั่บ ปลาที่เคยบดบังกระเด็นกระดอนไปคนละทาง

ข้าแหงนหน้ามองมนุษย์ที่เหงื่อตก ดูอึ้งทึ้งกับการกระทำของข้า

“ทะ ทำไมมันไม่กินล่ะ” อีกฝ่ายยังคงสงสัย

ข้าเริ่มโมโห ใช้ครีบทั้งสี่คลานไปทิศทางเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงร้องที่เล็กจิ๋วคล้ายคำราม

“อุ๋งงงงง!!”

ไม่แดก…

ก็บอกว่าไม่แดกไง!!!

“กรี๊ด!!!”

จะกินมึงนี่แหละอีเด็กเวร !!

พอกันที!!

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[1]



 

ข้าโดนท่านแม่กักบริเวณ…   

จริงๆ จะเรียกว่ากักบริเวณก็ไม่ถูก เพราะเสียยังไงก็ไม่สามารถไปไหนได้นอกจากที่นี่ เพียงแต่ข้าโดนทำโทษว่าไม่สามารถไปเล่นกับพวกพี่ๆ ตัวอื่นๆ ได้ก็เท่านั้น

ส่วนเหตุผลก็มีประการเดียว ข้าทำตัวก้าวร้าวไม่น่ารัก พุ่งกระโจนเข้าใส่เด็กมนุษย์จนกรีดร้องร่ำไห้ ครอบครัวพวกเขาต่างหวาดหวั่น แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องรีบอุ้มตัวข้าที่เกรี้ยวกราด ดีดดิ้นหวังจะเอาครีบตะปบหน้าเด็กตัวจ้อย อาหารที่อยู่ในมือนั้นเทกระจายเกลื่อนกลาด สิ่งมีชีวิตพุ่งเข้าใส่จนห้ามปรามกันแทบไม่ทัน ชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด

หลายวันถัดมาข้าได้ยินข่าวลือว่าจะมีมนุษย์คนใหม่มาดูแลพวกเราแทน คนคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสิงโตทะเล เห็นว่าได้เกียรตินิยมและหลงใหลอาชีพนี้ ทั้งที่สามารถต่อยอดไปทำอะไรที่ประสบผลสำเร็จตั้งมากมาย แต่กลับมาทำอาชีพที่เงินเดือนก็ไม่ได้มากโข อีกทั้งยังมีความสามารถสอนสัตว์เล่นการแสดง

อืม แต่ข้าไม่ทำหรอกนะ…

ที่ข้ารู้รายละเอียดมากขนาดนี้ได้ก็เพราะว่าผู้ดูแลเหมือนไม่ค่อยมีคนคุย เลยมาลงกับพวกเราที่ทำหน้าฉงน แตกต่างจากข้าที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน เลยเข้าใจภาษาทุกถ้อยคำอย่างถี่ถ้วน อีกฝ่ายให้เหตุผลที่ว่าแก่มากแล้วจึงต้องลาออก พี่ผู้หญิงอีกคนที่มีส่วนดูแลก็ดูดี๊ด๊าจนน่าตะปบหน้า ข้าเองยังนึกหมั่นไส้กับท่าทางสะดีดสะดิ้งเหล่านั้น ก็เพราะคนที่มาใหม่ทราบว่าเป็นหนุ่มหล่อเหลา

เอาจริงๆ ข้าไม่ค่อยจะชอบผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่นัก เธอมักจะไม่ค่อยเอ็นดูพวกเราเหมือนกับคุณลุงก่อนหน้านี้ ทำงานทีไรก็เหมือนขอไปที ทำความสะอาดก็ไม่ดีเท่ากับคุณลุง แถมยังพูดจาขวานผ่าซากไม่ให้เกียรติผู้สูงอายุอีกต่างหาก แววตาคล้ายดูหมิ่นพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสังเวช แตกต่างจากคุณลุงอย่างสิ้นเชิงที่มองพวกเราเป็นดั่งครอบครัว เล่าปัญหาชีวิตในแต่ละวัน บ้างก็เล่าเรื่องตลกที่พบเจอ แม้ตัวอื่นๆ จะไม่เข้าใจ

สัตว์ตัวอื่นๆ ต่างก็นินทาว่าผู้ดูแลไม่สมประกอบ แม้จะเป็นคนดีคนนึง

กึกกักๆ

อ้อ วันนี้เป็นวันแรกของผู้มาใหม่นี่นา ข้าได้ยินเสียงไขกุญแจที่บานประตูแล้ว พลอยให้สิงโตทะเลเริ่มคลานไปดักรอที่ทางเข้าเฉกเช่นทุกที

“เหวอออ!! วะ หวัดดีทุกคน” เสียงทุ้มดูตกใจ ก่อนจะแปรผันเป็นการทักทาย ข้าที่เพิ่งคลานออกมาจากที่นอน พลางชูคอขึ้นมองก็แทบจะหลุดปากร้องกับภาพเบื้องหน้า

โอ้ หล่อฉิบหายเลย รอยยิ้มนั้นดูเหมือนเทพบุตรมาจุติก็ไม่ปาน ข้าคิดว่าเป็นดาราซะอีก สมดั่งคำล่ำลือที่ยัยผู้หญิง ‘ลม’ พร่ำเพ้อนักหนา

ใบหน้าคมคาย คิ้วเข้มดกดำ ตาเรียวดูฉ่ำน้ำเปล่งประกายความอบอุ่น จมูกโด่งเป็นสันเขื่อน ริมฝีปากหยักสีชมพูระเรื่อ องค์ประกอบดูดีไร้ที่ติ สัดส่วนกำยำดูเหมาะสมกับการทำงาน ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน แม้จะไม่ได้ขาวกระจ่างใส ออกจะแทนคร้ามแดดดูดีมีภูมิฐาน

อืมๆ ดีมากเลย ข้าอนุมัติในการทำงาน จะเปิดใจให้ละกันนะ เพราะถ้อยคำแรกที่พูดออกมาก็ถือว่าให้เกียรติพวกข้าดี น่าจะเป็นมิตรกันได้อยู่

“หิวกันแล้วสินะ ขอโทษด้วยที่ให้รอ ผมชื่อ ‘ตี๋’ นับตั้งแต่นี้จะมาดูแลพวกเรานะ” คนหล่อพูดคนเดียว พร้อมแย้มยิ้มเป็นมิตร มือหนาลูบลงที่หัวของสิงโตทะเลตัวหนึ่ง

“โอ๊ะ ว่าไงเจ้าตัวเล็ก” หมอนั่นมองข้ามมาทางข้า ผลิรอยยิ้มสว่างไสว ข้าแทบจะเอาครีบมาบดบังความเจิดจรัสที่มอบมาให้

ตึกตัก ตึกตัก ดาเมจของเจ้าช่างรุนแรงนัก ขนาดตัวข้าเองเป็นเพศผู้ยังรู้สึกหวั่นไหว

ท่านแม่ช่วยข้าด้วย มนุษย์ผู้นี้ไม่ดีต่อจิตใจซะเลย…

ข้าหักลบคะแนนของเจ้าแล้วข้อหาหล่อเกินไป แถมยังมีหน้ามาตั้งฉายาข้าว่าเจ้าตัวเล็ก

อีกฝ่ายถือถังปลายื่นอาหารให้แก่สัตว์ตัวอื่นๆ สังเกตได้ว่ามนุษย์ผู้นี้ช่างใส่ใจยิ่งนัก แบ่งปันอาหารได้อย่างเท่าเทียม ก่อนจะเดินข้ามมาทางข้า ดันตัวอื่นๆ ที่บดบังทิศทาง ไม่วายพูดขออนุญาตในการข้ามผ่าน

“หวัดดีเจ้าตัวเล็ก”

พ่องมึงสิตัวเล็ก ควักออกมาดูกันได้นะไอ้เจ้าตัวโต

“หิวไหม”

“…” ข้าเงียบ สะบัดหน้าหยิ่งยโสไปด้านข้าง ไม่กล้าจดจ้องบุรุษตรงหน้า จิตใจของข้าช่างเปาะบางยิ่งนัก ข้าเลยกระเถิบตัวไปแอบอยู่ด้านหลังของท่านแม่

เจ้ามนุษย์หล่อที่ชื่อตี๋แอบยิ้มขำ หลุดเสียงหัวเราะดังพรืดทันทีที่ข้าผุดหัวออกมาด้านข้าง จับจ้องคนตัวโตที่ยื่นปลาให้ท่านแม่กิน ในขณะที่สายตาคู่นั้นกำลังพินิจมองข้าทุกวินาที เหมือนอีกฝ่ายจะสนใจอิริบถของข้ามาก ริมฝีหยักหยักหนาจึงเผยอขึ้นเอ่ยชม

“น่ารักจังเลยนะ”

เหอะ แน่นอน หลายๆ คนก็บอก ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็รู้ตัวดี

ข้ายอมบวกคะแนนเพิ่มที่หักไปก็ได้

“มานี่เร็ว กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ” คนตัวโตกวักมือเรียก ข้าที่ทำท่าไม่ปลอดภัยจึงจางลง กระเถิบตัวออกมาข้างหน้า พลันใช้ดวงตาเหลือบมองร่างสูงที่ยกยิ้มมุมปากคล้ายพึงพอใจ

“ฉลาดนะเราอะ”

“อุ๋ง” เห็นว่าชมหรอกนะข้าจึงขานรับ ริมฝีปากอ้ารับอาหารที่ยื่นมาตรงหน้า คราก่อนกว่าจะทำใจกินได้ช่างยากเย็น แต่พอกินไปนานๆ เข้าปลาพวกนี้ก็อร่อยดี

แจ็บๆ ใส่เข้าปากข้าอีกสิ ทำงานให้มันสมกับเงินเดือน

“เพิ่งหย่านมสินะ”

“…” ข้าไม่สนใจ อ้าปากรับปลาที่ยื่นมาให้กินเรื่อยๆ

“มีชื่อยังครับ”

“…”

“ชื่อเจ้าตัวเล็กไหม น่ารักดีนะ”

“…”

“ชอบไหมครับ”

หืม…

“ฮ่าๆ ชอบสินะ”

ข้าตอบตอนไหนไม่ทราบ ? เจ้าเป็นบ้าเหรอ ?

เอาเถอะ ข้าเข้าใจละ หมอนี่เป็นพวกปลีกวิเวก ไม่มีเพื่อนคบเหมือนกับคุณลุงก่อนหน้านี้

เฮือก!! ข้าถึงกับสะดุ้งโหยง จู่ๆ เจ้าตี๋ก็เอามือหนาเข้ามาสัมผัสตัวข้า ฝ่ามือลูบไล้ไปที่ศีรษะลากไปที่ลำตัว ความวูบไหวเกิดขึ้นในจิตใจ มาพร้อมกับความรู้สึกที่แล่นพล่านชวนวาบหวิว เป็นความรู้สึกที่ดีจนข้าแอบหลับตาพริ้ม หลุดเสียงครางเคลิบเคลิ้มกับการสัมผัส

“หึๆ” คนตัวโตหลุดหัวเราะ พลันให้ข้าได้สติ รีบเบิกตาขึ้น ใช้ครีบของตัวเองปัดแขนที่อยู่ข้างลำตัว

“ก้าวร้าวนะเราน่ะ” อีกฝ่ายติเตียน ส่วนข้านั้นไม่ยี่หระใดๆ

หากก้าวร้าวแล้วจะทำไมกัน เจ้ามนุษย์หน้าโง่จะต่อยกับข้าไหมล่ะ ?

ข้าทำได้นะ แข่งกันดำน้ำก่อนเป็นไง ใครตายก่อนในยี่สิบนาทีแรกถือว่าแพ้

“น้องตี๋ แทนที่จะรอพี่ลมก่อน เกิดมีอันตรายขึ้นมาจะทำยังไง” เสียงบีบเล็กของผู้มาใหม่ดังลอดขึ้น ท่าทางดูเป็นห่วงเป็นใยหนุ่มสุดหล่อ

ข้าที่มองอิริยาบถเช่นนั้นได้แต่เบะปากเป็นสระอิภายในใจ ใบหน้าของเธอแดงปลั่ง หัวเราะสดใสยามที่สัตว์ตัวอื่นๆ เข้ามารุมคลอเคลีย แต่แท้จริงนั้นหมายจะตะปบหญิงสาวรุมทึ้งกันระนาว

เจ้าตัวจะรู้บ้างไหม…

“เจ้าตัวเล็กนี้ยังไม่มีชื่อใช่ไหมครับ”

“ยังไม่มีค่ะ”

“…” ข้าเงียบ ในใจตั้งชื่อผู้หญิงที่ชื่อลม เป็น ‘หอยนางรม’ หมั่นไส้กับจริตจะก้านที่เข้ามาคุกเข่าข้างชายหนุ่ม กระทั่งตัวข้าถูกยกขึ้นกึ่งยืน ใต้ครีบถูกฝ่ามือของหญิงสาวโอบอุ้ม ข้าจึงหันไปถลึงตาใส่ยัยหอยนางรม

กล้าดียังไงมาสัมผัสข้ากัน คราก่อนเจ้าไม่เห็นนึกเอ็นดูข้าเช่นนี้เลย

ปล่อยข้านะ เชื้อโรคเสแสร้งมันจะติดตัวข้า !

“เจ้านี่ติดลมมากเลยค่ะ ค่อนข้างเชื่องด้วย”

ตอแหลม ! อย่าไปเชื่อหล่อนนะเจ้ามนุษย์หน้าโง่

“จริงเหรอครับ ?”

โอเค เจ้าโง่เง่าจริง ๆ ด้วย !

“ดูนี่นะคะ” ผู้หญิงตรงหน้าหันไปบอกชายหนุ่มให้จับตามอง ใบหน้าขาวผ่องเพราะรองพื้นผิดเบอร์พลันเขยิบเข้ามาใกล้ ปลายจมูกแตะลงที่สันจมูกของข้าที่กำลังหายใจฟืดฟาด

“เห็…”

งั่ม!!

เหมือนเสี้ยววินาทีหยุดชะงัก ฟันของข้าที่เพิ่งผุดได้ไม่นางกัดลงที่ปลายจมูกโด่งรั้นในทันใด ไม่ช้านานเสียงหวีดร้องก็ดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยเจ้าตี๋ที่สะดุ้งโหยงร้องเสียงเหวอชวนน่าขัน

“กะ กรี๊ดดดดดดดดด!! ปะ ปล่อยนะ กรี๊ดดด!! เจ็บ อ๊ากกก เจ็บ!!”

“คะ คุณลม!!” ตี๋ที่เพิ่งทำงานวันแรกมือไม้เป็นระวิง หน้าซีดเผือดรีบจับที่โพรงปากของข้า หวังจะแงะให้หลุดออกจากปลายจมูกของหญิงจอมปลอม

หึ่ยยย หมั่นไส้มานานแล้ว ยัยขี้เกียจตัวเป็นขน

งั่ม! ข้าเพิ่มแรงมากขึ้น ไม่ได้กะจะกัดจนเลือดไหลซิบด้วยซ้ำ  แค่กัดเพราะความมันเขี้ยวยัยหอยนางรมล้วนๆ

“ตะ ตัวเล็ก ปะ ปล่อยนะ” เจ้าตี๋แทบร้องวิงวอน สายตาหวั่นวิตกจนข้าอ่อนใจ เห็นว่าเป็นงานวันแรกเลยยอมผละจาก ทิ้งท้ายด้วยครีบข้างซ้ายตะปบลงที่ใบหน้าของหญิงสาวจนหน้าหันเสียงดังเพี๊ยะ!

นี่แน่ะ

ข้อหาตอแหล

“กรี๊ดดด!!” เสียงกรีดร้องไม่ยอมหยุด มือที่เคยโอบอุ้มจึงปล่อยตัวข้าให้ร่วงหล่นตรงพื้นเสียดังปึก!

โอ๊ยยย ข้าเจ็บนะ ! ยัยบ้า !

การตกกระแทกมันเจ็บมิใช่น้อย แม้ไม่ได้สูงมาก แต่การถูกจับให้ลุกขึ้นยืนและปล่อยลง มันทำให้ข้ารู้สึกจุกเสียดที่หน้าท้องเต็มไปหมด

อย่างน้อยข้าก็ยังเป็นเด็กอยู่นะ !! เห็นใจข้าด้วย !

“ไปรักษาแผลกันก่อนเถอะครับคุณลม” ตี๋ร้อนรน พลางประคองเธอให้ลุกขึ้นยืน ส่วนข้านั้นส่งเสียงร้องไม่พอใจ ความอวดครวญทำให้ชายหนุ่มนึกลังเล ตัดสินใจหันไปบอกหญิงสาวว่าให้รีบไปหาแพทย์ ส่วนตนเองนั้นก้มลงมาดูอาการของข้าแทน

หึๆ ดูไว้ซะยัยหอยนางรม เจ้านี่เลือกข้า มิใช่เจ้า…

นับตั้งแต่นี้ไปเราสองคนเป็นผัวเมียกัน

“เจ็บเหรอเจ้าตัวเล็ก”

“อุ๋ง~” ข้าครวญคราง แหงนหน้ามองหญิงสาวที่กุมจมูกอยู่ด้านหลังของชายหนุ่ม

แววตาของเธอวาวโรจน์เต็มไปด้วยโทสะ ส่วนข้านั้นใช้ปากแย้มยิ้ม นึกสะใจเต็มไปหมด พลันก้มลงไปถูไถที่แผงอกกำยำ ซุกตัวออดอ้อนคนหล่อเหลาที่แสนใจดี

อ่าห์ ~ ตัวหอมใช้ได้เลยนะ…

“อุ๋ง~”

“ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวพาออกไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย” เจ้ามนุษย์ตี๋รีบอุ้มข้าทันที แทบจะวิ่งผ่านบุคคลที่ยืนตกตะลึง

ข้าที่หันหน้าไปมองทางหญิงสาวยืดคอไปข้างหลังเต็มกำลัง ก่อนจะหดลงให้มีก้อนเนื้อเป็นชั้นๆ นึกร้องวั้ยๆ ภายในใจ ท่าทางไม่ต่างจากการเยาะเย้ยคนที่ยืนกุมมือตนเองแน่น หน้าแดงจัดเตรียมร้องกรี๊ด

 (สีหน้าเยาะเย้ย)

“อุ๋งๆ ~” แปลว่า สมน้ำหน้า

กระอักเลือดตายไปเลยสิ ผู้หญิงร้อยเล่มเกวียนหรือจะสู้สิงโตทะเลมารยาเปรียบดั่งมหาสมุทรเฉกเช่นข้า

“ไม่ร้องๆ”

เฮ้อออ ข้าอยากจะถอนหายใจนัก เจ้าตี๋ก็ดูซื่อบื้อซะเหลือเกิน ถือว่าประสมโรง ข้ายอมเพิ่มคะแนนให้อีกสามสิบแต้มก็ได้นะ หักไปสิบแต้มข้อหาโง่งมจนน่ารำคาญ

ข้าหลับตาพริ้ม ปล่อยให้คนร้อนรนพาไปหาแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการ ครั้นลืมตามาอีกทีก็ตอนที่เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอยู่เหนือหัว

“ร้ายนะเราอะ”

“…” ข้าแหงนหน้ามองอย่างแปลกใจ

อ่าว… สามีจอมปลอมดูออกหรือ ?

“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อเลย” คนหล่อพูดพลางยิ้มขำ ปลายนิ้วชี้จรดลงที่สันจมูกของข้า สัมผัสเบาบางแตะลงเพียงเสี้ยววินาที แต่ทำให้หัวใจของข้าสั่นโครมคราม

“ดื้อจริงๆ”

หืมมม เจ้าว่าข้าดื้อหรือ ?

ได้…

ข้าหักลบยี่สิบแต้ม !

เจ้ามนุษย์หน้าโง่ปัญญานิ่ม !

งั่ม !!

“โอ๊ย!! เจ้าตัวเล็ก”

กัดแขนแม่ม

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[2]


 

วันนี้ไม่ใช่เวรตารางให้อาหารของเจ้าตี๋ซะด้วย ยัยหอยนางรมเลยได้จังหวะมาลงที่ข้า และข้าก็เชื่อแล้วละว่ามนุษย์เพศหญิงนั้นมีแรงเคียดแค้นริษยา ขนาดกับสัตว์เองก็ยังไม่ละเว้น

“นี่แน่ะ! กินซะสิเจ้าแมวน้ำน่าโง่” ว่าพาลเขวี้ยงอาหารมากระทบลำตัวของข้า

ข้าได้แต่ส่ายหน้ากับการกระทำ พยายามสงบจิตสงบใจให้เย็นลง นอนฟุบลงกับพื้น สายตาเหลือบมองหญิงสาวที่หน้าแดงริ้วฉายแววความขุ่นเคืองอยู่วูบนึง

สติของหล่อนคงฟั่นเฟือนไปแล้วแน่ๆ ถึงได้สับสนระหว่างสิงโตทะเลกับแมวน้ำกันไม่ออก หากข้าเป็นคนผู้จัดการคงไล่ตะเพิดเป็นคนแรก

เฮ้อออ ข้าอยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากมาเสวนากับเจ้าหรอกนะ มาอิจฉาที่ข้าได้ใกล้ชิดกับเจ้าตี๋ เจ้าคิดว่าเราสองคนที่ต่างเผ่าพันธุ์จะสามารถมารักใคร่ผสมพันธุ์กันได้อย่างงั้นหรือ ?

สมมุติข้าเป็นตัวเมียจริงๆ ลูกข้าจะเกิดมาเป็นเช่นไร ? เป็นนางเงือกเหรอ ? หรือว่าจะเกิดมามีหัวเป็นสิงโตทะเล ในขณะที่ท่อนล่างเป็นคน มันน่าวิปลาสสิ้นดี แค่ฉุกคิดท่าร่วมรักก็ทำข้าคงลุกเกลียวไปทั่วลำตัว อยากจะร้องยี้ ~ ออกมาจากปากในทันที

อ๊ากกก แหวะๆ !  วิตถารๆ ! ข้าคิดเรื่องสัปดนแบบนี้ได้ยังไงกัน !

ข้าขย้อยของกินออกจากปากจนหลุดสำลักดังโครก ทำให้คนที่หมั่นไส้ในทีแรกหลุดหัวเราะพอใจ พร้อมกับคำพูดเหน็บแนมว่า “สมน้ำหน้า”

ข้าชำเลืองมองคนที่ยืนห่างออกไปจากตัวข้า ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวหวาดกลัวข้ามากแค่ไหน

ไม่ใช่ว่าโกรธที่ข้าทำหน้าตาเยาะเย้ยใช่หรือไม่ ? หรือโกรธที่ข้ากัดจมูกของเจ้ากันแน่ ทั้งที่จมูกเจ้าก็แบนเป็นทุนเดิม ตบก็แค่นิดๆ หน่อย แดงนิดเดียวแต่ไม่ถึงกับเลือดกบปาก

เนี่ย สำออย คนเขามองออกนะรู้ไหม

เหอะๆ ผู้ชายเพิ่งมาทำงานไม่กี่วัน เจ้าก็ระริกระรี้อยากมีผัวเสียเต็มประดา อีกฝ่ายยังไม่ทันรู้อุปนิสัยของเจ้าเลยด้วยซ้ำ มีแต่ข้าเนี่ยสิที่แทบจะโดนโอบอุ้มพูดคุยอยู่บ่อยครั้ง ผลโหวตมันก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าใครมีเสน่ห์แพรวพราวมากกว่ากัน

เฮ้อออ ไม่สวยก็เหนื่อยหน่อยนะ…

ฉุกคิดขึ้นมาได้ก็ชูคอขึ้นสูง ก่อนจะย่นคอให้มีรอยพับเป็นการเยาะเย้ย ขยับดิกซ้ายทีขวาทีนึกกวนประสาทยัยหอยนางรม

ปึก ! โอ๊ยยย ! ปลาถูกโยนมาอีกแล้ว !

“…” ข้าเงียบ ทั้งที่ภายในแอบกัดฟันดังกรอด สงสัยยัยนี่คงอยากโดนเหมือนเด็กในคราก่อน

ข้ากระเถิบหนีไปแอบอีกมุมหนึ่ง เพราะเกรงว่าอีกไม่นานคงตบะแตกได้ เรื่องวันก่อนที่ทำร้ายเธอไปก็โดนท่านแม่ทำโทษเป็นการใหญ่ ครั้งนี้จึงไม่อยากมีปัญหาใดๆ ตามมาอีก

ยุบหนอพองหนอ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

“เจ้าสัตว์ชั้นต่ำ!”

กึก !

หนอยยยย ยัยหอยนางรม!! ปากดีนักนะ ! รอได้จังหวะก่อนเถอะข้าจะจับตะปบตบหน้าเสียให้เข็ด ! ตอนนี้ท่านแม่อยู่ข้างๆ ข้าจึงทำอะไรได้ไม่ค่อยมาก แถมท่านแม่เองก็ไม่อยากมีปัญหากับเจ้าอีก จึงได้แต่ขู่คำรามก็เท่านั้น

อยู่ดีๆ กันไม่ชอบนักใช่ไหม !!

ข้าเสมองไปทางอื่น ในใจร้องหึ่ยๆ เป็นสิบกว่าครั้ง พ่นลมหายฟืดฟาดออกจากจมูก เหลือบมองเจ้ามนุษย์ที่ระบายอารมณ์เสร็จก็เดินไปอีกฝั่ง พลันหันมามองท่านแม่ก็เห็นก้มหน้านอนฟุบไปแล้ว ข้าจึงค่อยๆ ปลีกตัวออกมา ใช้ครีบกระเถิบตัวไปแอบอยู่ด้านหลังโขดหินอย่างรวดเร็ว โผล่หน้าออกมาทีก็เห็นยัยหอยนางรมกำลังเดินไปที่สระน้ำ โยนอาหารให้แก่สัตว์ตัวอื่นๆ ด้วยสีหน้าทะมึนตึง

หึๆ เคยว่ายน้ำไหม วันนี้แหละเจ้าได้ไปแหวกว่ายไม่ต่างจากสัตว์ !

ข้าที่เคยเป็นสัตว์ที่แสนเกียจคร้าน ยามนี้กลับรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด อาศัยท่าทีตอนที่อีกฝ่ายเผลอไผล พุ่งกระโจนเข้าหาแผ่นหลังที่กำลังยืนหันหน้าอยู่ริมน้ำในทันที

จงดำดิ่งไปซะ ยัยหอยนางรมใต้บาดาล !

พรึ่บ !!

“กรี๊ดดด!”

ตูมมม !

“อุ๋งๆๆ” ข้าที่โดดลงน้ำตามมาด้วย โผล่หัวออกมาหัวเราะสาแก่ใจ มองหญิงสาวที่รีบตะเกียกตะกายขึ้นจากฝั่ง เปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้า เส้นผมปรกหน้าปรกตาเหมือนหนังผีทะเลสยองขวัญ

ดวงตาของข้าพลันเหลือบไปเห็นคนเบื้องบนที่ทำสีหน้าทะมึนตึง ยืนกอดอกพร้อมกับรองเท้าที่ขยับขึ้นลงบนพื้นดังตุบๆ ก่อนจะรีบเดินมาทางข้าอย่างขึงขัง

อุ้ยตายมีคนเห็น…

ข้ารีบแหวกว่ายหันหลัง แสร้งทำเป็นไม่เห็นคนเมื่อครู่ พลางเล่นน้ำตีเปาะแปะกับสัตว์ตัวอื่นๆ ส่งเสียงร้องอุ๋งๆ คลอเคลียกับพวกเดียวกัน ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน

อุ้ยสระน้ำ อุ้ยความเย็นสบาย อุ้ยเพื่อนๆ หวัดดีๆ

“เจ้าตัวเล็ก”

ใครเรียกอะ ?

ข้าหมุนตัวหันไปมองอย่างฉงน ทำหน้าใสซื่อเป็นสัตว์ตัวจ้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ ทั้งสิ้น



หืม อ่าว เจ้าตี๋ หวัดดีๆ เจ้ามาดูแลตัวอื่นๆ ด้วยเหรอ ? มาตอนไหนกันไม่ทราบ

แต่ฉิบหาย… คุณแม่ตื่นมาดูเหตุการณ์ด้วย

“ไม่ต้องมาทำเนียนเลยนะ”

เนียนไรเหยอ ~

“…” ข้าทำตาแป๋ว สายตาเศร้าสร้อยเมื่อถูกดุ ปั้นสีหน้างงงวยเพราะท่านแม่กำลังจับจ้องตาเขม็ง

“ทำอะไรคุณลมเขา”

“อุ๋ง” เปล่านะ… เจ้ามาใส่ร้ายข้าชัดๆ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เจ้ามนุษย์เพศหญิงอาจคึกอยากเล่นน้ำขึ้นมาก็ได้

ข้าได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งที่หลักฐานก็คาตา ไม่อยากจะยอมรับในสิ่งที่ตนนั้นได้กระทำลงไป

ท่านแม่รู้เข้าต้องโดนทำโทษแน่ๆ ข้าไม่ยอมรับหรอกนะ ข้าขี้เกียจมาฟังท่านแม่ขู่คำราม…

 “เป็นเด็กขี้โกหกเหรอ อยากโดนทำโทษนักใช่ไหม ?” เจ้าตี๋กอดอก สีหน้าดูไม่พอใจในการบ่ายเบี่ยง

ข้ารีบหันหน้าไปแหวกว่ายเนิบนาบกับพวกพ้องที่กำลังเกาะกลุ่ม ชำเลืองตามองเจ้ามนุษย์สลับกับพวกพ้องเป็นการส่งซิก

นี่ไงๆ ข้าเล่นน้ำกับพวกตัวอื่นๆ อยู่เจ้าเห็นไหม ? อย่ามากล่าวหากันสิ

ทว่าเจ้าตี๋กลับส่งสายตาดุร้ายมากกว่าเก่า หายนะมาเยือนทันทีที่ยัยผีทะเลชี้นิ้วมาทางข้า เอ็ดตะโรดังลั่น

“เห็นไหมคะน้องตี๋ เจ้าสัตว์นี่มันร้ายกาจมากแค่ไหน ทำพี่ชัดๆ ! ตอนแรกมันยังกินปลาอยู่เลย จู่ๆ ก็มาผลักพี่ล้มลงน้ำ กล้ามาตีหน้าใสซื่ออีก !”

เหวออออ ใคร ? เจ้าว่าใคร ? แถวนี้มีคนถ่อยหยาบคายเช่นนั้นด้วยหรือ ?

คิดดังนั้นก็ใช้ครีบตีผิวน้ำ มองซ้ายแลขวา ทั้งๆ ที่ปลายนิ้วของเธอชี้มาทางข้า

ข้าอ้าปากเหวอ ทำหน้าเหมือนเด็กเอ๋อไม่เข้าใจ รีบเบี่ยงตัวหลบปลายนิ้วที่ชี้มาไม่หยุดหย่อน ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อท่านแม่กระโดดลงสระ พร้อมกับแหวกว่ายมาทางข้า ข้าก็รีบดำน้ำหนีในทันใด แต่มีหรือที่สัตว์ตัวเล็กอย่างข้าจะสามารถต่อกรกับท่านแม่ได้ สุดท้ายข้าก็ถูกกัดเข้าที่ต้นคอลากขึ้นมาบนชายฝั่ง ข้าในยามนี้จึงไม่ต่างจากลูกแมวที่ถูกแม่แมวลากไปมา

พรึ่บ ! ไม่ช้านานข้าก็ถูกปล่อยให้นั่งสงบเสงี่ยมบนพื้น ไม่กล้าที่จะสบตาท่านแม่เลยสักนิด นึกสลดอยู่ภายในใจ ส่งเสียงร้องครางในลำคออย่างเศร้าสร้อยให้นึกสงสาร จู่ๆ ก็ถูกมือหนาของคนด้านหลังขึ้นมาโอบอุ้ม พลิกตัวของข้าให้หันหน้ามาสบตา

แหมที่รักสายตาเร่าร้อนจังเลยนะ นั่นเพลิงแห่งรักหรือเพลิงโทสะกันแน่นะ และด้วยความที่ข้าปรับตัวเก่งจึงรีบเอาหัวถูไถกับแผงอกกำยำอย่างรวดเร็ว

ตะเองงง…

“ไม่ต้องมาอ้อนเลย” เสียงทุ้มดูอ่อนลงกว่าที่ผ่านมา ทว่าก็ยังแฝงด้วยความขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย

ข้ากระหยิ่มยิ้มเยาะ ไม่รู้ปากของข้าจะดูยิ้มออร้อในสายตาของคนหล่อบ้างหรือไม่ หากไม่ลองดูก็ไม่รู้เป็นแน่ จึงแย้มยิ้มสุดความสามารถ พลันยื่นครีบข้างขวาไปลูบสันกรามบนใบหน้าคมคายอย่างเบามือ ถูไถขึ้นลงเหมือนใช้น้ำเย็นเข้าลูบหวังให้คนอารมรณ์ร้อนได้ผ่อนผัน

เนี่ย ลงทุนอ้อนเลยนะ อย่าดุข้าเลย ข้ารู้แล้วละว่าท่านแม่อยู่ข้างเจ้า ฉะนั้นข้าจะใช้แผนการออเซาะเพื่อเรียกคะแนน

หึๆ ถ้าไม่ดุให้ร้อยหนึ่งเลยเอ้า ! สนไหมๆ !

“คิดว่าได้ผลเหรอ ?” เจ้าตี๋เม้มปากทีหนึ่งเหมือนจะกลั้นยิ้ม

ข้ารีบผงกหัวขึ้น ใช้ปากประทับลงบนแก้มนิ่มอย่างรวดเร็ว ผละออกมาไม่ทันไรก็เห็นคนที่ปั้นสีหน้าขรึมหลุดมาด รอยยิ้มกว้างดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อครู่

วุ้ยยยย ได้ผลโว้ย แต่แก้มของเจ้าดูแดงๆ ไปหน่อยนะ ข้ารู้ตัวว่าข้าก็ขี้อ้อนมาแต่ไหนแต่ไร

“รักตายเลยแบบนี้”

ตึกตัก !

ฉิบหายใจข้าเต้นรัว รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบแปลกๆ สายตายังคงจับจ้องคนเบื้องบนที่ฉาบรอยยิ้มดูอบอุ่น ซี่ฟันสีขาวกัดลงที่กลีบปากล่าง เสี้ยววินาทีก็ปล่อยออกให้คืนสภาพสู่ความนุ่มหยุ่น

“น่ารัก”

อ๊ากกก ! ร้ายกาจเกินไปแล้ว ! เจ้าจะมาทำท่าเซ็กซี่อ่อยกับสัตว์แบบนี้ไม่ได้นะ กล้าดียังไงมาใช้คำหวานๆ หรือว่าๆ… เจ้าเป็นพวกหลงใหลสัตว์หน้าตาน่ารักเฉกเช่นข้า

ไม่ได้ๆ ! เจ้าจะมาหว่านเสน่ห์กับผู้หญิงและเหล่าสรรพสัตว์แบบนี้ไม่ได้ !

ข้าดีดดิ้น  รู้สึกใจมันเต้นแรงเกินควบคุม ไม่กล้าช้อนตามองคนที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอีกต่อไป

เจ้าคนหน้าด้าน เจ้าคนไร้ยางอาย !

“เจ้าตัวเล็ก วะ เหวอ ! เดี๋ยวก็ได้ตกพื้นกันพอดี อย่าดิ้นสิครับ”

ข้าไม่สน ! นึกด่าในใจก็รีบออกแรงดิ้นหนักกว่าเก่า

คนตัวโตรีบกระชับลำตัวของข้าแน่น แรงดิ้นที่รุนแรงจนไม่สามารถจะต้านทานได้ สุดท้ายอีกฝ่ายก็รีบวิ่งมาทางสระ ประจวบเหมาะกับเวลาที่ตัวของข้าจะร่วงหล่น

ตูม !

เสียงน้ำสาดกระจายในครู่ต่อมา ข้ารีบว่ายดำดิ่งไปเบื้องลึกของสระ คาดหวังให้ความร้อนบนใบหน้าได้ทุเลาลง ขณะที่เบื้องบนมีเสียงก้องในหูไม่ชัดนัก ยิ่งข้าลงไปลึกมากเท่าไหร่ เสียงนั้นก็ยิ่งเจือจางลงเท่านั้น

อีกฝ่ายเรียกข้าด้วยน้ำเสียงร้อนรนดูเป็นห่วงเป็นใย แต่ตัวข้าเองคร้านเกินจะใส่ใจ สิ่งภายในยังคงรัวแรงจนน่าหวาดหวั่น

นี่ข้า… นี่ข้ากำลังตกหลุมรักเจ้ามนุษย์ชั้นต่ำอย่างงั้นหรือ !

“เจ้าตัวเล็ก”

บุ๋มๆ

ข้าส่ายหน้าไปมา พลางหลับหูหลับตาไม่ให้เห็นทัศนียภาพใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้แรงโน้มถ่วงค่อยๆ พาข้านั้นไปแนบลงกับพื้นดิน ครีบซ้ายและขวายังยกขึ้นมาปิดใบหู

หมอนี่อันตรายต่อขั้วหัวใจเกินไปแล้ว การดำรงวิถีสัตว์ของข้าก็จะผิดเพี้ยน ข้าจะไม่ได้ตกหลุมรักกับสิงโตทะเลเพศเมีย เราสองตัวจะไม่ได้ผสมเผ่าพันธุ์กัน แปรเปลี่ยนไปจมปรักรักใคร่กับมนุษย์เพศผู้แทนซะอย่างนั้น !

อ๊ากกก !! ผิดวิถีธรรมชาติ !

ข้าคิดเตลิดไปไกล หน้าท้องสัมผัสกับพื้นดิน การข่มตาแน่นจึงเปลี่ยนเป็นลืมตา มองน้ำสีฟ้าครามที่มีตัวอื่นๆ ต่างแหวกว่าย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงปึกๆ อย่างแรงอยู่ข้างซ้าย ข้าจึงหันไปมองตามต้นเสียง ดวงตาพลันเบิกโพลง ส่งเสียงกรีดร้องกับสิ่งที่เห็น ทำให้มีฟองน้ำตีตัวขึ้นออกจากปาก

สิ่งตรงหน้าคือใบหน้าที่แนบลงกับตู้กระจก มันบูดบี้จนเห็นโพรงจมูกและไรขน เนตรถลนจนตาเหลือก กลีบปากบนและล่างแนบกับตู้เหมือนจะเข้ามากลืนกินข้าไม่ต่างจากสัตว์ประหลาด เผยให้เห็นเหงือกและไรฟันอันน่าขนลุก ลมหายใจหืดหาดเหมือนพวกวิปริต คลับคล้ายคลับคลาไม่ต่างจากปลาปักเป้าที่พองตัว

อ๊ากกกก !! น่ากลัว ผีทะเล ผีทะเล !!

ข้าส่ายหน้าตกตลึงพรึงเพริด รีบดีดตัวว่ายหนีด้วยความหวาดกลัว

 

“ฮ่าๆ มึงเห็นลูกสิงโตทะเลนั่นปะ” ชายหนุ่มที่เอาหน้าแนบกระจกเมื่อครู่หลุดหัวเราะร่า ชี้นิ้วไปที่สัตว์ตัวเล็กที่กำลังว่ายหนีอย่างหวาดหวั่น จุดนี้จะเป็นจุดที่ทำให้เห็นสัตว์ที่กำลังแหวกว่ายกันไปมาใต้ผืนน้ำ

พวกเขาต่างเห็นสัตว์ที่ปล่อยตัวเองนั้นเอ้อระเหยในสระ มันนอนแนบกับพื้นพลางข่มตาหลับ ไม่ช้านานก็ลืมตาขึ้น พวกเขาจึงลองเคาะเรียกให้มันหันมาสนใจ แต่ผลตอบรับที่ได้มาคือใบหน้าแสนตลกของลูกสิงโตทะเลที่กำลังตกใจ ปากของมันเผยอออกกว้างเหมือนจะร้องกรี๊ด ส่วนหัวส่ายไปมาไร้ทิศทาง ฟองน้ำพวยพุ่งออกจากปากดูน่าขบขัน ไม่ทันไรก็รีบว่ายหนีอย่างรวดเร็ว

คนที่กดอัดคลิปในเหตุการณ์เอาไว้ได้ทัน ขำน้ำตาเล็ดจนต้องลอบปาดผ่านปลายนิ้ว ไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ ที่หัวเราะขำมีความสุข เพียงเพราะสีหน้าที่ชวนขบขันของสัตว์ตัวจ้อย

สิงโตทะเลเป็นสัตว์ตลกหรือไงกัน

มือกดแชร์คลิปที่อัดไว้ในเฟซบุ๊ก ตั้งค่าสาธารณะเพื่อเผยแพร่ ไม่เกินห้านาทีก็ถูกแชร์กันจ้าละหวั่น

‘ดูสีหน้าของมันสิ ฮ่าๆๆ’

‘น้องงงง <3’

‘โอ๊ยยยย น่ารักกก’

‘เหมือนมันจะตกใจนะคะ ฮ่าๆๆๆ ตลกชะมัด’

ลูกสิงโตทะเลกลายเป็นที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน…

ปัจจุบันลูกสิงโตทะเลกำลังตัวสั่นผงก นอนแนบชิดข้างกายผู้เป็นแม่ ภาพปีศาจยังตราตึงอยู่ในความทรงจำ หลับไม่ลงเข้าสู่ห้วงนิทรา

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[3]


 

จะมีการแสดงละครสัตว์เกิดขึ้น…

“ช่วยฝึกมันได้ใช่ไหมตี๋ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กของลูกมันเป็นกระแสมาก”

ข้าอ้าปากค้าง ทีแรกตกใจที่เจ้าของสวนสัตว์เป็นพ่อของเจ้าตี๋ไม่พอ แต่ตกใจยิ่งกว่าคือการที่ข้าจะถูกนำจับไปขึ้นการแสดง…

ไม่นะ ! ข้าไม่พอใจสุดๆ เจ้าสองตัวพ่อลูกช่วยฟังรับความคิดเห็นของข้าด้วย !!!

ไอ้การแสดงบ้าๆ ที่ข้าเคยพบเห็นในตอนยังเด็ก จับสิงโตทะเลว่ายน้ำขึ้นบก เอาลูกบอลมาวางที่ปลายจมูกขณะเดิน โยนบอลขึ้นแล้วรับ โยกหัวเต้นไปมา พลางเอามือตบแปะๆ เรียกเสียงหัวเราะจากท่านผู้ชม แถมยังต้องควงฮูล่าฮูปที่ต้นคอเพื่อเต้นตามเพลงอีกต่างหาก

บอกเลย…

ข้าไม่ทำหรอกนะ !!

ใครอยากจะทำก็ทำไป ! ว่างมากนักก็รับบทบาทเป็นสัตว์เองเลยสิไอ้จั๊ดง่าว !!!

“ได้ครับพ่อ”

โว้ยยยยย !! ถามกู… ถามกูด้วย !! กรี๊ดดดด ! ข้าอยากจะกรีดร้องให้สาวแตก รีบกระเถิบตัวไปหาคนทั้งสองที่พูดคุยอยู่ในถิ่นของข้า มีแค่เจ้ามนุษย์พ่อลูกเท่านั้นที่ปรึกษาหาลือกัน แต่ได้โปรดฟังข้า…ฟังข้าด้วย !!!

“อุ๋งๆ” ข้าส่งเสียงร้อง สะบัดหน้าไปซ้ายทีขวาทีเป็นการปฏิเสธ

ไม่ทำ ข้าไม่ทำหรอกนะ ! ทำไมไม่ลองให้ตัวอื่นขึ้นการแสดงเองซะล่ะ ! ฉุกคิดขึ้นมาได้ก็รีบคลานไปหาเจ้าลูกสิงโตทะเลตัวนึง แม้อีกฝ่ายจะอายุมากกว่าข้า แต่ข้าก็ใช้เรี่ยวแรงลากเพื่อนเผ่าพันธุ์ที่กำลังหลับอุตุให้เป็นหนูทดลองมาแทนที่ งับต้นคอลากมาหาเจ้ามนุษย์ พลันเหวี่ยงโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี

ปึก !

