Followed
-ผมโคตรชอบคุณเลย คุณไม่มีแฟนได้ไหม-
ทันทีที่นิ้วชี้จิ้มสองครั้งบนหน้าจอโทรศัพท์ หัวใจสีขาวขุ่นก็ปรากฏขึ้นมาก่อนจะจางหายไป แต่กลับมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของจิรกรแทนที่เมื่อเห็นหัวใจสีแดงสดดวงเล็กใต้รูป เพราะนั่นเป็นสัญลักษณ์ว่าเขาได้กดถูกใจรูปภาพบนอินสตาแกรมเรียบร้อยแล้ว
จิรกรหันหลังไปมองที่โต๊ะแบบเคาน์เตอร์บาร์บริเวณด้านข้างของร้าน เขาเพิ่งจะกดถูกใจภาพต้นแคคตัสสีเขียวในกระถางใบเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ที่ซึ่งมีชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ นั่นคือ คณิน คนที่ชื่นชอบการมานั่งร้านกาแฟ Coffee Place ทุกวันอาทิตย์ ส่วนเขาก็คือคนที่ชื่นชอบการนั่งมองคณินอีกที
ถึงจะแค่มองแผ่นหลัง และเห็นแค่ใบหน้าด้านข้างตอนคณินเดินออกจากร้าน แต่แค่นี้ก็ยืดอายุความสุขของเขาให้ยาวนานขึ้นได้อีกเจ็ดวันแล้ว
มันนานแค่ไหนแล้วนะที่เขาต้องมาร้านกาแฟเพื่อมองแผ่นหลังคนคนหนึ่งแบบนี้ เมื่อคิดย้อนกลับไปน่าจะสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาเกิดความประทับใจ จนกระทั่งเดินตามหัวใจตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้
...........
“ไงล่ะแก เสร็จภารกิจแล้วล่ะสิ”
เสียงใสของดารินดังขึ้นด้านหลัง เธอยื่นหน้ามาดูเห็นว่าจิรกรกำลังส่องอินสตาแกรมของคณินพร้อมกับกดหัวใจให้ก็เอ่ยแซวขึ้น
“ยุ่งน่า” จิรกรเบี่ยงตัวหนีการสอดรู้สอดเห็นของดาริน เพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย จนกระทั่งเรียนจบก็ยังเข้าทำงานที่เดียวกัน เขาอยู่แผนกไอทีส่วนเธออยู่แผนกจัดซื้อ ห่างกันแค่ผนังกั้น
ดารินเลื่อนเก้าอี้ตัวที่ว่างออกมานั่งลงตรงข้ามจิรกร ตอนนี้พักเที่ยงยังไม่มีใครกลับขึ้นมาทำงาน เพราะฉะนั้นเธอจะนั่งเก้าอี้ตัวไหนก็ได้ เมื่อนั่งลงแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดแอปพลิเคชันอินสตาแกรม เลื่อนดูไอจีของคณิน คนที่จิรกรแอบรัก
“แกนี่น้า จากจุดเริ่มต้นที่ได้เห็นกล้ามเขา กลายมาเป็นแฟนคลับได้ยังไงเนี่ย”
“จะบ้ารึไง พูดอะไร” จิรกรเอ็ดเข้าให้ พูดอย่างนี้ต้องขอเถียงสักหน่อย ก็เพราะเขาไม่ใช่แค่แฟนคลับ แต่เขาตกหลุมรักเลยต่างหาก
จุดเริ่มต้นก็คือเมื่อสามเดือนที่แล้ว วันที่ได้เห็นกล้ามอย่างที่ดารินพูด วันนั้นเป็นวันที่เขาต้องมาปรับปรุงระบบเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนที่เขากำลังยืนซดกาแฟแก้ง่วงอยู่หน้าบริษัท เขาก็เห็นคนชื่อคณิน พนักงานแผนกการเงินของบริษัท B เดินตรงมาที่หน้าตึกพอดี ได้ข่าวว่าเป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือน ขนาดว่าเขาอยู่บริษัท A ยังได้ยินกิตติศัพท์ว่าสูงเท่หล่อเหลาจนหัวหน้าแผนกยังเคลิ้ม ใครๆ ก็พูดถึงจนเขารู้จักชื่อคณินตั้งแต่ยังไม่เคยเจอตัว เขาเพิ่งจะได้เห็นรูปร่างหน้าตาก็วันนี้เอง มองไกลๆ ก็ยังรู้สึกได้ว่างานพรีเมียม
และเขาก็คงจะได้แค่มองหน้ายิ้มทักทายกันไปมาแบบเผินๆ ตามประสาคนทำงานตึกเดียวกันเท่านั้น ถ้าไม่บังเอิญมีรถยนต์เข้ามาจอดส่งพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ทำงานในตึกนี้เช่นกัน เมื่อเธอปิดประตูรถ รถยนต์ก็ขับออกไปทันทีโดยที่เธอเองก็ไม่ทันระวังตัวว่าชายกระโปรงโดนประตูรถหนีบไว้ เมื่อรถออกตัวจึงดึงกระโปรงผ้าชีฟองของเธอขาดจนเห็นชั้นใน
เสียงกรีดร้องดังขึ้นจนทำให้จิรกรหันมอง เห็นหญิงสาวยืนงอตัวเอามือกุมปิดต้นขาที่กระโปรงขาดแหว่งไปแล้ว จิรกรทิ้งแก้วกาแฟลงถังขยะใกล้ๆ จะวิ่งเข้าไปช่วย แต่ก็ยังช้ากว่าชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ใกล้กว่า คณินหันหลังไปมองแล้ววิ่งไปหาเธอพลางถอดเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้มเข้าไปโอบรอบเอวปกปิดร่างกายส่วนล่างเธอไว้
‘ใจเย็นๆ ครับ ไม่ต้องตกใจ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ’
ตอนที่คณินพาผู้หญิงคนนั้นเดินเร็วๆ เข้าบริษัท จิรกรได้ยินเสียงของคณินปลอบโยนเธอไปตลอดทาง เขายืนอึ้งกับภาพที่เห็น รู้สึกวูบวาบขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
‘แกกรี๊ดกล้ามเขาล่ะสิ’
นั่นคือสิ่งที่ดารินวิเคราะห์ออกมา ตอนที่เขาเอาไปเล่าให้เธอฟังว่าเห็นคณินถอดเสื้อสูทออกมาช่วยหญิงสาวที่เขาจำได้ว่าอยู่บริษัท C แค่เขาพูดว่าเห็นคณินใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ดารินก็คิดไปแล้วว่าคงต้องเห็นกล้ามแน่นๆ บนท่อนแขนแน่ๆ เพราะตอนที่สวมเสื้อสูทเธอก็ยังสังเกตเห็นเลยว่าคณินต้องมีกล้ามเนื้อที่ดีที่ฟิตมาเป็นลอนอยู่ใต้เสื้อผ้า แล้วก็เหมาว่าคนผอมแห้งแรงน้อยอย่างเขาก็คงชอบเหมือนกัน ทั้งที่จริงเขาไม่ได้สนใจกล้ามของคณินเลยสักนิด เขาประทับใจจิตใจดีงามที่คณินมีต่อผู้อื่นต่างหาก
แม้เหตุการณ์เช้าวันนั้นจะมีคนเห็นไม่มาก แต่พลังของการบอกเล่านั้นยิ่งใหญ่เสียจนรู้กันหมดทั้งตึก เพราะเป็นเรื่องที่ดีน่าชื่นชม อีกทั้งคณินก็คือหนุ่มฮอตประจำอาคารบริษัทสูงสิบชั้นแห่งนี้ เขาจึงกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็พากันยกตำแหน่งหนุ่มออฟฟิศในฝันให้ ผู้หญิงจากทั้งห้าบริษัทที่เช่าอาคารนี้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์กดติดตามไอจีเขากันทั้งนั้น ไอจีของเขามีคนติดตามเพิ่มขึ้นมาเป็นห้าพันคน ได้ยินดารินเล่าว่ามีคนแชร์ภาพและเรื่องราวของคณินออกไป แจกวาร์ปกันในหมู่หนุ่มสาวออฟฟิศและบนเพจแนะนำหนุ่มสาวเพจต่างๆ แม้แต่จิรกรก็เป็นหนึ่งที่กดติดตามไอจีของเขา กดหัวใจให้เขาทุกรูป แต่คณินไม่ได้กดติดตามไอจีของใครเลยสักคน ตรงช่องกำลังติดตามเป็น 0 มาโดยตลอด แม้แต่จะกดถูกใจรูปสักรูปก็ยังไม่เคยเห็น