ข้าแหงนหน้ามองเจ้าพ่อลูกที่ก้มลงมามองอย่างฉงน กระทั่งข้ายกครีบข้างขวาขึ้นมา จิ้มไปที่เหยื่อผู้สังเวย

เอามันไป ข้าให้ เอามันไปแทนข้าซะสิ…

“เจ้านี่ฉลาดมาก” ชายผู้สูงอายุกอดอก เหยียดยิ้มมองข้าคล้ายพึงพอใจ

แต่ไม่ ข้าไม่อยากได้รับคำชมเช่นนั้น ! ข้าจึงหันไปมองเจ้ามนุษย์ที่เคยทำให้ข้าหวั่นไหว คาดหวังให้อีกฝ่ายได้ช่วยเหลือ…

“ผมว่าเจ้าตัวเล็กอยากโยนขี้ให้เพื่อนมากกว่าครับ” เจ้าตี๋พูดพลางหลุดหัวเราะ

บ้าาา เจ้าก็กล่าวหาเกินจริง ข้าปฏิเสธบ่ายเบี่ยง ก่อนจะยื่นหน้าไปถูไถกับต้นขาของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน

ข้าฉลาดเกินจะแสดง ข้าอยากนอนอยู่เฉยๆ เท่านั้น แต่เพราะการออเซาะนี่แหละ ส่งผลให้ข้าได้รับคำตอบที่ไม่น่าพอใจเป็นอย่างมาก

“ดี ดีมาก เอาเจ้าตัวเล็กนี่แหละขึ้นแสดง พ่อมั่นใจว่าทุกคนต้องหลงรักมัน!”

ม่ายยยยย !! อีโง่ อีพวกโง่ !!

“อุ๋งงงง!!” ข้ากรีดร้อง สะบัดหน้าเป็นพัลวัน นอนไปเกลือกกลิ้งกับพื้นเรียบ พร้อมส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ท่าทางไม่ต่างจากสัตว์ที่ติดพิษสุนัขบ้า หงุดหงิดเสียจนต้องลุกขึ้นยืน พาลระบายโทสะใส่เจ้ามนุษย์ผู้เป็นใหญ่ ถึงแม้หน้าตาจะไม่ลดทอนตามตัวเลข แต่ก็เกลียดแสนเกลียดในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยมันออกมา

ให้ข้าไปแสดงละครลิง ฝันไปเถอะ!!

นี่แน่ะ !!

ข้าเอาครีบตบตีที่ต้นขาของพ่อเจ้าตี๋  รุนแรงเสียจนอีกฝ่ายต้องรีบถอยร่นไปอีกฝั่ง วิ่งหนีตัวข้าที่กำลังจะอ้าปากงับฝากฝังรอยแผล เจ้าตี๋เลยรีบวิ่งมาอุ้มข้า ปลอบประโลมให้ข้าใจเย็นลง

อ๊ากกกกก ปล่อยนะ ! ข้าจะฆ่าพ่อเจ้า !

ปล่อยข้าสิโว้ยยยย !!

 

จวบจนกระทั่งข้าอยู่กับเจ้าตี๋กันเพียงลำพัง เสียงนุ่มละมุนก็ถามไถ่ รีบคุกเข่าตรงหน้าข้า

“เจ้าตัวเล็ก งอนเหรอ”

หึ ! ข้าสะบัดหน้าหนี พ่นลมหายใจเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่อยากจะตอบคำถามหรือฟังถ้อยคำหวานหูให้ใจสั่นระทวย

ไม่ต้องมาง้อเลย ! ตัวเจ้าเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเหตุใดข้าถึงมีอาการเช่นนี้ หากข้ามีมือมีเท้า มีมีดอยู่ในมือ ข้าจะไล่แทงพ่อของเจ้าเป็นคนแรก รวมไปถึงเจ้าด้วย !!

“ถ้ายอมไปแสดง ตัวเล็กจะได้นอนที่สบายๆ ด้วยนะ” อีกฝ่ายเสนอผลประโยชน์ ต่างจากข้าที่หลับตารับฟังนิ่งๆ

“มีปลาให้กินจนหนำใจ”

ไม่ ข้าไม่กิน !  ข้าไม่อยากอ้วนพุงจนตัวแตกตาย

“มีแอร์เย็นสบายด้วยนะ มีฟูกนิ่มๆ ให้หลับอีกด้วย”

ไม่จำเป็น !! ร้อนนักก็ลงไปว่ายน้ำได้ ปกติตัวข้าเองก็นอนบนพื้นจนชินชา วันไหนอยากนอนที่นิ่มๆ ขึ้นมาก็ไปนอนทับสิงโตทะเลตัวอื่นก็ได้ !! เจ้าไม่ต้องมากรอกหูใส่ข้าเลย !

“แล้วตี๋ก็จะได้อยู่กับตัวเล็ก…ทุกๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยนะ”

“…” ข้าปรือตา หันไปมองสีหน้าของคนหล่อเหลาที่กำลังยิ้มมีเลศนัย

อ่อยเก่งนักนะ แต่ฝันไปเถอะ !

เหอะ ! คิดว่าข้าใจง่ายหรือไงกัน การที่เจ้าไม่อยู่กับข้าทุกยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนอะไรเลย

“มา เรามาลองรับบอลอีกรอบนะครับ ลองเตะกลับมาที่ตี๋”

“…” ข้าเงียบ มองคนตัวโตหยัดกายขึ้น ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายถอยไปด้านหลัง บอลที่อยู่ในมือกระชับไว้แน่น ไม่วายที่จะส่งรอยยิ้มเป็นมิตรไมตรีมาให้ข้าอีกที ท่าทางใจเย็นสมกับเป็นหนุ่มหล่อที่ผู้หญิงใฝ่ฝันถวิลหา

รวยแต่ดันมาแอ็บว่าเป็นเด็กฝึกงาน แท้จริงนั้นก็เพื่อสานต่อกิจการของคนเป็นพ่อแท้ๆ ไม่มีใครในที่นี้รับรู้ ปากหวานออเซาะเป็นที่หนึ่ง รักสัตว์แถมยังเอ็นดู พูดจาไพเราะ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

เพียบพร้อมจังเลยนะ !!

พรึ่บ !

คนตรงหน้าเหวี่ยงบอลมาทางข้า สิ่งกลมๆ ไหลกลิ้งไปตามพื้น เพื่อหวังให้ข้าตีมันกลับไป ดั่งคำสอนที่ฝึกกันไว้ไม่กี่นาทีมานี้ ซึ่งตอนแรกข้านิ่งไม่ปัดป่าย ปล่อยให้มันชนตัวเองเฉยๆ

แต่ทว่าครั้งนี้…

ปึก !!

ข้าตวัดครีบสะบัดลูกบอลจากด้านข้าง ทำให้สิ่งกลมๆ สีแดงสลับขาวพุ่งตกไปยังสระทางซ้ายมือ

หึๆ ข้าเหยียดยิ้มพึงพอใจ ต่างจากอีกคนที่หันไปมองลูกบอลลอยละลิ่วบนผืนน้ำ

“…” ใบหน้าคมคายนิ่งเรียบ จับจ้องสิ่งนั้นราวกับช็อกในการกระทำ เสี้ยววินาทีก็หันกลับมามองหน้าข้าดังเดิม

ข้าพยักพเยิดไปทางซ้าย กระตุกสั่นไหวเป็นการตอกกลับ บ่งบอกให้ชายฉกรรจ์ได้รับรู้…

‘ไปเก็บมันซะสิ…’

เหมือนที่สัตว์ตัวอื่นๆ ถูกฝึกสอนให้วิ่งไปเก็บกัน

 

เมื่อไม่สามารถต้านทานความดื้อดึงของข้าได้ การถูกฝึกสอนจึงสิ้นสุด คนตัวโตเลยเปลี่ยนให้ข้ามานอนเกยบนตัก ใช้หลังพิงพนักกับหน้าท้องแกร่ง

“ต้องทำยังไงถึงจะยอมตกลงครับ”

“…”

“รู้นะว่าเข้าใจภาษามนุษย์น่ะ”

“!!” ข้าสะดุ้งโหยง เหลือบมองคนด้านหลังที่กำลังพิงพนักกับก้อนหินขนาดใหญ่ ในมืออุ้มข้าให้ขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง ก้มลงมากระซิบข้างใบหูเล่นเอาข้าใจสั่น

จุ๊บ !

“!! / !!” ข้าเบิกตากว้าง ไม่ต่างจากอีกคนที่เบิกตาโพลง ต่างฝ่ายต่างช็อกในกันและกัน เหตุผลเพียงเพราะว่าข้าหันมามองทางเขาอย่างรวดเร็ว ปากของข้าจึงสัมผัสกับกลีบปากนุ่มหยุ่น

นั่นมันจูบแรกของข้านะ !!

“ที่แท้ก็อยากได้จูบ” เจ้ามนุษย์พูดเสียงแหบพร่า ส่งรอยยิ้มชวนละลาย

แต่ไม่ใช่โว้ยยย !! ข้าหดคอถอยหนีไปด้านหลัง แทบอยากจะเบะปากกับคำพูดของคนตรงหน้า

หลงตัวเองชะมัด ! ข้ากะจะส่ายหน้าปฏิเสธต่างหาก ว่าตัวข้านั้นไม่เข้าใจภาษามนุษย์ ! แต่คิดไปคิดมาควรทำหน้าซื่อไม่เข้าใจคำพูดเลยคงจะดีกว่า

ข้าแกล้งทำเป็นงงงวยอย่างรวดเร็ว เอียงคอไปทางขวาทำสีหน้าบ๊องแบ๊วมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

‘คือไรเหยอ ?  เจ้าพูดเรื่องอะไรอ๋อ ? ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลย…’

“หึๆ ทำไมน่ารักขนาดนี้ครับ เกิดเป็นคนจริงๆ จะจับจูบแล้วนะ” พูดพลางไม่ว่าเปล่า มือไม้ยังลูบหัวของข้าอย่างนึกเอ็นดู

เจ้ามันโรคจิต !! กับสัตว์ก็ยังไม่ละเว้น !  ข้าจะโทรเรียกหาพรบ. หน่วยสมาคมปกป้องการทารุณกรรมสัตว์ !

ข้าคลานหนีออกจากตัก นึกคร้ามเกรงว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายในคราบคน

ช่วยด้วย!! หมอนี่มันหมาป่าในคราบหนังแกะชัดๆ คิดจะมาร่วมประเวณีสมสู่กับสัตว์ที่แสนน่ารักเฉกเช่นข้า ! แม่เจ้าโว้ยยยย อยากเอามือป้องปาก มีชายวิตถารในบ้านเมือง ต้องปาหินใส่มัน !

สุดท้ายก็ถูกจับอุ้มให้มานั่งบนตักดังเดิม…

“สรุปเราอยากได้ไรฮึ ? ก็รู้หรอกว่าเข้าใจภาษาคน”

“…” ข้าแหงนหน้ามองเพดานอย่างงงวย ท่าทางเอ๋อเร๋อเหมือนเด็กเป๋อออทิสติก

“อยากออกไปข้างนอกไหมล่ะ”

พรึ่บ !!

รีบหันมามองคนพูดอย่างว่องไว โยกหัวขึ้นลงเป็นการตอบกลับด้วยความเต็มใจ

ไอเดียบรรเจิดมาก !! ข้าอยากออกไปท่องเที่ยวในโลกกว้างสุดๆ ตัวข้าในยามนี้ก็ยังเล็ก พอที่จะหลีกหนีแอบไปซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าก็ยังได้ หากเจ้าฉุกคิดจะช่วยเหลือจริงๆ จังๆ

ข้าอยากไปอาบน้ำในอ่างชะมัด อยากนอนดูหนังผ่านเน็ตฟิต ! อยากนอนเล่นบนฟูกเตียงนิ่ม ๆ !

“งั้นเดี๋ยววันนี้จะพาออกไปข้างนอกเลย”

“งึกๆ” ข้าโยกหัวขึ้นลง ใจสั่นระรัวตื่นเต้นสุดๆ

“แต่ต้องยอมไปแสดงละคร ตกลงไหมครับ ?”

โหยยย ได้สิไอ้เพื่อนยาก ! ไม่เห็นจะยากเลย ! โอเคๆ ข้าจะไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบดีดตัวออกจากตักอุ่น ๆ วิ่งไปหาลูกบอลและเกลือกกลิ้งไปหาคนตรงหน้าในทันที

เอ้า รับสิไอ้เจ้าโง่ ! โยนมันมาได้เลย วันนี้ทั้งวันข้าจะยอมทำตามที่เจ้าสั่ง แลกกับการไปโลกกว้าง !

“อื้มมมม ตัวเล็ก… น่ารักชะมัด ต่อไปนี้จะยอมพาไปนอนที่บ้านทุกวันเลย”

เอ๋…

เดี๋ยวนะ… ไม่จำเป็น !! ข้าอยากไปเที่ยวทะเลต่างหาก !

“เดี๋ยววันนี้พาไปห้อง”

กรี๊ดดดดด

ข้าจะฟ้องท่านแม่ !! เจ้ามนุษย์หน้าโง่ ในหัวคิดแต่เรื่องสมสู่ !!

ข้าอยากไปเที่ยวทะเลเว้ย ! ไม่ได้อยากไปนอนบ้านเจ้า !

พรบ. !! พรบ. อยู่ไหน !!

ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยยยยย !!!

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[4]


 

ครืดดด ! เสียงรูดซิบเปิดออก พร้อมกับปลายจมูกและหัวของข้าที่โผล่พ้นจากกระเป๋าใบใหญ่ภายในเสี้ยววินาที ลมหายใจฟืดฟาดสูดอากาศเข้าปอดเหมือนคนใกล้ตาย แทบจะตวัดตาเขียวปั๊ดมองชายหนุ่มที่ยืนค้ำหัว สักพักก็ย่อกายลงจ้องหน้าข้า

“หิวน้ำเหรอ แลบลิ้นปลิ้นตาใหญ่เลย”

ปลิ้นพ่องมึงสิ ! ข้าหายใจไม่ออกจะตายห่าอยู่แล้ว ! รูดซิบประสาอะไรแทบจะเล็กเหมือนจิมิมด ไม่ตายตั้งแต่วินาทีแรกก็โชคดีเท่าไหร่แล้ว !!

ข้าหรืออุตส่าห์ใช้ปลายจมูกดันซิบที่ไว้ถ่ายเทอากาศให้กว้างออก อีคนตัวดีก็ดันปิดซะมิดชิด นี่โง่เง่าหรือปัญญาทึ่ม แทบอยากจะวิ่งไปหยิบมีดในครัวมาไล่แทงให้ตัวพรุน แลบลิ้นไม่ได้แปลว่าหิวน้ำไหม บางทีข้าอาจร้อนหรือหอบเหนื่อยก็เป็นได้ อีตาปลิ้นเท่าไข่ห่านเหตุเพราะเจ้าคิดจะฆ่าข้าทางอ้อมทางหากเล่า !!

หล่อแต่ดันโง่ นี่ถ้าตายห่าแล้วเกิดใหม่เป็นควายข้าเองก็ไม่นึกแปลกใจ !!

หลบ !!

ข้าใช้ครีบเตะมือหนาที่รูดซิบให้กว้างออก  ก่อนจะคลานออกมานอนไถลกายไปกับพื้น พลางกรอกตาไปมากับสิ่งเบื้องหน้า

อืม บ้านหรูไม่แปลกใจ… ทุกสรรพสิ่งแทบจะเอี่ยมอ่อง มีความขาวทองสลับกัน นี่มันบ้านลูกคุณหนูชัดๆ ผู้หญิงเห็นทีคงอยากจะจับเจ้าทำผัวตั้งแต่วินาทีแรก โดยไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าค่าตา

ข้าหยัดกายขึ้น คอยชะโงกหน้าดูถิ่นฐาน หูพลันได้ยินเสียงร้องของสัตว์ตัวเล็ก พร้อมกับขนฟูฟองสีขาวสะอาดตา และเสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊ง

“เมี้ยว ~”

“…” ข้าเงียบ หันหลังไปมองคนตัวโตที่เบิกตาโพลง รีบสาวเท้าเดินผ่านตัวข้าไปหาเจ้าแมวเหมียว จากนั้นก็อุ้มมันราวกับนึกเอ็นดู ฝ่ามือหนาลูบขนไปพลาง ส่วนตัวข้านั้นส่งเสียงเหอะออกจากปาก

เหอะ อีคนนอกใจ…

“อาหารหมดเหรอครับมิริน…” นั่นหรือชื่อแมว ? ช่างตอแหลยิ่งนัก

ข้าสะบัดหน้าหนี คลานผ่านออกจากเจ้ามนุษย์ที่หยอกล้อกับสัตว์ขนปุย

ก็ใช่ซี๊ ~ ข้าไม่ได้มีขนนุ่มๆ ให้เจ้าลูบไล้นี่นา ไม่ได้มีหน้าตาน่ารักเหมือนไอ้แมวเหมียว ส่งเสียงเมี๊ยวๆ ให้นึกเอ็นดูพร้อมกับท่าทางออเซาะ ระวังไว้เถอะ เจ้าสัตว์พันธุ์นี้ช่างคิดจะครองโลกเก่งนัก เหล่ามนุษย์ก็ต่างตกเป็นทาสของมันกันทั้งนั้น

รวมไปถึงเจ้าด้วยที่ดันหลวมตัวไปตกหลุมพรางของมัน !

ข้ากระเถิบกายเข้ามาในห้องนอนสุดกว้างขวาง ตาลุกวาวกับฟูกเตียงสีขาวขนาดใหญ่  มีทีวีจอแบนติดกับผนังห้อง มีทั้งกีต้าร์ข้างเตียงนอน รวมไปถึงโต๊ะคอมและเครื่องซีพียูราคาแพง นึกร้องว้าวๆ ภายในใจ หมอนี่คงจะจัดสเปคคอมแหล่มๆ แหงๆ ตัวข้ารีบกดปุ่มพาวเวอร์ในทันที เอาจริงๆ เรียกว่าตบมันให้เปิดคงจะดีกว่า ก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ที่เลื่อนไปมา

พรึ่บ ! โว้ยยยยย !! เลื่อนเก่งจังเลยเว้ยหมุนไปมาจนน่ารำคาญ ข้าส่งเสียงหึ่มลอดไรฟัน พยายามใช้ครีบยืนขึ้นดั่งมนุษย์ ขณะที่ครีบเบื้องหน้าจับล็อกเก้าอี้เอาไว้ เสี้ยววินาทีก็ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปนั่ง

ฮึบ ! ได้สักที ! ข้าหันมามองหน้าจอคอมที่ยังปิดอยู่ เริ่มรู้สึกหงุดหงิด เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวย

“เมี๊ยว ~”

“ฮ่าๆ”

“…” มีความสุขกันจังเลยนะ

ข้าหัวเสีย หน้าบึ้งตึงสุดชีวิต หงุดหงิดยิ่งกว่าการที่เด็กโยนปลามาให้ โมโหหนักยิ่งกว่าการที่ยัยหอยนางรมมากวนบาทา

ข้าตัดสินใจใช้ปากงับแป้มพิมพ์ ก่อนจะเลิกหัวขึ้นสูง ไม่ทันถึงเสี้ยววินาทีก็มีการโยกหัวขึ้นลงพร้อมกับเสียงทุบทำลายดังปึงปัง

เล่นไม่ได้ เปิดไม่ได้เว้ยอีช้างลาก !! โมโห ! ข้าโมโห !!

กรี๊ดดดด !

“ตัวเล็ก !” เสียงร้องตกใจอย่างหวาดหวั่นก่อนจะรีบวิ่งมาทางข้า เจ้าตี๋หน้าซีดเซียวรีบวางแมวลงตรงพื้น ฝ่ามือทำท่าจะอุ้มตัวข้า ทว่าตัวข้านั้นหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำลายข้าวของและกัดแป้มพิ้มพ์ในปาก กระแทกกับไม้ไปทางซ้ายทีขวาที

“เป็นอะไรเจ้าตัวเล็ก”

ไม่ต้องมาถาม ! อยากรู้นักก็ลองโยนแมวของเจ้าออกนอกระเบียง ตอนนั้นข้าถึงจะยอมตอบคำถามให้เจ้าได้ !!

ข้าเพ่งตาใส่ชายหนุ่ม กัดฟันลงบนแป้มที่ยังไม่ยอมหักงอ ทำลายยากทำลายเย็น

“หึงเหรอ ?”

ใครหึง ! ข้าเหวี่ยงแป้มพิมพ์ลงบนพื้นอย่างแรง แทบจะปาใส่หัวแมวที่ทำท่าฉงนข้างกายอีกฝ่าย แต่สิ่งมีชีวิตขนปุยกลับกระโดดหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว

ข้ากระโดดลงจากเก้าอี้ เจ้าตี๋แทบจะอุ้มข้าเพราะเกรงว่าจะบาดเจ็บ แต่ข้านั้นไวกว่า ไม่มีท่าทีอวดครวญแต่อย่างใด

เหอะ นับจากนี้ไม่ต้องมายุ่งกันเลย…

ข้าเหล่ตาขึ้นมอง สะบัดหน้าดังพรึ่บดั่งสาวน้อยแง่งอนใส่ชายหนุ่ม พอเดินผ่านเจ้าแมวเหมียวก็ ชำเลืองมองสิ่งมีชีวิตด้วยหางตา คล้ายได้ยินเสียงมีดฉวัดเฉวียนใส่กัน

ผัวะ ! ข้ายกครีบตบหัวเจ้าแมวจนหน้าทิ่มในทันใด พร้อมพรักกับเสียงกรีดร้องของเจ้าตัว

“แง่ว !!”

หึ ยัยสำออยหมายเลขสอง

 

ข้านั่งอยู่บนโซฟา เหลือบมองเจ้าแมวภายในห้องที่กำลังนอนขดตัวอยู่บนฟูกนิ่มๆ ของมัน ส่วนเจ้ามนุษย์นั้นไม่อยู่แล้ว เห็นว่าจะลงไปทำอาหารขึ้นมาทานบนห้อง แถมก่อนจะไปก็ยังง้อข้าเป็นการใหญ่ แต่ข้านั้นไม่ตอบคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะแกล้งทำเป็นหลับ

เอาล่ะ ถึงเวลาละ…

ข้าลุกขึ้นคลานลงจากโซฟา ก่อนจะเดินไปหาเจ้าแมวที่เงยหน้ามองข้าอย่างใสซื่อ ลูกตาของมันเป็นสีฟ้าครามทะเล สวยงามจนผู้คนที่พบเห็นต่างตกหลุมรักได้ไม่ยาก ข้าอ้าปากเผยอคล้ายถูกศรรักปักใจ อยากจะส่งเสียงร้องว้าวคล้ายตกตะลึงในความงาม สักพักริมฝีปากของข้าก็หุบลง ฉายความทะมึนตึงเฉกเช่นดังเดิม

หึ มารยาของเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก

“เมี๊ยว ~” เจ้าเหมียวส่งเสียงร้องเบาหวิว ไพเราะเพราะพริ้งจนหัวใจคนฟังอาจหวั่นไหว แต่ข้านั้นไม่สะทกสะท้านใดๆ รีบเดินไปหาเจ้าตัวที่กำลังนอนอยู่ ขึ้นไปนั่งทับเจ้าแมวจมลงกับฟูกเตียง

ข้าใช้ก้นบดเบียด โดยมีสิ่งใต้ร่างขยุกขยิกคล้ายอึดอัด  อีกฝ่ายทำท่าจะมุดออก แต่ข้านั้นก็กระดกตัวขึ้นเล็กน้อย กระแทกสิ่งมีชีวิตให้รู้สึกจุก

“แง๊ว ~” เสียงเล็ดดังลอดขึ้น ก่อนที่หัวจะโผล่พ้นออกจากซอกครีบของข้า

ข้าใช้ครีบตะปบหน้า บดบังทัศนียภาพของมัน เจ้าแมวก็รีบดีดดิ้นรุนแรง ส่วนข้านั้นร้องอุ๋งๆ มีความสุข สักพักก็อ่อนแรงลง ปล่อยให้แมวเหมียวคลานหนีออกจากตัว

“…” มันหันมามองข้าอย่างงงงวย จับจ้องที่นอนของตนเองที่โดนยึดครองอย่างถือสิทธิ์

ข้าใช้หนั่นเนื้อกระตุกจากตัวครีบ ทำท่าคล้ายยักไหล่ยั่วโมโห บ่งบอกให้สิ่งมีชีวิตได้รับรู้ว่า ‘ไปหาที่นอนใหม่ซะ ถิ่นนี้ข้าจอง…’ ให้รู้กันไปว่าใครใหญ่มากกว่ากัน

แอ๊ดดด

เสียงบานประตูเปิดออก พร้อมกับใบหน้าของชายหนุ่มที่ใช้นัยน์ตากวาดมองแมวเหมียวและตัวข้าสลับไปมา

อีกฝ่ายจ้องสิงโตทะเลนอนบนฟูกเตียงที่ถูกครอบครอง ส่วนแมวของตนเองนอนลงกับพื้นเย็นเฉียบข้างมุมผนังห้อง

มันก็ถูกแล้ว…

ผิดแปลกอันใด

ข้าอยากจะเดินไปชงชาขึ้นมาจิบน้ำให้ชุ่มคอเสียจริงๆ

 

เจ้าตี๋ก็เหมือนมนุษย์ที่เป็นข้าทาสบริวาร บัดนี้กำลังหย่อนตัวของข้าลงในอ่าง มีปลาตัวนึงลอยแพบนน้ำ คงกะจะให้ข้ากินกันหิว ข้างับมันลง แหวกว่ายในสระที่แสนกว้าง เสียงฉ่าของน้ำดังทะลักเมื่อตัวข้าผุดหัวลงไป เพียงห้าวินาทีก็โผล่หัวออกมาใหม่จากพื้นผิวน้ำ

“เดี๋ยวมานะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ข้าตีน้ำเปาะแปะ ปากก็งับปลาไปพลาง ไม่อยากจะจับกินในตอนนี้ ว่ายน้ำหันหลังไม่ทันไร หันมาอีกทีตอนบานประตูเปิดออก ปลาที่กัดเอาไว้หลุดออกในทันที แทนที่ด้วยสันกรามของข้าที่แทบจะบิดเบี้ยว เผยอออกกว้าง ดวงตาเบิกถลนคล้ายทะลัก

“กี๊สสส”  ข้าส่ายศีรษะไปซ้ายทีขวาทีเป็นพัลวัน พลันโยกไปมาจนคอแทบเคร็ด ไม่วายส่งเสียงกรีดร้องกับสิ่งที่เห็น หันหลังใช้ครีบตะกุยตะกายกำแพงกระเบื้องด้านข้างให้เละไปจุณ คาดหวังให้มันกลวงโบ๋ให้ข้าลอดผ่านหนีไป

ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย !!! อนาคอนด้า นั่นมันอนาคอนด้า อ๊ากกก !!

“ตัวเล็ก !” เจ้าตี๋ก็ยังเป็นเจ้าตี๋ที่ชอบร้อนรน วิ่งมาหาและอุ้มตัวข้าให้หันกลับมามอง แต่ตาของข้าก็ดันเหลือบต่ำไปเห็นสิ่งมีชีวิตที่คนทั่วไปอาจเรียกว่าขาที่สาม

นั่นมันอะไร !! กล้วยหอมจอมซนแปรผันไปเป็นกล้วยน้ำว้าใช่หรือไม่ !! หรือสากกะเบือที่คล้ายคลึงมะเขือยาว ตีหัวข้าทีจะแตกใช่ไหม ?

ไม่… ไม่ใช่…

นั่นมันคือขีปนาวุธต่างหากเล่า !! เจ้าจะพกติดตัวไปวางระเบิดให้พังพินาศใช่หรือไม่ !!! อ๊ากกกก !!! ไหนจะไรขนนั่นอีก ! บอกข้าทีว่าไม่ใช่เขาวงกต หากข้ามุดเข้าไปจะเจอทางออกที่แสนคดเคี้ยวใช่ไหม !!

กลัว ข้ากลัววววว แม่จ๋า ลูกเจองู งูตัวใหญ่มากด้วย แอร๊ยยยยย

ข้าสะบัดหน้าไปมา ดีดดิ้นสุดมีชีวิต เงยหน้ากรีดร้องไม่กล้ามองความมหึมา โดนทีคงกลวงโบ๋ไม่ต่างจากครกชี้แหงแก๋

เจ้าตี๋รีบวางข้าลงในอ่าง ส่วนข้านั้นรีบหันหลังไม่กล้ามองหน้า  ส่วนครึ่งของศีรษะจมลงไปกับน้ำ มีเสียงฟองน้ำดังบุ๋มๆ ไม่ขาดสาย รู้สึกกายร้อนรุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ภาพในหัวผุดขึ้น…

‘ป่าดงพงไพร… ซ่อนเล้นด้วยงูจงอางเลื้อยไปตามพุ่มไม้ สักพักงูก็ขดตัว ลอกคราบออกมาเป็นพญานาคที่เกี้ยวกราด’

อ๊ากกกกก !! แต่มันคนละสายพันธุ์กันไง ! ภาพมันยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ไม่น๊าาา !! คุณตำรวจ ช่วยด้วย มีคงพกอาวุธ กรี๊ดดด มีคนพกอาวุธ !

ระเบิดอยู่ไหนบีหนึ่ง ติดมันไปและพังทลายลงบัดเดี๋ยวนี้ !!

“อึก อะ อ๊า”

เฮือก !! ข้าสะดุ้งโหยง รู้สึกแผ่นหลังร้อนผ่าว สักพักก็แทนที่ด้วยความหนาวสุดสะท้าน ลำตัวของข้าค่อยๆ เอี้ยวหันไปมองสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างหลัง เผยชายหนุ่มที่นอนพิงกับพนักกำแพง นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก เชิดหน้าร้องคำรามด้วยสีหน้าแดงก่ำ ตาฉ่ำเยิ้มมองบนเพดาน พลันหลับตาพริ้มในบางจังหวะ กัดปากระงับความกระสันในบางครั้ง ปล่อยคืนสู่ความนุ่มหยุ่นอย่างที่ควรจะเป็น

ดวงตาแสนเสน่ห์เหลือบมองข้าผ่านหางตา ขณะที่มือข้างขวากำลังแตะต้องสิ่งเบื้องล่าง ปรนเปรอเพื่อพาตัวเองไปสู่ความสุขสม เสียงแหบพร่าเบาหวิวจนหัวใจข้าสั่นเมื่อถูกเรียกขนานนาม

“อึก ตะ ตัวเล็ก อ่าห์ ~”

อ๊ากกก !! อีผีทะเล !! เจ้าจะมามีอารมณ์ทางเพศกับข้าไม่ได้ !! จะมาช่วยเหลือตัวเองต่อหน้าข้าแบบนี้ไม่ได้ !!

ข้ากรีดร้องจนหน้ามืดตาลาย ไรขนลุกซู่กับสิ่งที่เห็น ความน่าหวาดกลัวตามมาด้วยหยาดหยดธาราที่ชักนำของอีกฝ่ายเป็นที่สิ้นสุด

แผงอกกว้างเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวตามกล้ามหน้าท้องที่เป็นโต้คลื่นอย่างสวยงาม มันหดลงเป็นจังหวะยามผ่อนผัน ทุกสิ่งดูเด่นชัดและเย้ายวนฉบับชายหนุ่ม ใบหน้าคมคายขึ้นสีแดงระเรื่อ แลบลิ้นเลียกลีบปากยั่วเย้าคล้ายล่อลวง จับจ้องใบหน้าของข้าไม่วางตา

ฝ่ามือที่แปดเปื้อนยื่นมาทางข้า แทรกแซงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับการกระทำก่อนหน้านี้

“มาอาบน้ำกัน”

ไม่ ข้าไม่อาบ ! ไอ้เจ้ามนุษย์โสโครก ! ไอ้วิตถารแสนวิปริตและกักขฬะ เอาลูกหลานของเจ้าออกไป อ๊ากกกก!! เอามันออกไป !

เฮือก ! อย่ามาแตะต้องข้านะ

“อุ๋ง !!!”

อีเชี้ย ! กรี๊ดดดด ! โดนแล้ว ข้าโดนแล้ววววว ท่านแม่ข้าแปดเปื้อนแล้ว !!

เจ้าจะต้องชดใช้ อ๊ากกกก !! เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต !!

“ตัวเล็ก”

เพี๊ยะ !

ข้าใช้ครีบตีแผงอก ดิ้นขลุกขลัก ก่อนจะหยุดชะงักทันทีที่อีกฝ่ายจับข้าให้นั่งทับกับสิ่งเบื้อนล่าง…

ท่านแม่…

ข้าจะต้องทำยังไงดี

ยาคุมกำเนิดสามสิบเม็ดจะพอไหม…

ข้าต้องท้องแน่ๆ

ข้าจะต้องท้องแน่ๆ….

“ตัวเล็กครับ”

อ๊ากกกกก ช่วยหยุดเรียกชื่อข้าสักที !! ไอ้มนุษย์ตี๋ตัณหากลับ !!

อย่าลูบ… เฮือก !! อย่าเอามือที่มีเชื้อโรคแตะต้องข้า ฮือออออ ไม่ ! เจ้าจะลากไปทั่วลำตัวแบบนี้ไม่ได้ กรี๊ดดดดด ! ไม่ด้ายยยยยยยยยยยยย !!

ข้าโสมมไปทั้งตัวแล้วไอ้แม่เยส !!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2019 03:23:48 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[5]



เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา จนสมอุราจนสาแก่ใจ ~ ไม่มีวันที่ฉันจะร้องไห้ ฮึก ฮือออ ร่ำไร ~ เพราะฉันไม่ใช่ หญิงเจ้าน้ำตาาา ฮึก ฮือออ แงงงงงง ~

คุณหฤษฏิ์ คุณมันผู้ชายใจบาป ย่ำยีไม่แม้กระทั่งสัตว์ ! ทำให้คนอย่างฉันแปดเปื้อน พรหมจรรย์จนไร้สิ้นความบริสุทธิ์ ต่อให้บุตรคลอดออกมา ฉันก็จะไม่มีวันให้เขาเห็นหน้าค่าตาของคุณ ! ไปเถอะลูกแม่ พ่อของลูกมันเป็นพวกกักขฬะ น้ำเชื้อคงกระดึ้บเข้ามาในพรหรจรรย์ของแม่แล้ว

ข้าเอาครีบลูบท้องตัวเองป้อยๆ ร่างกายกระตุกสั่นไหวสะอื้นไห้ ลำตัวที่เคยเปียกชุ่มถูกบุรุษเช็ดตัวจนเหือดแห้ง ยามนี้กำลังตวัดตามองคนตัวโตที่นั่งอยู่ปลายเตียง จับจ้องอิริยาบถของข้าที่กำลังใช้ปากงับผ้าห่มอำพรางตัว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความชอกช้ำใจ

คนผีทะเล ~ นายจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ก่อ กล้าดียังไงริอาจมามองหน้าข้า จะย่ำยีข้าอีกใช่ไหม เอาสิ เอาเล้ยยยย !! ข้าสะบัดผ้าห่มดังพรึ่บ ดิ้นขลุกขลักบนที่นอนด้วยความโมโห เชิญทารุณได้ตามใจนึก เพราะนายจะได้แค่กายแต่ไม่มีวันได้ใจ !

“เป็นอะไร” อีกฝ่ายถามข้าอย่างงงงวย คงไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ

ข้าหยุดเล่นบทบาทจำเลยรัก หยัดกายขึ้นมาใช้ปากงับผ้าห่มคลุมตัวดังเดิม

ไม่ได้ ๆ สรีระเป็นสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผย เกิดเจ้ามองเรือนร่างและมีอารมณ์กำหนัดขึ้นมาข้าคงซวยแย่

ข้ากระพริบตาปริบๆ หวังให้น้ำตาหยดไหล ซุกหัวนอนแนบอิงลงกับหมอน ยามนี้ข้าตัวหอมยิ่งกว่าดอกไม้นานาพันธุ์ อาจส่งผลให้ชายหนุ่มเกิดฉุกคิดเข้ามาซุกไซ้ ฉะนั้นต้องปกปิดแม้แต่กลิ่นกายตน

“ตัวเล็กต้องนอนข้างล่างนะครับ นอนบนเตียงไม่ได้”

อ๊ากกก ! กล้าดียังไง ! ข้ารีบดีดตัวอีกหน ตวัดตามองคนตัวโตที่สะดุ้งตกใจ ใช้ครีบชี้ใส่อีกฝ่ายพลางนึกก่นด่าภายในใจ สวมบทบาทเพลิงพระนางในร่างวิญญาณ

เจ้าช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก ! ทำมิดีมิร้ายใส่ข้ายังมีหน้ามาไล่ข้าให้ลงจากบัลลังก์ตั่งทอง (ตั่งเตียง) กล้าดียังไง กรี๊ดดดด !! กล้าดียังไง ! รีบไสหัวออกไปเลยนะ ! ทหาร ! ทหารอยู่ไหน ! ลากตัวมันออกไป !

“พรืดดด ฮ่า ๆๆ น่ารักชะมัดเลย” จู่ ๆ เจ้าตี๋ก็หัวเราะเสียงดังลั่น ฝ่ามือแนบลงกับที่นอน พลันยืดกายมาทางข้า กระเถิบเข่าเข้ามาขึ้นคร่อม ร่างของข้าจึงตกเป็นเบี้ยล่างในปริยาย

เจ้าคิดจะทำอะไร ! ปรนเปรอตัวเองไม่พอยังจะมาทารุณกรรมข้าอีกใช่ไหม !

เจ้ามันมักมากยิ่งนัก !

ไอ้คนโรคจิต !

“ถ้าเป็นคนคงคิดว่าเรากำลังยั่วแล้วแน่ ๆ”

แต่ข้าไม่ใช่คนไง ! ฉะนั้นเอาไอ้สิ่งสกปรกที่คิดจะยื่นมาแตะต้องข้าถอยห่างออกไปด้วย !!

ยี้ ! ~ ภาพในความทรงจำยังไม่เคยห่างหาย ไอ้ฝ่ามือที่มีแต่คราบลูกหลานของเจ้าช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

“แต่ก็ดีจังนะ… ที่มีตัวเล็กมานอนเป็นเพื่อนด้วย”

ก็แค่วันนี้วันเดียว ! ต่อจากนี้เจ้าก็ต้องลงไปนอนกับแมวบนพื้นกระเบื้อง !

วะ เหวอ ! ข้าเงียบ กระพริบตาขึ้น ๆ ลง ๆ มองการกระทำของอีกฝ่ายที่เหมือนเป็นไบโพล่าร์ ทั้งที่ตอนแรกขึ้นคร่อมก็เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิตรงหน้าข้าแทน ส่งรอยยิ้มเบาบางคล้ายเศร้าสร้อย ทำให้ข้าต้องลุกมานั่งดูสีหน้าอีกฝ่าย

เป็นอะไร… เจ้าเมากาวใช่หรือไม่ ? หรืออกหัก ? ต่อให้เจ้าไม่มีข้ามานอนด้วยก็คงมีแมวเสียอยู่ดีนี่นา

“ไม่มีคนมานอนด้วยมานานแล้ว นอกจากแม่และมิริน…”

ไอ้แมวที่ชื่อตอแหลนั่นน่ะเหรอ ?

“แต่พอมีตัวเล็กแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลย มันเหมือนมีเพื่อน…”

แต่ไม่ใช่เมีย…

โอเค… ข้าเข้าใจละว่าเจ้ากำลังจะพูดถึงชีวิตต่าง ๆ นา ๆ ได้ยินเท่านี้ข้าก็รีบล้มตัวลงนอน ขี้เกียจมานั่งรับฟัง

บัย ~ ฝันดี

พรึ่บ !

กรี๊ดดด ! ข้ากรีดร้องหวาดผวา ดวงตาเบิกโพลงเมื่อมือหนาจับข้าให้ลุกขึ้นมานั่งดังเดิม กลายเป็นว่าการนอนถูกขัดขวางด้วยน้ำมือของชายฉกรรจ์

เจ้ามันโหดร้ายชะมัด! ขนาดสัตว์จะนอนก็ต้องมานั่งคอยรับฟัง !

จะนอนนนน ข้าจะนอนนน !

“ตัวเล็กคงอยากรู้ว่าทำไมตี๋ถึงไม่มีแฟนใช่ไหม ?”

เหอะ เปล่านะ ข้าไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น ข้าส่ายหน้าไปมาเพื่อเป็นการบ่งบอก ทว่าคนตัวโตก็ดันสาธยายถึงเรื่องราว

“จริง ๆ ตี๋เคยมีแฟนนะ แต่เราทำมากสุดก็แค่จับมือกัน อาจเพราะว่าตี๋ไม่อยากล่วงเกินเธอด้วย...”

ข้าไงอิห่า ยกเว้นข้าไว้คนนึง !

“ตี๋กับเธอไม่ค่อยมีเวลาด้วยกัน จนสุดท้ายเธอก็นอกใจตี๋ ไปคบกับเพื่อนสนิทของตี๋แทน” พูดจบประโยคนี้ ใบหน้าหล่อเหลาก็ดูหมองคล้ำลงในหนึ่งส่วน รอยยิ้มที่เค้นออกมาเหมือนนึกสมเพชตัวเองก็ไม่ปาน

ข้ารู้สึกใจหายกับคำ ๆ นั้น โดยเฉพาะสีหน้าของเจ้าตัวจึงทำได้เพียงกระเถิบกายเข้าไปใกล้ วางครีบข้างขวาตีลงที่ท่อนขาใหญ่สองสามครั้งเพื่อเป็นการปลอบใจ

เอาเถอะ… ผู้หญิงไม่รักดีก็จบกันไป กาลเวลาจะชักนำคนที่จริงใจและเป็นคนที่ยอมรับในตัวเราเอง ท้ายที่สุดเจ้าอาจจะเจอคนที่เข้าใจในเรื่องระยะเวลาและกมลสันดานของเจ้าได้

เอ่อ…ข้าหมายถึงไอ้การที่เจ้ามีอารมณ์กับสัตว์น่ะ ข้าว่าเจ้าอาจจะต้องไปพบจิตแพทย์โดยด่วน…

“มันคงเป็นเพราะเราด้วยมั้งที่ปล่อยปละละเลย แต่พอรู้ว่าถูกนอกใจก็เสียใจมากนะ จนพลั้งปากด่าเธอไป แถมยังต้องมาตัดความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทอีกต่างหาก”

อ่าห์ มันก็แย่เนอะ แต่ตอนนั้นเจ้าด่าเธอว่าอะไรล่ะ ?

ข้าได้แต่แหงนหน้ามอง พลางนึกตั้งคำถามภายในหัว แต่เจ้าตี๋ก็ดันตอบออกมาเหมือนอ่านใจข้าออก

“เธอมันร่าน”

เฮ้ย ! เปล่านะ ! ข้าไม่เคยไปพลีกายให้ใครทั้งสิ้น !

“เธอเป็นคนทำลายมันทุกอย่างเอง ยอมเป็นทางผ่านให้ผู้ชาย แล้วทิ้งคนที่รักเธอมากขนาดนี้ โง่สิ้นดี ขอให้เสพสุขกันตามสบาย”

อ๊ากกก ! แรงมาก ! ปากคอเราะร้ายเป็นที่หนึ่ง ถลกแขนเสื้อมาต่อยกันเลยดีกว่าถ้าจะพูดพร้อมสีหน้าเหมือนข้าเป็นยัยคนนั้น

อินเนอร์แรงมาก ยอมแล้วจ้าาา วงการเดอะเฟสต้องลุกเป็นไฟ !

“ตัวเล็กว่ามันแรงเกินไปไหม”

โคตรเลยแหละ !