‘วิถีเซเลป ทำตัวชิคๆ แบบนี้ไม่กดติดตามใครหรอก ทุกคนติดตามผมนะครับ แต่ผมไม่ติดตามใคร ผมไม่สนใจใครครับ’ ดารินพูดเสียงเข้มทำท่าทางหยิ่งผยอง มโนเอาว่าคณินคงคิดอย่างนี้ ทำให้จิรกรหัวเราะขำ
‘มันก็เรื่องธรรมดาของคนหน้าตาดีหรือเปล่าวะ’
‘เฮ้ยไม่ ฉันสวย ฉันยังฟอลทุกคนที่ฟอลฉันเลย’
จิรกรถึงกับส่ายหน้าความมั่นอกมั่นใจเกินร้อยของดาริน เอาเถอะ...คนหน้าตาธรรมดาอย่างเขาคงเข้าไม่ถึง
‘เขาก็น่าจะเป็นเซเลปได้จริงๆ นั่นแหละ ไลฟ์สไตล์ของเขาเวลาลงรูปในอินสตาแกรมก็ทั้งชิค ทั้งเท่ ถ่ายรูปก็สวย ทำงานบริษัทใส่สูทผูกไทด์ วันหยุดเดินสวนสาธารณะเข้าร้านกาแฟ’
เข้าร้านกาแฟ คือสิ่งที่จิรกรสังเกตเห็นจากบนไอจีว่าคณินมีร้านกาแฟร้านโปรดที่เช็กอินเสมอคือร้าน Coffee Place และจะเจอตัวได้ที่นั่นทุกวันอาทิตย์ จิรกรจึงไปที่ร้านนั้นบ่อยๆ เพื่อแอบมองเขาจากมุมหนึ่งในร้านโดยไม่เคยกล้าเข้าไปทักทาย
แต่กาแฟที่นั่นอร่อยขึ้นเสมอแม้จะได้เห็นแค่แผ่นหลังของคณิน...
“ไม่อยากจะเชื่อว่าจากการเมากล้ามเขาในวันนั้น จะทำให้แกกลายเป็นสตอล์คเกอร์ในวันนี้”
ดารินชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ของจิรกรอีกครั้ง จนจิรกรต้องเอาโทรศัพท์เคาะหน้าผากเธอไปหนึ่งที โทษฐานที่ใช้ความสนิทสนมมาสอดแนมจนน่ารำคาญ
“ชอบเขาทำไมไม่บอกเขาไปล่ะ”
“อย่าพูดเหมือนมันง่าย ถ้าแกไม่ใช่ผู้ชายเหมือนฉัน”
จิรกรพูดถึงข้อแม้ ที่ไม่ใช่แค่ชอบ แค่กล้า แล้วจะทำอะไรอย่างที่คิดได้ นั่นจึงทำให้ดารินคิดขึ้นได้
“นั่นสิเนอะ”
“ฉันถึงอยู่เงียบๆ ของฉันอย่างนี้ก็ดีแล้วไง”
“แต่นี่มันก็ยุคสมัยนี้แล้วนะ”
“มันก็ยังไม่ง่ายอยู่ดี ยิ่งหน้าอย่างฉันด้วย”
“แกอย่าพูดเหมือนตัวเองขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดนั้นสิวะ แกก็เป็นคนดีนี่ แกน่ะมีน้ำใจนิสัยน่ารักกับทุกคน ถามป้าแม่บ้านแถวนี้ก็ได้ จิรกรคนดีที่หนึ่งเลย” ดารินพูดข้อดีของเพื่อนรักขึ้นมา ถึงจะเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาๆ ไม่ได้หน้าตาดีโด่งดังหรือโดดเด่น แต่เพราะเธอรู้สึกได้ถึงบรรยากาศความเป็นคนจิตใจดีของจิรกร เธอถึงคบกับกับเขาได้นานขนาดนี้
“ต่อให้เป็นคนดีแค่ไหน ถ้าฉันไม่ใช่สำหรับเขา ยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่ดี”