งึกๆ ข้าพยักหน้ารับ ทั้งที่ลึก ๆ ก็แอบสะใจกับคำพูดของคนตรงหน้า แต่หากมองในมุมผู้หญิงก็ถือว่ายังแรงอยู่ดี จริงๆ ก็สมควรกับการถูกตราหน้าว่าหญิงชั่ว กล้าดียังไงนอกใจไปเอากับเพื่อนสนิทของแฟนตนเอง

เฮ้อออ ความรักหนอความรัก แต่ก็ดีแล้วละที่เธอเลิกกับเจ้าไป เกิดมารู้ทีหลังว่าแฟนตัวเองเป็นพวกโรคจิต ปรนเปรอช่วยเหลือตนเองต่อหน้าสรรพสัตว์เฉกเช่นข้า ข้าก็คิดว่าสมควรแล้วที่เจ้าจะถูกทอดทิ้งเป็นขี้ข้าไร้ขยะ

อาห์ เอางี้ดีกว่า…

“ตี๋นี่มันแย่เนอะ”

ข้าขี้เกียจฟังเจ้าพูดมาก เห็นแต่พูดพร่ำโทษตัวเองอยู่ได้ ข้าจึงกระเถิบตัวลงจากตั่งเตียง ใช้ครีบขยับเขยื้อนไปหาเก้าอี้ที่มีเนคไทพาดอยู่ข้างบน จากนั้นจึงเขย่งตัวเองเล็กน้อยเพื่อใช้ปากคาบมันลงมา

ฮึบ ! เรียบร้อย ! ข้างับสิ่งนั้นด้วยความปรีดา คลานเอื่อยขึ้นมาบนเตียง พลันปีนขึ้นอย่างว่องไวและวางสิ่งนั้นลงบนหน้าตักของชายหนุ่ม

เจ้ารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าใช่ไหม ? งั้นทำตามข้านะ…

“อุ๋งๆ อุ๋งๆๆๆๆ อุ๋ง อุ๋ง อุ๋งงง ~”

‘ข้าเห็นพ้องว่าเจ้าสมควรตาย แนะนำให้ผูกคอตายปลิดชีพเสีย เผื่อแผ่นดินนี้จะได้น่าอยู่ขึ้น ไม่มีพวกกักขฬะเฉกเช่นเจ้า’

ลงมือได้เลย…

ข้าส่งรอยยิ้มแทบจะเห็นซี่ฟัน ใช้ครีบแตะเนคไทตรงหน้าเป็นการบอกใบ้ เพ่งพินิจมองชายหนุ่มที่นั่งซึมกะทือ สลับมองสิ่งของและข้าไปมาคล้ายต้องการตัวแปร

หืม ไม่เข้าใจหรือ ?

ข้ายิ้ม กระพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อไร้พิษภัย แตกต่างจากภายในจิตใจที่นึกก่นด่า โกรธเคืองกับเรื่องก่อนหน้าไม่จางหาย

“ตัวเล็กจะให้เนคไทมาทำไม”

มัดคอเจ้าไง…

“มามัดเราบนเตียงเหรอ ?”

“…”

“อยากจะโดนขึงบนเตียงนอนสินะ”

อืม เจ้าสมควรตายจริงๆ นั่นแหละ…

ทหาร !! เอาอิเชี้ยนี่ไปประหาร !!

ตัดหัวทิ้งและจุดไฟเผา !

“มานี่มา”

กรี๊ดดดดดด !! คุณตำรวจไอ้คุณหฤษฏิ์ในจำเลยรักมันมาอีกแล้ว !!

ออกไปนะ ไม่นะ ! ถอยห่างออกไปนะ !! อย่ามาขึ้นคร่อมข้า !

“ร้องอุ๋งๆ สิ”

อุ๋งพ่องมึงสิ !

ข้าใช้ครีบตบหน้าอีกฝ่ายจนหน้าหันในทันที

เพี๊ยะ !

“ตบจูบ”

เฮือก !!


เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันใย…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2019 00:09:39 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[6]



ข้าเอาครีบลอบปาดแก้มที่ไม่มีน้ำตาไหลหยด แต่ลำตัวสั่นโยนจนน่าสงสาร แหงนหน้ามองผ่านประตูเลื่อนที่เปิดม่านไว้ จับจ้องไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังสุกสกาว ครีบข้างนึงแตะลงบนบานกระจกใส ดวงตาไหววูบไม่ต่างจากสายลมที่โบกพัดกับกิ่งไม้ใบหญ้าเขียวชะอุ่ม

เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ชีวิตข้านั้นจบสิ้นกันไป… ไม่สามารถออกไปมีอิสระเสรีได้อีกต่อไป

กักขังฉันเถิด กักขังไป ~ ขังตัว อย่าขังหัวใจดีกว่า…

ฮึก ฮือออ นึกร้องเพลงในใจก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวน หันไปจ้องแมวเหมียวข้างกายที่มองข้าอย่างฉงน

“เหมี๊ยว ~”

อะไร ? เจ้าไม่มีทางเข้าใจข้าหรอก นายเหนือหัวของเจ้ามันเป็นพวกวิปลาส ข้าถูกย่ำยีมาสารพัดนึก แตกต่างจากเจ้าที่ถูกประคับประคองเป็นอย่างดี

ดูข้าสิ…ข้าถูกสิ่งอุจาดลูบไล้ไปตามเรือนร่าง ไม่พอยังถูกจูบแรกแย่งชิงไปอีก แต่ไม่พอ…ไม่พอเท่านั้น !  ข้ายังถูกจับกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของคนที่ไม่ต่างจากอมนุษย์

นายเหนือหัวของเจ้ามันปีศาจชัด ๆ ! พวกคนป่าเถื่อนแบบนี้ท้ายที่สุดตัวเจ้าเองก็จะถูกรุมย่ำยีไม่ต่างจากข้า ! แต่เดี๋ยวก่อน…เพียงแค่คุณติดต่อ 191 ภายในวินาทีนี้ เจ้าก็จะสามารถหลุดพ้นออกไปได้ เสียอย่างเดียวคือพวกเขาอาจไม่เข้าใจภาษาต่างเผ่าพันธุ์

เฮ้อออ ดูจากดวงตาใสซื่อของแมวหน้าโง่เฉกเช่นเจ้า ข้าก็คงเดาได้ไม่ยากว่าตัวเจ้าเองก็คงไม่เคยพบเจออสูรกายที่มันใหญ่โตโอ่อ่า ยาวเสียจนหลงคิดว่าเป็นงูเหลือมข้าวหลามเปียก

มันใหญ่มาก ใหญ่โตโอฬารสุด ๆ ข้าบอกเจ้าไว้ ณ ตรงนี้เลย เหยียบข่าวไว้ให้มิดล่ะเจ้าแมวน่าโง่…

“มานี่เร็วครับเจ้าตัวเล็ก”

พรึ่บ ! ข้ารีบหมุนตัวหันไปมองคนใจมารที่ส่งเสียงเรียก ท่าทางสะอึกสะอื้นเมื่อครู่ของข้าแปรผันในฉับพลัน คลานไปหาอีกฝ่ายจนแทบเรียกว่าวิ่งป๋อ เตรียมตัวเดินทางกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

กว่าจะแต่งตัวเสร็จนะคุณนาย…

เมื่อคืนก็ไม่มีอะไรมาก แค่โดนอีกฝ่ายจุมพิตและจับล้มตัวลงนอน ทั้งที่ตอนแรกอีกฝ่ายหมายมั่นจะให้ข้านอนที่พื้น แต่ไป ๆ มา ๆ กลับกกกอดนอนด้วยเสียเอง

หึ ! คนอย่างหฤษฎิ์เดาใจไม่ได้หรอก ชอบปลิ้นปล้อนหลอกลวง !

ข้าเว้นระยะห่างพวกเราสักห้าเก้า หากทำได้ถึงสิบเมตรก็ย่อมกระทำ เจ้าตี๋หันมามองข้าที่คล้ายรังเกียจ แถมเชิดหน้าหยิ่งทะนง

เหอะ มองทำไมไอ้คนป่าเถื่อน ไม่เคยเห็นสัตว์โลกน่ารักหรือไงกัน

“วันนี้อึ้ไปยังครับ”

อ๊ากกกก กล้ามาก ! ริอาจมาถามเรื่องสารพัดสุขดิบของข้า แน่นอนว่าข้าไม่ตอบหรอกส่งผลให้คนตัวโตรีบอุ้มข้าเข้าไปนั่งบนชักโครกภายในห้องน้ำ

ครั้นเข้ามาภายในก็ต่างคนต่างเงียบทันที ตาประสานตาอย่างกับต้องการส่งผ่านกระแสจิต อีกฝ่ายยังคงยืนงันจ้องหน้าข้า ส่วนข้านั้นก็แหงนหน้ามองอีกฝ่าย ไม่คิดจะปริปากแต่อย่างใด

คนจะปลดทุกข์ยังกล้ามาเสนอหน้าอีก นอกจากจะโรคจิตไม่พอยังเป็นพวกชอบกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกใช่หรือไม่ ?

“ทำไมไม่ยอมอึ้ล่ะ”

พรึ่บ ! ข้ายกครีบในบันดล ชี้ไปยังบานประตูที่เปิดค้างเอาไว้ ตอบคำถามด้วยการกระทำ

ไสหัวออกไป…

“โอเค”

ผีหลอก ! ข้าอ้าปากเหวอ ดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายก้าวขาออกไปและยอมปิดประตูทิ้งท้าย ที่อึ้งไม่ใช่อะไร แต่เพราะว่าวันนี้เจ้าตี๋ฉลาดนัก สงสัยอีกฝ่ายคงนอนเต็มอิ่ม ตื่นเช้ามาคงได้ดื่มแบรนด์ซุปไก่สกัด

อืม ๆ ดี ๆ ขอให้ฉลาดแบบนี้ไปนาน ๆ ข้าบวกเพิ่มให้อีกห้าสิบแต้ม แม้จะจำไม่ได้ว่ายอดคะแนนรวมของเจ้าเท่าไหร่กันแน่ ฉะนั้นเอาเป็นว่า… เริ่มจากศูนย์ใหม่ละกัน

เมื่อทำอะไรเสร็จสิ้นข้าก็หมุนตัวหันไปกดชักโครกด้วยตนเอง เสียงน้ำไหลวนเชี่ยวกราก ก่อนจะได้ยินเสียงบานประตูเปิดเข้ามา อีกฝ่ายจ้องหน้าข้าคล้ายแปลกใจ ฉุกคิดเอ่ยชม “เก่งหนิ”

‘อ่าฮะ’ ข้าพยักหน้ายอมรับ รู้ตัวดีว่าฉลาดนักหนา ทว่ามาสะดุ้งโหยงกับการกระทำของคนตรงหน้าที่ย่างกรายเข้ามา ใช้ฝ่ามือหยิบสายฉีดชำระล้าง โน้มตัวลงต่ำ มืออีกข้างที่ว่างอยู่แตะลงบนพื้นผิวลำตัวของข้า เรียวแขนโอบประคอง เอื้อนเอ่ยถ้อยคำในวินาทีถัดมา

“ล้างก้นด้วยนะ”

อ๊ากกกกก แทบอยากจะมุดหน้าหนีลงชักโครก ไหลวูบไปกับท่อระบายน้ำทิ้ง หัวใจของข้าระส่ำระส่าย หน้าแดงก่ำเพียงเพราะถูกกระทำเหมือนเด็กทารก

บวกเพิ่มความดีให้อีกหนึ่งร้อยคะแนน หักลบกับการที่ทำให้ข้าอับอายขายขี้หน้าอีกหนึ่งพันแต้ม

“ไปกัน” อีกฝ่ายล้างมือเสร็จสรรพก็โอบอุ้มตัวข้า พาเดินดิ่งออกจากห้อง

ข้าถูกพาดหัวอยู่บนลาดไหล่ของอีกฝ่าย ไม่กล้าที่จะช้อนตามองเลยสักนิด ครั้นมาถึงรถยนต์สีดำเงางามก็ถูกนั่งให้อยู่ด้านข้างของฝั่งคนขับ เหลือบ ๆ มอง ๆ เจ้าตี๋ที่เริ่มสตาร์ทรถ ขับเคลื่อนออกจากตัวบ้านก็ยื่นปลายนิ้วไปเปิดเพลงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์

ข้าฮัมเพลงในใจที่เคยรับฟังสมัยเป็นมนุษย์ จนกระทั่งบทเพลงถัดมาเริ่มขึ้น เสียงร้องก็ถูกแทรกแซงจากคนใกล้ตัว ปลายนิ้วชี้ที่จับพวงมาลัยกระดิกไปมาเคาะจังหวะ

“มีใครที่เขาเฝ้าคอยแต่เธอตรงนี้ รู้ยัง ~ ไม่ใช่ความบังเอิญ ก็ตั้งใจเดินมาให้เจอ Yeah ~”

หืม ?

ข้าที่ก้มงุดอยู่นานพลันเหลือบมองคนที่ใช้น้ำเสียงก้องกังวาน แฝงไปด้วยความทุ้มขรึมและนุ่มนวลอยู่ในที หากไม่คิดจะคัดค้านก็ต้องยอมรับจากใจจริงว่าเจ้าตี๋วินาทีนี้ดูหล่อเหลา มีเสน่ห์เหลือล้นที่ผู้หญิงทุกคนเห็นเข้าคงอ่อนระทวย ไม่ว่าจะน้ำเสียงที่ร้องออกมาประหนึ่งเป็นนักร้อง บวกกับความธรรมชาติของท่าทาง คล้ายมีความสุขและเคลิบเคลิ้มกับท่วงทำนอง

ริมฝีปากหยักหนาขยับเขยื้อน กรีดกรายรอยยิ้มสว่างไสว ดวงตาสุกสกาวทั้งที่กำลังพิศทิศทางเบื้องหน้า ข้าสังเกตได้ถึงสันกรามได้รูปที่ทำให้ใบหน้าคมคายผอมตอบยามรำพัน ศีรษะขยับขึ้นลงเบาบาง พลางเอียงไปซ้ายทีขวาที ส่งผลให้ลำตัวล่ำสันโครงเครงไปตามจังหวะสม่ำเสมอ ช่างดูดีไร้ที่ติ

ตึกตัก ๆ หัวใจของข้าสั่นไหวกับปรากฏการณ์ที่พบเห็น คันรถหยุดลงเพราะติดไฟจราจร เผลอจ้องนานจนอีกฝ่ายที่รู้สึกตัวหันมามองทางข้า ใช้ดวงตาเรียวคมพินิจมองสัตว์ตัวจ้อยที่ไม่คิดจะละสายตาหนีไปไหน เป็นจังหวะเดียวกับท่อนฮุกเริ่มขึ้น

“เธอคงยังไม่รู้ ว่ามีหนึ่งคนแอบรักเธอ ~ แอบดูแลแต่เธอ ทำอะไรเพื่อเธอเหมือนไม่ตั้งใจ ~” เจ้าตี๋ส่งรอยยิ้มหยาดเยิ้มมาทางข้า ร่ำร้องบทเพลง…

“ถ้าเธอได้ฟังเพลงนี้ ~ ก็อาจจะพอได้รู้ใจ” เว้นจังหวะ “กับความจริงข้างใน ที่มันทำยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไปสักที ~”

“…”

“ว่าใครที่อยู่ตรงนี้ ~ รู้ยัง ~” จบถ้อยคำนี้ก็กระพริบตาใส่ข้าทีนึง ยื่นแขนมาลูบหัวข้าแล้วผละจาก

อืม อารมณ์ดีเนอะ สุนทรีย์ขนาดนี้ไปเดอะวอยซ์เถอะ…

ข้ารีบหันหน้าหนีไปอีกทิศทาง ทิ้งตัวลงนอนข่มตาหลับ ปล่อยให้หัวใจสั่นรัวแรงจนแทบจะทะลุออกจากอก

ข้าว่าข้าควรไปหาหมอ ลากเจ้าตี๋ไปบำบัดทางจิตด้วยน่าจะดี

ข้ารู้สึกร้อน ๆ ไปทั้งตัวเหลือเกินในตอนนี้ โดยเฉพาะบริเวณหน้า สงสัยคงไม่สบาย คาดคะเนว่าอาจเป็นผลพวงจากเมื่อคืนนี้ สิ่งสกปรกของเจ้าตี๋มันซึมซับไปตามผิวหนัง…

มันต้องใช่แน่ ๆ

 

“เอ้าฮึบ !” เสียงปลุกเร้าให้ขยันขันแข็งดังลอดขึ้น ตามมาด้วยฮูล่าฮูปที่โยนไปให้สิงโตทะเลตัวใหญ่ที่หดคอและลุกขึ้นรับ

ข้าได้แต่แหงนดู ลำตัวเอนกายนอนพิงพนักแผงอกของเจ้ามนุษย์ตี๋ที่ให้นั่งหนุนตัก มือข้างหนึ่งของคนด้านหลังเอื้อมหยิบปลามาใส่ปากให้กลืนลงท้อง

ข้าเคี้ยวจ็อบแจ็บ มองการฝึกฝนของสัตว์อย่างตื่นตาตื่นใจ เหมือนได้ย้อนไปดูการแสดงสมัยแบเบาะ มีพ่อแม่จูงไปดูสัตว์ต่าง ๆ นา ๆ ส่วนข้าในตอนนี้คร้านเกินจะทำเช่นนั้น ได้แต่พินิศและวาดหวังภายในใจ

‘ขอให้เจ้าตี๋ไม่ฝึกข้าควงฮูล่าฮูป…’

“อิ่มยัง ?” เจ้าตี๋โน้มหน้าลงมากระซิบข้างใบหู พรูลมหายใจอุ่นร้อนทำให้ข้าขนลุกซู่ ก่อนจะส่ายหน้าตอบกลับว่าข้านั้นยังไม่อิ่ม

ทว่า... “กินไปสิบตัวแล้วนะ ยังไม่อิ่มอีกเหรอ” คนด้านหลังถกเถียง จนข้าแอบนึกรำคาญภายในใจ

เอองงงวยสิ้นดี มาถามแต่ก็ยังมีหน้ามาโต้แย้ง สรุปใครเป็นคนกินถ้าไม่ใช่ข้า สอรอนอดีนัก วันหลังก็ไม่ต้องมาถามเลยนะ เออออห่อหมกแทนข้าเลยละกัน

แท้จร้งข้าอิ่มจนจะอ้วกอยู่ละ แค่ไม่อยากฝึกซ้อมการแสดงก็เท่านั้นเอง พยายามหาเรื่องอู้งานเฉย ๆ

“งึก ๆ” ด่าในใจแต่ก็ยังพยักหน้ารับ เจ้าตี๋เห็นดังนั้นก็หยิบปลามาป้อนใส่ปากข้าอีกครั้งนึง เรียวแขนข้างซ้ายโอบที่ข้างลำตัว

อ่าวอิห่าหนิ…

เพี๊ยะ ! ข้ายกครีบตีบุรุษที่คิดลวนลาม “โอ๊ะ !” อีกฝ่ายร้องครวญออกมา รีบถอยร่นในทันใด ชั่วอึดใจก็กลับมาสัมผัสใหม่ ไม่คิดจะคร้ามเกรงเลยสักนิด

ข้าตีมันไปสองสามหน ท้ายที่สุดก็ไม่มีความสะทกสะท้านแต่อย่างใด เจ้านี่หน้าหนังหนายิ่งนัก ข้าจึงปล่อยเลยตามเลย ไว้หาหนทางแก้แค้นเมื่อมีโอกาสก็ยังไม่สาย

ผ่านไปครู่นึงก็เลิกให้อาหาร เจ้าตี๋ปล่อยให้ข้าพักย่อยสักสิบห้านาทีจึงเริ่มเอ่ยปากสั่งการ พร้อมกับการกระทำที่อุ้มตัวข้าวางลงบนพื้น ส่วนตัวเองนั้นรีบหยัดกายขึ้นยืน

“ไปเถอะ พอได้แล้ว เดี๋ยวค่อยกินใหม่นะครับ เรามาซ้อมกันก่อนดีกว่า”

‘ไม่อาวววว’ ข้าส่งเสียงร้องอุ๋งที่มนุษย์มักได้ยิน แต่คำที่ใช้ออกไปคือการอวดครวญเหมือนเด็กงอแง ไม่วายสะบัดใบหน้าไปมา

เจ้าตี๋มองข้าแล้วยิ้มเฉย ๆ มองเมินท่าทางเกียจคร้าน ก่อนจะเดินไปหยิบถุงที่มีแครอทออกมาอันนึง มืออีกข้างหยิบลำโพงขนาดเล็กพกติดกาย จากนั้นจึงวางไว้ตรงหน้า ล้วงหยิบมือถือมาค้นหาเพลงและกดเปิด

[เพื่อนฉันเป็นชาวเขาชาวดอย ตัวน้อย ๆ หน้าตาขาว ๆ]

เอ๊ะ ทำไมมันคุ้น ๆ จังวะ ?

[มาโรงเรียนก็มากันแต่เช้า ทั้งม้ง เย้า กระเหรี่ยง มูเซอ]

ฉิบ… ข้าเริ่มอ้าปากมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาเบิกถลนกับดนตรีที่เคยได้ยินตอนเยาว์วัย ตอนแรกจำไม่ค่อยได้หรอก มาประจักษ์แจ่มแจ้งก็ตอนที่เจ้าตี๋กรอไปถึงท่อนฮุก

[โอ๊ะ เอาแคเหราะ มา ฝะ หยะ ให้เธอได้กี ผะ มีวิตามิ ไม่ ต้อง กี ขอ แพ]

“…”

[โอ๊ะ เอาแคเหราะมาฝะ หยะ ให้เธอแขะแรง แก้มของเธอจะแด แดงเหมือนสีแครอททท]

“…”

[ลา ~ ลันลา ลันลา ~  ลัน ลัน ลันลา ลันลา ลันลา ~]

โครม ! ข้าเอาหัวไปชนลำโพงเล็ก ๆ ในทันทีจนเกิดเสียงครืด ๆ สะใจไม่พอก็รีบก้มหน้าใช้ปากงับไอ้สิ่งเล็ก ๆ ที่มีเนื้อร้องออกมาเขวี้ยงไปอีกทิศทางกระแทกกับพื้นเรียบลื่นอย่างจัง

“ตัวเล็กกกก !” เจ้าตี๋กรีดร้องโวยวาย วิ่งพรวดไปหยิบลำโพงที่พกติดตัวมา รีบก้มลงสำรวจความเสียหาย

อีกฝ่ายเอียงหน้าหันมามองข้าที่พ่นลมหายใจรัวแรงเป็นฟืนเป็นไฟ ดวงตาเขม็งฉายแววไม่พอใจชายฉกรรจ์

ข้าไม่อยากเต้นเพลงนี้ ! ทำไมเจ้าถึงได้ให้ข้าเต้นเพลงนี้กัน น่าขายหน้าสิ้นดี มันเป็นเพลงที่ข้าเคยเต้นตอนสมัยอนุบาล แต่ตอนนี้เจ้ากำลังทำให้ข้าย้อนกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อน หากเป็นเพลงของแบล็กพิ้งก์ที่ร้อง ‘รอปอภอ ปอภอ ปอภอ ~’ ข้าจะไม่ว่าสักครึ่งคำ !

“ลองดูกันก่อนนะครับ ถ้าหลังจบการแสดงนี้ จะพาแอบหนีไปเที่ยวทะเล” อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงออดอ้อน ยื่นข้อเสนอล่อลวงมาทางข้า

เหอะ เจ้าคิดว่าข้าจะยอมตกลงเหรอ ?

“นะครับ”

ข้ารีบคลานไปหยิบแครอทมาคาบในปากทันที

จวบจนกระทั่งเวลาผ่านพ้นไป ท้ายที่สุดเพราะคำสัญญาที่ตกลงกันไว้ และด้วยความที่ข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ปากของข้าในตอนนี้จึงกำลังงับแครอทแข็ง ๆ อยู่ หน้าตนเองก็ซังกระตายสุดชีวิต โยกคอไปมา หดลงและโยกไปทางซ้าย หดลงและโยกไปทางขวา บทเพลงร้องว่า ‘โอ๊ะ เอาแคเหราะมาฝะ’ แต่ในใจของข้าแปรผันบทเพลงให้ผิดเพี้ยนไป ทุบทำลายเนื้อร้องในวัยเยาว์

‘โอ๊ะ เอาดิลโด้มาฝะ หยะ ให้เธอได้ลอง รูของเธอจะแด ~ แดงเหมือนสีแครอทททท ~ หลั่นลั้น ลัน ๆ ล้า ลัน ลัน ลันลา ลันลา ลันลา ~’

“ไม่ดี เอาใหม่ครับ เต้นเพลงให้มีความสุขหน่อย”

โธ่เว้ย ! พรวด ! ข้าพ่นแครอททิ้ง แม่งพอกันที ! เต้นก็แล้ว ! โยกก็แล้ว ! ถ้าไม่มีข้อผูกมัดว่าจะพาข้าไปเที่ยวข้างนอก ไม่ฉวยโอกาสพูดออกมาข้าก็ไม่มีวันทำเช่นนี้หรอก แต่พอข้าทำก็ดันไม่ได้ดั่งใจเจ้า ลองทำเองดูไหม ? เต้นเองเลยไหมห๊ะ !!

ดุ๊กดิ๊ก ๆ ข้าใช้ครีบกระเถิบตัวอย่างว่องไว ความโมโหจนกู่ไม่กลับอาศัยจังหวะก้มลงงับที่ต้นขาของชายหนุ่มเสียงดัง “งั่ม !!”

“โอ๊ย !” เจ้าตี๋ร้องลั่น ทำให้คนที่กำลังฝึกสอนสิงโตทะเลพลอยตกใจ

อีกฝ่ายโน้มกายลงมา งัดปากของข้าให้ออกจากเรียวขาขาว ทว่าตัวข้านั้นกลับลงแรงมากยิ่งขึ้น ไม่ได้ฉุกคิดจะกัดให้หนักหนาสาหัส แต่ก็มากพอที่จะทิ้งร่องรอยเขี้ยวเล็ก ๆ เป็นการฝากฝัง

เจ้าตี๋สะบัดขาที่กำลังถูกกัด ส่วนข้านั้นลำตัวโครงเครงไปมายามถูกโบกสะบัด ท่อนขาใหญ่นั้นรัวแรงคล้ายจะสะบัดแมลงให้หลุดออกจากตัว

ข้าส่งเสียงฮึ่มไม่คิดจะผละจาก เกาะติดหนึบไม่ต่างจากตุ๊กแก เมื่อยสันกรามขนาดไหนก็ไม่วันย่อท้อจะปลดปล่อย

ไม่มีวัน…

เจ้ากล่าวหาว่าข้าเต้นไม่ดี ทำดีแค่ไหนเจ้าถึงจะพอใจ !

 

เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ๆ เสียงของยัยหอยนางรมก็ดังขึ้น เธอเห็นชายหนุ่มหน้าซีดเซียวกำลังเดินมารับกล่องข้าวที่ฝากซื้อ

คนหล่อเหลามีสีหน้าเหยเก ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด

“ขอบคุณครับ” ยื่นมือไปรับข้าวจากหญิงสาว ไม่คิดจะสนใจสายตาของเธอที่ฉุกคิดจะเอื้อนเอ่ยตั้งคำถาม

ร่างสูงใหญ่หันหลังเดินกลับ ลากขาที่หนักหน่วงไปหาเก้าอี้โดยมีเงาติดตามตัวไล่ตามท้าย ทุกครั้งที่อีกฝ่ายพยายามขยับเท้าที่แทบจะเรียกว่ากระเถิบ ตัวของข้าก็ยิ่งไถลกายไปกับพื้น ถูกลากไปมาโดยไม่จำเป็นต้องใช้แรง

“เฮ้อออ” ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างปลงตก เม็ดเหงื่อผุดไหลไปตามกรอบหน้า ก้มลงมองข้าที่อยู่ใต้ร่างเป็นชั่วโมง

“ตัวเล็กปล่อยตี๋เถอะครับ” อีกฝ่ายส่งน้ำเสียงออดอ้อน ขณะที่ซี่ฟันของข้ายังงับอยู่ พลางถลึงตาใส่คนตัวโต นึกก่นด่าภายใจ

“นะครับ”

หึ เจ้าเว้าวอนไปก็เท่านั้น

ข้าลงแรงมากยิ่งขึ้น…

“โอ๊ย !” เสียงเจ็บริ้วจึงตามมา

 

“ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะ” เจ้าของสวนสัตว์ตะลึงงัน ชี้นิ้วไปยังสิ่งเบื้องล่างที่กัดเรียวขาของลูกชายคนโต

วันนี้กะจะมาดูการฝึกซ้อมของเจ้าตัวเล็กที่ลูกชายเป็นคนรับผิดชอบ แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

เรียวคิ้วของตี๋ขมวดยุ่งเหยิง ริมฝีปากบิดเบี้ยวร้องซี๊ดซ๊าด ต้องแอบก้มลงไปนวดน่องขาในบางครั้งบางครา ไม่กล้าจะฉุกคิดทำอะไรขัดใจเจ้าตัวเล็กเลยสักนิด ทุกครั้งที่เดินก็ย่อมมีเสียงครืดคราดถูกลากไปมา สิงโตทะเลรุ่นลูกไม่ยอมผละจากแต่อย่างใด แม้จะผ่านไปสามชั่วโมงกว่า ๆ

“ผมคงทำให้เจ้าตัวเล็กไม่พอใจ” เขาตอบออกมา รีบก้มลงดูปฏิกิริยาของเจ้าตัวเล็ก

“ทำไมล่ะ” คุณพ่อเอ่ยถาม

“ผม…” ตี๋ลังเล กลัวตอบผิดอาจจะมีปัญหาในทีหลัง พยายามย้อนคิดหาเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวเล็กเกรี้ยวกราด

ลืมคิดข้อนี้เสียสนิท…

หรือเพราะว่าเขาติเตียนมัน ?

ตี๋เริ่มสูดอากาศเข้าปอด ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วยิ่งซีดลงหนักกว่าเก่า ลองกลั้นใจตอบคำถามที่ไม่รู้แน่ชัดว่าใช่เหตุผลจริง ๆ ไหม แต่ลองเสี่ยงทายกันดู

“คงเพราะดันไปบอกว่าเจ้าตัวเล็กเต้นไม่ดีน่ะพ่อ แต่จริง ๆ แล้วน้องเก่งมากครับ ฉลาดมากด้วย และก็…น่ารักมาก ๆ เลย”

ฉับพลันก็รู้สึกโล่งโปร่งจากเรียวขาที่ถูกกัด คนตัวโตสะดุ้งโหยงรีบก้มหน้าลงต่ำ มองสิงโตทะเลที่เชิดหน้าขึ้น คลานต๊อกแต๊กไปอีกทางอย่างภาคภูมิใจ ไม่มีความโมโหร้ายเฉกเช่นเมื่อครู่

ชายหนุ่มหลุดเสียงคราง

“อาห์” สงสัยเจ้าตัวเล็กชอบการเยินยอ…

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[7]

 

“ผมขอเอาเจ้าตัวเล็กกลับไปนอนที่บ้านนะครับพ่อ”

ควับ ! เสียงลมวูบผ่านอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยใบหน้าของข้าที่หันไปมองชายฉกรรจ์ ระยะห่างที่เคยทิ้งไว้ บัดนี้ย่นระยะทางลง รีบกระเถิบตัวอย่างหุนหันพันแล่น ส่ายหน้าบ่งบอกผู้เป็นพ่อของเจ้าตี๋ที่กำลังยืนกอดอก ขณะที่มือข้างหนึ่งใช้ปลายนิ้วลูบสันกรามไปมาเหมือนกำลังไตร่ตรองความคิด กลับถูกลูกชายตัวดีรีบช่วงชิงเสริมคำพูด ชักจูงผู้ฟังเอาไว้ว่า…

“ผมอยากเอาเจ้าตัวเล็กไปฝึกที่บ้าน เผื่อน้องจะได้เชื่องกับผมด้วย” เจ้าตี๋ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลพูดจาดูดีมีเหตุผล ต่างจากข้าที่ลำคอกระตุกจนต้องหดลงไปด้านหลัง ดวงตาเบิกถลน ปากอ้าเหวอชวนน่าขบขันเป็นสระอิ อยากจะอาเจียนกับคำๆ นั้น

พอได้สติก็รีบเอ่ยโต้แย้ง ก่นด่าคำพูดจอมปลิ้นปล้อน

“อุ๋งๆ !” (ตอแหลมสิ้นดี !) จะพาข้าไปทำเรื่องสัปดนล่ะสิไม่ว่า !

ทว่าเจ้าตี๋กับใครอีกคนไม่คิดจะสนใจข้าเลยสักนิด สิ่งที่ตามมาเลยเป็นคำพูดปณิธานที่ทำให้ข้าเลือดขึ้นหน้า

“สัญญาว่าจะดูแลเป็นอย่างดีครับ” ร่างสูงว่าพลางประดับรอยยิ้ม ก้มหน้ามองสิงโตทะเลเฉกเช่นข้าอย่างกับรักใคร่เอ็นดู

เหอะ พูดออกมาได้ยังไง เฮงซวย !! การดูแลของเจ้ามันเป็นการกระทำที่ขัดแย้งสิ้นดี มีอารมณ์วิปลาสกับสัตว์ แถมยังมีหน้ามาช่วยเหลือตัวเองจนกล้วยน้ำว้าล้นทะลักเป็นกล้วยบวชชี มองจากดาวอังคารก็ยังรู้เลยว่ามีมนุษย์ตอแหลอยู่บนโลกระยิบระยับ

คนคนนั้นก็คือเจ้า !

ข้าไม่เอาแล้วนะ ! ไม่อยากจะไปนอนด้วยเลยสักนิด ตั้งแต่เจอมะเขือยาวก็หลาบจำ กรีดร้องจนแสบคอเต็มไปหมด ฉุกคิดว่าจะต้องเจอมันอีกก็เล่นเอาขนลุกเกรียวไปทั่วสรรพางค์

ฉะนั้นข้าขอปฏิเสธ !

“งั้นพ่อเองก็ตกลง”

ปัดโธ่โว้ยยย ! เคยเห็นหัวข้ากันบ้างไหมนะ ! ก็เพราะเหตุนี้ไง ลูกชายของเจ้าถึงได้เป็นเด็กเอาแต่ใจ สัปดนเป็นคนโรคจิตจนมีอารมณ์ที่แสนวิปริตกับสัตว์ที่แสนน่ารักเฉกเช่นข้า !

“ขอบคุณครับ” เจ้าตี๋ผลิรอยยิ้มแย้มบาน

น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด ! ข้ารีบคลานไปหาเพื่อนร่วมโลกที่กำลังนอนอุตุ ทำอะไรไม่ได้เลยพาลใส่สิงโตทะเลที่นอนอยู่ริมสระ ดันปลายจมูกผลักดันสัตว์ตัวจ้อยที่ตัวใหญ่กว่า เสียงโครมของสระน้ำดังกระจายจนล้นทะลัก ก่อนจะตามมาด้วยใบหน้าตกตะลึงพรึงเพริดของสิงโตทะเลรุ่นลูก รีบตะเกียกตะกายขึ้นจากฝั่ง

พอปรายตามองจึงรู้ว่าเป็นตัวเดียวกันกับที่ถูกข้าลากไปสังเวยในคราก่อน เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนในการแสดง เห็นดังนั้นก็แอบเหวอเล็กน้อย

อ่าว โทษทีๆ ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นเจ้า…

เจ้านั่นหันซ้ายแลขวาดังพึ่บพั่บ ตาขาวแดงเถือกคล้ายโมโห หาผู้กระทำที่ผลักตนเองลงแม่น้ำ

ข้ารีบตีหน้าใสซื่อในทันที พลางเอี้ยวตัวหันไปมองบุรุษที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ้มมาทางข้า ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยถ้อยคำ

“น่ารักตลอดเลยนะเราอะ”

หึ ! ข้ารีบเชิดหน้าขึ้น ใช้ครีบกระเถิบเข้ามาเข้าใกล้อีกฝ่ายที่ขยันปากหวาน ก่อนจะถูกโอบอุ้มให้แนบอยู่ระดับอก จากนั้นจึงพูดคุยกับคนเป็นพ่อของตนเองต่อ ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าข้าจะสมยอมแต่อย่างใด

ยอมให้เจ้าตี๋อุ้มเพราะพูดจาดูดีมีเหตุมีผล ประการแรกคือการเอ่ยชม ส่วนประการที่สองและสามนั้นยังไม่มี ปล่อยให้อีกฝ่ายหลงเชื่อว่าตัวข้านั้นเป็นสัตว์โลกที่แสนน่ารัก

“วันนี้พ่อกับแม่จะไปนอนบ้านนู้นด้วยนะ เดี๋ยวตังเมกับหลานๆ จะตามมา ทำบาร์บีคิวปิ้งย่างกินกันหลังบ้าน เห็นว่าพวกเจ้าทับทิมกับเจ้าแทนไทบ่นอยากทาน”

“อ่าว แล้วบ้านหลังใหญ่ของเราล่ะครับ” เจ้าตี๋ดูแปลกใจในทีแรก ก่อนจะแปรผันเป็นหงุดหงิด

ข้าที่แหงนหน้ามอง พลันได้เห็นสีหน้าที่ขมวดคิ้วยุ่งยาก ดูแอบไม่พอใจกับคำพูดของคนเป็นพ่อ ชั่วอึดใจก็หลุบสายตาลงต่ำมองมาทางข้า ฉายแววนึกสลดคล้ายเศร้าสร้อย

หืม อะไรกันสีหน้าแบบนั้น ? ราวกับบุรุษที่อยากอยู่กับผัวเมียสองต่อสอง แต่กลับถูกขัดขวางจากคนในครอบครัว

อย่าบอกนะว่า… เจ้าคิดจะจับข้าทำเมียจริงๆ ไอ้คุณหฤษฎิ์ !

“อย่างงี้ผมก็ไม่ได้อยู่กับเจ้าตัวเล็กเลย” ร่างสูงบ่นพึมพำ แต่ก็ดังมากพอที่ข้าจะได้ยิน เสมือนจงใจให้ข้ารับฟังเพียงผู้เดียว

แต่ได้โปรด… ช่วยพูดให้กระจ่างชัดด้วย ! ไอ้คำที่ว่าไม่ได้อยู่กับข้านั้นคือเช่นไร นัยยะแอบแฝงคือการที่เจ้าจะยัดเยียดความเป็นผัวใช่หรือไม่ ?

โน โนนะยังก่อน ข้าไม่พร้อมจะถูกยัดเยียดความเป็นเมีย มีผัววิตถารแบบนี้น่ากลัวยิ่งนัก ผูกคอตายทิ้งเสียยังดีกว่า

“หืม นี่พ่อจะไปนอนค้างทั้งทียังต้องมีเหตุผลอีกเหรอ เจ้าตังเมก็อุตส่าห์เอาหลานมานอนด้วย เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งที ทำไมลูกพูดจาเหมือนไม่อยากให้พ่อกลับไปนอนบ้านซะอย่างงั้น”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย” เจ้าตี๋รีบตอบทันควัน พร้อมรอยยิ้มที่ส่งเสริมความหล่อเหลา

ข้ารีบหันไปจ้องหน้าผู้สูงอายุ ยกครีบข้างซ้ายชี้หน้าคนตัวโตที่กำลังอุ้ม ประกอบกับใบหน้าจิ้มลิ้มของข้าที่สะบัดไปมา อยากเอื้อนเอ่ยเหลือเกินว่าอย่าได้ไปหลงเชื่อลูกชายของเจ้าเชียว หมอนี่กำลังกลับกลอก ข้าแอบได้ยินว่าเจ้านี่อยากอยู่กับข้าตามลำพัง

รีบโทรหาจิตแพทย์เถอะ ข้าเกรงว่าเจ้านี่จะสถาปนาความเป็นเมียให้แก่ข้า เกิดเสียหายขึ้นมาค่าสินสอดของข้าแพงมากนัก พวกเจ้ารับมือไม่ไหวแน่ๆ ยิ่งบวกกับค่าชดเชยความเสียหาย ข้าริบหมดเลยนะแม้แต่โฉนดที่ดิน !

ฉะนั้นช่วยข้าก่อน !

“งั้นเดี๋ยวสี่โมงเย็นก็กลับบ้านได้เลย พ่อจะให้คนมาดูแลส่วนที่เหลือเอง”

โธ่เอ้ย ! ไอ้แม่เจ๊ด !!

“ขอบคุณมากครับพ่อ”

“อืม” คนตรงหน้าพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหมุนกายออกจากถิ่นฐานไม่วายเหลือบมองมาทางข้า พร้อมกับคำพูดทิ้งท้าย “เจ้าตัวเล็กคงชอบลูกมาก”

ข้ารีบส่ายหัวจนแทบจะหลุดออกจากตัวในทันใด มีหรือที่เจ้าพวกนี้จะใส่ใจ คนเคยไร้ตัวตนก็ยังไร้ตัวตนอยู่วันยันค่ำ เหนือสิ่งอื่นใดคือลมหายใจอุ่นร้อนของเจ้าตี๋ที่โน้มหน้าลงมา ส่งคำพูดที่มีผลกระทบต่อขั้วหัวใจ และถ้อยคำที่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีบุรุษพูดกับข้าเช่นนี้

“ผมก็ชอบน้องมากเหมือนกัน”

ตึกตัก ๆ

ราวกับมีผีเสื้อมาบินรายล้อมรอบตัว เข้ามาบินหยอกเย้าตรงกลางใจเสมือนเป็นดอกไม้ที่ผลิแย้มบาน ก่อนจะถูกเชยชิมความหวานหอมจากเกสรภายใน ทุกสิ่งที่ซึมซับมันนุ่มนวลและค่อยๆ กอบโกยจนข้ารู้สึกอ่อนระทวยไปทั่วร่าง

ข้าในยามนี้จึงไม่ต่างจากคำเปรียบเปรยเหล่านั้น วินาทีนี้กลับถูกเรียวแขนแข็งแรงโอบประคองเอาใจใส่ อีกทั้งรอยยิ้มที่มอบมาให้ก็ไม่ได้มีการเสแสร้งแต่อย่างใด ทว่าตัวของข้ากลับหดเล็กลงเพียงเพราะคำๆ เดียว

‘ผมก็ชอบน้องมากเหมือนกัน’

ข้าควรจะทำยังไงกับเจ้ามนุษย์ตี๋นี่ดี…

ในหัวของข้าเหมือนมีเทวดาตัวเล็กๆ ห้าหกตัวกำลังตีกวนอยู่ในห้วงความคิด

ปี๊ดดดด !!!

‘ประชุมจ้าประชุม ! หัวข้อในวันนี้คือการโดนสารภาพรัก !’ สิงโตทะเลสวมแว่นดำนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ใช้ครีบเบื้องล่างหยัดกายขึ้น ขณะที่ครีบเบื้องหน้าหยิบไม้เรียวตีไปที่หัวข้อบนกระดาน เหนือศีรษะมีวงล้อสีทองและปีกที่งอกงามออกมาจากแผ่นหลัง เพ่งสายตาไปยังสิงโตทะเลตัวอื่นที่เริ่มถกเถียง

‘เจ้ามนุษย์นี่หลงรักสิงโตทะเลอย่างพวกเรา’

‘น่าขยะแขยงยิ่งนัก ข้าเกรงว่าควรลากไปบำบัด’

‘แต่เราเคยเป็นคนมาก่อน จะรักกับมนุษย์ก็ไม่น่าผิดแปลกกระมัง’

‘แต่ตอนนี้เราเป็นสัตว์นะ แถมยังเป็นตัวผู้เสียด้วย !’

‘นั่นสิๆ ผิดธรรมชาติมั่กๆ เลย’

‘อีกฝ่ายก็บ้านรวย ดีกรีเลิศ หน้าตาหล่อเหลา พ่อเป็นเจ้าของอควาเรี่ยม แถมยังใหญ่อีกต่างหาก แค่กๆ ข้าหมายถึงอำนาจบารมี เอาเป็นว่า… เพอร์เฟคหมดยกเว้นจิตไม่สมประกอบ’

‘สมยอมให้เลี้ยงต้อยก็ไม่เลว’

‘ข้าแนะนำให้ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามวิถีธรรมชาติ เพราะความรู้สึกคนเรานั้นยากแท้หยั่งถึง’

‘อมิตาพุทธ’

‘ฉะนั้นกรุณายกป้ายผลโหวตด้วยจ้าาา ~’

ปี๊ดๆ !

‘ผลเป็นเอกฉันท์ออกมาว่า…’ เทวดาตัวน้อยในโลกจินตนาการบินมาเกาะไหล่ถือโทรโข่งพูดใส่หูของข้า ไม่ทันที่จะเอื้อนเอ่ยประโยคถัดมาก็ดันถูกบุรุษพลิกกายหันมาจ้องประจันหน้า ตั้งคำถามจนสิ่งนั้นผุดหายไปจากห้วงมโน

“ทำไมกลอกตาไปมา คิดอะไรอยู่เหรอครับ ?”

“…”

“หืม ? ถ้าเงียบจะจับจูบนะ”

น่าขยะแขยงยิ่งนัก ! ข้ารีบยกครีบมาปกปิดริมฝีปากของคนตรงหน้าในทันที

ถึงบอกไป เจ้าก็ไม่เข้าใจข้าอยู่ดี…

ข้าทำหน้าบึ้งตึงคล้ายรำคาญอีกฝ่ายที่ลำตัวสั่นไหว สะกดกลั้นหัวเราะข้างในลำคอ อยู่กับเจ้านี่มีแต่เรื่องวุ่นวายจริงๆ เลย…

 

จวบจนกระทั่งเวลาได้ผ่านพ้นไป ข้าในตอนนี้ก็ถึงบ้านของเจ้าตี๋เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก่อนหน้านี้แอบมีเรื่องน่าโมโหยิ่งนัก เพราะทีแรกกะจะกระโจนลงน้ำ ไม่อยากจะกลับไปนอนกับอีกฝ่าย มิทันที่จะย่างกรายไปขอบสระ ก็ดันถูกจับอุ้มไร้การหลีกหนี

แต่ไม่พอ ! เจ้ามนุษย์ตี๋ยังขออนุญาตท่านแม่ของข้าที่ไม่เข้าใจภาษาคนอีก บอกกับท่านว่าจะพาข้าไปนอนด้วยไม่ต่างจากเมื่อคืนนี้

ท่านแม่ของข้าที่เหลือบมอง เมื่อเห็นว่าข้าอยู่กับผู้ดูแลจึงไม่คิดจะใส่ใจ ปล่อยปละละเลยเพราะหลงคิดว่ามนุษย์ผู้นี้จะจิตใจดี แต่หารู้ไม่ว่าหมอนี่มันวิปลาสสิ้นดี ไม่ทันที่ข้าจะได้กรีดร้องขอความช่วยเหลือก็ถูกโอบอุ้มยัดใส่กระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย

ข้าได้แต่กรีดร้องอยู่ภายในดิ้นขลุกขลักไร้ซึ่งหนทางออก อยากจะบอกเหลือเกินว่า ‘ไอ้ฉิบหาย เปิดที่ถ่ายเทอากาศให้กูด้วย !’

โชคยังดีที่เจ้าตี๋ไม่ได้ยัดเยียดให้ข้าอยู่แต่ข้างในกระเป๋า อีกฝ่ายมักอำพรางตัวข้าไว้ก็ต่อเมื่อมีคนชุลมุนวุ่นวาย หรือเสี่ยงต่อผู้คนจะพบเห็น ครั้งนี้ข้าจึงไม่ได้ถูกจับยัดใส่กระเป๋าตั้งแต่ขึ้นรถอีกต่อไป

ขณะนี้ใบหน้าของข้าถูกจับให้เกยอยู่บนบ่าไหล่ และทันทีที่เข้ามาภายในบ้านก็พลันได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเหล่าเด็ก ๆ ซึ่งข้าเกลียดเด็กชะมัดยาด !

“พี่ตี๋ !!”

“เย้ ๆ พี่ตี๋มาแล้วววว”

โอ๊ยยยย ! ปวดหัวๆ ข้าอยากจะเอาครีบอุดหูเหลือเกินนัก สิ่งที่น่าสะเทือนขวัญยิ่งกว่าคือการสนอกสนใจของเหล่าเด็กๆ ที่เงยหน้ามามองข้าที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม

“ตัวไรอะ น่ารักจังเลยยยย” เสียงคำเยินยอของเด็กหญิงทำข้าอดไม่ได้ที่จะปรายตามองผ่านหางตา พยักหน้าเห็นด้วยกับคำๆ นั้น ใบหน้าน่ารักของเด็กที่อายุไม่เกินเจ็ดแปดขวบ กำลังจับจ้องข้าไม่วางตา

“น่ารักจังเลยครับพี่ตี๋”  ครั้งนี้การเอ่ยชมดังมาจากปากของเด็กชายที่ยืนขนาบข้างกายเด็กหญิง เจ้านี่ตัวสูงกว่ามาก ดูตัวโตกว่าคนข้างๆ คาดคะเนว่าอาจจะเป็นพี่ชายของอีกฝ่าย

“หนูขอลูบได้ไหมคะ ตัวมันดูนุ้มนุ่ม”

“ผมด้วยๆ”

ข้ารีบเชิดหน้าขึ้นหยิ่งทะนงกับคำเชยชม พลันหลับตาพริ้มสดับรับฟังคำสรรเสริญอีกสักหน่อย รู้สึกหัวใจกระปรี้กระเปร่าทุกครั้งที่ได้รับฟัง

เอาสิ พูดอีกสิ…

“งื้อออ น่ารักกก”

โอเค ๆ เห็นว่าพูดจาดูดีไม่ก้าวร้าว ข้าจะยอมเป็นเพื่อนเล่นให้พวกเจ้า

ข้าปรือตามองชายหนุ่มที่เหมือนลังเล ใช้ดวงตาเรียวคมจ้องหน้าข้าคล้ายต้องการคำตอบ ซึ่งข้าเองก็พยักหน้ายินยอม คาดเดาไปเองต่างๆ นาๆ ว่าอีกฝ่ายอาจต้องการจะสื่อว่าตัวข้านั้นคงไม่คิดจะทำร้ายหลานๆ

แต่ไม่เป็นไรหรอกหลานของเจ้าก็ดูเป็นเด็กดี เผลอๆ อาจจะทะนุถนอมตัวข้ามากกว่าเจ้าเป็นที่แน่ๆ

“ก็ได้ครับ” เจ้าตี๋ย่อเข่าลง อุ้มตัวข้าวางลงตรงหน้าเด็กๆ ที่ส่งสายตาแพรวพราว

“อย่าจับแรงนะครับ” ไม่วายเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงกึ่งดุเล็กน้อยจนสัมผัสแทบไม่ได้ ซึ่งข้านั้นที่ผ่านพ้นการเป็นมนุษย์มาก่อน จึงรับรู้ได้ไม่ยากว่ามันแอบคล้ายคลึงเหมือนเด็กหวงของ

ข้าหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ฝ่ามือขาวนุ่มของเด็กๆ ลูบไล้ตั้งแต่หัวจรดสะโพก แต่พอมีฝ่ามือหยาบกร้านที่ใหญ่กว่า ข้าก็รีบปรือตาจ้องเขม็ง ยกครีบข้างหนึ่งตีไปที่หลังฝ่ามือของเจ้าตี๋ที่คิดลูบไล้เสียดังเพี๊ยะ !

“โอ๊ย !” เจ้าตี๋รีบชักมือออก สะบัดไปมาเพื่อหวังทุเลาความเจ็บแสบ ส่งสายตาน้อยอกน้อยใจมาทางข้า

เดี๋ยวนี้หัดสำออยนักนะ !

ข้าส่งสายตาเรียบเฉยตอบกลับไป ขณะที่อีกคนทำหน้าราวตัดพ้อ ริมฝีปากทำท่าจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำก็ดันมีสตรีที่ส่งเสียงแหบพร่าดังลอดขึ้น

“อ่าว กลับมาแล้วเหรอลูก พ่อเขาอยากให้ไปช่วยดูรถที่หลังบ้านพอดีเลย”

“อ๋อ ได้ครับแม่” เจ้าตี๋แย้มยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินไปหาคนเป็นแม่พลางสวมกอดเหมือนคะนึงหา

ข้ากระพริบตาปริบๆ ชูคอมองบุรุษกับสตรีที่โอบกอดกัน ดูเหมือนครอบครัวอบอุ่นก็ไม่ปาน ซึ่งผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้แก่จนหัวหงอกเป็นสีขาว ใบหน้าแค่ปรากฏรอยเหี่ยวย่นเพียงแค่เจือจาง ดูแทบไม่ออกเพราะยังดูอ่อนเยาว์มากนัก อาจเพราะว่าอีกฝ่ายดูแลผิวพรรณมาอย่างดี

“โอ๊ะ ลูกเอาแมวน้ำมาเลี้ยงที่บ้านด้วยเหรอ ?” แม่ของเจ้าตี๋ที่เพิ่งสังเกตเห็นจึงลอบอุทาน ชี้นิ้วมาทางข้าที่กำลังใช้ครีบกะเถิบกายมาหาเธอ

“สิงโตทะเลครับแม่” เจ้าตี๋รีบแก้ต่าง

ส่วนข้านั้นทำท่าออเซาะใส่สตรีซึ่งตอนแรกแอบตกใจ เรียวขาถอยหลังไปก้าวเพราะเกรงกลัว แต่พอเห็นว่าข้ามาอย่างเป็นมิตร เจ้าตัวก็โน้มกายลงมา ฝ่ามือลูบไล้ไปที่ศีรษะของข้าอย่างนึกเอ็นดู จนข้าเริ่มหลับตาพริ้ม ทำสีหน้าเคลิ้มฝันกับความนุ่มนวล เผลอไผลจนเอาหัวของตนเองถูไถไปมากับฝ่ามืออุ่น ๆ

“น่ารักจังเลยนะ หิวข้าวไหมเอ่ย ?”

“อุ๋ง ~” ข้าขานรับ พยักหัวเล็กน้อยกับถ้อยคำเอาใจใส่ รู้สึกว่าแม่ของเจ้าตี๋นี่ดีนัก นิสัยดีแถมยังเอ็นดูข้าอีกต่างหาก เฮ้อออ น่าเสียดายที่เธอมีลูกเป็นเจ้าตี๋

น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดาย…

คิดดังนั้นก็ช้อนตามองคนเบื้องบนเล็กน้อย ส่ายหัวรับไม่ได้กับนิสัยของคนหล่อเหลา

มีลูกวิตถารแบบนี้เป็นข้าเอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เด็ก…

เจ้าตี๋เลิกคิ้วเหมือนเอะใจ ก่อนจะถูกแม่ตนเองถามไถ่ในครู่ต่อมา

“เจ้าหนูนี่มีชื่อเล่นไหมลูก ?”

“ชื่อเจ้าตัวเล็กครับแม่ จะเรียกตัวเล็กเฉยๆ ก็ได้ครับ ผมว่ามันน่ารักเหมือนกัน”

“อืม ดีๆ ชื่อน่ารักดี ฮ่าๆ ดูมันสิ อ้อนแม่ใหญ่เลย” แม่ของเจ้าตี๋ฉีกยิ้มกว้าง หัวเราะร่ามีความสุขเมื่อเห็นข้าเอาหน้าถูไถไปกับเรียวขาของเธออย่างออดอ้อน

ข้าชอบเสียงแม่ของเจ้าตี๋ยิ่งนัก โดยเฉพาะเวลาเธอยิ้มมันดูสวยมากๆ เลย ราวกับว่าเป็นผู้ใหญ่ใจดีจนน่าเคารพนับถือ

หลังจากนั้นไม่นานตัวข้าก็คลานตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินผ่านบานประตู ออกมายังข้างหลังบ้านที่มีหญ้าสีเขียวถูกตัดเล็มเป็นระนาบเดียวกัน

ยอมรับจากใจจริงว่าบ้านของเจ้าตี๋นั้นใหญ่นัก จริงๆ ข้าก็คร้านเกินจะเกริ่นบอก แต่มันเป็นบ้านสองชั้นหลังสี่ขาว มีพื้นที่กว้างขวางจนแทบจะปล่อยอุรังอุตังมาวิ่งเล่นกันได้

พื้นที่ข้างล่างจะมีห้องนั่งเล่นทางขวามือ ถัดมาทางซ้ายมือจะมีเคาท์เตอร์ห้องครัว ประกอบกับของใช้ครบครันและเครื่องดูดควันโขมง ส่วนห้องน้ำก็อยู่ใกล้ๆ ห้องทำอาหาร เมื่อเดินผ่านสองสิ่งนี้ก็จะมีพื้นที่โล่งโจ้ง ก่อนเลี้ยวขึ้นบันไดทางซ้ายมือก็จะมีห้องๆ หนึ่งซึ่งมีป้ายชื่อแปะอยู่ น่าจะเป็นห้องนอนของเด็กๆ ตรงกันข้ามก็เป็นห้องนอนของใครอีกคน

หลังจากทางขึ้นบันไดข้าไม่ก็ค่อยรู้รายละเอียดนัก เพราะตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรกก็ถูกยัดใส่กระเป๋า ไม่เคยได้วิ่งเล่นสำรวจถิ่นฐานเลยสักนิด เว้นก็แต่ห้องนอนของเจ้าตี๋แต่เพียงผู้เดียว ทว่าครั้งนี้ได้มีโอกาสจึงได้สำรวจรายละเอียด

เฟอร์นิเจอร์ล้วนถูกประดับตกแต่งได้อย่างเรียบง่าย บางชิ้นดูราคาแพงหูฉี่กันทั้งนั้น แม้จะแอบได้ยินมาเล็กน้อยว่าเป็นบ้านอีกหลังของพวกเขา แต่ก็ทำให้ข้าแอบตาพราวเสียอยู่ดี

ครั้นเดินผ่านขั้นบันได สุดทางเดินก็จะมีห้องรับประทานอาหาร และกรอบบานประตูสีน้ำตาลที่เปิดเข้าไปก็กลายเป็นหลังบ้านในท้ายที่สุด

มันมีทั้งต้นไม้โอฬารและพุ่มหญ้าเขียวชอุ่ม ดูโล่งโปร่งมากจนอยากนอนไปเกลือกกลิ้ง

ข้าได้พบเจอน้องสาวของเจ้าตี๋ที่มีลูกถึงสองคน ซึ่งนั่นก็คือน้องทับทิมกับเจ้าแทนไท รวมไปถึงแฟนหนุ่มของอีกฝ่าย กับพ่อของเจ้าตี๋ที่เคยพบเจอมาก่อน

ในยามนี้ข้าได้แต่แหงนหน้ามองเด็กๆ ที่เดินไปหยิบบาร์บีคิวกินกัน ขณะที่เจ้าตี๋ซ่อมแซมรถยนต์มอเตอร์ไซต์ของคนเป็นพ่อ จากนั้นจึงหยิบถังน้ำมันมาเติมใส่ยานพาหนะ ข้ามองอีกฝ่ายที่มือเปรอะเปื้อนกลิ่นน้ำมันเครื่อง ไหนจะอุปกรณ์ต่าง ๆ นา ๆ

“มันเหม็นนะครับตัวเล็ก ไม่ดีต่อสุขภาพ ไปอยู่กับน้องทับทิมกับแทนไทก่อนเถอะ” เจ้าตี๋กวักมือไล่ข้าให้ออกไปห่างๆ ก่อนจะจับชายเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อตามกรอบหน้า

ข้าพลันได้เห็นกล้ามหน้าท้องเป็นลอนๆ จนต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอ เพราะมันสวยมากและผู้หญิงเห็นทีคงกรี๊ดกร๊าดกันทั้งนั้น ไหนจะหยาดเหงื่อที่ไหลไปตามช่วงแผงอกจรดซิกซ์แพ็กส์ผ่านสีผิวคร้ามแดด บวกกับไรขนบางๆ ตามหน้าท้องน้อย ซึ่งมีเหงื่อไหลผุดซึมเปรอะเปื้อนตามขอบกางเกง

ช่างไม่ดีต่อจิตใจเอาซะเลย ข้ารีบเบนหน้าหนี กระเถิบกายไปหาเด็กๆ ผ่านพ้นไปสักพักก็ตามติดเจ้าตี๋ที่เดินไปเก็บข้าวของภายใน

อีกฝ่ายวางถังน้ำมันไว้ตรงพื้นที่รกๆ มุมห้อง กับกล่องไม้ขีดไฟที่พวกผู้ใหญ่นำมาใช้ตอนจุดไฟย่างบาร์บีคิว ข้าจับจ้องเจ้าตี๋ที่หยิบกล่องไม้ขีดไฟวางไว้ตรงชั้นเก็บของ ไม่ได้สูงเลยศีรษะของข้าเลยสักนิด

เก็บแบบนี้เด็กๆ มาเล่นเข้าจะทำยังไง ช่างโง่เง่าเต่าตุ๋น !

“ตี๋ขอไปอาบน้ำก่อนนะ ตัวเล็กอยากอาบน้ำด้วยไหม” คนตัวโตเอ่ยถาม

ข้ารีบส่ายหน้าปฏิเสธ ทำเจ้าตี๋ส่งเสียงหึๆ อย่างขบขัน ก้าวเท้าขึ้นไปบนห้อง ฉับพลันตัวของข้าที่ยืนมองอยู่ตรงขั้นบันไดก็ถูกโอบอุ้มด้วยอ้อมแขนเล็กๆ

ข้าส่งเสียงกรีดร้องตกใจดัง “กี๊สสสส” เพราะหลงคิดว่าจะถูกลักพาตัว

แต่ที่ไหนได้…

.
.
.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
.
.
.

“นี่คือชามะลิ มีกลิ่นหอมหวาน เผื่อองค์หญิงบาร์บี้จะชมชอบ” เสียงเล็กใสของเด็กหญิงที่ชื่อทับทิบดังอยู่ข้างลำตัว

บนโต๊ะกลมๆ และเก้าอี้ที่รายล้อมเหมือนกำลังจับกลุ่ม ข้าวินาทีนี้ได้แต่ปรือตามองอย่างเบื่อหน่าย แถมยังหนังตายังกระตุกกับสิ่งที่โดนกระทำ

อิหยังวะ… กระโปรงบานพลิ้วสีชมพูฟูฟองถูกสวมอยู่บนสะโพกของข้า เหนือศรีษะมีหมวกปาร์ตี้แหลมๆ

ข้าในตอนนี้ไม่ต่างจากม้ายูนิคอร์นที่มีเขาเลยสักนิด…

ข้ารีบกระโดดลงจากเก้าอี้เล็กๆ แต่ก็ถูกจับอุ้มให้มานั่งดังเดิม แถมยังถูกตราหน้าอีกต่างหาก

“ทำไมองค์หญิงตัวเล็กถึงได้ทำตัวไร้มารยาทถึงเพียงนี้ เห็นไหมว่าองค์หญิงตุ๊กตาบลายธ์ กับองค์หญิงบาร์บี้ยังคงนั่งอยู่ ดูสิ องค์ชายแซ็กกี้ทำหน้าไม่พอใจแล้ว” ริมฝีปากเล็กพูดจาอย่างฉะฉาน ก่อนจะดันถ้วยชาสีขาววางไว้ตรงหน้าตุ๊กตาผีสิงในหนังสยองขวัญ

ข้าอยากจะร้องไห้เหลือเกินนัก แม้แต่ตุ๊กตาแซ็กกี้ที่มาจากหนังฆ่าคนตายก็ยังถูกแต่งตัวเหมือนองค์ชายในยุคจีนโบราณ

นี่มันบ้าเกินไปแล้ว !

ข้าชำเลืองมองเด็กหญิงที่ยิ้มแย้ม หยิบกาน้ำชารินใส่แก้วอย่างอ้อยอิ่ง

“เชิญองค์ชายแซ็กกี้ดื่มเพคะ”

โอ้โห แซ็กกี้เลยนะ เจ้าหนูทับทิบไม่เคยดูหนังหรือไงกัน ไม่กลัวใบหน้าแย้มยิ้มที่มีแผลเลยสักนิด ขนาดตัวข้าเองยังนึกหวาดกลัวกับสีหน้าที่จ้องมองมา

“ต่อไปเป็นองค์หญิงตัวเล็ก”

โว้ยยยย ข้าเป็นตัวผู้เว้ย !

“อุ๋ง !!” ข้าส่งเสียงร้องคำรามเพื่อเอ่ยแย้ง แต่ก็ถูกตอบกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจจากอีกฝ่าย พลางหยิบไม้เล็กๆ ขึ้นมาทำท่าจะฟาดตัว ข้าจึงรีบหุบปากในบันดล

“กรุณาทำตัวให้สมเป็นกุลสตรีด้วยเพคะ อีกประเดี๋ยวเดียวเราจะมีการฝึกคัดลายมือ” หนูทิบทิมว่ากล่าว ก่อนจะลุกไปหยิบกระดาษสีขาวและดินสอมาแจกจ่ายให้แก่ตุ๊กตาตัวอื่นๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวข้า

ก็เพราะเหตุนี้ไงข้าถึงได้เกลียดเด็กนักหนา ! ขนาดเป็นสัตว์ยังต้องมานั่งคัดลายมือ โคตรบ้าชะมัด !

ฮืออออ เจ้าตี๋รีบมาช่วยข้าทีเถอะ ข้าจะยอมเป็นตกเป็นเบี้ยล่างให้เจ้าอีกหนึ่งวันเต็มๆ

ข้าหันซ้ายแลขวาหวังขอความช่วยเหลือ แต่ก็เห็นเพียงเจ้าแทนไทที่เป็นพี่ชายของอีกฝ่ายกำลังนอนเล่นมือถืออยู่บนผืนเตียง ไม่คิดจะสนใจแต่อย่างใด

“เริ่มได้ กรุณาจับดินสอเขียนบนกระดาษด้วยค่ะ”

ข้าหันมาจ้องหน้าเด็กดังเดิม อีกฝ่ายยังคงส่งรอยยิ้มเบาบาง ทว่ามือนั้นกลับหยิบไม้เรียวตีลงที่ขอบโต๊ะดังปึก ๆ คล้ายย้ำชัดว่าหากไม่กระทำตามคงได้เจ็บตัว

ฮือออ เจ้าเด็กไม่ปราณี  ! ข้าไม่น่าหลงเชื่อการเชยชม !

ข้าหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนพ่นลมหายใจอย่างรุนแรง พยายามใช้ครีบจับปลายดินสอ ร่วงแล้วร่วงอีกจนสุดท้ายต้องใช้ปากงับอย่างฉุนเฉียว  ครีบวางไว้ตรงมุมกระดาษเพื่อกันเขยิบไปมา ตัดสินใจขีดเขียนถ้อยคำสั้นๆ แต่เน้นกระชับในห้วงอารมณ์ กระดาษโล่งๆ จึงถูกแทนที่ด้วยลายลักอักษร คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเด็กฝึกหัด

คอ วอ ยอ

พรึ่บ ! เจ้าหนูทับทิมรีบแย่งในทันใด

“คืออะไร คอวอยอแปลว่าอะไรพี่แทนไทรู้ไหมคะ” หนูทับทิมหันไปถามพี่ชายคนโต

เจ้าแทนไทลุกขึ้นไปหยิบสิ่งนั้นมาสำรวจ พลางใช้นัยน์ตากวาดดูสามตัวอักษรที่เรียบง่ายอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพราะไม่เข้าใจความหมาย

“ไม่รู้สิ แต่เจ้าตัวเล็กเขียนภาษาไทยได้ เราลองไปถามพี่ตี๋กันดีกว่า” เด็กหนุ่มแสดงความคิดเห็น ดวงตาวาวระยับกับเรื่องอึ้งทึ้งในวันนี้

เหล่าเด็กๆ ดูตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก แต่นั่นก็เพราะว่าข้าโมโหร้ายจึงเขียนถ้อยคำสัปดนลงไป และไม่ทันที่พวกเด็กๆ จะก้าวเท้าออกจากห้อง บานประตูก็ถูกเปิดออก เผยใบหน้าคมคายและร่างกายกำยำที่ชำระล้างจนสะอาดหมดจด สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มสีเทา แต่งตัวเบาสบาย

ร่างสูงแย้มยิ้ม มองมาทางข้าในทีแรก ไม่ช้านานจึงหัวเราะขบขันกับการแต่งกายของข้า ก่อนจะก้มหน้ามามองเด็กๆ ที่วิ่งเข้าหาอย่างร้อนรน หัวใจของข้าก็พลันกระตุก

เกิดเจ้าตี๋รู้เข้าว่าข้าเขียนขึ้นมาก็ซวยกันพอดี !

ข้าทำท่าจะกระโดดลงจากเก้าอี้ แต่ก็ไม่ทันเท่ากับเด็กๆ ที่ชูกระดาษทนโท่ต่อหน้าต่อตาชายฉกรรจ์

“พี่ตี๋ๆ อันนี้อ่านว่าอะไร พวกผมไม่เข้าใจความหมาย” เด็กชายชูแขนขึ้นสูง กางกระดาษสีขาวให้อีกฝ่ายเห็นกระจ่างชัด

เจ้าตี๋โน้มหน้าลงมา อ่านถ้อยคำทีละตัว

“คอ วอ …” ก่อนจะสิ้นคำสุดท้ายก็รีบหุบปากลงฉับ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววถมึงตึง ชักสีหน้าไม่พอใจกับตัวอักษร

“ใครเป็นคนเขียนครับ ?” น้ำเสียงขึงขังไม่พอใจสุดชีวิต แผ่ออร่าอึมครึมทั่วกระจายไปมาจนน่าหวาดหวั่น

ข้าขนลุกซู่รีบก้มหน้างุดในทันที วินาทีเดียวกับที่เด็กผีทั้งสองรีบหันหลังชี้นิ้วมาทางข้าอย่างรวดเร็ว เจ้าผู้ชายดุดันจึงแหงนหน้ามองมา

ทว่า สิ่งที่อีกฝ่ายเห็นก็คงเป็นเพียงสิงโตทะเลที่ใช้ครีบประคองกาน้ำชาอย่างมั่นคง พยายามกลมกลืนไปกับบรรยากาศ ทั้งที่การกระทำนั้นผิดแปลกสิ้นดี

ข้าทำตัวไม่ถูกแล้ว  !!

ตัวข้านั้นใจเต้นดังระรัว ปลายครีบก็พาลสั่นระริก รู้สึกหวาดกลัวกับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายไม่เคยล่วงรู้ ข้าจึงรินน้ำชาเพื่อสวมบทบาทเป็นองค์หญิงที่แสนใจดี คล้อยตามในสิ่งที่หนูทับทิมอยากให้เป็น

‘ฮือออ ดื่มสิคะองค์หญิงตุ๊กตาบลายธ์ อีกไม่นานจะบ๊ายบายตามกันไป’

แก้วน้ำชานั้นหกล้นเจิ่งนองเต็มไปหมด โต๊ะทรงกลมเลยเปรอะเปื้อนไหลอาบเลอะโดนตุ๊กตา

“เจ้าตัวเล็ก…” เสียงของเจ้าตี๋ดูแหบพร่ากว่าที่เคยมีมา

ข้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไม่กล้าที่จะสบตาอีกคนจริงๆ จังๆ แต่ก็ดันเห็นใบหน้าที่เริ่มถอดสี แววตาเบิกกว้างเหมือนเจอเรื่องที่เกินความคาดหมาย มันสั่นไหวรุนแรงคล้ายแปลกใจ คล้ายดีใจ สับสนมึนงงเต็มไปหมด

ข้าทำตัวไม่ถูกเหลือเกินนัก และไม่ทันที่ข้าจะส่ายหน้าเพื่อเป็นการบ่ายเบี่ยง อีกฝ่ายก็ดันหยิบกระดาษสีขาวและเดินดิ่งมาอุ้มตัวข้าอย่างว่องไว

“เรามาคุยกันหน่อย” คนตัวโตกระซิบข้างใบหู รีบหันหลังเดินออกจากห้อง ก้าวขาข้ามผ่านขั้นบันได เพื่อพาไปยังห้องนอนส่วนตัว

ข้าจำได้ดีว่าฉากแบบนี้มันเหมือนางเอกที่ถูกพระเอกอุ้มพาดบ่าสิ้นดี หลังจากนั้นฉากโคมไฟก็จะไล่ตามมา

และทันทีที่เข้ามาภายใน เจ้าตี๋ก็รีบวางข้าลงบนฟูกเตียงอย่างนุ่มนวล แต่ผลลัพธ์ที่ข้าทำกับอีกฝ่ายนั่นก็คือ…

หลับ

ข้าทำเป็นหลับ ต่อให้อีกคนกำลังพูดสั่งก็ตามที

“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะครับ”

“…”

“เจ้าตัวเล็ก”

“…”

“ตัวเล็ก”

“…”

“เฮ้อออ จะเอาแบบนี้ใช่ไหมครับ”

“…”

“ก็ได้”

“…”

“เราดื้อเองนะ”

สิ้นเสียงนั้นที่ติเตียน ข้าก็รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่โถมน้ำหนักลงมาบนฟูกนุ่ม พลันมีเงาครึมๆ และกลิ่นหอมเจือจางจากเบื้องบน พร้อมกับเสียงที่พูดแหบพร่าปนเซ็กซี่ขึ้นมาว่า

“อยากโดนเหมือนเมื่อคืนนักใช่ไหม”

ข้าค่อยๆ ปรือตามองอย่างช้าๆ เสแสร้งอ้าปากหาวเหมือนคนง่วงงุนในทันที ยกครีบขยี้ตาตัวเองไปมา พลางทำหน้าเจี๋ยมเจี่ยมกระพริบตาปริบๆ เสมือนเพิ่งตื่นนอน

จะมีอะไรก็พูดมา แต่ขออย่างเดียว… อย่ายัดเยียดความเป็นเมีย

“ตัวเล็กเข้าใจภาษาคนจริงๆ ด้วย” อีกฝ่ายดูช็อก

แต่ข้าไม่ตอบ เลือกที่จะเงียบใส่คนตรงหน้าที่ส่งสายตาหลุกหลิก

เจ้าตี๋เหมือนไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจดี เพราะขนาดตัวข้าเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเกิดเป็นสิงโตทะเล

“ตัวเล็ก”

“…”

“ถ้าเข้าใจตี๋จริงๆ”

“…”

“ลองจูบตี๋ได้ไหมครับ”

ทำไมในหัวของเจ้าถึงมีแต่เรื่องพวกนี้วะ !!

เพี๊ยะ !

อีกฝ่ายหน้าหันในทันควัน ก่อนจะเอี้ยวมามองข้าที่อยู่ใต้ร่าง เผยริมฝีปากที่ค่อยๆ แย้มยิ้ม ชั่ววินาทีก็กลายเป็นเบิกบานมีความสุข ดวงตาสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วยความดีใจ

ไอ้หมอนี่มันซาดิสม์ชัดๆ !

“ตี๋ไม่ได้คิดไปเองจริง ๆ”

ข้าเองก็เช่นกัน !!

สวบ ! เฮือก !

ข้าสะดุ้งโหยงเพราะแรงสวมกอดมาจากคนเบื้องบน สอดปลายนิ้วไปที่แผ่นหลังของข้าตามมาด้วยเรือนกายที่แนบชิด  ใบหน้าเรียวซุกอยู่ที่ข้างลำตัว

ข้าได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้นรัวแรง ไม่ต่างจากอีกคนที่ส่งเสียงตึกตักอยู่ภายในอก

มันรุนแรงยิ่งกว่าข้าด้วยซ้ำไป…

“ตัวเล็กเป็นใครกัน”

เจนนี่ปาหนัน

เป็นเจ้าจะเชื่อไหม ?

“ตอบสิ”

ข้าพูดได้มั้ง…

“ทำไมเงียบอีกแล้ว”

อีฉิบหาย…

มึงก็เอากระดาษมาสิโว้ยยยยยย !!

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[8]



พยายามขยุกขยิกเป็นการบ่งบอกว่าให้ผละกายออกห่าง แต่สื่อสารกับเจ้าตี๋ก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง เจ้าตัวยังไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าข้าต้องการเช่นไร จนต้องส่งเสียงกรีดร้องดัง “กี๊สสสส !” อีกฝ่ายถึงจะยอมลุกออกจากตัว

ไอ้เจ้าคนไม่เต็มบาท ! ข้าอยากจะด่าเหลือเกินนัก ว่าทับลงมาบนตัวของข้าโดยไม่ตระหนักถึงน้ำหนักที่ตนเองพึงมีเลยสักนิด ละเมอเพ้อพกว่าเป็นขนนกที่ร่วงหล่นหรือไงกัน ทั้งที่รูปร่างก็เหมือนหมีควายในป่าเขาซะเหลือเกิน

ช่างน่าตบกบาลให้แยกเป็นสองท่อน ! ตกลงจะเค้นคำตอบออกจากปาก หรือลักลอบฆ่าข้าทางอ้อมกันแน่ !

“เป็นอะไรครับ ?” เจ้าตี๋ทำหน้าฉงนเอ่ยถาม ข้าก็ได้แต่ตวัดตามองคนตัวโตที่ใช้ฝ่ามือดันบนฟูกเตียง ช่วงแขนยาวเหยียดตึงอยู่ที่ข้างลำตัว ข้าจึงกระถกตัวขึ้น ใช้ปลายครีบข้างล่างดีดตัวบนผืนผ้า ครั้นผละออกจากร่างกำยำที่เคยขึ้นคร่อมก็พลิกตัวหันมาจ้องประจันหน้า

“ตัวเล็ก…”

โอ๊ยยยย เรียกเก่งยิ่งนัก ชาติก่อนเป็นอีลูกช่างเรียกใช่ไหมห๊ะ ! อีลูกช่างเรียก !

ข้าเริ่มตาเขม่น แต่พอเห็นริมฝีปากที่มีท่าทางจะเอื้อนเอ่ยตั้งคำถามซ้ำ ๆ วน ๆ ข้าจึงยกครีบอย่างรวดเร็ว ชี้ไปที่กระดาษสีขาวที่เจ้าตี๋กุมเอาไว้จนยับยู่ยี่

อยากรู้คำตอบนักก็พร้อมจะแถลงไข ข้าเองก็ไม่คิดจะปิดบังหรอกนะ มีเจ้ารับรู้มันก็ดีอยู่อย่าง ข้าจะได้ไม่ต้องมานั่งถกเถียงอยู่ภายในใจ วันดีคืนดีนึกอยากด่าก็ใช้ดินสอมาขีดเขียนโต้ตอบกับคนทะลึ่งตึงตัง ส่วนวันไหนอยากทำอะไรก็มีอีกฝ่ายคอยรับรู้ เผลอๆ อาจจะได้สุขสบายกว่าวันนี้ไปมากโข เพราะทุกวันนี้ก็ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก ถึงแม้เจ้าตี๋จะโง่งมไปสักหน่อย แต่ก็น่าเชื่อถือประมาณหนึ่ง ไม่นับรวมกับความคิดวิปริต

ไหนๆ ก็รู้ละ อีกทั้งเจ้าตัวก็สังเกตการกระทำของข้ามาหลายครั้งหลายครา วันนี้จะยอมบอกให้เอาบุญ

ข้ายังคงชี้ไปที่กระดาษที่เคยใช้ถ้อยคำหยาบโลนลงไป คาดหวังให้เจ้าหมอนี่ไปหาสิ่งของพรรค์นี้มาเพื่อเจรจา เผื่อพวกเราสองคนจะได้โต้แย้งกันไปมาในระหว่างสื่อสารกันได้สะดวก แต่ทว่าเจ้าตี๋กลับมีสมองที่ตื้นเขิน ยื่นกระดาษสีขาวมาวางตรงหน้าของข้าแทน

แถมยังมีหน้ามาพูดว่า…

“อยากได้อันนี้เหรอครับ ?”

โอ๊ยยยยย กูล่ะเบื่อ !!

“อุ๋งงงง !!” ปึก ปึก ปึก ปึก !!

ข้ายกครีบตีไปที่กระดาษแรงๆ ดังระรัว จิ้มลงไปที่กระดาษด้วยความโมโห คือต้องการให้เจ้าไปเอามา

ให้ไปเอามาอะเข้าใจไหมวะ !! มันเข้าใจยากตรงไหนอีแม่เจ๊ด !!!

“อ๋อ โอเค ๆ ! ตี๋เข้าใจแล้ว !” คนตรงหน้าผงกหัวรัวแรง ท่าทีหุนหันรีบดีดตัวลุกออกจากเตียง วิ่งแจ้นไปที่โต๊ะทำงาน กวาดรื้อหาสิ่งของในลิ้นชัก ช่างดูกระตือรือร้นยิ่งกว่าปกติเป็นเท่าตัว

“นี่ครับ ๆ !” เจ้าตี๋จับจ้องข้าที่หัวฟัดหัวเหวี่ยงพ่นลมหายใจ ใบหน้าของเขาคล้ายมีเหงื่อชื้นไปตามกรอบหน้า พลางหอบหายใจถี่กระชั้นเพราะการเร่งรีบ ก่อนจะยื่นสมุดเล็ก ๆ เปิดอ้าออกกว้าง เผยกระดาษสีขาวที่โล่งโปร่งภายใน จากนั้นจึงหยิบปากกาและลิควิดมาวางข้าง ๆ สมุด เรียกได้ว่าแทบถวายพานมอบมาให้

เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ ข้าก็หลับตาผ่อนผันลมหายใจให้เย็นสงบ ดับไฟมาคุที่ร้อนรุ่มอยู่ภายในกาย เส้นประสาทเต้นตุบ ๆ  คล้ายจะปริแตกตลอดเวลาทุกครั้งที่จะสื่อสารกับเจ้ามนุษย์ผู้นี้

อีกสักนิดหัวจะระเบิดแล้ว ขนาดของที่เอามาให้ก็ดันเป็นสิ่งที่ขีดเขียนลบล้างแก้ไขได้ยาก

‘โอ๊ย ปวดหัวอะ เจ้าไปเอายาพารามาให้ข้าแทนเหอะ ไม่อยากจะเขียนละ’ ข้าได้แต่บ่นภายในใจ ก่อนจะมองใบหน้าหล่อเหลาที่นัยน์ตาฉายชัดถึงความเปล่งประกาย มันล่อกแล่กไปมายามจับจ้องใบหน้าของข้า พินิจมองทุกการกระทำอย่างลุ้นระทึก

ข้าก้มหน้าคาบปากกาที่กดเอาไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย พยายามใช้ครีบจับที่มุมหนังสือ ค่อยๆ บรรจงขีดเขียนถึงถ้อยคำสั้นๆ ขณะที่เหนือหัวมีเสียงลอบสูดอากาศเข้าปอดจากใครบางคน

ข้าเงยหน้าขึ้น เอาครีบดันหนังสือไปให้คนตรงหน้าที่เบิกตาโพลง มือไม้สั่นระริก หยิบหนังสือพลิกให้เห็นกระจ่างชัด หลุบสายตาลงต่ำมองตัวอักษรที่เขียนว่า… [ว่า]

“อึก ! เข้าใจจริง ๆ ด้วย ตะ ตัวเล็กเป็นผีเหรอ ?” น้ำเสียงตะกุกตะกัก ถามขึ้นอย่างหวาดหวั่น

ข้าส่ายหน้าปฏิเสธกับคำพูดปัญญาอ่อน เลือกที่จะแสดงผ่านท่าทาง ก่อนจะชี้ไปที่หนังสืออีกครั้งเพื่อให้เจ้าตี๋ส่งมันมา จากนั้นจึงคาบปากกานำมาเขียนในหน้าใหม่ เสร็จปุ๊บก็ยื่นให้อีกคนตรงหน้าดังเดิม

[ตาย เกิดใหม่] ถ้อยคำกระชับสั้นๆ ให้เข้าใจ

“ทำไมถึงตายล่ะ โดนฆ่าเหรอครับ ?” เจ้าตี๋ที่ก้มลงมาดูตัวอักษรภายในเสี้ยววิก็รีบเอ่ยถาม แหงนหน้ามองข้าที่ส่ายหน้าปฏิเสธ

ช่างจินตนาการเลิศเลอยิ่งนัก คิดได้ไงโดนฆ่าตัวตาย คิดว่าการที่ข้าได้เกิดใหม่เพราะแรงอาฆาตอย่างงั้นหรือ ? ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงมีเหตุผลอยู่เปาะหนึ่ง เพราะในนิยายหลายเรื่องได้วนลูปกลับมาแก้ไขในอดีต แต่ตัวข้านั้นกลับไร้เหตุผลยิ่งนัก ทุกวันนี้ยังหลับตาตั้งคำถาม เหตุไฉนถึงต้องเกิดมามีชะตาเช่นนี้ โดยยังมีความจำเฉกเช่นเดิมทุกประการ

สวรรค์ก็ไม่ได้ขึ้น นรกก็ไม่ได้ไป สรุปกูดีหรือชั่วกันแน่ถึงได้เกิดเป็นสิงโตทะเล…

“ประสบอุบัติเหตุ ?” เจ้าตี๋พูดคาดเดา ซึ่งครั้งนี้ข้าเองก็แอบเงียบภายในเสี้ยววินาที เพราะรู้สึกอนาถใจกับการดับสูญของตนเองยิ่งนัก เลยเลือกที่จะพยักหน้ารับแต่ไม่ขออธิบาบใด ๆ เพิ่มเติม

เฮ้อออ เป็นคนดีของสังคม แต่โดนรถยนต์จากอีกเลนกระแทกชนตายเพราะการถูกผลัก ช่างน่าสังเวชยิ่งนัก อดไม่ได้จะลอบถอนหายใจ โดยมีเจ้าตี๋มองทุกสีหน้าและการกระทำ

“ทำไมถึงเกิดเป็นสิงโตทะเลล่ะ ?” ยังคงถามจ้ำจี้เหมือนเจ้าหนูจำไม ข้าก็ส่ายหน้าสองสามทีเป็นการบ่งบอกว่าไม่รู้เช่นกัน แต่ชักจะรำคาญกับอีลูกช่างถาม

‘คิดเองเก่ง เออเองเก่ง อ๊องเองเก่ง… เก่ง !’ ข้าอยากจะใช้คำพูดเหมือนมารีญาในเดอะเฟซเหลือเกินนัก

ถามมากขนาดนี้ข้าคงตอบได้ทุกข้อที่ตั้งแง่กระมัง ไอ้ห่านจิก !

ฉับพลันเจ้าตี๋ก็โน้มกายลงมา อิริยาบถที่เคยใช้ท่านั่งขัดสมาธิก็แปรผันเป็นนอนคว่ำหน้า เหยียดขาและลำตัวออกจากปลายเตียง

ข้ากระพริบตาปริบๆ มองใบหน้าหล่อเหลาที่เห็นทุกอณูรูขุมขน บัดนี้เข้ามาใกล้ระยะประชั้นชิด จนข้าต้องปรอยตามองริมฝีปากที่กำลังเค้นยิ้ม

เจ้าตี๋ท่าทางผ่อนคลายลงจากเมื่อครู่ คล้ายมีความสุขนักหนา พานให้หัวใจของข้าสั่นไหวกับรอยยิ้มจนเห็นถึงความหล่อเหลาอย่างเต็มเปี่ยม ทบทวีมากยิ่งขึ้นกับถ้อยคำที่ทั้งทุ้มละมุนในการซักถาม

“ตัวเล็กเป็นใครเหรอครับ ?”