“ก็ได้แต่แอบมอง ยังไม่ได้ลองเลย แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยแกก็ตามไอจีเขาคนแรก ถึงการเห็นก่อนจะไม่ได้หมายความว่ามีสิทธิ์ก่อน แต่แค่นี้ก็ถือว่าชนะผู้หญิงทุกคนแล้ว” ดารินพูดจบก็ได้เวลาเข้างานภาคบ่ายพอดี เธอลุกกลับไปนั่งอีกฝั่งของผนังห้องเพื่อทำงานต่อ แต่แล้วจิรกรก็ตะโกนถามกลับไป
“มันชนะตรงไหนวะ ก็แค่ตามไอจี”
“ไม่รู้ ก็รู้สึกชนะอะ” ดารินตะโกนกลับมา หลังจากนั้นพนักงานคนอื่นก็ทยอยกันกลับเข้ามานั่งทำงาน จิรกรเองก็ต้องตั้งใจทำงานเช่นกัน ก่อนจะเริ่มงานเขากระหวัดคิดไปถึงคำพูดของดาริน ถึงเขาจะพูดเหมือนว่ามันไม่สำคัญ แต่ที่จริงเขาก็รู้สึกว่ามันสำคัญนิดๆ เหมือนกัน เพราะเขานี่แหละคือคนที่กดติดตามอินสตาแกรมของคณินเป็นคนแรกอย่างที่เธอพูดจริงๆ แม้จะเป็นคนแรกอย่างไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
เพียงแค่คิด เสียงของคณินที่เรียกเขาว่า คุณครับ คุณครับ ในวันนั้นก็ดังก้องในหูอีกครั้ง เขาจำได้แม้กระทั่งเสียงรองเท้าหนังกระทบลงพื้นยามที่คณินวิ่งตามหลังเขามา แม้มันจะผ่านมาตั้งสองเดือนแล้ว
‘กระเป๋าเปิดอยู่ครับ’
นั่นคือสิ่งที่คณินบอกเมื่อวิ่งตามมาทัน จิรกรรีบปลดเป้จากหลังมาดู ซิปเปิดอ้าซ่าอยู่จริงๆ ด้วย เขารีบรูดซิปปิด แต่ก็ทะเล่อทะล่าทำสมุดร่วงออกมาจนคณินต้องเก็บให้
‘ขอบคุณนะครับ’
อายจนไม่กล้ามองหน้าเขาได้แต่ขอบคุณไป แต่เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบก็แอบมองนิดหนึ่ง เห็นคณินกำลังมองบัตรพนักงานที่ห้อยคอเขาอยู่
‘ทำงานฝ่ายไอทีที่บริษัท A เหรอครับ งั้นดีเลย ผมกำลังมีปัญหากับโทรศัพท์อยู่พอดี ผมขอปรึกษาได้ไหมครับ’
จิรกรพยักหน้าแล้วก็จะส่ายหน้า แต่นึกได้ว่าเขาทำงานฝ่ายไอทีจริงๆ นี่แต่คนละบริษัท ก็ไม่เห็นเป็นไรก็ปรึกษาได้ แต่การที่อีกฝ่ายตัวสูงกว่าเลยต้องก้มหน้าลงมาใกล้ๆ ทำเขาเลิ่กลั่กพูดไม่ออก ผิวพรรณก็ดี เครื่องหน้าคมเข้มจนละสายตาไม่ได้ แล้วจะให้ทำยังไงดี จะให้ตอบว่าอะไร
‘ไม่ได้เหรอครับ’
คณินถามแถมคิ้วตกหน้าหงอยกลับมา อย่างนี้ไม่ได้ก็ต้องได้แล้ว
‘เอ่อ...ถามเรื่องอะไรล่ะครับ ถ้าเรื่องโทรศัพท์ผมอาจจะไม่ได้เชี่ยวชาญมาก’
‘เรื่องไอจีครับ’ คณินรีบตอบพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าหลังกางเกง “ดูเหมือนผมจะเจอปัญหาไอจีโดนแฮ็ก เพราะเมื่อกี้มีรูปอัปขึ้นไป แถมยังมีคอมเมนต์คำลามกด้วย ทั้งที่ผมนั่งทำงานทั้งวัน ยังไม่ได้จับโทรศัพท์เลย อย่างนี้ผมโดนเข้าแล้วใช่ไหม’
‘โดนแฮ็กเหรอครับ’ จิรกรกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู แต่ก็นึกได้ว่าถ้าทำอย่างนั้นคณินก็รู้น่ะสิว่าเขากดติดตามอยู่
‘ใช่ครับ นี่ไง’ คณินตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดู จิรกรดูแล้วก็เห็นว่าจริง มีรูปอื่นซึ่งไม่ใช่รูปสไตล์ที่คณินชอบลงปรากฏเป็นรูปแรกของหน้าไอจี ‘บริษัทผมไม่มีฝ่ายไอที ผมเลยเสิร์ซหาเอาในเน็ต ผมพยายามทำอย่างที่แนะนำกันแล้ว ขอพาสเวิร์ดใหม่แล้ว ส่งอีเมลไปแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่าเขาจะส่งพาสเวิร์ดใหม่มาให้ทางอีเมล ผมปิดอีเมลที่สมัครไปแล้วด้วย ผมทำยังไงได้บ้างครับเนี่ย’
เท่าที่จิรกรรู้คือมีวิธีขอรหัสผ่านเพิ่มเติมหากเข้าบัญชีอินสตาแกรมจากแอปพลิเคชันอื่น แต่ในเมื่อคณินสมัครผ่านอีเมล เขาไม่เห็นหนทางอื่นที่จะได้แอคเคาน์คืนมาเลย
‘คงต้องตัดใจสมัครใหม่แล้วละครับ เพราะคุณปิดช่องทางยืนยันตัวตนของตัวเองไปแล้ว ซึ่งมันเป็นช่องทางที่ระบบจะช่วยคุณได้’ จิรกรสรุปสั้นๆ โดยไม่อธิบายให้ยืดเยื้อกว่านี้ เพราะคณินก็พยายามกู้คืนมาในระดับหนึ่งแล้ว คงพยายามหาทางอีกครั้งจากฝ่ายไอทีอย่างเขา
‘ผมพลาดตรงไหนกันนะ ไม่เห็นรู้ตัวเลย แล้วจะเอาแอคเคาน์ของผมไปทำไม’ คณินบ่นพึมพำกับตัวเองแต่นิ้วก็จิ้มหน้าจอไปด้วย จิรกรอยากจะบอกว่าแม้บัญชีที่มักจะโดนแฮ็กคือบัญชีของคนดังก็จริง แต่คนธรรมดาก็ใช่ว่าจะไม่มีสิทธิ์โดน แล้วคณินก็เป็นคนที่มีผู้ติดตามหลักพันคน ถ้าแค่ห้าคนอย่างเขาสิน่าแปลก แต่พูดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
จิรกรไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ ควรปลีกตัวไปตอนนี้เลยไหม เพียงแค่คิดก็ก้าวถอยหลังจะปลีกตัวกลับ แต่แล้วคณินก็เงยหน้ามองเขา
‘ผมเสียดายชื่อแอคเคาน์เดิมมากเลยครับ ตอนนี้จะสมัครใหม่ก็ใช้ชื่อเดิมไม่ได้ มีวิธีไหนที่จะใช้ชื่อเดิมหรือคล้ายๆ เดิมโดยไม่ต้องใส่ตัวเลขตามหลังชื่อไหมครับ แนะนำผมหน่อย’
โดนขอร้องมาอีกครั้ง จิรกรก็แทบจะโผเข้าไปช่วยอย่างไม่มีลังเล เมื่อคณินหันหน้าจอให้เขาดูอีกครั้งว่าระบบใส่ตัวเลขมาให้จริงๆ จิรกรก็นิ่งคิด
‘งั้น...ลองใส่ตัวอักษรซ้ำสักตัวไหมครับ’
เมื่อคณินลองใส่เข้าไป ก็นิ่วหน้า
‘ไม่ค่อยชอบเลยครับ’
‘งั้นก็ใส่พวกสัญลักษณ์ ขีดกลาง ขีดล่าง ใส่ตัวอักษรตามหลัง’
คณินลองอีกที เขาใส่ _ ลงไป จาก kanin เป็น kanin_n รอยยิ้มพึงพอใจอันแสนน่ามองก็ปรากฎขึ้นมาจนจิรกรมองตาไม่กะพริบ คนอะไรจะดูดีได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงมีผู้ติดตามหลักพันคนได้ทั้งที่ไม่ใช่ดาราหรือเน็ตไอดอล
‘ข้างหลังเหมือนหน้ากำลังยิ้มเลยครับ ผมชอบ’
จังหวะที่คณินเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า ผมชอบ ราวกับคลื่นความสุขกำลังซัดเข้าใส่จิรกร ความรู้สึกที่ฟินจนวูบ ฟินจนอยากจะล้มมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
จิรกรต้องข่มความรู้สึกไว้ไม่ให้แสดงออกมา หาเรื่องคุยไปก่อนไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงผิดสังเกตแน่ที่เขาเอาแต่จ้องหน้า