“…”

“ตี๋อยากรู้จักคุณจัง”

ตึกตัก หัวใจของข้ามันดังกว่าปกติ บีบแน่นและผ่อนคลายลงจนรับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือน ดั่งกลองที่ตีสนั่นหวั่นไหวให้มันกึกก้อง กระนั้นกลับแจ่มชัดในโสตประสาท ใบหน้าก็เห่อร้อนเหมือนมีลิ่มเลือดกำลังสูบฉีดมาหล่อเลี้ยงไปทั่วบริเวณ พลอยให้หายใจติดขัด ไม่เคยชินชาเลยสักครั้งกับความอบอุ่นที่จ้องมองมา

ข้ารีบก้มหน้างุด แต่เจ้าตี๋ดันแอบยิ้มกว้างส่งเสียงหัวเราะมีความสุข

“จริงๆ แล้วตัวเล็กชื่ออะไรเหรอ ?” ยังคงถาม

ข้าแหงนหน้ามองแค่วูบเดียวและก้มลงไปคาบปากกาขึ้นมาใหม่ โดยมีเจ้าตี๋ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ปลายนิ้วเรียวยาวแตะลงที่มุมกระดาษพลิกสลับไปอีกหน้า

ข้ารู้ดีว่าถ้าหากครั้งนี้ตอบแค่ชื่อเฉยๆ ไอ้คนที่ถามไม่หยุดหย่อนก็คงถามต่อขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าการเขียนโดยใช้ปากมันยากเย็นขนาดไหน ครั้งนี้ข้าจึงพยายามอย่างมากในการลากตัวอักษร

ทว่า ตัวข้านั้นกลับรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของใครบางคนที่เริ่มอยู่ไม่สุข ก้มหน้าดูในบางจังหวะ พรูลมหายใจอุ่นร้อนที่ข้างใบหน้า สนอกสนใจทุกอิริยาบถของข้าในการเคลื่อนไหว

ข้าเหมือนถูกเจ้าตี๋ลวนลามในเชิงอ้อม ยิ่งโดยเฉาะตอนลมหายใจอุ่นๆ กระทบที่ข้างใบหน้า เสมือนหยอกเย้ารังแกข้าก็ไม่ปาน

“น่ารักจัง”

ก็ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงขยันปากหวานยิ่งนัก ข้าเลยเลือกที่จะมองข้ามคารมคมคายของคนที่จ้องอยู่ตรงหน้า ทั้งที่หัวใจของข้าเองก็เริ่มสั่นคลอนกับถ้อยคำที่สรรหา หวั่นไหวกับสีหน้าหล่อเหลาและประโยคดังกล่าว ครั้นเสร็จสิ้นการขีดเขียนก็ใช้ครีบดันไปโดนแขนของใครอีกคน

ข้าไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่สมัยอดีตชื่อของข้าเองก็คล้ายคลึงกับที่เจ้าตี๋มอบมาให้

[ชื่อเล็ก เกิด 22 /3/ 2544]

“หืม” อีกฝ่ายที่จับหนังสือพลิกมาดูถึงกับครางทุ้มในลำคออย่างแปลกใจ ก่อนจะเงยหน้ามามองข้าและยิ้มกว้างเจิดจรัส คล้ายหลอกล่อให้ไปตกอยู่ในภวังค์

“สงสัยฟ้าคงลิขิต เล็กถึงได้ชื่อเหมือนเจ้าตัวเล็กอย่างที่ตี๋ตั้งให้…”

อ๋อเหรอ แต่ข้าไม่เห็นด้วยเลยสักนิดเดียว เกรงว่ามันจะเหมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใดซะมากกว่า

“ตัวเล็กชอบอะไรเหรอ เอ่อ ตี๋หมายถึงชอบทานอะไร ชอบอะไรเป็นพิเศษ ?” เจ้าตี๋ดันสมุดกลับมา ข้า จึงแหงนหน้ามองบนเพดานอย่างเหม่อลอยเพื่อหาคำตอบ ระลึกถึงสิ่งที่ชอบ ครั้นนึกได้จึงก้มลงไปลากตัวหนังสือ

[ชอบเค้ก ฟังเพลงของ Blackpink* และดูหนัง] ข้าดอกจันเน้นๆ ในสิ่งที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ

หึ ถึงเจ้าจะบอกว่าข้าเป็นติ่งเกาหลี ข้าก็ภาคภูมิใจ ก่อนจะจากลาโลกข้ายังไม่ได้ฝากลาถึงลิซ่าเลยสักนิด อยากจะบอกกับเธอเหลือเกินว่าลิซ่าน่ารักคึกคักเวลานางเต้น

“โอเค ตี๋จะได้รู้ไว้ แล้วตัวเล็กมีอะไรที่ไม่ค่อยชอบบ้างไหมครับ ?” อีกฝ่ายดูไม่แปลกใจเลยสักนิด บ่งบอกให้ข้ารับรู้ว่าเจ้านี่ไม่ค่อยตามกระแสสักเท่าไหร่

ส่วนคำถามที่ว่ามีอะไรที่ข้านั้นไม่ค่อยจะชอบกันบ้างไหม ข้าก็อยากอ้าปากพูดทันทีเลยว่าเยอะมาก ทั้งที่หัวข้อก็มีแค่ประการเดียว

ข้ารีบก้มลงไปจรดปากกาใส่กระดาษโดยไม่อิดออดแต่อย่างใด ถึงแม้ในใจอยากจะนึกก่นด่ากับอีลูกช่างถาม ครั้นมาถึงคำถามเช่นนี้ ตัวข้าเองกลับกระตือรือร้นยิ่งนัก  รีบฉีกยิ้มกับผลงาน ดันสมุดไปให้เจ้าตี๋อ่านอย่างภาคภูมิใจ

สิ่งที่ข้าไม่ชอบมากๆ นั่นก็คือ…

[มึงไง]

เจ้าตี๋ขมวดคิ้วมุ่น ชักสีหน้าไม่พอใจในทันที วินาทีต่อมาจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“ผม ?” ย้ำชัดกับคำตอบที่ได้รับ ข้าจึงพยักหน้ารับบ่งบอกว่าใช่…

ใช่ มึงล้วนๆ นั่นคือสิ่งที่ข้าไม่ค่อยจะชมชอบ

“อาห์” เจ้าตี๋ขานรับอย่างหลุดออกจากห้วงความคิด แต่สายตานั้นผิดแปลกจนน่าหวาดกลัว ราวกับเหยี่ยวที่พินิจสัตว์อตัวจ้อย

ข้าขนลุกซู่ ครีบที่เคยยันตัวเองไว้เริ่มลอยขึ้นเรื่อยๆ พลันหดคอหนีจากชายหนุ่มที่ชะโงกหน้าเข้ามาหา ทำให้ตัวของข้านั้นเอนหลังล้มไปนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าตี๋ใช้แขนยันตั่งเตียง ฝ่ามือแตะไต่บนผืนผ้าสีขาวบริสุทธิ์ พลางใช้ท่วงท่าพิศวาสเหมือนหนุ่มเจนจัดเข้ามาขึ้นคร่อม ฝ่ามือระนาบอยู่ที่ข้างลำตัวคล้ายกักเก็บบริเวณ เอื้อนเอ่ยตั้งคำถามถึงสาเหตุที่เคยทิ้งท้าย

“ทำไมล่ะ…” เจ้าตี๋เว้นจังหวะ พลางเอียงหน้าเล็กน้อย มุมปากแอบกลั้นยิ้มแต่ท้ายที่สุดก็ผลิให้เห็นถึงความมาดร้ายชวนทะเล้น

“ทำไมถึงไม่ชอบตี๋ล่ะครับ ?”

ถ้อยคำไม่เท่าไหร่ แต่รอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นราวกับหนุ่มเจ้าเล่ห์ที่พร้อมขย้ำหากคำตอบไม่เป็นที่พอใจ อีกทั้งปลายนิ้วทั้งห้ายังถอดหมวกปาร์ตี้แหลมๆ ออกจากศีรษะของข้า เหลือทิ้งไว้แค่กระโปรงสีชมพูที่ข้าไม่สามารถเอาออกได้ด้วยตนเอง

แม้การกระทำของเจ้าตี๋จะเหมือนนึกเอ็นดู แต่รอยยิ้มนั้นแฝงถึงความไม่ชอบมาพากลสิ้นดี

ช่างไม่น่าไว้วางใจ ! ชักอยากจะโทรหาจิตแพท์เหลือเกินนักว่าคนไข้อาการกำเริบอีกแล้ว

อีตี๋ อีผู้ชายเฮงซวย ! ใช้ท่าทางแบบนี้มันเหมือนจะขืนใจข้าชัดๆ รู้ทั้งรู้ว่าข้าเป็นตัวผู้ ร่างกายก็ไม่ใช่คน แต่คิดจะสมสู่ไม่เว้นกระทั่งสัตว์ !

สาระเลววววว ออกไปเลยนะ ก่อนที่ข้าจะโทรเรียกอีย้อยกับอีแย้มมาด่าเจ้า !

ข้ารีบหันหน้าอย่างว่องไว หวังจะใช้ฟันกัดแทะที่เรียวแขน ส่งผลให้เจ้าตี๋ส่งเสียงเหวอรีบเหวี่ยงแขนหลบอย่างเฉียบพลัน มีหน้ามาหัวเราะพูดจาเยาะเย้ยอีกต่างหาก

“ฮ่าๆ ไม่โดนคระ…”

อ๋อ เหรอจ๊ะ ?

เพี๊ยะ !

ข้าใช้ครีบตบไปที่ใบหน้าอย่างรุนแรง แต่มันไม่สาแก่ใจอีช้อยนัก ความโมโหมันมีมากกว่า ครีบข้างซ้ายจึงตามมา สลับสับเปลี่ยนไปซ้ายทีขวาทีดังเพี๊ยะๆๆ สีผิวคร้ามแดดของเจ้าตี๋บนใบหน้าจึงฉายริ้วถึงความแดงเถือกที่ข้างแก้ม

“อึก ! เจ็บครับ” เจ้าตี๋รีบถอยหน้าออกห่าง ยกฝ่ามือขึ้นมาลูบแก้มที่ถูกตบ

ข้าฉุนเฉียวรีบพลิกกายลุกขึ้นบนตั่งเตียง ส่งเสียงคำรามกรีดร้อง ปากอ้าออกกว้าง กระเถิบตัวอย่างรวดเร็ว คาดหวังจะกัดที่กลางลำตัวของอีกฝ่าย แต่เจ้าตี๋ก็ดันเอามือกุมส่วนสงวนอย่างว่องไว รีบลุกขึ้นออกจากเตียงโดยพลัน ไอ้สากกะเบือจึงรอดพ้นจากซี่ฟันของข้า

หน๊อยแน่ ส่งมันมาซะดีๆ นะ วันนี้แหละข้าจะกัดมันให้ขาดเป็นสองท่อน !

“กี๊สสสส”

“ตะ ตัวเล็ก” อีกฝ่ายหน้าถอดสี มองข้าที่ส่งเสียงคำรามดังลั่นห้อง พอประทุษร้ายไม่ได้จึงคลานไปหาสมุด พลิกหน้ากระดาษด้วยตนเองและคาบปากกามาขีดเขียน พอได้ในสิ่งที่พอใจก็หมุนสมุดไปอีกด้าน ก้มหน้าลงไปงับที่กลางกระดาษ ชูคอขึ้นเพื่อให้ตัวอักษรเด่นหราต่อหน้าต่อตาชายฉกรรจ์

ถ้อยคำเป็นที่ประจักษ์ชัด หยาบคายและรุนแรงถึงความก้าวร้าวอยู่ในที

ไอ้หน้าบาทาก็อยากใช้ ไอ้เชี้ยก็อยากด่า ทว่าการเขียนแต่ละคำนั้นก็ยากเย็น คิดไปคิดมาเลยรวมแม่งทุกหมวดหมู่

[อีสัตว์ !]  ชัดเจนเป็นที่พอใจ เหมาะสมกับคนโรคจิต !

“ตะ ตี๋ขอโทษ ตี๋แค่อยากแกล้ง” เจ้าตี๋รีบแถลงไข สีหน้าเหมือนคนสำนึกผิด พยายามขึ้นมานั่งบนปลายเตียง ยื่นแขนเข้ามาหวังจะสัมผัส แต่ก็หลบเลี่ยงไปมาเพราะข้ายื่นหน้าหวังจะกัด

ข้าในวินาทีนี้ไม่ต่างจากแมวที่มีมนุษย์น่ารำคาญมาลูบไล้ พอถูกคะยั้นคะยออยู่บ่อยๆ จึงพยายามเอามือและเล็บข่วนสร้างรอยแผล

ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ ! ข้าหรือก็อุตส่าห์ไว้วางใจ ไม่อยากคิดมากให้น่ารำคาญว่าไม่ควรเปิดเผยถึงตัวตน หวังเพียงแค่ใช้ชีวิตสุขสบาย ครั้นลืมไปว่าเจ้ามันก็แค่ผู้ชายมักมากคนนึง !!

“ตัวเล็ก คุณกันก่อน แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าทำไมถึงไม่ชอบตี๋” น้ำเสียงง้องอนเป็นการใหญ่ ใบหน้ายังดูเครียดตึงกับความไม่พอใจที่เกิดขึ้นจากตัวข้า

“ดีกันนะ นะครับ ตี๋ขอโทษ” อีกฝ่ายน้ำเสียงอ่อนลง ส่งสายตาเว้าวอนเหมือนคนยอมจำนน

ข้าเสหน้าหนีไม่ยอมตอบ ก้มไปพลิกหน้ากระดาษขีดเขียนใหม่ เจ้าตี๋เลยอาศัยจังหวะยื่นปลายนิ้วมาเกลี่ยช่วงคางของข้า แต่ช่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา ข้าเลยต้องใช้ครีบปัดมือให้ออกห่าง

อีกฝ่ายไม่ดื้อรั้น มองข้าที่ตั้งใจเขียนประโยคถ้อยคำ ผงกหัวขึ้นพร้อมกับกระดาษที่คาบอยู่ในปาก สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาจึงเป็นใบหน้าเห่อร้อนของเจ้าตี๋ เสมือนเจ้าตัวได้หลงลืมข้อเท็จจริงบางประการ

[เจ้าช่วยตัวเองต่อหน้าข้า] ไอ้หนอนชาเขียวตัวใหญ่บึกของเจ้าน่ะ เหตุผลนี้นี่แหละที่ข้าไม่ชอบเจ้า

“อึก !” เจ้าตี๋สะอึก ใบหน้าแดงจัดจนเห็นได้ชัด ฝ่ามือยกขึ้นมาปกปิดความเขินอายอย่างรวดเร็ว แอบซ่อนไม่ให้เห็น พลางใช้ซอกปลายนิ้วมือแยกออกจากกัน เผยให้เห็นแค่เรียวตาที่วูบไหวสั่นสะท้าน

เอ๊ะ ? ไอ้คนเสียหายมันคือข้าไม่ใช่เหรอ ? แล้วเหตุใดเจ้าตี๋ถึงได้ทำตัวเหมือนผู้หญิงที่ถูกลวนลามแทนซะงั้น

“ตี๋ลืมสนิท” เจ้าตัวกล่าวเสียงสั่น

“…”

“ว่าตัวเล็กเห็นตี๋ทำเรื่องแบบนั้น”

ใช่ ข้าพยักหน้ารับ ว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นคือถูกต้องทุกประการ หากทว่าคำพูดต่อมา เสมือนผู้หญิงที่ถูกพรากพรหมจรรย์สิ้นดี

“อายจังเลยครับ”

“…”

“ไม่ดีเลย ตัวเล็กเห็นตี๋แก้ผ้าหมดเลย”

อ๊ากกกกก อีคนหน้าด้าน !! ไม่คิดไม่ฝันว่าผู้ชายไร้ยางอายเฉกเช่นเจ้าจะหน้าด้านเขินคนเป็น ! เป็นข้าต่างหากล่ะโว้ยยยยย ที่ควรได้รับความเป็นธรรม !

ในอกนั้นร้อนรุ่มและวูบไหวเต็มไปหมด ลึกๆ ก็รู้สึกใจสั่นกับท่าทางเหล่านั้น สิ่งในหัวผุดขึ้นมาคือความน่ารักที่ขัดกับรูปร่างของเจ้าตี๋ ข้าจับจ้องอีกฝ่ายที่ลดฝ่ามือลงต่ำ เผยใบหน้าแดงระเรื่อ ใช้ปลายนิ้วคัดจมูกแก้เขินและร้องขอ

“ช่วยลืมมันไปทีได้ไหมครับ”

โอ้โห ขีปนาวุธชักจรวดขึ้นฟ้าขนาดนั้น ดาวนับพันกระจัดกระจาย เห็นเต็มตาประจักษ์ชัดถึงเพียงนั้น ข้าคงลืมได้ลงหรอกกระมัง หากเล็กเหมือนกระดอแมวข้าจะไม่ว่าอะไรเลย แต่ไอ้สากกะเบือที่พร้อมจะฟาดฟันใส่คน บวกกับไรขนเหมือนป่ารกชื้น บอกตามตรง… ข้าลืมไม่ลง ! ทุกวันนี้ยังเกรงกลัวว่าจะฝันร้ายตามติด หนำซ้ำยังติดตาและในห้วงความคิดตลอดเวลา

คงลืมมันได้ก็ต่อเมื่อเจ้าตัดต้นตอของมันทิ้ง !!

ข้าสะบัดหัวไปมาเพราะอยากให้เจ้าตี๋รับรู้ว่าสิ่งที่เห็นยากเกินจะลบล้าง ถึงกระนั้นเจ้าตี๋กลับมีความคิดที่ขัดแย้งกับข้าสิ้นดี คงหลงคิดว่าท่าทางเหล่านั้นคือตัวข้าไม่อยากจะลืม

“ตัวเล็กโรคจิต แสดงว่าชอบมองของตี๋”

โอ๊ยยยยย ! ดีแต่ใหญ่เท่าสากกะเบือ แต่มีมันสมองเท่ากับปลาทอง !

ข้ารีบคลานลงจากตั่งเตียง ฉุกคิดหาทางออกกับสิ่งที่น่าปวดหัว ไม่ไหวจะทนกับความคิดที่ไม่เคยตรงกันเลยสักนิด พยายามใช้ครีบดันบานประตูเลื่อน หวังจะออกไปกระโดดฆ่าตัวตายตรงจุดชมวิว แต่ครีบนั้นไม่ได้มีแรงเทียบเท่ากับมนุษย์ อีกทั้งยังต้องปลดล็อกบานประตูอีกต่างหาก ข้าในยามนี้จึงทำได้แค่เอาหัวโขกไปมากับกระจกใสๆ ดังปั่กๆ ! พลางกรีดร้องในใจว่าอยากตาย

“ตัวเล็ก !!” เจ้าตี๋ร้องเสียงหลง รีบวิ่งมาอุ้มตัวข้า ก่อนที่จะหัวโหนกไปมากกว่านี้

การฆ่าตัวตายจึงแทนที่ด้วยการปลอบขวัญ

 

พอมาถึงมื้อเย็น อีกฝ่ายก็พาตัวข้าลงมารับประทานอาหารพร้อมกับครอบครัว

“ทานนี่เยอะๆ นะครับ อร่อยดี” เจ้าตี๋ยื่นไม้บาร์บีคิวมาให้ข้าที่นั่งอยู่ตรงพื้น ปลายนิ้วรูดเนื้อชิ้นเล็กๆ ลงมาใส่ถาด เพื่อเอาไม้แหลมๆ ที่เสียบค้างเอาไว้นำไปทิ้ง ล้วนเป็นการกระทำที่แสนเอาใจใส่

ข้ามองเมินไม่สนใจอิริยาบถเหล่านั้น นั่งอยู่ใกล้ตัวของเจ้าตี๋ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ขณะที่ข้างกายข้าก็มีเจ้าแมวมิรินกินอาหารเม็ดอยู่ ทั้งที่ในยามปกติจะให้ข้ากินแต่ปลาประทังชีวิต แต่ยามนี้เจ้าตี๋กลับยื่นอาหารบนโต๊ะมากมายสารพัดลงใส่ถาดทุกๆ ห้านาที พลอยให้คนในครอบครัวเหลือบมองคนตัวโตอย่างฉงน เนื่องจากลูกชายตัวดีเอาแต่ยิ้มหน้าบาน เอามือเท้าคางมองข้าในยามกัดกิน

ข้าแหงนหน้ามอง ส่งซิกไปที่ข้าวเพื่อบ่งบอกให้เจ้าตัวรับประทานเสียบ้าง ขืนมองแบบนี้คนอื่นอาจจะนึกสงสัยเอาได้ แต่คนตัวโตไม่ยี่หระเลยสักนิด

เออดี สงสัยวันนี้เจ้าคงไม่แดกแล้วกระมัง สรุปคนมีชีวิตอยู่รอดคือข้า ส่วนไอ้คนตายก็คือเจ้าแทนเพราะไม่ยอมทานข้าว มัวแต่ดูสัตว์รับประทานอาหาร

ถึงกระนั้นการกระทำของเจ้าตี๋ก็ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น ข้าถูกอีกฝ่ายพามาอาบน้ำ ทีแรกดีดดิ้นเป็นบ้าเป็นหลัง แต่พอรู้ว่าเจ้าตี๋ไม่ได้ฉุกคิดจะอาบด้วยก็พลอยโล่งอก ปล่อยให้คนตัวโตฟอกสบู่ ชำระล้างร่างกายของข้าจนสะอาดหมดจด

“หลับตาก่อนครับ ตี๋จะเช็ดหน้าให้” อีกฝ่ายเอ่ยบอก ข้าเองก็ยอมทำตามคำสั่ง หลับตาพริ้มเพื่อให้เจ้าตี๋เอาผ้าเช็ดน้ำให้เหือดแห้ง พอสบายตัวเป็นที่เรียบร้อย เจ้าตัวก็อุ้มข้ามานอนบนเตียง เปิดทีวีและหาหนังดูไปพลางก่อนจะล้มตัวลงนอน แต่คุยกับข้าทุกวินาที

“อันนี้ล่ะชอบไหม” เจ้าตี๋เลื่อนไปที่หนังรักเรื่องหนึ่ง ข้าจึงส่ายหน้าปฏิเสธไม่อยากดู อีกฝ่ายจึงกดรีโมทเลื่อนหาหนังถัดไป เป็นหนังแนวคอมเมดี้แทนซะงั้น

“แล้วอันนี้ล่ะครับ”

ไม่ ข้าส่ายหน้าอีกหน ส่ายหน้าแล้วส่ายหน้าอีก จนเจ้าตี๋ต้องไปหมวดหนังระทึกขวัญ ส่งผลให้ข้าสะดุดกึก มองคนหล่อเหลาที่นอนอยู่ข้างๆ ณ ตอนนี้เอียงหน้าหันมามองข้าที่อยู่ห่างไม่เกินคืบ

“หรือจะดูหนังฆาตกรรมล่ะ ตี๋ก็แอบอยากดูหนังแนวไล่ฆ่ากันนะ ตัวเล็กพอจะมีเรื่องสนุกๆ ลุ้นระทึกบ้างไหมครับ ?”

สนุกๆ เหรอ ?

ข้ากลอกตามองบน ก่อนจะก้มหน้าลงไปงับปากกาที่วางเอาไว้ตรงหน้า เสนอไอเดียรายชื่อหนังสยองขวัญตามโจทย์ที่เจ้าตี๋ต้องการ

ชอบแนวไล่ฆ่ากันสินะ ได้ ! ระทึกขวัญนักใช่ไหม อาห์ ได้เลย ! อันนี้แหละตรงโจทย์ที่สุด !

ข้าหมุนกระดาษ ใช้ปลายครีบดันสมุดจนไถลไปกับผืนผ้า พลางจับจ้องใบหน้าคมคายที่ก้มลงมามองตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ส่งคำตอบเสนอชื่อหนังสยองขวัญที่ชวนลุ้นระทึก

ข้ารับประกัน เจ้าลุ้นทุกตอน เพราะไล่ฆ่ากันทั้งเรื่อง…

[Tom & Jerry]

หนังน่ากลัวที่สุดที่เคยมีมา

และข้าก็ได้ดูสมใจอยาก นอนดูด้วยความขบขัน ขณะที่คนข้างกายเหล่มองข้าตลอดเวลา ลอบอมยิ้มกับเสียงหัวเราะอุ๋งๆ ของข้าตอนดูแมวกับหนูไล่ฆ่ากัน

“อาห์ เป็นเด็กติดการ์ตูนนี่เอง” อีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อยกับสิ่งที่เห็น แต่ข้าไม่สนใจ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับฉากตลกของตัวการ์ตูน

“ตี๋ลืมเลย เจ้าตัวเล็กมาจากที่ไหนเหรอ ?” จู่ๆ คนข้างกายก็เอ่ยคำถามขึ้นมาอีกข้อ ทำให้ข้าต้องหยุดดูหนัง หันมามองเจ้าตี๋ที่ยิ้มละมุนละไม

ช่วงนี้ขยันยิ้มนักนะ ถึงข้าจะรู้ว่าเจ้าหล่อมากแค่ไหนก็ตามที

“แบบ จังหวัดที่ตัวเล็กเกิดน่ะครับ ?”

ข้าเงียบ เสมองการ์ตูนที่ยังสนุกไม่หาย พลันนึกกวนประสาทจึงก้มลงไปโต้ตอบใส่สมุด

[เกิดที่ตาคลี]

“เอ๊ะ ตาคลี ?” เจ้าตี๋มีใบหน้างงงวยจนข้านึกตลก รีบยกครีบเป็นการส่งห้ามเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายปริปากตั้งคำถาม ก้มลงไปงับปากกาเขียนในหน้าใหม่ เสร็จแล้วก็จิ้มให้เขาสนอกสนใจ กับถ้อยคำยาวเหยียดเป็นประโยคพรรณนา เสมือนเนื้อร้องก็ไม่ปาน

[ตาคลี ตาคลี รุ้มบ้า !! ตี๊ดๆ ดื่อ ดื๊อ ~]

ข้าหยัดกายขึ้น แอ่นอกขึ้นสูงพร้อมกับครีบเบื้องหน้า ขยับเต้นเป็นจังหวะตามมุกเนื้อเพลงTaki taki ของดีเจสเนก แต่ชายข้างกายกลับมองด้วยสายตาเรียบเฉยเหมือนไม่เก็ทมุก ปล่อยให้ข้าที่เต้นเชคไปมาเหมือนคนบ้า

ข้าจึงหยุดเล่นมุกที่มีคนตามไม่ทัน หลงลืมไปว่าเจ้าตี๋ไม่เคยตามกระแสบนโลกออนไลน์

“ตัวเล็กทำอะไรอะ” อีกฝ่ายถามเสียงเรียบ เห็นดังนั้นข้าก็เขินยิ่งนัก รีบเดินไปที่หัวเตียง คาบผ้าห่มคลุมโปงล้มตัวลงนอนในทันที นึกก่นด่าอีกฝ่ายภายในใจที่ทำให้ข้าต้องอับอายขายขี้หน้า พลันสะดุ้งโหยงเมื่อเรียวแขนตวัดรัดรอบที่ลำตัว โอบกอดให้แผ่นหลังของข้าแนบชิดกับแผงอกของเขา

“ฮ่าๆ ถึงจะไม่เข้าใจมุก แต่ก็น่ารักดีนะ”

“…”

“ตี๋ชอบครับ”

ข้ายกครีบมาปิดหน้า ไม่กล้าหันไปมองกับสีหน้าของคนพูดเลยสักนิด หัวใจโครมครามจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน รีบแสร้งทำเป็นหลับ เห็นดังนั้นเจ้าตี๋ก็รีบหยัดกายขึ้นไปปิดไฟ กระเถิบตัวเข้ามาใกล้ในผ้าห่มผืนเดียวกัน

ข้ารู้สึกว่าวันนี้ตนเองแปลกประหลาดยิ่งนัก หากเป็นคราก่อนคงโวยวายเป็นการใหญ่ แต่ครั้งนี้กลับยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาสวมกอด ส่งเสียงกระซิบเอ่ยราตรีสวัสดิ์

“ฝันดีนะครับ”

เอาจริงๆ ข้าก็สบายใจนะ โล่งอกกับสิ่งที่เคยพูดไปว่าเจ้าตี๋เป็นผู้ชายที่น่าไว้วางใจ

แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ผิวเผิน แต่กลับสร้างความเชื่อมั่นจากใจจริง

“อืม ตัวเล็กหอมจัง”

แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้สิอีควาย…

ข้ารีบดิ้นจากพันธนาการ งับหมอนที่เคยซุกฟาดใส่หัวคนตัวโตในทันที

“โอ๊ย ตะ ตัวเล็ก !!” อีกฝ่ายร้องครวญ ยกแขนขึ้นมาปัดป้องท่ามกลางความมืด

แต่ข้าจะไม่ยอมหยุด…

จนกว่าเจ้าจะไปหยิบหมอนมาคั่นกลาง !!

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[9]



ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าร่างกายนั้นพักผ่อนไม่เพียงพอ หลับไม่ทันอิ่มก็ดันมีเสียงรบกวนเข้าสู่โสตประสาท ส่งผลให้ลำตัวขยุกขยิกไปมา ลอบด่าในใจกับบุคคลที่ช่างทำตัวไร้มารยาทเสื่อมทราม

กึก ๆ !

หนวกหูชะมัด !

ข้าอ้าปากหาว เริ่มปรือตามองขึ้นช้าๆ ด้วยความงัวเงีย ได้แต่มองสิ่งรอบตัวที่มืดมิด พยายามปรับโฟกัสกับทัศนียภาพให้ชาชิน จนเห็นเค้าโครงของเฟอร์นิเจอร์ที่เลือนราง ก่อนจะหันมามองคนข้างกายที่ยังนอนหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงนิทรา

อ่าว ถ้าไม่ใช่เจ้าตี๋แล้วเป็นใครกันที่ส่งเสียงดัง

แต่เดี๋ยวก่อน…

ข้ายื่นหน้าเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น ลองเอาครีบจิ้มไปกับสิ่งที่เห็น แตะต้องผิวเนื้อตรงช่วงแผงอก ส่งผลให้เจ้าตี๋ที่นอนหันข้างเปลี่ยนเป็นนอนแผ่หลาเมื่อถูกรบกวน เผยกล้ามเนื้อรำไรของชายชาตรี ผ่อนลมหายใจเข้าออก สิ่งปูดโปนของซิกซ์แพ็กก็ยิ่งเด่นชัด เล่นเอาข้าหน้าเห่อร้อนตั้งแต่ลืมตา

นี่เจ้าแอบถอดเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ !!

ข้ารีบยกครีบมาปกปิดผิวเนื้อตามตัวอย่างรวดเร็ว พลางขยุกขยิกเอาก้นถูไถไปกับเตียงนุ่ม เมื่อรู้ว่าไม่มีความเจ็บริ้วจึงค่อยคลายกังวลใจ เหลือบมามองคนหล่อเหลาที่ยังเปลือยท่อนบนต่อ

โชคยังดีที่ไอ้คนป่าเถื่อนไม่ได้ลักหลับข้าในยามเผลอไผล หากเป็นเช่นนั้นไอ้สากกะเบือคงได้ถูกกัดไม่เหลือเค้าโครงความเป็นชาย !

เจ้าตี๋คงขี้ร้อนน่าดู ห่มผ้าตั้งแต่เท้าเลื่อนขึ้นมาที่เอวสอบ ไม่ได้หนาวกับแอร์ที่ลดลงต่ำเลยสักนิด

กึกๆ !

เอ๊ะ ? เสียงนั้นอีกแล้ว ข้ารีบหยัดกายขึ้นอย่างรวดเร็ว หันไปมองตามต้นเสียง ทว่ามีกำแพงกั้นอยู่เลยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใด เนื่องจากบานประตูเข้ามาในห้องอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตั่งเตียง

หรือว่าจะเป็นผี….

คิดดังนั้นก็เริ่มขนลุกซู่ ดวงตาเบิกกว้างจนใบหน้าเริ่มถอดสี รู้สึกชาดิกไปทั้งตัว พยายามเอาครีบสะกิดแขนเจ้าตี๋เพื่อหวังปลุก

ฮืออีตี๋ตื่นเถอะ ช่วยลุกไปดูหน่อยจะได้ไหม

“เหมี๊ยว ~” เสียงของเพื่อนร่วมโลกดังขึ้น ข้าพลันสะดุ้งโหยงเมื่อเจ้าแมวมิรินกระโดดขึ้นมาบนเตียงนุ่ม เดินเข้ามาคลอเคลียไปกับลำตัวของข้า

เจ้าสัตว์ขนปุย ! หากเป็นคราก่อนข้าคงผลักเจ้านี่ให้ไปไกล ๆ แต่เสียงดังแกร๊กของประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ทำให้ข้าสะดุ้งโหยง รีบยกครีบรวบกายของสิ่งมีชีวิตให้แนบชิด

อ๊ากกกก ผีหลอก !! อีตี๋ มีคนเข้ามาในห้อง… มีคนเข้ามาในห้อง !!

ข้ากรีดร้องในใจ เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ได้ยินเสียงฝีเท้าย่างกรายเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ  ข้าจึงรีบหันไปมองทางเจ้าตี๋ พร้อมปล่อยเจ้าแมวให้ออกจากตัว ตัดสินใจกระเถิบกายเข้ามาใกล้ใบหน้าคมคาย กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันกับบุรุษที่ยังหลับตาพริ้ม

หลับเก่งนักนะไอ้เจ้าชายนิทรา นี่ถ้าโดนลักหลับก็คงไม่ตื่นด้วยใช่ไหมห๊ะ !?

ข้าตื่นตระหนกยิ่งนัก รีบใช้ครีบทั้งสองข้างเขย่าร่างกายกำยำ

ตี๋ตื่น… ฮือออ ตื่นเถอะ มันจะมาแล้ว

กึกกัก…

อ๊ากกก ตื่นสิเว้ยไอ้ตี๋ !!

“อืมมม” เสียงครางละเมอ บ่งบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นไร้ประโยชน์

เมื่อข้าพูดดีๆ ก็แล้ว ปลุกดีๆ ก็แล้ว คงมีหนทางเดียว…

ไอ้เชี้ยตี๋ !!

เพี๊ยะ !!

“โอ๊ย !” มีคนสะดุ้งโหยง ดีดตัวจากที่นอน หันขวับมาทางข้าอย่างงงงวย แต่ความมืดนั้นอำพราง ข้าจึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเจ้าตี๋มีสีหน้าเช่นไร

แต่กล้าพนันว่าคงทำหน้าเอ๋อแดกอยู่แน่ ๆ !

“ทำไมถึงตบ…” อีกฝ่ายพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ก็มีเงาอึมครึมพุ่งตรงมาทางนี้ พลอยให้ข้าส่งเสียงกรีดร้องกับสิ่งที่เห็น

ผีมุดหัว !

แต่อย่าผวนสิอีเชี้ย !

“กี๊สสส !” ข้ารีบลงจากตั่งเตียง ทันทีที่เห็นเจ้าตี๋ถูกใครบางคนเข้ามาประชั้นชิด มีสิ่งบางอย่างจี้ลงที่คอ ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายต้องเชิดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เสียงของสิ่งบางอย่างกับความคมดังวิบวับก็พอจะดาได้ว่าคือสิ่งใด

เจ้าตี๋ลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดหวั่น ฉับพลันแสงไฟก็ถูกเปิดขึ้น ทำให้ข้าได้เห็นพวกคนร้ายที่เข้ามาภายในห้อง

พวกโจร ! แต่ไม่ใช่โจรปล้นสวาทเหมือนเจ้าตี๋แน่ ๆ  ข้าถึงกับตัวสั่นผงก พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็จ้องเหตุการณ์ตรงหน้าไปพลาง เห็นเจ้าตี๋ทำสีหน้าตึงเครียด จ้องมองชายฉกรรจ์ที่รูปร่างบึกบึน

ข้าพินิจมองชายหนุ่มรูปร่างผอมที่มีกล้ามเนื้อพอสมควร ยืนซ้อนหลังเอามีดใกล้ระดับต้นคอของเจ้าตี๋ เห็นดังนั้นข้าก็ยิ่งอยากจะร้องไห้กับสิ่งที่เจอ หันมามองชายหนุ่มที่เปิดไฟตรงมุมผนังห้อง ก็เป็นคนรูปร่างอวบอ้วนแตกต่างจากคนก่อนหน้า อีกทั้งยังไม่สามารถเห็นหน้าคร่าตาได้แต่อย่างใด เนื่องจากมีโม่งคลุมหัวเอาไว้อยู่

นี่มันเหตุการณ์ตลกร้ายที่สุดที่ข้าเคยเจอ !!

ปล้นอะไรไม่ปล้น แต่ดันมาปล้นในบ้านที่ข้าดันอยู่ !

‘ฮือออ อีตี๋ลาล่ะ’ ข้ารีบกระเถิบกายดิ๊กในทันที

“พวกแกเป็นใคร…” เจ้าตี๋ใจกล้าเอ่ยถาม ส่วนข้าทำตัวลีบก้มหน้าลง ลำตัวชิดอยู่ใกล้ผนังห้อง ครั้นเห็นพวกโจรมองมาที่ข้า ก็เล่นเอาใจร่วงไปตกอยู่ใต้ตาตุ่ม แต่หลงลืมไปว่าไม่มีตาตุ่มเฉกเช่นมนุษย์

ฮือออ อย่ามองแบบนั้นสิจ๊ะพี่จ๋า น้องเป็นสัตว์นะคร๊าบบบบ น้องไม่รู้เรื่องอะไรเลย อยากจะฆ่าก็นู่นค่ะ ! ฆ่าไอ้ตี๋หมกป่าเสียเถิด อยู่ไปกับหนักแผ่นดิน

ข้ากระพริบตาปริบๆ อย่าใสซื่อ เสมองไม่รู้ไม่เห็น บ่งบอกให้รับรู้ว่าเป็นแค่สัตว์ไร้พิษสง ครั้นเจ้าพวกโจรไม่สนใจในวินาทีต่อมา โดยมีเจ้าอ้วนเดินถือเชือกมาทางเจ้าตี๋ ผูกมัดพันธนาการไม่ให้ดิ้นรน เห็นดังนั้นข้าก็รีบวิ่งแจ้นออกจากห้องในทันที ขืนอยู่ต่อได้โดนลูกหลง หากทว่าเสียงอันทรงคุ้นเคยกลับแหกปาก

“ตัวเล็ก !!”

โอ๊ยยยย ไม่ต้องเรียกกูจ้าาา ! มานึกรักอะไรในตอนนี้ ช่างไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาซะเลย ข้ารีบกระเถิบกายใช้ครีบออกจากห้องในทันใด โดยมีเสียงของพวกโจรโม่งดำเอ่ยปากขึ้น

“เอาไง”

“ปล่อยมันไป ก็แค่สัตว์ตัวนึง”

ได้ยินดังนั้นข้าก็พลอยโล่งอก…

“อย่ายุ่งกับตัวเล็กนะ !” แต่เจ้าตี๋ดันเอ็ดตะโรดังลั่น

อีฉิบหาย ! ช่วยหุบปากสักทีจะได้ไหมห๊ะ ! สวมบทบาทพระเอกสาระแนเก่งนักนะไอ้ห่าหนิ !

ข้านี่อยากจะวิ่งย้อนกลับไปตบแก้มเจ้าตี๋ให้เลือดกบปากเสียจริงๆ ตบให้ฟันหลุดสักสองสามซี่คงสาแก่ใจไม่ใช่น้อย ช่างไม่ดูสถานการณ์เอาซะเลย !

ข้าคลานลงจากบันไดอย่างหุนหันพันแล่น ใจนี่เต้นตุบๆ อย่างลุ้นระทึก กว่าจะลงมาถึงขั้นสุดท้ายก็เล่นเอาหอบเหนื่อย พลันรีบแจ้นไปที่หน้าบานประตู กลับต้องสะดุ้งโหยงเมื่อห้องนั่งเล่นดันมีครอบครัวของเจ้าตี๋ถูกมัดมือมัดเท้า มีเทปกาวปิดปากเอาไว้แน่น

ข้านึกอยากจะร้องไห้ที่สุดในชีวิต…

นี่มันวันอะไรกันวะเนี่ย ! ทำไมถึงได้ตาลปัตรถึงเพียงนี้ ดวงชะตาถึงฆาต หรือไปก่อกรรมอันใดไว้ พวกเจ้าเป็นครอบครัวอดัมใช่หรือไม่ ? ไปไหนก็ซวยทุกที่

เลิกซะนะไอ้วันสังสรรค์ อย่าได้มารวมเช็งเม้งกันอีกเลยไอ้ฉิบหาย !

“อื้ม ๆ !” แฟนของน้องสาวเจ้าตี๋เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ข้างขมับก็มีเลือดรินไหลจากการถูกทำร้าย

ข้าส่ายหน้าอย่างอนาถใจ จับจ้องพวกเขาที่ดวงตาเบิกโพลง มองเหมือนข้าเป็นความหวังรำไร แถมเด็กผีทั้งสองก็ยังถูกมัดมือมัดเท้าไม่ต่างจากพวกผู้ใหญ่ น้ำตาไหลนองหน้าคงกลัวกันน่าดู เห็นดังนั้นก็ทำให้ข้านึกสงสาร

พลันได้ยินเสียงขั้นบันไดดังตึงตัง ก็คาดคะเนว่าอาจจะเป็นพวกโจรที่กำลังลงมา ข้าจึงรีบคลานไปแอบอยู่ด้านหลังโซฟาสีดำขลับ พลันชะโงกหัวออกมาดูเจ้าตี๋ที่ถูกผลักล้มลงไปกองกับพื้น ร่างกายหดงอเมื่อถูกฝ่าเท้าเตะเข้าที่กลางลำตัว

“อึก !” เสียงจุกของเจ้าตี๋ดังลอดขึ้น

แต่ช่างน่าเสียดายที่ไม่ได้เตะบริเวณเป้า ข้าแอบเชียร์ให้เจ้าพวกนั้นเตะมันสักหน

“มึงขยันดิ้นดีนัก !” เจ้าโจรตวาดลั่นบ้าน

ข้าจับจ้องแม่ของเจ้าตี๋ที่พยายามคลานกระดึ้บไปมา เอาขาดันที่พื้นและไถลกายไปเบื้องหน้า หวังให้ตัวเองได้เห็นอาการของลูกชาย ช่างเป็นการกระทำที่แสนอบอุ่นจนข้าซาบซึ้งใจ

นี่ล่ะหนาเวลาเกิดเรื่องยากลำบาก ก็คงมีแต่ครอบครัวช่วยเหลือกันและกัน แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น !

อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าผลกรรมที่ทำเอาไว้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ทั้งที่อดีตเคยเป็นเด็กที่แสนดีถึงเพียงนี้ มากสุดก็แค่พูดจาหยาบคาย แต่ไม่เคยทำมิดีมิร้ายใครทั้งนั้น พ่อแม่ส่งเสียเลี้ยงดูจนข้าเข้ามหาลัย เวลาสอบก็ทำคะแนนออกมาได้ดี เฉลี่ยไม่ถึงสามจุดศูนย์ศูนย์ก็นับว่าเป็นบุญหัว ยามว่างก็นั่งเล่นเกม พิมพ์สาปส่งบุคคลที่มาใส่ร้ายป้ายสีวงเกิร์ลกรุ๊ปที่ตนเองชื่นชอบ

พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรม ! เมียหรือก็ไม่เคยมี ผัวก็ไม่เคยได้ ชีวิตได้แต่จมปรักกับเรื่องไร้สาระ ช่วยเหลือคนก็เสือกทำกูตาย โอ๊ยยยย ! นี่ต้องมาอยู่วงล้อชะตากรรมเช่นนี้อีก

อีชะตาเฮงซวย อีตี๋ก็เฮงซวย บ้านแม่งก็เฮงซวย รวมไปถึงมึง มึง อีโจรกระจอกสองตัว อีพวกเฮงซวย ! เฮงซวยกันทุกคน ! ดันดัดจริตมาปล้นบ้านคนอื่นเขา

ข้ามองพวกไอ้โม่งทั้งสอง แววตาล่อกแล่กเหมือนพวกติดยาไม่ผิดเพี้ยน มือไม้สั่นเทาแถมยังใช้มีดชี้หน้าด่าครอบครัวของเจ้าตี๋

“ขืนพวกมึงคิดจะทำอะไร กูฆ่าพวกมึงทุกคนแน่ !”

ทุกคนสะดุ้งโหยง ยกเว้นข้าที่รีบหดคอลง นั่งแนบอิงกับหลังโซฟา ลำตัวก็สั่นระริก ใจก็เต้นถี่กระชั้นเหมือนเป็นโรคหัวใจ พลางยกครีบมาใกล้ริมฝีปาก กะจะกัดเล็บด้วยความจิตตก เป็นอุปนิสัยเวลาตื่นตระหนก แต่ยามนี้ดันเป็นสัตว์ ซี่ฟันจึงกัดเข้าที่ผิวเนื้อ ต้องพยายามข่มอาการไม่ให้โอดครวญ

ทำไงดี ทำไงดี ลองนั่งแบบอิคคิวซังจะช่วยไหม ? ยังไม่ทันหลับตาก็ดันได้ยินเสียงพวกโจรเดินออกจากห้องนั่งเล่น

ข้าชะโงกหัวออกมาดู สดับรับฟับเสียงขั้นบันไดที่ดังกระทบ สื่อให้รู้ว่าพวกโจรทั้งสองได้ขึ้นไปบนบ้านแล้ว ข้าจึงรีบกระเถิบกายมาหาเจ้าตี๋อย่างเป็นห่วงเป็นใย

“อื้ม อื้ม” ชายหนุ่มเบิกตาโพลง ทำเสียงอื้ออึงในลำคอจนข้าจับใจความไม่ค่อยได้ นึกอยากเรียกโดราเอมอลขอวุ้นแปลภาษา

“อื้ม อื้อ !”

ฟังไม่รู้เรื่องเว้ย ! ครืด ! ข้าก้มหน้าอยู่ระนาบเดียวกันกับอีกฝ่าย ใช้ฟันซี่คมครูดกับเทปกาวบริเวณผิวเนื้อของเจ้าตี๋ พยายามงัดแงะไม่ให้ความคมบาดผิวเนื้อของอีกฝ่าย ไม่ช้านานก็มีสิ่งที่ติดกับโพรงปาก ข้าจึงกัดและฉีกกระชากอย่างรวดเร็ว เล่นเอาเจ้าตี๋แอบซี๊ดปากอย่างแสบร้อน น้ำตาไหลเล็ดเพราะความเจ็บ

โชคยังดีที่อีกฝ่ายไม่แหกปากดังลั่น ขืนเป็นเช่นนั้นได้ตายกันหมด

ใบหน้าของข้าคงตึงเครียดมาก ช้อนตามองเจ้าตี๋ที่ขมวดคิ้วยุ่ง

“ตัวเล็กลองใช้ฟันกัดที่เชือกได้ไหมครับ” เจ้าตี๋เสนอไอเดีย เห็นดังนั้นข้าก็พยักหน้ารับ รีบอ้อมไปด้านหลัง หวังจะปลดเปลื้องพันธนาการ อีกแค่ปมเดียวก็คลายออก จู่ๆ ก็พลันนึกขึ้นได้ ขืนทำแบบนี้ได้ตายแหงแก๋ เกิดพวกนั้นลงมาเห็นคงซวยกันหมด ทำอะไรไม่ลอบคอบอาจส่งผลให้ทุกคนตายคาบ้าน

ข้าวกกลับมาจ้องหน้าชายหนุ่มดังเดิม ส่ายหน้าบ่งบอกว่าไอเดียที่คิดนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะข้าเคยเห็นในหนังหลายเรื่องเวลาโดนมัด พอถูกแก้พันธนาการก็ทำเรื่องโง่เขลา ตัวละครหลักฉลาดหน่อยก็อาจรอดพ้น แต่พอเป็นเจ้า…

เฮ้อ ข้าส่ายหน้าอีกรอบ สมองตื้นเขินแบบนี้ ขืนช่วยไปได้ตายห่าเป็นคนแรก

“ทำไมล่ะ” คนตรงหน้าเอ่ยถาม ข้าจึงยกครีบจรดปากเป็นการเอ่ยเตือน หวังให้อีกฝ่ายเงียบเสียงลง ก่อนจะยกครีบไปเบื้องหน้า ดันขึ้นลงสองสามที เพื่อสื่อสารให้อีกคนรับรู้ว่าอยู่นิ่งๆ ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวงานนี้ข้าลุยเอง

นาตาชา โรมานอฟพร้อมปฏิบัติการ !

ครอบครัวของเจ้าตี๋เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ คล้ายตกตะลึงกับการสื่อสารของข้ากับเจ้าตี๋ เห็นดังนั้นข้าก็คร้านเกินจะใส่ใจ พลันนึกขึ้นได้ว่าในห้องรับประทานอาหารมันจะมีมุมหนึ่งที่เจ้าตี๋วางของไว้บนชั้น ข้าจึงรีบใช้ครีบกระเถิบกาย หวังจะไปหาอุปกรณ์ในการแก้ไขปัญหา

เมื่อมาถึงก็มีแต่ประแจและอุปกรณ์ซ่อมแซม หากจะหยิบไขควงไปสู้กับโจรก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เหลือบมองมาทางซ้ายก็ตาลุกวาวกับสิ่งที่เห็น

อะเมซิ่ง ถังน้ำมัน !

นี่แหละ ! สิ่งที่จะต่อกรกับเจ้าพวกโจรบ้านั่น ! แถมทางขวามือ นี่ไง ๆ กล่องไม้ขีดไฟ ! เลิศมาก ๆ ! ครบครันในสิ่งที่ต้องการ

ข้าฉีกยิ้มกว้างกับสิ่งที่จะสามารถช่วยเหลือครอบครัวของเจ้าตี๋ได้ คงต้องทำทุกอย่างให้รอบคอบ ไม่มีการส่งเสียงเลยสักแอะ ขืนผิดพลาดประการเดียว จบเห่ตายห่ากันทุกคน !

วันนี้ทุกอย่างต้องลุกเป็นไฟ ! ท่อนของลิซ่า นาวเบิร์นเบบี้เบิร์นดังขึ้นในหัวทันที อ๊ากกก บุลจังนัน โอะโอโอะโอ

ข้ารีบยื่นหน้าไปคาบถังน้ำมันเอาไว้ในปาก พลางยื่นครีบตวัดไม้ขีดไฟที่วางตรงชั้นให้ร่วงตกลงมาบนพื้น  ต้องพยายามอย่างมากกับการใช้ฟันกัดเข้าที่ช่วงสอดมือ น้ำหนักของมันเบาลง เนื่องจากเจ้าตี๋ได้นำไปใช้ก่อนหน้านี้ ถึงกระนั้นก็ยังหนักพอสมควรกับสัตว์ตัวจ้อยเฉกเช่นข้า

จบงานนี้จะทวงบุญคุณกันให้หมด !

ระหว่างที่ข้ากระเถิบกายก็ต้องใช้ครีบสะบัดกล่องไม้ขีดไฟ ไถลสิ่งของให้ไปที่ห้องนั่งเล่น ออกแรงสุดชีวิตจนถึงจุดที่หวัง ส่วนข้าต้องเงยศีรษะขึ้น ลำตัวหนักอึ้งกับการคาบสิ่งของ

“ตัวเล็ก…”

พอถึงจุดมุ่งหมายเจ้าตี๋ก็หน้าถอดสี มองถังน้ำมันที่ข้าคาบเอาไว้ในปากวางลงตรงพื้น ข้าจึงได้เห็นสีหน้าที่เหงื่อตกของทุกคนที่เริ่มเจื่อน

ข้ายกครีบ เสหน้าไปทางอื่น ‘กรุณาเลิกสงสัย ขอเวลาข้าหายใจหายคอสักพักเถิด’

ข้าหอบแฮ่ก พยายามใช้เวลาไม่นานจนเกินไป แผนในหัวประเดประดังไปหมด ครีบข้างหนึ่งจับกลักไม้ขีดไฟให้ชิดอก โอบกอดมันเหมือนเป็นสิ่งล้ำค่า รีบหันหลังจากคนที่กำลังปริปาก ประท้วงในสิ่งที่ข้ากำลังจะทำ

“ตัวเล็กคิดจะทำอะไร อย่านะ”

ข้าไม่ฟัง ย่างกรายมาที่ขั้นบันได สูดอากาศเข้าปอดเต็มกำลัง อกผายไหล่ผึงกับสิ่งที่จะเผชิญต่อไปนี้ แบกความหวังของทุกคนที่เริ่มส่งเสียงโวยวายบ้างก็อื้ออึงเบิกตาโพลง

ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้าจะต้องซาบซึ้ง…

ข้าค่อยๆ ยกถังน้ำมันไปทีละขั้น ก้าวขึ้นไปยังทีละระดับความสูง ความเหนื่อยมันมากมายมหาศาล เทียบไม่ได้กับความหวังของทุกคนที่ต้องเผชิญ เพราะอย่างน้อยข้าก็หวังว่าตัวเองจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

เจ้าตี๋คงจะต้องเห็นความดีความชอบของข้ามากแน่ๆ…

ครั้นมาถึงขั้นสูงสุดก็เล่นเอาข้าไถลกายหอบเหนื่อย อยากจะปาดน้ำตากับความพยายามของตัวเอง กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ ช่างเป็นสัตว์ตัวเล็กที่มีพลังเหลือล้น ต้องทำทุกอย่างให้พิถีพิถัน วางถังน้ำมันไปทีละขั้นให้ไร้สุ่มเสียง และยกของไปอีกขั้น พลางปีนป่ายไปกับขั้นบันได นึกอยากจะตายกับความสูงที่ต้องบากบั่น

ข้าลากสังขารตัวเองไปยังห้องหนึ่งที่บานประตูเปิดออกกว้าง พลันได้ยินเสียงพูดคุยของคนสองคนที่กำลังงัดแงะสิ่งบางอย่าง เมื่อชะโงกหน้าไปดูผ่านริมประตู ก็เห็นพวกนั้นอยู่หน้าตู้นิรภัย ซึ่งข้าก็เพิ่งได้เห็นห้องนี้เป็นครั้งแรก

มันเป็นห้องโล่งๆ มีแต่โต๊ะทำงานและชั้นหนังสือ มีหน้าต่างที่ปิดเอาไว้แน่น เรียกได้ว่าเป็นห้องหนอนหนังสือชัดๆ ถัดมาเป็นโต๊ะไม้ขนาดเล็กตรงมุมห้อง มีตู้เซฟนิรภัยขนาดใหญ่ที่กำลังถูกโจรปลดล็อก

แต่เอาเถอะ…

ข้าวางถังสีแดงลง วางไม้ขีดไฟไว้ข้างกาย ก่อนจะเอาซี่ฟันหมุนหัวเปิดของถังน้ำมัน ต้องพยายามเอาครีบประคับประคองไม่ให้มันโอนเอียงจนล้มคว่ำคะมำ มิเช่นนั้นคงล้มเหลวไม่เป็นท่า

เริ่มต้นด้วยการเปิดต้นกำเนิดของเชื้อเพลิง ข้าเอาครีบวางตรงกล่องไม้ขีดไฟ กดทับมันเอาไว้และก้มหน้าเอาจมูกดันที่ภายใน เผื่อให้วัตถุเคลื่อนออกมาข้างนอก เผยก้านไม้สีน้ำตาล ส่วนหัวแดงเถือกเหมือนสีระเรื่อของเจ้าตี๋

นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่…

ข้าสะบัดหัวปัดความคิดสัปดน ใช้ปากงับกล่องเล็กๆ เพื่อเทไม้ขีดไฟทิ้งลงบนพื้นจนกระจัดกระจาย จุดต้นตอของหายนะทำข้าผุดรอยยิ้มลอบยินดี

“เดี๋ยวกูทำเอง” เสียงพวกโจรกระจอกถกเถียงกันภายในห้อง

ข้าไม่ชักช้ารีรอ ตัวกระเถิบมายืนหน้าห้อง ปากคาบถังน้ำมันและค่อยๆ เทราดลงไปตรงพื้นโดยไม่ใช้เสียง หยาดน้ำมันเหม็นฉุนจึงตีเข้าโพรงจมูก บรรจงราดรินความฉิบหายวายวอด กักขังให้ไร้ทางออก ดีที่อย่างน้อยมันไม่ไหลเจิงนองมาทางข้า แต่ข้าก็กะว่าจะราดดักทางไม่แม้กระทั่งขั้นบันได

เพราะพวกเจ้าจะต้องถูกลงทัณฑ์ !

อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็ไม่ติดกับบ้านละแวกใกล้ ๆ ก็น่าจะพอเป็นไปได้ที่ไฟจะไม่ลุกโชน

เอาล่ะ บุลจังนัน ก่อนที่พวกนั้นจะไหวตัวทัน ข้ากระถดตัวไปวางถังน้ำมันให้ไกลออกจากเชื้อเพลิง พลันหมอบตัวลงต่ำ กัดไม้ขีดไฟไว้ในปาก และหันหัวไม้ขีดตรงบริเวณด้านข้างของพื้นผิวขรุขระ ตัดสินใจเฉียบขาดให้มันติดในทีเดียวอย่างรวดเร็ว ฝนหัวไม้ขีดและติดไฟเสียดังพรึ่บ แสงสว่างจึงวาบผ่านนัยน์ตากลม

นาวเบิร์นเบบี้เบิร์น ~

ไอร้อนนั้นพวยพุ่งใกล้ใบหน้า ก่อนที่มันจะมอดดับข้าก็หยัดกายขึ้น อยากทำในสิ่งที่ไม่เคยทำให้ใครเห็น ครีบเบื้องล่างจนยืนขึ้นดั่งมนุษย์ ก้าวเดินเสมือนขาหน้าของผู้คน เสียงเหยียบของน้ำหนักจึงทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสองหันมามอง

พวกโจรมองข้าอย่างฉงน เห็นสัตว์อย่างข้าใช้ครีบเบื้องหน้ายื่นออกจากตัว ร้องเพลงในใจประกอบกับท่าทางการเต้นของเนื้อร้อง กระตุกครีบขึ้นลง พลางโยกตัวไปทางขวาและซ้าย เหมือนกับควักปืนมายิง

Hit you with that ddu-du ddu-du du !!

ข้าบ้วนไม้ขีดไฟลงในทันที เพื่อโยนลงตรงพื้นอย่างไม่ไยดี

บึ้ม ! เสียงไฟลุกโชติราวกับระเบิดของเชื้อเพลิง ไอร้อนจึงพวยพุ่งจนแสบผิว ข้ารีบถอยออกห่างท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของคนในห้อง

“อุ๋งๆ” อุวะฮ่าๆ ข้าหัวเราะด้วยความชอบใจ

“ไฟไหม้ อีเหี้ยไฟไหม้ !”

“ทำอะไรสักอย่างสิวะ !”

เจ้าพวกนั้นตะโกนกันลั่น แต่ข้าเกรงว่าพวกมันอาจจะกระโดดข้ามผ่านออกมานอกห้อง ข้าจึงเอาน้ำมันมาราดดักทางเอาไว้ เทน้ำมันไปตามพื้นกระเบื้องที่ราบเรียบ ถอยกายไปทีละนิดเพื่อให้เชื้อเพลิงค่อยๆ ติดกัน

มันอันตรายอยู่อย่างตรงที่ข้าต้องพยายามเพื่อไม่ให้น้ำมันหกเลอะโดนตัว แต่ก้าวถอยหลังจนหลงลืมสังเกตทาง ร่างทั้งร่างจึงหงายหลัง เกลือกกลิ้งไปกับขั้นบันได ถังน้ำมันเบื้องหน้าจนล้มคว่ำอยู่เบื้องบน ไหลเจิงนองคล้ายคลึงกับสายน้ำ พร้อมกับประกายแสงสีที่ส่งกลิ่นเหม็นฉุน

ปึก !

“อุ๋ง !” ข้ากรีดร้องอย่างเจ็บปวด รู้สึกตัวช้ำไปหมดกับแรงกระแทกที่ร่วงหล่น ครั้นเห็นน้ำมันที่เริ่มลามมาตามขั้นเรื่อย ๆ  ข้าจึงรีบหยัดกายขึ้น วิ่งแจ้นไปแก้พันธนาการของคนที่อยู่ในบ้าน

บ้านไหม้จ้า บ้านไหม้ รีบหนีกันเถอะก่อนที่จะเป็นกล้วยปิ้ง

“ตัวเล็ก !” เจ้าตี๋ร้องอย่างหวาดผวา มองข้าที่ตัวซัดตัวเซ พยายามกระเถิบตัวมาหาอย่างบอบช้ำ

ข้าอ้อมมาด้านหลังของอีกฝ่าย กระชากปมสุดท้ายเพื่อปลดปล่อยการผูกมัดที่ข้อมือ เจ้าตี๋รีบแก้เชือกที่เท้าต่อ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมดจนข้าลุ้นระทึก ไอร้อนภายในบ้านตามมาติดๆ พรั่งพร้อมกับกลุ่มควันสีขาวที่ลอยละลิ่วบนอากาศ

ข้าไปแก้มัดให้เด็กๆ ทั้งสองต่อ ส่วนเจ้าตี๋ที่เหงื่อแตกพลั่กก็รีบวิ่งแจ้นไปหยิบมีดในครัว ความคมจึงตัดที่เชือกเส้นหนาออกได้อย่างง่ายดาย บุคคลที่ได้รับอิสระจากการปลดปล่อยก็วิ่งไปหยิบมีดมาช่วยอีกแรงนึง

“ฮือ พี่ตี๋” เสียงเด็กร้องไห้งอแง เมื่อแกะเทปกาวออกจากปากเป็นที่เรียบร้อย

“รีบออกไปเร็ว !!” เจ้าตี๋ลนลานพูดตะโกนเป็นเชิงสั่ง พยายามประคองแม่ของตนเองให้ลุกขึ้นยืน

ข้ามองทุกคนที่หุนหันพลันแล่น รีบวิ่งออกจากตัวบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ตัวข้าจะถูกเจ้าตี๋ก้มตัวลงมาโอบอุ้ม ใบหน้าจึงซุกอยู่ในแผงอกอุ่นๆ ที่เปลือยท่อนบน

กรี๊ดดดด อีตี๋ยังไม่ใส่เสื้อ…

แต่เหตุการณ์ในตอนนี้ข้าไม่พร้อมจะโวยวาย และไม่มีคำด่าใดๆ ออกจากปากของเจ้าตี๋เช่นเดียวกัน นอกจากการวิ่งออกนอกบานประตูมายังหน้าบ้าน ทุกคนต่างหันมามองบ้านหลังใหญ่ของตนเอง ทุกอย่างดูชุลมุนวุ่นวายเมื่อเพื่อนข้างบ้านต่างเปิดไฟกันออกมาดู เสียงกรีดร้องจึงไล่ตามมา แต่คงไม่ดังเท่ากับพวกโจรสองคนที่โผล่หน้าออกมานอกบานหน้าต่าง ร่ำร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากความสูงของชั้นสอง ฉุกคิดจะกระโดดลงมาก็คงตายได้เช่นเดียวกัน

“ฮึก ฮือออ บ้านเราไหม้แล้ว”

“…” ข้าเงียบ ฟังเสียงของหนูทับทิมที่ร้องไห้ปล่อยโฮ ตามมาด้วยเสียงของเจ้าแทนไท รวมไปถึงแม่ของเจ้าตี๋ที่ปิดปากกับสิ่งที่พบ มองกลุ่มควันโขมงออกมานอกบ้าน เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำจนน่าเกรงกลัว

ข้าหันไปมองพ่อและแม่ของเจ้าตี๋ที่โอบกอดกัน รวมถึงแฟนหนุ่มของน้องสาวเจ้าตี๋ที่รวบกายครอบครัวมาปลอบประโลม ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าแมวมิรินที่ไม่รู้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่งเลียขนอยู่ตรงพื้น

“ตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอยู่เหนือหัว ข้าจึงชายตามอง กระพริบปริบๆ พร้อมรอยยิ้ม จับจ้องสีหน้าของเจ้าตี๋ที่ขมวดคิ้วยุ่งเหมือนจะดุ

ข้าหุบยิ้มลง ชี้นิ้วไปที่บ้านและสลับมาที่ตี๋ และวาดผ่านไปที่ครอบครัวของอีกฝ่าย เพื่อเป็นการสื่อสารผ่านภาษากายว่าสิ่งที่ทำลงไปล้วนปกป้องทุกคน

ข้าทำอะไรผิด ?

“ทีหลังอย่าเสี่ยงอันตรายแบบนี้อีกนะ”

“…”

“ตี๋เป็นห่วงรู้ไหม” สิ้นคำพูดไม่ว่าเปล่า ใบหน้าของข้าก็จมไปกับหนั่นเนื้อ ร่างกายแนบชิดกับแผงอกบึกบึนของอีกฝ่าย ปลายจมูกฟุดฟิดได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากบุรุษเพศที่ชื้นเหงื่อ

ข้าได้ยินเสียงหัวใจของเจ้าตี๋เต้นแรงมากจนน่าเป็นห่วงว่าอาจหัวใจวายตายได้ในเฉียบพลัน รวมไปถึงร่างของข้าที่รู้สึกร้อนอบอ้าว วินาทีก็เผลอหลับตาพริ้มไม่คิดจะดีดดิ้น

เจ้าตี๋รวบร่างของข้าไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง ซีกหน้าของอีกฝ่ายและปลายคางแนบอิงอยู่ที่บริเวณต้นคอ ทุกสิ่งล้วนบ่งบอกว่าสิ่งที่เจ้าตี๋แสดงออกมาล้วนเป็นห่วงจากใจจริง

จุ๊บ

ความนุ่มหยุ่นแตะลงที่ข้างขมับ ทำให้ข้าหัวใจเต้นแรง รับรู้ได้ได้ไม่ยากว่าสัมผัสเมื่อครู่เกิดจากสิ่งใด

“ตัวเล็กแสบมาก…เผาบ้านตี๋หมดเลย” คำพูดเป็นเชิงตำหนิ ทำให้ข้าต้องผละใบหน้าออกห่าง หันไปมองด้านข้างโดยไม่คิดจะสบสายตากับคนตัวโต

ปล่อยให้ความรู้สึกมันรัวแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผ่านพ้นไม่นาน พวกตำรวจและนักดับเพลิงก็ตามมา สายน้ำพุ่งกระฉูดดับไฟให้เจือจาง ขณะที่พวกโจรก็ได้รับความช่วยเหลือลงมาจากขั้นบันได เหล่านักดับเพลิงต่างให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ก่อนที่ตำรวจจะจับกุมคนร้ายพลางหยิบกุญแจมือมาคล้องไว้ พวกนั้นหันมามองทางข้าและว่าพาล

“ไอ้สัตว์บ้านี่แหละที่มันเผาบ้าน เพราะแม่งทั้งนั้น !”

ใคร… บ้า ข้าไม่รู้เรื่อง

ข้าเสหน้าไปทางอื่น ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แต่ปากก็แอบอมยิ้มอย่างขบขัน ส่วนเจ้าตี๋จ้องเขม็งใส่พวกมัน

จู่ๆ ก็มีนักข่าวจากช่องอื่นๆ ตามมาด้วย ในทีแรกข้าก็ไม่คิดจะใส่ใจ ได้แต่นั่งดูไฟที่ยังลุกภายในบ้าน หากทว่า…

“เจ้าตัวเล็ก” เสียงเรียกของเจ้าตี๋ดังมาจากข้างหลัง ข้าจึงหมุนกายหันไปมอง จังหวะเดียวกับเสียงดังแชะ ! ของชัตเตอร์ บวกกับแสงไฟสีขาวที่ชวนปวดตา

กล้องราคาแพงจับจ้องมาที่ข้า…

วิดีโอกำลังถ่ายทอดสด ข้าก็รู้ได้เลยว่าหายนะมาเยือน

ภาพที่ได้ออกมาจึงเป็นสิงโตทะเลที่กำลังเปื้อนรอยยิ้ม ขัดกับภาพข้างหลังที่มีบ้านลุกเป็นไฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-06-2019 03:25:14 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เรื่องนี้ฮามากน่ารัก ชอบๆ ติดตามจ้า อ่านต่อเนื่องดึกเลย วางไม่ลง 55  รออัฟตอนต่อไป จร้า ^^

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แงงง น้องจะโดนอะไรไหมเนี่ยยย

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[10]


ข้ากำลังจับจ้องเจ้าตี๋กับคนร้ายทั้งสองที่กำลังพูดคุยกับตำรวจ การให้ปากคำต่างๆ เริ่มจบลงด้วยการที่คนร้ายถูกจับลุกขึ้นยืน โดยมีตำรวจเดินนำหน้าคนร้าย ประกบท้ายด้วยตำรวจอีกนายหนึ่ง

ข้าที่เห็นพวกเขาเปิดประตูกระจกออกมาก็เริ่มดีดตัวขึ้นจากที่นั่ง พลันกระโดดลงจากตักของแม่เจ้าตี๋ที่ส่งเสียงเหวอ รีบคลานกระเถิบนำหน้าบุรุษราชการทั้งหลายแหล่ เข้าไปยืนข้างกรงขัง

ข้ายิ้มหวานให้ชายโฉดทั้งสองที่พินิศมาทางข้าปานจะฆ่าให้ตาย เห็นตำรวจไขกุญแจเสร็จสรรพ ตัวข้าก็รีบหุนหันพลันแล่นใช้ปากงับกรง ช่วยคุณตำรวจเปิดสถานที่กักกัน ช่างเป็นสัตว์ที่แสนรู้และจิตใจดียิ่งนัก

ข้าผละออกจากสิ่งนั้น ส่วนเจ้าตี๋ที่เพิ่งออกมาจากห้องการให้ปากคำพร้อมกับคุณพ่อ ครั้นเห็นข้าปุ๊บก็รีบวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ข้าเหยียดยิ้มกว้าง ยกครีบข้างซ้ายขึ้นมาผายมือไปยังข้างในกรง

มอบให้กับเจ้าโจรชั่วทั้งสอง และมอบให้กับเจ้าตี๋ที่ชอบฉุกคิดลวนลาม

อิรัชชัยมาเส่ะ ~ สถานที่นี้ยินดีต้อนรับจ้ะไอ้พวกเวรตะไล

“มานี่เลยนะเจ้าตัวเล็ก”

“กี๊สสส” ข้าส่งเสียงร้องทันทีเมื่อโดนเจ้าตี๋เข้ามามาจับอุ้ม รู้สึกยังเจ็บตัวไม่หายกับการล้มกระแทกไปกับขั้นบันได

กรุณาหัดอ่อนโยนกับข้าด้วย ต่อให้ข้าจะเผาบ้านของเจ้าเละเป็นจุณ !

“อีนี่มันร้ายนะครับหัวหน้า” เจ้าโจรรูปร่างผอมหันมาจิกกัดข้าผ่านคำพูด ส่งสายตาคล้ายจะเชือดเฉือน ไม่ต่างจากเจ้าอ้วนที่เริ่มฉุนเฉียว

“พวกมึงไม่เชื่อกู ! กูบอกแล้วว่าไอ้สัตว์บ้านี่แหละที่มันเผาบ้าน แถมมันยังเต้นเยาะเย้ยพวกกูอีกต่างหาก !”

ฮั่นแน่ ~ แพ้แล้วพาลชัดๆ ข้าเบะปากเป็นสระอิเย้ยหยันพวกโจร เอาหน้าแนบอิงกับอกของเจ้าตี๋ ปรายตามองอย่างดูถูกพวกคนขี้ฟ้อง

เหอะ ! ข้าเต้นดูดูก็โชคดีเท่าไหร่แล้ว ขืนเต้นบูมบาย่าพวกเจ้าได้หัวร้อนยิ่งกว่านี้อีก คิดแล้วก็เต้นเลยดีกว่า หมุนหัวเป็นวงกลมไปมา ยกครีบขึ้นมาแตะศีรษะและบ่าไหล่ ลากมาถึงช่วงลำตัว ส่งเสียงท่อนคำว่าอุปป้าด้วยการเอาครีบป้องปาก หากทว่าเสียงที่ร้องออกมาคือคำว่า “อุ๋งๆ !”

“มันกวนตีน เห็นไหมว่ามันกวนส้นตีน !”

อ่าว พูดงี้ก็สวยดิ ! ถลกแขนเสื้อมาต่อยเลยสิไอ้แม่ย้อย ! เข้ามาเซ่ แน่จริงก็เข้ามาเซ่ !

“กี๊สสส !” ข้ายื่นคอไปข้างหน้า ส่งเสียงร้องแข่งกับพวกโจรที่ชอบแหกปากโวยวาย ดังมาดังกลับเช่นกัน ยกครีบขึ้นมาพร้อมจะบวก แต่กลับถูกเจ้าตี๋ลากออกมาซะก่อน ไม่ต่างจากพวกโจรที่ถูกดันเข้าไปในกรง

“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้สัตว์บ้า !”

ไม่รับฝากจ้า แน่จริงก็แหกคุกมาสิจ๋า เดี๋ยวปั๊ดหยิบปืนมายิงขู่เลยหนิ !

ข้าหันซ้ายแลขวา เห็นแต่กระบองสีดำของตำรวจที่เสียบเอาไว้อยู่ข้างเอว ไม่มีอะไรดั่งใจเลยสักนิด

โธ่เอ้ยไอ้เจ้าตี๋ ถอดกระบองส่วนตัวของเจ้าไปฟาดปากพวกมันที

คิดแล้วก็โมโห หนอยแน่ หนอยแน่ !

“ไม่ก้าวร้าวสิ” คนเบื้องบนเอ่ยปรามข้าที่ดีดดิ้นเป็นบ้าเป็นหลัง ข้าจึงหยุดนิ่ง พ่นลมหายใจบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ หันไปมองเจ้าตี๋ที่เดินเข้าไปหาครอบครัว

โชคยังดีที่บ้านของเจ้าตี๋ไม่ได้มอดไหม้ถึงขั้นหนัก แต่ก็เสียหายอยู่หลายส่วน โดยเฉพาะพวกกำแพงเพดาน พื้นเอย บันไดเอย ข้าได้ยินมาจากปากพวกนักดับเพลิง

“วันนี้พวกเราคงต้องกลับไปนอนที่บ้านหลังใหญ่” พ่อของเจ้าตี๋กล่าว ส่วนลูกชายก็พยักหน้าเห็นด้วย พลางเหลือบมองหลานทั้งสองที่กำลังหลับ ตัวข้าเองก็เลยชำเลืองตามอง เห็นเจ้าแทนไทนเอาหน้านอนแนบอิงบนตักของคนเป็นพ่อ ส่วนเจ้าทับทิมหลับอุตุอยู่บนหน้าตักของคนเป็นแม่ ท่าทางอิดโรยกันน่าดู

“หลานคงกลัว จู่ๆ ก็เจอโจรปล้นบ้าน” ข้าแหงนหน้ามองเจ้าตี๋ที่มีสีหน้าเคร่งเครียด

“ไม่หรอก พ่อว่าเพราะบ้านไหม้มากกว่า” พ่อเจ้าตี๋ส่ายหัว ขัดคำพูดของลูกชายคนโต บ่งบอกถึงสาเหตุที่แท้จริง ทำเอาข้าส่งสายตาล่อกแล่กไปมา แสร้งทำเป็นอ้าปากหาวเมื่อผู้สูงอายุก้มลงมามองสิ่งที่อยู่ในอ้อมอกของคนเป็นลูก

ข้าหลับตาลง เอาหน้าอิงเรียวแขน หวังตัดขาดจากโลกภายนอก ตาพลันกระตุกกับสิ่งที่ได้ยิน กับคำถามที่ว่า…

“ลูกสอนมันยังไงให้สิงโตทะเลเผาบ้านได้”

ข้าเงียบ เจ้าตี๋เองก็เช่นกัน

“แถมมันยังดูฉลาดกว่าสัตว์ทั่วไปด้วยซ้ำ”

ตายๆ ข้าลุ้นระทึกยิ่งนัก อีกสักนิดคงหัวใจวาย หากแม่ของเจ้าตี๋ไม่ปริปากแย้ง

“ก็ดีแล้วนี่คะ เจ้าตัวเล็กช่วยพวกเราไว้นะคุณ ทรัพย์สินก็ไม่ได้เสียหายมากนัก ตอนนี้พวกเรารีบกลับบ้านไปนอนกันก่อนดีกว่า เด็กๆ คงเพลียกันแย่”

ฮือออ แม่ของเจ้าตี๋มองโลกแง่บวกมากเหลือเกิน ข้านึกชมเชยภายในใจ อยากโค้งคารวะเป็นสิบๆ หน

“โจรปล้นบ้านสิบครั้ง ไม่เท่ากับบ้านไหม้หนึ่งหนนะคุณ” พ่อของเจ้าตี๋ถกเถียง ตามมาด้วยภรรยาสุดที่รัก

“เหตุการณ์มันก็ผ่านไปแล้ว คุณจะคิดมากไปทำไม ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นมา นี่เราก็มีชีวิตรอดกันทุกคนก็โชคดีแค่ไหนแล้ว ถ้าขืนเจ้าตัวเล็กไม่ช่วยเราเนี่ยสิ ไม่แน่เด็กๆ และลูกๆ อาจเกิดอันตรายขึ้นมาก็ได้ ใครจะไปรู้”

“ผมก็แค่แปลกใจที่มันฉลาดเกินไป…”

“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ ? เข้าใจภาษาคนน่ะสิยิ่งดี ว่านอนสอนง่าย”

“แต่นี่มันสิงโตทะเลนะคุณ ไม่ใช่สุนัข มันน่าแปลกเกินไป”

“แปลกตรงไหน สัตว์เหมือนกัน มีชีวิตเหมือนกัน พวกมันก็ต่างมีความคิด”

“เฮ้อ โอเค ๆ ผมไม่เถียงคุณแล้ว คอยดูพรุ่งนี้ละกัน ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ๆ”

“นับวันยิ่งเป็นตาแก่ขี้บ่น เส้นสายก็มีคุณจะกลัวไปทำไม เผลอๆ เจ้าสิงโตทะเลอาจนำโชคมาให้เราก็ได้ หัดมองแง่บวกบ้างสิคะ”

ข้าแอบปรือตามองเล็กน้อย เห็นแม่ของเจ้าตี๋ยืนกอดอก ขณะที่ชายอาวุโสหันข้าง พึมพำไม่เต็มเสียง

“คุณมากกว่าที่มองโลกในแง่ดีเกินไป”

“คุณว่าอะไรนะ ?”

“เปล่าจ้ะ” อีกฝ่ายปฏิเสธ ทำเอาข้าที่แอบได้ยินหัวเราะในลำคอจนตัวสั่น ไม่ต่างจากเจ้าตี๋ที่ส่งเสียงพรืด ขบขันพ่อกับแม่ของตนเอง

สมแล้วที่เป็นคู่รัก คนนึงร้อนอีกคนก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบ ดูไปดูมาคล้ายพ่อของเจ้าตี๋กลัวภรรยาสิ้นดี

“เป็นไง พ่อแม่ของตี๋น่ารักใช่ไหมครับ ?” จู่ๆ น้ำเสียงทุ้มละมุนก็กระซิบอยู่ข้างกกหู คงรับรู้ว่าข้าคงแกล้งทำเป็นหลับ

ข้าพยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อยอย่างเห็นด้วย ข่มตาลงดังเดิม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าตี๋ที่อุ้มข้าขึ้นไปบนรถ พร้อมพรักกับครอบครัวที่ไล่ตามมา เตรียมตัวเดินทางไปบ้านหลังใหญ่ ซึ่งข้าก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน ลักษณะเป็นเช่นไร

ข้าในยามนี้รู้สึกอ่อนเพลียยิ่งนัก…

ครั้นมาถึงบ้านที่ว่า เสียงรถที่เบรกลง บวกกับเสียงพูดคุยและปิดกระแทกประตูรถยนต์ ข้าจึงตื่นจากภวังค์ กระตาปริบๆ ไม่นานก็แทบเบิกตาถลนกับบ้านหลังใหญ่ที่ว่า

แม่เจ้าโว้ยยยย ! นี่มันไม่ใช่บ้านแล้ว คฤหาสน์หลังใหญ่ชัดๆ แถมยังมีพ่อบ้านคนรับใช้คอยยืนต้อนรับ อีกต่างหาก

ข้าเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก เห็นสาวใช้นางหนึ่งเข้ามาอุ้มเจ้าแมวมิรินแนบอกพาเข้าไปในคฤหาสน์โอฬาร สิ่งภายในล้วนงดงามตระการตา ภายในห้องโถงมีโคมไฟห้อยระย้าจากบนเพดาน เม็ดคริสตัลเหลือบทองบ่งบอกถึงความสวยหรู ทุกสรรพสิ่งของการตกแต่ง ไม่ว่าจะกรอบรูป แจกัน ตั่งที่นั่ง หรือสิ่งใดๆ ล้วนมีมูลค่ามหาศาลยิ่งกว่าชีวิตกะจิ๊ดริดของข้า

คาดคะเนว่าหากเป็นมนุษย์ แม้แต่ประกันสังคมตอนข้าตาย ก็คงไม่อาจเทียบเท่ากับความหรูหราจากสิ่งของพรรค์นี้ แค่ฉุกคิดก็นึกสลดอยู่ภายในใจ

ถือว่าเกิดใหม่เป็นสิงโตทะเลไม่เสียเปล่า ดันมาเจอะเจอกับครอบครัวร่ำรวยอภิมหาเศรษฐี

พ่อแม่ของเจ้าตี๋รวยโคตร รวยแบบไม่สนหัวบุคคลใด รวยเสียจนข้าอยากจับเจ้าตี๋มาเป็นผัวจริงๆ จังๆ

โอเคเจ้าตี๋ ขึ้นห้องไปเชิญปู้ยี่ปู้ยำข้าได้ตามสบาย ข้ายอมถูกสถาปนาความเป็นเมียด้วยความยินดี !

แม่จ๋า ชีวิตนี้ลูกสุขสำราญแล้วจ้ะ…

“คุณชายอยากดื่มอะไรก่อนไหมคะ ?” คุณป้าท่านหนึ่งพูดกับเจ้าตี๋

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขอขึ้นไปนอนเลยดีกว่า” เจ้าตี๋ยิ้มอบอุ่น โค้งหัวเล็กน้อยราวกับสุภาพชน

ข้านึกแปลกใจ อยากร้องโอ้โหจอมปลอมยิ่งนัก ทีกับข้าไม่เห็นปฏิบัติเช่นนี้

“หิวไหม ?” คนตัวโตถามขณะก้าวขาขึ้นบันได ข้าจึงส่ายหัวปฏิเสธ นอนพักผ่อนมามากเพียงพอแล้ว อยากวิ่งเล่นไปดูห้องของเจ้ามากกว่า

ทันทีที่เข้ามาภายใน ข้าก็ยิ่งตาลุกวาวเปล่งประกาย หากเทียบกับบ้านหลังเก่าที่ถูกแผดเผา คฤหาสน์หลังนี้ก็คงอลังการเป็นสิบกว่าเท่า

ห้องนี้จะอยู่ฝั่งหน้าบ้านติดกับโถงเพดาน ภายในห้องกว้างขวาง ทำให้สามารถจัดมุมและเพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆ ได้มากกว่าที่ควรเป็น แค่ย่างกรายเข้ามาก็จะเห็นห้องนั่งเล่นที่มีพนักโซฟาสีดำและทีวีจอยักษ์ขนาดใหญ่ ถัดตรงไปจะมีบานประตูเลื่อน มีสวนหน้าบ้านเป็นของตนเอง ต้นไม้เล็กๆ ตกแต่งสีสันให้ชวนร่มรื่น สบายหูสบายตายิ่งนัก ประกอบกับแจกันดอกไม้หลากสีสันวางชิดอยู่ข้างจุดชมวิว มีที่นอนเอนหลังตั้งไว้ตรงกลาง คาดคะเนว่าคงไว้ใช้นอนเล่นอ่านหนังสือขำๆ

เหนือสิ่งอื่นใดคือซ้ายมือของภายในห้อง ซ้ายมือจะมีห้องนอนกว้าง สีขาวดำสองสีที่ถูกจับมิกซ์ได้อย่างลงตัว มันดูลึกลับน่าค้นหา ใช้สีดำเป็นธีมหลักบนผนังและเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อย่างเตียงนอนเป็นต้น เพิ่มความสว่างไสวด้วยการหยอดใส่สีขาว จากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กหรือของตกแต่งในบางส่วน แถมเหนือพนักหัวเตียงยังมีกระจกลวดลายขนาดใหญ่สะท้อนทัศนียภาพ ซึ่งข้าก็ไม่รู้ว่ามันจะมีไว้ไปทำไม

เอาไว้ตื่นมาและลุกขึ้นมาเช็กความหล่อหรือไงกัน ?

แค่ห้องของเจ้าตี๋ก็แทบกินครึ่งคฤหาสน์ชั้นสองแล้ว แบ่งสัดส่วนได้แก่ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องน้ำ และห้องเสื้อผ้า ไม่เว้นกระทั่งจุดชมวิวที่มีสวน

ข้าไม่ไหวจะดูรายละเอียดเหลือเกินนัก มันเยอะจนข้าวิงเวียน หากให้บรรยายก็คงไม่จบไม่สิ้น

“สวยไหม”

ต๊าย มีหน้ามาถาม แค่เห็นห้องของเจ้า ข้าก็ไม่ไหวจะไปดูดีเทลที่อื่นแล้ว !

เจ้าตี๋วางข้าลงตรงพื้นอย่างนุ่มนวล ก่อนจะขออนุญาตไปอาบน้ำ คาดว่าอีกฝ่ายคงเหนียวตัวกับเหงื่อกาฬ เพราะเหตุการณ์ลุ้นระทึกก่อนหน้านี้

“เดี๋ยวมานะครับ อย่าซนล่ะ” แถมยังมีหน้ามาพูดเสมือนข้าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสิ่งภายใน

แต่ไอ้คำว่าซนนี่คืออะไรกัน ? ข้าเคยซนเสียที่ไหน อยู่นิ่งๆ ก็เป็นนะเผื่อเจ้าไม่รู้ อาห์ หยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์ก่อนดีกว่า

ข้ากระเถิบครีบมาทางพนักโซฟา ดีดตัวขึ้นไปนั่ง ชายตามองหารีโมทก็เห็นว่าอยู่ข้างพนัก จึงใช้ปากกัดคาบมันมาตั้งตรงหน้า เอาปลายจมูกกดที่ปุ่มเปิดทีวีจอแบน

พรึ่บ ! ภาพและเสียงมาทันทีประดุจเวทมนตร์ มีโหมดให้เลือกตั้งมากมาย แน่นอนว่าข้าเลือกที่จะเข้าโหมดบางสิ่งเพราะเหตุผลบางประการ ดวงตาจับจ้องไปที่โต๊ะก็เห็นมีแป้นพิมพ์และเมาส์วางเอาไว้อยู่ ข้าจึงยืดตัว พยายามเอาครีบเล็กๆ แตะที่ขอบโต๊ะ

งื้อออ อีกนิด แฮ่กๆ ทำไมมันไกลตัวชะมัด กลัวตกกระแทกพื้นมากๆ เลย ข้าจึงกระโดดลงที่พื้น เขย่งตัวเอาครีบเขี่ยแป้นพิมพ์กับเมาส์เข้าหาตัว

“อุ๋งๆ” เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการก็ส่งเสียงร้องดีอกดีใจ งับแป้นพิมพ์โยนบนตั่ง ตามมาด้วยเมาส์เล็กๆ แล้วค่อยกระโดดไปนั่งบนโซฟานุ่มๆ อีกหน

อ๊าก ! ลิซ่า ~ เจนนี่ ~ โรเซ่ ~ จีซู ~ แงงงงง เค้ามาแล้วนะ วันนี้เค้าจะมาปั่นวิวให้พวกเธอแหละ ฮือออ น้ำตาสิงโตทะเลตัวนี้จิไหล

ข้าพยายามเอาปลายจมูกค่อยๆ กดตัวอักษรอย่างตั้งอกตั้งใจ เวลาจะเปลี่ยนสระก็ใช้ครีบกดตัว ‘Shift’ เสริทหาคำว่าแบล็กพิงก์ปุ๊บก็เห็นมีอัพเดตข่าว วิดีโอวงที่ชอบจะมาจัดทัวร์ที่ไทย

อ๊ากกกก ! ไปไม่ได้ ตูไปไม่ได้ กรี๊ดดด ข้าดิ้นไปมาบนที่นั่ง อยากจะร้องไห้ชะมัดยาด ทำไมนะ ทำไมเกิดมาเป็นสัตว์ชะตามันช่างแสนจะเฮงซวยก็ตรงนี้แหละ

ฮือออ รับไม่ได้ ข้ารับไม่ได้ ข้ากำลังจะตาย น้ำตาไหลเล็ดผ่านดวงตากลมโต ตัวสั่นสะอื้นไห้ด้วยความชอกช้ำ ทำอันใดไม่ได้เลยเลื่อนเมาส์ กดเปิดเพลงเพื่อหวังทุเลาความอดสู

ท่อนฮุกเชิญมาเลยจ้ะ ข้ารีบหยัดกายขึ้น เซในทีแรกจนล้มคว่ำคะมำ ครั้งที่สองพยายามใหม่ยืนด้วยครีบข้างล่าง สะบัดครีบขวาและซ้ายเต้นตามท่วงจังหวะ และจึงตั้งการ์ดยกครีบขวาขึ้นมาใกล้ระดับอก ครีบข้างซ้ายยืดออกโดยพลัน บิดตัวไปด้านข้าง ท่าทางเหมือนหยิบปืนลูกซองมายิง

Let’s kill this love ~

ข้าเต้นและแอ่นตัวโค้งไปด้านหลัง แต่แอ่นมากไปหน่อยจึงล้มหงายหลัง จมลงไปกระแทกกับฟูกนิ่ม ๆ พลันได้ยินเสียงหัวเราะร่าจากใครบางคน

“ฮ่าๆ”

หัวเราะหาพ่อเหรอ ? ข้ารีบดีดตัวขึ้น ชะเง้อมองเจ้าตี๋ที่เปลือยท่อนบน มีผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอว แต่แอบเห็นสิ่งบางอย่างนูนๆ เป็นเค้าโครงเลือนลาง

แต่ช้าก่อน… สิ่งสำคัญยิ่งกว่า คือเจ้าตี๋เห็นข้าเต้นต่างหาก

“อุ๋ง ๆ !” (หัวเราะอะไร !)