‘ไม่เสียดายรูปหรือยอดผู้ติดตามเหรอครับ’
‘ไม่ครับ รูปก็อยู่ในเครื่องผมทั้งหมด ยอดคนติดตามไม่ได้สำคัญอะไร แต่ที่ผมเสียดายคือความรู้สึกตอนอัปรูปนั้นมากกว่า ก็ความรู้สึกแบบนั้นมันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวนี่ครับ’
จิรกรรู้สึกอุ่นวาบในอกขึ้นมา คนส่วนมากเสียดายแอคเคาน์เพราะเสียดายยอดผู้ติดตาม แต่คนคนนี้เสียดายความรู้สึกตอนที่อัปรูปนั้นๆ ที่เมื่อย้อนกลับไปดูก็จะรำลึกถึงช่วงเวลานั้นได้ เป็นคำตอบที่น่าประทับใจและทำให้รู้สึกว่าเขาชอบคนไม่ผิดเลย
คณินก้มมองที่ป้ายชื่อตรงหน้าอีกทีก่อนจะบอก
‘ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณครับคุณจิรกร’
แค่ได้ยินคณินพูดชื่อ ตัวก็เบาล่องลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ตอนที่คณินขอตัวกลับเขายังยืนนิ่งอยู่กับที่ตั้งนาน เมื่อตั้งสติได้ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ค้นหาไอจีของคณินที่เขาจำได้ติดตา
แล้วจิรกรก็นำไอจี JRaaa ของเขากดติดตาม kanin_n เป็นคนแรก ตัวเลข 0 ในส่วนของผู้ติดตามเปลี่ยนเป็น 1 แต่หลังจากนั้นแค่ไม่กี่นาที ตัวเลขก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คงมีการส่งข่าวบอกต่อไปเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่เขาคิดในตอนนั้นไม่ใช่เรื่องกดติดตามคนแรกเลยสักนิด เขาคิดไปถึงตอนที่คณินมองป้ายชื่อของเขาแล้วเรียกชื่อเขา
...คุณจิรกร...
คณินจะจำชื่อเขาได้สักนิดไหมนะ จะมีชื่อจิรกรอยู่ในกล่องความทรงจำบ้างไหม…
หลังจากผ่านมาแปดสัปดาห์ จิรกรก็ไม่เคยได้เจอคณินจังๆ เลยสักครั้ง เขามักจะเป็นฝ่ายมองเห็นคณินจากชั้นบนห้องทำงานเสมอ มีครั้งหนึ่งที่เฉียดใกล้ที่สุดคือตอนเขาอยู่ในลิฟต์ คณินเดินมาถึงหน้าประตูแต่เข้าลิฟต์ไม่ทัน ได้เห็นหน้ากันแวบหนึ่งในชั่ววินาทีที่ประตูลิฟต์จะปิด แต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ จากคณิน แค่นั้นจิรกรก็รู้แล้วว่าคนช่วยคิดชื่อไอจีอย่างเขาไม่ได้ถูกจดจำใดๆ เลย
หลังจากนั้นมันก็เป็นไปอย่างนี้ทุกวัน มองหาเวลามาทำงาน ส่องไอจี กดหัวใจให้ แล้วก็ตามไปเจอที่ร้านกาแฟ ที่นั่งประจำของคณินคือที่โต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ คณินจะมองผ่านกระจกออกไปนอกร้านไม่ค่อยสนใจใคร อยู่ในโลกของตัวเองในมุมนั้น ไม่ต้องพูดคุยหรือเห็นหน้ากันตรงๆ ก็ไม่เป็นไร คนที่แอบรักมักจะหาความสุขให้ตัวเองได้ง่ายๆ เพียงแค่คณินยังไม่ได้คบใคร เขาก็ไม่เจ็บไม่เศร้าไม่ได้ทุกข์อะไร
แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับจิรกรแล้ว
...........
วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป โลกของจิรกรเป็นปกติทุกวันกับกิจวัตรเดิมๆ ทำงาน กดหัวใจ ไปร้านกาแฟทุกวันอาทิตย์ จนกระทั่งวันนี้โลกของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อดารินเดินมาซุบซิบกับเขา
“มีข่าวว่าผู้หญิงที่ชื่อครีมจากบริษัท C โพสต์โซเชียลเพ้อรักใหญ่แล้ว เห็นเขาบอกว่าเริ่มปิ๊งๆ กับหนุ่มหล่อบริษัท B ตั้งแต่วันที่มีอุบัติเหตุหน้าบริษัท ฝ่ายชายมาช่วยเขาไว้ ลือกันใหญ่แล้วว่าเป็นคณิน”
อุบัติเหตุ...หน้าบริษัท... จิรกรนึกออกทันที
“ใช่เหตุการณ์ที่แกไปเห็นวันนั้นหรือเปล่า”
แม้แต่ดารินก็ยังจำได้ ที่จริงท้องฟ้าวันนี้แจ่มใสมาก แต่จิรกรรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม นี่เขาได้เห็นเหตุการณ์ที่นำพาให้สองคนนั้นเริ่มต้นรักกัน กลายเป็นสักขีพยานความรักของคนคู่นั้นหรือนี่
“ก็ดีแล้ว คนรักกันก็น่าดีใจ” จิรกรตอบ แต่เห็นสายตาของดารินที่มองมาก็รู้ตัวแล้วว่าเล่นบทคนดีไม่เก่ง ถึงแม้จะรู้ตัวว่าอยู่ในสถานะแอบชอบ แถมยังได้แต่มองไม่มีหวัง ก็ใช่ว่าจะทำใจได้ง่ายๆ เสียหน่อยเมื่อจะต้องอกหักจริงๆ
ดารินรู้ว่าจิรกรทำใจไม่ได้ หนทางง่ายๆ ในการระบายความเศร้าก็คือไปกินไปเที่ยวให้ลืมๆ ไปซะ ดารินเล็งร้านเหล้าที่เคยไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนสาวต่างบริษัทไว้แล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดคืนนี้จะกินเหล้าให้สลบคาร้านก็ไม่มีใครว่า ดังนั้นหลังเลิกงานเธอจึงชวนจิรกรไปกินข้าวแล้วไปดื่มกันต่อ ทีแรกดารินก็กะไว้ว่าจะแค่นั่งดื่มแก้วสองแก้วพอสวยๆ แล้วเปิดรายการคลับฟรายเดย์ฟังเพื่อนระบายความในใจให้จิตใจปลอดโปร่งและสงบ แต่กว่าจะรู้ตัวก็ซัดกันไปสามขวดเต็มๆ!
จิรกรไม่ใช่คนคอแข็ง หลังจากดื่มเหล้าไป สติสตังทุกสิ่งอย่างก็หลอมรวมไปกับความมึนเมา พูดเพ้อเจ้ออะไรออกมาจิรกรไม่รู้ตัวอีกแล้ว เดือดร้อนดารินที่คอแข็งกว่ามากต้องลากขึ้นแท็กซี่มาส่งถึงบ้าน
ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ เสียงมันมาจากที่ไหนสักแห่งใกล้ตัวเขา จิรกรพยายามจะควานหาแต่ก็ได้แค่คิด ไม่มีแรงแม้แต่จะเอื้อมมือไปหยิบเสียด้วยซ้ำ สิ่งที่รู้สึกต่อมาคือมึนหัว แต่ก็ยังต่อสู้กับตัวเองด้วยการขยับเปลือกตา เมื่อมีแสงแยงตาเข้าก็หลับตาปี๋ ประเมินจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องได้เลยว่านี่มันเช้าแล้ว แถมน่าจะสายโด่งแล้วด้วย
จิรกรยันตัวขึ้นมานั่ง อาการมึนหัวค่อยๆ ดีขึ้นทีละน้อย จนพอจะหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องน่ารำคาญจากมุมหนึ่งของเตียงได้ เมื่อพลิกหน้าจอดูเสียงก็เงียบไปแล้ว เจอแต่ข้อความของดาริน รวมถึงที่โทรมาแต่เขาไม่ได้รับอีก จิรกรโทรกลับไปหา แล้วเสียงแว้ดๆ ของดารินก็ทำให้เขาตื่นเต็มตา
“ไอ้จิ! ทำอะไรลงไปเนี่ย!”