ข้าก่นด่าต่างภาษา เขม่นตามองเจ้าตี๋ที่ขำหนักจนถึงขั้นน้ำตาไหล เอามือกุมท้องตัวเองไว้ ใช้เวลาเป็นพักใหญ่กว่าจะกระแอมกระไอ เดินมาทางข้า

ใบหน้าแหงนมองบุรุษที่ยืนค้ำหัว

เหอะ คิดว่าสูงส่งมากสินะ !

ข้าใช้ครีบชี้ไปที่พื้น หวังให้อีกคนย่อกายลงมา และดูเหมือนเจ้าตี๋จะเข้าใจภาษากาย เสี้ยววินาทีจึงย่อตัวลงต่ำ

ข้าพินิศใบหน้าหล่อเหลา มีหยาดน้ำเกาะพราวไปตามรูปหน้า ส่งเสริมให้ดูน่าหลงใหลจนหัวใจของข้าสั่นไหว เส้นผมของอีกฝ่ายเปียกชื้นเช็ดไม่ทันแห้งกรังสนิท และหมาดน้ำเล็กน้อยบริเวณกล้ามหน้าท้อง

หึ่ย ! เดี๋ยวก็จับทำผัวเลยหนิ ! บ้านของเจ้ายิ่งรวยๆ อยู่ มาทำแบบนี้มันอ่อยกันชัดๆ

และนั่นอะไรกัน ! สายตากรุ้มกริ่มเช่นนั้น  นี่จะจับข้าทำเมียจริงๆ จังๆ แล้วใช่ปะ !?

“เต้นน่ารักจัง แต่ตี๋ขอโทษที่แอบมองนะครับ เผอิญออกมาเห็นพอดี คิก ฮ่าๆ” พูดปุ๊บก็หัวเราะปั๊บ

ข้าจ้องอีกฝ่ายที่ยกมือขึ้นมาปิดปาก สักพักเจ้าตัวก็เห็นสายตาที่แสนจะเบื่อหน่ายของข้า ถึงได้รับรู้ว่ากำลังเสียมารยาท ข้อนิ้วแตะเม้มริมฝีปาก อมยิ้มยกใหญ่จนปรากฏร่องรอยบุ๋มเล็กๆ ของลักยิ้ม ประดับอยู่บนพวงแก้มทั้งสองข้าง

สายตาของข้าเบิกกว้างในบันดล ยิ่งตอนที่เจ้าตี๋ก้มหน้าลงต่ำ ไม่ช้อนตามอง ทุกอิริยาบถช่างดูดีไร้ที่ติ จนอดไม่ได้ที่จะยื่นครีบไปสัมผัส

ทำไมมันดูน่าหลงใหลยิ่งนัก โดยเฉพาะตอนที่หยาดน้ำไหลผ่าน สีหน้าของเจ้าตี๋จะเชิดขึ้น ร่างกายชะงักทันทีเมื่อข้าโดนตัว

ไล่สายตาไปตามเรือนร่าง ลำแขนบึกบึนที่คงขยันหมั่นออกกำลังกาย บ่าไหล่เฉียงกว้างน่าเป็นที่พึ่งพิง แผงอกเปลือยเปล่า กับกล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวย จรดลงมาถึงช่วงเอวสอบ ทันทีที่แหงนหน้าไปสบตา มันก็เหมือนชักชวนให้ดำดิ่ง

ดวงตาคมมันสั่นไหวเจือจาง ขณะที่หัวใจของข้ารุนแรงแทบบ้าคลั่ง เร็วถี่ยากเกินจะหยุดยั้งให้ช้าลง

มันช่างน่าแปลก แต่สาเหตุมันก็เกิดเพียงเพราะเจ้า…

เจ้าที่ทำให้ข้าเกิดอาการเช่นนี้

“ทำอะไรครับ” คนตรงหน้าเอ่ยถาม ข้ารีบส่ายหัวปัดความคิดฟุ้งซ่าน

ไม่ได้ๆ ข้าไม่ชอบลักยิ้มเช่นนี้เลย เจ้าไปศัลยกรรมผ่าตัดเอามันออกได้ไหม อีกทั้งตอนนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่า

“โอ๊ะ ตี๋ลืม เดี๋ยวไปหยิบกระดาษกับปากกามาให้นะครับ ขอเวลาแต่งตัวแปปนึง”

ข้าเมินเฉย มองบุรุษที่หยัดกายขึ้น เดินก้าวเข้าไปในห้องแต่งตัว ผ่านไปไม่เกินห้านาทีก็ใส่บ็อกเซอร์ออกมา ช่วงลำตัวใส่ชุดเสื้อยืดตัวโคร่งขนาดใหญ่ ในมือมีสมุดกับเครื่องเขียน

เจ้าตี๋ยังคงใช้ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยรอยยิ้มเช่นเคย เหมือนไม่เคยเมื่อยกับสิ่งที่ทำ

คนบ้าอะไรมีความสุขตลอดเวลา ?

“นี่ครับ” ว่าพลางนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับวางของให้แก่ข้า เปิดสมุดให้เป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะยื่นปากกาหมึกซึมวางลงบนสมุดสีขาวโล่งๆ

“เรามาคุยกันเถอะ วันนี้ตัวเล็กต้องเจรจากับตี๋ก่อน”

หืม เจรจาเรื่องอะไรอะ ? ข้าเงยหน้าหันไปมอง

“ตัวเล็กเผาบ้านตี๋ อย่าลืมสิ คิดว่าตี๋ไม่โกรธหรือไง อย่างน้อยก็ต้องรับผิดชอบด้วยสิครับ อืมมม หรือไม่ก็…” เสียงทุ้มครางในลำคอ เอียงหน้าเล็กน้อยและกลอกตามองบน ไตร่ตรองข้อต่อรองอันน่าสงสัย เสี้ยววินาทีก็ก้มหน้าลงต่ำ เอื้อนเอ่ยถ้อยคำต่อจากประโยคก่อนหน้านี้

“อยากให้ตัวเล็กทำตัวดีๆ กับตี๋ได้ไหมครับ ? เช่นพูดจาดี ๆ” ใบหน้าอีกฝ่ายโน้มลงต่ำ วาจาหยอกเย้า กรีดกรายรอยยิ้มชวนละเมอ

“ทำตัวให้น่ารักด้วย” พูดพลางเข้ามาใกล้อีกหนึ่งระดับ

ตึกตัก

“ไม่ดื้อกับตี๋ด้วย…”

“…”

“สิ่งสำคัญเลยก็คือ…”

ข้านิ่งงัน รอรับฟังอย่างใจจดใจจ่อ หัวใจเต้นถี่รัว เคลิบเคลิ้มไปกับบุรุษที่อยู่ห่างไม่เกินหนึ่งคืบมือ

ลมหายใจของเจ้าตี๋อุ่นร้อน ริมฝีปากพ่นไอเย็นจนได้กลิ่นหอมของมิ้นท์ยาสีฟัน ชวนผ่อนคลายยิ่งนัก

และสิ่งสำคัญสำหรับตี๋เลยก็คือ…

“ตัวเล็กอย่าห่างจากตี๋ได้ไหมครับ ?”

“…”

“คอยอยู่ใกล้ตี๋ตลอดเวลา”

“…”

“อย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงอันตรายอีก…” แววตาของเจ้าตี๋ดูสลดลง รอยยิ้มที่เคยค้างไว้ก็เจือจาง ฝ่ามือลูบไปที่ศีรษะของข้า ว่าพลาง “ตี๋เป็นห่วงตัวเล็กมากจริง ๆ นะ”

“ต่อให้ตี๋จะซื่อบื้อในบางเรื่อง”

“…”

“แต่ตี๋ก็พยายามมากนะ เพื่อทำความเข้าใจกับเรา” จบคำนี้เจ้าตี๋ก็ผุดรอยยิ้ม ถอยใบหน้าออกห่าง ทิ้งให้ข้าไม่เข้าใจบางสิ่ง

ดั่งกับว่าข้าในยามนี้กำลังอยู่บนปุยเมฆบนท้องนภา และมันก็แสนจะนุ่มนวลน่าหลงใหล ชวนให้ข้ารู้สึกอยากอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ ประกอบกับเสียงทุ้มชวนละมุนให้ใจสั่น

ใช่ การที่เจ้าตี๋สื่อสารกับข้าได้ มันช่างยากเย็น แต่เจ้ามนุษย์ผู้นี้ก็ดันพยายามทำความเข้าใจตลอดเวลา คอยสังเกตการณ์ข้าทุกวินาที

เจ้าตี๋น่ะบื้อในบางเรื่อง แต่ก็คอยศึกษาดูปฏิกิริยาของข้านะ…

“ก็เพื่อตัวเล็กคนเดียวเลย”

พลันรู้สึกอ่อนปวกเปียก ไม่กล้าจะสบตาจนต้องแสร้งหันหน้าหนี หลับตาพริ้มเหมือนคนเย่อหยิ่ง หากได้เป็นมนุษย์ มันก็คงเปิดเผยพวงแก้มที่แดงระเรื่อ บ่งบอกถึงความขัดแย้งในการกระทำ

เจ้าตี๋ปากหวาน และก็มีผลกระทบต่อจิตใจมากขึ้นทุกที

“ดื้ออีกแล้ว ตอบตี๋ก่อนสิครับ ตัวเล็กอายุน้อยกว่าตี๋อีกนะ ถ้ามาเทียบดูกันดีๆ ตี๋เกิดสองห้าสี่สอง อายุยี่สิบ เราห่างกันตั้งสองปี ตัวเล็กเป็นน้องตี๋ด้วยซ้ำ” คนตัวโตแถลงไข อธิบายอย่างมีเหตุมีผล

ข้าลืมตาขึ้น มองอีกฝ่ายผ่านหางตา ก้มลงไปงับปากกาเขียนใส่กระดาษ เสร็จสรรพก็ดันให้อ่าน

[จะให้ทำอะไร]

“ก็แค่อยากให้เชื่อฟังเหมือนที่ตี๋บอก พูดจาดีๆ ทำตัวน่ารักไม่ดื้อกับตี๋ และก็อย่าห่างจากตี๋อีกเด็ดขาด”

โอ้โห กฎเกณฑ์เยอะชะมัด มากกว่านี้ก็คงวิงวอนขอข้าทำเมีย

[เป็นใครมาสั่ง] ข้าเขียนต่อปากต่อคำ และเจ้าตี๋ก็ดันอมยิ้ม

“ก็รู้ครับว่าไม่ใช่พ่อใช่แม่ แต่อย่างน้อยตี๋ก็เป็นผู้ดูแลตัวเล็กนะ รู้ความลับของตัวเล็กอีกต่างหาก”

“…”

“หรือต้องเป็นอย่างอื่นก่อนล่ะครับ ถึงจะเชื่อฟังได้ ?” เจ้าตี๋เอียงหน้า ท่าทางดูออดอ้อนขัดแย้งกับหน้าตา หากทว่ากลับดูดียิ่งนัก มุมปากก็โชว์ลักยิ้ม รอยบุ๋มข้างแก้มทำข้าแทบเผยอปาก

อาจเพราะว่าเจ้าตี๋มีอุปนิสัยขี้เล่นและอบอุ่นมาแต่ไหนแต่ไร คำพูดคำจาก็ดูสองแง่สองง่ามในบางครั้ง หน้าตาก็หล่อเหลาไม่ถึงกับดุ เวลาใช้กิริยาเช่นนี้จึงคล้ายคลึงหนุ่มขี้เล่น


ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
.
.
.

ข้าตัดความรำคาญ ด้วยการยินยอมทำตามข้อเสนอ เลือกที่จะใช้คำสุภาพเวลาคุยกับอีกฝ่าย แต่ภายในใจนี่นึกก่นด่า หักห้ามกันไม่ได้

เจ้าตี๋เป็นหนุ่มปากหวานที่หนึ่ง และเจ้าตี๋ก็เป็นมนุษย์ที่โง่เขลาที่หนึ่งเช่นเดียวกัน

อ้อ โรคจิตด้วยนะข้าลืมไป

[ตกลง] ข้าเขียนตอบอีกหน้ากระดาษ จับจ้องเจ้าตี๋ที่ฉีกยิ้มดีใจ

“ลองเขียนคำว่าครับด้วยได้ไหม จะได้ดูน่ารักไง” เจ้าตี๋บีบบังคับ ข้าเลยชักสีหน้าไม่พอใจ

ขอเยอะแยะชะมัด นี่ถ้าไม่มีความดีหรือความรู้สึกผิดอยู่บ้าง ข้าก็คงไม่ยอมทำตามเป็นแน่

เฮ้อออ อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ ต่อเติมถ้อยคำ [ตกลงครับ]

พอใจยัง ? ข้าทำหน้าหน่ายใจ ปรือตามองเพียงแค่ครึ่ง เผยหนังตาที่ตกลงมาคล้ายจะหลับ ทั้งที่อนาถใจกับข้อตกลงปัญญาอ่อน พลันหันมาเล่นกับเมาส์ คาบปากกาจิ้มลงกับแป้นพิมพ์

ฟังเพลงต่อดีกว่า ปล่อยให้ชายข้างกายอมยิ้มเป็นคนโง่งม เอนหลังพิงพนัก และข้าก็เห็นนะว่าเจ้าตี๋แอบหยิบมือถือมากดถ่ายคลิป

ข้าเหล่ตามอง เอาครีบตีที่ต้นขาของเจ้าตี๋ที่นึง

“โอ๊ะ ! ฮ่าๆ ก้าวร้าวอีกแล้วนะครับ ถ่ายไม่ได้หรือไง ?  จะได้เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ เดี๋ยวตี๋จ่ายค่าตัวให้ด้วยเลย”

[เท่าไหร่ ?] ข้าเขียนลงกระดาษ งับชูให้คนตัวโตอ่าน

และข้าก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ…

“อยากได้เท่าไหร่ก็ให้หมดเลย”

โอเค ข้ารีบเขยิบไปที่ข้างพนัก เอนหลังและโพสต์ท่าให้เจ้าตี๋ที่กำลังถือกล้องกดคลิปถ่ายรัว ๆ

ข้าเอาครีบขวาวางบนศีรษะ โพสต์ท่าเหมือนสาวเซ็กซี่ที่เอามืออังหน้าผาก ขณะที่ครีบอีกข้างวางลงข้างโซฟา

“ฮ่าๆ สวยมากครับ”

พอกันที ข้าเลิกเล่นตลกกับชายหนุ่ม หลงลืมไปว่าได้เงินมาก็คงไม่ช่วยอะไร เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยกับการใช้ตังค์

เฮ้อ คิดสภาพสิงโตทะเลไปจ่ายตลาด ใช้ครีบถือตระกร้า หรือไม่ก็วิ่งไปกดจองบัตรทัวร์คอนเสิร์ตสิ ดูยังไงก็ตลกร้ายชัด ๆ

วินาทีนี้โยกตัวเต้นไปกับเพลงของเกิร์ลกรุ๊ปวงที่ชอบ ขณะที่เจ้าตี๋ไม่คิดจะสนใจภาพและแสงสีตรงหน้าแต่อย่างใด นัยน์ตาของเขาเอาแต่จ้องข้า กรีดรอยยิ้มเรี่ยราดดูมีความสุข

พึมพำในสิ่งที่ข้าไม่ค่อยได้ยินถนัดนัก

“น่ารักเหลือเกิน”

พูดอะไรนะ ? ข้าหันไปมองอีกหน เอียงคอท่าทีงงงวย วกกลับมาโยกตัวเต้นตามเพลง นึกอะไรขึ้นได้เลยเขียนใส่ข้อความ ชูให้เจ้าตี๋อ่านอย่างกระตือรือร้น

[ซื้อแท่งไฟ blackpink ให้หน่อย] ไอ้ที่มันเป็นสีชมพูรูปหัวใจไว้ตีป๊อกๆ อะ

เค้าอยากด้ายยยย <3

“ถ้าให้ แล้วตี๋จะได้อะไรเหรอครับ ?] เจ้าตี๋ต่อรอง ข้าเลยยิ้มกว้าง เพราะมีสกิลติดตัว

[ยอมหมดทุกอย่างเลย]

“ยกตัวอย่าง ?” เจ้าตี๋บุ้ยปาก ตาเหลือบมองข้ากะหลับกะเหลือก

ข้ายิ้มแฉ่ง ร้อนรนรีบเขียนข้อความอย่างรวดเร็ว

[เช่นแบบนี้] ก่อนจะยกครีบขึ้นกวักเจ้าตี๋ให้โน้มหน้าลงมา

อีกฝ่ายดูแปลกใจ ยอมทำตามแต่โดยดี และทันทีที่ใบหน้ากระจ่างใสเข้ามาใกล้ ข้าก็ยื่นปากไปหอมแก้มสากอย่างรวดเร็ว มอบความรู้สึกจั๊กกะจี้แก่ใครบางคน ผละออกปุ๊บก็รอคอยดูผลลัพธ์

เจ้าตี๋ดวงตาเบิกกว้าง สักพักใบหน้าก็เริ่มไล่สี แดงอมชมพูไม่เว้นกระทั่งใบหู เคอะเขินกับสิ่งที่โดนกระทำโดยไม่ทันตั้งตัว

อีกฝ่ายมองตาข้า ริมฝีปากพูดกล่าว “ตัวเล็กร้ายกาจ”

ข้าก็เขินยิ่งนักกับคำชมเชย แต่เอาเข้าจริงมันทั้งอายและใจเต้นรัวตั้งแต่ฉุกคิดออเซาะ

ที่ข้ายอมเพราะแบล็กพิ้งก์ล้วนๆ !

“มาทำแบบนี้ ตี๋ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลย”

จริงปะ ? แบบนี้ก็ยอมเปย์ทุกอย่างให้ข้าเลยใช่ปะ ?

ข้าเขียนอีกสิ่งให้อ่านโดยพลัน

[งั้นผมขออัลบั้มและโปสเตอร์ใหญ่ ๆ]

หากเป็นไปได้ เอามรดกเจ้าและทรัพย์สินมาทั้งหมดเลยยิ่งดี

ข้าฉีกยิ้มกว้างจนเห็นซี่ฟันสีขาว ไม่สามารถให้อีกคนรู้เจตนามาดร้าย

“หอมแก้มอีกข้างด้วยนะครับ ฮ่าๆ” ปลายนิ้วชี้จิ้มลงบนปรางอีกข้างของตนเอง

ข้าพยักหน้างึกงัก ยอมเล่นมุกตลกร้ายกับอีกฝ่าย

[ยอมเป็นเมียก็ยังได้]

“จริงปะ ?”

ไม่จริง ! ข้าส่ายหัวปฏิเสธ ขนลุกซู่กับสีหน้าจริงจังของเจ้าตี๋ สักพักคนตรงข้ามก็หัวเราะยกใหญ่

“รู้ครับว่าหยอก”

เออก็ดี หัดเจียมตัวซะบ้าง

“แต่ถ้าเป็นคนจริงๆ…”

แล้วทำไมอะ ?

“ตี๋ก็อยากได้มาเป็นแฟนนะ”

เฮือก ! ข้ารีบถอยร่น สะบัดหัวรัวแรงคล้ายรังเกียจ เรียกเสียงขำพรืดจากชายฉกรรจ์

“ฮ่าๆ ตัวเล็กกลัวตี๋ขนาดนั้นเลย ?”

ที่สุดเลยจ้ะ ! ข้าโคตรอยากจะพูดตอบโต้

“เยอะนะเรา”

หมายถึงอะไร ข้าเอียงคอไม่เข้าใจ

“หมายถึงความน่ารักอะ เยอะนะครับ”

งื้อออ ชมอีกแล้ว ! เบื่อยิ่งนัก ! ทำไมขยันเต๊าะเก่ง นอกจากจะเป็นลูกช่างถาม ยังเป็นลูกช่างอ่อยอีกใช่ไหม ?

“มากขนาดนี้ระวังมีคนหลงนะครับ”

“…”

“อย่างตี๋นี่ไง โดนลูกหลงแล้วคนนึง”

โอ๊ย ! ขายเก่งจ้าาา ! ไปเทคมีเอาท์ได้เลย

[อย่ามาอ่อย] ข้าโต้ตอบ เป็นฝ่ายเอาคืนบ้าง จะให้โดนเอาเปรียบฝ่ายเดียวก็กระไรอยู่

[รับมือไม่ทัน] เข้าใจบ้างไหม ?

อ่านเสร็จก็รีบเปลี่ยนอีกหน้ากระดาษ กระหยิ่มยิ้มเยาะกับข้อความที่ใช้

[ได้ของก่อนแล้วเดี๋ยวทำให้หลงกว่านี้อีก]

เอาของสะสมแบล็กพิ้งก์มากองตรงหน้าและเดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ารับรู้ ว่าหลงขั้นหนักมันเป็นเช่นไร

“อยากได้ก่อนอะ และค่อยเอาทีหลัง”

กรี๊ดดดด ! เดี๋ยว ! คำพูดมึงสองแง่สองง่ามมากอีตี๋ !

ข้ากรีดร้อง รีบกระโจนลงจากที่นั่ง กระเถิบหนีคนที่ลุกขึ้นวิ่งไล่ตาม

“เดี๋ยวก่อนตัวเล็ก ตี๋หมายถึงเดี๋ยวเอาให้ทีหลัง”

ข้าหยุดหนีทันที หันมามองชายหนุ่มด้วยความโล่งอก จ้องเขม็งบุรุษที่ถามยั่วเย้า

“ตัวเล็กแอบคิดอะไรอะ ?”

เปล๊า ไม่มี๊ ข้าส่ายหัวปฏิเสธ

“คิดทะลึ่งใช่ไหม ?”

“…”

“หื่นจังเลย เป็นเด็กเป็นเล็กอยู่แท้ ๆ”

ใครเด็ก ! ฟังแล้วชวนไม่รื่นหู ไม่ชอบเลยกับคำกวนประสาทที่กล่าวหาว่าข้าเป็นเด็ก

งั้นดูนี่นะ เด็กทั่วไปเขาเขียนคำนี้ได้ไหมล่ะ ?

ข้ากระเถิบไปที่โซฟาตัวเดิม จรดปากกาแต่งแต้มสี ลากพยัญชนะตัวอักษรไทย พูดจาเหมือนเด็กแว้นที่ชอบตีกัน

[แล้วพี่ตี๋เป็น ‘ลวย’ ไรอะ]

“ลวย ? หมายถึงรวยเหรอ ?”

ข้ายิ้ม โยนกระดาษ ปล่อยให้คนโง่งมไม่เข้าใจสักพัก

สงสัยคงไม่ได้ดูไดอารี่ตุ๊สซี่

ข้ายกครีบชี้ไปที่กลางลำตัวของบุรุษกำยำ ส่งความหมายผ่านท่าทาง

เจ้าตี๋นิ่งทันที ก่อนจะทำหน้าดุ “ถ้าขืนยังด่าอีก เดี๋ยวจะควักออกมาให้ดู”

แงงงง แม่จ๋า หนูกลัว ฮือออ ไม่เล่นด้วยแล้ว ! รีบฉีกกระดาษหน้าหนึ่งดังแควก ! โบกสะบัดยกธงขาวในทันที

เป็นสัตว์ไม่มีอาวุธ จะไปสู้อะไรได้กับสากกะเบือ…

เก็บอาวุธร้ายไปฟาดฟันคนอื่นเถอะ ข้ารับมันไม่ค่อยไหว…

พลันก้มดูกระปู๋น้อยของตนเอง ช่างเล็กเกินจะต่อกร…

อยากจะโชว์บ้างนะ แต่ตอนนี้เล็กเกินเหมือนดอกเห็ด

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
รออย่างใจจดใจจ่อ ^^ :katai2-1: :hao6:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
 o13
เห็นชื่อเรื่องผ่านไปผ่านมา นึกไม่ออกว่าเรื่องจะออกมาเป็นยังไง
ลองมาอ่านดูแล้ว ไม่ผิดหวังแถมขำกลิ้งอีกต่างหาก ไอเดียบรรเจิดมากกกกกก ชอบอ่ะ 5555+
รออ่านตอนต่อๆไปนะฮะ อย่าทำร้ายตี๋มากนะ สงสารอ่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ฮาและน่ารักมากๆ เอาตี้เลยลูกเอยยหล่อรวยฟวยกะหย่าย ครบนะ งาบเลยลูก ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตลกเจ้าตัวเล็ก เข้ามาอ่านแล้วขำมากค่ะ  สร้างเสียงหัวเราะให้ชีวิตที่ห่อเหี่ยวมากเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
มิดจี่รี่ หายลิบ เลย สิจบ บ่ เนอ ถ่า ยู่เด้อ ฟ้าว มาอัฟแหน่

ออฟไลน์ ntpmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขำไม่ไหวแล้ว55555555555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอพี่ตี๋ นะ  พี่ตี๋ที่หลง น้องคัวเล็ก   :mew1: :mew1: :mew1:
รอ สิงโตทะเลน้อย ที่ตรงนั้น.....น้อยเหมือนดอกเห็ด  :m20: :laugh:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
น้องร้ายมากกกกกกกแจ้ชอบส่วนอีตี๋ก็สุดเช่นกัน  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องน่ารักและดื้อมากเลยค่ะ อยากจับมาฟัดพุง งู้ยยยยย น่าเอ็นดูจริงเจ้าตัวเล็ก รออ่านตอนต่อไปนะคะ มาต่อไวๆนะ สู้ๆค่ะคุณนักเขียน
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ตัวเล็กโคตรตลก :m20:  :pig4:

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
[11]



“ปาดับปู้ ปะ ปาดับปู้ ~ โดดเดี่ยวอาจเดียวดาย จะทำใจไม่ไหวแล้ว ~ ดึกๆ วุ่นวายใจ จะทำไงใช่ปะ ?”

เพลงของโฟร์มดที่ดังพลุแตกกำลังกึกก้องข้างในห้องน้ำ ขณะที่ข้ากำลังกรีดรอยยิ้มตีน้ำเปาะแปะอยู่ในอ่างสีขาว โยกหัวไปทางซ้ายและขวา เต้นรัวแรงด้วยความสนุกสนานอ้าปากร้องตามคีย์ คอยส่งเสริมเป็นคอรัสให้แก่นักร้องสาวสวยที่ตนเองได้รับฟัง

“มันขาดคนคอยเทคแคร์ ~ ก็โดนรังแกด้วยสายตา ~ โอ๊ะโอน่ากลัวเหลือเกิน ~”

“อุ๋ง ๆ”

“ก็มันอ่อนแอนี่นา”

“อุ๋ง ๆ ~”

“ช่วยส่งคนมารักที ~”

“อุ๋ง ! อุ๋ง !”

“เด็กมีปัญหา หา หา ช่วยไม่ได้เลยเธอ ปล่อยไปต้องเผลอ เผลอ เผลอ ~ เที่ยวไปรักใคร ๆ”

“อาบน้ำเสร็จยังครับ”  เสียงเจ้าตี๋ขัดเพลงที่กำลังเปิด ข้ารีบส่ายหัวเพราะยังอยากอยู่ต่อ ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเจ้าหมอนี่ช่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา ไม่เคยเข้าใจคนอารมณ์สุนทรีย์หรือไงกัน ยิ่งมีเพลงสนุก ๆ ก็คงอยู่ได้เป็นครึ่งค่อนวัน

เนี่ย ถ้าเป็นมนุษย์ข้าคงหยิบอะไรมาขัดผิวฉวีวรรณเสียด้วยซ้ำ !

เพลงที่ดังเข้ามาก็สาเหตุจากลำโพงข้างนอกซึ่งข้านี่แหละเป็นคนเปิดมันทิ้งไว้ ก่อนจะโดนเจ้าตี๋จับอุ้มเข้ามาอาบน้ำ อีกฝ่ายในวินาทีนี้เอาไหล่พิงอยู่ข้างครอบประตู ยกแขนขึ้นมากอดอก ท่าทีเหมือนหนุ่มหล่อเจ้าเล่ห์ที่กำลังเต๊าะสาวก็ไม่ปาน ขาดเพียงแค่กระตุกคิ้วกวนส้นบาทาก็เท่านั้น

เหมือนหล่ออะไอ้เวร เคยฟังไหมเพลงนี้ หึ่ย หมั่นไส้ยิ่งนัก รู้หรอกว่าหน้าตาดี อีกฝ่ายเพ่งพินิศมาทางสัตว์โลกน่ารักอย่างข้าที่ยกครีบทั้งสองข้างขึ้นมาแตะศีรษะ ทำท่าทีราวกับปวดหัว พลางสะดีดดิ้งไปกับทำนอง

เจ้าตี๋ยิ้มแก้มปริ เผยซี่ฟันสีขาวสะอาดตา สนอกสนใจกับสิ่งที่ข้ากำลังเต้น

แหม สงสัยเคยฟังเพลงกามิกาเซ่ล่ะสิท่า หึ บอกไว้ก่อนว่าข้าไม่เคยฟังนักหรอกนะ ยกให้แบล็กพิ้งก์เป็นที่หนึ่งในดวงใจ ! นอกเหนือจากนี้ข้าไม่ค่อยจะชมชอบ เดี๋ยวอยู่ในภาวะโลก ละ ละ ละ ละ เลิฟยู ~ มันช่างสดใส นะ นะ นะ นะ น่าดู ~ ภาวะหวั่นไหวไม่ว่าจะทำอะไร ~ ก็กลายเป็นสีชมพู ~ วู้ฮูฮู ~

ขยิบตาปิ้งทันที ฮือออ สรุปตูฟังหมดนั่นแหละ ติ่งทุกสรรพสิ่ง แต่โกหกล้วน ๆ

“อ่อยเหรอครับ ?” เจ้าตี๋เห็นกระพริบตาปริบๆ จึงเอ่ยถาม ข้าส่ายหัวปฏิเสธ หันมาเต้นต่อกับเนื้อร้องเด็กมีปัญหา แต่เปลี่ยนเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ถูกดัดแปลง คิดปุ๊บเนื้อเพลงก็มาพอดี…

“เด็กมีปัญหา หา หา ช่วยไม่ได้เลยเธอ” ปล่อยไปต้องเผลอ เผลอ เผลอ เที่ยวไปเย็บใคร ๆ ~ ก็เลยต้องหา หา หา คนมาควบคุมใจ ~ เป็นเธอได้ไหม ไย ไย ช่วยมา เย็บ เย็บกันก็จะดี ~

เอาล่ะจ้าเด็ก ๆ ข้อสอบวันนี้ จงเปลี่ยนตัวอักษรบอใบไม้เป็นดอเด็กนะจ๊ะ

“คิกๆ”

“ขำอะไรครับ ?”

‘เสร่ออะ’ เสือกทุกเรื่องจริงๆ เชียว ได้แต่นึกด่าในใจแต่ก็ยิ้มกลบเกลื่อนจากภายนอก เพราะจะให้เจ้าตี๋รู้ไม่ได้เป็นอันขาด เผลอ ๆ เด็กมีปัญหาอย่างข้าคงถูกโดนกระทำชำเรา ก่อนหน้านี้ยังโดนขู่ว่าจะควักข้าวหลามเปียกมาให้ดู ทุเรศซะมัดยาด ความคิดต่ำตมเช่นนี้สมควรไปสร้างแอคเคาท์นัดยิ้มสิ้นดี

แนบรูปประกอบ ‘หรรมผมเหมือนจรวดมิสไซล์’

แง ~ คิดแล้วก็ขนลุกเลยจ้ะแม่จ๋า เดี๋ยวเจอเจ้าตี๋ชักจรวดขึ้นฟ้าอีก สะเก็ดระเบิดแม่งเต็มไปหมด รีบเลิกเล่นน้ำก่อนดีกว่า พลางส่งเสียงอุ๋งๆ เรียกเจ้าตี๋ให้หยิบผ้าขนหนูเป็นการบ่งบอก ชี้ครีบและปีนขึ้นตรงขอบอ่างแล้วค่อยกระโดดลงมาอย่างระมัดระวัง

“ทำไมเปลี่ยนใจแล้วล่ะ”

‘กลัวงูไงจ๊ะพี่จ๋า คนละสายพันธุ์กันด้วย สมสู่กันทีอีน้องนี้ก็นึกหวาดหวั่น’ ลอบด่าในใจ ตาเขม่นใส่บุรุษที่ตั้งคำถาม ก่อนจะหลับตาพริ้มเมื่อเจ้าตี๋เอาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้ หลังจากนั้นไปก็พาลงมาชั้นล่างของคฤหาสน์ เจอะเจอกับครอบครัวของเจ้าตี๋รอรับประทานอาหารกันอยู่ มีทีวีขนาดใหญ่เปิดข่าวอีกต่างหาก หัวข้อน่าสนยิ่งนัก

“ครอบครัวของ ‘นายฐิติกร อธิพัฒน์เดชากร’ ผู้เป็นเจ้าของอควาเรี่ยมมิราเคิล ถูกคนร้ายงัดเข้าบ้านและถูกจับเป็นตัวประกัน แต่ถูกช่วยเหลือจากลูกสิงโตทะเลที่ชื่อว่า ‘เจ้าตัวเล็ก’ เป็นสัตว์ที่อยู่ในการดูแลของลูกชายคนโตของนายฐิติกร ทางหน่วยข่าวได้เข้าไปสัมภาษณ์กับทางเจ้าหน้าที่จึงได้รับคำตอบมาว่าคนร้ายได้ชี้แจงสาเหตุการเกิดไฟไหม้ ปฏิเสธว่าตนเองนั้นไม่ได้เป็นคนลงมือ แต่เป็นสิงโตทะเลที่จุดไฟเผาบ้านทั้งหลัง” ตัดภาพไปที่เสียงของโจรร้ายทั้งสองที่ถูกจับกุม แหกปากโวยวาย

“ไอ้สัตว์บ้านั่นทำต่างหาก ! แม่งเอาน้ำมันราดและขังพวกกูไว้ ทำไมไม่เชื่อกันสักทีวะ มันเต้นท่าแปลกๆ ด้วย เฮ้ย ! ฟังสิวะ กูไม่ได้หลอนไปเอง ! ไอ้พวกโง่ !”

ตายจริง สถุลสัตว์ๆ ข้าเงยหน้ามองปฏิกิริยาของทุกคน

“และนี่คือสิ่งที่ได้รับจากทางหน่วยข่าว ทางตำรวจจึงชี้แจงว่าคนร้ายนั้นอาจมีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ก็หลอนไปเอง เนื่องจากมีการตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะ และนี่คือภาพของสิงโตทะเลที่ทางเราได้ถ่ายเอาไว้ได้…” นักข่าวสาวยิ้มละไม ผายมือไปยังหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ก่อนจะถูกตัดต่อแปะเป็นภาพลูกสิงโตทะเลที่กำลังเหยียดยิ้ม ขณะที่ด้านหลังมีบ้านมอดไหม้ลุกเป็นไฟ ชักชวนให้ดูน่าตลกมากกว่าขวัญผวา

“พอเห็นภาพนี้ ดิฉันก็นึกถึงภาพในโซเซี่ยลที่มีเด็กผู้หญิงกำลังหันหน้ามายิ้มให้กล้องทันที ทั้งที่บ้านข้างหลังถูกเผาเลยค่ะ” นักข่าวว่ากล่าว ไม่วายแปะภาพเปรียบเทียบกับเด็กสาว ฉายชัดให้เห็นถึงข้อแตกต่าง

“เห็นไหม ? กลายเป็นข่าวใหญ่เลยนะนั่น” พ่อของเจ้าตี๋ที่ชื่อนาย ‘ฐิติกร’ เอ่ยขึ้น

“อย่างน้อยก็ไม่ถูกด่าเรื่องพาสิงโตทะเลออกนอกสถานที่นะคะ” แม่ของเจ้าตี๋เสริม ก่อนจะถูกแทรกด้วยคำพูดของลูกสาวที่ชื่อ ‘ตังเม’

“ตอนนี้ในทวิตเตอร์ฮือกันใหญ่เลยค่ะแม่ มีการแชร์ภาพเจ้าตัวเล็กด้วย”

“เขาว่าอะไรบ้าง ?” ฝ่ายฐิติกรตื่นตระหนกยิ่งกว่า หน้าซีดเผือดคล้ายจะเหงื่อแตกตลอดเวลา

“ก็มีเรียกน้อง ๆ พูดบอกน่ารักเต็มไปหมดเลยค่ะ บางคนก็บอกตลกกับภาพที่เห็น แต่ก็แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แถมยังขอพิกัดอควาเรี่ยมของคุณพ่ออีกต่างหาก เหมือนวันนี้ทุกคนจะรวมตัวไปยังอควาเรี่ยมเพื่อดูสิงโตทะเล”

“…”

“อ้อ ยังมีอีกค่ะ มีแชร์คลิปที่แอบถ่ายลูกสิงโตทะเลด้วย บอกว่ามันคือตัวเดียวกัน ตอนนี้ทวิตเตอร์ก็ติดอันดับหนึ่งในการค้นหาสิงโตทะเล”

อู้หูว…

“นี่มันบ้าไปกันใหญ่แล้ว”

อ่าว คุณฐิติกรหลุดอุทาน พลางเหลือบมามองข้าที่เชิดหน้าขึ้นแย้มยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

เห็นมะ มีข้าก็มีแต่ได้กับได้ นำพาชื่อเสียงมายังอควาเรี่ยมอีกต่างหาก ผู้คนชื่นชมขนาดนี้ก็ต้องมีการปรนนิบัติเลี้ยงดูอย่างดิบดีแล้วล่ะ คิกคักเยินยอข้ากันสักหน่อยสิ อุวะฮ่า ๆ ข้าขอห้องนอนเป็นการส่วนตัวด้วยนะ ไม่อยากอยู่กับเจ้าตี๋อีกต่อไปแล้ว เบื่อเต็มที ! กลัวตื่นมาเจองูอีก เชื่อว่าสักวันหนึ่งงูมันต้องหายตัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง

จ๊ะเอ๋ ทวารหนักข้าแน่ ๆ  หูรูดพังยับแน่นอน ทางที่ดีหาเมียให้แม่งด้วย !

รีบสะบัดหัวปัดไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก้มลงไปเลียหยาดนมอุ่น ๆ ในถ้วยชาม พลางกระดิกหูฟังบทสนทนา

“ถือว่าเจ้าตัวเล็กนำโชคมาให้เรา” เสียงแม่ของเจ้าตี๋ที่ข้ายังไม่รู้จักชื่อเช่นเคยกล่าวชมเปาะ

ข้าพยักหน้าเห็นด้วย และยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อคุณฐิติกรก็ไม่ได้ฉุกคิดจะคัดค้าน หรือโต้เถียงขึ้นมาว่า ‘โชคดีกับผีน่ะสิ ทำบ้านกูฉิบหายวายวอด อีเวรตะไร’ ข้าเองก็พลอยชื่นใจ…

“วันนี้คงต้องให้เจ้าตัวเล็กขึ้นแสดง”

เอ๊ะ อะไรนะ ? ข้าสลับหันไปมองทางเจ้าตี๋ทันที ตั้งคำถามว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่คือหูฝาดใช่ไหม ทำไมพ่อของเจ้าถึงได้พูดจาไม่เข้าหู

“แต่ตัวเล็กเพิ่งซ้อมเต้นไม่กี่วันเองนะครับพ่อ” เจ้าตี๋แย้ง ส่วนข้าน้ำตาไหลเล็ด พยักหน้าหงึกหงักเห็นพ้อง รู้สึกว่าวันนี้อยากเรียกเจ้าตี๋ว่าผัวยิ่งนัก พูดจาโคตรน่ารับฟัง กระนั้นสิ่งที่คุณฐิติกรเอ่ยออกมา เล่นเอาข้าคว่ำถ้วยชามอย่างรวดเร็ว

“แค่นั้นก็มากพอ เจ้าตัวเล็กของลูกฉลาดแสนรู้จะตายไป ขนาดเผาบ้านได้ก็คงขึ้นแสดงได้แล้วล่ะ”

ฮึก คุณพ่อพูดจาเฮงซวย รับไม่ได้ ฮือออ แม่จ๋า ข้ารีบกระเถิบไปหาแม่ของเจ้าตี๋ เอาใบหน้าคลอเคลียอย่างออดอ้อน ส่งน้ำเสียงเศร้าสร้อยให้นึกส่งสารดัง “อุ๋ง~” หวังให้ท่านโต้เถียงแทนข้า แต่ทว่า…

“แหม น่ารักจริงเลย ก็ดีนะคะคุณ ฉันเองก็อยากเห็น เจ้าตัวเล็กมีสติสัมปชัญญะที่ดีกว่าสัตว์ทั่วไปอย่างที่คุณว่า”

ไม่มี ไม่มีเลยเจ้าค่ะ คุณแม่ได้โปรดรับรู้ด้วย ฮือออ อยากออดอ้อนหวนไห้เหมือนนางจันทร์วาดในเรื่องบุพเพสันนิวาส แต่วันนี้คุณแม่อยากทำให้ข้าเป็นโรคสันนิบาต

ข้ากระเถิบกายออกจากห้องรับประทานอาหารทันที

“ตัวเล็กจะไปไหน”

หาน้ำมัน

“เดี๋ยว ! ตัวเล็ก ดื้ออีกแล้วนะ ตกลงกันว่ายังไง” เจ้าตี๋ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเร่งมาทางข้าอย่างรวดเร็ว หมายจะจับแต่ก็เผลอหลุดมือไปหนึ่งหน เพียงเพราะข้าวิ่งเร็วราวกับหนู

สายตาพลันเมียงมองสิ่งรอบตัว ทุกอย่างเรียบร้อยหมดจด แง อดเผาคฤหาสน์ ก่อนจะถูกจับอุ้มขึ้นแนบอกจากคนที่คุ้นเคย

“ห้ามละสายตาไปไหน” ตี๋อุ้มข้าเสมือนเจ้าหญิงที่ถูกเจ้าชายโอบประคอง ส่วนข้านั้นบุ้ยปากเป็นที่เรียบร้อย ทำเสียงฟุดฟิดตรงปลายจมูก สะอื้นฮักอย่างน่าสงสาร บีบน้ำตาร่วงโรยจนดวงตากลมโตวาวระยับ เล่นเอาชายหนุ่มตื่นตะลึง

“เป็นอะไร ทำไมร้องไห้…”

ฮึก ข้าไม่อยากแสดง ชี้ครีบไปทิศทางที่ครอบครัวของเจ้าตี๋ได้อยู่ หวังให้เข้าใจผ่านภาษากาย

“ไม่อยากแสดงเหรอครับ ?”

หงึกหงัก ข้าพยักหน้ารับ พลันซุกอกคนตัวโต ดีใจนักที่เจ้าตี๋เริ่มเข้าใจมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งลำตัวของข้าในยามนี้ก็สั่นระริก ไม่ว่าใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะนึกสงสาร

คุณพี่ได้โปรดรับรู้ด้วย…

“ไม่ร้องนะครับ หยุดร้องก่อน แล้วเดี๋ยวตี๋ไปคุยกับพ่อให้อีกที”

เค ข้าลอบปาดน้ำตา ฉีกยิ้มเจื่อนๆ ในบันดล ถือว่าการแสดงที่ใช้ไปไม่เสียเปล่า ฉลาดน้อยกว่าข้าก็คงเจ้าตี๋นี่แหละ…

กว่าเจ้าตี๋จะคุยกับคนเป็นพ่อได้ ข้าก็ถูกพามาเจอฝูงสิงโตทะเลของตนเองเป็นที่เรียบร้อย

ณ อควาเรี่ยม สิ่งดี ๆ คือการมีผู้คนเข้ามาเยอะผิดหูผิดตา แน่นขนัดเหมือนฝูงมดที่วิ่งพล่าน ส่วนข้านั้นที่วินาทีนี้ดำดิ่งลงมาในสระ ว่ายผ่านก็เห็นตู้กระจกมีเด็ก ๆ เกาะติดหนึบเหมือนกับตุ๊กแก จับจ้องข้าตาพราวที่เริ่มว่ายน้ำอยู่กับที่

ข้าว่ายเข้าไปใกล้ตู้กระจกมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉายให้เห็นถึงการผูกมิตร เป็นสัตว์ที่แสนเชื่องน่าเอ็นดู กะจะแยกเขี้ยวขู่คำรามเป็นการกลั่นแกล้ง แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ากระจกมันจะมีความหนาถึงเพียงนี้ หน้าของข้าจึงกระแทกเสียดังปึก ลำคอหดงอเข้าหาตัวโดยพลัน รีบสะบัดใบหน้าทันทีเพื่อหวังทุเลาความเจ็บปวด ปรือตามองก็เห็นผู้คนหัวเราะซะแล้ว

“ฮ่า ๆ” หัวเราะอะไรไม่ทราบ แดกยากล่อมประสาทมาเหรออีพวกหน้าโง่ ตลกมากดิ ข้าแยกเขี้ยวหมายจะกัดพวกมนุษย์ ซี่ฟันจึงได้แต่ขูดไปกับกระจกใสๆ ให้คันเขี้ยวเล่น

พวกมนุษย์เอาแต่ดูข้าอย่างสนอกสนใจ ไม่ต่างจากคำพูดที่คุณฐิติกรเคยให้เอาไว้ แถมเจ้าตี๋ในยามนี้ก็ไปคุยธุระกงการกับคนเป็นพ่อ ข้าจึงต้องอยู่กับฝูงสัตว์ของตนเอง

โอ๊ะโอ และนั่นพวกเจ้าหยิบมือถือมาถ่ายคลิปกันอ๋อ เห็นผู้คนยิ้มหน้าบานแทบจะฉีกไปถึงไปหู มือไม้ตั้งท่าถ่ายคลิปเป็นที่เรียบร้อย มีความสุขกันน่าดู ข้าจึงว่ายน้ำลอยตัว ครีบล่างสะบัดไปมาเพื่อให้ลอยอยู่เหนือพื้นดินของผิวน้ำ ก่อนจะใช้ครีบขวาและซ้ายทำท่าเหมือนนักเต้นระบำของชาวเกาะฮาวาย แสดงให้ผู้คนในที่นี้ได้รับชมเป็นกรณีพิเศษ เพื่อผลพลอยได้ล้วน ๆ

ยิ่งพวกเจ้าสนใจมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งได้รับกรณียกเว้นมากขึ้นเท่านั้น ดูแลปรนนิบัติอย่างดีเยี่ยม ! ฉะนั้นมองเสียเถอะ ตาดูแต่มืออย่าต้อง !

เอาล่ะ…

ฮูล้า ฮูลา ฮูลาๆ ไปทะเล ฮูเรฮู้เร ~  เยเย้ ทุกเวลา ฮู้ล้า ฮูลา อะ รารารา ในทะเล อีเย้อีเย เฮฮา ! ฮูล้า ฮูลา ! ตึงๆๆ โป๊ะ ตึงๆๆ  โป๊ะ !

ขยับสะโพกโยกเอวแรง ๆ เรียกเสียงฮือที่ดังลั่นจากฝูงชน และด้วยความที่กระจกมันหนามาก ข้าจึงแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย มันแค่ดังเจือจางเท่านั้น แต่คำพูดของเด็กที่ตะโกนถามแม่ทำข้าหัวเสียในบันดล

“แม่ฮะ สิงโตทะเลเป็นกะเทยเหรอฮะ !”

มึงสิอีกะเทย ! ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ! อ๊ากกกก ! อยากหาไรมาทุบกระจกให้แตกฉิบหาย

พวกเด็กผีทั้งหลาย ข้าไม่เล่นด้วยแล้ว ! ว่ายน้ำหนีแม่งเลยดีกว่า ขึ้นมายังบกด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เจ้าสิงโตทะเลที่ตัวใหญ่กว่าก็ถามไถ่ตามภาษาเผ่าพันธุ์เดียวกัน

“เจ้าตัวเล็ก” แถมยังมีหน้ามาเรียกเหมือนที่เจ้าตี๋เรียกข้าอีกต่างหาก

“อะไร !” คนยิ่งอารมณ์โมโหโทโสอยู่ ถลึงตามองเจ้าตัวใหญ่เพศผู้ ร่างกายอยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโตเต็มที่

“นั่นมิตรสหายของเจ้าใช่หรือไม่” เจ้าตัวใหญ่ชี้ครีบไปทางสิงโตทะเลที่กำลังหลับอุตุ ช่างเป็นสัตว์ที่แสนเกียจคร้านกว่าใคร ๆ มันเป็นตัวเดียวกับที่ข้าเคยเอาไปบูชายัญและผลักลงน้ำนั่นแหละ

“เปล่า” ข้าปฏิเสธทันควัน

“ได้อย่างไร ข้าเห็นเจ้ารังแกเจ้านั่นอยู่บ่อย ๆ” อีกฝ่ายจ้องตา เป็นสัตว์สิงโตทะเลที่มีความฉลาดเฉลียว หากกล่าวกันว่ามนุษย์นั้นมีสติสัมปชัญญะที่ดีพอ สัตว์อย่างพวกเราก็คงไม่ต่างกัน มิเช่นนั้นคงไม่สามารถเข้าใจหรือเรียนรู้ในสิ่งที่มนุษย์สั่งสอนกันได้

เจ้าสิงโตทะเลพวกนี้เองก็ไม่ต่าง ล้วนมีการพูดคุยกัน เสียส่วนใหญ่จะเป็นการคำรามและอยู่อย่างสงบกันมากกว่า

“ข้าเปล่า” ข้าส่ายหน้าประกอบ

“งั้นหรือ ช่างน่าเสียดาย” เจ้าสิงโตทะเลเริ่มมีสีหน้าสลด ก้มหน้างุดเหมือนคนอกหัก ปรายตามองเจ้าตัวเล็กที่ยังหลับอุตุห่างออกไปจากข้างกายเล็กน้อย แถมยังพ่นลมหายใจดังฟี้ให้ได้ยิน

เอ๊ะ สายตาแปลกๆ แบบนี้หรือว่า…

“ท่านอยากปี้เจ้านั่นหรือ ?” เผลอหลุดปากออกไปโดยไม่ทันไตร่ตรอง

ตายจริง แม้แต่สัตว์ก็ยังชอบเพศเดียวกัน อ๊าก ! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเหยียดหรอกนะ แต่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตนี้

“ปี้ ? คืออันใด ?”

“เอ๊ะ ปะ เปล่าข้าไม่ได้พูด” ข้ายิ้มกลบเกลื่อน พลางหัวเราะแฮะๆ แต่สิงโตทะเลตรงหน้าก็ยังแคลงใจ

“แต่เจ้าพูดนะ”

“ข้าเปล่า…”

“ใช่สิ ข้าได้ยินกับหู เจ้าพูดคำว่าปี้”

“ก็บอกว่าเปล่าไง”

“งั้นหรือ” เจ้านั่นพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ท่าทีดูปล่อยวาง หันไปมองเจ้าสัตว์ตัวจ้อยที่ยังหลับตาพริ้มดูน่ารักน่าชัง แววตาคล้ายไตร่ตรองบางสิ่ง แต่ไม่นานก็หันกลับมามองพูดกับข้าดังเดิม

“แต่เจ้าพูดคำว่าปี้จริงๆ นะ” ยังไม่พ้นเรื่องคาราคาซัง

“เจ้าพูดคำว่าปี้” ย้ำอีก

“เออ ปี้ก็ปี้วะ !”

“เห็นไหมล่ะ ข้าบอกแล้วว่าเจ้าพูดคำว่าปี้” เจ้าสิงโตทะเลยิ้มเบาบาง ก่อนจะถามประโยคต่อมา “แล้วปี้คืออันใด ?”

“ปี้คือผสมพันธุ์”

“ศัพท์ของเจ้าช่างแปลกประหลาด” สิงโตทะเลเพศผู้ถึงกับถอยออกห่าง สีหน้าคล้ายตึงเครียดกับศัพท์ไม่คุ้นหู ข้าจึงได้แต่ตอบปัด

“ข้าคิดค้นขึ้นมาใหม่ มันดูไพเราะมากกว่า”

“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะได้นำไปใช้” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ดูกระจ่างแจ้งมากยิ่งขึ้น ใบหน้าจึงผ่อนคลายลง

“ถ้าเช่นนั้น ที่เจ้าพูดกับข้าหมายความเช่นไร”

“หมายถึงอะไร ?”

“ก็ ‘ท่านอยากปี้กับเจ้านั่นหรือ’ ที่เจ้าได้พูดไว้ในทีแรก” สิงโตทะเลที่มีสิทธิ์เป็นพี่ชายอธิบายในสิ่งที่ข้าเคยลั่นวาจา ข้าที่ได้ยินจึงร้องอ๋อซะยาวเหยียด พูดแถลงไขให้เข้าใจ พร้อมกับยกครีบชี้ไปที่สิงโตทะเลที่ยังคงหลับไม่สนโลก เจอะเจอกันกี่ทีก็ยังหลับแม่งอยู่อย่างงั้น

“หมายความว่าท่านอยากผสมพันธุ์กับเจ้านั่นใช่หรือไม่”

“…” อีกฝ่ายถึงกับสตั้นเลยทีเดียว ดวงตาเรียบนิ่งค่อยๆ เบิกถลน ท่าทางเลิ่กลั่กผิดปกติ หากเป็นมนุษย์คงเรียกได้ว่าหนุ่มซึนสิ้นดี ใบหน้าคงร้อนผะแผ่ว อาการเก็บไม่อยู่กับถ้อยคำจาบจ้วง

“ช่างน่าไม่อาย !”

“มึงน่ะสิ” ข้าโต้กลับ

“ศัพท์แปลกหูอีกแล้ว แต่ช่างเถอะ น่าอายยิ่งนัก”

“สรุปท่านชอบเจ้านั่นจริงๆ ใช่ไหมล่ะ”

“ขะ ข้า ข้า…” อ่าว ตะกุกตะกัก แผ่นกระตุกเป็นชักกระตุกแล้วมั้งอีห่า

“อืมได้คำตอบแล้วล่ะ”

“ข้ายังไม่ทันกล่าว”

“ไม่ต้องกล่าวข้าก็ดูออก”

“…”

“นี่พี่ชาย เดี๋ยวข้าเป็นแม่สื่อแม่ชักให้เอาไหม ?” ข้าอมยิ้ม ยกครีบข้างซ้ายตีที่บริเวณลำตัวของอีกฝ่ายเพื่อผูกมิตร

“ยังไงหรือ ?” เจ้าสิงโตทะเลสงสัย

“ข้าแนะนำให้ท่านไปปี้เจ้านั่นเลย”

“จะดีหรือ ?”

“ดีสิ” ข้ากลั้นหัวเราะ แค่นึกภาพตามก็อยากไปนอนเกลือกกลิ้ง

“ข้าจะลองดู” ใจกล้ายิ่งนัก ! สมเป็นลูกศิษย์

รีบเม้มปากโดยพลัน ตัวสั่นโยนเป็นที่เรียบร้อย มองสิงโตทะเลตรงหน้าที่กระเถิบไปหาอีกตัวที่ชอบจำศีล ไม่ช้านานภาพตรงหน้าก็เล่นเอาข้าดิ้นไปมาบนพื้น นอนหงายหลังหัวเราะอุ๋งๆ เหมือนคนบ้า

ภาพเจ้าสิงโตทะเลตัวใหญ่ขึ้นคร่อมสัตว์ตัวเล็ก ใช้ร่างกายบดเบียดกระแทกเหมือนสมสู่ ผิวเนื้อกระเพื่อมไปมา ทำให้สิ่งใต้ร่างที่กำลังหลับตาพริ้มเบิกตาโพลง ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น

“อุ๋ง !!”  ดีดดิ้นเป็นบ้าเป็นหลัง ขณะที่เจ้าตัวใหญ่เริ่มตื่นตระหนก ถอยออกห่างในทันที

“นี่ท่านคิดจะสมสู่ข้าหรือ !” เจ้าหนูที่ชอบนอนเป็นประจำเอ่ยขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเสียง

“ขะ ข้า”

“ออกไปห่างๆ ข้าเลยนะ !” อ้าปากโชว์ฟัน บ่งบอกให้รู้ว่าถ้าขืนเข้าใกล้มาอีกสักนิดจะเริ่มประทุษร้าย

เจ้าสิงโตทะเลตัวใหญ่หน้าสลด ใช้ครีบกระเถิบกายมาหาข้าในวินาทีต่อมา สีหน้าเศร้าสร้อยยิ่งนัก พูดตั้งคำถาม

“ไม่เห็นได้ผลเหมือนที่เจ้าว่ากล่าว”

“ข้าหยอกล้อท่านเล่นน่ะพี่ชาย ไม่คิดว่าพี่ชายจะใจกล้าไปขืนใจ” ข้าตอบพร้อมรอยยิ้มละมุนละไม


ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
.
.
.

“ตัวเล็ก” เสียงคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง ข้าเหลียวหน้าหันไปมองเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาพูดคุยกับสิงโตทะเลตรงหน้าต่อ

“ข้าคงต้องไปแล้ว”

“เจ้านี่ช่างโชคดีมีทาสมนุษย์เป็นของตัวเอง” สิงโตทะเลพยักหน้ารับ พูดชมคล้ายอิจฉา ข้าเลยหดคอในทันที รีบส่ายหัวเป็นพัลวัน

“อย่านึกอิจฉาข้าเลยพี่ชาย ทาสคนนี้วิปริตยิ่งนัก ข้าไม่อยากจะนินทาหรอกนะ แต่เจ้านี่มีอารมณ์กับสัตว์อย่างพวกเรา”

“จริงหรือ ? แล้วทำไมเจ้ายังอยู่กับทาสคนนี้อีกล่ะ หรือว่า…”

“หรือว่า ?”

“หรือว่าเจ้าเสียท่าตกเป็น…”

“หุบปากเลยอีพี่ชาย ! ข้ายังไม่ได้ตกเป็นเมีย !” รีบแทรกคำพูดอย่างเอ็ดตะโรเสียงดังลั่น เห็นสีหน้ามองเหยียดก็รู้ซึ้งถึงห้วงความคิด

สิงโตทะเลคิดสัปดน !

“ข้ายังไม่ทันพูดจบประโยค” อีกฝ่ายล้อเลียนคำเดียวกับสิ่งที่ข้าเคยกล่าว ทำให้ข้าได้เข้าใจว่าสิงโตทะเลก็ตอแหลเป็น

เอ๊ะ ตอแหลเหมือนใครคุ้นๆ จังเลย

“อย่าให้ข้ารู้นะว่าหล่อนมีพิรุธ” ข้าหรี่ตามองอย่างจับผิด ใช้คำพูดเหมือนในหนังเรื่องหนึ่ง

“ทาสของเจ้าเข้ามาใกล้แล้ว” สิงโตทะเลบ่ายเบี่ยง แหงนหน้ามองเงาอึมครึมที่อยู่ด้านหลังของข้า

ข้าพลันหันไปมองก็เห็นเจ้าตี๋ที่ยืนตระหง่าน ใบหน้าแย้มยิ้มให้เห็นแก้มบุ๋มข้างซ้ายเป็นพิเศษ สลับมองข้ากับสิงโตทะเลอีกตัว

“คุยกับเพื่อนอยู่เหรอครับ ?” เจ้าตี๋เอ่ยถาม ส่วนข้าที่แหงนหน้ามองอย่างหยิ่งผยองก็หันมามองอีกเสียงหนึ่งที่ตั้งคำถาม

“เจ้าสั่งทาสมนุษย์ได้หรือไม่ ? ข้าเห็นคนผู้นี้ติดตามเจ้าตลอด”

“ได้สิ” ข้าผงกหัวขึ้นลงตอบกลับ

“ว้าว จริงหรือ ? ข้าอยากเห็นเป็นบุญตา”

“งั้นดูเสียพี่ชาย เอ้าเจ้าตี๋ ! ก้มลงมาซะ” รีบหันไปพูดกับคนตัวโต ใช้ครีบชี้ลงที่พื้นเพื่อให้อีกคนย่อเข่าลงต่ำ ฉับพลันเจ้าตี๋ที่เข้าใจภาษากายก็ย่อตัวลงมาทันที

“เจ้าสั่งมนุษย์ได้จริงๆ ด้วย !” สิงโตทะเลตื่นตะลึงทันทีที่เห็นเจ้ามนุษย์คุกเข่าต่อหน้าข้า พร้อมแย้มยิ้มกระพริบตามองข้าอย่างฉงน เห็นดังนั้นข้าก็รู้สึกภาคภูมิใจ หลับตาพริ้มยกครีบตอบปัดไปมาอย่างถ่อมตัว

“ไม่หรอกพี่ชาย เรื่องเล็กน้อย ของอย่างงี้ฝึกฝนกันได้”

“คุยไรกันอะครับ เราไปกันเถอะนะตัวเล็ก นี่ก็ใกล้เวลาแสดงแล้ว”

“อุ๋ง !” (เอ้า !) ก็ไหนเจ้าบอกข้าว่าจะไปคุยกับพ่อให้ไง แล้วนี่อะไรกัน กลับมามือเปล่าชัดๆ อีลูกเลี้ยงไม่เชื่อง ! เลี้ยงเสียข้าวสุก !

“ตี๋ขอโทษ พ่อเขาไม่ยอมจริงๆ นะวันนี้วันเดียว แล้วเดี๋ยวตี๋พาไปเที่ยวหาของมาตอบแทนเลย”

“อุ๋งๆๆ !” (เจ้าก็หลอกลวงอย่างงี้ตลอดแหละ !) เชื่อถือไม่ได้สักนิด ! วันก่อนก็บอกว่าจะพาไปเที่ยวทะเล พาไปดูน้ำตรงชายหาด สุดท้ายเป็นไง ? ข้าได้ดูน้ำว่าวแทนไงอีสัตว์ ! ทะเลในยามนี้จะกลายเป็นทะเลสาบอยู่แล้ว

ไม่ใช่สาบธรรมดาด้วยนะ สาปส่งมึงเนี่ยอีตี๋ !

“ตัวเล็ก ตี๋แปลไม่ออก แต่คิดว่าตัวเล็กต้องด่าแน่ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวซื้อแท่งไฟแบล็คพิ้งก์วันนี้ให้เลย”

“เฮ้ ! พี่ชาย ข้าลาล่ะ” ข้ารีบหันควับไปมองสิงโตทะเลตัวใหญ่ทันที อย่างน้อยเจ้าตี๋ก็มีข้อดีอยู่อย่าง

“เอ้า ทำไมรีบจัง เมื่อครู่เจ้ายังด่าเจ้ามนุษย์หมาดๆ”

“ข้าเป็นไบโพล่าร์ ท่านอย่าถือสาหาความข้าเลย พอดีข้ามีภารกิจสำคัญต้องไปทำ”

“แล้วไบโพล่าร์คืออะไร ?”

“คืออีสัตว์ เลิกถามมาก ข้าขี้เกียจตอบคำถาม” สิ้นคำพูดก็รีบกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเจ้าตี๋ที่กางรอรับเอาไว้ในทีแรก “อุ๋ง ๆ” (บะบายพี่ชาย) พูดอำลาสิงโตทะเลอีกครั้งหนึ่ง

 

เมื่อมาถึงจุดที่ต้องเตรียมสแตนบาย เจ้าตี๋ก็พูดถึงสิ่งที่ต้องทำตามเป็นแบบแผน ข้าที่ฟังไปก็เอาปากกาเขียนใส่กระดาษไปด้วย

“ทำตามนี้นะครับตัวเล็ก อย่างที่เราเคยฝึกกันไว้”

[Blackpink !] ชูให้เห็น อย่าลืมของสมนาคุณให้ข้าด้วย !

“รู้แล้วครับ ตี๋ไม่ลืมหรอก จะหาซื้อให้ได้เลย” ได้ยินที่อีกฝ่ายพูด ข้าก็เอียงหน้าไปทางซ้ายเล็กน้อย ปรายตามองดูหมิ่นอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไร หากเป็นครั้งก่อนคงหลอกลวงกันได้ แต่ครั้งนี้มีแบล็คพิ้งก์เข้าแลก ฉะนั้นตอแหลเมื่อไหร่ โดนแน่เจ้าคนปลิ้นปล้อน !

ข้ายกครีบชี้มาที่ตาตัวเองและสลับชี้ไปที่ลูกตาของเจ้าตี๋ ทำแบบนี้สองสามครั้งด้วยการหรี่ตามองอย่างจับผิด บ่งบอกให้เข้าใจว่าจับตามองทุกฝีก้าว ถ้าไม่ได้ป๊อกๆ นะ เดี๋ยวหรรมเจ้าได้หักดังป๊อกแน่ !

“ถ้ามีคนเรียกชื่อเมื่อไหร่ ตัวเล็กก็ออกมาได้เลยนะครับ” ร่างสูงย้ำคำดังเดิม มีสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเรื่องนี้คือสิ่งที่พลั้งพลาดไม่ได้เด็ดขาด ข้าเลยผงกหัวรัวแรงอย่างเข้าอกเข้าใจ ชี้ครีบมาที่ตัวว่าเมื่อไรที่ถูกเรียกขาน ก็ให้โผล่หัวออกไปทันที ถูกไหม ?

“ใช่แล้วครับ” โอเค อ่านภาษากายกันออก อีกสักหน่อยก็อยากให้อ่านจิตอ่านใจของข้าบ้าง รับไม่ได้แล้วนะกับเรื่องบัดสี หัวเห็ดบานตะไท สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากแหล่งรกชื้น จากหญ้าเขียวขจี หญ้าแม่งก็กลายเป็นสีดำสนิท ข้างงไปหมดแล้ว

เห็ดเหี้ยไรพ่นน้ำได้ด้วยอะแม่จ๋า

“ตี๋ไปก่อนนะ” ฮือออ อยากจะร้องไห้ ยกครีบมาปาดน้ำตากับความทรงจำห่าเหวที่ยังตามติดยิ่งกว่าผีชัตเตอร์

ฮึก เจ้าไปเถอะ ห่างกันสักพักแบบหวายกามิกาเซ่ก็ยังดี

‘ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพักมันคงจะดีเสียกว่า ไม่ได้ถือสา ไม่ได้ถือสากับคำที่เธอนั้นบอก ก็ข้าไม่ค่อยจะรู้หรอก ก็ข้าไม่ค่อยจะรู้หรอก ว่าอีเห็ดแบบนั้น ว่าอีเห็ดแบบนี้ ที่จริงมันแปลว่าไง’

“เอาล่ะค๊า ในที่สุดก็ถึงเวลาแก่การแสดง วันนี้จะมาโชว์ความสามารถของสิงโตทะเลกันนะคะ หากใครได้ติดตามข่าวสารจะรู้กันดีว่าทางอควาเรี่ยมของเรามีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วย เอ๊ะ เจ้าตัวเล็กคือใครเหรอคะ ? เจ้าตัวเล็กก็คือลูกสิงโตทะเลที่เผาบ้านไงค๊า ~ ฮ่าๆ มุกขำๆ ค่ะ น้องๆ หนูๆ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ โอ๊ะ วันนี้ก็มีน้องตี๋มาช่วยเราด้วย เป็นครูฝึกของน้องตัวเล็กนี่แหละค๊า”

“สวัสดีครับ ผมชื่อตี๋ เป็นครูฝึกของน้องตัวเล็กครับ”

“กรี๊ดดดด !” เสียงกรี๊ดดังสนั่นหวั่นไหวในทันทีที่จบประโยค ข้าอดไม่ได้ที่จะเบะปาก เพิ่งรู้ว่าอควาเรี่ยมมีสัตว์บกด้วย เสียงชะนีถึงได้โหวกเหวกร้องหาผัว

เหอะๆ เห็นเจ้าตี๋หล่อหน่อยก็ระริกระรี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเลยนะ นี่ถ้ารู้ว่าเจ้าตี๋มีอารมณ์กับสัตว์ ดูซิจะยังชอบกันอยู่ไหม ในวันแต่ละวันข้านี่เห็น ลวย ลวย ลวย หาใช่เงินทองไม่

“นับหนึ่งถึงสามพร้อมกันนะคะ และเดี๋ยวน้องตัวเล็กของเราถึงจะยอมออกมา ถ้าเสียงเบาจนเกินไป น้องตัวเล็กของพวกเราจะไม่ได้ยินเสียง ฉะนั้นช่วยกันพูดนะคะ เอาล่ะ พูดคำว่าน้องตัวเล็กพร้อมกัน หนึ่ง สอง สาม !”

“น้องตัวเล็กกกกกกกกก !” เรียกหาพ่อมึงเหรอจ้า ~ พลันกระโดดลงตูมจากสระทันที ว่ายและดีดตัวขึ้นมายังบก คลานกระเถิบมาหาเจ้าตี๋อย่างฉลาดแสนรู้ พินิจดูผู้คนที่หยิบมือถือมากดถ่าย ส่งเสียงดังว่าน่ารักไม่ขาดปาก ขณะที่ข้าต้องทำหน้าตาบ๊องแบ๊ว เอาหน้าถูไถต้นขาเจ้าตี๋อย่างออดอ้อน ใครเห็นก็คงหลงคิดว่าเป็นสัตว์น่ารักน่าชัง

“น้องสิงโตทะเลเป็นกะเทย”

อีเด็กเหี้ยนี่อีกแล้ว !! ข้าหันควับไปมองตามต้นเสียงเจอเด็กผู้ชายชี้นิ้วมาทางข้า เป็นคนเดียวกับที่เคยกล่าวหาว่าข้าเป็นกะเทย

เดี๋ยวก่อนเถอะไอ้เด็กเปรต เดี๋ยวมันจะมีการแจกอาหารปลาให้สิงโตทะเล เจ้ามายื่นให้ข้าเมื่อใดข้าจะกัดให้ร้องจ๊ากเลยทีเดียว

ฝ่ายพิธีกรเริ่มการแสดงรอบแรกของสิงโตทะเลเพศผู้ตัวใหญ่ตัวหนึ่ง พูดพลางให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสายพันธุ์ของสิงโตทะเล โชว์ความสามารถที่เดาะบอลได้ของเจ้าสัตว์ทะเลครึ่งบกครึ่งน้ำ แอ่นตัวโค้งประหนึ่งเล่นโยคะซึ่งข้าไม่สามารถทำตามได้ อีกฝ่ายโยนบอลขึ้นและรับด้วยบริเวณปลายจมูก ใช้ครีบตบมือเรียกเสียงผู้คนให้ตบมือตามจังหวะเพื่อให้บรรยากาศดูครึกครื้น สายตาที่มีไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคนจับจ้องอย่างตื่นตาตื่นใจ หัวเราะเวลาสิงโตทะเลหมุนคอเพื่อห่วงฮูลาฮูปไปมา พร้อมมีเสียงเพลงประกอบฉากการแสดง

ท้ายที่สุดก็มาถึงคิวของข้า ขณะที่สิงโตทะเลอีกสองตัวยืนอยู่บนตั่งพื้นผิวเรียบ คอยอ้าปากรับอาหารที่เจ้าหน้าที่ยื่นมาให้ ความสูงของตั่งที่นั่งอยู่ในระดับห้าสิบเซนติเมตรประมาณช่วงต้นขาของเจ้าหน้าที่ สิงโตทะเลหันหน้าเข้าหาสระเบื้องหน้า โดยมีราวกั้นออกห่างจากผู้คนที่แน่นขนัดอยู่บนอัฒจันทร์

“วันนี้น้องตัวเล็กของเราจะโชว์การแสดงด้วยการเต้นนะคะ” พิธีกรกล่าวด้วยน้ำเสียงเริงร่า ข้าที่นั่งอยู่ไม่ต่างจากสิงโตทะเลตัวอื่นๆ ที่อยู่ข้างกาย แอบเหลียวมองหน้าเจ้าตี๋เล็กน้อยผ่านหางตา

นี่ข้าต้องเต้นเพลงนี่จริงๆ สินะ เฮ้อออ ลอบถอนหายใจในจังหวะที่เพลงก็มาพอดี ปากที่มีแครอทคาบอยู่ก็โยกคอไปมาทางซ้ายและขวา หดขึ้นและหดลง

[เพื่อนฉันเป็นชาวเขาชาวดอย ตัวน้อยๆ หน้าตาขาวๆ มาโรงเรียนก็มากันแต่เช้า ทั้งม้ง เย้า กะเหรี่ยง มูเซอ] เพลงเด็กดอยใจดีเริ่มต้น ส่วนข้าที่ไม่ได้เต้นแค่โยกหัวก็ยกครีบเบื้องหน้าโบกสะบัดไปมา จนกระทั่งถึงท่อนฮุกเลยเต้นแรงมากขึ้นด้วยการโยกตัวและหมุนหัว พาลรำคาญผู้คนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบอกชอบใจ

อยากเปลี่ยนจากแครอทฟาดหัวเป็นปาระเบิดแม่งทันที

[โอ๊ะ เอาแคเหราะ มา ฝะ หยะ ให้เธอได้กี ผะ มีวิตามิน ไม่ต้องกีขอแพ ~]

โอ๊ะ เอาระเบิดมาฝะ หยะให้เธอได้ตาย ไส้ของเธอกระจุย กระจายเหมือนสีแครอท ~

[ลา ~ ลันลา ลันลา ~ ลัน ลัน ลันลา  ลันลา ลันลา ~] บึ้ม ! ตายไปให้หมดอีฉิบหาย

แปะๆ เสียงตบมือดังสนั่นเมื่อจบเพลง ข้าก็ปล่อนแครอทที่คาบอยู่ร่วงหล่นตรงพื้นในทันใด หรี่ตามองเหมือนสัตว์ที่กำลังง่วงงุน สีหน้าคล้ายรำคาญอยากหายไปจากพิกัดนี้เต็มที หากทว่าเสียงดนตรีที่คุ้นเคยก็กลับดังขึ้น เล่นเอาหัวใจของข้ากระตุกวูบ ไรขนลุกซู่กับเสียงแรกที่ได้ยิน พลางเบิกตาถลน เหมือนตัวเองได้วาร์ปไปที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

โลกที่มีแต่สีชมพูและดำ !

[ตึง ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ เย้อีเยอีเย ~ แบล็กพิ้งก์อินยัวแอเรียย๊ะ !]

“อุ๋งๆ !” (อินยัวแอเรียย๊ะ !) หลุดเสียงร้องอย่างอดไม่ได้ ตัวที่เคยหลังค่อมเหยียดตรงอย่างภาคภูมิใจ หูกระดิกฟังดนตรีตี๊ดๆ พลางยกครีบทั้งสองดันออกห่างจากลำตัว จากนั้นท่อนของเจนนี่ที่จบประโยค ‘เย้อีเยอีเย’ ก็มาทันที

[ชอนซา กาทึน Hi กือเทน อักมา กาทึน Bye] ข้ายกครีบซ้ายโบกสะบัดเหนือศีรษะทันที วางจริตจะก้านเหมือนได้เป็นนักเต้นมืออาชีพ ไม่สนหัวผู้คนที่เบิกตาโพลงอย่างตกกะใจ

องค์มาฉุดไม่อยู่แล้วแม่ อีนรกตัวไหนมาเปิดเพลงนี้กัน ช่วยข้าด้วยยย !

[เมบอน มีชึล ดึชทัน High ทเวเอน เบทอ ยา ฮานึน Price อีกอน ดาบี ออพนึน Test] ยกครีบกางออก ทำเหมือนมีศอกแตะอยู่ที่เอว และหมุนเอวพลิ้วๆ เป็นวงกลม ก่อนจะชูครีบขึ้นเหนือหัว ครีบขวาเหยียดออกข้างลำตัว ส่วนครีบซ้ายยกขึ้นวางอยู่ตรงหลังกระหม่อมของตนเอง เต้นเหมือนที่เคยดูเหล่าแบล็กพิ้งก์ได้ขึ้นการแสดงโชว์ [เมบอน ซกดอ ราโด Yes ~ ตักฮัน ชัมชองเง โนเย ออรอ ชูกึล ซารางเฮ]

ตั้งท่าเรียบร้อย ก่อนที่จะจบประโยคซารางเฮก็ยืนขึ้นบนตั่งที่นั่งอย่าไม่เกรงกลัวว่าจะหัวฟาดพื้น พลันกระโดดลงจากที่สูงไปหาสิงโตทะเลข้างกาย ใช้ครีบล่างกระโดดเตะตามจังหวะ

[Here I come kick in the door !] ผัวะ ! “อุ๋ง !”

คล้ายได้ยินเสียงร้องจากสัตว์อีกตัวที่คว่ำคะมำ ส่วนข้าที่กระแทกกับพื้นแม้จะเจ็บก็ยังยืนหยัดได้อย่างสง่าผ่าเผย ยืนขึ้นเหมือนมนุษย์ที่พร้อมจะงัดกระบวนท่ามาฟาดฟัน ทำตามเหมือนลิซ่าทุกอย่างที่หมุนเอวพลิ้วๆ เอามือไล่ตามลำตัว ใช้จังหวะที่ต้องเอาขาเตะเหมือนนักร้องสาวสวยอย่างลิซ่า ทว่าครีบล่างก็สั้นกุดจนข้าต้องล้มฟาดกับพื้น ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าเพลงที่คอยกล่อมประสาทและรักนักจะสามารถหักห้ามความบ้าบิ่นของข้าได้ ปากที่คอยร้องอุ๋งๆ ตาม ลิ้นแทบพันกับท่อนเนื้อแรป

[คือ ตีตึซ ทัน ตอลรีมี เซปัลกัน ซอลเรมี มีชี heaven คัทเกช จีมัน You might not get in]

“อุ๋งๆๆ !” (แรปไม่ทันแล้วอีสัตว์ !) หลุดเสียงสบถดังลั่น ยืนหอบแฮ่กไปสักพักกับการที่ต้องร้องไปเต้นไป แถมคนเปิดเพลงแม่งก็ไม่คิดจะปิดเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้ข้าเป็นบ้าเพียงลำพัง เรียกความสนใจจากผู้คน

ข้าแอบปรายตามองไปทางเจ้าตี๋ก็เห็นมองตาวาวระยับ อ้าปากเหวอกับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่มีพลังกายเหลือล้น นรกก็ฉุดไม่อยู่ [Look at me Look at you] ชี้ครีบมาที่ตัวเองเป็นการบอกให้สนใจฉัน สลับชี้ไปที่เจ้าตี๋และค่อยหมุนตัวเต้นเข้าหาผู้คนที่ยังจับตามอง

ฉิบหายมองตาค้างกันหมด สงสัยต้องผ่อนแรงลง ทำท่ายิงกระสุนแอ่นตัวโค้งไม่ให้ล้มหงายหลังเพราะยังเข็ดหลาบ [Let’s kill this love !]

เรียกรอปอภอด้วยค๊า [Yeah, yeah. Yeah !] ตึง ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ รอปอภอ ปอภอ ปอภอ ~

เอาให้มันหลุดโลกไปเลยจ้าแม่จ๋า ! ~ บอกซิว่าอีเวรตัวไหนมันเปิด เดาว่าเจ้าตี๋แน่ๆ ทำข้าสิ้นแรงจนหอบแฮ่กเหมือนสุนัขที่ถูกผสมพันธุ์ พลันล้มคว่ำไปนอนอนาถกับพื้นทันทีที่เพลงจบ

ชีวิตข้าสู่ขิตแล้ว รู้บ้างไหมว่าการเป็นติ่งมันเหนื่อยขนาดไหน ?

“ตัวเล็ก !” เสียงเจ้าตี๋ร้อนรนรีบวิ่งมาอุ้มตัวข้าที่นอนหมดอาลัยตายอยาก เขย่าตัวเมื่อเห็นข้าปรือตามองคล้ายจะหมดสติ

“อุ๋งๆ” (หิวน้ำ) เหนื่อยมากๆ เลย เสียงแหบไปหมดแล้ว ได้โปรดไปเอาน้ำให้ข้าที

“ตัวเล็กเป็นอะไร อย่าหลับนะตัวเล็ก !”

“อุ๋งๆๆ” (ข้าบอกว่าหิวน้ำ ข้าไม่ได้จะตาย) ทำไมยังเขย่าข้าอีกอีฉิบหาย ข้าหลับตาดีกว่าเหนื่อยเหลือเกินนัก วันหลังไม่เต้นแล้วนะ อย่าคิดจะเปิดเพลงนี้อีกเด็ดขาด หลับตาพักไม่ทันไรตัวก็สั่นคลอนรัวแรงอีก

“ตัวเล็ก !”

“อุ๋งๆ !” (บอกว่าหิวน้ำ !) เพี๊ยะ ! ยกครีบตีแขนเจ้าตี๋อย่างหงุดหงิด

นี่เจ้าเป็นอะไรมากปะ ? ต้องชี้ครีบไปที่น้ำตรงสระก่อนและสลับมาที่ปากถึงจะเข้าใจ

“อ๋อ ตัวเล็กหิวน้ำ”

“อุ๋ง !” (เออ !) น้ำเปล่าอะ ไม่ต้องเอาน้ำข้นหวานมาให้ข้าด้วย

เจ้าตี๋อุ้มข้าแนบอก หันไปพูดกับพิธีกรสองสามประโยคก็พาข้าหนีออกมาจากการแสดงโชว์ วิ่งวุ่นจนได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงเรียกปลุก

“ตัวเล็กนี่ครับน้ำ”

“…” ข้าเงียบ จ้องแก้วน้ำที่เจ้าตี๋ยื่นมาให้ บอกว่าน้ำเปล่า แล้วนี่คือน้ำห่าอะไรกัน ?

“น้ำแดงอุทัยทิพย์ครับ ดื่มก่อนนะจะได้สดชื่น”

เฮ้อ นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นอะไร ศาลเหรอ ? หรือเจ้าที่ ? นี่มันแดงแจ๋นาดนี้ เลือดชัดๆ สั่งน้ำเปล่าแต่ได้น้ำแดง

ไม่รีดน้ำขุ่นๆ ของเจ้ามาให้ข้าดื่มเลยล่ะไอ้เจ้าบ้า !

ซ่า ! สะบัดแก้วทิ้ง ส่งเสียงร้องอย่างแหบพร่าให้คนฟังต้องแสบหู “กี๊สสสส !”

เหลืออดเหลือทนเต็มที โมโหหิวด้วย พาข้าไปนอนตายที่เดิมเถอะ ไอ้คนหล่อ หล่ออย่างเดียวแต่โง่อีกไอ้คนปัญญานิ่ม

ไอ้ขีปนาวุธ ไอ้หัวเห็ดบานตะไท ไอ้… “อุ๋งๆ !”

“เกรี้ยวกราดอีกแล้ว อีหรอบนี้โมโหหิวใช่ไหมครับ หรือง่วงนอน ? งั้นเดี๋ยวตี๋รีบพากลับไปที่พัก ทนก่อนนะ มาดื่มน้ำก่อนเถอะ ครั้งนี้อย่าดื้อนะครับ” เจ้าตี๋บอกเตือน พลางตักน้ำใส่แก้วใบใหม่นำมาให้ข้าดื่มชุ่มคอก่อนในทีแรก พอจะให้ลำคอที่แสบร้อนทุเลาลง และค่อยก้าวขาฉับไวออกจากจุดพักของการแสดง เดินไปตามทางเดินที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ สาวน้อยสาวใหญ่ทีแรกก็มองลูกสิงโตทะเลอย่างข้า แต่พอเงยหน้าเห็นเจ้าตี๋ก็ทำสีหน้าเหมือนโดนคิวปิดยิงศรรัก

ข้าเขม็งตาใส่ เอาหัวถูไถกับแผงอกของเจ้าตี๋อย่างลืมตัว เย้ยหยันมนุษย์เพศหญิงด้วยความรำคาญ

มองทำไมอีป้า เดี๋ยวก็ฟ้องผัวป้าเลยหนิ และนั่นอะไร เด็กแค่นี้มองผู้ชายตาเป็นมันซะละ เดี๋ยวข้าก็ฟ้องแม่ของเจ้าซะหรอก ระริกระรี้กันนักนะ ด่าในใจก็เอาหน้าถูไถกับแผงอกกำยำไปด้วย ลืมตัวจนเผลอสูดดมกลิ่นหอมของใครอีกคน ปลายจมูกฟุดฟิดอยู่ที่เสื้อผ้า อยากรู้นักว่าใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไรกัน ค่าโฆษณาต้องมาก่อนใช่ไหม แอบชะงักเมื่อได้ยินเสียงหยุดฝีเท้า ช้อนตามองก็เห็นเจ้าตี๋ก้มลงดูตั้งแต่แรก

“ตัวเล็กชอบดมตัวตี๋เหรอครับ ?”

“…”

“ไว้กลับบ้านไป เดี๋ยวตี๋ให้ดมอย่างอื่นด้วย”

ห๊ะ ? ดมอะไร !?

ฉับๆ ก้าวขารวดเร็ว แหงนหน้ามองไปทิศทางเบื้องหน้าโดยไม่สนใจข้าอีก ประเดี๋ยวสิเฮ้ยอีตี๋ ! เจ้าอย่าเพิ่งเดินต่อได้ไหม ก้มลงมาคุยกันก่อน กลับบ้านไปที่ว่านี่คือจะให้ดมอะไร

มึงจะให้กูดมอะไรรรรรร  แอร๊ยยยยย !! หัวของข้ามันมีแต่เรื่องสัปดนเต็มไปหมดเลย

“กี๊สสสสส ! แค่กๆ” หลุดสำลักเพราะยังแสบคอไม่หาย

นี่เจ้าจะให้ข้าดมไอ้ตรงนั้นใช่ไหม ! อ๋อ นี่มึงโรคจิตขนาดนี้เลยเหรอไอ้ตี๋ !

ครั้นเดินสวนผ่านเจ้าหน้าที่รปภ.

“สวัสดีครับ” เจ้าตี๋ก้มหัวทักทายผู้อื่น ส่วนข้าโผล่หน้าหันไปมองคนข้างหลังที่มองข้าอย่างฉงน ครีบขวายื่นไปหาอีกฝ่ายเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ

ข้าจะโดนลากไปดมอะไรก็ไม่รู้ คุณลุงช่วยเรียกตำรวจมาให้ที

“ฮึก อุ๋ง ~” (แงงงงง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2019 00:42:32 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องมาก อยากเอ็นดูด้วยฟิลเตอร์น้องแต่น้องก้าวร้าวแรงมากกก แง้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด